จูบที่ยี่สิบหก ฉลองมิตรภาพของคุณกับ Thee Dumrongdech
1 ปีทีเป็นเพื่อนกันบนเฟซบุ๊ก! น้าแตขับรถของเธอมาส่งผมกลับบ้าน ผมนั่งจิตหลุดตลอดทาง ยิ่งซึมหนักเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นแจ้งเตือนว่าวันนี้เป็นวันครบรอบหนึ่งปีที่เขาเข้ามาในชีวิต
หนึ่งปีที่ผ่านมามีอะไรเกิดขึ้นมากจริงๆ จากคนคุ้นหน้าเรากลายมาเป็นคนสนิท จากคนที่เคยเห็นในสื่อกลายมาเป็นคู่ชีวิต
วันนี้ผมคืนเขาให้กลับไปเป็นแบบเดิมอีกครั้ง
ผมกอดขอบคุณน้าแตที่เอ็นดูผมเหมือนลูกหลาน เมื่อถึงบ้านก็เจอสมาชิกในครอบครัวเกือบทุกคนที่มารวมกันอยู่ในห้องโถง ทุกคนดูโล่งใจมากทีเดียวที่ผมกลับบ้านสักที และแม้จะไม่มีใครว่าอะไร แต่ผมก็อดมองพวกเขาด้วยความรู้สึกผิดไม่ได้
พวกเขาคืออีกเหตุผลที่ทำให้ผมไม่อยากหนี
“กินอะไรมาหรือยัง” แม่ลุกจากโซฟาแล้วเดินเข้ามาหา ผมส่ายหัว เพราะหลังจากกลับจากวัดจนถึงตอนนี้ที่ตะวันใกล้ตกดินก็ไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย
“แม่ทำข้าวต้มกุ้งไว้ในครัว ไปกินกัน” แม่ประคองมือบนหน้าผมอย่างอ่อนโยน หันไปพยักหน้าส่งสัญญาณให้คนอื่นว่าทุกอย่างเกี่ยวกับผมเรียบร้อยดี และดึงมือผมเข้าไปในครัว
แม่ตักข้าวต้มให้ผมนั่งกินเงียบๆ และนั่งมองผมจากเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม แค่ปล่อยให้ผมกินอย่างนั้นและไม่พูดอะไร ทำให้ในห้องครัวมีเพียงแค่เสียงกุ๊งกิ๊งของช้อนกระทบชาม กับเสียงสูดหายใจของผมที่ควบคุมลำบากมากขึ้นทุกที
แปลกดี การได้กลับมาบ้าน กินอาหารฝีมือแม่ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็อดไม่ได้ที่จะเปิดเผยความอ่อนแอในตัวเองออกไป
“เธอ...” ผมกลืนข้าวไปพร้อมกับก้อนแข็งๆ ในลำคอ รู้สึกถึงความฉ่ำแฉที่ไหลอาบแก้มไม่รู้ตัว...ขี้แยให้แม่เห็นอีกแล้ว
“จุ๊บทำพลาดอะแม่” ผมวางช้อน พยายามพูดให้ชัดเจนที่สุดแข่งกับแรงสะอึกสะอื้น “จุ๊บทำทุกอย่างพังไปหมด”
แม่ยื่นมือมาจับสองมือผมแน่น ถ่ายความอบอุ่นของเธอลงบนมือนั้น “ไม่หรอก...”
“ผมไม่น่าหนีไป แก้ปัญหาเองไม่ได้แล้วทำให้ทุกคนเป็นห่วง”
“เธอ ไม่เป็นไรเลยเรื่องนั้น แค่เธอกลับมาแม่ก็ดีใจมากแล้ว”
“จุ๊บทำให้ทุกอย่างแย่ลงจริงๆ” ผมเล่าทุกอย่างให้แม่ฟังตั้งแต่เริ่มหนีออกจากบ้านไป การที่เราไปกบดานที่บ้านอีกหลังของเขา การไปวัดที่ให้เรื่องยุ่งเหยิงขึ้น และการตัดสินใจที่อาจทำให้ธีร์เกลียดผมไปตลอดกาล
“บางทีการจูบหยุดเวลาของเรามันอาจจะไม่ใช่พลังวิเศษอย่างที่เราคิด”
“...”
“บางทีมันอาจจะเป็นคำสาปที่ทำให้เรารักกันไม่ได้ อะไรแบบนั้นมั้งครับ”
ผมปาดคราบน้ำตาออกจากแก้ม หยุดงอแงและยิ้มชืดให้แม่อย่างสิ้นหวัง หญิงท้วมวัยสี่สิบตรงหน้ามองผมอย่างเห็นใจ เธอลุกจากฝั่งตรงข้ามแล้วเดินมานั่งข้างผม
“มีเรื่องนึงที่แม่ไม่เคยเล่าให้จุ๊บฟัง คือตอนสมัยสาวๆ แม่เคยเลิกกับพ่อด้วยนะ” แม่พูด สีหน้านึกย้อนถึงความหลัง “ช่าย เธออาจคิดว่าฉันกับพ่อเธอไม่เคยมีปัญหา เป็นคู่ชีวิตกันมันก็ไม่เลิกกันหรอก เพราะยังไงมันก็คู่กัน...แต่แม่เคยเลิกกับพ่อไปช่วงหนึ่ง ช่วงใหญ่ๆ เลยล่ะ เพราะที่บ้านพ่อเกลียดแม่มาก”
“แล้วแม่ทำยังไงครับ”
“ไม่ทำยังไงเลย ผ่านไปหกเดือนก็กลับมาหากัน”
“แล้วที่บ้านพ่อเขาไม่ว่าอะไรเหรอครับ”
“ไม่สน”
ผมนิ่งไปเพราะคำตอบนั้น
“บางทีเราก็ต้องสละอะไรบางอย่างให้ได้รักกัน พ่อเขาก็สละครอบครัวของเขา แม่ก็สละสิทธิ์การเป็นลูกสะใภ้ไปเลย”
“...”
“รู้ไหมแม่เรียนรู้อะไรจากเหตุการณ์นั้น แม่เรียนรู้ว่าการเลิกกันครั้งนั้นมันงี่เง่ามาก เพราะมันพรากเวลาที่แม่กับพ่อควรจะอยู่ด้วยกันไปตั้งหกเดือน”
“...”
“จุ๊บ เราเป็นคู่กันก็จริง ความรักของเราไม่มีวันหมดอายุก็จริง แต่อย่าลืมว่าเวลาของเราแต่ละคนมันมีวันหมดอายุนะ”
แม่พูด โคลงหัวเชิงบอกว่า ‘ดูแม่ตอนนี้สิ’
“แต่มัน...มีบางเรื่องที่ใหญ่กว่าความรักมาก...”
“แม่รู้ นี่ไงเหตุผลที่ทำให้แม่กับทุกคนรักเธอ” แม่เอื้อมมือสางเส้นผมที่ปรกหน้าผากของผมขึ้น “จุ๊บเป็นคนที่แคร์ทุกอย่าง ทุกอย่างจริงๆ และแม่ดีใจที่เลี้ยงเธอให้เป็นคนแบบนี้ได้...แต่บางครั้ง...บางครั้งนะ ถ้าเราแคร์อะไรหลายอย่างเกินไป เราจะไม่รู้เลยว่าเราควรแคร์สิ่งไหนมากที่สุด”
“...”
“แล้วเธอลองถามตัวเองว่า สิ่งที่เธอควรแคร์มากที่สุดตอนนี้ คือความคิดเห็นของคนอื่นเหรอ”
“...”
“สิ่งที่จุ๊บควรแคร์มากที่สุด ไม่ใช่ธีร์หรอกเหรอ”
ผมเงียบ ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่แม่พูดคือความจริง
“แต่ตอนนี้เขาคงเกลียดจุ๊บไปแล้วมั้งครับ”
แม่หัวเราะใจค้านคำพูดของผมกลายๆ และถามผมต่อ “รู้ไหมทำไมแม่รับเรื่องจุ๊บกับธีร์ได้เร็ว ทำไมแม่มั่นใจนักว่าธีร์จะเป็นคู่ชีวิตจุ๊บแน่ๆ”
“เพราะ...แม่รู้มาก่อนตอนที่ยายบอก?” จากภาพในฝัน ยายบอกแม่ตอนนั้น
แต่แม่กลับส่ายหัว
“ก่อนหน้าที่ยายบอกก็ใช่ แต่แม่ก็คิดสงสัยมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเจอเหตุการณ์ที่ทำให้แม่มั่นใจว่าจุ๊บมีรักแท้” เธอเล่า “จำตอนที่ธีร์มาง้อที่บ้านได้ไหม ที่แม่ถามจุ๊บว่าอยากให้ไล่ธีร์กลับไปหรือเปล่า แล้วจุ๊บห้ามแม่ไม่ให้ทำแบบนั้น”
“จำได้ครับ” ผมยิ้มขืน
“ตอนนั้น จุ๊บยังให้อภัยธีร์ได้เลยนะ”
“...”
“แม่ว่าธีร์ให้อภัยจุ๊บได้แน่นอน”
เสียงแจ้งเตือนของโทรศัพท์ดังขึ้น มันเป็นข้อความจากเบอร์ที่ผมไม่รู้จัก แต่ผมรู้ทันทีว่ามันถูกส่งมาจากเขา
(ต่อด้านล่าง)