Examสอบมิดเทอมใกล้เข้ามา
แอบเห็นหมอก คนขยัน นั่งตัวแข็ง มองจากมุมนี้ เห็นไม่ชัด เหมือนตั้งใจจดเลค แต่ความจริงไม่ใช่ เขานั่งท่านี้เกินห้านาทีแล้ว เป็นคนไม่ค่อยจะขยับตัวก็จริง แต่นี่ถึงขั้นไม่จด ดูจะเกินไป
นั่งอยู่เก้าอี้ชั้นสูงกว่า แล้วก็นั่งมองแบบนี้มาสักพักแล้วด้วย หมอกเป็นคนที่อยู่ด้วยกันมาสามปีแต่ก็ยังไม่เคยคุย ฟังดูประหลาดแต่ก็เป็นอย่างงั้นจริง
เป็นคนที่ดูเข้าไม่ถึง
ตอนเข้ามาในคณะ เป็นคนที่รุ่นพี่ทาบทามไปเป็นหลีดคณะ แต่ก็ปฏิเสธจนเสียรุ่นพี่รุ่นน้องไป เหลือแค่รุ่นพี่ไม่กี่คนที่คุยกันถูกคอ ดูเหมือนเจ้าตัวก็จะแฮปปี้ดีกับการอยู่กับคนคอเดียวกันเท่านั้น ไม่ค่อยคุย หน้าดูเหมือนใส่หน้ากากไว้ตลอดเวลา มีแค่สีหน้าเรียบเฉย
หาวหวอด มองเนื้อหาบนโปรเจคเตอร์ ในห้องเลคใหญ่ขนาดนี้ พนันเลยเถอะ ว่ามีคนเข้าใจไม่เกินหกคนหรอก
เผลอเตะเท้าไปโดนเก้าอี้ที่เขานั่งอยู่ ยังไม่ขยับ นั่งกลั้นหายใจมองไปทางอื่นอยู่สักพัก เขาก็ยังไม่รู้สึกตัว เลยลองเตะดูอีกรอบ
น้ำหนักที่เขาพิงอยู่กับแขนสิ้นสมดุล เป็นครั้งแรกที่เห็นมุมหลุดๆของเขา เหมือนตกจากที่สูงในเวลาสั้นๆ เขาตื่นขึ้นมา เงยหน้าขึ้นมองโปรเจคเตอร์ ก่อนจะหันหน้ามองไปทางซ้ายเพียงครึ่งเดียว ก็รับรู้ได้ว่าเขากำลังมองมาทางนี้
“ขอโทษค่ะ”
หลุดพูดออกไป
เขาไม่ได้ตอบกลับ วางปากกาที่อยู่ในมือ มันอยู่อย่างนั้นมานานจนคิดว่าคงจะเปียกเหงื่อในมือเขา
หมอกหยิบมือถือออกมา หน้าจอเป็นรูปใครสักคนที่มองเห็นไม่ชัด เขาใช้ตัวทั้งตัวบังมือถือนั่นไว้ เพื่อนข้างๆเขาหลับกันหมด คนที่ชื่อโก้ หงายหน้ามาข้างหลัง อ้าปากหวอ เห็นเพื่อนที่นั่งข้างๆถ่ายรูปเก็บไว้แบลค์เมลล์ตั้งแต่ต้นคาบ
เสียงเมสเสจ
หมอกรีบคว้ามือถือที่วางอยู่บนโต๊ะเล็กๆ เหมือนเขารอมันอยู่ตั้งแต่ว่าง แม้เห็นแค่หลัง แต่ก็รู้สึกได้ถึงความมีชีวิตชีวาในตัวเขาที่ไม่เคยเห็นมาก่อน หมอกถือมือถือไว้แบบนั้น ข้อความสั้นๆ มีแค่ประโยคเดียว ถ้ามองไม่ผิด รู้สึกแย่ที่ยุ่งเรื่องของชาวบ้าน แต่เพราะยังมีความสนใจอยู่มาก เลยเพิกเฉยจริยธรรมไป
เห็นมุมปากนั่นยกขึ้น
เวลาสั้นๆ เพียงแค่ชั่ววินาทีจนคล้ายกับว่าแค่ตาฝาดไป
ยิ้ม
เขาคนนี้น่ะหรอ จะยิ้ม ฟังดูเป็นเรื่องขำ
ดูท่าจะต้องขำออกมาเสียงดัง
เขายิ้มอีกครั้งให้กับหน้าจอมือถือของเขา ยิ้มที่แสนจะมีค่าและหายากเช่นนั้น เขากลับถ่ายทอดออกมาได้อย่างอ่อนโยนจนแทบไม่น่าเชื่อ
อยากจะเห็นจริงๆ ว่ารูปที่หน้าจอนั่นคือใคร
ไม่มีใครรู้ข่าวคราวเรื่องรักๆของเขา เพื่อนๆที่ปิดปากเงียบ หรือเรื่องซุบซิบที่ไม่เคยเกิดขึ้น
ดูท่าวันนี้ คงมีเรื่องให้คุยกับเพื่อนตอนเลิกเรียนแล้วล่ะ
……………………………………….
…………………………..
สอบมิดเทอมผ่านไปแล้ว
ที่เหลือ คงมีแต่ความพินาศที่รออยู่ข้างหน้า
สถาปัตย์ คณะที่ไม่ต้องกังวลเรื่องสอบข้อเขียนข้อกาเท่าชาวบ้าน แต่หมดเวลาชีวิตทั้งหมดไปกับการนั่งตัดโม แทบไม่น่าเชื่อตัวเองว่าผ่านจุดนั้นมาได้อย่างไร ช่วงเวลาสั้นตายที่สุดแสนจะน่าหวาดเสียวแบบนั้น
เห็นไอ้ตี๋วิ่งออกไปอ้วก ท่าไม่ดีแต่เช้า ไม่ได้นอนพอๆกัน แต่มีไอ้ตี๋ที่ดูจะหนักสุด
“ไงบ้างวะ”
“เกือบตายสิวะถามได้”
หน้าซีด เพื่อนรีบโยนน้ำให้มันกิน มันล่อที่เกือบทั้งขวด
“ทำไมต้องเรียนด้วยวะ? ประวัติศาสตร์ถาปัตย์ กูไม่เห็นจะเห็นประโยชน์”
พยักหน้ากันหงึกหงัก
ขอบตาแต่ละคนแทบจะเรียกได้ว่าถุงกาแฟ คณะนี้โหดขริงๆ ไม่แน่จริงอยู่ไม่ได้ คุณสมบัติ คือการอดนอนขั้นเทพ ปั่นโมที่ไม่ใช่แค่ของกลุ่มเราเท่านั้น แต่ยังทั้งของรุ่นพี่รุ่นน้องอีก
“จะไปไหนต่อวะ”
“กะกลับไปนอนว่ะ อยากอาบน้ำด้วย ไม่ได้อาบมาสักพักละ”
ตี๋พยักหน้า ไม่ได้พูดต่อ เดินเข้าไปใกล้ ได้กลิ่นเหงื่อจางๆ คงเพราะไม่ได้อาบน้ำพอๆกัน
“แล้วมึงอ่ะ จะไปไหน”
“กลับบ้านเหมือนกันวะ”
“กลับไง”
“ต้องรอว่ะ พี่กูยังสอบไม่เสร็จ”
“บ้านมึงอยู่แถวไหน เดี๋ยวกูไปส่ง”
“เฮ้ย ไม่เป็นไร”
“กูก็ไม่เป็นไร”
“ไป ไอ้ตี๋ หน้ามึงไม่ไหวแล้วเนี่ย เดี๋ยวกูโบกแท็กซี่พามึงไปส่งบ้านเอง”
“กูบอกไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไรสิวะ..มึงไม่เข้าใจคำว่าไม่เป็นไรของกูแหง”
ยืนๆอยู่ก็เซ เพื่อนๆรีบเข้ามาพยุง ยังแปลกใจที่มันทนสอบจนจบได้ยังไง
“มึงก็โทรบอกพี่มึงไป ว่าเดี๋ยวมีคนไปส่ง”
“ก็กูบอกว่าพี่กูสอบอยู่ไง”
“พี่มึงไม่ว่าอะไรหรอก ไปเหอะ”
เพื่อนรอบๆพยักหน้าเห็นด้วย เห็นมันทำหน้าแบบนั้น เข้าใจว่ามันจะอ้วก แต่ไม่ใช่ มันแค่ลำบากใจ
ไม่ได้สนิทกันเท่าไหร่ ได้ทำงานกลุ่มด้วยกันครั้งแรก งานเมื่อคืนก็ปั่นข้ามคืนมาด้วยกัน อยากตอบแทนการทำงานหนักของมันสักนิดก็ดี
ไอ้ตี๋ดูเหมือนจะกากเกรียนไปวันๆ แต่ก็เอาจริงกับงาน ถึงเวลากลับดูเป็นผู้ใหญ่กว่าที่คิด ตัดสินใจเมื่อทุกคนเงียบ คิดทางเลือกให้เมื่อทุกคนลังเล
มันเป็นคนปั่นจักรยานออกไปซื้อข้าวให้ทุกคนมาเมื่อคืน ตอนที่คิดว่าจะตายซะแล้ว ก็มีกลิ่นข้าวผัดลอยมา
ถามมันบ้านอยู่ไหน ได้ยินที่อยู่ก็ตกใจ เคยได้ยินมา เรื่องเกี่ยวกับมัน แต่ไม่ใช่แบบนี้
ยิ่งพอรถแท็กซี่ไปจอดถึงตัวคอนโด ก็ยิ่งตกใจ คนแถวนั้นก็ดูรู้จักมันดี ถึงขั้นหยิบคียการ์ดออกมา รู้สึกเหมือนเป็นคนโง่ตลอดๆ
มันคงเห็นหน้างงๆ เลยพูด “บ้านพี่กูอ่ะ”
“…พี่มึงนี่สุดยอดเลยว่ะ เรียนคณะอะไรอ่ะ”
“วิศวะ ปีสามแล้ว”
มีเพื่อนเรียนวิศวะ เลยลองถามดู “ชื่ออะไร เพื่อกูรู้จัก”
“หมอก อัษฏา มึงไม่รู้จักหรอก”
“เดี๋ยว เดี๋ยว กูรู้จัก ใช่ที่เป็นนักบอลตอนงานเกียร์สัมพันธ์หรือเปล่า”
มันทำหน้างงๆ ตอบ “เออ คนนั้นแหละ”
บ้าน่า
คนแบบนั้น อยู่บ้านหลังเดียวกับตี๋อ่ะนะ?
นี่อาจเป็นเรื่องตลกก็ได้
ตอนที่คิดแบบนั้น ตี๋ก็รีบวิ่งไปที่ห้องน้ำชั้นล่าง ได้ยินเสียงก็พอรู้ว่าอาการหนักอยู่ ตะโกนถาม “เดี๋ยวกูไปซื้อยาให้นะ” มันไม่ตอบอะไร มีแต่ตบผนังห้องน้ำกลับมา เลยวิ่งไปซื้อให้
วิ่งผ่านรถบีเอ็มคันหนึ่งที่สวยจนต้องมองตาม
ไม่สิ มันก็สวยเหมือนกันทุกคันนั่นแหละ แต่คันนี้ดูมีราคาตั้งแต่ล้อแม็ก ตัวรถสีดำ ไม่มีรอยขีดข่วน ไม่เห็นหน้าคนขับเพราะใส่แว่นกันแดดไว้ รถคันนั้นมุดหายเข้าไปในลานจอดรถชั้นใต้ดิน มองจนหายลับไป ก็นึกธุระที่ออกมาทำได้ต่อ จึงเดินไปถามแม่ค้าที่อยู่แถวนั้น
กลับมาพร้อมยา เดินไปหาในห้องน้ำ ไม่อยู่ เดินออกมา ก็ไม่เห็น เลยโทรหา
“เฮ้ย ตี๋ อยู่ไหนวะ กูซื้อยามาให้”
“…นั่นใคร”
“ห้ะ?” มองหน้าจอมือถือ ก็เขียนว่า’ตี๋’ชัด “กูไง”
“กูไหน ไม่รู้จัก”
ไม่ใช่เสียงตี๋
“มึงเป็นใคร”
“แล้วนั่นใครล่ะ? ตี๋อยู่ไหน”
“ตี๋อยู่กับกู”
ได้ยินเสียงตี๋พูด ’เฮ้ย อย่าดิ’ ดูร้อนรน แล้วตามด้วยเสียงไอของมันยกใหญ่
“ผมเพื่อนตี๋ ซื้อยาแก้อ้วกมาให้มัน แต่หามันไม่เจอ มันอยู่ไหน”
พูดจบ แต่ยังไม่ได้ยินเสียงอะไรตอบกลับมา
สายถูกตัดไปแล้ว
โทรเข้าไปใหม่ ติดต่อไม่ได้ มือถือถูกปิดทิ้ง
รีบกดโทรหาเพื่อนมันคนอื่น ยังอยู่ในสภาวะงงงวย
“เฮ้ย ไอ้โจ๋” เล่าเรื่องคร่าวๆให้มันฟัง “ใครไม่รู้แม่งรับสายว่ะ ตอนนี้กูหาไอ้ตี๋ไม่เจอ ไม่รู้มันขึ้นห้องไปหรือยัง โทรตอนนี้ก็ไม่ติด ปิดเครื่องไปแล้ว”
ไอ้โจ๋กลับตอบมาด้วยเสียงเนือย “เสียงที่ตอบมึงห้วนๆดุๆป่ะ”
“…เออว่ะ” นึกขึ้นได้ “ทำไมวะ มึงรู้ได้ไงเนี่ย”
“เฮ้อ”มันถอนหายใจยาว “หมดหน้าที่มึงแล้ว กลับบ้านไปเถอะ”
“เฮ้ย เรื่องอะไรเนี่ย กูตามไม่ทัน”
“พ่อมันเองอ่ะ มึงไม่ต้องห่วงหรอก มึงกลับบ้านไปนอน แล้วอย่าพึ่งโทรหาช่วงนี้น่ะ ไม่งั้นจะเป็นมึงเองที่ดวงกุด “ พูดยาวยืดด้วยเสียงเนือยๆ แล้วก็พูดต่อเป็นการจบประโยคว่า “โชคดีล่ะมึง กูนอนต่อละ”
ยังอยู่กับความงงงวย
พ่อหรอ?
คงเป็นพ่อที่หนุ่มและไร้มนุษย์สัมพันธ์ที่สุดคนนึง ไหนบอกว่าอยู่กับพี่ หรือว่าชีวิตที่ยากลำบากคือตอนอยู่กับแม่ แล้วชีวิตสุขสบายคือตอนอยู่กับพ่อที่เป็นคนระดับไฮคลาส อย่างนั้นน่ะหรอ?
รู้สึกชีวิตซับซ้อนขึ้นทุกวัน
กำลังจะเดินออกไปด้วยความงง ก็ถูกเรียกไว้ “เดี๋ยว”
หันหน้ากลับไปมอง นักศึกษาสถาบันเดียวกัน ดูจากหัวเข็มขัด หน้าตาดูคุ้นๆ แต่นึกไม่ออก เดินมาหา ตัวสูง หุ่นดูมีกล้ามเนื้อ สิ่งที่โดดเด่นสุดคงเป็นดวงตา ดูน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก ถึงจะบอกว่าเป็นพี่ แต่คิดว่าอาจเป็นแค่ญาติห่างๆ ห่างมากๆ ไม่มีกลิ่นอายที่เหมือนกันสักนิด
หมอกคนนี้คือหมอก?
“เพื่อนตี๋หรอ?”
“ครับ”
“ซื้อยาแก้อ้วกมาหรือเปล่า”
“อ่อ..ฮะ”
เขาหยิบกระเป๋าตังค์ขึ้นมา คว้าแบงค์สีม่วงออกมา คว้าถุงยาออกไปจากมือ ไม่สนใจอะไร แล้วยัดแบงค์ห้าร้อยนั่นมาแทน
“เดี๋ยว ทั้งถุงนี้แค่-“
หันหลังกลับไปแล้ว เดินตามไป ทั้งถุงนี้ยังไม่ถึงร้อยนึงด้วยซ้ำ
เดินเร็วมากจนต้องรีบสาวเท้าตามไป เข้าไปในส่วนที่ต้องใช้คีย์การ์ด ประตูปิดลงก่อนที่จะคว้าไว้ได้ทัน
เขาดูไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ถือถุงยาไว้ กดลิฟท์ แล้วเดินหายไปในนั้น
ได้แต่ยืนอึ้ง มองแบงค์ที่อยู่ในมืออย่างไม่เข้าใจ
……………………
…………….
สองวันถัดมา หลังจากนอนเต็มอิ่ม เปิดมือถือขึ้นก็เจอเมสเสจสั้นๆจากเบอร์ที่ไม่รู้จักว่า
อย่ายุ่งกับตี๋ ถ้าไม่อยากมีเรื่อง………….
………………………..
[Exam:complete]
[19.8.55]
ชี้แจ้ง
cn9095 ดองจริง ยอมรับผิด ไม่ดิ้น ไม่อะไรทั้งสิ้น
แต่ก็ไม่ได้ทิ้งไปไหนนะ ไม่รู้จะทำยังไง เลยเขียนพิเศษสั้นๆมาให้อ่านคั่นเวลาไปก่อน เป็นตอนที่ดูไม่ค่อยมีอะไร
แถมอยู่ภาค Coinด้วย
เนื่องจากพึ่งสอบเสร็จหมาด ความปวดร้าวยังเหลืออยู่
แต่ไม่ได้ทิ้งตี๋หมอกไปไหนนะ ตอนนี้งานที่ทำก็เกี่ยวตี๋หมอกล้วนๆด้วย
โทษทีค้าบ