-My Atlantis- [เรื่องสั้น] [จบ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: -My Atlantis- [เรื่องสั้น] [จบ]  (อ่าน 2321 ครั้ง)

ออฟไลน์ PTK

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
-My Atlantis- [เรื่องสั้น] [จบ]
« เมื่อ24-12-2017 15:20:17 »

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



*****************************************************************************************









มีคนเคยกล่าวไว้ว่าความรู้สึกของมนุษย์จะสูญสลายเมื่อถึงเวลาที่สมควร




เมื่อถึงเวลาที่สมควร ความรู้สึกนั้นจะค่อยๆ จางหายไป




ค่อยๆ จมลงไปในก้นบึ้งของหัวใจ




จมลงไปยังที่ๆ ท้องฟ้าไม่เป็นสีฟ้า ไปยังที่ๆ ไม่มีอะไรเลยนอกจากความมืดดำและความเงียบงัน




ค่อยๆ จมลงไปยังแอตแลนติส





*****************************************************************************************





 
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-12-2017 23:49:12 โดย PTK »

ออฟไลน์ PTK

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: -My Atlantis- [เรื่องสั้น]
«ตอบ #1 เมื่อ24-12-2017 15:24:32 »

หน้าสุดท้ายของหนังสือเล่มหนาในมือเขียนประโยคสั้นๆ เอาไว้ว่า ‘ระหว่างคนที่จากไปแต่ยังอยู่ในความทรงจำ กับคนที่ยังมีชีวิตอยู่แต่ไม่เคยถูกจดจำ ใครน่าสงสารกว่ากันนะ’


ใครจะน่าสงสารกว่าผมก็ไม่รู้หรอก แต่ที่รู้คือผมนี่ล่ะที่น่าสงสาร


ไม่ต้องรอให้คนอื่นมาสงสารด้วย ผมนี่ล่ะที่สงสาร...สงสารตัวเองเหลือเกิน


“ผมอยากไปที่แอตแลนติสจัง” ผมว่าพลางปิดหนังสือลงช้าๆ


จำได้ว่าเคยพูดประโยคพวกนั้นออกไปนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้ก็พูดประโยคนี้ออกไปไม่รู้กี่ครั้งเข้าไปแล้ว แต่ก็ไม่เห็นว่าจะได้ไปสักที


ก็ไม่ได้หวังว่าจะได้ไปอยู่แล้ว ก็แค่พูดเพื่อให้คนอื่นรับรู้บ้างว่าเขารู้สึกยังไง


“ยังพูดแบบนั้นอยู่อีกเหรอคะ มันก็แค่จินตนาการเท่านั้นเอง”


ใช่ ก็แค่จินตนาการ จินตนาการว่าอยากหายไปจากที่ตรงนี้สักที ถ้าจะพูดให้เข้าใจยาก สิ่งที่ผมคิดมีสาเหตุมาจากการเบื่อหน่ายสภาพแวดล้อมรอบตัว อาจเกิดจากภาวะเครียดอันเนื่องมาจากสาเหตุทางกายหรือจิตใจ หรือบางทีอาจจะเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับสมองและอารมณ์อย่างโรคซึมเศร้า


โทษที ผมไม่ได้เป็นซึมเศร้า ผมก็แค่เบื่อๆ กับชีวิตเท่านั้นเอง ไม่เป็นผมไม่เข้าใจหรอกว่าชีวิตตอนนี้มันแย่ขนาดไหน


การเป็นผมคืออะไรน่ะเหรอ...


“นิโคลัส หนูอยู่มาได้จนป่านนี้ก็ปาฏิหาริย์แล้วนะ อย่าคิดอะไรแผลงๆ นักเลย” เธอเตือนผมแบบนี้อีกแล้ว


ผมมักจะได้ยินคำพูดนี้ทุกวัน วันละหลายๆ รอบ ทั้งที่เธอก็รู้อยู่แก่ใจว่าผมเองก็ใช่ว่าจะอยากอยู่ แล้วทำไมทุกคนถึงคะยั้นคะยอให้ผมอยู่นักนะ


“ยีนของหนูหายากมากเลยนะ พยายามรักษาตัวไว้ดีๆ จะได้ทำประโยชน์ให้กับมนุษย์คนอื่นด้วยไง”


เหรอ มีใครถามผมรึยังว่าอยากทำประโยชน์ให้ใครรึเปล่า


“ทุกคนอยากให้หนูมีชีวิตอยู่ด้วยกันทั้งนั้นล่ะ”


เหรอ แล้วมีใครถามผมรึยังว่าผมอยากอยู่รึเปล่า ทุกคนก็แค่เอาแต่ใจ เอาแต่พูดความต้องการของตัวเองมาใส่ผมครั้งแล้วครั้งเล่า


‘มีชีวิตอยู่นะ มีชีวิตอยู่เถอะนะ’


เหรอ มีใครถามผมสักคำรึยังว่าผมอยากอยู่รึเปล่า


เห็นแก่ตัวสิ้นดี


“โอเค วันนี้ไม่มีอะไรผิดปกติหรือบาดเจ็บเลย เก่งมากๆ ไว้พรุ่งนี้จะมาตรวจใหม่นะคะ”


มันเป็นคำชมที่ได้ยินจนเอียนแล้ว


“จำไว้นะคะ ถ้าเห็นกระดูกโผล่ออกมาจากผิวหนังหรือเห็นเลือดออก ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ต้องบอกพี่นะ เข้าใจไหม” หล่อนย้ำคำเดิมๆ คำถามเดิมๆ ที่ได้ยินมาร่วมยี่สิบกว่าปี ผมเองก็บ้าจี้พอจะพยักหน้าแล้วฉีกรอยยิ้มปลอมๆ เหมือนเดิมกลับไปให้


น่าเบื่อ


หลังจากประตูห้องสีขาวปิดลง ผมซึ่งถูกทิ้งไว้ในห้องสีขาวตามลำพังก็เริ่มคิดอะไร ‘ไม่เป็นเรื่อง’ อีกแล้ว


ผมเป็นคนประหลาด...เป็นคนที่เกิดมาพร้อมกับร่างกายประหลาด ตั้งแต่จำความได้ ผมไม่เคยรู้สึกเจ็บปวดทั้งๆ ที่ประสาทสัมผัสของผมก็ยังปกติดี การรับรู้อุณหภูมิก็มีบกพร่องไปบ้างแต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไร


เพิ่งจะมารู้ว่าทุกอย่างมันโคตรร้ายแรงก็ตอนที่โดนรถชนแล้วเห็นกระดูกของตัวเองโผล่พ้นเนื้อออกมานั่นล่ะ


ในตอนนั้นทุกคนกรีดร้อง พ่อกับแม่ผมตัวสั่นเหมือนเจ้าเข้าในขณะที่ผมกลับไม่รู้สึกอะไรเลย


ไม่เจ็บ ไม่ปวด ไม่รู้สึกอะไรเลย


ตอนแรกก็นึกไปเองว่าถ้าพูดออกไปว่า ‘ผมไม่เจ็บเลย’ ทุกคนคงสบายใจขึ้น ที่ไหนได้...


ภาพความทรงจำเก่าๆ ที่หลั่งไหลเข้ามาทำให้ผมยันตัวเองลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วพาตัวเองไปที่หน้าต่าง ภาพตรงหน้าคือทุ่งหญ้ากว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา หญ้าทุกใบเขียวขจีสมเป็นฤดูร้อน สายลมเอื่อยๆ ที่พัดมาปะทะหน้าทำให้ใจของผมเต้นช้าลงเรื่อยๆ


ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะไม่พูดประโยคนั้นออกมาเลย


หลังจากที่บอกทุกคนว่าไม่เจ็บเลย ผมก็ถูกส่งไปตรวจอะไรไม่รู้มากมาย รู้ตัวอีกทีผมก็กลายเป็นตัวประหลาดที่ต้องไปพบแพทย์ทุกสัปดาห์


รู้ตัวอีกที ทุกอย่างมันก็เปลี่ยนไปหมด


 อยากหนี อยากหนีไปไกลๆ ไปยังที่ๆ ผมจะใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุข


ไปยังที่ๆ ผมจะกลายเป็นคนธรรมดา


อยาก...อยากเป็นคนธรรมดา


น่าแปลกที่พอคิดได้แบบนั้นแล้วร่างกายมันก็ขยับไปเอง รู้ตัวอีกทีผมก็มายืนอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้ากว้างเสียแล้ว


ท้องฟ้าสีฟ้าสดใสมีเมฆปุยขาวๆ ลอยเอื่อยๆ ตัดกับทุ่งหญ้าสีเขียวขจีที่มีฝูงแกะวิ่งอยู่ไกลๆ


ผมน่ะ เหมาะกับโลกที่มีท้องฟ้าสีฟ้านี่จริงๆ เหรอ


“นี่ เธอน่ะ” เสียงของใครบางคนร้องเรียก มันไม่คุ้นเคยเสียจนผมต้องหันไปมอง แล้วก็ได้พบกับความจริงที่ว่าคนๆ นั้นเป็นเพียงคนธรรมดา


เป็นชายหนุ่มผิวแทนร่างกำยำอย่างคนใช้แรงงานในเสื้อลายสก๊อต กางเกงยีนส์สีซีดและหมวกปีกกว้างสีน้ำตาล


ดีจัง ชีวิตที่ได้โลดแล่นไปบนเส้นทางไหนก็ได้มันดีจริงๆ


“อย่าไปยืนตรงนั้นสิ เดี๋ยวเขาจะพาแกะมากินหญ้ากัน จะโดนแกะเหยียบเอานะ” เสียงทุ้มต่ำนั้นพูดกลั้วหัวเราะ เขาดูเป็นคนอารมณ์ดีและสดใสเหลือเกิน


เป็นคนที่เหมาะกับท้องฟ้าสีฟ้าที่มีเมฆปุยขาวๆ ลอยอยู่เหลือเกิน


“ขอโทษที”


“ขอโทษทำไม เรื่องเล็กน้อยน่า”


อีกแล้ว เขาหัวเราะอีกแล้ว แต่คราวนี้ไม่หัวเราะเปล่า เขาเดินเข้ามาหาผมด้วย


“มาจากไหนล่ะเรา ทำงานอยู่ในโรงพยาบาลเหรอ”


ผมส่ายหน้า “แค่มาอยู่สักพักน่ะครับ เดี๋ยวเปิดเทอมก็กลับแล้ว”


“เปิดเทอมเหรอ” เขาเลิกคิ้ว “นี่นายเป็นเด็กไฮสคูลเหรอ”


“เปล่า” ผมปฏิเสธ “เป็นเด็กมหา’ลัยน่ะ”


“เห” ใบหน้าคร้ามแดดฉีกยิ้มล้อเลียน “มิน่าล่ะ นายดูไม่เหมือนคนแถวนี้เลย”


ผมยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจนัก “การที่ผมไม่ได้มีสำเนียงแบบคุณไม่ได้แปลว่าผมจะไม่ใช่คนแถวนี้นี่นา”


เขาหัวเราะอีกแล้ว


ทำไมถึงดูมีความสุขได้มากขนาดนี้นะ


“สำเนียงนั่นล่ะที่ฟ้อง ฟังยังไงก็คนสกอตแลนด์ มาจากเมืองไหนล่ะ”


“ผมต้องบอกเหรอ”


คำถามของผมทำให้เขาชะงักค้างกลางอากาศก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดัง “ให้ตายสิ ฉันชอบนายชะมัด”


ชอบผมเหรอ


แปลกชะมัด


“ถ้าชอบผมก็ไปแอตแลนติสด้วยกันสิ” ผมพูดประโยคเดิมออกไปเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ถ้าให้เดา เขาก็คงตอบเหมือนคนอื่นๆ อยู่ดี...


“เอาสิ ไปวันไหนล่ะ”


คำตอบนั้นทำให้ผมต้องหันขวับไปมอง


แปลก แปลกเกินไปแล้ว


“เอาจริงเหรอ”


เขายักไหล่ “ถ้าให้พูดตามตรง ฉันก็เบื่อท้องฟ้าสีฟ้านี่เต็มทนแล้ว ได้ไปเมืองที่มีท้องฟ้าเป็นน้ำบ้างก็คงจะดี”


แปลก


เป็นคนแปลกจริงๆ ด้วย




[To be continued]



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-12-2017 22:50:14 โดย PTK »

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
Re: -My Atlantis- [เรื่องสั้น] (24/12/60)
«ตอบ #2 เมื่อ24-12-2017 22:04:06 »

ติดตาม

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
Re: -My Atlantis- [เรื่องสั้น] (24/12/60)
«ตอบ #3 เมื่อ24-12-2017 22:34:10 »

หืมมมมมม ยังไม่จบใช่ไหมคะ 555555
น่าติดตามาก อ่านช่วงแรกเอาแล้วเป็นโรคซึมเศร้าไหมว้า แต่จริงๆน้องคงแค่เหงา ลุ้นให้พ่อหนุ่มฟาร์มพาน้องไปแอตแลนติสให้ได้นะ  o13

ออฟไลน์ PTK

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: -My Atlantis- [เรื่องสั้น] (24/12/60)
«ตอบ #4 เมื่อ26-12-2017 00:23:20 »

ชีวิตของเราแล้ว สุดท้ายมีอยู่ไปเพื่ออะไรกัน


ผมเชื่อว่าทุกคนต้องเคยถามคำถามนี้กับตัวเองปีละหน หรืออย่างเลวร้ายที่สุดก็คงสักครั้งหนึ่งในชีวิต


สักครั้งหนึ่งในชีวิตที่เราจะหยุดเดินแล้วถามตัวเองว่า การคงอยู่ของเรามีไปเพื่ออะไรกัน


นั่นสิ...คนเรามีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไรกัน


“เห กินเก่งผิดคาดนี่นา เห็นตัวผอมกะหร่องแบบนี้ก็กินจุใช่ย่อยเลยนะ” เสียงร้องทักอย่างร่าเริงนั้นทำให้ผมต้องหันไปมอง “ก็แค่หิว”


ผมตอบออกไปแค่นั้น ใจจริงไม่ได้อยากเสวนาพาทีกับเขาสักเท่าไหร่ แต่เมื่ออีกฝ่ายออกปากว่าอยากไปแอตแลนติสกับผม หัวใจมันก็พองโตขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ


พอได้ยินว่ามีคนเห็นดีเห็นงามด้วย หัวใจมันก็เผลอยอมรับให้อีกฝ่ายเป็นพวกเดียวกันขึ้นมาเสียอย่างนั้น แล้วพอเกิดความรู้สึกเป็นพวกเดียวกัน ผมก็เลยเผลอไว้ใจเขาจนตามมานั่งที่ร้านอาหารกึ่งบาร์สไตล์คาวบอยซอมซ่อในตัวหมู่บ้านกับเขาเสียอย่างนั้น


หมู่บ้านเล็กๆ ในเทศมณฑลยอร์กเชอร์ของอังกฤษ ห่างออกไปประมาณสิบไมล์จะเป็นเมืองชายฝั่งติดทะเล


ทะเลเหรอ


ผมเหลือบมองคนนั่งตรงข้ามที่กำลังง่วนอยู่กับการกินสเต๊กเนื้อจานใหญ่เท่าหน้าด้วยความเอร็ดอร่อย


“ถ้าชอบผมก็ไปแอตแลนติสด้วยกันสิ”


“เอาสิ ไปวันไหนล่ะ”


“เอาจริงเหรอ”


 “ถ้าให้พูดตามตรง ฉันก็เบื่อท้องฟ้าสีฟ้านี่เต็มทนแล้ว ได้ไปเมืองที่มีท้องฟ้าเป็นน้ำบ้างก็คงจะดี”


พอหวนไปคิดถึงบทสนทนาเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนก็สรุปได้ว่าคนตรงหน้าเป็นคนแปลก จริงๆ เสียด้วย


เพราะแปลกนี่ล่ะถึงได้รู้สึกว่าเป็นคนพวกเดียวกัน


ความคิดยึดติดการเป็นพวกเดียวกันเป็นสัญชาตญาณที่ฟังแน่นอยู่ในดีเอ็นเอของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดอยู่แล้ว มนุษย์ทุกคน...สัตว์ทุกตัว มีแนวโน้มที่จะยอมรับคนที่เหมือนตัวเองได้มากกว่าคนที่แตกต่าง สังเกตอย่างง่ายก็คงจะเป็นการรวมกลุ่ม ถ้าพูดให้เข้าใจยากก็คงเป็นการรวมกลุ่มในสังคมมนุษย์ อาจจะต้องพูดเหมารวมไปถึงความเป็นชาติ สถาบัน ขนบธรรมเนียม ศาสนา จารีตประเพณี หรืออะไรทำนองนั้น


น่าเบื่อเป็นบ้า


สิ่งมีชีวิตนี่น่าเบื่อเป็นบ้า


“อะไรกัน ดูทำหน้าเขา ชีวิตมันเศร้านักรึไง” คำแซ็วนั้นทำให้ผมส่งเสียง ‘ฮึ’ ออกไปโดยอัตโนมัติ


“ไม่ได้เศร้า” ผมกระตุกยิ้มมุมปาก “แต่เบื่อ”


ผมเห็นเขากลอกตาไปมา ซ้ายทีขวาที แถมยังยกยิ้มแปลกๆ ดูน่ารำคาญชะมัด


“ทำไม” ผมยกแก้วบรรจุของเหลวสีเหลืองอำพันขึ้นดื่มไปอึกหนึ่ง “หน้าคุณเหมือนมีอะไรอยากจะพูดกับผมอย่างนั้นล่ะ”


เป็นอีกครั้งที่ชายคนนั้นหัวเราะ


“ก็เปล่า แค่สงสัยว่าทำไมคนอายุอย่างนายถึงได้ดูเบื่อโลกนัก”


“เหรอ” ผมตอบรับสั้นๆ แล้วเบนสายตาหันไปมองด้านนอกหน้าต่าง ภาพถนนเส้นเล็กที่มีรถสัญจรไปมาปรากฏในสายตา


ไปแล้วก็มา มาแล้วก็ไป


“พูดอย่างกับตัวเองไม่เบื่อชีวิตอย่างนั้นล่ะ”


เขาหัวเราะอีกแล้ว


“ก็นะ”


ผมดึงสายตากลับมาจากด้านนอกแล้วหันไปมองเขา “ก็นะอะไร”


ไหล่กำยำเคลื่อนขึ้นก่อนจะปล่อยลง “ไม่รู้สิ บางทีฉันก็คิดว่าชีวิตที่เป็นอยู่ตอนนี้มันน่าเบื่อ”


ผมขมวดคิ้ว


เป็นคนธรรมดามันน่าเบื่อตรงไหนกัน


“ยังไง”


“นี่...” เขาหยุดจิ้มเนื้อชิ้นพอดีคำเข้าปาก “ถามเรื่องของคนอื่นแต่ไม่บอกเรื่องของตัวเองมันเสียมารยาทนะ” เขาว่ายิ้มๆ


ให้ตายสิ


“เอ้า กลอกตาเข้าไป กลอกจนกว่าตาจะค้างอยู่ข้างบนนั่นล่ะ” เขาว่าพลางยัดเฟรนช์ฟรายส์เข้าไปอีก


“เฮ้อ”


“นี่ถอนหายใจใส่ฉันเหรอ”


“ก็คงถอนให้น้องวัวที่นอนตายอยู่ในจานคุณล่ะมั้ง”


แทนที่เขาจะโกรธ ใบหน้าคร้ามแดดนั้นกลับหัวเราะร่า “ฉันชอบนายจริงๆ ด้วยสิ”


คนๆ นี้นี่มัน แปลกประหลาดเสียจริง


“ครับ จะชอบก็ชอบเสียให้พอ เพราะหลังจากนี้คุณอาจจะเกลียดผมก็ได้”


“เหรอ” เขาจิ้มมะเขือเทศในจานแล้วส่งมันเข้าปาก “ฉันไม่คิดอย่างนั้นหรอกนะ”


ผมไม่ตอบ แต่เลือกที่จะก้มลงจัดการสเต๊กปลาในจานให้เรียบร้อยแทน บรรยากาศบนโต๊ะอาหารกลับเข้าสู่ความเงียบเหงาเศร้าซึมอีกครั้ง แต่มันก็ไม่ได้อึดอัด


ไม่รู้สิ ผมว่าผมไม่ได้อึดอัด


“ฉันเป็นคนที่เกิดที่ลิเวอร์พูล แต่ย้ายมาอยู่ที่เมืองนี้ตอนห้าขวบ” อีกฝ่ายเริ่มพูดขึ้น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาผมเป็นการกดดันกลายๆ


น่ารำคาญชะมัด


“ผมเกิดและโตที่สเตอร์ลิง”


ผมเห็นเขาอมยิ้ม “ครอบครัวฉันทำฟาร์มปศุสัตว์เป็นหลัก แต่ก็ไม่ได้รวยอะไร”


มีดโลหะในมือของเขาสะท้อนใบหน้าของผม


“เหรอ แต่ผมรวย”


อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมามองด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์นัก แต่นั่นล่ะที่ผมต้องการ


“พ่อเป็นวิศวกร ส่วนแม่เป็นดีไซเนอร์” ผมกระดกเบียร์ในมือลงคออย่างไม่รีบร้อน “มีบ้านอยู่ในย่านเคนซิงตัลพาเลซการ์เดนในลอนดอนด้วยนะ”


“พับผ่าสิ ฉันเริ่มจะเกลียดนายแล้ว”


คำพูดของเขาทำให้ผมหัวเราะร่วน


หัวเราะหลังจากที่ไม่ได้หัวเราะมาเสียนาน


“แต่ผมว่าผมเริ่มชอบคุณแล้วล่ะ”


แล้วเขาก็เงยหน้าขึ้นมอง


มอง—มอง—มอง มองผมอยู่อย่างนั้นก่อนจะคลี่ยิ้มกว้าง


เป็นรอยยิ้มที่ไม่เคยเห็นมาก่อน มันเป็นรอยยิ้มที่จะบอกว่าสุขใจก็ไม่ใช่ ดีใจก็ไม่เชิง มันเหมือนกับ...


...เหมือนกับรอยยิ้มของคนที่มีความเศร้าอยู่ในหัวใจ...


“อืม ฉันเองก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน”


อ๋อ อย่างนี้นี่เอง


เพราะเราเศร้าเหมือนกันนี่เอง เราเลยชอบกันและกัน


เพราะเราเป็นพวกเดียวกันนี่เอง


...เพราะเราเป็นชาวแอตแลนติสเหมือนกันนี่เอง...




[To be continued]





ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Re: -My Atlantis- [เรื่องสั้น] (26/12/60)
«ตอบ #5 เมื่อ30-12-2017 03:57:01 »

 :z10: :z10:

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
Re: -My Atlantis- [เรื่องสั้น] (26/12/60)
«ตอบ #6 เมื่อ30-12-2017 22:50:04 »

โอ้ น่าสนใจ เฮลโล่ชาวแอตแลนติส---
รออ่านต่อน้าาา

ออฟไลน์ PTK

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: -My Atlantis- [เรื่องสั้น] (26/12/60)
«ตอบ #7 เมื่อ30-12-2017 23:49:15 »

กลิ่นเค็มที่ถูกพัดพามาปะทะตรงปลายจมูกทำให้ผมต้องย่นหน้าหนีอยู่หลายครั้ง ถึงปากจะบอกว่าอยากไปแอตแลนติส แต่พอมาอยู่ต่อหน้าผืนน้ำสีฟ้ากว้างใหญ่นี่จริงๆ กลับรู้สึกกลัวพิกล


ผืนน้ำสีฟ้านี้กว้างเกินไป...ใหญ่เกินไป


...ถ้าตกลงไปจะต้องถูกลืมแน่...


“ฉันน่ะชอบทะเล” เสียงทุ้มต่ำนั้นดังมาจากคนข้างๆ ตัว


ผมไม่ได้ตอบ สายตาของผมเอาแต่จดจ่ออยู่กับบางสิ่งที่อยู่ไปไกลแสนไกล


“แค่คิดว่าจะได้ทิ้งทุกอย่างบนบ่าแล้วหนีไปแอตแลนติส หัวใจก็ตื้นตันจะแย่แล้ว” น้ำเสียงของเขาฟังดูตื้นตันอย่างที่พูด


ทิ้ง...ทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเลยเหรอ


ตัวผมน่ะ...อยากทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเลยเหรอ


“ฉันไม่มีภาระอะไรแล้ว ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ เหลือตัวคนเดียว” ช่างเป็นคำพูดที่ฟังดูอ่อนล้า ถ้อยคำพึมพำที่ออกจากปากของอีกคนนั้นแผ่วเบาราวกับจะถูกสายลมพัดพาหายไป


คนเรา...เศร้าโศกได้มากที่สุดขนาดไหนกันนะ


“แต่ผมน่ะเหลือเต็มเลย” ผมพูดออกไปทั้งๆ ที่ไม่ได้หันไปมอง


ใบหน้าผมตั้งตรง ไม่แสดงสีหน้าใดๆ ออกมา ทำเพียงทอดสายตามองความเวิ้งว้างเบื้องหน้าอย่างเงียบเชียบ


“เหรอ” เขาพูด “งั้นนายจะอยากไปแอตแลนติสทำไมกัน”


เสียงคลื่นกระทบโขดหินโสโครกตรงเชิงผานั้นน่าหนวกหู


“เพราะผมอยากเป็นคนธรรมดา”


เสียงนกนางนวลกู่ร้องเรียกกันนั้นน่ารำคาญ


“เพราะเวลาเป็นคนไม่ธรรมดาแล้วมันน่าเบื่อ”


เขาเงียบไปแต่เสียงอื่นไม่ได้เงียบตาม นกนางนวลยังกู่ร้อง คลื่นลูกใหญ่ยังสาดซัดเข้าฝั่งไม่รู้จบสิ้น


อ๋อ...มันเป็นอย่างนี้นี่เอง...


“ผมเบื่อกับทุกอย่างที่เป็นอยู่แล้วอยากหนีไปแอตแลนติสซะ” ผมหันไปมองหน้าเขาจึงได้พบว่านัยน์ตาคู่คมทอดมองมาที่ผมอยู่ก่อนแล้ว “แต่ผมยังไม่อยากทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง”


เขาขมวดคิ้ว ให้เดา เขาคงไม่เข้าใจผมนักหรอก เพราะแบบนั้นผมเลยต้องสบตาเขาให้ลึกเข้าไปอีก


...ลึก...ลึกลงไปเรื่อยๆ ...


“ผมยังไม่อยากทิ้งตัวตนของตัวเองไป ผมยังไม่อยากถูกลืม”


แล้วเขาก็เงียบไป มีเพียงเสียงลมหายใจเบาๆ เคล้าคลอไปกับเสียงคลื่นและลม


“ข้างบนนี้ ต่อให้เราหายไปก็ไม่กระทบกับอะไรหรอกนะ ต่อให้คุณหรือผมกระโดดลงไปหาแอตแลนติสตอนนี้ นกนางนวลบ้าพวกนั้นก็ไม่หยุดร้องอยู่ดี”


หาดทรายสีขาว ผืนน้ำกว้างใหญ่ ข้างล่างนั้นมีแอตแลนติส แต่ข้างล่างนั้นไม่มีตัวตนของเรา ข้างบนนี้ต่อให้ตัวตนของเราหายไปก็ไม่มีอะไรได้รับผลกระทบ


“ผมไม่กลัวความตาย” ผมมองสบเข้าไปในตาคู่สวยที่เริ่มชื้นแฉะ “แต่ผมรับไม่ได้ถ้าต้องถูกลืม”


เราหายไป คนจดจำได้เพียงชั่วครู่ วันหนึ่งคนจะลืม เมื่อคนลืม ตัวตนของเราจะถูกทิ้งลงสู่แอตแลนติส


ลึกลงไปใต้ผืนน้ำสีครามคือที่อยู่ของเมืองที่สูญหาย


ลึกลงไปในใจของเราทุกคนมีแอตแลนติส


เมื่อเวลาผ่านไป เราทุกคนจะถูกฝังกลบลงในแอตแลนติส ไม่ใช่แอตแลนติสใต้ผืนน้ำ ก็เป็นแอตแลนติสในใจใครสักคน มาวันนี้เองถึงเพิ่งจะเข้าใจ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเอาแต่ไขว้คว้าสิ่งที่เป็นไปไม่ได้จนอยากหนีโลกแห่งความจริงไปให้พ้นๆ แต่พอได้มาเจอคนแบบเดียวกันถึงได้รู้ว่าแอตแลนติสมันไปยากกว่าที่คิด


ถ้าขี้ขลาดก็ไม่กล้ากระโดดลงไปใต้ผืนน้ำ


ถ้าขี้ขลาดก็จะกลัวการถูกลืม


...ผมเป็นคนขี้ขลาด...


“นายมันใจเสาะ” เขาปรามาส “ปากบอกว่าไม่อยากอยู่แต่จริงๆ แล้วชีวิตนายมันดีจะแย่ จะอยู่หรือตายนายก็ไม่สนอยู่แล้ว”


“ผิดแล้วล่ะ” ผมแย้ง


นัยน์ตาของเขาคลอไปด้วยน้ำใสจนน่าสงสาร แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังจ้องเข้าไป


“ผมแค่ขี้ขลาด”


เราสบตากันนิ่งอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งได้ยินเสียงเรือจากไหนไม่รู้แล่นผ่านมาอยู่ใกล้ๆ


“ผมกลัวการถูกลืม ผมอยากไปแอตแลนติส แต่ผมกลัวการถูกฝังกลบลงในแอตแลนติส”


ต่อให้เราทุกคนต้องถูกฝังกลบลงในแอตแลนติสโดยไม่อาจโต้แย้ง ผมก็ยังกลัว


ถ้าถูกลืม...ถ้าตัวตนหายไป ชีวิตคงเศร้าน่าดู


“นายกลัวเพราะนายมีคนที่รักนายยังไงล่ะ” 


น่าเสียดายที่เขาไม่ได้คิดอย่างผม


“แต่ฉัน...ฉันไม่เหลือใครแล้ว จะไปตอนไหนมันก็ไม่สำคัญ จะถูกลืมหรืออะไรมันก็ไม่สำคัญทั้งนั้น...”


“สำคัญสิครับ” ผมแย้ง “ไม่ควรมีใครบนโลกนี้ที่ถูกลืม”


“เหรอ” เขาหัวเราะเย้ยหยันแล้วสะบัดหน้าหนี “ใครจะสนใจล่ะถ้าคนๆ นั้นไม่ใช่คนสำคัญของตัวเอง”


“ผมไง”


ไม่รู้ทำไมถึงพูดออกไปแบบนั้น ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่ได้มีชีวิตที่ดีนักหนาแท้ๆ แต่ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างเขาต้องไปแน่


...ผู้ชายคนนี้ต้องหนีไปแอตแลนติสคนเดียวแน่...


ใบหน้าคร้ามแดดหันมามองผมด้วยสีหน้าแปลกๆ “ทำไมถึงเป็นห่วงฉันนัก”


นั่นน่ะสิ...


ผมยักไหล่ “ไม่รู้”


“แปลกชะมัด”


ใช่ แปลกชะมัด


ทุกอย่างมันเริ่มจากเขานั่นล่ะ เขาเริ่มแปลกก่อน หลังจากนั้นผมจึงแปลกตาม


เรามันก็แค่คนแปลกๆ ที่ไม่มีใครเข้าใจแล้วบังเอิญมาอยู่ด้วยกันก็เท่านั้นเอง...


...


อ๋อ...อย่างนี้นี่เอง...


“ก็แปลกทั้งคู่นั่นล่ะ”


ก็เพราะว่าเหมือนกัน...เพราะเป็นชาวแอตแลนติสเหมือนกัน


เพราะเป็นคนที่ไขว้คว้าหาที่ๆ จะได้เป็นตัวของตัวเองเหมือนๆ กัน


...เพราะเป็นคนที่ไม่พอใจกับตัวตนของตัวเองในตอนนี้เหมือนกันนี่เอง...


“คุณไม่ต้องไปไหนหรอก” ผมเอื้อมมือไปคว้ามือเขาไว้ข้างนึง “รอไปพร้อมกัน”


เขาก้มมองมือแล้วก็เงยหน้าขึ้นมามองผม ทำสลับกันอยู่อย่างนั้นสองสามรอบอย่างน่าขบขัน


“เมื่อไหร่” เขาถาม


“ไม่รู้” นั่นล่ะคำตอบผม


เขาเงียบไป ผมเงียบไป พวกเราเงียบใส่กันแล้วเงี่ยหูฟังเสียงคลื่นซ่าๆ รำคาญหู


ปล่อยให้หูได้ฟังเสียงลมหวีดหวิวเหนือยอดสนริมทะเล


ปล่อยให้ใจได้หยุดพักจากเรื่องปวดหัวที่ต้องคิดมาตลอดทั้งชีวิต


ปล่อย...ให้ถามตัวเองว่าอยากไปแอนแลนติสจริงๆ หรือเปล่า


เราอยากไปแอตแลนติสเพราะเราเป็นชาวแอตแลนติส หรือเราอยากไปแอตแลนติสเพราะเราเบื่อโลกที่มีท้องฟ้าสีฟ้ากันแน่


เราโหยหาแอตแลนติสเพราะอะไรกันแน่


“ผมอยากไปแอตแลนติสเพราะชีวิตผมมันน่าเบื่อ” ผมเริ่ม “ผมเป็นคนที่เกิดมามีพันธุกรรมพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นความเจ็บปวดทางร่างกายมากแค่ไหนก็ไม่รู้สึกทั้งนั้น”


“ภาวะไร้ความเจ็บปวดสินะ”


ผมพยักหน้า “ครับ มันแย่มากเลย พวกเขาต้องการวิจัยยีนของผม ทุกคนต้องการยีนของผม พวกเขามองผมเป็นไอ้ตัวที่มีประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ” ผมหันไปมองหน้าเขา “ไม่ใช่นิโคลัส แอนเดอร์สัน ไม่ใช่ตัวผม พวกมันมองผมเหมือนหนูทดลอง”


เขายักไหล่อย่างไม่รู้สึกรู้สา “เป็นฉันก็คงคิดแบบนั้นเหมือนกัน”


“ขอบใจ”


“ไม่เป็นไร”


“ผมประชด”


“เหรอ” เขาพูดสั้นๆ แล้วทอดตามองออกไปยังทะเลเบื้องหน้า


แต่เขายังไม่ยอมปล่อย...มือของเรายังเกาะเกี่ยวกันไว้ไม่ห่าง


“ฉันน่ะเรียนจบแค่ไฮสคูล พอจบมาก็มาช่วยที่บ้านทำงาน พ่อเป็นพวกเมาแล้วอาละวาด แม่ก็ติดยา วันนึงแม่ก็ตายเพราะเล่นยาเกินขนาด คราวนี้พ่อก็ยิ่งเมาเลาะ ไม่นานนักก็หัวใจวายตาย ชีวิตฉันมันแย่”


ผมบีบมือเขาแน่นขึ้นหน่อย


“ขอบใจสำหรับกำลังใจ ไม่ค่อยมีใครให้ฉันนักหรอก ทุกคนมองฉันเหลือเดนทั้งนั้น”


“ถ้าเราเจอกันก่อนหน้านี้ผมก็จะมองว่าคุณเหลือเดนจริงๆ นั่นล่ะ”


เขาขมวดคิ้วยุ่งทั้งๆ ที่ปากฉีกยิ้มกว้าง “นายนี่มันเหลือเกินจริงๆ เลย”


แล้วพวกเราก็หัวเราะ...หัวเราะคลอไปกับเสียงคลื่นซ่าๆ


“แล้วคุณอยากเรียนต่อมหาวิทยาลัยไหม”


เขายิ้ม เป็นครั้งแรกที่นัยน์ตาของเขาเป็นประกาย “อยากสิ ใครๆ ก็อยากทั้งนั้นถ้ามีโอกาส”


“เหรอ” ผมรับคำ “งั้นก็ไปเรียนสิ เดี๋ยวผมส่งเสียให้”


“ฮะ?”


ผมมองหน้าหมางงของเขาแล้วส่ายหัวช้าๆ “เข้าใจอะไรยากแบบนี้จะเรียนได้ไหมเนี่ย”


“นายบอกว่าจะส่งเสียฉัน?”


ผมพยักหน้า “ก็ใช่”


“ทำไม” คิ้วขมวดยุ่งบนใบหน้าแทนนั้นทำให้ผมหัวเราะ


“ก็เอามาเฝ้าไว้ใกล้ๆ ตัวไง”


เราสบตากัน นัยน์ตาของเขาวูบไหว


“จะได้ไม่แอบหนีไปแอตแลนติสคนเดียว”


จะได้ไม่มีใครถูกฝังกลบลงไปในแอตแลนติสเพียงลำพัง


“นายมันบ้า” เขาว่าผมทั้งที่ยิ้ม “เป็นเด็กบ้า”


“ถึงผมบ้า ผมก็มีเงินแล้วกัน”


“ก็ไม่ได้บอกว่าไม่จริงนี่”


แล้วพวกเราก็หัวเราะออกมาพร้อมกันอีกครั้ง


แอตแลนติสเป็นสถานที่ที่สาบสูญและเข้าใจยาก หลายครั้งหลายครามันก็เย้ายวนชวนให้เข้าไป แต่เมื่อตระหนักถึงความจริงได้ว่า ขนาดตัวแอตแลนติสเองยังไม่สามารถกลับมามีชีวิตได้ นับประสาอะไรกับชาวแอตแลนติสอย่างพวกเรา


หากนครของพวกเราคือสิ่งที่สาบสูญและน่าค้นหา พวกเราก็คือกลุ่มคนที่ถูกลืมไว้ที่ไหนสักแห่งบนโลกใบนี้


สูญหาย ว่างเปล่า และวันนึงคงถูกลืมเหมือนอย่างที่แอตแลนติสกำลังค่อยๆ หายไป


...ทีละเล็กทีละน้อย วันหนึ่งก็เหลือเพียงแค่เรื่องเล่าที่เป็นตำนาน...


หากเราตัดสินใจกลับไปยังแอตแลนติส ชีวิตของเราก็คงไม่ต่างจากนครของเรา


สักวันนึงก็จะถูกลืมเลือนว่าเคยมีอยู่จริง


แต่ถ้าเราเลือกที่จะมีชีวิตอยู่ต่อบนโลกใบนี้...


ใบหน้าคมเข้มที่กำลังพูดเล่าเรื่องราวบางอย่างให้ผมฟังดูมีความสุขขึ้นมาก ประกายวาบวับในตาที่ไม่ได้เห็นมาตลอดวัน จู่ๆ ก็ทอแสงออกมาอย่างไม่มีเหตุผล


เหรอ...การพบกับคนแปลกหน้าหนึ่งคนทำให้เขาเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยเหรอ


....


อ่า...นั่นสินะ ผมเองก็เปลี่ยนไปเหมือนกัน


จู่ๆ ก็รู้สึกว่าน้ำตรงหน้ามันไม่น่ากระโดดลงไปเลยสักนิด


จู่ๆ ก็รู้สึกว่าท้องฟ้าสีฟ้ามันก็ไม่ได้แย่อะไร


...อยู่ดีๆ ก็รู้สึกว่าการเป็นแบบนี้มันก็ไม่ได้แย่อะไร...


“ฉันน่ะนะ อยากจะเรียนด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเลมากๆ เลยล่ะ อาจจะเพราะอยากไปแอตแลนติสมาตลอดล่ะมั้ง” เขาพูดกลั้วหัวเราะ


เขาหัวเราะ...ผมเลยหัวเราะ


“นั่นสินะครับ ถ้าได้เรียนจริงๆ ต้องดีแน่”


ต้องดีแน่


วันที่ไม่ต้องไปแอตแลนติสเพียงลำพัง...ต้องดีแน่ๆ









[The End]




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-12-2017 00:06:03 โดย PTK »

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Re: -My Atlantis- [เรื่องสั้น] [จบ]
«ตอบ #8 เมื่อ03-01-2018 15:34:02 »

ประทับใจจัง...


ชอบมากๆเลยค่ะทั้งการบรรยาย การอุปมา การวางเรื่องดีไปหมดเลย หรือเราอาจชอบเพราะเราก็เป็นชาวแอตแลนติสเหมือนกันก็ได้เนอะ ^^

ออฟไลน์ nittanid33333

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: -My Atlantis- [เรื่องสั้น] [จบ]
«ตอบ #9 เมื่อ03-01-2018 18:06:21 »

การเจอกันครั้งนี้มันดีแล้วจริงๆ   :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: -My Atlantis- [เรื่องสั้น] [จบ]
« ตอบ #9 เมื่อ: 03-01-2018 18:06:21 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
Re: -My Atlantis- [เรื่องสั้น] [จบ]
«ตอบ #10 เมื่อ07-01-2018 03:39:23 »

 :pig4:

ออฟไลน์ Nefrit

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: -My Atlantis- [เรื่องสั้น] [จบ]
«ตอบ #11 เมื่อ30-06-2018 07:47:57 »

อย่างนี้นี่เอง การได้เจอคนที่เหมือนๆกัน จะทำให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้นผ่านทางเค้าคนนั้น
ดีใจด้วยที่ได้เจอชาวแอตแลนติสด้วยกัน :mc2:

ออฟไลน์ patompong888

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: -My Atlantis- [เรื่องสั้น] [จบ]
«ตอบ #12 เมื่อ21-07-2018 14:48:27 »



  :pig4: :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด