Coldness Town....เพราะหัวใจ ไม่เคยลืม [ตอนที่ 52 Coldness Town] จบแล้วจ้า
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Coldness Town....เพราะหัวใจ ไม่เคยลืม [ตอนที่ 52 Coldness Town] จบแล้วจ้า  (อ่าน 52950 ครั้ง)

ออฟไลน์ sanfran

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
อืม บางทีก็ไม่รู้จะเม้ยว่าอะไร
มาเป็นกำลังใจให้แล้วกันน้าา

ออฟไลน์ janamanza

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
ลึกลับจริงๆก้องเนี้ย
แต่ทุกอย่างกำลังไปได้ดีไม่อยากให้ความสัมพันธ์ทั้งคู่ต้องล่มเลย

Crossley

  • บุคคลทั่วไป
อ๊ากกก ติดเรื่องนี้งอมแงมโงหัวไม่ขึ้นแล้ว  :m3:
+1ไปสักที อิอิ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
หลังจากมีปากเสียงกันพอเป็นพิธี ก้องพาวินออกมาจากโรงแรม และขี่จักรยานไปตามเส้นทางที่เพิ่งไปกันเมื่อตอนบ่าย แม้ว่าวินจะบ่นออดแอด ไม่เข้าใจว่าจะกลับมาที่เดิมทำไมอีกครั้งก็ตาม แต่เมื่อเขาเลี้ยวที่หัวมุมถนน ตรงไปยังย่านกลางเมืองอีกครั้ง วินก็เข้าใจ
   ย่านกลางเมืองที่ตอนนี้เกือบจะเรียกได้ว่าเงียบสงัด ร้างผู้คน ไฟสีเหลืองสดยิงขึ้นจากเสาไฟไปยังหมู่บ้านไม้ทรงยุโรปเมื่อตอนเช้าเป็นสีเดียวกันทั่วทั้งเมือง ถนนที่เงียบสงัดและกว้างขวางขึ้นกว่าเมืองกลางวัน ทำให้วินรู้สึกว่าตอนนี้ย่านกลางเมือง...
   “เหมือนมีแค่เราสองคน" ก้องพูดขึ้น "คิดอย่างนั้นอยู่ใช่ป่ะล่ะ"
   “รู้มากนะนายเนี่ย" วินกัดก้องกลับเบาๆ แม้ว่าไม่สามารถหยุดยิ้มได้เลย "นายนี่รู้จักเมืองนี้ได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ รู้ว่าตอนไหนจะมีอะไร นายเป็นคนไทยไม่ใช่เรอะ"
   “หึ" ก้องหัวเราะเบาๆ "ฉันรู้จักเมืองนี้ดีพอพอกับมือตัวเองเลยล่ะ"
   วินคิดว่าก้องต้องมีความลับบางอย่างเกี่ยวกับตัวเองที่ปกปิดอยู่แน่ๆ ซึ่งเอาเข้าจริงๆวินไม่ได้อยากรู้อะไรขนาดนั้น แต่มันติดตรงที่ว่าสามเดือนที่ผ่านมา ก้องรู้เรื่องของเขามากเกินไป และเมื่อมาถึงที่นี่ ก็กลับกลายเป็นว่าเขาไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับก้องเลยซักอย่าง เดี๋ยวก็มีเรื่องนี้ เรื่องนั้นโผล่มาให้เขาประหลาดใจอยู่ไม่ขาด และถ้าหากพูดถึงความไม่ยุติธรรมแล้ว วินยิ่งยอมไม่ได้
   ระหว่างเดินถ่ายรูปเมืองยามราตรีอันสวยงาม วินก็คิดในใจถึงวิธีที่จะแซะเอาความจริงออกมาให้กระจ่าง แต่ก้องไม่ใช่คนที่เขาจะ่อกรด้วยง่ายๆเสียด้วย เขารู้ตัวเองว่าตัวเขาแสบแค่ไหน และเอาใจยากแค่ไหน แต่ก้องก็หาสารพัดลูกไม้ มางัดกับเขาจนเขากลับมาเป็นผู้เป็นคนได้อีกครั้ง ดังนั้นการจะย้อนเกล็ดก้องกลับ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
   แต่ถ้าทำได้ มันก็คงสนุกพิลึกเหมือนกัน......
   ทั้งคู่มาหยุดอยู่ตรงหน้าโบสถ์นอร์ทเทิร์น ดามบริเวณหอระฆังอีกครั้ง แสงสีเหลือส้มที่สะท้อนไปบนสถาปัตยกรรมยามค่ำคืนนับว่าสวยมากสำหรับวิน เขาไม่สามารถละสายตาไปจากหอคอยที่ต้องแสงไฟนี้ได้จริงๆ
   “อยากขึ้นไปไหม" ก้องถาม "ตอนนี้คนคงไม่เยอะแล้วล่ะ"
   “ขึ้นได้เหรอ" วินถาม "เขาปิดแล้วมั้ง"
   ก้องไม่รอช้า จับมือของวินวิ่งเข้าไปตรงทางขึ้นหอระฆังทันที บนไดเวียนของหอระฆังยาวไม่ใช่เล่น วินพ่นไฟใส่ก้องอย่างรุนแรง เพราะไม่เพียงแต่มันยาวมากแล้ว โบสถ์เค้ายังปิดแล้วอีกด้วย พอใกล้ถึงช่วงบนของหอระฆัง วินก็เลิกบ่นแล้ว เพราะความเหนื่อย แถมบันไดที่ขึ้นก็แคบลง และอันตรายมากขึ้นอีกด้วย และในที่สุดพวกเขาก็ขึ้นมาทั้งยอดหอระฆังได้สำเร็จ
   “เห้ย เป็นไร" ก้องหันมาถามวิน ที่ก้มลงหอบแห่ก พลางมองก้องด้วยสายตาอาฆาต
   “ไอ้..บ...บ้าเอ๊ย" วินหอบหายใจ "นายไม่รู้ใช่ป่ะเนี่ย ว่าโบสถ์เค้าปิดแล้ว"
   “รู้ … แต่อยากพานายขึ้นมาอ่ะ" ก้องตอบ
   “แล้วถ้าใครมาเห็นจะทำยังไง" วินว่า
   “ก็อย่าให้ใครเห็นสิ ไม่เห็นยาก" ก้องว่า "รีบเข้าประตูมาก็ไม่มีใครเห็นแล้ว แล้วถ้าไม่ใครไม่โวยวายก็ไม่ใครรู้หรอก"
   วินส่ายหน้าเบาๆ พลางเดินไปยังช่องหน้าต่างบนหอระฆัง และนั่นทำให้เขาเห็นเมืองทั้งเมืองที่มีออร่าสีเหลืองเหมือนกันหมดทั้งเมือง
   “นายนี่เป็นคนที่ประหลาดมากเลยรู้ตัวป่ะ" วินถามขึ้น
   “งั้นเหรอ" ก้องว่า พลางเดินมายืนข้างๆกันกับวิน "ทำไมคิดงั้นอ่ะ"
   “นายเหมือนมีบางอย่างอยู่เบื้องหลังอ่ะ" วินว่าพลางหันไปทำหน้าจริงจังใส่ก้อง ที่ตีสีหน้าเคร่งขรึม พลางมองไปยังตัวเมืองเบื้องล่าง "ลึกลับ"
   “งั้นเหรอ" ก้องถาม "ฉันทำตัวลึกลับขนาดนั้นเลยเหรอ"
   “ไม่รู้ว่ะ" วินร้องพลางถอนหายใจ "ไม่ใช่ทำตัวลึกลับ แต่.....เหมือนนายมีบางอย่างที่ลึกลับ"
   ก้องหันมามองหน้าวินอีกครั้ง พอดีกับที่วินหันมามองก้องอีกครั้ง ทั้งคู่มองตากันอยู่นานหลายนาที
   “นายมีอะไรปิดบังกันอยู่หรือเปล่า" วินถามขึ้น
   ก้องมองหน้าวิน ภาพบางอย่างหวนกลับเข้ามาในความทรงจำจนมันชัดเจนเกินไป ชายหนุ่มหลบตาก่อนจะปลีกตัวออกมาจากวิน
   “ไหนบอกว่า เมืองนี้คนที่จะเชื่อใจได้ก็มีแต่นาย" วินว่า "แล้วแบบนี้ ฉันจะเชื่อใจนายได้จริงๆเหรอวะ"
   ก้องหันหลังกลับมา
   “นี่เอาคำพูดมาย้อนกันเลยเหรอนาย" ก้องว่า
   “นี่ฉันซีเรียสนะเจ้าบาริสต้า" วินว่า "ฉันว่าเรื่องที่เกี่ยวกับนายที่ฉันเจอที่นี่มันจะเยอะไปและฉันว่า"
   “แล้วนายจะมาสนใจเรื่องของฉันทำไม" ก้องถามต่อ
   “คือ....” วินถอนหายใจพลางหันกลับยังหน้าต่างหอระฆังอีกครั้ง "ฉันเดิมพันกับนายหมดตัวเลยนะเว่ย ฉัน.....ฉันพึ่งนายไปแล้วด้วยอ่ะดิ"
   “อันนี้รู้" ก้องว่า "เห็นกันอยู่"
   “เห้ย นี่ฉันไม่ได้จะมาชวนทะเลาะนะเว่ย" วินว่า "แต่ฉัน...ฉัน...ฉันกลัวว่ะ"
   “กลัวว่า?" ก้องถาม
   “ก็กลัวว่า....” วินพูดเสียงดังพลางหันกลับมาหาก้องอีกครั้ง "กลัวว่าถ้านายคนที่ฉันรู้จัก มันไม่ใช่นาย แล้วฉัน....ฉันจะเชื่อใจใครได้วะ"
   ก้องเงียบสนิทเมื่อวินตั้งคำถามี้ใส่เขา ชายหนุ่มมองนิ่งไปยังเมืองที่อยู่เบื้องหน้า วินไม่เก่งเรื่องอ่านสีหน้าคน แต่เขาก็รู้ว่าก้องกำลังคิดทบทวนอะไรบางอย่าง คิ้วเข้มทั้งสองขมวดเข้าหากันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ชายหนุ่มถอนหายใจครั้งหนึ่ง ก่อนจะสายตาอันคมคายคู่นั้นจะหันกลับมาหาวินอีกครั้ง
   “แล้วคำถามคือ" ก้องถามกลับ
   “นายเป็นใครกันแน่วะก้อง" วินถาม
   “ฉันก็คือฉัน" ก้องตอบสั้นๆ "แล้วนายเห็นเป็นใครอยู่อ่ะตอนนี้"
   “นั่นเป็นคำถาม หรือพูดประชดวะ" วินร้อง
   “แล้วถ้าเป็นคำถามอ่ะ" ก้องว่า
   “คำตอบก็คือ คนลึกลับ" วินตอบทันที "ที่อยู่ๆก็กลายเป็นอีกคนไปซะเฉยๆ....คือคนที่ถามอะไรไป ก็ไม่เคยได้คำตอบกลับซักอย่าง เหมือนกับว่า อยู่ด้วยกันมาสามเดือน ไม่เคยรู้จักกันเลยงั้นแหละ"
   “ฉันก็ไม่เคยรู้จักนายนะที่จริง" ก้องว่า "นายอย่าสับสน ระหว่างคนที่รู้จัก กับคนที่ไว้ใจ บางทีมันอาจจะไม่จำเป็นต้องเป็นคนคนเดียวกันก็ได้"
   “แต่นายบอกให้ฉันไว้ใจนาย" วินเถียง
   “ซึ่งนายก็ไม่จำเป็นต้องรู้จักฉันก็ได้นี่" ก้องว่าต่อ
   “แต่ฉันอยากรู้จักว่ะ" วินว่า "มันไม่แฟร์กับฉัน เพราะนายรู้จักฉันหมดแล้ว"
   “ยังไง" ก้องถามต่ออีก
   “นายไม่ใช่คนโง่บัดซบ หรือไม่มีหูไม่มีตาเลยนะก้อง" วินร้อง "นายดูไม่ออกเหรอถามจริง ว่าฉันเป็นไอ้คนไม่ได้เรื่องที่ถูกพ่อส่งมาดัดนิสัยอ่ะ.......ไม่รู้เลยช้ะ ถามจริง"
   ก้องเงียบไปพักนึง
   “ก็พอจะเดาได้อ่ะ" ก้องว่า "ก็เพิ่งจะคิดออกได้ไม่นานนี้เหมือนกัน"
   “เห็นมะ" วินว่า "นายรู้จักฉันมาทุกอย่าง เรื่องที่เรียน เรื่องที่ฉันมีปัญหายังไง ทุกเรื่องอ่ะ ฉันก็ต้องมีสิทธิที่จะรู้จักนายบ้างดิวะ"
   “ฉันว่าเรากลับเหอะ" ก้องพูด "ดึกมากแล้ว อากาศเริ่มเย็นแล้ว"
   “เห็นป่ะ ให้ตายยังไงก็ไม่พูด" วินร้อง "นายจะเย็นชาไปถึงไหนวะ ไหนบอกว่าฉันก็พิเศษกับนายพอถึงได้พามาที่นี่ได้ไม่ใช่รึไง"
   “ฉันไม่ได้พูดอย่างนั้น" ก้องว่า "ฉันบอกว่านายน่ะ....”
   “งั้นเอางี้" วินหลับตาลงครั้งหนึ่ง "ผู้หญิงที่ชื่อแคลลี่ คือคนที่อยู่ในรูปของนายในกระเป๋าหน้าของชุดบาริสต้าของนายใช่ป่ะ และที่นี่ก็เป็นที่ที่นายกับเค้าเคยมีความสุขด้วยกัน นายเกิดคิดถึงที่นี่ขึ้นมา ก็เลยพาฉันมาร่วมระลึกความหลัง ใช่ป่ะ"ล่ะ”
   ก้องทำตาเบิกกว้างใส่วิน พลางส่งรังสีที่น่ากลัวออกมาจนวินสัมผัสได้ วินกัดฟันเล็กๆ ที่พูดการคาดเดาของตัวเองออกไปอย่างไม่ตั้งตัว เขารู้สึกว่าก้องโกรธเอามากๆเสียด้วย ชายหนุ่มเดินเข้ามาหาวินช้าๆ จากบันไดทางลง วินถอยหลังจนติดกับหน้าต่างหอระฆังพลางหยีตาลง ก้องเดินมาอย่างน่ากลัวมากๆ
และ.....
   “ก....ก้อง...ด...เดี๋ยว...คือ...ฉัน”
   ก้องคว้าตัววินมากอดอย่างรวดเร็ว วินถูกร่างกายที่กำยำกว่าเล็กน้อยดึงเข้าหา เสียงลมหายใจที่หอบถี่ของก้องดังอยู่ข้างหู ความอบอุ่นจากเสื้อหนาวของก้อง และความกลัวของวินที่ดิ่งลงและหวนขึ้นเป็นความตกใจ ทำเอาหัวใจเขาเต้นรัว กลิ่นไอตัวของก้องทำให้จมูกของเขาอุ่นขึ้น ดึงสติที่หล่นวูบให้กลับมา ตอนนี้ร่างกายของเขาอบอุ่นเหลือเกิน มันเหมือนกับมีความรู้สึกบางอย่างส่งผ่านมาหาเขา มือที่โอบหลังเขา บีบแน่นเบาๆ อยู่อย่างนั้น
   กอดกันอยู่นานหลายนาที
   “อย่าพูดชื่อนั้น ถ้านายไม่ได้รู้อะไรมากพอ" ก้องพูดเสียงสั่นเครือ "….แค่นี้ ที่มีนายอยู่ นายก็เหมือนเขามากจนเกินพอแล้ว"
   วินฟังสิ่งที่ก้องพูดอย่างงงงันปนความตื่นตระหนก นี่คือสิ่งท่ประหลาดที่สุดของก้องทำกับเขาเท่าที่เขาเคยสัมผัสมา
   ก้องผละออกจากวินทันที พลางเดินไปยังบันไดวน
   “กลับโรงแรมกันได้แล้ว" ก้องพูดเสียงสั่น พลางเดินลงบันไดหายไป
   วินยังคงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะได้สติและเดินตามก้องไป
   สำหรับเขาเหตุการณ์เมื่อกี้ มันไม่ได้ทิ้งร่องรอยความอบอุ่นไว้อย่างเดียว มันเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดมาก กอดของก้องเมื่อกี้มันบอกอะไรบางอย่างที่วินไม่เข้าใจ
   มันเหมือนกับว่า มันเป็นอ้อมกอดของการดูแลคนที่พิเศษ การดูแลที่ออกมาจากความบริสุทธิ์ใจของใครซักคน
   วินชักจะเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า เขายังอยากรู้เรื่องลึกลับเบื้องหลังก้องอยู่อีกไหม
….........

ออฟไลน์ sanfran

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
มันเข้มข้นขึ้นนะ พัฒนาการก็ไปไกล
เค้ากอดกันแล้วๆ
แต่ทำไมเรารู้สึกว่ามันก็ยังคงความเรื่อยๆเอาไว้อย่างเหนียวแน่?
หรือเรารู้สึกไปเอง

อืมชอบนะความเรื่อยๆ มันหยุ่นๆดี
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 13 Sepia

   “ไม่อ่ะ ฉันว่าไม่ใช่ทางนั้น" วินร้องใส่ก้องในตอนเที่ยงของวันรุ่งขึ้น "เราขับผ่านมาแล้วไม่ใช่เหรอ"
   “อย่าทำเป็นรู้จักถนนที่นี่ดีกว่าฉันไปหน่อยเลย" ก้องตอบ "ขับตามมาเหอะน่า"
   วันรุ่งขึ้นทั้งเขาและก้องตื่นสายกันพอสมควร กว่าจะกลับมาถึงโรงแรมเมื่อคืนก็ร่วมตีสอง วึ่งวันนี้ตามคำพูดของก้อง ทั้งคู่จะขี่จักรยานไปยังอีกฝากหนึ่งของเมืองในช่วงเขต La Pitite France ซึ่งเป็นเขตเมืองเก่าของฝรั่งเศส เป็นเมืองเก่าที่มีคลองตัดผ่าน โดยมีโบสถ์เซนต์พอลตั้งอยู่กลางเมือง เป้าหมายของการเที่ยววันนี้ก็คือ การมายังตลาดศิลป์แผงลอยของนักศึกษาศิลปะที่นี่ นับเป็นที่ที่วินหมายตามามากที่สุด
   เมื่อทั้งคู่ขี่ผ่านศูนย์วัฒนธรรมมาได้ ก็พบกับสะพานข้ามคลองที่มีผู้คนพลุกพล่าน ที่นี่คือตลาดขายงานศิลปะที่ขึ้นชื่อของเมือง ก้องและวินจอดจักรยานไว้ที่เชิงสะพาน ก่อนจะเดินขึ้นไป
   “อยากได้อันไหนก็บอก เดี๋ยวซื้อให้" ก้องพูด
   “จริงอ่ะ แล้วถ้าแพงอ่ะ" วินว่า
   “เชื่อดิ ว่านายจะไม่หยิบอันแพงมาให้ฉันออกตังค์ให้หรอก" ก้องว่า "แล้วอีกอย่างถึงจะแพง มันก็งานศิลป์ ถ้านายชอบ ก็ซื้อไปเหอะ"
   “งั้นก็ไม่เกรงใจแล้วนะ" วินว่า
   วินได้เห็นงานศิลปะมากมาย ทั้งภาพถ่ายแล้วก็ภาพวาด บางร้านเอาของสะสมสมัยเก่าๆมาขายในธีมโอล์ดี้ ซึ่งเก๋ไก๋ไม่เบาทีเดียว ขณะที่ก้องกลายเป็นคนถ่ายรูปให้วินแทน เพราะเจ้าตัวมัวแต่ม่วนกับการเลือกซื้องานศิลปะ
   วินใช้เวลานานมากทีเดียวบนสะพานนั้น และถนนที่อยู่ถัดไป วินซื้อภาพวาดสองรูปมาจากร้านของนักศึกษาคนหนึ่ง เป็นภาพวาดวิวจากหอระฆังโบสถ์นอร์เทอร์ ดามตอนกลางคืน มุมเดียวกับที่ก้องและวินไปมาเมื่อคืน และอีกรูปเป็นรูปทิวเขานอกเมืองที่อยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้า และบ้านไม้หลังหนึ่งที่จัดวางภาพได้งดงาม แม้ว่าก้องยืนยันว่าจะไม่ช่วยแบกกลับปารีสแน่ๆก็ตาม แต่วินก็เกลี้ยกล่อมให้ก้องช่วยถือได้สำเร็จ
   ล่วงเลยเวลาไปหลายชั่วโมง ทั้งคู่ขี่จักรยานชมเมืองเก่าไปรอบๆ วินได้รูปถ่ายสวยๆเยอะมากในชุกช่วงตึก บรรยากาสวันนี้ที่ไม่ร้อนและไม่หนาวจนเกินไป ทำให้การขี่จักรยานทางไกลเป็นไปด้วยความสนุก และก้องเองก็เลิกทำตัวลึกลับอีกต่างหาก ทั้งคู่จับจองที่นั่งริมคลอง ที่สามารถมองเห็นหอคอยแฝดทรงจตุรัสตรงปากทางเข้าเมืองได้พอดี เพื่อนั่งดื่มโกโก้ร้อนๆจากร้านข้างทาง วินนั่งกดดูรูปที่ถ่ายมาได้อย่างมีความสุข ขณะที่ก้องนั่งพิงเก้าอี้มองไปเบื้องหน้าอย่างสบายใจ
   “ก้อง รูปนี้สวยเปล่า" วินยื่นกล้องให้ดู เป็นภาพห้องแถ;ริมคลองที่แสงสวยมากๆ
   “อืม สวย" ก้องว่า
   “ยังไม่ทันดูจริงๆเลยนาย พูดไปเรื่อย" วินร้อง
   “ดูแล้วค้าบ" ก้องพูดย้ำ
   “เออๆ ดูแล้วก็ดูแล้ว" วินส่ายหน้าพลางกลับไปกดรูปในกล้องต่อ
   จริงๆแล้วการเที่ยวของทั้งคู่วันนี้มันไม่เหมือนกับเมื่อวานเลยซักนิด บรรยากาศมันสุดที่จะอึมครึมจนออกจะอึดอัดไปด้วยซ้ำ เพราะบทสนทนาของวินและก้องที่สุดแสนจะปกติ กลับไม่ได้มองหน้ากันเลย ทุกครั้งที่ทั้งคู่เผลอมองหน้ากัน ก็จะรีบหลบตากันทันที ราวกับมีประแสไฟฟ้าโวลต์สูงวิ่งผ่านไป
   วินยอมรับว่าเหตุการณ์เมื่อคืนสร้างความตะขิดตะขวงใจให้กับเขาอยู่ไม่น้อย แต่เมื่อเช้าขึ้น ก้องพูดกับเขาด้วยนำเสียงสุดปกติว่า "ขอโทษ" และไม่ได้แสดงท่าทีจะรำลึกเรื่องเมื่อคืนแต่อย่างใด เขาก็ไม่อยากจะใส่ใจ
   แต่มันก็เหมือนคนมีคนเอาความลับมาหยอด ถึงแม้ว่าวินรู้ว่าถ้ายิ่งถลำลึกไปมันจะไม่ดี แต่ตอนนี้ วินก็ยังอยากรู้ความลับของก้องอยู่ดี
   วินนั่งเคลียร์รูปในกล้องเสร็จได้ที่แล้ว ก็นั่งพักสบายๆบ้าง โดยการนั่งพิงไปกับเก้าอี้  ขณะที่ก้องยังคงมองไปเบื้องหน้าอย่างนิ่งสงบ เหมืองสายน้ำที่อยู่ตรงหน้า
   “ทะเลาะกับพ่อมาจริงๆเหรอนาย" ก้องถามขึ้นทันที วินรู้สึกอุณหภูมิรอบตัวลดลงอย่างหวบห้าบ ความรู้สึกอึดอัดที่เขาและก้องเก็บซ่อนมาทั้งวันเริ่มเข้ามาแทนที่
   “แล้วยุ่งอะไรด้วยล่ะ" วินถามเสียงห้วน นับเป็นคำถามที่ถลำลึกมากจริงๆ
   “อยากรู้ไม่ใช่เหรอ" กายว่า "เรื่องของฉันน่ะ"
   วินหันควับมาทันที
   “เห้ยนายนี่เปลี่ยนเรื่อง เปลี่ยนอารมณ์ไวจังวะคับ" วินร้อง "บอกตรงๆทริปนี้ฉันโคตรปวดหัวเลยว่ะ เดี๋ยวนายก็เป็นอย่างโน้น เดี๋ยวพูดอย่างนี้ เป็นก้อง เป็นเคลวิน ตามไม่ทันว่ะ"
   “ก็ถ้านายเล่าเรื่องของนาย ฉันก็จะให้นายรู้เรื่องของฉัน" ก้องว่า วินมองก้องอยู่พักหนึ่ง
   “ไม่เอาอ่ะ" วินว่า "ไม่อยากรู้แล่ว"
   วินทิ้งหางเสียงลง เพื่อให้รู้ว่าการกอดของก้องที่หอระฆังเมื่อคืน มันยังทิ้งรอยความรู้สึกบางอย่างบนตัววินอยู่
   “งั้นถ้าฉันไม่ใช่ฉันขึ้นมา อย่าหาว่าไม่เปิดโอกาสให้รู้ละกัน" ก้องพูด
   วินส่ายหน้าครั้งหนึ่ง
   “นี่นายสามารถบังคับฉันได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ" วินว่า "ไหงฉันต้องจนมุมนายทุกเรื่องเลยให้ตายสิ"
   “หึหึ" ก้องว่า "ว่าไงล่ะ ไหนลองเล่ามาสิ ทำไมถึงมาโผล่ที่ปารีส"
   วินนั่งมองดูหอคอยแฝดที่อยู่ริวฝั่งน้ำตรงหน้า เหมือนมันกำลังส่งความหมายอะไรบางอย่าง
   “ก็ทะเลาะกันนั่นแหละ" วินพูดเบาๆ "ฉันมันก็ไม่ได้เรื่องจริงๆอ่ะ"
   “ไม่มีเหตุผลมากกว่านั้นเลยเหรอ" ก้องถามอีก
   “ก็มีอ่ะ แต่ไม่รู้บอกนายไป นายจะเข้าใจหรือเปล่า" วินว่า "ก็ประมาณว่า ฉันไม่อยากทำงานกะเค้า ยิ่งฉันไม่ได้เรื่องแบบนี้ด้วย เค้าก็เลยส่งมานี่ ให้มาเรียน"
   “แล้วทำไมเค้าไม่ส่งเงินให้อีกอ่ะ" ก้องถามตรงเข้ามาอีก เหมือนีดบางอย่างแทงจี๊ดเข้าใจของวิน
   ชายหนุ่มก้มหน้าลงช้าๆ
   “จริงๆฉันขอเขาอีกก็ได้" วินว่า "แต่......ฉันไม่อยากขออีกแล้ว"
   “หยิ่งหรือไง" ก้องว่า
   “เออ หยิ่ง" วินร้องประชด "มีความสุขจะตาย นายเลี้ยงแบบนี้อ่ะ"
   “งั้นเหรอ" ก้องว่า "รู้ป่ะค่าใช้จ่ายที่ฉันเลี้ยงนายมาตลอดทริปนี้อ่ะเท่าไหร่"
   “โห ไอ้งก" วินว่า "ไหนว่าเลี้ยงไงวะ มีจดค่าใช้จ่ายไว้ด้วย ไอ้..."
   “ล้อเล่น" ก้องว่าพลางยิ้มน้อยๆ "จำไม่ได้หรอก บ้าป่าว"
   วินมองค้อนก้องแว้บหนึ่ง และเงียบกันไปพักหนึ่ง
   “เรื่องของฉันก็ประมาณนี้แหละ" วินว่า "ไม่ต้องละเอียดมากหรอก มันเป็นเรื่องงานของพ่ออ่ะ บอกไป นายก็ไม่เข้าใจหรอก"
   “แล้วก็ไม่คิดจะกลับไปอีกเลยเหรอ" ก้องถาม
   “ไม่" วินตอบทันที "นายอยากให้ฉันอยู่ด้วยต่อไม่ใช่หรือไง"
   “ใช่" ก้องตอบ "แต่ถ้าฉันไม่ได้ชวนอ่ะ ถ้าเกิดฉันให้นายอยู่ได้แค่นี้พรุ่งนี้อะไรอย่างนี้"
   วินถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางมองออกไป หัวใจของเขารู้สึกโหวงข้างในอย่างประหลาด
   “ไม่รู้เหมือนกัน" วินว่า
   ก้องมองหน้าวินอยู่อย่างนั้น คำพูดธรรมดาของวินคำนั้น มันเต็มไปด้วยความรู้สึกเศร้าเกินไป
   “อื้ม" ก้องว่า "ก็นี่ไง อยู่ด้วยกันนี่แหละ"
   วินหันกลับมายิ้มให้ก้องเบาๆ
   “ฉันเองก็....ไม่ได้อยู่กับใครมานานแล้ว" ก้องตอบ "มีนายอยู่ด้วยมันก็.....สนุกดีเหมือนกัน"
   “อ่านะ" วินว่า "ขอบใจ"
   แล้วก็เข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง วินไม่กล้าถามก้องกลับเกี่ยวกับเรื่องอะไรก็ตามที่ก้องปิดบังเขาอยู่ เดี๋ยวจับพลัดจับพลูก้องโผกอดเค้าตรงนี้มันจะไม่ดีเป็นแน่ ได้แต่ปล่อยให้ความรู้สึกที่มีความเหงาเจือปนเบาบาง ไหลลอยไปกับบรรยากาศของเมืองตรงนี้
   “กลับกันเถอะ" ก้องว่า วินเหลือกตาขึ้นน้อยๆ กะแล้วว่าก้องก็ไม่ยอมพูดให้เขาฟังแน่ๆ ทำทีเป็นหันหน้าไปยิ้มให้
   “อื้อ ที่นี่สวยมากเลย" วินว่า "แต่คืนนี้ก็ไม่ต้องพาย้อนมาแล้วนะ"
   วินแกล้งพูดเป็นนัยๆ
   “ไม่หรอก" ก้องว่า "คืนนี้ ฉันจะให้นายรู้เรื่องของชั้นไง"
   ก้องลุกขึ้นออกเดินไปยังจักรยานทันที
   วินนั่งอึ้งอยู่อย่างนั้น
…..............

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
เวลาก็เหมือนจงใจเดินเร็วขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน  บาริสต้าก้องและวิน ทำงานเข้าขากันอย่างดีในตอนค่ำของวันนั้น เป็นเรื่องที่น่าตกใจอยู่เหมือนกัน ที่ก้องเหมือนกลายเป็นเคลวินอย่างสมบูรณ์แบบ วินได้เห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่อบอวลอยู่หลังบาร์นั้นทำให้หัวใจของวินพองโตเอามากๆ
   สามทุ่มตรง หลังจากที่วินออกเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ก้องบอกเขาว่าให้ลงมารอที่บาร์ ซึ่งเมื่อเขาลงมาก็ไม่พบกับใครเลย วินหงุดหงิดเล็กน้อยที่ต้องนั่งรอก้องอยู่นานสองนาน
   “หายไปไหนของเค้าวะ" วินบ่นออดแอดเบาๆ "หลอกให้รอป่ะเนี่ย"
   ผ่านเวลาไปเกือบสี่ทุ่ม วินตากแข็งเป็นหินเมื่อซัดกาแฟไปแก้วที่สามแล้ว ความโกรธทวีความรุนแรงขึ้นเป็นสามเท่าตามแก้วกาแฟ แถมตอนนี้คนในบาร์ก็ค่อยๆหมดแล้วด้วย
   “ไม่ไหวแล้วโว้ย" วินลุกขึ้นอย่างโกรธขึ้ง ก่อนจะเดินออกจากบาร์ไปยัง Lobby ทันที เพื่อขึ้นไปนอน หมอนี่ทำให้เขารออย่างไม่มีเหตุผลเพื่ออะไร วินคิดว่าถ้าก้องกัลบมาที่ห้องเมื่อไหร่ คงจะได้พ่นไฟใส่ให้สาสมกับเวลาหนึ่งชั่วโมงที่ให้เขารอด้วยความตื่นเต้นอยากรู้
   “คงคิดว่าฉันอยากรู้เรื่องของนายมากสินะ" วินว่าขณะเดินผ่าน Lobby  ”ถ้าไม่อยากเล่าให้ฟังก็ไม่ต้องมาทำให้อยากรู้กันเซ่"
   “คุณวิน" เสียงอันคุ้นหูร้องทักขึ้นทันก่อนที่วินจะกดลิฟท์
   “อ้าวจีโอ" วินทัก "หวัดดีคับ ยังอยู่โรงแรมอีกเหรอครับ"
   “ใช่ใช่ ผมรอคุณอยู่อ่ะ" จีโอว่า
   “รอผม" วินทำหน้าสงสัย "มีอะไรหรือเปล่าคับ"
   “เรื่องเคลวิน" จีโอตอบ "คุณเห็นเค้าหรือเปล่า"
   “ผมรอเค้ามาชั่วโมงนึงแล้วจีโอ เคลวินของคุณอ่ะ" วินว่ากลับด้วยความโมโห "เค้านัดผมไว้สามทุ่มที่บาร์ ผมนั่งดื่มกาแฟรอเค้าจนตาผมแข็งเป็นหินแล้ว"
   “โอ้ จริงเหรอ" จีโอร้อง "เค้าหายไปไหนของเค้านะ ผมมีเรื่องสำคัญมากจะคุยกับเค้าด้วยอ่ะสิ แต่ผมก็อยากกลับบ้านแล้วเหมือนกัน"
   “จะฝากผมไว้เหรอครับ ที่รอพบผมอ่ะ" วินถาม
   “อ่อ ใช่ๆครับ" จีโอว่า "ฝากบอกเค้าทีว่า เรื่องสาขาของเมอร์เคียว ที่จะเปิดที่สตรัมเบิร์กเดือนหน้า ผมทำแผนธุรกิจให้เค้าแล้ว เหลือให้เค้ามาเซ็นรับทราบก็พอครับ ส่วนเรื่องอัตราส่วนการถือหุ้น ก็ให้เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ได้เลย"
   วินฟังคำพูดของจีโออย่างไม่เชื่อหู ต้องมีการเข้าใจผิดอะไรแน่ๆ
   “เดี๋ยวนะ" วินว่า "ผมตามไม่ทัน เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะ"
   “ให้ผมจดให้มั้ย" จีโอว่า "ยาวไปล่ะสิคุณวิน"
   “ไม่ใช่คับ" วินว่า "เรื่องพวกนั้นอ่ะ หุ้นส่วนโรงแรมอ่ะ ก้อ...เอ้ย เคลวินเค้าเป็นหุ้นส่วนโรงแรมอะไรกับเค้าด้วยเหรอคับ"
   “อ้าว นี่เค้าไม่ได้บอกคุณเหรอคับว่าเขาเป็นเจ้าของที่นี่อ่ะ" จีโอว่า "ผมนึกว่าคุณรู้แล้วซะอีก ที่มาพักที่นี่กะเค้าอ่ะ"
   วินเหลือบตาไปมองบาร์ครั้งหนึ่ง
   คืนนี้ฉันจะให้นายรู้เรื่องของชั้นไง....
   วินหันกลับมาหาจีโอ
   “คุณจีโอ" วินพูดเสียงแข็ง "ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ"
   “ห๊ะ...” จีโอพูดเสียงตลก พลางตกใจที่วินมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาทันที "ผ...ผมต้องรีบกลับนะ เดี๋ยวโดนอีแหม่มที่บ้านว่าเอาแน่เลย"
   “รบกวนไม่นานหรอกคับ" วินว่า "เชิญในบาร์หน่อยคับ"
   วินเดินนำหน้าเข้าไปอย่างไม่รีรอ พลางนั่งรงที่โซฟาที่ติดกับประตูที่สุด อย่างเร่งรีบ จีโอเดินเข้ามานั่งตาม พลางขยับตัวไม่เป็นสุข เมื่อสายตาของวินจับจ้องอย่างแข็งกร้าว
   “ม...มีอะไรคับ" จีโอถามเสียงสั่น
   “ผมอยากรู้เรื่อของเคลวิน......ทุกเรื่อง" วินว่า "ผมไม่สน ว่าเคลวินจะขอให้คุณพูดหรือไม่พูด แต่ผมต้องการรู้เดี๋ยวนี้"
   “เอ่อ...คือ" จีโอพูด "ถ...ถ้าเคลวินรู้ผมก็ตายสิครับ"
   “ถ้าคุณตายเพราะเค้า.....เดี๋ยวเค้าก็จะตายเพราะผมเอง" วินว่า "เมื่อวาน ผมก็ได้ยินที่เคลวินพูดกับคุณด้วย"
   “โอ้...แรง" จีโอทำหน้าตลก ก่อนจะยิ้มแหยๆ "ผมล้อเล่นคุณอ่ะ...เรื่องหุ้นส่วนเมื่อกี้น่ะ"
   “ผมไม่ตลกนะคับ" วินว่า "และผมก็ไม่เชื่อด้วย ว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง"
   จีโอถอนหายใจ พลางมองหน้าวิน สีหน้าแววตาแบบนี้ มันก็จริงอย่างที่เพื่อนเขาว่า จีโอผ่อนตัวลงก่อนจะนั่งประสานมือกันอย่างสุภาพ และมองหน้าวินกลับ
   “เค้าบอกคุณเหรอ" จีโอว่า "เรื่องของเค้าอ่ะ ผมจะไม่เล่าอะไรทั้งนั้น เดี๋ยวผมซวยเอาจะยุ่ง"
   “เค้าบอกจะให้ผมรู้วันนี้" วินว่า "ผมก็นั่งรอเค้ามาชั่วโมงนึงเลยจีโอ ถ้าเค้ามาหายตัวไปแบบนี้ ผมก็ไม่รอแล้ว...แล้วเมื่อกี้คุณก็พูดเรื่องที่ผมไม่เข้าใจเกี่ยวกับตัวก้อง...ก้อง เคลวินอีก ผม....”
   “คุณเรียกเค้าว่าอะไรนะ" จีโอถาม "ชื่อเมื่อกี้อ่ะ"
   “ชื่อไหนครับ" วินถามอีก
   “ชื่ออีกชื่อที่คุณเรียกเคลวิน" จีโอถาม
   “ก้องครับ" วินว่า "ก็เค้าชื่อก้องไม่ใช่เหรอ"
   จีโอทำหน้าตกใจและเคร่งเครียดขึ้นมาทันที เค้าถอนหายใจอย่างรุนแรง พลางมองมาทางวินอย่างตระหนกกังวล วินรับรู้ถึงเรื่องบางอย่างที่น่ากลัว จีโอเป็นผู้ชายอามรณ์ดี อะไรก็ตามที่ทำให้อารมณ์ของเขาเปลี่ยนไปได้หวบห้าบขนาดนี้ได้ มันต้องไม่ใช่เรื่องเล็กแน่ๆ
   “เขาไม่เคยลืมจริงๆสินะ" จีโอพูดขึ้น "มันเป็นอย่างนั้นจริงๆสินะ เค้าถึงกลับมาที่นี่.....”
   วินนั่งฟังสิ่งที่จีโอพูดอย่างสงบนิ่ง เค้าไม่หวั่นกับความจริงใดใดองก้องอีกแล้ว
   เพราะเดี๋ยวหมอนั่นต้องชดใช้เขาอย่างสาสมแน่ๆ
   “เพราะคุณเองก็เหมือนเค้ามากจริง" จีโอว่าพลางถอนหายใจ "ถ้าผมเล่าให้คุณฟัง คุณจะบอกเค้ามั้ยเนี่ย ว่าผมเป็นคนเล่า"
   “เล่ามาเถอะครับ" วินว่า "เพราะผมก็กะอยู่เหมือนกันว่าถ้าเค้าไม่เล่าเอง ผมจะหาทางรู้เองให้ได้อยู่ดี"

   จักรยานคู่ใจของวิน ปั่นไปตามถนนของสตราส์เบิร์กในยามค่ำคืน แสงไฟสีเหลืองอันสวยงาม กลับยิ่งทำให้ถนนดูมืดหม่นลงไปอย่างไม่น่าเชื่อ วินสามารถจำทางไปยังโบสถ์เซนต์พอลได้อย่างแม่นยำ ด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่านอยู่ตอนนี้

   “เรื่องแรกเลยที่เค้าปิดบังคุณแน่ๆ ลองเป็นแบบนี้แล้ว ก็คือ...เคลวินเค้าไม่ได้ชื่อก้อง" จีโอพูด "เคลวินเป็นชื่อจริงของเค้า คนที่นี่เรียกเค้าว่าเคลวินกันทุกคน ก็อย่างที่คุณเห็น แต่ถ้าเป็นชื่อเล่นแบบคนไทย เค้าชื่อไกด์"
   วินรู้สึกจำอะไรได้ขึ้นมาบางอย่างที่ย่านกลางเมืองของสตราส์เบิร์ก
   “แล้วเค้าก็ไม่ได้เป็นพ่อครัวด้วยใช่ไหมครับ" วินถามต่ออีก
   “อืมมมม เค้าก็เป็นนะ" จีโอว่า "เค้าทำอาหารเก่งขึ้นมาเลยตั้งแต่ย้ายไปปารีส"
   “งั้นก็แสดงว่าเค้าเป็นคนที่นี่สินะคับ" วินถามอีก
   “ก็ใช่.....เค้าเคยอยู่ที่นี่กับเคลลี่" จีโอพูด
   “แฟนของเค้า" วินพูดต่อ "ผมเคยเห็นรูปถ่ายของผู้หญิงคนนี้ ในกระเป๋าของเค้า"

   วินกัดฟันเพราะลมหนาวตีใส่หน้าขณะปั่นจักรยานขึ้นสะพาน มันเป็นเรื่องที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนเกี่ยวกับเจ้าบาริสต้า ถ้าเขารู้ก่อนหน้านี้ อะไรๆคงเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก เขาไม่เคยมีความรู้สึกโกรธรุนแรงกับใครมากเท่านี้มาก่อน เขาต้องไปพอหมอนั่นเดี๋ยวนี้

   “หือ.....” จีโอว่า "รูปเหรอ ผู้หญิงเหรอ ไม่ใช่แล้วๆ เคลลี่นะคุณไม่ใช่แคลลี่ เคลลี่เป็นผู้ชายนะคุณ"
   วินทำสีหน้างงงัน
   “อะไรนะครับ" วินว่า
   “เคลลี่เป็นน้องชายของเคลวิน" จีโอว่า "ทั้งคู่ย้ายจากเมืองไทยมาอยู่ที่นี่...น้องชายของเขานั่นแหละ ที่ชื่อก้อง"
   “อย่างงี้เองน่ะเหรอครับ" วินว่าพางกำหมัดแน่น "แล้วเค้าย้ายไปปารีสทำไม น้องชายเค้าไปไหนล่ะครับ"
   “น้องชายเค้าเสียแล้ว เมื่อสองปีที่แล้ว" จีโอพูด "และนั่นแหละที่ทำให้เคลวินเค้าเป็นแบบนี้น่ะ"

   วินจอดจักรยานอย่างลวกๆที่หน้าโบสถ์เซนต์พอล ก่อนจะเดินตัดตรงไปยังสุสานที่อยู่ด้านตะวันตกของโบสถ์ ทั้งหมดที่เขาต้องการตอนนี้ ก็คืออยากเห็นหน้าเจ้าบาริสต้าที่รู้จักดี หรืออย่างน้อยก็เคยรู้จักให้ชัดๆ เพื่อที่จะได้ตอบคำถามเขาให้ชัดเจน

   “เกิดอะไรขึ้นครับจีโอ" วินถาม "เรื่องที่เค้าไม่อยากให้ผมรู้ ที่บอกว่าผมเหมือนมาก เหมือนน้องชายเค้าใช่หรือเปล่า"
   จีโอพยักหน้าทันที
   “แต่นายเหมือนจริงๆนา" จีโอว่า
   “เกิดอะไรขึ้นกับน้องชายเค้า" วินถามต่อ "ก...ก้องน่ะ"
   “นายต้องเข้าใจก่อนนะว่า เคลวินกับเคลลี่ เค้าไม่เหลือครอบครัวที่ไหนอีกที่เมืองไทย" จีโอว่า "เท่าที่รู้ก็คือ ทั้งคู่ย้ายมาใช้ชีวิตที่นี่ คนพี่เป็นนักธุรกิจ สานต่ธุรกิจของครอบครัว คนน้องไม่สนใจอะไร อยากเป็นพ่อครัว อยากเปิดร้านอาหาร"
   วินรู้สึกเหมือนมีคนเปิดสวิตซ์ไฟในสมองช้าๆ ทีละดวงๆ
   “เมื่อก่อนเคลวินเป็นคนที่เข้มงวดกับน้องชายมาก เจ้าเคลลี่เองก็ตามใจพี่ชายจนบางครั้งชั้นก็คิดเหมือนกันว่านี่ตชีวิตเค้าเอง หรือชีวิตพี่ชายกันแน่" จีโอว่า "พี่น้องคู่นี้ชอบทะเลาะกันอยู่เรื่อย เรื่องบางเรื่องไม่เป็นเรื่องก็ยังทะเลาะกัน บางทีแค่เรื่องเลี้ยงข้าวกันมื้อนึงก็ยังทะเลาะกันเป็นตุเป็นตะ"
   วินหลับตาลงครั้งหนึ่ง
   “เค้าเสียยังไง" วินว่า "คุณเล่าได้ไหม"
   จีโอถอนหายใจครั้งหนึ่ง
   “โอเวอร์โดส" จีโอพูดเสียงสั่น "เคลลี่ติดโคเคนอยู่สองปี ตอนที่เค้าไปทำงานที่ปารีส"
   “เป็นไปได้เหรอคับ" วินถาม "ไหนว่าไกด์เค้าดูแลดีไง"
   “ใช่ เพราะดูแลดีไง ดูแลในแบบของเค้า" จีโอพูด "ถึงจะดูแลดียังไง จุดยืนของเคลวินไม่เคยเปลี่ยน เค้าไม่อยากให้น้องไปทำงานที่ปารีส แต่ผมก็เข้าใจเคลลี่นะ การได้เปิดร้านอาหารที่ปารีส คงเป็นอะไรที่สุดยอดในชีวิตเด็กคนหนึ่งนั่นแหละ เคลลี่ไปเรียนเอง อยู่เองที่ปารีสคนเดียว....อยู่แบบไม่มีที่พึ่งที่ไหน ไม่รู้จักใคร แล้วก็....ไม่ขอเงินจากเคลวินเลยซักเหรียญ"
   ถึงตรงนี้ วินทรุดตัวลงเบาๆ

   วินมองไปรอบๆสุสาน ที่มีแสงไฟสีเหลืองสลัวๆ ส่องไปจางๆ ที่มุมหนึ่งของสุสาน ร่างๆหนึ่งนั่งกอดเข้าอยู่ตรงั้น วินกำหมัดแน่น พลางเดินเข้าไปหาร่างนั้น

   “แล้วเค้าก็ไม่กลับมาที่นี่อีกเลย" วินพูดต่อ "จนกระทั่งผมมาอยู่กับเค้า"
   “เค้าบอกนายเหรอ ว่าเค้าชื่อก้องน่ะ" จีโอพูด "เค้าทำแบบนั้นจริงๆเหรอ"
   “เค้าไม่ใช่แค่บอกว่าเค้าชื่อก้องหรอกจีโอ" วินว่า "ที่ปารีส เค้าเป็นน้องชายของเค้า เค้าใช้ชีวิตอยู่คนเดียว ไปเป็นบารีสต้าอยู่ในร้านอาหารเล็กๆ เช่าห้องเล็กๆ จะกระทั่งผมเข้ามาในชีวิตเค้านั่นแหละ"
   “กะแล้ว" จีโอว่า "เค้าหายไปจากที่นี่ มันต้องมีอะไรแน่ๆ ผมเองก็รับทำงานต่อจากเค้า ไม่มีเวลาตามหาเค้าเลย"
   “ผมพอจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้วล่ะครับจีโอ" วินว่า "ขอบคุณมากที่เล่าความจริงให้ผมฟัง ผมสาบานว่าจะไม่บอกเค้า ว่าคุณเป็นคนเล่า"
   “แหม ถึงยังไงเค้าก็รู้ว่าเป็นผมอยู่ดีแหละ" จีโอว่า "ผมเองก็ฝากบอกเคลวินเรื่องธุรกิจสาขาด้วยและกัน คุณจำทั้งหมดได้ใช่ไหม ไม่งงนะ"
   “ได้ครับ" วินว่า "ไม่งงหรอก จริงๆแล้ว ผมก็เป็นนักธุรกิจคนนึงเหมือนกัน....เคลวินของคุณเค้าก็ไม่รู้เรื่องนี้หรอก"
   “คุณสองคนนี่อยู่ด้วยกันมาได้ยังไงโดยไม่รู้จักกันจริงๆ" จีโอว่า "คุณไว้ใจเขาได้ยังไงกันนะ"
   “ผมก็ไว้ใจไปแล้ว" วินว่า
   “คุณคงเสียใจมากใช่ไหมเนี่ย" จีโอว่า "ผมทำลายความเชื่อใจเค้าของคุณหรือเปล่า"
   “ก็ไม่ถึงขนาดนั้นอ่ะครับ" วินว่า "คงเป็นอย่างที่คุณว่า ผมคงเหมือนน้องชายเค้ามาก ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน เค้าคงดูแลผม เหมือนที่เค้าเคยดูแลก้อง"
   จีโอมองหน้าวินครั้งหนึ่ง
   “ถึงคุณจะเหมือนเค้า แต่คุณก็คือคุณนะ" จีโอว่า
   “ครับ...ผมเข้าใจ"

   มืออุ่นๆวางลงที่ไหล่ของไกด์เบาๆ เขาหันไปมองภาพสะท้อนของก้องที่แจ่มชัดอยู่ข้างๆ
   “กลับกันเหอะ" วินพูดเบา "อากาศเย็นลงแล้วล่ะ"
   “ขอโทษ" ไกด์พูด "ที่ให้นั่งรออยู่ตั้งนาน ไม่ได้ลืมนะ แต่ว่าลุกไปไม่ไหว"
   วินยิ้มให้ครั้งหนึ่ง
   “อื้อ" วินว่า "ก็ไม่ได้นั่งรอจริงจังอยู่แล้ว ใครจะไปอยากรู้เรื่องของนายวะก้อง บ้าแล้ว"
   ไกด์ยิ้มให้วินเบาๆ
   “ลุกได้แล้วค้าบ พรุ่งนี้ต้องกลับปารีสนะ" วินว่า
   “โอเค" ไกด์ตอบ ก่อนจะลุกขึ้นทันที
   วินเหลือบตามองป้ายหลุมศพนั้น

R.I.P
Kenly  W.
1988 – 2008

   “ฉันไม่ได้อยากมาแทนนายซักนิด" วินคิดในใจ "แต่พี่ชายนายคนนี้ ฉันจะดูแลต่อเองนะก้อง"
   ความรู้สึกที่รุนแรงในหัวใจวินตอนนี้ มีแต่ความรู้สึกนี้เต็มไปหมด
….......
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-10-2012 14:45:01 โดย M2M_Jill »

ออฟไลน์ sanfran

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
หว๊าน หวาน รู้สึกไปเองรึเปล่านะ

แล้วก็อยากอ่านมากกว่านี้อะ วินเริ่มดูมีความลับแล้วอะ
รอๆ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
อ่านเรื่องนี้แล้ว หัวใจมันเต้นไม่เป็นจังหวะเลย


ปลื้มมากๆๆ

 :impress2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sanfran

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
มารอ ตอนสายๆ

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
เก็ทแล้วจ้ะ"เพราะหัวใจไม่เคยลืม" ตอนแรกๆยังคิดว่าก้อง(เคลวิน) ที่ว่าไม่ลืมน่ะนึกว่าไม่ลืมคนรักกระมัง
ที่แท้เป็นน้องชายนี่เอง อ่านแล้วสงสารเขามากเลย เขาต้องรักต้องห่วงน้องชายเป็นที่สุด
ดังนั้นเมื่อน้องชายเสียชีวิต และด้วยสาเหตุของการเสียชีวิต เขาจึงเสียใจมาก และเขาคงรู้สึกผิด
และคงคิดโทษตัวเองว่าเป็นต้นเหตุในเรื่องทั้งปวง เขาจึงมีอาการมากขนาดนั้น เหมือนคนป่วยทางจิตเลย
(ขอโทษคนเขียนด้วยนะจ๊ะ ถ้าเราจะวิเคราะห์อาการของเคลวินแบบแรงไปนิด)
แล้วพอเจอวินคงรู้สึกดีและอยากดูแลอยากช่วยเหลือ คงเผื่อจะทดแทนหรือไถ่โทษให้ตัวเองได้แหละเนอะ
วินคงเข้าใจเคลวินแล้วนะ หวังว่านายจะดูแลเคลวินอย่างดี ดังที่พูดกับป้ายหลุมศพของเคลลี

kasune

  • บุคคลทั่วไป
ชอบเื่องนี้มากค่ะ...
ตอนล่าสุดรู้สึกเศร้าและหดหู่ไปเมื่อรูความจริง
สงสารเคลวิน(ไกด์)จัง.. ในตอนนี้คนที่จะมาแทนได้มีแค่วินจริงๆนั่นแหละ
ก็คงต้องให้วินดูแลเคลวินไป
ปล.ชอบประโยคที่วินพูดกับเคลลี่(ก้อง)ที่หลุมศพมากค่ะ..

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 14 Same Changes

   “เห้ยไอ้วิน ไอ้วิน" เสียงของเอิร์ธปลุกวินให้ตื่นขึ้นจากภวังค์ในสตูดิโอ วินสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมามองหน้าเพื่อน "มึงฟังกูอยู่ป่ะเนี่ย คิดไรอยู่วะ"
   “ฟ...ฟัง ฟังดิวะ" วินโกหก "ก็นี่ไง ที่มึงบอกจะให้ปรับสีลงอ่ะ เป็นโทนพาสเทลใช่ป่ะ"
   “เออดิ...นี่สมาธิมึงเยี่ยมยอดมากเลยสัดวันนี้อ่ะ" เอิร์ธประชด "ทำไมวะ นอนน้อยรึไง"
   “ปล่าวๆ แล้วตกลงจะเอายังไง คอลเลคชั่นนี้ จะซื้อไม่ซื้อ" วินถามต่อ
   “ยังตอบไม่ได้ว่ะ ต้องรอคุณเจนเค้ามาเคาะ" เอิร์ธว่า
   “ถ้าจำไม่ผิดถ้าผ่านโปรเจ็คนี้แล้วเราต้องย้ายสตูดิโอไปที่ซูเม่อินเตอร์เนชั่นนอลใช่ป่ะ" วินว่า "ที่คุณเจนเค้าบอกไว้เมื่อตอนเริ่มโปรเจ็ค"
   “อืม" เอิร์ธตอบ "นั่นแหละคือสาเหตุที่กูไม่ลาออก"
   “ทำไมวะ" วินว่า "ไม่ใช่มึงติดต่อดีไซน์เนอร์ที่ไม่มีเส้นสายของเจนจิราไม่ได้หรอกเหรอ"
   “เอ้ยยย ไอ้นั่นมันคนละประเด็น" เอิร์ธแก้ตัวเสียงสูง
   “หราาาา" วินทำเสียงล้อเลียน
   “ไม่คือ ถึงกูเลือกไม่ลาออกจุดยืนกูก็ไม่เปลี่ยนนะเว่ย" เอิร์ธว่า "ยังไงกูก็ไม่ยอมให้คุณเจนเป็นคนเดียวที่ตัดสินงานกูหรอก"
   “เอาเหอะ" วินว่า "จะทำอะไรก็ทำ"
   วินรู้อยู่แล้วว่าเอิร์ธไม่มีทางหาดีไซน์เนอร์ในเมืองนี้ที่ไม่มีเส้นสายของเจนจิราได้แน่ๆ เอิร์ธ็้เหมือนกับเขา ที่โหยหาอิสระ โดยไม่รู้ว่าจริงๆแล้ว การหาทางเลือกอื่นในวงการนี้มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น สุดท้ายแล้ว อะไรบางอย่างก็จะตามไปต้อนเราให้จนมุมอยู่ดี มันก็เหมือนเรื่องของเขากับพ่อ การที่พบเจนจิราที่นี่มันก็เป็นเครื่องยืนยันแล้ว
   “เราเหลือเวลาอีกแค่ 2 วันเอง โปรเจ็คนี้ก็จะจบแล้ว" เอิร์ธว่า "ฮึดๆหน่อยเว้ย"
   เอิร์ธเองก็ใช้คำพูดปลุกใจกับวินบ่อยครั้งเหลือเกิน ซึ่งการปิดโปรเจ็คต้อนเทอมนี้เป็นอะไรที่ค่อนข้างวุ่นวาย การเอาใจเจนจิรายิ่งยากเข้าไปอีก การไม่พูดอะไรของเธอ ก็ยิ่งทำให้อะไรเลวร้ายไปใหญ่ โดยเฉพาะเอิร์ธที่ดูเป็นกังวล แม้ว่าคำพูดปลุกใจของเพื่อนรัก จะไม่สามารถซ่อนความวิตกกังวลไปได้แม้แต่น้อย ใบหน้าของการถูกผูกมัด
   มื้อกลางวันที่ร้านเกล็ดหิมะของเอิร์ธและวินผ่านไปอย่างเฉยชา เอิร์ธอ้างกับวินว่าเราทำงานมาตั้งแต่เช้าก็น่าจะได้พักบ้าง ดังนั้นทั้งคู่ก็ยังอ้อยอิ่งอยู่ที่ร้านเกล็ดหิมะอยู่จนถึงช่วงบ่าย
   “วันนี้เจ้าก้องเพื่อนนายไม่มาทำงานเหรอ" เอิร์ธร้องทักขึ้น
   “อือ" วินรับคำ "เค้าไม่สบายอ่ะ นอนพักอยู่ที่ห้อง"
   “โห แล้วจะอยู่ได้เหรอวะ" เอิร์ธว่า "คือ....งานแบบนี้ถ้าขาดไปซักวันรายได้มันจะหล๋อไปเลยไม่ใช่เหรอ"
   “ไม่หรอก" วินตอบ "ก้องเค้า....บริหารเงินเก่ง"
   “ว่าจะถามตั้งนานแล้ว แกกับก้องไปรู้จักกันได้ยังไงวะ" เอิร์ธถาม
   “มันซับซ้อนว่ะ" วินตอบ "อย่าไปรู้เลย เล่าไม่ถูก"
   เอิร์ธพยักหน้ารับคำเบาๆ
   “เอิร์ธ กูมีเรื่องจะถาม" วินถามขึ้น "เรื่องมึงกับแฟน"
   เอิร์ธสำลักน้ำเบาๆ ก่อนจะมองหน้าวิน
   “เรื่องไรวะ" เอิร์ธถามต่อ
   “สมมติว่ามึงได้สิ่งที่มึงต้องการแล้ว" วินว่า "แล้วมันจะต่างจากเดิมยังไงวะ"
   “ก็อาจจะไม่ต่าง" เอิร์ธตอบ "เคยได้ยินการเปลี่ยนแปลงไปเป็นเหมือนเดิมมั้ย"
   “ไม่เคยอ่ะ" วินร้อง
   “มันก็เคยมีคนเคยบอกฉันว่า ถ้าฉันเข้ามาในโลก Loveless.....เอ้ย....คือ ถ้าคนเรามีความรัก เราจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน" เอิร์ธว่า "เหมือนกับว่าความรักจะทำให้เรานั่งทำอะไรบางอย่าง ทำให้เราเปลี่ยนไป เหมือนที่ฉันพยายามวิ่งไปข้างหน้าไม่หยุด"
   “แต่อันนี้กูว่าจริงนะ" วินว่า "มึงเปลี่ยนไปมาก ไม่เหมือนเอิร์ธคนที่กูรู้จักเลย มึงไม่คิดบ้างเหรอวะว่ามึงอาจจะเสียความเป็นตัวเองไป เปลี่ยนไปเพราะความรัก"
   “ใช่เปลี่ยนไป เปลี่ยนไปเป็นเหมือนเดิม" เอิร์ธว่า "ความรักมันก็เหมือนกรอบบางอย่าง ที่ทำห้กูติดอยู่ในอะไรซักอย่าง ต้องทำอะไรบางอย่าง สูญเสียอิสระไป ไม่เป็นตัวของตัวเอง....แต่ก่อนหน้านั้น ที่กูเป็นคนโหยหาอิสระ กูก็ไม่เคยได้มันมานะเว่ย เขาคนนี้เป็นคนทำให้กูรู้สึกอยากโหยหาอิสระมากกว่าเดิม ทำให้กูเดินมาได้ถึงตรงนี้ มาอยู่กับเค้า และสุดท้ายก็มาติดอยู่ในกรอบกับเค้า ต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อเค้า....ไม่ได้เป็นตัวของตัวเองอย่างที่มึงว่านั่นแหละ"
   “แล้วมันจะคุ้มเหรอวะ" วินว่า
   “มึงไม่เคยมีความรักมึงไม่เข้าใจหรอก" เอิร์ธว่า "ความรักทำให้กูเปลี่ยนไป เปลี่ยนไป แล้วก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม ไม่ได้อิสระเหมือนเดิมก็จริง แต่กูถามหน่อย มึงจะเลือกติดอยู่ในกรอบแบบไหน ติดอยู่กับตัวเอง หรือติดอยู่กับคนที่มึงรักวะ....”
   วินเงียบไปทันที
   “ก็อย่างที่กูบอก มึงไม่เข้าใจหรอก" เอิร์ธว่า "เอาไว้มึงมีแฟน มึงมีใครซักคนที่รู้สึกอยากทำอะไรบางอย่างเพื่อเค้า มึงก็จะเข้าใจกู"
   “ใครซักคน....ที่อยากทำอะไรเพื่อเค้างั้นเหรอ" วินพูด "แล้ว...ถ้าเป็นทำบางอย่างเพื่อตอบแทนล่ะวะ มันจะเหมือนกันไหมวะ"
   “ตอบแทนเหรอ" เอิร์ธถามกลับ "เหมือนดิ มันก็เหมือนมึงตอบแทนบุญคุญพ่อแม่มึงอ่ะ ที่เรารู้สึกรักท่าน มันก็เกิดมาจากความผูกพัน ความรักเหมือนกัน มันก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ ที่กูทำทุกอย่างอยู่นี่ ก็เพราะว่า แฟนกู ทำให้กูเป็นกูทุกวันนี้ กูก็กำลังตอบแทนเค้าเหมือนกัน"
   “ตอบแทนที่ทำให้เราเป็นเรา" วินว่า "….กูเข้าใจมึงและ"
   “หรา" เอิร์ธทำเสียงสูง "แล้วอยู่ดีดีมาถามกูทำไมวะ"
   “เมื่อสองอทิตย์ก่อน ที่มึงบอกกูไง" วินว่า "มึงบอกกูว่าเพดานกูไม่เท่ามึง เป้าหมายกูมีไม่เท่ามึง กูอยากจะบอกมึง ว่าตอนนี้.....กูมีเป้าหมายแล้ว"
   “จริงอ่ะ" เอิร์ธว่า "ไปเยอรมันมาสามวัน กลับมามีเป้าเลย ว่างั้น"
   “เออ" วินประชดกลับ "กูจะช่วยมึง กูสัญญา กูก็มีสิ่งที่กูอยากจะทำเพื่อตอบแทนเหมือนกัน"
   เอิร์ธพยักหน้าพลางยิ้มกว้างให้วิน
   “ย...ยิ้มให้กูทำไมวะ" วินถาม "คิดอะไรกะกูป่ะเนี่ย"
   “กูดีใจ" เอิร์ธว่า "ที่ไอ้วินตัวแสบ ลูกคุณหนู ก็รู้จักทำอะไรเพื่อคนอื่นบ้างเป็นเหมือนกัน"
   “อ่านะ" วินว่า "กูแค่ไม่อยากเป็นภาระใครก็เท่านั้น"
   “คนที่มึงจะตอบแทนเนี่ย พ่อมึงใช่ป่ะ" เอิร์ธถามต่อ
   “ไม่ใช่" วินตอบทันที "ไม่ใช่พ่อกูหรอก"
   “เกิดอะไรขึ้นระหว่างมึงกับเค้าวะ" เอิร์ธถาม
   “มึงอย่ารู้เลย" วินตอบ ก่อนจะนั่งมองออกไปนอกร้านเกล็ดหิมะอีกครั้ง
….......
   ตกเย็นวันนั้น วินรีบออกจากสตูดิโอเพื่อกลับบ้านอย่างรวดเร็ว โชคดีที่เจ้าหน้าที่จาก Esmod ใจดีให้ยาพารากับเค้ามาหนึ่งกระปุก เป็นไปไม่ได้ที่จะซื้อยาจากร้านขายยาที่นี่โดยไม่มีใบสั่งแพทย์ และวินก็มั่นใจว่าไกด์ไม่มีทางให้เขาพาไปหาหมอ
   ประตูห้องเปิดออก วินวางเป้ของตัวเองลงบนโต๊ะทำงาน ก่อนจะเดินไปยังเคาท์เตอร์ครัว ชายหนุ่มเปิดน้ำใส่กาจนเต็ม ก่อนจะเริ่มเปิดเตาเพื่อต้มน้ำร้อนทันที ถ้าหากย้อนกลับไปเป็นเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ สิ่งที่วินทำอยู่มันก็คงจะเงอะเงิ่นไม่เป็นชิ้นดี วินยอมรับว่าเขาไม่เคยต้องทำอะไรอย่างนี้เพื่อใครเลยซักคน แต่มาวันนี้ วินตั้งใจทำทุกอย่าง วางระเบียบชีวิตให้กับตัวเอง ดูแลบ้านขณะที่ไกด์นอนไม่สบายอยู่ในห้อง ทำงานดีไซน์ของตัวเองจนตกดึก หรือแม้แต่ทำงานที่ร้านเกล็ดหิมะแทน....ก้อง
   ระหว่างรอกาน้ำเดือด เอางานออกจากกระเป๋าเป้ของตัวเอง ออกมากางเพื่อตรวจเช็คสเก็ตอีกสองสามแบบอีกครั้ง จดโน๊ตลงบนงานคร่าวๆว่าจะลงสีอะไร พลางตวจเช็ค CI ที่เอิร์ธส่งมา เสียงนกหวีดของกาส่งเสียงเบาๆ เป็นอันว่าได้ที่ น้ำคงอุ่นพอสมควรแล้ว วางงานลงพลางเดินไปยกกาลงแล้วเทลงกะละมังพลาสติกที่มีน้ำเย็นรองอยู่บ้าง เดินไปนำผ้าขนหนูมาแช่ ก่อนจะเริ่มจัดอาหารที่หิวมาจากร้านเกล็ดหิมะ ลงจานแล้ววางลงบนถาดใหญ่ พร้อมกับยาพาราสองเม็ด น้ำสะอาด เมื่อทุกอย่างพร้อม วินยกถาดนั้นเดินเข้าไปในห้องนอนของไกด์ทันที
   ห้องนอนของไกด์ยังคงสภาพเรียบร้อยอยู่เหมือนเดิม แม้ว่าสภาพบนเตียงจะเละเทะอยู่บ้าง เพราะไม่ได้เก็บมาหลายวัน วันวางของทั้งหมดลงบนโต๊ะพับที่ถูกยกเข้ามาในนี้เมื่อไม่กี่วันที่แล้ว เพื่อเอาไว้วางข้าวและน้ำเพื่อให้คุณชายบาริสต้าได้หอบร่างขึ้นมาทาน ผ้าห่มนวมหนานุ่มที่คุมร่างของไกด์เอาไว้ทั้งหมด ทำเอาวินเพ่งพินิจอยู่นาน เหลือบไปหยิบนาฬิกาปลุกที่หัวเตียงมา นาฬิกาที่บ่งบอกเวลาสองทุ่มครึ่งถูกยัดเข้าไปในกองคลุมโปงนั้นทันที วินรออยู่อึดใจหนึ่ง ก่อนที่ผ้านวมจะเปิดออก ชายหนุ่มใบหน้าซีดเซียว ผมยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงหยีตามองหน้าวิน ใบหน้าที่ยังสู้แสงไม่ไหวดูตลกสิ้นดี
   “กลับมาแล้วเหรอ" ไกด์ส่งเสียงยานคาง วินยิ้มให้เบาๆ
   “ยังอ่ะ นี่เป็นโฮโลแกรม ฉันตั้งโปรแกรมปลุกนายเอาไว้" วินพูดติดตลก
   “ไม่ยักรู้ว่าภาพโฮโลแกรมหยิบนาฬิกาปลุกได้" ไกด์พูด
   “ก็เห็นอยู่แล้วจะถามเพื่อ" วินว่า "กลับมาพูดได้แบบนี้ นอนพักคืนนี้ก็น่าจะหายแล้วล่ะนาย"
   วินเอื้อมมือไปแตะที่หน้าผากของไกด์ดู ขณะที่ไกด์มองหน้าวินอย่างมีความหมาย
   “มองไร" วินพูดเสียงสั่นด้วยความเขิน "ก็วัดไข้ไง"
   “รู้แล้วคับ" ไกด์ตอบ "ก็ไม่ได้มองอะไร"
   ไกด์ขยับตัวขึ้นมานอนฟังหัวเตียง พลางหายใจหอบ
   “กลับมาดึกเหมือนกันนะวิน" ไกด์พูด
   “เก็บร้านต่ออีกหน่อย" วินว่า "นายไม่อยู่ ก็เลยต้องเฝ้าร้านต่ออีกซักพัก แล้วก็สเก็ตงานเพลินไปด้วย"
   “ขอโทษนะที่ต้องให้นายมาลำบากช่วงนี้น่ะ ฉัน....” ไกด์พยายามพูด
   “รู้แล้วว่าป่วย" วินว่า "ยังไงก็ต้องทำแทนอยู่แล้วล่ะ ไม่เป็นไรหรอกน่าตอบแทนที่นายพาไปเที่ยวไง"
   ไกด์ยิ้มให้วิน
   “ขอบคุณนะคับ" ไกด์พูดเสียงอบอุ่น วินเดาเอาว่าอาจจะเป็นเพราะอุณหภูมิร่างกายของเขาเอง วินเริ่มลงมือปลดกระดุมเสื้อนอนของไกด์ และชุบผ้ามาเริ่มเช็ดตัว ยอมรับว่าความเก้อเขินมันก็ยังมีอยู่บ้าง แม้จะผ่านมาหลายวันแล้ว ไออุ่นจนเกือบร้อนของตัวไกด์ทำเอาเขาสติแทบแตก เขาไม่เคยทำแบบนี้ให้ใครเลยจริงๆ
   “นายเคยไม่สบายแบบนี้คนเดียวหรือเปล่าเนี่ย" วินถาม
   “ไม่เคยอ่ะ" ไกด์ตอบ "นี่เป็นครั้งแรก"
   “ครั้งแรกของชั้นเหมือนกัน" วินว่า ไกด์หันมามองหน้าวิน "ที่ฉันได้ดูแลคนอื่นน่ะ"
   “ถึงได้ขอบคุณไง" ไกด์ว่า
   “กินข้าวเหอะ จะได้กินยาแล้วก็นอน" วินว่า "เช็ดแค่ข้างบนพอนะวันนี้ นายน่าจะลุกไปอาบน้ำบ้าง จะได้สบายทั้งตัว"
   “อื้อ" ไกด์รับคำ "เออนี่วิน....ถ้าเกิดว่าชั้นหายแล้วอ่ะ นาย.....เข้ามานอนกับชั้นไหมล่ะ"
   “ห๊ะ" วินร้อง "อะไรนะ"
   “ก็....เค้ามานอนด้วยกันไง" ไกด์ตอบ "นายจะได้ไม่ต้องนอนที่โซฟานั่นแล้ว ก็ออกกันคนละครึ่งแล้วนี่ ค่าเช่าอ่ะ"
   วินหัวเราะเบาๆ
   “คนละครึ่งจริงๆเหรอ ไม่ใช่ว่า.....นายออกให้มากกว่าชั้นอยู่ดีหรอกเหรอ" วินหันไปพูดลองเชิง
   “หมายความว่ายังไง" ไกด์ถามกลับ
   “ปล๊าว" วินว่า "กินข้าวได้แล้วก้อง เรื่องย้ายเข้ามา รอให้นายหายก่อน แล้วค่อยว่ากัน"
   วินเดินออกจากห้องนอนของไกด์มา เขาไม่ได้บอกไกด์ว่าเค้ารู้เรื่องทั้งหมดแล้วว่าไกด์โกหกเค้าเรื่องชื่อ วินยึดคำพูดของเจ้าตัวที่บอกกับจีโอคืนนั้นว่า ไกด์อยากจะให้วินรู้เรื่องทั้งหมดจากปากของเค้าเอง วินจึงไม่ได้ใส่ใจ แต่ก็ยอมรับว่าความจริงที่ได้รับรู้มา สร้างความรู้สึกสงสารอย่างจังเข้ามาในหัวใจของวิน ไกด์คงจะรู้สึกผิดกับก้องเอามากๆ และสิ่งที่หมอนี่ทำที่นี่ มันคือการชดใช้ ชดใช้สิ่งที่เค้าไม่เคยได้รับรู้ชีวิตของน้องชายเลย
   วินกลับมานั่งทำงานต่อ แม้ว่าในหัวจะยังมีเรื่องของสองพี่น้องตระกูล Wallnet วนเวียนอยู่ในหัว แต่อย่างน้อยเค้าก็ได้รู้แล้วว่าเค้าควรจะทำสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของตัวเองเพื่อใคร
   การทำอะไรให้ใครซักคน มันรู้สึกอย่างนี่เองสินะเอิร์ธ
   วินคิดในใจ....
   การเปลี่ยนแปลงตัวเองงั้นเหรอ ก็ไม่ได้น่ากลัวซักน่อยนี่นา....
….......
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-10-2012 15:54:16 โดย M2M_Jill »

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 15 It's in your eyes

   “ฉันได้ติดต่อกับทางซูเม่เอาไว้เรียบร้อยแล้ว อาทิตย์หน้า พวกคุณเคลียร์สตูดิโอที่นี่ให้เรียบร้อย แล้วก็เริ่มขนย้ายของได้เลย ได้ยินมาว่าทางสถาบัน เตรียมรถขนย้ายไว้ให้พวกคุรเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น วันศุกร์หน้า คุณก็เช็คของให้เรียบร้อยให้ก็แจ้งทางสถาบันเอาไว้ก็แล้วกัน" เจนจิราพูดขึ้นในวันสุดท้ายก็การเรียนในอาทิตย์นี้ "มีคำถามอีกไหม"
   “แฟชั่นโชว์ที่จะจัดขึ้น จะทันกับที่ซูเม่เปิดตัวคอลเลคชั่นของคุณหรือเปล่า" วินถามขึ้น "ผมกลัวว่างานจะซ้อนทับ"
   “ไม่หรอกคุณวิน คอเลคชั่นของชั้นจะยังไม่เปิดตัวจนกว่าของคุณจะเปิดก่อนน่ะ" เจนจิราว่า
   “มันฆ่ากันเห็นๆเลยนะพี่เจน" เอิร์ธร้อง
   “เธอกังวลงั้นเหรอ" เจนว่า
   “ไม่ครับ" เอิร์ธว่า "ไม่เลยซักนิด"
   วินเตะขาเอิร์ธเบาๆ เพราะน้ำเสียงที่แข็งกร้าวจนเกินไปของเอิร์ธอาจจะก่อสงครามเอาได้
   “ดี" เจนจิราว่า "แบบร่างทั้งหมดที่พวกเธอส่งมาชั้นได้ดูหมดแล้ว แล้วก็ต้องขอชมเชยเลยว่าฝีมือของเธอสองคนพัฒนาขึ้นมา โดยเฉพาะคุณ คุณวิน"
   “ขอบคุณครับ" วินตอบ
   “จะเป็นไรมั้ยถ้าชั้นจะถามว่า...คุณได้แรงบันดาลใจมากจากไหน" เจนจิราถาม "กับคอนเซปต์ Coldness Town นี่น่ะ"
   วินหันไปสบตาเอิร์ธครั้งหนึ่ง เอิร์ธเหลือกตาแสดงความเบื่อหน่ายเล็กน้อย วินหันกลับมาหาเจนจิราอีกครั้ง
   “ช่วงที่คุณไม่อยู่ ผมไปสตราส์เบิร์กมา" วินว่า "ส่วนใหญ่ได้มาจากที่นั่นน่ะ"
   “สตราส์เบิร์กเหรอ" เจนจิราก้มลงไปดูงานวินอีกครั้ง "ฤดูหนาวของเมืองเล็กแบบนั้นก็ไม่น่าจะเลวร้ายขนาดนั้นนะ ทำไมโทนมันถึงดูหดหู่จริง"
   “ผมถึงตัดมันด้วยสีส้มไงคุณ" วินว่า "ก็ยืนเด่นในสีฟ้าเอามากๆเลยด้วยซ้ำ"
   “อืม...” เจนจิราเงยหน้ากลับขึ้นมา "ใช้ได้ค่ะ เป็นความหนาวที่แปลกดี ฉันโอเค"
   “ขอบคุณครับ" วินรับคำ
   “ส่วนคุณเอิร์ธ" เจนจิราว่าต่อ "ฉันรบกวนคุณทำ CI ของเซ็ทที่แล้วมาด้วยนะ"
   “มันไม่ผ่านไม่ใช่เหรอครับอันที่แล้ว" เอิร์ธย้อน "แล้วจะทำซ้ำทำไมอ่ะครับ"
   “มันเป็นต้นแบบของชิ้นนี้ ฉันอยากได้โปรเสดงานทั้งหมดก็เท่านั้น" เจนจิราว่าต่อพลางหันหลังกลับ "ชั้นขอที่ออฟฟิศซูเม่พรุ่งนี้ตอนบ่ายสามโมงนะคะ"
   “พรุ่งนี้วันหยุด ผมไม่สะดวก" เอิร์ธว่า
   “งั้นเป็นเช้าวันอาทิตย์ก็ได้ค่ะ" เจนจิราว่าต่อ
   “วันอาทิตย์ผมก็ไม่สะดวก" เอิร์ธว่า "ผมมีเวลาให้คุณแค่จันทร์ถึงศุกร์ ถ้าคุณอยากได้มัน คุณก็รอจนวันจันทร์ก็แล้วกันคับ"
   เจนจิราหันหลังกลับมาหาเอิร์ธที่มองหน้าเธออย่างท้าทาย
   “ฉันไม่เข้าใจ ว่ามันเป็นเรื่องยากอะไรนักหนาของนาย ที่จะทำตามที่ฉันบอก ทั้งๆที่เราทั้งคู่ก็รู้จักกันดีนะเอิร์ธ" เจนพูดเสียงหนักแน่น
   “อาจจะเพราะเรารู้จักกันดีมั้งพี่" เอิร์ธว่าพลางเอียงคอเล็กๆ
   “เรื่องบางเรื่องเธอก็ไม่ควรยุ่งหรอกนะ" เจนจิราว่า "เพราะมันไม่ใช่เรื่องมันจบไปแล้ว แต่มันไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเลยด้วยซ้ำ"
   “ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่คับ" เอิร์ธแย้ง "ดูพี่จะกังวลเรื่องนี้แทนผมนะ"
   “ก็ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนั้น เธอก็คงไม่มาโผล่เอาที่นี่" เจนจิราพูดเสียงแข็ง "ไม่ว่ายังไงก็ตามเธอยังอยู่ในการดูแลของชั้น และจุดมุ่งหมายของเธอ จะสำเร็จหรือเปล่า มันก็ขึ้นอยู่กับชั้น"
   “แต่ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น" เอิร์ธยังว่าต่อ "พี่มิกคงไม่ยอมให้พี่เข้ามายุ่งกับผมมากไปกว่าอาจารย์ดูแลโปรเจ็คหรอกครับ"
   “งั้นก็แฟร์ๆสิ" เจนจิราว่า "เพราะในฐานะอาจารย์ ฉันขอให้เธอเอา CI มาส่งชั้นวันพรุ่งนี้ตอนบ่ายสามโมงเย็นที่ซูเม่อินเตอร์แนชั่นนอล เลขที่ 14ถนนฮักโซ"
   เจนจิราเดินเข้ามาหาเอิร์ธที่โต๊ะกลางสตูดิโอ
   “และความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างเธอกับชั้น ก็ไม่น่าจะใช่ข้ออ้าง" เจนจิรายิ้มให้เอิร์ธก่อนจะหันหลังเดินจากไปทันที "บอกเพื่อนของคุณว่าให้ระวังไว้บ้างนะคะคุณวิน อิสระในวงการนี้มันไม่ได้ไปง่ายขนาดนั้น คุณเองก็น่าจะรู้ดี"
   เสียงปิดประตูสตูดิโอเงียบไปพร้อมกับเจนจิรา
   “เชี่ย" เอิร์ธเหวี่ยงตัวเองเบาๆก่อนจะทรุดตัวลงกับเก้าอี้
   “อะไรกันนักหาวะ" วินร้องต่อ
   “ใช่ แม่งจะอะไรกับกูนักหนาวะ" เอิร์ธหันไปเห็นด้วยกับวิน
   “ไม่ใช่เค้า มึงอ่ะ" วินหันมาตวาดเอิร์ธ "ไอ้เอิร์ธ ทุกอย่างมันกำลังไปได้สวย มึงอย่าเพิ่งสร้างเรื่องได้ไหม ถ้ามึงจะเอางานทั้งหมดออกไปเร่นอกรอบ กูก็เอาด้วย แต่กูไม่ได้สนับสนุน ให้มึงมาเปิดสงครามในคลาส"
   “ไปได้สวยกับผีอ่ะสิ งานมึงก็ยังต้องแก้อยู่ดี" เอิร์ธว่า "เหลือเวลาอีกอาทิตย์ก็ย้ายสตูแล้ว ถึงไปซูเม่แล้วพรีเซนต์ก็ไม่ได้อะไรอยู่ดี เพราะงานคุณเจนรอจ่อคิวฆ่างานมึงเห็นๆ"
   “นั่นก็คือสาเหตุที่กูนั่งทำงานหามรุ่งหามค่ำอยู่นี่ไงเล่า" วินว่า "กูบอกมึงแล้วไง ว่าถึงมึงไม่สู้ตรงนี้ กูก็ต้องสู้ ฉะนั้นกูจะทำงานยังไง ออกมาเป็นยังไง หรือคุณเจนเค้าจะจ่อคิวฆ่ากูยังไง มันคืองานส่วนของกู แต่กูขออย่างเดียว มึงอย่าสร้างเรื่องให้มันเลวร้ายลงอีก ทำในส่วนของมึงก็พอ"
   “กูไม่ทำ" เอิร์ธว่า "CI ฉบับเก่า กูโยนทิ้งไปไหนละ ก็เสือกไม่เอาเองนี่หว่า แล้วจะเอาอะไรป่านนี้วะ"
   “แล้วมึงไม่บอกเค้าไปล่ะ ว่าทิ้งไปแล้ว" วินว่า
   “บอกแล้วไงอ่ะ" เอิร์ธว่า "อยู่กะเค้ามาหลายเดินแล้ว เดาคำตอบไม่ออกเลยช้ะ"
   “เออ เออ เดี๋ยวกูทำเอง" วินว่า "เอาทั้งหมดที่มึงมีมา เดี๋ยวกูทำแล้วส่งให้มึงเสร็จเลย พรุ่งนี้มึงไปพักเหอะ"
   “ไม่ต้องหรอก" เอิร์ธว่า "ไม่มีก็ไม่ต้องเอา"
   “ไม่เว่ย" วินว่า พลางรวมกองงานของเอิร์ธเข้าหาตัว "กูจะทำ"
   “อะไรของมึงวะ" เอิร์ธว่า "พักนี้มึงจริงจังไปป่ะเนี้ย กูบอกแล้วไง ว่ากูรู้จักนิสัยเค้า มึงไม่ต้องทำหรอก มึงเหนื่อยเปล่า ไปตายเอาดาบหน้ากะกูเหอะ เป็นมึงมึงเอาเหรอ พรีเซนต์งานไปทั้งๆที่รู้ว่ามีของดีกว่ารอฆ่ามึงอยู่แล้ว คอนเซปต์ก็คอนเซปต์เดียวกัน แบรนด์เดียวกัน แล้วจะเปิดโอกาสให้เราเพื่อ....คุณสุเมธไม่มีทางเลือกงานมึงกะกูหรอก ยังไงก็ต้องเป็นเจนจิราสไตลิสเลื่องชื่อคนนี้อยู่แล้ว”
   “ไม่หรอก" วินว่า พลางก้มหน้าลง "ถ้าคุณเจนเค้าเป็นคนอย่างที่มึงว่าจริงๆ กูก็เริ่มจะเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่ซูแม่อินเตอร์แนชั่นนอล"
   “มึงก็จะแพ้ไงไอ้วิน" เอิร์ธว่า "ไม่มีประโยชน์หรอกเชื่อกูเหอะ....มึงก็รู้อ่ะ ว่ากูไม่สู้ในเกมส์ที่ไม่ชนะ"
   “จริงเหรอวะ" วินว่า "แม้แต่เรื่องแพรอ่ะนะ"
   เอิร์ธนิ่งไปพักนึง ถ้าไม่ติดว่าวินทำให้เขาขนาดนี้ ประโยคเมื่อกี้เค้าต้องต่อยหน้าวินแน่ๆ
   “มึงรู้เรื่องนั้นได้ไงวะ" เอิร์ธว่า
   “เรื่องที่มึงไปหาแพรที่ CDC เพื่อนแพรมันพูดกันทั้งนั้นแหละตอนนั้นอ่ะ" วินว่า "กูไม่ได้จะขุด แต่มึงก็เคยลงแข่งเกมส์ที่แพ้เห็นๆมาแล้วไม่ใช่หรือไง"
   “ไม่รู้อะไรจริงอย่า" เอิร์ธว่า "วันนั้นแฟนกูก็ไปด้วย แล้วกูเลิกกับแพรจริงๆก็วันนั้น"
   “แต่มึงเลิกกับมันก่อนหน้านั้นมานานแล้วไม่ใช่" วินว่า
   “แล้วมึงจะขุดเพื่ออะไรวะ" เอิร์ธร้อง
   “กูก็จะบอกมึงไง ว่าไม่ใช่มึงรู้นิสัยกูอย่างเดียว กูก็รู้นิสัยมึงดีเหมือนกันไอ้เอิร์ธ อย่ามาตลก" วินร้อง "ถ้าอะไรที่มันมีค่าพอสำหรับมึง คนอย่างมึงไม่เคยยอมแพ้ แล้วไหงมึงมายอมแพ้กับเรื่องคุณเจน ทั้งๆที่มึงก็บอกเอง ว่าเค้าไม่เกี่ยวอะไรกับมึงโดยตรง แล้วถ้ากูฟังไม่ผิด เมื่อกี้เค้าก็พูดเงี้ย"
   “มึงไม่เข้าใจหรอก" เอิร์ธว่า
   “กูเข้าใจว่ะ" วินว่า "มึงกลัวเค้าไอ้เอิร์ธ"
   เอิร์ธเงียบสนิท
   “ก็เพราะมึงรู้จักเค้าดีไง" วินว่าต่อ "เค้าเป็นสไตลิสมือหนึ่งสุดอีโก้ ที่ทำให้มึง แฟนมึง หรือใครๆรอบตัวของมึงเคยหัวปั่นมาแล้ว มึงก็เลยกลัวเค้า ว่าเค้าจะมาเป็นอุปสรรคตัวเอ้ในการทำอะไรๆให้กับแฟนมึง เพราะมึงกำลังทำเรื่องนี้อยู่ตัวคนเดียวไงล่ะ มึงกลัวที่จะเผชิญหน้ากับเค้าไอ้เอิร์ธ"
   เอิร์ธหายใจเข้าไม่เป็นจังหวะ ก่อนจะก้มหน้าลง
   “มึงไม่มีทางชนะเค้าหรอกไอ้วิน" เอิร์ธว่า "กูอาจจะกลัวเค้าอย่างที่มึงว่าก็ได้ แต่เชื่อกูเหอะ อย่าไปงัดข้อกับเค้า กูพยายามจะบอกมึง ให้มึงรู้สึกว่าการต่อโปรเจ็คนี่ต่อไปมันอาจไม่มีประโยชน์....เชี่ยเมื่อไหร่เราจะเลิกทะเลาะกันเรื่องนี้ซักทีวะ"
   “ก็เพราะกูรู้ว่าเป้าหมายมึงมันไม่ได้ไปถึงง่ายๆอ่ะดิ มึงอย่าคิดว่ายอมเสียส่วนคุณเจนแล้วไปจะมีดาบหน้าให้มึงไปตาย" วินว่า
   “หมายความว่ายังไงวะ" เอิร์ธว่า "มันต้องมีดิวะ มึงไม่เชื่อใจกูเหรอ"
   “กูเชื่อใจมึง" วินว่า "แต่มึงอ่ะเชื่อใจกูป่ะล่ะ กูเชื่อว่ายังไงตอนนี้มันก็เท่ากับมึงงานกูออกไปเร่ตัวเปล่า ไม่มีใครรับฟังมึงขายงานพวกนี้หรอก ทางเลือกในวงการเนี้ย มันไม่ได้มีอิสระอย่างที่มึงคิดหรอกนะ"
   “มึงแน่ใจได้ยังไง" เอิร์ธว่า
   “กูบอกมึงไปตอนนี้มึงก็ยังไม่เชื่อกูอยู่ดี" วินว่า "กูขอ กูขอให้มึงอดทน จนกว่าจะถึงวันพรีเซนต์งานที่ซูเม่ กูขอครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ถ้าตรงไหนมึงขัดใจ มึงไม่ไหว ไม่อยากทำ บอกกู เดี๋ยวกูทำเอง แต่กูอยากให้มึงอยู่ อยู่กับกูจนกว่าโปรเจ็คนี้จะจบ กูขอแค่โปรเจ็คนี้จบ แล้วมึงจะเก็ททุกอย่างไอ้เอิร์ธ"
   เอิร์ธมองหน้าวิน แววตาแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน อย่างน้อยก็ตลอดหลายเดือนที่ปารีสนี่ วินเปลี่ยนไปมาก มากจนเขาตามไม่ทัน
   “แล้วถ้ากูไม่ได้อะไรขึ้นมาเลยล่ะ" เอิร์ธว่า
   “ถ้ามึงอดทน ทำสิ่งที่มึงคิดทำไม่ได้แน่ๆจนผ่านมันไปได้ ต่อจากนี้ ไม่ว่ามึงจะไปเจอเรื่องอะไร ก็ไม่มีที่มึงจะทำไม่ได้อีกแล้วป่ะวะ" วินตอบ มันคือสิ่งที่ก้องในความทรงจำ สอนเขาเอาไว้ เอิร์ธมองหน้าวินทันทีพลางหรี่ตาลง และมองเข้าไปในดวงตาของวิน
   “กูตกลง" เอิร์ธว่า "กูเข้าใจมึงแล้ว กูจะอยู่ให้มึงจนจบโปรเจ็คนี่"
   “ก็แค่นั้นแหละ" วินว่าพลางครุ่นคิดบางอย่าง
   เอิร์ธแค่ไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับพ่อ การที่เขามาอยู่ที่นี่มันมีสาเหตุ การที่เขาพบกับเจนจิรามันก็มีสาเหตุเหมือนกัน ดังนั้นเหตุผลขอมันจะต้องกระจ่างชัด และเขาก็ต้องจัดการเรื่องนั้นให้เรียบร้อย เขาไม่ต้องการเงาใดใด มาป้วนเปี้ยนวนตัวเขาอีกแล้ว หากว่าเอิร์ธต้องการอยู่ในวงการนี้ต่อ เขาก็จะทำให้ ความต้องการของเอิร์ธ ที่กำลังเป็นเหมือนแรงดันมหาศาล วินจะใช้มันดันเอาความจริงบางอย่างที่ซ่อนตัวอยู่รอบๆตัวเขาอย่างเบาบางให้ออกมา และเขาก็จะสะสางมันอย่างจริงจัง
   เพราะบางทีเขาก็รู้สึก ว่าเขาเองก็เหมือนกับก้องมากๆอย่างที่จีโอว่า บางทีเขาก็สงสัยว่านี่คือชีวิตของเขาหรือว่าชีวิตของใครกันแน่
   “ก้องเป็นสอนให้มึงคิดแบบนี้ใช่ป่ะ" เอิร์ธปลุกวินให้ตื่นขึ้นจากภวังค์ วินหันไปมองเพื่อนทันที
   “ว่าอะไรนะ" วินร้อง "พูดไรวะ ไม่เข้าใจ"
   “แววตามึงอ่ะ มันฟ้อง" เอิร์ธบอก "ที่มึงเงียบๆไปเมื่อกี้ กูรู้สึกเหมือนมึงเป็นเพื่อนร่วมห้องมึงอ่ะ"
   “ทำไมวะ" วินว่า
   “มึงไม่เคยมีความคิดแบบนี้" เอิร์ธว่า "ไอ้ลูกคุณหนุตัวแสบอย่างมึง เคยทำอะไรด้วยตัวเองบ้างล่ะ ที่มึงเป็นอย่างนี้ก็เพราะก้องอ่ะดิ"
   วินไม่ตอบอะไร
   แต่เขาไม่ปฏิเสธว่าสิ่งที่เอิร์ธพูดมัน
   ถูกต้อง...
…......
   “ต้องใช่แน่ๆเลย บอกเจ๊มาดีกว่าหนูวิน" เจ๊ใหญ่ทำเสียงตื่นเต้นใหญ่ขณะที่พูดกับวิน ในตอนค่ำของวันนั้น ขณะที่วินช่วยเค้าเก็บร้าน "มันเป็นไปไม่ได้หรอก เจ้าก้องน่ะ เค้าไม่เคยเป็นแบบนี้ เจ๊ว่าต้องใช่แน่ๆ"
   “แล้วเจ๊เห็นเค้าเป็นแบบนี้บ่อยแค่ไหนอ่ะ" วินถามกลับ
   “ก็ตั้งแต่เค้าหายไข้แล้วกลับมาทำงานนั่นแหละ" เจ๊ใหญ่พูดพลางนั่งนับเงินไปด้วย "ก็เราอ่ะไม่ทำงานช่วงเช้าแล้วนี่วิน ก็เลยไม่เห็นอย่างที่เจ๊เห็น ยิ่งเวลาเค้าชงกาแฟแล้วส่งให้ลูกค้าโห ถ้าเป็นเจ๊รับแก้วนะใจละลายอ่ะ"
   “เค้ายิ้มกวานขนาดนั้นเลยเหรอเจ๊" วินว่า "เวอร์ไปมั้ง"
   “ต้องใช่แน่ๆ ต้องเป็นเธอหนูวิน ปกติก้องเค้าไม่ได้เป็นแบบนี้" เจ๊ใหญ่ว่า "เค้าไม่ใช่คนอารมณ์ดียิ้มง่ายแบบนี้ เจ๊ทำงานกับเค้ามาหลายปีเจ๊รู้"
   “แล้วทำไมถึงคิดว่าเป็นผมเล่า เค้าอาจจะมีแฟนก็ได้" วินว่า "เจ๊เองก็ทำเป็นรู้จักเค้า บางทีเค้าอาจจะไม่ใช่เค้าก็ได้นา"
   “ต๊ายยยย นี่สิทกันมากถึงรู้เรื่องว่ามีฟงมีแฟนแล้วเหรอ" เจ๊ใหญ่ร้อง
   “ผมไม่ได้พูดอย่างน้าน" วินว่า "เจ๊นี่ก็เอ้อ......”
   “แต่ก็ดีเหมือนกันนะวิน ก้องเองเค้าก็อยู่คนเดียวมานาน ไม่เคยมีใครอยู่กับเค้าได้นานเท่านี้ แล้วก็ทำให้เค้าอารมณืดีขึ้นได้แบบนี้" เจ๊ใหญ่ว่า "เจ๊เองก็ไม่กล้ายุ่งอะไรกับเค้ามาก บางทีเห็นเครียดๆก็นึกว่ามีเรื่องอะไรไม่สบายใจ ไม่กล้าทัก มีเราอยู่ด้วย ทำให้เค้าเป็นแบบนี้ได้ เจ๊ก็เบาใจ"
   “ครับ" วินว่าพลางมานั่งลงตรงข้ามเจ๊ที่โต๊ะตัวหนึ่ง "ผมก็ไม่ทำอะไรพิเศษหรอกครับ ก็แค่อยู่ด้วยกัน ดูแลกันธรรมดาๆน่ะ"
   “อุ้ย....ตายแล้ว........แบบนี้และใช่ๆๆๆๆๆ มันต้องเป็นเธอหนูวิน" เจ๊ใหญ่ร้องใหญ่เมื่อมองหน้าวิน
   “อะไรเจ๊" วินว่า
   “แววตาแบบนี้เลย ใช่เลย" เจ๊ใหญ่เพ้ออีก "วันนี้เจ๊ลองแซะๆถามว่าเป็นเธอหรือเปล่า เค้าก็ยิ้มแล้วก็ทำตาเป็นประกายแบบนี้แหละตอนพูดถึงหนู วิน"
   “งั้นเหรอคับ" วินว่า พลางยิ้มในใจ "ไม่ใช่หรอกมั้งเจ๊ แล้ว.....แล้วเค้าพูดว่าไงอ่ะ"
   “เค้าก็พูดเหมือนหนูเมื่อกี้ ไม่มีอะไรพิเศษ แค่อยู่ด้วยกันเฉยๆ" เจ๊ใหญ่ว่า "แต่คำพูดของเขาเจ๊รู้สึกเลยว่าเค้าดูมีความสุขขึ้น ดีแล้วล่ะ อยู่กับเค้าไปนานๆนะ อยู่ด้วยกันๆเป็นครอบครัวเกล็ดหิมะนะวินนะ"
   “คับ" วินคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ "ได้คับ ผมจะอยู่"
   เจ๊ใหญ่ให้ค่าจ้างวินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ขอให้วินเก็บร้านให้เรียบร้อย วินเองหลังจากเก็บอะไรเรียบร้อยแล้ว ก็อาศัยฮีตเตอร์ที่ยังร้อนๆอยู่นั่งสเก็ตงานต่ออีกซักพัก เมื่อเสียงนาฬิกาตีบอกเวลาสองทุ่ม เจ้าตัวก็เก็บของแล้วล็อคร้านเกล้ดหิมะทันที
   ยืนอยู่หน้าร้านซักพัก ครอบครัวเกล็ดหิมะ วินคิดในใจ บางครั้งถึงเค้าจะรู้สึกอึดอัดว่าตัวเองต้องมาทำงานที่นี่ แต่การที่เขาอยู่ที่นี่ มันคือครอบครัวจริงๆอย่างที่เจ๊ใหญ่ว่า เขาได้เห็นความช่วยเหลือคนไทยมากมายถูกแจกจ่ายที่นี่แทบเป็นประจำ อย่างที่ไกด์เคยบอกเค้าเมื่อตอนแรกๆ มีคนอีกหลายคนที่ชีวิตลำบากกว่าเขาตอนนั้นมาก แล้วเดินมาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือ ถึงหลายๆเรื่องวินจะช่วยอะไรคนเหล่านั้นไม่ได้ ทำได้แค่บ่นกระออดกระแอดเอากาแฟมาให้คนคนนั้นทาน ไม่คิดเลยว่าสิ่งเหล่านั้นกำลังตอบแทนเขาอย่างอบอุ่นในหัวใจ ครอบครัวเกล็ดหิมะที่นี่ บางทีมันก็อาจจะอบอุ่นกว่าที่ที่เขาจากมาก็เป็นได้ วินยิ้มอีกครั้งเมื่อนึกถึงเจ๊ใหญ่พูดถึงก้องวันนี้ เขาไม่ได้บอกใครในร้านว่าก้องที่พวกเขารู้จักไม่ใช่ก้อง แต่ถ้าก้องที่เป็นอยู่ตอนนี้ ทำให้ที่นี่อบอุ่นขึ้น เขาก็ไม่อยากให้ความจริงมาทำลายบรรยากาศที่น่ายินดีนี้ไปหรอก
   “ขอบใจนะไกด์ ที่เป็นฉัน"
   หันหลังให้กับร้านเกล็ดหิมะ ก่อนจะออกเดิน
   “Excuse me” เสียงแหลมเล็กดังขึ้นร้องให้วินหยุดชะงัก เขาหันกลับมาหาเจ้าของเสียงนั้นแล้วก็เหมือนอากาศรอบตัวลดลองอย่างหวบห้าบ
   หญิงสาวลูกครึ่งในตาสีฟ้า ผมสีน้ำตาลเป็นประกายสยายเป็นลอนในเสื้อหนาวสีเทา และรองเท้าบู๊ทหนังที่เป็นขนสัตว์ หน้าตาของเธอเหมือนกับว่าวินเคยเห็นมาก่อนหน้านี้
   “I've heard Kevin is working here.Did you know him?” เธอถามวินทันที "Closed right?.Ok.I'll be back tomorrow”
   “Who are you?” วินถามกลับ "Why did you think you can find Kevin here?”
   “Sure. My friend GE-O told me he know where I can find him.” เธอกล่าวต่อ "I'm his girlfriend.”
   วินรู้สึกเหมือนแก้วกาแฟแห่งความหวังเล็กๆในใจที่เขาถืออยู่ร่วงลงแตกตรงหน้า สาเหตุที่ไกด์ทำตัวแปลกๆไป ที่นี่ทั้งวัน เพราะผู้หญิงคนนี้จะมาหาเค้านั่นเอง
   “You're on right way.I'm his housemate.My name's Wind” วินยื่นมือไปหาเธอ
   “Oh Thanks goodness.Glad to see you Wind.My name's Stella” เธอกล่าว
   “I'm going home” วินกล่าวเสียงเย็นชา "Come with me.He's there”
….......

ออฟไลน์ janamanza

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
เรื่องยุ่งยากเพราะชะนีอีกแล้วววว
อ๊ากกกกก มันกำลังไปด้วยดีแท้ๆ
น้องวินเป็นผุ้เป็นคนจากลูกคุณหนูกลายเป็นผู้ใหญ่
เราชอบพัฒนาการน้อง  เนื้อแท้จริงๆน้องไม่ใช่คนหัวดื้อออกจะเป็นคนที่เข้าใจอะไรได้เร็ว
ขอยกความดีให้คนเขียนที่ เขียนออกมาได้เข้มข้นมาก
มาต่อเร็วๆนะคะ

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
หูยยย...อ่านตอนนี้ในใจเรากำลังรู้สึกเหมือนมีอะไรนุ่มๆสบายๆมาให้ได้สัมผัส แล้วเรากำลังจะเคลิ้มๆอยู่แล้วเชียว
อีคำนี้เลย โดนอีคำนี้..."I'm his girlfriend."...มากระแทกใจซะเต็มๆ ทำเอาสิ่งนั้นในใจเราหายแว้บเลย
ยัยนี่โผล่มาจากไหนล่ะนี่ แล้ววินยังจะชวนหล่อนไปบ้านด้วย นี่มันสองทุ่มสามทุ่มแล้วนะวิน 
แล้วจะมิต้องให้หล่อนค้างคืนที่นั่นด้วยเหรอ หวังว่าการโผล่มาของยัยนี่จะไม่ได้นำพาอะไรๆ
ที่เป็นเรื่องหน่วงใจหรือเรื่องร้ายๆมาให้วินนะ(เอ๊ะ ! วินหน่วงใจไปแล้วมั้ง)
 
ป.ล. ดีใจกับการเปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดีของวินนะ
       วินเพิ่งจะได้รู้ใช่ปะล่ะว่า การเป็นผู้ให้มันสุขใจอย่างไร
       โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้กับคนที่เรารักเราพึงพอใจ

Crossley

  • บุคคลทั่วไป
ชอบเวลาวินคุยกับเอิร์ธจัง (โรคจิตเบาๆ)
อ่านแล้วให้ความรู้สึกแบบ อ่า...สองคนนี้เขาคุยอะไรกันนะ ดูเป็นผู้ใหญ่จัง :really2:


ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
สาสน์จากผู้เขียน

ช่วงนี้มีสอบเยอะแยะ นู่นนี่นั่นเต็มไปหมด อาจจะทำให้อัพช้าไปบ้าง อะไรไบ้าง ขอโทษแฟนๆด้วยนะเจ้าคะ

แต่ว่าเป็นห่วงแฟนๆที่อาจจะงงกับเรื่องบางอย่างที่เกี่ยวกับเอิร์ธ เจนจิรา และแฟนของเค้า

เรื่องราวเหล่านั้นอยู่ในภาคแรกซึ่งก็คือเรื่อง Loveless Society ระหว่างรอตอนต่อไป เพื่อความเข้าใจในเนื้อหาที่อ่านจะเกี่ยวข้องกันอยู่บ้าง ก็อยากเชิญชวนๆแฟนๆคนใหม่ที่ติดตาม Coldness Town เป็นภาคแรก ย้อนไปอ่าน Loveless Society เพราะรัก....ออกแบบไม่ได้กันนะคะที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=28027.0

แต่ถ้าแบบว่า ไม่แคร์ ของแค่มีไกด์ วินก็ฟินสุดแล้ว ก็แล้วแต่นะคะ ^^

ยังไงก็ฝากผลงานเรื่องนี้ไว้ด้วยนะคะ ขอบคุณสำหรับการวิเคราะห์ และติดตามกันมาอย่างเหนียวแน่นของแฟนๆทุกคนทั้งแฟนๆจาก Loveless Society และแฟนใหม่ใน Coldness Town ค่า!!!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-10-2012 17:13:59 โดย M2M_Jill »

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
รับทราบจ้ะ
ไม่เป็นไรจ้ะ จะอัพช้า อัพเร็ว ก็ยังจะติดตามและรอได้เสมอ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ sanfran

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
รอได้ค่ะ เราก็สอบเหมือนกัน 55

เป็นกำลังใจให้นะค่ะ

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 16 Down Into Frozen Solid

   วินนำทางหญิงสาวคนนั้นเดินไปตามถนนทอร์ควิลอย่างไม่เร่งรีบ เพื่อพาไปยังห้องพักของเขาและไกด์ เธอเดินตามหลังเขาห่างไปหลายช่วงตัว เพราะใช้เวลามองไปรอบๆตัวด้วยความแปลกตา เมื่อมาถึงหน้าตึกแถวตรงหน้า วินกดรหัสเปิดประตู พลางเชิญให้เธอเดินเข้าไปก่อน
   พูดตรงๆว่าผู้หญิงคนนี้ดูคุ้นตาเขา เหมือนกับว่าวินเคยเห็นผู้หญิงคนนี้ที่ไหนมาก่อน แต่สิ่งที่เขาไม่ปฏิเสธเลยก็คือ เธอน่ารักเอามากๆ เขาไม่เคยมองผู้หญิงตะวันตกน่ารักมาก่อน เพราะวินฝักไฝ่สายเอเชียเสียมากกว่า แต่เธอคนนี้น่ารักมาจริงๆ ดวงตาสีฟ้าของเธอรับกับผมลอนน้ำตาลประกายของเธออย่าพอดี การแต่งตัว การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติ มันไม่น่าจะแปลกเลยถ้าเธอยืนยันว่าเธอคือแฟนของเคลวิน เพราะถ้าหากหมอนั่นจะมีแฟน วินก็คิดว่าเธอคนนี้ก็เหมาะสมเอาการอยู่
   วินยิ้มให้เธอครั้งหนึ่งเมื่อมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องของไกด์ ก่อนจะเคาะประตู เธอแสดงอาdารตื่นเต้นอยู่เล็กน้อย วินได้ยินเสียงเครื่องครัววางอยู่สองสามนาที ก่อนจะมีเสียงฝีเท้าเดินมาใกล้ๆประตู
   แกร๊ก!!!
   “กลับมาซะทีนะวิน ฉันเตรี.......” ไกด์โผล่หน้าออกมาพร้อมคำพูด ก่อนที่จะหยุดชะงักเมื่อเห็นคนอีกคนที่ไม่ได้ตั้งใจ "ส....สเตลล่า"
   “เซอร์ไพร์ส" เธอว่า พลางกระโดเข้ากอดไกด์ทันที ในอ้อมกอดของสเตลล่า ไกด์จึงมองเห็นวินที่ยืนอยู่ตรงมุมมืดๆหน้าห้อง หน้าของชายหนุ่มตื่นตระหนกน้อยๆก่อนจะสวมกอดเธอกลับ วินมองไกด์ก่อนจะยิ้มเม้มปากๆเบา และเลิกคิ้วให้ไกด์ ก่อนจะพยายามแทรกตัวเข้าห้องตามไป
   สภาพในห้องโต๊ะตรงกลาง อาหารเย็นถูกจัดวางเอาไว้สามสี่อย่าง แต่ที่มันมากกว่านั้นคือเชิงเทียนและแก้วไวน์สองใบ วินตกใจเล็กๆกับบรรยากาศการตกแต่งที่ดูโรแมนติกไปจากเดิมมาก ชายหนุ่มหันมาหาไกด์ทันที
   “ยู....มาได้ยังไง" ไกด์พูดเสียงสั่น "ไอนึกว่า....”
   “เพื่อนยูคนนี้บอกทางมา" เสตลล่าตอบ วินตกใจเล็กน้อยที่เธอพูดภาษาไทยได้ แม้ว่าสำเนียงจะแปลกเล็กน้อย "ไอจำทางมาท่นี่ไม่ได้ ก็เลยไปสโนว์เฟลค แล้วก็.....ว้าว......วอทแฮปพึน ยูรู้ว่าไอจะมาเหรอ จีโอต้องเป็นคนบอกยูแน่เลย อิทส พริทตี้ออซั่ม ยูเตรียมดินเนอร์ไว้ด้วย"
   ไกด์หันหลังมาหาวิน ปากของบาริสต้าหนุ่มอ้าเบาๆ แต่ไม่มีคำพูดใดใดออกมา วินพยายามทำหน้าตัวเองให้เป็นปกติที่สุด
   “เอ่อ...คือไอ.....” ไกด์พยายามจะพูดอะไรบางอย่าง
   “เจอกันแล้วนะนาย" วินพูดขึ้น "เอ้อ....จะบอกพอดีว่า คืนนี้ฉันคงเอ่อ.....ไม่ได้นอนนี่นะคือมีธุระ ที่กลับมาดึกก็เพราะว่ามีเรื่องนิดหน่อยต้องจัดการ แล้วพอดีเจอแฟนนายเข้า เค้าขอให้พามาหานาย"
   “อ้าว....นี่คุณเป็นคนไทยหรอกเหรอคะ" สเตลล่าถามวิน พลางยิ้มกว้างให้ "ว่าแล้วเชียว"
   “ครับ" วินตอบสั้นๆ "โทษทีที่ไม่ได้บอกก่อนน่ะ"
   ไกด์ขมวดคิ้วพลางเดินมาหาวิน ใบหน้าที่เฉยชา มีเพียงคิ้วคมเข้มที่บ่งบอกอารมณ์ครุ่นคิดอยู่ วินเลิกคิ้วมองหน้าไกด์พลางตกใจที่หมอนี่เดินตัดแฟนมาหาเขาซะเฉยๆ
   “จะไปไหนวิน" ไกด์พูดเสียงเข้มใส่
   “ทำงาน" วินว่า "ช่วงนี้งานยุ่ง ว่าจะไปนอนบ้านเอิร์ธ"
   “ขอความจริง" ไกด์ตีหน้าเข้มใส่วินอีก วินรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบไปมองเสตลล่าที่กำลังทำหน้าตาตกใจ
   “ไอ้บาริสต้า....นี่นายบ้าป่ะเนี่ย" วินกัดฟันพูดเบาๆ พยายามไม่ให้เธอเห็น "ก็แฟนนายมาหาถึงนี่ นายจัดดินเนอร์ไว้ให้เค้าแล้วนี่ แล้วจะให้ฉันอยู่เพื่อ.....”
   “มีอะไรกันหรือเปล่าคะ" สเตลล่าพูดแทรกขึ้นมาเมื่อเห็นไกด์กับวินกระซิบกระซาบกันเบาๆ "ให้ฉันออกไปรอข้างนอกก่อนไหมคะ"
   ไกด์หันหาเธอ
   “ขอโทษด้วยนะสเต....”
   “ไม่ต้องหรอกครับ" วินพูดแทรกขึ้นมา ไกด์หันมาทำหน้าดุใส่วินอีก "คือเดี๋ยวผมก็จะออกไปทำงานต่อแล้วน่ะ ยังไงก็ตามสบายกันก็แล้วกัน ขอผมเก็บเสื้อผ้าแป้บนึง"
   วินยิ้มกว้างให้เธอก่อนจะเดินไปยังตู้เสื้อผ้าของตัวเอง ไกด์มองวินเดินไปอย่างครุ่นคิด เสตลล่าเดินเข้ามาหาไกด์ช้า
   “เพื่อนยูน่ารักจัง" เธอกล่าว "โกหกกันนี่นา ไหนว่าจะไม่อยู่กับใครจนกว่าไอจะกลับมาไง"
   ไกด์หันหน้ากลับมาหาเธอ
   “ก็.....ไอนึกว่ายูจะไม่กลับมา....” ไกด์กล่าว "นึกว่าจะไม่ได้กลับมาอีกแล้ว"
   “คิดอะไรแปลกๆ" สเตลล่ากล่าว "ไอต้องกลับมาอยู่กับยูอยู่แล้ว......ยูซื้อที่นี่เอาไว้ก็เพื่อเป็นบ้านของเราทั้งคู่ไม่ใช่เหรอไงคะ"
   วินชะงักขึ้นมาทันที
   ซื้องั้นเหรอ......
   วินหันกลับมาหาไกด์ทันที ถ้าหมอนี่ซื้อที่นี่ไว้ แล้วค่าเช่าของเค้าทุกๆเดือนที่จ่ายไปล่ะ
   “ก็....” ไกด์เริ่มพูดเสียงตะกุกตะกัก "ไอ....ไอ.....”
   “แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ" สเตลล่ากล่าว "ไอก็ยังไม่พร้อมมาอยู่กับยูอยู่ดี ยูมีเพื่อนอยู่ด้วยแบบนี้ก็ดีแล้ว ยูจะได้ไม่เหงาไงล่ะคะ มาเถอะค่ะ ดินเนอร์กันดีกว่า เดี๋ยวอาหารที่ยูซื้อมาจะเย็นซะหมด"
   “ไอไม่ได้ซื้อ" ไกด์ว่า "ไอทำให้...”
   “ยูทำเองเหรอ ทั้งหมดนี่น่ะเหรอ" สเตลล่าร้องเสียงดัง พลางมองไปทั้งโต๊ะ "โอ้ก้อด...ยูคิวท์ ยูทำอาหารพวกนี้เป็นตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย.....แตงค์กิ้วมากๆนะเคลวิน ยูนี่น่ารักเหมือนเดิมเลย...คุณวิน คุณน่าจะอยู่ทานด้วยกันก่อนนะคะ เคลวินทำไว้เยอะแยะเลย มาเถอะค่ะ เดี๋ยวเสตลล่าจัดให้อีกชุดนึงนะคะ"
   “ไม่เป็นไรหรอกครับ" วินยิ้มกว้าง พลางหอบประเป๋าเสื้อผ้าที่ดูเยอะเกินไปแล้วสำหรับไกด์ที่มองอยู่ขึ้น "ผม...ทานมาแล้ว......เออนี่นาย พอดีฉันนึกได้ว่าโปรเจ็คมันน่าจะยาวมาก อาจจะใช้เวลามากซักหน่อย ฉันอาจจะไม่อยู่ซักสองสามอาทิตย์นะ"
   วินพูดเรียบๆก่อนจะสะบัดเป้ขึ้นหลังพลางออกเดินจากห้องไป
   “สามอาทิตย์เลยเหรอวิน" ไกด์ร้อง "วินเดี๋ยวดิ.....วิน....วินคุยกันก่อน......”
   วินปิดประตูห้องใส่ก้อง เขาเป็นคนที่เก็บอารมณ์ได้เก่งเขามั่นใจ ดังนั้นไกด์ไม่มีทางรู้ว่าเขากำลังโกรธแค่ไหน
   ไม่สิมันมากกว่าอามรณ์โกรธด้วยซ้ำ มันมีหลายอารมณ์ที่ตีกันปนเปวิ่งพล่านอยู่ในหัวตอนนี้ มันเป็นความรู้สึกของการถูกหักหลังบางอย่าง เหมือนกับว่าความผิดหวังครั้งยิ่งใหญ่กำลังโถมเข้าหาจิตใจของวินเข้าอย่างรุนแรง
   ชายหนุ่มสะบัดหัวเบาๆ ไล่ความรู้สึกเจ็บจี๊ดในใจอย่างบอกไม่ถูกออกไป ก่อนจะเดินออกลงบันไดเพื่ออกจากตึกทันที
   ประตูห้องแถวส่งเสียงตี๊ดหนึ่งครั้งก่อนจะเปิดออก วินคิดในใจว่าเขากำลังเดินออกจากปราสาทของบอสในเกมส์มาริโอ้ เขาเข้าไปถึงใจกลางของปราสาท จัดการเจ้าบราวเซอร์ได้แล้ว แต่เจ้าหญิงพีชกลับไม่ได้อยู่ที่ปราสาทแห่งนี้ ความรู้สึกตอนนี้มันยิ่งกว่าการถูกหักหน้า แต่มันเหมือนกับว่าไกด์ต่อยหน้าเขาเป็นครั้งที่สองด้วยความไว่ใจ และสงสารทั้งหมด ตีกลับมาหาเขา
   หมอนี่.....ไม่ได้แค่โกหกเรื่องที่มาของตัวเอง
   หมอนี่.....โกหกทุกๆเรื่องกับเขา
   วินกัดฟันเบาๆ ขณะก้าวเดินอย่างมั่นคงไปตามถนนทอร์ควิลยามค่ำคืน ในตาแข็งกร้าวและแดงก่ำ เขาไม่รู้สึกเสียดายเงินค่าเช่าเลยซักนิดที่ถูกหลอกไป ไม่เสียดายเลย มันคุ้มมากพอแล้วกับความจริงที่ได้รับมา
   เขาไม่เอาด้วยแล้ว....
   เขาจะไม่เชื่อใจคนคนนี้อีกแล้ว.......
   ทันใดนั้น วินก็ถูกดึงแขนเอาไว้ ร่างกายที่ออกตัวอย่างว่องไวไปครึ่งทางแล้ว จึงหันกลับไปตามแรงดึงโดยง่ายด้วยเป้ที่หนักอึ้งด้านหลัง เป็นดั่งคาด ไกด์นั่นเอง แต่คราวนี้เป็นวินที่ต้องหยุดนิ่ง
   ไกด์หายใจหอบถี่ สีหน้าหวาดกลัวส่งออกมาอย่างเด่นชัด ดวงตาที่เคยไร้ความรู้สึกเต็มไปด้วยความหวดกลัวบางอย่างที่วินสัมผัสได้ ใบหน้าที่คมคายซีดเผือดด้วยความกลัว วินรับรู้ถึงความรู้สึกกลัวที่มันออกมาจากก้นบึ้งของจิตใจ
   “น...นายจะไปไหน" ไกด์พูดกับวินด้วยน้ำเสียงที่วินก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน "….นาย....นายโกรธอ่ะ...น....นายจะไปไหน"
   น้ำเสียงที่ตะกุกตะกักแทบไม่เป็นคำ วินมองสภาพของไกด์ตรงหน้า ไกด์วิ่งออกมาเท้าเปล่า โดยที่อยู่ในชุดอยู่บ้านธรรมดาสุดบาง ซึ่งไม่มีทางเอื้อกับอากาศรอบๆตัวแน่ๆ
   วินกัดฟันมองหน้าไกด์ เขาหมดคำพูดใดใดกับไกด์แล้ว
   “....จะออกมาทำไมอ่ะ" ไกด์ว่า "คุยกันก่อนดิ ฉันยังไม่ได้อธิบายเลย"
   วินก็ยังคงมองหน้าไกด์นิ่งอยู่อย่างนั้นไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ไกด์ที่ตอนนี้เริ่มกระสับกระส่าย หันตัวไปมาอย่างร้อนรน พลางมองหน้าวินอย่างตื่นตระหนก
   “เห้ย...จะไปไหนวิน....กลับบ้านเหอะนะ" ไกด์พูดเสียงหนักแน่น "อย่าไปเลย"
   “พอเหอะไกด์ หยุดบ้าได้แล้ว" วินพูดทันที ไกด์ถึงกับนิ่งสนิทลงทันที "นายจะอธิบายอะไร ไม่ต้อง ไม่อยากฟังเข้าใจป่ะ"
   วินตอบพลางดึงแขนของตัวเองกลับมา
   “วิน......ผม....ผ....ผม...นี่นายรู้...." ไกด์พยายามพูด "คือมัน....ไม่ใช่....”
   “ไม่ใช่อะไร" วินลากเสียงยาว "อะไร....นายจะพูดอะไร ฉันรู้หมดแล้ว"
   ไกด์ส่งสีหน้าและแววตาที่ดูเลวร้ายลงมาก นัยต์ตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
   “อ่ะ....ยังไง จะพูดไรวะ ไอ้คนโกหก" วินว่า ไกด์เงยหน้าขึ้นมองวินทันที "มีอะไรจะโกหกต่ออีกป่ะ มีอีกป่ะ ถ้าไม่มีฉันจะได้ไป....เอาไง....”
   ไกด์กัดฟัน
   “เห้ยเสียเวลาไกด์" วินว่า "กลับบ้านไปเหอะนาย.....ออกมาข้างนอกอ่ะดูตัวเองบ้างดิ.....เลิกบ้าเหอะ....พอได้แล้ว"
   “ไม่คือ.....” ไกด์พยายามจะพูดอะไรบางอย่าง "นาย...นายไม่เข้าใจ"
   “ฉันไม่เข้าใจอยูแล้ว นายวิ่งออกมาเท้าเปล่า ตัวเปล่า แล้วบอกมันไม่ใช่...อะไร" วินว่า
   “แต่นายโกรธ....” ไกด์ว่า "นายกำลัง......”
   “ฉันจะกำลังคิดอะไร รู้สึกอะไร มันไม่ได้เกี่ยวกับนายไกด์.....” วินว่า "เลิกยุ่งกันได้แล้ว.....พอแล้ว....ฉันเข้าใจแล้ว.....คุณไกด์"
   วินเน้นชื่อจริงของไกด์อย่างหนักแน่น หวังว่าหมอนี่จะเข้าใจเสียที ว่าเขาไม่ได้เป็นเด็กโง่ท่เขาต้องนั่งดูแลอีกแล้ว
   “นายกลับไปเหอะ เอาไว้นายแต่งเรื่องได้ดีดีก่อน แล้วฉันจะกลับมาฟังก็แล้วกัน" วินว่า "นายกลับไปหาแฟนนายเหอะ"
   ไกด์เริ่มมองหน้าวินด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป แววตาที่เปลี่ยนไป
   “เข้าใจแล้วช้ะ" วินว่าพลางหันหลังออกเดินทันที
   ทันใดนั้นไกด์ก็ดึงตัววินกลับมากอดแน่นทันที  เสียงหัวใจที่เต้นรัวเป็นกลองและร่างกายที่เย็นเฉียบ ความรู้สึกกลัวการสูญเสียวิ่งผ่านไออุ่นจากไกด์มาอย่างเอ่อล้น
   “อย่าไป" ไกด์กระซิบ "ฉันขอ...อย่าหันหลังไปแบบนี้วิน"
   อารมณ์โมโหที่พลุ่งพล่านพุ่งทะยานทันที ความอบอุ่นแบบนี้มันใช้กับเขาไม่ได้อีกแล้ว วินผลักตัวไกด์ออกทันที
   พลั่ก!!!
   วินเหวี่ยงหมัดใส่ไกด์สุดกำลัง ไกด์เซถลาไปหนึ่งช่วงตัว ชายหนุ่มก้มหน้านิ่งเส้นผมดำขลับลงมาปกปิดใบหน้าที่ถูกปิดบังไว้ด้วยมือข้างขวา
   วินหายใจเข้าช้าๆ ก่อนจะพูดอะไรบางอย่าง
   “ก้อง......ตายไปแล้ว" วินพูดทีละคำอย่างชัดเจน "เค้าตายไปแล้ว"
   ร่างของไกด์สั่นน้อยๆ ก่อนจะค่อยเงยหน้าขึ้นมองวิน ริมฝีปากเปื้อนเลือดอยู่ วินหลับตาลงครั้งหนึ่ง
   “ชั้นขอบใจที่นายดูแลชั้นมาอย่างดีไกด์ ถึงแม้ว่าวิธีของนายจะคือการโกหกก็เหอะ" วินว่า "แต่ฉันคือฉันว่ะ.....ฉันไม่ใช่น้องชายขี้ยาของนาย และชั้นก็ไม่ต้องการให้นายมาดูแลชั้นเพียงเพราะนายชดใช้ความเหี้ยของตัวเอง....เพราะมันจะไม่น่าสมเพชไปหน่อยเหรอเคลวิน"
   ไกด์หายใจหอบถี่
   “ไม่ต้องตามชั้นแล้ว" วินว่าพลางหันหลังกลับ และออกเดิน "พอแล้ว....กับนาย...ก้อง!!!”
   วินออกเดินไปทิ้งให้ไกด์ยืนอยู่ตรงนั้น....
   ไกด์รู้สึกว่าตัวเองกำลังร่วงลงไปในธารน้ำแข็งที่หนาวเหน็บ น้ำตาของความเฉยชาไหลออกมาเบาๆขณะที่ชายหนุ่มกัดฟันและกำหมัดแน่น......วินไม่ได้รู้สึกอย่างที่เขารู้สึกเลยซักนิด ทำไมกัน....
   วินออกเดินมาด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนไปเป็นครั้งที่สอง เมื่อเลี้ยวที่หัวมุมของถนน ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งทันที ดวงตามองจ้องไปเบื้องหน้ากับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
   เจ้าบาริสต้า นายมีเวทย์มนต์หรือไงนะ...วินคิดในใจ
   ทำไมความเจ็บปวดของนายถึงมากมายขนาดนี้ ทั้งๆที่คิดว่าเข้าใจทั้งหมดแล้วแท้ๆ นายยังมีอย่างอื่นซ่อนเอาไว้อยู่อีกเหรอ ทำไมหน้าของนายตอนนั้น ถึงได้เจ็บปวดขนาดนั้น
   แล้วทำไมถึงกลายเป็นเรา.....ที่ต้องเจ็บปวดไปด้วยวะ.....
   นายเป็นใครกันแน่ เจ้าบาริสต้า....
   ความเงียบสงัดเข้าปกคลุมถนนทอร์ควิล ไกด์พยุงตัวเองขึ้น มองไปยังท้องถนนที่ว่างเปล่า วินไม่กลับมาอีกแล้ว ชายหนุ่มเสยผมขึ้นช้าๆ หลับตาเก็บเอาความเจ็บปวดทั้งหมดกลับเข้าไปข้างในตัวเองอีกครั้ง ตัวตนของเคลวินข้างในนั่นแหละที่จะต้องเก็บความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้.....
   ชายหนุ่มหันหลังกลับ พบกับหญิงสาวที่ยืนห่างไปอยู่ไม่กี่เมตร ไกด์หลบตาของเธอ
   “ฉันขอโทษ" เธอกลาวเสียงเย็นชา "เป็นอย่างที่ยูบอกจริงๆ ฉันไม่ควรกลับมา"
   “ช่างเหอะ" ไกด์ว่า "เธอเอาเขากลับมาไม่ได้อยู่ดี"
…..................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-10-2012 15:58:34 โดย M2M_Jill »

ออฟไลน์ sanfran

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1

yayee2

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ janamanza

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
โอ้ย  ตอนนี้เป็นตอนที่กระแทกใจมาก
เรารู้ว่าน้องโกธรเรื่องอื่นมากกว่าโกธรที่ไกด์ไม่บอกความจริง
วินรักไกด์ไปแล้วและสิ่งที่เกิดขึ้นมันคืออารมณ์ที่เรียกว่าหึง

คนเขียนถ้าไม่รีบมาต่อเค้างอนจริงๆนะตัว ฮ่าๆ :z3: :z3:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
โอ้ยยยยยย น้ำตาไหลได้ไงอะ


วูบ ไปเลย หน้าชา นะ

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 17 It's Complicated

สเตลล่าเดินมานั่งลงข้างๆไกด์พร้อมกับวางแก้วกาแฟของไกด์และตัวเองลงบนโต๊ะกลางห้อง ขณะที่ไกด์นั่งนิ่งสนิทมองไปยังโซฟานอนของวินอย่างนิ่งเงียบ หญิงสาวมองตามไป พลางมองกลับมาหาไกด์อีกครั้ง เธอเข้าใจความรู้สึกของไกด์ดี มันค่อนข้างที่จะยากที่จะให้ความสนิทใจระหว่างเธอกับไกด์กลับมาเหมือนเดิม หลังจากเกิดเรื่องร้าย การกลับมาที่นี่อีกครั้งของเธอ นอกจากจะมาทำความฝันให้เป็นจริงแล้ว เธอเองก็อยากกลับมาหาเขา มาสะสางความรู้สึกผิดที่ยังติดค้างอยู่ในใจของเธอทั้งคู่ให้เรียบร้อย
   หญิงสาวค่อยๆเอื้อมมือไปแตะตัวไกด์ แต่ทว่าไกด์ก็จับมือเธอไว้ได้ทัน ก่อนที่เธอจะจับถึงตัวเค้า หญิงสาวตกใจเล็กน้อยขณะที่ไกด์หันมามองหน้าของเธอ
   “ยูกลับมาทำไม" ไกด์ถามเสียงเข้ม
   สเตลล่ากระพริบตาเบาๆก่อนจะก้มหน้าลง
   “....It's complicated” เธอว่า "ไอคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องสะสางเรื่องบางอย่างให้เรียบร้อยแล้วก็....”
   “มันไม่มีทางสะสางได้อยู่แล้ว" ไกด์ตอบ "เราสองคนรู้ดีอยู่แก่ใจ"
   เสียงหายใจของสเตลล่าดังขึ้นหนักหน่วง
   “ยูบอกเค้าเหรอ ว่าเราเป็นแฟนกัน" ไกด์ถามอีก
   “ก็.....ถ้าจะมาหายู ในที่ของเคลลี่" สเตลล่าว่า
   “เราสองคน....” ไกด์หันมาหาเธอ "….ไม่ได้เป็นอะไรกัน"
   สเตลล่าถอนหายใจก็จะเมินหน้าหนี
   “ไม่ต้องย้ำ" เสตลล่าว่า "ไอไม่ได้มาที่นี่ เพื่อมาทำให้ยูดูแย่ไปกว่าเดิม"
   ไกด์ลุกขึ้นทันที พลางเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าของตัวเอง และเริ่มเปลี่ยนเสื้อผ้า
   “ยูจะไปตามหาเค้าสินะ" สเตลล่ากล่าว "เค้าเป็นใคร ทำไมยูถึงจะต้องเป็นห่วงเค้าขนาดนี้ด้วย"
   ไกด์หันมาหาเธอขณะเปลี่ยนกางเกง
   “...It's complicated” ไกด์ย้อนก่อนจะถอดกางเกงตัวเองออก แล้วค้นตู้ สเตลล่าเบือนหน้าหลบไปทางอื่น
   “เค้ารู้เรื่องเคลลี่" สเตลล่าว่า "เค้าเป็นเพื่อนเคลลี่เหรอ"
   สเตลล่าไม่ได้รับคำตอบใดใดกลับมา เมื่อไกด์ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เธอหันกลับไปมองเขา
   “ยูโกหกอะไรเค้า" สเตลล่าถามต่ออีก "ยูสร้างเรื่องอะไรอีกหรือเปล่า"
   เสียงปิดตู้เสื้อผ้าดังสนั่น สเตลล่าห่อไหล่เล็กน้อยด้วยความตกใจ ไกด์หันมามองเธอด้วยสีหน้าเฉยชา
   “ยูพักอยู่ที่ไหน ไอจะไปส่ง" ไกด์พูดขึ้น
   “ไอเพิ่มลงเครื่องมาเมื่อเย็น" สเตลล่ากล่าว "ไอ....”
   “งั้นยูก็พักที่นี่" ไกด์ว่า "เสื้อผ้าของไอบางตัว ยูอาจจะใส่ได้ ก็ลองค้นๆดู ไอจะไปนอนที่อื่น"
   ไกด์ว่าพลางเดินไปยังประตู
   “อย่าทำเป็นเหมือนกับว่าไปเป็นคนอื่นหน่อยเลยเคลวิน" สเตลล่าว่า "ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษตอนนี้ มันไม่ได้ช่วยแก้อะไรให้ดีขึ้นมา นิสัยคนเรา มันไม่ได้เปลี่ยนกันง่ายๆ โดยเฉพาะนิสัยคนอย่าง...."
   “ถ้าอยากจะลองนิสัยเก่าของไอนัก มันก็ไม่ได้ยากหรอกนะสเตลล์" ไกด์เดินอย่างน่ากลัวมาหาสเตลล่า เธอถอยกรูไปเล็กน้อย "เพราะถ้ามันเป็นอย่างที่ยูว่า ยูเองก็คงเหมือนกัน"
   ไกด์ลูบไล้มือของตัวเองไปตามเรือนร่างของสเตลล่าอย่างเบามือ ชายหนุ่มมองไปตามมือนั้นด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้ม ก่อนจะมองขึ้นมาที่ใบหน้ของเธอ
   “หรือว่าที่จริงแล้ว ที่ยูกลับมา ก็เพราะคิดถึงเรื่องคืนนั้น........”
   สเตลล่าผลักตัวไกด์ออกไปจากตัวทันที ก่อนจะเบินหน้าหนี ไกด์เหล่มองใบหน้าของเธอ แววตาที่รู้สึกสำนึกคู่นั้น ไกด์เข้าใจดี
   “มันไม่ใช่ยูคนเดียวหรอกนะ ที่รู้สึกผิดเป็น....” ไกด์ว่า พลางออกเดิน "วันพรุ่งนี้ถ้ายูจะทำอะไร หรือไปที่ไหน ก็ไปหาไอที่สโนวเฟลค ไอไม่มีโทรศัพท์"
   เสียงปิดประตูทิ้งให้สเตลล่าจมอยู่กับตัวเอง หรือว่าบางทีเธออาจจะไม่ควรกลับมาที่นี่เลย
   ไกด์ยืนนิ่งอยู่ที่หน้าห้อง พลางคิดทบทวนเรื่องหลายๆอย่าง......

   “ไม่หรอกพี่ ผมอ่ะ รู้อยู่เหอะ ว่าทำอะไรได้แค่ไหน" ก้องพูดเสียงใส กับไกด์ที่ล็อบบี้ของโรงแรม "คอยดูนะ คนนี้อ่ะ เดี๋ยวผมจะจีบให้อยู่เลยพี่ไกด์"
   “คนไหนวะ ยังไม่เห็นเลย" ไกด์ร้องถาม ก้องพยักเพยิดไปยังหญิงสาวที่กำลังยืนคุยอยู่กับจีโออยู่ที่เคาท์เตอร์
   “คนนั้นไงพี่ไกด์ ผมน้ำตาลน่ารักๆอ่ะ เห็นยัง" ก้องร้อง "รู้ชื่อมาแล้วด้วย"
   “เห้ยไอ้นี่ ไวไปป่ะ" ไกด์ว่าพลางมองตามไป …. น่ารักจริงๆเสียด้วย "ล...แล้วเค้าชื่ออะไรอ่ะ"
   “สเตลล่า ลูกครึ่งไทย-เยอรมัน น่ารักเวอร์อ่ะ" ไกด์ว่า "ผมเจอที่สถาบัน เขาเรียนเบเกอรี่"
   “นี่สรุปแกเอาเวลาไปเรียนหรือว่าไปทำอะไรวะ" ไกด์ดุน้อง
   “โห พี่ไกด์ จะไม่เกทับเรื่องนี้ซักวันจะตายป่ะเนี่ย" ก้องร้อง "นี่ผมพาเพื่อนๆมาเที่ยวกันนะ อย่าดุผมต่อหน้าคนอื่นๆดิคับ"
   “อ้าว ก็แกอยู่ในโรงแรมชั้น" ไกด์ว่า "แถมพาผู้หญิงมานอนห้องเดียวกันด้วย อยู่ฟรีอีกด้วย เจริญและธุรกิจชั้น"
   “เอาน่า....เดี๋ยวตอนเย็นผมลงมาช่วยงานที่บาร์" ก้องร้อง "นะนะนะ"
   ไกด์เหล่มองน้องพลางส่ายหัว ทันใดนั้นกลุ่มเพื่อนๆของก้องก็ค่อยๆทยอยขนของขึ้นไปชั้นบนของโรงแรม ขณะที่เด็กสาวน่ารักคนนั้นเดินมาหาก้องและไกด์
   “Kelly...I think we couldn't rest in one room.” เธอกล่าว "Can you prefer...?”
   ก้องทำหน้าเหยเกพลางเหล่มองหน้าพี่ชาย ก้องยิ้มกว้างพลางพนมมือใส่ก้อง
   “แหะแหะ ขอห้องเพิ่มนะเฮีย" ก้องพูดเสียงอ่อย ไกด์ถอนหายใจครั้งหนึ่ง "นะนะนะ"
   ไกด์มองไปยังเด็กสาวคนนั้น เธอยิ้มหวานให้เขา ไกด์หรี่ตามองเธอพลางยิ้มให้เธออย่างมีเลศนัย
   “Ok....” ไกด์ตอบ "อีกห้องก็ได้"
   “เย่......” ก้องร้อง ก่อนจะนำทางเด็กสาวเดินขึ้นไปด้านบน ไกด์มองตามน้องชายและเด็กสาวขึ้นไป
   น่ารักจริงๆ.....ไกด์คิดในใจ


   ชายหนุ่มสะบัดหัวไล่ความทรงจำที่ผิดพลาดออกไป ก่อนจะเดินออกจากตึกไปลำพัง
….....
   “จะทานอะไรก่อนหรือเปล่า อาจจะใช้เวลาอีกนานนะน้อง" มิกถามผู้โดยสารที่นั่งอยู่ด้านหลังไอ้เต่าทอง วินตื่นขึ้นจากภวังค์ก่อนจะหันไปตอบ
   “ไม่เป็นไรครับ พี่ขับไปเถอะครับ" วินตอบ
   “งั้นก็ยาวนะ" มิกว่า พลางออกตัวไปถามท้องถนนทันที
   วินหมดหนทางและนั่งนิ่งอยู่หน้าร้านเกล็ดหิมะอยู่พักใหญ่ พลางนึกหาวิธีเอาตัวรอดจากสถานการร์ขับคับที่เกิดจากอารมณ์ชั่ววูบพาไป เขานั่งคิดอยู่นานว่าจะเอายังไงกับการใช้ชีวิตโดยไม่มีไกด์ ฉุกคิดทบทวนถึงคราวหนีปัญหาครั้งก่อน มีผู้ชายคนหนึ่งให้นามบัตรเขาไว้ ชายหนุ่มแปลกประหลาดที่รับเขามาจากถนนจากวิลแลตด้วยรถเต่าสีแดงสดสุดเก่า

อัครพล จุรีรักษ์
Sume International
Art Director

   และก็นับเป็นโชคดีของวิน ที่แม้ว่าจะดึกมากแล้ว ชายคนนี้ก็รับโทรศัพท์เขา แถมยังวนเวียนอยู่ที่ปารีสอีกด้วย วินจึงขอความช่วยเหลือจากชายคนนี้ทันที
   “พี่จำเราได้แล้ว" มิกร้องขึ้น "น้อง.....ที่พี่เคยพามาส่งที่ปารีสจากวิลแลตป่ะ"
   “ใช่ครับ" วินตอบ "โห พี่ ผมนั่งมาตั้งนาน พี่เพิ่งนึกออกเหรอเนี่ย.......แล้วตอนผมโทรหาพี่พี่ตอบตกลงทำไมอ่ะ"
   “อ๋อ พี่ให้นามบัตรคนไว้เยอะ ยังไงมีคนโทรมาพี่ก็รับตลอดแหละ" มิกตอบ "พี่เลยจำคนไม่ค่อยได้น่ะ ว่าแต่เราเหอะ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า ถึงได้ขอไปอยู่บ้านพี่ตั้งสองอาทิตย์"
   “ไม่มีหรอกคับ พอดีห้องที่อยู่ เขามีปรับปรุงถนน เสียงมันดังมาก ผม....ไม่มีสมาธิทำงาน" วินโกหก "ผมรบกวนพี่ไม่นานหรอกครับ บางทีอาจจะไม่ถึงขนาดนั้นก็ได้"
   มิกพยักหน้ารับ ถึงแม้ว่าจะจำได้ไม่เด่นชัดว่ายังไง แต่เท่าที่จำได้ เด็กคนนี้กับคนที่รับมาตอนต้นปี แทบจะเป็นคนละคนกันเลยทีเดียว
   “แล้วนี่ไปทำอะไรมาหลายเดือน ไอ้เด็กตัวแสบต้นปีหายไปไหนซะแล้วล่ะน้อง" มิกถามต่อ
   วินส่ายหน้าเบาๆ
   “ผมทำงานอยู่ที่ร้านเกล็ดหิมะ" วินตอบ "ที่ที่พี่ปล่อยผมลงวันนั้นนั่นแหละ"
   “อ่อ" มิกรับคำ "แล้วเราชื่ออะไรนะ"
   “วินคับ ชื่อวิน" วินตอบ "ผมว่าผมบอกพี่ไปแล้วนะ"
   “โทษทีๆ พี่ลืมน่ะ" มิกว่า วิน...ชื่อเหมือนเพื่อนของเอิร์ธเสียด้วย
    วินก้มลงมองนามบัตรของผู้ชายคนนี้
   “พี่มิก....ใช่ป่ะ" วินถาม
   “ใช่คับ" มิกตอบ "พี่ทำงานที่ซูเม่ อินเตอร์เนชั่นนอลเหรอ"
   “ใช่ พี่เป็นอาร์ทได" มิกตอบ "น้องรู้จักแบรนด์ซูเม่ด้วยเหรอ"
   “ก็.....รู้จักคับ" วินตอบ "แล้วบ้านพี่อยู่วิลแลตเนี่ยนะ"
   “ใช่" มิกตอบ
   “แล้วพี่ก็ขับรถมาทำงานทุกวันเนี่ยนะ" วินถามต่อ
   “ใช่" มิกตอบ
   “ไม่เหนื่อยเหรอพี่" วินถาม
   “ไม่นะ" มิกตอบ "ขับรถไปเรื่อยๆ ได้ไอเดียอะไรๆเยอะดีออก"
   วินพยักหน้ารับ
   “นอนพักไปก่อนก็ได้นะ คงอีกซักพักกว่าจะถึงบ้านพี่" มิกกล่าว วินจึงขยับตัวและพิงตัวเองไปกับเบาะหลังทันที พลางมองออกไปนอกหน้าต่าง พลางคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหัวค่ำ
   ที่จริงแล้ มันออกจะน่าหงุดหงิดไปด้วยซ้ำที่วินปฏิเสธตัวเองไม่ได้ ที่ทุกฝีเก้าที่เดินออกจากถนนทอร์ควิล ในหัวของเขามีแต่เรื่องไกด์เต็มหัวไปหมด ความกลัวจากอ้อมกอดของไกด์ที่ได้รับมามันส่งผลเปลี่ยนแปลงให้กับวินอย่างมหาศาลจนอธิบายไม่ถูก วินคิดได้เอาทีหลังว่า สาเหตุที่เขาโกรธไกด์หลักๆก็คือเรื่องการโกหก โดยเฉพาะเรื่องเงิน ที่สำหรับวินเป็นเรื่องใหญ่ มันค่อนข้างขัดกับความจริงที่ไกด์เป็นนักธุรกิจ แล้วหมอนั่นจะเอาหลอกเอาเงินเขาไปทำไมกันในเมื่อไกด์มีสถานะการเงินที่พูดได้เต็มปากว่าดี หรือว่าหมอนี่จะมีนิสัยคนรวยเหมือนพ่อของเขาไปด้วยอีกคน เอาโอกาส เอาความหวังมาขายให้กับคนที่ไม่มี และนำมันมาสร้างความสุขให้กับตัวเอง ซึ่งวินเดาว่าในกรณีของไกด์ วินถูกใช้เป็นเครื่องมือในการลบล้างความผิดที่ไกด์ทำไว้ต่อน้องชาย ความผิดที่ไม่ได้ดูแลน้องชายดีเท่าที่ควร แต่ประเด็นก็คือ เขาก็คือเขา อาจจะดูเหมือนวินมายังปารีสด้วยตัวเปล่า ไม่มีอะไรอยู่เป็นเบื้องหลัง แต่นั่นมันก็ไม่ได้หมายความว่าหมอนั่นจะมาทำอะไรกับเขาได้ตามใจชอบเพียงเพราะว่าเขา......ไม่มี
   สะบัดหัวไล่ความคิดงี่เง่าออกไป....ยอมรับกับตัวเองอีกครั้งว่า....เขานึกถึงเรื่องหมอนั่นอีกครั้งแล้ว
   เป็นเวลาเกือบชั่วโมงที่รถสีแดงสดสุดเก่า พาวินมายังวิลแลต ย่านชานเมืองที่อยู่ห่างจากปารีสมา พอสมควร ซึ่งสำหรับวินแล้ว มันไกลสุดโต่งทีเดียว วินนั่งหลังตรงทันทีที่รถเลี้ยวเข้าสู่ทางเข้าป่าสนหนาทึบ รู้สึกไม่ปลอดภัยเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่มีอะไรจะเสี่ยงตั้งแต่กล้ายกหูโทรหาผู้ชายคนนี้แล้ว รถยนตร์จอดนิ่งสนิทที่ลานจอดที่ปูด้วยหินกรวดสีส้ม วินก้าวลงจากรถก็ได้ยินเสียงน้ำตกเบาๆ เขามองอะไรไม่ค่อยถนัดนักเพราะมันดึกมากแล้ว
   “ขนของแล้วก็ตามพี่มาเลยน้อง" มิกว่า "บ้านพี่ต้องเดินข้ามสะพานไม้ไป นิดเดียวเอง"
   วินทำตาโต ชายคนนี้มีบ้านอยู่ในป่าหรือไงกันนะ รู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ได้แต่หยิบเป้และเดินตามมิกไปอย่างเสียไม่ได้ สะพานไม้ส่งเสียงอยู่ได้ไม่กี่อึดใจ วินก็มาหยูดอยู่ตรงบ้านทรงโมเดิร์นที่ออกแบบมาอย่างหรูหรา ไม่ใช่บ้านที่ใหญ่โตนัก แต่ด้วยการดีไซน์ ที่เข้ากับผืนป่าที่อยู่ด้านหลัง บ้านหลังนี้สวยจนแทบไม่มีที่ติ เขาชะโงกหน้าไปดูด้านหน้าของบ้าน น้ำตกไหลผ่านลอดใต้ตัวบ้านลงไปเป็นลำธาร ผ่านสะพานไม้ไปตามผืนป่าที่หายไปสุดลูกหูลูกตา
   “ว้าว" วินพ่นลมออกมาเบา มิกยิ้มกว้าง
   “ขอต้นรับสู่ชาโตว์วิลแลต" มิกว่า "บ้านพี่อาจจะไม่มีอะไรมากนะ แต่ก็...ทำตัวตามสบายก็แล้วกัน"
   บ้านของมิกตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นผสมนีโอคลาสสิค ผนังสีขาวเรียงรายไปด้วยภาพวาดศิลปะตั้งอยู่ เดินไปมองรอบๆอย่างล่องลอย แม้ว่าจะดึกดื่นแล้ว แต่เมื่อมิกเปิดไฟขึ้นทั้งบ้าน วินก็ตื่นเต็มตา
   ห้องน้ำอยู่ด้านปีกซ้ายนะ มีโซฟายาวอยู่ชั้นสอง มันพับเป็นเตียงนอนได้ ครัวก็อยู่ด้านหลัง จัดการตัวเองเอาเองนะน้อง พี่ขอตัวก่อน" มิกว่าพลางเดินขึ้นบันไดไป ขณะที่วินเดินเข้าไปดูภาพวาดภาพหนึ่งที่ตั้งเด่นอยู่ที่ผนังด้านหนึ่ง เป็นภาพบนแคนวาสขนาดใหญ่โตที่แขวนอยู่เพียงรูปเดียว เป็นภาพที่คอลลาจมาจากรูปถ่าย วินคิดในใจ มีสีสันที่วุ่นวายตัดไปมาอยู่ในภาพสีเทา มองเห็นเป็นผู้คนวิ่งเดินกันไปมา โดยไม่มีปฏิสัมพันธ์ต่อกันในภาพเลย
   “พี่ครับ" วินร้องขึ้นทันก่อนที่มิกจะเดินขึ้นบันไดไป "ภาพนี้....หมายความว่ายังไงเหรอครับ"
   “ภาพไหน....อ๋อ" มิกร้อง "Loveless Society น่ะเหรอ"
   “ชื่อภาพเหรอครับ" วินถาม
   “ใช่" มิกตอบ "พี่ไม่ได้วาดเอง เป็นภาพของดีไซน์เนอร์เพื่อนพี่ หมายความถึงสังคมที่ไร้ซึ่งความรักต่อกันอะไรประมาณนี้น่ะ"
   “สวยดีนะพี่" วินว่า "ผมถ่ายรูปเก็บไว้นะ"
   “เอาสิ" มิกว่า ก่อนจะหายขึ้นไปชั้นบน
   วินยอมรับว่างานศิลปะที่ห้องนี้ ทำให้เขารู้สึกลืมความเจ็บปวดเอาไวเบื้องปลังได้อย่างเป็นปลิดทิ้ง แต่กับ Loveless Society ภาพนี้ อยู่ดีดีเขาก็รู้สึกถึงความต้องการใครซักคนขึ้นมาซะอย่างนั้น ภาพวาดนี้ดูมีพลังประหลาด ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าเขากำลังอยู่ตัวคนเดียว
   หรือว่าบางที...เขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว แต่กำลังวิ่งหนีอะไรบางอย่าง และทิ้งอะไรบางอย่างมาอย่างไม่มีเยื่อใยเลยก็ได้
   วินเดินไปยังกระจกใสชองบ้านที่มองเห็นด้านนอกได้ชัดเจน ผืนป่าสวยงามรายล้อมอยู่ตรหน้า คำถามเดียวที่เกิดขึ้นในใจแว้บขึ้นมา
   อะไรถึงทำให้นายเจ็บปวดได้ขนาดนั้นะไกด์.....
   โดยที่วินไม่รู้ตัวเลยว่า เขาคิดถึงไกด์อีกแล้ว
…...........

ออฟไลน์ sanfran

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
วินมาอยู่กับมิก

แล้วไกด์จะหาเจอรึเปล่า

ออฟไลน์ sanfran

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
รอเหมือนกัน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด