เอื้องผึ้งแจ้งเรื่องทุกอย่างและภารกิจใหม่ให้แก่พี่ๆทุกคนทราบ แน่นอนว่าทุกคนมีแต่คำคัดค้าน แต่ก็แค่ในตอนแรกเท่านั้น เพราะสุดท้ายเอื้องผึ้งก็อาศัยลูกดื้อผสมลูกอ้อนเอาชนะคำคัดค้านทั้งหมดมาได้ แต่ก็ไม่วายที่ทุกคนจะเจ้ากี้เจ้าการแสดงความเป็นห่วงจนออกนอกหน้า ทั้งบังคับให้เขาติดเครื่องดักฟังที่ตัวเองแล้วส่งสัญญาณให้พี่ๆทราบตลอดเวลา ทั้งการเตรียมความพร้อมที่ต้องผ่านการเทสต์จากพี่ๆเสียก่อน และยังอื่นๆอีกมากมายที่เอื้องผึ้งเหนื่อยจะสาธยายและจดจำข้อกำหนดทั้งหมด เพื่อให้ผ่านการอนุญาตในการทำภารกิจในครั้งนี้
เอื้องผึ้งมีเวลาหนึ่งอาทิตย์ก่อนจะเริ่มงานจริง ซึ่งนั่นถือเป็นช่วงหฤโหดยิ่งกว่าการฝึกรด.เสียอีก ซันเซ็ตรับหน้าที่เป็นคนจัดการเรื่องเสื้อผ้าหน้าผม นมปลอม ท้องปลอมและไฝปลอมให้
ส่วนเตยหอมเป็นคนช่วยฝึกฝีมือด้านการทำอาหารให้เอื้องผึ้ง เด็กหนุ่มต้องเรียนรู้วิธีการทำอาหารทั้งคาวหวาน อาหารเอเชียและขนมจากต่างประเทศ โชคดีที่เอื้องผึ้งเองพอมีเซนส์ด้านรสอาหารอยู่บ้างเพราะเคยทำอาหารง่ายๆทานเองมาก่อน ด่านนี้เลยไม่ค่อยเป็นอุปสรรคซักเท่าไหร่
ส่วนเรื่องสำคัญอย่างการทำงานบ้าน จัดดอกไม้ เทคนิคการซักผ้าและอื่นๆที่ตำแหน่งแม่บ้านสมควรเรียนรู้ก็เป็นหน้าที่ของดอกรัก ซึ่งนี่ก็เป็นอีกด่านที่เอื้องผึ้งยอมรับว่ามันหนักหนาเอาการอยู่พอสมควร เพราะรายละเอียดการทำงานบ้านเช่นการซักผ้า เพราะการจำวิธีขจัดคราบต่างๆบนเสื้อผ้านี่ มันช่างหนักหนายิ่งกว่าการท่องจำตารางธาตุเสียอีก
ส่วนฉัตรฟ้าก็เป็นคนที่คอยตัดสินว่าเอื้องผึ้งผ่านการเตรียมตัวในแต่ละด่านอย่างสมบูรณ์แบบเพอร์เฟคร้อยเปอเซนต์หรือไม่
นอกจากนี้แล้ว บริษัท Forever Love Wedding Studio ก็ยังได้ต้อนรับแขกแปลกหน้าอีกหนึ่งหนุ่มที่มาร่วมเรียนรู้ภารกิจเตรียมตัวต่างๆกับเอื้องผึ้งด้วย แน่นอนว่าเขาคือร้อยตำรวจเอกวายุ
ชายหนุ่มถูกแนะนำตัวให้ทุกคนรู้จักอย่างเป็นทางการในวันรุ่งขึ้นหลังจากที่ทั้งคู่ได้รับภารกิจ แน่นอนว่าสี่หนุ่มที่เหลือแห่งบริษัทรับจัดงานแต่งมีอาการไม่ไว้วางใจและไม่ค่อยเป็นมิตรกับวายุซักเท่าไหร่ ไม่สิ...ต้องบอกว่าทั้งห้าหนุ่มมากกว่า เพราะเอื้องผึ้งเป็นอีกคนที่ไม่ไว้วางใจและเกลียดขี้หน้าวายุอย่างกับอะไรดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเอื้องผึ้งไม่รู้ว่าวายุไปใช้มนต์มหาเสน่ห์ของสำนักไหนมาพรมใส่พวกพี่ๆของเขา เพราะหลังจากนั้นไม่กี่วัน วายุก็เนียนทำตัวเป็นหนึ่งในสมาชิกของบริษัทเขาไปได้เรียบร้อยโรงเรียนนายตำรวจวายุ พี่ๆทั้งสี่คนมีอาการเปลี่ยนไป ทั้งเข้าข้างและไว้ใจนายวายุขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ วันสุดท้ายก่อนที่เขาจะลงมือเริ่มทำภารกิจ พี่ฉัตรและพี่ซันมีการจัดพิธีอวยชัยให้พร ส่วนเตยหอมและดอกรักก็มีการผูกข้อไม้ข้อมือแถมให้ตะกรุดอย่างดียัดใส่ฝ่ามือเขาและนายตำรวจวายุมาคนละอันอีกต่างหาก นี่ถ้ามีการส่งตัวเข้าหอด้วยก็จะครบสูตรบริบูรณ์งานแต่งเลยทีเดียว...
คิดบ้าอะไรของแกวะไอ้ผึ้ง!! นี่มันงานเว้ยงาน...ท่องไว้ๆ ทำงานๆ...ไม่ใช่งานแต่ง...ไม่ใช่ๆ
เอื้องผึ้งเอามือทุบหัวตัวเองจนเตยหอมที่นั่งรถมาข้างกันหันมองเขาแปลกๆ เด็กหนุ่มหันไปยิ้มแหยๆให้ก่อนจะกลับมานั่งเจี๋ยมเจี้ยมตามเดิม
วันนี้คือวันที่เขากับนายคุณตำรวจนั่นวางแผนจะเข้าไปสมัครงานที่บ้านนั้นด้วยกัน เขาต้องตื่นมาแต่งหน้าแต่งตัวตั้งแต่เช้า เมื่อคืนก็นอนไม่พอเพราะโดนซันเซ็ตซ้อมทวนขั้นตอนการปลอมตัวจนถึงตีสาม ให้ตายเถอะ! นี่วันเวรกรรมอะไรของเขาเนี่ย...
ฉัตรฟ้าเป็นคนขับรถพาทุกคนในบริษัทมาส่งเอื้องผึ้งตรงจุดนัดพบที่บริเวณซอยถัดจากบ้านเป้าหมายมาหนึ่งซอย โดยที่ใต้ต้นมะพร้าวตรงข้ามร้านชำ มีร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อยืดมอซอกับกางเกงยีนส์ขาดๆเก่าๆยืนเต๊ะจุ๊ยอยู่ข้างรถบิ๊กไบค์คันที่เอื้องผึ้งเคยซ้อน ดูท่าทางมันช่างขัดกันอย่างน่าสงสัยเป็นที่สุด แต่ดีนะที่คนที่อยู่รายรอบตอนนี้ส่วนใหญ่มีแต่สายตำรวจ ทั้งพ่อค้าขายฝรั่งดอง คนกวาดถนน หรือแม้แต่คนที่นั่งดื่มกาแฟโบราณอยู่ในร้านของชำกึ่งร้านอาหารเช้านั่นก็ใช่
“คุณวายุ มานานแล้วเหรอครับ...” ฉัตรฟ้าที่ลงมาจากรถก่อน เอ่ยปากทักทายชายหนุ่มร่างสูง ซึ่งเขาเริ่มคุ้นเคยเพราะเจอที่บริษัทแทบทุกวันในระยะหลังอย่างสนิทสนม
“ไม่หรอกครับ ผมก็เพิ่งมา...” คนพูดเอ่ยปากตอบฉัตรฟ้า แต่สายตานั้นมองเลยเข้าไปในรถ ซึ่งแน่นอนว่าคู่สนทนาก็จับสังเกตอาการนั้นได้เป็นอย่างดี ก็เลยเอ่ยทักประโยคต่อมาอย่างรู้ใจ
“...ปล่อยให้คุณเมียเขาได้ท้องซักพักหนึ่งเถอะครับ เดี๋ยวท้องเบี้ยวขึ้นมานี่อันตรายนะ...” คนพูดเอ่ยจบก็หลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อย วายุหันมองคนพูดแล้วเอามือเกาท้ายทอยแก้เขิน ปกปิดอาการอายที่ถูกรู้ทันว่าเขานั้นกำลังรอคอยการมาของผู้ร่วมภารกิจอย่างใจจดใจจ่อ
“เอ่อ...แล้วอุปกรณ์...” วายุทำเป็นเสเปลี่ยนเรื่อง ถามหาอุปกรณ์ที่เขาต้องถือเอาติดตัวเข้าไปในบ้าน ซึ่งฉัตรฟ้ายังส่งสายตารู้ทันให้เขาอยู่ดีแต่ก็หันไปกวักมือเรียกเตยหอมและดอกรักให้ขนของลงมาให้
ซึ่งสองหนุ่มต่อมาที่ลงจากรถมีกระเป๋าเป้สีดำเก่าๆพร้อมกระเป๋าเดินทางทำด้วยผ้าสองใบหิ้วติดมือมาให้ แต่ดูเหมือนกระเป๋าเดินทางทั้งสองใบนั้นจะค่อนข้างหนักอยู่พอสมควร วายุเลยเห็นทั้งเตยหอมและดอกรักช่วยกันหิ้วมาด้วยกัน
“เสื้อผ้าแล้วก็อุปกรณ์ปลอมตัวต่างๆอยู่ในกระเป๋าเป้นี้นะครับ ส่วนกระเป๋าสองใบนี้ เป็นอุปกรณ์ต่างๆของเจ้าผึ้งมัน พวกผมเอาพวกผ้าขาวม้าแล้วก็ผ้าถุงคลุมๆข้างนอกเอาไว้ ถ้าเขาค้นแบบผ่านๆรับรองว่าไม่มีทางเห็น...” ฉัตรฟ้าเอ่ยอธิบายระหว่างที่เห็นวายุลองยกถือกระเป๋าทั้งหมดแล้วทำหน้ายุ่ง
“มันมีพวกคอมพิวเตอร์แล้วก็อุปกรณ์กล้องวงจรปิดอะไรพวกนี้ของเขาน่ะครับ พวกผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้ของเขานักหรอก ก็ช่วยเขาเท่าที่ทำได้...” เตยหอมอธิบายเพิ่มเติม นัยน์ตาฉายแววกังวลปิดไม่มิด ซึ่งวายุก็รับรู้ถึงความเป็นห่วงของพี่น้องร่วมบริษัทนี้ได้ดีตั้งแต่ที่ได้แอบเข้าไปตีสนิทกับทุกคนเป็นที่เรียบร้อย ชายหนุ่มจึงเอากระเป๋าเป้ขึ้นพาดบ่า หิ้วกระเป๋าเดินทางสองใบไว้ได้ในมือเดียว ก่อนจะส่งยิ้มมั่นใจให้กับทั้งสามคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา
“อย่างที่ผมเคยบอกพวกคุณไว้...ไม่ต้องเป็นห่วง ถึงผมกับเขาจะเพิ่งเจอกันได้ไม่นาน แต่รับรองว่าผมจะปกป้องและดูแลเขาอย่างดีที่สุด ทั้งในฐานะตำรวจและเพื่อนมนุษย์ด้วยกันพึงกระทำ”
“มากกว่านั้นก็ไม่มีใครว่าหรอกนะครับ...แต่เอาเถอะ ยังไงก็ฝากเจ้าผึ้งเขาด้วยนะครับ ถึงจะปากไวไปหน่อย แต่ก็เป็นคนดี พวกผมคิดหนักมากนะครับที่ปล่อยให้เขามาทำงานนี้ แต่เพราะผู้กองยอมรับปากว่าจะดูแลให้อย่างดีพวกเราเลยยอมให้มา...แต่อย่างที่บอก เรามีเวลาให้ผึ้งทำงานนี้ได้แค่เดือนเดียว เกินจากนั้นเราจะมารับน้องเรากลับทันทีนะครับ...” ดอกรักกำชับซ้ำอีกครั้ง จนเมื่อได้เห็นวายุพยักหน้ารับคำหนักแน่นจึงค่อยวางใจลงได้บ้าง
ระหว่างนั้นทั้งสามคนยังมีการฝากฝังเอื้องผึ้งอยู่อีกหลายประโยค จนเมื่อมีเสียงบานประตูรถตู้ที่จอดนิ่งอยู่ดังขึ้น ทุกคู่สายตาจึงจดจ่อไปที่ผู้มาใหม่ซึ่งกำลังลงมาจากรถ
คนที่ลงมาก่อนเป็นซันเซ็ต ในมือยังถือตลับแป้งและหวีสางผมเอาไว้ ชายหนุ่มลงมายืนที่พื้นเรียบร้อยก็ส่งมือให้คนในรถได้จับเพื่อช่วยประคองตัวเองลงมา ร่างน้อยดูอุ้ยอ้ายขึ้นมานิดๆ เมื่อตอนนี้เจ้าตัวอยู่ในชุดคลุมท้องสีฟ้าหม่น และแน่นอนว่าบริเวณท้องมีกองผ้าที่ซันเซ็ตเย็บให้คล้ายถุงปลอกหมอนเพื่อให้สะดวกในการถอดและใส่เพียงแค่รูดซิปด้านหลังติดอยู่ เขาทำแค่ให้พอดูนูนๆเหมือนคุณแม่ที่มีอายุครรภ์ประมาณสี่ห้าเดือนเท่านั้น ผิวขาวๆของเอื้องผึ้งถูกทาด้วยครีมกันแดดผสมครีมรองพื้นเบอร์ผิด เพื่อให้ได้สีผิวที่คล้ำกว่าความเป็นจริง ที่สำคัญเพื่อให้ความสวยสดงดงามยามแต่งหญิงของเอื้องผึ้งไม่ไปเตะตาคนในบ้านเป้าหมายมากนัก ไฝเม็ดเบ่อเริ่มจึงถูกนำมาติดเพิ่มที่ข้างแก้ม ทำให้เอื้องผึ้งในตอนนี้แลดูเป็นสาวบ้านนอกท่าทางจนๆ เมื่อบวกกับผมยาวจากวิกและการแสดงขั้นเทพที่เจ้าตัวถนัด ก็ทำให้วายุลืมเจ้าผึ้งคนเก่าที่เคยเห็นทั้งตอนแรกที่ปลอมเป็นเด็กโคโยตี้ คนคุมเครื่องเสียงงานแต่งงาน และเจ้าผึ้งที่เคยซ้อมด้วยกันเมื่อสี่ห้าวันก่อนไปเลย
“อึ้งเลยล่ะสิผู้กอง...เอาเมียมาให้ อ่ะ...ประคองดีๆนะเมียท้องอยู่ เดี๋ยวลูกหลุด” ซันเซ็ตยังไม่วายตบท้ายด้วยมุขแซวเอาขำ แต่กระนั้นมุขเขาก็ไม่ขำเท่าใบหน้าคุณตำรวจที่นิ่งอึ้ง มองหน้าเอื้องผึ้งได้แบบเหวอมาก ดวงตาคมหลุบลงสำรวจร่างรุ่นน้องเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วไปจบที่ท้องป่องๆที่เจ้าตัวกำลังยกมือประคองเอาไว้ข้าง ส่วนอีกข้างก็ยกประคองเอวตัวเอง
...มันน่าส่งเข้าวงการจริงๆ สวมจิตวิญญาณเสียเหมือนเป๊ะ นี่ขนาดยังไม่ทันได้เริ่มงานเลยนะเนี่ย...
“นี่ไอ้ผัวเฮงซวย...จะยืนมองอีกนานมั้ยเนี่ย ฮ๊ะ...ทำไมยังไม่เข้ามาประคองอีก เกิดหกล้มหกลุกไปจะว่ายังไง...มีผัวผิดนี่คิดจนตัวตายจริงๆเล้ยอีผึ้ง!!”
ทว่าประโยคแรกที่ออกมาจากปากของคนเจ้าบทบาทกลับทำให้คนรอบข้างสะดุ้งเฮื้อกสุดตัวกันเป็นแถว พ่อเจ้าประคุณเล่นเลียนแบบคำพูดแม่ค้าปากตลาดมาอย่างกับเคยมีประสบการณ์มาก่อน ขนาดคนที่เคยซ้อมรับบทเป็น ‘ผัว’ มาก่อนยังเผลอออกอาการเหวอแตกกับการเล่นเสียสมจริงของเจ้าตัวเลย แล้วแบบนี้มันจะไม่เผลอหลุดพิรุธให้คนเขาจับได้ว่าเป็นสามีภรรยากำมะลอกันหรือ
“เอ่อะ...เอ้อ จ้า...เมียจ๋า ผัวขอโทษนะ เอ้าเดินๆดีสิเดี๋ยวกระเทือนลูกในท้อง ผัวเสกเด็กเข้าไปใหม่ก็ไม่ได้คนเดิมแล้วนะจ๊ะเมียจ๋า โอ๋...” คนพูดรีบกลับเข้าสวมบทบาท ‘ผัว’ ที่ตัวเองต้องรับผิดชอบทันควันเหมือนกัน ชายหนุ่มพูดพลางรีบเดินเข้าไปประคองร่างเอื้องผึ้ง ทำประจบแล้วลูบมือไปมาบนหน้าท้องนูนน้อยๆของเด็กหนุ่มอย่างคนเป็นผัวที่ดีอกดีใจเพราะเมียท้อง
ตายๆ...ใครจะคิดว่าผู้กองวายุเองก็ใช่ย่อย เล่นเข้าถึงบทบาทเข้าขากับเจ้าผึ้งมันเนียนกริบเสียขนาดนี้ ซันเซ็ตเหลือบมองฉัตรฟ้าและน้องๆ ก็เจอสายตาออกแนวเกือบปลงในแบบเดียวกัน...
“ก็ดีแล้วล่ะ เป็นอย่างนี้จะได้มั่นใจหน่อยว่าสองคนนี้จะเล่นละครตบตาพวกมันได้สนิท” ดอกรักหันไปมองสมาชิกที่เหลือ
ไม่ต้องร่ำลาพูดพร่ำทำเพลงให้มากความ เอื้องผึ้งหันมามองสบตากับทุกคนแล้วส่งสายตาประมาณว่า...เขาจะเริ่มทำงานแล้วนะ ฝากที่เหลือด้วย...ซึ่งทั้งสี่หนุ่มที่เหลือแห่งบริษัท Forever Love ก็เข้าใจ เลยได้แต่พากันโบกมือลาน้อยๆแล้วเดินกลับเข้าไปประจำที่นั่งในรถเพื่อเตรียมแยกย้ายกลับถิ่นฐาน ทว่ายังไม่ทันที่ฉัตรฟ้าจะได้ถอยรถกลับ ก็มีรถสัญชาติยุโรปสีเทาดำขับเข้ามาจ่อท้าย จนทำให้เขาถอยรถกลับออกไปไม่ได้ พอชะโงกหน้าออกไปตั้งใจจะด่า ก็พบใบหน้าหล่อคมที่ทำให้สาวแท้สาวเทียมหลงกันหัวปักหัวปำโผล่ออกมาจากที่นั่งคนขับ แล้วตามด้วยรูปร่างสูงใหญ่ในชุดลำลองที่ก้าวขาลงมาจากรถด้วยท่าทางเร่งรีบ
“คุณเต้...” ฉัตรฟ้าพึมพำ น้องๆเพื่อนๆอีกสามคนที่นั่งมาด้วยกันเลยจ่อหน้ามามองเจ้าของชื่อกันใหญ่ แต่กระนั้นคนชื่อเต้ผู้มาใหม่กลับเดินผ่านรถของฉัตรฟ้า ตรงแน่วไปที่เอื้องผึ้งซึ่งมีผู้กองวายุประคองอยู่บริเวณเลยต้นมะพร้าวไปหน่อยนั่นแทน ฉัตรฟ้าก็เกาหัวแกรกเพราะไม่คิดมาก่อนว่าจะได้มาเจอรุ่นพี่ของรุ่นน้องตัวเองเอาที่นี่
ส่วนนาวาอากาศเอกทินภัทร์ซึ่งรีบบึ่งรถออกมาจากบ้านทันทีที่ได้ทราบจากบิดา ว่ารุ่นน้องกำลังจะเริ่มภารกิจใหญ่วันนี้ก็ตรงเข้าไปหาเอื้องผึ้งทันทีแบบไม่มีอาการลังเล การปลอมตัวของเอื้องผึ้งถูกมองออกได้ไม่ยากเพราะเขาจำวิกอันนั้นที่เจ้าตัวใช้ประจำได้ หนุ่มนักบินร่างใหญ่จึงคว้ามือเอื้องผึ้งที่ถูกประคองโดยวายุก่อนหน้านี้มาจับแล้วพร่ำคำพูดราวก๊อกแตกออกมาทันทีไม่มีการทักทาย
“ผึ้ง...พอพี่รู้จากพ่อว่าผึ้งจะเข้าไปบ้านนั้นวันนี้พี่ก็รีบมาเลย ระวังตัวขั้นสูงสุดเลยนะผึ้ง เอาโทรศัพท์ติดตัวเข้าไปรึเปล่า ช่วงนี้พี่พักอยู่ ถ้ามีอะไรรีบโทรบอกพี่ได้ยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยเข้าใจรึเปล่า ห้ามทำอะไรเสี่ยงๆ แล้วก็ห้ามทำอะไรเกินกำลังของตัวเอง แล้วก็ห้าม...”
“มะ...หม่อมพ่อ หยุดก่อนเถิดขอรับ กระผมจดจำสิ่งที่หม่อมสั่งมาไม่หมดหรอก เอาเป็นว่า...ขอบคุณมากที่มาส่ง แล้วกระผมจะดูแลตัวเองให้อย่างดีที่สุด โอเคมั้ยขอรับ...” น้ำผึ้งยกนิ้วทำมือโอเค แต่ก็ได้แค่แป๊บเดียว เมื่อวายุที่ยืนอยู่ใกล้กันรีบเอามือมาจับมือเขาข้างนั้นไปถือไว้ แล้วดึงคนตัวเล็กกว่าให้มาหลบอยู่ด้านหลังตัวเองแทน
“งานนี้มีผมทำด้วย ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกครับ เพราะยังไงผมก็ต้องดูแลเมียตัวเองอย่างดีที่สุดอยู่แล้ว...” วายุพูดออกมาในแนวก้ำกึ่ง ไม่ว่าคนฟังจะคิดไปอย่างไรเขาก็พอใจทั้งนั้น ไม่ว่าจะหมายถึงเมียในบทบาทละครที่เขากำลังแสดง หรือหมายถึงเมียในบทบาทของชีวิตจริงที่มันยังไม่เป็นจริง
“วายุ ผมรู้ว่าคุณเป็นตำรวจที่เก่ง มีคนอย่างคุณคอยประกบเจ้าผึ้งของผมเอาไว้ผมก็เบาใจ แต่ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลให้รีบติดต่อเจ้าหน้าที่ข้างนอกทันทีเลยนะครับ” นักบินหนุ่มนามทินภัทร์ยังไม่วายออกอาการกังวลอย่างออกนอกหน้า โดยไม่มีทีท่าจะสะดุดใจกับคำว่าเมียที่วายุเพิ่งพูดออกไปเลยซักนิดเดียว
“ครับ...ทีนี้พวกผมไปทำงานได้แล้วนะครับ” วายุรีบเอ่ยตัดบท เห็นอาการยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ของเจ้าผึ้งเข่าหนักนี่แล้วอยากเอาปากเขาไปหุบยิ้มปากเล็กนั่นซะ ทีกับลูกชายผู้กำกับล่ะยิ้มหวานให้ ทีกับเขาล่ะขู่เอาๆอย่างกับตัวเองเป็นเมียปากตลาดของเขาจริงๆ แบบนี้มันน่านัก...น่าสั่งสอนด้วย...ด้วย...
“ครับ...ผึ้ง ดูแลตัวเองดีๆนะ พี่เป็นห่วง...”
หืม...เป็นห่วงแต่ผึ้ง แล้วเขาที่ก็ทำภารกิจเดียวกันกับเอื้องผึ้งล่ะ ไม่เห็นมีใครมาออกปากว่าเป็นห่วงและให้ดูแลตัวเองบ้างเลย...ไม่ใช่อิจฉาเจ้าผึ้งหรอกนะ ไม่เลยซักนิด นิดเดียวก็ไม่มีจริงๆ...เอ่อ ยอมรับว่ามีนิดหนึ่งก็ได้ แต่ก็แค่นั้นเองนะ...เอ่อ...อันที่จริงเขายอมรับก็ได้ ว่าเขาแค่ไม่พอใจที่มีคนมาให้ความสนใจกับเจ้าผึ้งของเขามากกว่า...ออกนอกหน้ามากไปแล้วไอ้คุณลูกผู้กำกับ
“งั้นผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ...เมีย! ห้ามยิ้มให้ผู้ชายคนอื่นแบบนั้นอีกเข้าใจมั้ย...ผัวหึง...รับทราบ!” อาการเปลี่ยนโหมดกะทันหันของวายุทำเอาเอื้องผึ้งงงงันรับมุขไม่ทัน แต่กระนั้นก็ขัดขืนอะไรไม่ได้เมื่ออีกฝ่ายพูดพลางก็โอบเอวเขาพาเดินพลางเรียบร้อยแล้ว
เด็กหนุ่มได้แต่ส่งสายอาทรไปที่คนมาส่งรายสุดท้าย ไปจนลับหัวมุมถนนแล้วถึงค่อยได้หันมาสนใจคุณผัวที่แลดูเหมือนจะเล่นได้สมบทบาทจนเกินเหตุไปนิดหนึ่ง...
“นี่คุณ! ทำแบบเมื่อกี๊นี่เสียมารยาทมากเลยนะ เห็นมั้ยว่าผมยังคุยไม่เสร็จ”
“เมีย! ผัวบอกแล้วใช่มั้ยว่าผัวหึง! อย่าทำให้โมโหไปมากกว่านี้ด้วยการสนใจผู้ชายคนอื่นต่อหน้าผัวอีก ไม่งั้นอย่าหาว่าผัวไม่เตือน...”
“ทำไม...ถ้าสนใจแล้วจะทำไม...” เอื้องผึ้งยังมีลอยหน้าลอยตา
“ก็ไม่ทำไม ผัวแค่อาจจะเสกเด็กเข้าท้องเพิ่มไปเป็นเพื่อนกับลูกคนแรก เมียจะได้ไม่ต้องลำบากเบ่งลูกสองครั้ง เอาครั้งเดียวสองคนไปเลยเป็นไง”
“ไอ้!! ไอ้ผัวเฮงซวย...!! ไอ้บ้ากาม !! ไอ้ตัณหาจัด !!...ไอ้โรคจิต...! ไอ้!!!”
“ไอ้...ไอ้อะไร...ด่าผัวออกมาอีกคำเดียว รับรองเมียได้โดนผัวบดปากโชว์แผงผักนี่แน่ เอายังไง...จะหยุดไม่หยุด”
“...ฮื้อ!!!” เอื้องผึ้งส่งเสียงในลำคอออกมาอย่างขัดใจเป็นที่สุด อย่าให้ถึงทีเขาบ้างนะไอ้ตำรวจบ้า! จะเอาให้ระบมแพ้น็อคเขาเลยคอยดู!!
เอื้องผึ้งก็ได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ในใจ...แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการเดินจับท้องแล้วลงส้นตรงไปยังประตูรั้วอัลลอยน์ที่อยู่ห่างไปอีกไม่มากนั้นแทน
------------------------------ - - - --- - -- - - -- - -