เสื้อกาวน์เก่าๆ.......กับเราสองคน ตอนที่ 117 คนเคยรัก
โดย Dr.mike ณ วันที่ 6 กันยายน 2010 เวลา 18:12 น.
หลังจากอาหารเที่ยงที่สุดแสนอร่อยจากฝีมือแม่ผมและเจ้าตัวเล็กผ่านพ้นไปเรียบร้อยแล้ว ผม เจ้าตัวเล็กและนายม่อนก็ออกมาเดินยังศูนย์การค้าใกล้บ้านเพื่อจับจ่ายซื้อของสำหรับอาหารมื้อเย็นในบ้านของเราและตอนนี้หน้าที่ในการจับจ่ายซื้อของก็เป็นของเจ้าตัวเล็กโดยมีผมและนายม่อนเดินตามติดๆ แบบไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวเท่าไหร่ซะมากกว่า
แต่จู่ๆ ขณะที่เดินๆ อยู่นั้นเสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้นและเมื่อผมดูที่หน้าจอแล้วก็ถึงกับตกใจด้วยความไม่คาดคิดว่าเจ้าของ เบอร์นี้จะโทรมาหาผมอีกครั้ง
''เป็นไงบ้างไม้ สบายดีมั้ย ไม่ได้คุยกันซะนาน'' เสียงที่เคยคุ้นหูเอ่ยเจื้อยแจ้วทักทายมาตามสาย
''อ๋อ เราสบายดี แล้วเจนละเป็นไงบ้าง'' ผมเอ่ยถามกลับไป
''ก็สบายดีพอดีว่าเราโทรไปทำฟันที่บ้านไม้มาเมื่อกี้เห็นแม่บอกว่าไม้กลับมาบ้านเลยลองโทรหาไม้ดู เย็นนี่ว่างหรือเปล่า''
''เย็นนี้เหรอ…'' ผมคิดทบทวนดูตารางแผนการผมเย็นนี้
''เย็นนี้ว่างไม่ได้ไปไหน มีไรเหรอ'' ผมตอบเจนที่รอคำตอบอยู่ปลายสายกลับไป
''พอดีเราว่าจะโทรมาชวนไม้ทานข้าวฟังเพลงกันหน่อยอ่ะ พอดีเราจะไปเรียนต่อแล้วเลยนัดเพื่อนๆ เลี้ยงฉลองกัน ไม้ไปด้วยกันนะ'' เอาละซิ เธอเล่นยื่นข้อเสนอมาอย่างงี้เลยแฮะ
''โอเค เจอกันที่ไหนกี่ทุ่ม'' ผมถามรายละเอียดจากเจนถึงสถานที่นัดหมายเลี้ยงฉลองให้เธอคนนี้ คนที่ผม ‘เคยรัก เคยผูกพัน’ วันนี้เธอกำลังจะมีอนาคตที่ดี อย่างน้อยเพื่อนเก่าอย่างผมก็ควรไปแสดงความยินดีด้วยไม่ใช่เหรอ ถึงผมจะเลิกรากันไปแต่อย่างน้อยความเป็นเพื่อนของเราก็ยังคงหลงเหลืออยู่ ไม่ได้ลาจากเราสองคนไปไหน
หลังจากนั้นเราสามคนก็หิ้วของกลับบ้านไปให้แม่ทำกับข้าว
''แม่ครับเย็นนี้ไม่ต้องทำกับข้าวเผื่อไม้กับติ๊บนะคับ เดี๋ยวเราสองคนออกไปทานข้างนอก''
''อ้าว ทำไมไม่อยู่ทานข้าวเย็นกับพ่อแม่ละ นานๆ จะได้ทานข้าวกันซักทีนึง''
''พอดีเจนอ่ะคับแม่จะไปเรียนต่อเมืองนอกแล้ว เลยชวนเพื่อนในรุ่นไปเลี้ยงฉลองกันผมเลยกะจะพาติ๊บไปด้วย''
''อ๋อ หนูเจนวันนี้ก็มาให้แม่ทำฟันให้นะ พอดีครอบฟันเขาหลุด''
''ครับผมพอดีเพื่อนเก่าๆ ก็จะมารวมตัวกันเยอะแยะ ผมเลยว่าจะไปเจอหน้าเพื่อนๆ ซะหน่อย''
''ไปเหอะลูก อย่ากลับดึกมากแล้วกันอย่าเมามากละ ติ๊บแม่ฝากดูแลพี่เขาด้วยนะลูก'' แม่ผมกำชับราวกับผมเป็นเด็กในปกครองของติ๊บซะงั้นแหละ
''ครับผม'' เจ้าตัวเล็กรับคำก่อนเดินเข้าไปช่วยแม่เตรียมอาหารมื้อเย็นในครัวจนเสร็จเรียบร้อย จึงขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวตามคำสั่งของผม
จะว่าไปอันที่จริงงานนี้ถ้าผมไปคนเดียวก็ไม่ได้เสียหายอะไร เพราะงานนี้ก็มีแต่เพื่อนๆ ร่วมรุ่นกันอยู่แล้ว แต่ก็อยากพาเจ้าตัวเล็กไปเปิดหูเปิดตาบ้าง อยู่แต่กับตำราจนตามโลกภายนอกเขาไม่ทันอยู่แล้ว
''พี่ไม้ครับ ติ๊บว่างานเลี้ยงที่มีแต่เพื่อนๆ แบบนี้ พี่ไม้ไปคนเดียวดูจะเหมาะกว่ามั้ยคับ'' จู่ๆ เจ้าตัวเล็กก็เอ่ยขึ้นหลังจากอาบน้ำเสร็จ
''ทำไมละ ไม่อยากไปเหรอ'' ผมเอ่ยถามเจ้าตัวเล็กที่ทำหน้าพะว้าพะวงอยู่หน้าตู้กระจก
''ก็งานนี้มีแต่เพื่อนพี่ไม้ ติ๊บไม่รู้จักใครก็ไม่รู้จะไปทำไมวางตัวไม่ถูกอะ'' เจ้าตัวเล็กตอบด้วยสีหน้าเป็นกังวล
''ที่พี่อยากให้ติ๊บไปเพราะพี่อยากให้ติ๊บไปเปิดหูเปิดตาบ้าง ดูบ้างว่าโลกภายนอกเขาเป็นยังไง ไม่ใช่เอาแต่อยู่แต่ในตำรา แล้วอีกอย่างพี่อยากให้ติ๊บไปเจอคนคนนึง'' ผมตอบจริงจัง…
และแล้วราวเกือบชั่วโมงผมกับติ๊บก็มาอยู่ร้านที่ผมและเพื่อนๆ นัดผมกันประจำแถวๆ เอกมัย ร้านอาหารกึ่งผับซึ่งตอนนี้ก็เป็นเวลาสองทุ่มกำลังดีสำหรับการพบปะสังสรรค์
เจน ผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งผมเคยคิดว่าผมรักเธอและเธอคือคำตอบสำหรับการค้นหาของผม แต่จะโทษระยะทาง ความห่างไกล หรือบางทีอาจจะเป็นใจของเราสองคนเองที่ไม่มั่นคงและไหวเอนไปตามสิ่งรอบข้าง ทำให้วันนี้สถานะและบทบาทจากคนสำคัญของกันและกันของเราสองคนยุติและสิ้นสุด ลงเพียงคำว่าเพื่อนที่แสนดีเท่านั้น
ผมยังจำภาพแรกของเจนกับผมได้ดี หญิงสาวรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าสวยเก๋และไม่ได้ถูกบดบังจากกรอบแว่นตาหนาเตอะเหมือนเพื่อนๆ คนอื่น เธอเป็นคนมีอัธยาศัยดีจนเป็นที่รักใคร่ของเพื่อนในคณะ ตลอดระยะเวลาที่เรียนด้วยกัน เธอมักเป็นที่พึ่งของเพื่อนๆ ในคณะเดียวกัน จนผมต้องขอให้เธอช่วยในหลายๆ เรื่อง จากความสัมพันธ์แบบเพื่อน พัฒนาจนเป็นคนรู้ใจ
หญิงสาวใบหน้าสวยเก๋ ดูทันสมัยและมีความมั่นใจในตัวเองที่ ผมคุ้นเคยตอนนี้เธอก็มิได้มีอะไร เปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด เธอยังคงเอ่ยทักทายและยิ้มแย้มให้กับเพื่อนฝูงตลอดจนแฟนๆ และเพื่อนสนิทคนรู้ใจของบรรดาเพื่อนๆ แต่ละคนที่เข้ามาทักทาย
''ไม้ '' เธอยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าผมจ้องหน้าผมนิ่งราวกับจะให้ผมอ่านข้อความอะไรภายในใจของเธอ
''ดีใจด้วยนะเจน ในที่สุดก็ได้ทุนไปเรียนต่อซักทีไม่เหมือนเราที่ยังไม่มีที่ไปเลย'' ผมเอ่ยยิ้มๆ ก่อนยื่นกล่องของขวัญที่บรรจงเลือกมาให้เธอเป็นของขวัญก่อนการเดินทาง
''ไม่หรอก เราเชื่อว่าไม้มีอนาคตที่ดีแน่ๆ แค่รอหน่อยเท่านั้นเอง'' เจนเอ่ยยิ้มๆ ให้ผมก่อนเอื้อมมือมารับกล่องของขวัญ
''อ๋อ ลืมแนะนำนี่น้องติ๊บ รูมเมทเราที่พิษณุโลกพอดีมาเที่ยวกรุงเทพเลยพามาด้วย''
''ติ๊บนี่พี่เจน หมอฟันคนสวยเพื่อนพี่เอง'' ผมเอ่ยแนะนำให้สองคนได้รู้จักกัน และตอนนี้ผมสังเกตดูท่าทีที่ไม่มั่นใจจน ออกอาการประหม่าของเจ้าตัวเล็กอย่างนึกขำอยู่ในใจ เสียงเพลงไฟสลัว ผู้คนที่ไม่คุ้นเคย คงจะทำให้เจ้าตัวอึดอัดได้ไม่น้อยทำให้ผมต้องหันมาเทคแคร์อยู่บ่อยๆ
แต่แปลกนะผมมองคนสองคนที่นั่งข้างๆ กันในตอนนี้ หมอเจน หมอติ๊บ สองคนแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ผมไม่สามารถเปรียบเทียบได้ว่าสองคนนี้ใครดีกว่ากันอย่างไร แต่ที่ผมรู้คือบางครั้งการที่ผมสบตาหมอติ๊บเราไม่ต้องมีคำพูดใดๆ ร้อยพันออกจากปากพร่ำพรรณาแต่เราก็สื่อสารและรับรู้ความต้องการของกันและกันได้ และดูท่าผมจะขาดไม่ได้ซะด้วยซิแววตาแบบนั้น
ตอนนี้เพื่อนๆ แต่ละคนสนุกสนานไปกับการพูดคุยสนทนาที่เราไม่มีโอกาสได้พูดคุยกันเลยตั้งแต่เมื่อครั้งที่แยกย้ายกันในวันจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายไปเป็นหมอใช้ทุนตามชนบทบ้าง ไปเรียนต่อบ้าง ตามทางชีวิตของแต่ละคน
ตอนนี้เพื่อนๆ หลายคนเริ่มลุกขึ้นโยกตามจังหวะเพลงและแสงสี ตลอดจนถึงฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่เริ่มถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดมากขึ้น
เก้าอี้ที่เรานั่งทานอาหารเมื่อซักครู่ถูกทยอยยกออกไปทีละน้อยๆ จนเหลือเพียงโต๊ะไว้วางแก้ว จังหวะดนตรีเริ่มเร็วขึ้นจนกลายเป็นจังหวะแห่งการออกลวดลายลีลาแทนการนั่งฟังเพลงแบบสบายๆ เมื่อซักครู่ ผมเองก็เช่นกันแอลกอฮอล์คงเริ่มเข้าสู่กระแสเลือดมากขึ้น จากการระดมชนแก้วจากเพื่อนๆ ในรุ่นคนแล้วคนเล่าจนตอนนี้เริ่มจะมึนๆ แล้วแฮะ
''เอ้าไม้ ชนแก้วกันหน่อยเว้ '' เพื่อนชายของผมคนหนึ่งเอ่ยทักทายพร้อมหันมาชนแก้วเหล้าในมือกับผมที่ยืน อยู่ข้างๆ หมอติ๊บที่ยืนแข็งทื่ออยู่ข้างๆ ผม
''อ่ะน้องครับ ชนแก้ว'' เพื่อนผมเอ่ยชวนเจ้าตัวเล็กและเจ้าตัวเล็กก็ตอบรับไมตรีด้วยการชนแก้วไปซะด้วยแฮะ
ตอนนี้กลุ่มของผมซึ่งอยู่ด้านหน้าเวทีเริ่มโดนบังเบียดจากวัยรุ่นกลุ่มอื่นๆ ที่มาสนุกสนานกับการแสดงคอนเสิร์ตบนเวทีมากแล้ว
''น้องคับ ชนแก้วกันหน่อยคับ'' ชายหนุ่มวัยรุ่นแต่ไม่ใช่เพื่อนผมแน่ๆ หันมาเอ่ยชวนเจ้าตัวเล็กที่ยืนเบียดอยู่ในอกอุ่นๆ ของผมเอ่ยชวน เจ้าตัวเล็กก็ชนแก้วไปกับเขาซะงั้น
''ไปรู้จักเขาตั้งแต่เมื่อไหร่'' ผมเอ่ยกระซิบข้างหูเจ้าตัวเล็กพร้อมออกอาการหึงหวงเล็กน้อย
''อ้าว นึกว่าเพื่อนพี่ไม้ซะอีกเห็นหล่อดี ลืมตัว'' เจ้าตัวเล็กแลบลิ้นตอบแบบเล่นมุกขำๆ ซะงั้น
ผมหันไปจ้องหน้าชายวัยรุ่นหน้าตาคมคายที่ยืนจ้องเจ้าตัวเล็กไม่ละสายตาอยู่เวลานี้ แม้ไฟจะสลัวจนถึงขั้นมืด แต่ไฟที่กระพริบเป็นระยะๆ ก็ทำให้ผมอ่านจุดประสงค์ของชายหนุ่มคนนี้ได้ดี ผมรั้งเจ้าตัวเล็กเข้ามาแนบชิดลำตัวกับผมมากขึ้น ยิ่งดึกคนยิ่งเยอะเบียดกันนิดชิดกันหน่อยก็คงไม่เป็นที่สงสัยเท่าไหร่หรอกมั้ง
แต่ครั้งแล้วครั้งเล่าทั้งรอยยิ้มและคำเอ่ยทักทายที่ไอ้หมอนั่น ก้มมากระซิบจนเกือบจะหอมแก้มไอ้ตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมอกผมตอนนี้ จนผมชักจะไม่ชอบขี้หน้ามันเท่าไหร่แล้วซิ
เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของผม รั้งเจ้าตัวเล็กให้มาแนบชิดผมเข้าไปอีก จนตอนนี้เจ้าตัวเล็กหน้าแดงก่ำแม้จะอยู่ภายใต้ไฟสลัวแต่ผมก็สังเกตอาการเขินได้อย่างชัดเจน มือสองมือของผมล้วงเข้าไปในเสื้อเจ้าตัวเล็กก่อนผ่านขอบเกงเกงยีนส์เอวต่ำลง ไปสัมผัสกับแก้มก้น ในขณะที่ผมทำหน้าตาเฉยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เจ้าตัวเล็กดันหน้าอกผมให้ห่างอกกจากตัวเองมากขึ้นแต่แรงแค่นี้รึจะสู้แรงผม ผมลวนลามแฟนตัวเองในผับมันก็ตื่นเต้นดีเนอะผมขำในใจ เมื่อเจ้าตัวยกมือขึ้นผลักหน้าอกผมมันส่งผลให้ร่างกายของผมและเจ้าตัวเล็ก มันแนบชิดกันมากขึ้นอีก
และตอนนี้ไอ้หนุ่มวัยรุ่นหน้าหล่อนั่นก็จ้องมองผมกับเจ้าตัวเล็กอยู่ไม่ห่างและนานๆ จึงจะสะกิดเจ้าตัวเล็กไปคุยทีแต่ดูท่าจะไม่เป็นผลเมื่อผมไม่ปล่อยให้เจ้าตัวเล็กเป็นอิสระโดยการมีพื้นที่ให้ร่างกายตัวเองมากนัก
แค่จะหันตัวไปคุยกับไอ้หมอนั่นยังยากเลย และเมื่อไฟสลัวและมืดลงในบางจังหวะผมก็ฉวยโอกาสไปจูบเจ้าตัวเล็กโชว์ไอ้หนุ่มหน้าหล่อนั่นซะเลย สะใจเป็นที่สุด ฮ่าๆ… ( --* )
ตอนนี้ร่างสองร่างของผมกับเจ้าตัวเล็กเบียดเสียดกันภายใต้แสงไฟสลัวและเสียงเพลงเร้าใจ จะว่าไปเพื่อนๆ ผมคนอื่นๆ ก็อยู่ในลักษณะเดียวกันเพราะคนแน่นมาก จนไม่เป็นที่ผิดสังเกตของคนอื่นๆ นอกจากชายหนุ่มหน้าหล่อที่ก้อล้อก้อติดเจ้าตัวเล็กเมื่อซักครู่ที่จ้องดู อากัปกิริยาผมสองคนอย่างไม่ละสายตา และเมื่อเจอบทที่ผมแสดงความเป็นเจ้าของเจ้าตัวเล็กก็ถึงกับทำหน้าเหวอไปทีเดียว ให้รู้ซะมั่งใครเป็นใคร… ยังห่างชั้นกันอีกเยอะน้อง
หลังจากสนุกสนานกับคอนเสิร์ตกันทั้งคืนจนดึกดื่นแล้ว เราสองคนก็ได้เวลาล่ำลาเพื่อนฝูงของผมกลับบ้านและคนอื่นๆก็แยกย้ายกันไป
''โชคดีกับการเดินทางนะเจน'' ผมยิ้มให้กับเจ้าของงานนี้
''ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างน่ะไม้'' พูดจบเจนก็โผเข้ากอดผมด้วยอาการมึนเมาไม่แพ้กัน แต่นี่มันไม่ได้มาจากความมึนเมาของเจนเลยผมพอจะเดาออก ผมกอดผู้หญิงครั้งนึงที่ผมเคยรักมากเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนยิ้มให้และจากกันด้วยดี
''ฝากน้องดูแลผู้ชายเพื่อนพี่คนนี้ดีๆ ด้วยนะคะ'' เจนหันมาบอกหมอติ๊บ
''เจน... '' ผมอึ้งและหาคำอธิบายไม่ถูก ( \\*-*// )
''ไม่เป็นไรหรอกไม้ เราเห็นและเข้าใจทุกอย่างแล้ว เราดีใจด้วยซะอีกที่เพื่อนของเรามีทางเดินที่ดี'' แทนคำตอบผมกอดเจนแน่นและเนิ่นนานเป็นการล่ำลาครั้งสุดท้ายของเราสองคน
ขอบคุณเจนเช่นกันที่ทำให้ผมเข้าใจความรักมากขึ้น และขอบคุณที่ครั้งนึงเราเคยรักกัน...
ปล. ขอให้เดินทางโดยสวัสดีภาพครับ พี่เจน เพื่อนกันตลอดไปเน๊าะ