ตอนพิเศษ
ที่มาของแหวน ตอนที่ 1
“พี่เขาชื่อจิตติ ธำรงค์สุวิทย์ ชื่อเล่น ติ ปีสี่ เรียนหมอซะด้วย อั๊ยย่ะ”
“ไรมึง”
“รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง รู้ว่าเหนื่อยแต่ได้ของที่อยู่สูงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง”
“สูงไปมั้งมึ้งง”
“รู้หนิ มึงน้องทรายอย่าใฝ่สูง แล้วนี่มึงจะนั่งชะเง้อคอตามพี่เขาให้ถึงบ้านเลยรึไง กลับได้แล้วกูหิววว”
นั่นแหละครับการติววิชาคณิศาตร์ของผม ส่วนเสียงผู้หญิงที่ห้าวระดับผมเป็นผู้ชายยังไม่สู้ มันชื่อออย นางสาวฟารานิษย์ ส่วนนามสกุลมันไม่ให้บอกขอโทษทีนะครับ อีกสองเดือนเราสองคนจะต้องสอบแข่งกับเด็กมอต้นอีกเป็นพันคน เพื่อยกระดับชีวิตทางการศึกษาด้วยการพาตัวเองไปนั่งเรียนในโรงเรียนมัธยมอันดับท๊อปของประเทศ พ่อกับแม่เราก็บอกว่าทำให้ดีที่สุดพอ แต่ผมกับออยก็รู้ว่าลึกๆ ท่านก็หวังแหละ ไม่งั้นจะควักจ่ายค่าติวให้เราแบบไม่มีลิมิตชีวิตเกือบแสนแบบนี้เหรอ
จากวิชาที่เราเรียกพีทาโกรัสว่าพ่อ พักกินอิ่มแล้ว ภาคบ่ายมาเต็มที่กับชีวิตต่อที่วิชาปราบเซียนอย่างภาษาอังกฤษ จะดีแค่ไหนถ้าเรามีโดเรม่อนเป็นของตัวเอง แต่นั่นก็แค่ความต้องการของเด็กขี้เกียจอย่างโนบิตะเท่านั้นแหละ
“นั่งตรงนี้ดีกว่ามึง” ออยมันลากผมมานั่งซะหน้าสุด เพราะเราสองคนมัวแต่กินของหวาน มาถึงที่นั่งเหลือแค่หน้าสุดกับหลังสุด ทั้งที่ทุกคนจ่ายเงินเท่ากัน แต่หน้าสุดกลับไม่มีใครต้องการ กลับกันถ้านี่เป็นงานคอนของนักร้องวงโปรดนี่มันบัตรไฮคัทเลยนะโว้ย พวกมึงนี่ไม่รู้จักของดีกันซะแล้ว
“มึงใกล้ชิดสนิทเหมือนแฟนไปป่ะ ติวเตอร์เป็นไงบ้างก็ไม่รู้ถ้าถามเยอะกูกัดลิ้นตายนะ วันนี้ลืมเอาวุ้นแปลภาษามา” ผมกวนตีนมันไป ออยมันก็ขำกับผมบอกว่าถ้าโดนถามมันจะช่วย ดีใจน้ำตาจะไหลครับ ทำไมจะไม่รู้เรียนด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก วิชาอังกฤษเราสองคนจับมือกันไม่เกรดสอง ก็เกรดหนึ่ง มึงจะเอาอะไรมาช่วยกูแว้
เสียงจอแจของเด็กในห้องติวเงียบลง พี่ติวเตอร์ตัวสูงสุดหล่อคนเดิมเพิ่มเติมคือเอกสารที่จะใช้ติววิชาใหม่
“เหยดโด้พี่ติว่ะ” ออยมันกระซิบเสียงตื่นเต้น ส่วนผมนี่ไม่ต้องบรรยายว่าดีใจหรือใจดีมากกว่ากัน เห้ยย...พี่ติสอนสองวิชาเลยนะเว้ยยย ดี๊ด๊ามากพูดเล่อ
อยากจะร้องงด้างงดัง พูดให้ใครต่อให้ได้รู้ทั่วซอยยย
“อีทรายตายยังคะ”
“ใกล้แล้วว่ะ...” ผมรู้ว่ามันเกินเบอร์ แต่คุณไม่เคยปลื้มใครมากๆ คงไม่เข้าใจ พี่ตินะสูงหล่อ เรียนหมอ เก่ง ใจดี ยิ้มทีโลกสว่าง ดูเป็นมิตรกับธรรมชาติสุดๆ ที่สำคัญเป็นผู้ชายคนเดียวที่ทำให้ผมใจสาวได้ ผู้ชายคนอื่นผมเฉยๆ นะ
“กูจะจีบ!!” ผมประกาศกับเพื่อน (เบาๆ) ต่อหน้าตัวอย่างข้อสอบVocabulary
“ชู่วววว์ อย่าให้เขาได้ยินเชียวนะมึง เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่เขาไม่กล้ามา ฮ่าๆ ๆ ๆ” ปากคอเราะร้ายจริงนะมึง
“น้องสองคนนั้นอ่ะ” ผมที่กำลังจะอ้าปากเถียงออย ต้องงับปากแล้วหันไปยิ้มแหยให้พี่ติวเตอร์
“พี่ให้ยกตัวอย่างคำศัพท์มาหนึ่งคำ แล้วผันกิริยาสามช่องมาด้วยครับ” พี่ก็หล่อแต่ทำไมพี่โหดจัง ผมกับออยมองหน้ากันก่อนที่ออยมันจะนึกออก และเอาตัวรอดไปก่อน
“Do/did/done แปลว่า..ทำค่ะ” ออยรอดตัวไป คราวนี้สายตาของเขาก็ยกให้ผมคนเดียวแล้วสิครับ ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมยกตัวอย่างออกไปว่า
“love/loved/loved แปลว่า..รักครับ” เพื่อนในห้องโห่แซวลั่น ผมก็มองหน้าติวเตอร์พยายามไม่หลุดเขินใส่ แม้ว่าในใจจะฮาราคีรีตัวเองไปแล้วเรียบร้อย พี่เขาทำหน้าซึนใส่ผมสองวิ แล้วก็พยักหน้าให้หนึ่งจึก ก่อนจะหันกลับไปสอนต่อ พี่จะเมินคำว่ารักของผมแบบนี้ไม่ได้....
ออยมันล้อเลียนผมด้วยสายตา มันทำได้แค่นั้นเพราะเราสองคนคงไม่กล้าคุยกันอีกแล้ว
พี่ติทำให้ชีวิตของผมเปลี่ยนไปมาก จากที่เข้าติวแบบเช้าชามเย็นชาม กลายเป็นเช้าสองชามเย็นสามชาม ไม่ได้เล่นมุขนะครับความจริงคือ ผมทุ่มสุดตัวกับการสอบ และทุ่มสุดใจให้การติว พอใช้สมองเยอะก็กินเยอะไง แล้วก็ถึงจะกินกับเพื่อนไปแล้วแต่พอเจอพี่เขาก็อดใจอ่อนไม่ได้
“ซายๆ อ่ะขนม เราชอบไม่ใช่เหรอ” คือผมก็คิดไปแล้วว่าพี่เขามีใจอ่ะ ยิ้มใส่ตาเขาซะเขาคงเดาทางผมออกหมดแล้ว แต่นาทีต่อมา “แบ่งออยด้วยนะ” อย่าทำอย่างนี้ไม่ว่ากับใครเข้าใจไหมมมมม
ขอบคุณเขาแล้วเดินออกมาห้องเบรกด้วยความหงุดหงิด
“อึ...” ผมวางกล่องขนมชั้นลงกับโต๊ะชนิดที่ว่าถ้าเป็นกล่องที่แตกได้คงไม่รอด ออยมันเงยหน้าขึ้นจากการแชทกับสาวมาดูผม
“รมเสียไรมา แล้วนี่กล่องขนมแบบนี้ของพี่ติไม่ใช่เหรอ กูจำได้”
“พี่ติแม่งให้ความหวังกูไปวันๆ” ออยมันเห็นผมเครียดเลยช่วยพูดให้รู้สึกดี
“อีธ่อน้องทรายมึงจะเวิ่นทำไมว่ะ เขาก็เอามาให้เพราะมีน้ำใจไม่ได้มีใจให้มึง”
..ขอบใจนะ ตอกย้ำกูจังเลย...
หลังจากวันนั้นผมก็เก็บใจไว้ในลิ้นชักป้องกันตัวเองไว้ก่อน ถึงจะรุกจีบเขาอย่างหนัก ถ้าไม่ติดผมก็จะได้ไม่เสียใจมากไง ออยมันสอนว่าจีบได้แต่อย่านาน หมายถึงจีบไปให้รู้ว่าไม่ติดก็ต้องยอมรับความจริง
“ทรายยยยย” มาล่ะเรียกซะชื่อกูเพี้ยนไปหมด
“ซาย กูชื่อซายเมื่อไหร่มึงจะเรียกชื่อเพื่อนรักหน้าตาดี มีดีกรีดรัมเมเยอร์อย่างกูถูกอ่ะออย”
มันทำหน้าเหมือนผมไม่ได้พูดอะไร แล้วกอดคอผมลากไปกับมันแทน
“รีบเดินมึง กูไม่มีเวลาเดี๋ยวไม่ทันพี่ติ”
ห๊ะ!!! พี่ติ
ชื่อนี้ทำให้ผมตาวาว เดินไปกับมันอย่างไม่มีข้อแม้
ตอนนี้เราอยู่กันที่ห้างดังแห่งหนึ่ง ใกล้สถาบันติว เราเรียนเสร็จเลยมาเดินเล่นแวะกินของอร่อย ก่อนกลับบ้านพร้อมกันและแยกเข้าบ้านใครบ้านมัน ผมกับออยบ้านเราอยู่ใกล้กันครับ เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน แต่ตอนเน้....โฟกัสที่พี่ติวเตอร์ของเราก๊อนนน
“พี่เขาเดินกับใครวะ”
“เพื่อนเขามั้ง” ผมไม่ได้แก้ตัวแทนเขานะ ผู้ชายสองคนที่เดินกับพี่ติ น่าจะเป็นแค่เพื่อนจริงๆ
“แฟนเขารึป่าว จะว่าไปเราก็ไม่รู้เลยว่าเขาชอบผู้ชายหรือผู้หญิงอ่ะ”
เอ่อวะ..ผมก็ตะบี้ตะบันชอบเขาหัวปักหัวปำ เกิดเขาไม่ชอบผู้ชายผมพยายามแทบตายก็ไม่ได้อะไรอยู่ดี
เราสองคนยืนมองพี่เขาเพลิน จนพี่เขาหันมาเห็นเข้า
“อ้าวน้องซาย น้องออย” เรียกซะผมเคลิ้มเดินไปหาเขาอย่างว่าง่าย
“ลูกศิษย์กู” พี่เขาหันไปบอกสองคนข้างๆ สูงน้อยกว่าพี่ติหน่อย แต่ก็ดูสไตล์หมอๆ นั่นแหละ
“นี่หมอการุณ นั่นหมอปราณ เพื่อนพี่ครับ” แนะนำซะผมรู้สึกต้อยต่ำไปเลย พี่เขามีสังคมสูงส่งอย่างที่ออยมันว่าจริงๆ
เราสองคนสวัสดี แล้วพี่ติก็ชวนเราไปกินเอ็มเคกับพวกเขา ไม่ว่าเขาจะชวนตามมารยาทก็เถอะ แต่มีเหรอที่ผมจะไม่ไป ออยมันรู้ใจมันก็เลยกระซิบว่าจะช่วยล้วงความลับเรื่องที่พี่เขาโสดรึป่าวให้ แต่ต้องกินข้าวเย็นบ้านมันสองอาทิตย์ ไม่ใช่ว่าอะไรมันจะให้ผมล้างจาน อืมมมน้ำตามาเต็ม ซึ้งใจซะไม่มี
ที่ร้านสุกี๊ออยมันก็ทำหน้าที่ได้ดีจนผมนี่ แทบจะไปล้างจานให้มันฟรีเดือนหนึ่งเลย
“พี่ปราณๆ แฟนพี่ติสวยหรือหล่อคะ” พี่ปราณกับพี่การุณขำกันลั่นโต๊ะ ยิ่งอยู่ด้วยภาพนักศึกษาหมอแบบสุภาพเงียบๆ เรียบร้อยก็เริ่มจางหายทีละน้อย
“จะสวยจะหล่อมันก็ไม่มีหรอกครับ ตั้งแต่เลิก...” พี่ปราณหันไปมองพี่ตินิดหน่อยแล้วก็เงียบไปดื้อๆ อ้าวยังไง
“ไอ่ติมันทำงานเหมือนหนีหนี้แบบนี้ เรียนหมอก็หนักจะตายน้องว่ามันจะมีใครมาเอามันครับ” พี่การุณว่าแบบนั้น แปลว่าพี่ติโสด
พี่ติของผมโสดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดีใจอ่ะ
“น้องออยถามแบบนี้คือ..ชอบเพื่อนพี่หรา” ไอ่ออยถึงกับส่ายหัวโบกมือเป็นพัลวัล พี่ติยังขำไปด้วย “น้องออยก็ไม่ต้องทำท่ารังเกียจพี่ขนาดน้านน” พี่สามคนยังหัวเราะชอบอกชอบใจ
“ออยไม่ชอบแต่คนอื่นอ่ะไม่แน่...” แล้วมันก็หันหน้ามาทางผม
เงียบ..ทุกสายตาจดจ้องมาที่ผมคนเดียว ตอนนี้ถ้าลูกชิ้นกุ้งมันกลืนได้เลย โดยไม่ติดคอผมคงไม่คงไม่เคี้ยวแล้ว เชี่..ยยยย กูเขิลลลลลลลลล
พี่ติมองผมด้วยสายตาแปลกๆ ผมไม่อยากเข้าข้างตัวเองแต่เขาอมยิ้ม คือมันดีไหมนะ ระหว่างนั้นผมเลยแก้เขินด้วยการเปลี่ยนประเด็น
“พี่ๆ เรียนหมอจบอยากไปอยู่โรงพยาบาลไหนเหรอครับ”
“พี่ๆ คงต่อเฉพาะทางกันหนะ” พี่การุณว่า เขาอยากเป็นหมอฟัน ส่วนพี่ปราณอยากเป็นหมอศัลยกรรม และพี่ติของผม เขาอยากเป็นจิตแพทย์ แต่ละคนมีจุดมุ่งหมายชัดเจนดีจัง
“แล้วน้องสองคนจะต่อสายไหน” พี่ปราณถาม
ออยมันก็หันมามองผม เราสองคนก็เหมือนกัน สายไหนก็ได้ถ้าสอบติด ขอแค่ได้เรียนในโรงเรียนที่พ่อแม่หวังก็พอ พี่ติเลยพูดให้สติเรามาว่า
“การที่อยากทำให้พ่อแม่ภูมิใจมันก็ดีนะ แต่เราต้องมีเป้าหมายของเราด้วย คนที่ไร้เป้าหมายไม่มีทางสำเร็จหรอกจำเอาไว้”
วินาทีนี้เขาชี้นกก็เป็นนก ชี้ไม้ก็เป็นไม้ ชี้เครื่องบินแล้วบอกเรือผมก็เชื่อตามนั้นแล้วครับ
“พี่ติว่าเรียนสายไหนดีครับ” อันนี้เสียงผมเอง พี่เขาคิดไม่ถึงสองวิตอบมาทันทีว่า “วิทย์คณิต”
เขาว่ามันต่อได้หลายคณะ อีกสามปีความฝันและเป้าหมายของพวกเราอาจเปลี่ยน เพราะงั้นเรียนสายนี้ดีสุด ออยมันทำหน้าว่าไหวเหรอมึง
ตอนนี้เพลงที่ดังก้องในใจคือ....รู้ว่าเหนื่อยถ้าอยากได้ของที่อยู่สูง ยังไงจะขอลองดูซ๊ากกที....
ระหว่างกินแม่ออยโทรตาม แต่ผมเป็นคนที่รักเพื่อนมากเลยว่าจะกลับกับมัน แต่มันก็รู้ใจบอกว่าไม่ต้อง..กูรู้ว่ามึงอยากอยู่ต่อ.. ผมอมยิ้มหลังอ่านไลน์ใต้โต๊ะ ออยก็เลยกลับก่อน แล้วฟ้าดินก็เป็นใจ เพื่อนพี่ติก็มีงานกลุ่มที่คณะเลยกลับก่อน เหลือแค่เรา....สองคน
“สั่งอะไรอีกไหมซาย” ยังกะแฟนกันเลย ผมนับวันนี้เป็นเดทแรกได้ไหมครับ งื้อออ..
ส่ายหัวว่าไม่เอา แล้วก็ตัดสินใจถามเขาไปว่า...
“พี่ติ..ถ้าผมสอบติดสายวิทย์ที่เตรียมอุดมฯ พี่จะให้อะไรผม” ไม่รู้ล่ะโอกาสไม่ได้มีบ่อยๆ ขอไว้ก่อน
“เราอยากได้อะไรล่ะ”
อยากได้พี่เป็นแฟน.... ประโยคนี้ยังไม่ถึงเวลา
“ไว้ผมทำได้จะมาขอแล้วกันนะครับ”
“อื้อ..ถ้าไม่แพงมากพี่ก็พร้อมเปย์”
งู๊ยย ไม่แพงหรอกครับ แค่ตัวกับหัวใจพี่ก็พอ...
ผมกับออยเริ่มสนิทกับพี่ติตั้งแต่ผมไปผันคำว่ารักให้เขาฟัง แล้วหลังๆ มาเวลาไปติว เขาก็ชอบมาคุยกับเรา บอกว่าเราสองคนตลกดี เจอเพื่อนพี่ติบ้างแต่ไม่บ่อย ช่วงเวลาการติวผ่านไปไวเหมือนความสัมพันธ์ของเราสองคน แต่ถึงจะมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันมากขึ้น คุยกันบ่อยขึ้น พี่เขาเอาขนมมาฝากเยอะขึ้น ผมกล้าหยอดเขาบางโอกาส แต่....
พี่ก็ยังซึนใส่ผมไม่เปลี่ยนแปลง
“พี่ติไปส่งผมไหมครับ” ผมเลิกเรียนแล้ว และออยก็กลับไปก่อน หลายครั้งพี่ติอาสาไปส่งผมที่รถไฟฟ้า วันนี้ผมเลยเสียมารยาทถามก่อน จะว่ามัดมือชกก็ใช่แหละ วันมะรืนผมต้องไปสอบแล้ว อยากได้กำลังใจนี้นา
“โทษทีวันนี้พี่รีบกลับอ่ะ”
ใจแป้วเลยกู..
“ไม่เป็นไรครับ งั้นผมกลับก่อนนะ สวัสดีครับ” ผมหันหลังให้พี่ติลากเท้าเดินด้วยใจอ่อนแอ
ประตูแห่งความหวังที่เห็นว่าอ้าเล็กน้อยถูกปิดตาย พี่เขาโสด พี่เขาใจดี แต่พี่ก็ไม่ได้ชอบผมอยู่ดี
“เดี๋ยวสิซาย...” ผมชะงักกลับหลังหัน รอฟังว่าพี่รั้งผมทำไม จะให้ความหวังอะไรผมอีก
“วันมะรืนพี่ไปรับที่บ้านได้ไหม จะไปส่งที่สนามสอบ”
ไปส่งไปสอบ
พี่จะไปส่งผมไปสอบ ......
ฝันไปรึป่าว? หูฝาดรึเปล่า? ไม่รู้แหละตอนนี้ผมยิ้มแก้มจะฉีกแล้ว
“พี่ไปนะพักผ่อนเยอะๆ อย่าเครียดล่ะ” ประตูแห่งความหวังเปิดอ้ากว่าครั้งไหนๆ ผมยิ้มค้างมองพี่เขาเดินลับตาไป พี่ไปแล้วทิ้งไว้แค่เสียงหัวใจที่เต้นรัวของผม ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้นอกจาก
“ออยยยยยยย มึ้งงงง......”
“ใจเย็นมึงเสียงสั่นทำไมเนี่ย เป็นอะไร นั่นร้องไห้เหรอ”
“คะ คือ กะ กู คือ พี่ติอ่ะ @$^%&** (! @#$$%^......”
“เห้ยย เมิงงกูดีใจด้วย นี่เพื่อนกูจะมีผัวแล้วช่ะ”
..มึงไม่คิดว่าพี่เขาจะยอมให้กูกดบ้างเหรอ...
วันสอบออยมันเลยไม่เป็น กขค. พี่ติมารับผมที่บ้านแต่เช้า พ่อกับแม่ผมไปทัวร์ยังไม่กลับ แต่ก็ส่งไลน์มาอวยพรแล้วตั้งแต่เช้ามืด ตื่นเต้นกว่าไปสอบก็ตรงสารถีที่จะมารับนี่แหละ พี่เขามาบ้านผมแล้วสองครั้ง มาส่งตอนเราติวเสร็จดึก กับตอนที่ผมไม่สบายแล้วพ่อกับแม่ไม่อยู่ เขาเอาข้าวกับยามาให้ด้วย เชื่อผมรึยังว่าเขาให้ความหวังผมจริงๆ
ผมแต่งตัวรอพร้อมอยู่หน้าบ้าน ไม่นานรถเขาก็มาจอด เมื่อคืนผมจิตนาการถึงฉากหวานๆ ในรถ คิดแล้วก็หลับเกือบไม่ลง
แต่บรรยากาศในรถไม่ได้หวานอย่างที่ผมคาดหวังไว้สักนิด
“บัตรสอบ”
“นี่ครับ”
“บัตรประชาชน”
“นี่ครับ”
“ยางลบ”
“นี่ครับ”
“ดินสอเอามายัง”
“ครับ”
“กี่แท่ง”
ผมชูนิ้วหนึ่งนิ้ว โดนสวดยับ
“ทำไมไม่รู้จักเอามาเผื่อ นี่แล้วรู้ไหมเขาไม่ให้เอากบเหลาเข้าไปนะ เตรียมพร้อมแค่นี้ก็ไม่ได้เหรอ จะสอบผ่านไหมเนี่ย”
จบประโยคตำหนิยืดยาว น้ำตาผมคลอแล้วอ่ะ ปรกติผมไม่ได้มารยาต่อมน้ำตาตื้นนะ แต่ไม่รู้เป็นอะไรพอเป็นพี่ติเหมือนน้ำตาพร้อมกับทุกซีนดราม่าจริงๆ
“อึก..ผมขอโทษ” ง่าร้องแล้วผม
“อ๊ะ..อย่าร้องๆ ใครให้ร้องไปสอบมันเป็นลาง” ยิ่งพี่พูดแบบนี้ผมก็ยิ่งร้องใหญ่เลยสิ
“หื้อออ ผมไม่ได้บอกว่าเอามาแท่งเดียว พี่ก็ว่าผม อึกกก เป็นชุดแล้ว แถมมาทำผม..ร้องอีก อื้อออออ” พี่ติทำหน้าตกใจ “ซายหยุดก่อนนะครับพี่ขอโทษ อ่ะเช็ดหน้าเช็ดตา ไหนบอกพี่ใหม่สิเอาดินสอมากี่แท่ง”
“หนึ่ง...อึก..โหล..คะ..ครับ” บอกไปสะอื้นไป พี่คนขับหัวเราะใส่เบาๆ มันตลกตรงไหนมาทำให้ผมร้องให้เนี่ย
“ไม่ต้องมาขำใส่ผมเลย นิสัยไม่ดี”
รถแล่นไปหยุดที่ลานจอดของสนามสอบ พี่ติดับเครื่องและหันมาเชยคางผมไปเช็ดน้ำตาให้ อบอุ่นจนหายหมดแล้วความโกรธความน้อยใจ “เด็กดีอย่างอแง ไหนยิ้มสิ” บ้าบอผมเนี่ยบ้าบอ ยิ้มตามเขาสั่งทันที
“ดีมากกก อ่ะทีนี้พร้อมไหมครับ” มือพี่วางบนหัวผม ส่งผ่านความหวังและกำลังใจมาเต็ม
“ครับ”
แล้วผมก็ไปสอบ พี่เขาไม่ได้นั่งรอ แค่มาส่งแล้วก็ไป แต่แค่นี้ผมก็หน้าบานกว่าใครในสนามสอบแห่งนั้นแล้ว
เวลาบ่ายของวันจันทร์ ที่ผมนั่งรอผลกับออยอยู่หน้าคอมในบ้านมัน และพ่อกับแม่ออยเป็นฉากหลังนั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องนั่งเล่น
“ไม่ติดก็ไม่เป็นไรหรอกนะสองเสือ” พ่อออยตะโกนมา เมื่อเห็นว่าเราสองคนหน้าเครียดเหมือนรอผลตรวจมะเร็ง
“โรงเรียนนานาชาติดีๆ เยอะแยะไปลูก” แม่ออยตะโกนมาสมทบ
“แม่มึงคิดว่าเราสองคนเก่งอิ้งเหรอ” ผมดันศอกกระซิบถามมัน
“แม่กูมโนเก่ง” เราสองคนหัวเราะใส่กัน หายเครียดไปได้นิดหน่อย
“มาแล้วๆ” เสียงออยเหมือนซาวดนตรีเร้าใจก่อนจะประกาศผลรางวัลอะไรสักอย่าง
ผมบีบมือตัวเองจนเหงื่อออก ตื่นเต้นแค่ไหนไม่ต้องถาม
รายชื่อผู้สอบผ่านข้อเขียนเข้าศึกษาต่อระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 แผนกวิทย์-คณิต ประจำปีการศึกษา XXXX
180. นายท่องพิภพ เวทย์สาคร
>
>
>
>
230.นางสาวฟารานิษย์ ชื่นชีวี
เราสองคนกอดกันแน่น ดีใจในที่สุดความพยายามเป็นผล และเหนือสิ่งอื่นใด..ดีใจที่ผมจะได้...ขอรางวัลพี่ติ แต่เดี๋ยวก่อนนะ ออยมันไม่ให้ผมเปิดเผยนามสกุลนี้นา แต่บอกไปแล้วอ่ะ...เอาเป็นว่าเป็นความลับระหว่างเรานะครับ.....
สองวันต่อมาแน่นอนว่าพี่เขารู้แล้วเรื่องผลสอบ เขานัดเราสองคนไปเลี้ยง มีเพื่อนพี่ติสองคนไปด้วย ตอนนี้ก็สนิทกันหมดแล้วครับ ไอ่ออยยิ่งเข้าขากับพี่หมอปราณ เพราะสองคนนั้นบ้าผู้หญิงเหมือนกัน
“ดีใจด้วยนะน้องๆ เก่งมากๆ” หมี่หยกถูกยกมาวางให้เป็นรางวัลโดยพี่หมอการุณ โดยที่เอาจานหมูกรอบไปเป็นของแลกเปลี่ยน พวกพี่มันเป็นงี๊แหละ
“แล้วนี่คิดยังว่าจะต่อคณะอะไรถ้าจบมอหก” พี่ปราณถาม ถึงพวกพี่เขาจะวาจาไม่ค่อยสุภาพเหมือนหมอทั่วไป เสียงดังโวยวาย แต่ก็ไม่พ้นความเป็นหมออ่ะ หายใจเข้าออกเป็นการเรียน
“โหพี่นี่เพิ่งจะได้เข้ามอสี่ รีบถามจังเลย” ออยบ่นเลยโดนพี่ติสวดต่อยาวๆ
“ออยอย่าคิดแบบนั้นดิ ซายก็ด้วยนะ” อ้าวผมโดนหางเลขเฉย
“อ้าว...” พูดได้แค่นั้น ก็โดนพี่ติใช้จิ้วชี้จิ้มหน้าผาก แล้ววิญญาณติวเตอร์ก็เข้าสิงพี่เขาอีกรอบ
“แค่สามปีไม่นานเลยนะ อย่าเอาแต่เรียนๆ เล่นๆ ไร้จุดหมายพี่สอนแล้วไงอย่างน้อยก็เรียนไป ให้รู้ว่าเราถนัดอะไร ไม่ชอบวิชาไหน แล้วก็ไปดูอาชีพที่เราคิดว่าเรียนไหว อีกอย่างพี่อยากให้เราเรียนเพื่ออาชีพ ไม่ใช่ใบปริญญาดังนั้นสามปีจากนี้ ไปคิดมาให้ได้เข้าใจ๋”
“ค่ะ/ครับ”
พี่ติเป็นทั้งคนที่ผมชอบ และเป็นไอดอลของผม ความคิดพี่เขาโคตรเจ๋งเป็นบ้า ผมเลือกคนไม่ผิดจริงๆ มาเป็นแสงสว่างให้ชีวิตผมเถอะครับพี่
เมื่อเริ่มอิ่มก็เหมือนเดจาวู ออยไปก่อน เพื่อนพี่ติก็ตามไป พี่ติขับรถไปส่งผม แต่ครั้งนี้.....
“พี่จะไปไหนครับ” ผมแปลกใจเพราะรถไม่เลี้ยวไปทางสถานีรถไฟฟ้าเหมือนปรกติ
“มีที่หนึ่งอยากพาไป” ผมเริ่มตื่นเต้นแล้วสิ พี่ติจะพาผมไปไหน แล้วจำได้ไหมครับว่า ถ้าผมสอบติดจะขออะไรได้หนึ่งอย่าง ผมคิดไว้แล้วด้วยว่าอยากได้อะไร.....
รถเก๋งสีขาวแล่นไปจอดที่สถานที่แห่งหนึ่ง เป็นบ้านที่มีรั้วรอบขอบชิด ติดประกาศว่าขายหรือเช่า รอบข้างเป็นตึกน้อยใหญ่ เรียกว่าเป็นทำเลที่ดีในการเปิดร้านอะไรสักอย่าง เพราะมีถนนตัดผ่านหลายสาย ผมก็คิดตามประสาเด็กว่าพี่เขาเป็นนายหน้าขายที่ด้วยรึป่าว ก็คิดได้เนอะผม
“ที่พี่ทำงานเพราะอยากเก็บเงินไว้ซื้อที่ตรงนี้...” เขาเกริ่น
“อนาคตพี่เรียนจบอยากเปิดคลีนิคของตัวเอง เพราะพี่ไม่ชอบโรงพยาบาล” เสียงทุ้มเล่าไปก็เดินนำเข้าไปในตัวบ้าน ไขกุญแจเข้าไปเหมือนเป็นเจ้าของแล้วก็ไม่ปาน
“พี่รู้จักเจ้าของ และเขาบอกว่ารอได้ ถ้าพี่ชอบที่ตรงนี้จริงๆ” ผมฟังไปก็เดินดูนั่นดูนี่ไป ในบ้านไม่มีของใช้อะไรมากนัก เป็นบ้านชั้นเดียวยกสูง สามห้องนอน ห้องหนึ่งมีห้องน้ำในตัว และมีห้องน้ำข้างนอกอีกหนึ่งห้อง ผมไม่รู้หรอกว่าคลีนิคของจิตแพทย์ต้องมีลักษณะยังไง เลยช่วยอะไรเขาไม่ได้นอกจากฟัง ว่าแต่เขาพาผมมาดูทำไมกัน
พี่เล่าไปจนจบ แล้วก็หันมาถามผม
“เอาล่ะ..แล้วรางวัลที่เราอยากได้คืออะไร” เดี๋ยวสิผมยังไม่ได้เตรียมใจจะขอตอนนี้
ผมเกาคอจนแดง พอจะพูดจริงๆ ก็ยากเอาการ คือ...เริ่มตรงไหนดีวะผม
“ถ้างั้นพี่ให้รางวัลที่พี่อยากให้ก่อนได้ไหมครับ” ผมอมยิ้มตาวาวใส่เขาแล้วพยักหน้า
วินาทีต่อมาต้นคอผมถูกรั้งไปประกบปาก ตัวเรานิ่งเฉยแต่ใจกลับสั่นระรัว ราวกับว่าเสียงรถราเงียบลง นาฬิกาลืมเดิน เวลาเลยได้มีโอกาสนั่งพัก ริมฝีปากผมกำลังทำความรู้จักกับ
จูบแรก...............กับคนแรก.....
ความรักมันจะหวานเหมือนจูบของพี่ไหมนะ อยู่ๆ ผมก็สงสัยอะไรที่ชวนเคอะเขินขึ้นมาซะอย่างนั้น พี่เริ่มขยับริมฝีปาก องศาของภาพที่ผมเห็นเปลี่ยนไป แต่จูบยังหวานฉ่ำดังเดิม สันจมูกโด่งที่ผมชอบมองตอนนี้อยู่ในระยะประชิด พี่หลับตาแต่ผมกลับเห็นว่าประตูในใจของพี่เปิดกว้างรอแค่ให้ผมก้าวเข้าไป เราแค่ใช้ปากบดปาก จมูกคลอแก้ม มือเขาจับท้ายทอยผมแล้วขยับบีบเบาๆ ส่วนอีกมือก็กระชับเอวผมเข้าหา เขาล็อคตัวผมไว้ไม่ให้ไปไหนได้อีก แต่ผมนั้นควักหัวใจให้เขาไปหมดแล้วทั้งดวง
สองมือผมขยุ้มหลังเสื้อเชิ้ตพี่จนยับย่น แค่ปากเราเบียดกัน แต่ทำไมตัวผมแทบละลาย เกือบห้านาทีที่เรายืนแยกลมหายใจกันอยู่อย่างโหยหา ตอนนี้ผมมั่นใจแล้วว่า
พี่มีใจ....
“..........” เราผละออกจากกันอย่างอ้อยอิ่ง ไม่มีคำพูด มีแต่ภาษาที่ต้องมองตาเท่านั้นถึงจะเข้าใจ
ผมหันหลังให้เขา ก้มหน้ามองเท้าตัวเอง มือซุกกระเป๋ากางเกง แล้วบอกความจริงเขาไป
“รางวัลที่ผมจะขอ...ไม่ต้องแล้วล่ะครับ”
พี่เดินมาโอบผมจากด้านหลังถามผมเบาๆ “ทำไมครับ”
“ก็.....พี่ให้ผมแล้วตะกี๊”
..........................................................................
ย้อนวันวานกับตอนพิเศษหวานๆ ของพี่นักศึกษาแพทย์ปีสี่ กับน้องมอสี่ กันหน่อยนะคะ
ตอนพิเศษที่มาของแหวน ไม่แน่ใจว่ากี่ตอนจบ ก็คงจะเรื่อยๆ ไปจนกว่าจะได้แหวนนั่นแหละค่ะ
ถ้ายังไม่เบื่อกันอ่ะนะ
#แหวนแต่งงานของผม