บนรถยามค่ำคืนเงียบสนิทแต่ไม่ค่อยสงบ เสียงสูดน้ำมูกของคนตาบวมยังมีให้ได้ยินเป็นระยะ ป็อปคอร์นเกือบครึ่งถังวางอยู่บนตัก บางครั้งก็หยิบเข้าปากทั้งๆ ที่ยังสะอื้น
“ไหนบอกว่าหนังรักไง ดูตัวอย่างก็น่ารักดี หลอกลวงคนดูชัดๆ”
“ก็หนังรักไงครับ เกี่ยวกับความรักล้วนๆ เลยนะ” สิงหาหัวเราะด้วยความเอ็นดูแต่เหมือนคนตาแดงจะไม่พอใจ
“มันหนังดราม่าต่างหาก สงสารคีตะมากเลย อีกนิดเดียวจะได้แต่งงานกันแล้ว” น่านนทีนึกถึงฉากในหนังที่รุ้งทอเปิดคลิปของคีตะแล้วน้ำตาก็ยิ่งรื้นขึ้นมา อีกนิดเดียวก็ได้แต่งงานกันแล้ว
“ใจเย็นๆ นะ บางทีคีตะอาจจะดีใจก็ได้ที่อย่างน้อยความตายของเขาก็ทำให้ผู้หญิงที่เขารักเข้มแข็งขึ้น อย่าคิดมากเลยครับ”
“มันเศร้านี่นา ถึงจะขำช่วงต้นๆ เวลาปกป้องตามรุ้งไปที่ต่างๆ ก็เถอะ ฉากที่รุ้งเล่าเรื่องคีตะก็ขำดี ดูน่ารักดี แต่พอมาตอนเปิดคลิป ไอ้ที่ขำมาครึ่งเรื่องหายไปหมดเลย”
“แล้วปิงชอบไหม คิดว่าเรื่องนี้เป็นไง”
“ดูตาปิงสิ นี่ล่ะคำตอบ อินขนาดน้ำตาแตกเลย คุณสิงเห็นคนอื่นที่ออกมาไหม มีคนร้องไห้ตั้งเยอะ เห็นหน้าคุณสิงเต็มๆ นิดเดียวเอง แต่อารมณ์มาเต็มมาก เป็นตัวแย่งซีนในเรื่องเลยนะเนี่ย” มือที่เปื้อนป็อปคอร์นป้ายเช็ดกางเกงตัวเองก่อนมาปาดน้ำตาที่หางตาให้หมดแล้วกินป็อปคอร์นที่เหลือต่อ
“ปิงชอบก็ดีครับ เอาจริงๆ ผมก็ไม่คิดว่าจะตัดต่อออกมาได้ดีแบบนี้ ภาพสวยมาก เพลงก็ดี ผมชอบหนังของพี่ธงชัยตรงการตัดต่อนี่แหละ เขามักจะมีมุมกล้องแปลกๆ ทำให้ภาพมันมีมิติขึ้น ดูไม่น่าเบื่อ”
“ทำไมตอนโปรโมตหนังไม่เห็นคุณสิงไปกับดาราคนอื่นเลยล่ะครับ เหมือนจะมีงานเดียวที่ออกข่าวเองมั้ง” น่านนทีเหลียวมองหาขวดน้ำในรถเพราะคอเริ่มแห้ง สิงหาเลยหยิบจากข้างประตูฝั่งคนขับส่งให้ ตามด้วยทิชชู่ไว้เช็ดปากเช็ดมืออีกหนึ่งห่อ น่านนทีหัวเราะเมื่อรู้ตัวว่าสภาพตอนนี้คงดูไม่จืด ร้องไปกินไป ดูดนิ้วเสร็จก็เช็ดหน้าเช็ดกางเกง แต่เมื่อสิงหาไม่ว่าอะไรเขาก็ไม่สนใจ หยิบทิชชู่หนึ่งแผ่นมาเช็ดนิ้วเช็ดปากแล้วกินต่อ
“มันไม่ได้อยู่ในสัญญาน่ะครับ ก็ไปเฉพาะรอบสื่อวันแรกเท่านั้น อีกอย่างผมไม่ออกไปโปรโมตจะทำให้ตัวคีตะน่าสนใจมากขึ้น ไม่งั้นคนดูชินกับหน้าผมแล้วตอนช่วงต้นๆ คงไม่อินเท่าไร”
“แต่หนังดีมากเลยนะ คุณสิงแสดงเก่งมาก จริงๆ เรียกว่าเป็นพระเอกของเรื่องก็ยังได้เลย”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกปิง ผมว่าเป็นเพราะปิงตั้งใจมาดูผมมากกว่า เลยโฟกัสที่บทผมมากกว่าคนอื่น แอร์ไทม์ในเรื่องผมมีแค่ยี่สิบนาทีได้มั้ง แถมออกมาแบบไม่เห็นหน้าอีก”
“ตอนที่เปิดคลิปแล้วมีฉากแฟลชแบครัวๆ แบบให้เห็นหน้าคุณสิงคือดีมากเลย บางฉากเห็นแค่ตาก็สื่ออารมณ์ได้ด้วย สุดยอด ยิ่งฉากจบที่ร้องไห้ทั้งหน้ายิ้มนี่ปิงน้ำตาไหลพรากเลยอะ มันจะเรียกว่าดราม่าก็ไม่เชิง มันแค่รู้สึกซึ้งมาก แบบจะรักอะไรขนาดนั้น ดูรักแบบ ร๊ากกกกกรัก”
“ฮ่าๆๆ หนังจบอารมณ์ไม่จบใช่ไหมแบบนี้” นอกจากหนังจะออกมาดี อาการคนดูแบบนี้ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกดีขึ้นไปอีก โดยเฉพาะคนๆ นั้นคือน่านนที สิงหาไม่ได้อยากเปรียบเทียบน่านนทีกับพีท แต่ก็อดนึกไม่ได้ว่าพีทไม่เคยแสดงออกอย่างนี้เลยเพราะเป็นคนไม่ชอบดูหนังไทย ถ้าบังคับให้ดูส่วนใหญ่พีทจะชมแค่เรื่องนี้หล่อ เรื่องนี้แต่งตัวดี ไม่ค่อยอินกับบทในเรื่องของเขา ต่างกับคนนี้ที่ทั้งหัวเราะ ร้องไห้ แล้วก็พูดถึงฉากนั้นฉากนี้ไม่หยุด ไม่ได้ชมเพื่อเอาใจเขา แต่ชมเพราะประทับใจในตัวหนังจริงๆ
“ก็มันอินนี่ เดี๋ยวปิงต้องพาพ่อกับแม่มาดูอีกรอบ แล้วจะแกล้งถ่ายน้ำตาแฟนคลับรุ่นเดอะส่งมาให้ดูนะครับ”
“แกล้งแม่มากๆ ระวังโดนตีนะ”
“แม่ชอบแกล้งตีปิงทุกวันอยู่แล้วล่ะ” แม่เขาชอบตีก้น ถ้าพูดแหย่อะไรตอนเดินผ่านจะต้องฟาดก้นเขาทุกที แรงบ้างเบาบ้าง บางทีเขาก็แกล้งกลับด้วยการกอดแม่แล้วเขย่าตัวแรงๆ
“เออผมลืมบอกปิงให้หาห้องเช่าให้ผมเลย ที่คอนโดฯ น่ะครับ”
“ที่บอกว่าพ่อแม่คุณสิงจะกลับมาก่อนกำหนดน่ะเหรอ คุณสิงอยากได้ห้องขนาดไหน”
“อยากได้แบบเดียวกับห้องผมเลย ขออยู่ชั้นใกล้ๆ กันก็ดีครับ”
“ได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ปิงเช็คให้นะ พ่อแม่มาเมื่อไรครับ”
“อีกเดือนสองเดือนนะ แต่ผมกลัวถึงเวลาจะไม่มีห้องว่างที่ถูกใจเลยจะเช่าทิ้งไว้ก่อน หรือปิงว่าไงดี”
“ปิงไปถามพวกฝ่ายขายให้ก่อนดีกว่า ตรงส่วนนี้ปิงไม่ได้ดูแลเลยไม่ค่อยรู้รายละเอียด ร้านคุณสิงใกล้เสร็จแล้วเหรอ” น่านนทีจำได้ว่าสิงหาคุยว่าจะให้พ่อแม่มาช่วยดูแลร้านในส่วนของสินค้ามือสอง พี่ฝ้ายก็วุ่นเรื่องซื้อตู้คอนเทรนเนอร์ไปตั้งที่บ้านเก่าคุณสิงเพื่อเก็บเฟอร์นิเจอร์ที่กำลังส่งมาทางเรือ
“เกือบเสร็จแล้วครับ เหลือเก็บรายละเอียดนิดหน่อย พวกงานม่านงานสวนน่ะ เอาไว้ของล็อตแรกมาถึงเมื่อไรผมจะพาปิงไปดูนะ”
“ต้องทำพิธีอะไรอีกหรือเปล่าครับ แม่ปิงกำลังบ่นไม่ได้เจอคุณสิงเลยตั้งแต่ไปช่วยงานตอกเสาเข็มบ้านใหม่ ช่วงนี้ปิงคะแนนตก หัวจะเน่าแล้วเนี่ย”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ลืมคิดเลย เขาต้องทำใช่ไหม”
“ปิงก็ไม่รู้ แต่ถ้าทำมันก็น่าจะดีนะ”
“เดี๋ยวผมไปคุยกับพวกนั้นก่อนแล้วกัน ปิงจะแวะกินอะไรไหม จะถึงบ้านแล้วนะ” สิงหาถามเมื่อใกล้ขับถึงถนนที่มีอาหารขายยามดึก ถ้าเลยจากย่านนี้ก็ถึงแยกบ้านน่านนทีแล้ว
“คุณสิงหิวไหม ปิงกินป็อบคอร์นจะหมดถังคนเดียวเลย”
“หิวเหมือนกัน แต่ผมลดน้ำหนักอยู่เนี่ยสิ”
“เฮ้อ คุณสิงเก่งจัง วันๆ กินแต่ผักก็ยังอยู่ได้ ส่งปิงที่บ้านเลยครับ ปิงไม่หิวหรอก”
“แล้วพรุ่งนี้เอาไง ให้ผมมารับไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันไหม จะได้เจอพี่ฝ้ายของปิงด้วย” พรุ่งนี้สิงหาจะไปดูความคืบหน้าที่บ้านใหม่ แล้วก็ไปซื้ออุปกรณ์เครื่องมือช่างไปติดตั้งที่บ้านเก่าซึ่งเตรียมห้องทำงานช่างเอาไว้แล้ว ตัวบ้านถึงจะเก่าแต่สภาพยังดี ของข้างในทั้งของแม่และของเขาก็มีอยู่เต็มไปหมด ลานหน้าบ้านส่วนหนึ่งต่อเติมเพิ่มไว้เป็นห้องทำงานช่างแบบง่ายๆ เหลือพื้นไว้สำหรับวางตู้คอนเทนเนอร์ คนที่ไม่อยากให้ทำอะไรกับบ้านนี้มากที่สุดไม่ใช่แม่แต่เป็นพ่อ พ่ออยากมาเห็นบ้านที่เขากับแม่เคยใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน
“ก็ได้ครับ”
วันรุ่งขึ้นตอนเที่ยงสิงหาก็โทรบอกน่านนทีก่อนที่จะเข้ามารับถึงบ้าน ตลอดการเดินทางไปร้านอาหารแถวคอนโดฯ มีเพียงเสียงสหายต่างวัยคุยกันอย่างออกรส
“ปิงไม่ได้เจอหลานนานแล้วนะเนี่ย เอาไว้หยุดคราวหน้าปิงไปหาที่บ้าน” น่านนทีที่นั่งด้านหน้าเอี้ยวตัวผ่านช่องว่างข้างคนขับมาคุยกับพี่สาวคนสนิท เมื่อครู่ไม่มีที่ให้จอดรถ ฝ้ายเป็นคนลงไปเรียกน่านนทีเลยได้สวัสดีพ่อแม่ของรุ่นน้องนิดหน่อย ส่วนสิงหาได้แต่นั่งบนรถแล้วเปิดกระจกลงมาสวัสดีตอนแม่เดินออกมามองดาราขวัญใจตัวเอง
“เออ จะมาก็โทรบอกก่อนล่ะ ช่วงนี้พี่ต้องออกมาดูทั้งร้านทั้งบ้านให้คุณสิง บางวันก็ไม่อยู่บ้านนะ”
“โอเค จะไปแล้วเดี๋ยวโทรหา เป็นไงครับคุณสิง พี่ฝ้ายเก่งแบบที่ปิงอวยไว้เลยใช่ไหม” น่านนทีหันมองคนขับที่นั่งยิ้มแอบฟังพวกเขาคุยกัน
“ใช่ครับ ฝ้ายทำงานคล่องมาก พี่อ้วนก็ฝากชมมานะว่าเรียนรู้งานเร็ว เรื่องงานในวงการไม่ต้องกังวลนะครับถ้าหางานให้ผมไม่ได้ เมื่อก่อนผมรับพวกงานละครด้วย มันก็จะมีงานโชว์ตัวออกรายการโน่นนี่เยอะ แต่ตอนนี้ผมอยากรับแต่งานหนังอย่างเดียวมากกว่า สักปีละเรื่องก็พอแล้ว”
“มีละครติดต่อมาเยอะนะคะตั้งแต่หนังเริ่มฉาย แต่ฝ้ายก็บอกปัดไปอ้อมๆ หมดแล้วล่ะ พวกรายการหรืองานโชว์ตัวช่วงนี้ก็ติดต่อมาเยอะ แต่น้ำหนักคุณสิงลงไปเยอะแล้วไม่เหมาะจะออกรายการจริงๆ เสียดายนะคะ”
“อีกสามเดือนได้มั้งครับถึงจะเริ่มปรับน้ำหนักขึ้นมาเป็นปกติได้ ตอนนี้ยังต้องลดลงอีกหน่อย”
“เห็นหน้าแม่ปิงตอนคุณสิงไปที่บ้านเมื่อกี้ไหมล่ะ อีกนิดจะร้องไห้แล้วนะนั่น แฟนคลับปวดใจเห็นคุณสิงผอมลง” เขาหัวเราะแม่ตัวเองที่พอรู้ว่าสิงหาขับรถมาจอดหน้าบ้านแต่ลงไม่ได้ก็รีบวิ่งออกมามองหา พอเห็นสิงหาเปิดกระจกลงมาก็เอามือกุมกันแน่นเหมือนปลื้มใจที่พ่อพระเอกรูปหล่อทักทาย ทำเหมือนคนไม่เคยเจอกันนานทั้งที่ไม่กี่วันก่อนก็เพิ่งมาส่งเขาถึงบ้าน
“ฮ่าๆๆ ปิงก็ชอบไปแซวแม่ตัวเอง ผอมแบบสุขภาพดีก็โอเคล่ะครับ”
“ปิงก็อย่างนี้ล่ะค่ะ ชอบแกล้งแม่ตัวเอง แต่พอพี่สาวพี่ชายกลับมาทีตัวเองก็เป็นแค่หมาหัวเน่า งอนแม่ไม่สนใจ เด็กโข่งเอ้ย”
“มันเป็นการแสดงเหอะ ไม่ได้งอนจริงๆ งอนเพื่อความบันเทิงเฉยๆ” อันที่จริงเมื่อก่อนก็มีงอนจริงบ้างตอนเด็กๆ แอบน้อยใจว่าแม่รักพี่ชายพี่สาวมากกว่า พ่อก็เลยโอ๋เขามากหน่อย
“จ้าๆ อยู่กับคุณสิงมากๆ ก็อย่าไปงอนเพื่อความบันเทิงล่ะ งอนจริงๆ ก็ได้ ใช่ไหมคะ” ฝ้ายหันไปแหย่เจ้านายหนุ่มที่นั่งอมยิ้มไม่ตอบคำถาม ได้คุยกับพี่โจหลายครั้งเลยรู้ว่าสองคนนี้มีซัมติงบางอย่าง ไม่รู้ว่าจีบกันอยู่หรือว่าคบกันแล้ว ที่สำคัญคือกำลังโดนคนในคอนโดฯ จับตามองแน่นอน พนักงานคบกันน่ะไม่มีปัญหาหรอก แต่พนักงานกับลูกบ้านคบกันนี่สิเรื่องใหญ่
“ใครจะไปงอน เนอะคุณสิงเนอะ”
“ครับ” แค่ครับคำเดียวทำไมน่านนทีฟังแล้วอยากแยกเขี้ยวใส่ไม่รู้
กว่าจะจบมื้ออาหารและแยกย้ายกันน่านนทีก็รู้สึกเหมือนหน้าเกือบไหม้เพราะฝ้ายเอาแต่หาเรื่องแซว ส่วนคู่กรณีนอกจากไม่ช่วยแล้วยังยิ้มรับให้ได้อายมากกว่าเดิม ฝ้ายกลับมาเอารถที่จอดทิ้งไว้ที่คอนโดฯ ของสิงหาขับกลับบ้าน ส่วนสองหนุ่มค่อยๆ แอบเข้าลิฟต์หลบสายตาพนักงานคนอื่นขึ้นมาบนห้อง
“ถ้าบ้านเก่าคุณสิงก็ยังดีอยู่ทำไมไม่อยู่ต่อล่ะครับ ทำไมต้องสร้างใหม่หรือมาอยู่คอนโดฯ” น่านนทีวางเสื้อสูทพาดกับพนักโซฟาเดี่ยวไว้กันยับ นั่งรอสิงหาที่เอาของไปเก็บในห้องนอนก่อนจะมานั่งข้างๆ กัน เปิดโทรทัศน์ดูรอเวลาก่อนน่านนทีจะไปทำงาน
“บ้านมันเก่ามากแล้วครับ ผมอยากได้บ้านกว้างๆ กว่านั้น แถมหลังบ้านเขาปลูกเป็นหอพัก เมื่อก่อนอยู่บ้านทีไรชอบระแวงว่ามีคนกำลังแอบมองผมก็เลยเช่าคอนโดฯ อยู่แทน”
“อ๋อ ปิงเข้าใจ ดูบ้านปิงสิเป็นตึกแถวติดๆ กันไปหมด บางทีคนทะเลาะกันเสียงดังก็ได้ยิน ปิงก็อยากมีบ้านเป็นหลังๆ มีพื้นที่ให้ปลูกต้นไม้นะ แต่พูดเรื่องนี้ทีไรพ่อแม่ก็ชอบบ่นให้เก็บเงินไว้ๆ จะซื้อรถก็ไม่มีที่จอดอีก ไม่รู้ให้ปิงเก็บเงินไว้ทำไมเหมือนกัน”
“ทำไมพ่อแม่ไม่อยากย้ายล่ะครับ”
“กลัวย้ายไปแล้วขายของไม่ได้ คือพ่อแม่เขาชอบทำงาน ชอบทำกับข้าว ให้หยุดขายอยู่บ้านเฉยๆ ก็ไม่ยอม ลูกๆ เรียนจบหมดแล้วก็เอาเงินให้ใช้นะ แต่พ่อแม่ก็เก็บอย่างเดียวเลย”
“กลัวย้ายไปแปลกที่แล้วจะเหงาหรือเปล่า ตอนแรกแม่ผมก็ไม่กล้าไปอยู่กับพ่อนะ กลัวนั่นนี่ไปเรื่อย พอดีพ่อป่วยแม่เลยต้องไป แต่ก็เสียดายบ้านอีกนั่นแหละ ผมจะขายก็ไม่ให้ จะปล่อยเช่าก็กลัวทำบ้านเสีย พ่อก็ห้ามเหมือนกันผมเลยเอาบ้านมาทำโกดังเก็บของซะเลย” สภาพบ้านเก่าของเขายังดีแต่ไม่พร้อมอยู่ เพราะก่อนย้ายไปเขากับแม่ขายเฟอร์นิเจอร์บางส่วนไปเกือบหมด พวกตู้เสื้อผ้า ที่นอน เตียงที่ทำจากไม้ แม่กลัวว่าไม่มีคนอยู่เดี๋ยวปลวกจะขึ้นก็เลยขายบ้างแจกบ้างให้คนแถวนั้น บางส่วนก็นำไปบริจาค
“เออเรื่องห้องที่คุณสิงถามปิงขอรายละเอียดให้แล้วนะ น่าจะอยู่ที่เคาน์เตอร์ คุณสิงอยากลงไปดูเลยไหมครับ”
“เดี๋ยวค่อยลงก็ได้ครับ ยังไม่ได้เวลาทำงานเลย กว่าจะแอบขึ้นมาได้ อยู่นานๆ นะ”
“คุณสิงไม่โกรธนะที่ปิงแอบๆ แบบนี้ ถ้าเป็นเวลางานคงไม่เท่าไร แต่ขึ้นมาบนห้องแบบนี้ถ้ามีคนเห็นแล้วเอาไปฟ้องอีกปิงจะซวยเอา”
“เขามีกฎห้ามพนักงานคบกับลูกบ้านเหรอครับ” สิงหาไม่ได้คิดมากเรื่องนี้ เพราะอันที่จริงกรณีของเขาน่าจะทำให้น่านนทีลำบากมากกว่า
“ก็ไม่ได้ระบุชัด เพียงแต่ให้ระวังเรื่องความเหมาะสมในการติดต่อลูกบ้านน่ะครับ ปิงก็เข้าใจนะว่ามันดูไม่ดีจริงๆ แต่ก็นั่นแหละ...ปิงก็ไม่รู้จะทำไงเหมือนกัน”
“ไม่ได้คิดจะเลิกคุยกับผมนะ” สิงหามองหน้าอีกคนไม่ยอมให้หลบตา หากปัญหานี้ทำให้น่านนทีเครียดเขาต้องรีบแก้ไข ไม่ปล่อยให้กลายเป็นเรื่องใหญ่จนมากระทบความสัมพันธ์
“ไม่หรอกครับ ปิงไม่คิดว่าการที่เราคุยกันจะเป็นเรื่องผิด แต่ในมุมมองของคนอื่นมันก็พูดยาก ปิงเคยทำงานโรงแรมมาก่อน ถ้ามีพนักงานขึ้นห้องพักไปกับแขกแล้วบอกว่าสนิทกันเพราะแขกมาพักประจำเลยคุยกันบ่อย มันก็ฟังดูไม่ดีจริงไหมครับ เหมือนใช้หน้าที่เอื้อผลประโยชน์ส่วนตัว ถ้าไม่ทำงานที่นี่แล้วจะสนิทกับแขกได้ยังไง ต่อให้ไม่มีเรื่องชู้สาวก็เถอะ”
“ผมจะทำให้ปิงมีปัญหาเรื่องงานรึเปล่าเนี่ย ผมลืมคิดเรื่องนี้จริงๆ นะ”
“ตอนนี้ก็คงไม่เป็นไร ถ้ามีก็ค่อยว่ากัน”
“เดี๋ยวผมเร่งคนงานสร้างบ้านให้เสร็จเร็วๆ เลย ถ้าผมย้ายออกปิงก็ไม่มีปัญหาแล้ว” ทางแก้เดียวที่เขาพอจะนึกออกก็คือทางนี้ ถ้าไม่ได้อยู่ที่นี่จะคบกันก็ไม่ผิด ง่ายมาก
“โห พูดเหมือนง่าย บ้านคุณสิงกว่าจะสร้างเสร็จ ตกแต่งอีก ปีนี้จะเสร็จเหรอ”
“ตามกำหนดคือสิ้นปี คิดว่าน่าจะเสร็จตามกำหนดนะ เพราะทีมงานทั้งหมดมาจากบริษัทชวินหมดเลย ถ้าช่างหนีงานเมื่อไรผมจะไปลากมันมาสร้างแทน”
“โหดกับเพื่อนด้วยเหรอเนี่ย” น่านนทีแกล้งทำตาโตมองคนโหด แต่คนโหดไม่สะทกสะท้านอะไรเลย
“ยกเว้นปิงคนเดียวดีไหม”
“ไม่ต้องหยอดเลย ทีตอนกินข้าวไม่เห็นช่วยปิงเลย ปล่อยให้พี่ฝ้ายรุมอยู่ได้”
“รุมอะไร ผมก็เห็นฝ้ายพูดเรื่องจริงนี่นา” อยากให้น่านนทีงอนใส่ก็คือจริง อยากง้อก็จริงอีก น่ารักก็จริง พูดเก่งแต่เต็มใจฟังก็จริง ฝ้ายพูดอะไรก็จริงไปหมด คำพูดที่ทำให้เขาได้ผลประโยชน์ตรงๆ แบบนี้จะไปขัดทำไม
“จริงๆ คุณสิงเป็นคนเจ้าชู้เงียบใช่ไหม ไม่ใช่พ่อพระแสนดีแบบคีตะเลยสักนิด เอาวิญญาณคีตะกลับมาเข้าร่างเดี๋ยวนี้” น่านนทีอยากโถมตัวไปเขย่าตัวสิงหา แต่แค่ขยับแล้วสิงหามองตาพราวเขาก็หยุด เรื่องอะไรต้องวิ่งไปเข้าปากเสือที่อ้าปากรอแบบนั้น เป็นคนหลอกแต๊ะอั๋งได้เนียนที่สุด ถ้าโถมเข้าไปจริงๆ อย่างน้อยๆ ก็ต้องหลอกจับเอวแน่ๆ เพิ่งกินอิ่มๆ เอวเป็นห่วงเลย ไม่ให้จับหรอก
“ไม่มีทาง ใครจะบ้าแอบรักเป็นสิบปีแล้วไม่บอกก็ช่าง ผมไม่เอาด้วยคน ถ้าชอบก็บอก อยากได้ก็จีบ แอบมองเงียบๆ ให้เสียใจไปวันๆ ผมไม่ไหวนะ” สิงหานึกถึงคีตะในเรื่องแล้วพบว่าแทบไม่มีส่วนไหนเหมือนตัวเขาเลย อย่างน้อยเขาไม่มีทางแอบมองคนที่รักเงียบๆ แบบนั้นแน่นอน
“แสดงว่าคุณไม่เคยแอบรักใครเลยใช่ไหม สงสัยมีแต่คนแอบรักมากกว่า”
“ไม่เคยแอบเลยจริงๆ อย่างที่ปิงรู้ ผมเคยมีแฟนคนเดียว ก่อนหน้านั้นก็ไม่ได้สนใจใครขนาดที่อยากจีบด้วย”
“กับแฟนเก่าคุณสิงก็ไปจีบก่อนเหรอ” น่านนทีแอบอึ้งนิดหน่อย ฟังวีรกรรมแฟนเก่าที่ชื่อพีทแล้วไม่เข้าใจว่ามีดีอะไรให้คนแบบสิงหาตามจีบได้
“ถ้าบอกว่าเขาตามจีบผมจะฟังดูอวดตัวไปไหม”
“ปิงว่ามันน่าเชื่อถือกว่า ฟังวีรกรรมเขา แล้วก็ฟังจากคนอื่นเล่าให้ฟัง ปิงคิดไม่ออกว่าเขามีอะไรให้คุณสิงชอบถึงขั้นตามจีบได้ เอาจริงๆ นะ ตอนนี้ปิงยังนึกไม่ออกเลยว่าทำไมคุณคบกันได้ตั้งหลายปี” เขาไม่อยากบอกว่าแอบไปค้นข่าวเก่าๆ มาอ่าน ความจริงก็ไม่ได้ตั้งใจค้นแต่ออมชอบเปิดให้ดู ก็เลยอ่านดูนิดๆ ผ่านๆ ไม่ได้อยากรู้สักนิด
“ตอนเพิ่งคบกันมันยังเรียนกันอยู่ก็มีความสุขตามวัย เฮฮากับเพื่อนๆ แต่พอทำงานเยอะขึ้นหลังเรียนจบอะไรมันก็เริ่มเปลี่ยน ถ้าย้อนกลับไปได้ผมก็คงคบกับเขาอยู่ดี ช่วงเวลาที่ดีมันก็มีเยอะ เพียงแต่เรื่องแย่ๆ มันร้ายแรงมากเกินไปเท่านั้น”
“แรกๆ ที่คบกันเขาดีมากเลยเหรอครับ” น้ำเสียงน่านนทีสลดลงนิดหน่อยโดยไม่รู้ตัว จากรูปตามข่าวที่เห็นเขาก็รู้ว่าแฟนเก่าสิงหาหน้าตาดีมาก ฐานะดีมาก เป็นดารานายแบบได้สบายเลย
“ผมไม่ได้บอกว่าเขาดีกว่าคนอื่นนะ แต่ตอนนั้นที่คบกันมันก็ดีพอแล้ว เหมือนมีเพื่อนแต่พิเศษกว่าเพื่อนคนอื่น ทำอะไรได้มากกว่า”
“........” ทำอะไรได้มากกว่า!! น่านนทีทวนคำแล้วแอบตาโตกับเหตุผลที่ได้ยิน
“คิดไปถึงไหนล่ะนั่น ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้นเลยนะ” สิงหาแกล้งแซวคนแก้มเริ่มแดง แก้มใสอะไรขนาดนั้น
“อะไรเล่า ปิงไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย” เขาปฏิเสธเสียงแข็ง แต่ทำไมคำนั้นมันติดหูก็ไม่รู้ ทำอะไรได้มากกว่า!!
“แล้วถ้าผมหมายถึงเรื่องนั้นล่ะ”
“ทะลึ่งว่ะ!”
“ฮ่าๆๆ ขึ้นว่ะเลยเหรอ ก็คนเป็นแฟนมันต้องพิเศษเรื่องนั้นอยู่แล้วไหมล่ะ มันเป็นเรื่องธรรมชาติ ส่วนอื่นมันก็ดี มีอะไรก็พูดกันตรงๆ ทะเลาะกัน เอาแต่ใจบ้าง ผมก็มีหน้าที่ง้อ คอยตามใจไปเรื่อย ถ้าผมเล่าแล้วปิงห้ามงอนนะ โอเคไหม”
“โอเค เรื่องอดีตปิงไม่ใส่ใจหรอก ใครๆ ก็มีแฟนเก่า ปิงก็มี เพราะงั้นเล่ามาเลยครับ”
“ผมว่าเราเปลี่ยนมาเรื่องแฟนเก่าปิงก็ดีนะ” สิงหาอยากเปลี่ยนเรื่องทันทีที่ได้ยินคำนี้ นานๆ ทีอีกฝ่ายจะพูดเรื่องแฟนเก่าตัวเอง
“อ้าว อะไรอะ ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่องเลย มันค้างคานะ เดี๋ยวปิงต้องลงไปทำงานแล้วด้วย เร็วๆ ครับ เล่ามา”
“งั้นคราวหน้าปิงต้องเล่าเรื่องแฟนเก่าปิงบ้างนะ แลกกัน”
“โอเค ดีล” น่านนทียื่นมือมาจับกับสิงหาแทนคำสัญญา พอจะดึงมือกลับอีกฝ่ายแกล้งรั้งไว้จนต้องทำตาดุใส่ถึงยอมปล่อย บอกแล้วว่าคนนี้เป็นพวกตีเนียนเก่ง แป๊บๆ หลอกจับมืออีกละ
“คือผมไม่ชอบเปลี่ยนแฟนบ่อย เคยคิดว่าถ้าคบใครก็จะคบกันไปนานๆ พอมีแฟนก็เลยพยายามประคับประคองทุกอย่างให้ไปกันรอด คือพีทก็มีหลายอย่างที่ผมชอบถึงคบได้นาน เคยทะเลาะจะเลิกกันก็บ่อย บางทีผมเหนื่อยไม่อยากง้อแต่มันรู้ตัว ก็เข้ามาง้อมาคลอเคลียผมก็หายละ พอเลิกกันครั้งนี้เพื่อนก็ห่วงนั่นล่ะว่าเดี๋ยวจะเข้ารอยเดิม แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอก ผมชอบคนขี้อ้อนนะบอกไว้ก่อน ชอบให้มานัวเนีย มันรู้สึกน่ารักดี ถ้าเกิดผมกับปิงทะเลาะกันแล้วผมโกรธ ปิงแค่มากอดแขนผมอ้อนๆ แค่นี้ก็หายแล้ว”
“ใจอ่อนแบบนี้ไงครับเลยโดนหลอก” เขาเหล่มองแขนแบนๆ ที่กล้ามหายไปเกือบหมด ให้ไปกอดแขนนี้แล้วอ้อนเนี่ยนะ ไม่เอาด้วยหรอก
“โหปิง หักมุมกันแบบนี้เลยเหรอ จะหยอดทำคะแนนสักหน่อย”
“เล่าเรื่องแฟนเก่าทำคะแนนเนี่ยนะ คะแนนติดลบน่ะสิ” เขามองคนมีความคิดประหลาดไม่เหมือนชาวบ้าน มีการทำคะแนนวิธีนี้ด้วยเหรอ
“ก็แสดงความจริงใจก่อนคบไง ผมแค่อยากบอกว่านิสัยอะไรผมก็รับได้หมด ขอแค่ไม่โกหกกันก็พอ ที่คบกับแฟนเก่าได้นานเพราะผมเคยเชื่อว่ามันไม่เคยโกหกผม ตอนที่รู้เรื่องก็เลยเสียใจมากที่ไว้ใจคนผิดมาตลอด ที่ต้องใช้เวลาทำใจนานก็เพราะนั่งนึกย้อนหลังว่ามีเรื่องไหนที่โกหกกันหรือเปล่า มันแย่นะ กลายเป็นว่าความทรงจำดีๆ หลายๆ เรื่องของเรามันไม่สวยงามเหมือนเดิม”
“ปิงก็ไม่ชอบคนโกหก ไม่ชอบคนโลเลด้วย ถ้าคุณสิงเปลี่ยนใจก็อย่าหลอกปิงนะ”
“สัญญาครับ ตกลงคบกันนะ”
“เอ่อออ.....ทำไมมาเข้าเรื่องนี้ได้ล่ะ ปิงว่าปิงลงไปทำงานดีกว่า” น่านนทีมองนาฬิกาแล้วลุกเตรียมไปทำงาน ไปก่อนเวลาสักห้านาทีสิบนาทีไม่เป็นไรหรอก
“เดี๋ยวสิครับ ให้คำตอบผมก่อน” สิงหาจับข้อมือคนลุกหนีไว้ ไม่ยอมให้เดินไปไหน เลื่อนมือลงมาจับที่มือนิ่มๆ แต่เล็กกว่าเขาเยอะเลย
“ก็...คุณสิงรอไม่ไหวแล้วเหรอ เราเพิ่งคุยกันไม่นานเองนะ” สิงหาดึงมือให้เขานั่งลงข้างๆ ตามเดิมแต่เขายื้อแขนเอาไว้ รู้สึกว่าการนั่งลงไปไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไร
“รอไหวครับ แต่รอสิบปีแบบในหนังไม่เอานะ”
“ไม่นานขนาดนั้นหรอก”
“งั้นบอกเวลาคร่าวๆ ได้ไหม” เขาถามแบบไม่ได้ต้องการเร่งรัด สิงหาเชื่อว่าถ้าถึงเวลาเราจะรู้ได้เอง สำหรับเขาตอนนี้อยากคบเลยไหมก็คืออยาก แต่ถ้ายังไม่พร้อมก็ไม่เป็นไร
“ก็...ไม่รู้เหมือนกัน ใกล้แล้วมั้ง”
“ใกล้แค่ไหน ตอนนี้เต็มร้อยให้กี่คะแนนดี”
“อืม...ยี่สิบ”
“โหปิง กดคะแนนเกินไปรึเปล่า อย่าใจร้ายนักสิครับ” เขย่ามือที่จับไว้เบาๆ เจ้าของมือแกล้งมองรอบๆ ห้องไม่หันมาสบตากันเลย
“...ก็อีกยี่สิบจะเต็มร้อยไง”
“.....ขอบคุณครับ ดีใจนะเนี่ย อยากกอดขึ้นมาเลย”
“ไม่ต้องเลย วันนี้ทะลึ่งหลายรอบแล้วนะ ตกลงเป็นคนอย่างนี้ใช่ไหม”
“ไว้เต็มร้อยแล้วผมให้พิสูจน์นะ”
“งั้นลดเหลือเจ็ดสิบพอ”
“ใจร้ายไม่ให้ออกจากห้องนะ”
“คุณสิง! ห้ามแกล้ง!! แล้วมือนี่ก็ปล่อยเลย ปิงต้องไปทำงานแล้ว” คนโวยวายขอมือคืนแต่สะบัดเบาๆ ยังไงก็ไม่หลุด คนที่จับไว้ก็ไม่ยอมปล่อยสักที
“โอเค ไม่แกล้งก็ได้ ห้ามหักคะแนนกันนะ ไปครับเดี๋ยวผมลงไปด้วย”
“มือน่ะมือ เนียนเลยนะ”
“ซ้อมให้ชินมือเฉยๆ ไปเร็ว เดี๋ยวเข้างานสาย” สิงหาทำเป็นเหลียวมองมือที่จับไว้แต่ก็ไม่ปล่อยออก เดินนำออกจากห้องเข้าลิฟต์ก็ยังจับมือนิ่มๆ ที่เจ้าของทวงคืนแต่ไม่พยายามยื้อไปเอง น่านนทีทำเป็นมองเลขลิฟต์ค่อยๆ น้อยลง ไม่สนใจสายตาสิงหาที่จ้องอยู่ใกล้ๆ รู้สึกถึงลมหายใจข้างขมับอุ่นๆ ลิฟต์หยุดชั้นล่างสุดมือของทั้งคู่ถึงค่อยๆ คลายออกจากกัน...ซ้อมไว้ก่อนนะ
—¤÷(`[ ♌ ♡ ▽ ]´)÷¤—
หวานๆ จ้าาาาาาา