บทที่ 13
คุณแม่
ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูอีกครั้ง ซึ่งก็ไม่รู้นี่เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วเหมือนกัน ตอนนี้เป็นว่า 6 โมงเย็นหน่อยๆ ผมเงยหน้ามองผู้คนที่เดินขวักไขว่อยู่ในสนามบินแห่งนี้ ใช่แล้วครับ ตอนนี้ผมอยู่ที่สนามบินดอนเมือง วันนี้เลิกงานปุปผมก็ตรงดิ่งมาที่นี่ทันที และนี่คือสิ่งที่คุณแว่นรบกวนผมมานั่นเอง
“คือแม่เราจะมาหา แต่ไม่ได้บอกไว้ล่วงหน้า เราจะรบกวนตี้ไปรับแม่ที่สนามบิน แล้วพาไปส่งที่บ้านให้หน่อยได้ไหม”นั่นคือสิ่งที่เค้าบอกกับผม แม้จะรู้สึกลำบากใจ เพราะผมเองยังไม่เคยเจอกับแม่ของเค้ามาก่อน กลัวว่าจะทำตัวไม่ถูก แต่ก็นั่นแหละครับ ผมไม่ได้ปฏิเสธออกไป แถมตอนนี้ก็มารอคุณแม่อยู่ที่สนามบินแล้ว
จริงๆ แล้วเรื่องนี้ถ้าเค้ารบกวนไอ้เหมาน่าจะเหมาะกว่าเสียด้วยซ้ำ เพราะไอ้เหมาเองเคยไปบ้านคุณแว่นที่ภูเก็ตและเคยเจอทั้งพ่อทั้งแม่ของคุณแว่นแล้ว แต่ผมนี่สิยังไม่เคยเจอเลย ก่อนออกมาผมลองชวนไอ้เหมามาด้วยแล้ว แต่มันดันบอกว่าคุณแว่นไม่ได้ใช้มัน มันไม่มีความจำเป็นต้องมาด้วย ถึงมันจะบอกว่าแม่ของคุณแว่นใจดี แต่ผมก็ยังรู้สึกเกร็งๆ อยู่ดี และยังไม่ทันที่ผมจะได้ทำใจต่อ โทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น เป็นเบอร์แม่ของคุณแว่นนั่นเองที่โทรเข้ามา
“ปาร์ตี้เหรอลูก นี่แม่มาถึงแล้วนะ ตอนนี้รอกระเป๋าอยู่ ยังไงหนูรอแปบนึงนะลูก”ผมทำได้เพียงตอบครับคำเดียวสั้นๆ เพราะคุณแม่เล่นไม่เว้นช่องให้ผมได้พูดเลย แล้วเรียกผมว่าหนูนี่คุณแม่จะให้ความเอ็นดูผมเกินไปไหมครับ อีกอย่างผมเป็นผู้ชายนะครับแม่ ผมเปิดดูรูปคุณแม่ ที่คุณแว่นส่งให้ดูอีกครั้ง พร้อมกับชะเง้อมองคนที่เดินออกมา ผ่านไปสักระยะ ที่คนทยอยออกมาจนเกือบหมดแล้ว แต่ทำไมคุณแม่ยังไม่ออกมาอีกเนี่ย ผมกำลังจะกดโทรหาแล้วถ้าไม่มีคนมาทักซะก่อน
“ปาร์ตี้หรือเปล่าลูก”ผมหันมองผู้หญิงตรงหน้าที่มาทักผม ก่อนจะค่อยๆ พิจารณาอีกครั้งพร้อมกับยกมือไหว้ อย่างตกใจ เพราะคุณแม่ดูสาวกว่าในรูปเยอะเลยทีเดียว ที่คุณแว่นไปเลือกรูปจากที่ไหนมาให้ผมดู ผมรีบกล่าวขอโทษที่ไม่เห็นคุณแม่เพราะตัวจริงคุณแม่ดูยังสาวกว่าในรูปมาก พอได้ยินแบบนั้น คุณแม่ก็ชอบอกชอบใจใหญ่
“ขอโทษทีนะลูก เลยต้องลำบากมารับแม่แทนเจ้าชาร์ปเลย”ผมตอบกลับไปว่าไม่ต้องเกรงใจ พร้อมกับช่วยลากกระเป๋า ระหว่างทางที่เดินไปลานจอดรถ คุณแม่ก็คุยแทบไม่หยุดเลยครับ จากตอนแรกที่ผมเกร็งไม่รู้ว่าจะคุยอะไรกับคุณแม่ แต่ตอนนี้ผมไม่ต้องกังวลเพราะ แทบไม่มีช่องไฟให้ผมได้พูดเลยล่ะครับ คุณแม่บอกว่าตั้งใจจะมาอยู่เป็นเพื่อนชาร์ปสักระยะ ตั้งแต่รู้ว่า ชาร์ปกับชะเอมเลิกกัน แต่เพิ่งเคลียร์งานที่บ้านเพิ่งเสร็จ ก็เลยจองตั๋วเครื่องบินก่อน แล้วถึงได้โทรหาชาร์ป แต่กลายเป็นว่าชาร์ปดันไปต่างจังหวัด กว่าจะมาก็คงพรุ่งนี้เย็นๆ ตอนแรกชาร์ปก็จะให้คุณแม่เลื่อนไฟลท์บิน แต่คุณแม่ดันไม่ยอมบอกเสียเงินที่จ่ายไปแล้ว ขนาดว่าชาร์ปจะออกค่าเครื่องให้ใหม่ คุณแม่ก็ไม่ยอม
“แม่ละดีใจ๊ดีใจ ที่ลูกแม่เลิกกับยัยชะเอมนี่ได้ อย่าหาว่าแม่เม้าท์เลยนะ ผู้หญิงอารายไม่ค่อยมีสัมมาคารวะ แม่ละไม่ถูกชะตาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ นี่แม่เกือบเคยตัดแม่ตัดลูกกะเจ้าชาร์ปเพราะแม่นี่มาแล้ว แต่สุดท้ายแม่ก็รักลูกอะเนอะ ถ้าลูกเรายืนยันหนักแน่นแล้วว่าเลือกคนนี้ แม่ก็ไม่อยากขัดความสุขของลูก แต่ตอนแม่รู้ว่าสองคนนี้เลิกกันนะ แม่แทบจะจุดพลุฉลองเลย”ครับนี่คุณแม่ไม่ได้เม้าท์เลย นี่ดูเหมือนเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ผมไม่เคยรู้มาก่อนเช่นกัน ว่าแม่ของคุณแว่น ไม่ชอบชะเอม
หลังจากออกจากสนามบินผมกะว่าจะแวะพาคุณแม่ทานข้าว แต่คุณแม่ดันให้ผมแวะซุปเปอร์มาเก็ต เพื่อซื้อของสดไปทำกินเองที่บ้าน คุณแม่บอกว่ากินที่ไหนก็ไม่ถูกใจเท่าที่ทำกินเองที่บ้าน คุณแม่แทบจะเหมาของจากซุปเปอร์มาเก็ต จนผมต้องรีบห้าม แต่คุณแม่บอกว่า แม่ยังอยู่อีกหลายวัน แล้วพรุ่งนี้ถ้าคุณแว่นกลับมา ก็จะชวนผมกับไปเหมาแล้วก็แพทไปทานข้าวกันที่บ้านด้วย
“ตี้ชอบทานอะไรเป็นพิเศษไหมลูก”พอได้ยินแบบนั้นผมต้องรีบปฏิเสธ เพราะถ้าขืนบอกอะไรเพิ่มไปอีก คาดว่าวันนี้คุณแม่จะอยู่จนซุปเปอร์ปิดเป็นแน่แท้ ขนาดของที่เพิ่งซื้อเสร็จเนี่ย คุณแม่บอกแปปเดียว ยังปาไปเป็นชั่วโมง ผมต้องหอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรังขึ้นรถ พอมาถึงบ้านคุณแว่นผมก็ต้องค่อยๆ ทยอยขนสัมภาระลงจากรถ ส่วนคุณแม่ก็รีบเข้าครัว ซึ่งผมบอกไปแล้วว่าทำอะไรง่ายๆ สัก 2 อย่างก็พอ เพราะจะได้ไม่เหนื่อยมาก นี่คุณแม่ก็มาจากภูเก็ตผมว่าน่าจะได้พักผ่อนเร็วๆ น่าจะดีกว่าจริงๆ คุณแว่นก็บอกไว้แล้วว่าคุณแม่จะเป็นแบบนี้เรื่องกินข้าว ให้ผมยืนกรายพาไปกินที่ร้านจะได้ กินเสร็จมาส่งบ้านก็จะได้กลับเลย แต่ก็นั่นแหละครับ ผมแพ้ทางมนุษย์แม่ครับ ก็เลยต้องยอมตามใจ
“อย่าลืมทานหมูยอผมนะครับ ได้ลองแล้วจะติดใจ”ผมกดอ่านข้อความ ระหว่างที่กำลังขนของให้คุณแม่ นี่คุณเซลล์ กำลังแกล้งพูดจาสองแง่สองง่ามแน่ๆ เพราะไอ้สติ๊กเกอร์ที่ส่งตามมามันส่อเหลือเกิน ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ทำเพียงกดปิดไลน์ก่อนจะหยิบหมูยอนั้นลงจากรถเพื่อมาฝากไว้ในตู้เย็นบ้านคุณแว่น
“แม่ครับผมฝากหมูยอ ไว้ให้เผื่อเมนูพรุ่งนี้ด้วยนะครับ พอดีมีเพื่อนเอามาฝาก”คุณแม่รับคำก่อนจะเรียกให้ผมไปยกกับข้าวออกมาจากครัว ซึ่งทำเสร็จเร็วมาก แต่ส่วนนึงคงเพราะผมที่บอกคุณแม่ว่ากินสองคนก็ทำกับข้าวสองอย่างก็พอ โดยต่างคนต่างมีสิทธิ์เลือกได้ 1 เมนู ซึ่งสิ่งที่ผมเลือกมันคือ ไข่เจียว สุดแสนจะง่าย และใช้เวลาทำแค่แปปเดียว ส่วนอีกจานที่คุณแม่เลือกทำคือหน่อไม้ฝรั่งผัดกุ้ง
หลังจากทานข้าวเสร็จผมก็ขอตัวกลับบ้าน แต่ไม่วายว่าคุณแม่กำชับให้ผมต้องมาทานข้าวกับคุณแม่อีกในวันพรุ่งนี้ ซึ่งผมก็ไม่ได้ปฏิเสธอีกตามเคยแต่พรุ่งนี้ คงได้ไปทานข้าวด้วยกันทั้งผม ไอ้เหมา แล้วก็แพท เพราะดูเหมือนคุณแม่จะไม่ยอมให้ใครปฏืเสธคำชวนนี้
“ว่าไง”ผมกรอกเสียงไปกับสมอลทอล์ค หลังจากกดรับสายจากคุณแว่น เค้าขอบคุณผมยกยกใหญ่ที่วันนี้ไปรับแม่แทนเค้า แถมยังบอกอย่างตื่นเต้นว่าแม่เค้ารู้สึกถูกชะตากับผม
“ตะกี้คุยกะเรานะ มีการบอกอยากได้ตี้มาเป็นลูกชายแทนเราแล้ว เนี่ย สงสัยตี้จะกลายเป็นลูกรักแล้วเราคงเป็นหมาหัวเน่าแน่ๆ เลย”เค้าเล่าไปขำๆ อย่างไม่ได้จริงจังอะไรนัก ผมว่าส่วนนึงที่แม่ของคุณแว่นชอบผม คงเพราะผมโตมากับแม่ เลยพอจะเข้าใจหัวอกของบรรดาแม่ๆ ทั้งหลาย แม้ในตอนแรกผมจะเกร็งๆ ก็เถอะ แต่แม่ของคุณแว่นก็คล้ายๆ กับแม่ผม เลยจับจุดเข้าหาได้ง่ายมั้งครับ
“งี้เราขอไปสมัครเป็นลูกชายของแม่ชาร์ปอีกคนแล้วกันนะ”ผมพูดแซวออกไปอย่างไม่ได้คิดอะไร แต่อีกฝ่ายกลับสวนมาจนผมแทบไปต่อไม่เป็นกันเลยทีเดียว
“ตำแหน่งลูกชาย คงมาแย่งเราไม่ได้เพราะเราไม่ยอมแน่ๆ แต่ตำแหน่งลูกสะใภ้ของแม่เรายังว่างนะ สนใจยื่นใบสมัครไหม”
“บ้า”ผมตอบออกไปได้แค่นั้นจริงๆ เพราะเกิดอาการใบ้กินขึ้นมาเอาเสียดื้อๆ
“เขินเหรอ”ยิ่งเจอคำถามนี่เข้าไป ผมคงต้องรีบกดวางสายเพราะผมดันเขินขึ้นมาจริงๆ นี่แหละครับ คุณแว่นนี่ก็ยังจะมาหยอดอะไรกับผมเนี่ย ผมเปลี่ยนเรื่องคุยโดยบอกว่านี่ผมยังขับรถไม่ถึงบ้าน ยังไงไว้เจอกันอีกทีตอนเย็นพรุ่งนี้
“ถึงบ้านแล้วไลน์บอกด้วยนะ”เค้าบอกผมก่อนที่สายจะตัดไป ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ก็ไม่ค่อยเข้าใจเค้าเท่าไหร่ ว่าจะมาพูดคุยกับผมในทำนองหมาหยอกไก่นี่ทำไม ในเมื่อเราก็มีข้อตกลงกันแล้ว ว่าระหว่างเราสองคน ความสัมพันธ์ของเรามันอยู่ที่ตรงไหน
และแล้วก็ถึงเวลานัดทานข้าวเย็นที่บ้านของคุณแว่นอีกครั้ง ผมเป็นคนแรกที่มาถึงก่อนใคร เพราะเลิกงานปุปก็บึ่งตรงมาเลย ส่วนไอ้เหมาต้องวนไปรับแพทก่อน ส่วนคุณแว่นเจ้าของบ้านกำลังเดินทางกลับ น่าจะมาถึงพร้อมๆ กับไอ้เหมาพอดี ผมที่ถึงก่อนก็ทำหน้าที่เป็นลูกมือให้กับคุณแม่ครับ แต่เห็นรายการอาหารที่คุณแม่ทำแล้ว นี่คุณแม่คิดว่าทานกันกี่คนครับ กะเลี้ยงทั้งหมู่บ้านเลยรึไงเนี่ย
“เยอะขนาดนี้จะทานกันหมดไหมครับคุณแม่”อดที่จะแซวไม่ได้ครับ แต่คุณแม่ก็สวนกลับมาว่าถ้าไม่หมดวันนี้ไม่มีใครได้กลับบ้านแน่นอน ผมเลยย้อนไปอีกว่าบ้านยังมีห้องว่าง เดี๋ยวผมขอไปเตรียมที่นอนรอเลยแล้วกัน เราสองคนก็หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน พอมาเจอแม่ของคุณแว่นแบบนี้ ผมเองก็อดที่จะคิดถึงแม่ของผมเองไม่ได้ ถ้าตอนนี้แม่ผมยังอยู่ด้วยก็คงจะดีไม่น้อย
“เป็นไรหรือเปล่าลูก”แม่ของคุณแว่นคงจับสังเกตได้ แต่ผมก็บอกปัดไปว่าไม่ได้เป็นอะไร แค่นึกถึงแม่นิดหน่อย แค่นั้นเอง แล้วก็เป็นจังหวะที่ไอ้เหมากับแพทมาถึงพอดี คุณแม่เลยไม่ได้ซักอะไรผมต่อ
“มาไอ้ตี้ เดี๋ยวให้แพทช่วยแม่ทำต่อ ส่วนมึงมาจิบเบียร์รอเป็นเพื่อนกูดีกว่า”ผมเลยได้ปลีกตัวออกมารอด้านนอกกับไอ้เหมา ไม่นานนักคุณแว่นก็กลับมาถึง พร้อมๆ กับที่อาหารเสร็จเรียบร้อย เราทุกคนช่วยกันยกอาหารออกมาวางที่โต๊ะกินข้าว ซึ่งทั้งคุณแว่นและไอ้เหมาก็คิดเหมือนผมว่า นี่จะกินหมดกันได้ยังไง
“เดี๋ยวนี้ไม่ใส่แว่นแล้วเหรอชาร์ป”คุณแม่เอ่ยทักคุณแว่น จนทุกคนต้องหันไปมอง ผมเองก็เพิ่งเกตว่าเค้าไม่ได้มีแว่นอยู่บนใบหน้า ตั้งแต่เข้าบ้านมาแล้ว แต่เค้าก็เพียงบอกผ่านๆ ว่าลืมหยิบแว่นจากในรถมา
“แล้วมึงมองเห็นเหรอว่ะ ปกติทุกทีไม่มีแว่นนี่มึงบ่นเป็นหมีกินผึ้งเลย”ไอ้เหมาเปิดประเด็นมาอีกแต่เจ้าตัวคนถูกถามก็ยังคงกอนข้าวไม่ได้ มีทีท่าสนใจอะไร ทั้งที่คนทั้งโต๊ะอาหารเนี่ยกำลังจ้องเค้าเป็นตาเดียวเพื่อรอคำตอบ
“กูใส่คอนแทค”คำตอบของเค้าทำเอาทุกคนแปลกใจ รวมทั้งผมด้วย เพราะจำได้ว่าไอ้เหมาเคยบอกผมว่าเค้าไม่ชอบการใส่คอนแทคเลนส์ เพราะยุ่งยากลำบาก เลยขอใส่แว่นดีกว่า และไอ้เหมาก็ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง ถามซ้ำไปอีกว่าทำไมเค้าถึงเปลี่ยนมาใส่คอนแทคเลนส์
“มีคนไม่ชอบที่กูใส่แว่น”หือ นี่ไม่ได้หมายถึงผมใช่ไหม เพราะจำได้ที่เค้าแซวผมวันก่อนที่เรามีอะไรกัน เรื่องกลัวผมไปเผลอใจชอบเค้า แล้วผมบอกว่าไม่ชอบคนใส่แว่น คงไม่หรอกม้าง แต่พอเห็นสายตาพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ที่เค้าทำแล้ว ผมก็ชักไม่แน่ใจ
“ใครว่ะ”ไอ้เหมายังคงทำหน้าที่เป็นคนซักต่อไป
“ก็ไม่มีอะไร แค่เวลาไปทำงานข้างนอกแล้วใส่แว่นมันไม่สะดวก ไม่ค่อยทะมัดทะแมง แค่นั้นแหละ ไม่มีอะไร”ท่าทางการตอบของเค้าดูสบายๆ พร้อมกับกินข้าวไป แต่ผมว่าผมเห็นเค้าแอบอมยิ้ม อยู่แวปนึง แต่ก็ไม่ได้มีใครติดใจเรื่องเค้าใส่คอนแทคเลนส์อีก ว่าแต่ถ้าเค้าไม่ใส่แว่นแล้ว ผมจะยังควรเรียกเค้าว่าคุณแว่นอยู่อีกไหม
“เออ ไอ้ตี้เห็นหมูยอละนึกขึ้นได้ ตกลงอร่อยป่ะวะ”ไอ้เหมาตักยำหมูยอใส่จานตัวเองพร้อมกับทำท่าล้อเลียนผม เรื่องที่คุณเซลล์เอาหมูยอมาฝาก ผมเลยบอกไปว่าก็อันที่มันกำลังกินเนี่ยแหละ เพราะฝากคุณแม่ใส่ตู้เย็นไว้ที่นี่ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
“นั่นแน่ๆ”ไอ้เหมายังคงทำท่าล้อผมไม่หยุด นี่ถ้าไม่ติดว่าเกรงในคุณแม่จะลุกไปตบหัวมันสักทีแล้วครับ
“อะไรกันนิพวกมึงสองคน”ชาร์ปที่ไม่เข้าใจว่าผมสองคนแง่งๆ ใส่กันทำไมเอ่ยขัดขึ้น จนไอ้เหมาต้องอธิบาย แต่ไอ้คำอธิบายของมันนี่ก็นะ มันบอกว่าหมูยอเนี่ย แฟนผมเอามาฝาก แถมหัวเราะอย่างชอบใจ แถมทั้งแพททังคุณแม่ก็ดูจะชอบใจใหญ่ ที่ไอ้เหมาบอกว่าผมมีแฟน
“ไม่ยักรู้ว่าลูกตี้มีแฟน เห็นชาร์ปบอกยังโสด ถ้ารู้ว่ามีแฟนแล้วจะได้ชวนมาทานข้าวด้วยกัน หลายๆ คนสนุกดี”ไปกันใหญ่แล้วครับคุณแม่ นี่ได้ฟังที่ผมปฏิเสธไหมว่า อีตาเซลล์ที่ให้หมูยอผมมานี่ย เพื่อนกัน แถมเพื่อนห่างๆ แบบเพิ่งรู้จักเลยด้วยซ้ำ แต่ดูคุณแม่จะเชื่อไอ้เหมามากกว่าผมแหละครับ
“แกร๊ก”เสียงวางช้อนที่ค่อนข้างดังทำไมทุกคนต้องหยุด แล้วหันมองเป็นตาเดียวกัน แต่คนที่วางช้อนเสียงดังนั้นกลับไม่ได้ยินดียินร้ายอะไร เค้ายกแก้วเบียร์ขึ้นกระดกโดยไม่ได้สนใจว่าทุกคนมองเค้าอยู่
“อิ่มแล้วเหรอลูก”เป็นคุณแม่ที่เอ่ยถามลูกชาย ทำลายความเงียบที่เกิดขึ้น
“ไม่เห็นมึงกินหมูยอ แฟนไอ้ตี้มันบ้างเลย อร่อยนะมึงเนี่ยๆ ลองหน่อย”ไอ้เหมายื่นมือตักยำหมูยอ ส่งให้ทั้งชาร์ป แล้วก็ผมด้วย แต่อีกคนเลื่อนจานออกจากตัวนิดหน่อยเป็นการบอกว่าไม่ทานแล้ว
“เป็นไรละเรา เห็นเพื่อนมีแฟนหมด แล้วตัวเองโสดอยู่คนเดียว แล้วงอนเหรอลูกแม่”สิ้นคำพูดคุณแม่ทุกคนก็หัวเราะกันสนุกสนาน จนชาร์ปต้อง รีบปฏิเสธว่าไม่ได้งอน บรรยากาศกลับมาครื้นเครง ผมกับไอ้เหมาจัดการอาหารบนโต๊ะจนเกลี้ยง อิ่มจนพุงแทบแตกกันเลยทีเดียว
หลังจากช่วยคุณแม่จัดเก็บประมาณนึง ทั้งผม ไอ้เหมากับแพทก็ขอตัวกลับ โดยมีชาร์ปออกมาส่งพวกผม ผมต้องให้เหมากับแพทออกไปก่อน เพราะรถของทั้งคู่จอดขวางรถผมอยู่ ระหว่างรอเลยเปิดดู ข้อความจากคุณเซลล์ ที่ก็ขยันส่งมาเหลือเกิน
“คุยกับแฟนเหรอ”คนที่ยืนรอส่งผมส่งเสียงมา ผมปฏิเสธไป อย่างที่ย้ำไปแล้วตอนทานข้าว แต่ดูไม่ค่อยมีใครยอมเชื่อผม ผมยิ้มให้กับข้อความในมือถือก่อนจะเงยหน้ามองอีกคนที่จ้องผมอยู่แล้ว
“หึงเหรอ”ผมพูดเบาๆ เพื่อให้ได้ยินกันแค่สองคน ก่อนจะเดินขึ้นรถ
“เปล่าซะหน่อย”เสียงของอีกคนตะโกนไล่หลังผมมา
แวะมาต่อคร๊าบบ
เรื่องราวก็ยังเรื่อยๆ ไม่ค่อยมีอะไรมากนะครับของตอนี้ ยังไงก็ขอบคุณที่ติดตามเหมือนเดิมนะครับ
ปล.เรื่องดื่มเบียร์ คนแต่งชอบเบียร์สดมากครับ