วันนี้จะมีคนเสียซิงล่ะ อิอิ
______________________________________
ตอนที่ 8
ผมฮึดฮัดขัดใจอยู่ได้ไม่นานก็ถึงเวลาที่ต้องมานั่งรอรถไฟเพื่อกลับบ้านที่ต่างจังหวัด ตอนนี้หกโมงเกือบครึ่งแล้ว ผมวางกระเป๋าสะพายไว้ข้างตัวแล้วหาเรื่องอื่นมาคิดเพื่อที่จะลืมเรื่องเมื่อเย็น บรรยากาศก็มืดลงทุกทีๆ ผมนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยสักพักก็รู้สึกว่ามีคนมานั่งลงข้างๆ เลยเงยหน้าขึ้นไปดูเผื่อจะเป็นคนรู้จัก แล้วก็รู้จักจริงๆ ด้วยสิ มาให้เห็นหน้าทำไมกันอีกนะ...
“ภาม....”นายยอร์ชเรียกชื่อผมด้วยเสียงทุ้มๆ ที่ได้ยินประจำ แต่เพราะยังโมโหเรื่องเมื่อเย็นอยู่ผมเลยเลือกที่จะนิ่งเงียบไม่สนใจเขาแทน
“ภามมมม...”เขายังเรียกไม่หยุด ผมก็ยังคงเงียบเช่นกัน
“ภามมมมมมมมมมมมมมม”นายยอร์ชทำเสียงยานหวังจะเรียกร้องให้ผมหันไปสนใจแต่ไม่สำเร็จหรอก วันนี้ผมโกรธเขาจริงๆ
“ภามอย่าโกรธพี่เลยนะ หันมาคุยกับพี่หน่อยเถอะ นะครับ นะครับ”แล้วจะมานะครับอะไรตั้งสองทีเนี่ย
“พี่มีเหตุผลที่ทำแบบนั้นนะภาม”เขาบอกเมื่อเห็นผมยังเงียบอยู่
“เหตุผลอะไรหล่ะ?”ผมถามเขาเป็นประโยคแรก
“หวง”เขาพูดแค่นั้น แล้วมันจะไปทำให้ผมเข้าใจได้ยังไง
“เอาอะไรที่เข้าใจง่ายกว่านี้ได้ไหม?”
“นี่แหละเข้าใจง่ายที่สุดแล้ว”เขาบอกยียวน เออเอากับเขาสิ ไม่บอกก็อย่าบอก รถไฟที่ผมรอวิ่งมาเห็นไฟอยู่ลิบๆ แล้ว
ผมลุกยืนไม่บอกไม่กล่าวเขาเพื่อเตรียมตัวขึ้นรถไฟ เขารีบลุกตามมาแล้วกวนใจผมต่อ
“ภามหายโกรธพี่นะ นะครับ นะครับ”ทีอย่างนี้หล่ะทำมาเป็นพูดดี ไปกินยาอะไรผิดมาอีกก็ไม่รู้ สงสัยฟัดกับนันจนสมองกลับไปแล้ว
“.............................”ผมเงียบ ไม่อยากจะเสวนา
“โธ่ภาม ถ้าภามยังไม่ยอมยกโทษให้พี่พี่กระโดดให้รถไฟทับจริงๆ นะ”เขาทำเสียงอ้อน
“ไปกระโดดที่อื่นโน่น ถึงคุณเป็นคนหรือผีผมก็ไม่อยากจะเจอคุณทั้งนั้น” ผมบอกเขาแล้วก้าวขึ้นรถไฟที่จอดสนิทพอดี มองลงมาก็เห็นเขาเดินมายืนอยู่ข้างๆ หน้าต่างตรงตำแหน่งที่ผมยืนอยู่ แล้วทำหน้าหงอยๆ อย่านึกว่าผมจะสงสารซะให้ยาก คนไม่มีเหตุผลแบบนี้ต้องจัดการให้เด็ดขาด ไม่นานรถไฟก็เริ่มเคลื่อนตัว ผมมองออกไปที่นอกหน้าต่างก็เห็นนายยอร์ชหมาหงอยวิ่งตามรถไฟจนสุดทางเท้า แล้วก็หายไปจากสายตาผมในที่สุด...
และแล้วเช้าวันจันทร์ก็มาถึงอีกครั้งพร้อมกับความชุลมุนวุ่นวายเมื่อผมดันตื่นขึ้นมาในเวลาแปดโมงสี่สิบ แต่ดันมีนัดส่งแบบเก้าโมงตรง วิชานี้เป็นวิชาที่ผมไม่ค่อยถูกกับมันด้วยสิ ถ้าโดนเลทนี่คงแย่เลย
ผมรีบอาบน้ำภายในสามนาที แต่งตัวลวกๆ อีกสี่นาทีแล้วคว้าซูม(กระบอกใส่แบบ)สะพายไหล่วิ่งออกจากหอประหนึ่งลงแข่งขันวิ่งมาราธอน พอวิ่งข้ามทางรถไฟที่คั่นระหว่างหอของผมกับคณะวิศวะซึ่งเป็นทางผ่านไปสถาปัตย์ได้ผมก็ต้องเสียเวลายืนรอรถที่วิ่งกันให้วุ่นวายเต็มถนนอีก
ผมยกนาฬิกาข้อมือสีดำขึ้นมาดูเห็นว่าเป็นเวลาแปดโมงห้าสิบสามแล้ว ตายๆๆๆๆ ถ้าเลทวิชานี้ผมขอเอาหัวโขกวุ้นให้แตกเสียดีกว่า วิงวอนต่อพระเจ้าให้รถหมดถนนเสียทีพลันสายตาก็สังเกตเห็นรถคาดิลแลคสีดำมันปลาบที่คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นที่ไหน เมื่อรถคันนั้นวิ่งมาอยู่ในระยะสายตาที่พอมองเห็นได้ก็เห็นป้ายทะเบียน วศ5555 ซึ่งทำให้ผมแน่ใจว่ารู้จักเจ้าของรถเป็นอย่าง(เกือบ)ดี รถหรูๆ ที่มีทะเบียนกวนๆ แบบนี้มีไม่กี่คันหรอกที่ผมรู้จัก
ผมถอดซูมออกแล้วยกไปเหวี่ยงๆ ข้างหน้าหวังจะให้รถคันนั้นมาหยุดที่ผม แล้วก็สำเร็จ รถคันนั้นชะลอความเร็วแล้วจอดเลยผมไปสามสี่ก้าว ผมรีบวิ่งตามไปแล้วทุบกระจกประหนึ่งคนร้ายจะฆ่าชิงทรัพย์เจ้าของรถ คนขับเลิกคิ้วมองผมงงๆ แล้วก็หน้าแดง แต่ก็เอื้อมมือมาปลดล็อคให้ ผมคว้าประตูข้างคนขับเปิดแล้วแทรกตัวเข้าไปอย่างไม่รอช้า
“ไปถาปัด!”ผมสั่งเขาอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน เห็นเขายังเอ๋อๆ กับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น
“ไปถาปัดเดี๋ยวนี้เลยคุณ เร็ว!”ผมตะโกนบอกเขาอีกทีเห็นเขาสะดุ้งแต่ก็ทำตามอย่างว่าง่าย เขาวนรถตัดหน้ารถทุกคันบนถนนจนถูกสรรเสริญด้วยแตรวง(แตรรถหลายคันที่รวมกันแล้วตั้งวงดนตรีได้เลย) แล้วรีบหักซ้ายเข้าประตูรั้วสีเงินของคณะวิศวะอย่างรวดเร็วทันใจ ระหว่างนั้นผมก็ใช้เวลาให้คุ้มค่าโดยการจัดแจงแต่งตัวให้เรียบร้อย ผมก้มหน้าลงกลัดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่ติดผิดแถมยังลืมติดตั้งสองเม็ดจนมองเห็นหน้าอกได้โดยไม่ปิดบัง ยัดเสื้อเข้าในกางเกงลวกๆ ก็ถึงคณะพอดี
“จอดตรงนี้ๆๆๆๆๆๆ”ผมบอกเขาแล้วก็หัวทิ่มไปข้างหน้า เพราะเขาก็เหยียบเบรกเอี๊ยดทันทีที่ผมบอกเหมือนกัน หัวโนไม่โนผมไม่สนแล้วรีบเปิดประตูคว้าซูมแล้ววิ่งขึ้นตึกไม่คิดชีวิต ผมรู้สึกว่าระยะทางจากชั้นล่างถึงชั้นสามนี่มันช่างไกลแสนไกลเหลือเกิน วิ่งจนเหนื่อยหอบแล้วก็ถึงโต๊ะส่งงานจนได้ ผมรีบเปิดซูมนำแบบออกมาคลี่แล้วตรวจความเรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้ายก่อนส่ง ยกข้อมือขึ้นมาดูก็เห็นเข็มนาฬิกาชี้ไปที่เวลาแปดโมงห้าสิบเก้านาทีพอดี ในที่สุดผมก็รอดแล้ว....ดีใจจริงๆ
ผมหลับตานั่งพิงล็อกเกอร์ตรงที่ส่งงานอยู่อย่างนั้นรอให้หายเหนื่อยค่อยไปหาอะไรกินที่โรงอาหารจนกระทั่งมีมือใครก็ไม่รู้มาปัดผมที่ปรกหน้าของผมออก
“ภามทันไหม?”เสียงนายยอร์ชที่คงจะตามขึ้นมาบนตึกถามผม
“อืม...”ผมตอบสั้นๆ เพราะยังไม่หายเหนื่อย
“ภามหายโกรธพี่แล้วใช่ไหม?”นายยอร์ชถามทั้งๆ ที่ผมยังไม่ลืมตา
“.................”ผมยังเหนื่อยจนไม่อยากจะตอบคำถามอะไร
“ภามมมมม...”เขาลากเสียงยาวยียวนกวนประสาท
“ยัง”ผมตอบไปสั้นๆ แต่กระแทกเอากลางใจของคนฟัง แต่กระแทกแรงไปหรือเปล่าไม่รู้ เห็นนายยอร์ชทำท่ากระเด็นไปชนผนังด้านหลังแล้วเอามือกุมตรงหัวใจ โอเวอร์แอคติ้งจริงๆ
“โธ่ภาม เรื่องมันก็แล้วไปแล้วน่า”เขาเดินเข้ามาใกล้แล้วตั้งต้นโอดครวญใหม่
“คุณมันไม่มีเหตุผล”ผมลืมตาแล้วบอกเขา เริ่มหายเหนื่อยแล้ว ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปที่ห้องโถงกลางของชั้นสาม ได้ยินเสียงเขาวิ่งตุบตับๆ ตามมา
“พี่ยอมเสี่ยงตายขับรถตัดหน้ารถคันอื่นเพื่อให้ภามมาส่งงานทันเลยนะเนี่ย”เขาเริ่มทวงบุญคุณ
“ขอบคุณ”ผมให้ได้แค่นี้แหละ
“แค่นี้?”เขาถาม หยุดยืนอยู่ข้างๆ ผม
“อย่าเรียกร้องอะไรให้มากนักเลย รู้ไหมว่าตอนนี้อยู่ในถิ่นใคร?”ผมบอกแล้วพยักหน้าไปที่หน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่ฝังลงบนผนังตึกทั้งแถบที่ทำเป็นรูปตราสัญลักษณ์ประจำคณะสถาปัตย์
“จะถิ่นไหนพี่ก็ไม่สนหรอก อย่ามาขู่ซะให้ยากเลย ภามไปเคลียร์กับพี่ได้แล้ว”เขาทำเสียงขึงขังต่างจากเมื่อครู่แล้วเอื้อมมือมาจับข้อมือผมแต่ผมสะบัดออก
“ตอนนี้ผมยืนอยู่ในตึกของคณะผม อย่าคิดว่าจะมาบังคับอะไรผมได้ ถ้ายังไม่เลิกยุ่งกับผมผมจะตะโกนเรียก รปภ.หน้าตึกนะคุณ”ผมบอกเขา ยืนกอดอกนิ่งไม่ยอมทำตาม
“งั้นจะได้รู้ว่าได้หรือไม่ได้”พูดได้แค่นั้นตัวผมก็ลอยหวือขึ้นมาอยู่บนบ่าเขา ทั้งๆ ที่ตัวผมก็ไม่ใช่เล็กๆ เลย
“เฮ้ย! คุณ”ผมตกใจแต่ก็ต้องรีบจับชายเสื้อของเขาไว้เพื่อกันไม่ให้หน้าตัวเองไปกระแทกกับก้นของเขา ไอ้บ้านี่ เริ่มเอาแต่ใจอีกแล้ว
เขาแบกผมเดินปึงๆ ลงบันได้มาถึงชั้นล่าง พอใกล้ถึงประตูตึกผมจึงตะโกนให้พี่ รปภ.หน้าตึกช่วย
“พี่ครับๆ ช่วยผมด้วย นายนี่ไม่ใช่เด็กถาปัด เป็นใครก็ไม่รู้อยู่ๆ ก็จะพาตัวผมไป”ผมตะโกนบอกพี่ รปภ. มือที่ว่างอีกมือก็ทุบหลังเขาดังอั้กๆ แต่คนแบกก็ไม่ยักกะปล่อย รปภ.เห็นนายยอร์ชแบกผมประหนึ่งมนุษย์ถ้ำจะลากผู้หญิงไปทำเมียแล้วก็ทำหน้าตกใจก่อนที่จะตั้งสติได้แล้ววิ่งเข้ามาจะช่วยผม
“อย่าครับพี่ น้องชายผมดื้อหนีออกจากบ้าน นี่แม่ให้มาตามตัวกลับครับ บอกดีๆ ไม่ยอมฟังเลยต้องแบกแบบนี้”นายยอร์ชขายสตอให้พี่ รปภ.หน้าตาเฉย แล้วเขาก็เชื่อด้วยสิ
“ครับๆ ยังไงก็ค่อยๆ พูด ค่อยๆ จากันนะครับ”ความหวังสุดท้ายของผมบอกเขาก่อนที่จะปล่อยให้ไอ้ผู้ร้ายนี่พรากผู้เกือบเยาว์อย่างผมไปโดยไม่ฟังเสียงทัดทานของผมเลย ระหว่างทางมาที่รถผมก็ยังคงทั้งทุบ ทั้งข่วน ทั้งแกะ ทั้งเกาเขาตลอดเวลาเพื่อหาทางหลุดรอด แต่นายนี่ก็ความอดทนสูงจริงๆ
“ถึงห้องพี่เมื่อไหร่จะเอาคืนทบต้นทบดอกเลย”ได้ยินเสียงเขากัดฟันพูด ผมชะงักไปนิดแต่ก็รวบรวมกำลังที่มีประทุษร้ายเขาต่อ ในที่สุดผมก็ถูกยัดเข้ามานั่งในรถเขาจนได้
ระหว่างทางในรถเราต่างก็เงียบไม่มีใครพูดอะไรกันสักคน จนเมื่อถึงคอนโดของเขาผมก็ต้องเป็นอันถูกลากถูลู่ถูกังไปที่ห้องของเขาด้วยความไม่เต็มใจอีก เข้ามาได้เขาก็ดึงผมเข้าห้องๆ หนึ่งทางซ้ายมือแล้วเหวี่ยงผมลงไปนอนที่เตียงใหญ่กลางห้อง ดีที่เป็นเตียงสปริงผมเลยไม่เจ็บมาก
“จะทำอะไร”ผมมองเขาที่มีแววตาหื่นกระหายอย่างไม่น่าไว้ใจ
“จะทำให้ผู้ร้ายปากแข็งสารภาพน่ะสิ”เขาเดินเข้ามาใกล้ๆ ผม
“เรื่องอะไรของคุณ ผมไม่เข้าใจ”ผมยันตัวขึ้นแล้วถามเขา
“ก็บอกมาสิว่าหายโกรธพี่แล้ว นะภาม นะครับ”เขานั่งลงเฉยๆ ข้างๆ ผมแล้วทำเสียงอ่อนเสียงหวาน
“คุณง้อคนที่โกรธด้วยการทำแบบนี้เนี่ยนะ บ้าไปแล้ว”ผมบอกเขาตาขวางๆ บางทีเขาก็เอาแต่ใจจนเกินไป
“ก็...”ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบเสียงโทรศัพท์มือถือของผมก็ดังขึ้น ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงยังไม่ทันกดดูชื่อว่าใครโทรมานายยอร์ชก็ฉวยมือถือของผมไปอย่างรวดเร็วแล้วก็ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อก้มมองชื่อที่หน้าจอ
“เอามา”ผมบอกเขา ไม่มีมารยาทเอาซะเลย
“ไม่ให้”เขาบอกแล้วแลบลิ้นใส่ผม น่ารักตายหล่ะ
“เอามาเถอะคุณ เผื่อนันโทรมา”ผมบอกเขาดีๆ เผื่อใครมีธุระอะไรจะได้ไม่เสียงาน
“ไม่ให้คุย เดี๋ยวคุยให้”เขาทำหน้าบึ้งเสียงแข็งแล้วกดรับโทรศัพท์แนบหู มือที่ว่างก็ยกนิ้วชี้มาทาบที่ริมฝีปากให้ผมเงียบ
“เปล่า ไม่ใช่ภาม กูเอง”นิ่งฟังปลายสายสักครู่เขาก็ตอบไป
“เออ ภามอยู่กับกู มึงจะทำไม”เขายิ้มเยาะๆ ใส่โทรศัพท์
“มึงรู้ได้ไงว่าเต็มใจหรือไม่เต็มใจ อย่ามาทำเป็นสู่รู้หน่อยเลย”เขาเริ่มไม่พอใจอีกแล้ว
“เชี่ย! อะไรเป็นอะไรเดี๋ยวมึงก็รู้ เรื่องของกูกับภาม มึงไม่มีสิทธิ กลับไปกินนมนอนซะไป”มันตะคอกใส่โทรศัพท์แล้วปาโทรศัพท์ผมไปกระทบผนังห้องจนชิ้นส่วนหลุดกระจาย โทรศัพท์ผม! นายนี่มันมีสิทธิอะไรมาทำแบบนี้
“ภาม!”มันเรียกชื่อผมเสียงดัง จะเรียกว่าตะคอกเลยก็ได้ มองผมตาขวางเหมือนโดนผีเข้า
“ทำไมภามถึงต้องเรียกพี่ว่าคุณ ไม่ยอมเรียกว่าพี่?”มันถามแล้วคลานขึ้นมาบนเตียงคร่อมตัวผมไว้ ทำไมอยู่ๆ ถึงโมโหแล้วถามผมแบบนี้นะ คนที่มันคุยด้วยในโทรศัพท์จะต้องบอกอะไรมันแน่ๆ
“ว่ายังไง?”มันที่ตอนนี้คร่อมตัวผมที่นอนราบอยู่กับเตียงเรียบร้อยแล้วถามย้ำในลำคอเมื่อเห็นผมเงียบ ผมผลักอกมันอย่างไม่ชอบใจแล้วตะคอกบ้าง
“แล้วทำไมผมถึงต้องเรียกคุณว่าพี่!”ผมโกรธ โกรธจริงๆ ที่เขาทำกับผมแบบนี้
“ก็แล้วทำไมทีไอ้ป้อง ไอ้พัท ไอ้โจยังเรียกได้”มันก็โมโหไม่แพ้กัน
“คนที่คิดจะทำร้ายผมแค่ครั้งที่สองที่เจอกันมันสมควรให้ผมเรียกพี่แล้วหรือ!”
“ก็ตอนนี้พี่ทำดีกับภามแล้ว ภามยังจะต้องการอะไรอีก”มันส่งสายตาตัดพ้อมาให้ ผมไม่เข้าใจมันเลย
“ทำไมภาม เมื่อไหร่จะเรียกพี่ว่าพี่ซะที?”
“คนที่ไม่สำคัญกับชีวิตผมอย่างคุณเรียกแค่นี้ก็เพียงพอแล้วหล่ะ”ผมบอกสบตาเขานิ่งแล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่ออารมณ์โกรธของเขาพุ่งสูงขึ้นทันทีทันใดจนผมตั้งตัวไม่ทัน เขาตะคอกออกมาดังลั่นห้อง
“ไม่สำคัญงั้นหรือ!”
“แสดงว่าภามไม่เคยมองว่าพี่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตภามเลยสินะ ได้! งั้นเดี๋ยวพี่จะทำให้พี่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตภามเดี๋ยวนี้แหละ!”มันตะโกนลั่นแล้วกดปากลงมาประกบที่ปากผมอย่างจาบจ้วงและรุนแรง มันไม่ยอมละออกไปจนผมหายใจไม่ออก มือทั้งสองข้างก็ถูกมันตรึงแน่นไว้กับเตียง เมื่อผมรู้สึกขาดอากาศจนหมดแรงสู้มันก็ถอนริมฝีปากออกมาแล้วอาศัยจังหวะที่ผมไม่มีแรงซุกไซ้ไปตามซอกคอของผม มันดึงเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ผมใส่มาจนกระดุมขาดจนหมดอย่างไม่สนใจแล้วเหวี่ยงออกไปข้างเตียง กางเกงของผมถูกรูดซิปแล้วดึงลงมากองที่หัวเข่าเป็นลำดับถัดมา
“อย่าคุณ...”ผมบอกเขาเมื่อหายใจเข้าปอดได้พอสมควรแล้ว แต่เขาก็ไม่ยอมหยุดการกระทำนั้น
“อย่า...ยอร์ช อย่าทำ...”เขาชะงักไปนิดหนึ่ง แล้วกระซิบที่ข้างหูผม
“มันสายไปแล้ว...ภาม”สิ้นคำพูดเขาก็จับผมหันหลังให้เขาทันที เขาถอดกางเกงของตัวเองออกไปตอนไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนนี้น้องชายของเขามันตื่นตัวเต็มที่อยู่ด้านหลังผม ไม่รอให้ผมคิดอะไรมากเขาทำในสิ่งที่ผมกลัวที่สุดทันที ผมกัดปากกลั้นเสียงร้องเพราะความเจ็บจนเลือดไหล น้ำตาไหลเป็นทาง นายยอร์ช...ไอ้คนเลว....
To be continued
_______________________________________________
อ่า จะบอกไว้ก่อนว่า ไอ้คนแต่งมันใสซื่อ(?????)ค่ะ เพราะฉะนั้น เรท เอ็นซงเอ็นซีอะไรไม่มี๊
บังคับขู่เข็นก็แล้วมันก็ไม่ยอมแต่ง เพราะฉะนั้นไปจินตนาการกันเอาเองจ้ะพวกเธอว์
หลายๆคนคงรู้แล้วสินะคะถึงเหตุผลที่ภามไม่ยอมเรียกนายยอร์ชว่าพี่ อิอิ
ปล. เพลงรอแปปนะคะ กำลังหาเว็บอัพโหลดอยู่ ถ้ามาแล้วจะแก้หัวข้อบอกให้จ้า
Edit แก้เวลาที่ผิดให้แล้วนะจ้ะ ขอบคุณคุณfonnonae มากๆจ้าที่บอก
จะบอกว่าไอ้วิชานี้เจอสถานการณ์นี้มาแล้วนะ แต่วิกฤตกว่านี้เยอะ
ขนาดวิ่งแทบหมดลม สุดท้ายก็โดนเลท อร้ายยยยยย!!~ จารย์ใจร้ายที่ซู้ดดดด