รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ ทั้งแค้นทั้งเห็นใจ ตกลงมันยังไงวะ
“พี่สุรชาติ พี่ว่าแผนกบัญชีลงบิลน้ำมันให้แผนกเราแบบนี้ถูกมั้ยพี่”
บุ้งยื่นเอกสารเกี่ยวกับการลงค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับน้ำมันที่ใช้ในการขนส่งให้กับพี่บาสดู และพี่บาสที่กำลังเตรียมขึ้นรถก็รับเอกสารมาเปิดดูเพื่อช่วยพิจารณา เปิดแค่ผ่าน ๆ และก็เริ่มประเมินบางอย่างได้
“คลาดเคลื่อนไปหน่อยนะ น่าจะมือใหม่ลง เอกสารมันก็เลยไม่ตรง ถ้าลงบัญชีแบบนี้น่ากลัวแผนกเราจะมีปัญหา”
เป็นความคิดเห็นที่บุ้งฟังแล้วต้องพยักหน้าตาม
พี่บาสหรือสุรชาติ เดิมทีอยู่แผนกบัญชี เคยเกือบจะขึ้นเป็นหัวหน้าแผนกบัญชีด้วยซ้ำ แต่อยู่ดีๆ ก็ขอเปลี่ยนตำแหน่งมาประจำอยู่แผนกขนส่ง มาเป็นลูกน้องของบุ้ง
ใครหลายคนถึงกับงงกับสิ่งที่พี่บาสทำ และเหตุผลที่บุ้งได้ฟังจากปากพี่บาสมันทำให้บุ้งต้องคิดตามเพราะสิ่งที่พี่บาสพูดมันถูกทุกอย่าง เป็นหัวหน้าคนอื่นเงินเดือนก็ไม่ใช่จะมากมายท่วมท้นจนใช้ไม่หมด ภาระหน้าที่รับผิดชอบก็เยอะเพิ่มเป็นเงาตามตัวด้วย
หลายคนคิดว่าแผนกขนส่งป่าเถื่อน ใคร ๆ ก็ไม่อยากมาทำ แต่พี่บาสมองว่าไม่ใช่ แผนกนี้แหละเป็นแผนกที่ทำงานแล้วมีความสุขที่สุด เพราะไม่ต้องวุ่นวายกับเอกสารที่ทำเท่าไหร่ก็ไม่เคยเสร็จ แค่มีความรับผิดชอบในหน้าที่ของตัวเองก็พอแล้ว
เงินเดือนอาจไม่มากนัก แต่ค่าเที่ยวที่ส่งของพิเศษ แล้วไหนจะค่าเที่ยวที่ขึ้นรถแทนกันอีก
เงินทั้งนั้น ขยัน ๆ หน่อยก็สบาย แถมมีเวลาเหลือ เลิกงานกลับบ้านได้ทันทำไม่มีงานค้างต้องมาทำต่อ ไปหาเงินข้างนอกเพิ่มได้เลย มันอาจจะเป็นงานที่ใครๆ หลายคนในโรงงานคิดว่าไม่ต้องอาศัยความรู้ความสามารถอะไร แค่ขับรถได้ก็มาทำได้แล้ว
หลายคนคิดด้วยความอคติ ว่าพนักงานแผนกขนส่งอยู่อันดับท้าย ๆ ของสิ่งที่จะเลือกมาทำ ใคร ๆ ก็อยากทำงานสบาย ๆ ทำเอกสารอยู่ในห้องแอร์ทั้งนั้น แต่พี่บาสรู้ งานพวกนั้นไม่ได้มีความสบายใจร่วมด้วย แค่สบายกายแต่ปวดหัวจนแทบระเบิดเมื่อใกล้จะปิดงบช่วงสิ้นเดือน แต่มาเป็นพนักงานขับรถของแผนกขนส่ง แม้ไม่ค่อยสบายกายแต่เรื่องของใจ..........สบายสุด ๆ
ก็เลยขอย้ายตัวเองจากแผนกบัญชีมาอยู่แผนกขนส่งนั่นเอง
“ไม่เป็นไรหัวหน้า เรื่องลงบัญชีผิดนี่หัวหน้าไม่ต้องกังวล เดี๋ยวผมขึ้นไปคุยให้ ไม่มีปัญหา ผมจะชี้แจงตามที่บอกหัวหน้านั่นแหละนะ”
บุ้งพยักหน้ารับและมองคนที่ให้คำแนะนำด้วยความขอบคุณ
ถึงแม้ว่าพี่บาสจะเป็นลูกน้องของบุ้งก็จริง แต่เราต่างรู้กันอยู่ว่าอะไรเป็นอะไร เราให้เกียรติกันในฐานะเพื่อนร่วมงาน และบางครั้ง เราก็ทำอะไรบ้า ๆ บอ ๆ ด้วยกัน เรื่องที่บุ้งทำ ในบางครั้งก็ดูบ้าบองี่เง่า แต่มันก็ทำให้พี่บาสนึกชื่นชมอยู่ในใจ
ก็เพราะทำตัวแบบนี้ ไม่เคยหยิ่งกับลูกน้อง ถึงเวลาจริงจังก็จริงจัง ถึงเวลาเล่นก็เล่น คนแบบนี้เป็นหัวหน้าคนได้ เพราะมีพาวเวอร์มากพอ และใช้พาวเวอร์เป็น ผิดกับพี่บาสที่ไม่ชอบแบบนี้
สิ่งที่พี่บาสชอบ คือให้คำปรึกษาคอยช่วยเหลือ และอยู่แบบเงียบๆ สบาย ๆ ไม่ถนัดที่จะใช้พาวเวอร์กับใคร
“หัวหน้า.....”
เรียกให้บุ้งที่กำลังขมวดคิ้วมุ่นและคงจะเป็นกังวลเรื่องของการลงบัญชีของแผนกบัญชีไม่น้อย และบุ้งก็เงยหน้าขึ้นมามองว่าพี่บาสจะพูดอะไร
“ใจเย็นหัวหน้า ของแบบนี้ไม่ยากที่จะแก้ไขหรอก เรื่องการชี้แจงปล่อยเป็นหน้าที่ผมเอง ถ้ามันมีปัญหามากนัก เรายังมีแบ็คอัพใหญ่ที่ดึงตัวอย่างมาให้ดูได้ หัวหน้าแผนกขายก็คงพร้อมช่วยเราอยู่หรอก แล้วไหนจะยังข้อมูลจากแผนกจัดซื้ออีก.........งานนี้หัวหน้าวางใจได้.....สบาย สบาย”
พี่สุรชาติแม่งโคตรเจ๋งว่ะ เก๋าเกมส์น่าดู รู้ช่องโหว่ของแผนกบัญชี แถมยังหาแนวร่วมไว้ให้เสร็จสรรพด้วย
แผนกขนส่งนี่โชคดีจริง ๆ ที่มีพี่เป็นกุนซือ
“ขอบคุณมากพี่ ฟังแล้วผมสบายใจขึ้นเยอะ”
ยกมือไหว้อีกรอบ และพี่บาสก็หัวเราะออกมาเสียงเบา ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อและหยิบบางอย่างมาส่งให้กับหัวหน้า
“เคลียร์เรื่องบัญชีเสร็จแล้วหัวหน้าก็ไปพักผ่อนเปลี่ยนบรรยากาศหน่อยนะ นี่ผมได้มาบ่อย ลูกค้าประจำผมเลย ช่วงนี้ผมได้แบบลด15เปอร์เซ็นต์มา เดี๋ยวมันจะหมดโปรโมชั่นแล้ว ถ้าหัวหน้าว่าง ๆ อยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้างก็ลองพาเกาหลีไปเซอร์เวย์ดูแล้วกัน”
อ่า.............. ครับพี่ด้วยความยินดีครับ
บุ้งรับนามบัตรที่ใช้เป็นส่วนลดของโรงแรมเล็ก ๆ แห่งหนึ่งมาพลิกดูแล้วรีบเก็บลงในกระเป๋าเสื้อ
มองหน้าพี่บาสแบบรู้กัน และต่างฝ่ายต่างก็ส่งยิ้มให้กันแต่ไม่มีคำพูดใด ๆ ออกมา
“เจ๋งจริงครับพี่ ผมลองมาแล้ว”
วิโรจน์ที่กำลังนั่งเช็คของอยู่ข้าง ๆ เอ่ยบอกและยกนิ้วโป้งให้เพื่อเป็นการชื่นชมจริง ๆ แล้วหัวหน้าบุ้งก็อมยิ้มอย่างอาย ๆ ยกมือขึ้นถูไปมาที่ท้ายทอยเบา ๆ และพยักหน้ารับสิ่งที่วิโรจน์บอก
“อะไรกันอ่ะพี่ ลองอะไรกัน”
อำนาจที่นั่งอยู่ข้างวิโรจน์ที่ได้ฟังบางอย่างไม่ค่อยถนัดแต่ได้ยินแว่ว ๆ ที่วิโรจน์พูดว่าลองมาแล้ว และบอกว่าเจ๋งมาก เลยเกิดอยากรู้ขึ้นมาว่าไอ้ที่บอกว่าเจ๋งมาก มันหมายความว่ายังไง
และทุกคนก็หันไปมองอำนาจเป็นตาเดียว
อ่า...........อะไรวะ...........อะไรยังไง พวกพี่มองหน้าผมทำไมกันวะ
“ผมว่าของผมคงเลื่อนไปก่อนได้ เพราะโอกาสก็ยังพอมีบ่อย ๆ แต่ไอ้แก๊ปนี่คงจะลำบาก เพราะน้องพู่อยู่กับครอบครัว ส่วนไอ้แก๊ปก็อยู่กับที่บ้านเหมือนกัน.....โอกาสที่จะได้อยู่ด้วยกันแบบส่วนตัวก็คงจะยาก.....เพราะฉะนั้นในฐานะที่ผมเป็นหัวหน้าแผนกขนส่ง ผมก็คงต้องเสียสละให้ลูกน้องก่อน ถูกมั้ยพี่สุรชาติ”
อะไรวะ.... พี่บุ้งร่ายอะไรยาวซะขนาดนั้นเลยวะ
หมายความว่ายังไง.... แก๊ปยังยืนงง และทุกคนก็มองหน้ากันก่อนจะหันไปมองแก๊ปเป็นตาเดียวอีกครั้ง
“พี่เข้าใจว่ะ มึงเอาไปใช้ก่อนนะ รายละเอียดวิโรจน์น่าจะอธิบายได้ชัดเจนหน่อย”
พี่บุ้งหัวหน้าแผนกขนส่ง
“กระจกแม่งติดรอบเลย ได้อารมณ์สุด ๆ ว่ะห่าแก๊ปมึงต้องไปลอง เห็นแม่งหมดทุกอย่างล่ะ ว่ากำลังทำอะไรท่าไหน เย็นนี้รีบพาไอ้น้องพู่ไปจัดซะ อย่าช้า”
วิโรจน์ผู้เชี่ยวชาญการคิดค้นทฤษฎีใหม่ ๆ เกี่ยวกับเรื่องบนเตียง
“ถ้ามีมาอีก เดี๋ยวพี่ให้มึงคนแรกเลยว่ะแก๊ป พี่เห็นใจมึงจริงๆ ว่ะ อดทนหน่อยว่ะแก๊ป ช่วงนี้ลำบากหน่อยแต่เดี๋ยวหลัง ๆ ปรับตัวได้ก็คงดีขึ้น”
สุรชาติ ผู้มีน้ำใจไมตรีและเป็นที่ปรึกษาที่ดีให้กับพี่ ๆ น้อง ๆ ในแผนก
และแก๊ปที่กำลังอ่านนามบัตรที่หัวหน้าบุ้งส่งให้ก็รู้สึกซาบซึ้งจนอยากจะร้องไห้ ที่ทั้งพี่และเพื่อนเห็นใจในชะตากรรมของแก๊ป ที่ต้องหาทั้งโอกาสและจังหวะเหมาะ ซึ่งกว่าจะได้แต่ละครั้งก็คงต้องใช้เวลานาน
แม่งซึ้งว่ะ
กูซึ้งพวกพี่ ๆ แล้วก็ไอ้โรจน์จริงๆ เลยว่ะ น้ำตากูจะไหล
“พี่บาสขอบคุณคร้าบ หัวหน้าขอบคุณคร้าบบบบบ ไอ้โรจน์....ขอบใจมึงจริง ๆ ว่ะที่เห็นใจกู”
ไหว้ครบหมดทุกทิศ ด้วยความสำนึกในน้ำใจที่ทั้งพี่และเพื่อนมีให้
แต่บางครั้งแก๊ปก็ลืมไปว่าของฟรีไม่เคยมีในโลก การได้อะไรบางอย่างไปก็ต้องให้ของแลกเปลี่ยนกลับคืนมาบ้าง
“ว่าแต่เอากับน้องพู่ครั้งแรก มึงเอากันกี่ยกวะ”
สุรชาติ ผู้ไม่ได้อยากเสือกหรอกนะ แค่อยากรู้เรื่องของรุ่นน้องเฉยเฉ้ยยยยยยยยยยย ก็แบบว่าเป็นห่วงมัน
“มึงกับไอ้น้องพู่เล่นท่ายากกันบ่อยเปล่าวะแก๊ป”
วิโรจน์ผู้ไม่นิยมสนใจเรื่องชาวบ้าน แต่ถ้ามึงอยากเล่าก็เล่า แต่ถ้าไม่อยากเล่า กูก็ไม่ได้ว่าอัลไล้
“คิดมั้ยว่าพอได้กันแล้ว พอน้องมันเป็นเมียเราแล้วเหมือนมันน่ารักขึ้นกว่าเดิมสิบเท่า”
หัวหน้าบุ้งผู้ไม่เคยเสือกเรื่องของชาวบ้านอย่างเปิดเผย แต่ถ้าเกิดเรื่องมันมาเข้าหูเองก็ช่วยไม่ได้ เปล่านะ กูไม่ได้อยากรู้ แต่อยู่ ๆ แม่งก็รู้ขึ้นมาเอง กูเปล่าไปสรรหานะ
“อะไรเนี่ยะ เอางี้เลยเหรอวะพี่ บัตรลด 15 เปอร์เซ็นต์พวกพี่เล่นให้ผมแบไพ่หมดเลยเหรอวะ”
ก็ไม่ได้อะไรนะ แต่.....
“เอออออออออออออออออ”
พร้อมใจกันตอบ โดยไม่ต้องนัดหมาย
และแก๊ปก็หัวเราะออกมาด้วยความเขิน
“เฮ้ยยยยยยยยย ไม่ได้ดิพี่ ผมบอก...พวกพี่ก็ต้องบอกผมเหมือนกัน มาให้ผมบอกคนเดียวได้ไง มันก็ไม่แฟร์ดิว๊า”
มีข้อแลกเปลี่ยนว่างั้น
“ของพี่ก็อย่างที่พวกมึงรู้ ๆ กัน ไม่มีอะไรนี่หว่า ก็ธรรมดา”
พี่บาสผู้ตอบเหมือนจะชัดเจน..........แต่ทำไมดูคลุมเครือจังเลยวะ
“กูก็ไม่มีอะไร ก็เจออ้นเฉย ๆ ก็ตามนั้น”
วิโรจน์ผู้ตอบคำถามได้เหมือนจะชัดเจนกว่า แต่มันก็ดูยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่
“ของพี่ก็สบาย ๆ ว่ะ เรื่อย ๆ ไม่มีอะไรมาก”
หัวหน้าบุ้ง ที่เหมือนจะตอบได้ชัดเจนกว่าคนอื่นทั้งหมด.........ตรงไหนวะ
“แล้วตกลงที่พวกกูถามมึงไปอ่ะ ว่าไงแก๊ป นี่ก็บอกมึงกันครบหมดทุกคนแล้วนะ”
เหรอวะ นี่พวกพี่บอกผม..........แล้วเหรอวะ ทำไมเหมือนผมไม่ค่อยรู้อะไรเลยวะ.........เหมือน ๆ จะงง แต่ก็ไม่งง หรือจะ งง
แก๊ปยังไม่รู้ว่าจะเข้าใจสิ่งที่พวกพี่ ๆตอบมาได้หรือเปล่า แต่ก็คงเข้าใจแล้วล่ะมั้งวะ หรือยังไง
ก็เลยยอมตอบคำถามออกไปทั้งหมดให้พวกพี่ ๆ ที่ถามได้เข้าใจ
“เพิ่งเอากันไปครั้งเดียวเองพี่ ที่บ้านผมนี่แหละ ไอ้พู่มันไปส่งผมที่บ้าน ตอนแรกว่าจะไม่เอาหรอก แต่มันยังไงล่ะ อยู่ดี ๆ แม่งอารมณ์ก็มา พอมาก็เลยเอากันไปหนึ่งรอบ ท่ายากห่าอะไรก็ไม่ได้ทำหรอก สงสารไอ้พู่มัน กลัวมันเจ็บ เห็นมันร้องไห้แล้วผมก็สงสาร ทำมันไม่ลง ก็มีแค่นี้แหละพี่”
อ่า.......... เข้าใจแล้ว
คำตอบพาซื่อของแก๊ป แม้ฟังดูง่าย ๆ แต่ก็ทำให้คนฟังทั้งหมดนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“มึงไปตามนามบัตรนะแก๊ปแล้วบอกไปว่ามึงเป็นน้องพี่บาสที่มาส่งน้ำเต้าหู้ บอกไปเลยว่าสนิทกันมากเดี๋ยวกูโทรไปบอกเขา ขอให้เขาลดให้มึงเป็นกรณีพิเศษสุด ๆ จากสิบห้าเปอร์เซ็นต์เพิ่มเป็นห้าสิบเปอร์เซ็นต์”
พี่บาส ผู้เห็นใจและสงสารน้องที่ผ่านมาพักใหญ่แล้วถึงเพิ่งรู้ว่าไอ้พู่กับไอ้แก๊ปเพิ่งมีอะไรกันไปแค่ครั้งเดียว
“ช่วงนี้ไม่ค่อยมีอะไร ถ้าวันไหนมึงอยากลาหยุดพร้อมไอ้น้องพู่ มึงก็ลาไปบ้างก็ได้นะ สองวันสามวันกูก็ไม่ได้อะไรหรอก เดี๋ยวเรื่องของกูจัดการให้”
วิโรจน์นึกสงสารเพื่อนร่วมแผนกขึ้นมาจริง ๆ
กูงงมาก มึงอยู่ใกล้กันขนาดนี้ทุกวัน มึงอดทนได้ยังไงวะ มึงสุดยอดมากไอ้แก๊ป กูโคตรนับถือเลย
“วันลาพักร้อนเหลืออีกเจ็ดวันเต็มทั้งคู่เลยนี่หว่า จะลาวันไหนก็ตกลงกันมาเลยนะ เดี๋ยวพี่เซ็นต์อนุมัติใบลาให้”
หัวหน้าบุ้ง ผู้อยากจะถอนหายใจแรง ๆ เพราะสงสารในโชคชะตาของลูกน้อง ที่พอเอาเข้าจริงๆ มันก็ทั้งซื่อ ทั้งน่าสงสารที่ไม่มีโอกาสได้ทำตามใจตัวเองบ้าง
และแก๊ปที่ได้ฟังก็ยกมือไหว้พี่ ๆ ทุกคนที่ให้การช่วยเหลือ
“เรื่องธรรมดาว่ะแก๊ป คนรักกันชอบกัน มันก็ต้องมีเรื่องแบบนี้บ้าง ไม่ใช่สงสารแต่มึงนะ สงสารไอ้พู่มันด้วยมึงคิดยังไงวะไม่อยากเอากันบ้างหรือไง อยู่ใกล้กันทุกวันเจอหน้ากันทุกวันขนาดนั้น”
ก็ไม่ใช่อะไรหรอกพี่
“ผมไม่อยากให้ไอ้พู่เสียการเสียงานเพราะผม ถึงเป็นแฟนกันอยู่แผนกเดียวกัน แต่คบกันแล้วผมไม่อยากให้เสียการเสียงานกันทั้งคู่ แบบนั้นแม่งไม่ดี เหมือนคนไม่มีความรับผิดชอบ”
นี่ไงล่ะน้ำใจของมัน เพราะไอ้แก๊ปมันเป็นคนแบบนี้ ใคร ๆ ก็เลยอยากช่วยมันกันทั้งนั้น
“จัดซะเย็นนี้เลยแก๊ปเดี๋ยวพี่โทรไปบอกเขาให้ว่าให้ลดราคาให้มึงแบบพิเศษสุด ๆ”
สุรชาติผู้อยากให้ความช่วยเหลือมาก แต่ไม่อยากเผยออกมาจนหมด
“พรุ่งนี้กูว่างเดี๋ยวกูเช็คของให้มึงเลยไม่ต้องห่วง”
วิโรจน์ผู้ให้ความช่วยเหลือในแบบที่ตัวเองพอจะทำได้
“ลาติดกันเลยแล้วกันนะสามวัน เดี๋ยวพี่ไปเซ็นต์อนุมัติทิ้งไว้ให้เลย”
หัวหน้าบุ้ง…..โคตรใจดีและเข้าใจในชะตาชีวิตรันทดของลูกน้อง
แล้วแก๊ปก็ยิ้ม และยกมือไหว้พวกพี่ๆ เป็นรอบที่สาม สี่ และห้า
ก่อนจะแยกย้ายสลายตัวกันไป
และแก๊ปก็หันไปมองน้องพู่ ที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าวันนี้คงโดนจัดหนักถล่มจนเละเพราะทั้งแผนกเป็นใจให้
“มึงโดนแน่พู่เอ้ยยยยยยยย ยั่วกูดีนัก มึงโดนจัดหนักแน่ หึ หึ หึ”
อำนาจหัวเราะออกมาเสียงเบา ทำสีหน้าชั่วร้ายและออกอาการหื่นสุด ๆ
โดยไม่ทันสังเกตว่ามีสายตาของใครบางคนจ้องมองอยู่ห่าง ๆ และเริ่มอมยิ้ม ก่อนที่จะเดินไปสมทบกับคนอื่น ๆ ที่รออยู่ก่อนแล้ว
“สำเร็จเรียบร้อยด้วยดีว่ะ ......ครั้งแรกกูโดนเฮียถล่มซะจนแทบสลบคาเตียง ไอ้พู่ก็ควรได้รับรู้ความรู้สึกนั้นบ้าง มันจะมาโดนแค่ครั้งเดียวแบบชิล ๆ มาทำงานได้เหมือนคนไม่เป็นอะไรแบบนี้มันไม่ถูก”
วิเชียรผู้คว่ำหวอดในวงการเรื่องบนเตียงมาอย่างโชกโชน
“ผมก็เจ็บมากเลยนะ ตอนที่พีทไม่คิดอะไรกับผม ทำซะจนผมเกือบตาย”
อ้นหัวหน้าแผนกขาย ผู้กำลังพูดบางอย่างออกมาด้วยสีหน้าเย็นชาอย่างถึงที่สุด
“ฟ้าเหลืองเลยอ่ะ จำไม่ได้ว่ากี่รอบ แต่ที่แน่ ๆ หมดแรงแล้วก็มีแรง แล้วก็หมดแรง เป็นอยู่อย่างนั้นไม่รู้กี่รอบ”
เมืองมีน ผู้นึกน้อยใจในโชคชะตาที่ครั้งแรกพี่บุ้งถนอมก็จริงแต่ครั้งถัด ๆ มาจัดเต็มตลอด จนเรี่ยวแรงทั้งหมดไม่มีเหลือ
“ก็....ไม่ได้อะไรหรอกนะ แต่โดนตลอดตั้งแต่ไปจนถึงกลับขึ้นรถทีไรก็อยากหลับตลอด แทบไม่ต้องเที่ยวกันเลยล่ะ”
ยูกิ ผู้ที่หมดแรงจนทำให้ตัวเองเกือบเสียโอกาสเพราะแทบไม่มีอารมณ์อยากจะเที่ยว
สิ่งที่ทุกคนคิดมันคือความแค้นเคืองใจเล็ก ๆ ที่ไอ้น้องพู่โดนไปแค่ทีเดียว แถมยังสามารถมาทำงานได้อย่างสบาย ๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นด้วย
“เพราะฉะนั้น ไอ้พู่มันก็ควรต้องได้รับรู้รสชาติชีวิตแบบที่พวกเราทุกคนเจอมา....มันจะมาทำเป็นร่าเริงมีความสุขเพราะโดนไปแค่ครั้งเดียวแบบเบา ๆ ไม่ได้.....เป็นคนของแผนกขนส่ง..........มีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน แล้วถ้าพวกกูเคยโดนจัดหนักมาก่อน ไอ้พู่ก็ควรจะต้องโดนจัดหนักเหมือนกัน”
Fin.