ll แผนลับสลัดแฟน(เก่า) ll - ตัวอย่างตอนพิเศษ : หลังจากนั้น[20/08/2562] P.14
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ll แผนลับสลัดแฟน(เก่า) ll - ตัวอย่างตอนพิเศษ : หลังจากนั้น[20/08/2562] P.14  (อ่าน 68049 ครั้ง)

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
แผนสูงจริงๆเลย,,,

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
ก็บอกแล้วโง่ๆแบบตวัน

ไปเป็นเมียพี่นทีดีที่สุด

พีนทีฉลาดและรวยมากเราชอบ

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
คนเคยรัก เคยผูกพันจะเทกันง่ายๆก็ใช่ที่ รอหน่อยนะศศิน

ออฟไลน์ Grey Twilight

  • Moderator
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-17
มีเรื่องนึงที่อยากพูด คือเรื่องความยาวครับ ผมรู้สึกว่าแต่ละตอนค่อนข้างสั้นนะครับ ประมาณ 7 หน้า A4 แบบเว้นบรรทัดเอง อีกทั้งการเดินเรื่องแบบตัดฉากค่อนข้างไวและดำเนินเรื่องเร็ว มันทำให้ขาดการละเลียดเนื้อเรื่องและซึมซับในบทบรรยายนะครับ เพราะว่าการบรรยายเชิงความรู้สึกมีไม่มาก และที่เขียนเชิงบรรยายก็ค่อนข้างห้วนไว เข้าใจว่าเนื่องจากอิงตามความรู้สึกของตัวเอก (นาวา) ซึ่งจะเป็นคนเร็วๆไวๆ แต่ว่าผลลัพธ์ก็คือทำให้ผมรู้สึกเหมือนกำลังดูซีรีย์ซิทคอมที่เป็นตอนๆไป จบไปเป็นตอน เริ่มตอนใหม่ก็เซ็ตฉากใหม่ และแทบจะปมจบในตอนนั้นๆเลย ประกอบกับนิสัยนาวาอีก มันเลยทำให้ผมไม่อินกับปม สัมผัสไม่ได้ถึงความแน่นตัวละคร ไม่ว่าจะปมชีวิตที่มาจากแบ็คกราว์นของตะวัน หรือความทุ่มเทของศศินที่พยายาม เท่าที่เห็น ตอนนี้ยังไม่มีเรื่องของความต่อเนื่องทางอารมณ์ให้รับรู้ผ่านบทบรรยายและการเชื่อมโยงแต่ละตอนนะครับ ซึ่งมันกระทบมิติในแต่ละด้านของตัวละคร พลอยทำให้ภาพของคาแรกเตอร์กลายเป็นไม่แน่นไปด้วย

ว่าแต่ ศศินมีพี่ชายหรือญาติผู้พี่ไหมครับ? ผมคิดว่าคุณนทีที่ทำอะไรเรื่อยๆช้าๆ เป็นคนตื่นตูมนิดหน่อย แต่ก็ใจเย็น อ่อนโยน ยิ้มให้ต้นไม้ใบหญ้า แล้วก็เป็นห่วงแคร์ความรู้สึกคนอื่นอยู่ตลอด ผมว่าคนนิสัยที่โหดๆหน่อย ค่อนข้างห่าม ตรงไปตรงมา น่าจะเป็นคู่ของคุณนทีที่น่ารักดีนะครับ เคมีน่าจะออกมาน่ารักในสายตาคนมองเลยทีเดียว แต่ว่าคนนิสัยแบบนี้เราก็มักจะเจอในแวดวงการทำงานของศศินนี่แหละ ถ้าจะให้สมฐานะกับนที ก็คงต้องเป็นคนที่ทำงานเก่งพอสมควรด้วย เลยคิดว่าถ้าศศินมีพี่ชายหรือญาติผู้พี่ เรื่องก็จะน่าสนใจดีครับ

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
ทั้งคู่รักนาวานะ แต่คนนึงทำผิดแอบมีชู้ อีกคนรักแต่รักมากจนน่ากลัว

ออฟไลน์ มาจะกล่าวบทไป

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +666/-7
    • เพจ 'มาจะกล่าวบทไป'
   ตอนที่ 16

   ทดลองดูใจ

   

   เป็นอย่างที่ผมคิด เมื่อตวันรู้ความจริงทั้งหมดเขาเสียศูนย์ยิ่งกว่าตอนผมบอกเลิกซะอีก

   เพราะตอนนั้นเป็นเขาที่ทำผิดเอง ย่อมต้องยอมรับผลที่ตามมา แต่ครั้งนี้เขาเตรียมตัวเริ่มต้นใหม่ กับครอบครัวใหม่ สำหรับชายคนหนึ่งที่ไม่เหลือใคร อีกทั้งยังรักชอบเพศเดียวกัน การมีลูกก็ไม่ต่างกับของขวัญฟ้าประทาน

   แต่ทุกอย่างเป็นเพียงการวาดวิมานบนเมฆ

   เป็นคำหลอกลวงของชู้รักที่ไม่ได้รักผ่านปากของอดีตคนรักที่รักแสนรัก

   ตวันไม่มีน้ำตาสักหยด สายตาตอนมองพาฝันซึ่งได้รับการรักษาบาดแผลฟกช้ำและตรวจพบว่าในท้องเธอไม่มีเด็กนั้นเหมือนคนเจ็บจนชา ไม่ว่าเธอจะขอโทษยังไงก็ไม่ตอบรับ มองเมินเหมือนไม่มีตัวตน และเมื่อเห็นผมเดินมากับศศิน เขาก็ยิ่งเหมือนคนไร้วิญญาณ ไร้ความรู้สึก

   ไม่มีคำกล่าวโทษเพราะเขาโทษผมไม่ลงในเมื่อเขาก็ไม่ตรวจสอบเอง

   ไม่มีคำแก้ตัวเพราะเขาเป็นคนเริ่มต้นทั้งหมด

   ไม่มีคำขอคืนดีเพราะเขาคิดว่าผมกับศศินคบกันแล้ว

   ตวันขยับปาก แต่ไม่มีเสียงออกมา คล้ายจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็พูดออกมาไม่ได้ ทุกอย่างอัดแน่นอยู่ในอก เหมือนคนจนทางตันที่หาทางออกไม่ได้ เคว้งคว้างไม่เหลือใคร

   สุดท้ายผมทนมองไม่ไหวต้องเขาไปกอดปลอบคนตรงหน้า

   ตวันว่างเปล่าจนน่ากลัว เขาเหมือนคนพร้อมจะจากโลกนี้ไปทุกเมื่อ

   “ไม่เป็นไรตวัน ฉันยังอยู่ตรงนี้นะ...ฉันยังอยู่ตรงนี้”

   “วา...” ตวันกอดผม ในที่สุดเขาก็ร้องไห้ออกมาจนได้ ผมถอนหายใจเฮือก อย่างน้อยมีน้ำตาก็แปลว่ายังมีความรู้สึก ได้ระบายความทุกข์ออกมาย่อมดีกว่าเก็บไว้ในใจ

   โดนทิ้งครั้งแรกหนักหนาแสนสาหัสแต่ยังลุกไหว

   โดนหลอกครั้งที่สองโลกพังทลาย แม้แรงจะก้าวเดินก็ไม่มี

   ตวันมีปมด้อยเรื่องไม่มีพ่อและเป็นลูกคนใช้จึงอ่อนไหวเรื่องครอบครัวมาก เขาอยากมีครอบครัวแสนอบอุ่น อยากเป็นหัวหน้าครอบครัวที่สมบูรณ์พร้อม ให้ความรักกับลูกไม่ให้ขาดเหมือนที่เขาเป็น

   นึกรูปที่ตวันช่วยประคองพาฝันอย่างอ่อนโยน ทั้งที่ไม่ได้รักแต่ทำสุดความสามารถเพื่อให้ยังเป็นครอบครัวในฝัน ที่เขาไม่เคยคิดว่าจะได้รับ ตัดใจจากรักแรกและรักเดียวเพื่อสิ่งนี้ ผมก็ลูบหลังเขาอีกหลายที

   อกหักไม่ยักกะตาย แต่ครั้งนี้คนบางคนแทบปางตายเลยจริงๆ





   

   ถึงจะเห็นใจผมก็ไม่คิดจะอยู่ร่วมห้องกับแฟนเก่าหรอกนะ แต่จะพาเขากลับบ้านก็ไม่ได้อีกเพราะมีคนพร้อมจะซ้ำเติมอยู่เลยตัดสินใจเช่าห้องอยู่ใกล้ๆ คอนโดฯ แล้ววานป้าแช่มให้ช่วยแวะมาทำกับข้าว เพราะถ้าเป็นฝีมือป้าแช่ม ตวันคงไม่กล้ากินทิ้งกินขว้าง หนักสุดคือไม่กินอะไรเลยอย่างที่กำลังทำอยู่

   ผมวุ่นวายกับตวันอยู่พักใหญ่ รอจนเขาเริ่มมีสติโต้ตอบมากขึ้นค่อยพาไปพบจิตแพทย์ เขามีปมในใจหลายอย่างที่ไม่กล้าบอกใคร โดยเฉพาะกับผม เวลาอยู่ด้วยกันคล้ายจะทรมานใจมากกว่ามีความสุข แต่ช่วยไม่ได้จริงๆ เพราะนอกจากผมเขาก็ไม่มีคนอื่นคอยห่วงใยอีกแล้ว

   อ้อ ยกเว้นพาฝันน่ะนะ

   หลังโดนตวันเมิน พูดยังไงก็ไม่ตอบ พาฝันก็คล้ายจะเสียสติไปอีกคน หนักกว่าการแอบรักคือโดนคนที่รักมองเหมือนไม่เคยมีตัวตนอยู่ แต่เธอไม่ใช่เพื่อนผม เลยไม่ใช่เรื่องต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยว

   แค่นี้ก็เหนื่อยจะแย่แล้ว!

   จนตอนนี้พาฝันก็ยังไม่รู้ว่าทำไมตวันถึงเสียใจมากขนาดนี้ ปมในใจที่ทำให้เขาฝันอยากมีครอบครัวที่แสนสุขและอยู่กันพร้อมหน้าพ่อแม่ลูกถูกฉีกกระชากจนเป็นแผลเหวอะหวะ หลังพยายามดักเจอและขอโอกาสแก้ตัวแต่ตวันกลับไม่แม้แต่จะสบตา เธอก็เริ่มตัดใจและหายตัวไปเงียบๆ

   ขอบคุณความสงบสุข!

   ขอบคุณช่วงเวลาแห่งการนอนกลิ้ง!

   ตอนกลับมาที่ห้องแล้วได้กลิ้งซ้ายกลิ้งขวา ซบหน้ากับหมอนนุ่มและกอดผ้าห่มซึ่งม้วนเป็นกอดๆ แนบอก ผมสุขียิ่งกว่าอะไร แต่พอเดินออกไปเข้าห้องน้ำ ผ่านห้องนั่งเล่นซึ่งเป็นประตูกระจกเปิดไปทางระเบียง ผมก็หรี่ตาเล็กน้อย หลังจากแยกกับศศินวันนั้น เขาก็ยังมารับผมไปทานข้าวเที่ยงเหมือนเดิม ทำราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้ช่วงบ่ายผมจะแอบแวบมาหาตวันก็ไม่ว่าอะไร

   เขาจะว่าอะไรได้ ในเมื่อเราไม่ได้คบกันด้วยซ้ำ

   ยังไงก็ตามผมยื่นคำขาดว่าห้าม! ถ้ำ! มอง! ถึงจะเชื่อว่าศศินรับปากแล้วคงไม่ทำ แต่พอมองไปเห็นห้องฝั่งตรงข้ามก็อดสยองขวัญไม่ได้ทุกที

   ศศินเหมือนจะดีทุกอย่าง โดยเฉพาะความรักที่มีต่อผมนั้นแน่วแน่ซื่อสัตย์อย่างหาได้ยาก แต่ก็มีอีกหลายๆ อย่างที่ต้องใช้เวลาและปรับตัวอีกนาน โดยเฉพาะไอ้ความยึดติดประหลาดๆ นั่น!

   แต่ในเมื่อคิดจะให้โอกาส คนอย่างนาวาก็พร้อมจะลองลุยกันอีกสักตั้ง ต้องคอยแวะเวียนไปหาตวันแล้วยังไง เขาเป็นแค่เพื่อนสมัยเด็ก พวกเราไม่มีวันกลับเป็นเหมือนเดิมแล้ว ส่วนศศิน...คือคนที่อยู่ในช่วงทดลองดูใจ

   ถึงเจ้าตัวจะออกไปทางคาดหวังแกมหมดหวังก็เถอะ คงกลัวถ่านไฟเก่าจะคุ!

   โธ่ พ่อคุณเอ๊ย คุให้ตายยังไงผมก็ไม่หลงผิดลงเอยกับตวันอีกหรอกน่า ตอนนี้มีแค่ความสงสารในฐานะคนที่เติบโตมาด้วยกันก็เท่านั้น สมัยเด็กตวันถูกล้อเลียนเรื่องครอบครัวเยอะมาก พอกลับบ้านมาก็โดนคนอื่นดูแคลนหาว่าเกาะผมหวังสบาย กว่าจะเป็นคนอบอุ่นอ่อนโยนอย่างนี้ก็ตอนผมยื่นคำขาดขอแยกบ้านนั่นแหละ

   แต่จะไม่ให้ศศินสงสัยก็คงไม่ได้ เพราะช่วงแรกๆ ผมแทบจะคลุกกับตวันทุกวัน โผล่หน้าไปดูว่าเขายังอยู่ดีก็โล่งใจแล้ว ความสัมพันธ์ของเราเลยหยุดชะงักชั่วคราว เพราะผมคงไม่มีอารมณ์ไปเริงร่ากับชายอื่นขณะที่เพื่อนกำลังทุกข์ตรมจะเป็นจะตาย เพิ่งมาสานต่อเอาตอนตวันเริ่มอาการดีขึ้น จึงเว้นช่วงไปหาเป็นวันเว้นวันบ้าง สามวันครั้งบ้าง เวลาศศินรับไปทานข้าวก็ไม่ค่อยกังวลลนลาน โทรเช็กกับป้าแช่มห่วงว่าวันนี้ตวันจะยอมกินรึเปล่า

   อย่าให้พูดเลยว่าตอนพี่นทีรู้เรื่องโกรธขนาดไหน

   เขาหาว่าผมกับตวันก็เหมือนชาวนากับงูเห่า โดนกัดแล้วยังกล้าเลี้ยงต่ออีก!

   ผมเลยแย้งกลับว่าถ้าตวันเป็นงูพิษก็คงโดนผมตีตายก่อนจะฉกผมตาย พี่นทีฟังแล้วก็ถอนหายใจ พึมพำว่าน้องชายชักจะไม่น่ารักเหมือนตอนเด็กแล้ว...

   แล้วผมก็แนะนำงูพิษตัวใหม่ให้พี่ชายได้รู้จัก

   ก็ไม่ได้อยากจะเปิดตัวไวทั้งที่ยังไม่ได้ตกลงคบหากันหรอกนะ แต่พี่นทีดันมาหาผมตอนศศินนั่งเฝ้าอยู่หน้าห้องทำงานรอไปกินข้าวด้วยกันนี่สิ

   “สวัสดีครับคุณพี่ชาย ผมศศินครับ” ศศินแนะนำตัว ยกมือไหว้อย่างรู้มารยาท พี่ชายผมตอนแรกคิดว่าเป็นลูกค้าเลยรับไหว้พร้อมยิ้มดอกไม้บาน ดีใจที่ผมทำบริษัทให้ก้าวหน้าด้วยดี “ผมกำลังจีบนาวาครับ”

   “อ้อ” พี่นทีขานรับในลำคอ ดอกไม้ยังบานอยู่รอบตัว เพราะรู้ว่าช่วงนี้ผมฮอต มีคนจีบเยอะมาก

   ผมซึ่งออกมาเห็นฉากในตำนานเข้าพอดีเลยจับเวลาว่าพี่ชายจะรู้ตัวตอนไหน

   ผ่านไปห้านาที พี่นทีที่คล้ายจะนั่งขุดประวัติคนชื่อศศินทุกคนที่เคยรู้จักทั้งหมดเสร็จก็จ้องอีกฝ่ายเขม็ง

   “ศศิน...เจ้าพ่อเงินกู้น่ะเหรอ!”

   “ครับ” ศศินเอ่ยมาดเคร่งขรึม แม้คำพูดจะติดยียวนบ้าง แต่สีหน้าแววตาไม่มีล้อเล่นเหมือนที่แสดงออกกับผมสักนิดเดียว แต่พอหันมาเท่านั้นแหละ “ที่รักจ๋า ไปกินอะไรกันดีจ๊ะ”

   ช่วยเก็บสายตาเยิ้มๆ กับมุมปากที่ยกขึ้นนั่นไปจะได้มั้ย!

   “ทะ...ที่รัก!?”

   พี่ชายผมจับหัวใจ คล้ายกลัวว่าจะหล่นหายไปที่ตาตุ่ม

   “เขาเป็นคนที่วาคุยด้วยมากที่สุดในตอนนี้น่ะ” ผมโคลงศีรษะให้ศศินที่ยิ้มหน้าระรื่น ปรากฏได้เห็นคนหน้ายิ้มมาดหลุดอีกครั้งอย่างหาได้ยาก นับเป็นบุญตาจริงๆ ทั้งศศินกับพี่นทีพากันเหวอทั้งคู่ ก่อนจะรีบปรับสีหน้า คนหนึ่งยิ้มดอกไม้บานชวนเย็นใจ อีกคนยิ้มเจ้าเล่ห์แกมหยอกชวนสยิวอยู่ลึกๆ

   สรุปมื้อเที่ยงครั้งนี้ต่างไม่มีใครยอมถอย ผมเลยต้องหิ้วกระเตงทั้งคู่ไปภัตตาคารขึ้นชื่อแทน เพราะพี่นทีชอบกินอาหารจีน ไม่เจอพี่ชายซะนาน เอาใจหน่อยก็แล้วกัน

   “วาไปเก็บคนพูดจาน่าขนลุกมาจากไหน”

   แม้ศศินจะตามจีบผมอยู่นานมาก แต่เขาก็จีบอยู่เงียบๆ ในแบบฉบับรังควานผมทางโทรศัพท์และแอบดักเจอแบบลับๆ ฉะนั้นถึงผมจะชินแล้ว แต่พี่นทีไม่ชินกับไอ้คำเรียกที่รักจ๋าที่รักจ๊ะสักนิด

   “ก็จากแถวๆ นี้ล่ะมั้งครับ” ผมตอบไม่มั่นใจเท่าไหร่ ครั้งนี้ติดรถนั่งคู่กับพี่ชาย ส่วนคนของศศินขับตามอยู่ด้านหลัง เตรียมไปเจอกันที่ภัตตาคาร

   “แล้วตวันล่ะ”

   “พี่ที วาเลิกกับตวันแล้วนะ เลิกไปเป็นเดือนๆ แล้วด้วย”

   “ก็เห็นวายังตัดใจไม่ขาด”

   “ไม่ขาดอะไรล่ะ ที่ทำอยู่เนี่ยเรียกว่ามิตรภาพล้วนๆ” ผมแย้ง ไม่เข้าใจว่าทำไมทั้งพี่นทีและศศินถึงคิดว่าตวันยังมีโอกาส ทั้งที่พวกเราทั้งคู่น่ะรู้ดีแก่ใจว่าไม่มีวันนั้น

   “ครับ?”

   “วาหมายถึง...ครับ...วากับตวันตอนนี้เป็นเพียงเพื่อนกันครับ” ผมเอ่ยเสียงอ่อย แก้มซับสีจางน้อยๆ กับรอยยิ้มหวานหยดของพี่ชายที่พออกพอใจทุกครั้งเวลาทำน้องชายเขินได้

   “พี่เชื่อวา”

   ผมมองหน้าพี่นที ก่อนจะส่ายหัว คนคนนี้หัวช้ายิ่งกว่าอะไร ปากบอกเชื่อ แต่คงกลับไปนั่งคิดอีกร้อยแปดพันเก้าว่าเชื่อยาก พี่นทีน่ะเห็นยิ้มเล็กยิ้มน้อยดอกไม้บาน แต่ยึดความคิดตัวเองเป็นใหญ่สุดๆ ตามประสาพี่ชายคนโตและผู้บริหารสูงสุดของตระกูลดาราลัย

   พลันผมสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆ พี่ชายก็วางมือลูบหัวแปะๆ ด้วยรอยยิ้มเอ็นดูราวรู้ทันความคิดว่าโดนนินทา

   “น้องชายที่น่ารักของพี่...”

   “ขนลุกน่าพี่ที” ผมอุบอิบ แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนดึงมืออีกฝ่ายออก

   “วารู้จักศศินดีหรือยัง”

   จู่ๆ พี่ชายก็เปลี่ยนเรื่อง เล่นเอาผมที่กำลังซึบซาบสัมผัสอบอุ่นอ่อนโยนถึงกับกะพริบตาปริบๆ

   “ก็...ดีในระดับหนึ่งมั้งครับ”

   “ศศินน่ะเป็นเจ้าพ่อเงินกู้ วารู้ใช่มั้ยว่าหมายความว่ายังไง”

   ผมพยักหน้าน้อยๆ เจ้าพ่อเงินกู้ที่ไม่ใช่นายธนาคารก็คือการกู้นอกระบบที่มีเงินหมุนเวียนมหาศาลและค้ากำไรเกินควรจากการเก็บดอกเบี้ยที่มากกว่าปกติหลายเท่า แน่นอนว่าเงินพวกนี้ไม่ผ่านการยื่นภาษี เก็บเข้ากระเป๋าแล้วซื้อเป็นสินทรัพย์ล้วนๆ

   ฉากหน้าศศินเปิดร้านไนต์คลับกลางกรุง กระจายสาขาออกต่างจังหวัดตามเมืองใหญ่ แต่อาชีพจริงๆ คือการปล่อยกู้เงินซึ่งสร้างกำไรเยอะกว่าหลายเท่าตัว แต่กลุ่มเป้าหมายที่ต้องบากหน้ามาขอกู้เงินกับเจ้าพ่อขาใหญ่โดยไม่ผ่านธนาคารคือจำพวกไหนกันล่ะ ย่อมเป็นคนที่ไม่มีแผนอนาคตที่มั่นคง ฐานะย่ำแย่ หรือเกิดเหตุฉุกเฉินที่จำต้องใช้เงินด่วน ซึ่งล้วนแล้วแต่ถูกทวงหนี้เช้าเย็น เพราะยากจะจ่ายเงินทั้งต้นทั้งดอกครบในระยะเวลาจำกัด

   ขยายความอีกนิด การทวงหนี้ย่อมมีทั้งไม้แข็งและไม้อ่อน ซึ่งเชื่อสิว่าสำหรับศศินที่มีบอดี้การ์ดประกบตลอดเวลา แม้การเงินจะราบรื่นรับทรัพย์อื้อซ่า แต่การงานก็ไม่ได้ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์

   “พี่ไม่อยากให้วาคบกับคนคนนี้”

   “ทำไมครับ”

   “วาไม่รู้เหรอว่าตัวเองนิสัยยังไง” พี่นทีหันมาพูดอย่างจริงจัง ดอกไม้รอบตัวแม้จะดูนุ่มนวลแต่ก็แฝงความรู้สึกกดดันอยู่ไม่น้อย “เวลาวามีความรักก็ทุ่มเทให้ทุกอย่าง วาพร้อมจะเข้าไปแก้ปัญหา ช่วยเหลือโดยไม่สนใจว่าตัวเองจะเดือดร้อนหรือถูกเอาเปรียบขนาดไหน ตอนคบกับตวันก็เป็นอย่างนี้ จนตอนนี้แม้เลิกไปแล้วก็ยังทำเหมือนเดิม ถ้าเกิดวาคบกับศศิน เอาตัววุ่นวายกับปัญหาของเขา พี่ไม่มั่นใจว่าวาจะปลอดภัย”

   “ศศินกับตวันไม่เหมือนกัน”

   “ไม่เหมือนกันยังไง”

   “วาปกป้องตวัน” ผมเม้มปาก “ศศินปกป้องวา”

   ตั้งแต่เด็กตวันไม่ค่อยกล้ามีปากเสียง ผมจึงไม่ต่างกับช้างเท้าหน้า คอยจับจูงช่วยเหลือตวัน จนโตขึ้น มอบหุ้นให้เขาครึ่งหนึ่ง จึงเป็นการพิสูจน์ฝีมือของตวันจริงๆ แต่ถึงจะเป็นฝ่ายออกหน้า ตวันก็ดูแลผมดีมากตลอด คอยอยู่กับผมในวันเราสองคนต่างเสียใจที่สุด...การก้าวผ่านค่ำคืนแสนสาหัสนั้นด้วยกัน คือจุดเริ่มต้นของความรัก

   ส่วนศศิน เขามาแฉตวัน แต่ทั้งหมดนั้นก็เพื่อไม่ให้ผมโดนสวมเขา ถึงจะจีบอย่างเปิดเผย แต่ก็ไม่เคยทำอะไรลับหลัง แม้จะน่ากลัวไปบ้าง ลึกลับปกปิดตัวเอง แต่ความจริงใจนั้นเต็มร้อย จุดเปลี่ยนที่ทำให้ผมเริ่มอยากลองพัฒนาความสัมพันธ์กับเขาคือไม่ว่าจะช่วงเวลาไหน ผมกำลังเสียใจ หรือเขากำลังเสียใจ ศศินก็ยิ้มให้และอยู่เคียงข้างตลอดเวลา

   สำหรับคนรักกัน สิ่งที่ต้องการมากที่สุดไม่ใช่ทรัพย์สินเงินทอง โดยเฉพาะกับคนที่มีพร้อมทุกอย่างแบบผมที่ต้องการแค่ใครสักคนอยู่ด้วยกัน...ในช่วงเวลาที่โหยหาหรือต้องการ

   ศศินอยู่ตรงนั้นเสมอ

   ให้ถูกคือไม่ว่าผมจะต้องการหรือไม่ต้องการ เขาก็อยู่ในตำแหน่งเดิม ที่เดิม ณ จุดเดิม

   หัวเราะใส่แล้วเรียกว่าที่รักจ๋า ดวงตาประกายวับวาวบ่งบอกว่ามีความสุขแค่ไหนกับการที่ผมหันมามอง

   ตอนคบกับตวัน ผมไม่คิดสนใจใครอื่น แต่มาตอนนี้เมื่อได้รู้จักศศินมากขึ้น ได้เห็นว่าภายใต้รอยยิ้มนั้นก็ใช่ว่าจะมีแค่ด้านเดียว เขามีมุมยิ้มฝืน ยิ้มเพื่อเอาใจ ยิ้มแบบผ่อนคลาย ยิ้มงงๆ และอีกหลายอย่างที่เก็บกลั้นไว้ข้างใน แม้หลายครั้งจะทำเหมือนไม่เป็นไร แต่ผมรู้...ว่าเขาเป็น

   อยากจะเห็นให้มากขึ้นอีกนิด

   อยากจะรู้จักใจจริงให้มากขึ้นอีกหน่อย

   สำหรับความรู้สึกที่เกิดขึ้นก็นับว่าเป็นจุดเริ่มความสัมพันธ์ที่ดีไม่ใช่รึไง

   “พี่ไม่เคยห้ามวาสำเร็จ” พี่นทีเอ่ยเสียงเอื่อยแฝงความทดท้อ ถึงอย่างนั้นก็หันมายิ้มดอกไม้บาน ลูบศีรษะผมเชื่องช้า “ถ้าเลือกแล้วก็อย่าเสียใจภายหลังนะน้องชาย”

   “วาไม่เคยต้องเสียใจภายหลัง เพราะไม่เคยทำผิดกับใครก่อน” ผมยืนยันเด็ดขาด นึกภาพตวันที่จนตอนนี้ยังแทบตั้งตัวไม่ได้ “แต่คนที่ทำผิดกับวาก่อนต่างหาก...ที่ต้องเสียใจ!”


   -------------------

   เพราะแบ่งเวลาไปดูแลตวัน เพื่อไม่ให้ศศินน้อยใจ นาวาเลยต้องชัดเจนขึ้นค่ะ!
   แนะนำตัวกับพี่ชายเลยว่าคุยกับคนนี้นะ สำหรับศศินถือว่าเป็นความสำเร็จที่ไม่คิดไม่ฝัน!!

   ส่วนตวัน...อาจจะสงสัยว่าทำไมอาการหนักขนาดนี้ ด้วยบุคลิกของตวัน...เราตั้งใจเขียนให้เป็นคนที่มีอะไรมักเก็บไว้ในใจค่ะ ตวันมีอะไรมักจะไม่พูด เพราะเคยชินกับสถานะลูกคนใช้ในบ้านเลยไม่กล้ามีปากเสียง โดนบูลลี่โดนรังแกมาเยอะค่ะ และนาวาคือคนคนเดียวที่เห็นค่า ตวันเลยรักนาวามาก แต่จริงๆ แล้วตวันไม่ได้ชอบผู้ชาย เขาชอบนาวา และความฝันสูงสุดของตวันตั้งแต่เด็กสมัยยังเป็นเพื่อนกับนาวาคือการมีครอบครัวพ่อแม่ลูกที่สมบูรณ์เพื่อแก้ปมด้อยในใจตัวเองค่ะ

   ความฝันนั้นตวันไม่เคยคิดว่าจะเป็นจริง เพราะเลือกนาวาแล้ว ( เหมือนที่นาวาเลือกสละความฝันเพราะสนับสนุนตวัน) พอเป็นจริงขึ้นมา ตวันเลยตั้งใจทำให้ดีที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้ แม้ไม่ได้รักพาฝันเท่าที่รักนาวา แต่ตวันก็ไม่อยากให้ลูกต้องเกิดมาน้อยเนื้อต่ำใจขาดความอบอุ่นเหมือนตัวเองค่ะ เขาจะไม่มีวันทิ้งเหมือนที่โดนพ่อทิ้ง จะให้ความรักความหวังดีให้มากกว่าแม่ตัวเองที่หวังแต่จะใช้ลูกในการได้รับความเมตตาจากตระกูลของนาวา

   แต่พอฝันสลาย...โดนหลอก ตวันก็ไปไม่เป็น เขาโดนคนที่รักมาก(นาวา)บอกให้ทำหน้าที่พ่อจนเชื่อสนิทใจ และโดนคนที่ใจอ่อนด้วย(พาฝัน)มาทำให้มีความหวัง จริงๆ แล้ว ณ จุดนี้ตวันคือคนที่น่าสงสารค่ะ ตวันเป็นคนมีปม และมีอะไรในใจเยอะมาก หลายอย่างที่เจอในฐานะคนรักของนาวาก็หนักใช่ย่อย โดยเฉพาะตอนเข้าไปรับตำแหน่งประธานใหม่ๆ แต่ตวันก็ไม่เคยเอามาพูดกับนาวาค่ะ

   แต่คนนอกใจยังไงก็ผิดอยู่ดี สงสารได้ แต่ต้องแยกเรื่องค่ะ นาวาก็แยกแยะระหว่างเรื่องโดนนอกใจ กับเรื่องตวันโดนหลอกเป็นสองกรณีเหมือนกัน
   ส่วนสาเหตุที่ทำไมตวันถึงนอกใจนาวา อันนี้มีเฉลยแน่นอนค่ะ
   เราตั้งใจเขียนให้ทุกตัวละครมีเหตุมีผลของตัวเอง เรื่องที่พาฝันรักตวันจนยอมเป็นน้อยก็มีที่มาที่ไปค่ะ

   #นาวาสไตล์

   
   ตัวอย่างตอนต่อไป ศศินขอแก้ตัว พานาวาไปที่คอนโดอีกครั้งค่า
   “นี่เหรอร้านโปรดที่นายภูมิใจนำเสนอ ศศินตามสั่ง?”


เพจ : มาจะกล่าวบทไป
Twitter : MajaYnaja

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
แล้วตวัน ก็จบกับพาฝันจริงๆ   :เฮ้อ:
พาฝัน คิดเลว สมควรแล้ว  :fire:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
สงสารตวันเนอะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ถ้าหลอกลวงกันแบบนี้มันก็สมควรแล้วที่จะไปไม่รอดดีแล้วที่จบกับยัยพาฝันนั่นได้ ชีวิตมันต้องเดินต่อไปตวันเก็บบทเรียนนี้ไว้แล้วเริ่มต้นใหม่ดี ๆ ละ

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ตวันก็น่าสงสารอยู่นะ สู้ๆล่ะกัน ส่วนนาวาเดินหน้าต่อกับศศินไปค่ะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ถ้าอยากมี ครอบครัว ตัวอย่างอ้าง
ต้องเป็นคน ตัวว่าง อย่างใครเขา
แต่นี่มี ตัวตน คนของเรา
แล้วเที่ยวเอา คนอื่น ไม่ฝืนเลย#ตวัน

ถ้าอยากมี คนของตัว อย่ามั่วอ้าง
ต้องเลือกคน ที่ว่าง อย่างเปิดเผย
ไม่ใช่เอา ของคนอื่น มาชื่นเชย
แล้วทำหน้า ยิ้มสเบย เย้ยแย่งมา#พาฝัน

ไม่ควรมีเหตุผลดีดี#คนนอกใจ#คนแอบเป็นชู้#คนผิดศีลกาเม
จุดจบที่ต้องเจอต้องคือนรกเท่านั้นที่คู่ควร

ไปลงนรกซะสำหรับคนผิดศีล
อยู่ให้นานเลย ชั่วกัปป์ชั่วกัลป์
หุหุ

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
       ผ่านช่วงนรกไปให้ได้นะตวันฟ้าหลังฝนรออยู่
       นาวาก็เช่นกันนอกจากความสัมพันธ์ในฐานะคนรักจะจบแล้วแต่ความหวังดีที่มีให้ตวันเราว่ามันสวยงามมาก
       ศศินก็เดินหน้าจีบต่อไปค่ะนาวาโสดแล้วแถมยังเปิดใจให้แล้ว

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
ตะวันก็น่าสงสารอยู่ แต่ให้ได้แค่เพื่อนแหละ ดีแล้วครับ,,,

ออฟไลน์ net. net_n2537

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
วาวา เอาตวันไปให้พี่นทีดูแลจ้า

ส่วนเวลาของวาวาต้องให้ศศินบ้าง

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ มาจะกล่าวบทไป

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +666/-7
    • เพจ 'มาจะกล่าวบทไป'

   ตอนที่ 17

   ความสัมพันธ์ที่พัฒนา

   

   มื้ออาหารระหว่างพี่นทีและศศินเป็นอะไรที่พิลึกโคตรๆ

   บอกตรงๆ ว่าผมไม่เคยมีโมเมนต์คนรักกับพี่ชายร่วมโต๊ะอาหารกันเท่าไหร่ เพราะตวันเกรงใจพี่ผมมาก เห็นหน้าเป็นต้องหลบ เห็นตัวเป็นต้องหลีก ส่วนศศินน่ะเหรอ...เหอะๆ

   “ที่รักจ๋า หมูหันชิ้นสุดท้าย กินแล้วได้แฟนหล่อหน้าตาดีเหมือนฉันคนนี้แน่นอน”

   พี่นทีที่กำลังจะคีบหมูหันยกตะเกียบค้างกลางอากาศ สำหรับคนเชื่องช้าจะทำอะไรต้องประณีต ละเอียด กิริยามารยาทสุภาพใจเย็น มีหรือจะสู้ศศินสายประจบ ผมมองหมูหันในจานตัวเอง ก่อนจะยิ้มเหยเกแบบไม่รู้จะแบ่งให้พี่ชายหรือยัดใส่ปากศศินที่กำลังยิ้มกวนๆ ให้ดี

   สุดท้ายผมก็เลือกคีบให้พี่นที

   ขณะที่พี่ชายดอกไม้บานสะพรั่ง ศศินก็พูดแทรกแบบชวนช็อก

   “คุณพี่ชายระวังทานแล้วจะได้แฟนหล่อหน้าตาดีเหมือนผมคนนี้นะครับ”

   พี่นทีหมดความอยากอาหารในทันดล

   เขาคีบกลับคืนให้ผม ก่อนจะยกน้ำชาขึ้นจิบ

   ...สุดท้ายผมก็เลือกจะคีบส่งแก่ศศิน

   “ที่รักคีบกับข้าวให้ฉันครั้งแรกเลย ขอบคุณนะครับ” ศศินยิ้มร่า เขาบรรจงกินหมูหันชิ้นนั้นอย่างละเมียดละไม เล่นเอาพี่ชายแทบสำลักน้ำชา ก่อนจะหันมามองหน้าผมเป็นเชิงว่า...จะเลือกคนนี้จริงๆ เหรอ

         ไม่แค่การงานมีปัญหา แต่นิสัยน่าจะเป็นปัญหาด้วยนะน้องชาย!


   อย่าว่าแต่พี่นทีสงสัยเลย เวลาอยู่กับศศิน ผมก็ถามตัวเองอย่างนี้ครั้งแล้วครั้งเล่าเหมือนกัน

   มื้อนี้จบลงด้วยความป๋าของศศิน พี่นทีขอแยกตัวออกไปก่อน ผมกับศศินเลยไปหาร้านคาเฟ่นั่งเถลไถลกันต่อ นี่ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้วนับจากงานแฟชั่นโชว์ เมื่อไม่ออกสื่อกระแสความนิยมเลยเริ่มตก เพราะเวลาไปงานเลี้ยงผมผลุบๆ โผล่ๆ ไม่ค่อยร่วมวงกับใครสักเท่าไหร่ ใบออเดอร์สั่งพิเศษจึงน้อยลงกว่าช่วงแรกมาก มีเวลาให้ผมนั่งดีไซน์เครื่องประดับสำหรับวางร้านสักที

   ผมเลือกทำสร้อยยาวซึ่งสามารถนำมาคล้องซ้อนเป็นกำไลหรือเข็มขัดได้ ประยุกต์ใช้ได้หลากหลายโอกาส นึกแล้วก็ชักสนุก เลยนั่งวาดออกมาหลากหลายสไตล์ ก่อนจะถ่ายส่งให้เลขาฯ เพื่อส่งต่อกับฝ่ายการตลาดในการเตรียมทำแผนโปรโมตแบบเด็ดๆ

   เมื่อผมเข้ามาคุมบริษัท จากเน้นเครื่องประดับแบบไฮจิวเวลรี่ซึ่งนิยมสวมใสในงานเลี้ยงก็เริ่มนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำมากขึ้น ทันสมัยมากขึ้น ด้วยราคาที่เข้าถึงง่ายขึ้น การโฆษณาทางโซเชียลมีเดียเลยเป็นสิ่งสำคัญ ผมไม่สันทัดเรื่องนี้ แค่ถ่ายรูปลงอินสตาแกรมตามอารมณ์ก็นับว่าเต็มกลืน

   จะว่าไปนี่ก็ใกล้จะฮัลโลวีนแล้ว ออกแบบเครื่องประดับตามเทศกาลก็ไม่เลวเหมือนกัน

   ผมชักคึก ก่อนจะสะดุ้งเมื่อจู่ๆ ศศินซึ่งนั่งตรงข้ามวาร์ปตัวเองมานั่งข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

   ศศินไม่หือไม่อือ จดจ่อกับหนังสือฆาตกรรมเล่มใหม่ ผมเลยขี้เกียจทัก นั่งวาดรูปต่อ เอียงตัวเล็กน้อย จนต้นแขนของพวกเราชนกัน

   ความอบอุ่นที่ส่งผ่านมานั้นทำให้ผมลอบยิ้ม

   ขอแค่อยู่ด้วยกันอย่างนี้ก็สุขใจแล้ว

   




   วันต่อมาศศินขอแก้ตัว พาผมไปคอนโดฯ ชั้นยี่สิบสามพร้อมยื่นกล้องส่องทางไกลอันเดิมเพิ่มเติมคือผูกโบว์เป็นของขวัญ

   “อะไร จะเอามาขอขมารึไง”

   “ให้ที่รักจ๋าส่องฉันกลับต่างหาก”

   ผมแทบจะปากล้องส่องทางไกลทิ้ง ส่องกลับบ้าอะไร ไม่ได้โรคจิตอย่างเขานะ!!

   ศศินหัวเราะในลำคอ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องครัว แล้วออกมาใหม่พร้อมผ้ากันเปื้อนสีขาว

   “ที่รักจ๋าอยากกินอะไรครับ”

   “นี่เหรอร้านโปรดที่นายภูมิใจนำเสนอ ศศินตามสั่ง?” ผมวางกล้องส่องทางไกลลงกับโต๊ะข้างโซฟา ก่อนจะมองศศินแบบทึ่งๆ สรุปแล้วครั้งก่อนเขาไม่ได้ลวงผมมาหลอกปล้ำหรือตั้งใจให้ความแตกเรื่องแอบส่องจริงๆ นั่นแหละ แต่อยากให้มาลองชิมฝีมือทำอาหารของเจ้าพ่อเงินกู้ต่างหาก

   ไม่ทันแสดงฝีมือผมก็วิ่งหนีป่าราบ สมควรอยู่หรอกที่จะหน้าสลดขนาดนั้น

   “นายทำอะไรอร่อยที่สุดก็ทำมาเถอะ” ผมพูดขอไปที แต่ใจจริงค่อนข้างคาดหวัง

   “พอดีฉันทำอร่อยทุกอย่างเลยนะที่รักจ๋า”

   ขี้โม้จริงๆ!

   “งั้นเอาแกงเขียวหวานไก่ไม่ใส่มะเขือ” ผมลองเชิง ผลคือศศินส่ายหน้าทั้งรอยยิ้ม

   “ทำไม่เป็น”

   “งั้นข้าวผัดปูล่ะ” ผมลดระดับลงมา แม้พี่นทีจะชอบกินอาหารจีน แต่ผมชอบอาหารไทยมากกว่า อาจเพราะอยู่กับตวัน เขาทำอาหารเป็น น่าจะเรียนวิชามาจากป้าแช่ม ผมเลยลาภปากตลอด แม้จะกินได้ไม่เยอะก็เถอะ

   “ทำไม่เป็นครับ” ศศินยิ้มหวานขึ้น แต่ผมเริ่มหน้าตึง

   “สรุปแล้วอร่อยทุกอย่างของนายมีอะไรบ้างฮะ!”

   “ไข่เจียว ไข่คน ไข่ดาว ไข่ต้ม ไข่ลวก ไข่ตุ๋นก็พอได้นะครับที่รักจ๋า”

   มาจ๋าเจ๋ออะไร นี่มันเมนูเบสิกที่คนทั่วไปก็ทำเป็นทั้งนั้นมั้ยล่ะ!

   เอ่อ...ยกเว้นคนตอกไข่แตกคามืออย่างผมไว้คนหนึ่งแล้วกัน

   “นายพาฉันมาถึงห้องเพื่อให้กินเมนูสารพัดไข่เนี่ยนะ” ผมมองอีกฝ่ายทึ่งๆ ศศินรีบพยักหน้ารับ สีหน้าออกจะระรื่นชื่นบาน เห็นแล้วก็ปฏิเสธไม่ลง

   “งั้น...ก็ทำมาทั้งหมดแล้วกัน”

   “ไข่เหลือแค่สามฟอง ได้แค่สามอย่างนะครับที่รัก”

   “...”

   ผมกุมขมับที่ปวดตุบๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงระโหยแบบให้จบเรื่องจบราวสักที

   “ทำอะไรก็ได้ที่มันเสร็จไวๆ น่ะ ฉันหิวแล้ว!”

   ศศินรีบขานรับเสียงสดใสก่อนจะหายเข้าไปในครัว ผมนั่งดูโทรทัศน์ฆ่าเวลา ก่อนจะนึกพิเรนทร์หยิบกล้องส่องทางไกลมาส่องห้องตัวเอง นึกภาพเปรียบเทียบศศินที่ทำท่าทางแบบนี้แล้วก็สยองแกมเหลือเชื่ออยู่หน่อยๆ เลยรีบโยนของแสลงทิ้ง แล้วเดินสำรวจห้องแทน

   ห้องรับแขกของศศินสะอาดมาก แถมเครื่องเรือนยังน้อยสุดๆ มีแค่โต๊ะเตี้ย โซฟา พรมตกแต่งสีน้ำเงินเข้ม โทรทัศน์จอแบนแบบติดผนัง ชั้นหนังสือ และรูปภาพทิวทัศน์พอให้ไม่แห้งแล้ง เทียบกันแล้วรู้สึกว่าห้องตัวเองรกขึ้นมาทันที เพราะผมวางของกระจัดกระจาย หนังสือนิยายก็มีบ้าง แต่หนังสืออ่านเล่นพวกนิตยสารแฟชั่นหรือการ์ตูนมีมากกว่า ของประดับตกแต่งเพียบ ทั้งแจกันดอกไม้ รูปวาด รถของเล่น ตุ๊กตา หุ่นยนต์ และของสะสมอีกหลายอย่าง

   ผมเดินไปที่ชั้นหนังสือ พบว่ามีทั้งวิชาการและนิยายซึ่งแบ่งหมวดเป็นแปลไทยและภาษาอังกฤษ ถึงจะนึกภาพศศินแอบส่องผมท่าไหนไม่ออก แต่ถ้าเป็นภาพเขานั่งอ่านหนังสือเงียบๆ สีหน้าเคร่งขรึมนั้นคุ้นตามากทีเดียว

   ถ้าไม่หมั่นฉีกยิ้มยียวน ศศินจะหน้านิ่งจนเหมือนรูปปั้น ดูหล่อเหลางามสง่า ดวงตายามกวาดตามองตัวอักษรนั้นแลเย็นชาจนอยากถามว่าสรุปว่าไอ้ที่อ่านเนี่ยสนุกหรือไม่สนุกกันแน่ คล้ายว่าเขาแค่เสพเรื่องราว แต่ไม่ได้ใส่อารมณ์ตามความนึกคิดของตัวละคร

   ทุกครั้งที่ศศินเริ่มเปิดหนังสือบรรยากาศรอบตัวจะสงบนิ่งในทันที ผมเองก็พูดไม่ถูก แต่สงบขนาดแทบไม่รู้สึกลมพัดเลย ราวกับว่าถูกหยุดเวลาเอาไว้ แลจับต้องไม่ได้ยากเอื้อมถึง แต่ทันทีที่เขาเงยหน้าสบตากัน เผยยิ้มน้อยๆ อย่างน่ามองก็คล้ายจะมีสายลมอุ่นอวลพัดผ่าน ห้อมล้อมเราสองคนเอาไว้

   ชักจะเพ้อไปกันใหญ่ ผมโคลงศีรษะ ก่อนจะลองหยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมาเปิดผ่านๆ ในเมื่อคิดจะศึกษาดูใจกัน ก็ต้องเริ่มจากเรียนรู้ในอุปนิสัยและความชอบส่วนตัวจริงมั้ย แต่พออ่านเจอฉากบรรยายวิธีฆาตกรรมแบบชำแหละศพเป็นชิ้นๆ...ซึ่งศศินอ่านได้หน้านิ่งถึงขนาดนั้น ผมก็รีบปิดหนังสือแล้วยัดกลับเข้าชั้น นั่งซบหน้ากับโซฟาอย่างหมดแรง

   ยอมแพ้ง่ายเกินไปแล้วนาวา!

   พลันผมฮึกเหิมขึ้นมาอีกครั้ง อารมณ์แปรปรวนเปลี่ยนไวอยู่แล้วจะแคร์อะไร ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเสิร์ชชื่อของศศิน ก่อนจะผิดหวังเพราะมีคนกล่าวถึงน้อยมาก แน่ล่ะ เขาไม่ใช่ดารา แต่เป็นเจ้าพ่อเงินกู้ที่มีประวัติลึกลับเข้าไว้เป็นดี

   เทียบกับตระกูลดาราลัย ซึ่งออกงานสังสรรค์บ่อยครั้งโดยเฉพาะกับพี่นทีซึ่งได้รับเชิญแทบทุกงานเลี้ยง ก็เพิ่งนึกได้ว่าศศินซึ่งมีธุรกิจด้านมืดทำไมถึงมาดักเจอผมในงานได้ตลอด แต่คิดอีกที อำนาจเงินตราซะอย่าง แค่ดีดนิ้วก็หาบัตรเชิญได้แล้ว

   อีกอย่างถ้าเขาหน้าด้านมา ใครจะกล้าหน้าด้านไล่

   ผมนอนหมดแรงบนโซฟาอีกครั้ง เอกเขนกเหยียดเต็มตัวแบบเกียจคร้าน พอดีกับศศินที่ถือเมนูนำเสนออย่างไข่เจียว ไข่คน และไข่ดาว

   “ฉันใส่แฮมกับแครอตที่ที่รักชอบด้วยนะ!” ศศินเอ่ยขณะผมพาสารร่างตัวเองมานั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะอาหารซึ่งแยกพื้นที่ออกมาจากห้องนั่งเล่นโดยมีตู้หนังสือกั้นกลาง ด้านในมีบาร์เครื่องดื่มเรียงราย กับมุมจิบไวน์ที่เป็นเก้าบุนวมหนานุ่มน่าทิ้งตัว

   “จะให้กินไข่เปล่าๆ เหรอ ข้าวล่ะข้าว”

   ผมตบโต๊ะเบาๆ เรียกร้องความยุติธรรมจากพ่อครัวขณะพิจารณาเมนูไข่ทั้งสามจาน จานแรก สีสันน่ากินเพราะเป็นไข่เจียวแบบผสมแฮมและแครอต กลิ่นหอมกรุ่นกำลังดี ผ่าน! จานที่สอง...ไข่คนไม่เละเกิน ไม่สุกเกิน ใช้ส้อมจิ้มแล้วเด้งดึ๋ง ผ่าน! จานที่สาม...ไข่ดาวที่ไข่แดงเปล่งปลั่งไม่ปะปนกับไข่ขาว ด้านล่างเกรียมนิดหน่อยกำลังกรอบอร่อย สามผ่าน!

   ศศินออกไปรับถุงข้าวจากบอดี้การ์ด คาดว่าคงจะโทรสั่งจากร้านอาหารข้างล่างเพราะห้องเขาไม่มีข้าวสารสำหรับหุง ผมมองตามชายหนุ่มที่เดินไปเทข้าวใส่จาน ก่อนจะถือมาให้ผมด้วยรอยยิ้มมุมปากแลเจ้าเล่ห์แต่ความจริงแล้วเจ้าตัวกำลังดีใจจัด พิสูจน์ได้จากดวงตาที่แทบจะเปล่งแสงวิบวับออกมา

   พลันผมโคลงศีรษะเล็กน้อย แปลกใจตัวเองที่คิดว่าศศินอ่านอารมณ์ยาก แต่ก็ไม่ได้ยากเย็นเกินความสามารถหากใส่ใจมากขึ้นสักนิด

   “ซอสมั้ยครับ”

   “ไม่ล่ะ ฉันจะชิมเปล่าๆ นายอุตส่าห์ตั้งใจทำ ฉันก็จะตั้งใจกิน”

   ศศินยิ้มร่าไม่ปิดบัง มองไปมองมาชักจะเขินขึ้นมาตงิดๆ

   “จ้องทำไมล่ะ กินด้วยกันสิ ถ้าท้องเสียจะได้เป็นทั้งคู่!”

   “ได้ครับที่รัก” ศศินพูดพลางรินน้ำให้ผม ก่อนจะเดินมานั่งข้างๆ ไม่ยักจะนั่งฝั่งตรงข้ามเหมือนปกติ ผมลอบสะดุ้งในใจ ก้มหน้าก้มตาพิจารณาอาหารอย่างไม่รู้จะเริ่มจากจานไหนก่อน สุดท้ายก็ประเดิมด้วยไข่เจียว ไข่คนและไข่ดาวตามลำดับ นับว่าศศินเป็นยอดฝีมือด้านการทอดไข่อย่างแท้จริง ต่อให้ไม่กินกับซอสก็ยังได้รสชาติของพริกไทยและซีอิ๊วไม่จืดชืด

   ผมไม่ใช่คนเลือกมากเรื่องกิน เพราะทานน้อยอิ่มไวเลยไม่มีปัญหากับเหล่าไข่ๆ สักเท่าไหร่ จะกลัวก็แต่ศศินจะไม่อิ่ม ไข่แค่สามจานพอยาไส้อะไร แต่ดูจากสีหน้าท่าทาง...ท้องไม่อิ่ม แต่อิ่มใจน่าดู

   ทั้งที่จะยิ้มก็ไม่ใช่ จะหัวเราะก็ไม่ออก แต่แก้มมันร้อนๆ หูเหอแดงอย่างบอกไม่ถูก

   พอศศินเก็บจานหายเข้าไปในครัว ผมก็รีบเดินตาม เพราะแยกมาอยู่กับตวันกันสองคนตั้งแต่ช่วงประถมปลาย ผมจึงไม่ใช่ลูกคุณหนูทำอะไรไม่เป็น

   “ฉันล้างเอง”

   ศศินมองผมอย่างประหลาดใจเหมือนกับตอนรู้ว่าผมกินส้มตำปลาร้าเป็น ผมเห็นแล้วก็ลอบหัวเราะเหอะๆ คิดในใจว่าเราสองคนยังต้องเรียนรู้กันอีกเยอะ

   ไม่รู้ว่ากลัวผมจานแตกหรือไม่รู้จะไปไหนเพราะผมอยู่ตรงนี้กันแน่ ศศินเลยยืนมองอยู่ห่างๆ แล้วช่วยรับจานที่ล้างน้ำเสร็จแล้ววางพาดบนตะแกรง

   “ของหวานต่อมั้ยครับที่รัก”

   “ตั้งแต่นายรับฉันไปกินข้าวข้างนอก แนะนำร้านคาเฟ่อร่อยๆ ฉันน้ำหนักขึ้นตั้งสามกิโล!” ผมเหวลั่น เรียกเสียงหัวเราะจากศศินอีกครั้ง “งดของหวานสามวัน เข้าใจมั้ย”

   “จ๋าจ้ะ” ศศินขานตอบเสียงหวานเยิ้ม ทำเอาผมที่กำลังฮึ่มแฮ่ถึงกับอายม้วนขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะลูบแก้มแก้เก้อ เอ่อ...ทำไมแก้มอวบๆ ยุ้ยๆ ชอบกล เปลี่ยนจากสามวันเป็นสามอาทิตย์น่าจะได้ผลดีกว่า

   คิดแล้วก็หันหลัง ปะทะกับมือของศศินที่กำลังเอื้อมถอดผ้ากันเปื้อนอยู่พอดี ไม่ทันจะบอกขอโทษ ผมผิดเอง อีกฝ่ายก็ชักมือกลับพลางถอยกรูดชิดผนังด้วยสีหน้านิ่งสงบแต่แววตาหวั่นวิตก

   ...นี่เขารักหรือรังเกียจกันแน่ โปรดตอบที

   “ขอโทษ” ศศินเอ่ยเสียงแผ่ว ราวเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย กับแค่มือมาโดนตัวผมเนี่ยนะ จะโอเวอร์เกินไปมั้ย

   แต่คิดดูดีๆ...ไม่มีครั้งไหนเลยที่เขาแตะตัวผมก่อน

   มีแต่มานั่งข้างๆ แล้วผมนี่แหละที่ไปเนียนพิง!

   นึกแล้วก็หน้าม้านแปลกๆ แต่พอเห็นท่าทางแตกตื่นของศศินก็ชักคึกขึ้นมา

   ผมยื่นสองมือมาด้านหน้า แล้วเดินยิ้มเข้าหาเขา

   “แตะดูสิ”

   อย่างกับตัวเองเป็นสัตว์หายากที่รอให้นักท่องเที่ยวมาลูบคลำชื่นชมชอบกล แต่ปฏิกิริยาของศศินนั้นน่าลุ้นกว่านั้น เขามองมือผมหวาดๆ เหมือนอยากจะสัมผัส แต่ก็ไม่กล้ายื่นมือออกมา

   ผมยืนรออย่างอดทน

   จนศศินเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วนั่นแหละว่าไม่ได้พูดเล่นถึงยอมแตะฝ่ามือผมแผ่วเบาราวกลัวว่าจะแตกสลาย ไม่ก็กลัวว่านี่เป็นเพียงความฝัน

   ท่าทางขลาดๆ ไม่สมเป็นเขานั่นทำเอาผมหลุดหัวเราะ ก่อนจะจับหมับเข้าเต็มๆ

   ศศินชักมือออกก็ไม่ทันแล้ว เขาโดนผมจับกุม บีบนิ้วไม่ปล่อย แถมยังแกว่งไปแกว่งมาพลางฮัมเพลงอย่างสนุกสนาน

   จากตัวแข็งเกร็งก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง ศศินมองผม ยังตะลึงไม่หาย ก่อนจะคลี่ยิ้มราวเด็กชายตัวน้อยที่เพิ่งได้รับของขวัญครั้งแรกในชีวิต

   เห็นแล้วผมก็ได้แต่เอ็ดเจือเสียงหัวเราะด้วยหัวใจพองฟู

   “เจ้าบ้าเอ๊ย...”


   ------------------

   หากการมีครอบครัวคือความฝันที่ตวันคิดว่าไม่มีทางเป็นจริง

   สำหรับศศิน...การได้อยู่ในฐานะพิเศษอย่างในตอนนี้ ได้พูดคุยสนิทสนมกับนาวาโดยไม่ถูกโวยวายใส่ แม้ยังไม่ถึงขั้นเป็นคนรัก แต่สำหรับเขาก็นับเป็นความฝันที่ไม่เคยคิดว่าจะเป็นจริงเหมือนกันค่ะ

   ศศินมองนาวามาเจ็ดปีเต็มๆ แบบไม่เคยหวังเลย แม้ตลอดมาจะขยันหยอกตลอด แต่ถ้าสังเกตศศินไม่เคยแม้สักครั้งจะแตะตัวนาวาก่อน ให้เกียรตินาวามากๆ และเพราะกลัวใจตัวเองด้วยค่ะ ไม่ใช่กลัวจะยั้งไม่ไหว แต่กลัวใจตัวเองจะหวังมากไปกว่านี้แล้วสุดท้ายไม่ได้ลงเอยกัน ถึงตอนนั้นศศินก็คงใจแหลกลาญไม่ต่างกับตวัน ถือคติหวังน้อยๆ จะได้เจ็บน้อยๆ ค่ะ

   ศศินเป็นคนโรคจิตที่น่ารักจริงมั้ยคะ <3

   #นาวาสไตล์

ปล.ขออภัยที่หายไปนาน เราไปเที่ยวเพิ่งกลับมาค่ะ พรุ่งนี้จะมาอัพชดเชยให้อีกตอนนะ

   

   
ตัวอย่างตอนต่อไป นาวาก็ยังขีดเส้นแบ่งกับตวันอย่างชัดเจนเหมือนเดิมค่ะ ไร้เยื่อใยมาก 555
   “ต่อให้เป็นความสงสาร แต่ถ้าวายอมอยู่ด้วย ผมก็ดีใจนะ”
 “มาเล่นบทโศกอะไรตอนนี้ ตื่นได้แล้วตื่น”   

   

เพจ : มาจะกล่าวบทไป
Twitter : MajaYnaja

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ศศิน คิวท์บอย~  นึกภาพแล้วแบบ งุ้ยยย  :-[

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
ชอบความฮัมเพลงแล้วแกว่งมือ ดูน่ารักดี เป็นโรคจิตที่น่ารักจริงๆค่ะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
อ้าวว อีตะวันมาตอนหน้า มาเพื่ออ

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
       ศศินคืนกวังน้อยๆจะได้เจ็บน้อยโธ่ๆๆๆ
เจ้าพ่อเงินกู้ที่น่าสงสาร555
นางน่ารักมากขึ้นในทุกๆตอนจริงๆ :mew1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อีกคนและที่ท่าทางจะมีปมในใจ   :z3:
แต่นาวาซะอย่าง......... แก้ได้.....  :katai2-1:
เอิ่ม.....แก้อย่างอื่นด้วยก็เยี่ยม  :z1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
พี่นทีของฉันจะได้ตวันเป็นเมียตอนใหน ตอบบบบบบบบบ

ออฟไลน์ มาจะกล่าวบทไป

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +666/-7
    • เพจ 'มาจะกล่าวบทไป'
   ตอนที่ 18

   ลุยเข้าหา

   

   ตอนเย็นผมไปแวะหาตวัน เอาราดหน้าเจ้าโปรดไปฝาก

   ตวันอาการดีขึ้นมาก แต่ยังต้องไปพบจิตแพทย์ทุกสัปดาห์ แม้ไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้า แต่ก็แบกรับความเครียดความกดดันมากเกินไปจนอยู่ในภาวะปิดตัวเองชั่วคราว ซึ่งเป็นกลไกเพื่อรักษาสภาพจิตใจของตัวเอง

   จิตแพทย์ให้คำแนะนำว่าอย่าเพิ่งไปเร่งเร้าหรือกระตุ้นอะไรมาก ผมจึงไม่ยังพูดเรื่องงานของตวันว่าเขาโดนไล่ออกจากที่เดิมแล้ว ปล่อยให้ใช้ชีวิตแต่ละวัน รอให้ผมมาหาและนั่งเหม่อเงียบๆ อยู่คนเดียว

   “ต่อให้เป็นความสงสาร แต่ถ้าวายอมอยู่ด้วย ผมก็ดีใจนะ”

   “มาเล่นบทโศกอะไรตอนนี้ ตื่นได้แล้วตื่น” ผมดีดนิ้วตรงหน้าตวัน ปลุกให้เขากินราดหน้า หลายวันมานี้ตวันชอบพูดแกมหยอก ทีเล่นทีจริง แต่ผมก็ดับความหวังนั้นทุกครั้ง ซึ่งตวันเองก็ไม่เซ้าซี้อะไร อย่างที่เคยบอกไป พวกเราทั้งคู่รู้แก่ใจดีว่าไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนเดิม

   “ศศินล่ะ”

   “อยากรู้ก็โทรไปถามเขาเองสิ เอ้า อย่าลืมกินยาด้วย”

   ถ้าไม่อยู่คุม ตวันจะไม่ยอมกินยาที่แพทย์สั่ง ทำตัวเหมือนเด็กสามขวบไปได้

   แน่นอนว่าผมแก้ความเข้าใจผิดแล้วว่าไม่ได้คบกับศศิน แค่กำลังคุยกันเฉยๆ ซึ่งตวันดูจะสนอกสนใจมากเป็นพิเศษจนต้องย้ำบ่อยๆ ว่าอยากรู้นักก็ถามศศินเองเพื่อตัดรำคาญ

   มาหึงมาหวงอะไรตอนนี้

   ต่อให้ในฐานะเพื่อนก็ไม่มีสิทธิ์!

   “วา...”

   “หืม?” ผมง่วนกับการเขี่ยคะน้าให้ตวันอย่างคุ้นชินระหว่างรอให้ราดหน้าหายร้อน อย่าลืมสิว่าผมลิ้นแมว ซึ่งอีกฝ่ายจิ้มคะน้าบางส่วนเข้าปากเป็นระลอกกันผักล้นจานอย่างคุ้นเคยไม่ต่างกัน ก่อนจะแกะซองเครื่องปรุงใส่ให้เพราะรู้ดีว่าผมกลัวมือเลอะ พริกหนึ่งหย่อม น้ำตาลสองหย่อม น้ำส้มสายชูสามหยด ผมไม่ชอบกินเค็มเลยไม่นิยมน้ำปลา

   ตวันปรุงเสร็จพอดีกับที่ผมจัดการผักใบเขียวในจานเสร็จ หลังคลุกให้เข้ากันก็เงยบอกขอบคุณเบาๆ เมื่อเขารินน้ำเปล่าเย็นชื่นใจให้

   ทุกการกระทำเป็นไปอย่างธรรมชาติโดยไม่ต้องพูดหรือสบตาด้วยซ้ำ

   โตมาด้วยกันก็อย่างนี้

   “นายมีเรื่องอยากปรึกษาฉันเหรอ”

   ที่แตกต่างจากเดิมคือผมไม่คิดแทนตัวเองด้วยชื่อเหมือนสมัยเป็นแฟนกันอีก

   “ผมอยู่เฉยๆ มาเดือนกว่าแล้ว...” ตวันยิ้มเจื่อน แกมลำบากใจแต่ก็ไม่รู้จะจัดการกับความรู้สึกตัวเองยังไง ความเคว้งคว้างไร้ทางไป แต่ยังต้องมาพึ่งพาผมทั้งที่เป็นฝ่ายทรยศหักหลังความเชื่อใจ ออกมาเป็นบรรยากาศกระอักกระอ่วนแปลกๆ “ผมคงโดนไล่ออกจากงานแล้วใช่มั้ย”

   “แหงสิ” ผมตอบทันทีพลางตักเส้นราดหน้าให้ตวันเพิ่ม “เล่นหายตัวชนิดติดต่อไม่ได้ โทรไปไม่รับ อีเมลไม่อ่าน ย้ายที่อยู่ขนาดนี้ ใครจะยังให้กลับไปทำงานอีกล่ะ”

   ตวันเป็นคนชอบหนีปัญหา

   เขาคล้ายจะจัดการความรู้สึกตัวเองไม่เก่งนัก เวลามีเรื่องหนักใจ หรือกังวลใจ ก็มักจะหนีไปนั่งเงียบๆ คนเดียว อย่างตอนเด็กก็ไปนั่งในห้องครัว พอโตขึ้นมาหน่อยก็ขังอยู่ในห้องนอน จนเริ่มมาเป็นแฟนกัน ผมก็ไม่ค่อยเห็นเขาทำแบบนั้นอีก ไม่รู้ว่าเพราะไม่มีเรื่องทุกข์ใจ หรือหนีไปแอบที่อื่นกันแน่ ต่อหน้าผมตวันจะยิ้มบางให้วางใจเสมอ ให้เชื่อมั่นในตัวเขา ซึ่งผมเองก็เชื่อหมดใจ ในเมื่อสิ่งที่ตวันขาดคือความเชื่อมั่นในตัวเอง

   เกือบลืมไปแล้วว่าเขามีนิสัยแบบนี้จนกระทั่งเลิกรากัน

   อาจเพราะปมด้อยสมัยเด็กทำให้ไม่กล้ามีปากเสียง จนได้แต่เก็บกลั้นไว้ในใจ

   “ผม...” ตวันเขี่ยเส้นราดหน้าไปมา คนที่ไม่เคยถือสาเวลาผมเขี่ยอาหารเพิ่มให้พูนจาน กลับทานได้น้อยกว่านาวาคนนี้ซะอีก “ผมอยากจะลองเรียนต่อปริญญาโท”

   “ก็ดีนะ” ผมพยักหน้า เปลี่ยนสภาพแวดล้อมใหม่ๆ นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับตวัน “อยากเรียนต่อที่ไหนล่ะ”

   “อเมริกา”

   ผมย่นหน้า

   “นายไม่เก่งภาษาอังกฤษไม่ใช่เหรอ ถ้าจะสอบเข้าต้องสอบวัดคะแนนโทอิค ไอแอล โทเฟลอะไรพวกนั้นด้วยนะ”

   “ผมคงไม่ปุบปับเข้าเรียนได้ทันทีหรอกวา ต้องใช้เวลาเตรียมตัวเป็นปีเลยกะว่าจะลงคอร์สเรียนพิเศษก่อนน่ะ”

   “เอาสิ” ผมสนับสนุนเต็มที่ “แล้วนายเล็งมหา’ลัยอะไรไว้ ต้องให้คนเซ็นรับรองด้วยรึเปล่า ฉันมีคนรู้จักที่จบมหา’ลัยดังๆ จากต่างประเทศอยู่นะโดยเฉพาะพี่นทีที่ไปเรียนต่อเนี่ยได้เส้นสายมาเพียบเลย ถ้านายไม่แน่ใจตรงไหน ฉันจะไปลองถามเก็บข้อมูลให้ แล้วนี่มีทุนพอรึเปล่า ค่าครองชีพที่อเมริกาสูงมากเลยนะ ถ้านายจะไปเรียนต่อปริญญาโทสองปี...กลับมาอาจหมดตัวได้เลย ช่วงนี้ฉันว่าลองหางานพิเศษควบคู่กับเรียนเสริมจะดีกว่า เอางี้ ฉันจะลองถามคนรู้จักให้ ถ้ายังไงตวั...”

   “วา” ตวันเอ่ยแทรกเสียงขรึม “ขอให้ผมพยายามด้วยตัวเองเถอะนะ วา”

   ผมเลิกคิ้ว ก่อนจะกะพริบตาปริบๆ ไอ้ความเคยชินที่เอะอะเป็นเสนอทางเลือกที่สบายกว่าให้ตวันนั้นต้องตัดทิ้งได้แล้ว!

   “เอ่อ...โอเค” ผมจิ้มหมูเข้าปากเคี้ยวหงุบๆ กินแก้เก้อ “สู้ๆ แล้วกัน ไฟต์ติ้ง!”

   




   [อ้อเหรอ ไอ้ตวันจะไปเรียนต่อต่างประเทศงั้นเหรอ]

   “ใช่”

   ผมนอนกลิ้งเกลือกบนเตียง ในมือถือโทรศัพท์ที่วิดีโอคอลล์กับศศิน เวลาผมไปหาตวันทีไร คนที่เป็นเดือดเป็นร้อนที่สุดก็คือเจ้าพ่อเงินกู้ซึ่งส่งข้อความย้ำแล้วย้ำอีกว่ากลับถึงห้องเมื่อไหร่ให้โทรหานั่นแหละ

   จากนั้นเขาก็จะเค้นถามว่าผมคุยอะไรกับตวันบ้าง ด้วยวิธีพูดหวานเลี่ยนแกมหึงหวงที่ทั้งจั๊กจี้และขนลุกซู่

   ผมบริสุทธิ์ใจอยู่แล้ว ส่วนใหญ่ก็เล่าให้ฟังทั้งหมด รวมถึงประโยคสุดท้ายของตวันด้วย

   [งั้นช่วงนี้ที่รักก็ไม่ต้องคอยส่งเสบียงให้หมอนั่นแล้วสิ]

   “ใช่ ตวันยอมออกข้างนอกแล้ว ความจริงช่วงที่เก็บตัวนั่งซึมเขาก็พอคิดหาลู่ทางให้ตัวเองอยู่เหมือนกันนะ เสิร์ชหาที่เรียน รายละเอียดการเรียนต่อ เอกสารข้อมูลที่ต้องเตรียมไว้จนมั่นใจแล้วค่อยมาบอกฉันน่ะ” ผมยักไหล่ “แต่ก็ยังต้องพาไปพบจิตแพทย์อยู่ดี เพื่อให้ยืนยันว่าไม่ต้องกินยากล่อมประสาทแล้ว เขายังนอนไม่หลับบ่อยๆ ถึงจะฮึดขึ้นมา แต่สภาพจิตใจตวันก็ยังไม่เต็มร้อย ต้องให้แพทย์ยืนยันนั่นแหละฉันถึงวางใจ”

   ศศินฟังแบบเบื่อๆ แม้จะยังยิ้มหวานหยด แต่ดูจากแววตาไร้อารมณ์ก็พอเดาได้ว่าพอได้คำตอบที่พอใจไอ้ส่วนขยายความที่เหลือเขาก็ฟังผ่านหูไปงั้น

   “ช่วงนี้หลังเลิกงานเลยว่างแล้ว” ผมกลิ้งไปซุกหน้ากับกองหมอนเต็มเตียง “งานก็ไม่ค่อยเยอะแล้วด้วย งานเลี้ยงก็เริ่มปฏิเสธไปบ้าง...”

   ช่วงแรกที่ผมขยันออกงานเพราะเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านประธานบริษัทจึงต้องขยันเสนอหน้าให้ทุกคนรู้ว่าดาราลัยจิวเวลรี่เป็นของนาวา ไม่ใช่ตวัน

   “ฉันไม่อยากให้นายโดดงานมาหา งั้นฉันไปหานายดีมั้ย ไนต์คลับไหนดี อยากกินค็อกเทลหวานๆ จังเลย”

   ศศินทำงานตอนกลางคืน เขามักตระเวนคุมตามไนต์คลับ ไม่ค่อยอยู่ที่ใดที่หนึ่งเป็นพิเศษ

   [อย่าลำบากเลยที่รักจ๋า ให้ฉันไปหาเองดีกว่า]

   ผมหรี่ตาจ้องจับผิดศศินที่ยังยิ้มกว้าง ตลอดเวลาที่ทำความรู้จักกัน ศศินมักเป็นฝ่ายเข้าหาผม พยายามทำตัวกลมกลืนกับความชอบและโลกของผม แต่ผมแทบจะไม่รู้จักโลกของเขาเลย

   แถมยังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปด้วย

   [ที่รักจ๋า ที่รักจ๋า!]

   ผมยิ้มกริ่มขณะวางสาย ก่อนจะกลิ้งเล่นครุ่นคิดว่าในเมื่อศศินที่เหมือนจะเปิดใจดันมีกำแพงกั้นขวาง งั้นควรจะอยู่เฉยๆ หรือลุยเลยดี

   อืม...คนอย่างนาวา ดาราลัยใช้เวลาคิดแค่สิบวินาทีก็รู้คำตอบ

   มันก็ต้องลุยอยู่แล้วน่ะสิ!

   มองโทรศัพท์ที่สั่นครืดคราดเพราะสายโทรเข้า ผมก็นอนกอดหมอนวางแผนในใจว่าจะโผล่ไปหาศศินยังไงดี ในเมื่อเขามักแวบไปแวบมา ไม่ประจำที่ใดที่หนึ่ง

   ภาพของบอดี้การ์ดสองหน่อผู้ตามติดศศินเป็นอึปลาทองวาบขึ้นมาเป็นอันดับแรก

   สำหรับคนขี้เกียจแบบผม ชอบหาแผนที่ง่ายแต่ได้ผลเร็วไว้ก่อน ฉะนั้นพรุ่งนี้ตอนเที่ยงที่ศศินมารับไปทานข้าว จะต้องหาทางตีสนิทลูกน้องของเขาสองคนนี้ให้ได้!

   คอยดูเถอะ เรื่องแค่นี้ไม่ยากเกินความสามารถของนาวา ดาราลัยหรอก!

   




   “เฮ้ นายชื่ออะไร”

   สบโอกาสตอนศศินเข้าห้องน้ำที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ผมเดินไปหาบอดี้การ์ดทั้งสองคนถึงโต๊ะซึ่งแยกห่างออกไปเพื่อให้ความส่วนตัวกับเจ้านาย ยืนเท้าสะเอวพลางวางมือขวาค้ำโต๊ะกึ่งหาเรื่องอยู่ในที

   สองบอดี้การ์ดเงยมองแบบเหวอสุดขีด ไม่ตอบแต่อ้าปากหวอจนยุงบินเข้าไปคนละสองตัว เล่นเอาผมที่วางมาดเก้อชักเขินขึ้นมาหน่อยๆ

   ช่วยไม่ได้จริงๆ ตลอดเวลาที่ศศินตามจีบ สองคนนี้จะคอยเดินตามตลอด แม้ช่วงมหา’ลัยจะไม่จี้ติดขนาดนี้ แต่ก็คอยขับรถรับส่ง เห็นเจ้านายเดินตามผมต้อยๆ เสมอ ซึ่งผมก็ไม่เคยคิดจะสนใจ นับดูแล้วพวกเราเป็นคนคุ้นหน้าที่ไม่รู้จักชื่อกันมาเจ็ดปีกว่าแล้ว!

   จู่ๆ ก็เพิ่งมาถามชื่อเอาตอนนี้

   ไม่เหวอสิแปลก!

   “ตอบสิ” ผมย้ำเสียงเร่งรีบ กลัวศศินจะออกมาเห็น หูเริ่มแดงเพราะนอกจากจะไม่สนใจไยดีศศิน ผมยังไม่แม้แต่จะทำความรู้จักคนใกล้ตัวเขาด้วย

   “ผมชื่อโชคครับ” บอดี้การ์ดคนซ้าย ร่างกายกำยำ สีหน้าสงบนิ่งตอบ

   “ผมชื่อชัยครับ” บอดี้การ์ดคนขวา ตัวเล็กกว่าคนซ้ายนิดหน่อย ตัดผมสั้นเกรียนตอบ

   “อ้อ” แม้จะถามช้าไปสักนิด แต่สัญญาว่าจะจำให้ขึ้นใจเลย “ขอเบอร์หน่อยสิ”

   “ครับ!?”

   จะเหวออะไรขนาดนั้น จะให้ผมอายม้วนจนลงไปมุดใต้โต๊ะเลยรึไง!

   “ฉันอยากจะถามตารางงานศศิน แต่ถ้าถามเขาคงบอกว่าสำหรับที่รักจ๋าว่างเสมอ ไม่ว่าจะยุ่งหรือติดนัดใครก็คงยกเลิกหมดเลยอยากขอเบอร์พวกนายแทนไง คงไม่อยากให้เจ้านายโดดงานบ่อยๆ ใช่มั้ยล่ะ”

   ลูกน้องทั้งสองแลจะรู้จักนิสัยรักหลงแบบหน้ามืดตามัวของเจ้านายดีจึงรีบบอกตามตรงโดยไม่อิดออด

  “นี่เบอร์ฉันนะ” ผมโทรเข้าเครื่องพวกเขาทั้งสองคน “บันทึกให้ดีล่ะ เพราะฉันคงจะโทรไปหา...เร็วๆ นี้”


   ---------------

   ตอนนี้แต่ละคนเริ่มมีทิศทางของตัวเองชัดเจนขึ้นค่ะ

   ตวันคิดจะไปตั้งตัวที่ต่างประเทศเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย นาวาเองก็คิดที่จะเรียนรู้ศศินผู้หวังน้อยจนน่าเป็นห่วงด้วยการเข้าหาก่อนเหมือนกัน ตอนแรกเราตั้งชื่อพี่โชคกับพี่ชัยว่าไชโยค่ะ...คนหนึ่งชื่อไช อีกคนชื่อโย เรียกรวมแล้วตลกดี แต่พอเขียนปุ๊บก็ลบทิ้ง...คนชื่อไชแลไร้ความหมายไปนิด คนชื่อโยก็แบ๊วเกินหน้าบอดี้การ์ดไปหน่อย สุดท้ายเลยมาลงเอยกับชื่อไทยๆ จำง่ายและคู่กันได้อย่างโชคและชัยค่ะ

   โชคชัย/ไชโย ความหมายคล้ายๆ กัน ใช้แทนได้แหละเนอะ 5555

ปล.ตอนนี้สั้นไปหน่อย จะชดเชยให้ตอนหน้ายาวๆ ไปกับอดีตศศินค่ะ

   #นาวาสไตล์

   

   
ตัวอย่างตอนต่อไป มาล้วงลึกถึงอดีตของศศินกันบ้างค่ะ!
“บางครั้งฉันก็เหมือนรู้จักนาย แต่บางทีก็เหมือนไม่รู้จักเลย สรุปแล้วนายเป็นคนยังไงกันแน่นะศศิน”


เพจ : มาจะกล่าวบทไป
Twitter : MajaYnaja

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด