ตอนพิเศษ คำว่า....เรา (2)
.
.
.
.
.
.
“สวัสดีครับ” ภัทรยกมือไหว้คู่เจรจาที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับบิดา กอบเกียรติ เกรียงไกร เจ้าของที่ดินหลายพันไร่จากปากช่อง เศรษฐีบ้านนอกที่อยากจะไต่เต้าขึ้นมาร่ำรวยระดับประเทศ ภัทรมองปราดเดียวก็รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรจากตน
“สวัสดี ผมพาลูกสาวมาด้วย มาทำหน้าที่เป็นเลขาผม นุศไหว้พี่เขาซิลูก” เกรียงไกรเอ่ยแนะนำหญิงสาวร่างสูงโปร่งที่ยืนอยู่ด้านหลังของตน นุศราก้าวขึ้นมายืนเบื้องหน้าแล้วส่งยิ้มให้กับคู่เจรจาของบิดาด้วยสายตาที่อ่อนเชื่อม
“สวัสดีค่ะคุณภัทร ไม่คิดว่าตัวจริงจะดูดีขนาดนี้” ชื่อเสียงหน้าตาบุคลิกของภัทรที่เป็นล่ำลือของสาวๆ ทั้งวงการธุรกิจ วงการไฮโซรามไปถึงวงการบันเทิง โดยทุกคนลงความเห็นว่า ภัทร เกียรติบูรพา เป็นผู้ชายที่น่ากอดและเป็นพ่อของลูกมากที่สุด
“ขอบคุณ นี่ภรรยาผม ดวงตะวัน เกียรติบูรพา” สีหน้าของนุศราค่อยซีดลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อใครอีกคนก้าวเข้ามายืนเคียงข้างกับผู้ชายที่เธอหมายปอง
“สวัสดีครับ” ดวงตะวันยกมือไหว้ทั้งสองคนด้วยท่าทางที่อ่อนน้อมถ่อมตน
“ดวงตะวันเป็นทั้งภรรยาและเลขา มีอะไรคล้องใจหรือสงสัยก็ถามภรรยาผมได้” ภัทร พูดเต็มปากเต็มคำ ไม่สนใจว่าคู่สนทนาทั้งสองจะมีสีหน้าและท่าทางอย่างไร
“ถ้าอย่างนั้น เรามาเริ่มคุยกันดีกว่า อย่ามัวเสียเวลาอยู่เลย” เกรียงไกรเอ่ยขึ้น เพราะถ้ารอบุตรสาวเห็นทีคงจะไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายคงกำลังตกใจกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อสักครู่อย่างแน่นอน
“ข้อเสนอที่ผมบอกไป คุณมีความเห็นว่าอย่างไร” ภัทร สบตากับคู่เจรจานิ่ง
“ผมยังยืนยันคำเดิมว่าต้องการซื้อที่ดินจากคุณ ไม่ต้องการเช่า เพราะผมลงทุนระยะยาวไม่ใช่ทำธุรกิจเผื่อเลือก ภรรยาผมต้องการเปิดรีสอร์ตที่นั่น” ภัทรเอ่ยเสียงเรียบ ที่ดินที่ตนต้องการนั้นเป็นที่ดินตาบอด เพราะแปลงที่เกรียงไกรประกาศจะให้เช่านั้นเป็นแปลงที่อยู่หลังแปลงของเจ้าของที่รายอื่นที่ภัทรติดต่อไม่ได้เพราะอีกฝ่ายไปพักผ่อนกับครอบครัวที่ต่างประเทศ จึงต้องหันมาที่แปลงของนายเกรียงไกรแทน ถ้าหากได้มาครอบครองคงต้องเสียเงินลงทุนไปอีกมหาศาลเพราะทางวิศวกรประเมินมูลค่าโครงการไว้เรียบร้อยแล้ว
“ผมว่าถ้าคุณเช่า มันก็คงไม่ต่างอะไรกับซื้อหรอกนะคุณภัทร” ผู้สูงวัยกล่าว
“แปลงนั้นเป็นที่ดินตาบอด ทุรกันดาร ไฟฟ้าก็เข้าไม่ถึง ผมเป็นคนอยู่เบื้องหลังของโครงการนี้เองโดยตรง และยังลังเลอยู่ว่าถ้าซื้อมาแล้วจะคุ้มกับเงินลงทุนหรือเปล่า เพราะแปลงด้านหน้าที่อยู่ติดกับแปลงของคุณมันก็น่าสนใจอยู่เหมือนกัน ไม่ต้องลงทุนอะไรมาก ติดถนน สะดวกสบาย” ดวงตะวันกล่าว ร่างโปร่งบางนั่งหลังตรงดั่งนางพญามองคู่เจรจาด้วยสายตาอันว่างเปล่า มองก็รู้ว่าเศรษฐีบ้านนอกรายนี้กระหายความมั่งคั่งขนาดไหน
“เอ่อ เมื่อกี้คุณว่าไงนะ คุณไม่สนใจแปลงของผมแล้วเหรอ” นายเกรียงไกรถามเสียงรัว จากตอนแรกที่คิดว่าตนเองได้เปรียบและถือไพ่เหนือกว่า กลายมาเป็นตกที่นั่งลำบาก เพราะนานๆทีจะมีมหาเศรษฐีมาติดต่อซื้อที่ดินตาบอดแปลงดังกล่าว เพราะใครๆต่างก็สนใจแปลงที่ติดถนนมากกว่า
“ผมยังไม่ได้บอกว่าจะไม่สนใจ ผมเพียงแต่กำลังรอเจ้าของที่แปลงที่ติดกับแปลงของคุณติดต่อมาเท่านั้นเอง ถ้าฝ่ายนั้นตกลงผมคงไม่ได้ร่วมธุรกิจกับคุณ” ภัทรเอ่ยขึ้นมา ในใจนึกสมเพชผู้สูงวัยที่นั่งอยู่เบื้องหน้า เพียงแค่ดวงตะวันบอกว่าหันไปซื้อแปลงอื่น นายเกรียงไกรก็ร้อนตัวอยากขายขึ้นมาทันที
“งั้นผมตกลงขาย!”
“แต่ผมยังไม่พร้อมที่จะซื้อ ถ้าผมอยากซื้อเมื่อไรผมจะติดต่อไป สำหรับวันนี้คงต้องขอตัวผมกับสามีมีธุระที่ต้องไปจัดการต่อ” พูดเสร็จดวงตะวันก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับภัทร นุศรามองตามแผ่นหลังกว้างของภัทรตาปรอย หล่อนนึกอิจฉาผู้ชายร่างบางคนนั้นขึ้นมาทันตา เพราะอะไรทำไมถึงได้ภัทร เกียรติบูรพา ผู้ชายที่ผู้หญิงทั้งประเทศใฝ่ฝันไปครอบครอง
.
.
.
.
.
.
ธุระที่ดวงตะวันพูดถึงนั่นก็คือการเดินเลือกซื้อตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลที่ตนเองโปรดปราน โดยมีภัทร เดินถือเสื้อสูทและเข็นรถเข็นตามอยู่ด้านหลัง เรียกสายตาของพนักงานและคนที่เดินผ่านไปมาได้เป็นอย่างดี
“เดี๋ยวนะตะวันน้อย เมื่อวันก่อนก็เพิ่งซื้อไปนะครับ” ภัทรพูดกับคนที่กำลังหันหลังเลือกตุ๊กตาอย่างสนุกสนาน
“เวลาผ่านไปมันก็เป็นอดีตนะภัทร ตอนนี้คือปัจจุบัน ตะวันอยากได้ๆๆๆๆ” หมาดนางพญาเมื่อสักครู่สูญสิ้นไปทันทีเมื่อดวงตะวันอยู่ต่อหน้าตุ๊กตาหมีที่ตัวเองชอบ
“เต็มห้องนอนแล้วนะที่รัก” ปัจจุบันเตียงขนาดคิงส์ไซส์ซีกหนึ่งเต็มไปด้วยตุ๊กตาหมีทุกขนาดตั้งแต่เล็กไปถึงใหญ่ ไหนจะตู้โชว์ ที่ตอนนี้เต็มไปด้วยหมีสีน้ำตาล เรียกได้ว่าสามารถนำออกมาจัดงานแสดงโชว์ผลงานเลยก็ว่าได้
“ไม่ซื้อให้เหรอ” เป็นประโยคคำถามที่มีคำตอบที่ตายตัวแล้วแฝงอยู่ข้างใน ภัทรมองใบหน้าของดวงตะวันที่ทำหน้าตาน่าสงสารส่งมาให้ ดวงตากลมโตมีหยาดน้ำตาคลอหน่อยๆ มองดูแล้วถ้าไปขัดใจหรือไม่ซื้อให้คงมีคนยืนเป่าปี่บีบน้ำตาตรงนี้แน่นอน
“เลือกเอาเลยที่รัก ตะวันน้อยอยากได้ตัวไหนชี้เลย ภัทรไม่ห้ามแล้ว”
“ดีมากคุณ ภัทร เกียรติบูรพา ไหนๆยื่นแก้มมาให้หอมหน่อย” ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายพูดซ้ำ ภัทร รีบก้มหน้าลงไปหาร่างบางาอย่างรวดเร็ว และก็ไม่ผิดหวังเพราะดวงตะวันนั้นยื่นแขนออกมาคล้องคอหอมแก้มซ้ายขวาอย่างไม่เกรงใจพนักงานเลยทีเดียว
ภัทรยืนมองแผ่นหลังบางของคนรักแล้วอมยิ้มเล็กน้อย ถ้ามองดูผิวเผินคนภายนอกจะคิดว่าดวงตะวันของตนนั้นอ่อนแอ ต้องได้รับการปกป้องตลอดเวลา แต่หารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้วดวงตะวันดวงนี้แข็งแกร่งและเด็ดเดี่ยวเพียงไหน เริ่มจากชั้นเชิงการต่อรองธุรกิจไม่เป็นสองรองใคร ทักษะคำพูดคำจาที่รู้จักใช้รู้จักผ่อนหรือบางครั้งก็ต้องเข้มหนัก ไหนจะศิลปะป้องกันตัวที่ตนเป็นคนฝึกให้กับมือตั้งแต่ยิงปืน มวยไม้ เทควันโด้ เพราะถ้าหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมาดวงตะวันในตอนที่ตนไม่ได้อยู่ด้วย คนเอวบางจะได้ดูแลตัวเองได้
“สวัสดีครับคุณภัทร” ร่างสูงหันไปตามเสียง แล้วก็พบกับพนักงานในบริษัทที่ตนรู้จักและคุ้นเคยเป็นอย่างดี สมบัติ เป็นหัวหน้าแผนกการเงิน ที่ทำงานกับตระกูลเกียรติบูรพามาตั้งแต่รุ่นพ่อ แม้อายุจะเกษียณไปแล้วแต่ตนก็ยังให้อีกฝ่ายได้ทำงานอยู่ เพราะความซื่อสัตย์ตรงไปตรงมานั่นเอง
“อ้าวลุงบัติ สวัสดีครับ ว่าไงตัวเล็ก สบายดีไหมครับ” ภัทรเอ่ยทักอีกฝ่ายและหลานสาวตัวน้อยของสมบัติ น้องดรีม หลานสาวตัวน้อยที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาลเพราะได้รับอุบัติเหตุทางรถยนต์ จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้น้องดรีมต้องสูญเสียพ่อและแม่ไปในเวลาอันรวดเร็ว ลุงสมบัติทำใจไม่ได้ที่ลูกสาวเพียงคนเดียวมาด่วนจากไปเลยจะยื่นใบลาออก แต่ดวงตะวัน ภรรยาที่น่ารักของภัทรเอ่ยทัดทานไว้เสียก่อน ลุงสมบัติจงรับใบลาออกกลับไป ดวงตะวันจึงรับเป็นเจ้าภาพงานศพของบุตรสาวและบุตรเขยของลุงสมบัติ พร้อมทั้งออกค่ารักษาพยาบาลให้น้องดรีม รวมทั้งจะส่งเสียให้น้องดรีมเรียนจนจบปริญญาตรีโดยไม่มีข้อผูกมัดใดๆทั้งสิ้น
“สบายดีค่ะ คุณลุงภัทรสบายดีใช่ไหมคะ” เด็กหญิงตัวน้อยเอ่ยถามเสียงใส ภัทรจงก้มตัวไปลงอุ้มร่างน้อยของน้องดรีมขึ้นมา
“สบายดีค่ะ”
“แล้วคุณตะวันไม่มาเหรอครับ”
“มา แต่อยู่มุมใดมุมหนึ่งของร้านนี่แหละ อ้ออยู่มุมโน้นนั่นเอง” พูดเสร็จภัทรก็ก้าวเท้าไปยังทิศทางที่ภรรยายืนอยู่ทันที
“จ้ะเอ๋คุณอาตะวัน” น้องดรีมโผเข้ากอดดวงตะวันทันที ทำเอาคนร่างบางหันมารับร่างเด็กหญิงแทบไม่ทันดีที่ภัทรคอยประคองอยู่ ไม่อย่างนั้นได้ล้มลงไปอาทั้งหลานอย่างแน่นอน ความจริงแล้วน้องดรีมต้องเรียกดวงตะวันว่าคุณลุง แต่คนตัวเล็กน่าใสได้ยินแล้วไม่ชอบใจเท่าไรนัก เลยเปลี่ยนใหม่ให้เรียกว่าคุณอาแทน ส่วนภัทรก็ปล่อยให้เรียกคุณลุงต่อไป
“ว่าไงคะคนสวย ไม่เจอตั้งนาน ลืมคุณอาตะวันไปหรือยัง” ดวงตะวันส่งตุ๊กตาหมี่ให้อ้อมแขนของตนเองให้ภัทรแล้วกระชับอ้อมกอดรัดร่างเด็กน้อยให้แน่นกว่าเดิมด้วยความเอ็นดู”
“ไม่ลืมหรอกค่ะ คุณอาตะวันน่ารักจะตาย น้องดรีมไม่ลืมแน่นอน”
“พูดถูกใจ อย่างนี้ต้องให้รางวัลเสียหน่อย” ดวงตะวันหอมแก้มซ้ายขวาของเด็กน้อยอย่างเอ็นดู จนภัทรต้องยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาบันทึกภาพความน่ารักของทั้งคู่อย่างอดไม่ได้
“สวัสดีครับคุณตะวัน” สมบัติเดินตามเสียงพูดคุยเข้ามา แล้วก็พบว่าหลานสาวที่น่ารักของตนนั้นอยู่ในอ้อมแขนของเจ้านายน้อยแล้ว
“สวัสดีครับลุงบัติ วันนี้พาเจ้าหญิงมาช้อปปิ้งเหรอครับ” ทั้งสามเคลื่อนย้ายมานั่งคุยกันอยู่ตรงที่โซฟารับรองแขกหน้าร้าน โดยพนักงานนำน้ำและขนมออกมารับรองอย่างรวดเร็ว เพราะผู้จัดการกำชับมาอย่างดีว่าให้รับรองคุณดวงตะวันและคุณภัทรพร้อมแขกอย่างดี เพราะรายได้หลักแต่ละเดือนส่วนใหญ่มาจากลูกค้าหน้าหวานตัวเล็กแทบจะทั้งสิ้น
“เห็นว่าเป็นเด็กดีก็เลยต้องมาทำตามสัญญาที่ให้กับเขาไว้นะครับ” สมบัติเอ่ยตอบ พร้อมทั้งมองหลานสาวที่นั่งอยู่บนตักของดวงตะวันด้วยสายตาที่เอ็นดู
“เจ้าหญิงของคุณอาตะวันเก่งจังเลย อย่างนี้ต้องให้รางวัลคนเก่งซะแล้ว”
“ไม่เป็นไรครับคุณตะวัน แค่นี้ผมก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้ว” สมบัติเอ่ยปฏิเสธด้วยความเกรงใจ เพราะบุญคุณที่อีกฝ่ายเคยให้ความช่วยเหลือก็มากเกินพอแล้ว
“ลุงไม่ต้องเกรงใจ คิดเสียว่าเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน เนอะเจ้าหญิงน้อย”
“ค่ะ น้องดรีมอยากได้ครอบครัวเมียตรงนั้นน่ะค่ะ” เด็กน้อยชี้นิ้วไปทางโซนตุ๊กตาหมีที่จัดไว้เป็นเซ็ทครอบครัว
“ไปบอกพนักงานเลยค่ะ”
“อาตะวันน่ารักที่สุดเลย” เด็กน้อยหอมแก้มใสของดวงตะวันซ้ายขวาแล้วกระโดดลงจากตักวิ่งไปดูตุ๊กตาอย่างตื่นตาตื่นใจ โดยมีคุณตาคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ
“นี่เห็นว่าเป็นน้องดรีมหรอกนะ ถ้าเป็นคนอื่นมาหอมแก้มเมียภัทร โดนกระทืบไปนานแล้ว”
“พูดอะไรภัทร อายคนอื่นบ้าง”
“พูดความจริง”
“นั่งเงียบๆไปเลย”
“ขู่เหรอๆ กล้าขู่ท่านประธานเหรอ” ภัทรขยับเข้ามาใกล้ร่างบางพร้อมทั้งตวัดแขนรั้งคนเอวบางให้เข้ามาแนบชิดทันที มองดูคนน่ารักปัดป้องมือพัลวันแล้วสนุกจนต้องเผยรอยยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้
“แล้ววันนี้ท่านประธานจะนอนตรงไหนครับ” ดวงตะวันถามยิ้มๆ นั่งนิ่งในอ้อมแขนแข็งแกร่งของภัทรไม่ขยับไปไหน เพราะขัดขืนหรือปัดป้องไปอย่างไรมันก็สูญเปล่าอยู่ดี
“ก็ต้องนอนกับเมียอยู่แล้วครับคุณตะวันน้อย”
“ท่านประธานคิดผิดแล้วครับ วันนี้ดูเหมือนว่าท่านประธานจะได้นอนนอกห้องแล้วล่ะ”
“ไม่อาวววววววว ภัทรจะนอนกอดเมีย”
“หยุดเลยภัทร พูดอะไร อายคนอื่นบ้าง” ดวงตะวันตอนนี้เลือดสูบฉีดไปทั่วใบหน้าเนียนทำเอาคนมองอย่างภัทรตาพร่าขึ้นมาเพราะความน่ารักน่าใคร่ของอีกฝ่าย
“แล้วตกลงเลขาจะให้ท่านประธานนอนตรงไหน”
“ถ้าท่านทำตัวดีๆ ก็จะพิจารณาใหม่นะครับ” ดวงตะวันเอ่ยยิ้มๆ แล้วลุกขึ้นไปสมทบกับน้องดรีมและสมบัติที่กำลังฟังพนักงานอธิบายอย่างสนอกสนใจ
“ว่าไงคะเจ้าหญิงน้อย ตกลงหนูอยากได้ตัวไหน”
“หนูอยากได้พ่อหมี แม่หมี แล้วก็ลูกหมีค่ะอาตะวัน” เด็กน้อยเอ่ยเสียงใส ดวงตะวันย่อตัวลงไปอุ้มน้องดรีมขึ้นมาหอมแก้มทั้งสองข้างแล้วบอกให้พนักงานไปทำตามประสงค์ของเจ้าหญิงน้อยที่ตนกำลังอุ้มอยู่
“ขอบคุณคุณอากับคุณลุงหน่อยซิน้องดรีม” เด็กน้อยยกมือไหว้ภัทรและดวงตะวัน พร้อมทั้งหอมแก้มไปคนละสองฟอดอย่างน่ารัก ท่ามกลางสายตาของพนักงานในร้านที่มองมาอย่างชื่นชม
“น้องดรีมต้องตั้งใจเรียนนะครับ ไม่ดื้อ ไม่ซน ไม่ทำให้คุณตาต้องเหนื่อย เข้าใจไหมครับ” ดวงตะวัยเอ่ย
“เข้าใจค่ะ น้องดรีมจะทำตามที่คุณอาตะวันบอกทุกอย่างเลย”
“ดีมากครับ”
พนักงานเดินถือถุงตุ๊กตาออกมาให้ ดวงตะวันจึงบอกให้พนักงานถือไปส่งที่รถของสมบัติ ก่อนไปคุณลุงคุณอาคุณหลานก็ล่ำลากันนานพอสมควร ดวงตะวันและภัทรมองตามหลังของคุณตาและคุณหลานที่เดินจูงมือกันไปด้วยสายตาที่เอ็นดูแกมสงสาร
“หวังว่าการให้ครั้งนี้ จะทำให้น้องดรีมลืมเรื่องเศร้าๆไปได้นะ” ดวงตะวันเอ่ย
“ทุกอย่างต้องการเวลา” ภัทรเอ่ยเสียงนุ่ม พร้อมทั้งยกแขนโอบหัวไหล่บางของดวงตะวันเข้ามาแนบอก
“อืม”
.
.
.
.
.
๐ ชีวิตดราม่า
๐......................... มันเศร้าจริงๆช่วงนี้ หมดแรงแต่งนิยาย
รักและขอบคุณ
By Chocolate Love ~