Chapter 10 ล่วงเข้าวันสุดท้ายของการทำงาน แม้อากาศจะอ้าว แดดจะร้อน แต่ทีมงานทุกคนยังคงขยันขันแข็ง ใส่ใจในทุกรายละเอียดตามสตอรี่บอร์ดที่วางแผนไว้ งานใหญ่ค่าตอบแทนก็ย่อมสูงตามไป ..แต่มีอยู่คนนึงที่ดูเงียบ จนพี่ๆหลายคนสันนิฐานว่า น่าจะเป็นเพราะน้ำเชี่ยวปล่อยพลังไปกับการเล่นน้ำมากไปเลยเหนื่อย พีมเองก็หวังให้เป็นเช่นนั้น ..เจ้ากบนั่นหงอยไปแปลกๆแฮะ ปกติจะเข้ามาคุยเล่นกับเรา แต่นี่ทำไมมันเงียบๆหว่า หรือเป็นเพราะที่เราพูดเมื่อวาน...ไม่มั้ง
“น้ำเชี่ยว เป็นไรไป ไม่สบายหรือเปล่า หน้าดูเหนื่อยๆ” พี่ฝนเอ่ยถามน้ำเชี่ยวที่นั่งพักกองอยู่อย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรอ่ะพี่ สบายมาก น้ำเชี่ยวคงเล่นเกมส์มากไปหน่อยมั้ง เลยรู้สึกล้าๆสายตาอ่ะ” เฉไฉไปเรื่อย จะไปบอกใครได้ไงว่าเราเป็นอะไร อกหักตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มงั้นเหรอ
“ไม่เป็นไรแน่นะ ทีหลังก็อย่าเอาแต่เล่นเกมส์ นอนพักบ้างรู้มั้ย”
“ครับ” เด็กหนุ่มขานรับผู้จัดการสาวอย่างซึมๆ แต่อยู่ๆก็มีมือขาวๆของใครบางคนยื่นแก้วน้ำใบเล็กมาตรงหน้า
“น้ำเชี่ยว..อะ น้ำ” น้ำเชี่ยวรับแก้วน้ำจากพีมมาวางไว้ข้างๆแล้วกลับไปก้มหน้าอ่านบทต่อไป เด็กหนุ่มพยามที่จะไม่สนใจบทสนทนาต่อไปของคนตัวขาวๆคนเดิม
“หิวป่ะ...กินนี่มั้ยขนมเค้ก แฟนคลับพี่เค้าเอามาให้ อร่อยมากเลยนะ” ยังคงไม่มีเสียงตอบรับจากร่างโปร่งที่นั่งก้มหน้าไม่มีท่าทีว่าจะตอบสนองกลับมา ทำเหมือนมองไม่เห็น ไม่แม้แต่จะเงยขึ้นมามองหน้ากันด้วยซ้ำไป
“น้ำเชี่ยว เป็นอะไรหรือเปล่า ไม่เห็นพูดคุยเหมือนเมื่อวานเลย โกรธอะไรพี่เหรอ” ทำเอาชายหนุ่มหน้าขาวใจเต้นตึก เมื่ออยู่ๆก็เจอปฏิกิริยาแบบสุดโต่งจากเด็กหนุ่มที่แสนร่าเริงราวกับเขาเป็นอากาศธาตุอย่างไรอย่างนั้น ..เจ็บข้างในจัง เราทำอะไรผิดไปเหรอ? ดวงตาวาวใสหลุบต่ำได้แต่มองเด็กหนุ่มอย่างไม่เข้าใจ พาให้สองขาล่าถอยออกมาจากอาณาเขตของเด็กหนุ่ม
“น้ำ เ ชี่ ย ว...”
“.......” ไร้ซึ่งเสียงตอบกลับ หนำซ้ำเจ้าตัวยังกระแทรกเท้าลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องพักอย่างไม่สนใจใยดีพีมที่ยังคงยืนอึ้งกับท่าทีของอีกคน
“น่ะ...น้ำ....” ชาวูบใบทั่วใบหน้า รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นยิ่งกว่าอากาศธาตุ เจ็บแปลบๆตรงหน้าอก นี่เราทำอะไรผิดไปตรงไหน .. ทำไมน้ำเชี่ยวต้องทำใส่เขาแบบนี้ ..เจ็บนะ ทำไม?
.
.
ตลอดการทำงานในวันที่แสนเครียดของพีม จนพระอาทิตย์ตกดิน ก็ยังคงไม่มีเสียงของน้ำเชี่ยว ยกเว้นแต่บทสทนาที่จำต้องพูดเพราะเป็นงานเท่านั้น ดวงตากลมโตทอแววหวานไม่แม้แต่หันมาสบกันสักครั้ง แม้แต่คำล่ำลาซักคำก่อนแยกย้ายกันเข้าห้องพักก็ยังไม่มี
แม้ว่าพีมจะไม่ต้องการให้น้ำเชี่ยวรู้สึกกับเค้ามากกว่าพี่ชายหรือเพื่อนสนิท แต่เขาก็ไม่ต้องการให้มันเหินห่างขนาดนี้ นั่นทำให้ชายหนุ่มร่างขาวรู้สึกอึดอัด เศร้า และยังคงเจ็บแปลบที่หน้าอกอยู่เรื่อยๆ เมื่อคิดถึงใบหน้านิ่งๆและสายตาเย็นชาจากเด็กคนนั้น
“เราคงไม่ได้เผลอใจไปกับน้ำเชี่ยวแล้วใช่มั้ย...อย่าทำให้เรื่องมันยุ่งยากเลยน่ะพีม” พีมนั่งทบทวนถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น และพรึมพรำกับตัวเองที่โซฟาเพียงลำพัง
---พรึบ!!??---
!@#$% …อยู่ๆไฟก็ดับไปเฉยๆ
แต่มันคงจะไม่เป็นอะไรเท่าไร ถ้าที่นี่เป็นที่บ้านของพีมเอง หรือเป็นที่ๆเขาคุ้นสักหน่อย ..เพราะสิ่งที่พีม พีราณุ กลัวในโลกนี้มีอยู่ไม่กี่อย่าง และหนึ่งในนั้นก็คือ ผี และสถานที่มืดๆในที่ไม่คุ้นชิน
ทันทีที่ไฟของโรงแรมดับ ทำให้ระบบไฟฟ้าภายในดับไปด้วย พีมไม่สามารถเปิดประตูห้องออกไปได้ คงเพราะระบบล็อคทำงานด้วยไฟฟ้าและเครื่องสำรองไฟคงมีปัญญหา สองขาสองแขนของซูเปอร์สตาร์หนุ่มเริ่มเดินงุ่นง่านจนเกี่ยวกันพันลวัน เมื่อสายตายังปรับไม่ได้ในความมืด พาเอาให้สติกระเจิดกระเจิง ควานหากระทั่งมือถือยังไม่เจอ นึกได้ว่าห้องพักชั้นล่างสามารถเดินข้ามไปหากันทางระเบียงได้ จึงไม่รอช้า เป้าหมายแรกก็คือห้องของใครสักคนที่ใกล้ที่สุด
---
ปังๆๆๆ!! ปังๆๆๆๆๆๆ!!---
“
น้ำเชี่ยว! ..ฮึก เปิดหน่อย ..
น้ำเชี่ยว! ..ฮึกๆ ” ซูเปอร์สตาร์หนุ่มรัวกำปั้นใส่ประตูกระจกระเบียงห้องของน้ำเชี่ยวอย่างไม่ยั้ง
“อะไร..มีอะไรพี่...พี่พีม เป็นไรอะ ร้องไห้ทำไมพี่” ทันทีที่น้ำเชี่ยวเปิดประตูออกมา พีมก็โผเข้ากอดเขาเอาไว้แน่น ร่างขาวๆสั่นตามแรงสะอื้น เด็กหนุ่มกระชับกอดแน่นขึ้น สัมผัสได้ถึงแรงเต้นของหัวใจ จนน่ากลัวว่ามันจะทะลุออกมาข้างนอกผิวเนื้อแน่นนั่น
“พะ..พี่กลัวอ่ะ ..มันมืด พะ..พี่ มะ..ไม่ๆ..” พีมเสียงสั่นปนสะอึก ตอบในขณะที่ยังคงซุกหน้าอยู่กับอกกว้างๆของอีกคน
“โอ๋ๆ พี่ โอเคแล้วนะพี่.. น้ำเชี่ยวอยู่นี่แล้ว ไม่มีอะไร แค่ไฟดับน่ะ ไม่มีอะไร น้ำเชี่ยวอยู่นี่ ไม่ต้องกลัวนะ ไม่ต้องกลัว..” น้ำเชี่ยวพูดพลางใช้ฝ่ามือหนาลูบไปตามศรีษะและแผ่นหลังสั่นเทาของคนในอ้อมกอด ก่อนจะค่อยๆพยุงกันเข้ามานั่งที่โซฟาตัวยาว
“จะไปไหน...น้ำเชี่ยว” พีมดึงมือคู่นั้นไว้ เมื่ออีกฝ่ายขยับตัวจะลุกขึ้น
“จะเดินออกไปดูที่ประชาสัมพันธ์นะ จะได้รู้ไงว่าเค้ามีปัญหาอะไร ไฟจะมาเมื่อไหร่...พี่รออยู่นี่แหละ”
“ไม่เอาอ่ะ...ไปด้วยนะ มันมืดอ่ะ น้ำเชี่ยว พี่ไม่อยากอยู่อ่ะ” พีมเริ่มเสียงสั่นอีครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นดึงแขนและชายเสื้อของน้ำเชี่ยวไว้ราวกับเด็กเล็กๆ ถ้าไฟไม่ดับหรือหากน้ำเชี่ยวช่างสังเกตสักนิด คงจะได้เห็นดวงตาคู่เรียววาวใสคู่นั้นสั่นระริกออดอ้อน ไม่ต่างอะไรกับริมฝีปากบางที่เม้มแน่นราวกับเด็กน้อยดึงดันเอาแต่ใจ
ตลอดทางเดินน้ำเชี่ยวพยามใช้แสงไฟจากมือถือนำทาง โดยมีพีมตามติดไม่ห่าง หนุ่มหน้าหวานเกาะติดเด็กหนุ่มเป็นลูกลิงมือข้างหนึ่งเกาะแขนส่วนอีกข้างหนึ่งก็ดึงชายเสื้อไว้ไม่ยอมปล่อย ..จะว่าไป สายตาของชายหนุ่มก็ปรับชินกับความมืดได้แล้ว และไม่รู้สึกกลัวเหมือนตอนแรกเท่าไหร่ แต่ไม่รู้ว่าทำไมเขาจึงไม่คิดจะปล่อยมือจากคนๆนี้เสียที หนำซ้ำยังรู้สึกอยากจะออดอ้อนให้เด็กหนุ่มหันมาสนใจใส่ใจเขาให้มากขึ้นเสียอีก
“น้ำเชี่ยว..”
“เมื่อกลางวันน้ำเชี่ยวเป็นอะไรเหรอ โกรธอะไรพี่หรือเปล่า ถึงได้ไม่คุยกับพี่เลย” เมื่อเห็นว่าน้ำเชี่ยวมีท่าทีที่อ่อนลงมาก พีมจึงเอ่ยทำลายความเงียบขึ้น
“........” แต่สิ่งที่ได้กลับมาก็คือความเงียบจากร่างโปร่งที่ยังคงตั้งหน้าตั้งตาก้าวเดินไปตามทางช้าๆ
“ถ้าพี่ทำอะไรให้น้ำไม่พอใจ พี่ขอโทษได้มั้ย.. รู้สึกไม่ดีเลยที่เห็นน้ำเป็นแบบนี้ กลับมาเป็นเหมือนเดิมเถอะนะ น้ำเชี่ยว” ชายหนุ่มเอ่ยขอร้องคนข้างหน้าด้วยน้ำเสียงคล้ายว่าเจ็บปวด พร้อมกับชะลอจังหวะเดินลงจนหยุดในที่สุด ขณะที่มือเรียวก็เลื่อนจากการเกาะแขน มากุมกระชับฝ่ามือหนาของคนของเด็กหนุ่มไว้ แล้วออกแรงบีบอย่างแผ่วเบาราวกับต้องการสื่อสารบางอย่างผ่านผิวเนื้อ .. ปฏิกิริยาที่ได้รับจากพีม ทำให้น้ำเชี่ยวรู้สึกร้อนวูบไปทั้งหน้า น้ำใสไหลคลออยู่ที่เบ้าตา เด็กหนุ่มพยามเชิดหน้า หวังให้หยาดน้ำใสใหลกลับเข้าไปซะ ยังดีที่ตอนนี้บรรยากาศรอบข้างมืดสนิท ไม่งั้นเขาาคงจะลำบากน่าดูกับการบังคับไม่ให้น้ำร้อนๆนั่นมันเอ่อขึ้นมาจนต้องขายหน้าอีกคนเข้าให้
“นั่นน้ำเชี่ยวกับพีมใช่มั้ย” ยีนส์ใช้ไฟฉายสาดมาที่ทั้งสองคน ผู้จัดการหนุ่มคิดไม่ผิดที่เดาได้ว่าทั้งคู่คงต้องกำลังไปที่ด้านหน้าของรีสอร์ทแน่ๆ เพราะพีมเป็นคนกลัวความมืดสุดๆ
“ครับพี่ น้ำเชี่ยวเองครับ”
“ทำไมมาอยู่กันตรงนี้ล่ะ พี่ไปเคาะที่ห้องตั้งนาน เป็นไงมั่งพีม...วิ่งหน้าตั้งเลยล่ะสิ ประตูระเบียงก็ไม่ปิด เฮ้อ..ไม่หายซักทีนะ ไอ้โรคกลัวผีเนี่ย ทำอย่างกับเด็กๆไปได้” ยีนส์มองพีมที่ยืนเกาะหลังน้ำเชี่ยวเหมือนเด็กๆแล้วก็อดขำไม่ได้ แอบสังเกตเห็นดวงตาเรียวค้อนควับและปากเชิ่ดๆเข้าด้วย ตอนที่แกล้งล้อเจ้าตัวว่าเป็นโรคกลัวผีเหมือนเด็ก
“เมื่อไหร่ไฟมันจะมาซักทีอ่ะครับ” น้ำเชี่ยวถาม
“หม้อแปลงมันระเบิดนะ เค้ากำลังซ่อมอยู่ อีกซักพัก ไม่มีอะไรหรอก ไป กลับไปที่ห้องกันได้แล้ว พี่ไปก่อนล่ะต้องเอาไฟฉายไปคืนเค้า ...น้ำเชี่ยวพี่ฝากพีมด้วยนะ”
“ครับ....ไปพี่พีม กลับห้องกัน”
.
.
“น้ำเชี่ยว..อยู่เป็นเพื่อนพี่ก่อนจนกว่าไฟจะมาได้มั้ย” พีมเปิดประโยคขอร้องอีกครั้ง เมื่อมาถึงห้องพร้อมกับรั้งแขนน้ำเชี่ยวไว้แน่น เขาไม่รู้เลยว่า กำลังทำให้หัวใจของอีกคน อ่อนยวบลงไปทุกที
อีกไม่นาน...ถ้าพี่ยังรั้งผมอยู่แบบนี้อีก ผมคงอดทนต่อไปไม่ไหว ที่จะพูดมันออกมา
“น้ำ ขอบคุณมากนะ ..พี่ไม่รู้ว่าน้ำเชี่ยวโกรธอะไรพี่ แต่..น้ำเชี่ยวก็ยังอยู่ตรงนี้กับพะ..”
“
อึก!” แค่ได้ฟังน้ำเสียงอ่อน และใบหน้าหงอยๆ แม้จะเห็นเพียงรางๆในความมืด ก็ทำให้น้ำเชี่ยวอดใจต่อไปไม่ไหว ดึงร่างขาวๆปลิวหวือเข้ามาในอ้อมกอด ซุกหน้าลงกับซอกคอของอีกคน .. พีมสัมผัสได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจอันรุนแรงจากแผ่นอกเรียบของเด็กหนุ่ม
“น้ำเชี่ยว....อะไรอ่ะ” ชายหนุ่มที่อยู่ๆก็ถูกรวบอยู่ในอ้อมกอดของน้ำเชี่ยว ชะงักงันเล็กน้อย ไม่ได้กอดตอบหรือว่าขัดขืนแต่อย่างใด มีเพียงคำถามหนึ่งชัดขึ้นมาอยู่ในความคิด แต่ก็กลัวว่า ถ้าเอ่ยถามออกไป คำตอบนั้นอาจทำให้เด็กคนนี้หลงทางไปไกล
อย่ามาเสียเวลากับคนอย่างพี่เลยนะน้ำเชี่ยว มันอาจเป็นแค่ถูกชะตา หรือความชอบธรรมดา ไม่ใช่ ‘รัก’ หรอก
“พี่ครับ..”
...ไม่นะ ไม่นะน้ำเชี่ยวอย่า..อย่าพูดมันออกมา พี่ไม่อยากฟัง ไม่ .. ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น
“พี่พีม.. น้ำ. ..น้ำเชี่ยว...” น้ำเสียงที่อึกอัก กับท่าทีสั่นๆของน้ำเชี่ยว ยิ่งทำให้พีมรู้สึกปั่นป่วน สติแทบกระเจิดกระเจิง ไม่รู้ว่าตัวเองกลายเป็นคนขี้ขลาดกับเรื่องแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
“เฮ้ย...พี่ลืมไป พี่อยากเข้าห้องน้ำ ขอเข้าห้องน้ำหน่อยนะน้ำเชี่ยว” สุดท้ายชายหนุ่มผู้ขี้ขลาด ก็ไม่ปล่อยโอกาสให้น้ำเชี่ยวพูดอะไรต่อไปอีก รีบตัดบทแล้ววิ่งพรวดเข้าห้องน้ำ ได้แต่หวังว่าไฟจะมาเร็วๆ ในเวลาที่คิดอะไรไม่ออกแล้ว
และ....เหมือนโชคเข้าข้าง เพราะอยู่ๆไฟก็สว่างวาบขึ้นพอดี พีมจึงรวบรวมสติอยู่ครู่หนึ่ง แล้วออกมา
“อ๊ะ..ไฟมาแล้ว ดีจัง จะได้พักผ่อนเสียที น้ำเชี่ยว เดี๋ยวพี่เดินไปส่งที่ห้องนะ ดึกแล้ว ง่วงใช่มั้ยล่า” ซูเปอร์สตาร์หนุ่มพูดกลบเกลื่อน พลางดึงมือหนาของอีกคนไปที่ประตู แต่ดูเหมือนดูเหมือนเจ้าเด็กรั้นจะไม่อยากร่วมมือกับเขาเลย
“ทำไมอะ น้ำเชี่ยว ลืมอะไรใช่มั้ย มือถือใช่มั้ย เดี๋ยวพี่หยิบให้นะ...” จากน้ำเสียงและท่าทางของพีมที่ดูลนลานซะจนน้ำเชี่ยวรู้ทัน เด็กหนุ่มไม่เข้าใจว่าทำไม หรือแค่เพราะคนอย่างเขามีค่าแค่เวลาที่พี่เดือดร้อนเท่านั้นใช่ไหม พอตอนนี้ทุกอย่างปกติดี คนน่ารักคนนี้ก็ไม่ต้องการเขาอีกต่อไปแล้วงั้นหรือ น้ำเชี่ยวมองท่าทางรุกลี้รุกรนของพีมให้แล้วเกิดอารมณ์โมโหขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
...ยิ่งสายตาหวาดๆของคนตัวขาวที่เอาแต่หลบไม่ยอมมองกัน ยิ่งพาให้เด็กหนุ่มนึกขุ่นขึ้งอย่างที่สุด ... แล้วสองแขนน้ำเชี่ยวก็เข้าคว้าเอาร่างคนตรงหน้าเข้าจนปะทะกับอก มือหนาสอดเข้าท้ายทอยรวบเอาใบหน้าของอีกคนเข้ามาประกบปากทันที เด็กหนุ่มบดจูบลงที่ริมฝีปากบางอย่างเอาแต่ใจ ยิ่งคนในอ้อมแขนดิ้นแรงเท่าไร น้ำเชี่ยวก็ยิ่งเพิ่มแรงกระชับกอดให้แน่นขึ้น ประกบปากเข้ารุกล้ำมากขึ้น .. แม้ว่าชั่วชีวิต 20 ปีที่ผ่านมาของน้ำเชี่ยวจะไม่เคยผ่านเรื่องอย่างว่ามาเลย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เคยจูบ .. ถึงแม้การกระทำครั้งนี้ จะเป็นครั้งที่ได้รุกล้ำแนบชิดใครสักคนมากที่สุด แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้มีอาการเงอะงะ หรือเก้อเขินใดๆ นั่นอาจเป็นเพราะสัญชาตญาณส่วนลึกที่กำลังเรียกร้องต้องการคนตัวขาวๆคนนี้ก็เป็นได้
“น้ำเชี่ยว พี่ขอร้องล่ะ หยุดทีเถอะ” พีมร้องขอออกมาทันทีที่เบี่ยงหน้าหลบริมฝีปากหนาๆนั่นได้ น้ำเชี่ยวยังคงไม่คลายกอดออกแต่ก็เบาแรงกระชับลง เขาเลื่อนมือขึ้นมากุมที่หัวไหล่ของพีมไว้แล้วออกแรงบีบ ดวงตาคู่หวานที่ฉ่ำไปด้วยน้ำใสๆคลออยู่เพ่งมองไปที่ตาคู่เรียวและใบหน้าหวานของพีมอย่างพินิจพิจารณาเหมือนต้องการจะหาคำตอบอะไรบางอย่างในดวงตาใสสุกสกาวคู่นี้
“พี่พีม..น้ำเชี่ยวรักพี่ .. น้ำรักพี่ ได้ยินมั้ยครับ น้ำรักพี่”
"....................." ..น้ำ เ ชี่ ย ว..
“น้ำรักพี่มาก..จริงๆ ไม่เคยรู้สึกกับใครมากเท่านี้...”
"......................" .. ทำ ไ ม .. ต้องเป็น เ ร า
“พี่มีคนในใจอยู่แล้ว...พี่คง...
!!!” สมองของคนขี้ขลาดตั้งสติโดยไว รีบเอ่ยตัดบทออกไป … ทว่าภาพที่เห็นตรงหน้าทำเอาพีมถึงกับช็อค อึ้ง! เมื่อเห็นน้ำตาของคนเบื้องหน้าไหลอาบแก้มใสๆ หน้าหล่อๆบูดเบี้ยวไม่เป็นรูปเพราะร้องไห้อย่างไม่อาย น้ำเชี่ยวพยามกลั้นเสียงสะอื้นในลำคอ จนพีมรู้สึกได้ว่าแรงบีบที่หัวไหล่กดแน่นขึ้น สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนจากร่างสูงที่เริ่มสะอื้นหนักจนตัวสั่นเทา
......นี่เราทำเกินไปหรือเปล่า....
“ใช่ผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า...ผู้หญิงที่ร้องไห้ในร้านอาหาร”
“น้ำเชี่ยวเห็น...เหรอ”
“บังเอิญนะครับ..มันเป็นร้านของพี่ชายน้ำเอง....พี่กับเค้าเป็นอะไร?”
“......................” จะตอบยังไงดี
บอกว่าเป็นแฟนเราซะก็หมดเรื่อง จะได้จบๆ น้ำเชี่ยวก็คงตัดใจได้ หรือว่า จะตอบตามจริงไม่โกหก โอ้ยยย! เอาไงดีว่ะ คิดสิๆ .. เอาไงดีว่ะ! .. โอ้ยยยไอ้พีมเอ้ย ชายหนุ่มอึกอักลังเลในสิ่งที่จะตอบ
“เป็นอะไร...พี่กับผู้หญิงคนนั้น บอกได้มั้ยครับ?” นัยตาโตฉ่ำน้ำ วันนี้ทำไมช่างดูโศกเศร้าหม่นหมองขนาดนี้ พีมมองดวงตาของคนตรงหน้าแล้วให้รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก .. อย่านะน้ำเชี่ยว อย่ามาร้องไห้แบบนี้ พี่ขอร้องล่ะ
.
.
“เอ่อ..เรา เคย เป็นแฟนกัน ตอนนี้เลิกกันแล้ว.. แต่ คือ มันมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้พี่อยากจะดูแลเค้าต่อไป” สุดท้ายชายหนุ่มก็ตัดสินใจพูดในสิ่งที่เป็นความจริงออกไป
อา.. เคยเป็นแฟน แค่นั้นใช่มั้ย? น้ำจะเชื่อที่พี่บอก ไม่ว่าอะไรก็ตาม .. แค่นี้ก็พอแล้วครับ แค่เคยเป็นแฟนกันเท่านั้น งั้นน้ำเชี่ยวก็ไม่ผิดใช่มั้ยที่จะรักพี่ต่อไป
“...จริงๆแล้ว น้ำเชี่ยวแค่จะบอกกับพี่เท่านั้น แค่จะบอก..รักพี่ แค่นั้น พี่จะรักหรือไม่รักน้ำตอบ น้ำไม่รู้หรอก แค่พี่รับรู้และไม่หนีน้ำเหมือนอย่างที่เคยก็พอ ได้มั้ย” หน้าที่บู้บี้ดูเหมือนมีรอยยิ้มขึ้นมานิดๆมือที่กุมไหล่กระชับเข้ามากอดอีกครั้งหากแต่ครั้งนี้เป็นกอดที่อ่อนโยน นุ่มนวล ซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมยืนโอนอ่อนให้เด็กหนุ่มกอดแต่โดยดี ทว่าสองแขนของพีมกลับไม่กล้าแม้แต่จะขยับกอดตอบไปแต่อย่างใด
“พี่กอดน้ำเชี่ยวหน่อยได้มั้ยครับ” น้ำเชี่ยวร้องขอเมื่อเห็นว่าร่างเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดยังยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหุ่นไม่มีทีท่าว่าจะสัมผัสเขาเลย ..เด็กหนุ่มซุกหน้าลงกับซอกคอขาวพร้อมกับกระชับกอดแน่นเข้าราวกับเด็กน้อยต้องการความอบอุ่น
“......” กว่าหลายนาทีที่ปราศจากคำพูดใดๆมีเพียงเสียงลมหายใจแผ่วของน้ำเชี่ยวที่รดรินอยู่ตรงต้นคอ และน้ำหนักจากฝ่ามือหนาที่คอยกกกอดสลับกับลูกหลังลูบไหล่ของพีมไปมาอย่างออดอ้อน
“ใจร้ายจัง..” กอดน้ำบ้างสิครับ
...พีมนิ่งฟังเสียงจากข้างใน ไม่รู้ว่าตอนนี้ควรทำตัวอย่างไร .. แต่ถ้าจะให้เลือกทำตามหัวใจล่ะก็... ชายหนุ่มขยับแขนเข้าโอบหลังกว้างเบาๆ ริมฝีปากบางของซูเปอร์สตาร์หนุ่มยักยิ้มเล็กน้อยเมื่อสัมผัสได้ถึงไออุ่นที่แผ่ซ่านของกันและกัน ชั่วแวบหนึ่งเขาคิดอยากจะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ ไม่อยากจะคิดอะไรให้วุ่นวายต่อไปแล้ว .. แต่อีกใจก็กลัวตัวเองจะถลำลึกไปตามแรงโน้มถ่วงของความรักจากหนุ่มน้อยตาโศกตรงหน้าเสียเหลือเกิน
“ขอบคุณครับ” น้ำเชี่ยวกระชับกอดแน่นขึ้น เมื่อสัมผัสได้ถึงความรู้สึกพิเศษที่มันเติมตื้นไปทั้งหัวใจจากการที่ได้รับกอดตอบกลับมาจากคนตัวนิ่มๆผมหอมๆคนนี้ เด็กหุน่มซุกหน้าลงบนซอกคอขาวสูดกลิ่นกายหอมก่อนจะบรรจงจูบไปบนผิวเนียนนุ่มตรงลำคอของพีมอย่างทะนุทนอม สมแล้วที่คนในอ้อมกอดของเขาได้รับฉายาว่าเป็นนักร้องหนุ่มขวัญใจของคนหนุ่มสาวค่อนประเทศ ไม่ผิดเพี้ยนเลยจริงๆ ทั้งตัวที่นุ่มนิ่ม ผิวขาวละเอียดน่าจูบน่ากัดไปหมด และกลิ่นไอหอมๆไปทั้งตัว แถมริมฝีปากบางที่เขาแอบขโมยจูบไปก่อนหน้านั้นยังหวานล้ำซะจนอยากจะลองดูอีกครั้งถ้าเจ้าของอนุญาติ น้ำเชี่ยวของเป็นอีกคนที่ช่วยยืนยันความน่ารักน่าหลงไหลอันนี้แล้วกัน
“สรุปที่เราหน้าบึ้งทั้งวันนี่เป็นเพราะดอกไม้นั่นใช่มั้ย”
“ก็พี่บอกว่าเป็นคนพิเศษ เป็นใครจะไม่คิดว่าเป็นแฟนพี่เล่า น้ำเชี่ยวไม่ได้อยากเป็นแบบนั้นหรอกนะแต่มันห้ามไม่ได้จริงๆอ่ะ”
“ไม่ต้องมาเว่อร์เลยไอ้บ้า เรื่องแค่นี้เอง”
“ไม่ได้เว่อร์นะ พี่อาจจะเห็นความรักของน้ำเชี่ยวเป็นเรื่องเด็กๆ แต่มันไม่ใช่นะ พี่คอยดูล่ะกัน” น้ำเชี่ยวพูดด้วยสีหน้าแววตาจริงจัง
“น้ำเชี่ยว...ลืมอะไรไปหรือเปล่า พี่เป็นผู้ชายนะ ทำไมน้ำเชี่ยวถึงชอบพี่ล่ะ...” พีมเริ่มมีสีหน้าจริงจังขึ้นมาบ้าง
“น้ำเชี่ยวรู้ ถึงไม่เรียกร้องอะไรไง แค่อยากจะบอกความรู้สึกในใจให้พี่รู้ก็แค่นั้น และก็หวังว่าพี่คงจะไม่รังเกียจความรักของน้ำเชี่ยว ไม่รังเกียจตัวตนน้ำเชี่ยวที่มันไม่เหมือนคนอื่นๆ”
ไม่หรอก..พี่จะรังเกียจน้ำเชี่ยวได้ยังไงในเมื่อพี่ก็..น่าจะเป็นคนที่เข้าใจความรู้สึกแบบนี้ดี เพียงแต่ ตอนนี้พี่ยังไม่พร้อมไม่พร้อมที่จะเปิดใจรับใคร ไม่พร้อมที่จะมีความรัก พี่กลัวความเจ็บปวดนะ กลัวปาบกรรมที่ทำไว้กับคนอื่นมันจะย้อนกลับมาหาตัวเอง จะว่าพี่ขี้ขลาดก็ได้ แต่ตอนนี้ไม่พร้อมจริงๆ .. และอีกอย่างที่สำคัญ ก็คือ สัญญานั่นที่เพิ่งรับปากกับจีจี้ไป เขาไม่อยากทำให้หญิงสาวต้องเสียใจเสียน้ำตาอีก
.
.
.
ตลอด3วันที่ทุกคนต้องทำงานแข่งกับเวลา ทำเอาทีมงานทุกคนแบ็ตหมดไปตามๆกัน ไม่เว้นแม้แต่ 2หนุ่มพระเอกของงานที่นอนสลบสะไหลอยู่ที่เบาะหลัง คงเพราะวันสุดท้ายทุกคนทำงานกันเกือบโต้รุ่ง เล่นเอาน้ำเชี่ยวลืมpspไปเลย ต้องยอมสิโรราบให้กับอาการง่วงในที่สุด
“ไงเราสองคนสลบเหมือดจนถึงออฟฟิศเชียว...พี่ขอบใจมากนะ ที่ทำงานร่วมกันทั้งกับทีมงาน แล้วก็ทั้งน้ำเชี่ยวทั้งพีมด้วย แทบจะไม่มีปัญหาติดขัดอะไรกันเลย ขอบใจทั้งสองคนมากนะจ๊ะ”
“ครับเรื่องงานยังไงก็เต็มที่อยู่แล้ว” พีมตอบพี่ฝนในขณะที่เจ้ากบข้างๆเริ่มกลับมาคร่ำเคร่งเกมส์ทำลายล้างบนเครื่องpspทันทีที่ถึงห้องพักศิลปินอีกครั้ง ทำเอาพี่ฝนกับพีมมองหน้ากันแล้วส่ายหน้าอย่างเอือมๆ ตรงข้ามกับยีนส์ที่มีโอกาสได้ทำงานกับน้ำเชี่ยวบ่อยที่สุดนั้น นั่งดูเป็นผู้เป็นคนที่สุด เพราะเขาคิดว่าปล่อยให้น้ำเชี่ยวอยู่กับเกมส์ไปนั่นแหละปลอยภัยดีแล้ว
“ช่วงนี้ก็เหลือแค่รอตัดต่อให้เสร็จแล้วรอวันออนแอร์ ส่วนงานเพลงก็เดี๋ยวทางทีมงานจะโทรไปนัดให้เข้ามาอัดเสียงกันอีกทีคงเร็วๆนี้แหละ พี่แพลนงานพีมไว้ให้แล้ว เหลือแค่ถ่ายละครให้เสร็จตามกำหนดก็จะพอดีกับเปิดแถลงข่าวงานนี้ ส่วนของน้ำเชี่ยวเดี๋ยวเรามีถ่ายเอ็มวี ตัวสุดท้ายของอัลบั้ม อีกสามวันเราต้องเข้าประชุมคอนเซ็ปพี่นัดนางเอกเค้าไว้แล้ว ได้ยินมั้ยน้ำเชี่ยว”
“คร๊าบบบบบบ รับทราบคร๊าบบบ...โอะ!
เอ้ย! เกือบไปแล้ว” น้ำเชี่ยวพยักหน้ารับแล้วก็กลับไปเข้าสู่โหมดทำลายล้างในpspต่อไป
.
.
---ก็อกๆๆ---ก็อกๆๆ--- “มีแขกมาพบคุณพีมค่ะ”
************************
B a l l o o n