บทที่ 25
ขอเวลาจัดการกับความรู้สึก
“เหมา”เจ้าของชื่อหันมามองผม เพื่อรอฟังว่าผมจะพูดอะไร ตอนนี้เราอยู่ในห้องกาแฟ ที่ประจำของเราเวลาพักเบรค ปกติคนอื่นๆ ก็จะมาชงกาแฟ แล้วก็ถือกลับไปที่โต๊ะทำงานบ้าง แต่เราสองคน อาจจะด้วยความอยู่คนละแผนกเลยจะอยู่พูดคุยกันที่ตรงนี้สักพัก คงเป็นความเคยชินตั้งแต่แรกที่เราเข้ามาทำงานที่นี่ แล้วตอนนั้นเรายังไม่ค่อยรู้จักใคร เป็นเด็กใหม่ที่ไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวอะไร คิดแล้วก็ขำ
“เป็นอะไรมองหน้ากูแล้วยิ้มเนี่ย กูขนลุกนะมึง”มันทำท่าแขยงผมด้วยท่าทางรังเกียจเสียเต็มประดา แต่ผมไม่ถือสาหรอกครับเพราะรู้ว่ามันไม่ได้จริงจัง ผมยังคงมองหน้ามันนิ่งอย่างตัดสินใจ การที่มันยังปกติอยู่แบบนี้แสดงว่าแพทคงยังไม่ได้บอกเรื่องลูกกับมัน ผมไม่รู้หรอกนะครับว่าถ้ามันได้รู้ มันจะรู้สึกยังไง แต่คนอย่างไอ้เหมาถ้ารู้แล้วมันคงมาปรึกษาไม่ผมก็คุณแว่นไปแล้ว เห็นมันแบบนี้เวลาตัดสินใจอะไรยังต้องมาถามพวกผม แต่ก็เหมือนถามไปงั้นๆ เพราะสุดท้ายมันก็เลือกตามความคิดของมันเองอยู่ดี
“ไม่มาทำงาน 2 วันนี้คิดถึงกูขนาดต้องมาจ้องกูแบบนี้เลยเหรอวะ เดี๋ยวปั๊ดกูเคลิ้มแล้วจะเรื่องใหญ่นะมึง”ผมหัวเราะเบาๆ ออกมา ตามที่ผมรับปากแพทไว้ ผมก็คงต้องรอให้แพทเป็นคนบอกเองสินะ
“ตั้งแต่รู้จักกันมา กูเคยทำผิดอะไรให้มึงไม่พอใจกูบ้างปะวะ”ผมปรับท่าทีให้ดูสบายๆ ไม่อยากให้มันคิดไปไกลว่าผมมีเรื่องอะไรใหญ่โตมาพูดกับมัน ไอ้นี่ยิ่งประหนึ่งเป็นญาติกับคุณเจน ญานทิพย์อยู่ด้วย
“นี่มึงยังต้องถามอีกเหรอ กูว่ามันนับไม่ถ้วนเลยนะ เวลามีผัวก็ทิ้งกูไปกับผัวตลอด มีเพื่อนสวยๆ ก็ไม่ยอมแนะนำให้กู เวลาไปดื่มแมร่งหารก็เท่ากันทั้งที่มึงแดกเยอะกว่ากู”มันตอบกลับมาขำๆ อย่างไม่ได้จริงจังเท่าไหร่
“เอาดีๆ ดิ”ผมถามย้ำไปใหม่ จนไอ้เหมามีสีหน้าสงสัย จนต้องย้อนถามผมว่าซีเรียสขนาดไหน แต่ผมก็บอกกลับไปว่าไม่ได้ซีเรียสมาก แค่ขอคำตอบเป็นจริงเป็นจังหน่อย เอาอะไรที่มันรู้สึกไม่โอเคกับผมจริงๆ
“เมื่อก่อนกูเคยไม่ชินกับบางคำพูดมึง บางครั้งมึงก็พูดแรงจนกูเก็บไปนอยด์ก็มี แต่พอสนิทกันมากขึ้นกูก็โอเคนะ เพราะเริ่มรู้ว่ามึงปากหมา อีกอย่างกูเองก็หมากับมึงเหมือนกัน ก็เลยถือว่าเจ๊าๆ กันไป”มันตอบกลับมาพร้อมกับยิ้มให้ผม เป็นยิ้มจริงใจ ที่ผมรู้สึกได้ว่ามันเป็นเพื่อนที่หวังดีกับผมจริงๆ คนนึง ซึ่งผมเองก็หวังดีกับมันเหมือนกัน เพียงแต่เรื่องนี้ ถ้ามันรู้จากปากของแพทเอง มันก็น่าจะดีกว่า
“กูขอโทษนะ สำหรับทุกเรื่องที่เคยทำไม่ดี”ขอโทษที่รู้เรื่องนี้แต่ไม่ยอมบอกมึง ประโยคหลังผมได้แต่พูดกับตัวเองในใจ
“เป็นไรป่ะเนี่ย ไมวันนี้พูดจาแปลกๆ”มันตบไหล่ผมเบาๆ สองที พร้อมยักคิ้วเป็นเชิงถาม
“รู้สึกเฟลนิดหน่อย”จริงๆ ตอนนี้ในหัวผมมันไม่ใช่แค่เรื่องไอ้เหมาหรอกครับ เพราะไหนจะเรื่องคุณแว่น คุณอรรถอีก มันเหมือนทุกอย่างมันพร้อมใจกันเข้ามาในเวลาเดียวกัน
“แล้วนี่หยุดไปตั้งสองวัน ไม่ดีขึ้นบ้างเลยรึไง”ผมบอกเหตุผลการไม่มาทำงานกับไอ้เหมาไปว่าแค่เซ็งๆ เบื่อๆ เลยขอหยุด นี่ก็ยังไม่รู้ว่าถ้าแพทบอกเรื่องลูก แล้วต่อด้วยการบอกว่าเจอผมไปกับคุณแว่นด้วย ไม่รู้มันจะเซอร์ไพรส์สองต่อเลยหรือเปล่า
“งั้นเย็นนี้ไปดื่มกัน จะได้ลืมเรื่องแย่ๆ เดี๋ยวชวนไอ้แว่นด้วย”ถ้าไปดื่มพร้อมคุณแว่นอีกเนี่ยผมว่ามันอาจกลายเป็นยิ่งแย่กว่าเดิม เสียด้วยซ้ำ ผมส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะบอกเหตุผล
“วันนี้กูนัดกับอรรถเค้าไว้”ไอ้เหมาเบ้ปากใส่ผม
“นัดกับแฟน แล้วยังจะมาทำซังกะตาย....หรือว่า”ไอ้เหมาเว้นวรรค พร้อมกันหันมามองผมที่ถอนหายใจออกมายาวๆ
“สรุปที่ว่าเฟลๆ นี่คือทะเลาะกะผัว กูก็นึกว่าเรื่องอะไร”เอิ่มเพื่อนเหมาครับ เข้าใจว่าเราสนิทกัน แต่นี่ที่ทำงาน จะมาพูดเรื่องผมมีผัวนี่มันก็ดูไม่ค่อยเหมาะกระมั้ง อีกอย่างก็เป็นแค่แฟน ยังไม่ได้กันด้วยซ้ำ
“มันก็ส่วนนึง แต่กูไม่ได้ทะเลาะกับเค้า กูแค่...”ผมหยุดไว้แค่นั้น เพราะคงไม่เหมาะที่จะพูดรายละเอียดทั้งหมดให้มันฟัง เวลาพักเบรคหมดลงพอดี ทำให้เราทั้งคู่ต้องแยกย้ายกันกลับแผนกของตัวเอง เพื่อไปทำงานต่อ
“เอ่อ...คือ”คุณอรรถเงยหน้ามามองผมที่อ้ำอึ้งไม่พูดอะไรสักที ตอนนี้เราอยู่ในร้านอาหารแห่งนึงหลังจากที่ช่วงบ่ายเราได้ตกลงว่จะออกมาเจอกันหลังเลิกงาน และทั้งที่คิดมาแล้ว ว่าผมจะคุยกับเค้าตรงๆ แต่พอมาเจอ ผมกลับพูดไม่ออกซะงั้น
“ถ้าเป็นเรื่องที่หัวหิน...อย่าคิดมากเลย อรรถไม่เร่งรัดตี้หรอก”เค้าเอื้อมมือมาแตะที่ผม ก่อนจะยิ้มให้
“คือมันก็ไม่เชิงว่าเรื่องนั้น...มันเอ่อ...เริ่มยังไงดีละ”ยิ่งเค้าดีกับผมเท่าไหร่ ผมกลับยิ่งรู้สึกแย่กว่าเดิม เค้ายังคงมองมาที่ผมเพื่อรอฟังในสิ่งที่ผมยังคงอ้ำอึ้ง
“เราชอบอรรถนะ”ผมเว้นจังหวะพ่นลมหายใจ เค้ายังคงยิ้มให้ผมเหมือนเดิม
“เราเคยคิดว่าถ้าไม่มีแฟนเราก็คงไม่ไขว่คว้า อยู่คนเดียวก็มีความสุขดี ดีกว่าคบๆ เลิกๆ ขออยู่กับเพื่อนยังจะสบายใจเสียกว่า จนอรรถเข้ามา เราคิดว่าถ้าเจอคนที่คิดเหมือนๆ กัน คิดว่าอยากจะคบใครไปนานๆ นั่นคือเหตุผลที่เราตกลงยอมคบกับอรรถ”เค้ายังคงยิ้มเช่นเดิม แต่สิ่งที่ผมอยากจะบอกกับเค้ามันยังไม่ได้หมดแค่นี้
“แต่เราไม่อยากเอาเปรียบอรรถ”รอยยิ้มของเค้าค่อยๆ จางลง จางลงเรื่อยๆ ก่อนที่ใบหน้านั้นจะแปรเปลี่ยนเป็นความสงสัย ไม่เข้าใจ
“นี่ตี้กำลังจะบอกอะไร”ผมพ่นลมหายใจอีกครั้งพร้อมกับกุมมือเค้าแน่น
“เรากลับมาเป็นแค่เพื่อนกันก่อนได้ไหม”
“ทำไมล่ะ ตี้จะไปคบคนอื่นเหรอ”เค้าสวนขึ้นมาอย่างเร็วจนผมต้องรีบส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนที่เค้าจะเข้าใจผิดไปมากกว่านี้
“เราไม่ได้จะคบใคร หรือมีใคร เพียงแต่ตอนนี้ในใจเรามันมีคนอื่นเข้ามารบกวน เราอยากเคลียร์ความรู้สึกตัวเองให้ได้ก่อน เพราะถ้าขืนดันทุรังคบกันไปต่อ เราก็จะรู้สึกผิด รู้สึกแย่กับตัวเองที่คบกับคนนึง แต่ในความรู้สึกกลับยังมีอีกคนอยู่ในนั้นด้วย”ผมไม่ได้หวังให้เค้าเข้าใจผม แต่ผมแค่อยากบอกออกไป เพื่อให้ตัวผมเองรู้สึกดีขึ้น ผมก็แค่คนเห็นแก่ตัวคนนึงแหละครับ คนเห็นแก่ตัวที่ทำเพื่อตัวเอง
“สรุปคือเราต้องเลิกกัน”เค้าพูดออกมาเสียงแผ่ว โดยไม่ได้โวยวาย ไม่ได้มีท่าทีว่าโกรธเคืองผม แต่อย่างใด
“เราขอโทษนะ มันไม่ใช่ความผิดอะไรของอรรถเลย ผิดที่เราเอง...เราผิดที่จัดการกับความรู้สึกของตัวเองไม่ได้”ใช่ผมผิด ผิดที่ดันไปเกิดความรู้สึกมากเกินกว่าที่ตกลงไว้กับอีกคน ทั้งที่รู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ กับคนที่เค้ายังคิดจะแต่งงาน มีลูก สร้างครอบครัวที่สมบูรณ์
“อรรถจะรอนะ”ผมรีบยกมือขึ้นห้าม เพราะไม่อยากให้เค้ามาปิดกั้นตัวเองเพราะผม ผมไม่รู้ว่าผมเองต้องใช้เวลาอีกนานขนาดไหนในการที่จะจัดการกับความรู้สึกของตัวเอง ความรู้สึกที่ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นมาได้ยังไง รู้ตัวอีกทีภาพใบหน้าของอีกคน ก็มักจะเข้ามาในหัวของผมเสมอ
“งั้นอรรถจะไม่บอกว่ารอ แต่อรรถขอตี้อย่างนึงว่าไม่ต้องบอกให้อรรถไปมองคนอื่น ตี้เองยังเคลียร์ใครบางคนออกจากใจไม่ได้ แล้วตี้คิดว่าอรรถจะเคลียร์ตี้ออกจากใจได้ง่ายๆ เหรอ”คำพูดเค้าทำเอาผมพูดไม่ออก ทำไมนะ ทำไมผมไม่รู้สึกกับเค้าอย่างที่รู้สึกกับอีกคน ไม่งั้นเรื่องมันอาจจะง่ายกว่านี้
“ถ้างั้น...ก็ปล่อยให้ทุกอย่างมันดำเนินไป เวลาอาจจะช่วยให้ทุกอย่างมันเข้าที่เข้าทางมากกว่านี้ก็เป็นได้”ถ้ารู้อนาคตได้ก็คงจะดีนะครับ ถ้ารู้ก่อนเราจะได้ไม่ต้องทำอะไรที่จะเป็นวาเหตุให้เกิดเรื่องแย่ๆ ขึ้น แต่ในเมื่อมันเป็นไปไม่ได้ เราก็คงต้องยอมรับและเผชิญกับสิ่งที่เราเคยทำไว้
“อรรถถามได้ไหม ว่าใครที่รบกวนจิตใจตี้อยู่”แม้จะดูไม่ได้จริงจังกับคำถามมากนัก แต่แววตาที่เค้ามองมา มันก็ทำให้ผมลำบากใจเหมือนกันที่จะตอบ ผมไม่อยากจะโกหกเค้า แต่ก็ไม่ได้อยากพูดออกไปว่าคนที่ผมอ้างถึง คือใคร เพราะผมเองก็ตั้งใจไว้แล้วว่าความสัมพันธ์ระหว่างผมกับคุณแว่นคงปล่อยให้มันเป็นแค่ความลับระหว่างผมกับเค้าเท่านั้น
“พี่ตี้ พี่อรรถ สวัสดีค่ะ ไม่เจอกันนานเลย”เสียงใสของหญิงสาวคนนึงขัดจังหวะ ความคิดของผม ไม่รู้ผมจะขอบคุณหรือตกใจก่อนดี ทั้งผมและคุณอรรถรับไหว้จากสองคนที่เข้ามาทักทาย
ชะเอมหญิงสาวที่ผมคิดว่าไม่น่าจะได้เจอกันอีก เพราะตั้งแต่ที่มีผู้หวังดีส่งรูปของเธอให้คุณแว่นตาสว่าง ชะเอมก็ตัดการติดต่อกับผมทุกช่องทาง เพราะเธอคิดว่าผมเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งในการทำลายชีวิตรักของเธอ แต่วันนี้เธอกลับเป็นคนเข้ามาทักผมก่อน ดูเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจไม่น้อยเลยทีเดียว
“ทีแรกเอม มองไม่เห็น ถ้าพี่อาร์ทไม่ชี้ให้ดูคงไม่ได้เข้ามาทักแล้วเนี่ย”แสดงว่าจริงๆ ชะเอมก็คงไม่ได้อยากเข้ามาทักทายผมสักเท่าไหร่สินะ แต่คงอาจต้องรักษาภาพพจน์ตอนอยู่ต่อหน้าอาร์ท มันเลยทำให้ผมนึกอยากแกล้งแหย่เธอเล่นสักหน่อย โดยการบอกกับเธอว่าไม่เจอกันตั้งนานแบบนี้ ขอถ่ายรูปคู่ด้วยหน่อยสิ
“จะถ่ายไปให้ใครดูป่ะเนี่ย”ชะเอมพูดลอดไรฟันขณะที่มานั่งชิดกับผมเพื่อถ่ายรูป แวปแรกที่ผมบอกจะขอถ่ายรูปผมว่าผมเห็นสีหน้าเจื่อนๆ ของเธออยู่เหมือนกัน แต่มันก็แค่แปปเดียวเท่านั้น ก่อนที่เธอจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติอย่างรวดเร็ว
ผมปฏิเสธคำถามของเธอ เพราะใครที่เธอหมายถึง ก็คงเป็นคุณแว่น และแน่นอนว่าผมคงไม่เอารูปนี้ไปอวดคุณแว่นหรอกครับ อย่างที่บอกผมแค่อยากจะแหย่เธอเล่นเฉยๆ
“แล้วเพื่อนพี่ตี้ สบายดีไหม มีแฟนใหม่ไปยัง”กลับกลายเป็นผมเองที่ชะงักไปกับคำถามของชะเอม แม้จะรู้ว่าที่ชะเอมถามมันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับผม แต่พอนึกถึงสิ่งที่ผมต้องตอบมันกลับรู้สึกใจมันโหวงๆ แปลกๆ
“ก็มีคนที่ดูๆ กันอยู่มั้ง น่าจะใกล้เปิดตัวเร็วๆ นี้แหละ”ผมตอบออกไปตามตรงเท่าที่ผมได้รับรู้มา แต่ก็เหมือนเป็นการตอกย้ำกับตัวเองด้วยว่า ต้องรีบเคลียร์เค้าออกจากความรู้สึกของตัวเองให้ได้เร็วที่สุด เพราะอีกไม่นานเค้าคงได้เจอคนที่พร้อมจะเดินร่วมทางกับเค้าแล้ว
“ดีแล้ว เค้าจะได้ไม่เหงา”ชะเอมตอบรับอย่างไม่ได้ยินดียินร้ายกับสิ่งที่รับรู้ คงเพราะตอนนี้ชะเอมก็ไปกันได้ด้วยดีกับอาร์ทแล้ว ระหว่างชะเอมกับคุณแว่น มันก็คงแค่อดีต ผมก็ได้แต่หวังว่าวันนึงผมคงทำได้อย่างชะเอมที่ปล่อยเรื่องราวในอดีตทิ้งไป แล้วเริ่มต้นใหม่กับปัจจุบัน ชะเอมกับอาร์ทขอตัว แยกออกไปนั่งโต๊ะที่จองไว้ ทำให้ตอนนี้ระหว่างผมกับคุณอรรถ เกิดความเงียบเข้ามาแทนที่
เพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเราคุยเรื่องอะไรค้างกันไว้อยู่ ผมเลือกที่จะเงียบ เพราะไม่รู้ว่าจะตอบเค้าออกไปยังไงดี แต่เค้าเองก็ไม่ได้พูดอะไรเพิ่ม เหมือนตอนนี้เราต่างคนต่างรอให้อีกคนพูดก่อน จริงๆ วันนี้ผมแค่อยากจะมาตกลงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเค้าแค่นั้น ไม่ได้เตรียมตัวมาว่าจะต้องบอกถึงความสัมพันธ์กับคนอื่น แต่ก็อีกนั่นแหละ เพราะผมเองที่เป็นคนอ้างถึงบุคคลอื่นอีก
“คุณชาร์ปหรือเปล่า”
“ห๊ะ”ผมเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ แต่พยายามเก็บอาการไว้
“ก็อีกคนที่อยู่ในใจตี้ คือคุณชาร์ปใช่ไหม”เค้าบอกพร้อมกับยิ้มให้ผม แต่เป็นยิ้มขื่นๆ เหมือนฝืนยิ้มเสียมากกว่า
“คน คนนั้นจะเป็นใคร ก็ไม่สำคัญหรอก เพราะระหว่างเรากับเค้า มันจบไปแล้วตั้งแต่ยังไม่เริ่มเสียด้วยซ้ำ”
TBC
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคร๊าบบบ
แค่เห็นมีคนชอบก็ปลื้มมากแล้ว
ตอนนี้มีใครสงสารเฮียอรรถของเราบ้างไหมน้า