สายลมห่มตะวัน
บทที่ ๑๘ เงาตะวัน
ช่อดอกไม้จิ๋วยังคงถูกนำมาวางให้เขาทุกวัน สายลมไม่ได้สนใจอะไรมันเหมือนวันแรก ยังคงทำตัวปรกติราวไม่รู้เห็นว่ามีใครสักคนนำมันมาไว้ในนี้ เรื่องเด็กที่บิดารับอุปการะเขาก็ไม่ได้ตามเรื่อง เพราะเห็นบิดาบอกว่าเดี๋ยวนี้มีคนอาสามาช่วยสอนพิเศษให้ เด็กคนนั้นจึงออกจากบ้านไปหาเจ้าคนที่ว่าทุกวัน เขาเองก็ไม่ได้อยากยุ่งเกี่ยวกับใครมากมายเท่าไร เพราะหากเกิดความผูกพัน มันทำใจลำบากเมื่อต้องจากลา เหมือนรูส...
นึกถึงเรื่องไม่ควรแล้วสายลมก็ถอนใจ ไม่ว่าเขาจะทำอะไรมากมายหรือวุ่นวายแค่ไหน แต่สุดท้ายแล้วความรู้สึกนึกคิดก็ยังวนกลับมาที่เรื่องของรูสอยู่ดี
เมื่อนึกถึงคนในความทรงจำ ดอกไม้ที่ปักนิ่งอยู่ในแก้วใสก็ดูขวางหูขวางตา สายลมก้าวไปหยิบมันขึ้นมาจากแก้ว มองมันอยู่ชั่วครู่ก่อนเดินไปที่ถังขยะมุมห้องเพื่อจะทิ้ง แต่แล้วก็ชะงักเมื่อจะปล่อยมือ เกิดความรู้สึกลังเลขึ้นมาแบบไม่ตั้งใจ แต่สุดท้ายก็ตัดใจทิ้งมันลงไปในที่สุด...
กลีบดอกบอบบางช้ำเมื่อถูกทิ้งลงไปนอนนิ่งอยู่ใต้ก้นถัง คนที่นำมันมาทิ้งกลับเดินจากไปอย่างไม่นึกสนใจ ปล่อยให้มันค่อย ๆ เหี่ยวเฉาเหมือนกับหัวใจของผู้เป็นเจ้าของเมื่อมาเห็นว่ามันถูกทิ้งอย่างไม่ไยดี
มือเรียวเอื้อมไปช้อนมันขึ้นมาอย่างถนอม แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ช้ำชอกจนไม่เหลือเค้าเดิมแล้ว กลีบดอกที่เคยสดใสก็หมดสวย ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน ก่อนร่างนั้นจะลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องของสายลมไปด้วยความรู้สึกหม่นมัว
......
ในวันต่อมา เมื่อสายลมกลับมาที่คฤหาสน์เฟอร์ริงตันหลังหมดวันไปกับความเหนื่อยหนัก งานมันไม่ได้มากมายอะไรสักนิด ไม่เท่าตอนที่เขาอยู่เกาะศิลา เพราะอยู่ที่นี่เขาเป็นหนึ่งในผู้บริหาร แทบไม่ต้องแตะอะไรนอกจากปากกากับกระดาษและใช้มันสมองพินิจพิจารณา แต่ที่มันเหนื่อยก็เพราะเขาพยายามฝืนตัวเอง ทำเหมือนไม่เป็นอะไรทั้งที่มันไม่ใช่แบบนั้นแม้แต่น้อย
เมื่อกลับเข้ามาในห้อง สายตาคมก็มุ่งไปที่โต๊ะหัวเตียง ก่อนจะเอ็ดตัวเองในใจอื้ออึงเมื่อรู้สึกตัวว่ามองหาบางสิ่ง ร่างสูงใหญ่หยุดยืนเคว้งอยู่กลางห้องเมื่อวันนี้ไม่มีกลิ่นหอมจรุงนั่นแล้ว ไม่มีดอกไม้สีขาวช่อเดิมที่เคยวางไว้บนโต๊ะหัวเตียง ใจสายลมเหมือนมีบางสิ่งหล่นหาย เพราะเขาทิ้งมันหรือ?
สายลมสะบัดศีรษะเบา ๆ เพื่อไล่ความรู้สึกประหลาดที่เกิดขึ้นกับตนเอง ไม่มีก็ดีแล้ว เขาเองไม่ใช่หรือที่ทิ้งมันไป แบบนี้ก็ดีแล้ว...
ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ที่สายลมเฝ้ารอให้ดอกไม้สีขาวกลับมาวางบนโต๊ะ ทุกครั้งที่กลับมาถึง เขาต้องมองที่โต๊ะหัวเตียงตลอดจนนึกรำคาญตัวเอง เมื่อหลังจากวันที่เขาทิ้งมันลงถังขยะ เจ้าดอกไม้ช่อน้อยนั่นก็ไม่เคยถูกนำมาวางไว้ให้เช่นแต่ก่อน
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เขากลับเข้ามาในห้องนอนด้วยความผิดหวัง เพราะยังคงมีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีกลิ่นหอม ๆ ลอยอวลอยู่ในห้อง ไม่มีสิ่งที่กระตุ้นให้คิดถึงรูสมันก็น่าจะดีแล้ว แต่เขากลับรู้สึกวูบโหวงในอก
ร่างสูงใหญ่ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงทั้งที่ยังอยู่ในชุดทำงาน เหนื่อยล้า อยากกอดรูสให้หายเหนื่อย เขาต้องหลับใช่ไหม นอนหลับแล้วฝันถึง เขาต้องทำแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนกัน
ตื่นเช้ามาสายลมก็ยังคงไปทำงานตามปรกติ ผู้เป็นบิดาทั้งสองได้เพียงมองด้วยความห่วงใย แม้สายลมจะทำตัวเป็นปรกติทุกอย่าง แต่คนใกล้ชิดก็รู้สึกได้ว่ามันไม่เหมือนเดิม เพราะความทุกข์มันอยู่ข้างใน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนมันคงไม่ทำให้ดีขึ้น หากเจ้าของความทุกข์นั้นไม่วางมันลง
สายลมยังคงทำให้ตัวเองยุ่งจนไม่มีเวลาไปคิดเรื่องอื่น เซย์เคยชวนออกไปเที่ยวผ่อนคลาย แต่เขาไม่คิดจะไป เขาไม่ชอบอะไรแบบนั้น ออกไปดื่มกินและอาจปิดท้ายด้วยของหวานเลี่ยนบาดคอบนเตียง เซย์หวังดี ข้อนั้นเขารู้ เขาดูน่าห่วงจนทุกคนอยู่เฉยไม่ได้
“พี่แน่ใจเหรอว่าจะไม่ไปด้วยกัน?” เซย์ยังตามมาถามถึงที่
สายลมยิ้มมุมปากพลางบอก “นายไปเถอะ เที่ยวให้สนุก”
มือหนาตบบ่าน้อง คว้าเสื้อสูทที่ถอดพาดหลังเก้าอี้มาสวมก่อนจะเดินออกจากห้องทำงาน
“งั้น... ผมไม่ไปดีกว่า”
“......” สายลมหันมามองเมื่อเซย์ว่าอย่างนั้น
“ไปคนเดียวจะสนุกอะไร” ยกไหล่เล็กน้อยประกอบคำพูดของตน
สายลมทำเสียงหึ ก่อนเปิดประตูห้องแล้วก้าวออกไป ตามด้วยเซย์ที่เปลี่ยนใจไม่ไปเที่ยวอย่างที่พูดจริง ๆ
สองหนุ่มตรงกลับคฤหาสน์หลังใหญ่ที่มีคนสำคัญคอยท่า อเล็กซานเดอร์และอัลเบิร์ตเอ่ยล้อพ่อหนุ่มนักเที่ยวที่วันนี้กลับบ้านเร็วในรอบปี ปล่อยให้สามพ่อลูกเขาคุยกันไป ขณะที่สายลมเอ่ยขอตัวขึ้นห้อง
“สังเกตหลายทีแล้ว” อเล็กซานเดอร์เอ่ยขึ้นไล่หลังลูกชายคนรองที่เดินขึ้นชั้นบนไป
“อะไรครับ?” อัลเบิร์ตและเซย์หันมามองคนพูดด้วยความสงสัย
“กลับมาถึง สายลมต้องรีบขึ้นห้องก่อนเลย มีอะไรดี ๆ อยู่ในนั้นหรือไง?” มือหนาลูบคางตนเองขณะรำพึงรำพัน
อัลเบิร์ตทำหน้าพิกล ก่อนว่า “ลูกคงอยากพักผ่อน จะไปมีอะไรได้ยังไงกัน”
“ฉันใช้งานลูกหนักมากเลยเหรอ?”
“อะไรของคุณ อเล็กซ์ จะให้มันมีอะไรให้ได้เลยหรือไง?” ท่าทางอีกคนยังข้องใจไม่หายทำให้อัลเบิร์ตท้วงถาม
“เอ้า ก็ดูเจ้าเซย์สิ เที่ยวตะลอนได้ทุกวัน ไม่เห็นจะอยู่ติดห้องเหมือนสายลมเลย”
“อ้าว อยู่ดี ๆ ก็โดนหางเลขซะอย่างงั้น”
เซย์นั่งมึนเมื่อบิดาโยนกลอง อัลเบิร์ตหัวเราะ วาดแขนออกเมื่อเซย์เข้ามาอ้อนให้จัดการผู้เป็นบิดาให้
“เซย์เขายังหนุ่มยังแน่น จะเที่ยวบ้างก็ไม่เห็นเป็นไร แค่รู้จักขอบเขตและดูแลตัวเองให้ดีก็พอแล้ว”
“จริงครับ” เซย์พยักหน้า เห็นด้วยกับอาอัลเบิร์ตของตนเองเต็มที่
อเล็กซานเดอร์มองอย่างหมั่นไส้ นั่น ๆ มาหอมเมียเขาอีก ไอ้นี่
“เข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะ”
คนแก่ขี้หวงกัดฟันว่า ทั้งถลึงตาใส่ลูกชายที่ลอยหน้ากอดคนรักของตนเองเฉย เข้าข้างกันได้ตลอดล่ะคู่นี้ เขาแตะมันไม่ได้เลยเจ้าลูกชายคนเล็กนี่ แม่มันหวง!
ขณะเดียวกัน คนในหัวข้อสนทนาตอนนี้มาถึงหน้าห้องนอนของตนแล้วเรียบร้อย มือหนาบิดลูกบิดประตูแล้วเปิดเข้าไป จังหวะก้าวเดินชะงักเมื่อได้กลิ่นหอมชื่นโชยมาเพียงประตูเปิด เขารีบมองหาที่มาของมันด้วยจังหวะหัวใจที่เต้นแปลกไป เมื่อเห็นว่าดอกไม้สีขาวถูกนำกลับมาวางที่เดิม สายลมก็ก้าวไปหา นัยน์ตาสีนิลทอประกายเมื่อทอดมอง รอยยิ้มบางเบาปรากฏบนกลีบปากหยัก รู้สึกราวได้บางสิ่งที่หายไปกลับคืนมากระนั้น
สายลมนั่งลงบนเตียง ถือแก้วใส่ช่อดอกไม้นั้นมาด้วย ยกมันขึ้นมาใกล้จมูกโด่ง กลิ่นหอมละมุนทำให้เขายิ้ม
“อยากจะรู้แล้วสิ... ว่าใครกันที่เป็นเจ้าของ”
ว่าแล้วสายลมก็ขำ เขาท่าจะบ้าที่คุยกับดอกไม้ สีหน้าชายหนุ่มครุ่นคิดอยู่เพียงครู่ ก่อนจะเปิดยิ้มออกมาเมื่อหาข้อสรุปให้ตนเองได้
......
เช้ามา สายลมก็ยังคงแต่งตัวเพื่อออกไปทำงานตามปรกติ ชายหนุ่มลงมาจากชั้นบนแล้วตรงไปที่รถก่อนนั่งออกไปจากคฤหาสน์ เพียงท้ายรถพ้นสายตาไป เจ้าตัวเล็กที่ซ่อนอยู่ก็โผล่หน้าออกมาชะเง้อมอง ริมฝีปากบางยกยิ้ม ก่อนที่จะหมุนกายกลับแล้ววิ่งขึ้นชั้นบนไป
รถของสายลมที่ขับออกมาจากเฟอร์ริงตัน เมื่อเลี้ยวพ้นมุมกำแพงก็จอดลง ก่อนที่สายลมจะลงจากรถแล้วก้าวมาที่ส่วนรักษาความปลอดภัยหน้าประตู เพื่อเปลี่ยนไปนั่งรถอีกคัน ริมฝีปากหยักกระตุกยิ้มอย่างนึกสนุก ในเมื่ออยากรู้ว่าใครคือเจ้าของดอกไม้สีขาวนั่น มันก็ต้องวางแผนกันหน่อย
...มาปิดประตูตีแมวกัน!
สายลมกลับเข้าคฤหาสน์มาอย่างใจเย็น ก้าวเดินขึ้นบันไดไปจนกระทั่งมาถึงหน้าห้องนอนของตน เอื้อมไปหมุนลูกบิดอย่างเบามือ เพียงประตูแง้มเปิดก็ได้ยินเสียงบางอย่างภายใน นัยน์ตาสีนิลมองลอดช่องประตู ก่อนจะค่อย ๆ ดันมันให้เปิดกว้างช้า ๆ แต่ก็ช้ากว่าลูกแมวในห้อง เมื่อเห็นเพียงเงาไหว ๆ ผลุบหายไปหลังโซฟา
ขายาวก้าวเข้ามาเชื่องช้าราวแกล้งเจ้าแมวน้อยนั้นก็ไม่ปาน อมยิ้มในสีหน้าเมื่อเคลื่อนกายมานั่งลงบนโซฟาตัวที่มีใครอีกคนหลบอยู่ และเขาคงไม่คิดจะลุกออกไปง่าย ๆ ด้วย อยากจะรู้เหมือนกันว่าแมวตัวนี้จะหาทางหนีรอดออกไปจากห้องของเขาได้อย่างไร
ขณะที่สายลมนึกสนุก คนที่ถูกไล่ต้อนกลับไม่ได้รู้สึกสนุกด้วยแม้แต่น้อย มือเรียวกำแก้วใส่ดอกไม้แน่น เขาแค่จะเข้ามาเอาดอกไม้ช่อเดิมที่เริ่มเฉาออกไปเปลี่ยนใหม่ ไม่นึกว่าเจ้าของห้องจะกลับมากะทันหันแบบนี้ กายผอมหมอบลงให้ต่ำที่สุดเพื่อที่คนบนโซฟาจะได้ไม่รู้สึกตัวแล้วหันกลับมามอง ค่อย ๆ คลานไปบนพื้นพรมช้า ๆ แม้แต่หายใจยังไม่กล้าหายใจแรง รู้สึกมวนท้องไปหมด กลัวจะถูกจับได้
“อะแฮ่ม”
เสียงกระแอมที่ดังขึ้นทำให้เด็กน้อยสะดุ้งโหยง มือข้างหนึ่งยกปิดปากตัวเองแน่นอย่างอัตโนมัติ ใจเต้นระรัวไม่กล้าแม้แต่จะหันกลับไปมองเจ้าของเสียง
เพราะมัวแต่หลับหูหลับตาทำให้เมื่อมือหนาเอื้อมมาจับบ่า เจ้าตัวเล็กจึงผวาไปข้างหน้าจนล้มแปะลงไปนอนบนพื้น ก่อนจะสะบัดขาเมื่อมือนั้นเปลี่ยนมาจับที่ข้อเท้า เจ้าแมวน้อยเอี้ยวตัวกลับมามองอีกคนหน้าตาตื่น กอดแก้วใส่ดอกไม้ที่ตอนนี้น้ำในนั้นมันหกเลอะเทอะทั้งช่อดอกไม้ก็หล่นอยู่บนพื้นแล้วดันตัวจะลุกขึ้นวิ่ง แต่สายลมที่ตั้งรับอยู่ก่อนแล้วตรงเข้าคว้าตัวเจ้าแมวเหมียวเอาไว้ ทำให้ตัวผอมบางนั้นดิ้นอยู่ในอ้อมแขน
“อื้อออออออ” เสียงเจ้าตัวเล็กร้องประท้วง เมื่อสายลมแกล้งรัดแน่นขึ้น
“ชู่ ดิ้นมาก ๆ ระวังนะ ฉันหงุดหงิดง่ายรู้ไว้ด้วย” เพียงข่มขู่นิดหน่อย เด็กในอ้อมแขนก็ชะงักกึก ริมฝีปากหยักยกยิ้มพอใจก่อนว่า “อยู่นิ่ง ๆ แล้วมาคุยกัน ตกลงไหม?”
“......” แมวน้อยในอ้อมแขนยังเงียบ ทำให้สายลมถามย้ำ
“ตกลงไหม?”
เมื่อเน้นทีละคำ หัวกลม ๆ นั่นจึงผงกขึ้นลงอย่างยอมแพ้ แต่เพียงแค่สายลมคลายอ้อมแขน เด็กที่ทำท่าว่าจะยอมแพ้กลับจะวิ่งหนี แต่สายลมก็ยังไวกว่าเมื่อดึงตัวกลับมาได้ทัน มือหนาจับต้นแขนเล็กทั้งสองข้างแล้วยื่นใบหน้ารกหนวดเคราเข้าไปใกล้ ตาคมถลึงมองจนเด็กหน้าซีดเผือดสี
“ไว้ใจไม่ได้เลยใช่ไหม คงอยากเห็นเวลาฉันหงุดหงิดงั้นสิ!”
เด็กตรงหน้าสะดุ้งเฮือกแล้วหลับตาแน่น ไหล่เล็กสั่นเมื่อเจ้าตัวกำลังสะอื้น นั่นทำให้สายลมนิ่งไป ทำเด็กร้องไห้เสียแล้วสิ
“หยุดร้องเดี๋ยวนี้ ฉันเกลียดน้ำตา!” แสร้งเอาเสียงเข้าขู่ เด็กตรงหน้าพยายามกลั้นสะอื้น ก็น่าสงสารอยู่หรอก แต่เขายังต้องสวมบทโหดเอาไว้อีกหน่อย
สายลมให้เด็กไปนั่งที่โซฟา เด็กน้อยนั่งก้มหน้าก้มตา มือถือแก้วดอกไม้ที่เก็บขึ้นมาจากพื้นพรมเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
“ชื่ออะไร?”
สายลมเริ่มซักประวัติ เด็กตรงหน้าเขาตอนนี้ดูไม่ได้มีอะไรพิเศษ หน้าตาก็ออกจะธรรมดา แต่ตาโต ๆ นั่นคงเด่นสุด อ้อ ปากด้วย รูปกระจับ อมชมพูนิด ๆ
เมื่อถามเด็กมันไปแล้วยังเงียบ สายลมจึงลุกมานั่งข้าง ๆ พออีกฝ่ายจะกระถดหนี เขาก็วาดแขนพาดไหล่กักตัวเอาไว้ ทำให้คนถูกกักบริเวณนั่งตัวลีบ
“เวลาผู้ใหญ่ถามก็ตอบ และเวลาตอบก็ควรจะมองหน้าคนถาม มารยาทพื้นฐานแค่นี้พอจะมีไหม?”
ตากลมช้อนมอง ปากรูปกระจับที่เขาเพิ่งพรรณนาถึงมันไปเมื่อครู่ถูกเจ้าของมันขบกัดด้วยความอึดอัดที่มี สายลมบีบแก้มป่องให้เจ้าตัวเล็กมันคลายออก ตากลมโตนั่นมองเขาอึ้ง ๆ อย่าว่าแต่เด็กมันอึ้งเลย เขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อตัวเอง ทำอะไรลงไปวะนี่
แมวน้อยเฉหลบสายตา แก้มใสขึ้นสีระเรื่อ จะมาอายอะไรเขาตอนนี้วะ เจ้าเด็กนี่ กายหนาขยับออกห่างอีกนิดเพื่อตั้งหลัก ก่อนถามซ้ำในสิ่งที่ถามไปเมื่อครู่
“ชื่ออะไร ยังไม่ตอบเลยนะ”
คนถูกถามมีท่าทีอึดอัด ก่อนจะวาดมือเป็นวงกลมบนอากาศ คิ้วสายลมขมวด ตาคมมองดุ ๆ ทำให้เด็กชะงักแล้วลดมือลง
“พูดไม่เป็นหรือไง?”
พอเขาถามไป เด็กมันก็พยักหน้าเฉย อ้าว ซวยแล้วไง
“พูด... ไม่ได้เหรอ?”
เด็กมันเหลือบขึ้นมามองเขาก่อนพยักหน้ายืนยันอีกครั้ง สายลมใจอ่อนวูบ ท่าทางจะตีบทผู้ใหญ่ใจร้ายไม่แตกเสียแล้วสิ
“เขียนหนังสือได้ไหม?”
ถามคำนี้แล้วก็ยอกแสยงในอก เหมือนย้อนกลับไปตอนพบกับรูสครั้งแรก มองเด็กพยักหน้าตอบแล้วสายลมจึงลุกไปที่โต๊ะหัวเตียง เปิดลิ้นชักออกเพื่อเอาสมุดฉีกในนั้นมาให้เขียน
แกร๊ก... ปัง!สายลมหันขวับกลับมามองเมื่อเกิดเสียงดังขึ้นด้านหลัง ทันเห็นเพียงบานประตูที่งับปิด เขากัดฟันกรอด ไม่น่าไว้ใจเด็กนั่นเลยจริง ๆ หนีไปอีกแล้วสิน่า!
สมุดฉีกในมือถูกปาลงบนที่นอน ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะก้าวออกมาหน้าระเบียง มองลงไปด้านล่างก็เห็นว่าเด็กมันกำลังวิ่งตัดสนามหญ้าของสวนสวยไปอีกตึก แต่แล้วก็หยุดลงและหันกลับมามองด้านหลัง สายลมนึกว่าเด็กมันจะเงยขึ้นมามองจึงชะงักไปเล็กน้อย ก่อนคิ้วเข้มจะขมวดเมื่อเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งเดินมาหา ที่แท้ก็หันมามองเจ้าหมอนี่เองหรือ
สองคนด้านล่างคุยอะไรกันอยู่ชั่วครู่ มือของเจ้าหนุ่มนั่นเอื้อมไปขยี้ผมนุ่มราวสนิทสนมคุ้นเคยกันดี สายลมกอดอกมอง เจ้าแมวน้อยยิ้มเสียกว้างขวางจนคนมองแบบสายลมออกจะหงุดหงิดนิด ๆ
“เฮ้!”
สายลมตะโกนออกไป เมื่อเจ้าหนุ่มที่อยู่กับเด็กตากลมเงยขึ้นมาเห็นว่าเป็นเขาก็ค้อมศีรษะเล็กน้อย ก่อนเงยกลับขึ้นมามองเพื่อฟังว่าจะสั่งอะไรหรือไม่
ตาสายลมไม่ได้อยู่ที่เจ้าหนุ่มนั่นแม้แต่น้อย มันมองเลยไปหาเด็กที่กำลังก้าวถอยเพื่อจะหลบฉาก นึกว่าจะหนีเขาพ้นหรือ
“จับตัวเด็กนั่นไว้ อย่าให้หนีไปได้!”
ตากลมเบิกโตเมื่อได้ยินคำสั่งของสายลม ขณะที่เจ้าหนุ่มนั่นยังมึนงง แต่พอเห็นว่าคนที่สายลมสั่งให้จับจะวิ่งหนีก็รีบตะครุบตัวเอาไว้ตามคำสั่งทันที เจ้าตัวเล็กก็ได้แต่ดิ้นไปมา ทั้งเตะขาเพื่อให้ปล่อยตนเอง
“อย่าปล่อยจนกว่าฉันจะลงไปถึง” สายลมยังสั่งซ้ำ
“ครับ”
เสียงเด็กน้อยร้องประท้วงในลำคอไม่ได้ทำให้สายลมหยุด ชายหนุ่มกลับเข้าห้องแล้วเปิดประตูหน้าห้องออกมา เดินลงบันไดอย่างใจเย็นทั้งยิ้มกระหยิ่ม จนมาโผล่ที่สวนกลับเห็นเจ้าหนุ่มที่เขาออกคำสั่งให้จับตัวเด็กไว้ยืนอยู่กับบิดาของเขาแทนเสียอย่างนั้น
“เล่นอะไรกันน่ะ สายลม?”
เมื่อบิดาเอ่ยถาม สายลมก็อ้ำอึ้ง แววจับผิดมองมาที่เขา จึงต้องทำเฉไฉ
“แค่อยากทำความรู้จักน้องชายคนเล็กของบ้าน ก็แค่นั้นครับ”
“ด้วยการให้คนจับตัวน้องไว้?” อัลเบิร์ตกอดอกมองลูกชายหาทางแก้ตัว
“อ่า...” สายลมเกาท้ายทอย เรื่องโกหกเขาไม่ค่อยถนัดนัก ยิ่งโกหกบิดาบังเกิดเกล้ายิ่งยากเข้าไปใหญ่
ชายหนุ่มหันไปปัดมือให้เจ้าหนุ่มคนนั้นออกไป อีกฝ่ายคำนับรับคำแล้วจึงหลบฉาก เขาไม่ค่อยจะคุ้นหน้าเจ้านี่สักเท่าไร ท่าทางจะเป็นบอดีการ์ดรุ่นใหม่ของเฟอร์ริงตันกระมัง
“ลมจะทำอะไร?” อัลเบิร์ตเอ่ยถามเมื่อบุคคลที่สามออกไปแล้ว
“ไม่มีอะไรหรอกครับ พ่อ อย่างที่บอก ผมแค่อยากทำความรู้จัก แต่น้องก็วิ่งหนีผม” เขาไม่ได้โกหกนา น้องมันวิ่งหนีไปจริง ๆ
“หนวดเคราก็รู้จักโกนซะบ้างสิ ผมเผ้าไว้ยาวไปทำไมหนักหนา เหมือนคนป่าคนดง”
มือของบิดาเอื้อมมาจับผมที่เริ่มยาวไม่เป็นทรง เพราะตั้งแต่คราวที่ไปตัดกับเดวาและรูส เขาก็ไม่ได้ตัดมันอีก เพราะไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรแบบนั้น ปล่อยปละมันมาเป็นเวลานานจนถูกบิดาบ่นเอาอยู่อย่างนี้
เมื่อกลับขึ้นห้องมา สายลมก็เดินไปที่กระจกบานใหญ่ มองเงาสะท้อนของตนเองในกระจกแล้วลูบคางลูบเครา ตาคมหรี่ลงเล็กน้อยอย่างพินิจพิเคราะห์ เรื่องอะไรเขาจะต้องตัด เจ้าแมวเหมียวนั่นจะกลัวเขาก็ช่างประไร เก็บไว้อย่างนี้ล่ะ คราวหน้าจะได้ไม่กล้าหือกับเขา
“ฉันไม่ยอมง่าย ๆ หรอก เจ้าเหมียว”
......
ช่วงสายของวันต่อมา แมวน้อยของสายลมก็เข้ามาในห้อง เจ้าตัวเล็กโผล่หน้าเข้ามามองด้านในก่อนเพื่อความปลอดภัย ก่อนหันกลับไปมองด้านหลังอย่างระแวง
เมื่อเข้ามาด้านใน เจ้าตัวเล็กก็ตรงไปที่เตียงนอน แต่แล้วบนโต๊ะหัวเตียงกลับไม่มีแก้วใส่ดอกไม้ตั้งอยู่เช่นทุกวัน เมื่อวานเขาฝากแม่บ้านที่ขึ้นมาทำความสะอาดห้องของสายลมเอามาวางไว้ เพราะไม่กล้ามาเองหลังเกิดเรื่อง สรุปแล้วแม่บ้านไม่ได้เอามาหรือ
ร่างเล็กหันรีหันขวาง ชะเง้อชะแง้มองหาเผื่อแม่บ้านจะเอาไปตั้งไว้ที่อื่น ก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อเสียงทุ้มเอ่ยทักมาจากด้านหลัง
“หานี่อยู่เหรอ?”
แมวน้อยค่อย ๆ หันมาจนกระทั่งเห็นว่าแก้วดอกไม้ของตนลอยอยู่ตรงหน้าก็ตาโต แต่เมื่อเหลือบขึ้นมองคนถือ ใบหน้าเรียวก็ซีดเผือด ตากลมกลอกมองซ้ายขวา แต่ก่อนที่เจ้าแมวน้อยนั่นจะวิ่งหนีไปอีก สายลมก็คว้าหมับจับต้นแขนแล้วดึงกลับมากักไว้ในอ้อมแขนของตน ปลายจมูกโด่งเฉียดแก้มใสเมื่อเขาก้มลงกระซิบจากด้านหลัง
“เมื่อวานทำแสบนักนะ”
เสียงกระซิบทำให้เด็กในอ้อมแขนตัวสั่น นี่กลัวเขาจริง ๆ หรือ ชักไม่เข้าใจ กลัวเขาแต่เอาดอกไม้มาให้เขาทุกวันนี่นะ ช่างขัดกันเสียจริง
“ถ้ากลัวฉันขนาดนั้น ทำไมต้องเอาดอกไม้นี่มาให้ฉันทุกวัน?”
แก้วบรรจุช่อดอกไม้ชูขึ้นมาในระดับสายตา เด็กเบือนสายตาหลบทำให้สายลมค่อยหมุนกายผอมบางนั้นให้หันมาหา ตากลมมองเขาหวั่น ๆ เมื่อได้จ้องมองกันอย่างชัดเจนเช่นนี้แล้ว สายลมกลับรู้สึกเคยคุ้นกับแววตาของเด็กน้อยคนนี้อย่างประหลาด เขาไม่ได้รู้สึกไปเองใช่ไหมว่าแววตาคู่นี้เหมือนกับใครอีกคน
“รูส...”
ไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้คิดไตร่ตรองสักนิดเมื่อรั้งร่างน้อยนั้นเข้ามากอด เด็กยืนตัวแข็งทื่ออยู่ในอ้อมแขน แต่เขากลับไม่อยากปล่อย แม้แต่ความรู้สึกนี้ก็ยังเหมือน เขาต้องบ้าไปแล้วเป็นแน่ถึงได้คิดอะไรแบบนี้ จะเป็นคนเดียวกันไปได้อย่างไร
“จะให้ทำยังไงถึงจะเริ่มใหม่อย่างที่เธอบอกได้ ฉันมองไม่เห็นทางเลย รูส”
สายลมพึมพำอย่างร้าวรอน เจ้าแมวน้อยยอมให้เขากอดโดยไม่ดิ้นหนี ทั้งมืออุ่น ๆ ยังยกลูบแผ่นหลังกว้างราวจะปลอบโยน นั่นทำให้สายลมรู้สึกตัว ค่อยดันเจ้าตัวเล็กออกจากอ้อมกอดเบา ๆ
“ขอโทษ ฉัน... ทำอะไรบ้า ๆ”
ตากลมช้อนมองเขา ก่อนเจ้าตัวเล็กมันจะก้มลงแล้วส่ายหน้าอย่างไม่ถือโกรธ ความเงียบบังเกิดเมื่อต่างก็มีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นในใจ สายลมวางแก้วในมือที่ถือค้างลงบนโต๊ะ ก่อนจะหันกลับมาหาร่างเล็กที่ยังคงก้มหน้านิ่ง
“ช่วยเงยหน้าขึ้นมาได้ไหม?”
คำขอของเขาไม่ได้รับการตอบรับในทันที เมื่อเด็กน้อยยังคงนิ่งอยู่ แต่เขาก็รออย่างใจเย็น รอจนเด็กมันยอมเงยหน้าขึ้นมามอง เช่นนั้นสายลมจึงได้พินิจดวงหน้าของอีกฝ่ายอย่างถ้วนถี่ คนสองคนที่เขากำลังนึกเปรียบเทียบไม่ได้เหมือนกันทุกกระเบียด แต่ความรู้สึกที่มีมันกำลังบอกเขาว่าใช่ หรือเขาเพียงหลอกตัวเองว่ามันใช่กันแน่
“ฉันยังจะถามคำถามเดิม... เธอชื่ออะไร?”
คำถามของสายลมทำให้เด็กน้อยมีท่าทีครุ่นคิด ก่อนจะตัดสินใจเอื้อมมาจับมือเขาหงายขึ้นแล้วใช้ปลายนิ้วเขียนบางอย่างลงไปบนนั้น
‘ตะวัน’สายลมนิ่งอึ้ง การกระทำทุกอย่างก็เหมือนรูส ให้ความรู้สึกที่ไม่ต่างกันเมื่อถูกสัมผัสเช่นนี้ และแม้แต่ชื่อ... ก็ไม่ได้ต่างกันเลย
‘ชื่อรูสก็แปลว่าแสงสว่างเหมือนกัน’เสียงของเด็กดื้อที่เขาไม่เคยลืมดังขึ้นมาในหัว รูสเคยบอกเขาเมื่อตอนคุยกันเรื่องชื่อของนายซานินและนายลามุ ว่าชื่อของตนเองนั้นก็มีความหมายว่าแสงสว่าง เช่นเดียวกับชื่อของปู่ทั้งสองที่หมายถึงดวงอาทิตย์และรุ่งเช้า
สายลมมองมือตนเองที่ปลายนิ้วเรียวค่อยยกขึ้นเมื่อเขียนเสร็จ เขากำมือเข้าหากันทำให้รวบปลายนิ้วนั้นไว้ในอุ้งมือ รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายสะดุ้ง เมื่อสายตาคมเงยมองก็เห็นว่าเจ้าตัวเล็กมันหน้าเสีย ก่อนที่ริมฝีปากหยักจะค่อยขยับเอื้อนเอ่ย
“จับได้แล้ว ไอ้ดื้อ”
......
เช้าวันใหม่ สายลมลงมาชั้นล่างแล้วได้พบกับหนุ่มที่บิดาเคยบอกว่าเป็นครูสอนพิเศษให้เจ้าแมวน้อยของเขา ชายผู้นั้นเดินตามพ่อบ้านไปที่สวน เขาจึงได้เดินตามไปห่าง ๆ
อัลเบิร์ตอยู่ที่ศาลากลางสวนด้วยเมื่อเขาไปถึง สายลมเผลอระบายลมหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะชะงักเมื่อรู้สึกตัวว่าตนเองทำอะไรแปลก ๆ เวลานี้บิดาของเขาทำหน้าที่ดูแลทุกคนในครอบครัว ขณะที่บิดาอีกคนอย่างอเล็กซานเดอร์ก็คอยให้คำปรึกษาเรื่องธุรกิจกับเซย์และเขา พวกท่านเคยวางแผนว่าจะไปปลูกบ้านหลังเล็ก ๆ ที่ฝั่งตะวันตกตอนใต้ของประเทศอังกฤษ สถานที่ที่ประกอบไปด้วยเมืองเล็ก ๆ น้อย ๆ หลายสิบเมืองด้วยกัน สถานที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยธรรมชาติที่ยังคงสมบูรณ์และสวยงาม บ้านเดิมของย่าอาเมเลีย มารดาของอเล็กซานเดอร์ที่เสียไป แต่ก็ยังไม่ได้ทำอย่างที่คิดเอาไว้เมื่อยังคงห่วงทางนี้ เซย์เองก็ไม่อยากให้ทั้งสองไปอยู่ไกล เพราะหากไปกันหมดก็คงเหลือเซย์อยู่ที่คฤหาสน์หลังใหญ่ลำพัง
ยืนมองรอยยิ้มแมวน้อยแล้วสายลมก็ยิ้มบาง แม้จะยังไม่มั่นใจนักว่าใช่ แต่ความรู้สึกที่เอ่อล้นอยู่ในอกมันทำให้เขาไม่อยากห้ามใจ ความรู้สึกโหยหาที่มีเมื่อได้สัมผัสชิดใกล้ก็เหมือนถูกเติมเต็ม ความรู้สึกเช่นนี้มันหลอกกันได้หรือ เขาต้องพิสูจน์อย่างไรว่ามันไม่ใช่เพียงความต้องการตามสัญชาตญาณดิบที่มี ชายหนุ่มกลับเข้าคฤหาสน์เมื่อคิดว่าเซย์อาจช่วยทำให้ความรู้สึกที่มีต่อเจ้าเหมียวน้อยนั้นกระจ่างขึ้น
“ฝนท่าจะตก ฤษีจะออกจากถ้ำ” เซย์ล้อเลียนพี่ชายด้วยความขบขัน เมื่อวันนี้กลายเป็นสายลมเองที่มาชวนเขาออกไปท่องราตรีกัน
“จะไปไม่ไป?” สายลมปรายมองน้องที่ท่ามากอยู่นั่น
“ของมันแน่ เดี๋ยวชวนเอวานไปด้วย รอสักครู่นะครับท่านฤษี” ยังไม่เลิก
“......” สายลมถอนใจ มันจะได้เรื่องไหมนี่
เมื่อเซย์โทรชวนพี่ชายคนโตโดยอ้างชื่อสายลมทำให้ฝ่ายนั้นไม่ปฏิเสธที่จะไปด้วย หากเขาบอกว่าอยากไปเอง เอวานคงไม่สน ก็เขามันชอบแบบนั้นอยู่แล้วทำให้เอวานเบื่อที่จะไปนั่งดูเขาป้อสาว คนมันขี้อิจฉาก็อย่างนี้แหละหนา
สองหนุ่มออกจากคฤหาสน์มาเมื่อแสงตะวันจะลาลับ รถยนต์มาจอดรอท่าโดยมีบอดีการ์ดนั่งไปด้วยเพื่อรักษาความปลอดภัย สายลมที่กำลังจะขึ้นรถหันมามองด้านหลังเมื่อรู้สึกเหมือนมีคนมอง เห็นเงาคนผลุบหายไปหลังมุมมืดของต้นเสาก็ชักลังเลว่าควรจะไปเที่ยวอย่างที่ตั้งใจไว้ดีหรือไม่
“เฮ้ ขึ้นรถสิ สายลม ทำอะไรอยู่?”
เสียงเซย์ที่เอ่ยเรียกทำให้สายลมต้องละสายตาจากเงาคนในมุมมืดนั้นมาขึ้นรถอย่างตัดใจ ในเมื่ออยากรู้ก็ต้องลองดูสิน่า
ร่างที่หลบมุมค่อยก้าวออกมาเมื่อรถคันที่สายลมและเซย์นั่งเคลื่อนตัวออกจากหน้าคฤหาสน์ไป ตากลมหม่นแสงเมื่อชะเง้อมองตาม สองคนนั้นจะไปไหนกันนะ...
...
ต่อด้านล่างค่ะ