ตอนที่ ๔…คนไข้ขี้เมา VS คุณหมอหน้าขาว
เกือบสองทุ่มแล้วตอนที่อาณกรมาถึงโรงพยาบาล เขาจอดรถแล้วสำรวจความเรียบร้อยอีกรอบเมื่อแน่ใจก็ลงจากรถเกือบจะไขกุญแจล็อกรถแล้ว แต่ประตูอีกบานจากด้านหลังกลับเปิดออกชายหนุ่มผงะตัวห่างจากรถตั้งสติพร้อมตั้งกาดไว้รอหากไอ้สิ่งที่ออกมานั่นเป็นโจร ทว่าเขาเห็นแค่หัวกลมๆ มุดออกมาเท่านั้น
“ใครน่ะ! ฉันมีปืนนะ”
ไม่มีเสียงตอบแต่มีเสียงกระโดดดังตุบกลับมาแทน ร่างนั้นค่อยปรากฏชัดเจนขึ้นจากหวาดหวั่นว่าจะเป็นคนร้ายกลายเป็นตกใจแทน เมื่อไอ้หัวกลมๆ ที่เห็นในตอนแรกมันกลายเป็นหลายชายตัวแสบ
“พิกเล็ต!”
“แหะ แหะ”
เจ้าตัวดีหัวเราะพร้อมกับลิ้นที่แลบออกมา พิกเล็ตเงยหน้ามองผู้เป็นอาอย่างลุแก่โทษเดาไม่ออกว่าอาออยจะโกรธแค่ไหนที่เห็นเขาลงมาจากรถแทนที่จะนอนอยู่บนเตียงที่บ้าน
“มาที่นี่ได้ยังไง!” คนเป็นน้าตะโกนเต็มเสียงเล่นเอาเด็กตัวแสบที่หนีตามมาสะดุ้งเฮือก พิกเล็ตถอยกรูหนีให้ห่างจากมืออาออย แต่หลังติดรถแล้วเด็กชายย่นคอหนีคิดว่าอาออยคงฟาดมือใส่เขาแน่ เด็กชายหลับตาปี๋รอรับโทษทัณฑ์จากฝ่ามือของผู้เป็นอาถึงว่าเขาไม่เคยโดนทั้งอาออยและพ่อเสือตีมาก่อนเลยก็ตาม
“น้าถามว่ามาได้ยังไง!”
ไม่ได้มีฝ่ามือพิฆาตอย่างที่คิดแต่ระดับน้ำเสียงยังคงดังและห้วนจนน่ากลัวไม่เปลี่ยน พิกเล็ตค่อยๆ ลืมตาขึ้นใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะมองหน้าอาออย พอเห็นตาวาวๆ ก็ต้องหลับตาหนีเช่นเคย
อาณกรถอนหายใจสั้นแต่หนักหน่วง มองดูจากสภาพที่ยังคงอยู่ในชุดกึ่งนักเรียนเสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงสีน้ำเงินพร้อมกระเป๋าเป้ลายเบนเท็น ตอนนี้สองทุ่มแล้วถ้าขับรถไปส่งพิกเล็ตอีกรอบคงเสียเวลาไม่น้อยครั้นจะฝากพี่ดินไปเจ้าตัวดีนี่คงไม่ยอมแน่ อุตส่าห์แอบตามมาคงไม่ง่ายนักหรอกหากจะส่งกลับ มือเล็กยกขึ้นท้าวเอวบางของตัวเองเอียงคอมองหลายชายตัวแสบไม่รู้ว่าตอนเด็กๆ พี่เสือทโมนเท่านี้หรือเปล่าแต่ดูจากนิสัยที่แสนห่ามคิดว่าคนเป็นพ่อท่าทางจะหนักกว่า
“ทำการบ้านเสร็จหรือยัง” เจ้าตากลมเงยหน้ามองเขาตาแป๋ว เม้มปากพลางพยักหน้าตอบงึมงำพอได้ยินว่าเสร็จแล้ว “ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันได้แล้ว แต่ต้องสัญญากับอามาก่อนว่าห้ามเสียงดัง ห้ามรบกวนและห้ามถามอะไรทั้งนั้น”
เด็กชายพิกเล็ตพยักหน้าหงึกรับฟังคำสั่งง่ายดายโดยไม่มีคำถาม อาณกรถอนหายใจอีกรอบจูงมือน้อยแล้วพาเดินเข้าสู่ตัวอาคารสถานที่เขาไม่อยากมาที่สุด
“กว่าจะมานะคุณออย ผมหิวไส้จะขาดแล้ว”
ดินบ่นกระปอดกระแปด แต่พอเห็นถุงขนมก็ตาโตดีใจอาณกรหอบเอาของกินในตู้เย็นมาฝากคนเสียสละถุงใหญ่ พลางโยนกุญแจให้
“พรุ่งนี้ก่อนหกโมงเดี๋ยวพิกเล็ตไปโรงเรียนไม่ทัน”
“คร้าบ” คนงานตัวแสบที่เป็นหนึ่งในผู้ร่วมวงเหล้ายิ้มร่าแกะขนมกินหน้าตาเฉย แต่ก็ยังพอมีน้ำใจส่งให้ลูกชายลูกพี่ พิกเล็ตสั่นหน้าปฏิเสธเขย่งเท้าชะเง้อมองร่างบนเตียง ดวงตาหม่นหมองจนความหิวของคนตะกละทุเลาลง “ผมกลับก่อนนะคุณออยพรุ่งนี้จะมาแต่เช้าแต่อาจจะเปลี่ยนเป็นไอ้ปืน”
อาณกรทำแค่ผงกหัว ไม่ได้หันไปมองคนงานตัวใหญ่ที่เดินออกไปอย่างเงียบเชียบเขาวาดมือโอบรอบไหล่เล็กบีบมือที่หัวไหล่ของหลานชายเบาๆ
“พ่อเราแอบไปกินเหล้าอีกแล้ว แต่ที่ต้องมาโรงพยาบาลก็เพราะว่าหัวแตกเย็บตั้งห้าเข็ม”
พิกเล็ตไม่ได้พูดอะไรจรดเท้าไปข้างเตียงที่บิดานอนอยู่ บนหัวของพ่อเสือมีผ้าก็อซผืนใหญ่พันรอบหัวมีรอยสีแดงจางๆ ซึมออกมาด้วย ที่หลังมือมีเข็มเจาะอยู่ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาซีดเซียว เขาใจหายยิ่งกว่าตอนที่ลุงหมอมาตรวจพ่อที่บ้านเสียอีก ตั้งแต่แม่แพรวจากไปพ่อกินเหล้าหนักจนล้มป่วยแต่ไม่เคยเลยซักครั้งที่พ่อจะต้องมานอนโรงพยาบาลที่มีแต่กลิ่นยาอย่างนี้ มือเล็กแตะที่หลังมือข้างที่ไม่มีเข็มปักเบาๆ น้ำตาเอ่อล้นด้วยสงสารพ่อจับใจ
“พ่อจะเป็นอะไรมั้ยครับอาออย”
อาณกรก้มมองหลายชาย ใจหายเมื่อเห็นรอยน้ำตาบนแก้มใสคราวนี้มันคงจะหนักหนาเกินไปสำหรับเด็กชายวัยห้าขวบ เขาบีบไหล่หลาแน่นกว่าเดิมสูดเอาน้ำมูกและความหดหู่เก็บไว้ในอก
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพ่อก็หาย เอ้อ! รู้มั้ยใครเป็นคนทำแผลให้พ่อเรา” พิกเล็ตสั่นหน้า “หมอมะรุมไง”
“พี่มะรุมเหรอฮะ”
“อือ เดี๋ยวอีกพักเขาคงมาดูอาการพ่อเรา อ้อ! ยังไม่ได้อาบน้ำซินะเดี๋ยวอาจะถามพี่มะรุมให้ว่าพอจะมีเสื้อผ้าให้เราเปลี่ยนหรือเปล่า”
“ฮะ”
“หิวหรือเปล่า อาเอาขนมมาเผื่อด้วย”
เขาเปลี่ยนเรื่องไม่อยากให้หลานชายเศร้าเกินไปนัก ขนมยังพอมีเหลืออยู่ในกระเป๋าเป้แต่ไม่รู้ว่าพิกเล็ตจะแอบตามมาด้วยเลยไม่มีอุปกรณ์สำหรับเด็ก เขาเตรียมมาแค่ขนมกินเล่นและหนังสืออีกสองเล่มเท่านั้นแต่เจ้าตากลมกลับสั่นหัวเอาแต่มองพ่ออย่างเดียว อาณกรถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อยพี่เสือจะรู้บ้างมั้ยว่าไม่ใช่แค่ทำร้ายตัวเองแต่ยังทำร้ายลูกชายด้วย
เขาปลดกระเป๋าเป้ใบเขื่องออกจากไหล่เล็กพามันวางไว้บนโต๊ะตัวเล็กๆ ที่ตั้งติดกับโซฟาตัวยาวที่สำหรับนอนเฝ้าคนป่วย มีทีวีรุ่นเก่ากึกให้ดูมีตู้เย็นเล็กและห้องน้ำในตัว ดีที่ติดเครื่องปรับอากาศให้ไม่อย่างนั้นคงต้องเปิดหน้าต่างนอนแล้วรอให้ยุงหาม น้ำคงให้พิกเล็ตอาบที่นี่ได้แต่ทั้งสบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ผ้าขนหนูอีกเสื้อผ้า ไม่มีซักอย่าง นึกแล้วก็ต้องตำหนิตัวเองในความสะเพร่าน่าจะเอามาเก็บไว้ที่นี่บ้างถึงพศินจะพักแค่ไม่กี่คืนก็เถอะ จะลงไปพึ่งร้านค้าในโรงพยาบาลแต่มันก็ปิดตั้งแต่ห้าโมงเย็นไม่ใช่โรงพยาบาลใหญ่ ไม่มีแม่ค้าคนไหนเปิดรอลูกค้าที่ปีนึงคงจะมีซักคนแน่ เห็นทีคงจะต้องพึ่งหมอวรทย์อย่างที่บอกกับพิกเล็ตจริงๆ เสียแล้ว
เกือบจะครึ่งชั่วโมงแล้วแต่พิกเล็ตยังคงยืนจับมือพ่ออยู่อย่างนั้น แต่ยังดีหน่อยที่เลิกร้องไห้ไปแล้วอาณกรเปิดทีวีดูแก้เหงาแต่ใช้เสียงดังไม่ได้ กำลังจะเปลี่ยนช่องเพราะขี้เกียจดูละครหลังข่าวพอดีกับประตูห้องถูกเคาะเบาๆ อย่างมีมารยาท อาณกรลุกขึ้นไปเปิดประตูนึกดีใจที่ได้เห็นหน้าขาวๆ ของหมอวรทย์
“เห็นคนชื่อดินบอกว่าคุณออยมานอนเฝ้านายพศินแทนแล้ว อ้าว! พิกเล็ต”
เจ้าของชื่อหันขวับ ตาที่หม่นแสงเพราะห่วงพ่อจับใจเริ่มมีเงาของความยินดีเข้ามาบ้างหมอหนุ่มยิ้มให้เด็กชายด้วยความยินดีเช่นกัน
“ผมกำลังรอหมออยู่พอดีเลย จะโทรไปก็ไม่กล้าเห็นว่าเข้าเวรอยู่เกรงว่าจะรบกวน”
อาณกรเบี่ยงตัวเปิดทางให้นายแพทย์หนุ่มได้เข้ามาด้านในก่อนจะงับประตูปิดอย่างเบามือ หมอวรทย์เข้าไปยืนข้างๆ เจ้าตากลมตัวก็กลมทันที มือแตะที่หัวไหล่เล็ก
“พ่อเราไม่เป็นไรแล้วรอดูอาการอีกซักสองวันก็คงจะกลับได้ แต่ต้องรอถามหมอปยุตอีกที”
“แผลที่หัวพ่อใหญ่มั้ยฮะ”
คุณหมอหน้าขาวสั่นหน้า “เล็กแค่จิ๊ดเดียวเอง” วรทย์ใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้กะระยะรอยแผลให้พิกเล็ตดู
“แล้วพ่อจะตื่นเมื่อไหร่ฮะ หนูอยากคุยกับพ่อ” เจ้าตัวแสบที่เหลือความแสบให้เห็นถามอีก อาออยไม่ให้เขาถามอะไร แต่เขาไม่ได้ถามอาออย เขาถามพี่มะรุมต่างหาก
“พยาบาลคงให้ยาแก้ปวดไปคงอีกพักนึงนั่นแหล่ะ ว่าแต่ทำไมมาชุดนี้ล่ะ”
“แอบตามมาครับ น้ำท่ายังไม่ได้อาบเลย”
มิน่าล่ะพิกเล็ตถึงยังสวมกางเกงสีน้ำเงินอยู่ ที่ข้อศอกมีเศษยางลบติดอยู่ด้วยคงจะรีบมากจริงๆ นั่นแหล่ะ
“แล้วเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนหรือเปล่าครับ”
อาออยของพิกเล็ตส่ายหัว “ผมเลยอยากจะรบกวนคุณหมอเรื่องนี้แหล่ะครับ คุณหมอพอจะมีพวกสบู่ แปรงสีฟัน ยาสีฟันแล้วก็เสื้อเก่าสักตัวมั้ยล่ะครับ เห็นกับเด็กที่มีพี่ไม่เอาไหนเถอะนะครับ”
“โอ๊ย! ไม่รบกวนเลยซักนิดผมอยู่แล้วแต่ต้องกลับไปเอาที่บ้านพัก เดี๋ยวผมโทรให้หมอคีย์เอามาให้ก็ได้” วรทย์ยิ่งกว่ายินดีที่จะเอาของใช้ส่วนตัวมาให้พิกเล็ตยืม โชคดีที่วันก่อนเขาซื้อแปรงสีฟันอันใหม่มาด้วยยังไม่ได้แกะใช้ใหญ่ไปหน่อยสำหรับพิกเล็ตแต่ก็พอใช้ได้
“อย่ารบกวนหมอคีย์ดีกว่าครับ บ้านพักของหมออยู่ที่ไหนเหรอครับเดี๋ยวผมไปเอาเองดีกว่าถ้าหมอไม่กลัวว่าผมจะขโมยของนะ” เขาพูดติดตลก หมอวรทย์ยิ้มกว้างอวดลักยิ้มที่มุมปากซ้ายยิ่งทำให้ใบหน้าติดหวานมากกว่าจะหล่อของเจ้าตัวยิ่งน่ามองเข้าไปอีก นี่ถ้าไม่ได้สนทนากันเขาต้องคิดว่าหมอหนุ่มคนนี้เป็นทอมบอยหรือไม่ก็เด็กสาวซอยผมสั้นแน่ๆ
“ไม่เป็นไรครับผมมีสองพ่อลูกเป็นตัวประกัน” มือขาวล้วงลงไปในกระเป๋าเสื้อกาวน์สีขาวค้นยุกยิกอยู่ไม่นานก็ดึงเอาพวงกุญแจรูปหมีพูห์ออกมา “ดอกนี้ไขห้องครับ ของมีอยู่ในห้องน้ำแล้วก็ในถุงพลาสติกส่วนเสื้อก็มีแต่ตัวเท่าๆ กันเลือกเอาตามที่คุณออยชอบได้เลยอยู่ในตู้เสื้อผ้านะครับ”
อาณกรรับพวงกุญแจในมือที่ไม่ได้ใหญ่ไปกว่าตนซักเท่าไหร่ น้อมตัวเล็กน้อยเพื่อขอบคุณในน้ำใจของหมอหนุ่ม “ผมฝากพิกเล็ตไว้แปบนะครับแล้วจะรีบมา อ้อ!ช่วยบังคับให้กินนมในตู้เย็นหน่อยแล้วก็ขนมบนโต๊ะนั่นด้วยครับเจ้าหมอนี่ยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลย”
“ได้เลยครับ ผมเองก็กำลังหิวอยู่พอดี”
หนุ่มไร่ปาล์มยิ้มให้เกือบจะออกจากห้องไปแล้วแต่นึกขึ้นได้ว่าลืมอะไรบางอย่างไป “เอ่อ บ้านพักของหมอมะรุมอยู่ที่ไหนกันเหรอครับ”
“ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวจะมีคนมารับคุณออยเอง แค่ไปรอที่หน้าตึกก็พอ”
อาณกินเลิกคิ้วสูงด้วยความแปลกใจเล็กน้อยแต่พอได้รับรอยยิ้มเพื่อเป็นการยืนยันคำตอบอีกทีก็ยอมเชื่อใจ บางทีอาจจะได้รบกวนผู้ชายคนนั้นจริงๆ ก็ได้
คล้อยหลังผู้เป็นอา หมอหนุ่มใจดีก็หันมาคุยกับเด็กชายตัวน้อยเขาปัดเศษยางลบที่ข้อศอกให้ เหลือบมองหน้าอีกรอบก็เห็นรอยน้ำตาที่เปื้อนแก้มใส พิกเล็ตคงตกใจมากที่เห็นพ่อนอนซมอยู่บนเตียงมือขาวล้วงลงกระเป๋าเสื้ออีกข้างดึงเอาผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดที่พกติดตัวเป็นประจำเช็ดเบาๆ ที่แก้มให้อย่างอ่อนโยน
“ห้ามร้องไห้รู้มั้ย เดี๋ยวพ่อเห็นพ่อจะสบายใจ พิกเล็ตต้องยิ้มสู้นะครับ เข้าใจมั้ย”
พิกเล็ตพยักหน้าครั้งเดียว ตากลมเศร้าสร้อยต่างกับเมื่อวานลิบลับอาณกรเพิ่งบอกว่าพิกเล็ตไม่ได้กินข้าวเย็นเขาถือวิสาสะเดินที่ตู้เย็นพบนมที่ญาติของคนป่วยซื้อมาเยี่ยมพร้อมกับผลไม้อีกสองสามอย่างแน่นเอี๊ยดเต็มตู้ไปหมด เลือกนมรสช็อคโกแล็ตกล่องสีเขียวออกมาหนึ่งแพคเพราะมันถูกแช่ไปทั้งอย่างนั้น และแอปเปิ้ลอีกสองผลมองเลยไปที่โต๊ะตัวเล็กนอกจากกระเป๋านักเรียนของพิกเล็ตยังมีถุงพลาสติกไม่ไม่เล็กวางอยู่ด้วย
“มากินขนมกันดีกว่า กินของหวานจะทำให้สดชื่นขึ้นนะ”
พิกเล็ตอิดออดอยู่พักใหญ่แต่พอได้กลิ่นขนมปังหอมๆ ท้องก็ร้องจ๊อกขึ้นมาทันที ร่างกายไม่เคยโกหกแม้สมองจะบอกว่าไม่อยากกินเลยก็ตาม เด็กชายเดินเข้าไปหาพี่ชายหน้าขาวที่มีดีกรีเป็นถึงคุณหมอ พี่มะรุมอุ้มขึ้นนั่งตักตัวพี่มะรุมหอมยิ่งกว่าขนมซะอีก พิกเล็ตทำจมูกฟุดฟิดแถวๆ อกตัวเองกลิ่นมันเหมือนสับปะรดไม่มีผิด รู้งี้เขาอาบน้ำตั้งแต่ตอนถึงบ้านเลยซะก็ดี
ขนมปังแซนด์วิชไข่ถึงป้อนใส่ปาก พี่มะรุมไม่ได้กินหรอกแค่ป้อนเขาเท่านั้นพอหมดปากก็ส่งคำต่อๆ ไปให้ เขาคอยดูดนมรสช็อคโกแล็ตแก้ฝืดคอไปด้วย