100
เพิ่งเริ่มเท่านั้น
[เอก...☼]
ღ
ღ
ผมดีใจที่ไอ้ตัวเล็กมันเล่าความจริงเรื่องไอ้เต้ยให้พ่อกับแม่ฟัง อย่างน้อยครอบครัวมันจะได้ช่วยกันหาทางออกให้กับปัญหานี้ แต่มันก็เสี่ยงเหมือนกันที่พ่อกับแม่จะต่อว่าหรือโกรธพวกมัน
ตอนสายของวัน ผมรีบโทรหาไอ้เป้ทันที แต่มันไม่รับสาย ผมรอกระทั่งเย็นแล้วโทรไปหามันใหม่ แต่มันก็ยังไม่รับสายเหมือนเดิม ลองให้ไอ้ตัวเล็กโทรหาไอ้เต้ยดู ไอ้เต้ยก็ไม่รับสายอีก ปิดเครื่องทั้งคู่ ผมกับไอ้ตัวเล็กห่วงพวกมันกันแทบตาย กลัวว่าจะเคลียร์กันไม่ได้จนทะเลาะกันกระทั่งฆ่าล้างครอบครัว
เกือบจะแจ้งตำรวจอยู่แล้ว ถ้าไม่โทรเข้าบ้านมันก่อน คนดูแลบอกว่าคนบ้านนั้นพากันไปเที่ยวยกครัว และจะไม่ติดต่อใครจนกว่าจะกลับ พวกผมถึงได้เบาใจ
วันนี้ไอ้ตัวเล็กมันพาผมมาทำบุญสะเดาะเคราะห์ครับ สถานที่ก็ไม่ไกลจากกรุงเทพเท่าไหร่ นั่งเครื่องมาไม่เกินชั่วโมงก็ถึง
เดาซิ ที่ไหน…
ถูกต้องนะคร้าบ เชียงใหม่นั่นเอง
บ้านหลังที่สองของมันนั่นแหละ ตอนที่มันชวนมา ผมก็ดีใจใหญ่ คิดว่าจะได้มาทำบุญกับฮันนีมูนไปในตัว
แต่มันจะน่าดีใจกว่านี้ ถ้าไม่มีพวกตัวเหลือบไรยกโขยงกันตามมาด้วยแบบนี้
ผมหน้าหงิกจ้องมองฝูงห่าซาตานนับสิบตรงหน้า
“พวกมึงจะตามมาทำไมกันเยอะแยะ”
ผมด่ากราดไม่เจาะจงคนรับ
“ก็พวกกูได้ข่าวว่ามึงจะเดินทางไปล้างซวย พวกกูเลยจะไปช่วยมึงล้างด้วย หลายมือดีกว่ามือเดียว และอีกอย่าง กูแวะซื้ออุปกรณ์ล้างซวยมาให้มึงด้วย”
ไอ้มอมันยกแชมพูอาบน้ำสำหรับหมาให้ดู
“อาบให้ตัวมึงเองเหอะ เพราะก่อนมา กูให้เมียกูอาบให้แล้ว”
แล้วผมก็ได้รับเสียงตอบรับเป็นเสียงโห่ฮิ้วจากพวกสิงสาราสัตว์ต่างพันธุ์แถวนี้ ส่วนเมียผม ยืนหน้าแดงก่ำอยู่ข้าง ๆ
“นับวันเลเวลความเสี่ยวมึงจะยิ่งเยอะว่ะ…กายเอาอะไรให้เพื่อนพี่กินฮึ มันถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้”
ประโยคแรกมันว่าใส่ผม ก่อนหันไปพูดทีเล่นทีจริงกับไอ้ตัวเล็ก
ไอ้ตัวเล็ก เงยหน้ามามองผมเล็กน้อย
“ก็ปกติดีนี่ฮะ”
คำตอบมันพาเอาเพื่อน ๆ ผมต่างโห่ร้องกันอีกรอบ
“ก็เพราะมันเสี่ยวพันธุ์เดียวกันไง”
เอ้า…ฮิ้ว!! ฮากันเข้าไป
ไอ้มอมันโยนขวดแชมพูมาให้ผม แต่มันไม่ได้ให้ผมจริง ๆ หรอก มันฝากมาให้คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ผมอีกด้านมากกว่า ผมยื่นแชมพูขวดนั้นให้น้องสา น้องสายิ้มแป้นรับไปให้เจ้าหมาไซบีเรียตัวน้อยหน้าตาดุดันขัดกับนิสัยขี้เล่นใจดีสีดำสลับขาวในอ้อมแขน มันดมใหญ่
“เป็นไงชอบไหม พี่มอซื้อให้เชียวน้า”
น้องสาคุยอ้อแอ้กับน้องหมาของตัวเอง หมาตัวนี้ ผมเป็นคนซื้อให้เองเป็นของขวัญวันเกิดน้องสาน่ะ ตอนนี้มันอายุสามเดือนกว่าจะสี่เดือนแล้ว
“ซันนี่อย่ากัดนะ กินไม่ได้ เอาไว้อาบ ตัวจะได้หอม ๆ”
น้องสารีบแย่งขวดแชมพูจากปากเจ้าซันนี่ที่กำลังใช้ปากงับกลางขวดยื้อแย่งกันใหญ่
“นั่นน่ะสิ ตัวหอม ๆ จะได้นอนด้วยกัน”
ไอ้ตัวเล็กครับ เห่อเหมือนกัน
“เอาสิ ถ้าให้ซันนี่นอนด้วย พี่จะทำให้กายมานอนครางใต้ร่างพี่ไม่หยุดสิบยกซ้อนเลยคอยดู”
มันอ้าปากค้าง รีบละมือจากหมาทันที
“ไอ้บ้า มึงนี่หึงแม้กระทั่งกับหมาเลยเหรอวะ”
ไอ้กิ๊ฟมันสรรเสริญ
“ช่วยไม่ได้ เมียกู”
เต็มปากเต็มคำครับช่วงนี้
ไอ้โอมมันยังซึมไม่หาย ที่เป็นสาเหตุให้ความจริงเรื่องไอ้เป้เปิดเผย แต่ทุกคนก็ไม่โทษมันหรอก
พวกเราทั้งหมดพากันมายืนอยู่หน้าบ้านไอ้ตัวเล็กมัน พ่อแม่ผมและน้อง ๆ ก็พากันยกทีมมาด้วย นกก็มา แถมยังมีไอ้คุณชรินทร์เพิ่มมาอีก อันนี้ไอ้ตัวเล็กเป็นคนเชิญมาด้วยตัวเอง รวมถึงเดวิดแฟนไอ้กิ๊ฟมันด้วย
พวกเรานัดทัวร์ไหว้พระเก้าวัดเพื่อความเป็นสิริมงคล เราแพลนกันไว้แล้วว่าจะเริ่มจากวัดไหนก่อน แล้วเริ่มเดินทางตามนั้น โดยใช้รถมอเตอร์ไซค์ครับ
พวกเราต่างเลือกรถคันที่เราต้องการ ผมลากไอ้ตัวเล็กมานั่งหน้า ไอ้โอมทำหน้าที่เป็นคนขับโดยมีควายขี้เกียจนั่งซ้อนมาด้วย ไอ้โอ๊คขับโดยมีไอ้ปิงนั่งซ้อน ทโมนนั่งคู่กับเพื่อนผู้หญิงของผม ไอ้กิ๊ฟขับโดยมีแฟนมันนั่งซ้อน รถตัวผู้เหมือนเดิม
พ่อผมมีแม่นั่งหน้า(เลียนแบบพวกเรา) พ่อไอ้ตัวเล็กขับแม่นั่งหน้าเหมือนเดิม ไอ้อาร์ตขับโดยมีน้องสาซ้อนท้าย(เอาน้องหมาใส่กระเป๋าสำหรับใส่หมาไปด้วย) ไอ้อิฐลากนกมาด้วย แต่นั่งซ้อนด้านหลัง(สองคนนี้ยังไม่ได้ขยับฐานะตัวเองเลย) มีเพียงไอ้คุณชรินทร์เท่านั้นที่ได้ฉายเดี่ยว
พวกเราเริ่มออกเดินทางไปที่วัดแรก ตระเวนไหว้พระและขอน้ำมนต์มารดหัว คนอื่นไม่เท่าไหร่ แต่ตัวผมนี่หนักหน่อย เพราะโดนน้ำมนต์จากทั้งพระและเพื่อน ๆ ที่พากันเอาน้ำมนต์มาราดจนเปียกมะลอกไปหมด
กระทั่งมาถึงวัดที่ 9
ทันทีที่กราบพระขอพรเสร็จ ผมก็ขอให้พระท่านเอาน้ำมนต์มาพรมหัว ก็เป็นอันจบพิธี หลังจากนั้น พวกเราก็ออกไปหาวิวสวย ๆ ในการถ่ายรูปกัน
วัดที่เชียงใหม่สวยทุกวัดครับ มุมถ่ายรูปก็เยอะ มากี่ทีกี่ทีก็ไม่เบื่อสักที
“หิวน้ำจัง”
ไอ้ตัวเล็กข้างผมมันบ่น ผมเลยอาสาพามันเดินไปซื้อน้ำดื่ม จะเอามาเผื่อคนอื่น ๆ ด้วย พวกมันยังบ้าปั้นท่าพิสดารถ่ายรูปกันอยู่
“โอวัลตินปั่นครับ/ โอวัลตินปั่นครับ”
เสียงสั่งเครื่องดื่มของไอ้ตัวเล็กดังขึ้นพร้อมกับเสียงสั่งของใครอีกคนที่มีขนาดตัวเท่ามัน ด้านหลังมันมีคนตัวใหญ่ ๆ ไม่ต่างกับผมยืนขนาบอยู่ พอดีพวกมันใส่หมวกแก๊ปด้วยกันทั้งคู่เลยมองไม่เห็นหน้า ไม่ต่างกับผมและไอ้ตัวเล็กเหมือนกัน
พวกเราหันไปมอง พวกมันก็หันมามองเหมือนกัน ผมเบิกตาแปลกใจ ไม่ต่างกับพวกมันและไอ้ตัวเล็ก
“ไอ้เต้ย/ไอ้กาย”
“ไอ้เป้/ไอ้เอก”
พวกเราผสานเสียงกันเรียก
“มากันได้ไง”
ไอ้เป้มันถามขึ้นมาก่อน
“แล้วพวกมึงล่ะ หายไปไหนกันมา พวกกูโทรหากันตั้งหลายรอบ”
มันยิ้ม
“พวกกูมาเที่ยว แล้วก็ต้องการมาเคลียร์อะไรหลาย ๆ อย่างด้วย”
“แล้วทำไมถึงไม่รับโทรศัพท์”
ผมไล่บี้
“อยากอยู่กันเงียบ ๆ นิดหน่อย แล้วกูจะเล่าเรื่องทุกอย่างให้มึงฟังอีกที”
ผมพยักหน้าเข้าใจ
“แล้วพวกมึงไปพักกันที่ไหน” ผมถามต่อ
“โรงแรมแถว ๆ นี่แหละ”
“ชวนพ่อกับแม่มึงมาเที่ยวบ้านกูไหม”
ประโยคนี้ไม่ใช่เสียงผมครับ ไอ้ตัวเล็กมันชวนเพื่อนมันอยู่
“ถ้าไม่รังเกียจที่คับแคบแล้วก็คนเยอะ ๆ ก็มานอนพักด้วยกันดีกว่า”
ไอ้เต้ยหันมามองพี่มัน ไอ้เป้ทำท่าคิดนิดหนึ่ง
“ก็เอาสิ เจอคนเยอะ พ่อจะได้อารมณ์ดี ส่วนเรื่องที่พัก ต้องลองปรึกษาพวกท่านดูก่อน”
ผมบอกที่นัดพบพวกมันอีกที แล้วหลังจากนั้น ผมกับกายก็เดินเอาน้ำกลับไปให้พวกที่เหลือ ไอ้ตัวเล็กปรึกษาพ่อกับแม่ว่าอาจมีสมาชิกมาเพิ่มอีกสี่คน ไม่แน่ใจว่าที่พักจะพอไหม แม่บอกสบายมาก ท่านเตรียมทางหนีทีไล่เอาไว้แล้ว มาเยอะกว่านี้ก็ไม่หวั่น
ไม่นานพวกเราก็กลับมารวมตัวกันที่บ้านของไอ้ตัวเล็ก โดยมีสมาชิกใหม่มาเพิ่มอีกสี่คน ไอ้โอมมันขอโทษขอโพยพ่อกับแม่ใหญ่เรื่องที่มันปากพล่อย แต่ครอบครัวนั้นเพียงแค่ยิ้ม ไม่ได้ต่อว่าอะไรมัน
สมาชิกยี่สิบกว่าชีวิตแทบทำบ้านพัง แต่แม่เตรียมพื้นที่ให้พร้อมครับ (ช่วงหลัง ๆ มีแฟนคลับมาเที่ยวบ้านบ่อย) หลังบ้านแม่ก็เอาเต็นท์สำหรับนักท่องเที่ยวมากางไว้ให้พวกเรานอน(ห้องไม่พอ) ดาดฟ้าก็กางเต็นท์ได้
พ่อกับแม่ผมจองเต็นท์ก่อนเป็นคู่แรกเลย (สงสัยจะติดใจ) หลังจากนั้นพวกเราก็ไปหาซื้อข้าวของสำหรับทำอาหารฉลองกันคืนนี้
ไหน ๆ ก็มาทำบุญกันแล้ว แม่ไอ้ตัวเล็กเลยชวนให้เราไปเลี้ยงอาหารเด็กดอยเหมือนเดิม แต่ผมลองเสนอดูว่า ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว พวกเราน่าจะลองไปเยี่ยมโรงเรียนที่เราเคยไปสร้างโรงเรียนให้กัน
ทุกคนเห็นด้วย
ผมโทรติดต่อกับทางโรงเรียน พอทางนั้นทราบข่าวก็ดีใจกันใหญ่ พวกผมลงขันกันเอง ได้เยอะอยู่เหมือนกัน เฉพาะของพ่อผมคนเดียวก็บริจาคไปแสนหนึ่งแล้ว พ่อไอ้เป้อีกแสน พ่อกับแม่ไอ้ตัวเล็กรวมกันอีกสี่หมื่น ไอ้คุณชรินทร์อีกแสน(หมอนี่มันรวยอยู่แล้ว) และของเพื่อน ๆ ผมอีกรวม ๆ แล้ว เราได้เกือบครึ่งล้าน
แล้วพวกเราค่อยวางแผนกันอีกทีว่าจะทำยังไงกับเงินจำนวนนั้น
พวกเราจะไม่เมากันมาก เพราะต้องตื่นแต่เช้าออกเดินทาง และอีกอย่าง ผู้ใหญ่อยู่เยอะด้วย กลัวพวกตัวประหลาดจะหลุดออกมายั้วเยี้ยกัน
หลังจากฉลองกันจบ ผมรีบดึงไอ้เป้มาคุย ในขณะที่ไอ้ตัวเล็กก็ดึงเพื่อนมันไปคุยเหมือนกัน คงจะถามเรื่องเดียวกัน
“ตกลงว่าไง”
“ก็ไม่ไง”
มันดูอารมณ์ดียังไงพิกล
“นี่มึงผิดหวังกระทั่งสติแตกเลยเหรอวะ”
“คงงั้น”
มันพูดยิ้ม ๆ
“มึงเล่ามาอย่าให้พวกกูอารมณ์เสีย”
คนพูดไม่ใช่ผมครับ แต่เป็นไอ้กิ๊ฟ และคนอื่น ๆ ก็โผล่หน้าออกมาจากที่ซ่อนกันเป็นทิวแถว พวกมันคงอยากรู้ด้วยเหมือนกัน
ไอ้เป้มันทำท่าอึดอัด ถอนหายใจออกมาเบา ๆ
“ทางออกของพวกมึงก็คือ…”
ไอ้กิ๊ฟมันค้างคำถามเพื่อรอคำตอบ
“กูกับมันได้คบกัน”
พวกผมยืนอึ้ง
“หมายความว่ายังไง”
“คืองี้ หลังจากกายเล่าความจริงให้พ่อกับแม่กูฟัง พวกท่านก็ดูอึ้ง ๆ และถามกูว่าเรื่องทุกอย่างเป็นความจริงหรือเปล่า กูก็ตอบไปตามตรง แล้วพวกท่านก็รอให้ไอ้เต้ยตื่นและถามคำถามเดียวกัน ซึ่งมันก็ตอบตามตรง”
มันหยุดคำพูดไปนิดหนึ่งเพื่อหายใจ ในขณะที่พวกผมหยุดหายใจกันไปนานแล้ว
“หลังจากนั้น กูกับไอ้เต้ยก็รอดูว่าพวกท่านจะต่อว่าหรือจับพวกกูแยกกันยังไง แต่พวกท่านกลับบอกกูกับไอ้เต้ยว่า…”
มันมองหน้าพวกเราทุกคน
ตอนนี้บรรยากาศโดยรอบเงียบเป็นเป่าสาก
“ตกลงว่าไงวะ มึงจะหยุดทำเชี่ยอะไร”
ไอ้โอมเร่ง ทุกคนพยักหน้าหงึกหงัก ไอ้เป้มันถอนหายใจเบา ๆ ตีสีหน้านิ่งเรียบพาเอาพวกผมคิดตามไปต่าง ๆ นา ๆ
“กูกับมันไม่ใช่พี่น้องกันจริง ๆ”
“น้ำเน่าว่ะ”
ไอ้โอมมันว่าขึ้นมาทันที ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย
“ก็ไม่เชิงว่าเป็นคนอื่นหรอก จริง ๆ กูเป็นลูกคนเดียว ส่วนไอ้เต้ยเป็นลูกน้องสาวคนละแม่กับแม่ พอดีท่านป่วยหนักจนเลี้ยงลูกไม่ได้ เลยเอามาฝากแม่เลี้ยง ตอนนั้นกูก็แค่สามสี่ขวบ พอมีน้องก็เห่อน้องเอามาก ๆ พอน้องจะกลับก็ไม่ยอมให้กลับ ประจวบกับอาการน้ากูทรุดหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลอีกรอบ คราวนี้หมอช่วยไม่ได้ นอนรักษาอยู่ตัวร่วมสองเดือนท่านก็สิ้นใจ หลังจากนั้น แม่กูเลยรับไอ้เต้ยมาเป็นลูกบุญธรรม”
พวกเราพากันยืนฟังแบบอึ้ง ๆ พูดง่าย ๆ ก็คือ มันเป็นแค่ลูกพี่ลูกน้องกัน
“พวกท่านบอกว่า ถ้ากูรักกันจริงก็คบกันได้”
“พวกท่านใจดีดีแฮะ”
ไอ้ปิงมันเปรย
“ถ้าเป็นแต่ก่อนก็ไม่แน่หรอก”
ไอ้อ้อยมันเสริม และทุกคนก็รู้ว่าเพราะอะไร
“ดีแล้วล่ะ ที่เรื่องมันออกมาเป็นแบบนี้ พวกมึงจะได้มีความสุข กูเห็นไอ้เป้มันทรมานแล้วทรมานแทนเพื่อนว่ะ”
ไอ้สาวมันบอก พวกเราต่างพากันไปตบไหล่ตบหลังให้กำลังใจมันกันใหญ่
“แล้วพวกมึงหายไปไหนกันมาวะ พวกกูตามหากันให้ว่อน ไอ้เอกมันเกือบจะโทรแจ้งตำรวจแน่ะ”
“พวกกูมาเที่ยวกัน เพราะตั้งแต่จำความได้ ครอบครัวกูมาเที่ยวด้วยกันแค่ไม่กี่ครั้งเอง”
“ไอ้เลว แล้วก็ไม่บอกกันไว้บ้าง พวกกูก็เป็นห่วงกันแทบตาย กลัวว่ามึงจะฆ่าตัวตายกันยกครัว”
ไอ้เป้โดนเพื่อน ๆ รุมตบหัวตบหลังกันคนละที
วันนี้ผ่านไปด้วยดี ยังมีพรุ่งนี้ให้จัดการ
พอดวงตะวันขึ้นพ้นขอบฟ้า พวกเราก็มายืนรวมตัวกันอยู่หน้าบ้านอีกครั้ง โดยมีรถบัสคันใหญ่จอดรออยู่
พอขึ้นรถได้ พวกเราก็รั่วแดก พ่อไอ้เป้หัวเราะร่วน ขยับมือได้แล้วข้างหนึ่ง (เร็วจริง ๆ) ร้องรำทำเพลงแบบโนแอลกอฮอล์
พอไปถึง พวกเราก็แจกจ่ายขนมนมเนย ข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นให้เด็ก ๆ รวมถึงผู้ใหญ่บางคนด้วย
ผมยืนมองโรงเรียนที่พวกเราสร้างขึ้น สภาพมันไม่ได้ต่างไปจากวันที่เราเห็นกันเลยสักนิด จะมีเพิ่มมาหน่อยก็คือรูปพระเจ้าอยู่หัวกรอบไม้ด้านบนของกระดานดำ กำแพงด้านนอกที่เปรอะเปื้อนจากน้ำฝนและฝุ่นผง นอกนั้นสภาพถือว่ายังดี
ผมจ้องมองอาคารสะท้อนแสงแดดตรงหน้า เพราะมันนี่แหละ ที่ทำให้ผมกับกายได้มารักและอยู่ด้วยกัน
พวกเรามากันวันธรรมดา เลยเห็นน้อง ๆ กำลังเรียนหนังสือกันอยู่ ผมมองภาพตรงหน้าด้วยความปลาบปลื้ม
เราอยู่เล่นกับพวกเด็ก ๆ กันจนดึกดื่น และตกลงจะค้างกันที่นี่แหละ (เอาเต็นท์กับถุงนอนมาด้วยครับ)
หลังจากอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อย พวกเราก็มารวมตัวกันอยู่รอบกองไฟ ทุกสายตามองตรงไปยังไอ้เป้ที่กำลังเปล่งเสียงเพราะพริ้งคลอเคล้าไปกับเสียงกีต้าร์ที่มันกำลังเกาอยู่ พ่อกับแม่มันดูจะภูมิใจอยู่ไม่น้อย
“ไม่รู้มาก่อน ว่าเป้จะร้องเพลงเพราะขนาดนี้”
แม่มันบอก
“เสียงกับหน้ามันเทพครับ”
ไอ้มอชม ไอ้เป้เกาคางแก้เขินนิดหน่อย ก่อนขยับเนื้อขยับตัวกระแอมไอนิดหนึ่ง
“แต่ก่อนเคยสัญญากับตัวเองไว้ว่า ถ้ามีคนรัก จะร้องเพลงเพลงนี้ให้คนคนนั้นฟัง ตอนแรกก็คิดว่าชาตินี้ทั้งชาติ จะไม่ได้เล่นเพลงนี้ซะแล้ว แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว เต้ย พี่อยากมอบเพลงนี้ให้นายนะ พี่รักเต้ยที่สุด”
สิ้นเสียงมันก็มีเสียงโห่ฮิ้วเห่าหอนของบรรดาสิงสาราสัตว์รอบกองไฟดังระงม ไอ้เต้ยนั่งหน้าแดงก่ำ
และทันทีที่ไอ้เป้เริ่มเกากีต้าร์ ทุกเสียงก็เงียบลง
น้ำเสียงเพราะ ๆ ของมันกำลังสะกดให้ทุกคนเคลิบเคลิ้ม ผมยิ้ม รั้งเอาไอ้ตัวเล็กมานั่งใกล้ ๆ แล้วโอบมันไว้ในอ้อมแขน ไม่ต่างกับพ่อและแม่ผม แม่ไอ้เป้กุมมือพ่อมันแน่น ส่งสายตาหวาน ๆ ให้แก่กัน ในขณะที่ไอ้คุณชรินทร์กำลังยกกล้องเก็บภาพและความทรงจำดี ๆ ไว้เผื่อทุกคน
ความสุขมันหาได้ไม่ยากเลย มันอยู่ใกล้ ๆ อยู่ในมือเรานี่เอง เสียงปรบมือดังสนั่นทันทีที่สิ้นเสียงเพลง
“เพราะจริง ๆ”
แม่มันชม แล้วไอ้โอมก็รีบแย่งกีตาร์ไปถือไว้ คงไม่อยากน้อยหน้า
“ให้กูร้องแบบมัน ชื่อกูคงร่วงมากกว่ารุ่ง เพราะงั้น กูขอเอาเพลงนี้ดีกว่า”
แล้วมันก็เกากีต้าร์เป็นจังหวะมัน ๆ โดยมีไอ้มอหยิบกระติกใส่น้ำมาคว่ำกับพื้น แล้วตีให้เกิดเสียง
ไอ้โอมมันคงมันเลยลุกขึ้นเกากีต้าร์พร้อมเต้นไปด้วย ไอ้มอเปลี่ยนมือจากตีกระติกน้ำด้วยมือมาเป็นกิ่งไม้ที่หาได้จากแถว ๆ นั้น ก่อนโยนให้ไอ้โอ๊ครับช่วงต่อ ไอ้นั่นก็รับไปถือไว้แบบงง ๆ พอได้สติ มันก็รีบตามน้ำ ตีตามด้วยจังหวะมัน ๆ แล้วเพื่อน ๆ ของผมก็พากันลุกขึ้นมาดิ้นกันใหญ่
ผมยิ้ม คว้าแขนไอ้ตัวเล็ก แล้วลากมันขึ้นไปแดนซ์ด้วย
มันไม่ยอมครับ แต่ผมก็ลากมันมาจนได้ ไอ้เป้มันนึกสนุกลากน้องมันมาเต้นเหมือนกัน พ่อกับแม่ไอ้ตัวเล็กนิ่งกันได้ไม่นานก็พากันลุกขึ้นมาเต้น พวกทโมนหลุดโลกกันไปนานแล้ว ซ้ำยังลากน้องสาไปดิ้นด้วยอีกต่างหาก ไอ้อิฐลากนกขึ้นมาดิ้น ไม่ต่างกับไอ้อาร์ตที่กำลังยืนท้าให้ไอ้คุณชรินทร์มันลุกขึ้นมาเต้นอยู่
ผมอมยิ้มขำ
“ไม่ลองหน่อยเหรอครับคุณพ่อคุณแม่”
ไอ้มอมันหันไปชวนพ่อกับแม่ผม
“แก่แล้วนะลูก”
“วันนี้ลืมอายุครับ เอามันอย่างเดียว”
มันบอก พ่อผมเลยกล้า ๆ อาย ๆ ดึงแขนแม่ลุกขึ้นแล้วท่านก็ดิ้นเขิน ๆ ส่วนแม่ไอ้เต้ยนั่งโยกหัวเบา ๆ ในขณะที่คุณพ่อ นั่งเคาะนิ้วใช้สายตาจ้องมองทุกคน
ดิ้นกันจนเหนื่อยหอบ เพลงต่อเพลง เครื่องดื่มแก้กระหายที่เราเตรียมไว้ไม่พอ ไอ้อ้อยมันเลยวิ่งไปเอาเพิ่มในเต็นท์ (เป็นเต็นท์รวมครับ)
“เฮ้ย ๆ ขวดนั้นไม่ได้!”
ไอ้โอมรีบตะโกนห้าม ทุกคนพากันหยุดดิ้นหันไปมอง พักเหนื่อยด้วย หอบกันแล้ว งานนี้พ่อผมคงลดพุงไปได้เยอะ
“อ้าว ทำไม”
ไอ้อ้อยมันถาม
“อ๋อ นั่นน่ะ เป็นน้ำมนต์พิเศษ เอาไว้พรมกับคนที่เราชอบ จะได้ครองคู่ด้วยกันไปนาน ๆ”
มันรีบเดินไปคว้าขวดน้ำ(แบบขวดใหญ่ ๆ อ้วน ๆ ราคาห้าบาทน่ะ)มาถือไว้ทันที
“มึงน่ะไม่ต้องใช้หรอก เอามานี่”
ไอ้มอมันรีบเดินเข้าไปแย่งมาถือไว้
“นี่มันของกู”
ไอ้โอมรีบแย่งกลับ แต่ไอ้มอก็แย่งคืน แย่งกันไปแย่งกันมาจนฝาขวดมันเปิดออก น้ำมนต์บางส่วนหกรดพวกมันกันเอง
“เฮ้ยมึง! เอาของกูคืนมา”
มันยังแย่งกันต่อไม่หยุด จนน้ำมนต์ที่ยังไม่ได้ถูกปิดฝาสาดไปถูกนกกับอิฐที่ยืนหัวเราะอยู่คู่กัน เลยไปถึงไอ้โอ๊คกับไอ้ปิงที่ยืนอยู่ข้างกัน
ผมยืนขำอยู่ข้างไอ้ตัวเล็ก มองสองคนที่แย่งขวดน้ำกันไปมาเหมือนเด็ก ๆ ตอนนี้ขวดน้ำอยู่ที่ไอ้มอ มันยืดขวดขึ้นสุดแขนหลบหนี ไอ้โอมกระโดดหวังคว้าขวดน้ำให้ได้จนน้ำกระฉอกออกนอกขวดไปไกลถึงคนที่หนีไปยืนถ่ายรูปอยู่ห่าง ๆ
และก่อนที่น้ำจำนวนเกือบครึ่งขวดจะถูกกล้องของไอ้คุณชรินทร์ ไอ้อาร์ตรีบคว้าคอเสื้อไอ้คุณชรินทร์ดึงให้หันไปยืนอยู่ตรงหน้ามัน
ทุกคนมองภาพตรงหน้าอึ้ง ๆ
หลังและหัวของไอ้คุณชรินทร์เปียกมะลอกไม่ต่างกับหน้าของไอ้อาร์ตที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำมนต์ ไอ้คุณชรินทร์ปลดมือไอ้อาร์ตออกจากคอเสื้อตัวเองหันกลับมาที่เดิม ล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำบางส่วนที่เปียกตัวกล้อง
“ไอ้ห่ามอ มึงทำกล้องเขาพังหมดแล้ว”
ไอ้โอมโวยวาย รีบแย่งขวดน้ำจากไอ้มอคืน
“เอ่อ.. กล้อง”
ไอ้มอมันถาม
“ไม่เป็นไร มันกันน้ำ”
ไอ้สองป่วนพากันหายใจโล่งอก
“ดูดิเหลือนิดเดียวเอง”
ไอ้โอมทำหน้าเสียดายยกขวดขึ้นดู เหลือไม่ถึงหนึ่งในห้าแล้ว
“งั้นมึงก็ไม่ต้องใช้ เอามานี่”
ไอ้มอแย่งไปถือไว้ ไอ้โอมมันคงขี้เกียจแย่งคืน เลยทำหน้างอน ๆ ใส่ ไอ้คนแย่งไม่สนอะไร หันมองมาทางผมกับไอ้ตัวเล็ก รวมถึงไอ้เป้และไอ้เต้ยด้วย
“พวกมึงสองคู่นั้นน่ะ มานี่เลย”
มันกระดิกนิ้วเรียก ผมเดินเข้าไปใกล้ มันสั่งให้ผมยืนคู่กับไอ้ตัวเล็ก ไม่ต่างกับไอ้เป้และน้องมัน แล้วมันก็จับมือผมไปวางไว้บนหลังมือไอ้ตัวเล็ก ผมกุมมือมันไว้อัตโนมัติ แล้วไอ้มอก็พรมน้ำมนต์ผ่านหลังมือของเราสองคน
“ขอให้พวกมึงรักกันให้นาน ๆ นะเว้ย”
มันพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ผมยิ้ม ส่วนไอ้ตัวเล็กหน้าแดง
“กูไม่เล่นด้วยนะ!”
ไอ้เป้รีบค้าน
“แปลว่ามึงไม่รักไอ้เต้ย”
ไอ้มอรีบดักทาง ไอ้เป้ทำหน้าอึดอัดหันไปมองไอ้เต้ยที่ดูท่าอยากได้น้ำมนต์เหมือนกัน มันเลยยื่นมือออกไปกุมมือน้องมันไว้อาย ๆ (เออวุ้ยเพื่อนกู ==) ไอ้เต้ยยิ้มแก้มบานทันที ไอ้มอมันราดน้ำบนหลังมือ แล้วให้พรแบบเดียวกัน
พ่อไอ้ตัวเล็ก เดินลากแม่มายืนอยู่ใกล้ ๆ
“อยากได้บ้าง”
พ่อกุมมือแม่ยื่นไปตรงหน้า แก้มแม่แดงปลั่ง พวกเราหัวเราะร่วน แล้วไอ้มอมันก็รดน้ำมนต์ให้ แล้วให้พรยาวยืดยิ่งกว่าคู่เราซะอีก น้ำมนต์หมดขวดพอดี
พ่อกุมมือแม่ไว้หันหน้าเข้าหากัน พวกเรามองยิ้ม ๆ
“ผมรักคุณนะ”
แม่ก้มหน้าลงต่ำ แก้มแดงแป๊ด ปากเคลือบไปด้วยรอยยิ้มเขินอาย
“แต่ผมไม่แต่งงานกับคุณหรอก”
แม่หุบยิ้มลงฉับ เงยหน้าอย่างเขวี้ยง ดวงตาเขิน ๆ เมื่อกี้เปลี่ยนแววทันที สลับกับพ่อที่เคยทำหน้าจริงจังก่อนหน้านี้เปลี่ยนมาเป็นฉีกยิ้มกว้างแทน
“เพราะถ้าเราแต่งงานกัน บางทีเราอาจต้องหย่ากันอีกเหมือนที่ผ่านมา”
แม่นิ่งอึ้ง ทุกคนนิ่งฟัง
“แต่ผมอยากเป็นคนแรก คนปัจจุบันและคนสุดท้ายที่จะทำให้คุณมีความสุข ผมไม่อยากสัญญา เพราะคุณคงไม่ชอบคำสัญญา แต่ผมจะจีบให้คุณรักผมทุกวัน และจะเป็นผู้ชายที่ทำให้คุณมีความสุขมากที่สุด บ่อยที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ และจะเป็นสามีทางพฤตินัยที่ดีที่สุดของคุณ”
พ่อโดนแม่ตีเพี้ยะไปที พ่อหัวเราะหึ ๆ
“และผมจะเป็นพ่อเลี้ยงที่ดีของลูกชายคุณด้วย”
“ผมรักคุณ”
เป็นครั้งแรกที่พ่อจบประโยคได้สุดซึ้งโดยไม่ทำล่ม (คิดว่านะ) แม่ยืนเขินหน้าแดง ยิ้มแล้วยิ้มอีก ก่อนจะก้มหน้าอ้อมแอ้มตอบกลับ
“ฉันก็รักคุณเหมือนกันค่ะ”
พ่อยิ้มแก้มบาน ดึงแม่ไปจูบท่ามกลางเสียงปรบมือของสักขีพยานทั้งหลาย
“เฮ้ย ไอ้เป้ มึงไม่พูดอะไรซึ้ง ๆ บ้างรึไงวะ”
ไอ้มอมันกระตุ้น ไอ้เป้ยิ้ม จับมือไอ้เต้ยมาวางไว้ตรงตำแหน่งหัวใจมันเอง
“นายอยู่ตรงนี้ของพี่เสมอ แม้จะแสดงออกบ้าง ไม่แสดงออกบ้าง แต่อยากให้นายรู้ไว้ว่าพี่…”
ยังไม่ทันที่ไอ้เป้จะพูดจบ ไอ้เต้ยมันก็ยืดตัวขึ้นไปกดจูบพี่มันเองเลย แล้วพวกมันก็ยืนจูบกันอยู่อย่างนั้นจนพวกเราต้องเบือนหน้าหนีกันเองแทน
“แม่ง โคตรอิจฉาเลย”
ไอ้โอมมันพูดงอน ๆ
“เอาน่า สักวันมึงต้องเจอใครคนนั้น เชื่อกู”
ไอ้มอมันกอดคอคู่หูมัน แล้วหันมาทางผม
“แล้วมึงอะ จะทำซึ้งอะไรให้ไอ้โอมมันนอยด์เพิ่มไหม”
ผมส่ายหน้า
“กูไม่ทับถมเพื่อนหรอก แต่…”
ทุกคนหันมามอง
“กูอยากพาเจ้าสาวกูเข้าหอว่ะ”
แล้วผมก็ช้อนเอาไอ้ตัวเล็กขึ้นมาอุ้มจนมันร้องเหวอกอดคอผมแน่น ผมทำท่าจะเดินกลับเต็นท์จริง ๆ จนมันต้องท้วงเอาไว้ ตามติดด้วยทุกคนที่พากันลุกขึ้นมาค้าน คงคิดว่าผมจะพามันไปปล้ำจริง ๆ
ผมหยุดเท้าลง ห่างจากทุกคนประมาณสามวา ผมหันไปยักคิ้วให้ทุกคน แล้วหันกลับมามองไอ้ตัวเล็กที่ถอนหายใจทำท่าโล่งออก
“เสียดายที่พี่ไม่พาเข้าหอรึไง”
ผมพูดล้อ ๆ
“บ้ารึไง เล่นอะไร ผมตกใจหมด”
ผมหัวเราะหึ ๆ
“พี่ไม่ขอสัญญาอะไรกับกายหรอก แต่พี่จะรักกายแบบที่พี่รักกายทุกวันนั่นแหละ”
มันก้มหน้าลงต่ำ
“ขอบคุณครับ”
มันยิ้ม ก่อนเงยหน้าขึ้นมาจุ๊บผมเบา ๆ
“แบบนั้นมันผิดกฎนะ”
มันทำหน้างง ๆ
“เขาบอกให้หมายเลข 19 กับ 15 จูบแบบแลกลิ้นกันเป็นเวลาหนึ่งนาที”
มันหน้าแดงทันทีที่ผมพูดจบ
“รีบ ๆ ทำให้มันจบ ๆ ไปดีกว่าเนอะ”
และก่อนที่มันจะตอบปฏิเสธผมก็ก้มจูบมันไปทีเบา ๆ ก่อนกดหนักและแทรกลิ้นลงไป
ผมเพิ่งรู้ว่าจุดจบของทุก ๆ เรื่อง มันจะเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องต่อไป
และชีวิตผมกับมัน ก็เพิ่งเริ่มขึ้นเท่านั้น
The End
จบแล้ววว
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมาตลอดนะคะ หวังว่านิยายเรื่องนี้จะทำให้ทุกคนที่ได้อ่านมีความสุข
.
.
.
.
.
ฺBooks & e-book |►
https://goo.gl/aJFpH5 อ่านต่อเรื่องอื่นๆ |►
1. Hate Love ทาสแค้น :
https://goo.gl/nwWsdb2ฺ. Kiss love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ :
https://goo.gl/vbdhLK3. Boyfriends [3P] :
https://goo.gl/K4JVyr4ฺ. Brother พี่ตัวร้ายกับนายตัวดี :
https://goo.gl/93jMvE5. Feel คนเจ้าอารมณ์ :
https://goo.gl/xJFfUx6. Love me 'จับเพื่อนทำเมีย'
https://goo.gl/PBHg6K