ตอนที่ 63 เล่าเรื่อง [กาย..♥]
ผมรู้ว่าผมได้รับการปลอบประโลมจากพี่เอกไปเยอะมาก ผมหวาดกลัว ผมดิ้นรน ผมต่อสู้เพื่อรักษาร่างกายอันนี้เอาไว้
ตอนมีอะไรกับพี่เอกครั้งแรกผมขัดขืน แต่ไม่จริงจัง แต่วันนี้ แม้ต้องสละชีวิต ผมก็อยากจะรักษาร่างกายนี้เอาไว้ให้พี่มัน
จริง ๆ แค่ร่างกายมันไม่สำคัญเท่าไหร่หรอก แต่เพราะร่างกายนี้เป็นที่รองรับ เป็นตัวห่อหุ้มหัวใจดวงนี้เอาไว้ และหัวใจดวงนี้ของผม ก็มีผู้ชายคนนี้เป็นเจ้าของ
ผมลืมตาตื่นนานแล้ว แม้จะเหนื่อยจนหลับ แม้จะร้องไห้จนแทบไม่เหลือน้ำตา แต่ก็รู้สึกอบอุ่นที่ตื่นขึ้นมาแล้วเจอคนคนนี้อยู่เคียงข้าง ผมทาบฝ่ามือลงบนแผงอกข้างซ้ายของพี่มันเบา ๆ จับจังหวะของลมหายใจที่กำลังกระเพื่อมขึ้นลง
ข้างในนี้ มีหัวใจของผมอยู่
“ผมรักพี่นะฮะ”
ผมกระซิบบอก กดจูบอกซ้ายพี่มันไปที
“พี่ก็รักกายเหมือนกัน”
ผมเงยหน้ามอง คนที่ผมคิดว่าหลับอยู่ ก้มลงมาจูบผมเบา ๆ ก่อนขยับตัวตะแคงข้าง ค้ำศอกไว้ที่พื้นดันตัวขึ้นไปอยู่ในมุมที่สูงกว่าผม
“รู้สึกดีขึ้นไหม”
ผมพยักหน้า จ้องมองดวงตาที่สะท้อนความห่วงใยออกมาจนล้น
“ดูซิ ขนาดใช้งานไปตั้งเยอะ เช้านี้มันก็ยังคิดถึงกายอยู่เลย”
พี่มันชี้ให้ดูบางส่วนด้านล่าง ผมตีต้นแขนพี่มันไปเบา ๆ ที
“อย่าเอามาอ้าง นี่มันธรรมชาติของผู้ชาย”
“อ้าว ของกายไม่เห็นจะขึ้นเลย”
“ขึ้นแต่ไม่ทุกวันแบบพี่”
พี่มันเลิกคิ้วสูงล้อเลียน ก่อนคลี่ยิ้มจนหวานหยด
มึงไม่ต้องมายิ้มหล่อใส่กูเลย แค่นี้กูก็หลงมึงจะแย่อยู่แล้ว
พี่มันหันไปหยิบมือถือมายื่นให้
“โทรบอกแม่ บอกพ่อ บอกไอ้เต้ย ไอ้กิ๊ฟ ไอ้เป้ ไอ้โอม พี่เชนและทุกคนให้ครบว่าเราปลอดภัยแล้ว ส่วนว่าหายไปไหน ก็แล้วแต่ว่าจะเล่าไม่เล่า บอกพวกเขาว่านายปลอดภัยแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง”
ผมพยักหน้า รับมือถือมากดหาทีละคน
แม่นี่แทบจะร้องไห้ ถามใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมก็บอกไปว่ายังไม่พร้อมจะเล่าให้ฟัง พร้อมเมื่อไหร่จะเล่าทันที แต่ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว และอยู่กับพี่เอก แม่ก็เบาใจ ไอ้เต้ยก็ห่วงใหญ่ ส่วนพี่เชนก็ตามสไตล์ฮะ พ่อติดต่อไม่ได้ สงสัยจะเดินทางไปต่างประเทศ แล้วก็สามทโมนด้วย
เชื่อกันรึเปล่า แค่โทรรายงานทุกคนว่าผมปลอดภัยแล้ว ยังใช้เวลาเกือบชั่วโมง แต่ละคนก็ใช่ว่าจะกดรับ แล้ววาง แต่ถามถึงสาเหตุที่มาที่ไป และอะไรอีกหลาย ๆ อย่าง
แต่ผมก็รู้ว่าทุกคนกำลังเป็นห่วง
ผมเหลือบตามองพี่เอกที่เดินตัวหอมฉุยออกมาจากห้องน้ำ พี่แกคงเห็นว่าอีกนานกว่าผมจะรายงานทุกคนหมด ถึงได้เข้าไปอาบน้ำก่อน แล้วเดินหล่อออกมาแบบนี้ ส่วนผมหยิบเสื้อเชิ้ตตัวเดิมของพี่มันมาใส่กันโป๊ นั่งคุยโทรศัพท์อยู่ข้างเตียง
“พี่ไปทำกับข้าวรอนะ”
พี่มันก้มจูบขมับผมเบา ๆ เดินออกจากห้องนอนไป
ตอนนี้ผมคุยอยู่กับพี่โอ๊คครับ
“พี่ตกใจหมดเลยรู้ไหม”
“ขอโทษฮะ”
พี่โอ๊คจะเป็นคนเดียวที่ไม่เคยถามผมถึงสาเหตุเลย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ครั้งนี้ เป็นผมเองที่อยากจะเล่าให้พี่แกฟังเอง
“ผมถูกพี่อาร์ต เอ่อ… น้องชายของพี่เอก ลากไปปล้ำ” ใช้คำว่า “ข่มขืน” มันฟังดูน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้ คำว่าปล้ำ น่าจะดูซอฟกว่าเยอะ
ปลายทางเงียบไปนาน ผมเริ่มใจเสีย
หรือพี่เขาจะรังเกียจ
ไม่ใช่สิ พี่โอ๊คไม่ได้เป็นคนแบบนั้นนี่นา
“ขอโทษนะ”
คำพี่มันพาเอาผมขมวดคิ้วเลย
“ไม่ใช่ความผิดของพี่ซะหน่อย”
เกี่ยวอะไร ทำไมต้องมาขอโทษด้วย
“กายลืมแล้วรึไง ว่าพี่ก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบกายเหมือนกัน”
ผมนั่งอึ้ง
จริงสินะ เพราะเจอเรื่องยุ่ง ๆ หลายเรื่อง เลยลืมเรื่องที่พี่มันเคยบอกว่าชอบผมไปเลย
“พี่ชอบผมอย่างน้องหรือมากกว่านั้น”
ผมกลั้นใจถามออกไปตรง ๆ เพราะความชอบในวันนั้น อาจจะแค่พี่ชายชอบน้องชาย อยากดูแลและปกป้องแบบที่พี่เป้รู้สึกกับผมก็ได้
“กาย…ถ้าพี่ควบคุมตัวเองไม่ได้ บางทีพี่อาจจะทำเหมือนที่อาร์ตทำกับกายก็ได้นะ”
ผมนั่งเงียบไปนาน
พี่โอ๊คเนี่ยนะ
“พี่โอ๊ค ผมเป็นผู้ชายนะ”
“กาย..ไอ้เอกมันก็เป็นผู้ชาย ไอ้อาร์ตมันก็ผู้ชาย ตอนนี้เพศมันไม่มีผลกับความรู้สึกแล้วนะ”
ผมนั่งฟังอึ้ง ๆ ไปอีกรอบ
“แต่ผม..”
“รักไอ้เอกมัน” พี่โอ๊คต่อคำพูดที่ขาดหายไปของผม “ตอนนี้พี่ก็เหมือนไอ้เป้มันแล้ว หลงรักคนที่ไม่ควรจะรัก แต่มันก็ห้ามความรู้สึกกันไม่ได้ ยิ่งอยู่ใกล้ ยิ่งได้มอง ยิ่งรู้สึกรักเข้าไปใหญ่”
ผมนั่งอึ้งฟังสิ่งที่พี่โอ๊คบอก
“พี่ไม่รับปากว่าพี่จะตัดใจจากกายได้ไหม พี่ไม่มั่นใจในความรู้สึกตัวเอง พอ ๆ กับไม่มั่นใจว่าไอ้เอกมันจะดูแลกายได้ตลอดรอดฝั่งหรือเปล่า พี่จะไม่แย่งกายมาจากเอก แต่ถ้าวันใดวันหนึ่ง มันเกิดบกพร่องในหน้าที่ขึ้นมา พี่จะรีบดึงกายมาไว้กับตัวทันที”
ผมได้แต่นั่งอึ้ง ฟังสิ่งที่พี่แกพูดต่อ
“อย่าคิดมากล่ะ พี่ก็แค่ชอบกาย ความรู้สึกนี้ บางทีสักวันมันคงหายไปเอง”
ถ้ามันง่ายขนาดนั้น พี่เป้คงไม่มานั่งทุกข์ใจขนาดนี้หรอก
“ผมขอโทษนะฮะ”
ผมไม่รู้ว่าอะไรในตัวผม ที่ทำให้พี่แกชอบ ผมไม่ได้แสดงท่าทีหรือทำอะไรที่ให้ความหวังเลยสักนิด
“ไม่เป็นไร พี่เข้าใจ”
ผมยิ้มกับมือถือ ก่อนจะได้ยินสายเรียกซ้อน ผมลดมือถือลงมาดูหน้าจอ
พ่อฮะ
“พี่โอ๊คแค่นี้ก่อนนะ พ่อโทรมาพอดี”
ผมรีบบอก พี่โอ๊คบอกลาสั้น ๆ ผมรีบกดตัดสายแล้วกดรับสายซ้อนทันที
“ป๋า!”
ผมเรียกด้วยความคิดถึง อยากให้พ่อมาอยู่ด้วยตอนนี้จัง
“เอกเขาอยู่ห้อง 1906 ใช่ไหมลูก”
“ครับ”
“งั้นมาเปิดประตูให้พ่อที”
ผมหันขวับไปมองทางหน้าประตู ดีดตัววิ่งลิ่ว ๆ ผ่านประตูห้องนอน วิ่งผ่านพี่เอกที่กำลังถือจานไส้กรอกมาวางไว้บนโต๊ะอาหารไปที่หน้าประตูห้อง
ผมเปิดประตูออกผัวะ ถลาตัวกอดหมับที่เอวของคนที่ยืนอยู่หน้าห้องทันที ผมร้องไห้ออกมาแบบไม่อายใคร พ่อลูบหัวผมเบา ๆ ทั้ง ๆ ที่มือถือของพวกเรายังไม่กดตัดสาย
“พ่อ”
พี่เอกเดินมารับที่หน้าประตู พ่อค่อย ๆ ดันตัวผมกระดืบ ๆ กลับเข้ามาภายในห้อง ตอนนี้ขออ่อนแอชั่วคราวครับ
“พ่อรู้ได้ยังไง ว่าผมอยู่นี่”
ผมถามหลังจากตั้งสติได้
“จากแม่นั่นแหละ พ่อบินอยู่เลยปิดเครื่อง พอเปิดถึงได้เห็นเบอร์โทรมากมาย แล้วรีบโทรกลับถึงได้รู้เรื่องแล้วบึ่งรถมาที่นี่ก่อน”
ผมเพิ่งสังเกตว่าพ่อลากกระเป๋าเดินทางมาด้วยใบหนึ่ง ผมซบอกพ่อใหญ่ พี่เอกเชิญพ่อให้ไปนั่งบนโซฟาแล้วหาน้ำหาท่ามาให้
“พ่อไปไหนมา”
ผมถามอู้อี้
“ออสเตรเลีย”
ผมเป็นเด็กไม่ดีเลย ทำให้พ่อกับแม่ต้องเป็นห่วง
พ่อดันตัวผมออกห่าง สำรวจไปทั่วทั้งตัว
“ปลอดภัยดีนะ”
ผมพยักหน้า
“พร้อมจะเล่าให้พ่อฟัง หรือเอาไว้วันหลัง”
ผมชั่งใจนิดหนึ่ง
“นายคุยกับพ่อไปก่อนละกัน พี่จะไปทำกับข้าวต่อ”
พี่มันปลีกตัวเดินเข้าห้องครัวไป พ่อหันไปมอง ก่อนหันกลับมาทำหน้าทึ่ง ๆ
“โอ้ สามีลูกทำกับข้าวให้เหรอเนี่ย”
ผมนั่งหน้าร้อนผ่าว บรรยากาศเศร้าสลดเมื่อกี้หายไปเลย
“ฮ่ะ ๆ ๆ พ่อแซวเล่น ว่ามา”
พ่อตั้งท่า ขยับทำตัวสบาย ๆ ยกแก้วน้ำมาเตรียมจรดรินเข้าปาก
“ผมถูกลากไปปล้ำ”
เพล้ง!!!
พ่อทำแก้วน้ำตกพื้นทันที
“ใครวะ!!!”
พ่อผมมาดหลุด ผุดลุกขึ้นมาทำหน้าขึงขังเหมือนพ่อกำนันเตรียมวิ่งไปคว้าปืนมาเป่าไอ้คนที่มารังแกลูกสาวตัวเอง พี่เอกที่กำลังหั่นผักอยู่หันมามองตื่น ๆ ส่วนผมรีบจับพ่อให้นั่งลงเหมือนเดิม
“ใจเย็นป๋า ยังไม่โดน แค่เกือบจะ”
พ่อจ้องหน้าผมเขม็ง ทำท่าฟึดฟัด ทิ้งตัวลงนั่งเหมือนเดิม
“ใคร!”
พ่อถามเสียงเครียด ผมทำท่าอึดอัด
“น้องชายพี่เอก พี่อาร์ต”
ผมบอกไปตามตรง พ่อกำหมัดแน่น
“พ่อไปนั่งฝั่งนู้นก่อน ผมจะเก็บเศษแก้ว”
ผมรีบไล่พ่อให้ไปนั่งอีกด้าน เศษแก้วแตกกระจาย น้ำกระเซ็นไปทั่ว
“ไม่ต้อง เดี๋ยวพี่จัดการเอง”
พี่เอกเดินถือไม้กวาดกับที่ตักขยะมา
กูชักไม่แน่ใจว่าพี่มันจะเป็นสามีหรือเมียกันแน่ พ่อคงคิดเหมือนผมแน่ ๆ เห็นมองใหญ่ พี่เอกเงยหน้ามาชี้นิ้วใส่หน้าผมทันที
“อย่าคิดว่าพี่เป็นผู้หญิงเชียวนะ แค่ทำความสะอาดห้อง ใคร ๆ ก็ทำเป็น”
ผมยิ้มแห้งให้แกไปที
“แสนรู้”
แอบหันไปพูดเสียงเบาไม่ให้พี่มันได้ยิน แต่พ่อได้ยินชัดแจ๋วจนขำตาม
“คือจริง ๆ ความผิดทุกอย่างมันเริ่มที่ผมนี่แหละ”
ผมเล่าต่อ พ่อหันมามองดี ๆ ตอนนี้เรานั่งหันหน้าเข้าหากันแล้ว
“พี่เอกเข้าออฟฟิศไปช่วยงานคุณพ่อโดยไม่ได้ปลุกผมก่อนไป พอตื่นขึ้นมา ผมก็เห็นพี่อาร์ตนั่งอยู่บนโซฟา แต่ตอนนั้นผมคิดว่าเป็นพี่เอก”
ผมมองตาพ่อนิดหนึ่ง
“คือพวกเขาหน้าตาเหมือนกันน่ะฮะ เหมือนกันอย่างกับแกะ ตอนนี้ผมก็ยังแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร เหมือนพวกทโมนนั่นแหละ”
พ่อพยักหน้าเข้าใจ ส่วนพี่เอกกลับไปยืนฟังอยู่ในครัว
“ผมกับพี่เอกมีเรื่องกันนิดหน่อยก่อนหน้านั้น ผมเห็นพี่เขานั่งนิ่ง ๆ เลยคิดว่ากำลังงอนผมอยู่ ผมเลยกะจะอ้อนให้พี่มันหายโกรธ ผมเลย เอ่อ… จูบพี่มันไป”
อายครับ อายมาก เล่าเรื่องอะไรเล่าได้ แต่ให้มาเล่าอะไรพรรค์นี้ ไม่ไหวจริง ๆ แต่ก็ต้องยอมข่มความอายเล่าต่อไป
“ตอนแรกพี่อาร์ตก็ขัดขืนอยู่หรอก แต่ผมคิดว่าพี่เขายังโกรธไม่หายเลยบังคับจูบไป แล้วผมก็มารู้ทีหลังว่าไม่ใช่ แต่ผมไม่รู้สาเหตุที่พี่อาร์ตลากผมไปปล้ำเมื่อวาน ผมไม่ได้ตั้งใจทำแบบนั้น ที่ผมทำไปเพราะเข้าใจผิด”
ผมเล่าต่อ
พี่เอกเดินมาทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม
“มีอยู่สองสาเหตุ”
พี่มันเปิดปาก คราวนี้ผมกับพ่อหันไปมอง
“อันแรก พวกทโมนมันอยากทดสอบว่าใครรักพี่จริงหรือเปล่า เลยให้อาร์ตทดสอบผู้หญิงที่เข้าหาพี่ทุกคน ก็อย่างที่รู้ ๆ ส่วนมาก โดนอาร์ตเอาใจเข้าหน่อยก็ชิ่ง หรือไม่ก็เบื่อที่พี่ทำแต่งาน ทำตัวเย็นชา วันนั้นอาร์ตคิดว่ากายยั่วอาร์ต เหมือนผู้หญิงคนอื่น ๆ นั่นแหละ เลยจะทดสอบด้วย”
ผมกับพ่อจ้องพี่มันเขม็ง
“แต่อีกสาเหตุก็คือ…”
พวกเรานิ่งฟังอย่างตั้งใจ
“อาร์ตอาจจะชอบกายเข้าแล้วจริง ๆ”ผมอ้าปากพะงาบ ๆ มันจะมาชอบผมทำม้ายยยย แล้วอะไรเป็นสาเหตุ
“สาเหตุก็มาจากพี่นี่แหละ”
มึงอ่านใจกูได้ใช่ไหม คิดอะไร รู้หมดเลย พี่มันหันมายิ้มพราวราวกับรู้ในสิ่งที่ผมกำลังคิด
“อย่างที่กายเห็น พวกเราสามคนหน้าตาราวกับฝาแฝด พอ ๆ กับทโมนนั่นแหละ คนนอกจะแยกไม่ออก ทำให้เกิดการเปรียบเทียบเกิดขึ้น ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม”
ผมนิ่งฟัง ไม่ต่างกับพ่อ
“พี่เป็นพี่ใหญ่ ทุกอย่างจึงเริ่มต้นที่พี่ก่อน มีอะไร ทุกคนก็จะเข้าหาพี่ก่อน พ่อกับแม่ก็ให้พี่ทำก่อน แล้วอาร์ตเขาก็เห็นพี่เป็นโมเดล อยากทำตาม อยากเป็นเหมือนอย่างบ้าง พี่ก็ผิดเองที่พูดว่าพวกอาร์ตเป็นเพียงตัวก๊อปปี้ แต่มันไม่ใช่ เพราะต่อให้เป็นแฝด เราก็มีชีวิตที่ต่างกัน”
“อาร์ตเดินตามรอยเท้าพี่มาตลอด จนพี่อยากให้น้องมีหนทางของตัวเองบ้าง นี่ก็เป็นอีกสาเหตุ ที่พี่แยกตัวออกมาอยู่คนเดียวเหมือนกัน”
ผมนั่งฟังไปเงียบ ๆ พ่อผ่อนลมหายใจเบา ๆ
“สำหรับเรื่องงาน อาร์ตทำได้ดีและพ่อก็ไว้ใจให้ดูแลรับผิดชอบ แต่ก็ยังให้พี่เป็นคนควบคุมเพราะยังไงก็เป็นพี่ใหญ่ อาร์ตเลยหาทางเป็นผู้นำในทุกเส้นทาง โดยเฉพาะเรื่องอื่น ๆ อย่างเรื่องเพื่อนหรือผู้หญิง”
ผมพยักหน้า
“งั้นที่เขาทำแบบนั้นกับผมเพื่อเอาชนะพี่”
ผมคาดเดา
พี่มันแหงนหน้าขึ้นมองเพดาน ถอนหายใจออกมาเบา ๆ
“ถ้ามันคิดแค่นั้นจริง ๆ พี่จะดีใจมาก มันจะเคลียร์ง่ายหน่อย แต่ถ้ามันคิดเกินเลยกว่านั้น แล้วชอบกายขึ้นมาจริง ๆ พี่คงแย่”
พี่มันบอกเสียงเครียด
“ไม่หรอก เขาคงไม่ชอบผมหรอก เจอกันแค่ไม่กี่ครั้งเอง”
“เริ่มรักมันใช้เวลากันที่ไหนกาย”
พี่มันโต้กลับ
ผมนั่งมองอึ้ง ๆ
“เมื่อวาน ถึงมันจะปล้ำกาย แต่ตามเนื้อตัวกายกลับไม่มีร่องรอยการถูกทำร้ายเลย กายต่อสู้รุนแรงขนาดนั้น คนแรงเยอะอย่างมันอดทนไม่ให้ทำร้ายกายกลับได้นี่ถือว่าสุดยอดแล้วนะ”
ผมนั่งอึ้งไปอีกระลอก ผมไม่ได้สังเกต ก็พี่มันเล่นจับกดจับกดนี่หว่า
“กาย พี่เตือนอะไรไว้อย่างนะ”
ผมจ้องหน้าพี่มันเขม็ง
“พวกเราหกคนพี่น้อง มักชอบอะไรที่เหมือน ๆ กัน”
ผมนั่งอึ้ง
“และโดยมาก ถ้าพี่ชอบอะไร พวกนั้นก็มักจะเอาความชอบของพี่เป็นบรรทัดฐานเสมอ”
ผมอึ้งรอบสอง
“มิน่าล่ะ พวกทโมนถึงได้ติดกายแจ”
คนออกความเห็นเป็นคนที่มีหนวดขึ้นครึ้มหน่อย ๆ ครับ
“แล้วตกลงเขาทำถึงขั้นไหน”
พ่อหันมาถามเสียงเครียด ผมหน้าร้อนขึ้นมาอีก
“ยังไม่ทันได้ทำอะไรฮะ พี่เอกไปช่วยไว้ได้ก่อน”
พ่อถอนหายใจโล่งอก
“ไม่เป็นไรนะลูก”
พ่อลูบหัวเบา ๆ
“ร่างกายน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่จิตใจคงผวาไปสักพัก”
อันนี้พี่เอกเป็นคนตอบ
“ยังไงก็ฝากน้องหน่อยละกัน”
พ่อหันไปฝากฝังกับพี่เอก พี่มันพยักหน้ารับ
“หิวข้าวแล้วล่ะ อาหารบนเครื่องไม่อร่อย”
พ่อผมเปลี่ยนเรื่องได้หน้าตาเฉย เงยหน้าทำท่าคิด พ่อมองไปยังพี่เอก ก่อนหันกลับมาทางผมแล้วยิ้มพราว
“ชวนแม่แกมากินด้วยสิ ตอนนี้คงนั่งก้นไม่ติดพื้นอยู่ที่บ้านคนเดียวแล้วมั้ง”
ชิ อยากเจอทำไมไม่ชวนเอง
“พ่อก็ชวนเองสิฮะ พ่อจีบแม่เองนะไม่ใช่ผม”
พ่อทำหน้าบู้บี้ แต่ก็ยอมล้วงหยิบมือถือขึ้นมากด ลุกขึ้นเดินเลี่ยงไปที่ริมระเบียง ผมอมยิ้มหันไปมองคนหล่อที่มองภาพเดียวกับผมอยู่เหมือนกัน
พี่มันหันมาลูบหัวผมเบา ๆ ที
“ไม่เป็นไรนะ”
“อืม”
พี่เอกลากผมไปยืนทำกับข้าวต่อด้วยกัน ทำส่วนของพ่อกับแม่เพิ่มด้วย
“รับรองได้ แม่แกต้องเหาะมาภายในยี่สิบนาทีนี้แน่ ๆ มา เดี๋ยวพ่อช่วยทำ”
พ่อทำท่าจะเดินเข้ามาช่วย แต่พี่เอกเบรกเอาไว้ก่อน
“ผมว่าพ่อกับกายไปอาบน้ำกันก่อนดีกว่า ที่เหลือผมจัดการเอง”
ผมมองหน้าพ่อเพื่อขอความเห็น จริง ๆ ก็ดีเหมือนกัน เพราะผมก็ยังไม่ได้อาบน้ำ แถมยังใส่ชุดไม่เรียบร้อยอีกต่างหาก ส่วนพ่อก็เพิ่งเดินทางกลับ อาบน้ำจะได้สบายตัวขึ้น
ผมเดินนำพ่อเข้าห้องนอนไป
พออาบเสร็จสองพ่อลูกก็เดินตัวหอมฉุยออกมา แล้วเราก็ได้ยินเสียงรัวกดกริ่งหน้าห้อง พ่อรับหน้าที่ไปเปิดประตูให้ทันที
“คุณ!! ลูกอยู่ไหน”
เสียงร้อนรนนำมาก่อนเลย
“ผมอยู่นี่ ปลอดภัยดีครับแม่”
ผมเดินออกไปรับ แม่สวมกอดผมหมับ ดวงตาสีสวยแดงก่ำจนผมต้องชี้นิ้วใส่หน้า
“อย่าเป่าปี่นะ”
แม่รีบเบรกหน้าที่กำลังเบะ ๆ ลง
“กะ ก็แม่เป็น อึก..ห่วง อึก..กายนี่”
แต่เบรกไม่อยู่ครับ เขื่อนแตกแล้ว = =
ผมกับแม่จะต่างกันตรงนี้แหละ เวลาผมร้องไห้ ผมจะร้องไห้เงียบ ๆ แต่สำหรับแม่จะสะอึกสะอื้นจนตัวโยนเลย และตอนนี้ผมก็ต้องยืนปลอบโยนคนที่น้ำหูน้ำตาไหลพรากอยู่หน้าประตู
แม่ผมเป็นพวกเซนซิทีฟ ร้องไห้ง่ายครับ ดูหนังดูละครก็ร้องไห้ก่อนพระเอกนางเอกเสียอีก หรือไม่บางที นั่งแต่งนิยายไปร้องไห้ไปก็มี พอผมถาม ก็หันมาเล่า แล้วก็โวยวายใส่พระเอกนางเอก หรือตัวร้ายในเรื่องว่าทำให้เรื่องมันเศร้า ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นคนแต่งเองแท้ ๆ
แต่งเอง ร้องเอง ว่างั้น
“โอ๋ ๆ มามะ มาให้ผมกอดที”
พ่อตีเนียนเดินเข้าไปโอบหัวแม่ แม่ดิ้นพล่านเหมือนคนถูกน้ำร้อนลวก แต่พ่อก็ยังดึงดันเอามาซบอยู่นั่นแหละ
“นี่ ฉันจะคุยกับลูก ปล่อย!!”
“ลูกปลอดภัยน่าคุณ ให้สามีเขาปลอบไปเถอะ แต่คุณกำลังเสียใจอยู่ ต้องให้ผมเป็นคนปลอบสิ”
มุขพ่อฮะ
เริ่มจะโมเมว่าแม่เป็นเมียตัวเองแล้ว
“ยุ่ง”
แม่ว่าใส่เบา ๆ น้ำตาเริ่มหดแล้ว
พี่เอกหัวเราะใหญ่
“จะไปล้างหน้าก่อนไหมครับ”
พี่มันถาม แม่ส่ายหน้า รายนี้ไม่แต่งหน้าอยู่แล้ว
หน้าใสธรรมชาติสร้าง
“แต่คุณน่ะ หนวดครึ้มเชียว น่าจะโกนซะบ้างนะ”
แม่ท้วง พ่อทำหน้าเหรอหรา
“อ้าว คิดว่าคุณจะชอบซะอีก”
แม่อ้าปากค้าง แล้วก็หน้าแดงตามมา
แต่ก่อนพ่อหน้าเกลี้ยงฮะ เจ้าสำอาง แต่พักหลัง ๆ มานี่ เริ่มไว้เคราบาง ๆ เป็นไรสีอ่อน ๆ รอบริมฝีปาก เห็นแล้วบอกได้คำเดียว
หล่อสาด
(ไม่ใช่คำด่านะครับ หล่อสาด คล้ายสาดน้ำน่ะ - -)
“คะ ใครว่าฉันชอบ”
ฟังธงครับ
ท่าทางแบบนี้ แม่ผมชอบแน่ ๆ ผมเองก็เพิ่งรู้สเป็กแม่นะเนี่ย
“เอ้า ก็ผมเห็นคุณติดภาพพระเอกในดวงใจคุณไว้ในห้อง เห็นแล้วก็เดาเอาว่าน่าจะใช่”
“แล้วคุณมาเกี่ยวอะไรด้วย”
พ่อยิ้มหล่อจนเห็นฟันขาว
“เปล่า ผมก็แค่อยากหล่อขึ้นอีกหน่อยให้ใครแถวนี้ใจเต้นเล่นแค่นั้นแหละ”
แล้วผมคิดว่าน่าจะได้ผลนะฮะ เพราะแม่ยืนหน้าแดงใหญ่เลย
ผมหันไปมองพี่เอกบ้าง รายนี้ถ้าไว้เคราบ้างจะเป็นยังไงน้า
“ไม่ต้องมามอง พี่ไม่ไว้ให้หรอก”
“ผมยังไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย”
ผมเสหน้าไปทางอื่น
รู้ใจกูจริงวุ้ย
“อืม แต่ไว้บ้างก็ดีเนอะป๋า เพราะเคยได้ข่าวมาว่าเวลาไซ้ซอกคอ มันจะทำให้จักจี้หน่อย ๆ”
พี่มันหันไปเกาคางคาดเดา
“แน่นอน”
พ่อยืนยัน
ผมกับแม่พากันยืนหน้าแดง
ใครก็ได้ ช่วยพาผู้ชายสองคนนี้ ออกไปจากห้องที
To be Con....
มีความมุ้งมิ้ง >////<
ใครอ่านอยู่ รายงานตัวหน่อยค่าาา \\^3^//
แจ้งข่าววววค่าา
วันที่ 13-24 ต.คนี้ ไปหาซื้อหนังสือของ Memew กันได้ที่ร้าน B2S กับ Hermit ที่งานสัปดาห์หนังสือ ณ ศูนย์ประชุมสิริกิตติ์ คนเขียนเอานิยายไปลง 5 เรื่อง , Brother พี่ตัวร้ายกับนายตัวดี (250.-), Try Love รักครับ ขอจีบได้ไหมครับอาจารย์ (350.-), Hate Love ทาสแค้น (1,300.-), Kiss love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ (1,500.-), Boyfriends (300.- )
เสียดายปกนาคินทร์อนุชาเสร็จไม่ทัน เลยอดไปงานนี้ด้วย
วันอาทิตย์ที่ 16 คนเขียนจะชูแวบไปแจกลายเซ็นที่บูธ B2S ไปเจอกันได้นะคะ ^^
เลิฟ ๆ
หนังสือ&e-bookเรื่องนี้ :
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54068.msg3389162#msg3389162