[เรื่องสั้น] วันของบ๊วย - all at once -
ตอนที่ 1
'ในคำว่ารัก ไม่มีคำว่าความบังเอิญ'"อึก จะไม่ไหวแล้ว"
"อ่าาาาาาา"นั่นคือเสียงสุดท้ายที่จำได้เมื่อคืนก่อนจะเพลียและหลับไป รู้สึกตัวลืมตาอีกทีตอนนี้ ร่างกายของผมเย็นเฉียบจากเครื่องปรับอากาศ ส่วนล่างของร่างกายผมชาหนึบจนขยับลำบาก รับรู้ได้ทันทีว่าเมื่อคืนผมโดนทำลายความบริสุทธิ์ไปแล้วอย่างแน่นอน ก้มลงดูร่างกายตัวเองยังมีรอยคิสมาร์คตามแผ่นอกที่ไร้เสื้อผ้าเป็นเครื่องยืนยันได้อีกอย่าง ได้แต่หลับตาภาวนาก่อนจะหันไปมองด้านข้าง อกเปลือยเปล่าแบบผู้ชายอยู่ตรงสายตาผมพอดี กลั้นใจเงยหน้าขึ้นไปมองให้ชัดๆ ผมเบิกตาโตทันทีที่รู้ว่าคนที่พิชิตประตูหลังของผมเป็นใคร
'หมอคิว ปกฎ' เพื่อนสนิทของไอ้อินที่เป็นเพื่อนสนิทในคณะผมอีกที
"ห่าเอ๊ย ทำไมมานอนกับมันได้วะ"
เมื่อคืนเป็นวันศุกร์ จำได้ว่าไปกินเหล้ากับเพื่อนในคณะแล้วมีเพื่อนๆของไอ้อินตามมากินด้วย ไม่เห็นว่าจะมีไอ้หมอคิวอยู่ด้วยเลยนี่หว่า แต่ก็ช่างแม่งเหอะ ไม่ใช่เวลาที่ผมจะมานอนคิดอะไรแบบนี้ รีบเผ่นจากที่นี่ดีกว่า ดูยังไงก็รู้ว่าไม่ใช่ห้องผมแน่ๆ จะใช่ได้ไง ผมอยู่บ้านพ่อแม่ แต่มองออกไปข้างนอกนั่น อย่างน้อยห้องนี้อยู่ไม่ต่ำกว่าชั้นสิบแน่ๆ
"ตื่นแล้วหรอ" ผมหลับตาแน่น กว่าจะขยับแต่ละทีว่ายากแล้ว พอลงมายืนที่พื้นได้สำเร็จ ไอ้คนบนเตียงดันตื่นมาอีก โคตรของความซวย
"เออะ เอ้อ ขอใช้ห้องน้ำหน่อยนะ" ผมกัดฟันยืนให้ตัวตรง เอ่ยปากจะไปอาบน้ำ หยิบเสื้อผ้าที่ตกกระจายอยู่ข้างเตียงก่อนจะตีนหมาหนีหน้าหมอคิว
ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยใช้เวลาในห้องน้ำมากเท่านี้มาก่อนเลยจริงๆ เข้ามาทำใจเกือบชั่วโมงแล้วยังไม่รู้จะออกไปเผชิญหน้าไอ้คนข้างนอกนั่นยังไงดี ถึงจะรู้จักหมอคิวอยู่บ้าง แต่ก็แค่ในฐานะเพื่อนของเพื่อนเท่านั้น หน้าตากับหุ่นของมันดีและเป็นที่หมายปองของทั้งสาวทั้งหนุ่ม ใครๆก็รู้จักมันทั้งมหาวิทยาลัย ส่วนผมกับมันน่ะหรอ เจอหน้ากัน ถ้าไม่มีไอ้อินอยู่ด้วย แค่ยักหน้าทักกันนั่นก็ถือว่าเต็มที่แล้ว นี่เมื่อคืนผมกับมันมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งไปไกลกว่าคนเป็นแฟนกันซะอีก จะให้มาร้องไห้ฟูมฟายเหมือนเสียพรหมจรรย์ครั้งแรกมันตุ๊ดเกินไป แต่จะให้เดินออกไปแล้วทำเป็นว่าไม่มีอะไรความเจ็บที่สะโพกแม่งยังคอยตอกย้ำว่าเมื่อคืนผมกับมันเกินเลยไปจนทะลุทะลวงกลวงโบ๋แล้ว โอย พอเถอะครับ ยิ่งนึกถึงภาพเมื่อคืนยิ่งวนกลับเข้ามาในหัวชัดขึ้นเรื่อยๆ ผมต้องจบปัญหานี้ เอาล่ะ
"เฮ้ย! มึงมาทำอะไรตรงนี้วะ ตกใจหมด" โคตรตกใจ ที่ทำใจอยู่ตั้งนานขวัญหนีกลับลงส้วมไปเลย ไอ้หล่อมันดันมายืนอยู่หน้าห้องน้ำทำห่าอะไรกันครับ
"เห็นบ๊วยอยู่ในห้องน้ำนานผิดปกติ เลยจะมาถามดูว่าเป็นอะไรหรือเปล่า" คร้าบบบ พ่อคนดี นี่ถ้าผมเอากล้องมาถ่ายรูปมันตอนนี้ที่ท่อนบนเปลือยเปล่าโชว์กล้ามอกขาวๆ (ที่มีรอยเล็บและ เอ่อ...ของผม นั่นแหละครับ) ...กับบอกเซอร์แค่ตัวเดียวไปเร่ขายในเฟซบุค คงจะได้เงินพอซื้อขาตั้งเฟรมวาดรูปแทนอันที่ขาหักอยู่ตอนนี้ได้สบายๆ
"กูไม่เป็นไร ถอยไปก่อนดิ๊" ดันมันให้พ้นทางเพื่อเดินออกมานอกห้อง ทำไมเสียงผมสั่นๆตอนพูดกับมันวะ
"เอ่อ บ๊วยจะกลับเลยหรอ คุยกันก่อนได้มั้ย" กำลังหยิบกระเป๋าของตัวเองเพื่อหนีคนตรงหน้าให้พ้นๆซะที มาชะงักตอนมันเรียกเนี่ยแหละ
"คือ…อยากให้รับผิดชอบอะไรมั้ยกับเรื่องเมื่อคืน ผมไม่ได้อะไรนะ..."
"เฮ่ย พอๆ กูไม่ใช่ผู้หญิง ไม่ต้องมาทำดีรับผิดชอบอะไรกูเว่ย ลืมๆไปเหอะ ถือว่าแล้วกันไปละกัน ยังไงกูกับมึงก็ไม่ได้สนิทสนมกันมากมาย คงไม่มีเรื่องที่ต้องมาเจอกันบ่อยๆ" จะมารับผิดชอบอะไรวะ มันคิดว่ามีอะไรกันครั้งเดียวแล้วผมจะท้องหรือไงกัน มันลืมหรือเปล่า อะไรที่มันมีผมก็มีเหมือนกัน เมื่อคืนน่าจะเป็นเครื่องยืนยันให้มันได้อยู่แล้ว
"คือถ้า...ถ้าบ๊วยมีอะไรบอกผมได้เลยนะ ผมยินดี" ฟังมันพูดแล้วผมก็แปลกใจเอง ยินดีอะไรของมัน มันต้องทำดีกับทุกคนที่มันมีอะไรด้วยหรือไง โคตรพระเอก พูดให้มันดูหล่อไปอย่างนั้นล่ะว๊า น้ำหน้าอย่างมัน ผมว่าคงผ่านเรื่องแบบนี้มาแล้วนับไม่ถ้วน
"คิดซะว่าสนุกด้วยกันละกัน กูไปละ" สนุกหรอ...ถ้าความรู้สึกไม่ได้หลอกกัน ผมว่าเมื่อคืนมันคงไม่แย่นัก ไม่นับความเจ็บที่ผมยังรวดร้าวทุกจังหวะการเดินตอนนี้นะ
'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ'
ตั้งแต่ลากสังขารกลับถึงบ้าน จัดการซัดอาหารทุกอย่างที่แม่เตรียมไว้จนพุงกาง พร้อมยัดยาแก้ปวดตามไป จนเที่ยงวันอาทิตย์วิญญาณถึงกลับเข้าร่าง เพราะเสียงโทรศัพท์ดังอยู่ติดกันหลายครั้งจนต้องคว้ามากดรับ ไม่ใช่ใครที่ไหนครับ ไอ้อิน เพื่อนในกลุ่มที่คณะของผมเอง
"ว่างายยยย" ยานคานสุดขีดให้มันรู้ว่าการโทรมาของมันรบกวนการนอนของผมเป็นที่สุด
((ไอ้ห่าบ๊วย กว่าจะติดต่อมึงได้ เมื่อวานหายไปไหนมาวะ)) อ้อ เมื่อวานหลังจากกลับจากห้องของหมอคิว มือถือคงแบตหมดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เพิ่งจะนึกได้และหยิบมาชาร์จเอาเมื่อคืนตอนแม่เรียกลงไปกินข้าวเย็น พออิ่มก็ขึ้นมานอนต่อ
"แบตหมด" ตอบมันไปแค่นั้น ดีตรงไอ้อินไม่ใช่คนช่างซัก ถึงมันจะพูดมาก แต่นิสัยขี้เสือกไม่อยู่ในกมลสันดาน
((ควาย งานโฟโต้มึงเสร็จยัง พรุ่งนี้ไม่มีส่งมึงซวยแน่ ปีสามแล้วนะเว่ย อย่าเล่นให้มันมาก)) ชีวิตผมมีเพื่อนแสนดีที่แสนน่ารำคาญก็มันนี่แหละครับ
"เออ เออ เออ เออ อัดเสร็จเรียบร้อย เหลือแค่เม้าท์กระดาษครับพ่อ" เทิดทูนบูชามันเหลือเกิน กว่าจะผ่านขึ้นมาปีสามได้ ถ้าไม่มีมันให้ลอกเลกเชอร์วิชาทฤษฎีอย่างประวัติศาสตร์ศิลปะ ผมคงเอฟแล้วเอฟอีก เรื่องอื่นเถียงมันได้ เว้นเรื่องเรียนในกลุ่มไม่มีใครกล้าเถียงมันเด็ดขาด ไอ้อินมันฉลาดจนทุกคนลงความเห็นว่ามันเรียนหมอเหมือนเพื่อนมันได้สบายๆ ด้วยความติสท์แดกมันกลับบอกว่า หมอง่ายไป ไม่ได้ใช้จิตวิญญาณ เรียนศิลปะนี่แหละดีที่สุด ได้ใช้ทุกศาสตร์ เอากับมันเถอะครับ
((อย่านอนต่อนะเว่ย ทำให้เสร็จนะมึง เออ เมื่อวันศุกร์ หมอคิวมันไปส่งมึงถึงบ้านเรียบร้อยดีใช่ป่ะ)) ช่ายเลยเพื่อน กูเนี่ยแหละเสร็จเพื่อนมึงเป็นที่เรียบร้อย
"ทำไมเพื่อนมึงมาส่งกูได้วะ ไอ้ฟ่างมันไปไหน ทำไมปล่อยกูกลับกับเพื่อนมึงได้" ไหนๆเข้าเรื่องแล้วครับ ถามให้หายข้องใจ ทำไมผมถึงไปอยู่กับหมอคิวเพื่อนมันได้ ทั้งๆที่ปกติข้าวฟ่างต้องมาส่งผมเพราะบ้านอยู่ถัดจากผมไปแค่สามซอย
((สงเคราะห์ที่มึงคงไม่ได้อ่านไลน์กรุ๊ป คืนนั้นพี่ข้าวฟ่างมันได้สาวไปคั่วครับ แล้วมึงก็เมาชิบหาย เลื้อยไปเรื่อย กูจะพากลับ คิวมันบอกจะกลับพอดี คอนโดมันอยู่ทางเดียวกับบ้านมึง กูเลยวานให้มันแวะส่งมึงด้วย ห่า นี่มึงจำอะไรไม่ได้เลยหรือไงวะ ถ้าโดนไปปู้ยี่ปู้ยำป่านนี้ไม่ตายแล้วหรอวะ แดกเข้าไป เหล้าเนี่ย)) ถุยยยยย ไอ้วัวอิน คนอย่างมึงไม่กินเหล้าเล๊ยยยยยยย แม่งมันดื่มหนักกว่าผมอีกครับ แค่มันคอแข็งกว่าผมเยอะ แดกโคตรเปลือง ไม่เมาซักที ที่สำคัญถึงโดนอย่างที่มันว่าแล้วผมก็ยังไม่ตาย ยังนอนคุยกับมันได้ แม้บาดแผลจะยังเตือนอยู่ก็ตาม กระซิกกกกกกก
"พูดมาได้นะว่ากูแดกเยอะ ควายยย มึงแหละแดกเปลือง ถึงกูเมากูก็เอาตัวรอดได้ละกัน ทีมึงยังฝากกูไปกับใครก็ไม่รู้เลย ไอ้เพื่อนเวร" ถึงจะเป็นเพื่อนมัน แต่ผมกับไอ้หล่อนั่นไม่ได้สนิทกันเสียหน่อย ยัดให้ผมไปกับมันง่ายๆได้ยังไง
((เพื่อนกูไว้ใจได้เว่ย มันไม่ทำอะไรมึงอยู่แล้ว มันมีมาให้เลือกดีๆกว่ามึงอีก โด่ ไอ้หมาเอ๊ย ตัวก็เตี้ย หน้าก็ทู่ ใครเขาจะทำอะไรมึ๊งงง" เออ หมอคิวเพื่อนมึงโคตรไว้ใจได้ เป็นคนดีเหลือเกิน งั้นคงเป็นหน้าหมาๆของผมเองที่ไปสะกิดต่อมอยากของมันจนอดใจไม่ไหว ต้องพ่นน้ำใส่เพื่อระบายสินะ
"ขี้เกียจจะคุยกับมึง ไปไหนก็ไปเลยไป กูจะนอน" ทำไมมันไม่เข้าข้างผม ผมเป็นเพื่อนมันนะ พูดว่าหมอคิวมันดี งั้นแปลว่าเมื่อคืนก่อนผมเป็นคนข่มขืนเพื่อนมัน ขึ้นขย่มจนสะโพกตัวเองแทบครากทั้งนั้นน่ะสิ
กระฟัดกระเฟียดบนเตียงจนสาแก่ใจ ลุกมาอาบน้ำแล้วถึงมานั่งทำงาน แอบแว่บเข้าไปเช็คหน้าเฟซบุคของตัวเองที่ไม่ค่อยได้อัพอะไร นอกจากมีคนแทกมา กับเอาไว้เสือกเรื่องชาวบ้านให้ไม่ตกเทรนด์
การคิดก่อนทำมันค่อนข้างยากอยู่ ดูอย่างผมตอนนี้สิมือมันดันพิมพ์หาชื่อคิว ปกฏ ลงไปในช่องค้นหา คนห่านไรชื่อสั้นแต่สะกดยากสัส พอหน้าเฟซบุคของมันมาปรากฏตรงหน้าเท่านั้นแหละ ผมถึงได้ถามตัวเองว่าผมกำลังทำอะไรอยู่...ไม่ได้คำตอบครับ แถมไหนๆเข้ามาแล้วส่องสักหน่อยก็ไม่ได้เสียหายอะไร รูปโปรไฟล์เป็นรูปภาพด้านหลังของผู้ชายคนหนึ่งที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นตัวมันเอง ในฐานะเรียนศิลปกรรมผูกพันและคร่ำหวอดกับศิลปะมาตั้งแต่ไข่ยังไม่ตั้ง ภาพพอทเทรตสีน้ำรูปนี้ ฝีแปรงเรียกว่าไม่ธรรมดา กดขยายมาดูรูปใหญ่ยิ่งเห็นชัดว่าฝึมือดีมากจนต้องเอ่ยปากชม ผมไม่ถนัดพวกรูปพอตเทรตหรือภาพเหมือนบุคคลเท่าไหร่ ผมมันเป็นคนอยู่ไม่สุข หลุกหลิกจนโดนด่านับครั้งไม่ถ้วน วาดแบบเป็นคนไม่มีสมาธิทุกที ถ้าเป็นแลนด์สเคปธรรมชาติ หรือพวกการ์ตูนในจินตนาการอันนั้นสะกดคนอย่างผมอยู่หมัดเลยเชียว ผมเลยมักจะอดชื่นชมเวลาเห็นภาพวาดคนสวยๆไม่ได้ หยุดดูอยู่นานไม่ใช่เพราะคนในรูปมันหล่อแต่อย่างใด ชอบในฝีแปรงงานนี่ต่างหากที่ทำให้ผมหลงใหล
เฟซบุคมันก็คล้ายๆของผมนั่นแหละ ไม่มีการอัพเดทอะไรมาก ฟีดที่ขึ้นเป็นของคนอื่นมาแทกหรือทิ้งข้อความไว้ ส่วนใหญ่เป็นสาวๆทั้งนั้น
'พี่หมอคะ คิดถึงนะคะ ไม่เห็นหน้าเลยเรียนหนักหรอคะ สู้ๆนะ'
'น้องคิวใส่กราวด์แล้วดูดีจัง'
และอื่นๆๆๆๆ อีกเยอะแยะ ไล่ดูยังไงก็ไม่หมด ส่วนรูปที่แทกส่วนใหญ่เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับไอ้อินที่มาจากโรงเรียนเก่า โรงเรียนอะไรวะปั้นแต่เด็กหัวกะทิ กะเหมาเกียรตินิยมครบกลุ่ม ผมรู้แค่กลุ่มมันสี่คนสนิทกันมาตั้งแต่โรงเรียนเก่า พอเข้ามหาวิทยาลัย คนฉลาดๆอย่างพวกมันสอบติดเข้าที่เดียวกันได้สบายๆไม่ต้องลุ้นทึ้งกบาลให้เครียดแบบผม นอกจากไอ้อินเพื่อนผมกับหมอคิว มีโยเรียนวิศวะไฟฟ้า ตัวเล็กๆ หน้าตาท่าทางจิ้มลิ้มแต่ไอ้อินมันบอกว่าคนนี้สายดาร์กตัวจริง คนสุดท้ายจุน เห็นหน้ามันบ่อยสุด ว่างๆแวะมานั่งที่โต๊ะคณะประจำ สถาปัตย์อยู่ติดศิลปกรรมเห็นมันบ่อยก็ไม่แปลก ในกลุ่มนี้รองจากอินผมเลยเหมือนสนิทกับจุนไปด้วย กินเหล้าด้วยกันบ่อยจนแซวมันว่าเพื่อนในคณะไม่มีคบ นั่นแหละครับกลุ่มไอ้อิน ต่อมเสือกผมยังไม่หยุดทำงาน เลื่อนลงไปเรื่อยๆจนเจอรูปที่ถ่ายรวมน่าจะตอนปีหนึ่ง ในรูปมีผมอยู่ด้วย แปลก ผมเคยถ่ายรูปกลุ่มพร้อมกับหมอคิวด้วย ยืนข้างกันแถมผมยังเกาะไหล่ไอ้โย่งนั่นด้วยสิ ทำไมผมจำไม่เห็นได้ว่ารูปนี้มันตอนไหนเมื่อไหร่ ไอ้อินเป็นคนแทกรูปนี้ แทกแค่เจ้าของเฟซบุคคนเดียว ไม่มีแคปชั่นใดๆทั้งสิ้น มือผมมันไม่รักดีอีกแล้วครับ ไม่รอให้สมองสั่งดันกดเซฟรูปนี้ไว้ในคอมซะงั้น เริ่มสำนึกได้ว่าเสียเวลามากพอแล้วสมองถึงสั่งให้มือกดปิดหน้าเฟซบุคกลับมานั่งทำงานต่อไปอย่างสงบสุข ปล่อยให้ ‘หมอคิว’ เป็นเรื่องไร้สาระที่วนอยู่ในหัว เอาเถอะครับ เดี๋ยวเบื่อก็หายไปเอง
'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ'
วันจันทร์มีเรียนแค่คาบเช้า กินข้าวเสร็จก็มานั่งแผ่ร่างตั้งตัวเป็นสามแยกปากหมาตามสันดานเด็กศิลปกรรมที่ควรได้รับการรักษาผ่าหมาออกจากปาก
"ไอ้บ๊วย เมื่อเช้ากูเห็นน้องไอซ์จังถามหามึงแน่ะ มึงนี่ยังงัย มีมาประเคนถึงที่ไม่คิดจะรับทานหน่อยหรอว๊าาาา น้องเขาเป็นรองดาวบัญชีเลยนะเว่ย" ข้าวฟ่างมันแซวผมตลอดกับเรื่องน้องคนนี้ ดูเชียร์แต่บางทีฟังดูหมั่นไส้น้องเขาซะมากกว่า
ผมหน้าตาไม่ได้หล่อมากหรอกครับ ถ้าเอาผมไปเทียบกับกลุ่มเทวดาพวกเพื่อนไอ้อิน ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ใครๆถึงบอกว่าคารมเป็นต่อรูปหล่อเป็นรอง คงด้วยความอารมณ์ดีที่เพื่อนๆในคณะบอกว่าลูกบ้าผมเยอะ เลยมีคนมาหลงชอบของแปลกตกมาถึงมือผมบ้าง อย่างน้องไอซ์สาวน้อยน่ารักแห่งบัญชีเป็นอีกคนที่คงชอบความแปลกแบบผม จริงๆผมไม่เคยตอบรับความชื่นชอบจากน้อง แต่ก็ไม่เคยปฎิเสธอย่างจริงจังเหมือนกัน เล่าแล้วจะดูเยินยอตัวเอง นอกจากน้องไอซ์ ในเฟซบุคผมไม่ต่างจากหมอคิวมันเท่าไหร่หรอกครับ มีคนมาหยอดตลอดเวลา คนอื่นพอผมเฉยก็ค่อยๆหายไป ผมยอมรับครับ น้องไอซ์น่ารัก นิสัยดี แต่เชื่อเถะครับ หลังจากเป็นแฟนกัน น้องจะรู้ว่ามันไม่ใช่สิ่งสวยงาม อาจจะงี่เง่าหนักจนน้องรับไม่ได้เข้าสักวัน และอีกอย่างที่คงฟังดูตลก ผมเชื่อว่าคนที่คู่กันจะมีบางอย่างสัมผัสได้ตั้งแต่แรกที่เจอ
"ปล่อยน้องเขาไปดีเหอะว๊า มาเป็นแฟนกับไอ้หมายบ๊วย ชีวิตจะเหมือนตกอยู่ในมรสุม เขายังไม่เคยเจอมันเหวี่ยงไง วันไหนเจอคงจะหนีแทบไม่ทัน" ขอบคุณครับพี่เบียร์ พี่รหัสผมเองครับ แต่ที่มันนั่งอยู่ตรงนี้เพราะนอกจากมันเป็นพี่รหัสผมแล้ว มันยังเป็นสุดที่รักของไอ้อินมันด้วย
"ว่างัยมึง เออๆ ยังอยู่คณะ ใครนะ ไอ้บ๊วยอ่ะนะ? เออ มันก็อยู่กับกูนี่แหละ เออๆ เจอกัน" ไอ้อินมันรับโทรศัพท์ในขณะที่ผมกำลังตบตีกับพี่รหัสอยู่ด้วยวาจาและกำลัง จนได้ยินชื่อตัวเองถึงหันมาสนใจ
"ใครโทรมาวะ" ไม่ใช่คนชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านนะครับ นี่มีชื่อผมในบทสนทนา แสดงว่ามีสิทธิ์จะเสือกได้
"ไอ้หมอ" …แล้วงัย ถามว่าใครก็ตอบแค่ซะงั้น
"หมอ? หมอไหน? แล้วเกี่ยวอะไรกับกู ถามถึงกูทำไม" เสือกอย่างเต็มขั้นครับ
"มันบอกจะเอาของมาคืนมึง" ของ? ของไรวะ
"ของไรวะ" คิดและพูดไปเร็วพร้อมกันครับคราวนี้
"พวกมึงเล่น 20 คำถามกันหรอ อิน มึงก็เล่าๆมาให้จบ ไอ้หมาบ๊วยนี่แม่งก็ทำตัวดีค่อยๆเสือก วันนี้จะรู้เรื่องป่ะ ไอ้หมอคิวเพื่อนมึงแม่งมาถึงโต๊ะ ไม่ต้องเล่าพอดี" พี่ข้าวฟ่างช่างรู้ใจ ว่าแต่ ไอ้หมอคิวจะมาที่นี่หรอ แล้วมันรู้ได้งัยวะว่าหมอที่ไอ้อินมันพูดถึงคือหมอคิว
"หมอคิวมันถามว่ากูอยู่กับมึงมั้ย จะเอาของมาคืน มึงไปลืมของไว้กับมัน" ผมลืมของ? ลืมเมื่อไร แปลว่าเพื่อนมันที่ชื่อคิวจะเดินมานี่หรอ ไม่ ผมยังไม่พร้อมจะเผชิญหน้ามันตอนนี้ สมองรีบประมวลผลหาทางหนีทีไล่อย่างรวดเร็ว ทำไมเสือกมาหัวทึบตอนนี้ไม่รู้ โอยยย
"มึงไปลืมอะไรไว้ไอ้หมาบ๊วย" นั่นสิวะครับ ผมไปลืมอะไรไว้...ตอนนี้นึกออกแค่ลืมทิ้งพรหมจรรย์ลูกผู้ชายของตัวเองไว้ที่ห้องมันเท่านั้นแหละ
"ไม่รู้เหมือนกันครับพี่เบียร์ กูไม่เห็นว่าจะมีอะไรหายไป" …นอกจากความบริสุทธิ์ เอาไงดีวะ
"เฮ้ย ไอ้หมาบ๊วย กูมีทางเลือกให้มีงตอนนี้สองทาง นั่งอยู่ตรงนี้รอให้น้องไอซ์มาลากจูงไปดินเนอร์เย็นนี้ หรือจะตีนหมาไปซะ ตอนนี้น้องไอซ์อยู่ในระยะห้าเมตรซึ่งน้องน่าจะเห็นมึงและตรงเข้ามาเป็นที่แน่นอนแล้ว ถ้าจะเผ่นมึงมีเวลาไม่เกินสองนาที" เสียเวลาฟังมันพูดก็หมดไปนาทีนึงแล้วครับ เตรียมเผ่น พูดกันอย่างแมนๆคราวนี้ไม่ได้หนีน้องไอซ์นะครับ คนที่ผมหนีคือไอ้นักศึกษาแพทย์ที่มันว่าจะเอาของมาคืนผมต่างหากครับ
"งั้นกูเลือกไป จะอยู่ทำไม" ผมยิ้มหน้าบานทันที ไม่เคยรู้สึกอยากจูบขมับน้องไอซ์มากเท่าวันนี้มาก่อน ถึงอย่างนั้นผมไม่เลือกจะเจอน้องหรอกนะครับ กวาดข้าวของทั้งหมด
"เฮ้ยๆ แล้วของที่คิวมันจะเอามาคืนมึงล่ะ" อย่ามารั้งกูครับอิน เพื่อนมึงเป็นประเด็นในการหลบของกูเลยครับ
"มึงเก็บไว้เลย พรุ่งนี้ค่อยเอามาให้กู กูไปห้องสมุดก่อนล่ะ" ผมเตรียมวิ่งครับ ดันมีมือมารั้งชายเสื้อผมไว้อีก ไอ้พี่รหัสเวร ไอ้แฟนไม่สั่งสอน
"บ๊วย กูพูดจริงๆเลยนะ มึงคิดว่าหน้าอย่างมึง ยังจะหาใครดีกว่าน้องไอซ์อีกหรอวะ รับรักน้องไปเหอะ สงสารว่ะ จีบมึงมาจะสองปีแล้ว" ผมอยากจะตีแสกหน้าพี่เบียร์มากครับตอนนี้ ถ้าไม่เห็นแก่ความเป็นพี่และแฟนเพื่อน มันโดนแน่ หน้าอย่างผมเบ้าดีขนาดนี้ จะไม่มีให้มันรู้ไป
"พี่! เลิกกับไอ้หน้าหมีเพื่อนผมมาเป็นแฟนน้องเขาเองมั้ย แล้วกูประกาศไว้ตรงนี้เลยเว่ย แฟนกู กูต้องจีบเอง เลือกเองเว่ย ปล่อยโว้ยยยยย" กระชากเสื้อหลุดจากมือมันได้ ผมวิ่งไปฝั่งตรงข้ามที่เห็นว่าน้องไอซ์เดินมาทันทีครับ ตั้งใจว่าจะแวะไปห้องสมุดหาข้อมูลกลับไปทำงานก่อนแล้วค่อยกลับ เผ่นมาก่อนแบบนี้มีเวลาอยู่ห้องสมุดนานอีกหน่อย
'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ' 'ㅅ'
เคยได้ยินคำว่าหนีเสือปะจระเข้มั้ยครับ หากเราคิดว่าเรารอดพ้นจากอันตรายอย่างหนึ่งแล้วอย่าคิดว่าเราจะโชคดีอีกเป็นครั้งที่สอง เส้นทางจากคณะไปยังห้องสมุดไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ผมที่กำลังเพลิดเพลินกับเพลงในเฮดโฟน ร้องแหกปากอย่างไม่สนใจใคร ก้มหน้าก้มตาเลือกเพลงถัดไป ชนเข้าให้กับใครซักคนที่เดินมาขวางข้างหน้า จะเงยหน้าไปหาเรื่องดันเจอว่ามันคือ หมอคิว มนุษย์ผู้ชายผู้เป็นอีกเหตุให้ผมรีบเดินหนีออกมาจากเพื่อนๆ หน้าตี๋ๆของผมตอนนี้คงฝืดเฝื่อนมาก แล้วมันมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง สมองผมพยายามประมวลผล มันโทรบอกอินว่าจะไปหาผมที่คณะ ทำไมมันมายืนเป็นยักษ์ปักหลั่นอยู่ตรงนี้
"บ๊วย หนีผมหรอ" คณะแพทย์มีเอกหมอดูแล้วหรอครับเดี๋ยวนี้ มันถึงพูดออกมาแม่นเชียว
"หนีอะไร จะไปห้องสมุด" ผมตอบตามความจริง ไม่ได้หนีครับ แค่เปลี่ยนใจมาห้องสมุดไวขึ้น ไม่ได้มีเหตุผลในการหนีหรืออะไรทั้งสิ้นเลย
"ผมโทรบอกอินว่าจะไปหา ทำไมถึงไม่อยู่รอ" บอกอินไม่ได้บอกกูนี่หว่า...ครับ ผมแถ ให้สีข้างถลอกได้เพียงในใจเท่านั้น
"ก็บอกแล้วว่าต้องไปห้องสมุด มีงานต้องทำ มีอะไรจะคืนเอามาๆ จะไปแล้ว" แบมือยื่นออกไปข้างหน้า รอรับของจากคนตรงหน้าครับ ผมเพิ่งสังเกตุข้อมือตัวเองตอนนี้นี่เอง ผมรู้แล้วว่าอะไรหายไป...หวังว่าของที่คิวบอกว่าผมลืมไว้จะเป็นเลทเงินที่ผมใส่ติดมือตลอดตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัย เป็นหนึ่งของมีค่าในชีวิต ถ้าหายไปผมคงเสียดายมาก ตั้งแต่กลับจากบ้านมัน ผมไม่รู้ตัวเลยว่ามันหายไป อยากจะเขกหัวตัวเองนัก
"เลทเงินใช่มั้ย กูลืมเลทเงินไว้ที่ห้องมึงใช่มั้ย ขอคืนด้วย" ผมขอของมันคืน มือยังยื่นไปข้างหน้ารอว่าเมื่อไหร่มันจะเอาของวางลงมาสักที มันกลับฉีกยิ้มให้ผม ล้วงมือเข้ากางเกงและกำมือตัวเองวางบนมือผมแล้วค่อยๆแบมือ ความหวังจะได้สัมผัสเนื้อเย็นของสร้อยเงินกลับกลายเป็นความว่างเปล่า มือใหญ่กางเต็มมือผม จับแน่นก่อนจะเอาลงข้างตัวตัวเอง
"ไปกินข้าวเป็นเพื่อนก่อน แล้วจะคืนให้" ไอ้หมอห่า!!! มันลากผมให้เดินจากมือที่ยังจับกันอยู่ เลยเหมือนผมโดนถูลู่ถูกังจากพ่อหนุ่มเนื้อหอมอนาคตหมอกลางมหาวิทยาลัย
"ไม่ไปโว้ย เอาของคืนมา กูมีงานต้องทำปล่อยกู" โวยวายออกมาเสียงดัง มันยังไม่ยอมหยุดเดิน ขาแม่งก็ยาว แรงก็เยอะ ผมจะไปสู้อะไรแรงยักษ์อย่างมันได้
"ยังไม่ได้กินข้าวเลย เรียนตั้งแต่แปดโมง บ่ายก็ขึ้นทำเคส เพิ่งได้ออกมาเนี่ย ไปกินข้าวด้วยกันหน่อย ไม่อยากนั่งกินคนเดียว เดี๋ยวมาช่วยทำงานทดแทนการเสียเวลาก็ได้" หึ หมออย่างมันจะมาช่วยอะไรตลก พูดเป็นนิยายตลก ศิลปะนะครับ เด็กวิทย์อย่างมันจะมาเข้าใจอะไร
ในที่สุดมันก็ลากผมสำเร็จ มานั่งอยู่ตรงข้ามกับหมอคิวในร้านอาหารหลังมหาวิทยาลัย โดยไม่ถามสักคำว่าผมจะกินอะไรมั้ย แต่ตอนนี้หน้าโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารที่กินได้สามคนอิ่มๆ มันบอกผมให้เริ่มกิน ไม่รอฟังอะไรทั้งนั้น ขณะที่ยักษ์มันเขมือบทุกอย่าง
"ทำไมไม่กินล่ะ สั่งมาเผื่อ บอกว่ามากินข้าวเป็นเพื่อนนะ ไม่ได้ให้มานั่งเป็นเพื่อนเฉยๆ ดังนั้น กินซะครับ" คงเห็นผมนิ่งไม่ลงมือแย่งมันกินซักที ถึงออกปากพูด
"ร้านนี้ร้านโปรดผมเลยนะ บ๊วยได้รับสิทธิ์พิเศษเลย ปกติมาร้านนี้ตัองกินคนเดียวเท่านั้น ไม่อยากแย่งใคร" มันพูดไปเรื่อยๆและไม่หยุดกิน ส่วนผมได้แต่มองมันกิน ในหัวเต็มไปด้วยเรื่องน้อยนิดระหว่างผมกับคิว
แปลกมั้ยครับ อยู่ดีๆทำไมผมมานั่งกินข้าวตรงนี้กับมันได้ทั้งที่(คิดว่า)ไม่สนิทกัน มันเป็นแค่เพื่อนสนิทของเพื่อนกลุ่มผมที่คณะ ถ้ามันหิว ไอ้อินก็ว่างทำไมมันไม่ชวนมากินด้วย ชวนผมทำไม หรือมันรู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก่อน จริงๆแล้วผมยังไม่พร้อมเจอหน้ามัน ไม่เข้าใจว่าทำไม ไม่รู้จะทำหน้ายังไงความสัมพันธ์แบบวันไนท์สแตนด์ระหว่างผมกับมันที่ดูผิดที่ผิดทาง ผมยังไม่พร้อมจะตั้งรับ แต่คิวกลับรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ดี กล้าเดินเข้ามาหาผมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างที่ผมพูดกับมัน สนุกด้วยกันแล้วจบไป การเจอหน้ากันระหว่างเราสองคนไม่เคยง่ายดายเหมือนวันนี้มาก่อน
"คิว ถ้ามึงกำลังรู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นคืนก่อน กูขอย้ำให้เข้าใจอีกทีว่ากูไม่ได้ติดใจอะไร กูก็ผิดที่เมาไม่รู้เรื่องจนเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้น ปล่อยมันผ่านไปเหอะ กูยอมรับว่าตั้งใจหลบหน้ามึงจริงๆ แต่มาคิดดูแล้ว มันไม่มีความจำเป็นที่ต้องหลบมึง ยังไงซะกูกับมึงก็รู้จักกันแค่เพื่อนของเพื่อนอยู่แล้ว นับจากนี้ ถือว่ากูขอ กลับไปเป็นเหมือนเดิมเหอะ เคยทักกันยังไงก็ทำแบบนั้นแหละ ไม่ต้องทำว่าเรารู้จักสนิทสนมเหมือนที่มึงทำตอนนี้หรอก กูว่าเรื่องมันจะไม่จบซะเปล่าๆ มันคงแปลกถ้าจะมาสนิทกันด้วยเรื่องที่เรานอนด้วยกันแค่คืนเดียว ไม่งั้นป่านนี้คนอย่างมึงคงต้องสนิทกับคนหลายสิบด้วยเรื่องนี้ กูไปทำงานล่ะ ยังไงก็ขอบใจมาก" ผมว่าผมเห็นแววตาไหววูบนิดนึงของคิวเมื่อผมพูดเรื่องความสนิทเกิดจากนอนด้วยกัน มันอาจจะโกรธที่ผมเอาความจริงของคนหล่อที่มักเจ้าชู้แบบมันมาพูด ผมลุกจากโต๊ะ เพื่อเดินออกจากร้าน ข้อมือผมถูกรั้งเอาไว้ตอนเดินผ่านมัน
"บ๊วยควรฟังผมพูดบ้าง" ผมมีสิทธ์เลือกจะไม่ฟังใช่มั้ยครับ ผมเลือกดึงมือตัวเองออกมาจากการเกาะกุมของคิว เดินออกจากร้านไป
ความรู้สึกผมแปลกออกไป จากตอนพูดในร้านผมมั่นใจว่าคิดถูกแล้ว แต่เมื่อมาอยู่หน้าร้าน ผมกลับปั่นป่วนกับการกระทำของตัวเองเมื่อครู่ที่ผมไม่รู้จะเรียกว่าอะไร
ความรักเกิดขึ้นในคืนเดียวได้มั้ยครับ ในแว่บหนึ่งของความคิด ผมก็นึกอยากรู้....
=
ฝากพี่บ๊วยไว้ในอ้อมใจด้วยค่า
=