ll แผนลับสลัดแฟน(เก่า) ll - ตัวอย่างตอนพิเศษ : หลังจากนั้น[20/08/2562] P.14
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ll แผนลับสลัดแฟน(เก่า) ll - ตัวอย่างตอนพิเศษ : หลังจากนั้น[20/08/2562] P.14  (อ่าน 68052 ครั้ง)

ออฟไลน์ PAtxxkMxxn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
เชียร์ศศิน

ออฟไลน์ มาจะกล่าวบทไป

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +666/-7
    • เพจ 'มาจะกล่าวบทไป'
   
ตอนที่ 12

   พายุตั้งเค้า

   

   ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วนับจากตวันลาออก รวมๆ แล้วผมเรียนรู้งานที่ดาราลัยจิวเวลรี่ได้ร่วมสี่เดือน ถ้าเป็นเด็กทดลองงานนับว่าผ่านโปรฯ ฉลุย หลายๆ อย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น รวมถึงร่างกายผมเองที่เริ่มชินกับการตื่นเช้าทั้งที่ตอนแรกแทบจะเป็นจะตาย

   ผมค่อยๆ ปรับตารางตามคำแนะนำของศศิน ไปทำงานเช้าตรงเวลาทุกวัน แต่หลังประชุมเสร็จเมื่อไม่มีธุระสำคัญหรือเอกสารต้องเซ็นก็ออกมานั่งทำงานข้างนอก ส่วนใหญ่ตระเวนนั่งตามร้านคาเฟ่ถูกใจ ติดต่องานกับเลขาฯ ผ่านอีเมล กินลมชมวิวสักสามสี่ชั่วโมงก็ค่อยไปที่ทำงานอีกครั้ง ก่อนจะกลับพร้อมพนักงานทุกคน

   ตอนแรกๆ หลายคนก็ไม่ชินหรอกกับเจ้านายที่แวบไปแวบมา เพราะตวันเป็นหัวหน้าที่ตรงต่อเวลาและประจำอยู่ในบริษัทเสมอ แต่ผมก็เริ่มจากออกมานั่งอาทิตย์ละครั้งบ้าง สองอาทิตย์ครั้งบ้าง จนตอนนี้เริ่มกลายเป็นสามวันครั้งต่ออาทิตย์ ข้อดีคือผมคิดงานได้ไวกว่านั่งหน้าโต๊ะซะอีก และผลงานก็เป็นที่น่าพอใจด้วย หลายคนเลยเริ่มเข้าใจถึงวิธีการทำงานของนาวา ดาราลัย เพราะตอนนี้มีใบสั่งให้ผมช่วยออกแบบเครื่องประดับเรียงยาวเป็นหางว่าว แต่ผมดันไม่ทำตามออเดอร์ เน้นทำตามอารมณ์ซะส่วนใหญ่ เล่นเอาฝ่ายบริการลูกค้าถึงกับหัวหมุน จะเร่งก็ไม่ได้เพราะถ้าคิดไม่ออกก็คือคิดไม่ออกจริงๆ

   วิธีการทำงานของตวันคือการสนับสนุนลูกน้อง เน้นเติบโตไปพร้อมๆ กันอย่างค่อยเป็นค่อยไป แม้จะไม่มีผลงานโดดเด่นแต่ยอดขายเพิ่มขึ้นแบบเรื่อยๆ ส่วนวิธีการทำงานของผมคือต้องสนับสนุนคนที่มีผลงานโดดเด่นและสร้างความเชื่อมั่นว่าผู้นำอย่างผมจะสามารถขับเคลื่อนดาราลัยจิวเวลรี่ไปข้างหน้าได้อย่างก้าวกระโดด ยอดซื้อยอดสั่งจองแบบสั่งพิเศษนับว่ามากเป็นประวัติการณ์ ฉะนั้นเมื่อผมเริ่มเถลไถลมากขึ้น จากไม่ชินไม่เข้าใจ พอเห็นผลงานออกมาดีกว่าเดิมพนักงานหลายคนก็แทบจะไล่ให้ผมไปไวๆ ด้วยซ้ำ

   ผมเองก็ค่อยยังชั่ว ไม่อึดอัด ให้นั่งหน้าโต๊ะทำงานทั้งวันตายพอดี!

   อย่างวันนี้เองผมก็หาร้านคาเฟ่ถูกใจได้อีกแห่ง เป็นร้านเรือนกระจกที่ตกแต่งสวนด้วยต้นไม้ของจริง แต่ใช้เครื่องปรับอากาศให้ความเย็นแทนลมธรรมชาติ เพราะประเทศไทยตอนนี้ร้อนตับแลบ ขืนนั่งกลางสวนกลางแดดมีหวังคงหัวร้อนมากกว่าจะนั่งทำงานสบายๆ จุดที่ผมนั่งอยู่นี้เป็นโดมไม้ซึ่งมีลักษณะคล้ายเถาวัลย์พันเกี่ยวซึ่งแยกจากโซนหลักและเป็นส่วนตัว เก้าอี้รูปไข่ตัวใหญ่ปูด้วยเบาะนุ่มและหมอนหนุนอัดแน่นถึงสามใบ พิงไปทางไหนตัวก็แทบจมไปในหมอน นุ่มนิ่มจนเกือบเคลิ้มหลับไปหลายรอบ ถ้าไม่ติดว่ามีโกโก้ให้นั่งจิบแก้ง่วง มองวิวไปก็ทำงานไป สุขีสุดๆ

   จนกระทั่งมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามา

   ผมเงยหน้าจากกระดาษสเก็ตช์ซึ่งวาดละเลงเละเทะทั้งแหวนและต่างหู

   “ขอคุยด้วยได้มั้ยคะ”

   “ไม่ได้”

   ผมตอบทันทีก่อนจะก้มหน้าทำงานต่อ แต่ผู้มาเยือนไม่ฟัง เธอถือวิสาสะทิ้งตัวนั่งฝั่งตรงข้ามผม ซึ่งจะเป็นใครไม่ได้นอกจากพาฝัน

   ผมไม่แปลกใจเท่าไหร่กับการปรากฏตัวครั้งนี้เพราะผมเพิ่งจะถ่ายรูปเช็กอินร้านลงโซเชียลเมื่อสามสิบนาทีก่อนนี่เอง ปกติผมไม่บอกใครหรอกนะว่าอยู่ที่ไหน แต่ร้านนี้ศศินเป็นคนแนะนำมา ผมไม่อยากขอบคุณเขาตรงๆ เลยใช้วิธีอ้อมโลกอย่างถ่ายรูปลงโซเชียลให้มูนนี่ของที่รักเห็นแทน

   “ฉันท้อง”

   “เรื่องของคุณ” ผมเอ่ยตัดบทไร้เยื่อใย เพราะเธอจะท้องหรือไม่ท้อง ผมก็ไม่ใช่คนมีอะไรกับพาฝันอยู่ดี แม้จะแอบสะดุ้งในใจก็ตาม...

   หนึ่งเดือนที่มานี้ตวันไม่ติดต่อมาอีกเลยและหายหน้าหายตาไปจากแวดวงสังคม ซึ่งผมรู้มาจากศศินว่ากำลังตระเวนหางานแต่ไม่ค่อยรุ่งนัก ตวันเป็นคนมีความสามารถ แต่ประวัติติดตัวไม่ดี แถมยังขัดแย้งกับตระกูลใหญ่อย่างดาราลัย เลยไม่ค่อยมีคนอยากรับเผือกร้อนนี้เท่าไหร่นัก

   ส่วนพาฝัน เธอหมดอนาคตในวงการ คนไทยชอบเรื่องคาวๆ รักสามเส้าเราสามคนอยู่แล้ว จากที่ดังในแวดวงนางแบบ ไม่ค่อยมีคนรู้จักเท่าดารานักแสดง ตอนนี้กลายเป็นที่รู้จักทั้งประเทศ เธอกลายเป็นมือที่สาม เมียน้อย คนขี้โกหก สภาพแย่กว่าตวันหลายเท่า

   “ฉันอยากให้คุณช่วยติดต่อตวันให้รับผิดชอบฉัน”

   “เอ่อ...ขอโทษนะ” ผมโคลงศีรษะเล็กน้อย “ฉันต้องเล่นบทพ่อพระเป็นสะพานเชื่อมให้พวกคุณด้วยเหรอ”

   ผมถามงงๆ

   “ฉันติดต่อตวันไม่ได้! เขาบล็อกเบอร์ เปลี่ยนที่อยู่ หายตัวไปดื้อๆ แต่ถ้าเป็นคุณ...เขาต้องรับแน่”

   พาฝันดูหมดหนทางแล้ว

   “อย่างน้อยก็เห็นแก่เด็กที่ไม่รู้เรื่องอะไรที่กำลังจะเกิดมาด้วยเถอะ”

   ผมเหลือบมองท้องพาฝัน อาจเพราะเป็นท้องสาว เพิ่งผ่านมาไม่กี่เดือนเลยยังดูไม่ค่อยออกเท่าไหร่ แต่จากท่าทางของเธอบ่งบอกว่าเธอจนปัญญาจะตามหาตวันแล้วจริงๆ

   ตลกดี ตอนกินก็แอบไปกินกันในที่ลับ มีความสุขกันสองคน พอความแตกก็แยกย้ายทางใครทางมัน แล้วมาทำหน้าทุกข์ตรมอ้อนวอนผมซะงั้น

   ผมไม่ตอบอะไร แต่นั่งสเก็ตช์ภาพต่อซึ่งไม่ค่อยเกี่ยวกับงาน ผมหันไปวาดรูปดอกไม้ ใบไม้ ต้องขอบคุณตอนเด็กที่แม่ชอบพาไปเรียนพิเศษทั้งภาษาและคณิตศาสตร์ แต่ผมชอบวิชาศิลปะที่สุด แม้ดอกไม้ของผมจะใหญ่กว่าแบบตรงหน้า แถมยังมีเส้นใยย้วยๆ ยืดๆ ลากออกจนกลายเป็นภาพวาดหลุดโลกไปแล้วก็ตาม

   พอผมไม่ตอบรับ พาฝันก็นั่งร้องไห้ให้ชมซะงั้น วัดความอดทนงั้นเหรอ ได้สิ ผมหันมานั่งวาดภาพพาฝัน ยื่นดินสอมาตรงหน้าพลางหลับตาข้างหนึ่งเหมือนพวกศิลปิน ผมไม่ค่อยถนัดวาดภาพคนเท่าไหร่ แต่คิดว่าออกมาไม่เลว อย่างน้อยก็มองออกว่าเป็นผู้หญิงผมยาว

   “อ้าว จะไปแล้วเหรอ”

   พาฝันร้องไห้หนึ่งชั่วโมง ผมเพิ่งวาดเสร็จแค่ครึ่งตัวเท่านั้น

   เธอไม่ตอบอะไร แต่ถลึงตามองผมโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ กระทืบเท้าลาจากโดยไม่บอกลากันสักคำ เอาเถอะ ผมเองก็เริ่มจะเบื่อเก็บรายละเอียดเสื้อผ้าที่ใกล้จะกลายเป็นการออกแบบเสื้อผ้าแทนวาดภาพเหมือนอยู่รำไร พอเธอไปผมก็ฉีกกระดาษขยำทิ้ง หันมาจิบโกโก้ที่เริ่มเย็น ก่อนจะนั่งขีดๆ เขียนๆ แบบจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

   สุดท้ายก็ถอนหายใจเฮือก

   นาวานะนาวา นายจะหาเรื่องให้ตัวเองทำไมเนี่ย!

   [ที่รักจ๋าโทรหาก่อนด้วย แม้จะเพราะเรื่องของพาฝัน แต่ฉันก็ดีใจนะ]

   “ไหนนายเลิกให้คนตามฉันแล้วไง” ผมเอ่ยเซ็งๆ ถึงไม่รู้สึกตัวเวลาโดนตาม แต่ผมไม่ชอบความรู้สึกของการถูกจับตามอง ศศินให้คนตามผมช่วยอกหักใหม่ๆ เพราะกลัวจะไปเมาหัวราน้ำแล้วกลับห้องไม่ถูก แต่หลังจากทรมานตัวเองได้ไม่กี่วันผมก็เลิกแล้วบอกให้เขาเอาคนของตัวเองไปไกลๆ ได้แล้ว

   ศศินเป็นพวกพูดคำไหนก็เป็นคำนั้น

   ผมเลยไม่คิดว่าเขาจะผิดสัญญา

   [ฉันให้คนตามพาฝัน ก็เลยรู้ว่าเธอไปหาที่รัก อย่าโกรธนะครับ]

   ผมนวดขมับ

   “เธอท้อง”

   [อ้อ แล้วไงล่ะ]

   คำตอบศศินโคตรเหมือนผมเลย นั่นสิ เธอท้อง แล้วมาเกี่ยวอะไรกับผมวะ

   “เธอติดต่อตวันไม่ได้ แต่นายคงรู้ใช่มั้ยว่าตวันหายไปไหน”

   [ที่รักจะไปหามันเหรอ]

   “อยากจะจบเรื่องนี้สักทีต่างหาก ฉันปวดหัวจะแย่ พาฝันพูดถูก เด็กไม่รู้เรื่องด้วย ไม่ว่ายังไงฉันก็ปล่อยให้เธอติดต่อตวันไม่ได้จนคลอดไม่ไหวหรอก เจอกันแล้วพวกเขาจะตกลงยังไงก็ช่าง ถือว่าอย่างน้อยฉันก็ไม่ต้องมารู้สึกผิดทีหลัง”

   [ที่รักประเสริฐเหลือเกิน]

   “สรุปแล้วตวันอยู่ที่ไหน”

   [ฉันจะพาไปเอง]

   




   เย็นวันนั้นผมแวะเข้าบริษัทเพื่อส่งงานสเก็ตช์ร่างเครื่องประดับที่ทำได้แค่สองแผ่นเท่านั้นก่อนพาฝันจะมาหา แล้วรอให้ศศินมารับไปด้วยกัน ผมนั่งรถจนเบื่อ ตวันหนีมาไกลถึงต่างจังหวัด ก็ไม่แปลกที่พาฝันจะหาไม่เจอ

   แต่ไม่พ้นสายตาของศศิน

   ถึงจะโอนหุ้นคืนผมทั้งหมด แต่ผลกำไรในช่วงที่เขาทำงานก็นับเป็นเงินเก็บให้ตวันใช้จ่ายฟุ่มเฟือยโดยไม่อดตายอีกสักปีสองปี ผมเลยแปลกใจเมื่อศศินให้คนขับรถจอดอยู่หน้าตึกแถวเก่าโทรมแห่งหนึ่ง ตวันเช่าห้องรูหนูทำไม นึกอยากใช้ชีวิตสมถะงั้นเหรอ

   “ห้องของตวันคือ 2084 ขึ้นบันไดแล้วเลี้ยวขวา คนของฉันรายงานว่าเขาเก็บตัวไม่ออกมาข้างนอกสามวันแล้ว”

   ผมพยักหน้า ก่อนจะลงจากรถ แน่นอนว่าศศินไม่ตามลงมาด้วย เพราะเขาถือเป็นคนนอกโดยสิ้นเชิง

   ถึงอย่างนั้น...ก็ฟังคำเอาแต่ใจของผมตลอด

   ในอกคันยุบยิบอย่างบอกไม่ถูก ก่อนจะสลัดความรู้สึกนั้นทิ้งแล้วขึ้นเดินขึ้นบันไดไปหาตวันตามคำบอกเล่าของศศิน เคาะประตูห้องอยู่นาน ถึงจะได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวด้านใน

   ทันทีที่ตวันเห็นผมเขาก็นิ่งค้าง

   ส่วนผมเองเมื่อเห็นตวันก็อ้าปากค้างจนยุงบินเข้าไปหลายตัว

   ตวัน...ชายหนุ่มซึ่งมักแต่งตัวสุภาพ ให้ภาพลักษณ์อบอุ่นอ่อนโยนเข้ากับคนง่ายคนนั้น กลายเป็นไอ้ขี้เมากลิ่นเหล้าหึ่ง ผมเผ้าปล่อยกระเซิง หนวดไม่โกน น้ำไม่อาบ สภาพแย่ชนิดที่หากเดินสวนกันริมถนน ผมก็คงจะจำไม่ได้

   หลังเลิกกับเขา ผมเป๋ไปช่วงหนึ่ง

   แต่เหมือนหลังจากเลิกกับผม ตวันแทบไม่เป็นผู้เป็นคนเลย...

   “วะ...วา” ตวันคงอับอาย เพราะเมื่อหายตะลึงเขาก็พยายามจะปิดประตูห้องหนี แต่โทษทีเถอะ วันนี้ที่มาไม่ได้จะถามสารทุกข์สุกดิบ แต่เพราะพาฝันต่างหาก

   “ฉันคุยแป๊บเดียวก็กลับแล้ว” ผมวางมือบนกรอบประตู ตวันหักใจกระแทกประตูปิดไม่ลงเลยได้แต่ปล่อยผมให้เดินเข้ามาสำรวจในห้องด้วยสภาพหน้าม่อยคอตก ยกมือปิดหน้า พูดพึมพำแทบจับใจความไม่ได้

   ดูเหมือนตลอดสามวันนี้...ไม่สิ ตลอดเดือนนี้ตวันจะมีชีวิตอยู่ได้ด้วยเหล้าล้วนๆ ถึงว่าผอมลงแถมโทรมสุดๆ ห้องนี้เครื่องเรือนแทบไม่มี เหมือนเขาเช่าห้องเปล่าๆ มานอนกลิ้งเกลือกกลางขวดเหล้า ย่ำแย่กว่าที่ผมคิดไว้มากนัก

   เพราะได้รับการอบรมมาดี แม้จะขยะแขยงแค่ไหนแต่ผมก็ใช้มือกวาดขวดเหล้าระเกะระกะเพื่อหาที่นั่ง ผมอยากให้ตวันสงบใจก่อนเข้าเรื่องสำคัญเลยจัดแจงสร้างพื้นที่แล้วหาผ้าแถวนั้นมาปูรอง...นี่มันเสื้อตวันนี่หว่า ช่างเถอะ

   “นั่งลง” พูดจบ ตวันก็แทบจะทรุดตัวลง เขาคุกเข่าตรงหน้าผม เอ่ยวกวนเหมือนวันนั้นที่เลิกรา

   “ขอโทษนะวา ผมขอโทษ ผมผิดเอง ผมไม่ควรทำอย่างนั้น ผม...ผม...”

   “เงียบ” ผมเอ่ยเสียงห้วน “ที่ฉันมาไม่ได้จะพูดเรื่องของเรา แต่จะมาพูดเรื่องของนายกับพาฝัน”

   คำแทนตัวที่ไม่ใช่ชื่อเหมือนเดิม ทำให้ตวันมองผมตาลอย

   “พาฝัน?...ผมเลิกกับเธอแล้ว!”

   “อ้อเหรอ แต่เหมือนเธอจะไม่อยากเลิกกับนายนะ โดยเฉพาะตอนที่เธอกำลังท้อง”

   ตวันตะลึง เขาพยายามจะเถียง คล้ายอยากปฏิเสธ แต่ก็พูดไม่ออก

   “นายกำลังจะเป็นพ่อคน ตวัน”

   “แต่...”

   “จะบอกว่าใช้ถุงยางทุกครั้งว่างั้น? แต่นายคงไม่ลืมนะว่าตอนเรียนสุขศึกษา ถุงยางป้องกันไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์!”

   ต้องมาพูดเรื่องกิจกรรมบนเตียงของคนรักเก่า ไม่ใช่เรื่องน่าอภิรมย์นักหรอก

   “คงยังไม่ถึงกับทิ้งโทรศัพท์ใช่มั้ย ติดต่อหาเธอซะ แล้วพาไปฝากท้องให้ถูกต้อง ถ้าจะให้ดี ก็หาที่อยู่ใหม่แล้วพาเธอไปอยู่ด้วย ไม่ต้องกลับกรุงเทพฯ สักพัก”

   “วา...” เขาน้ำตาคลอ เหมือนก่อนหน้านี้แม้จะเลิกรายังพอทำใจได้ แต่การต้องไปรับผู้หญิงอีกคนที่ไม่ได้รักมาใช้ชีวิตด้วย คงไม่ต่างกับนรกทั้งเป็น

   ก็ถือว่าสาสมกับที่พวกเขาทำกับผมน่ะนะ

   “จำไว้ตวัน นายจะเป็นคนรักที่ไม่ดีก็ได้ แต่นายต้องเป็นพ่อที่ดี” ผมลุกขึ้น หมดธุระแล้ว “นายอยากเป็นมาตลอดไม่ใช่เหรอ ยินดีด้วยนะ”

   ตวันปล่อยให้ผมเดินออกไปโดยไม่รั้ง คงจะคิดถึงอนาคตข้างหน้าว่าจะทำตัวสำมะเลเทเมาอย่างนี้ไม่ได้ สิ่งหนึ่งที่ผมมั่นใจคือตวันเป็นคนมีความรับผิดชอบมากพอ แม้จะเลิกรากับพาฝัน แต่เขายินดีจะรับเลี้ยงลูกในท้อง

   เพราะเขามีปมด้อยเรื่องนี้มาตลอด

   ตวันเป็นเด็กไม่มีพ่อ อีกทั้งแม่ยังเป็นคนใช้ที่ไม่สามารถพูดออกมาเต็มปากได้ เขาจึงตั้งมั่นมาตลอดว่าอยากมีครอบครัวที่ดี ด้วยกำลังทรัพย์ที่พรั่งพร้อม จะไม่ให้ลูกต้องขาดความอบอุ่น จะไม่ให้ต้องเติบโตมาอย่างเขา

   แต่ตวันเก็บความฝันนั้นเมื่อคบกับผม

   เมื่อได้เป็นจริง...ก็นับเป็นเรื่องดีๆ ท่ามกลางความโชคร้าย

   ลับหลังตวัน ผมก็ลูบหน้าลูบตาตัวเอง อดสงสัยไม่ได้ว่าเป็นนักบุญรึไงนะ

   ตอนเด็กผมเกลียดคนที่ล้อเลียนตวันมาก ฉะนั้นผมจะไม่มีวันเป็นอย่างที่เกลียดเด็ดขาด ผมไม่เคยคิดจะใช้เรื่องชาติกำเนิดหรือปมด้อยมาทำร้ายเขา เหมือนที่แม้ตวันจะนอกใจกัน ผมก็ไม่คิดจะประชดเอาคืนด้วยการนอกใจ อะไรที่ไม่ชอบผมก็ไม่ทำและไม่คิดจะทำด้วย

   รวมถึงเรื่องนี้ซึ่งผมยังงงว่ามันใช่ปัญหาของผมที่ต้องนั่งรถจากกรุงเทพฯ ถ่อมาเตือนสติคนรักเก่าด้วยเหรอ

   ช่วยไม่ได้จริงๆ ผมเกลียดการรู้แก่อกแต่ไม่ทำอะไรสักอย่าง ความเอาแต่ใจของผมบางครั้งก็รวมถึงเรื่องพวกนี้

   การเป็นนาวานั้นไม่ง่ายเลย

   “เรียบร้อยแล้วเหรอที่รัก”

   แต่การเป็นศศินคงไม่ง่ายยิ่งกว่า

   เขาทำเหมือนพวกว่างงาน แค่ผมเรียกก็พร้อมมาหาทันที ทั้งที่งานจริงๆ ของเขาคือคอยคุมพวกร้านไนต์คลับช่วงกลางคืน

   “ขอบใจ”

   “อะไรนะที่รัก เหมือนหูไม่ค่อยดีชอบกล” ศศินแสร้งตบบ้องหู เขามองผมเหวอๆ แบบทีเล่นทีจริง

   “ขอบใจ!”

   พลันอีกฝ่ายยิ้มกว้างทันที

   “ฉันเต็มใจทำให้ที่รักเสมอ ขอแค่เวลามีปัญหา นึกถึงฉันเป็นคนแรกก็พอแล้ว”

   คำพูดพระเอกมาก ถ้าไม่ติดว่าคนพูดทำหน้าตัวร้ายแบบนี่สิโอกาสฟ้าประทานแบบไม่ปิดบังสักนิด

   ผมรีบขึ้นรถ รู้สึกเขินขึ้นมาอย่างประหลาด

   เขินอายกับศศินเนี่ยนะ บ้าไปแล้ว!


   -----------------------

   การเป็นนาวานั้นไม่ง่าย แต่การเป็นศศินนั้นยากกว่า...เพราะศศินแทบไม่เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลย แต่กลับเสนอตัว ช่วยสืบ พานาวามาส่ง เรียกว่าที่รักสั่งอะไรทำให้หมด โดยที่ตัวเองไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย เสียทั้งเวลา ทั้งเงิน แถมยัง...ความรู้สึกในหลายๆ ครั้งเวลานาวาไปหาตวัน ฉะนั้นการเป็นศศินไม่ง่ายเลยจริงๆ ค่ะ

   แต่...แต่!!!

   นาวาก็เริ่มจะแพ้ความดี?...เอ่อ...ความชั่ว?...เอ่อ ความอะไรดี เอาเป็นว่า...นาวาก็เริ่มจะแพ้ความศศินขึ้นมานิดๆ แล้วค่ะ!

   #นาวาสไตล์

   

   
ตัวอย่างตอนต่อไป นาวาใจอ่อนทั้งที ไม่ให้รุกคงไม่ใช่ศศิน!
   “ที่รักจ๋า วันนี้อยากกินอะไรเอ่ย อาหารทะเล อาหารไทย หรืออาหารฝรั่งดีจ๊ะ?”
   

เพจ : มาจะกล่าวบทไป
Twitter : MajaYnaja

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
มาขอความช่วยเหลือ ด้วยมาดแบบนี้นะ มันน่าช่วยไหมเนี่ย

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เฮ้ออออ เป็นเวรเป็นกรรมจริง ๆ นะตวัน

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ถึงจะไม่น่าช่วยแต่เห็นแก่เด็กที่ไม่รู้เรื่องด้วยอ่ะเนอะ

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
      ท้องกับตวันจริงดิ

เริ่มต้นใหม่กับศศินเร็วๆนะนาวา :mew2:

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
ใจอ่อนกับศศินแล้วสุดๆ,,,

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ไม่หลงเหลือ เยื่อใย ให้กันอีก
ไม่ต้องหลีก หัวใจ ให้เศร้าหมอง
ไม่ต้องมา เจอกัน ไม่อยากมอง
เรื่องของเรา ทั้งสอง ให้จบลง

ไม่ต้องมา คร่ำครวญ ชวนให้คิด
เพราะไม่เหลือ ซักนิด คิดรักหลง
อโหสิ ผิดทำไว้ ให้ชวนปลง
ไม่คืนดี ไม่ลดลง จงลืมไป

นาวา#มันต้องยังงี้ดิคนสวย#ขยะเปียกต้องทิ้งในถังขยะเน่า

ฮักนะ#จันทราเจ้าเล่ห์#ศศินกินได้ก่ะ  :hao6:
อิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ maxtorpis

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1442
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-4

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
สมน้ำหน้าพาฝัน

ออฟไลน์ ROCKLOBSTER

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-4

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
สงสารเด็กที่จะเกิดมาเลยทีเดียว

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ต่อจากนี้ก็ใช้ชีวิตเลี้ยงดูลูกให้ไม่ขาดเหมือนตัวเองนะตวัน  :hao3:

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
สนุก คงเพราะไม่ค่อยได้ส่องเล้าเลยไม่รู้ว่าคุณมาจะกล่าวบทไปลงนิยายใหม่แล้ว ตามนะคะ สนุกมากเลย

ออฟไลน์ มาจะกล่าวบทไป

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +666/-7
    • เพจ 'มาจะกล่าวบทไป'
   
ตอนที่ 13

   ช่วงเวลาแห่งความสงบ
   

   ผมหัวหมุนกับงานจนลืมตวันโดยสิ้นเชิง

   เพราะมีโปรเจ็กต์ใหญ่เข้ามาซึ่งเป็นงานแต่งงานของไฮโซท่านหนึ่งที่เป็นลูกสาวของลูกค้าของดาราลัยจิวเวลรี่มาเนิ่นนาน เธอต้องการเครื่องเพชรสำหรับสวมใส่ทั้งหมดสี่ชุด...ในฐานะเจ้าของ ผมพูดอะไรไม่ได้นอกจากจัดสรรตามประสงค์ เพราะไม่ค่อยสันทัดเรื่องเครื่องประดับเจ้าสาวเท่าไหร่เลยเป็นการระดมความคิดของผมกับทีมออกแบบของบริษัท

   ทีมออกแบบสร้างสรรค์เครื่องประดับใหม่ๆ ออกเป็นคอลเล็กชั่นวางขายตามหน้าร้าน ส่วนผมนั้นจะทำเฉพาะใบสั่งซื้อพิเศษเท่านั้น หรือถ้าอารมณ์กรึ่มๆ กำลังคึก ก็อาจจะออกแบบเครื่องประดับวางกระจายตามหน้าร้านแค่หนึ่งหรือสองชิ้น เกิดเป็นของแรร์สำหรับนักสะสมและลูกค้ารอยัลอย่างศศินที่ตามเก็บโดยไม่สนราคา

   นี่คือความแตกต่างที่ตวันทำไม่ได้ ยุคสมัยใหม่ของดาราลัยจิวเวลรี่ที่เริ่มโปรโมตในโซเชียลผ่านตัวเจ้าของเองอย่างผม และความตื่นเต้นกับการออกแบบใหม่ๆ แบบไม่ซ้ำจำเจ

   ปัญหาก็คือ...คนเป็นเจ้าสาวช่างเรื่องมากเหลือเกิน!

   วันก่อนยังบอกว่าสวยจัง ชอบมาก แต่วันต่อมาก็ขอแก้ไม่ยั้ง แก้เสร็จบอกว่าแบบเดิมสวยกว่า ผ่านไปอีกสองวันขอโละแบบใหม่หมด ผมถึงกับปวดสมอง! เพราะเธอไม่มีความคิดของตัวเอง วันดีคืนดีก็เอารูปงานแต่งของดาราต่างประเทศว่าจะเอาแบบนี้ๆ ทั้งที่แบบเดิมไม่ใช่เลย! งานแต่งมีครั้งเดียวในชีวิต เธอจึงอยากให้ออกมาดีที่สุด ผมเองก็อยากทำให้ดีเหมือนกัน ถ้าเธอไม่เปลี่ยนใจไวน่ะนะ!

   เครื่องประดับหนึ่งชุดประกอบด้วยเทียร่าหรือมงกุฎ ต่างหู สร้อยคอ กำไลข้อมือ

   แก้แบบทีก็แก้ยกชุดเพราะต้องให้ไปทางเดียวกัน

   ผมไม่ไหวแล้ว อยากจะระเบิดตัวตายแล้ว!!

   “ที่รักจ๋า วันนี้ฉันเจอร้านอาหารบรรยากาศดีๆ ที่น่าจะชอบด้วยล่ะ ไปทานด้วยกันนะ”

   “ฉันยังแก้งานไม่เสร็จเลย!”

   “แก้ไม่เสร็จก็ต้องมา ที่รักจ๋าเชื่อฉันเถอะ”

   “โว้ย ไอ้ศศิน ไอ้บ้า!”

   เพราะไม่อยากถูกฉุดกระชากลากถูต่อหน้าพนักงานที่เริ่มอมยิ้ม ผมเลยยอมเดินตามศศินแต่โดยดีกึ่งฉุนเฉียว พอถลึงตาใส่อีกฝ่ายก็ยิ้มขำอย่างกับว่าผมช่างน่ารักเหลือเกิน ขนาดทำตาแทบถลนก็ยังน่ามอง ทะเลาะกับคนบ้าพรรค์นี้มีแต่เจ็บตัวเองซะเปล่าๆ ผมเลยนั่งกอดอกหน้าบึ้งอยู่ในรถ ไม่ยอมพูดกับเขา

   อย่าแปลกใจว่าทำไมพนักงานถึงดูจะยิ้มกรุ้มกริ่มตอนเห็นศศินบุกขึ้นห้องทำงานท่านประธาน เพราะหลังจากนั่งรถไปสะสางเรื่องตวันกับพาฝันด้วยกัน ศศินก็คล้ายจะจับความรู้สึกผมว่าเริ่มเปิดใจมากขึ้นเลยยิ่งรุกหนัก เขาจะมารับผมไปทานข้าวกลางวันทุกวัน รอดบ้าง แห้วบ้างตามอารมณ์ของนาวาคนนี้ แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่อาจหาญขนาดฉุดผมออกจากห้องทำงานที่กองเต็มด้วยกระดาษแก้แบบ พรุ่งนี้ต้องไปคุยกับลูกค้าแล้วแต่ยังไม่เสร็จเลย!

   ผมนวดขมับเป็นพักๆ ในหัวคิดวกวนว่าจะไปปรึกษากับทีมงานยังไงดีหลังทานอาหารมื้อนี้เสร็จ แต่พอถึงร้านอาหารก็ต้องอ้าปากค้าง เพราะเป็นร้านขนาดเล็ก คนไม่พลุกพล่าน แถมยังติดริมน้ำ ลมพัดเอื่อยโชยกลิ่นต้นไม้ใบหญ้า บรรยากาศดีน่านั่งสุดๆ

   “ที่รักชอบล่ะสิ”

   เรื่องอะไรจะทำให้เขาได้ใจกันล่ะ

   ผมไม่ตอบแต่เดินนำเข้าไปในร้าน เรียกเสียงหัวเราะเบาๆ จากศศินที่โบกมือให้บอดี้การ์ดสองคนแยกไปนั่งโต๊ะห่างๆ เพื่อให้เวลาพวกเราสองคนแบบส่วนตัว เขารู้ดีเลยล่ะว่าแม้ไม่พูดอะไรว่าหางตาผมมักมองบอดี้การ์ดร่างบึกแบบนึกรำคาญอยู่บ่อยๆ

   การมีคนเดินตามหลังต้อยๆ แถมไม่รู้จักมักจี่มันอึดอัดนะ!

   ศศินสั่งเมนูแนะนำของร้านและกับข้าวอีกสองสามอย่าง เขาสืบเรื่องผมมาละเอียดยิบๆ เลยรู้ว่าชอบอะไรไม่ชอบอะไร ซึ่งเป็นข้อดีเพราะตอนนี้ผมไม่ค่อยอยากพูดมากเท่าไหร่ ให้เขาจัดการทุกอย่างก็ดีแล้ว

   ไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟ รสชาติไม่นับว่าดีเลิศ ไม่งั้นคงมีคนนั่งเต็มร้าน แต่ก็ไม่ถึงกับย่ำแย่ เพราะผมเน้นชมบรรยากาศมากกว่า หลังพนักงานทำความสะอาดโต๊ะเหลือทิ้งไว้แค่เครื่องดื่ม ผมก็หยิบสมุดสเก็ตช์ขึ้นมาวางบนตัก นั่งชันเข่าหันหน้าเข้าหาแม่น้ำ ฝั่งตรงข้ามคือศศินที่นั่งนิ่งไม่กวนใจ เขาหยิบหนังสือฆาตกรรมของแดน บราวน์ขึ้นมาอ่าน

   เป็นช่วงเวลาที่เงียบสงบอย่างหาได้ยาก

   อาจเพราะเรียนหนังสือไม่เก่ง ทำให้ตอนเด็กต้องอ่านหนังสือหนักเพื่อทำคะแนนให้ได้ทัดเทียมหรือไม่ห่างกับผมมาก ตวันเลยเกลียดการอ่านหนังสือไปโดยปริยาย เวลาอยู่ด้วยกันผมชอบนั่งวาดรูปดูบรรยากาศ ชมฟ้าชมดิน ดื่มโกโก้ร้อนผ่อนคลายสบายใจ ตวันจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นฆ่าเวลา บางครั้งก็อ่านข่าวทำหน้าเคร่งเครียด ไม่ก็ชวนผมถกการเมือง ซึ่งบอกเลยว่ายิ้มฟังอย่างเดียวไม่ขอออกความเห็น

   เสียงขีดเขียนของดินสอจรดกระดาษ และเสียงพลิกหน้าหนังสือคลอไปกับเพลงบรรเลงในร้านอาหาร ให้ความรู้สึกแปลกใหม่ที่ผมเองก็ไม่รู้จะบรรยายยังไง แต่สงบใจอย่างบอกไม่ถูก เป็นความเรียบง่ายคล้ายตัดขาดจากโลกภายนอก ลดละโซเชียล ดื่มด่ำกับธรรมชาติและใช้เวลาของตัวเองโดยไม่ก้าวก่ายกันและกันแต่คล้ายจะเชื่อมโยงเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว

   โดยเฉพาะตอนที่ผมละสายตาจากกระดาษแล้วเผลอสบตากับศศินที่เงยหน้าจากหนังสือขึ้นมาพอดี ยิ้มให้กันน้อยๆ แล้วก้มหน้าก้มตากับกิจกรรมของตน ทั้งที่เหมือนไม่อะไรแต่กลับชวนให้หัวใจอบอุ่นอย่างน่าประหลาด

   รักของตวันสนิทสนมลึกซึ้งแทบไม่ต่างกับการเป็นทุกอย่างของกันและกัน ฉะนั้นแม้ความชอบหรือหลายอย่างของเราจะต่างกันคนละขั้ว แต่ด้วยความรักความผูกพันก็ทำให้เลือกจะมองข้ามแล้วคล้อยตามกันเป็นการถนอมน้ำใจ และด้วยปมด้อยของเขาทำให้ผมซึ่งเหมือนจะโดนตวันเอาใจเสมอนั้นเป็นฝ่ายฉุดรั้งดึงดันให้เขาได้ในสิ่งที่ทัดเทียม

   ผมเหนื่อย...ตวันเองก็เหนื่อย

   ส่วนรักของศศิน เป็นความรักค่อนไปทางส่งเสริมสนับสนุนเพราะมีกำลังทรัพย์และทุกอย่างพรั่งพร้อม แม้เวลาคุยกันเป็นต้องแยกเขี้ยว แต่พออยู่ด้วยกันกลับสงบ แตกต่างกับตอนอยู่กับตวันที่แม้จะสุขสมแต่แฝงความอึดอัดในบางครั้ง อาจเพราะผมยังไม่ได้รักเขา ถึงได้ไม่ใส่ใจความรู้สึกอีกฝ่ายอย่างที่ทำกับตวัน

   ถึงอย่างนั้น...ก็อดยอมรับไม่ได้ว่านี่เป็นความรู้สึกที่ดี

   ผมแก้ไขแบบร่างของเครื่องประดับตามคำเรียกร้องของลูกค้าเสร็จตั้งแต่ชั่วโมงแรก นอกนั้นคือนั่งวาดรูปเล่น ความกดดันในใจจากคำวิจารณ์ของลูกค้าที่แก้แบบครั้งแล้วครั้งเล่าจนชักจะไม่มั่นใจตัวเองเริ่มเยียวยาทีละน้อย อาจเพราะผมนิยมทำงานอิสระ และตลอดมาการออกแบบตามใบสั่งก็มักออกมาด้วยดีด้วยทุกคนให้จินตนาการเต็มที่ด้วยประสงค์ไอเดียแปลกใหม่อยู่แล้ว พอครั้งนี้มีธีมชัดเจนแถมยังเป็นงานใหญ่ซึ่งสำคัญที่สุดของชีวิตผู้หญิงคนหนึ่ง ผมเลยหน้าดำคร่ำเคร่ง ถ้าศศินไม่คะยั้นคะยอลากมานั่งรับลมริมน้ำอาจจะสมองระเบิดอยู่ในออฟฟิศ

   “ขอบใจ”

   ถึงจะเขินอายเวลาพูดแค่ไหน แต่สุดท้ายพอศศินขับรถมาส่งที่บริษัท ผมก็เค้นคำขอบคุณออกมาได้คำหนึ่งหลังนั่งเงียบมาตลอดทั้งขาไปและขากลับ

   อย่าหาว่าผมทำตัวใจร้ายกับเขาเลย แต่วิธีการของศศินในหลายๆ ครั้งก็กวนประสาทเกินจะพูดจาดีๆ ด้วยนี่นา โดยเฉพาะเวลาเรียกที่รักจ๊ะที่รักจ๋า ได้ยินแล้วเส้นสมองปวดตุบๆ

   ไม่รู้ป่านนี้พนักงานในบริษัทจับกลุ่มนินทาเรื่องรักของเจ้านายไปถึงขั้นไหนแล้ว

   อย่างที่บอกไปว่าหลังเลิกกับตวัน ผมมีคนเข้าหาเยอะมาก ที่ซื้อของฝากแวะเวียนเป็นลาภปากพนักงานก็มีเป็นประจำ แต่มีศศินคนเดียวนั่นแหละที่ลากผมออกไปทานข้าวด้วยสำเร็จ ซึ่งต้องบอกว่าแทบจะแลกด้วยหยาดเหงื่อแรงกายไม่น้อย

   เทียบคนอื่นแล้วน่าเศร้ากว่าเยอะ

   ผมไม่มีเฟซบุ๊ก ไม่มีไลน์ เพราะไม่ชอบเรื่องวุ่นวายตามอ่านเรื่องชาวบ้าน อินสตาแกรมที่เพิ่งเปิดใหม่สดๆ ก็อัพรูปแบบตามใจฉัน บางครั้งก็อัพติดๆ กันหลายสิบรูป บางครั้งก็หายหัวไปเลยสามวันติด เบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวนั้นรู้เฉพาะวงในคนใกล้ชิด เพราะเบอร์บนนามบัตรคือเบอร์ของเลขาฯ จะมาหาที่บริษัทก็เจอบ้างไม่เจอบ้าง ก็นาวาคนนี้ชอบเถลไถลนั่งร้านคาเฟ่มากกว่าห้องทำงาน เรียกได้ว่าใครหลงผิดคิดจีบผมนั้น...โคตรซวย!

   ยกเว้นศศินที่มีเบอร์ผมตั้งแต่สมัยมหา’ลัย เพราะแม้จะรำคาญเขาแค่ไหน แต่ผมขี้เกียจเปลี่ยนเบอร์ใหม่มากกว่า แถมยังใจใหญ่ หน้าหนา ให้บอดี้การ์ดหิ้วของฝากพนักงานไม่ขาดตั้งแต่หัวหน้ายามยันเลขาฯ หน้าห้อง แม้ผมบอกปัดไม่ไปด้วยก็ไม่เป็นไร เขาขอแค่ได้เจอหน้าที่รักสักหนึ่งนาทีก็ดีใจแล้ว รอยยิ้มทะเล้นยียวนของเขาเวลาเจอผมนั้นทำให้สาวๆ หลายคนในออฟฟิศเทใจให้คะแนนนำโด่ง ยิ่งผมเริ่มยอมไปทานข้าวด้วยก็ยิ่งซุบซิบนินทากันสนุกปาก ผมคร้านจะแก้ความเข้าใจผิด ใช้เวลาทั้งหมดทุ่มเทกับงานเพื่อจะได้กลับห้องไปนอนตีพุงสบายๆ

   เพียงนึกถึง...ความนุ่มนิ่มของเตียงก็ทำเอาผมแทบจะเททุกอย่างทิ้ง อยากนอนขี้เกียจจังเลยนา...

   “ฝันหวานอะไรอยู่ที่รัก ไปทำงานได้แล้ว”

   แต่ศศินดับฝันผมอย่างไม่ปรานี เรียกเสียงหัวเราะน่าหมั่นไส้กับสายตาวาวๆ จนผมถลึงตาใส่ ก่อนจะเดินกระทืบเท้าเข้าบริษัทโดยมีอีกฝ่ายช่วยเปิดประตูให้อย่างสุภาพบุรุษทั้งที่มีบอดี้การ์ดพร้อมรับคำสั่งอยู่สองหน่อ

   ก็เป็นซะอย่างนี้แล้วจะไม่ให้เคืองได้ไง คนบ้าเอ๊ย!!

   




   ในที่สุดการแก้ไขซึ่งแทบไม่เหลือเค้าจากเดิมก็ผ่านพ้นด้วยดี ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ลับหลังลูกค้าพลางคิดว่าควรจะไปไหว้พระขอพรที่ไหนดีไม่ให้วันดีคืนดีเธอนึกอุตริอยากเปลี่ยนแบบใหม่อีกครั้ง เพราะทั้งผม ทั้งทีมงาน รวมถึงฝ่ายขึ้นโมเดลและช่างฝีมือพากันเป๋กันไปแทบๆ กับความเอาแต่ใจของลูกค้ารายใหญ่ท่านนี้

   เห็นว่าเพิ่งเรียนจบจากต่างประเทศ อายุยี่สิบเอ็ด คบหาดูใจกับแฟนหนุ่มชาวต่างชาติแค่หนึ่งปีเท่านั้น กำลังอยู่ในวัยคึกคะนองเต็มขั้น แถมพ่อแม่ยังหน้าใหญ่ ลูกสาวคนเดียวแต่งงานทั้งทีเลยทุ่มงบไม่อั้น น่าจะเลี้ยงแบบสปอยล์แต่เด็กจนไม่คิดว่าการแก้ไปแก้มาทั้งที่ตกลงดีลงานกันแล้วจะสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น ขอแค่พอใจแล้วจะทำไม อยากจะเพิ่มเงินแค่ไหนก็เอาไปสิ

   ตอนผมเพิ่งเรียนจบใหม่ๆ คงไม่เป็นอย่างเธอหรอกนะ...ไม่หรอกมั้ง ไม่ใช่สิน่า

   ผมปาดเหงื่อ นึกภาพตอนตัวเองจูงมือตวันจะแยกออกจากบ้านให้ได้ท่าเดียวแล้วคิดว่าตอนนั้นก็ดื้อน่าดูนะตัวเรา

   อโหสิกรรมให้ด้วยเถอะนะพ่อครับ...แม่ครับ

   ผมพนมมือ สวดมนต์แผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรและพ่อกับแม่ที่เคยสร้างความเดือดร้อนเอาแต่ใจใส่

   แต่ไม่ทันได้ไล่ถึงครูบาอาจารย์ซึ่งผมเคยก้าวร้าว ทำตัวขี้เกียจใส่แล้วแอบพาตวันโดดเรียน เลขาฯ หน้าห้องก็แจ้งว่าศศินมาหา

   ...เที่ยงแล้วสินะ

   “ที่รักจ๋า วันนี้อยากกินอะไรเอ่ย อาหารทะเล อาหารไทย หรืออาหารฝรั่งดีจ๊ะ?”

   พอเปิดประตูก็เจอกับศศินนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เขามาตรงเวลาเสมอ สวมเชิ้ตพับแขนสีแดงเลือดหมู ทั้งที่ปกติใส่แต่สีครามจนเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวไปแล้ว

   ตัดภาพมาที่ผม วันนี้นัดเจอลูกค้าเลยไม่กล้าแหวกแนวมาก เพียงสวมกั๊กสีแดงเลือดหมูตัดกับเสื้อยืดคอกลมแขนยาวสีขาว ผูกเนกไทปมหลวมพร้อมหนีบเข็มกลัดเพชรแบบเก๋ไก๋มีสไตล์เข้าคู่กับแว่นตากันแดดกรอบแดงซึ่งคาดอยู่บนหัวและรองเท้าหนังสีเดียวกัน

   “อุ๊ย วันนี้เราจับคู่สีเหมือนกันเลย บังเอิญจังนะ”

   “บังเอิญบ้าบังเอิญบออะไร” ผมประชดขณะเปิดโทรศัพท์ให้เขาดูคอมเมนต์มูนนี่ของที่รักใต้ภาพของผมที่เพิ่งถ่ายก่อนมาบริษัท

   

   ‘วันนี้ที่รักใส่สีแดงเลือดหมูสินะ งั้นฉันจะใส่ด้วย!’

   

   คอมเมนต์ธรรมดาที่มีคนเม้นเลียนแบบอีกหลายสิบคน แต่ไม่ธรรมดาเมื่อคนหน้าด้านคนนั้นดันทำเหมือนการแต่งตัววันนี้เป็นเรื่องบังเอิญ!

   ศศินหัวเราะร่วน ก่อนจะโค้งตัวพลางผายมือเชื้อเชิญให้ผมเดินนำไปก่อนเพื่อจะได้ไปกินข้าวกัน เขาเคยบอกว่าอยู่กับผมแล้วมีความสุข ก็น่าจะสุขมากจริงๆ เพราะเล่นหัวเราะไม่เคยหยุดเลย

   พอออกมาข้างนอกผมก็รั้งแว่นกันแดดที่คาดบนศีรษะมาใส่ดีๆ สบตากับบอดี้การ์ดสองคนในรถเล็กน้อยก่อนจะเมินมองวิวนอกหน้าต่าง

   “ที่รักจ๋าอยากกินอะไร”

   “ฉันหิวมาก อยากกินสเต๊กเนื้อจานใหญ่ๆ”

   “ที่รักกินน้อยอย่างกับแมวดม จู่ๆ ตะบี้ตะบันกินหมดจานใหญ่เดี๋ยวก็ท้องอืดหรอก” ศศินแย้ง ก่อนจะรีบกลับคำเมื่อผมมองค้อน “ที่รักกินเยอะก็ดีแล้ว เอาตามแต่ใจอยากเลยจ้ะ ฉันมียาแก้ท้องอืด”

   คนอะไรชวนมือไม้กระตุกน่าตีให้ตายจริงๆ ผมไม่แปลกใจเลยที่เขาต้องมีบอดี้การ์ดคอยคุ้มกัน คำพูดน่ากระทืบเอามากๆ!

   ครั้งนี้ศศินพาผมมาที่ภัตตาคารหรูชั้นดาดฟ้า แม้เปิดโล่งแต่มีเป็นเพิงไม้ไว้บังแดด มองเห็นรอบกรุงเทพฯ สวยงามแปลกตาดี

   “นายรู้จักร้านอาหารดีๆ เยอะจังนะ” ผมกล่าวขณะมองไปรอบๆ อย่างถูกใจ เพราะตัวเองกินน้อย เลยมักเสพบรรยากาศเป็นหลัก เมื่อก่อนตอนอยู่กับตวันพวกเรามักไปร้านซ้ำๆ เดิมๆ เพราะเขาเน้นสะดวก ส่วนผมขี้เกียจหา

   “เพื่อที่รักจ๋า ฉันทำทุกอย่างได้อยู่แล้ว”

   ผมพยักหน้าขอไปที นึกในใจว่าช่วงโปรโมชั่นตามทำคะแนนก็ดีอย่างนี้ ผมกับตวันพัฒนาจากเพื่อน เลยไม่มีโมเม้นต์หวานๆ ของการตามจีบขอเป็นแฟนสักเท่าไหร่

   นับว่ากระชุ่มกระชวยดีเหมือนกัน

   อย่าเห็นว่าผมเปรียบเทียบศศินกับแฟนเก่า แล้วหาว่าได้ใหม่ลืมเก่าเชียวล่ะ ต่อให้ตวันจะเป็นยังไง ต้องปรับตัวเข้าหากันมากแค่ไหน ถ้าเขาไม่นอกใจผมก่อน ผมก็มั่นใจว่าจะคบกับเขายืดยาวไปจนแก่เฒ่าอยู่ดี เพราะคนอย่างนาวาถ้าตัดสินใจเลือกที่จะรัก ก็จะรักตลอดไป ไอ้ความรู้สึกเหนื่อย เศร้า ขัดแย้ง สงสัย ก็เป็นปกติของชีวิตคู่ไม่ใช่รึไง

   ส่วนศศิน ถึงแม้เขาจะทำดีกับผมเหลือเกิน แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นคบหาในแง่นั้น

   ผมรู้จักตวันดีทุกอย่าง แต่ยังหักหลังกันได้ลงคอ แล้วกับศศินล่ะ...เขารู้จักผมดี แต่ผมแทบไม่รู้จักเขาเลย

   เหมือนพยายามเผยเพียงด้านหนึ่งให้เห็น ไม่ได้ปอกเปลือกตัวตนจริงๆ ออกมา

   เพราะอย่างนี้ล่ะมั้งเวลาอยู่กับเขาบางครั้งก็สงบ แต่บางทีก็หงุดหงิด

   “ที่รักกินไม่หมดจริงๆ ด้วย เห็นมั้ย บอกว่าอย่าสั่งจานใหญ่ก็ไม่เชื่อ”

   “ฉันมีเงิน” พูดแล้วคล้ายจะเข้าตัวกับลูกค้าที่เพิ่งตกลงงานกันเมื่อเช้า...ไม่น่า ผมไม่อาการหนักขนาดนั้นหรอก!

   “ที่รักก็รู้ว่าฉันไม่ให้ที่รักจ่ายเองอยู่แล้ว รับของหวานเพิ่มมั้ยครับ” ศศินยื่นเมนูของหวานเข้าล่อ ทำเอาผมที่กำลังสับสนกับนิสัยของตัวเองเผลอจิ้มนิ้วภาพเครปเค้กสายรุ้งเข้าโดยไม่ตั้งใจ

   “เอาอันนี้เนอะ” ศศินหันไปสั่งของหวานเพิ่มทันที ส่วนผมลอบปาดเหงื่อ...ช่วงนี้รู้สึกอ้วนขึ้นชอบกล แบบว่ามีคนบริการดี พาไปกินข้าวข้างนอกชมวิวกินของหวาน กลับมาก็มีของกินเล่นตุนเพียบ แก้มก็ชักจะอวบๆ หรือควรจะงดข้าวเย็นดีนะ?

   “ที่รักที่กลมกลิ้งน่ารักสำหรับฉันเสมอ”

   “ใครกลมกลิ้ง!” ผมแหวใส่เขาที่หัวเราะอย่างผ่อนคลายสบายใจเหลือเกินกับการแกล้งให้ผมฉุนเฉียวเนี่ย ไม่นานเครปเค้กสายรุ้งก็มาเสิร์ฟ ผมเลยใช้ส้อมจิ้มเนื้อแป้งทะลุเพื่อระบายอารมณ์

   “ที่รักที่รุนแรงฉันก็รักนะ”

   “ไอ้บ้าศศิน!”

   ยังดีที่เขาเพียงยิ้มขันแล้วรีบโบกมือเป็นเชิงไม่แกล้งเล่นแล้ว ก่อนจะทำหน้าเคร่งขรึม เล่นเอาผมถึงปรับอารมณ์ไม่ทัน

   “ที่รักกินเค้กไปฟังไปก็แล้วกัน” ศศินพูดพลางหยิบรูปถ่ายใบหนึ่งเลื่อนมาตรงกลางโต๊ะ

   ผมซึ่งอมเครปเค้กจนแก้มตุ่ยก้มมองทันควัน ก่อนจะเลิกคิ้วเมื่อภาพนั้นคือตวันกับพาฝันที่ประคองกันไปเลือกซื้อของใช้สำหรับทารก เธอท้องแค่สี่เดือน พุงไม่ป่องมาก แต่ดูอ่อนแรงคล้ายแพ้ท้องหนักจนต้องเอนพิงตวันตลอดเวลา แน่นอนว่าเพราะยังมีกระแสข่าวเป็นระยะ เธอเลยสวมหน้ากากปิดปากเพื่อปกปิดตัวตน ส่วนตวันนั้นไว้หนวดเครา แม้สภาพจะไม่โทรมเท่าที่เจอกันล่าสุด แต่แววตานั้นดูอ่อนโยนยามมองหญิงสาวข้างกาย ถึงไร้รัก แต่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและพยายามที่จะรัก ทำดีที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำให้ได้

   ผมดีใจที่เขาลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง จะบอกว่าไม่ห่วงเลยก็เป็นไปไม่ได้ เพราะเพิ่งรู้ซึ้งกับตัวว่าการอกหักนั้นเจ็บปวดกว่าที่คาดไว้หลายเท่า ผมยังมีพี่นที มีป้าแช่ม มีบ้านให้กลับ มีห้องให้อยู่ แต่ตวัน...เขาไม่เหลืออะไรเลย

   เมื่อเลิกกับผม เขาไม่มีอะไรเหลือสักอย่างเดียว!

   พอสมัครงานไม่รอด ไม่เหลือคุณค่าหรือเป้าหมายในชีวิตถึงได้เมาหัวราน้ำขนาดนั้น แต่เมื่อพาฝันเข้ามาพร้อมลูกน้อยในท้องเธอ ถึงเขาจะไม่รักอีกฝ่าย แต่ก็พร้อมจะเปิดใจรับครอบครัวใหม่เข้ามา

   ดีแล้ว...

   ผมคิดแบบนี้จริงๆ นะ ไม่ได้ประชดประชัน เพราะเทียบกับเห็นเขาสภาพไม่เป็นผู้เป็นคน ยังชวนเจ็บกว่าภาพที่เขาประคองพาฝันกว่าเยอะ ซึ่งหมายความว่าผมตัดใจจากตวันได้จริงๆ เหลือเพียงความผูกพันตามประสาเพื่อนสมัยเด็กเท่านั้น

   “ฉันให้คนติดต่อตวันเรื่องงานแล้วนะ” ศศินเอ่ยต่อ มองตาวาวๆ คล้ายหวังให้ถามรายละเอียด ผมมองหน้าเขา พลันรู้สึกผิดขึ้นมาเพราะเพิ่งรู้ตัวว่าจะยอมพูดดีๆ ด้วยก็แค่เรื่องของตวันเท่านั้น

   “ขอบคุณ” ผมเอ่ย ก่อนจะยื่นรูปส่งคืนให้ “แต่ไม่ต้องตามตวันแล้วล่ะ รวมถึงพาฝันด้วย ไม่ต้องช่วยอะไรพวกเขาแล้ว”

   “จะดีเหรอที่รัก”

   “ดีสิ ไม่ได้เกี่ยวข้องกันซะหน่อย” ผมยักไหล่ ตัดสินใจแน่วแน่เมื่อเห็นศศินย้ำจริงจังราวกับเป็นเรื่องสำคัญของตัวเอง ทั้งที่...เป็นเรื่องสำคัญของผมต่างหาก ซึ่งนับแต่นี้ไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว! “เจอหน้ากันก็คุยแต่เรื่องของตวัน นายไม่เบื่อฉันก็เบื่อจะแย่”

   “ใครว่าไม่เบื่อ พนันกันมั้ยล่ะว่าฉันเบื่อกว่าที่รักเยอะเลย!”

   ผมหลุดยิ้มกับศศินที่โวยวายเหมือนเด็กสื่อว่าเขาโคตรจะเบื่อเรื่องพรรค์นี้มากจริงๆ

   ผมก้มหน้ากินเค้กต่อขณะที่ศศินแทบจะฉีกรูปตวันกับพาฝันทิ้ง ก่อนจะหลุบตาต่ำ...

   เมื่อตวันรับผิดชอบผลของการกระทำตัวเองแล้วเดินหน้าต่อ ผมเอง...ก็ควรจะเลิกหยุดยืนอยู่กับที่ ลองรักดูอีกสักครั้ง...บ้างดีมั้ยนะ


   ---------------

   ในที่สุดศศินก็ไม่ต้องคอยหาเรื่องตวันมาชวนนาวาคุยแล้วค่ะ! ปรบมือออออออออ

   ดีใจกับศศินด้วยจริงๆ นะคะเนี่ย ภายใต้รอยยิ้มเฮฮา จริงๆ ศศินก็คงแอบเซ็งและด่าตวันไปหลายรอบมากๆ เหมือนกัน เลิกกันไปแล้วแต่ต้องคอยสืบให้ที่รักจ๋าไม่ห่วงมันอีก ทำบุญอะไรมาวะ อิจฉา!! แต่ไม่ต้องอิจฉาแล้วนะศศิน นาวาจะพยายามตัดขาดตวันแล้วค่ะ ข้อดีของตาหนูนาวาคือไม่ชอบคิดอะไรซับซ้อน วกวน เสียเวลานอน เลยตัดสินใจได้ไวค่ะ

   #นาวาสไตล์


   
ตัวอย่างตอนต่อไป เมื่อคิดจะเปิดใจ นาวาก็เริ่มเป็นฝ่ายเรียนรู้คนโรคจิต(?)บ้างแล้ว   
   “วันนี้ที่รักอยากกินอะไร”
   “ฉันขี้เกียจคิดแล้ว นายนั่นแหละอยากกินอะไร”


เพจ : มาจะกล่าวบทไป
Twitter : MajaYnaja

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
      ทุกอย่างกำลัง move on ซินะ
รออ่านตอนต่อไปนะค่ะ
สำหรับตอนนี้ศศินทำคะเเนนจนนาวา
เปิดใจมากขึ้นรอลุ้นค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ศศินคงรีบรุกมากกว่าเดิมเลยละมั้งเนี่ยเมื่อนาวาเลิกสนใจตวัน

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
ศศินนี่ น่ารักนะ แต่ความกวนกลบหมด

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
เอาละสิ เปิดใจแล้ว,,,

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
ยอมใจศศิน ตามรักตามหยอดตามจีบเขามา7ปี แแล้วจีบแบบกวนๆแต่เป็นสุภาพบุรุษ(?)

สนุกดี นาวาเด่ง รออ่านนะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
เอ็นดูความใส่ใจที่ยังตัดไม่ขาดของนาวา
นาวาเป็นคนคิดดีเลยล่ะ แต่บางทีก็นิสัยอะเนาะ
มันก็มีแก้ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ช่วยให้ตวันมีงานเลี้ยงลูก
ก็ถือว่าจบกันแล้ว ไม่ต้องมีอะไรให้ติดค้างกันอีก

ศศินเป็นคนดีกับแค่นาวา ถูกไหม
ต่อไปอาจจะต้องตั้งรับมากขึ้นละนะ
อยากเห็นศศินเหวอบ้างค่ะ แบบไม่คิดว่านาวาจะทำ

เปิดใจใหม่ได้แล้ว และไม่เจ็บกับการอกหักด้วย
ถือว่าผ่านไปได้ด้วยดีนะ นาวาก็ถูกที่นาวามีคนรายล้อม
แต่ตวันไม่มีใคร และถ้าไม่ช่วยตอนนี้ ก็คงไปต่อยาก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด