ตอนที่ 19ผมตัดสินใจกลับบ้านพร้อมพี่ปั้น ในเมื่อคนที่อยากกลับด้วยเขาไม่อยู่ และไม่ได้ฝากข้อความอะไรถึงผมเลย
จะรอเพื่ออะไรล่ะครับ
ผมนั่งเงียบมาตลอดทาง มีแต่เสียงพี่ปั้นคุยโทรศัพท์กับพี่สนิม
“ปุ่นรู้แล้วใช่ไหมว่าเลือดที่ส่งมากับดอกกุหลาบเป็นเลือดคน”
“ทราบแล้วครับ”
“เรารู้แต่กรุ๊ปเลือด ตรวจสอบไม่ได้ว่าเป็นของใครนอกจากจะมีตัวอย่างเปรียบเทียบ”
“ครับ”
“ปุ่น” เสียงพี่ปั้นถอนใจยาว ผมพอจะรู้ว่าพี่ปั้นกำลังคิดถึงเรื่องอะไรอยู่
“เรื่องที่พี่คิดมันถูกต้องใช่ไหม” พี่ปั้นคงยังทำใจไม่ได้ถึงไม่เอ่ยออกมาตรงๆ
“ครับ”
“นานแค่ไหนแล้ว ตั้งแต่เมื่อไหร่”
ผมส่ายหน้าไปมา
“น้องก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ไม่ใช่ตั้งแต่แรกแต่ก็น่าจะนานแล้ว หรืออาจจะตอนไปภูเก็ต”
ผมพูดวกไปวนมา ตัวเองยังลำดับความคิดไม่ถูกหวังาว่าพี่ปั้นจะเข้าใจ
“เป็นไปได้ไหมว่าเพราะปุ่นชื่นชมหรือใกล้ชิดคุณสิทธวีร์มากไป ปุ่นไม่เคยออกจากบ้านไปไหน
เรียนจบก็ทำงานกับพี่ ไม่มีเพื่อนใหม่ๆ แค่เข้าใจผิดหรือเปล่า”
ผมเข้าใจนะครับว่าพี่ปั้นคงยังมีความหวังอยู่เล็กๆ ว่ามันอาจไม่ใช่เรื่องจริง ผมไม่อยากดับความหวังพี่ปั้น
แต่มาถึงขั้นนี้แล้วเอาความจริงคุยกันดีกว่า ผมไม่อยากปิดบังอะไรพี่ปั้นอีก เพราะทั้งชีวิตก็ไม่เคยทำมาก่อน
“ไม่ผิดหรอกพี่ปั้นน้องไม่ได้ชอบแบบหลงดารา ถ้าแค่นั้นน้องคงไม่ปวดใจอยู่แบบนี้”
“ปวดใจ?” พี่ปั้นดูตกใจไม่น้อย รถถึงกับกระตุก
“ครับ” ผมเสมองไปนอกหน้าต่างรถ ไม่กล้ามองหน้าพี่ชาย
“เรื่องดาราคนนั้นเหรอ”
“ครับ”
“แล้วคุณสิทธวีร์เขาคิดยังไงกับปุ่น”
“คิด..คิดอะไรล่ะครับ ไม่ได้คิดอะไรหรอก” ผมรีบปฏิเสธ ถึงในหัวจะเต็มไปด้วยภาพมากมาย
ภาพที่คุณวีร์เล่นหัวผม ภาพที่คอยโอบไหล่ ภาพที่คุณวีร์นอนกอดทุกคืน
“แต่พี่ว่า...”
“ช่างเถอะ แบบนี้ก็ดี”
Rrrrrrrrrrr
ผมยกโทรศัพท์ขึ้นดูเป็นคุณวีร์โทรเข้ามา ผมกำลังจะกดรับแต่พี่ปั้นพูดขึ้นเสียก่อน
“ใคร”
“คุณวีร์ครับ”
“ยังไม่ต้องรับจนกว่าพี่จะคุยกับปุ่นเสร็จ”
“แต่คุณวีร์เป็นเจ้านาย เผื่อมีเรื่องงานจะคุยกับผม”
“ช่างมัน ปุ่นไม่รับคนเดียวงานคงไม่เจ๊ง”
เสียงโทรศัพท์หยุดไปแล้ว แต่ครู่เดียวก็ดังขึ้นมาใหม่ และยังวนซ้ำอยู่อีกสองครั้ง
แต่ผมเห็นสีหน้าพี่ปั้นคิดว่าอย่าขอดีกว่า
“พี่ยังไม่รู้ว่าจะคุยอะไรกับปุ่น ไม่แน่ใจว่าควรห้ามอย่างที่พี่ต้องการ หรือปล่อยให้ปุ่นชอบคนที่ไม่ควรชอบ
ขอเวลาพี่คิดก่อน ถึงบ้านแล้วค่อยคุยกันต่อ
ผมพยักหน้า จับมือพี่ปั้นข้างที่ว่างขึ้นมาวางแปะบนหัว
น้องขอโทษครับ”
“ไม่ต้องขอโทษ ปุ่นไม่ผิดอะไร” พี่ปั้นลูบหัวผม รอยยิ้มที่ส่งมาอ่อนโยนเหมือนเคยแม้จะตามมาด้วยเสียงถอนใจยาว
ขอโทษนะครับพี่ชายที่ทำให้คิดมาก
“ปุ่นไม่เป็นเกย์ได้ไหมกลับใจเสีย”คำถามแรกหลังจากกลับเข้าบ้าน อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเรียบร้อย
ผมอ้าปากหวอไม่รู้ว่าจะตอบยังไง
“น้องไม่ได้เป็น”
“มันจะเรียกว่าไม่เป็นได้ยังไง ที่ปุ่นเป็นอยู่มันผิดธรรมชาติ”
“เพราะน้องชอบคุณวีร์ น้องเลยผิดปกติเหรอพี่ปั้น” ผมหงอยจนตัวอ่อน เหมือนไม่มีกระดูกประคองร่างไว้
“เฮ้ย!! พี่ไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น”
“ถ้าพี่ยอมรับว่าปุ่นเป็น แล้วขอให้ปุ่นหยุด ลาออกซะกลับมาทำงานที่บริษัทเหมือนเดิมปุ่นจะว่ายังไง”
ผมโล่งอกที่พี่ปั้นยังถามความคิดเห็น ไม่ได้ปิดประตูตายทันทีเหมือนที่ผมกลัว ถึงไม่มีท่าทีเห็นด้วยแต่อย่างน้อย
ยังให้โอกาสผมพูด
“ถ้าพี่ปั้นสั่งน้อง น้องก็จะทำ แต่ถ้าพี่ปั้นให้น้องตัดสินใจชีวิตเองได้ น้องอยากจะอยู่กับคุณวีร์ อยากอยู่ใกล้ๆ ได้เห็นหน้าก็ยังดี”
“ทำแบบนั้นปุ่นจะเจ็บ ตัดใจตั้งแต่วันนี้มันจะง่ายกว่า ถ้าปุ่นออกมาซะสักวันอาจเจอผู้หญิงที่ชอบ”
“ทำไมต้องรอให้สักวันนึงน้องได้เจอคนที่ชอบล่ะพี่ปั้น ในเมื่อตอนนนี้น้องเจอแล้ว”
“ปุ่น”
“น้องรักคุณวีร์จริงๆ ถึงมันจะเร็วถึงมันจะเป็นไปไม่ได้แต่มันก็เป็นไปแล้ว”
“คุณสิทธวีร์ไม่ใช่คนที่จะมารักกับปุ่นได้ง่ายๆ เขาเป็นถึงนักธุรกิจใหญ่มีหน้ามีตา วันนี้แค่ดาราคนเดียวปุ่นยังเจ็บปวด
ปล่อยนานกว่านี้ไม่ต้องช้ำจนหมดสภาพเหรอ”
“เอาไว้วันนั้นน้องจะมาขอกอดให้พี่ปั้นโอ๋นะครับ” ผมพยายามพูดให้ติดตลก แต่ไม่มีใครขำ
“พูดอย่างนี้ก็เหมือนบอกพี่ว่ายังไงก็ไม่ตัดใจสินะ” ผมก้มหน้า นี่เป็นเรื่องเศร้าของผมแต่ทำไมผมกลับรู้สึกสงสารพี่ปั้น
“เอาเถอะ ต้องโทษพี่กับพ่อที่เลี้ยงเรามาแบบนี้ เอาแต่ประคบประหงม เลี้ยงให้เป็นเด็กน้อยน่ารัก
พ่อชอบใจที่เราเป็นลูกแหง่ ชอบให้อ้อน อยากมีลูกสาว ตอนนี้เป็นไงถ้ารู้จะพูดไม่ออก”
“พี่ปั้นอย่าบอกพ่อนะครับ” ผมตกใจร้องเสียงหลง
“ยังไม่บอก แต่ยังไงวันนึงก็ต้องให้รู้ เอาไว้พี่แน่ใจก่อนว่าเราเปลี่ยนไปร้อยเปอร์เซ็นต์พี่จะช่วยพูดให้เอง”
“ขอบคุณครับ” ผมเข้าไปกอดพี่ชายเอาไว้แน่น
“เฮ้อ ตกลงยังไงก็จะไปอยู่กับเขาใช่ไหม” พี่ปั้นยกมือขึ้นกอดตอบผม ลูบหลังให้ผมเบาๆ
“ใช่ครับ ถ้าพี่ปั้นอนุญาต”
“ทำหน้าแบบนี้นี้พี่ไม่อนุญาตก็เท่ากับไม่รักเรา ปุ่นเอ๊ยถึงหุ่นเราจะไม่ไม่ใช่เด็กน้อยเหมือนเมื่อก่อน
แต่สำหรับพี่ยังไงเราก็เป็นน้องน้อยๆไม่มีวันเปลี่ยน
“พี่ปั้น” ผมเรียกพี่ชายคนเดียวของผม พี่ปั้นก็ยังเป็นพี่ที่พยายามเข้าใจผมเสมอ ไม่ว่าจะไม่เห็นด้วยหรือไม่ชอบใจแค่ไหน
“แต่พี่มีข้อแม้นึง ถ้าปุ่นยังอยากทำงานและกลับไปอยู่กับคุณวีร์”
“อะไรครับ” ผมถอยตัวออกมาจ้องหน้าพี่ปั้นด้วยความอยากรู้
“ห้ามบอกคุณวีร์ว่าพี่เป็นพี่ชายของปุ่น ปล่อยเอาไว้แบบนี้จนกว่าพี่จะอนุญาตถึงบอกได้”
“ทำไมล่ะครับ” ผมงงจริงๆ นะ
(ผมคิดๆ ไว้ว่าจะบอกคุณวีร์เรื่องที่พี่ปั้นเป็นพี่ชายผม จะปิดไว้แต่เรื่องบอดี้การ์ดอย่างเดียว)
“อย่าถามเชื่อพี่ พี่มีข้อแม้แค่นี้ ถ้าไม่เอาก็ไม่ต้องกลับไปทำ”
โธ่พูดแบบนี้ใครจะกล้าขัดล่ะครับ ถึงจะไม่เข้าใจความคิดพี่ชายตัวเองก็เถอะ
“ได้ครับผม ไม่บอกเด็ดขาดถ้าพี่ปั้นไม่อนุญาต”
“ดี”
Rrrrrrrrrrrrrrr
“โทรมาอีกแล้วเหรอ ส่งโทรศัพท์มาพี่จะรับสายเอง” ผมอิดออดแต่ก็ต้องส่งให้อยู่ดี
พี่ปั้นกดรับสายและกดเปิดสปีกเกอร์
“สวัสดีครับ”
“ใคร” เสียงที่ผมคุ้นเคยดังออกมาจากลำโพง
“ผมปั้น หรือพี่ปั้นของน้องปุ่น”
“ปุ่นอยู่ไหน บอกให้มารับสาย”
“คงไม่สะดวก ปุ่นเข้านอนแล้ว ผมเพิ่งกล่อมหลับไปสงสัยจะเหนื่อยเกิน”
ผมตาเหลือกพี่ปั้นเล่นแรงไปหรือเปล่า ผมพยายามจะแย่งโทรศัพท์คืนแต่พี่ปั้นเอามือยันผมเอาไว้
“ปลุกปุ่นมารับสายเดี๋ยวนี้”
“ผมบอกแล้วว่าไม่ได้”
“นายต้องพาปุ่นกลับมาส่ง ไม่..อยู่ที่ไหนบอกสถานที่มา”
“อย่าเสียเวลามาให้เหนื่อย พรุ่งนี้ผมจะไปส่งปุ่นที่ทำงานเอง คืนนี้ปุ่นจะนอนที่นี่กับผม”
“นายไม่มีสิทธิ์กักตัวปุ่นได้ยินไหม” เสียงที่ทวีความเดือด ดังราวกับคนพูดมายืนอยู่ตรงหน้า
พี่ปั้นหัวเราะหึๆ ดังพอให้อีกฝ่ายได้ยิน ก่อนกดวางสายแถมปิดโทรศัพท์ผมไปเรียบร้อย
“พี่ปั้น ทำแบบนั้นน้องตายแน่เลย”
“กลัวอะไร พี่ไม่ไปไล่เตะมันก็บุญแค่ไหนแล้ว”
“นั่นลูกค้าวีไอพีนะพี่ปั้น” ผมย้ำให้เผื่อพี่มันจะลืม
“เออ รู้ไงเลยทำแค่นี้” โธ่ก็งกเหมือนกันแหล่ะ
“เลิกพูดเล่นได้แล้ว มานี่” พี่ปั้นจับผมไปยืนตรงหน้าเก้าอี้ที่นั่งอยู่
“มีอะไรต้องบอกพี่อย่าปิด พี่จะได้ช่วยคิด พี่ไม่เห็นด้วยไม่ได้แปลว่าพี่ไม่สนใจความรู้สึกปุ่น
ยอมรับว่าทำใจยากที่เห็นน้องชายเป็นแบบนี้แต่ไม่ใช่ทำไม่ได้ ปุ่นเข้าใจที่พี่พูดไหม”
“เข้าใจครับ”
“ถ้าพี่ปั้นเป็นมั้งปุ่นจะสนับสนุนเต็มที่”
“เฮ้ย!! ลามปามแล้วปุ่น แมนๆอย่างพี่ชายเอ็งไม่มีทาง ต้องสาวๆ สะบึมๆเท่านั้น”
ทำไมพี่ปั้นมันพูดเองแล้วชะงักไปเอง เหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้
“พี่ปั้น”
“หะ?”
“ใจลอยไปไหน” พี่ปั้นทำหน้างงๆ เหมือนกำลังคิดอะไรเพลินจนลืมตัว
Rrrrrrrrrr
เสียงโทรศัพท์ดังแทรกขึ้นมาอีกครั้ง แต่เป็นของพี่ปั้นครับ ของผมถูกปิดเครื่องไปเรียบร้อยแล้ว
“อืม”
“ไม่เป็นไร ถ้าบริษัทจะขาดความน่าเชื่อถือเพราะเรื่องนี้ก็ช่างมัน”
“บอกไปว่าจะทำเต็มที่แล้ว ไม่ได้”
“อืม มีอะไรโทรมา”
พอพี่ปั้นวางสายผมรีบเข้าไปเกาะแขนพี่ชายถามด้วยความเป็นห่วง
“พี่ปั้น เกิดอะไรขึ้นครับ”
“ไม่มีอะไร”
“พี่ปั้นเล่าให้น้องฟังหน่อยน้องอยากรู้ใจจะขาดแล้ว” พี่ปั้นถอนใจ ทำหน้าคิด คงกำลังตัดสินใจว่าจะเล่าดีไหม
“เจ้านายปุ่นสั่งให้สนิมกับโชคติดตามหาตำแหน่งที่อยู่ของปุ่น”
ฟังแค่นี้ใจผมก็เต้นรัว ลืมไปเลยว่ากำลังน้อยใจเสียใจอยู่ แค่รู้ว่าคุณวีร์เป็นห่วงผมตามหาผม
ใจมันอยากกระโจนกลับบ้านเสียเดี๋ยวนี้
“พี่ปั้น น้องขอกลับไปบ้านโน้นได้ไหมครับ” ผมพูดเสียงอ่อน ทำตาอ้อนๆ แบบที่พี่ปั้นชอบ
“ไม่ได้” คราวนี้ไม่ได้ผลแม้แต่น้อย ผมลองพยายามแกว่งแขนพี่ชายตัวโตไปมา เอาหน้าถูๆที่ไหล่
“พี่สนิมจะได้มีผลงานดีเด่นว่าตามน้องเจอ ดีไหมๆ”
“ไปอาบน้ำนอน” มือใหญ่ผลักหัวผม ไม่ใจอ่อนลงสักนิด
ผมทำหน้ายู่ใส่ก็ยังไม่ได้ผล หมดมุขแล้วครับ ต้องยอมรับโดยดุษฎีว่าไม่ได้กลับแน่ๆ
“พี่ยอมให้เราไปทำงาน ให้อยู่บ้านหลังนั้นต่อก็ตามใจเรามากพอแล้ว คืนนี้ปุ่นต้องอยู่ที่นี่ ห้ามวิ่งกลับไปหาหมอนั่น “
“น้องไม่ได้วิ่งไปหา” ผมอมลมแก้มป่อง ยกมือขึ้นกอดอก ยืนมองหน้า ขัดใจที่พี่ชายพูดถูก
“น้องจะนั่งรถไป” แฮ่ เผ่นสิครับ เดี๋ยวโดนฟาดก้น
“กลับมานี่ปุ่น” เสียงเรียกตามหลังเหมือนเสียงเร่งให้วิ่งเร็วขึ้น เชื่อก็โง่สิครับ
ไปอาบน้ำนอนก็ได้
แต่พี่ปุ่นคิดถึงคุณรองประธานจังเลย
............................................................................
-สิทธวีร์-
“ยังไม่เข้ามาค่ะ” เสียงคุณพรเลขาผมรายงาน
นี่เป็นครั้งที่เจ็ดที่ผมโทรออกไปถามความคืบหน้า ถึงแม้คุณพรจะลงท้ายเหมือนเดิมทุกครั้งว่าถ้าปุ่นมาถึงแล้ว
จะให้เข้ามาพบผมทันที
ผมสลับกับการโทรเข้ามือถือของปุ่นเป็นระยะ ไม่มีสัญญาณตอบรับใดๆ ทั้งสิ้น มือถือปิดตั้งแต่ผมคุยกับ
ไอ้เวรนั่น มันจงใจไม่ให้ผมติดต่อปุ่นไม่ได้
“โธ่เว้ย” ผมกระแทกแฟ้มที่อยู่บนโต๊ะ
เมื่อคืนวิกาเอาแต่เกาะผมแน่น จะสะบัดออกเลยก็ดูใจร้ายไปนิดคนกำลังเสียขวัญ ผมไม่อยากอยู่ในร้านให้ปุ่นเห็น
เลยเดินออกไปส่งวิกาที่รถ เสียเวลากล่อมกันอีกพักใหญ่กว่าจะยอมกลับไปกับซัน
ผมกลับเข้ามาในร้าน ไม่เห็นแม้แต่เงาปุ่น ไอ้ยักษ์นั่นพาปุ่นของผมกลับไปแล้ว
ไม่มีคนติดตามไป เป็นครั้งแรกที่ผมตำหนิทีมคุ้มกันอย่างรุนแรง
ในสถานการณ์แบบนี้เลินเล่อปล่อยให้ปุ่นไปไหนมาไหนเองได้ยังไง แล้วไปกับไอ้ยักษ์นั่น มันพาไปไหนก็ไม่มีใครรู้
ผมพยายามโทรเข้ามือถือปุ่น ติดแต่ไม่มีคนรับสาย โทรซ้ำจนคุณสนิมเข้ามาขอคุยด้วย
ผมรับฟังผลการสอบถามพนักงาน รายละเอียดปลีกย่อยในห้องน้ำ คนที่ต้องสงสัย
ในหัววรับข้อมูลได้ไม่เต็มร้อยใจพะวงห่วงปุ่น โทรไปก็ไม่ยอมรับ
กว่าผมจะเคลียร์ที่ร้านเรียบร้อย มีเวลาส่วนตัวพอจะโทรกลับไปอีกหน ก็เป็นไอ้ยักษ์รับสาย
มันบอกว่าปุ่นอยู่กับมัน นอนกับมัน ผมไม่เคยคิดอยากฆ่าใครเท่าไอ้เวรนี่มาก่อน
และเป็นอีกครั้งที่ทีมคุ้มกันผมทำอะไรไม่ได้เลย ไม่สามารถติดตามหาปุ่นเจอ
ผมคอยทั้งคืนกว่าจะเช้า แล้วนี่ปาเข้าไปจะแปดโมงแล้วยังไม่โผล่มา
“มาแล้วใช่ไหม” ผมยกหูโทรศัพท์กรอกเสียงลงไปทันที
“ยังคะคุณวีร์ แต่พรคิดว่าควรรายงานเรื่องนี้ให้คุณวีร์ทราบ”
“อะไร”
“ตา..ลลิตาเลขาคุณจักรมาที่ห้องค่ะ”
“จะขอพบผม?”
“ไม่ใช่ค่ะตอนนี้กลับไปแล้ว แวะเอา เอ่อ..เอาดอกไม้มาให้ปุ่น แต่ปุ่นยังไม่เข้ามา
เลยฝากไว้ว่าถ้ามาแล้วให้ไปพบคุณจักรค่ะ”
“เอาดอกไม้ไปทิ้ง แล้วไม่ต้องบอกข้อความกับปุ่น มีอะไรผมรับผิดชอบเอง”
“ได้ค่ะ ถ้าปุ่นมาแล้วจะรีบแจ้งให้เข้าไปพบนะคะ” คุณพรไม่ลืมจบบทสนทนาด้วยประโยคเดิม
หงุดหงิดกับไอ้ยักษ์ก็แย่แล้ว ยังมีพี่จักรโผล่มาอีกคน
ผมไม่ได้บอกใครถึงสิ่งที่ได้รับรู้ ถึงยังไงก็ญาติกัน ผมรู้มาสักพักแล้วว่าพี่จักรเป็นเกย์ ที่เห็นควงผู้หญิงบ้างก็แค่บังหน้า
เพื่อไม่ให้มีผลกระทบกับภาพลักษณ์ ผมไม่ได้สนใจ ถือว่ารสนิยมใครรสนิยมมัน
ตอนนี้ดันรสนิยมเดียวกัน กล้ามากที่มาเล็งคนของผม ต้องฟาดฟันกันทั้งธุรกิจทั้งความรัก ดวงมันคงกำหนดมาแบบนี้
“ขออนุญาตครับ” เสียงที่ผมรอมาตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา ผมเดินไปที่ประตู มันไม่ได้ทำให้เจอกันเร็วขึ้นหรอก
แต่ขามันก้าวไปเอง
“มาแล้วเหรอ” ผมมองสำรวจคนที่มายืนอยู่ตรงหน้า ปุ่นอยู่ในเสื้อเชิ้ตแขนยาวผูกเนคไท ผมมองได้แค่คอที่พ้นปกเสื้อ
ไม่มีรอยอะไร แต่ใจมันยังไม่สงบ ผมทำตามสิ่งที่ตัวเองคิดทันที
“เฮ้ยตกตก” ปุ่นดูเหมือนจะติดคำนี้เหลือเกินทุกครั้งที่ตกใจต้องได้ยิน
ผมคลายเนคไทของปุ่น ปลดกระดุมเสื้อสองเม็ด ดึงสาบเสื้อออกเพื่อมองเข้าไปข้างใน
ไม่มีรอยอะไรทั้งนั้น มีแต่ผิวขาวๆ ที่พอแตะมือลงไปสัมผัส มันนุ่มเสียจนไม่อยากเอามือออก
“คุณวีร์ทำอะไรครับ” ปุ่นเพิ่งได้สติ กระโดดถอยหลังดึงสาบเสื้อปิดผิวขาวๆเอาไว้
ผมมองตามอย่างเสียดาย
“เมื่อคืนไปนอนไหนมา ปิดโทรศัพท์ บ้านไม่ยอมกลับ ไม่โทรรายงานหรือบอกใครไว้ คิดว่าทำตัวเหมาะสมแล้วเหรอปุ่น”
“มีคนบอกคุณวีร์แล้วนี่ครับว่าผมไม่กลับ”
“ปุ่น” ผมโกรธจนอยากจะพังทุกอย่างในห้อง พูดแบบนี้คือยอมรับใช่ไหมว่าอยู่กับมัน มีอะไรกับมัน
“ทำไมทำตัวแบบนี้”
“ทำแบบไหนครับ ผมไม่ได้ทำอะไรเสียหาย”
“ปุ่นไปกับมัน”
“ผมมีธุระคุยกับพี่ปั้น เลยไปค้างที่บ้านด้วย มันผิดตรงไหนครับ”
“แค่คุยธุระ?” ผมหรี่ตามอง พยายามจับสังเกตบนใบหน้าปุ่น
“แล้วจะให้ทำอะไรล่ะครับ”
“นอนห้องเดียวกันหรือเปล่า”
“เปล่าครับ”
“แน่ใจนะ”
“คุณวีร์ถามตลก ผมเป็นคนนอนเองทำไมจะไม่รู้ล่ะครับ ว่านอนคนเดียวหรือนอนกี่คน”
“ก็ไม่ได้ว่าอะไร” ผมรู้สึกได้ว่าอารมณ์ตัวเองเริ่มดีขึ้นมานิดหน่อย ถึงจะยังคลางแคลงใจคำพูดไอ้ยักษ์เมื่อคืน
แต่เอาไว้ก่อน กลับบ้านไปจะซักให้ละเอียดยิบ
“ออกไปทำงานเถอะ บอกคุณสนิมเข้ามาพบพี่ด้วย”
“ครับ”
“เดี๋ยวปุ่น” ผมเรียกตัวอ้วนเอาไว้
“ครับ”
“มานี่สิ” ปุ่นดูลังเลเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้ามาหา
ผมช่วยขยับเนคไทจัดให้เข้าที่ ปุ่นติดกระดุมแล้วแต่ลืมจัดเนคไทใหม่คงเถียงกับผมจนลืม
พอแตะไปแตะมาอย่างนี้นึกอยากกอดชะมัด เมื่อคืนพอไม่มีปุ่นอยู่ตอนนอนมันเหงามือชอบกล
เหมือนไม่รู้จะเอาไปวางไว้ตรงไหน ไม่มีอะไรนุ่มๆให้กอด ให้ซบ รู้สึกเหมือนจะลงแดง
ยังมีเรื่องวิกาอีกอย่างที่ต้องเคลียร์ คงต้องรอรวบยอดเอาไว้ไปคุยทีเดียวที่บ้าน
“จุ๊บ”
“คุณวีร์” ปุ่นรีบยกมือปิดเหม่ง หึๆ ปิดตอนนี้จะทันไหมตัวอ้วนเอ๊ย
“ค่าจัดเนคไท”
“คุณวีร์แกะมันเอง ต้องจ้ดคืนถูกแล้วนี่ครับ” คนโดนขโมยจุ๊บทำหน้ามุ่ย เดี๋ยวจะโดนหยิกแก้มอีกอย่าง
“ใช่ พี่แกะเอง ต่อไปนอกจากพี่ห้ามให้คนอื่นทำ”
ปลาปักเป้าพองตัว ตาโตแก้มป่อง อ้าปากรับอากาศพะงาบๆ
“ออกไปไป๊ ทำพี่เสียสมาธิหมด” ผมแกล้งโบกมือไล่
ปุ่นค้อนเสียผมกลัวคอมันจะเคล็ด เดินตุปัดตุป่องออกไป ชอบนักล่ะทำท่าน่ารักแบบนี้
ไม่ได้รู้ตัวเลย ว่าเสือสิงห์แข่งกันตะครุบมันอยู่
ผม ไอ้ยักษ์ พี่จักร หวังว่าจะไม่มีคู่แข่งคนอื่นโผล่เข้ามาอีก ถ้ามากกว่านี้ผมคงต้องเปลี่ยนวิธี
ขืนรอต้อนมันจะเสร็จคนอื่นเสียก่อน
.......................................................TBC............................................................
Darin ♥ FANPAGE