ตอนที่ 16
ทดลองดูใจ
เป็นอย่างที่ผมคิด เมื่อตวันรู้ความจริงทั้งหมดเขาเสียศูนย์ยิ่งกว่าตอนผมบอกเลิกซะอีก
เพราะตอนนั้นเป็นเขาที่ทำผิดเอง ย่อมต้องยอมรับผลที่ตามมา แต่ครั้งนี้เขาเตรียมตัวเริ่มต้นใหม่ กับครอบครัวใหม่ สำหรับชายคนหนึ่งที่ไม่เหลือใคร อีกทั้งยังรักชอบเพศเดียวกัน การมีลูกก็ไม่ต่างกับของขวัญฟ้าประทาน
แต่ทุกอย่างเป็นเพียงการวาดวิมานบนเมฆ
เป็นคำหลอกลวงของชู้รักที่ไม่ได้รักผ่านปากของอดีตคนรักที่รักแสนรัก
ตวันไม่มีน้ำตาสักหยด สายตาตอนมองพาฝันซึ่งได้รับการรักษาบาดแผลฟกช้ำและตรวจพบว่าในท้องเธอไม่มีเด็กนั้นเหมือนคนเจ็บจนชา ไม่ว่าเธอจะขอโทษยังไงก็ไม่ตอบรับ มองเมินเหมือนไม่มีตัวตน และเมื่อเห็นผมเดินมากับศศิน เขาก็ยิ่งเหมือนคนไร้วิญญาณ ไร้ความรู้สึก
ไม่มีคำกล่าวโทษเพราะเขาโทษผมไม่ลงในเมื่อเขาก็ไม่ตรวจสอบเอง
ไม่มีคำแก้ตัวเพราะเขาเป็นคนเริ่มต้นทั้งหมด
ไม่มีคำขอคืนดีเพราะเขาคิดว่าผมกับศศินคบกันแล้ว
ตวันขยับปาก แต่ไม่มีเสียงออกมา คล้ายจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็พูดออกมาไม่ได้ ทุกอย่างอัดแน่นอยู่ในอก เหมือนคนจนทางตันที่หาทางออกไม่ได้ เคว้งคว้างไม่เหลือใคร
สุดท้ายผมทนมองไม่ไหวต้องเขาไปกอดปลอบคนตรงหน้า
ตวันว่างเปล่าจนน่ากลัว เขาเหมือนคนพร้อมจะจากโลกนี้ไปทุกเมื่อ
“ไม่เป็นไรตวัน ฉันยังอยู่ตรงนี้นะ...ฉันยังอยู่ตรงนี้”
“วา...” ตวันกอดผม ในที่สุดเขาก็ร้องไห้ออกมาจนได้ ผมถอนหายใจเฮือก อย่างน้อยมีน้ำตาก็แปลว่ายังมีความรู้สึก ได้ระบายความทุกข์ออกมาย่อมดีกว่าเก็บไว้ในใจ
โดนทิ้งครั้งแรกหนักหนาแสนสาหัสแต่ยังลุกไหว
โดนหลอกครั้งที่สองโลกพังทลาย แม้แรงจะก้าวเดินก็ไม่มี
ตวันมีปมด้อยเรื่องไม่มีพ่อและเป็นลูกคนใช้จึงอ่อนไหวเรื่องครอบครัวมาก เขาอยากมีครอบครัวแสนอบอุ่น อยากเป็นหัวหน้าครอบครัวที่สมบูรณ์พร้อม ให้ความรักกับลูกไม่ให้ขาดเหมือนที่เขาเป็น
นึกรูปที่ตวันช่วยประคองพาฝันอย่างอ่อนโยน ทั้งที่ไม่ได้รักแต่ทำสุดความสามารถเพื่อให้ยังเป็นครอบครัวในฝัน ที่เขาไม่เคยคิดว่าจะได้รับ ตัดใจจากรักแรกและรักเดียวเพื่อสิ่งนี้ ผมก็ลูบหลังเขาอีกหลายที
อกหักไม่ยักกะตาย แต่ครั้งนี้คนบางคนแทบปางตายเลยจริงๆ
ถึงจะเห็นใจผมก็ไม่คิดจะอยู่ร่วมห้องกับแฟนเก่าหรอกนะ แต่จะพาเขากลับบ้านก็ไม่ได้อีกเพราะมีคนพร้อมจะซ้ำเติมอยู่เลยตัดสินใจเช่าห้องอยู่ใกล้ๆ คอนโดฯ แล้ววานป้าแช่มให้ช่วยแวะมาทำกับข้าว เพราะถ้าเป็นฝีมือป้าแช่ม ตวันคงไม่กล้ากินทิ้งกินขว้าง หนักสุดคือไม่กินอะไรเลยอย่างที่กำลังทำอยู่
ผมวุ่นวายกับตวันอยู่พักใหญ่ รอจนเขาเริ่มมีสติโต้ตอบมากขึ้นค่อยพาไปพบจิตแพทย์ เขามีปมในใจหลายอย่างที่ไม่กล้าบอกใคร โดยเฉพาะกับผม เวลาอยู่ด้วยกันคล้ายจะทรมานใจมากกว่ามีความสุข แต่ช่วยไม่ได้จริงๆ เพราะนอกจากผมเขาก็ไม่มีคนอื่นคอยห่วงใยอีกแล้ว
อ้อ ยกเว้นพาฝันน่ะนะ
หลังโดนตวันเมิน พูดยังไงก็ไม่ตอบ พาฝันก็คล้ายจะเสียสติไปอีกคน หนักกว่าการแอบรักคือโดนคนที่รักมองเหมือนไม่เคยมีตัวตนอยู่ แต่เธอไม่ใช่เพื่อนผม เลยไม่ใช่เรื่องต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยว
แค่นี้ก็เหนื่อยจะแย่แล้ว!
จนตอนนี้พาฝันก็ยังไม่รู้ว่าทำไมตวันถึงเสียใจมากขนาดนี้ ปมในใจที่ทำให้เขาฝันอยากมีครอบครัวที่แสนสุขและอยู่กันพร้อมหน้าพ่อแม่ลูกถูกฉีกกระชากจนเป็นแผลเหวอะหวะ หลังพยายามดักเจอและขอโอกาสแก้ตัวแต่ตวันกลับไม่แม้แต่จะสบตา เธอก็เริ่มตัดใจและหายตัวไปเงียบๆ
ขอบคุณความสงบสุข!
ขอบคุณช่วงเวลาแห่งการนอนกลิ้ง!
ตอนกลับมาที่ห้องแล้วได้กลิ้งซ้ายกลิ้งขวา ซบหน้ากับหมอนนุ่มและกอดผ้าห่มซึ่งม้วนเป็นกอดๆ แนบอก ผมสุขียิ่งกว่าอะไร แต่พอเดินออกไปเข้าห้องน้ำ ผ่านห้องนั่งเล่นซึ่งเป็นประตูกระจกเปิดไปทางระเบียง ผมก็หรี่ตาเล็กน้อย หลังจากแยกกับศศินวันนั้น เขาก็ยังมารับผมไปทานข้าวเที่ยงเหมือนเดิม ทำราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้ช่วงบ่ายผมจะแอบแวบมาหาตวันก็ไม่ว่าอะไร
เขาจะว่าอะไรได้ ในเมื่อเราไม่ได้คบกันด้วยซ้ำ
ยังไงก็ตามผมยื่นคำขาดว่าห้าม! ถ้ำ! มอง! ถึงจะเชื่อว่าศศินรับปากแล้วคงไม่ทำ แต่พอมองไปเห็นห้องฝั่งตรงข้ามก็อดสยองขวัญไม่ได้ทุกที
ศศินเหมือนจะดีทุกอย่าง โดยเฉพาะความรักที่มีต่อผมนั้นแน่วแน่ซื่อสัตย์อย่างหาได้ยาก แต่ก็มีอีกหลายๆ อย่างที่ต้องใช้เวลาและปรับตัวอีกนาน โดยเฉพาะไอ้ความยึดติดประหลาดๆ นั่น!
แต่ในเมื่อคิดจะให้โอกาส คนอย่างนาวาก็พร้อมจะลองลุยกันอีกสักตั้ง ต้องคอยแวะเวียนไปหาตวันแล้วยังไง เขาเป็นแค่เพื่อนสมัยเด็ก พวกเราไม่มีวันกลับเป็นเหมือนเดิมแล้ว ส่วนศศิน...คือคนที่อยู่ในช่วงทดลองดูใจ
ถึงเจ้าตัวจะออกไปทางคาดหวังแกมหมดหวังก็เถอะ คงกลัวถ่านไฟเก่าจะคุ!
โธ่ พ่อคุณเอ๊ย คุให้ตายยังไงผมก็ไม่หลงผิดลงเอยกับตวันอีกหรอกน่า ตอนนี้มีแค่ความสงสารในฐานะคนที่เติบโตมาด้วยกันก็เท่านั้น สมัยเด็กตวันถูกล้อเลียนเรื่องครอบครัวเยอะมาก พอกลับบ้านมาก็โดนคนอื่นดูแคลนหาว่าเกาะผมหวังสบาย กว่าจะเป็นคนอบอุ่นอ่อนโยนอย่างนี้ก็ตอนผมยื่นคำขาดขอแยกบ้านนั่นแหละ
แต่จะไม่ให้ศศินสงสัยก็คงไม่ได้ เพราะช่วงแรกๆ ผมแทบจะคลุกกับตวันทุกวัน โผล่หน้าไปดูว่าเขายังอยู่ดีก็โล่งใจแล้ว ความสัมพันธ์ของเราเลยหยุดชะงักชั่วคราว เพราะผมคงไม่มีอารมณ์ไปเริงร่ากับชายอื่นขณะที่เพื่อนกำลังทุกข์ตรมจะเป็นจะตาย เพิ่งมาสานต่อเอาตอนตวันเริ่มอาการดีขึ้น จึงเว้นช่วงไปหาเป็นวันเว้นวันบ้าง สามวันครั้งบ้าง เวลาศศินรับไปทานข้าวก็ไม่ค่อยกังวลลนลาน โทรเช็กกับป้าแช่มห่วงว่าวันนี้ตวันจะยอมกินรึเปล่า
อย่าให้พูดเลยว่าตอนพี่นทีรู้เรื่องโกรธขนาดไหน
เขาหาว่าผมกับตวันก็เหมือนชาวนากับงูเห่า โดนกัดแล้วยังกล้าเลี้ยงต่ออีก!
ผมเลยแย้งกลับว่าถ้าตวันเป็นงูพิษก็คงโดนผมตีตายก่อนจะฉกผมตาย พี่นทีฟังแล้วก็ถอนหายใจ พึมพำว่าน้องชายชักจะไม่น่ารักเหมือนตอนเด็กแล้ว...
แล้วผมก็แนะนำงูพิษตัวใหม่ให้พี่ชายได้รู้จัก
ก็ไม่ได้อยากจะเปิดตัวไวทั้งที่ยังไม่ได้ตกลงคบหากันหรอกนะ แต่พี่นทีดันมาหาผมตอนศศินนั่งเฝ้าอยู่หน้าห้องทำงานรอไปกินข้าวด้วยกันนี่สิ
“สวัสดีครับคุณพี่ชาย ผมศศินครับ” ศศินแนะนำตัว ยกมือไหว้อย่างรู้มารยาท พี่ชายผมตอนแรกคิดว่าเป็นลูกค้าเลยรับไหว้พร้อมยิ้มดอกไม้บาน ดีใจที่ผมทำบริษัทให้ก้าวหน้าด้วยดี “ผมกำลังจีบนาวาครับ”
“อ้อ” พี่นทีขานรับในลำคอ ดอกไม้ยังบานอยู่รอบตัว เพราะรู้ว่าช่วงนี้ผมฮอต มีคนจีบเยอะมาก
ผมซึ่งออกมาเห็นฉากในตำนานเข้าพอดีเลยจับเวลาว่าพี่ชายจะรู้ตัวตอนไหน
ผ่านไปห้านาที พี่นทีที่คล้ายจะนั่งขุดประวัติคนชื่อศศินทุกคนที่เคยรู้จักทั้งหมดเสร็จก็จ้องอีกฝ่ายเขม็ง
“ศศิน...เจ้าพ่อเงินกู้น่ะเหรอ!”
“ครับ” ศศินเอ่ยมาดเคร่งขรึม แม้คำพูดจะติดยียวนบ้าง แต่สีหน้าแววตาไม่มีล้อเล่นเหมือนที่แสดงออกกับผมสักนิดเดียว แต่พอหันมาเท่านั้นแหละ “ที่รักจ๋า ไปกินอะไรกันดีจ๊ะ”
ช่วยเก็บสายตาเยิ้มๆ กับมุมปากที่ยกขึ้นนั่นไปจะได้มั้ย!
“ทะ...ที่รัก!?”
พี่ชายผมจับหัวใจ คล้ายกลัวว่าจะหล่นหายไปที่ตาตุ่ม
“เขาเป็นคนที่วาคุยด้วยมากที่สุดในตอนนี้น่ะ” ผมโคลงศีรษะให้ศศินที่ยิ้มหน้าระรื่น ปรากฏได้เห็นคนหน้ายิ้มมาดหลุดอีกครั้งอย่างหาได้ยาก นับเป็นบุญตาจริงๆ ทั้งศศินกับพี่นทีพากันเหวอทั้งคู่ ก่อนจะรีบปรับสีหน้า คนหนึ่งยิ้มดอกไม้บานชวนเย็นใจ อีกคนยิ้มเจ้าเล่ห์แกมหยอกชวนสยิวอยู่ลึกๆ
สรุปมื้อเที่ยงครั้งนี้ต่างไม่มีใครยอมถอย ผมเลยต้องหิ้วกระเตงทั้งคู่ไปภัตตาคารขึ้นชื่อแทน เพราะพี่นทีชอบกินอาหารจีน ไม่เจอพี่ชายซะนาน เอาใจหน่อยก็แล้วกัน
“วาไปเก็บคนพูดจาน่าขนลุกมาจากไหน”
แม้ศศินจะตามจีบผมอยู่นานมาก แต่เขาก็จีบอยู่เงียบๆ ในแบบฉบับรังควานผมทางโทรศัพท์และแอบดักเจอแบบลับๆ ฉะนั้นถึงผมจะชินแล้ว แต่พี่นทีไม่ชินกับไอ้คำเรียกที่รักจ๋าที่รักจ๊ะสักนิด
“ก็จากแถวๆ นี้ล่ะมั้งครับ” ผมตอบไม่มั่นใจเท่าไหร่ ครั้งนี้ติดรถนั่งคู่กับพี่ชาย ส่วนคนของศศินขับตามอยู่ด้านหลัง เตรียมไปเจอกันที่ภัตตาคาร
“แล้วตวันล่ะ”
“พี่ที วาเลิกกับตวันแล้วนะ เลิกไปเป็นเดือนๆ แล้วด้วย”
“ก็เห็นวายังตัดใจไม่ขาด”
“ไม่ขาดอะไรล่ะ ที่ทำอยู่เนี่ยเรียกว่ามิตรภาพล้วนๆ” ผมแย้ง ไม่เข้าใจว่าทำไมทั้งพี่นทีและศศินถึงคิดว่าตวันยังมีโอกาส ทั้งที่พวกเราทั้งคู่น่ะรู้ดีแก่ใจว่าไม่มีวันนั้น
“ครับ?”
“วาหมายถึง...ครับ...วากับตวันตอนนี้เป็นเพียงเพื่อนกันครับ” ผมเอ่ยเสียงอ่อย แก้มซับสีจางน้อยๆ กับรอยยิ้มหวานหยดของพี่ชายที่พออกพอใจทุกครั้งเวลาทำน้องชายเขินได้
“พี่เชื่อวา”
ผมมองหน้าพี่นที ก่อนจะส่ายหัว คนคนนี้หัวช้ายิ่งกว่าอะไร ปากบอกเชื่อ แต่คงกลับไปนั่งคิดอีกร้อยแปดพันเก้าว่าเชื่อยาก พี่นทีน่ะเห็นยิ้มเล็กยิ้มน้อยดอกไม้บาน แต่ยึดความคิดตัวเองเป็นใหญ่สุดๆ ตามประสาพี่ชายคนโตและผู้บริหารสูงสุดของตระกูลดาราลัย
พลันผมสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆ พี่ชายก็วางมือลูบหัวแปะๆ ด้วยรอยยิ้มเอ็นดูราวรู้ทันความคิดว่าโดนนินทา
“น้องชายที่น่ารักของพี่...”
“ขนลุกน่าพี่ที” ผมอุบอิบ แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนดึงมืออีกฝ่ายออก
“วารู้จักศศินดีหรือยัง”
จู่ๆ พี่ชายก็เปลี่ยนเรื่อง เล่นเอาผมที่กำลังซึบซาบสัมผัสอบอุ่นอ่อนโยนถึงกับกะพริบตาปริบๆ
“ก็...ดีในระดับหนึ่งมั้งครับ”
“ศศินน่ะเป็นเจ้าพ่อเงินกู้ วารู้ใช่มั้ยว่าหมายความว่ายังไง”
ผมพยักหน้าน้อยๆ เจ้าพ่อเงินกู้ที่ไม่ใช่นายธนาคารก็คือการกู้นอกระบบที่มีเงินหมุนเวียนมหาศาลและค้ากำไรเกินควรจากการเก็บดอกเบี้ยที่มากกว่าปกติหลายเท่า แน่นอนว่าเงินพวกนี้ไม่ผ่านการยื่นภาษี เก็บเข้ากระเป๋าแล้วซื้อเป็นสินทรัพย์ล้วนๆ
ฉากหน้าศศินเปิดร้านไนต์คลับกลางกรุง กระจายสาขาออกต่างจังหวัดตามเมืองใหญ่ แต่อาชีพจริงๆ คือการปล่อยกู้เงินซึ่งสร้างกำไรเยอะกว่าหลายเท่าตัว แต่กลุ่มเป้าหมายที่ต้องบากหน้ามาขอกู้เงินกับเจ้าพ่อขาใหญ่โดยไม่ผ่านธนาคารคือจำพวกไหนกันล่ะ ย่อมเป็นคนที่ไม่มีแผนอนาคตที่มั่นคง ฐานะย่ำแย่ หรือเกิดเหตุฉุกเฉินที่จำต้องใช้เงินด่วน ซึ่งล้วนแล้วแต่ถูกทวงหนี้เช้าเย็น เพราะยากจะจ่ายเงินทั้งต้นทั้งดอกครบในระยะเวลาจำกัด
ขยายความอีกนิด การทวงหนี้ย่อมมีทั้งไม้แข็งและไม้อ่อน ซึ่งเชื่อสิว่าสำหรับศศินที่มีบอดี้การ์ดประกบตลอดเวลา แม้การเงินจะราบรื่นรับทรัพย์อื้อซ่า แต่การงานก็ไม่ได้ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์
“พี่ไม่อยากให้วาคบกับคนคนนี้”
“ทำไมครับ”
“วาไม่รู้เหรอว่าตัวเองนิสัยยังไง” พี่นทีหันมาพูดอย่างจริงจัง ดอกไม้รอบตัวแม้จะดูนุ่มนวลแต่ก็แฝงความรู้สึกกดดันอยู่ไม่น้อย “เวลาวามีความรักก็ทุ่มเทให้ทุกอย่าง วาพร้อมจะเข้าไปแก้ปัญหา ช่วยเหลือโดยไม่สนใจว่าตัวเองจะเดือดร้อนหรือถูกเอาเปรียบขนาดไหน ตอนคบกับตวันก็เป็นอย่างนี้ จนตอนนี้แม้เลิกไปแล้วก็ยังทำเหมือนเดิม ถ้าเกิดวาคบกับศศิน เอาตัววุ่นวายกับปัญหาของเขา พี่ไม่มั่นใจว่าวาจะปลอดภัย”
“ศศินกับตวันไม่เหมือนกัน”
“ไม่เหมือนกันยังไง”
“วาปกป้องตวัน” ผมเม้มปาก “ศศินปกป้องวา”
ตั้งแต่เด็กตวันไม่ค่อยกล้ามีปากเสียง ผมจึงไม่ต่างกับช้างเท้าหน้า คอยจับจูงช่วยเหลือตวัน จนโตขึ้น มอบหุ้นให้เขาครึ่งหนึ่ง จึงเป็นการพิสูจน์ฝีมือของตวันจริงๆ แต่ถึงจะเป็นฝ่ายออกหน้า ตวันก็ดูแลผมดีมากตลอด คอยอยู่กับผมในวันเราสองคนต่างเสียใจที่สุด...การก้าวผ่านค่ำคืนแสนสาหัสนั้นด้วยกัน คือจุดเริ่มต้นของความรัก
ส่วนศศิน เขามาแฉตวัน แต่ทั้งหมดนั้นก็เพื่อไม่ให้ผมโดนสวมเขา ถึงจะจีบอย่างเปิดเผย แต่ก็ไม่เคยทำอะไรลับหลัง แม้จะน่ากลัวไปบ้าง ลึกลับปกปิดตัวเอง แต่ความจริงใจนั้นเต็มร้อย จุดเปลี่ยนที่ทำให้ผมเริ่มอยากลองพัฒนาความสัมพันธ์กับเขาคือไม่ว่าจะช่วงเวลาไหน ผมกำลังเสียใจ หรือเขากำลังเสียใจ ศศินก็ยิ้มให้และอยู่เคียงข้างตลอดเวลา
สำหรับคนรักกัน สิ่งที่ต้องการมากที่สุดไม่ใช่ทรัพย์สินเงินทอง โดยเฉพาะกับคนที่มีพร้อมทุกอย่างแบบผมที่ต้องการแค่ใครสักคนอยู่ด้วยกัน...ในช่วงเวลาที่โหยหาหรือต้องการ
ศศินอยู่ตรงนั้นเสมอ
ให้ถูกคือไม่ว่าผมจะต้องการหรือไม่ต้องการ เขาก็อยู่ในตำแหน่งเดิม ที่เดิม ณ จุดเดิม
หัวเราะใส่แล้วเรียกว่าที่รักจ๋า ดวงตาประกายวับวาวบ่งบอกว่ามีความสุขแค่ไหนกับการที่ผมหันมามอง
ตอนคบกับตวัน ผมไม่คิดสนใจใครอื่น แต่มาตอนนี้เมื่อได้รู้จักศศินมากขึ้น ได้เห็นว่าภายใต้รอยยิ้มนั้นก็ใช่ว่าจะมีแค่ด้านเดียว เขามีมุมยิ้มฝืน ยิ้มเพื่อเอาใจ ยิ้มแบบผ่อนคลาย ยิ้มงงๆ และอีกหลายอย่างที่เก็บกลั้นไว้ข้างใน แม้หลายครั้งจะทำเหมือนไม่เป็นไร แต่ผมรู้...ว่าเขาเป็น
อยากจะเห็นให้มากขึ้นอีกนิด
อยากจะรู้จักใจจริงให้มากขึ้นอีกหน่อย
สำหรับความรู้สึกที่เกิดขึ้นก็นับว่าเป็นจุดเริ่มความสัมพันธ์ที่ดีไม่ใช่รึไง
“พี่ไม่เคยห้ามวาสำเร็จ” พี่นทีเอ่ยเสียงเอื่อยแฝงความทดท้อ ถึงอย่างนั้นก็หันมายิ้มดอกไม้บาน ลูบศีรษะผมเชื่องช้า “ถ้าเลือกแล้วก็อย่าเสียใจภายหลังนะน้องชาย”
“วาไม่เคยต้องเสียใจภายหลัง เพราะไม่เคยทำผิดกับใครก่อน” ผมยืนยันเด็ดขาด นึกภาพตวันที่จนตอนนี้ยังแทบตั้งตัวไม่ได้ “แต่คนที่ทำผิดกับวาก่อนต่างหาก...ที่ต้องเสียใจ!”
-------------------
เพราะแบ่งเวลาไปดูแลตวัน เพื่อไม่ให้ศศินน้อยใจ นาวาเลยต้องชัดเจนขึ้นค่ะ!
แนะนำตัวกับพี่ชายเลยว่าคุยกับคนนี้นะ สำหรับศศินถือว่าเป็นความสำเร็จที่ไม่คิดไม่ฝัน!!
ส่วนตวัน...อาจจะสงสัยว่าทำไมอาการหนักขนาดนี้ ด้วยบุคลิกของตวัน...เราตั้งใจเขียนให้เป็นคนที่มีอะไรมักเก็บไว้ในใจค่ะ ตวันมีอะไรมักจะไม่พูด เพราะเคยชินกับสถานะลูกคนใช้ในบ้านเลยไม่กล้ามีปากเสียง โดนบูลลี่โดนรังแกมาเยอะค่ะ และนาวาคือคนคนเดียวที่เห็นค่า ตวันเลยรักนาวามาก แต่จริงๆ แล้วตวันไม่ได้ชอบผู้ชาย เขาชอบนาวา และความฝันสูงสุดของตวันตั้งแต่เด็กสมัยยังเป็นเพื่อนกับนาวาคือการมีครอบครัวพ่อแม่ลูกที่สมบูรณ์เพื่อแก้ปมด้อยในใจตัวเองค่ะ
ความฝันนั้นตวันไม่เคยคิดว่าจะเป็นจริง เพราะเลือกนาวาแล้ว ( เหมือนที่นาวาเลือกสละความฝันเพราะสนับสนุนตวัน) พอเป็นจริงขึ้นมา ตวันเลยตั้งใจทำให้ดีที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้ แม้ไม่ได้รักพาฝันเท่าที่รักนาวา แต่ตวันก็ไม่อยากให้ลูกต้องเกิดมาน้อยเนื้อต่ำใจขาดความอบอุ่นเหมือนตัวเองค่ะ เขาจะไม่มีวันทิ้งเหมือนที่โดนพ่อทิ้ง จะให้ความรักความหวังดีให้มากกว่าแม่ตัวเองที่หวังแต่จะใช้ลูกในการได้รับความเมตตาจากตระกูลของนาวา
แต่พอฝันสลาย...โดนหลอก ตวันก็ไปไม่เป็น เขาโดนคนที่รักมาก(นาวา)บอกให้ทำหน้าที่พ่อจนเชื่อสนิทใจ และโดนคนที่ใจอ่อนด้วย(พาฝัน)มาทำให้มีความหวัง จริงๆ แล้ว ณ จุดนี้ตวันคือคนที่น่าสงสารค่ะ ตวันเป็นคนมีปม และมีอะไรในใจเยอะมาก หลายอย่างที่เจอในฐานะคนรักของนาวาก็หนักใช่ย่อย โดยเฉพาะตอนเข้าไปรับตำแหน่งประธานใหม่ๆ แต่ตวันก็ไม่เคยเอามาพูดกับนาวาค่ะ
แต่คนนอกใจยังไงก็ผิดอยู่ดี สงสารได้ แต่ต้องแยกเรื่องค่ะ นาวาก็แยกแยะระหว่างเรื่องโดนนอกใจ กับเรื่องตวันโดนหลอกเป็นสองกรณีเหมือนกัน
ส่วนสาเหตุที่ทำไมตวันถึงนอกใจนาวา อันนี้มีเฉลยแน่นอนค่ะ
เราตั้งใจเขียนให้ทุกตัวละครมีเหตุมีผลของตัวเอง เรื่องที่พาฝันรักตวันจนยอมเป็นน้อยก็มีที่มาที่ไปค่ะ
#นาวาสไตล์
ตัวอย่างตอนต่อไป ศศินขอแก้ตัว พานาวาไปที่คอนโดอีกครั้งค่า
“นี่เหรอร้านโปรดที่นายภูมิใจนำเสนอ ศศินตามสั่ง?”
เพจ :
มาจะกล่าวบทไปTwitter :
MajaYnaja