บุพเพวายร้าย
53.60%
+
บุพเพวายร้าย
53.40%
“
ที่จะไปดูหนังมันเพื่อนหรือว่าอะไร ถึงได้อยากไปนัก!”“ พี่หมายความว่ายังไงครับ!?”
“ .............4 โมงไปรับ อย่าไปไหน
รอหน้าโรงเรียน!” พี่วุฒิพูดไม่ตอบคำถาม แล้วกดสายออกทันทีที่สั่งผมจบ!?
“ ..........................” ผมน้ำตาร่วง อึดอัดในอก ไม่มีทางออกเหมือนน้ำเต็มแก้วแต่มันไม่ยอมล้นออกมาสักที ผมไม่เข้าใจพี่วุฒิว่าทำไมไม่ให้ผมไปดูหนัง ด้วยการสั่ง ไม่มีเหตุผล และเอาแต่ใจ
ผมโทรหาพี่วุฒิอีก แต่พี่วุฒิไม่รับ
“ .........................”
เวลา 3 เดือนที่พูดถึงไม่ใช่หมายถึงว่าผมกับพี่วุฒิจะได้ทำความรู้จัก ศึกษากันและกันหรือครับ หรือว่านั่นหมายถึง...อะไร
ผมเป็นอะไร!!??? เมียคำที่พี่ชอบพูดมันหมายความว่า.....................................................
กริ้งๆ แล้วพี่วุฒิก็โทรมาอีก ผมกดรับพยายามระงับน้ำที่มันไหลบนหน้า
“ จุม ตกลงจะเอายังไง!?”
“ ทำไมพี่ ไม่ให้ผมไป?”
“ พี่ถามว่า
เอายังไง!”“ ทำไมพี่ ไม่ให้ผมไป?”
“
จุม พูดไม่รู้หรือไง!!”“ พี่ต่างหากครับที่พูดไม่รู้เรื่อง ผมก็มีสังคมของผม มีเพื่อนของผมนะครับ!”
“ เดี๋ยวไปรับ
มาคุยกันให้รู้เรื่อง!”“ ไม่นะครับ ผมจะเรียนตอนบ่าย” ผมรีบบอก เพราะยังไงผมก็ต้องเรียนแค่นี้ก็เวลาเรียนผมก็น้อยเต็มที ผมอยากจบมอ6แล้วเรียนต่อให้จบปริญาตรีอยากที่แม่ต้องการเพราะหวังดีกับผม
“ ถ้าอยากเรียนตอนบ่ายก็พูดมาว่าจะเอายังไง!” ทั้งที่วุฒิบังคับผมถึงเพียงนี้ จะให้ผมพูดออกมาให้ได้ ...ให้พูดในสิ่งที่พี่วุฒิอยากได้ยิน
“ ...................”
“ ..........จะไปดูหนังไหม?!”
“ ผ ม จ ะ ไ ม่ ไ ป ดู ห นั ง กั บ เ พื่ อ น ” ผมบอกทั้งน้ำตา
“ ก็ดี”
“ มีอะไรอีกไหมครับ ถ้าไม่มีผมจะวาง” ผมพยายามพูดไม่ให้เสียงขึ้นจมูก
“ ..............................ร้องไห้ใช่ไหม?....” พี่วุฒิถามเสียงแข็งเมื่อกี้ลดลง ...ทำไมพี่วุฒิถึงรู้ ก็คงจะพอเดาออกเสียงเครือออกขนาดนั้นทั้งที่พยายามแล้ว
“ เปล่าครับ” ผมบอกแล้วกลั้นสะอื้น กลั้นน้ำมือทั้ง 2 ข้างปาดน้ำตาทั้งซ้ายและขวาที่มันไหลไม่หยุด
“ พี่ไม่ชอบคนโกหก”
ผมเงียบ
“ ร้องทำไม !?”
“ ก็ก็ ... พี่พูดไม่รู้เรื่อง ไม่ฟังผมเลย อะไรพี่ก็อยากแต่จะให้เป็นไปตามที่พี่ต้องการ ไม่สนใจความรู้สึกผมสักนิด”
“ ..............................ที่พี่ไม่อยากให้ไปก็เพราะ............”
“ เพราะอะไรครับ?”
“ ยังไงก็ตาม พี่มีเหตุผลของพี่”
“ นั่นไงครับสุดท้ายพี่ก็ไม่ได้สนใจความรู้สึกผมเลย ถึงผมจะร้องไห้จนตาบวมพี่ก็เอาตัวเองเป็นใหญ่”
“ ที่พี่ไม่ให้ไปเพราะพี่ห่วง ..”
“ ห่วงอะไรครับ ผมก็ไปกับเพื่อนผม ไม่เกิน 2 ทุ่มก็กลับแล้ว”
“ อยากไปมากนักใช่ไหม!” “ ครับ” แต่ผมไม่ได้อยากมาก แต่ก็อยากไป ...
“ งั้นก็ไป เดี๋ยวตอนเย็นพี่ไปส่งทั้งจุมและเพื่อนจุมนั่นแหละ!”
“ ไม่เป็นไรครับ พวกผมเองก็ได้”
“ พี่จะไปรับ 4 โมงเอาตามนั้นไม่งั้นก็
ไม่ต้องไป!” “ ครับ” !? ผมพูดจบพี่วุฒิกดออกอีกแล้ว ผมได้แต่มองโทรศัพท์ ไม่ใช่ว่าผมอยากไปมากนะครับแค่อยากไป อยากใช้ชีวิตปกติ แค่ผมรู้สึกน้อยใจอย่างอึดอัดที่ถูกพี่วุฒิสั่งว่าไม่ให้ไป
เมื่อเทียบกับตอนแรกตอนนี้ผมไม่ไปอยากไปเลยสักนิด เพราะเรื่องนี้ทำให้ผมทะเลาะกับพี่วุฒิ
ผมกลับหลังจากพี่วุฒิวางไปครู่ใหญ่ๆเพราะไม่อยากให้หน้าตาผิดปกติมากนัก(หน้าที่ผ่านมาร้องไห้มาดูออกง่ายครับ เพราะตามันจะบวมนิดๆกับตาแดงๆ)
..
.
.
เลิกเรียนพวกผมรอพี่วุฒิอยู่หน้าโรงเรียน แต่ไม่ได้กินอะไรกันเหมือนเช่นทุกวันเพราะ พวกผมว่าจะไปกินที่sกันก่อนดูหนังเลยยืนจับกลุ่มคุยกันเรื่อยๆจน 4โมงครึ่งได้แต่พี่วุฒิยังไม่มา..
กริ้งๆ โทรศัพท์ผมดัง ผมคิดว่าเป็นพี่วุฒิ แต่คนคนที่โทรมาคือพี่ชนะ?...............?
“ครับพี่?” ซีซี่จ้องหน้าผมเหมือนอยากรู้อยากเห็น
“จุม ตอนนี้ยังอยู่หน้าโรงเรียนป่ะ?” พี่ชนะถาม
“ครับ”
“ จะให้พี่ไปส่งที่S หรือจะไปกันเอง แต่ตอนนี้พี่ก็ไปหาจุมนั่นแหละ อีก 15 นาทีได้”
“แล้วพี่วุฒิล่ะครับ?” ผมสงสัยแล้วพี่วุฒิล่ะไปไหน ทั้งที่กำชับผมนักหนาว่าจะไปส่ง??
“ พาไอ้แบงค์ไปโรง-บาล ไอ้วุฒิมันเลยให้พี่ไปส่งจุมกับเพื่อน แต่พี่โทรมาถามก่อนเผื่อว่าไปกันแล้ว” พาพี่แบงค์ไปโรง-บาล!!!
“ เกิดอะไรขึ้นครับ??!” ผมถามเสียงดัง จักร ซีซี่และยูหันมาจ้องผม
“ โดนไอ้ตัวเหี้ยตัวเดิมมันเล่นงานเอา” ตัวเหี้ย?
ผมเป็นห่วงและกังวลมากถึงจะไม่รู้เรื่องอะไรก็ตามเถอะ
“ งั้นพี่ชนะมารับผมเลยนะครับ!” ผมบอก ก่อนที่จะวางสายแล้วขอโทษจักร ซีซี่และยูว่าไม่ได้ไปดูหนังเพราะมีธุระสำคัญต้องไปหาพี่แบงค์ที่โรงพยาบาล ก่อนที่จะโทรไปบอกธีและบันบัน
10 นาทีให้หลังพี่ชนะก็มาผมรีบวิ่งไปขึ้นรถพี่เขาทันที
“ พี่แบงค์เป็นอะไรมากไหมครับ?!” ผมถามทันทีที่เข้าไปนั่งในรถ
“แล้วหัวเหี้ยที่ว่าเล่นงานอะไรพี่แบงค์ครับ? พี่วุฒิละครับเป็นอะไรหรือเปล่า? แล้วทำไมพี่วุฒิกับพี่แบงค์ถึงอยู่ด้วยกัน? แล้ว..”
“ จุม ใจเย็นๆถามพี่ก็ให้พี่ได้ตอบบ้างดิ” พี่ชนะว่าหันมามองผมแวบหนึ่งตอนที่ชะลอรถเมื่อมีรถออกมาจากซอยเล็กๆ
“ .................” ผมถึงได้เงียบรู้ว่าตัวเองพูดไม่หยุดเลย ผมแค่ได้ยินว่าพี่วุฒิอยู่กับพี่แบงค์ก็ตกใจแล้วล่ะครับ
“ วันนี้พี่ลากตัวไอ้แบงค์ไปคุยกันกับไอ้วุฒิให้รู้เรื่อง ไม่อยากให้มันคาราคาซัง แต่ไอ้ตัวเหี้ยที่มันรุมเราเมื่อวันไปผับนั่นแหละ มันดันเรียนที่มอนี้เหมือนกันไอ้วุฒิไอ้แบงค์”
ผมหันหน้ามองพี่ชนะรู้สึกพี่เขาจะไม่สะทกสะท้านที่เพื่อนกำลังเข้าโรง-บาล
“ มันก็คงรู้เรื่องนี้มานานแล้วแหละ ถึงได้มาดักหน้าคณะได้เหมาะเจาะขนาดนี้...” พี่ชนะยิ้ม?
“ หน้าคณะเลยหรือครับ!?”
“ ใช่ มีไทยมุงเพียบ ...” พอผมสังเกตพี่ชนะดีจะเห็นว่าเสื้อนิสิตสีขาวพี่เขาเปื้อนและยับมาก แต่ร่องรอยถูกทำร้ายอื่นไม่มี
“ แต่ก็ดีที่มีคนเยอะเลยเรียกรปภ.และพวกอาจารย์มาห้ามทัพได้ไม่งั้นพวกพี่เละเป็นโจ๊กแน่ๆ 3 คนจะสู้ 10 คนยังไงไหว ” พี่ชนะเล่า
“ แล้ว.......”
“ ไอ้แบงค์มันโดนต่อยไปแค่2 3ทีอีกแต่เจอไม้หน้า3เลยฟุบเลยสลบเหมือด ส่วนไอ้วุฒิโดนต่อยไปหลายทีเหมือนกันแต่มันทนเหมือนหมีกินยาม้าเลยยังไม่ตายฮ่าๆ พี่เก่งสุด ไม่โดนต่อยเลยเพราะพี่แย่งไม้กับพวกมันมา ใครเสนอมาพี่สอยร่วง เรื่องไรต้องโชว์พาวว์ใช้มือเปล่าให้เจ็บตัว”
“ พี่วุฒิเลยพาพี่แบงค์ไปโรงบาลหรือครับ?” ผมถามรู้สึกดีที่พี่วุฒิพาพี่แบงค์ไปโรงบาลด้วยตนเอง แทนที่จะให้พี่ชนะพาไป
“ ก็ที่ไอ้แบงค์มันโดนไม้หน้า3ก็เพราะไอ้วุฒิมันกำลังบ้าไม่ทันระวังตัว เลยต้องไปรับแทนมันไม่งั้นพื่อนโดนฟาดกบาล.. พี่เลยให้มันรับผิดชอบโดยพาไอ้แบงค์ไปหาหมอ ตอนแรกมันก็ไม่ยอมมันบอกว่าจะต้องมารับไปดูหนัง พี่เลยอาสาโดยการออกมาเลย ปล่อยให้มันคิดเอาเองว่าจะทำยังไง”
“ ..............” ผมแอบคิดว่าเหตุการณ์นี้จะทำให้ความเป็นเพื่อนระหว่างพี่วุฒิและพี่แบงค์จะกลับมา
“ เมื่อกี้มันเพิ่งโทรมา บอกไอ้แบงค์ฟื้นแล้วไม่ได้เป็นอะไรมาก พี่เลยบอกมันไปว่าจุมไม่ไปดูหนังแล้วมันเลยบอกให้พี่พาจุมไปหามัน” พี่แบงค์ไม่ได้เป็นอะไรมากผมก็หายห่วงครับ
“ พี่ครับ แล้วพี่วุฒิกับพี่แบงค์จะกลับเป็นเหมือนเดิมไหมครับ?” ผมถาม
“ ไม่มีอะไรที่เหมือนเดิมจุม เรื่องที่ไอ้แบงค์มันชอบจุมมันไม่ผิดแต่ไม่ถูก พี่ยังคิดนะว่าถ้าแบงค์มันชอบปรางแฟนพี่ แล้วพี่จะทำยังไง แต่มาคิดดูดีๆถ้าปรางไม่ชอบไอ้แบงค์ พี่ก็คงโกรธไอ้แบงค์ไม่นานหรอก...”
“ แล้วพี่วุฒิล่ะครับ ผมไม่อยากเป็นต้นเหตุ...”
“ อย่าคิดมาก อะไรอะไรมันก็มี ทางออกจะมาแบกโลกไว้ทำไม จุมไม่ได้ทำอะไรเลยแต่บังเอิญฟีโรโมนมันกระจาย” พี่ชนะพูดไปยิ้มไป แต่ไม่ได้หันมามองผม
“..................................” ที่ว่าพี่วุฒิโดนชกผมหวังว่าคงไม่เป็นไรมาก
เกือบชั่วโมงพวกผมก็มาถึงโรงพยาบาลK และตามด้วยขึ้นชั้น 9 ไปห้องที่พี่แบงค์นอนอยู่
พี่ชนะเปิดประตูห้องเข้าไปโดยไม่เคาะก่อน
“ .................” พี่แบงค์นอนอยู่บนเตียงมือข้างที่ผมเห็นมีสายน้ำเกลือ หน้าข้างซ้านบวมกว่าข้างขวา อาทิตย์กว่าๆที่ผมไม่เจอพี่เขา ผมรู้สึกว่าผอมกว่าเดิม
พี่วุฒินั่งบนเก้าอี้โชฟาสีเขียวอ่อน มุมปากข้างหนึ่งสีแดงช้ำ พอพวกผมเข้าไปก็ลุกขึ้นมาแล้วเดินมาหาผมทันที
“ กลับ” พี่วุฒิบอก จับแขนผม
“ แต่ผมยังไม่ได้...”
“
มันไม่ตายหรอก ไม่ต้องห่วง” พี่วุฒิว่าดึงผมให้เดินตามพี่วุฒิที่เดินตรงไปหาประตู
“ ไอ้วุฒิมรึงจะใจร้ายไปถึงไหน น้องเขาก็เป็นห่วงไอ้แบงค์แค่นั้นเอง” พี่วุฒิหันกลับไป(มือกุมมือผมไม่ยอมปล่อย)
“ แล้วไง ตอนนี้ก็เห็นแล้วว่ามันยังไม่ตาย” พี่ชนะกำลังจะอ้าปากพูด พี่แบงค์ก็พูดขึ้นมาก่อน
“ จุมขอบใจที่เป็นห่วงพี่นะแต่พี่ไม่เป็นไร แล้วเรื่องพี่กับไอ้วุฒิก็ไม่มีอะไรแล้วเหมือนกัน” พี่แบงค์บอกยิ้มจางๆบนใบหน้าช้ำๆ ผมเงยหน้ามองพี่วุฒิพี่วุฒิหันหน้าหนี ก่อนที่จะดึงมือผมออกมา
หน้าพี่แบงค์ที่กำลังเจ็บปวดหวังว่าคงเป็นเพราะแผลไม่ใช่เพราะผม
** ** ** **
คำผิดขอบคุณท่านกระต่ายชมจันทร์เจ้าค่ะ