ตอนที่ 13 หน้าที่พาย พาร์ท
ผมว่าไอ้กิตต้องมีอะไรกับพี่พลแน่นอน ท่าทางมันทีพิรุดขนาดนั้น แต่คนอย่างไอ้กิตถ้าไม่เปิดปากเองคงเค้นยาก ผมเลยต้องปล่อยมันไปก่อน ตอนนี้ที่ผมสงสัยคือหวานฉีดยาอะไรผม แล้วเกิดอะไรขึ้นหลังฉีดยารึเปล่า หรือว่าผมโดนเธอฉีดยาปลุก แต่มันมีแบบฉีดด้วยหรอวะ แล้วอีกอย่างถ้าผมมีอะไรกับเธอจะตื่นมาข้างภีมได้ไง ผมมั่นใจว่าที่ผมเห็นเลือนรางว่าหวานฉีดยาให้ผมเป็นเรื่องจริง ผมคงต้องถามเธอให้มันรู้ดำรู้แดงกันไป
“ไปก่อนนะคับแม่ หวัดดีคับ พ่อหวัดดีคับ” ผมบอกก่อนลาท่านทั้งสอง
“ดูแลตัวเองนะลูก แม่ฝากพายด้วยนะภีม” แม่ผมบอกด้วยความเป็นห่วงก่อนหันไปยิ้มให้ภีม
“ไว้ใจผมได้เลยคับแม่” ภีมทำหน้าภูมิใจสุดๆ
“หวัดดีคับคุณพ่อคุณแม่” ทุกคนบอกลาพ่อกับแม่ผมก่อนจะขึ้นรถกลับมาที่มหาวิทยาลัย
ระหว่างทางทุกคนแทบไม่ได้พูดอะไรกันเลยนอกจากนอนตลอดทาง ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเรามาพักผ่อน แต่ขากลับเรากลับหลับกันหมด
“แวะปั้มไหมคับ” ภีมถามขณะที่เห็นป้ายปี้มอยู่ไม่ไกล
“ไม่ต้องหรอก หลับกันหมดแล้ว แล้วภีมง่วงไหม พี่จะได้ปลุกไอ้กิตมาขับแทนก่อน” ผมถามเขาด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรคับ ผมไหว เดี๋ยวก็ถึงแล้ว” ภีมบอกพร้อมยิ้มให้ผม
“กินขนม แก้ง่วง” ผมป้อนขนมเข้าปากภีม
“พี่นี่น่ารักจริงๆ”
“อยู่ดีๆมาชม เขินนะ” ผมบอกเขาก่อนจะป้อนเขาไปอีกคำ
“ก็เวลาพี่ดูแลผมโคตรน่ารักเลย ผมจะอดใจไม่ไหวละเนี่ย” เขาทำเสียงอ้อนผม
“ทะลึ่ง ขับรถไปเลย กินขนมไปด้วย” ผมป้อนเขาไปสี่ห้าชิ้นจนเต็มปาก 5555
พอมาถึงมหาลัย ไอ้บอยกับไอ้ชายก็รีบแยกไป ส่วนไอ้กิตที่อยู่หอเดียวกันก็ทำเป็นหลบตาผมก่อนที่จะรีบขึ้นหอไป ไอ้นี้มีพิรุดอย่างปิดไม่มิด
“พี่กิตเป็นอะไรรึเปล่าคับ” ภีมถามผม
“น่าจะเพราะเจ้านั้น” ผมบอกพลางพยักพเยิดไปทางคนที่นั่งอยู่ที่ม้าหินอ่อนหน้าหอ ไอ้เชนนั้นเอง มันมองจนไอ้กิตหายลับไป แปลกปกติมันน่าจะเข้าไปคุยแล้ว
“หวัดดีคับพี่พาย” ไอ้เชนทักผม
“อืม มาหาไอ้กิต?” ผมถาม
“คับ”
“แล้วไม่เรียกมันละ”
“ผมแค่อยากคุยกันดีๆ แต่พี่กิตยังไม่พร้อมคุย ผมก็จะรออีกสักพัก” ไอ้เชนบอกเสียงนิ่ง
“เลิกเจ้าชู้ได้แล้วหรอ” ผมถามตรงๆ ไอ้เชนดูอึ้งไม่น้อยที่ผมถามแบบนี้
“พี่กิตเล่าให้ฟังหรอคับ”
“ใช่”
“ผมรักพี่กิตคับ แต่เรื่องเซ็กซ์ผมคิดว่ามันคนละเรื่องกัน” มันตอบนิ่งๆ แต่คำตอบทำผมงง
“หมายความว่าไง”
“ผมไม่เคยนอกใจพี่กิต ผมแค่นอกกาย มันเป็นแค่เซ็กซ์ ไม่ได้มีความรัก”
“มันก็เป็นคำแก้ตัวของคนที่ไม่รู้จักพอ” ผมสวนกลับในทันที มันอึ้งที่ผมโกรธใส่ ก็ผมโกรธแทนเพื่อนผมอะคับ ถ้าไอ้กิตมาได้ยินมันคงเสียใจน่าดู
“ผมก็ยังยืนยันว่าผมรักพี่กิต ผมไปละคับ” ไอ้เชนบอกก่อนเดินหนีไป ตรรกะอะไรของมันวะ ผมได้แต่ถอนหายใจ
“ผมรักพี่ และจะมีพี่แค่คนเดียวเท่านั้น” ขณะที่ผมกำลังจะเดินขึ้นหอ ภีมก็พูดขึ้นมา
“พี่ไว้ใจภีม แต่รู้ไว้นะ ถ้าวันไหนภีมผิดคำพูดพี่จะไม่ให้อภัย” ผมบอกเขาเสียงนิ่ง อาจจะเพราะผมอารมณ์เสียมาจากไอ้เชน แล้วเขาก็ดันพูดขึ้นมาพอดี
ครืด—ครืด ภีมกดรับโทรศัพท์
“คับ”
“พรุ่งนี้ผมจะเข้าบริษัทคับพี่”
“แล้วตอนเย็นผมจะพาแฟนไปที่บ้านนะคับ” เขาพูดพลางมองผม พร้อมรอยยิ้มที่ทำให้ผมสบายใจ ทำให้อารมณ์ครุกรุ่นเมื่อครู่ของผมหายไปเป็นปลิดทิ้ง
“คับ รับรองว่าน่ารักกว่าเมียพี่เยอะ 5555 หวัดดีคับ” แล้วก็วางสายไป ก่อนจะเดินมากอดผม
“พรุ่งนี้ไปบ้านผมนะคับ ไปกินข้าวกับที่บ้านผม”
“อืม” ผมตอบรับก่อนที่เราจะมีอะไรกัน ภีมคงอดกลั้นมาตั้งแต่ตอนอยู่บ้านผม เขามีอะไรกับไม่ต่ำกว่าสี่รอบ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็กลางดึก ผมถึงลุกไปอาบน้ำส่วนภีมก็หลับไปเรียบร้อยแล้ว
ผมออกมาริมระเบียงเพื่อรับลมหลังอาบน้ำเสร็จก็เจอเพื่อนตัวดียืนทำหน้าเครียดอยู่
“คิดว่าเป็นพระเอกเอ็มวีหรอ” ผมทักมัน
“กวนตีนกูซะดึกเลยนะ เอากับผัวเสร็จละดิ” มันว่า
“สาสสส มึงได้ยินหรอ” ผมถามด้วยความตกใจ
“ก็ไม่ แค่แซว 5555” ไอ้กิตมันทำหน้ากวนพร้อมหัวเราะเสียงดัง
“ชู่ๆๆๆ ภีมหลับแล้วเบาๆหน่อย” ผมรีบห้ามมัน
“อ่าวหรอ ดูท่าจะหลายยก” มันยังแซวไม่เลิก
“ปากดี ขอให้มึงโดนพี่กูบ้าง” ผมแซวโดนจุดอ่อนมันพอดี
“กูกับพี่มึงไม่มีอะไรกัน มึงเหอะพรุ้งนี้ไปเรียนมึงโดนแซวตายแน่”
“อะไรของมึง” ผมถาม
“รอยดูดหราขนาดนี้มาถาม อาบน้ำได้สังเกตเปล่าเนี่ย” ผมรีบเข้าห้องน้ำแล้วเปิดไฟเช็คในทันที รอยแดงเลย ทำไมตอนอาบน้ำเมื่อกี้ไม่เห็น แล้วผมก็เดินออกมาหาเพื่อนตัวดีที่ยืนยิ้มกวนบาทาผมอยู่
“เป็นไงชัดเจน 5555”
“หยุดเลยมึง ไปนอนไป กูไม่คุยด้วยแล้ว” ผมบอกก่อนจะเดินกลับเข้าห้อง
“ยืนเป็นเพื่อนกูก่อนดิ” มันบอกเสียงอ่อน ผมมองหน้ามันดูท่าทางจะคิดเรื่องอะไรที่หาทางออกไม่ได้แน่ๆ
“คิดเรื่องเชน?” ผมถามตามตรง
“ก็ใช่”
“ก็ใช่ แปลว่าไม่ได้คิดถึงไอ้เชนคนเดียว” ผมพูดพลางไม่มองหน้ามัน
“มึงนี้อ่านใจคนได้รึไง” มันถามน้ำเสียงแปลกใจ
“เรารู้จักกันมานาน ถ้ามึงไม่พูดกูก็ไม่มีทางรู้ แต่หลังๆนี่เห็นมีแต่ผู้ชายมาติดพันมึงกูเลยเดาเอา”
“เดาเก่งเหลือเกิน” มันแกล้งทำเสียงประชดผม
“กูยังเดาได้อีกว่ามึงกำลังคิดถึงพี่ชายกูด้วย” ผมบอกพลางยิ้มเข้าเล่ห์ใส่มัน
“มึง...” เถียงไม่ออกเลยคับ ไอ้กิตจนมุมแล้วเป็นแบบนี้ตลอด
“ไปชอบพี่ชายกูได้ไง” ผมถามมัน
“ไม่ได้ชอบ ยังไม่รู้ว่าชอบรึเปล่า แค่ไม่ได้รู้สึกแย่เหมือนเมื่อก่อน” มันบอกพร้อมทำหน้ากังวล
“เพราะตอนนี้เขาไม่ได้มายุ่งกับกูแบบนั้นละมั้ง”
“กูคิดเรื่องที่เขาทำกับมึง กูก็รับไม่ได้อยู่นะเว้ย”
“พี่พลเขารักกูมากเกินไป จากความหวงน้องกลายเป็นอยากครอบครอง ถ้าตอนนี้เขาเปลี่ยนไปได้ กูก็พร้อมจะให้อภัยเขานะ อย่างน้อยการสร้างความไว้ใจกันขึ้นมาใหม่ อาจจะทำให้กูไม่ต้องรู้สึกกลัวเขาอีก”
“มึงไม่ฝันร้ายแล้วหรอ” ไอ้กิตถามอย่างเป็นห่วง
“ตั้งแต่คบกับภีมกูก็ไม่ได้ฝันถึงเรื่องนั้นอีกแล้ว บางทีกูก็คิดว่าถ้าเรากลับมาเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิมได้ พ่อแม่กูคงดีใจ ยังไงมันก็เป็นหน้าที่ของคนเป็นลูกไม่ใช่หรอวะ ที่จะทำให้พ่อแม่สบายใจ”
“มึงรู้หรอ”
“รู้?”
“ก็รู้เรื่องที่พ่อแม่มึงรู้เรื่องที่พี่พลทำกับมึง” มันถามพร้อมทำหน้าตกใจ
“ก็พอเดาได้จากการที่กลับบ้านครั้งนี้ พ่อแม่กูอุตสาย้ายห้องกูเพื่อให้กูสบายใจ ดูก็รู้แล้วว่าพวกเขาคงรู้แล้ว”
“มึงนี้เดาเก่ง น่าจะไปเป็นหมอดู”
“อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง กูอยากจะให้มึงคิดให้ดีก่อนที่พี่ชายกูจะมาทำคะแนน อย่าพึ่งตัดสินใจกลับไปคบไอ้เชน” ผมบอกมันด้วยความหวังดีจากใจ เพราะตรรกะของไอ้เชน แม่งโคตรรับไม่ได้
“นี้มึงจะเชียร์พี่มึงหรอ”
“มึงเป็นพี่สะใภ้กูดีกว่า กูว่า”
“กูอาจจะเป็นพี่เขยมึงก็ได้” มันตอบกวนๆ
“ไม่มีทาง หุ่นอย่างมึงรุกพี่กูไหวก็บ้าแล้ว 555555”
“ไอ้เชี่ยพายดูถูกกูเกินไป”
“สบายใจขึ้นละดิ” ผมบอกพลางยิ้มให้มัน
“อืม ขอบใจ”
“ไปนอนไป พรุ่งนี้ต้องไปเรียนนะเว้ย” ผมบอกก่อนจะแยกย้ายกันไปนอน ผมนอนลงบนเตียงก็โดนภีมรวบตัวไปกอดในทันที
“ไปยืนคุยกับพี่กิตตั้งนาน ไม่ได้กอดพี่ผมนอนไม่หลับเลย” เขาบอกพลางจูบมาที่หน้าผากผม แล้วหลับไป
ตอนเช้าภีมมีเรียนเช้า และต้องเข้าบริษัท เขาเลยออกไปก่อน แต่ก่อนไปเขาก็เขียนโน้ตให้ผมว่าตอนเย็นจะมารับผมไปกินข้าวกับครอบครัวเขา พร้อมกับบอกให้ไอ้กิตช่วยมาดูแลผมด้วย!!!
ก๊อกๆๆๆๆ
“ผัวมึงนี้คิดว่ามึงเป็นเด็กสองขวบรึไง พอไม่อยู่ก็โทรมาปลุกกูแต่เช้าว่าฝากดูแลมึงหน่อย กูละเชื่อเขาเลย” ไอ้กิตที่เดินเข้ามาก็บ่นเลยคับ
“กูเห็นข้อความกูยังตกใจ” ผมว่า
“ไอ้โคตรเดือนมันหลงมึงเกินนนนนนนน”
“มั้ง ไปกินข้าวกันเหอะ” ผมบอกก่อนจะลากมันลงจากโซฟาไปหาอะไรกิน เพราะไอ้กิตมันเข้ามาก็ดันนอนฟุบลงที่โซฟาทันที
ครืด---ครืด ไอ้กิตมันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ก่อนจะมองผมเหมือนมีความลับบางอย่าง
“พี่กูหรือไอ้เชน” ผมถามขณะปิดประตูห้อง
“พี่มึง” มันตอยเสียงอ่อน
“งั้นกูไปรอที่รถ อยากคุยก็คุยกูไม่ได้ห้ามมึงนี่” ผมบอก ก่อนจะเดินออก ผมรอนานพอสมควร คุยกันนานขนาดนี้คงไม่ต้องถามแล้วละมั่งว่าชอบพี่ผมรึเปล่า
“รอนานเปล่าวะ โทษที” มันเดินมาหาผมที่นั่งรอหน้าหอด้วยท่าทางเขินๆ แมนๆอย่างมันมาทำท่าเขินไม่เข้าเลยจริงๆ
โป๊กกก ผมโบกหัวไอ้กิตไปที
“มึงตบกูไม”
“หมันไส้ โดนพี่กูดีดน้ำมันพรายใส่รึไง” ผมแซว
“ไอ้เชี่ยพายพูดบ้าไร ไม่มี!!!”
“หน้ามึงโคตรไม่มีเลย รีบไปขับรถเลย เดี๋ยวไปเรียนไม่ทัน” ผมบอกก่อนจะเข้าไปนั่งในรถ ระหว่างทางมันก็ทำหน้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว
“มึงทำหน้าเหมือนอะไรรู้ไหม” ผมพูดขึ้นมาเพราะเริ่มเลี่ยนกับท่าทีของมันละ
“อะไร”
“ก็เหมือนผู้หญิงที่ตกหลุมรักใหม่ๆไง มึงเอาวิญญาณผู้หญิงที่ไหนมาสิงมึงเนี่ย”
“ไอ้พายกูทำหน้าปกติเหอะ”
“ไอ้ซุย” ผมบอกก่อนจะลงจากรถเพราะถึงคณะพอดี
“หวัดดีค่ะพี่พาย พี่กิต” หวานทักผม เธอดูจะมานั่งรออยู่กับไอ้ชาย และไอ้บอย
“คับ” ผมบอกก่อนจะเดินนำทุกคนเข้าห้องเรียน โดยมีหวานตามมาด้วย
“นี้หวานไม่มีเรียนหรอ” ไอ้กิตถาม
“ไม่มีคะ หวานว่างตอนบ่าย เลยมานั่งเรียนกับพี่ชาย” หวานบอกพลางคล้องแขนไอ้ชายเอาไว้ แล้ววันนี้มันจะเรียนรู้เรื่องไหมเนี่ย หวานดูเกาะแกะตลอดเวลาขนาดนี้
พอเรียนเสร็จผมก็ออกมานั่งรอภีมที่มาหินหน้าคณะ โดยมีพวกไอ้กิตนั่งเป็นเพื่อน ผมบอกให้มันกลับก่อนก็ไม่ไป ไอ้บอยไอ้ชาย และหวานเลยต้องอยู่ด้วย
“โคตรเดือนมันฝากมึงไว้กับกู กูก็ต้องแลมึงจนกว่ามันจะมารับดิวะ” ไอ้กิตบอก
“มึงมีเหตุผลอะไรมากกว่านี้แน่ ปกติถ้ามึงตื่นเช้าแบบที่มึงว่ามาวันนี้จริง ปานนี้มึงต้องกลับไปนอนแล้ว ไม่มานั่งกับกูแบบนี้หรอก” ผมบอกพลางทำท่าจับผิด
“ไอ้พายกู...”
“มึงนี้รู้ทันทันจริงๆ 55555 สุดยอด” ไอ้บอยพูดขัดไอ้กิต
“ว่าแต่ไอ้ชายมึงไม่ไปกับน้องหวานรึไง ให้น้องเขามานั่งรอเป็นเพื่อนกูทำไม” ผมถามด้วยความสงสัย
“หวานว่างนั่งรอเป็นเพื่อนพี่พายได้คะ” เธอบอกพลางยิ่มใสๆแบบจริงใจให้ผม ผมละสงสัยจริงๆว่าเธอเป็นคนยังไงกันแน่
“เดี๋ยวหวานขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ” เธอบอกก่อนจะเดินไป ผมที่หาโอกาสคุยกับเธออยู่จึงรีบของตัวเข้าห้องน้ำตามเธอไปในทันที
“หวาน เดี๋ยวก่อน” ผมเรียกเธอก่อนที่เธอจะเข้าห้องน้ำไป
“มีอะไรค่ะพี่พาย” เธอถามหน้าซื่อ
“วันนั้นเธอทำอะไรพี่” ผมถาม
“วั้นนั้น? วั้นไหนค่ะ หวานยังไม่เคยทอะไรพี่เลยนะคะ” เธอตอบพร้อมทำหน้าไม่รู้เรื่อง แต่คิดว่าจะปิดผมมิดหรอ ยัยเด็กนี่
“เธอฉีดอะไรให้พี่ บอกมา” ผมถามเสียงนิ่ง ให้ดูน่ากลัว่ขึ้น
“5555 พี่พายพูดอะไรค่ะเนี่ย หวานจะไปทำอะไรพี่แบบนั้นได้ค่ะ ตลกจังเลย” เธอทำหัวเราะเหมือนผมเล่าเรื่องตลกให้เธอฟังซะอย่างนั้น ก่อนที่จะเดินเข้าห้องน้ำไป แต่ก่อนประตูจะปิดลงเธอได้พูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมงงมากขึ้นไปอีก
“รออีกสักปี ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป” สิ้นคำของเธอผมก็ได้แต่ยืนอึ้งไป เพราะผมไม่รู้ว่าคำพูดนั้นหมายความว่ายังไง ผมกลับมาถึงโต๊ะม้าหินอ่อนก็เจอภีมนั่งรออยู่แล้วคับ เขายิ้มให้ผมเป็นการทักทายก่อนเดินมากอดผมเข้าเต็มรัก
“คิดถึงจังเลยคับ” ภีมกระซิบข้างหูผม
“เหมือนกัน ไปกันเถอะ” ผมบอกเขาก่อนที่จะเดินไปที่รถด้วยกัน
“ผัวมาละทิ้งเพื่อนเลยนะ” ไอ้กิตแซว
“ไอ้กิตเดี๋ยวโดนกูตบกะบาลแน่” ผมคาดโทษมันก่อนจะเข้าไปนั่งในรถ
“เป็นไงบ้างคับวันนี้” ภีมถามผม
“ก็ดีคับ เรียนสนุกดี ภีมละคับ เมื่อเช้าออกไปได้กินอะรึเปล่า” ผมถามเขาด้วยความเป็นห่วง
“กินคับ ขนมปังกับโอวัลตินเซเว่น” เขาบอกยิ้มๆ
“อิ่มหรอ น่าจะปลุกพี่ จะได้ทำอะไรที่มันอิ่มๆให้กินก่อนไปเรียน”
“ผมทำพี่เหนื่อยทั้งคืนกว่าจะได้นอน ผมเลยอยากให้พี่พักมากกว่า”
“แต่พี่ทำได้นะ”
“ขอบคุณคับ” เขาบอกก่อนใช้มือที่ว่างมากุมมือผมไว้ขณะขับรถ
“จะว่าไปพี่ก็ตื่นเต้นนะที่ต้องไปบ้านภีมวันนี้”
“ไม่ต้องกังวลหรอกคับ พ่อแม่ แล้วก็พี่ผมเป็นคนใจดี” เขาบอกพลางบีบมือผมเพื่อให้ความมั่นใจ มันช่วยให้ผมสบายใจขึ้นเยอะเลย
“ผมไม่ไปส่งเมื่อเช้ามีคนมาจีบบ้างเปล่า” เขาเปลี่ยนจากจับมือมาลูบมือผมเล่น
“ไม่มีคับ หายห่วง” ผมยิ้มให้เขา
“หวงพี่จัง เรียนจบแล้วผมจะไปสู่ขอนะ” เขาพูดทีเล่นทีจริงกับผม พร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์
“ได้ เดี๋ยวพี่บอกพ่อแม่ให้เตรียมตัวไว้ก่อน” ผมยิ้มตอบเขา
ภีมขับรถเลี้ยวเข้ามาในบ้านของเขาก็ เป็นบ้านที่ใหญ่โตสมกับเป็นตระกูลที่ร่ำรวยอันดับต้นๆของประเทศจริง กว่ารถจะขับไปถึงตัวบ้าน ผ่านสวนที่ทอดยาวไปไกลลิบ บ้านเขากว้างขนาดไหนกันเนี่ย พอรถจอดก็มีคนรับใช้ผู้ชาย และผู้หญิงมายืนตอนรับยังกับในหนัง ภีมจอดรถก่อนเดินมาเปิดประตูให้ผม ผมเดินลงอย่างขัดเขินไม่น้อย
“สวัสดีคะนายน้อย คุณท่านกับคุณหญิงรออยู่แล้วคะ” คุณป้าที่ยืนรอตอนรับมาบอกภีมขณะที่เรากำลังเดินขึ้นบันไดเข้าบ้าน
“คับป้าน้อย” ภีมบอกคุณป้าคนนั้นก่อนจะพาผมเข้ามาในบ้านผ่านห้องโถงทรงกลมที่มีโต๊ะกับแจกันดอกไม้ขนาดใหญ่วางไว้ตรงกลาง ก่อนจะเปิดประตูเข้ามาในสวนห้องรับแขกขนาดใหญ่ที่มีคุณพ่อกับคุณแม่ของภีมนั่งอยู่
“นี่คุณพ่อกับคุณแม่ผมคับ” ภีมแนะนำท่านทั้งสองกับผม
“สวัสดีคับคุณพ่อ คุณแม่” ผมไหว้ท่านทั้งสอง
“สวัสดีจ๊ะหนูพาย น่ารักอย่างที่ภีมบอกจริงๆ” คุณแม่ภีมชมผมก่อนจะยิ้มให้อย่างอบอุ่น
“ส่วนนั้นพี่ชายผมคับพี่ภีมะ” ภีมแนะนำพี่ชายเขา ดูหน้าตาดี แต่ถ้าเทียบจริงๆภีมยังคงหล่อกว่ามาก
“สวัสดีคับพี่ภีมะ”
“เรียกพี่ว่าพี่ภีเหมือนเจ้าภีมก็ได้” พี่ภีก็ดูเป็นมิตรกับผมเหมือนกัน
“มานั่งข้างๆแม่หน่อยสิจ๊ะ” คุณแม่ของภีมบอกผม ผมเลยขยับไปนั่งข้างท่าน
“สวย น่ารัก ไม่แปลกใจที่ภีมจะชอบหนูขนาดนี้” แม่จับคางผมดูหน้าอย่างเชยชม
“ขอบคุณคับคุณแม่”
“ฝากดูแลเด็กดื่ออย่างภีมด้วยนะลูก ตั้งแต่แม่เลี้ยงภีมมาดูจะมีแค่หนูพายคนเดียวที่เอามันอยู่” คุณแม่ยังคงยิ้มให้ผมอย่างอบอุ่น
“คุณหญิงคะ ตั้งโต๊ะเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ” ป้าน้อยเข้ามาบอกอย่างนอบน้อม
“ขอบใจจ๊ะแม่น้อย เราไปที่โต๊ะอาหารกันเถอะ” คุณแม่บอกก่อนจะจูงมือผมไปที่ห้องอาหารโดยมีคุณพ่อ พี่ภี และภีมเดินตามมา
“นั่งข้างแม่นะจ๊ะ เราจะได้คุยกันด้วย” ผมนั่งลงข้างท่าน อาหารเต็มโต๊ะไปหมด ส่วนใหญ่เป็นอาหารไทยที่ดูน่ากินทั้งนั้น
“ชอบอาหารไทยไหมหนูพาย” คุณพ่อถามผม
“ชอบมากคับ” ผมตอบพร้อมยิ้มให้ท่าน
“เห็นเจ้าภีมบอกว่าหนูพายทำอาหารเป็นด้วยใช่ไหมจ๊ะ” คุณแม่ท่านถามผมระหว่างที่ภีมตักอาหารมาใส่ในจานผม
“ใช่คับ พอดีคุณย่าท่านเคยสอนให้ตั้งแต่ผมเป็นเด็กคับ”
“แม่ก็ชอบทำอาหารไทยเหมือนกัน วันหลังหนูพายมาทำอาหารเป็นเพื่อนแม่ได้ไหมจ๊ะ”
“ได้คับ คุณแม่กับคุณพ่อชอบทานอะไรหรอคับ”
“แม่ชอบทานแสร้งว่ากุ้งลูก ส่วนคุณพ่อหน่ะชอบหมูโสร่ง เคยได้ยินไหมจ๊ะ”
“คุณย่าเคยสอนผมทำอยู่คับ ไว้วันหลังผมทำให้ทานนะคับ”
“จริงหรอจ๊ะ ดีจังที่มีเด็กที่รู้วิธีทำอาหารโบราณแบบนี้อยู่” ท่านมองผมอย่างชื่นชมก่อนจะถามเกี่ยวกับครอบครัวผมบ้าง ชีวิตผมบ้างไปเรื่อย จนทานอาหารเสร็จ คุณแม่ก็ชวนผมไปนั่งที่ศาลาในสวน โดยมีภีมเดินตามมาอย่างเงียบๆ พร้อมกับให้ลองชิมบุหลันดั้นเมฆที่ท่านทำเอง
“หนูพายเคยกินไหม ขนมนี้เดี๋ยวนี้หาทานยากเหลือเกิน ดีที่คุณแม่ของแม่ทานสอนให้ตั้งแต่แม่เด็กๆ” คุณแม่บอกก่อนจะตักใส่จานให้ผมชิมชิ้นหนึ่ง
“เคยกินครั้งเดียวตอนเด็กๆคับ คุณย่าท่านทำให้กิน ขนมนี้เรียกว่า บุหลันดั้นเมฆ ใช่ไหมคับ”
“ใช่จ๊ะ” ท่านตอบพลางยิ้มให้ผมอย่างชื่นชม
“ผมชอบชื่อมากเลยคับ บุหลันดั้นเมฆ คุณย่าเคยเล่าให้ฟังว่า ขนมนี้คิดค้นมาจากบทเพลงพระราชนิพนธ์ "บุหลันลอยเลื่อน" ในรัชกาลที่ 2 โดยสีเหลือตรงกลางคือบุหลัน แทนดวงจันทร์ ส่วนสีฟ้าครามรอบๆคือท้องฟ้ายามค่ำคืน แต่ถ้าเปลี่ยนจากไข่แดงตรงกลางเป็นทองหยอดจะเรียกว่า บุหลันดั้นหมอก ใช่ไหมคับ”
“ใช่จ๊ะ ทั้งสวย และยังฉลาดเฉลียว เจ้าภีมคนนี้แม่ชอบ อย่าให้หลุดมือไปเชียวละ” คุณแม่บอกภีมพลางทำหน้าจริงจังกำชับอย่างดิบดี ผมได้แต่นั่งยิ้มเขินๆ
“ไม่มีวันปล่อยหลุดมือแน่นอนคับแม่” ภีมบอก ก่อนที่เราจะนั้งกินบุหลันดั้นเมฆกันจนหมด ผมถึงได้ลาคุณพ่อคุณแม่กลับหอ
“ไว้มาอีกนะจ๊ะหนูพาย” คุณแม่บอกผมพร้อมรอยยิ้มความใจดีที่ท่านมอบให้
“คับคุณแม่ สวัสดีคับ คุณพ่อสวัสดีคับ พี่ภีสวัสดีคับ” ผมกล่าวลาทุกคนก่อนจะขึ้นรถกลับหอมากับภีม
“แม่ผมท่านชอบพี่มากเลยนะ ผมว่าแล้วว่าใครๆที่รู้จักพี่ก็ต้องชอบพี่กันทั้งนั้น” ภีมบอกขณะกุมมือผมไปด้วย ผมยิ้มตอบเขา เพราะผมก็ดีใจไม่น้อยที่ท่านชอบผมเหมือนกัน
ถึงตอนนี้ทุกอย่างในชีวิตผมจะดูมีความสุข แต่อนาคตที่กำลังจะถึงกลับทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่าทำไมผมไม่ตักตวงความสุขที่ได้อยู่ให้มากกว่านี่ เพราะอนาคตที่จะถึงนั้น ผมเหลือแต่ความโหยหาเขาเท่านั้น....
TBC...