Chapter 3 ครึ่งแรก
ท่าทีที่แสดงออกอย่างตรงไปตรงมาว่า เกลียด คำพูดที่ตอกย้ำอยู่กลายๆ ว่า ไม่อยากเข้าใกล้ ทำให้อดไม่ได้ที่จะกระทำสิ่งสิ้นคิดไปแบบนั้น
ช่างไร้การควบคุม ไร้การเหนี่ยวรั้งตนเองอย่างไม่น่าให้อภัย จนสุดท้ายก็มานึกเสียใจเองที่เผลอทำอะไรบ้าๆ ลงไป
ป่านนี้เพลิงคงยิ่งขยาดเกลียดขี้หน้าผมมากกว่าเดิม แต่ก็ช่วยไม่ได้ เพราะต่อให้เกลียดมากหรือน้อย เกลียด ก็คือเกลียดวันยังค่ำ
ขณะที่เดินกลับหอพัก ก็รู้สึกเจ็บแปลบตรงหลังที่ถูกผลักไปชนกับชั้นหนังสือในห้องสมุด ที่ที่รู้สึกปวดร้าวไม่นานคงกลายเป็นแผลฟกช้ำ ริ้วสีคล้ำช้ำเลือดคงประดับเป็นทางอยู่ตรงลาดไหล่ลามไปจนถึงแผ่นหลัง
ตอนนี้เพียงแค่สัมผัสถูกอะไรเพียงเล็กน้อย ก็ทำให้สะท้านตรงรอยแผลได้ง่ายๆ เพลิงออกแรงผลักโดยไม่คิดจะยั้งมือไว้แบบนี้ ก็พอให้คาดเดาได้ตัวเองว่าถูกเกลียดมากแค่ไหน
แต่สิ่งที่คาดเดาไม่ได้ก็คือ ทำไม เขาต้องเกลียดกันมากขนาดนั้นเท่านั้น
แล้วความเกลียดชังของเพลิงดูจะมีเพิ่มมากขึ้นเมื่อเขากลับมาถึงหอพักเช่นกัน แค่มองหน้าก็ยังไม่มอง ไม่มีทางที่จะได้เห็นสีหน้ายิ้มแย้มของเพลิงขณะที่อยู่กับเพื่อนฝูงในขณะที่เจอผมแน่ น่าสงสารที่จะหลบหน้าผมก็ไม่ได้ เพราะยังไงก็ต้องกลับมานอนที่หออยู่ดี
และความไม่พอใจทุกอย่างก็แสดงออกมาทางสีหน้าเพลิงโดยไม่มีการคิดที่จะปิดบัง เขากลับมาถึงก็แค่เปรยสายตาผ่านๆ แล้วก็เอาแต่นอนหันหลังให้
ภายในห้องของหอพักแม้ไม่เล็กมาก แต่เมื่อคนสองคนที่เอือมระอาที่จะเห็นหน้ากันต้องมาอยู่ด้วยกัน ก็ดูแคบขึ้นมาในทันที จะหลบไปไหนก็ไม่ได้เพราะไม่มีกำแพงกั้น
ทั้งๆ ที่คิดไว้อยู่แล้วว่าจะเป็นแบบนี้ แต่ก็อดรู้สึกอึดอัดไม่ได้ ในที่สุดก็ต้องหลบออกมาสูบบุหรี่นอกหอเพื่อลดความกดดันให้ตัวเองเสียหน่อย การอัดสารนิโคตินเข้าสู่ร่างช่วยทำให้ผ่อนคลายได้มากขึ้น ผมยืนสูบจนบุหรี่หมดมวน ถอนหายใจไปก็หลายครั้ง และรอจนเวลาที่คิดว่าเพลิงน่าจะหลับ ก็ค่อยเดินกลับเข้าห้อง
เมื่อกลับเข้าห้องอีกครั้งดวงไฟภายในห้องก็ปิดสนิท ร่างใหญ่บนเตียงอีกฝั่งหลับไปแล้วอย่างที่คิด ผมจึงเดินเข้าไปอาบน้ำชำระร่างกายเสียหน่อย
สายน้ำเย็นไหลชโลมร่างขับความร้อนรุ่มให้หายไป แต่เมื่อคิดถึงหน้าคนที่นอนอยู่ด้านนอก ก็รู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมาอีกครั้ง
หัวใจเจ็บแปลบ ขณะที่ส่วนกลางร่างกายร้อนผ่าว
น่าสมเพชเหลือเกิน
มันช่างไม่มีคำว่า ยุติธรรม เสียจริง ขณะที่คนด้านนอกนอนอย่างไม่รู้สึกรู้สา ผมกลับรู้สึกปั่นป่วนเมื่อคิดถึงริมฝีปากร้อนยามที่ฝืนจนได้สัมผัส สุดท้ายก็ต้องปลดปล่อยอารมณ์ตัวเองออกมาด้วยความรู้สึกขมขื่น
ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงเป็นแบบนี้
เพราะว่าหัวใจผมเย็นเยือกเกินไป จนโหยหาความร้อนรุ่มงั้นหรือ
หากเป็นอย่างนั้นจริง ผมหวังว่าความร้อนของเพลิงจะไม่เผาผลาญให้ต้องสูญสลายไปก็พอ
_____
วันรุ่งขึ้นเพลิงออกจากหอพักไปแต่เช้า ผมตื่นมาก็ไม่เจอเขาแล้ว ให้เดาก็คงเพราะเขาอาจจะอยากหลบหน้าผมก็เป็นได้ รอยที่หลังจากเมื่อวานขึ้นริ้วสีม่วงช้ำ ควรจะรีบหาน้ำแข็งมาประคบหรือหายามาทาแต่เนิ่นๆ แต่ปล่อยเอาไว้แบบนี้ก็ดี เพราะความเจ็บนี้จะได้ตอกย้ำผมไม่ให้ไปเล่นกับไฟ
ผมเข้าชั้นเรียนตามปกติ นั่งอยู่ข้างหลังสุด ส่วนเพลิงก็เลือกนั่งแถวที่ค่อนไปด้านหน้า บรรยากาศในห้องเรียนเคยน่าเบื่อยังไง ก็ยังน่าเบื่ออย่างนั้น ขณะที่อาจารย์บรรยายบทเรียนไป หูก็ฟังจับใจความได้บ้างไม่ได้บ้าง มือจดเท่าที่พอจะเข้าใจ แม้ผมจะไม่ได้เป็นคนที่ไม่สนใจเรียนเอาเสียเลย ทว่าก็ไม่ใช่คนที่จะสนใจเรียนมากเกินไปด้วยเช่นกัน
เท่าที่สังเกต คนในคณะมักจะจับกลุ่มนั่งด้วยกันเสมอ บางกลุ่มก็มักจะผลัดกันแลกโน้ต บางกลุ่มก็ผลัดกันเข้าเรียนบ้างไม่เข้าเรียนบ้าง ช่วงใกล้สอบเก็บคะแนนก็มักจะเห็นแต่ละกลุ่มช่วยกันติว
ผมไม่รู้สึกอยากเข้ากลุ่มใดๆ อาจเพราะรู้สึกแปลกแยก และชินกับการอยู่คนเดียวเสียแล้ว และเพลิงเอง คนที่เคยคิดว่าไม่ค่อยยึดติดกับกลุ่มไหนเป็นพิเศษ จู่ๆ วันนี้ก็เห็นนั่งเรียนเคียงคู่กับหญิงสาวผมยาวคนหนึ่ง
น่าแปลกใจเสียจริง หรือว่าเด็กเรียนจะดีแตกเสียแล้วล่ะ
ตอนที่เลิกชั้นเรียน เมื่อเพลิงเดินผ่านผม ใบหน้าที่เคยยิ้มกับหญิงสาวก็กลับถมึงทึงขั้นมาในทันที คงจะเสียอารมณ์มาก ผิดกับเวลาที่อยู่กับผู้หญิง ที่ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ ทั้งถือกระเป๋าให้ ทั้งไม่เคยทำท่าทีเหมือนโกรธแค้นกันมานานใส่
และพอคิดแบบนั้น ก็รู้สึกสมเพชตัวเองนัก แต่แม้จะสมเพช ก็ยังตัดสินใจทำเรื่องที่ไม่เข้าท่าอีกจนได้
.
.
(มีต่อ)