ตอน 7
หลังจาก ‘ความลับ’ เป็นเรื่องของคนสองคน การเพลย์ในครั้งต่อไปยิ่งต้องระมัดระวังมากขึ้น เพราะมันค่อนข้างเกี่ยวข้องกับปมในใจ จึงกลับกลายเป็นว่าต่างฝ่ายต่างรอคอยสัญญาณแห่งการเริ่มต้น
วันเวลาจึงผ่านพ้นไปโดยที่บีมเนรมิต ‘ตัวอย่างแรก’ เสร็จสิ้น จึงมีการเรียก ‘ช่างเทคนิค’ เข้ามาช่วยคอมเมนต์ ว่าการตัดเย็บที่เลือกใช้เป็นอย่างไร และควรปรับเปลี่ยนอะไรอีกบ้าง เพราะขั้นตอนนี้จะมีนางแบบไซส์มาตราฐานมาฟิตติ้ง ทีมงานจึงมองเห็นภาพรวมได้ชัดเจนขึ้น อีกทั้งตัวนางแบบยังสามารถออกความคิดเห็นได้ว่า แน่นไปไหม อึดอัดไปไหม หรือแม้กระทั่งการสวมใส่ หากยากเกินไปก็สามารถบอกกล่าวกันได้
ด้วยเหตุนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้บีม ‘ชอบ’ ที่จะแต่งตัวเป็นหญิงสาวราวกับจูเลียตในบทประพันธ์
“จู่ ๆ ผมก็รู้สึกกลัว” ชายหนุ่มเจ้าของห้องเสื้อพูดขึ้นขณะเดินทางกลับที่พักในเวลา 5 ทุ่มเหมือนทุกวัน
“กลัวอะไรครับ” นัทย้อนถามด้วยความใส่ใจ
“กลัวว่าการเดินละเมอของตัวเองจะทำให้ความลับไม่ใช่ความลับ” บีมกล่าวด้วยสีหน้าเป็นกังวล เพราะนอนคิดมาหลายคืนแล้วว่าการเดินละเมอด้วยการลุกขึ้นมาแต่งตัวแบบนั้น แถมยังเดินไปหาคุณนัทที่อยู่ชั้นบนสุดของเพนท์เฮ้าส์ค่อนข้างบ้าบิ่น
“ระบบรักษาความปลอดภัยของเพนท์เฮ้าส์ดีมากเลยนะครับ คนนอกไม่มีทางเข้ามาได้ง่าย ๆ อีกอย่างคนที่มีเงินซื้อเพนท์เฮ้าส์ในระดับนี้ คงไม่เสียเวลามายุ่งเรื่องของคนอื่นหรอกครับ เพราะถ้าหากเป็นอย่างนั้นจริง ผมกับคุณเราอาจจะคลิกกันเพราะรสนิยมไปนานแล้ว” ชายหนุ่มมาดนักธุรกิจบอกกล่าวด้วยเหตุผล ซึ่งมันก็เป็นเหตุผลที่เข้าท่า
“คุณมักจะเดินมาเคาะประตูห้องผมในเวลาตีสอง และทุกครั้งที่ผมเปิดประตูออกไป ผมไม่เคยเจอใครเลยนอกจากคุณ ที่สำคัญผมได้แต่สงสัยว่าคุณกับเธอคนนั้นคือคนคนเดียวกันหรือเปล่า แต่พอคุณปฏิเสธว่าเราไม่เคยเจอกัน ผมก็ตัดความคิดนั้นออกไป แม้ว่ารูปหน้าของพวกคุณจะเหมือนกันมาก แต่เพราะไม่มีหลักฐานและไม่มีเหตุผลให้ผมต้องพิสูจน์ มันก็เป็นแค่เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เช่นเดียวกับกรณีที่คนอื่นพบเห็นคุณตอนกำลังเดินละเมอ ผมคิดว่าพวกเขาก็คงสงสัย แต่ไม่ได้เข้าไปก้าวก่ายชีวิตของคุณ” คำพูดของคุณนัทคล้ายกับทำให้บีมฉุกคิด และมันก็ทำให้สมองที่กำลังทำงานอย่างหนักค่อย ๆ ผ่อนคลาย
“ผมลองไปศึกษาเกี่ยวกับโรคเดินละเมอมาแล้วครับ ในเว็บไซต์บอกว่าผู้ใหญ่ประมาณ 1-15 % ที่เป็นโรคนี้จะเกิดจากความเครียดและความวิตกกังวล หรือบางทีก็อาจเกิดจากโรคประจำตัว หรือความผิดปกติทางด้านการนอนหลับ รวมถึงการอดนอนติดต่อกันเป็นเวลานาน แต่เท่าที่ผมสังเกตดูเหมือนว่าอิสระที่คุณไขว่คว้า มันอาจจะหนักเกินไปเลยทำให้คุณประสบกับปัญหานี้ อีกอย่างการดื่มกาแฟก็ไม่ดีนะครับ คุณน่าจะลดลงหน่อย” คุณนัทกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย แต่ทว่ากลับทำให้บีมรู้สึกอบอุ่น
“ผมเองก็ไม่ใช่หมอ ทางที่ดี..” สิ้นคำพูดของชายหนุ่มผู้เต็มไปด้วยความห่วงใย บีมกลับคว้าข้อมือของอีกฝ่ายไว้พร้อมส่ายหน้าปฏิเสธ ขณะที่แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว คล้ายกับการไปหาหมอคือเรื่องที่น่าหวาดหวั่น ซึ่งแน่นอนว่า ‘หมอ’ ที่ทั้งคู่กำลังพูดถึงจะต้องเป็นแพทย์เฉพาะทางเกี่ยวกับจิตเวช
“ตามความเห็นของผม การไปพบจิตแพทย์ก็เหมือนกับการที่เราไปหาหมอเวลาที่เจ็บป่วยทางร่างกาย เพียงแต่จิตแพทย์จะเป็นผู้เยียวยาจิตใจของเราด้วยการพูดคุยหรือจ่ายยาที่เหมาะสมนะครับ” นัทเริ่มอธิบายอย่างใจเย็น เพราะดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะมีมุมมองที่ไม่ดีต่อการเข้าพบจิตแพทย์ ซึ่งนัทก็ไม่แปลกใจนัก เนื่องจากสังคมไทยในปัจจุบันแม้ว่าจะให้การยอมรับเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ก็ยังมีคนบางกลุ่มที่มองว่าการไปพบจิตแพทย์เป็นเรื่องน่าอาย เพราะคนกลุ่มนั้นมักจะมองว่าผู้ป่วยที่ไปพบจิตแพทย์คือผู้ป่วยที่มีอาการหลอนประสาท แต่ในความเป็นจริงแค่รู้สึกเจ็บป่วยทางใจก็สามารถปรึกษาจิตแพทย์ได้
“เอาไว้ผมจะส่งข้อมูลในเว็บไซต์ให้คุณนะครับ ถ้าหากลองปฏิบัติตามแล้วการนอนหลับดีขึ้น คุณอาจจะไม่ต้องไปหาหมอ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่มันเกี่ยวข้องกับเรื่องอันตรายและยังมากกว่าสองครั้งต่อหนึ่งอาทิตย์ คุณต้องไปหาหมอแล้วนะครับและผมจะไปกับคุณเอง” นัทกล่าวอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพราะไม่อยากเร่งรัดให้อีกฝ่ายตัดสินใจจนรู้สึกเคร่งเครียด ซ้ำยังคว้าข้อมือไปกอบกุมไว้คล้ายกับให้คำมั่นสัญญา
“วันนี้ตอนที่นางแบบมาฟิตติ้งเสื้อผ้าทำให้ผมคิดถึงเรื่องในอดีต” บีมกล่าวอย่างไม่รีบร้อน ราวกับต้องการบอกเล่าความรู้สึกให้อีกฝ่ายฟัง และอีกนัยหนึ่งก็เพื่อปัดตกบทสนทนาเมื่อครู่
“ผมอยากเป็นนางแบบคนนั้น..” บีมกล่าวพร้อมแย้มยิ้มขณะที่ฝ่ามือแกว่งไกวเพียงเบา ๆ คล้ายกับเริ่มผ่อนคลายจากความตึงเครียด เมื่อพูดถึงเรื่องที่ตนเองสนใจ
“ผมหมายถึงอยากสวมใส่เสื้อผ้าสวย ๆ แบบนั้น ตอนที่ไม่ใช่การเดินละเมอ” น้ำเสียงของบีมเริ่มก้องกังวานมากขึ้น เมื่อเข้ามาอยู่ในลิฟต์ของเพนท์เฮ้าส์
“เราเพลย์กันวันนี้เลยดีไหมครับ” สิ้นคำถามความเงียบก็ปกคลุมรอบกาย ขณะที่ตัวเลขสีแดงกำลังจะหยุดนิ่งที่ชั้น 3 กระทั่งประตูลิฟต์เปิดออกหัวใจของบีมก็ยังคงเต้นรัวราวกับรอคอยคำตอบ
“ห้องของคุณเก็บเสียงหรือเปล่าครับ” ทันทีที่ปลายเท้าของบีมเคลื่อนห่างจากตัวลิฟต์ เสียงทุ้มนุ่มก็ดังตามมา
“ไม่ครับ” บีมตอบกลับพลางส่ายหัว ขณะที่อีกฝ่ายกำลังกดปุ่มสั่งการให้ประตูลิฟต์เปิดกว้าง
“ผมคงต้องขึ้นไปเอาตัวช่วย” สิ้นคำพูดนั้นประตูลิฟต์ก็ปิดลง ขณะที่บีมก้าวเดินไปยังห้องของตัวเองด้วยท่าทีสุดเชื่องช้า
เมื่อเข้ามายังด้านในสิ่งแรกที่คิดจะทำก็คือการอาบน้ำให้เร็วที่สุด แล้วใส่ชุดคลุมอาบน้ำรอคอยช่วงเวลาพิเศษ จากนั้นบีมจึงได้แต่นั่งไขว้ขาจ้องมองทิวทัศน์ในยามราตรีผ่านกระจกบานใหญ่ที่มองเห็นตึกสูงตระหง่านอันเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของสังคมเมือง จากนั้นไม่นานคุณนัทก็มากดกริ่ง บีมจึงรีบเดินไปเปิดประตู
“พอเข้ามาในห้องของคุณแล้ว นึกถึงวันที่ผมรีบวิ่งตามคุณจนลืมคีย์การ์ดเลยครับ วันรุ่งขึ้นกว่าจะจัดการเสร็จก็วุ่นวายไปหมด เพราะผมดันมีประชุมเช้า” ชายหนุ่มกล่าวพลางกลั้วหัวเราะ ขณะที่มือข้างหนึ่งถือถุงกระดาษใบเล็ก
“พูดถึงเรื่องนี้ทีไร ผมรู้สึกผิดจริง ๆ นะครับ นึก ๆ แล้วก็ไม่รู้ว่าตัวเองเดินละเมอกลับเข้าห้องได้ยังไง” บีมกล่าวด้วยสีหน้าเกรงใจซ้ำหัวคิ้วยังลู่ลงอย่างน่าเอ็นดู
“ผมให้เจ้าหน้าที่เช็คจากกล้องวงจรปิดแล้วนะครับ ดูเหมือนว่าระบบล็อกอัตโนมัติของห้องคุณน่าจะเสีย พรุ่งนี้ช่างจะเข้ามาซ่อมให้ครับ ส่วนนี่รองเท้าครับผมว่าจะเอามาให้คุณแต่ก็ลืมทุกที” คุณนัทยื่นถุงกระดาษแบรนด์ดังส่งมาให้ ก่อนจะลองเช็คประตูห้องอย่างถี่ถ้วน จากนั้นจึงโทรสั่งการบางอย่าง บีมจึงพอจะทราบว่าเพนท์เฮ้าส์แห่งนี้อยู่ในความดูแลของคุณนัท ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจนักเพราะสถานที่แห่งนี้เชื่อมกับห้างสรรพสินค้าที่อีกฝ่ายบริหาร
“ผมนึกว่าคุณเกิดเปลี่ยนใจ เพราะกลัวว่าผมจะทำรองเท้าพังเสียอีก” บีมเอ่ยแกมหยอกเย้า แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่คิดจะปฏิเสธอีกต่อไป เพราะอีกฝ่ายดูมุ่งมั่นเกินกว่าจะถามย้ำ
“ห้องของคุณถ้าหากผมจำไม่ผิด คงมีแค่ตู้เสื้อผ้าสไตล์วินเทจที่เป็นสิ่งไม่เข้าพวกเหมือนกับดาวเรืองแสงของผม” คุณนัทเกริ่นนำจากนั้นจึงผายมือไปยังประตูห้องนอนของผู้เป็นเจ้าของห้องหมายเลข 303
“ยังมีโต๊ะเครื่องแป้งอีกนะครับ เพราะผมได้มาพร้อมกับตู้เสื้อผ้า” บีมเฉลยพลางเปิดไฟในห้องนอนจนสว่างจ้า ซึ่งการตกแต่งห้องชุดแบบนี้แทบไม่มีอะไรแตกต่างจากห้องของคุณนัทมากนัก เพราะมันกำหนดคอนเซ็ปต์ไว้หมดแล้ว แต่กระนั้นก็ไม่ได้กว้างขวางเท่ากับห้องของอีกฝ่าย
“ผมขอดูหน่อยนะครับ” คุณนัทขออนุญาตพลางเดินนำไปยังตู้เสื้อผ้าแห่งความลับที่อยู่ข้างเตียงนอนและโต๊ะเครื่องแป้ง ซึ่งมีวิกผมวางครอบอยู่บนที่เก็บวิก บีมจึงนั่งมองแผ่นหลังกว้างของคุณนัท ก่อนจะเหลือบมองของในถุงกระดาษใบเล็กอย่างใส่ใจ พบว่าคืนนี้คุณนัทนำบอลแก๊ก เจลหล่อลื่น ไวเบรเตอร์ขนาดเล็ก และสายไข่มุกแบบซิลิโคนมาด้วย แน่นอนว่าอุปกรณ์ทุกอย่างอยู่ในถุงซิปล็อกอย่างแน่นหนา บ่งบอกถึงความใส่ใจทางด้านสุขอนามัยเป็นอย่างดี
“ทำไมนายยังไม่ถอดอีก ?” ชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวอันเป็นภาพลักษณ์ที่เคยเห็นอยู่บ่อยครั้ง เอ่ยถามด้วยความไม่สบอารมณ์ คล้ายกับการนั่งมองฟ้าดินของอีกฝ่ายกำลังทำให้เสียเวลา
“ขอ..ขอโทษครับนายท่าน” บีมกล่าวเสียงอ่อยพร้อมปลดชุดคลุมอาบน้ำกองลงตรงแทบเท้าจนหลงเหลือเพียงอันเดอร์แวร์สีขาวสะอาดตา
“มานี่สิ ผมจะให้นายลองบราตัวใหม่ของห้องเสื้ออิสระ” นายท่านเริ่มสั่งการด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ซับอย่างบีมจึงรีบกุลีกุจอเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายที่กำลังง่วนอยู่ตรงหน้าตู้เสื้อผ้าสไตล์วินเทจ พร้อมทำความเข้าใจซีนที่กำลังจะเล่นกันในวันนี้ คาดว่านายท่านอาจจะสวมบทบาทเป็นดีไซเนอร์ ส่วนซับอย่างบีมคงจะหนีไม่พ้นการสวมบทบาทเป็นนายแบบที่มาฟิตติ้ง ‘ตัวอย่างแรก’
การสวมใส่บราสำหรับผู้หญิงของเจ้านายดูช่ำชองมาก อาจเพราะการครอสเดรส คือเรื่องที่ค่อนข้างนิยม จากนั้นผู้เป็นนายก็หมุนตัวบีมไปมาราวกับจะตรวจดูว่าคับแน่นไปหรือเปล่า รูปทรงกระชับดีไหม เล่นเอาบีมรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง เนื่องจากสายตาของอีกฝ่ายกำลังโลมเลียบริเวณช่วงอกอย่างเปิดเผย
“หันหลังไป อย่ายุกยิก” ชายหนุ่มมาดนักธุรกิจที่วันนี้กลับกลายเป็นดีไซเนอร์เพียงชั่วคราวสั่งการอย่างเข้มงวด บีมจึงได้แต่ลุ้นระทึกว่าอีกฝ่ายจะนำอุปกรณ์ชนิดใดออกมาใช้งาน
“ดูเหมือนจะหลวมไป ผมคงต้องหาอะไรมายัดให้รูปทรงมันสวยขึ้น” ดีไซเนอร์ชั่วคราวกระซิบด้วยน้ำเสียงแหบพร่า พร้อมเป่าลมร้อนใส่ใบหูของบีมอย่างยั่วเย้า เล่นเอาขนอ่อนทั่วร่างลุกชันด้วยความหวามไหว จากนั้นไวเบรเตอร์ขนาดเล็กที่มีประสิทธิภาพในการทำงานอย่างดีเยี่ยมก็ถูกหย่อนลงบริเวณหน้าอกข้างหนึ่ง
“ไปนั่ง ผมจะเลือกชุดให้นายฟิตติ้ง อย่าส่งเสียงดังล่ะ” ชายหนุ่มร่างสูงกล่าวอย่างไม่รีบร้อนและไม่ได้เกรี้ยวกราดแต่อย่างใด ทว่าข้อความในประโยคสุดท้ายคล้ายกับกระตุ้นให้ผู้เป็นซับออกอาการดื้อดึง
“นายท่านจะให้ผมใส่ชุดนี้เหรอครับ” บีมเอ่ยถามเมื่อเห็นชายหนุ่มอีกคนหยิบชุดเดรสแบบเปิดไหล่ที่มีริบบิ้นสีทองประดับไว้ข้างหลังออกมาจากตู้แห่งความลับ เพียงเท่านั้นสายตาของผู้เป็นนายก็เปลี่ยนไป บีมจึงรีบสงบปากสงบคำ แต่ดูเหมือนจะไม่ทันการณ์ เพราะไวเบรเตอร์กำลังเพิ่มแรงสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง
“อา..อึก” บีมพยายามอดกลั้นสุ้มเสียงของตัวเองอย่างสุดความสามารถและยิ่งลนลานมากขึ้น เมื่อผู้สวมบทดีไซเนอร์เริ่มหยุดการเคลื่อนไหว
“ผมบอกให้เงียบ!” สุ้มเสียงเฉียบขาดดังก้องอย่างน่าเกรงขาม ริมฝีปากคู่สวยจึงเม้มแน่น แม้ว่าความวาบหวามจะก่อตัวในช่องท้องจนเริ่มปั่นป่วน
“อา..อึก..อื้อ” หลังจากบีมพยายามอดกลั้นจนครบหนึ่งนาที สุ้มเสียงที่เคยกักเก็บก็ปลดปล่อยออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ส่งผลให้เจ้านายที่ต้องการสมาธิในการเลือกเสื้อผ้าสำหรับฟิตติ้ง เหวี่ยงเดรสตัวสวยลงบนเตียงด้วยความไม่สบอารมณ์ จากนั้นก็ตรงเข้ามาบีบริมฝีปากของบีมอย่างรุนแรง ทำให้ความเจ็บปวดแล่นพล่านสร้างความเสียวซ่านให้กับผู้ถูกกระทำจนถึงขีดสุด แต่แล้วก็ตามมาด้วยการสวมบอลแก๊กเพื่อแก้ปัญหา
ไม่นานดีไซเนอร์ผู้แสนหล่อเหลาก็ได้รับความเงียบสงบคืนกลับไป
ขณะที่บีมไม่อาจเปล่งเสียงออกมาได้ เพราะลูกบอลคับแน่นปิดกั้นริมฝีปากจนน้ำลายไหลเยิ้ม ซ้ำยังออกอาการกระสับกระส่ายเมื่อไวเบรเตอร์ยังคงกระตุ้นเร้าอย่างต่อเนื่อง ความโหยหาการถูกลงโทษจึงตีตื้นจนทนแทบไม่ไหว มิหนำซ้ำสภาพอันน่าอับอายยังทำให้อารมณ์หวามไหวแผ่กระจายอย่างรวดเร็ว
“เดินมาหาผม” ทันทีที่ได้รับคำสั่งบีมก็รีบเดินเข้าไปหาด้วยความกระตือรือร้น จากนั้นเสื้อแขนยาวแบบซีทรูลวดลายดอกไม้ลักษณะคล้ายเสื้อคอเต่าทำจากผ้าลูกไม้ประเภท ‘ALENÇON’ ที่มีความโดดเด่นด้วยเนื้อผ้าลวดลายตาข่ายก็ทาบทับลงบนลำตัว แต่ใครจะไปคิดว่านายท่านจะเน้นย้ำตรงบริเวณที่มีไวเบรเตอร์แอบซ่อนอยู่
“อือ..อึก..อือ” บีมจึงได้แต่ร้องครวญครางไม่เป็นภาษา ขณะที่แววตาของผู้เป็นนายกลับฉายความสนุกอย่างเต็มที่
“อย่าทำน้ำลายหกเลอะชุดสวย ๆ พวกนี้ล่ะ” ผู้เป็นนายกล่าวพลางตบแก้มไม่เบานัก คล้ายกับต้องการสั่งสอนและค่อนข้างมีความสุขที่ได้เห็นร่างตรงหน้าทุกข์ทรมานจากฝีมือกระตุ้นเร้าของตัวเอง
“บรานั่นผมว่าถอดออกดีกว่า ดูไม่เหมาะกับนายเท่าไหร่” กระทั่งเนื้อตัวกลับมาเปลือยเปล่า เดรสแขนยาวคลุมสะโพกอย่างหมิ่นเหม่ก็ถูกสวมทับลงบนผิวกาย ขณะที่สิ่งกระตุ้นกลับถูกโยนทิ้งบนเตียงนอนอย่างไม่ใยดี
“รูปร่างของนายถือว่าดี เหมาะกับการเอามาเป็นแบบฟิตติ้งเพราะได้มาตราฐาน” ชายหนุ่มร่างสูงยังคงวิพากษ์วิจารณ์ ขณะยืนกอดอกชื่นชมผลงานอย่างคนมีความรู้ ซึ่งทุกอย่างล้วนจดจำมาจากเจ้าของห้องเสื้อตัวจริงทั้งสิ้น เพียงเท่านั้นร่างกายของบีมก็เริ่มร้อนผ่าว เพราะสายตาร้อนแรงโลมไล้ตั้งแต่บริเวณลำคอมาจนถึงส่วนอ่อนไหวเบื้องล่างที่กำลังคับแน่น
“จำได้ว่าผมให้นายมาฟิตติ้ง ไม่ได้ให้มาคิดเรื่องลามก..” นายท่านยิ้มเยาะทันทีที่เห็นความชื้นแฉะปรากฏบนอันเดอร์แวร์
“แน่นไปหรือเปล่า” เจ้านายเอ่ยถามเมื่อสวมเสื้อลูกไม้แบบสายเดี่ยวครึ่งตัวพร้อมขยับปมเชือกที่มีลักษณะคล้ายกับการผูกเชือกรองเท้าให้แนบแน่น
“อือ” บีมเอ่ยตอบในลำคอไม่เป็นภาษาพร้อมทั้งส่ายหัว แต่ทว่ากลับได้รับการตอบสนองเป็นความอึดอัดบริเวณช่วงอก เมื่ออีกฝ่ายดึงปมเชือกให้แน่นขึ้น แต่กระนั้นช่วงล่างกลับตอบสนองอย่างรวดเร็ว
“นายไปยืนเท้าแขนกับโต๊ะเครื่องแป้ง ผมจะใส่วิกผมให้” ทันทีที่ได้รับคำสั่ง บีมก็รีบเดินไปยังโต๊ะเครื่องแป้งและยืนเท้าแขนอย่างเชื่อฟัง เพราะการครอสเดรสก็ไม่ต่างกับการได้ปลดปล่อยอารมณ์และความเคร่งเครียดจนกลายเป็นใครอีกคน แต่แล้วเบื้องล่างก็รู้สึกวูบไหวเมื่ออีกฝ่ายปลดเปลื้องปราการชิ้นสุดท้าย
“มันไม่เข้ากันน่ะ” เมื่อนายท่านสังเกตเห็นสีหน้าแห่งความสงสัย เสียงกระซิบสุดยั่วเย้าก็ทำให้อารมณ์ของบีมเริ่มพุ่งสูง สายตาจึงไล่มองร่างสูงราวกับสุภาพบุรุษในละครอย่างใจจดจ่อ ไม่นานวิกผมสีดำรัตติกาลก็ถูกสวมลงบนศีรษะ จากนั้นอีกฝ่ายก็เปิดลิ้นชักราวกับต้องการจะค้นหาอะไรบางอย่าง กระทั่งพบกิ๊บติดผมสีดำสำหรับจับยึดวิกผมไม่ให้ขยับเขยื้อน ความเงียบสงบจึงหวนกลับมา
“อือ..อืออ” บีมสะดุ้งจนสุดตัวเมื่อจู่ ๆ สัมผัสเยียบเย็นและความเหนอะหนะก็ประทับลงบนช่องทางด้านหลังอย่างไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะผลุบหายไปอย่างเชื่องช้า แต่ทว่าการสอดใส่กลับไม่มีทีท่าจะหยุดลง เพราะบีมจดจำได้ว่าไข่มุกเหล่านั้นยังมีอีกหลายสิบลูกที่ร้อยต่อกัน
“อือออ” บีมได้แต่ครวญครางอย่างทุกข์ทรมาน เพราะไม่อาจเปล่งเสียงตามใจหมาย และยังถูกนายท่านตีสะโพกสั่งสอนอย่างไม่ปรานี ความสุขสมจึงจุกอกจนน่าอึดอัด
“นายนี่จริง ๆ เลย ผมอุตส่าห์หาอุปกรณ์ปิดปากมาใช้ แต่ก็ไม่ช่วยอะไรสักนิด ช่างไม่เก็บอารมณ์เสียบ้าง ลืมไปแล้วเหรอว่าห้องนี้ไม่เก็บเสียง” อีกฝ่ายเอ่ยเตือนก่อนจะเริ่มสอดใส่สร้อยไข่มุกพวงนั้นอย่างใจเย็น บีมจึงได้แต่ส่ายสะโพกไปมาด้วยความหวามไหว เพราะนายท่านไม่ได้ทำเพียงแค่นั้น แต่กลับบีบเค้นผิวเนื้อไม่หยุดหย่อน
“อ้อ นายเป็นพวกชอบโชว์นี่นะ แต่ก็อย่าลืมว่าตอนนี้นายกำลังฟิตติ้งเสื้อผ้าให้ผมอยู่” สิ้นประโยคดังกล่าวชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตสีขาวก็ประคองบีมให้ยืนตัวตรง จนมองเห็นใบหน้าหวามไหวของตนเองอย่างชัดแจ้ง แต่กระนั้นช่วงล่างกลับรับรู้ถึงความต้องการอันมากล้นของผู้ชักนำ
“นายเหมาะกับชุดนี้จริง ๆ ด้วย” ผู้เป็นนายกล่าวชื่นชมขณะยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ลมหายใจจึงเป่าลดบริเวณลำคอระหงจนขนอ่อนลุกชันด้วยความวาบหวาม โดยที่ฝ่ายดอมแทบอยากจะฝากฝังคมเขี้ยวแสดงความเป็นเจ้าของให้ทั่วร่าง แต่ก็ต้องทนข่มกลั้น
“วันนี้ผมอารมณ์ดีจะพานายไปเต้นรำใต้แสงจันทร์” นายท่านกล่าวพร้อมกับปลดปล่อยพันธนาการ จนทำให้บีมจำต้องขยับปากขึ้นลงครู่หนึ่ง เพราะรู้สึกว่ามันจะเป็นตะคริวเข้าให้แล้ว
“คุณโอเคหรือเปล่าครับ” สิ้นคำถามคล้ายกับการเพลย์มีอันต้องขาดช่วงราวกับถูกผู้กำกับสั่งคัท เพราะผู้เป็นดอมกลับกลายเป็นคุณนัทผู้แสนอบอุ่น
“โอเคครับ คุณไม่ต้องห่วง” บีมตอบรับพร้อมยกยิ้มให้ จากนั้นชายหนุ่มผู้มาเยือนก็ประคองฝ่ามือของอีกฝ่ายเพื่อก้าวเดินไปยังห้องนั่งเล่น แต่เพราะความที่ช่วงล่างถูกเติมเต็มด้วยอุปกรณ์บางอย่าง บีมจึงไม่อาจก้าวเดินได้สะดวก สุ้มเสียงจึงพาลเปล่งประกายอย่างงดงาม
“คิดไม่ผิดที่ผมเลือกนายมาเป็นแบบฟิตติ้ง” ทันทีที่สองร่างถูกอาบไล้ด้วยแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามายังบริเวณหน้าต่างกระจกบานใหญ่ คำชื่นชมดังกล่าวทำให้บีมออกอาการขวยเขินและยังกระตุ้นเร้าให้ความต้องการจนกลายร่างเป็นคลื่นยักษ์ซ่านกระเซ็นในช่องท้อง
“อ๊ะ” บีมอดอุทานออกมาไม่ได้ เมื่อเจ้านายใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างสะบัดลงบนสะโพกกลมสวย อุปกรณ์ที่แอบซ่อนจึงกระทบกันจนเกิดความหวามไหว
“นายมันเต้นไม่ได้เรื่อง!” ดีไซเนอร์ชั่วคราวปรามาสด้วยความไม่สบอารมณ์ ซ้ำยังรั้งกายของอีกฝ่ายให้เข้ามาแนบชิด โดยที่ฝ่ามือทั้งสองข้างยังคงลูบไล้สะโพกกลมกลึงอย่างหลงใหล แต่แล้วก็ฟาดฝ่ามือลงบนความนุ่มนวลไม่เบานัก
“อา..อ๊า..ผ..ผม..” บีมเริ่มกล่าวไม่ได้ศัพท์เมื่อร่างกายกำลังถูกทักทายด้วยความเสียวซ่าน แต่กระนั้นผู้เป็นนายกลับไม่ได้สนใจ ยังคงใช้ฝ่ามือขยำผิวเนื้อบริเวณดังกล่าวด้วยความเพลิดเพลิน พร้อมชักนำให้ปลายเท้าโยกย้ายไปตามจังหวะของการลีลาศ แต่ทว่าเรียวขาของบีมกลับสั่นพร่า คล้ายกับจะทรงตัวไม่อยู่ จึงต้องคอยจับยึดช่วงแขนของอีกฝ่ายให้แนบแน่น
“สะโพกของนายคงจะผ่านมือใครต่อใครมาเยอะสินะถึงได้นุ่มนิ่มแบบนี้” นายท่านสบประมาทพร้อมบีบเค้นจนความชื้นแฉะบริเวณช่วงล่างจนเริ่มล้นปริ่ม ขณะที่เสื้อสายเดี่ยวตัวบนก็ถูกปลดเปลื้องอย่างรวดเร็ว ราวกับเวลานี้มันกำลังขวางหูขวางตา
“สมกับเป็นนาย พอได้โชว์ความหน้าไม่อายเข้าหน่อยก็เริ่มมีอารมณ์จนควบคุมไม่อยู่ คงอยากให้พวกที่เช่าคอนโดฝั่งตรงข้ามเห็นสินะ” ชายหนุ่มร่างสูงกล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม ขณะที่มุมปากเริ่มกดยิ้มลึก
“ได้สิผมจะสงเคราะห์ให้” น้ำเสียงลุ่มลึกแฝงด้วยพฤติกรรมสุดอันตรายกำลังทำให้บีมสั่นสะท้าน ขณะที่ปรอทแห่งความสุขพุ่งปรี๊ดจนเต็มแม๊กซ์
“อ๊ะ..อ๊า..น..นายท่าน” บีมผวากอดอีกฝ่ายอย่างไม่อาจทรงตัว เมื่อปลายนิ้วแข็งแกร่งผลักดันอุปกรณ์ด้านหลังให้ซึมลึกเข้ามายังด้านในมากยิ่งขึ้น ช่วงล่างของทั้งคู่จึงบดเบียดแนบชิดจนทำให้ชายหนุ่มผู้เป็นดอมจำต้องลอบสูดลมหายใจเพื่อเรียกคืนสติ
“อะไรกัน พอเจอของชอบเข้าหน่อย ถึงกับแข้งขาอ่อนแรงเชียวเหรอ” ชายหนุ่มผู้แสนเย่อหยิ่งกล่าวด้วยความขบขัน แต่ทว่าในอกกลับร้อนลุ่มยิ่งกว่าดวงไฟสุมทรวง
“อ๊า..อึก..อา” ขณะที่บีมดิ้นพล่านอย่างไม่อาจอดกลั้น เมื่อความกระสันตรงเข้ามาเล่นงานอย่างไม่ปรานี ส่งผลให้ลมหายใจติดขัด เพียงแต่มันกลับกลายเป็นความสนุกสนานของฝ่ายควบคุม
“นายอย่าเพิ่งใจร้อนสิ” สิ้นคำปลอบโยนอันแสนอบอุ่น ริมฝีปากของผู้เป็นนายก็จุมพิตลงบนกลีบปากของฝ่ายซับอย่างแผ่วเบา แต่มันกลับทำให้สติของบีมยิ่งเตลิด เพราะจูบเมื่อครู่กลับอยู่เหนือความคาดหมาย และบีมก็ไม่ทันคาดคิดว่าอีกฝ่ายจะร้ายกาจ
จนกระทั่ง..
“อ๊า” ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของห้อง 303 ครวญครางเสียงแหลม พลางแอ่นกายอย่างเสียวซ่าน เมื่อจู่ ๆ สร้อยไข่มุกก็ถูกกระชากออกภายในพริบตาเดียว ส่งผลให้ความรู้สึกล้นทะลักจนถึงฝั่งฝัน จากนั้นลมหายใจอันแสนเหนื่อยหอบก็ดังระงมไปทั่วห้อง 303 โดยที่ทั้งคู่ยังคงโอบกอดกันไม่ห่าง
“คุณจูบผม” บีมกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่กระนั้นหัวใจกลับสั่นไหวอย่างรุนแรง และเชื่อได้เลยว่าอีกฝ่ายคงจะได้ยินอย่างชัดเจน เพราะพวกเขากำลังโอบกอดกันด้วยสภาพที่ช่วงล่างแนบชิดจนรับรู้ได้เลยว่า การปลดปล่อยอันแสนสุขจบลงด้วยดีมากแค่ไหน
“ครับ ตอนนั้นผมจูบคุณ” ชายผู้มาเยือนตอบรับด้วยน้ำเสียงมั่นคง ขณะช้อนตัวอีกฝ่ายขึ้นอุ้มในท่าเจ้าหญิง
“ส่วนตอนนี้ผมก็ยังอยากจะจูบคุณ แต่เป็นในสถานะที่เรากำลังดูใจกัน” สิ้นคำสารภาพอันแสนหวาน หัวใจของบีมกลับเต้นระรัวขึ้นมาอีกครั้ง
เพียงแต่คราวนี้กลับเพิ่มความร้อนระอุบนใบหน้าเข้ามาด้วย
--------------------------✁
[1] การครอสเดรส (Crossdresser) คือ การที่ผู้ชายมีความสุขกับการแต่งตัวเป็นผู้หญิง แต่ไม่ได้หมายความว่าตัวตนของพวกเขาจะเปลี่ยนไปตามเสื้อผ้าที่สวมใส่
[2] ALENÇON เป็นอีกชื่อหนึ่งของผ้าลูกไม้ประเภท Corded Lace
บทความที่เกี่ยวข้อง- การครอสเดรส
http://bit.ly/2qKVUU1มาต่อแล้วค่ะ ช่วงนี้ถ้าหากไม่ติดแก้ไขอะไร เราน่าจะอัพได้ทุกวันจนกว่าจะหมดสต๊อกนะคะ เรื่องนี้ฉากเพลย์ก็จะเยอะหน่อย แต่ไม่เยอะจนถึงขั้นทิ้งปมที่เคยเปิดไว้แน่นอนค่ะ เพราะเราไม่ได้ตั้งใจจะเล่นประเด็นนี้อย่างเดียว และบางตอนของนิยายเรื่องนี้อาจจะมีการแก้ไขตามที่มีคนแนะนำ เพื่อให้เรื่องมีความสมบูรณ์มากขึ้น เอาไว้ตอนไหนที่เรามีการแก้ไขหลังจากที่ลงไปบ้างแล้ว เราจะมาแจ้งตรงส่วนของทอล์คอีกทีค่ะ เพราะบางอย่างเราเองก็คาดไม่ถึงว่ามันจะต้องลงลึกขนาดไหน และมันสามารถมองในอีกแง่ได้ยังไงบ้าง คงต้องวอนผู้รู้ที่มาตามอ่านเรื่องนี้ช่วยแนะนำกันต่อไปค่า 555
ปล. ตอนที่ 6 มีการแก้ไขเกี่ยวกับการพูดถึงเรื่องรสนิยมแบบ BDSM ตามที่มีคนแนะนำมานะคะ เพื่อที่คำจำกัดความของการคบกับคนที่ต่างรสนิยมแตกกัน ตรงกับความรู้สึกของผู้ที่มีรสนิยมแบบ BDSM มากที่สุดค่ะ
“คุณน่าจะรู้ดีนะครับว่ารสนิยมอย่างเรา ๆ ต่อให้มีแฟนมันก็ไม่อาจเติมเต็ม ผมเลยอยู่เป็นโสดดีกว่า”
ที่ต้องแก้ตรงส่วนนี้เป็นเพราะว่าอันที่จริงรสนิยมแบบ BDSM ก็สามารถมีเซ็กส์แบบวนิลา (คนทั่วไป) ได้ค่ะ เพียงแต่มันอาจจะไม่สามารถเติมเต็มความรู้สึกมากเท่าไหร่ คำว่าสุขไม่สุดเลยอาจจะทำให้ความเข้าใจคลาดเคลื่อนไป ดังนั้นจึงแก้ไขเพื่อให้ถูกต้องมากที่สุดค่ะ