พิมพ์หน้านี้ - จุ๊ บ ที { ตอนพิเศษ : จีบที | 30.5.2561 | Page 29 } (จบ)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: ตัวแม่ ที่ 01-06-2016 23:05:42

หัวข้อ: จุ๊ บ ที { ตอนพิเศษ : จีบที | 30.5.2561 | Page 29 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 01-06-2016 23:05:42
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0)

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0)

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


(http://www.uppic.org/image-2024_57571DD5.jpg)

จุ๊ บ ที
by ตัวแม่*

(จบแล้ว)

สารบัญ
ก่อนจูบ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54145.msg3392373#msg3392373)
จูบแรก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54145.msg3392387#msg3392387)
จูบที่สอง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54145.msg3395198#msg3395198)
จูบที่สาม (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54145.msg3396836#msg3396836)
จูบที่สี่ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54145.msg3400020#msg3400020)
จูบที่ห้า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54145.msg3405080#msg3405080)
จูบที่หก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54145.msg3415637#msg3415637)
จูบที่เจ็ด (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54145.msg3427929#msg3427929)
จูบที่แปด (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54145.msg3481077#msg3481077)
จูบที่เก้า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54145.msg3714807#msg3714807)
จูบที่สิบ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54145.msg3718505#msg3718505)
จูบที่สิบเอ็ด (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54145.msg3722325#msg3722325)
จูบที่สิบสอง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54145.msg3728254#msg3728254)
จูบที่สิบสาม (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54145.msg3729470#msg3729470)
จูบที่สิบสี่ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54145.msg3733390#msg3733390)
จูบที่สิบห้า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54145.msg3735573#msg3735573)
จูบที่สิบหก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54145.msg3749358#msg3749358)
จูบที่สิบเจ็ด (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54145.msg3754517#msg3754517)
จูบที่สิบแปด (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54145.msg3779178#msg3779178)
จูบที่สิบเก้า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54145.msg3779508#msg3779508)
จูบที่ยี่สิบ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54145.msg3780267#msg3780267)
จูบที่ยี่สิบเอ็ด (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54145.msg3780726#msg3780726)
จูบที่ยี่สิบสอง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54145.msg3781675#msg3781675)
จูบที่ยี่สิบสาม (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54145.msg3783004#msg3783004)
จูบที่ยี่สิบสี่ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54145.msg3785018#msg3785018)
จูบที่ยี่สิบห้า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54145.msg3787249#msg3787249)
จูบที่ยี่สิบหก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54145.msg3788774#msg3788774)
จูบที่ยี่สิบเจ็ด (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54145.msg3788777#msg3788777)
จูบที่ยี่สิบแปด (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54145.msg3790511#msg3790511)
จูบที่ยี่สิบเก้า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54145.msg3790518#msg3790518)
จูบสุดท้าย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54145.msg3790523#msg3790523)
จูบส่งท้าย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54145.msg3790529#msg3790529)






ไปชม ติ กรี๊ด ระบาย ส่งกำลังใจให้กันได้ที่แท็ก #จุ๊บที ในทวิตเตอร์ได้นะคะ : )

*
ผลงานอื่นๆ
-  เรื่องสั้น 'Escape Hours ในด้านมืด' (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52615.0)

ฝากเพจ ตัวแม่ (https://www.facebook.com/ftheauthor/) ด้วยค่ะ : )

หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ก่อนจูบ + จูบแรก | UPDATE 1.6.2559 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 01-06-2016 23:10:08

(http://www.uppic.org/image-730A_57571DD5.jpg)

ก่อนจูบ

   หญิงสาวผมยาวหนาในชุดผ้ามัดอกสีน้ำตาลกับโจงกระเบนสีแดงเข้มวิ่งกระเตงผ่านหน้าพยาบาลและผู้ป่วยจำนวนมาก ตามมาติดๆ ด้วยชายหนุ่มตัวสูงตาสีฟ้าที่เนื้อตัวมีแค่โจงกระเบนสีเดียวกัน ผู้คนที่ทั้งสองวิ่งผ่านต่างมองภาพนั้นแล้วงุนงงเป็นไก่กาแตก เกิดการซุบซิบและเสียงหัวเราะกับการแต่งตัวแสนประหลาดที่ปกติแล้วทั้งคู่จะไม่ชอบใจ แต่สถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ก็ช่างมันก่อนเถอะ

   หญิงสาวมองดูข้อมือของตัวเองอย่างใจร้อน ภาวนาให้เธอกับสามีไปทันเหตุการณ์สำคัญ เห็นป้ายห้องคลอดอยู่รำไร
 
   หน้าห้องนั้นไม่มีใครอยู่เลย แสดงว่าทุกคนเข้าไปกันหมดแล้ว

   “ฉันกับผัวเป็นญาติของโอบอุ้มค่ะ ขอเข้าไปดูหน้าหลานหน่อยค่ะ!” หญิงสาวเสียงดังกับพยาบาลหน้าวอร์ดจนแทบจะเรียกได้ว่าตะคอก พยาบาลดูเงอะๆ งะๆ ที่จู่ๆ ก็เจอสถานการณ์ที่ไม่ปกติ...แถมยังเป็นแขกที่แต่งตัว...เอ่อ...ไม่ปกติแบบนี้แล้วอีก

   “เร็วๆ สิคะ! มัวแต่อ้ำอึ้งอยู่นั่น” เธอหวีดวีนทำเอาพยาบาลเตรียมชุดสีเขียวฆ่าเชื้อออกมาแทบไม่ทัน

   ประตูห้องคลอดถูกเปิดออก นายแพทย์และพยาบาลทั้งหมดถูกเกณฑ์ออกมาตามข้อตกลงที่ตั้งไว้ตั้งแต่แรก ตอนนี้หลังผ้าสีเขียวผืนบางที่ด้านในเป็นจุดที่ทำคลอดมีเพียงสมาชิกครอบครัว ‘วิเศษกาล’ อยู่เท่านั้น

   หญิงสาวผมยาวกับสามีเลื่อนผ้าออกช้าๆ และปิดมันอย่างรวดเร็ว พอเข้าไปถึงที่ก็ได้รับสายตาจากตำหนิจากทุกคนกลับมา

   “คราวนี้ยุครัตนโกสินทร์เรอะ” หญิงวัยกลางคนร่างท้วมกับที่ทัดผมสั้นไปด้านหลังถาม

   “อโยธยาค่ะ”

   “เรอะ โดนพวกข้าศึกจับเป็นตัวประกันมาใช่ไหมถึงไม่รู้เวล่ำเวลา” ผู้เป็นแม่จิกกัด หญิงสาวได้แต่ทำปากขมุบขมิบอย่างโต้กลับไม่ได้เพราะที่แม่ตัวพูดก็จริง...หมายถึงมาช้านะ ไม่ใช่โดนข้าศึกจับ

   “เอาล่ะ มาครบองค์ประชุมสักที ทีนี้ก็เริ่มกันได้แล้วเนาะ” หญิงวัยกลางคนผู้เป็นใหญ่ในครอบครัวสรุป ยิ้มให้กับสมาชิกทุกคนที่ประกอบด้วย ‘พร่ำ’ ชายหนุ่มที่สวมเสื้อเชิ้ตกับกางเกงแสล็คสไตล์พนักงานบริษัทกับภรรยาหน้าหวานชื่อ ‘แก้ว’ ถัดออกไปคือ ‘เด้า’ หญิงสาวผมยาวในชุดโบราณกับ ‘โรเบิร์ต’ สามีชาวออสเตรเลีย ส่วนหญิงผู้เป็นใหญ่ของครอบครัวผู้มีร่างท้วมและทัดผมสั้นไปด้านหลังคือ ‘แม่หอม’ ยืนเคียงคู่กับ ‘พ่อทิศ’ สามีวัยเกือบหกสิบของเธอ

   รวมไปถึงสามชีวิตที่อยู่ตรงกลาง ชายหนุ่มผู้เพิ่งเป็นพ่อได้หมาดๆ ที่นั่งย่อเข้าติดกับเตียงคือ ‘กรณ์’ เขายิ้มอย่างยินดีกับ ‘โอบ’ หญิงสาวผู้มีน้ำตาคลอหน่วยเพราะเพิ่งเป็นแม่หมาดๆ เช่นกัน

   และสุดท้าย...คือทารกเพศชายที่หลับปุ๋ยอยู่ในอ้อมอกแม่...ซึ่งยังไม่มีชื่อ

   แม่หอมพยักหน้าเป็นสัญญาณให้ทุกคนมารวมกัน ในนาทีนั้นทุกมือได้เอื้อมสัมผัสที่ตัวทารกน้อย เกิดความเงียบขึ้นไม่กี่วินาที สมาชิกของวิเศษกาลต่างใจจดใจจ่ออยู่กับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น

   ทันใดนั้นแสงเรืองรองสีส้มประกายสดใสก็ฉายขึ้นบนริมฝีปากของทารก พร้อมกับเสียงเป่าปากเล็กๆ จากเจ้าตัวน้อย...ราวกับคนกำลังจุมพิต

    “ความสามารถจากการ...จูบ” แม่หอมสรุปออกมาเสียงดังฟังชัด สมาชิกทุกคนพยักหน้าและถอนมือออกไป ใบหน้าของแต่ละคนต่างมีสีหน้าครุ่นคิด

   “งั้นก็ชื่อจูบไง ได้ไหมยัยโอบ” ผู้เป็นแม่ของแม่เสนอ โอบส่ายหัวช้าๆ

   “มันตรงเกินไปอะแม่”

   “บ๊ะ! แล้วเอ็งจะให้ชื่ออะไรล่ะวะ”

   “ดูด” เด้าเสนอความคิดบ้าง ตามมาด้วยมะเหงกจากแม่ตัวเอง

   “โอ๊ย แม่! หนูเจ็บนะ”

   “คิดชื่ออะไรที่มันสร้างสรรค์หน่อยได้ไหมหา เดี๋ยวไอ้เด็กนี่ก็โดนล้อตลอดชีวิตหรอก”

   “หนูชื่อเด้า ถ้าไม่บอกเพื่อนๆ ว่าชื่อดาวแม่คิดว่าหนูจะไม่โดนล้อเรอะคะ” เด้าประชดประชันกลับบ้างอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ

   “ก็เอ็งมันลูกคนแรก ข้าก็ไม่รู้จะให้ชื่ออะไรนี่หว่า สมัยข้าเวลาเขาป้าบๆ กันก็เรียกดะ...”

   “พอก่อนค่ะแม่ๆ มาคิดชื่อลูกก่อนดีกว่า” โอบหยุดการทะเลาะเบาะแว้งระหว่างแม่ลูกเพราะเกรงว่ามันจะเสียเวลาเปล่า

   “เลีย” เด้าเสนออีกรอบ คราวนี้ได้มะเหงกสองครั้งจากทั้งแม่และสามีตัวเอง

   “รอเบิร์ต วายยูดูดิสทูมี” คนผมยาวตัดพ้อเสียงแหลม ผู้เป็นสามีตอบกลับว่า “ยัวร์อินเซน” (เธอมันบ้าไปแล้ว)

        “จุ๊บ...ดีไหม”

   แล้วจู่ๆ คำตอบที่ทุกคนคิดไม่ถึงก็ถูกเอ่ยมาจากปากของผู้เป็นพ่อของเด็กด้วยความน่าประหลาดใจ เด้ามีสีหน้าไม่แน่ใจ ขณะที่โอบและแม่หอมพยักหน้าช้าๆ อย่างรู้สึกชอบในชื่อนั้น

   “ไอ้จุ๊บ...ก็ฟังดูน่ารักดี” แม่หอมบอก

   “พี่ว่ามันแต๋วไปหน่อย แต่ถ้าโอบกับกรณ์โอเคพี่ก็โอเคนะ” เด้าพูด

   “โอบชอบนะ” ผู้เป็นแม่บอกทำเอาทุกคนหายใจโล่งขึ้น

   “งั้น...จุ๊บเนอะ หนูชอบไหมลูก...น้องจุ๊บ”

   เด็กน้อยหัวเราะให้กับชื่อนั้นอย่างร่าเริง โดยที่ไม่รู้เลยว่าชื่อนั้นจะเป็นคำใบ้ของอะไรบางอย่างที่จะทำให้ชีวิตเขาอยู่นอกกรอบของคำว่าธรรมดา

   บางอย่างที่สุดแสนจะ ‘วิเศษ’







TBC*
อยากกรี๊ดอยากพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องไประบายกันที่ #จุ๊บที ในทวิตเตอร์น้า
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ก่อนจูบ + จูบแรก | UPDATE 1.6.2559 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 01-06-2016 23:19:19

(http://www.uppic.org/image-730A_57571DD5.jpg)

จูบแรก



   ครั้งแรกที่เจอกัน ผมไม่ได้คิดว่าเขาคือคนที่ตามหา

   เราเคยเรียนโรงเรียนเดียวกัน ตอนนั้นผมอยู่ม.ห้า ขณะที่เขาอยู่ม.สี่ วันแรกของการเปิดภาคเรียน ใครๆ ก็ต่างให้ความสนใจกับน้องใหม่ห้องสี่ทับหนึ่งที่โด่งดังในโซเชียลเน็ตเวิร์ค แถมยังมีภาษีชีวิตดีอย่างการเป็นสมาชิกของครอบครัวดาราดังที่พ่อแม่ประสบความสำเร็จในวงการบันเทิงอย่างสูง

   ‘ไอ้ลูกดารา’ เป็นหัวข้อใหญ่ของเรื่องซุบซิบในเช้าวันนั้น เริ่มจากกลุ่มผู้หญิงขี้นินทาในห้อง แพร่ไปหากลุ่มชายล้วนที่คุยเรื่องนี้กันเพราะความหมั่นไส้ และสุดท้ายก็ลามมาจนถึงกลุ่มที่คละชายคละหญิงอย่างกลุ่มของผม

   ‘มึงดูรูปนี้ หล่อเชี่ยยยยย’ โฟกัส เพื่อนผู้หญิงที่ผมสนิทที่สุดในชีวิตชวนหนูนา-เด็กสาวเจ้าของผมเปียยาวอีกคนดูรูปในโทรศัพท์มือถือแล้วกรี๊ดกร๊าดกันตามประสาผู้หญิงวัยว้าวุ่น ขณะที่ไอ้เต๋อกับไอ้มาร์ชแสดงท่าทีไม่เห็นด้วย ส่วนผมนั่งเขี้ยวข้าวงับๆ ด้วยความหิวโหยเพราะนี่คือมื้อแรกของวันสำหรับผม

   แล้วจู่ๆ ในโรงอาหารยามพักเที่ยงวันนั้น เสียงจ้อกแจ้กจอแจที่เคยมีก็เงียบหายไปในฉับพลัน

   โต๊ะของเราอยู่ห่างจากทางเข้าไปไม่มาก ทำให้ผมรู้ว่าต้นเหตุของความเงียบคืออะไร…อันที่จริงต้องใช้คำว่า…ใคร

   เด็กหนุ่มหน้าเบื่อโลกที่เพิ่งก้าวเท้าเข้ามาในโรงอาหารมองตรงไปข้างหน้าราวกับไม่ได้จดจ่อกับสิ่งใด ในขณะที่ทุกสายตาจับจ้องอยู่ที่เขา ร่างสูงเกินวัยในชุดนักเรียนที่เนี้ยบจนแทบจะเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ ผิวของเขาขาวจัด มันไม่ใช่โทนขาวเหลืองหม่นๆ แบบคนเอเชียทั่วไป แต่มันเป็นผิวขาวสว่าง...แบบคนเป็นดารา ผมเกรียนติดหนังหัวที่ผมคิดว่ามันไม่มีทางดูดีได้กับมนุษย์หน้าไหนกลับลงตัวเมื่ออยู่กับเขา คงเพราะมันเข้ากับรอยแหว่งตรงหางคิ้วข้างขวาที่ให้อารมณ์ยียวน ประกอบกับดวงตาเล็กฉายแววไม่ยอมใครที่มองแล้วผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้หญิงถึงอยากกรี๊ด แต่ผู้ชายอยากกระทืบ

   เด็กหนุ่มกวาดตามองหาที่นั่งท่ามกลางเสียงกระซิบที่ดังขึ้นรอบตัว และในจังหวะที่ไม่คาดคิด สายตาของเขาก็ปราดเข้ามาสบตาผม

   ...ที่ช้อนข้าวกำลังคาอยู่ในปากเพราะความอยากรู้อยากเห็น

   เราสบตากันนิ่งๆ ราวสามวินาที ผมเบิกตาโต ทำหน้าเหรอหราอย่างน่าอาย เขากระตุกมุมปากขึ้นนิดๆ แล้วก็เสมองไปทางอื่น

   นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้สบตากับธีร์ ดำรงค์เดช

   ‘มึงดูหน้ามันดิ วอนส้นตีนชิบหาย พวกผู้หญิงชอบเข้าไปได้ไงวะ’ ไอ้เต๋อบ่น ผมพยักหน้าเห็นด้วยแต่ในใจไม่ได้รู้สึกแบบนั้นตาม ผมหมายถึง...ผมไม่ได้ ‘ชอบ’ เขานะ ไม่ได้มองว่าเขาหล่อหรือน่ารักอะไรทำนองนั้นด้วย

   ผมแค่ไม่มีความรู้สึกว่าอยากกระทืบเขาเหมือนคนอื่น



   เขากลายเป็นคนดังของโรงเรียน ในแง่ของรูปร่างหน้าตาและข่าวฉาว คบหญิงไม่ซ้ำหน้า เข้าห้องปกครองวันเว้นวัน ผมไม่ได้ตามข่าวเท่าไหร่เพราะมัววุ่นๆ กับเรื่องเรียนต่อของตัวเอง (จริงๆ มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมจะต้องตามข่าวเขาใช่ไหมล่ะ) แต่ที่รู้เพราะก๊กผู้หญิงขี้นินทาในห้องมาเล่าให้ฟังทั้งนั้น

   เราเจอกันบ้างตามงานโรงเรียน อย่างเช่นกีฬาสี ผมที่เป็นประธานของคณะสีต้องไปช่วยซ้อมแสตนเชียร์ก็จะเจอไอ้ลูกดาราที่มาซ้อมแบบผลุบๆ โผล่ๆ สองวันมาอีกวันหนึ่งหาย ที่ผมรู้นี่ผมไม่ได้จงใจที่จะมองหาหรือจับตาดูเขานะครับ แต่เวลาเขามาเขาจะโดดเด่นอยู่ท่ามกลางเด็กคนอื่นบนแสตนด์ ยิ่งเป็นเด็กห้องสี่ทับหนึ่งที่ลุคเนิร์ดๆ ใส่แว่นและหน้าดำคร่ำเคร่ง ผู้ชายผิวหลอดไฟอย่างธีร์ไม่โดดเด่นก็ให้มันรู้ไป

   เราไม่เคยคุยกันสักคำ ไม่เคยทัก หรือถามสารทุกข์สุขดิบ มีสบตาบ้างเวลาผมเผลอเสมองไปทางเขาและจะเห็นเขามองอยู่บ่อยๆ แต่มันเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนบนแสตนด์จะต้องมองผู้นำอย่างผมอยู่แล้ว

   ภาพจำของผมต่อธีร์ก็เป็นแค่ไอ้หน้าหล่อลูกดาราที่หลีสาวไปทั่ว

   แค่นั้น

   จนกระทั่งวันจบการศึกษา

   ภาพของรอยยิ้มและคราบน้ำตาของคนที่จะจากที่นี่ไปอย่างผมกับเพื่อนม.หกกระจายไปทั่วทุกมุมต่างๆ ของโรงเรียน หลังจากจบพิธีปัจฉิมนิเทศทุกคนต่างแยกย้ายไปทำอะไรเป็นครั้งสุดท้าย บ้างก็ถ่ายรูปกับเพื่อนฝูงเป็นที่ระลึก บ้างก็บอกความในใจกับใครสักคนหลังจากเก็บไว้มานาน บ้างก็มีรุ่นน้องที่สนิทมาแสดงความยินดีด้วยก่อนที่จะไม่ได้เจอกันอีก

   ผมนั่งแกร่วกับไอ้เต๋อและไอ้มาร์ชอยู่ที่สนามบาสหน้าโรงเรียน คุยกันเรื่องวันเวลาเก่าๆ ที่เราเคยลงแข่งบาสด้วยกันท่ามกลางแสงสีส้มของยามเย็น ส่วนเพื่อนผู้หญิงอีกสองคนแยกตัวไปถ่ายรูป ของขวัญจำนวนมากที่ได้รับในวันนี้วางกองกันอยู่ข้างกาย เสื้อนักเรียนของเราเต็มไปด้วยสติ๊กเกอร์และข้อความสีต่างๆ จากเพื่อนและรุ่นน้อง

    อยู่ๆ ก็มีเสียงฮือฮา ผมหันไปมองตามทิศทางนั้น ก่อนจะเห็นเขาเดินโดดเด่นอยู่ท่ามกลางเพื่อนม.หกมากมาย ในมือมีดอกกุหลาบสีแดงหนึ่งดอก

   คงเป็นของสาวม.หกสักคนที่เขาเคยเต๊าะและอยากจะจากกันด้วยความทรงจำดีๆ

   ตอนนั้นผมจำได้ว่าผู้หญิงทุกคนที่อยู่ที่นั่นยืนนิ่ง คงจะลุ้นว่าดอกกุหลาบดอกนั้นจะเป็นของตัวเองไหม แต่พอธีร์เดินผ่านก็ถอนหายใจด้วยความเสียดาย เขาเดินตรงมาเรื่อยๆ ราวกับมีเป้าหมายในใจอยู่แล้ว เดินเรื่อยๆ มาที่ปลายสนามซึ่งพวกผมนั่งอยู่

   ก่อนที่จะรู้ตัว ดอกกุหลาบดอกนั้นก็ถูกยื่นมาจ่อตรงหน้าผม

   ...ผม?

   ‘ให้’ ธีร์สั่นก้านดอกไม้เมื่อผมไม่ยอมรับมาสักทีเพราะกำลังอึ้งอยู่ ไม่ต่างอะไรจากเพื่อนที่นั่งข้างทั้งสองที่ตอนนี้เงียบเป็นเป่าสากอยากเสือก

   ผมค่อยๆ ยื่นมือไปจับก้านกุหลาบ ธีร์อมยิ้มออกมาเล็กๆ และทำตาหยี เขาไม่มีวันรู้เลยว่ารอยยิ้มนั้นมีพลังทำลายล้างสูงแค่ไหน

   ปกติผมเห็นเขาแค่หน้านิ่งๆ เชิดๆ แต่พอยิ้มแบบนี้แล้วมัน...

   ...น่ารัก

   ‘ขะ...ขอบใจนะ’ ผมพูดตะกุกตะกัก

   ‘ไปเรียนไหนต่ออ่ะ’ เขาถาม ผมแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงของเขาแบบจริงจังครั้งแรก มันเป็นโทนเสียงบางๆ ที่มีความงุ้งงิ้งอยู่ในลำคอ ฟังแล้วไม่ค่อยเข้ากับบุคลิกแบดๆ นั้นเลย

   ‘นิเทศฯ YU’

   ‘อ้อ...โชคดีนะ’

   ‘ฮื่อ...’

   ‘…’

   ‘…’

   ‘…ขอถ่ายรูปคู่ด้วยหน่อยได้ไหม’ ธีร์ขอหลังจากที่เรามองหน้ากันอยู่อย่างนั้นโดยไม่พูดอะไรมานาน ผมรับคำและขยับตัวอย่างขัดเขิน ธีร์ส่งกล้องให้กับไอ้เต๋อที่รับไปแล้วมือสั่นอย่างกับเจ้าเข้า

   ‘ถ่ายแบบนั้นชาตินี้มันจะชัดไหมไอ้สัด’ ไอ้มาร์ชด่า แล้วแย่งกล้องมาจากมือเพื่อนเหี้ยที่ไม่รู้จักควบคุมสติอารมณ์ตัวเองเลย ผมหันมองธีร์ เห็นเขาทำปากจู๋และยกสองนิ้วขึ้น ลอบหัวเราะออกมากับท่าทางแอ๊บแบ๊วที่ไม่ค่อยเข้ากับบุคลิกนั้นแล้วมองกล้องนิ่ง ปากอมยิ้มบางๆ

   ‘เอานะ...หนึ่ง...สอง...ซั่ม!’

   แชะ!

   ธีร์พยักหน้าให้ผมเหมือนขอบคุณ ผมพยักหน้าด้วยเช่นกัน แล้วคนตัวสูงก็เดินจากไปพร้อมกับเสียงซุบซิบเหมือนเคย

   ‘กูว่า...กูกลับตอนนี้แล้วดีกว่า’ ผมชิงพูดก่อนที่เพื่อนตัวดีจะออกตัวแซว หอบสัมภาระทั้งหมดของตัวเองรวมถึงดอกกุหลาบสีแดงสดของเขาแล้วเริ่มโกย ไอ้พวกตัวดีตะโกนว่าฮั่นแน่เสียงดังมาไล่หลัง

   ไม่รู้ว่าจุดประสงค์ที่เขาให้ดอกกุหลาบดอกนี้คืออะไรกันแน่

   แต่มันเปลี่ยนภาพจำของตัวเขาในหัวผมไปตลอดกาล



   เริ่มต้นชีวิตมหา’ลัย เพื่อนทุกคนในกลุ่มแยกย้ายกันตามที่ใจและค่านิยมของสังคมอยากให้ไป ไอ้เต๋อกับไอ้มาร์ชไปเรียนวิศวะฯ มอดัง หนูนาเป็นสาวบัญชีมอเดียวกับผม ส่วนโฟกัสยังตัวติดแน่นอยู่ด้วยกันไม่ไปไหน

   แล้วหนึ่งปีก็ผ่านไปกับชีวิตมหา’ลัยที่เหนื่อยแสนเหนื่อย ทั้งเรียน เล่น เต้น รับน้อง ผมใช้เวลาในชีวิตของตัวเองช่วงนั้นอย่างเต็มที่ เจอเพื่อนใหม่ สัมผัสรสชาติของความเป็นวัยรุ่นในสถานที่ที่ไม่มีกรอบของสังคมครอบเราอยู่เหมือนตอนม.ปลาย จะนอนดึกแค่ไหนก็ได้ จะไปเรียนหรือไม่ไปก็ได้ จะแต่งตัวยังไงก็ได้ ใช้ชีวิตอิสระอย่างที่ใจต้องการ

   และในระหว่างนั้นเอง ผมได้ข่าวของเขาอีกครั้ง

   ‘ไอ้ลูกดารา’ ที่อัพเกรดตัวเองกลายเป็น ‘ดารา’ อย่างเต็มตัว

   เขารับบทเป็นพระเอกของละครซีรี่ย์วัยรุ่นที่ดังเป็นพลุแตก นั่นยิ่งทำให้ความนิยมของเขาไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในโรงเรียนอีกต่อไป สาวๆ ทั่วประเทศต่างเทใจให้กับความน่ารักในละครของธีร์ ช่วงที่ฉายนั้นกระแสถล่มถลายจนต้องทำออกมาอีกหลายซีซั่น อีกทั้งยังได้รางวัลทีมนักแสดงยอดเยี่ยมและนำชายยอดเยี่ยมจากสถาบันรางวัลดังๆ จนทำให้เขากลายเป็นคนของประชาชนอย่างเต็มตัว

   ในความทรงจำของผมเขายังเป็นรุ่นน้องที่ให้ดอกกุหลาบในวันจบการศึกษาอยู่ แต่ความเป็นจริงเขาไปไกลแล้ว โลกคงเหวี่ยงให้เขาห่างจากเส้นชีวิตของผมและคงไม่มีทางได้กลับมาพบกันอีก

   มันเหมือนจะเป็นแบบนั้น จนวันแรกพบน้องใหม่ของคณะ

   วันนั้นผมตื่นสาย เพื่อนในรุ่นนัดที่ตอนนี้กลายเป็นพี่ปีสองกันหมดนัดเจ็ดโมงแต่ผมดันมาตั้งแปดโมงสิบห้า รู้ตัวก็รีบเด้งจากเตียง แปรงฟันอย่างลวกๆ แล้วแจ้นมาคณะในสภาพหัวยุ่งและชุดนักศึกษายับๆ...ช่างเป็นตัวอย่างที่ดีงามให้แก่รุ่นน้อง

   “เชี่ยจุ๊บ มาสาย” โฟกัสบ่นขณะที่ผมแทรกตัวเข้าไปนั่งข้างๆ ที่โต๊ะลงทะเบียน มีรุ่นน้องหน้าใหม่ต่อแถวกันยาวไปถึงถนนหน้าคณะ

   “โทษทีมึง นาฬิกาไม่ปลุกอ่ะ” ผมแก้ตัว แล้วเริ่มคว้าอุปกรณ์ตรงหน้ามาเริ่มลงมือทำอย่างขยันขันแข็งเพราะกลัวโดนเฉ่งไปมากกว่านี้ โฟกัสบ่นอีกสองสามประโยคและตะโกนบอกรุ่นน้องให้แบ่งแถวมาที่ผมอีกแถว

   “ชื่อไรครับ” ผมถามน้องผู้หญิงผมม้าเต๋อหน้าตาจิ้มลิ้มที่กำลังเซ็นชื่อตัวเองลงบนใบลงทะเบียน

   “เก๋ไก๋ค่ะ” เธอตอบ   

   “นี่พ่อแม่ตั้งให้หรือตั้งเอง”

   “ตั้งเองค่ะ” น้องเต่อยอมรับตามตรง

   “ฮ่าๆๆๆ พี่ชอบว่ะ ขอเติมคำว่าสไลเดอร์ลงไปด้วยได้ไหม”

   “ตอนแรกหนูกะจะบอกแบบนั้นแต่กลัวที่ไม่พอเขียน แต่ถ้าพี่ยืนยันแบบนั้นหนูก็ขัดอะไรไม่ได้อะค่ะ”

   ผมขำแล้วส่ายหัว เขียนคำว่าเก๋ไก๋สไลด์เดอร์ลงไปในป้ายกระดาษแล้วยื่นให้น้องเก๋ไก๋ เธอขอบคุณผมเบาๆ แล้วเดินออกจากแถว

   “ชื่อไร...เชี่ย!” ผมกะถามคนต่อไปแต่ปากกาเคมีก็กลิ้งตกจากโต๊ะเสียก่อน ผมย่อหน้าลอดลงใต้โต๊ะและเก็บมันขึ้นมา สังเกตเห็นรองเท้าผ้าใบเซอร์ๆ ของคนตรงหน้า

   “ชื่อไรครับ” ผมถามต่อโดยไม่มองหน้าเขา

    “ธีร์ครับ”

   “ธีร์ ดำรงค์เดชเหรอ” เล่นมุกไปหนึ่งทีเพราะเดี๋ยวนี้ใครๆ ก็รู้จักเขา เด็กผู้ชายยุคนี้ก็อยากเป็นเขากันทั้งนั้น

   “อ่า...เหมือนจะใช่นะครับ พี่ช่วยดูตรงนี้หน่อยได้ไหมว่าใช่ชื่อผมจริงๆ หรือเปล่า”

   ผมหัวเราะออกมาเพราะรุ่นน้องคนนี้เล่นมุกต่อ แต่พอเงยหน้ามองเท่านั้นก็หุบปากแทบไม่ทัน

   เด็กหนุ่มร่างสูงยักคิ้วยียวนมาให้ในขณะที่มือชี้ไปที่ชื่อของเขาในกระดาษลงทะเบียน ในจุดที่คำว่า ‘ธีร์ ดำรงค์เดช’ เด่นหราอยู่ มุมปากกระจับยิ้มเท่แบบที่เคยทำให้ผม รอยยิ้มแบบเดิมแต่เสน่ห์ของมันพุ่งขึ้นหลายเท่าตัว

   หนึ่งปีผ่านไป โลกเหวี่ยงเขากลับมาแล้ว






TBC*
อยากกรี๊ดอยากพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องไประบายกันที่ #จุ๊บที ในทวิตเตอร์น้า
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ก่อนจูบ + จูบแรก | UPDATE 1.6.2559 }
เริ่มหัวข้อโดย: cinnsin ที่ 01-06-2016 23:24:02
อร๊ายยยยยย ติดตามนะคะะะะะ มีอะไรสนุกๆแล้วซิ  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ก่อนจูบ + จูบแรก | UPDATE 1.6.2559 }
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 01-06-2016 23:30:06
เปิดตัวได้น่าสนใจมากก ติดตามค่า
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ก่อนจูบ + จูบแรก | UPDATE 1.6.2559 }
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 01-06-2016 23:38:58
เราจะขอข้ามชื่อ เด้....เอ่อ ...เด้าไปนะคะ 555
จุ๊บ ท่าทางจะได้จุ๊บสมชื่อ  :-[
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ก่อนจูบ + จูบแรก | UPDATE 1.6.2559 }
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 02-06-2016 00:18:02
ปัก
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ก่อนจูบ + จูบแรก | UPDATE 1.6.2559 }
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 02-06-2016 00:41:57
มาติดตามน้องธีกับพี่จุ๊บด้วยคนนะคะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ก่อนจูบ + จูบแรก | UPDATE 1.6.2559 }
เริ่มหัวข้อโดย: KaMTaMl3T ที่ 02-06-2016 02:06:57
กรี๊ดดดดดHot อ่ะชอบๆ รอนะคะ  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ก่อนจูบ + จูบแรก | UPDATE 1.6.2559 }
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 02-06-2016 02:13:23
กรีดร้องงงงดิชั้นชอบบค่ะรอค่ะรอออ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ก่อนจูบ + จูบแรก | UPDATE 1.6.2559 }
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 02-06-2016 02:43:12
เปิดเรื่องได้น่าสนใจมาก..รออ่านนะคะ จุ๊บ-ธีร์   :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ก่อนจูบ + จูบแรก | UPDATE 1.6.2559 }
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 02-06-2016 05:23:11
 :mew1: น่าสนใจมาก ๆ ค่ะ. จุ๊บ ดู สดใสดี ดูมีของ 5555
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ก่อนจูบ + จูบแรก | UPDATE 1.6.2559 }
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 02-06-2016 06:01:17
เรื่องน่ารักดีค่ะ ชอบ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ก่อนจูบ + จูบแรก | UPDATE 1.6.2559 }
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 02-06-2016 06:45:30
 :pig4: น่าสนใจ รอติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ก่อนจูบ + จูบแรก | UPDATE 1.6.2559 }
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 02-06-2016 07:17:18
จุ๊บ:ธีร์  :)
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ก่อนจูบ + จูบแรก | UPDATE 1.6.2559 }
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 02-06-2016 08:11:08
 :heaven
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ก่อนจูบ + จูบแรก | UPDATE 1.6.2559 }
เริ่มหัวข้อโดย: thunchanok1 ที่ 02-06-2016 08:38:43
โอ้ยคือมันน่ารักกกกก อยากรู้จะจีบกันยังไงละเนี่ยย
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ก่อนจูบ + จูบแรก | UPDATE 1.6.2559 }
เริ่มหัวข้อโดย: mayongc. ที่ 02-06-2016 08:47:26
อยากรู้ว่าจุ๊บวิเศษยังไงน้อ รอติดตามนะคะ  :katai5:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ก่อนจูบ + จูบแรก | UPDATE 1.6.2559 }
เริ่มหัวข้อโดย: aunszMT ที่ 02-06-2016 09:24:38
มาต่อเลยได้มั้ย ได้โปรดอย่าทิ้งไป
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ก่อนจูบ + จูบแรก | UPDATE 1.6.2559 }
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 02-06-2016 09:28:09
น่ารักอ่ะ   เค้าชอบบบบ
 :L2:
ติดตามต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ก่อนจูบ + จูบแรก | UPDATE 1.6.2559 }
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 02-06-2016 09:58:53
น่ารักดีค่ะ ชักอยากรู้จักสมาชิกบ้านจุ๊บซะแล้วสิว่าแต่ละคนมีความสามารถพิเศษอะไร
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ก่อนจูบ + จูบแรก | UPDATE 1.6.2559 }
เริ่มหัวข้อโดย: gunghan ที่ 02-06-2016 09:59:35
ชอบเรื่องแนวนี้แหะ จินตนาการตอนต่อไปได้อย่างไว

จะจุ๊บตรงไหนดีนะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ก่อนจูบ + จูบแรก | UPDATE 1.6.2559 }
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 02-06-2016 10:04:32
รอนะคะรอๆๆ ธีร์จุ๊บน่ารัก
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ก่อนจูบ + จูบแรก | UPDATE 1.6.2559 }
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 02-06-2016 10:19:32
ติดตามค่าาาาา   :hao7:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ก่อนจูบ + จูบแรก | UPDATE 1.6.2559 }
เริ่มหัวข้อโดย: Nankoong ที่ 02-06-2016 10:38:12
มารอจุ๊บด้วยคนค่ะ...!!
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ก่อนจูบ + จูบแรก | UPDATE 1.6.2559 }
เริ่มหัวข้อโดย: supizpiz ที่ 02-06-2016 10:40:19
ตามค่าา :impress2:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ก่อนจูบ + จูบแรก | UPDATE 1.6.2559 }
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 02-06-2016 11:06:07
คืออ่านแล้วกรี๊ดแรงมาก ด้วยความที่ก็อ่านนิยายตัวแม่*มาก่อน เลยรู้สึกว่าเปิดบทนำได้ค่อนข้างแปลกใหม่ แต่ก็เต็มไปด้วยสีสัน ทว่าก็ให้ภาพของครอบครัวที่อบอุ่นในคราวเดียว แต่ใจคนอ่านอย่างเราอยากให้ชื่อจูบมากกว่าจุ๊บนะ งั้นเราจะเรียกว่าจูบตามใจเราเลยแล้วกัน 5555

ในขณะที่บทที่หนึ่งค่อนข้างกลับมาในแนวทางของตัวแม่* แต่ต่างจากงานเดิมๆ ตรงนี้มีความสดใสวัยว้าวุ่นมากขึ้น ตอนแรกที่เปิดตัวธียร์รู้สึกเฉยๆ ไม่ได้ตื่นเต้นหรือว่ากรี๊ดตาม แต่พอธีร์มีบทตอนเอาดอกไม้มาให้คือกรี๊ดหนักมาก นั่งยิ้มม้วนตัวอยู่คนเดียวเหมือนคนบ้า

ยิ่งฉากจบนี่คือปล่องพลังมากกกกกกก
อยากให้โลกเหวี่ยงใครมาสักคนจัง
#เพ้อ

 :katai4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ก่อนจูบ + จูบแรก | UPDATE 1.6.2559 }
เริ่มหัวข้อโดย: Melonlove ที่ 02-06-2016 11:06:46
   แอร๊ยยย  จุ๊ฟที    :-[
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ก่อนจูบ + จูบแรก | UPDATE 1.6.2559 }
เริ่มหัวข้อโดย: ploysure ที่ 02-06-2016 11:42:03
จุ๊บธีร์สมชื่อเรื่อง 555555
รอติดตามค่า :z1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ก่อนจูบ + จูบแรก | UPDATE 1.6.2559 }
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 02-06-2016 11:44:23
จุ๊บที 5555
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ก่อนจูบ + จูบแรก | UPDATE 1.6.2559 }
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 02-06-2016 14:48:44
รอค่ะรอออออ :-[
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ก่อนจูบ + จูบแรก | UPDATE 1.6.2559 }
เริ่มหัวข้อโดย: Raccoooon ที่ 02-06-2016 15:12:16
แงงงงงงงงงงงงง น่ารักกกกกกกกกกกก
ติดตามนะคะะะะะะ /////
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ก่อนจูบ + จูบแรก | UPDATE 1.6.2559 }
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 02-06-2016 18:48:45
 :o8: :o8: :o8: :o8: :-[
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ก่อนจูบ + จูบแรก | UPDATE 1.6.2559 }
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 02-06-2016 19:57:12
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ก่อนจูบ + จูบแรก | UPDATE 1.6.2559 }
เริ่มหัวข้อโดย: GenZ ที่ 02-06-2016 20:31:11
ชอบป้าดาวของจุ๊บอ่ะ  :pig4:

ธีร์ต้องอาศัยความสามารถพิเศษของพี่จุ๊บนะ เราจะรอ ตอนหน้าเลยก็ดี ฮรรรรรรรรรี่
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ก่อนจูบ + จูบแรก | UPDATE 1.6.2559 }
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 02-06-2016 21:46:11
 :mew2:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ก่อนจูบ + จูบแรก | UPDATE 1.6.2559 }
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 03-06-2016 01:27:57
แอร๊ยยยยยย  น่าจะเป็นโลกที่ชื่อธีร์เหวี่ยงนะคะเนี่ย. 5555
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ก่อนจูบ + จูบแรก | UPDATE 1.6.2559 }
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-06-2016 03:57:14
รออ่านความพิเศษของเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ก่อนจูบ + จูบแรก | UPDATE 1.6.2559 }
เริ่มหัวข้อโดย: nsai.ss ที่ 03-06-2016 09:01:17
เขินไปอี๊กกกกกกกก...#จุ๊บที
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ก่อนจูบ + จูบแรก | UPDATE 1.6.2559 }
เริ่มหัวข้อโดย: Shining95 ที่ 03-06-2016 14:27:47
หู้ยยยย จุ๊บจะเป็นไงต่อเนี่ย?? :-[
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ก่อนจูบ + จูบแรก | UPDATE 1.6.2559 }
เริ่มหัวข้อโดย: mpp ที่ 03-06-2016 14:47:44
ตามมาจากการเบี่ยงเบนความสนใจของบรรดานักเขียนในเฟสค่ะ
แล้วคือ ตามมาเล่นๆ แต่ไม่ผิดหวังเลยที่ตัวเองใจง่ายเดินมาถึงนี่
ก๊าววววววววววว ใจจจจจจจจจจ มากกกกกกกกก ♥

ฮือ น้องจุ๊บ น้องจุ๊บคนน่ารักของขุ่นพรี่~
ได้กุหลาบแดงไปแล้ว โลกก็เหวี่ยงพ่อธีร์กลับมาหาหนูแล้ว
ฮือ​ออ​ออ​อ พี่ปลื้มใจ พี่อิ่มเอมหัวใจจริงๆค่ะ *ยกชายผ้าแถบซับน้ำตา


เปิดตัวมาได้น่ารักมุ้มิ้มากๆเลยค่ะคุณตัวแม่
เรายังไม่เคยอ่านผลงานของคุณ มาประเดิมที่เรื่องนี้เรื่องแรกเลย
ขอสมัครเป็นตัวลูกนะคะ ยินดีที่ได้ร่วมวงวารกันค่ะ55555555555

เดี๋ยวไปสกรีมในทวิตฯต่อ ยังไงก็ เอาใจช่วยนะคะ (:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ก่อนจูบ + จูบแรก | UPDATE 1.6.2559 }
เริ่มหัวข้อโดย: lukYRKM ที่ 03-06-2016 15:47:20
จุ๊บธีร์ ><
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ก่อนจูบ + จูบแรก | UPDATE 1.6.2559 }
เริ่มหัวข้อโดย: lazysheep ที่ 03-06-2016 16:03:54
ใจสั่นแทนจุ๊บเลยยย
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ก่อนจูบ + จูบแรก | UPDATE 1.6.2559 }
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 03-06-2016 16:21:35
ในส่วนของการบรรยาย  ในส่วนของพล็อตเรื่อง ในส่วนของความน่ารัก ในส่วนของชื่อเรื่องที่คล้องจองกับตัวละคร 'จุ๊บที (จุ๊บธีร์)' คือชอบมาก มาปักป้ายไฟรอติดตามเลยค่ะ
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ก่อนจูบ + จูบแรก | UPDATE 1.6.2559 }
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 03-06-2016 19:37:41
มันอ่านแล้วละมุ่น และน่าติดตามมากกกกกกกกค่ะ :ling1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ก่อนจูบ + จูบแรก | UPDATE 1.6.2559 }
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 04-06-2016 16:26:51
 :katai4:   รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ก่อนจูบ + จูบแรก | UPDATE 1.6.2559 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 05-06-2016 23:47:25

(http://www.uppic.org/image-730A_57571DD5.jpg)

จูบที่สอง


   ครั้งสุดท้ายที่เห็นหน้ายาย ผมอายุได้แค่สิบขวบ

   ยังจำบรรยากาศของวันนั้นได้ดี เหมือนทุกอย่างบนโลกโดนย้อมด้วยสีหม่นๆ คนในครอบครัวทั้งสิบชีวิตอัดแน่นอยู่ในห้องแคบๆ ของโรงพยาบาลเพื่อดูใจ เสียงพูดคุยในห้องเบามากจนเหมือนเสียงกระซิบ ทำให้พื้นที่สี่เหลี่ยมแคบๆ นั้นเงียบจนได้ยินลมหายใจอันแผ่วเบาและเสียงไอจากอาการป่วยของยายเป็นครั้งครา

   ไม่มีเสียงหัวเราะหรือรอยยิ้มในห้องนั้น แม้กระทั่งจากป้าเด้าผู้ที่ชอบทำตัวร่าเริงและโหวกเหวกตลอดเวลา

   ผมจำสีหน้าของยายได้ รวมถึงคำที่เธอกระซิบบอกผมก่อนตายข้างๆ หู

   ‘ไอ้จุ๊บ มาหายายหน่อย’ ยายหอมพูดด้วยเสียงแหบแห้ง เหมือนลมหายใจใกล้จะหมดอยู่มะร่อมมะร่อ ‘ถ้ายายไม่อยู่แล้ว เอ็งต้องเป็นเด็กดีรู้ไหม อย่าดื้อกับพ่อแม่นะลูก’

   ‘ครับ’ ผมน้ำตาคลอ

   ‘ยายอยากฝากอะไรเอ็งเป็นครั้งสุดท้าย’ เธอกระแอม ‘เอ็งอาจจะไม่เข้าใจตอนนี้ แต่เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เอ็งจะรู้เอง’

   ‘…’

   ‘จูบกับหัวใจน่ะ...เก็บไว้ให้เฉพาะคนที่คู่ควรเท่านั้นนะ’

   ยายพูดจบ พ่อก็พาผมออกไปจากห้องราวกับอยากกั้นผมออกจากภาพที่น่าสลดใจ คำของยายยังฝังอยู่ในหัว แต่ในวัยนั้นที่หัวใจได้รู้จักกับความรักเพียงน้อยนิด และเป็นช่วงอายุที่การมีแฟนหรือการแอบชอบใครสักคนจะหมายถึงการโดนเพื่อนล้อ คำพูดนั้นก็เป็นเพียงคำพูดที่ผมจำขึ้นใจ แต่ไม่ได้รู้ความหมายของมัน

   คงต้องรอเวลาที่เหมาะสมอย่างที่ยายบอก

   ผมเคยมีความรัก...เคยมีแฟนเป็นเด็กสาวต่างห้องหน้าตาจิ้มลิ้มชื่อจิ๋มหลิม เรารู้จักกันจากการเข้าชมรมเดียวกันคือชมรมนักโต้วาที เราต่างรู้ว่าเรามีความรู้สึกดีๆ ให้กันจึงขยับสถานะขึ้นเป็นแฟนตอนผมอยู่ม.ห้า ผมเคยรู้สึกหวิวๆ ที่ใจ เคยรู้สึกว่ามีผีเสื้อบินอยู่ในท้อง แต่...มันก็แค่นั้น พอเราคบกันปุ๊บเราก็เกิดคำถามว่าแล้วยังไงต่อ
       
   กลับกลายเป็นว่าพอเราเป็นแฟนกัน ความรู้สึกที่ทำให้ใจเต้นตอนจีบกันกลับหายไปหมด มันรู้สึกอึดอัดเหมือนอยู่ผิดที่ผิดทาง คบกันได้แค่สองเดือนสุดท้ายเราก็ลดขั้นลงมาเป็นเพื่อนเหมือนเดิม เราต่างรู้ว่าการเป็นเพื่อนเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดกับเราจริงๆ

   ใจที่เตรียมไว้ยังไม่ทันจะไปฝากไว้ที่เขา จูบนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง 

        สิบปีที่ผ่านมาหลังจากยายเสีย ผมจึงไม่เคยรู้สึกได้เลยว่าตอนไหนคือเวลาที่เหมาะสม

   “ตอนไหนวะยาย” ผมกระซิบถามเหมือนทบทวนกับตัวเอง ขณะที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยในห้องๆ เดิมที่ยายเคยมีลมหายใจสุดท้าย ห้องโล่งกว้างที่มีเพียงเตียงเหล็กไร้ฟูกตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว ผมสัมผัสได้ถึงสายลมพัดเอื่อยที่ผ่านเข้ามาทางหน้าต่างกับแสงแดดสีขาวส่องสว่างจากด้านนอก

   “นั่นสิ ตอนไหนล่ะวะ” เสียงทุ้มสำเนียงโบราณที่ไม่ได้ยินมาสิบปีดังมาจากข้างๆ ผมหันไปมองขวับ เห็นหน้ายายหอมยิ้มแฉ่งโชว์ฟันดำจากการเคี้ยวหมากกลับมา

   “เหี้ยยยยย!”

   “ไอ้จุ๊บ เอ็งเพิ่งด่ายายตัวเองว่าเหี้ยเหรอ ไอ้เด็กผีเจาะปาก”

   “ปะ...เปล่าครับ” ผมแก้ตัว กระเถิบตูดให้ห่างจากคนข้างๆ ไปหลายวาด้วยความหวาดหวั่น “จุ๊บแค่ตกใจ นะ...นี่ยายเป็น...ผีเหรอ”

   “ก็ไม่เชิง” ยายหอมเบ้ปาก เด้งตัวลงจากเตียง ร่างท้วมในชุดเสื้อคอกระเช้าสีชมพูกับกระโปรงผ้าโปร่งสีขาวดูกระฉับกระเฉงเมื่อเทียบกับครั้งสุดท้ายที่เราเจอกัน

   ยายกระเถิบตัวมาประจันหน้าผม จ้องตาแล้วยิ้มหวาน มือหนาอุ่นเอื้อมมาจับที่แก้มผมที่เกร็งนิ่งเพราะในใจยังเชื่อว่ายายเป็นพลังงานจากมิติอื่น

   “ตอนนี้แหละ”

   “หะ...หื๊อ?”

   “เวลาที่เหมาะสมไง” ยายยิ้ม “ข้ามาที่นี่เพื่อเตือนว่าเดี๋ยวจะมีสิ่งใหม่ๆ เข้ามาหาเอ็งอีกเยอะ สิ่งที่ตามหา...คนที่คู่ควร อาจจะทำให้ชีวิตยากขึ้นสักหน่อย แต่มันจะผ่านไปด้วยดี เอ็งแค่ต้องอดทน แล้วก็ทำสิ่งที่ใจอยากทำ”

   ผมทำหน้าเอ๋อใส่เพราะไม่เข้าใจกับสิ่งที่ยายพูดเลยแม้แต่คำเดียว

   “เดี๋ยวก็รู้” ยายตบหน้าผมเบาๆ เชิงรักใคร่ “ข้าไปก่อนจะโดนจับได้ดีกว่า”

   แล้วหญิงชราก็กลับหลังหันและเดินไปที่ประตูห้องโดยปล่อยให้ผมจมอยู่กับความงุนงงอย่างนั้น ก่อนออกจากห้องไปก็เหมือนนึกอะไรออก

   “เอ้อ แล้วก็อย่าเป็นควายล่ะ”

   ยายขยิบตาให้หนึ่งที และปิดประตูใส่หน้าผมดังปัง

   งะ...งงกว่าเดิมอีกอ๊ะ

   “ยายครับ...เดี๋ยว!”

   ผมวิ่งไปเปิดประตู แต่ทางเดินสีขาวที่ทอดยาวอยู่ด้านนอกนั้นว่างเปล่า ยายหายไปแล้ว หายไปพร้อมกับการทิ้งคำใบ้ที่ผมไม่มีทางแกะความนัยออก

   เวลาที่เหมาะสม สิ่งที่ตามหา คนที่คู่ควร และอย่าเป็นควาย

   ยากกว่าข้อสอบแกทเชื่อมโยงที่เคยสอบอีก



   “แม่...แม่เคยฝันถึงยายป่ะ”

   ผมถามแม่ในเช้าวันรุ่งขึ้นเพราะฝันเมื่อคืนยังติดค้างอยู่ในใจ ขณะที่ตัวเองจัดเครื่องแบบชุดนักศึกษาอยู่หน้ากระจก ร่างสูงโย่งดูผอมเกร็งแต่จริงๆ ซ่อนรูปข้างในเต๊ะท่าเท่กลับมา พอดูว่าการแต่งตัวพอจะไปวัดไปวาได้ก็ย้ายมาจัดผมหยิกหยอยที่ชอบห้อยเป็นปรอยปรกหน้าผากต่อ

   “ไม่เคยนะ ทำไมเหรอ” ผู้หญิงวัยสี่สิบผมทรงบ๊อบเทอันเป็นที่รักของผมถามกลับ ขณะที่นั่งพับผ้าอยู่บนเก้าอี้บุนวมตรงข้ามกับกระจก

   “ฮึ ไม่มีไรหรอก” ผมส่ายหัว คิดว่าตัวเองอาจจะคิดถึงยายไม่ก็ความทรงจำวัยเด็กก่อนนอนอะไรทำนองนั้นเลยเอาเก็บไปฝัน แถมคำพูดของยายในฝันเป็นอะไรที่เข้าใจยาก ขนาดตัวผมที่ฝันเองยังไม่เข้าใจเลย เล่าให้แม่ฟังก็คงไม่เข้าใจหรอก...มั้ง

   แม่กำลังจะพูดอะไรออกมาสักอย่าง แต่คนที่เดินเข้ามายกเก้าอี้บุที่แม่นั่งอยู่ดึงความสนใจไปก่อน

   “มีใครเห็นต่างหูห่วงสีเหลืองบ้างไหม”

   ป้าเด้า...หรือในอีกชื่อที่คนนอกบ้านชอบเรียกคือป้าดาว ผู้หญิงวัยกลางคนที่อายุเลยหลักห้าสิบแต่แต่งตัวเหมือนเด็กสิบห้ากำลังหยิบโน่นรื้อนี่แถวเก้าอี้ด้วยท่าทางกระวีกระวาด วันนี้ป้าเด้าสวมเสื้อรัดรูปสีเขียวสะท้อนแสงกับกางเกงแนบเนื้อลายเสือดาว คาดทับด้วยเข็มขัดสีดำเลื่อมกับส้นสูงสีแดงแปร๊ด เส้นผมที่ถูกตีจนพองเหมือนคนโดนไฟช็อตเด้งไปมาจนผมขำ

   “ป้าแต่งเหมือนนางเอกหนังเรื่อง Grease เลย” ผมแซว

*
Grease หนังเพลงที่ประสบความสำเร็จในปี 1978 เป็นเรื่องราวรักวุ่นๆ ของแดนนี่ (จอห์น ทราโวลต้า) หนุ่มสุดฮอตของโรงเรียนกับลูกคุณหนูแสนจะเรียบร้อย แซนดี้ (โอลิเวีย นิวตัน-จอห์น) ที่ตอนสุดท้ายตั้งใจแต่งตัวแซ่บสะเด่าเพื่อมัดใจพระเอก ้ ท้องเรื่องอยู่ในยุค 50's
(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/736x/64/fc/12/64fc12f63d00fa12670b1167fb56ddee.jpg)
*

   “ฉันแซ่บกว่าย่ะ” ป้าเด้าเงยหน้าขึ้นมาเถียงแล้วมุดลงไปหาต่อ ก้มๆ เงยๆ อยู่ได้สักพักก็คงเดาได้ว่าที่ตรงนี้ไม่มีสิ่งที่ต้องการก็กรีดร้องในลำคออย่างขัดใจ แล้วจ้ำอ้าวไปห้องอื่นแทน

   “ป้าเขาต้องแต่งตัวแบบนั้นทำงานจริงๆ เหรอแม่” ผมถามขำๆ เพราะเท่าที่รู้ป้าเด้าเป็นคอลัมนิสต์ให้กับนิตยสารท่องเที่ยวชื่อดัง วันๆ เขียนอยู่ที่บ้านก็ไม่เห็นต้องแต่งจัดเต็มอะไรเบอร์นั้น แม่ยักไหล่ยิ้มๆ เป็นเชิงบอกว่าไม่รู้เหมือนกัน

   “จุ๊บ จัดของจะไปไหนอะ” เสียงเล็กใสดังมาจากตีนบันไดที่ห่างออกไปจากห้องโถงราวสิบเมตร เจ้าของเสียงคือ ‘จีบ’ เด็กสาวผมยาวถึงกลางหลังที่ตอนนี้อยู่ในชุดเสื้อยืดย้วยๆ สีเทา จีบเป็นลูกพี่ลูกน้อง เธออายุน้อยกว่าผมสามปี แต่ความเป็นพี่น้องนี่แทบไม่นับกันแล้ว ไม่ใช่เกลียดกันหรืออะไรหรอกนะครับ เราแค่สนิทกันมากจนเล่นหัวกันได้เท่านั้นเอง

   “ยุ่ง” ผมแหย่แต่เช้า จีบหน้ายู่ทั้งๆ ที่ตัวเองลืมตายังไม่ขึ้นดี แน่ล่ะ ช่วงปิดเทอมของมัธยมกับมหา’ลัยต่างกัน ปกติยัยเด็กนี่ไม่ตื่นเช้าขนาดนี้ด้วยซ้ำ

   “น้าโอบ พี่จุ๊บพูดไม่ดีกับหนูอ้ะ” ได้ทีก็ฟ้องแม่ผมใหญ่

   “จุ๊บ” แม่เลยส่งเสียงเย็นมาให้พร้อมสายตาตำหนิ

   “ไอ้ขี้ฟ้อง”

   “น้าโอบคะ”

   “จุ๊บ...”

   ผมอมยิ้ม อยากจะอยู่แกล้งต่อแต่ข้อความบนมือถือเด้งขึ้นมาซะก่อน

   
   Focus: อยู่หน้าบ้านแล้ว


   “แม่ เดี๋ยวจุ๊บไปละนะครับ” ผมคว้ากระเป๋าเป้ที่ด้านในบรรจุเสื้อผ้าสี่ห้าชุดพร้อมกับของอุปโภคบริโภคขึ้นสะพาย กอดแม่หลวมๆ แล้วหอมฟอดเข้าที่แก้มหนึ่งที

   “ไปเจ็ดวันดูแลพ่อเผื่อด้วย มีอะไรโทรหาได้ตลอดนะ”
         
        ผมฝากฝังเพราะนึกเป็นห่วงคนที่นอนอยู่โรงพยาบาลตอนนี้ ซึ่งหลายเดือนที่ผ่านมาเขาก็เข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลเป็นว่าเล่นเพราะโรคร้ายในสมอง

   “จ้ะ เธอก็ด้วย อย่าไปชวนน้องใหม่เสเพลล่ะ” คำเตือนทำให้ผมโห่ใส่เบาๆ ผมไม่ได้เป็นพี่ที่เลวร้ายอะไรขนาดนั้นนะ

   “จุ๊บยังไม่บอกเราเลยว่าจะไปไหนอ่ะ” จีบโอดครวญทำให้ผมหันไปแลบลิ้นใส่ นาทีนั้นก็สังเกตเห็นผู้ชายวัยเกือบสี่สิบเดินลงบันไดมาด้วยชุดสูทสีดำทับเชิ้ตสีขาวและกางเกงแสล็คเรียบแปล้อันเป็นเอกลักษณ์

   “ไปไหนแต่เช้าเหรอหนุ่ม” น้าพร่ำผู้เป็นพ่อของเด็กสาวหน้าบึ้งที่บันไดถาม

   “ค่ายรับน้องเจ็ดวันครับ”

   “เหรอ ให้อาไปส่งที่มอไหม?”

   “ไม่เป็นไรครับไอ้โฟกัสมารอหน้าบ้านแล้ว หวัดดีครับทุกคน ไอ้จีบบ๊ายบาย” ผมรีบยกมือไหว้เพราะกลัวคนที่อยู่หน้าบ้านรอนาน เดินไวๆ ผ่านโถงกว้างไปที่ประตูแล้วสวมรองเท้าผ้าใบสีขาวตัดน้ำเงินสดใสอย่างลวกๆ วิ่งผ่านสนามหญ้ากว้างขวางออกประตูเหล็กดัดเงินปลาบ หน้าบ้านมีสีเขียวแปร๊ดของเพื่อนที่เพิ่งถอยมาใหม่ๆ จอดรออยู่

   “มาแล้วๆ” ผมบอกโฟกัสแล้วก้าวขึ้นรถ

   "จุ๊บ นี่มึงขนบ้านมาทั้งหลังเหรอ" เพื่อนตัวกลมจิกขนาดของกระเป๋าเป้ ผมเถียงไม่ได้เพราะที่พูดนั้นก็จริงเลยได้แต่สบถไม่กี่คำและบอกให้มันเริ่มออกสักที

   รถเคลื่อนออกจากซอยสู่ถนนใหญ่ ผมหันกลับไปมองบ้านทรงเรือนไทยที่ต้องห่างกันจากนี้ไปอีกเจ็ดวัน บ้านที่เมื่อก่อนเคยเป็นไม้ทั้งหลัง แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนผ่านก็ถูกบูรณะด้วยอิฐและปูนพร้อมทาทับด้วยสีโทนฟ้าอ่อนดูแจ่มใส บ้านหลังใหญ่ที่มีห้องนอนเกือบสิบห้องแต่ก็ยังดูแน่นขนัดเมื่อเทียบกับสมาชิกในครอบครัวเกือบสิบคนของเรา ใครๆ ต่างก็บอกว่าครอบครัวใหญ่อย่างเราควรปลูกบ้านเพิ่มหรือแยกกันย้ายไปอยู่ที่อื่นเพื่อความสะดวกสบาย แต่เราก็ตัดสินใจจะอยู่แบบนี้กัน

   อาจจะดูอยู่แล้วอึดอัด บรรยากาศอาจจะดูวุ่นวาย แต่อบอุ่นดี
     
   
   เราเดินทางมาถึงใจกลางเมือง ค่ายรับน้องใหม่ที่เรากำลังจะไปถูกจัดที่ศูนย์นวัตกรรมอะไรสักอย่างที่อยู่ใต้ความดูแลของคณะซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวมหา’ลัยมาก มันเป็นสถานที่ที่ครบครันด้วยห้องทำกิจกรรมและที่นอนสำหรับรุ่นพี่ปีสองและน้องรุ่นใหม่ที่จะได้เข้ามาละลายพฤติกรรม จัดระเบียบวินัย และปูพื้นฐานการใช้ชีวิตของมหา’ลัยร่วมกันภายในเจ็ดวัน

   ผมนั่งมองการติดขัดของจราจรในเมืองหลวงแล้วเริ่มเบื่อ มือจึงหยิบมือถือขึ้นมาเขี่ยเล่น

   เพื่อนในเฟสบุ๊คคนหนึ่งเพิ่งส่งข้อความเข้ามาใหม่เมื่อยี่สิบนาทีที่แล้ว


   Thee Dumrongdech
   ขอบคุณที่รับแอด : )


   ธีร์ ดำรงค์เดช
 
   ใช่ครับ คนเดียวกับดาราดังที่สาวกรี๊ดทั้งประเทศตอนนี้ คนเดียวกับรุ่นน้องที่ให้กุหลาบผมในวันเรียนจบ

   คนเดียวกับ...เด็กหนุ่มที่โลกเหวี่ยงกลับเข้ามาในชีวิตผม

   ผมยิ้มออกมาจนโฟกัสจับได้ แต่ตัวเองก็ทู่ซี้ว่าเห็นคลิปตลกในเฟสบุ๊คไปเรื่อยเปื่อย นึกไปถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดข้อความนี้ขึ้นมาแล้วอมยิ้ม

   หลังลงทะเบียนเสร็จ น้องปีหนึ่งกว่าร้อยคนก็เข้ารับการปฐมนิเทศจากบรรดาคณาจารย์ในคณะ มีการพบปะรุ่นพี่บ้างหลังจากเลิกกิจกรรมแล้วเพื่อนัดแนะเรื่องค่ายในวันรุ่นขึ้น แน่นอนว่าน้องใหม่รูปหล่อดีกรีดาราอย่างเขาต้องโดนรุมล้อมจากทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้องจนดูเหมือนวงล้อมของงานอีเวนต์โชว์ตัวดาราสักงาน

   ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะลงทะเบียนที่เดิมหลังจากที่เลิกกิจกรรม มีนักศึกษายังอยู่ที่คณะบางตา ไม่ไกลจากโต๊ะผมคือม้าหินอ่อนที่ธีร์นั่งอยู่กับเพื่อนผู้หญิงและชายเกือบสิบคน ผมมองภาพนั้นนิ่งๆ ขณะที่มือกดมือถือเรื่อยเปื่อย จริงๆ ผมจะกลับเลยก็ได้แต่ที่นั่งอยู่ตรงนี้เพราะรอกลับพร้อมโฟกัสที่ประสานงานกับอาจารย์ยังไม่เสร็จ

   ‘เราขอเฟสหน่อยได้ไหมอะ’

   ‘เราด้วย’

   ‘เราด้วยนะ แอดเรามาหน่อยสิ’

   พวกเด็กผู้หญิงต่างยื่นโทรศัพท์ไปตรงหน้าเขา ธีร์มองนิ่งๆ แล้วมุมปากก็ยกขึ้นอย่างแห้งๆ

   ‘เพื่อนเฟสเราเต็มแล้วน่ะ โทษทีนะ’

   ‘โธ่’ พวกผู้หญิงต่างร้องออกมาด้วยความเสียดาย จังหวะนั้นเขาก็ลุกขึ้นแล้วขอตัวกับคนบนโต๊ะที่เหลือแล้วเดินดุ่มๆ ออกมา

   ...หาผม

   ธีร์ยักคิ้วให้ผมหนึ่งจึ๊กเชิงทักทาย ก่อนจะเดินอ้อมโต๊ะตัวยาวมานั่งตรงเก้าอี้ว่างข้างๆ ผมเม้มริมฝีปากแน่นเพราะรู้สึกได้ถึงสายตาของคนอื่นที่มองเราอยู่

   ‘ยังไม่กลับเหรอ’ เขาถามเสียงเรียบๆ ผมพยักหน้าและตอบเขากลับด้วยน้ำเสียงที่...พยายามไม่ให้สั่นเกินไป

   ‘อื้อ รอเพื่อนน่ะ’

   ‘ไม่ได้คุยกันเลยตั้งแต่เช้า สบายดีป้ะ’

   จมูกได้กลิ่นน้ำหอมสะอาดจากเด็กหนุ่มเพราะเขายื่นหน้าเข้ามาใกล้มาก...บางทีอาจจะใกล้เกินไป

   ‘ก็ดี๊' ผมพ่นลมหายใจแรง บอกตัวเองว่าอย่าเคลิ้มให้มาก 'ชีวิตมหา’ลัยสนุกดี ละ...แล้วที่โรงเรียนเป็นไงบ้าง ตั้งแต่จบมาก็ไม่ได้กลับไปเยี่ยมเลย’

   ‘ก็โอเคมั้ง...คิดว่านะ เราก็ไม่ค่อยได้ไปโรงเรียนเหมือนกัน’

   ‘ถ่ายละครหนักเหรอ’

   ‘อื้อ’

   ‘อ้อ…เก่งนะที่จบได้พร้อมเพื่อน’

   ‘โคตรเหนื่อยเลย’

   ‘ฮ่ะๆ’

   ‘…’

   ‘…’

   ‘นี่...’ เขาเรียกผมที่เอาแต่เสมองไปทางอื่น ผมหันไปมองเขาจ้องหน้ากลับมานิ่งๆ ด้วยตาโตเกินเหตุอย่างเห็นได้ชัด ธีร์ยิ้มออกมา อาจเพราะขำหน้าตาผม แต่ก็ยังไม่หลุดโฟกัสไปจากสิ่งที่ต้องการจะพูด

   ‘ขอเฟสหน่อยได้ไหม’ เขายื่นไอโฟนของตัวเองมาข้างหน้าผม

   ‘เพื่อนไม่ได้เต็มแล้วเหรอ’ เวร กว่าจะรู้ว่าปล่อยไก่ก็พูดออกไปแล้ว เด็กนี่ต้องรู้แน่ๆ ว่าผมแอบฟังที่เขาคุยกับเพื่อนเมื่อกี้ ฮื้อ

   ธีร์เลิกคิ้วอย่างประหลาดใจแล้วตอบว่า

   ‘ไม่เต็มนะ’

   ‘…’

   ‘หรือถ้ามันเต็ม เราจะลบออกจนกว่าเราจะแอดนายได้’

   ผมเผลอยิ้มกว้าง วินาทีต่อมาก็รู้ตัวว่ายิ้มกว้างไป จึงกรอบการยิ้มให้แคบลงและรับโทรศัพท์เขามาช้าๆ นิ้วกดลงบนแป้นพิมพ์ผิดๆ ถูกๆ ทว่าในที่สุด...เขาก็ได้หน้าโปรไฟล์เฟซบุ๊กของผมไป

   ‘ชื่อจริงชื่อจุมพิตเหรอ?’

   ‘ใช่ แปลกปะ’ ใครต่อใครก็เคยบอกผมเรื่องความประหลาดของชื่อนั้น

   ‘เจ๋งดีออก ฟังดู...น่ารักด้วย’

   ‘…’

   ‘ทำไมอยู่ๆ ก็หูแดง เป็นไข้เหรอ’ ธีร์ทำท่าจะยื่นมือมาจับหูของผมที่ร้อนเกินเหตุอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ผมเบิกตาโพลงและส่ายหัวพัลวันเพราะนั่นยิ่งจะทำให้อะไรๆ แย่ไปมากกว่านี้

   จังหวะนั้นโชคช่วยไว้พอดี โฟกัสกลับมาแล้ว

   เราล่ำลากันตรงนั้น แต่เหมือนไม่ได้ล่ำลากัน...ใครสักคนแถวนี้คิดถึงเขาตลอดทางกลับบ้านเลย

   พอถึงบ้าน ผมตรงดิ่งขึ้นห้องนอนตัวเอง กระโดดขึ้นบนเตียงแล้วหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาเปิดแอพพลิเคชั่นเฟซบุ๊กที่แจ้งเตือนว่ามีคำขอเพื่อนใหม่ขึ้นมา


   Thee Dumrongdech ได้เพิ่มคุณเป็นเพื่อน

   
   ผมยังไม่ได้กดรับทันที แต่กดเข้าไปดูหน้ากระดานข่าวของเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น เฟซบุ๊กของเขาจริงๆ มีเพื่อนไม่ถึงพันทว่าจำนวนคนติดตามกลับพุ่งขึ้นหลักแสน โพสต์ที่เปิดให้แต่เพื่อนเห็นส่วนมากก็เป็นโพสต์ที่บ่นเรื่องส่วนตัว หรือรูปช่วงเวลาต่างๆ ของชีวิต

   ผมกดไล่ดูรูปบนไทม์ไลน์ของเขาไปเรื่อยๆ มีทั้งรูปเขาทำท่าทางตลกๆ กับเพื่อนม.ปลาย รูปในกองถ่ายที่หน้าเขาดูเหนื่อย รูปกับครอบครัวที่เขายิ้มแห้งๆ หรือแม้กระทั่งรูปตอนเด็กที่เขาโพสต์เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ

   เลื่อนดูจนกระทั่งเจอรูปๆ หนึ่งที่โพสต์เมื่อหนึ่งปีก่อน คนที่ถ่ายกับธีร์ช่างคุ้นหน้าคุ้นตาผมเหลือเกิน

   ‘ขอถ่ายรูปคู่ด้วยหน่อยได้ไหม’

   เพราะนั่นคือตัวผมเอง

   หน้าผมที่ยิ้มกั๊กๆ ขณะที่เขาทำปากจู๋และชูสองนิ้ว แคปชั่นที่ขึ้นไว้คืออีโมติค่อนหน้าเศร้าตัวหนึ่งและข้อความอีกหนึ่งประโยค

   ‘Until we meet again’

   จนกว่าเราจะพบกันใหม่?

   จนกว่าเราจะ...พบกันใหม่

   นาทีนั้นรู้สึกว่าขาตัวเองดิ้นไปมา มือก็คว้าผ้าห่มที่ปลายเท้าขึ้นมาคุมโปง แต่พอคิดได้ว่ามันไม่ได้ทำให้ความร้อนบนใบหน้าหายไปก็ผลักผ้าออกแล้วยื่นหน้าไปจ่อกับพัดลมข้างเตียงแทน...ดีขึ้น

   ไม่รู้ว่าจริงๆ เขาหมายความไปในทางไหนกันแน่ แต่ความหมายเดียวที่ผุดขึ้นมาในความคิดอันแสนจะเข้าข้างตัวเองของผมตอนนี้คือเขาตั้งใจจะบอกลา และตั้งตารอ

   ตั้งตารอที่จะพบกันใหม่


   Jub Joompit และ Thee Dumrongdech ได้เป็นเพื่อนกันบนเฟซบุ๊กแล้ว   

   
   Jub Joompit
   ทำไมต้องขอบคุณอะ



   ผมพิมพ์ตอบข้อความของเขาที่ส่งมาในตอนเช้า ไม่กี่วินาทีก็เห็นว่าเขาอ่านแล้ว


   Thee Dumrongdech
   ไม่รู้
   เห็นใครแอดมาเขาก็มาขอบคุณที่หน้าวอลตลอด
   อยากขอบคุณบ้าง

   Jub Joompit
   โหย
   พ่อดาราดัง

   Thee Dumrongdech
   อิอิ
   วันนี้จะเจอกันที่คณะไหม

   Jub Joompit
   ไม่

   Thee Dumrongdech
   อ้าว : (

   Jub Joompit
   เจอกันที่ค่ายเลย

   Thee Dumrongdech
   อ้าว : )
   โอเค เจอกันนะ


   “ไอ้จุ๊บ คลิปบนเฟซบุ๊กมันทำให้มึงมีความสุขขนาดนั้นเลยเหรอวะ” โฟกัสแหวขึ้นมาอย่างหมั่นไส้ ทำท่าจะชะโงกเข้ามาดูหน้าจอของผมว่ามันมีอะไรนักหนา ผมรีบกดล็อคแล้วยัดมือถือกลับลงในกระเป๋ากางเกง มองออกไปนอกหน้าต่างเพราะไม่ต้องการให้เพื่อนจับได้ว่าตัวเองมีอาการประหลาดบางอย่าง

   อาการของการตั้งหน้าตั้งตารอเจอใครสักคน





TBC*
EP. 3 COMING SOON!

มีอะไรไปคุยกันได้ใน #จุ๊บที ที่ทวิตเตอร์หรือเพจ ตัวแม่* (https://www.facebook.com/ftheauthor/) นะคะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สอง | UPDATE 5.6.2559 | Page 2 (50%) }
เริ่มหัวข้อโดย: lazysheep ที่ 06-06-2016 00:04:31
ชอบชื่อจริงๆ จุ๊บที น่าเอ็นดูมากค่ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สอง | UPDATE 5.6.2559 | Page 2 (50%) }
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 06-06-2016 00:12:05
ว้าย ชอบๆอะ มาต่อเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สอง | UPDATE 5.6.2559 | Page 2 }
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-06-2016 01:57:41
รออีกๆ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สอง | UPDATE 5.6.2559 | Page 2 }
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 06-06-2016 02:04:00
น่ารักกกกกกกกก  :-[
น้องธีร์ชอบพี่จุ๊บหรอ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สอง | UPDATE 5.6.2559 | Page 2 }
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 06-06-2016 05:06:27
น่ารักมากกกกก อยากอ่านต่อเร็วๆอ่ะฮื่อออ:hao5:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สอง | UPDATE 5.6.2559 | Page 2 }
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 06-06-2016 05:20:56
 :mew1: น่ารักมาก ๆ  ธีร์ดูจะชอบจุ๊บมากเลยย ลุ้น ๆ. ชื่อจุ๊บ น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สอง | UPDATE 5.6.2559 | Page 2 }
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 06-06-2016 06:23:59
น่ารักกันมาก ๆ ค่ะ รอเจอกันที่ค่ายด้วยเนอะ แต่ขอเจอกันเร็วหน่อยได้ไหม
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สอง | UPDATE 5.6.2559 | Page 2 }
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 06-06-2016 06:28:24
รอๆๆๆ จุ๊บน่ารัก
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สอง | UPDATE 5.6.2559 | Page 2 }
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 06-06-2016 08:18:41
เรื่องน่ารักจังเลยคะ รอๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สอง | UPDATE 5.6.2559 | Page 2 }
เริ่มหัวข้อโดย: gunghan ที่ 06-06-2016 08:19:22
ถ้าจะขอเขินแบบตัวบิดเลย จะมีใครว่ามั้ยเนี่ยย  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สอง | UPDATE 5.6.2559 | Page 2 }
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 06-06-2016 08:20:15
น่ารักกกกกก
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สอง | UPDATE 5.6.2559 | Page 2 }
เริ่มหัวข้อโดย: Mi.07 ที่ 06-06-2016 08:37:32
น่าร้ากกกกกก น่าย้ากกกก ฮือ นังจุ๊บน่ารักจัง
ทำไมเราเขิน อ๋อยยย~~
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สอง | UPDATE 5.6.2559 | Page 2 }
เริ่มหัวข้อโดย: GenZ ที่ 06-06-2016 09:35:44
นึกว่าตัวเองเป็นจุ๊บ

อ่านไปยิ้มไป ถึงกับยิ้มค้างตอนหมดกระทู้ ฮรรรรรรรี่

สู้ๆนะคะ จุ๊บๆค่ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สอง | UPDATE 5.6.2559 | Page 2 }
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 06-06-2016 10:00:00
เราเขิลลลลล รู้สึกโดนจีบ 555555
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สอง | UPDATE 5.6.2559 | Page 2 }
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 06-06-2016 10:12:57
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สอง | UPDATE 5.6.2559 | Page 2 }
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 06-06-2016 10:39:59
ชอบอ่ะ เขียนได้ละมุนมากกก รอติดตามตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สอง | UPDATE 5.6.2559 | Page 2 }
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 06-06-2016 11:19:20
 :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สอง | UPDATE 5.6.2559 | Page 2 }
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 06-06-2016 11:49:04
มาอีกๆ มาต่อเยอะๆ ค๊าาา  :serius2:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สอง | UPDATE 5.6.2559 | Page 2 }
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 06-06-2016 11:49:28
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สอง | UPDATE 5.6.2559 | Page 2 }
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 06-06-2016 12:40:50
ร๊อ รอ รอ..
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สอง | UPDATE 5.6.2559 | Page 2 }
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 06-06-2016 12:56:38
เรื่องนี้ทำให้อ่านแล้วยิ้ม น่ารักมากเลย รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สอง | UPDATE 5.6.2559 | Page 2 }
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 06-06-2016 12:59:23
 :o8:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สอง | UPDATE 5.6.2559 | Page 2 }
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 06-06-2016 13:23:40
น่ารักมากเลยยย ชอบครอบครัวของจุ๊บ  :m20:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สอง | UPDATE 5.6.2559 | Page 2 }
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 06-06-2016 13:49:03
ไม่รู้เป็นอะไร แต่อ่านเรื่องนี้แล้วหัวใจพองโตมาก
ทุกครั้งที่ธีร์มีบท ก็จะส่งผลต่อหัวใจขั้นรุนแรง
ทุกคำพูด รวมถึงแคปชึ่นรูป เป็นอะไรที่เห็นภาพและอินตามมาก
รีบๆ มาต่อค่ะ อยากอ่านอีก วี๊ดดดดดดด


 :hao7:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สอง | UPDATE 5.6.2559 | Page 2 }
เริ่มหัวข้อโดย: naya-devil ที่ 06-06-2016 14:42:31
น่ารักกกกก
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สอง | UPDATE 5.6.2559 | Page 2 }
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 06-06-2016 15:23:53
น่ารักจังเลยยยย :mew1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สอง | UPDATE 5.6.2559 | Page 2 }
เริ่มหัวข้อโดย: bloodrain ที่ 06-06-2016 16:29:41
อ่านแล้วรู้สึกเหมือนได้รับการเยียวยาจิตใจยังไงไม่รู้เลยค่ะ

น่ารักมากๆ 555555

จะรออออตอนนนต่อออไปปปปปปปปปป นะคะ <3  :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สอง | UPDATE 5.6.2559 | Page 2 }
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 06-06-2016 18:26:58
ยิ้มไม่หุบเลยค่ะ น่ารักกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สอง | UPDATE 5.6.2559 | Page 2 }
เริ่มหัวข้อโดย: nooklepper ที่ 06-06-2016 18:53:18
มีความละมุน ~~~
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สอง | UPDATE 5.6.2559 | Page 2 }
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 06-06-2016 19:16:32
อ่านละเขินแทน
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สอง | UPDATE 5.6.2559 | Page 2 }
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 06-06-2016 21:12:52
โอ้ยยมันดีต่อหัวใจเหลือเกินค่ะ5555555
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สอง | UPDATE 5.6.2559 | Page 2 }
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 06-06-2016 21:29:51
ทั้งชื่อเล่น ชื่อจริง  น่าสัมผัสจริงๆเลย
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สอง | UPDATE 5.6.2559 | Page 2 }
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 06-06-2016 22:14:17
ว่าจะรออ่านแต่อดใจไม่ไหว น่ารักนะเรื่องนี้น่ารักตั้งแต่ชื่อตัวละครแล้ว ไหนจะเรื่องความสามารถพิเศษของคนในครอบครัวและตัวจุ๊บเองอีก
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สอง | UPDATE 5.6.2559 | Page 2 }
เริ่มหัวข้อโดย: M.J. ที่ 06-06-2016 22:25:31
ฮรื่ออออ น่ารักกกก เขินแทนจุ๊บเลย >//////<
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สอง | UPDATE 5.6.2559 | Page 2 }
เริ่มหัวข้อโดย: aurusma ที่ 07-06-2016 06:59:09
น่ารักกกกก :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สอง | UPDATE 5.6.2559 | Page 2 }
เริ่มหัวข้อโดย: mayongc. ที่ 07-06-2016 08:47:06
จุ๊บก็แอบชอบเขาอยู่แล้วใช่ม้าาาาาาา :katai2-1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สอง | UPDATE 5.6.2559 | Page 2 }
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 07-06-2016 09:43:49
น่ารักจังเลยยยย  :m3:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สอง | UPDATE 5.6.2559 | Page 2 }
เริ่มหัวข้อโดย: chouxcream59 ที่ 07-06-2016 10:11:40
กรีดร้องงงงงงงงง ต้อนรับเรื่องใหม่ค่ะ  :impress2:
โง้ยรู้สึกฟินเบาๆ เป็นกำลังใจให้นะจ้ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สอง | UPDATE 5.6.2559 | Page 2 }
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 07-06-2016 11:42:39
จุ๊บน่ารักมากกกก
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สอง | UPDATE 5.6.2559 | Page 2 }
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าเชียงชุน ที่ 07-06-2016 12:00:37
จุ๊บ จ้องหน้าเฟซแล้วอ่านไปยิ้มไป
เราจ้องหน้าจออ่านไปยิ้มไป เขินนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน ล้านตลบ :ling1: :ling1: :ling1:
นี่ขนาดเค้ายังไม่ได้อะไรกัน เรายังยิ้มบ้าขนาดนี้
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สอง | UPDATE 5.6.2559 | Page 2 }
เริ่มหัวข้อโดย: Papangtha ที่ 07-06-2016 12:24:15
อ่านไปยิ้มไป
น่ารักมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สอง | UPDATE 5.6.2559 | Page 2 }
เริ่มหัวข้อโดย: นางสาวกานาเลส ที่ 07-06-2016 20:59:29
ง้อยยยยยย น่าร๊ากกกกกกกกกก ธีร์ จุ๊บๆๆๆ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 08-06-2016 02:10:07

(http://www.uppic.org/image-730A_57571DD5.jpg)

จูบที่สาม

   ตั้งแต่ยุคบุกเบิก รุ่นพี่เคยตั้งชื่อค่ายนี้เล่นๆ ว่าเจ็ดวันอันตราย

   เหตุผลที่ใช้ชื่อนี้แค่เพื่อให้มันพ้องกับชื่อโครงการเฝ้าระวังอุบัติเหตุในช่วงเทศกาล ซึ่งจากประสบการณ์ตรงผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าเจ็ดวันของเรามันอันตรายอย่างชื่อนั้นตรงไหน ค่ายอาจจะมีการฝึกวินัยและบทลงโทษบ้าง แต่ก็เป็นการฝึกที่เบายิ่งกว่าชั่วโมงลูกเสือประถม เน้นให้น้องผู้ชายฝึกความเป็นสุภาพบุรุษซะมากกว่า เวลาส่วนมากก็ใช้ไปกับการรับน้องแบบสนุกสร้างสรรค์

   คำว่าอันตรายอาจดูจะเว่อร์ไป

   แต่นั่นคือความคิดก่อนที่เขาจะเข้ามา

   เขา...ดาราหน้านิ่งที่โดนลือว่าดังแล้วหยิ่งคนนั้น แต่ถึงหยิ่งขนาดไหนก็มีคนห้อมล้อมเขาไม่ขาดสาย

   สำหรับผม เขาทำให้เจ็ดวันนี้ดูอันตราย

   ...ต่อหัวใจ



   Thee Dumrongdech
   ไหนอะ
   ไม่เห็นมาเลย


   Jub Joompit
   มาดิ
   รอแป๊บ
   เดี๋ยวเจอกันแน่ : )



   "ขอเชิญพี่สัน! ปั้งๆๆๆ! ขอเชิญพี่สัน! ปั้งๆๆๆ! ขอเชิญพี่สัน พี่สันทนาการ! ขอเชิญพี่สัน พี่สันทนาการ! ขอเชิญพี่สันพี่สันทนาการ!”

   เสียงกลองดังกระหึ่ม เสียงร้องกัมปนาท เสียงปรบมือเกรียวกราว เหล่าคนบันเทิงประจำค่ายทั้งสิบสองคนยกโขยงกันเข้ามาจากทางเข้าห้องโถงใหญ่ที่เราใช้ทำกิจกรรม เต้นด้วยท่าทางบ้าบอเหมือนพรุ่งนี้จะไม่มีโอกาสได้เต้นอีกแล้ว

   หนึ่งในสิบสองคนนั้นคือผมเอง

   แก้มขาวจั๊วะถูกละเลงด้วยแป้งสีขาวและบรัชออนที่บรรดาสาวแท้สาวเทียมปาดเล่นบนหน้าผมอย่างสนุกสนาน ผมหยิกถูกรวบและมัดด้วยหนังยางสีสันสดใสหลายกระจุก เนื้อตัวถูกแต่งแต้มด้วยเสื้อผ้าสีสะท้อนแสง อลังการสมกับวันเปิดค่ายน้องใหม่นิเทศฯ

   เราเต้นเอาตายกันหนึ่งเซต จนมาถึงช่วงแนะนำตัวพี่สันทนาการแต่ละคนที่ไม่บอกชื่อแต่ให้ทำเสียงแปลกๆ แทน พูดจบก็ให้น้องทวนอีกหนึ่งรอบเพื่อนสันบางคนเรอ บางคนตด บางคนก็ไล่ระดับเสียงเหมือนร้องโอเปร่าเล่นใหญ่ไม่แบ่งคนหลังๆ อย่างผมเลยสักนิด

   “อ่ะ คนต่อไป พี่คนนี้ชื่ออะไรค้า” เพื่อนพิธีกรส่งไมค์มาให้ ผมกลั้วปากด้วยลิ้นตัวเองสักพัก น้องปีหนึ่งที่อยู่ในความสงบจ้องใหญ่อย่างใจจดใจจ่อ

   “พี่ชื่อ...จั้วะ!”

   ผมส่งเสียงจูบที่มาจากการบดริมฝีปากเข้าด้วยกันให้ทุกคน เกิดเสียงฮาลั่นด้วยความถูกใจจากคนในห้อง ผสมด้วยเสียงกรี๊ดจากน้องผู้หญิง จากนั้นพิธีกรก็นับสาม
 
   “สวัสดีครับ/ค่ะพี่...จั้วะ!”

   แล้วทุกคนก็ส่งจูบผมกลับ ผมยิ้มกว้างและโค้งคำนับการทักทายนั้น และในขณะที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ไอ้เพื่อนสันรุ่นเดียวกันที่เป็นตุ๊ดสองคนก็แท็กทีมกันมาประกอบซ้ายขวา และจุ๊บเข้าที่แก้มทั้งสองข้างของผมดังจ๊วบ

   “เชี่ยยยยยยย”

   ผมร้องแล้วเอามือถูหน้าเรียกเสียงกรี๊ดจากทั้งพี่ทั้งน้องได้ครืนใหญ่...ด้วยความสาแก่ใจหรืออะไรก็ไม่แน่ใจนัก

   ไม่เว้นแม้กระทั่งคนผิวหลอดไฟหางแถวที่ปกติยิ้มยากก็หัวเราะปากโคตรกว้างพร้อมกับส่ายหัวเบาๆ คล้ายจะเวทนาในตัวผมเอง

   เป็นครั้งแรกที่เห็นเขาหัวเราะขนาดนั้น มันทำให้มุมปากผมยกยิ้มตามไปด้วย

   ชอบการเป็นสันทนาการก็ตรงนี้

   เราได้เห็นความสุขที่หาดูยากของใครบางคน



   หลังจากให้ความบันเทิงและเล่นเกมกับน้องไปหอมปากหอมคอ เราเหล่านิเทศชนก็ถึงเวลาพักกินข้าวเที่ยงกัน ผมออกมานอกห้องโถงแล้วสูดอากาศโปร่งสบายด้านนอกให้ชื่นปอด บริเวณรอบๆ เป็นต้นไม้หนาตาที่มีแสงแดดส่องลอดลงมาได้เพียงเล็กน้อย หูแว่วเสียงน้ำไหลเพราะไม่ไกลจากที่นี่มีน้ำตกเล็กๆ อยู่ บรรยากาศร่มสบายแบบที่ไม่น่าเชื่อว่าจะอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงอันวุ่นวาย

   “น้องผู้ชายให้น้องผู้หญิงตักก่อนน้า” เสียงปีสองฝ่ายสวัสดิการดังเจื้อยแจ้ว เราจัดให้น้องเข้าแถวกันตักข้าวเที่ยงแบบบุฟเฟต์ ผู้หญิง ผู้ชาย และรุ่นพี่ตามลำดับ

   รอเกือบสิบนาทีผมก็ได้ข้าว นั่งปักหลักลงตรงโต๊ะไม้สีน้ำตาลตัวยาวกับโฟกัสและเพื่อนสันฯ อีกสองคน มองเด็กปีหนึ่งทำความรู้จักกันขณะเคี้ยวข้าวหงับๆ

   “อ้าว หายไปไหนมา” เสียงดังจากโต๊ะตักข้าว หันไปมองก็เห็นเด็กดารายืนชะเง้อชะแง้อยู่ ข้างหน้าเป็นเด็กผู้หญิงที่เพิ่งมาตักข้าวเหมือนกันสองสามคน

   “ดีนะยังเหลือกับข้าวอยู่เยอะ นี่ค่ะของน้องธีร์” สวัสดิการส่งสายตาหวานเชื่อมให้เขาจนโดนเพื่อนสาวรุ่นเดียวกันแถวนั้นแซวเรื่องความเกินหน้าเกินตา ธีร์พยักหน้าขอบคุณหน้านิ่งแล้วกลับหลังหันออกจากตรงนั้น เขามองซ้ายมองขวาเหมือนกำลังมองหาโต๊ะที่ดูเหมือนจะเต็มหมดแล้ว

   นาทีนั้นผมค่อยๆ ยืดตัวขึ้นช้าๆ เพราะที่นั่งตรงข้ามยังพอว่าง เขากวาดตาเลยไปสักพักก็เลื่อนกลับมามองผม แน่ล่ะ แต่งตัวแต่งหน้าเด่นแบบนี้ไม่เห็นให้มันรู้ไป

   ธีร์กระพริบตาปริบๆ มาให้เชิงถามว่านั่งด้วยได้ไหม ผมพยักหน้าให้เบาๆ
   
   “พี่จั้วะ! ตรงนี้มีคนนั่งไหมคะ”   

   แต่...น้องผู้หญิงสามคนที่เพิ่งได้ข้าวตัดหน้าไปซะก่อน ด้วยความเป็นพี่ที่แสนดีผมเลยจำใจบอกว่า

   “นั่งได้ครับ”

   “งั้นพวกหนูนั่งด้วยนะคะ” แล้วทั้งสามก็แทรกตัวเข้ามานั่งแบบไม่เหลือที่ให้ใครเลยแม้แต่คืบเดียว ทำให้โต๊ะเราแน่นเอี๊ยดแล้วเรียบร้อยในตอนนี้

   ธีร์ทำปากจู๋และส่งสายตาเสียดายมาให้ ผมเม้มปากยิ้มชืดๆ เป็นสัญญาณว่าเสียดายเหมือนกัน

   แล้วเขาก็เดินผ่านโต๊ะผมไป เวิ้งว้างอยู่สักพักก็โดนเด็กปีหนึ่งที่เป็นผู้หญิงทั้งก๊กกว่าสิบคนชวนนั่งด้วย เราสบตากันผ่านช่องว่างระหว่างบุคคล เขายกโทรศัพท์ขึ้นมาเหมือนบอกให้ผมดูของตัวเอง


   Thee Dumrongdech
   จุมพิต
   อยากไปนั่งด้วย


   Jub Joompit
   : )

   Thee Dumrongdech
   อยากคุย

   Jub Joompit
   เรื่องไร
   คุยในนี้ก็ได้


   Thee Dumrongdech
   ไม่รู้เหมือนกัน
   เรื่องทั่วไป
   แค่อยาก


   Jub Joompit
   ยกตัวอย่างเช่น

   Thee Dumrongdech
   แต่งหน้าสวยดีวันนี้
   แต่งงี้บ่อยๆ นะ


   Jub Joompit
   เดี๋ยวแต่งแม่งทุกวันเลย

   Thee Dumrongdech
   555

   Jub Joompit
   ขำไร

   Thee Dumrongdech
   เปล่า
   เห็นกันตั้งแต่มัธยม ไม่ยักรู้ว่าเด้งเอวได้แรงแบบนั้น


   Jub Joompit
   ดูแย่เหรอ

   Thee Dumrongdech
   เปล่า
   เกินความคาดหมาย

   
   Jub Joompit
   เดี๋ยวสอนเด้ง

   Thee Dumrongdech
   ไม่เอาอะ
   เต้นไม่เก่ง

   
   Jub Joompit
   อ่อน

   Thee Dumrongdech
   555 อ่อนจริง

   Jub Joompit
   กินข้าวเหอะ มัวแต่ก้มดูโทรศัพท์
   เดี๋ยวเพื่อนจะรอนะ


   Thee Dumrongdech
   บอกตัวเองก่อน
   ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทำไม
   555


   Jub Joompit
   กวนตีน



   ช่วงบ่ายเป็นกิจกรรมแบ่งกลุ่ม น้องทั้งร้อยห้าสิบสองคนถูกคละเพศและแบ่งออกเป็นสิบสองกลุ่มสี ซึ่งแต่ละสีจะมีพี่สันทนาการเข้าไปเป็นพี่ประจำสีๆ ละหนึ่งคน

   ผมได้รับผิดชอบน้องสีเขียว ภารกิจที่เราต้องทำบ่ายวันนี้คือการคิดชื่อสี ทำธง และคิดเพลงประจำสีพร้อมท่าเต้น

   น้องๆ แต่ละกลุ่มแยกกันไปแชร์ความคิดกันตามมุมรอบๆ ห้องโถง ส่วนสีเขียวของผมเลือกตรงสนามหญ้าด้านนอกใต้ร่มไม้ใหญ่ ผมเดินเข้าไปหาและรับไหว้จากน้องๆ ทุกคนที่ทักทายผมอย่างสดใส เว้นแต่คนๆ เดียวที่ไม่ยกมือไหว้แต่เงยหน้าจากจอโทรศัพท์ขึ้นมายักคิ้วให้

   ธีร์ ดำรงค์เดช เราเจอกันอีกแล้ว

   “เป็นไงบ้าง คิดไรออกกันยัง ใครมีอะไรมาแชร์กันได้นะเดี๋ยวพี่ช่วย”

   ผมบอกน้องๆ แล้วแต่ละคนก็งัดความคิดเด็ดๆ ของตัวเองออกมาตามประสาเด็กนิเทศผู้กล้าแสดงออก โดยเฉพาะน้องหน้าม้าเต่อชื่อเก๋ไก๋สไลเดอร์ที่ผมจำเธอได้ขึ้นใจจากวันแรก เธอเหมือนเป็นผู้นำของสี ตอนนี้สิ่งที่เราต้องคิดคือชื่อสัตว์อะไรสักอย่างที่เป็นตัวแทนของกลุ่มแล้วค่อยเอาไปต่อยอดเป็นเพลงและธง

   ผมเหลือบมองธีร์ขณะที่เด็กในวงคุยกัน เห็นเขาเอาแต่ทำหน้าเบื่อโลกและจ้องมองโทรศัพท์มือถือเป็นครั้งคราว

   “ช่วยเพื่อนก่อนดิ” ผมเดินไปด้านหลังแล้วจิ้มแขนลงบนไหล่เขาเบาๆ ธีร์หันมาขมวดคิ้วใส่ผมอย่างกวนตีนแต่ก็ยอมเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋า

   “ชะนี! ชะนีดีไหม เข้ากับสีเขียวเหมือนชะนีในป่าไรงี้” น้องเต่อเสนอ

   “ก็ดีนะ แต่กูได้ยินคำว่าชะนีแล้วนึกถึงสีที่มันผู้หญิงๆ ชมพู ม่วงไรงี้ หรือคนอื่นมีไรเสนออีกป่ะ ธีร์...เธอว่าไง” น้องตุ๊ดใส่แว่นชื่อโอมที่นั่งติดกับเขาทำเสียงอ่อนเสียงหวานใส่ เรียกเสียงโห่จากทุกคนพร้อมกัน

   “กูว่าแรด” น้องหน้าหมวยที่นั่งติดกับโอมบอก

   “แรดเข้ากับสีเขียวตรงไหนวะ”

   “กูหมายถึงมึงอะแรด”

   “อีสัด ธีร์จะพูดแล้ว ฟังผัวของคนทั้งประเทศค่ะ” น้องโอมสังเกตเห็นเขากำลังจะบอกอะไรสักอย่างออกมา ธีร์ขยับปากช้าๆ เหมือนคนไม่ค่อยมีความมั่นใจแล้วพูดเบาๆ ว่า

   “งู”

   และนั่นคือข้อสรุป สุดท้ายเราก็ลงตัวที่ ‘งูเขียว’

   หลังจากนั้นน้องผู้หญิงผู้มีหัวศิลป์แยกออกไปทำธง ส่วนผู้ชายสุดห่ามกับตุ๊ดหนึ่งคนแยกกันมาคิดท่าเต้นประกอบ ผมช่วยใส่ท่าเด็ดๆ ลงไปจากประสบการณ์ที่คิดว่าทุกคนต้องเห็นแล้วต้องซี้ดและเรียกคะแนนให้กับสีของเราได้เยอะแน่นอน

   “งูเขียวเจี๊ยวใหญ่ๆ ซ่อนเอาไว้อยู่ในกางเกง ฉกทีตัวพี่ต้องเล็ง กลัวน้องเสียวเกร็งเพราะฉกผิดรู ช้กฉกๆๆๆๆ”

   เพลงนี้คือความจัญไรอันแสนลงตัว ผมให้น้องผู้ชายเข้าไปสอนให้ทุกคนในกลุ่มเต้นตาม โชคดีที่เกือบทุกคนมียางอายในระดับเดียวกัน เต้นยับจัดเต็มซะจนรุ่นพี่อย่างผมต้องอาย

   เว้นแต่คนเดียว

   ธีร์เต้นไม่ได้เลย ไม่น่าเชื่อว่าคนที่เก่งกาจเรื่องการแสดงอย่างเขาจะมีความสามารถในการเต้นที่น้อยมาก เหมือนเขากำลังอิดออดและกั๊กๆ ตัวเองไว้อยู่

   ผมสอนเขาควงเอวจนเขาหลุดขำกับท่าทางของผมหลายครั้ง ตลอดบ่ายวันนั้นสอนจนเอวจะหัก เพื่อนในกลุ่มก็มาช่วยกันสอนเขาอย่างค่อยเป็นค่อยไป กลุ่มอื่นมองมาทางกลุ่มเราอย่างขำในพยายามที่น่ารักของเขา แต่สุดท้าย...ธีร์ก็ดูเหมือนเด็กหนุ่มร่างสูงโย่งที่เต้นด้วยท่าเงอะๆ งะๆ ส่วนที่ขยับในร่างกายมีแค่มือกับเท้าเท่านั้น

   ผมทรุดตัวลงกับผืนหญ้า ยกแขนปาดเหงื่อตัวเองอย่างยอมแพ้

   “ทำดีแล้ว”

   กระนั้นก็ยังยกนิ้วให้เขาและน้องคนอื่นในกลุ่ม ดาราเด็กมองผมหน้างอ ผมฝากให้เขาไปทำการบ้านมาเพื่อโชว์ในวันพรุ่งนี้ แต่ในใจก็คิดแหละว่ามันคงจะได้แค่นี้จริงๆ




   Thee Dumrongdech
   ถามไรหน่อยดิ
   ทำไมตอนไปไหนมาไหนพี่วินัยต้องบังคับจับมือกันด้วย


   Jub Joompit
   ธรรมเนียมไง
   เวลาข้ามถนนจะได้ข้ามง่ายๆ อะไรงี้


   Thee Dumrongdech
   อ๋อ

   Jub Joompit
   ไม่ชอบโดนบังคับเหรอ?

   Thee Dumrongdech
   คงงั้น
   โตๆ แล้วก็ข้ามถนนกันเองได้ละมั้ง


   Jub Joompit
   นึกถึงคนอื่นดิ
   อย่างเพื่อนผู้หญิง ถ้าเขาเกิดสะดุดกลางทาง อย่างน้อยเราก็รั้งเขาไม่ให้ล้มได้ ไรงี้
   มือที่จับกันมันมีประโยชน์นะ


   Thee Dumrongdech
   เหรอ


   วันที่สองของค่าย เราตื่นกันตั้งแต่เช้าตรู่ หอพักของศูนย์นวัตกรรมแยกเป็นหอชายหญิงสองอาคาร ในอดีตมันเคยเป็นหอพักของนักศึกษาบางสาขาของคณะเกษตรศาสตร์ที่ต้องแยกตัวออกมาเรียนที่นี่เพราะสถานที่อำนวยต่อการเรียนการสอนภาคปฏิบัติ แต่ปัจจุบันสาขานั้นถูกยุบรวมกับอีกสาขาและย้ายไปเรียนอีกที่ คณะเราจึงฮุบที่นี่เปิดเป็นศูนย์นวัตกรรม ตั้งชื่อให้เท่ไปแบบนั้นแต่จริงๆ ก็คล้ายๆ สถานที่ที่ให้นักศึกษาปีสี่มาปั่นตัวจบกันภายใต้สภาพแวดล้อมที่มีคุณภาพและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกด้านนิเทศศาสตร์ครบครัน

   เจ็ดโมงตรง น้องและพี่ผู้ชายมาเรียงแถวกันหน้าหอ ออกเดินอย่างเป็นระเบียบไปรับน้องผู้หญิงที่อยู่ห่างออกไปราวร้อยเมตรตามธรรมเนียมค่าย

   “น้องผู้ชายถือของให้น้องผู้หญิงด้วยครับ” ฝ่ายวินัยบอก น้องผู้หญิงที่อยู่สามแถวด้านในต่างส่งกระเป๋าและสัมภาระให้กับผู้ชายที่ขนาบข้าง

   “พี่ล้อมน้องด้วยครับ”

   แล้วกึถึงตาพี่ ผมในชุดเสื้อสีขาวกับกางเกงกีฬาขายาวโปร่งที่ตอนแรกเดินชิลล์นำหน้าแถวผู้ชายก็ไปต่อแถวล้อมน้องกับเขาอีกที มันเหมือนเป็นธรรมเนียมของค่ายนี้ที่ผู้ชายจะปกป้องผู้หญิง และพี่จะปกป้องน้องอีกที

   ผมก้าวถอยหลังเพราะถูกดันให้ตรงกับหน้าตับแถว กระทั่งหยุดลงข้างๆ น้องผู้ชายคนหนึ่งที่หน้าเหมือนป๋อมแป๋มเทยเที่ยวไทย...ในเวอร์ชั่นแมนน่ะนะ

   “มึงๆ กูแทรกหน่อย” มีเพื่อนผู้หญิงรุ่นเดียวกับผมแทรกจากด้านหน้า ทำให้ผมต้องกระเถิบลงอีกหนึ่งลำดับ

   ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงกระแอมทักจากคนข้างๆ พร้อมกับกลิ่นน้ำหอมสะอาดที่ผมจำได้

   วันนี้เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีแดงจัดจ้านทับด้วยแจ๊กเกตสีเทาขัดให้ผิวหลอดไฟของเขาขาวขึ้นอีกระดับ บนหัวสวมหมวกแก๊ปสีแดงปักคำว่า ‘MY LIFE’ ไว้หลวมๆ ท่อนล่างเป็นกางเกงเข้ารูปสีดำและรองเท้าสีขาวสะอาด ลุคเท่ๆ ที่ให้อารมณ์คุณชายในคราวเดียวกัน

   “แมงวันเข้าแล้ว” เขาแซว ผมรีบหุบปากตัวเอง กำลังจะเถียงกลับว่าไม่ได้อ้ากว้างขนาดนั้นสักหน่อย แต่คนด้านหน้าก็ดันให้ผมกระเถิบลงอีกขั้นหนึ่ง ติดกับน้องผู้ชายตัวสูงใส่แว่นที่หันมายิ้มให้ผมอย่างแหยๆ

   “มึงอ่ะ” ธีร์หันมาเรียกเขาก่อนที่เขาจะทันได้พูดบางอย่างกับผม “แลกที่ได้ไหม”

   “หะ...หา?”

   “ขอแลกที่หน่อย”

   ดาราหน้านิ่งพูดได้ดังนั้นก็เดินสลับที่กันโดยไม่ให้น้องแว่นปฏิเสธเลย เขากลับมายืนในตำแหน่งที่ตรงกับหน้าตับของผม แต่กระเป๋าที่เขาถืออยู่เป็นของผู้หญิงในแถวหน้าก็เลยต้องแลกกระเป๋ากันพัลวันอีก

   “วุ่นวายว่ะ” ผมบ่น พยายามไม่ยิ้มออกมา เด็กหลอดไฟยักคิ้วเชิงบอกว่าเขาไม่สนใจคำบ่นผมหรอก

   “จับมือครับ” ทันทีที่วินัยสั่ง ผมก้มลงมองมือตัวเองกับมือเขาอย่างเก้ๆ กังๆ

   “จับมื๊อ” ธีร์ทวนคำเสียงสูงอย่างล้อเลียนปนเร่งเพราะเห็นว่าผมไม่อะไรสักทีขณะที่แถวข้างหน้าเดินแล้ว เขาเลยคว้ามือของผมไปกุมอย่างรวดเร็ว ล็อคนิ้วมือทั้งห้าของผมกับนิ้วตัวเองเหมือนไม่ยอมปล่อยให้ไปไหน ผมสัมผัสถึงความนุ่มเนียนจากผิวมือของเขา

   “ไหนบอกไม่ชอบถูกบังคับให้จับมือ” ผมอ้างถึงบทสนทนาที่เราคุยกันเมื่อคืน

   “ตอนนี้เริ่มชอบแล้ว” เขาบอก และหันมากระซิบแกล้งที่ข้างหู “มือเย็นดีจัง”   

   ผมยื้อมือตัวเองกลับมาและพยายามสะบัดให้หลุด แต่ธีร์ยิ่งกระชับแรงขึ้นอีก

   “ไม่ปล่อยหรอก”

   ธีร์ยิ้มแฉ่งกลับมา ผมเสมองไปทางอื่นแล้วสาบานได้เลยว่าในอีกไม่กี่นาที มือเย็นชืดของตัวเองต้องชุ่มไปด้วยเหงื่อเพราะอุณหภูมิในร่างกายที่กำลังพุ่งสูงแน่ๆ

   ในวันที่สองของค่าย เราได้จับมือกันเป็นครั้งแรก ท่ามกลางฝูงชนคนนิเทศศาสตร์ที่คุยกันเสียงเจี๊ยวจ๊าว กับแสงแดดอ่อนยามเช้าและอากาศบริสุทธิ์

   มือเราไม่หลุดออกจากกันเลยตลอดทาง



   
   “ไอ้จุ๊บ มึงกับน้องธีร์นี่ยังไงกัน”

   โฟกัสเปิดประเด็นตอนเราพักกินข้าวเที่ยงกับผมแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย เรานั่งกันอยู่โต๊ะเดิม ฝั่งตรงข้ามของผมคือเบ้นซ์ เพื่อนสันทนาการผู้มีเอกลักษณ์คือตัวที่หนาและผมฟูเหมือนแฮกริดในแฮร์รี่พอตเตอร์ ติดแต่ว่ามันเป็นผู้หญิง และคนสวยๆ ที่นั่งติดกันคืออาเฟ่ ตุ๊ดหน้าสวยรวยเสน่ห์ขวัญใจเด็กๆ  ส่วนข้างผมก็ไอ้โฟกัส กับเพื่อนสันผู้ชายหน้าเหมือนปลากระโห้ชื่อโอ

   “มีคนเขาอยากรู้ คือเมื่อเช้ามีคนมาเล่าให้กูฟังว่าเห็นมึงกับน้องจับมือกันกระหนุงกระหนิงเดินมาที่นี่ แถมกูยังเห็นมึงแชทคุยกับเขาในเฟสอีก หึ...คิดว่ากูไม่รู้ไม่เห็นล่ะซี้ เห็นกูเงียบแต่ตากูเสือกตลอดนะแจ๊ะ”

   โฟกัสยอมรับออกมาแบบไร้ยางอายจนผมอยากคว่ำข้าวลงบนหน้ามันด้วยความรักใคร่

   “ยัง...ยังไม่หมด มีคนบอกว่าข้อความในกล่องจุ๊กกรู้วอ่ะน้องธีร์เขียนถึงมึง”

   “ข้อความไหนวะ”

   “เรื่องแฟนไง”

   ผมนึกย้อนกลับไปเมื่อเช้า พอเรามาถึงคณะแล้วก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงพิธีการสำคัญอย่างการให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องลงทะเบียนเรียนโดยเจ้าหน้าที่ของคณะ ก็จะมีการสันทนาการกันให้พอสนุกก่อนเริ่มกิจกรรม และภายในเวลาอันจำกัด สิ่งที่เราทำคือการเล่นกล่องจุ๊กกรู้ว

   กล่องจุ๊กกรู้วเป็นกล่องลังสี่เหลี่ยมสีชมพูแปร๋นที่มีจุดประสงค์ไว้เพื่อให้น้อง (หรือพี่) เขียนข้อความในใจลงไปในกล่อง ทำได้หมดไม่ว่าจะบ่น แซว ถามคำตอบ หรือสั่งให้ใครสักคนทำอะไร ทำได้แม้กระทั่ง...บอกรัก

   ‘น้องกูปรีสีเหลืองอยู่ไหนคะ’ พิธีกรอ่านกระดาษใบแรก น้องผู้หญิงหน้าเฉี่ยวแต่ชื่อแปลกยกมือขานเบาๆ อย่างเขินอายเหมือนคนกำลังจะโดนบอกรัก

   ‘มีคนเขียนมาบอกว่า...กูปรีสีเหลือง โกนหนวดบ้างนะ’

   ฮาครืนแต่เจ้าตัวหน้าบูดทันที จบไปใบแรก

   ‘น้องธีร์’ พิธีกรร้องเสียงดัง เกิดเสียงกรี๊ดจากสาวน้อยใหญ่ในห้องเมื่อชื่อนั้นถูกขาน พระเอกซีรี่ย์วัยรุ่นยกมือไม่สูงมากเหมือนขอไปที ทุกสายตาจับจ้องอยู่ที่เขา

   ‘เมื่อคืนเข้าไปทำไรในห้องน้ำนานจัง’

   ข้อความบวกจินตนาการทำให้สาวๆ กรี๊ดลั่น ผมหัวเราะออกมาเบาๆ มองเขาที่หน้านิ่งแต่ริมฝีปากยกขึ้นเล็กๆ

   ‘ความลับ’ เขาตอบ แล้วก็โดนทั้งห้องโห่ใส่เพราะไม่เซอร์วิสต์แฟนๆ เลย

   ‘พี่จุ๊บ’ ใบที่สามมีชื่อผม ตอนนี้ทุกสายตาพุ่งมาจับจ้องตัวผมหลังจากที่ยืนอยู่ในมุมห้องเงียบๆ มานาน

   ‘มีน้องถามว่า...พี่จุ๊บมีแฟนยังครับ...เดี๋ยวๆๆ...ครับ พี่จุ๊บมีแฟนยัง...’ครับ’ คนถามก็ต้องเป็นผู้ชายอ่ะดิ๊” พิธีกรทำน้ำเสียงสงสัยกับกระดาษใบนั้นทำเอาน้องๆ ส่งเสียง ‘งู้ยยยยย’ ให้ผมกระหึ่ม ผมปิดหน้าแบบเขินๆ เพราะตอนแรกคิดว่าคงโดนแซวอะไรสักอย่าง

   ‘อะสรุปยังไง มีแฟนยังเฮ้ย น้องเค้ารอคำตอบเนี่ย’

   ‘ไม่มีครับ’ ผมตอบ ทันใดนั้นตาตัวเองก็ปราดไปหาเขาโดยอัตโนมัติ แต่เด็กหลอดไฟไม่ได้แสดงสัญญาณหรือความรู้สึกใดๆ ออกมาผ่านสีหน้านิ่งให้ผมรู้ว่าเป็นคนเขียน มีเพียงรอยขมวดที่คิ้วเล็กๆ เท่านั้น

   “พวกมึงแม่งไร้สาระว่ะ” ผมไม่ยอมรับกับโฟกัสและเพื่อนคนอื่นบนโต๊ะกินข้าวที่ยื่นหน้ามารอฟังคำตอบจากผมด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่ผมลุกขึ้นกลบเกลื่อน “กูเอาจานไปเก็บละ ใครฝากบ้าง”

   “อีจุ๊บ อย่ามาหนีนะ” โฟกัสเอ็ด กะจะคว้าตัวผมไว้แต่ไม่ทัน ผมแลบลิ้นให้และกะจะเดินออกไปที่เก็บจาน แต่ประโยคต่อมาของเพื่อนตัวดีชะงักตัวไว้ซะก่อน

   “ไปไหนก็ไป กูถามน้องธีร์เองก็ได้ น้องธีร์ค้า!” เขากำลังเดินมาทางนี้พอดี เด็กหนุ่มในชุดแดงเกือบทั้งตัวหยุดตามเสียงเรียกร้องของรุ่นพี่ “พี่อยากถามอะไรน้องธีร์หน่อยอ่า...”

   “อะไรเหรอครับ”

   “ไอ้กัส...” ผมทำเสียงต่ำขู่ แต่โฟกัสไม่แคร์แถมแลบลิ้นเอาคืนอีกต่างหาก ไอ้นี่!

   “กระดาษในกล่องจุ๊กกรู้วที่ถามว่าจุ๊บมีแฟนยังอ่ะ น้องธีร์เป็นคนเขียนหรือเปล่าคะ”

   โฟกัสถามออกไปในที่สุด ผมจ้องหน้าเพื่อนรักเขม็งด้วยสายตาบอกว่าเดี๋ยวมีการเอาคืนแน่ๆ ในขณะเดียวกันก็รู้สึกลุ้นกับคำตอบเขา

   ธีร์ยิ้มบางๆ “ไม่ได้เขียนนะครับ”

   “อ้าว...” โฟกัสกับเพื่อนสามคนด้านหลังอุทานออกมาพร้อมกัน ผมอยากอุทานออกมาบ้างแต่นั่นมันจะโป๊ะแตกเกินไป

   “ขอตัวนะครับ” ธีร์บอกแล้วเดินออกมาจากตรงนั้นเลย ผมก็เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองจะเอาจานไปเก็บเหมือนกันเลยเดินไปพร้อมๆ กับเขา ได้ยินเสียงซุบซิบของพวกขี้เม้าท์ไล่หลังตามมา

   “สรุป...ไม่ได้เขียนจริงดิ” ผมถามออกไปขำๆ ขณะที่รับจานข้าวจากเขามาเคาะเศษอาหารออก

   “อือ” เขาตอบรับ “แต่เมื่อกี้เพิ่งเขียนไปใบนึง”

   “เขียนอะไรอ่ะ”

   “ไม่บอก รอฟังเองแล้วกัน” เขายกมุมปากแล้วเดินออกไปเลย ผมโห่ให้รอบหนึ่งขณะที่ในใจแทบรอช่วงกล่องจุ๊กกรู้วในช่วงสันทนาการตอนเย็นไม่ไหว

   สี่ชั่วโมงผ่านไป เวลาที่ผมรอคอยก็มาถึง

   เสียงบ่นเซ็งแซ่ของเด็กปีหนึ่งดังก้องห้องโถง คงเพราะโดนอบรมอะไรที่เป็นวิชาการมาทั้งวัน ไม่นานพิธีกรหญิงคนเดิมก็เข้ามาครองไมค์พร้อมกับกล่องสีชมพูแปร๋นกล่องเดิม

   “จะบอกว่าเมสเสจตอนเย็นเด็ดมากกกก” เธอเกริ่น แล้วเริ่มอ่านทีละใบๆ มีผู้หญิงแซวกันเรื่องขี้แล้วไม่กดชักโครก มีน้องผู้ชายสักคนจีบน้องน้ำที่อยู่สีฟ้า มีคนสั่งให้อาเฟ่เต้นเพลงเมียงูกับเดือนคณะปีผม ซึ่งอาเฟ่ก็จัดให้ตามต้องการ

   สิบกว่าข้อความ จนกระทั่งมาถึงข้อความของผม

   “พี่จุ๊บอีกแล้ว ฮอทเหลือเกินนะมึงอ่ะ” พิธีกรแซวเรียกเสียงฮาและกรีดร้องจากเด็กสาวปีหนึ่งได้พอสมควร “แต่โอ๊ะโอ...อันนี้ค่อนข้างแรงแฮะ ฟังดีๆ นะจุ๊บ ฟังดีๆ นะคนที่ถูกกล่าวถึง...”

   ผมจับเส้นผมหยอยที่ห้อยตกลงมาปรกหน้าผากตัวเองอย่างใจจดใจจ่อ มองหน้าพิธีกรสลับกับธีร์ที่ตอนนี้กระชับหมวกตัวเองแน่น ริมฝีปากอมยิ้มบางทำให้ผมแน่ใจว่านี่เป็นข้อความจากเขาแน่ๆ

   “ถึง...คนที่เขียนถามพี่จุ๊บว่ามีแฟนหรือยังเมื่อเช้า”

   “...”

   “อย่ายุ่ง...ของกู”





TBC*
ธีร์ออกตัวแรงมากอีพีนี้
EP.4 COMING SOON!!!! รับรองว่าคนอ่านจะต้องเซอร์ไพร์สกับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนหน้าแน่ๆ รอติดตามกันนะคะ : )

อยากกรี๊ดอยากชมอยากติไปคุยกันได้ในแฮชแท็ก #จุ๊บที ในทวิตเตอร์หรือเพจตัวแม่ (https://www.facebook.com/ftheauthor)นะคะ

เอฟ (ตัวแม่*)
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 08-06-2016 02:41:26
พี่จุ๊บของน้องธีร์ :o8:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 08-06-2016 02:52:59
ปรบมือให้กับความแรงของธีร์ 555555555
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: Seilong2 ที่ 08-06-2016 04:19:58
 เขินแทนจุ๊บบบบ
 :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 08-06-2016 04:30:25
อย่ายุ่ง ของกู กรี๊ดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 08-06-2016 05:47:52
เขินดีดดิ้นสุดพลังกับความจริงจังของประโยคนี้.  พี่จุ๊บนี่เนื้อหอมจริงๆ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 08-06-2016 05:56:44
มันฟินมากกกกกกกกก อยากอ่านต่อเร็วๆแล้วววว :z3:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 08-06-2016 06:00:40
แร๊วงงง นุ้งธีร์
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: lazysheep ที่ 08-06-2016 06:39:38
กรี๊ดดดดดดดดด ธีร์!!! มาแรงได้ใจ อ่านไปยิ้มไปบนสองแถว 55
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 08-06-2016 06:56:26
กรี๊ดดดดดด. แรงงงงงงง
แต่ชอบ เอาอีกๆเจ้ๆชอบ แม่ยกน้องธีร์
ทีมจุ๊บธีร์ 555
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: Papangtha ที่ 08-06-2016 08:04:29
โอ้ยยยยยออกตัวแรงสุด
ประกาศออกสื่อเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 08-06-2016 08:15:46
อย่ายุ่ง...ของกู กรี้ดดดดด น้องธีร์ น่าย๊ากกกก
รุกแรงเว่อร์ พี่จุ๊บจะไปไหนพ้น เขิลแทนพี่จุ๊บ  :-[
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 08-06-2016 08:16:24
น้องธีร์ออกตัวแรงได้ใจ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: peaceminus1 ที่ 08-06-2016 08:22:34
กรี้ดดดดดดดดดดด ออกตัวแรง  -//////-
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 08-06-2016 08:25:45
โอ๊ยๆๆ ออกตัวแรงมากนะธีร์ งุ้ยยยยยยย
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 08-06-2016 08:31:24
ธีร์ขี้หวงจังนะค้าาาา
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: Fahsaizzz ที่ 08-06-2016 08:42:00
โอ๊ยยยยยยยย  หวงอะไรเบอร์นั้นลูกกกกกกกกกกกกกกก ฟินเว่อ น้องธีร์น่ารักกก
ไอเด็กขี้หวง  พี่จุ๊บเขิลมั้ยจ๊ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 08-06-2016 08:50:23
น้องธีร์ออกตัวแรงละเกินนนนนน5555
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 08-06-2016 09:17:00
อ้าย เค้าจีบกันน่ารักอะ

เขินแทนพี่จุ๊บเลย
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 08-06-2016 09:17:53
ที่บอกว่าจะเซอร์ไพรส์นี่มันดีหรือไม่ดีน้อออ  :hao7:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 08-06-2016 09:22:06
 :m4: :m4: :m4: :m4:
ช๊อบ ชอบ " อย่ายุ่ง ของกู " ออกตัวแรงได้ใจ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: mayongc. ที่ 08-06-2016 09:55:21
วี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด ธีร์มาเหนือ มาแรง มาเผ็ชชชชชมาก โอ้ยยยย :z3:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: GenZ ที่ 08-06-2016 10:10:01
ไม่ใช่เล่นเลยนะเธอวววววววว์

อย่ามาหลอกน้องจุ๊บเรานะ

 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: 。Atlas ที่ 08-06-2016 11:21:19
ออกตัวแรงมาก ไม่มีการกั๊กอีกต่อไป จุ๊บจิ๊บต้องสู้นะ  :laugh:

ว่าแต่คนที่เขียนถามว่านุ้งพี่จุ๊บมีแฟนยังนี่คือใครน้อ จะมีบทบาทในอนาคตเปล่าหว่า รออ่านจ้า
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 08-06-2016 11:52:38
แรงมากกกกกก. เริ่ดดดดดด
พี่รู้ว่าธีร์รอมานานที่จะได้เจอจุ๊บอีกครั้ง

จัดเต็มๆเลยจ่ะ พี่เชียร์อยู่
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 08-06-2016 11:59:40
น่อววววว น้องธีร์หึงล่ะซี่ 5555
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 08-06-2016 12:37:27
โอ้ยยย นี่คือการรุกจีบหรืออะไรคะะะะ   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: graciej ที่ 08-06-2016 12:42:01
มาต่อเลยได้ไหม  :impress2:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 08-06-2016 12:57:37
ธีร์มาแรงมากจ๊ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 08-06-2016 13:06:30
ธีร์แรงมากค่าาาา
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-06-2016 13:24:41
 o13
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 08-06-2016 14:05:09
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยย ดีมากกกกกกกกกก
ไม่รู้ทำไมอ่านไปแล้วต้องทำปากจู๋ไปด้วย

อ่านแล้วคิดถึงสมัยตอนเป็นสันทนาการสุดๆ
ไหนจะการออกตัวแรงของธีร์อีก ดีงามกับใจมากๆ

อ้อ แล้วก็สุดท้าย บอกตรงๆ อยากสบถด่าจุ๊บมาก แต่ต้องรักษาความสุภาพไว้
คือคนอะไรทำไมขี้อ่อยขนาดนี้ไม่เข้าใจ
หมั่นไส้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


 :katai4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: นางสาวกานาเลส ที่ 08-06-2016 14:31:33
โอ่โหหหห น้องธีร์ ออกตัวแรกมากข่าาาาาาา
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: nooklepper ที่ 08-06-2016 15:12:03
พระเอกแรงได้ใจป้า 55+
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: iAlexiajang ที่ 08-06-2016 15:25:17
มีการแสดงตัว มีการแสดงประโยคความเป็นเจ้าของ~


ไม่ไหวแล้วพี่น้อง ตัวเราหงิงจนไม่รู้จะหงิงยังไงแล้ว งื้อออ เขินนนนนน


อ๊ากกกกกกกกกก เขินไม่ทนนน หม๊าวววววววว!!!!!!


ขอบคุณนะคะ คุณนักเขียน~~ ❤️
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 08-06-2016 15:28:58
ฮี้วววววววว เฮ เลยจ๊าาา อยากเป็นกองเชียร์จัง
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: pukpra ที่ 08-06-2016 15:56:19
 “อย่ายุ่ง...ของกู” จัดว่าเด็ด โอ้ยยย ชอบมากกก ดีกับใจ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 08-06-2016 16:18:37
มาแปะไว้ก่อน
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: Raccoooon ที่ 08-06-2016 17:06:13
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด เขินนนนนนนนนนแงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: peary ที่ 08-06-2016 17:39:03
โอ้ยยยย น้องธีร์~~~~~ ออกตัวแรงมว้ากเลยจ้าาาา อ่านแล้วเขินแรง  :-[
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 08-06-2016 17:58:35
มาตามเรื่องเนนนนนนนนนนนน้ (ขอวิบัติเพื่อเสียง)

เรื่องนี้น่ารักอ่ะ ชอบตั้งแต่ชื่อตัวละครและ อ่านมาจนถึงตอนที่สามนี่น้องธีร์ออกตัวแรงเลยนะคะ ไอ้คนนั้นก็อย่ามายุ่งกับพี่จุ๊บของน้องธีร์เน้อ เดี๋ยวเจอสายโหดหรอก :hao7:

รอตอนต่อไปค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: caramel ที่ 08-06-2016 18:01:10
เรื่องเน้น่ารักกกกกกกกกกกกกก  :katai2-1:

หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 08-06-2016 18:07:57
ขอต่อบทเองอีกหนึ่งบรรทัด

"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด"

ธีร์ขาลงชื่อไปเลยค่าาาาาาา
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: wed4th ที่ 08-06-2016 18:31:04
อยากจะกรี๊ดไปให้ถึงดาวพลูโต
อย่ายุ่งของกู ชัดเจนมากค่ะ !!  :hao6:
เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 08-06-2016 19:47:32
 :ling1:  แอร๊ยยย ของธีร์ ฟินนนน
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: Mi.07 ที่ 08-06-2016 20:03:59
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
บ้าๆๆๆๆๆ ทำไมหน่องธีร์ออกตัวแรงจังเลย ชัดเจนกันขนาดนี้ เป็นแฟนกันไปเลยมั้ยล่ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: j2kjang_ ที่ 08-06-2016 20:05:57
 :hao3:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: j2kjang_ ที่ 08-06-2016 20:07:58
แปะะะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-06-2016 20:52:50
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: chouxcream59 ที่ 08-06-2016 20:58:35
จัดว่าเด็ด ฟินนนนนนนนนนนนนนน  :hao7:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: benzdekba ที่ 08-06-2016 21:16:56
 :katai1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: 1andonly ที่ 08-06-2016 21:42:28
So cute....
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 08-06-2016 21:45:45
รอๆๆๆๆๆๆ ธีร์ออกตัวแรงมาก เขินอ่ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: Orange151987 ที่ 08-06-2016 22:02:39
อ่านไปยิ้มไปตลอดดดด :hao7:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 08-06-2016 22:04:53
รอตอนต่อไปไม่ไหวแล้ววววว

ธีร์ออกตัวแรงละเกินนนน

ชอบบบบ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: M.J. ที่ 08-06-2016 22:13:10
น้องธีร์ออกตัวแรงตลอดเลยลู๊กกกกก กรี๊ดดดดดด
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: kkoyz ที่ 08-06-2016 22:49:13
ธีร์ออกตัวแรกมากเลยค่ะลูก
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: Faiia ที่ 08-06-2016 23:45:11
โอ้ยยยยย ดีมากกกกกกกก สนุกมากกกกกกกก
รอตอนต่อไปนะคะ  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 09-06-2016 02:28:35
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 09-06-2016 03:11:53
 :hao7: ออกตัวแรงมากกกกก
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 09-06-2016 04:57:57
กรีดร้องงงงงงง
วอทเดอะฟหกด่าสส
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: aurusma ที่ 09-06-2016 05:59:11
กรี๊ดดดดดดดดดดด :hao7:
ตายค่ะ ตายยยยย โอ้ยยยยย หลงเลยคร๊าา
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 09-06-2016 07:48:25
ธีร์ออกตัวแรงจริง 555
คนเขาจองของเขามาตั้งนานแล้วเนอะ
จะให้ใครมาแย่งพี่จุ๊บไปไม่ได้ อิอิ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: Chacha ที่ 09-06-2016 11:28:42
เรื่องน่ารักดีค่ะ
ชอบที่จุ๊บเป็นพี่สันอ่ะ ท่าทางจะป๊อบไม่เบา
ธีร์แบบว่าออกตัวแรงมากกกก
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 09-06-2016 18:01:20
หุยยยย ออกตัวแรงมาก 55555
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 09-06-2016 18:25:07
เอาใจเราไปเลย ทั้งจุ๊บ ทั้งธีร์ เขินแล้วววว  :-[
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: Nankoong ที่ 09-06-2016 18:47:02
 o13 o13 o13ธีร์มั่นมากกกก...



รอๆๆๆๆๆตอนหน้า
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: thunchanok1 ที่ 09-06-2016 19:37:12
โอ้ย ธีร์แรงมากกกกกกกก ชอบๆๆ :-[
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 09-06-2016 19:39:36
นี่กะจะจีบกันโต้งๆเลยใช่ไหม
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 09-06-2016 19:58:16
เข้ามาทวงเนี่ย เมื่อไหร่จะมา แม่ยกมารอทุกวัน
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: Rebtur ที่ 09-06-2016 20:16:06
โอ๋ยยยยย อ่อนระทวยกับประโยคสุดท้ายมากๆคร่าาา แอร้ยยยยยยยย
ถ้าเราเป็นพี่จุ๊บคงยืนบิดม้วนเป็นกุ้งไปแล้วตอนนี้ พ่อคนขี้หวงเอ้ยยยย  :hao7:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 09-06-2016 21:41:56
ธีร์ออกตัวแรงมาก แต่ชอบ~~~ แสดงความเป็นเจ้าของต่อไปค่า รออ่านน้า
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 09-06-2016 22:42:23
 :-[
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: babaaa ที่ 10-06-2016 01:39:29
ชอบๆๆๆ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: Ta_ii ที่ 10-06-2016 07:20:38
วรั้ย! พี่จุ๊บเสน่ห์แรง คึคึ มีคนมาแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของแล้วนะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: kamontipsaii ที่ 10-06-2016 08:26:16
ออกตัวแรงจริงไรจริง ไม่ไหวแล้วเขินแทนจุ๊บ  :-[
เชื่อว่า ธีร์ต้องทำไรที่เด็ดกว่านี้อีกแน่ 5555
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: คุณข้าวทอด ที่ 10-06-2016 14:59:28
เขินมาก ทำไมเขินมากขนาดนี้5555 ไม่เคยอ่านนิยายแล้วกลิ้งไปมาบนเตียงขนาดนี้ฟฟฟฟ คุณธีร์ร้ายกาจ!! T wwww T ร้ายกาจที่สุด!! ขี้หึง แถมออกตัวแรง บ้าบอ ฉันเขิน5555
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 10-06-2016 22:57:51
ธีร์ชัดเจนมาก
ชอบๆๆ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: Arancia ที่ 11-06-2016 07:47:28
น้องธีร์. ออกตัวแรงได้ใจป้าสุดๆไปเลย คริๆๆๆ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: มะเมอเมอ ที่ 11-06-2016 07:56:48
โอ๊ยยย เรื่องนี้นับว่าดีงาม
Feel good สุดๆ
ไม่รู้เพราะอะไร แต่กลัวหักมุมมาก
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 11-06-2016 10:44:54
กรีดร้องงงงงงงงงงง
ชื่อเรื่องแบบ...
งุ้ยยยยย
ใครรุกใครรับคะ555555555
แลดูน้องธีร์นี่ขี้แอ๊บนะ ไหนจะปากจู๋ไหนจะเสียงตะแง้วๆแถมยังพิมพ์ อิอิ เวลาหัวเราะอีก
อร๊าย  :-[
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 11-06-2016 11:50:11
มาตามด้วยคน
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: thepopper ที่ 11-06-2016 14:47:51
วี๊ดดดดด ธีร์หึงแรงมากก เขินแทนจั้วะ55555
รอตอนต่อไปฮับ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 11-06-2016 15:16:27
 :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 11-06-2016 18:57:56
พลอตน่าสนใจจัง
อยากรู้ล่ะว่าตระกูลวิเศษกาลจะมีอะไรเซอร์ไพร้รึเปล่า
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 11-06-2016 23:30:23
กรี๊ดดด5555555555555 ธีร์อะ เขิน
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สาม | UPDATE 8.6.2559 | Page 3 }
เริ่มหัวข้อโดย: katekay ที่ 11-06-2016 23:50:02
เข้ามารออ่ะ ชอบมากๆ น่ารักๆ ชอบแบบนี้  :hao7:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 12-06-2016 22:58:37

(http://www.uppic.org/image-730A_57571DD5.jpg)

จูบที่สี่


   ‘อย่ายุ่ง...ของกู’

   คงมีแค่ธีร์ ดำรงค์เดชเท่านั้นที่กล้าเขียนข้อความซี้ซั้วแบบนั้นให้สาธารณชนอ่าน

   เป็นการอ้างสิทธิ์ที่คิดไปเอง แต่เรียกเสียงร้องเพราะเขินแทนตัวผมมาจากทั่วทุกสารทิศ กรี๊ดกันคอจะแตกทั้งๆ ที่น้องปีหนึ่งพวกนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเขียน

   ส่วนคนที่รู้อย่างผมน่ะเหรอ...หึ

   ...เขินตัวจะบิดเป็นเลขแปดแล้วโว้ยยย


   
   ช่วงกล่องจุ๊กกรู้วจบลง กิจกรรมต่อไปคือการนำเสนอธงและเพลงประจำสีหลังจากที่ปล่อยให้เด็กๆ คิดและซุ่มซ้อมกันเมื่อวาน บอกตรงๆ ว่าผมรู้สึกหนาวนิดๆ ไม่ใช่เพราะแอร์ในห้องเย็นอะไรนะครับ แต่เป็นเพราะสีอื่นนี่งัดไม้เด็ดออกมาโชว์กันเหมือนกำลังแข่งรายการไทยแลนด์ก็อตทาเล้นท์ยังไงยังงั้น จนผมชักหวั่นใจกับงูเขียวของตัวเอง

   “ขอเชิญน้องสีแดงค่าาาา และสีต่อไปที่ต้องลงมาเตรียมตัวคือ...สีเขียวค่าาาาา”

   พูดยังไม่ทันขาดคำก็ถึงคิวของเรา น้องๆ สีแดงยืนเต๊ะท่ารอแสดงด้านหน้าห้องอย่างเตรียมพร้อม ส่วนสีของผมกำลังเดินดุ่มๆ ออกมาจากที่นั่งเป็นแถวยาวด้วยความมั่นใจ เรามารวมหัวกันตรงมุมห้องเพื่อนัดแนะกัน น้องเก๋ไก๋สไลเดอร์และน้องผู้หญิงจะพรีเซนต์ธงก่อน จากนั้นเราถึงจะแสดงเพลงสี

   ผมพยายามเลี่ยงสบตากับธีร์ที่เห็นได้ชัดว่าไม่ได้จับจ้องที่สิ่งใดนอกจากหน้าผม ความรู้สึกจากข้อความของเขาเมื่อกี้ยังอบอวลอยู่ในใจ กลัวตัวเองมองหน้าเขาแล้วจะเผลอแสดงท่าทีอะไรออกมาจนอีกฝ่ายได้ใจ

   “ไม่ต้องเกร็ง ไม่ต้องกดดันไรนะ” ผมกระแอม ขณะที่หูได้ยินเสียงหวีดแรงของสีแดงซึ่งกำลังแสดงอยู่ ผมแอบเหลือบตาไปมองแล้วกลืนน้ำลายหนึ่งอึก

   “สีแดง แทงแรง แทงแรง แทงแรง แทงแรง เอิ้วววววววววว”

   เพลงมีแค่เนี้ย แต่ท่าเต้นมีต่อตัวกันอย่างกับเชียร์ลีดเดอร์ระดับประเทศ ไอ้ฉิบหาย (อุทาน)

   “อย่าทำหน้างั้นกัน สีเราก็เด็ดเว่ย” ผมปลอบน้องๆ ที่เริ่มทำหน้าเสียเพราะการแทงแรงของสีแดง “พี่รู้ว่าเก็บคะแนนสี แต่เราไม่ต้องไปใส่ใจไรมากหรอก ทำให้เต็มที่ ทำให้สนุก โอเค๊?”

   ผมยิ้มให้ความมั่นใจกับน้องทุกคนที่พยักหน้ารัวๆ กลับมา รู้สึกใจชื้นที่อย่างน้อยคำพูดของตัวเองก็ลดอาการใจแป้วของคนอื่นได้ เรารวมมือกันเหมือนรวมพลัง และนาทีนั้นเองที่ผมเผลอหันไปสบตากับธีร์ เห็นแววตาแน่วแน่บางอย่างสะท้อนกลับมาในตาที่จ้องนิ่งนั้น

   “งูเขียวเฮ้นะ หนึ่ง สอง สาม”

   “งูเขียว เฮ้!”

   เด็กสีเขียวเดินเข้าหาพื้นที่ทำการแสดงหน้าห้องอย่างตื่นเต้นเมื่อพิธีกรเรียก ธีร์ที่เดินรั้งท้ายเพื่อนหันมาพยักหน้าให้ผมยิ้มๆ แล้วบอกว่าไม่ต้องห่วง…เอ่อ...เขาจะไม่มีวันรู้เลยว่าตัวเขาเองนั่นแหละที่ผมห่วงที่สุด

   ผมเดินเข้าไปนั่งแทรกน้องๆ แถวหน้าแล้วยกนิ้วให้กับน้องสีทุกคน เกิดเสียงกรี๊ดขึ้นพอคนดูรู้ว่าสีนี้มีดาราเด็กคนนั้นเป็นสมาชิก สาวๆ ส่วนใหญ่ยกมือถือขึ้นมาถ่ายคงเพราะอยากเก็บภาพธีร์ตอนเต้นไว้เป็นของหายาก ส่วนผมได้แต่ยกเปล่าขึ้นมาปิดตรงตาเพราะมีแนวโน้มสูงที่จะขายหน้า...ฮ่า

   พอพรีเซนต์ธงสีจบ สายตาทุกคนก็จับจ้องไปที่เขา แล้วเด็กหลอดไฟก็ดันถูกจัดตำแหน่งให้ออกมาเต้นตรงกลางแถว...ตำแหน่งเดียวที่เขาสามารถประสานสายตาจากผมตรงนี้พอดี

   แววตากังวล มองแวบแรกผมดูออกเลย เราสบตากันแต่ไม่ได้แสดงอารมณ์ทางสีหน้าใดๆ ให้อีกฝ่าย ผมพยักหน้าให้สัญญาณ แล้วดนตรีก็เริ่มขึ้น

   ธีร์เริ่มผิดจังหวะ นั่นทำให้เขาเต้นคร่อมจังหวะทั้งเพลง แต่ถึงคร่อมจังหวะขนาดไหนเสียงกรี๊ดจากบรรดาแม่ยกรอบข้างก็ดังขึ้นแบบสนั่นหวั่นไหว การยกแขนขาอย่างเก้ๆ กังๆ ของเขามันคงดูน่ารักสำหรับสาวๆ แต่สำหรับผมก็คิดไว้แล้วว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้ เลยได้แต่ยิ้มบางๆ ให้เขาที่ขมวดคิ้วแน่น ผมยกมือปิดหน้าเพราะท่าทีตลกๆ นั้น

   “งูเขียวเจี๊ยวใหญ่ๆ ซ่อนเอาไว้อยู่ในกางเกง ฉกทีตัวพี่ต้องเล็ง กลัวน้องเสียวเกร็งเพราะฉกผิดรู ช้กฉกๆๆๆๆ ช้กฉกๆๆๆๆ”

   เพลงจบไปหนึ่งรอบ ผมส่ายหัวแล้วยิ้มบางๆ ในความมืด ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นกว่าเดิมจนผมต้องยกฝ่ามือที่ปิดหน้าอยู่ออก

   เหตุผลจะเป็นใครไปไม่ได้...นอกจากเขา

    “งูเขียวเจี๊ยวใหญ่ๆ ซ่อนเอาไว้อยู่ในกางเกง ฉกทีตัวพี่ต้องเล็ง กลัวน้องเสียวเกร็งเพราะฉกผิดรู”

   อยู่ๆ ในรอบที่สองธีร์ก็เหมือนมีแรงฮึดบางอย่างทำให้เขาเต้นแรงกว่าเดิม และดูเหมือนจะเป็นคนที่เต้นแรงที่สุดในกลุ่มจนสาวๆ ในสีเดียวกันยังกรี๊ด ยังไม่พอเขายังร้องเพลงสีเสียงดังทั้งๆ ที่ตอนซ้อมไม่แม้แต่จะเอื้อนออกมาสักแอะ ผมอ้าปากหวอทันที...มันไปฝึกมาตอนไหนวะเนี่ย

   “ช้กฉกๆๆๆๆ ช้กฉกๆๆๆๆ” ท่าเด้งเป้าตอนฉกของเขารัวเร็วจนผมต้องระเบิดเสียงหัวเราะเพราะความรู้สึกเหนือความคาดหมาย จบเพลงปุ๊บดาราเด็กถึงกับต้องเท้าแขนลงกับหัวเข่าตัวเองอย่างเหนื่อยอ่อน ทั้งห้องส่งเสียงปรบมือด้วยความถูกใจและพูดว่าเอาอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า คนที่ส่งเสียงดังที่สุดคงมาจากเพื่อนปีสองผู้เป็นกรรมการให้คะแนนสามคนที่ดูจะถูกใจไม่น้อย

   “งูเขียว...เจี๊ยวใหญ่จริงๆ ด้วยอะแก๊” พิธีกรแซวทำให้ทั้งห้องวี้ดลั่น ธีร์ส่งยิ้มตึงๆ ให้คนแซวแล้วแกล้งทำท่าเด้งเป้าอีกสองทีทำเอาเพื่อนพิธีกรวิ่งเต้นไปรอบห้อง ผมหัวเราะจนท้องแข็ง คือก่อนหน้านี้สัมผัสได้แหละว่าภายใต้ใบหน้านิ่งๆ หยิ่งๆ นั้นมันมีความกวนตีนพอสมควร แต่ไม่คิดว่าจะขี้เล่นด้วย

   สีเขียวไม่ได้เต้นอย่างที่ประชาชนเรียกร้องเพราะกลัวกินเวลาของกลุ่มอื่น น้องทุกคนจึงเดินกลับเข้าที่นั่ง ผมแปะมือทุกคนที่เดินผ่าน จนกระทั่งเขาคนสุดท้าย

   “เป็นไงฝีมือ” ธีร์นั่งลงยองๆ ในระดับเดียวกับผมแล้วยักคิ้วอวด ผมเบ้ปาก ยักไหล่เบาๆ

   “ก็โอเค๊”

   “โอเคเองเหรอ”

   “ฮื่อ” ผมครางกลับ แต่พอเห็นสีหน้ากระเหง้ากระหงอดเหมือนหมารอกินข้าวเย็นของเขาแล้วก็ต้องยอมรับออกมาในที่สุด “จริงๆ...ก็ดี...ดีเลยแหละ...ยอดเยี่ยม!...อยากให้พูดคำว่าไรล่ะ”

   ธีร์ยิ้ม สองแก้มเป็นสีชมพูเพราะเลือดฝาด เขาถอดหมวกสีแดงของตัวเองออก ทำให้ผมสังเกตเห็นหยาดเหงื่อที่ซึมออกจากไรผมสีดำสนิทมันปลาบนั้น

   “บอกแล้วว่าไม่ต้องห่วง”

   “ก็เมื่อวานยังเต้นไม่เก่งขนาดนี้” ผมเท้าความ และถามต่ออย่างขำๆ “ที่เขาบอกว่าเมื่อคืนหายเข้าไปในห้องน้ำเป็นชั่วโมงนี่คือไปซ้อมเต้นเหรอ?”

   ธีร์กลอกตาไปมาเหมือนคนโดนจับได้ “ก็...อยากให้คนๆ นึงประทับใจ”

   “แล้วเขาประทับใจยัง”

   “เขาบอกผมว่า...โอเค...ดี...ดีเลยแหละ...ยอดเยี่ยม!...นายว่าเขาประทับใจยัง”

   “คงงั้น” ผมยิ้ม ธีร์หัวเราะหึในลำคอแล้วยกมือขึ้นขยี้เส้นผมหยอยของผมเบาๆ จากนั้นก็เดินออกไปโดยทิ้งความอุ่นจากฝ่ามือหนาไว้บนหัวของผม

   เดินออกไปแต่ทำให้ใจของคนที่นั่งอยู่เฉยๆ เริ่มเต้นแรง



   Thee Dumrongdech
   อยู่ห้องไหนนะ

   Jub Joompit
   ถามทำไม
   
   Thee Dumrongdech
   จะไปหา

   Jub Joompit
   มาทำไม

   Thee Dumrongdech
   ผื่นขึ้น
   จะไปขอยาหน่อย   
   รุ่นพี่บอกยาของหอชายอยู่ที่นายนิ


   Jub Joompit
   เฮ้ย จริงเหรอ
   216
   ให้ไปหาที่ห้องไหม


   Thee Dumrongdech
   ไม่เป็นไร
   เดี๋ยวไปเอง

   
   Jub Joompit
   อือ

   Thee Dumrongdech
   คิดว่าไม่ขอยาแล้วเราจะไปทำอะไรเหรอ
   
   Jub Joompit
   ไม่รู้
   ถามไปเรื่อย


   Thee Dumrongdech
   ปากแข็ง

   Jub Joompit
   กวนตีน
   รีบมา


   Thee Dumrongdech
   แน่ะ
   ใจร้อนด้วย


   Jub Joompit
   จะมาไม่มา

   Thee Dumrongdech
   มีเหวี่ยงๆ
   โหดนะเรา


   Jub Joompit
   …

   Thee Dumrongdech
   ครับๆ
   ไปเดี๋ยวนี้แหละครับ



   เสียงเคาะประตูหน้าห้อง ผมลุกออกจากโต๊ะอ่านหนังสือที่ตอนนี้ตั้งโน้ตบุ๊คตัวเองไว้ จริงๆ ห้องๆ หนึ่งสามารถให้คนเข้าพักได้สามคน มีเตียง โต๊ะอ่านหนังสือ และตู้เสื้อผ้าบริการอย่างครบครัน แต่ด้วยจำนวนพี่ปีสองผู้ชายที่มากันน้อยเมื่อเทียบกับจำนวนโควตาที่ให้ เราจึงแบ่งกันลงตัวที่ห้องละสองพอดี ผมพักอยู่กับไอ้โอเพื่อนสันขี้เสือก แต่ตอนนี้แม่งไม่อยู่ ไปไหนของมันก็ไม่รู้

   ทันทีที่เปิดประตูก็ผงะเล็กน้อย ดาราเด็กนี่เล่นเดินโทงๆ มาเคาะห้องผมไปสภาพกางเกงบ็อกเซอร์สีขาวตัวเดียว

   “คัน” คือคำแรกที่เขาพูดขณะยกมือขึ้นเกาผื่นแดงบริเวณไหปลาร้า เขาก้าวเข้ามาในห้องโดยที่ไม่รอคำอนุญาตใดๆ  จากปากผม ผมมองตามอย่างละเหี่ยใจแล้วปิดประตู สังเกตเห็นไหล่กว้างที่มีมัดกล้ามเล็กๆ ของผู้ชายตัวสูงที่กำลังเดินไปนั่งลงบนเตียง

   ซ่อนรูปแฮะ ผิวในร่มผ้าก็ขาวกว่าด้านนอกอีก คนเชี่ยอะไรขาวได้ขนาดนี้วะ

   “ไปโดนไรมา” ผมถาม ขณะที่เดินไปหยิบกล่องยา ธีร์เอนตัวลงพิงผนังแต่มือยังเกาแถวๆ คอไม่เลิก

   “หยุดเกาดิ เดี๋ยวมันก็เป็นมากกว่าเดิมอีก”

   “ก็มันคันอะ”

   “หยุดก่อน” ผมจับมือเขาออก ธีร์แจะปากอย่างขัดใจแต่ก็ยอมหยุดโดยดี “เป็นมานานแค่ไหนแล้วเนี่ย”

   “ไม่รู้เหมือนกัน ตะกี้ถอดเสื้อจะนอนแล้วรูมเมททักว่ามีผื่นขึ้น”

   “แล้วเพิ่งมาบอกตอนสามทุ่มเนี่ย?” ผมส่ายหัว “สรุปไปโดนไรมา”

   “ไม่รู้เหมือนกัน คงเป็นตอนที่วิ่งตอนเย็นแล้วดอกอะไรสักอย่างตกใส่ตัวมั้ง”

   “แพ้เหรอ”

   “เกสรดอกไม้บางชนิดอะ” เขาบอก ทำท่าจะยกมือขึ้นเกาอีกรอบ แต่ผมตบลงบนมือเขาเบาๆ

   “แพ้เกสรดอกไม้” ผมเปรย ขณะที่มือควานหาคาราไมล์กับสำลีในกล่องยา “นึกว่าเป็นดาราแล้วจะแพ้อะไรแปลกๆ กว่านี้ซะอีก”

   “ต้องแพ้อะไรแปลกๆ เหรอวะ” เขาถามแกมบ่น

   “ไม่รู้ดิ เห็นดาราแต่ละคนก็ชอบแพ้ชอบกลัวอะไรแปลกๆ แพ้แตงโม แพ้ตัวตุ่น แพ้ที่ทับกระดาษ อะไรแบบนี้”

   “ประสาท” เขาด่า ผมหันขวับไปจ้องเขานิ่งอย่างเอาเรื่อง ธีร์สะดุ้งโหยงทันที “อุ่ย หมายถึงดาราคนอื่นที่เป็นประสาท ไม่ใช่นาย”

   “แล้วไป” ผมหยอดคาราไมล์หยดสีชมพูลงบนผิวแถวๆ ไหปลาร้าของเขา พยายามจะไม่มองลงไปยังกล้ามอกและจุดสีชมพูที่อยู่บนนั้น และ...อะไรๆ ที่มันอยู่ต่ำกว่านั้น เราฟังเสียงลมหายใจกันเงียบๆ สักพัก ธีร์มองหน้าผมนิ่ง ขณะที่ผมจัดการกับรอยผื่นพวกนั้นด้วยสำลีและคาราไมล์อย่างใจจดใจจ่อ

   “มือเบาขนาดนี้ทำไมไม่ไปเรียนหมอ” เขาแซว ผมยกมุมปากขึ้นข้างหนึ่ง

   “อยากเรียนนิเทศไง”

   “ชอบเหรอ”

   “ก็ชอบนะ ชอบพูด ชอบเต้น ชอบแสดง ชอบดูหนัง อยากทำสิ่งที่ชอบเลยมาเรียน”

   “ก็พอเดาออกตั้งแต่ตอนมัธยม” เขาพูดแล้วทำหน้าเหมือนนึกคิด

   “แล้วนายล่ะ...คิดยังไงถึงมาเรียนนิเทศ”

   “พ่อแม่บอกให้มา” เขาตอบตามตรง ผมเงยหน้าสบตากับแววตานิ่งๆ นั้นนิดหนึ่งก่อนจะก้มลงทาคาราไมล์ต่อ

   “แล้ว...ชอบนิเทศไหม”

   “ไม่เท่า'ถาปัตย์” เขาบอก

   “อยากเป็นสถาปนิกว่างั้น”

   “เคยไปช่วยพ่อดูงานแนวอสังหา เห็นเขาออกแบบโครงสร้างกันแล้วรู้สึกว่ามันโคตรเท่เลย ทำให้เราคิดว่าทุกสถานที่ที่เราอยู่ทุกวันนี้เกิดจากการวางแผนมาก่อน มันให้ความรู้สึกเหมือนเราออกแบบชีวิตได้” แววตาเขาเป็นประกายขึ้นเวลาที่พูดประโยคนั้น ผมแอบเหล่ตามองแล้วยิ้มออกมาเบาๆ แต่ในใจก็รู้สึกเศร้ากับเขาอย่างประหลาด

   ธีร์กระแอม “แต่ช่างมันเหอะ ยังไงก็เลือกเรียนนิเทศแล้ว”

   “ฮื่อ”

   “แต่จะว่าไป...นิเทศก็มีสิ่งที่เราชอบนะ” เขาบอก ผมเลิกคิ้วแล้วมองหน้าเขาอย่างสงสัย ทว่าแววตาเจ้าเล่ห์ของเขาที่ประสานมาในวินาทีนั้นทำให้ผมไม่กล้าถาม คนเป็นภูมิแพ้จ้องผมใหญ่แล้วกระหยิ่มยิ้มออกมา

   “ไม่อยากรู้เหรอว่าคืออะไร”

   “ไม่” ผมตอบหนักแน่นจนเขาแค่นหัวเราะออกมา

   “โธ่ อุตส่าห์อยากบอก” เด็กหลอดไฟทำเสียงเสียดายอย่างเสแสร้ง

   “เสร็จแล้ว” ผมผละออกมาจากตัวเขา กระชับชุดนอนตัวเองแก้เก้อ เก็บคาราไมล์ไว้ในกล่องยาแล้วคว้าเอายาแก้แพ้กระปุกสีขาวยื่นให้เขา “กินนี่ก่อนนอนด้วย ถ้าพรุ่งนี้หายแล้วค่อยเอามาคืน”

   ธีร์รับกล่องยาไป กล่าวขอบคุณเบาๆ แต่สายตาเจ้าเล่ห์ยังมองอยู่ราวกับราชสีห์มองกวาง ทั้งยังไม่มีทีท่าว่าจะขยับตัวออกจากเตียงผมเมื่อไหร่ จนผมต้องเอ่ยปาก

   “เสร็จแล้วก็กลับห้องดิ”

   “อ้าว ต้องกลับด้วยเหรอ” เขาถามด้วยหน้าตาเหรอหรา ผมผ่อนลมหายใจออกมากึ่งรำคาญแล้วเดินไปเปิดประตูห้อง โคลงหัวไปทางประตูเหมือนไล่กลายๆ

   “กลับก็ได้” ธีร์โอดครวญ ค่อยๆ ขยับตัวอย่างเนิบนาบเกินกว่าปกติ ก้าวลงจากเตียงช้าๆ...เยื้องออกจากห้องช้าๆ...เดินผ่านหน้าผมไปช้าๆ...

   “ต้องกลับจริงอะ” แต่ยังไม่วายหันมากระซิบข้างหูผมทำเอาขนลุกเกรียวกราว พ่อพระเอกซีรี่ย์วัยรุ่นหัวเราะในลำคอเพราะแกล้งผมให้ตะลึงได้สำเร็จ ก้าวออกจากห้องแล้วยืนถือกระปุกยาส่ายไปมาเหมือนโบกมือลา ปากฉีกยิ้มให้ผมอย่างล้อเลียน

   ผมปิดประตูใส่หน้าเขา ได้ยินเสียงบ่นเบาๆ ลอดแผ่นไม้เข้ามา ตามมาด้วยคำอวยพรให้ฝันดีแล้วก็ได้ยินเสียงฝีเท้ากระทบแผ่นเบื้องดังไกลออกไป จนสุดท้ายก็เงียบสนิท

   ผมพิงหัวกับบานประตู หลับตาแล้วหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ และพยายามทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น รู้สึกถึงแรงปั่นป่วนในช่องท้อง รู้สึกถึงมุมปากที่ยกยิ้มขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่

   “ฝันดี...” ผมตอบเจ้าตัวแม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว หลังจากนั้นก็หันหลังให้กับบานประตู กระโดดขึ้นเตียงและเอาหน้าแนบกับหมอนนุ่ม จมูกได้กลิ่นสบู่สะอาดจากตัวของเขาที่ยังติดอยู่

   …คืนนี้น่ะฝันดีแน่



   วันที่สามของค่ายช่างเป็นวันที่มอมแมม

   วันนี้เรามีกิจกรรมวอล์คแรลลี่ พี่ปีสองได้ช่วยกันคิดฐานเกมละลายพฤติกรรม และแบ่งกันรับผิดชอบฐานเกมทั้งหมดหกฐานซึ่งจัดไว้รอบๆ บริเวณศูนย์นวัตกรรม โดยจะให้น้องๆ (และพี่สีอย่างผม) ทั้งสิบสองกลุ่มสีได้เวียนกันเล่น มีการแข่งขันกันระหว่างสองกลุ่มสีที่เล่นด้วยกันในแต่ละฐานเพื่อเก็บคะแนนสีอีกด้วย

   และวันนี้เหมือนเป็นวันซวยของผมหรือยังไงก็ไม่ทราบ แค่เปิดมาฐานแรกที่เราเล่นเกมลูกโป่งน้ำกันกับสีแดง(แทงแรง) ซึ่งลักษณะการเล่นจะเหมือนวอลเล่ย์บอลเพียงแค่ไอ้ลูกที่รับส่งกันเป็นลูกโป่งลูกใหญ่ที่ใส่น้ำไว้...สีเราก็แพ้ด้วยคะแนน 3-0

   นอกจากจะเปียก ไม่ได้คะแนนสี แล้วยังโดนสีผู้ชนะป้ายแป้งเปียกที่ผสมกับสีผสมอาหารใส่หน้าอีก เวรกั๊มเวรกรรม

   เราเดินไปฐานถัดไปด้วยสภาพสะบักสะบอม ธีร์ที่ฮอตสำหรับทุกคนโดยป้ายแป้งจนแทบจะไม่มีพื้นที่ใดบนหน้าของเขาที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง แต่ผมนี่สิ...แทบจะไม่มีพื้นที่ใดในร่างกายแล้วที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง น้องอีกสีเล่นโปะ...ต้องใช้คำว่าโปะ...แป้งใส่หัวผม ทาไปจนถึงโคนขาจนอยากถามว่าผมไปทำอะไรให้ไม่พอใจหรือเปล่า

   …นี่แค่ฐานแรกนะ

   กระทั่งถึงฐานที่สอง คือฐานจำชื่อเพื่อน กติกาคือน้องทุกคนต้องถอดป้ายชื่ออออกแล้วนั่งเป็นวงกลม ขานชื่อตัวเองแล้วตามด้วยสัตว์อะไรสักอย่างที่พอจะนึกออก หลังจากนั้นคนต่อไปต้องขานชื่อกับสัตว์ของเพื่อนคนก่อนหน้าแล้วค่อยพูดของตัวเอง วนแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนสุดวง หากคนไหนช้าหรือผิด สีนั้นก็จะโดนหักคะแนน

   และกิจกรรมนี้เองที่ทำให้ผมได้ชื่อเรียกใหม่อีกครั้ง จากที่ทั้งชีวิตผมมีชื่อและฉายามากมายไม่ว่าจะเป็นไอ้จุ๊บ, ไอ้จูบ, ไอ้หยอย, ไอ้ประธาน, พี่จั้วะ, พี่จุ๊บสัน ฯลฯ

   “...ทัดดาว หมี เป๊ก แมว ไอริโกะ หมา กัน ยุง เอ็ม ไก่ นุ๊ก หมู แนท งู บิ๊ก จระเข้ โอม นกแต้วแร้วท้องดำ”

   การขานชื่อดำเนินมาจนเกือบถึงธีร์ที่นั่งติดกับผม...ซึ่งผีตัวไหนเข้าสิงให้มาเป็นคนสุดท้ายก็ไม่รู้

   “...ทัดดาว หมี เป๊ก แมว ไอริโกะ หมา กัน ยุง เอ็ม ไก่ นุ๊ก หมู แนท งู บิ๊ก จระเข้ โอม นกแต้วแร้วท้องดำ...ธีร์...เอ่อ...” เขาอึกอัด พี่ฐานรีบส่งเสียงเร่งเพราะความช้าของธีร์

   “ธีร์...เหี้ย! ธีร์เหี้ยครับ!”

   เสียงหัวเราะเพราะความกล้าเล่นของธีร์ดังขึ้นในวง ต่อจากนั้นคงเป็นผมแล้วสินะ

   “อย่าทำให้เราแพ้นะ” เขากระซิบบอกผมเบาๆ ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยแป้งสี

   “...ทัดดาว หมี เป๊ก แมว ไอริโกะ หมา กัน ยุง เอ็ม...เอ็ม...ไก่! นุ๊ก หมู แนท งู บิ๊ก จระเข้ โอม...อะไรวะ...โอม...โอม...นกแต้วแร้วท้องดำ...ธีร์เหี้ย...จุ๊บ...จุ๊บ...จุ๊บควาย!”

   นั่นแหละครับท่านผู้ชม ฉายาใหม่ล่าสุดของผม...จุ๊บควาย

   กลับกลายเป็นว่าชื่อนั้นคือชื่อที่ทุกคนในกลุ่ม รวมไปถึงทุกคนในคณะใช้เรียกผมเพราะมันช่างแสนติดหู แต่ธีร์เหี้ยกลับโดนลืมและทุกคนก็เรียกเขาว่าไอ้ดาราเหมือนเดิม...ความยุติธรรมของโลกอยู่ตรงไหน

   สรุปว่าในฐานที่สองนั้นเราชนะสีส้มที่มีคนจำชื่อเพื่อนผิดและได้ลิ้มลองรสชาติของการเป็นผู้ป้ายสีกับคนอื่นเป็นครั้งแรก แต่ก็แค่ครั้งเดียว

   เพราะหลังจากนั้น เราแพ้เรียบ

   กิจกรรมจบตอนสี่โมงเย็น ทุกสีในสภาพเนื้อตัวมอมแมมไปด้วยแป้งและสีกลับมาในห้องโถงเพื่อสรุปกิจกรรม สีแดงแทงแรงคะแนนพุ่งเป็นอันดับหนึ่ง (แม่ง!) และทายสิว่าสีไหนได้ที่โหล่

   ถูกต้อง...งูเขียวของเค้าเอง

    “แน่นอนว่า สีที่โหล่ต้องถูกลงโทษ โดยบทลงโทษจะถูกกำหนดโดยสีผู้ชนะ ซึ่งก็คือสีแดงนั่นเองนะค้าาาา” เพื่อนพิธีกรประกาศก้อง ผมนั่งตบบ่าคนในสีอย่างหงอยๆ แล้วมองดูโฟกัส...เพื่อนรักเพื่อนร้ายของตัวเองผู้ซึ่งเป็นพี่ประจำสีแดงกระซิบบางอย่างกับพิธีกร

   “สีเขียว ขอตัวแทนสองคนจ้ะ” พิธีกรหันมาบอกกับเราโดยที่ไม่ได้บอกว่าทำอะไร

   “เหยพี่สี เป็นพี่จะไม่รับผิดชอบหน่อยเหรอ” โฟกัสท้าทายผมอย่างดูถูก ได้ยินดังนั้นก็ลุกขึ้นยืนโดยไม่ต้องให้ใครบอก จริงๆ ผมก็มีส่วน(มาก)ที่ทำให้สีตัวเองแพ้แหละ...ก็เป็นคนวางแผนเกมอะไรแบบนี้ไม่ค่อยเก่ง

   “ขออีกคนค่ะ ขอน้องผู้ชายนะ” เพื่อนพิธีกรบอก วินาทีนั้นน้องผู้ชายในสีเขียวมองหน้ากันเลิกลั่ก ทำตัวแมนมากด้วยการโบ้ยให้น้องตุ๊ดโอมออกมา แต่ยังไม่ทันเกี่ยงกันสำเร็จ ร่างสูงในผิวหลอดไฟก็ลุกยืนขึ้นอาสาเสียก่อน

   “กรี๊ดดดดดดดดดดดด หน่องธี๊ร์!!!!!!!!!!!!!!” เพื่อนประกาศในไมค์ลั่น มีเสียงปรบมือเพราะสปิริตของธีร์ดังพอเป็นพิธี ขายาวก้าวผ่านผู้คนออกมาด้านหน้าห้องและมองหน้าผมนิ่งๆ ผมกลืนน้ำลายตอบ

   “สรุปพี่สีแดงจะให้สีที่แพ้ทำอะไรคะ”

   ผมหันไปมองโฟกัส เห็นแววตามารซ่อนอยู่ในดวงตาเล็กจ้อยของมัน แล้วก็รู้ในนาทีนั้นว่า...ความคิดเลวๆ จะต้องผุดขึ้นมาในหัวมันแน่นอน

   “พี่อยากเห็น...แมงมุม”

   สิ้นเสียงเพื่อนสนิท เสียงหวีดร้องก็ดังมาจากพี่ปีสองที่ยืนมองอยู่รอบๆ ห้อง ในขณะที่ปีหนึ่งตรงกลางทำหน้างุนงงเพราะไม่รู้จักแมงมุมมาก่อน

   ส่วนผม...เหงื่อตก

   “น้องปีหนึ่งรู้จักแมงมุมไหมคะ” พิธีกรถาม น้องส่ายหน้ากันพัลวัน “แมงมุมเป็นเพลงๆ หนึ่งที่ร้องไม่ยาก มันร้องว่า...แมงมุมมันเดินยุ่มย่ามพอถึงสองยาม ขยุ้ม ขยุ้ม แมงมุมมันเดินยุ่มย่ามพอถึงสองยาม ขยุ้ม ขยุ้ม...คือร้องวนแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพอใจ แค่ฟังเพลงก็รู้สึกเฉยๆ ป้ะ ใช่ป้ะ แต่มันเด็ดตรงท่าเว่ย”

   จากนั้นเพื่อนก็ให้ผู้ชายปีสองสองคนเข้ามาสาธิตวิธีการเต้น โดยเพลงแมงมุมจะมีคนเต้นแค่สองคนเข้าคู่กัน คนหนึ่งเป็นแมงมุมตัวผู้ อีกคนเป็นตัวเมีย ตัวผู้จะทำท่าเหมือนท่าเตรียมวิดพื้น ส่วนตัวเมียจะทำคล้ายกันแต่เป็นการนอนหงาย เมื่อเสียงเพลงดังขึ้น ทั้งสองก็ต้องค่อยๆ ไต่เข้ามาหากัน จนในที่สุดก็อยู่ในท่าคร่อมกันสำหรับการ...เอ่อ...ขยุ้ม

   เสียงปรบมือให้กับการสาธิต ผมกับธีร์มองหน้ากันอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

   “เอาล่ะ ใครเป็นตัวผู้ตัวเมียดี” เพื่อนถาม ผมสบตาที ก่อนที่เขาจะอาสา

   “ผมเป็นตัวผู้เองครับ”

   “กรี๊ดดดดดด หน่องธี๊ร์!! น้องธีร์เป็นรุก!!!!”

   บางทีผมก็อยากสะกิดนิ้วที่หน้าผากพิธีกรเบาๆ สักครั้ง อะไรมันจะตื่นเต้นได้ตลอดเวลาขนาดนั้น

   ทั้งห้องโถงกรี๊ดกันลั่นขณะเราสองคนก็แยกย้ายกันไปคนละมุมเพื่อเตรียมจะคลานเข้าหากัน ธีร์เซตท่าวิดพื้นในขณะที่ผมนอนหงาย

   “ไหนน้องธีร์ลองขยุ้มซิ” เขาเด้งเอวลงสองจึ๊กตามคำสั่งนั้น “คนอะไรขยุ้มได้เร้าใจมากกกกก โอ้ยฉันจะบ้าตาย เอาล่ะ มาร้องไปพร้อมกันเนอะคะ สามสี่...แมงมุมมันเดินยุ่มย่ามพอถึงสองย่าม ขยุ้ม ขยุ้ม... แมงมุมมันเดินยุ่มย่ามพอถึงสองยาม ขยุ้ม ขยุ้ม...”

   ธีร์กับผมเริ่มไต่เข้าหากันใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันเสียงกรี๊ดเชียร์ก็ดังขึ้นตามระยะทางนั้น
 
   “แมงมุมมันเดินยุ่มย่ามพอถึงสองยาม ขยุ้ม ขยุ้ม แมงมุมมันเดินยุ่มย่ามพอถึงสองยาม ขยุ้ม ขยุ้ม แมงมุมมันเดินยุ่มย่ามพอถึงสองยาม ขยุ้ม ขยุ้ม!”

   และในที่สุดร่างของเราก็คร่อมกันได้สำเร็จ ผมหันไปมองใครไม่ได้ทั้งนั้นด้วยความเขินอายขั้นสุด ภาพตรงหน้ามีแต่เด็กบ้าที่หน้านิ่งจัดแต่ส่งสายตากรุ้มกริ่มมาให้ ใบหน้าของเราใกล้กันมาก ขณะที่ส่วนล่างของเขากระเด้งไปมาบนตัวผมจนอะไรต่อมิอะไรกับกระทับกันไปมาอยู่แล้ว

   “ขยุ้ม ขยุ้ม ขยุ้ม ขยุ้ม ขยุ้ม!”

   ไอ้พวกนี้ก็เล่นไม่เลิกสักที แถมยังมีไอ้พวกเพื่อนห่ามบางคนใช้มือมาช่วยกดลำตัวธีร์ตามจังหวะขยุ้มให้แนบชิดกับผมเข้าไปอีก

   “ขยุ้ม ขยุ้ม ขยุ้มๆๆๆๆๆๆ!!!! กรี๊ดดดดดดดด”

   ผมหัวเราะออกมากะจะตะโกนบอกให้พอแล้วเพราะเราเริ่มหมดแรง แต่ในจังหวะที่ไม่ได้ตั้งตัวนั้นเอง เพื่อนคนหนึ่งก็อุตริจับหัวธีร์ให้โยกตามจังหวะเพลงลงมาด้วย ในจังหวะนั้นที่ผมกำลังชะโงกหน้าบอกให้เพื่อนหยุด

   ริมฝีปากเราแตะกัน

   ทันใดนั้นทุกอย่างเงียบสนิท

   ผมอึ้ง ยกมือแตะริมฝีปากที่เพิ่งผ่านจูบแรกในชีวิตของตัวเอง ชั่วขณะนั้นก็รู้สึกว่ามันเรืองแสงออกมาแวบหนึ่งแล้วก็หายไป ธีร์ก็มีท่าทางไปไม่เป็นเหมือนกัน เขากระแอมออกมาเบาๆ ตอนที่เลือดฝาดขึ้นบนแก้มผม และรีบผละออกจากตัวผมเพราะไม่มีมือของใครมาดันตัวเราให้ขยุ้มกันอีกแล้ว

   อันที่จริง...มันไม่มีเสียงเพลง...หรือเสียงกรี๊ดที่ควรจะมีจากใครเลยสักคน...

   มันเงียบผิดปกติ

   ผมดันตัวเองลุกขึ้น มองไปรอบข้างก็เห็นว่าท่าทางของทุกคนกำลังนิ่งค้างอยู่เช่นกัน แต่มันเป็นการนิ่งค้างแบบผิดปกติเกินไป ไม่มีใครในห้องเลยที่ขยับตัว...หรือแม้แต่จะกระพริบตา ทว่าในความนิ่งสงบนั้นผมยังได้ยินเสียงลมหายใจจากทุกคนดังช้าๆ

   ผมสบตากับธีร์ที่งงพอกัน เขาโบกมือไปมาที่หน้าน้องผู้หญิงปีหนึ่งแต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆ ผมลุกขึ้นยืนและเดินไปหาโฟกัสกับเพื่อนพิธีกร ใบหน้าของทั้งคู่อยู่ในอาการตกตะลึงราวกับค้างอยู่ในวินาทีที่ปากของผมกับธีร์แตะกัน

   และมันมีบางอย่างผิดปกติ...ตรงนั้น...

   ไมค์ของพิธีกรผู้ร้องเพลงที่ถูกปล่อยจากมืออันนั้น..มันค้างเติ่งในอากาศต้านแรงโน้มถ่วงได้อย่างอัศจรรย์

   “เชี่ยไรวะเนี่ย” ผมอุทาน







TBC*
อยากกรี๊ดอยากพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องไปเม้าท์กันที่ #จุ๊บที ในทวิตเตอร์นะแจ๊ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: Fahsaizzz ที่ 12-06-2016 23:14:51
มาแล้ววววววว เกิดอะไรขึ้นนนนน พอจุฟกันแล้วเวลาหยุดรอ


รอตอนไปค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: apisaraa ที่ 12-06-2016 23:18:58
 :-[
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: นางสาวกานาเลส ที่ 12-06-2016 23:25:49
โอ้ยยยย เกิดอะไรขึ้น จูบแรกของจุ๊บ มีเวทย์มนต์อันใดดด อยากอ่านต่แล้วววว ชอบมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 12-06-2016 23:48:41
เห้ย อะไรอ่ะ เกิดอะไรขึ้น
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 12-06-2016 23:54:53
เหยยยยย จุ๊บหยุดเวลา
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: lazysheep ที่ 12-06-2016 23:57:34
อุ้ยๆๆๆๆๆๆๆ คิดอยู่เหมือนกันว่าชื่อจุ๊บต้องมีอะไร น่ารักกก
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 13-06-2016 00:00:44
กำลังสงสัยเลยว่าเป็นไงถ้าจุ๊บกัน อยากรู้ต่อแล้วว่าจะแก้กันยังไงงง
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 13-06-2016 00:02:15
โอ้โห เรานี่ลุ้นเหมือนบอลจะเข้าไม่เข้าโกลด์ หลังจาก จุ๊บอุทาน

ปรากฎว่า TBC จ้า 555555

ทุกอย่างนิ่งหมดยกเว้นแค่ จุ๊บกับธีร์ สินะคะ
อื่มมมม ทำไมทุกอย่างถึงหยุดแล้วไมค์ยังลอยได้อยู่หนอ~
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 13-06-2016 00:16:17
อ๊ายยย ฟินกลางดึก แต่ตอนที่ธีร์เต้นท่างูเขียวนี่พี่ลั่นเลยค่ะจริงๆ ฮ่าๆๆๆ เวทมนต์จากจูบแรกของจุ๊บสำแดงฤทธิ์แล้วจะเป็นยังไงต่อไปเนี่ย เกือบลืมไปเลยว่าจูบของจุ๊บไม่ธรรมดา
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 13-06-2016 00:17:08
กรี้ดดดดดดดดจูบหยุดเวลาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 13-06-2016 00:38:12
เกิดอะไรขึ้น :laugh: :serius2:
จูบได้แสดงอิทธิฤทธิ์แล้วหรือเนี่ย
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 13-06-2016 00:42:04
จุ๊บธีร์แล้วหยุดเวลาได้เหรอ   :hao5:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: boommerang ที่ 13-06-2016 00:45:54
55555 ชอบๆๆๆๆๆ. มาต่อทุกวันนะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 13-06-2016 01:09:10
ทำเอาพี่จุ๊บอึ้งไปเลย
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: Nankoong ที่ 13-06-2016 01:14:16
จุ๊บตลกอ่ะ..!!555
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: Papangtha ที่ 13-06-2016 01:21:19
โอ้ยค้างงงงงงงง
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: pepper ที่ 13-06-2016 01:22:41
กรี๊ดดดด น้องธีร์~~ #จุ๊บจุ๊บ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 13-06-2016 01:53:18
พลังของจุ๊บมาแล้วสินะ จุ๊บกันแล้วหยุดเวลาเหรอหรือห้วงเวลาช้าลงอะไร?ยังไง? ลุ้นมากค่ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 13-06-2016 02:10:24
จุ๊บกันแล้วจะหยุดเวลาได้หรอ
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-06-2016 02:22:17
จูบของจุ๊บจะสำแดงฤทธิ์แบบไหนนะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 13-06-2016 03:19:25
สนุกมากกกกกก หลงรักธีร์ :mew1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 13-06-2016 04:34:54
หลงรักธีร์  :-[
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 13-06-2016 05:39:12
 :katai4:  เกิดอะไรขึ้นนนน รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 13-06-2016 05:52:39
นี่ขนาดว่าไม่ได้ตั้งใจจุ๊บนะ.   :ling1: 
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 13-06-2016 06:21:08
จุ๊ปแล้วเวลาเดินช้าลงเหรอ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 13-06-2016 06:23:13
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 13-06-2016 06:48:38
โอ้ยยน มันเกิดอะไรขึ้น!!!
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: GMJeam ที่ 13-06-2016 06:50:04
จูบหยุดเวลา
ชาวประชาหยุดเคลื่อนไหว
กำลังลุ้นต่อว่าเป็นไง
เจอ to be continue ไปนั่งเงียบเบย


คิดถึงมาต่อไวๆ นะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: มะเมอเมอ ที่ 13-06-2016 07:19:03
จูบหยุดเวลาแน่ๆ
สงสัยจูบอีกที เวลาคงเดินตามปกติ
เป็นความสามารถที่ทั้งดีและไม่ดีไปในตัว
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 13-06-2016 07:57:41
 :mew1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 13-06-2016 08:05:03
เสียจูบแรกให้น้องธีร์ไปซะแล้ว
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 13-06-2016 08:36:43
หรือว่าความสามารถจากการ จูบ ของ จุ๊บ
ที่คนในครอบครัวเคยเห็นในตอนเกิดจะสำแดงฤทธิ์
จูบหยุดเวลาอย่างงั้นเหรอ :mew1: :mew1: :mew1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: M.J. ที่ 13-06-2016 09:03:52
กรี๊ดดดดดด เขาจุ๊บกันแล้ววววววว  :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: kamontipsaii ที่ 13-06-2016 09:25:27
จุ๊บกะธีร์เธอกระทำการใด  :hao7:
จูบกันแล้วเวลาหยุด อย่างนี้ต้องจูบอีกรอบถึงจะเหมือนเดิม :impress2:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 13-06-2016 09:34:32
 o13

ปากมันไปเองสินะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: GenZ ที่ 13-06-2016 09:57:17
มีความแฟนตาซี มีความรักเพลงแมงมุม

ตอนเรียนปีหนึ่งอิพวกคนที่ลงประกวดเดือนก็โดนประจำ

มีความยิ้มกริ่ม ฮรรรรรรี่
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 13-06-2016 10:45:23
เคยอ่านคอมเมนท์หนึ่งที่สงสัยว่า อ่านเรื่องนี้แล้วทำไมต้องทำปากจู๋

ตอนนี้รู้แล้ววววว

มันเขินมากกกกกกก อร๊ายยยยยย

น่ารักขั้นสุด ทั้งจุ๊บขี้อ่อย ธีร์ขี้หยอด

จุ๊บแล้วจะเป็นไงต่อ ลุ้น ๆ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: Supak-davil ที่ 13-06-2016 11:16:12
ถ้าของจุ๊บ จูบแล้วหยุดเวลา
แล้วป้าเด้าอ่ะ?
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: Pawaree ที่ 13-06-2016 11:44:37
 :z13:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 13-06-2016 11:53:48
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: Chacha ที่ 13-06-2016 11:58:26
จูบอีกทีเวลาจะเดินต่อใช่มั้ย  :hao3:
จูบเลยๆๆๆ

ปล.อยากเห็นแมงมุมขยุ้มกัน อิอิ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 13-06-2016 12:55:24
จุ๊บๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 13-06-2016 13:06:02
หยุดเวลาเหรอคะะะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 13-06-2016 13:20:12
จุ๊บหยุดเวลาเหรอเนี่ยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 13-06-2016 14:51:20
จุ๊บกันแล้ววว จุ๊บกันไปแล้วว

จะเกิดอะไรขึ้น
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: Rebtur ที่ 13-06-2016 18:09:25
มีความแฟนตาซี! จุ๊บแล้วหยุดเวลาด้วยยยย
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 13-06-2016 20:03:11
ในที่สุดก็รู้ความพิเศษของบ้านวิเศษกาลแล้ว
สามารถหยุดเวลาได้ สุดยอดดดด
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 13-06-2016 20:03:51
เฮ้ยยยย สนุกกกกกก หน่องธีร์มีความน่ารัก
ทำไมเรานึกภาพหน่องธีร์เป็น ต่อ ธนภพ ก็ไม่รู้ 5555
มาต่อเร็วๆนาจา อยากรู้ว่าหลังจากจูบละจะเกิดไรขึ้น :z3:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: mayongc. ที่ 13-06-2016 20:26:18
นึกภาพธีร์ขยุ้มแล้วกร๊าวใจจจจ หยุดเวลาจะทำไงกันต่อน้อ :mew3:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: Mi.07 ที่ 13-06-2016 21:02:13
เออ เชี่ยไรวะเนี่ย จุ๊บปั๊บเกิดสิ่งอัศจรรย์ปุ๊ป โอ้ยบ้านนี้คือดี
แล้วยังไงต่อเนี่ย คนเขียนรีบมาน้า เค้าอยากรู้แล้ว
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: lighter ที่ 13-06-2016 21:18:08
น้องจุ๊บหยุดเวลาด้วยจูบ

แล้วทำให้กลับมาปกติยังไง

แล้วก็นึกถึงชื่อป้าเด้าทันที

อ๊ายๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: isuloveU Soly ที่ 13-06-2016 21:53:39
อ๊อยยยยยยย อ่านไปเขินไป  :-[
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 13-06-2016 22:19:27
จุ๊บกันแล้ว
เวลาหยุดเลยยย
พลังของจุ๊บบบคืออะไรรร

อยากเห็นธีร์เด้งเป้าาาาา
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 13-06-2016 22:22:38
โอ้ยยยย ตื่นเต้นๆ นั่นดิมันเกิดอะไรขึ้นกันน้าาา
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 14-06-2016 02:24:04
วี๊ดดดดดดดดดดดดดด มีความจุ๊บหยุดเวลาไปอี๊กกกกกกก อยากรู้แล้วอ่ะว่าพลังตรงนี้จะมีผลยังไงกับเรื่อง แล้วต้องมีการจุ๊บอีกทีมั้ย ถึงทุกอย่างจะเป็นปกติ  :hao7:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 14-06-2016 03:25:20
จูบทีหยุดเวลาเลย
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: inhyung ที่ 14-06-2016 12:34:10
อย่าบอกนะว่ายายหอมจะออกมาเป็นคิวปิดอ่ะ 55555
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: peaceminus1 ที่ 14-06-2016 12:49:54
จุ๊บแล้ว  :katai4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 14-06-2016 17:00:19
เกิดอะไรขึ้นี่หรือคือมหัศจรรย์ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: fida ที่ 14-06-2016 18:19:17
โว้วว น่าสนใจมาก

ครอบครัวผู้มีพลังพิเศษหรือเปล่าคะเนี่ย

พลังจูบ(ดูด)หยุดโลก :-[
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: flimflam ที่ 14-06-2016 22:29:42
จุ๊บแล้วหยุดเวลาได้??
รู้สึกไม่ธรรมดา  :katai4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: eaimeaimm ที่ 15-06-2016 00:59:04
สนุกกกก จุ๊บกันแล้วว เวลาหยุดคืออะไรยังไง รอติดตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: iaum ที่ 15-06-2016 08:07:47
อ้ายยยชอบมากๆเลย :z2: :z2:
รอจ้าลุ้นๆ :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 15-06-2016 09:40:55


รอติดตามค่ะ ^^

หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 15-06-2016 09:59:49
สนุกกกกกกกก :katai2-1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: lukYRKM ที่ 15-06-2016 10:03:15
เขาจูบกันแล้วววววววว :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 15-06-2016 10:19:30
กรี๊ดดด ปากเขาโดนกันแล้วค๊าาา  :-[
แล้วมันจะมีอะไรเกิดขึ้นกันแน่  :m28:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: secretowl ที่ 15-06-2016 10:38:03
อยากให้มาต่อไวไวจังงงงง
ชอบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: ssipra ที่ 15-06-2016 12:07:52
จูบแล้วววว
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 15-06-2016 14:29:39
เกิดอะไรขึ้นเนี่ย
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 15-06-2016 21:07:54
เวทมนตร์อันใด จูบอีกทีสิเพท่อจะเป็นเหมือนเดิม>\\\<
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: MyMine104 ที่ 15-06-2016 22:17:47
ละมุนมากจุ๊บธีร์น่ารักอะไรขนาดน้านนน :katai2-1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: Paracetamol ที่ 16-06-2016 01:40:58
อมก. จุ๊บหยุดเวลา
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: Bk borz. ที่ 16-06-2016 05:40:09
เราชอบเรื่องนี้เราไม่เคยอ่านเรื่องไหนแล้วยิ้มกว้างขนาดนี้ขนาดที่แม่ทักว่ายิ้มเหี้ยไรนักหนารบกวนมาต่อด้วยครับ.
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 16-06-2016 10:53:08
นี่ไงจุ๊ฟที่คุณย่าบอก
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สี่ | UPDATE 12.6.2559 | Page 6 }
เริ่มหัวข้อโดย: ฝัullล้วlv ที่ 17-06-2016 22:53:19
เกือบลืมไปแล้วว่าจูบแรกของจุ๊บมีมนต์ขลัง 5555
ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นเนี่ย!!
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 19-06-2016 21:07:30

(http://www.uppic.org/image-730A_57571DD5.jpg)

จูบที่ห้า



   ครั้งยังเด็ก หลายคนคงเคยรู้เรื่องราวของเจ้าหญิงกับเจ้าชายที่พบกัน มีช่วงเวลาดีๆ ร่วมกัน รักกันภายในเวลาอันสั้น และตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกันชั่วนิรันดร...แบบที่ไม่แคร์คำปรามาสหรือตรรกะอันใดทั้งสิ้น เรื่องราวของความรักแท้เหล่านี้มักจะลงเอยด้วยการจูบเสมอ

   ในเทพนิยายที่เรารู้จักนั้น การจูบเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของตอนจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง

   แต่สำหรับผม มันคือจุดเริ่มต้น

   และนี่ไม่ใช่เทพนิยาย

   นี่คือโลกความเป็นจริงในประเทศที่มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นได้ทุกวัน ตั้งแต่เรื่องเล็กอย่างจิ้งจกสองหัว ไปจนถึงเรื่องใหญ่อย่างคนตายแล้วฟื้น

   ไม่มีเจ้าหญิงหรือเจ้าชาย

   มีเพียงแค่ชายหนุ่มธรรมดากับดาราดังที่ปากแตะกันแล้วดันเกิดเรื่องประหลาดระดับบิ๊กเบิ้ม





   “แม๊!”

   ผมวิ่งเข้าบ้านทันทีที่รถของโฟกัสจอดเทียบกับฟุตบาท ความกระหายใคร่รู้ทำให้ผมแอบหนีออกจากค่ายในกลางดึกของคืนที่สาม เหตุผลที่ฝากโฟกัสกลับไปบอกทุกคนคืออาการไข้ขึ้นสูงกะทันหัน ไม่มีการเก็บข้าวของ หรือล่ำลาใคร แม้แต่เขาผู้ร่วมชะตากรรม

   ผมยังจำทุกวินาทีของเรื่องประหลาดหลังจากผมกับธีร์จูบกันได้

   ช่วงเวลาแบบวอทเดอะฟัค

   ‘เชี่ยไรวะเนี่ย’ ผมอุทาน เริ่มสังเกตเห็นรายละเอียดของความมหัศจรรย์จากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ รอบตัว เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งตรงปลายห้องงอตัวนิ่งอยู่กลางอากาศ เส้นผมสลวยของเธอชี้ตั้งเหมือนช็อตกระโดดในภาพถ่าย ฝอยน้ำลายของน้องผู้ชายแถวหน้าคนหนึ่งพุ่งจากปากที่อ้ากว้างหัวเราะ หากเวลาไม่ถูกหยุดไว้...หยดน้ำลายเล็กใหญ่เหล่านั้นคงปลิวไปแปะบนหน้าของน้องผมเปียที่นั่งข้างๆ แน่นอน

   ผมค่อยๆ ใช้นิ้วคีบแมลงวันตัวหนึ่งที่บินนิ่งข้างหู ได้ยินเสียงหึ่งๆ แสดงถึงสัญญาณชีวิต ผมย้ายร่างของมันให้ห่างออกไปจากตำแหน่งเดิมราวหนึ่งวา พอปล่อยก็คิดว่ามันคงบินหนี แต่แมลงวันตัวนั้นกลับค้างอยู่เหมือนเดิม

   นั่นทำให้ผมค้นพบว่า...ตัวเองมีความสามารถในการเคลื่อนย้ายสิ่งต่างๆ เมื่อเวลาหยุด

   ‘สาระแนใช่ไหม’ จู่ๆ ธีร์ก็ร้องก้องห้องโถง ‘หรือคนอวดผี หรือรายการอะไรก็ได้ พี่ครับผมยอมแล้วครับ หยุดแกล้งผมเถอะครับ’

   เขายกมือไหว้ปลกๆ อย่างยอมแพ้ ถ้าเป็นในสถานการณ์อื่นผมคงหลุดขำกับท่าทางแบบนั้นไปแล้ว แต่ตอนนี้มันช่างหน้าสิ่วหน้าขวาน ทั้งทุกอย่างรอบตัวยังนิ่งอยู่กับที่...เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่านี่ไม่ใช่การเซตฉากแกล้งดาราอย่างที่เขาคิด

   แต่เราก็ยังไม่หมดหวัง ผมปรบมือเสียงดังหนึ่งทีกะจะให้ทุกคนตกใจ ธีร์ปรบตาม จากนั้นเราก็ทำทุกอย่างที่คิดว่าจะเปลี่ยนสิ่งที่เป็นอยู่ได้ ผมคว้าไม้กลองแล้วตีไม่หยุด ธีร์ดึงตัวเด็กผู้ชายคนหนึ่งออกจากที่นั่งแล้วยกเขาทำท่าขัดสมาธิกลางอากาศ

   ‘เฮ้ย...’ แต่เด็กผู้ชายคนนั้นก็ยังลอยหวืออยู่แบบนั้น ผมหันมองใบหน้าแต้มสีของธีร์เลิกลั่ก เราต่างรู้ว่าสิ่งที่ทำช่างไร้ประโยชน์

   ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ หรือตามจริงแล้วมันอาจไม่ได้ผ่านไปเลย ผมกับธีร์กลับมานั่งตำแหน่งเดิมตอนเต้นแมงมุมอย่างจนปัญญา ในตอนนั้นเองที่ผมสังเกตเห็นสิ่งแปลกปลอมบนข้อมือขวาของตัวเอง

   ‘พี่จุ๊บควาย ที่ข้อมือนายมี...’ ธีร์เป็นคนทัก ผมก้มลงมองตามที่เขาบอกและพบว่าข้อมือขวาของตัวเองมีแสงสีส้มสว่างเรือนรางออกมา อันที่จริงมันเป็นตัวเลขหกหลักคล้ายกับตัวเลขบอกเวลาที่เราเห็นตามหน้าปัดนาฬิกาดิจิตอล เป็นตัวเลขสีส้มจางที่ถ้าไม่มองดีๆ ก็คงไม่เห็น

   16:06:45

   ตัวเลขนั้นนิ่งเหมือนกับสิ่งรอบตัวเรา ผมยกมือขึ้นถูๆ แต่มันไม่ได้หายไป...ราวกับใครบางคนฝังชิพบอกเวลาไว้ใต้ข้อมือผม

   ผมขมวดคิ้วแล้วหันไปสบตาธีร์อย่างงุนงง ทว่าเขาเด้งตัวเองออกห่างแล้วส่งสายตาหวาดๆ กลับมาให้

   ‘อะไร’ ผมถาม

   ‘นายไม่ได้เป็นหุ่นยนต์หรือพ่อมดที่ทำให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นใช่ไหม’

   ผมกลอกตา ‘ประสาทละ เกิดเชี่ยไรขึ้นยังไม่รู้เลยเนี่ย’

   ดาราเด็กยังคงมีสีหน้าไม่ไว้วางใจ เขากลืนน้ำลายลงคออึกหนึ่ง ถอนหายใจเฮือกใหญ่เหมือนตัดสินใจอะไรได้ สักพักก็ลุกขึ้นคุกเข่าแล้วพุ่งหน้าเข้ามาหาผม

   ‘ทะ...ทำไร!’ ผมร้องอย่างลนลาน ธีร์จับไหล่ผมไว้แน่นแล้วยื่นริมฝีปากเข้ามาใกล้ ผมสัมผัสถึงกลิ่นลูกอมรสสตรอเบอรี่จางๆ ยกมือขึ้นดันหน้าเขาจนปากเบ้

    ‘ก็ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นเพราะเราจูบกัน ไม่คิดเหรอว่ามันอาจจะกลับมาเหมือนเดิมก็ได้ถ้าเรา...จูบกันอีกรอบ’ เขาพูดนิ่งๆ
   
   ‘มะ...เหมือนเดิมกะผีน่ะดิ บ้าเหรอวะจูบกันแล้วหยุดเวลาได้’ ผมแย้งเสียงแข็ง

   ‘เอ้า ก็มันดูจะเป็นแบบนั้น’ ธีร์ยักไหล่ ‘ลองดูก็ไม่เสียหายสักหน่อย’

   ‘บ้า...บ้ากันไปใหญ่...’ ผมกระซิบแต่ตัวเองก็ไตร่ตรองถึงสิ่งที่เขาพูด จริงอยู่ที่เหตุการณ์บ้าๆ นี้เกิดหลังจากเราจูบกัน แต่มันเป็นไปได้เหรอที่แค่การจูบของเราจะทำให้ทุกอย่างนิ่งแบบนี้ ผมไม่ใช่ผู้วิเศษ...ธีร์นี่ยิ่งไม่ใช่ใหญ่เลย…

   แต่ถ้าไม่ใช่เพราะเรา...มันจะเป็นเพราะอะไรได้อีก

   ‘หรือว่า...ที่ไม่กล้าทำนี่เพราะกลัวจูบ’ ธีร์แหวยิ้มๆ ทำให้ผมรีบออกปากตอบทันที

   ‘ไม่ใช่เว่ย’

   ‘งั้นเพราะอะไรล่ะ’

   ‘มัน...’

   ‘อย่าบอกนะว่าที่เราจูบกันตะกี้คือจูบแรกอะ’

   ‘…’

   ‘เฮ้ย จริงเหรอ’

   ‘แปลกหรือไง’

   เขามองผมอย่างพิจารณานิดหน่อย แล้วแย้มรอยยิ้มออกมา ‘ไม่แปลก’

   ‘ไม่แปลกแล้วยิ้มทำไม’

   ‘ไม่ได้ยิ้มเพราะมันแปลกซะหน่อย’ เขายิ้มกว้างกว่าเดิม ‘ยิ้มเพราะดีใจที่ได้เป็นจูบแรกต่างหาก’

   และนั่นคือเรื่องประหลาดประหลาดล่าสุดของวัน...ธีร์ ดำรงค์เดชทำให้ผมหน้าร้อนได้แม้ในสถานการณ์ประหลาดที่สุดในโลก

   ผมหลบตาก้มหน้างุด หูได้ยินเขาถามต่อ

   ‘สรุป...เรา...จะลองจูบกันไหม’

   ‘…’

   ‘น่านะ…จูบกับเรามันก็ไม่แย่นักหรอกมั้ง’

   ‘ไม่ใช่แบบนั้น’ ผมกระซิบแย้ง  ‘แต่มัน...มันแค่...’

   ‘…?’

   ‘มะ...ไม่ค่อยสันทัด’

   ‘นึกว่าเรื่องอะไร’ เขาถอนหายใจด้วยความขบขัน ‘ไม่เก่งไม่เป็นไร...เดี๋ยวสอน’

   และในชั่วขณะที่ผมไม่ได้ตั้งตัว เด็กธีร์ประคองหน้าผมขึ้นช้าๆ ผมจับข้อมือเขากะจะเบือนหน้าหนีด้วยความไม่พร้อม แต่ธีร์เร็วกว่า ริมฝีปากของเขาจู่โจมเข้าประทับบนริมฝีปากผมอย่างแนบแน่น คำห้ามของผมเลยถูกกลืนลงไปกับรสจูบหวานนั้น เช่นเดียวกับห้วงลมหายใจ

   การจูบครั้งที่สองของเรามันไม่ใช่แค่ปากแตะๆ กันเหมือนครั้งแรก มันคือความดูดดื่มลืมตัว ผมหลับตาด้วยความเขินปนเคลิ้ม ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังลั่นห้อง

   ผมผละออกจากธีร์และมองไปรอบๆ สังเกตว่าทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว เสียงกรีดร้องกัมปนาทจากคนดู สัมผัสได้ถึงแรงดันที่ไหล่ที่ยังดันให้เราขยุ้ม เกิดเสียงไมค์ของพิธีกรที่ตกลงพื้นและส่งเสียงหวีดหนวกหู แม้กระทั่งน้องผู้หญิงผมเปียที่โดนสะเก็ดน้ำลายจากน้องผู้ชายกระเด็นใส่ใบหน้าก็บ่นออกมาด้วยความรังเกียจ รวมไปถึงสีหน้างุนงงจากเด็กอีกคนที่ธีร์เคยยกตัวเขาลอยกลางอากาศ

   ผมหน้าซีด ก้มลงมองข้อมือตัวเองแล้วเห็นเวลาบนข้อมือเดินต่อ สบตากับธีร์ที่อกสั่นขวัญแขวนกับเหตุการณ์ตรงหน้าเหมือนกัน ในขณะที่ทุกคนเรียกร้องให้พี่จุ๊บควายกับน้องธีร์เต้นแมงมุมกันอีกรอบ

   เราตระหนักว่าการจูบแล้วหยุดเวลาได้นั้นคือเรื่องจริง




   “แม๊!”

   ผมก้าวเท้าเข้าบ้านหลังโต หลังจากที่โทรหาที่พึ่งสุดท้ายเวลาเจอเรื่องราวในชีวิตเมื่อตอนเย็น ผมเล่าเรื่องความแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นให้แม่ฟัง แม่ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา นอกจากบอกให้กลับบ้านให้เร็วที่สุด

   หญิงกลางคนวัยสี่สิบในทรงผมบ็อบเทนั่งรอการมาถึงของผมอยู่ตรงห้องโถง เธอลุกขึ้นทันทีที่ผมก้าวผ่านบานประตู

   “แม่ครับ มันเกิดอะไร...”

   “ชู่ววววววว” แม่ยกนิ้วชี้ขึ้นแตะปากเหมือนส่งสัญญาณให้ผมเงียบ เวลาสี่ทุ่มของบ้านเราเงียบสนิท มีเพียงเสียงทีวีที่กำลังเปิดเพลงภาษาต่างประเทศซึ่งน่าจะดังมาจากห้องยัยจีบด้านบน “เดี๋ยวคนอื่นตื่นกันหมด ตามแม่มา”

   แล้วผู้หญิงที่ผมรักที่สุดในโลกก็ดึงตัวผมผ่านห้องโถง ห้องนอนของพ่อแม่ ห้องผม ห้องของป้าเด้ากับลุงโรเบิร์ต และสุดทางที่ห้องครัวที่มีขนาดกว้างพอสมควร มีโต๊ะไม้สักสีน้ำตาลเข้มขนาดรองรับคนได้กว่าสิบคนวางไว้ตรงกลาง รอบๆ เต็มไปด้วยอุปกรณ์ทำครัวซึ่งถูกแขวนเรียงราย เตาอบ เตาไฟ เครื่องล้างจาน แต่แม่แทรกตัวเข้าไปในซอกเล็กๆ ระหว่างตู้เย็นสูงกับเครื่องล้างจาน ตรงนั้นเป็นพื้นสี่เหลี่ยมขนาดสองคนยืน

   แม่บอกให้ผมยัดตัวเองเข้าไปในซอกนั้นด้วย เธอยกมือขึ้นดันผนังสีครีมเล็กๆ และทันใดนั้นผนังก็เด้งตัวออกมาแล้วเลื่อนไปด้านขวา เผยให้เห็นทางเดินลึกลงไปด้านใน

   “แม่ จุ๊บไม่ยักรู้ว่าบ้านเรามีห้องใต้ดินด้วย”

   “มีสิ” แม่กระซิบ “เธอไม่รู้เพราะมันยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสมไง”

   “แล้วตอนนี้เหมาะสมแล้วเหรอครับ” ผมถามอย่างเจ้าหนูจำไม ผู้หญิงทรงผมบ๊อบเทยักคิ้วให้ผมแล้วดึงผมเข้าไปด้านใน เลื่อนประตูกลปิดเหมือนเดิม ผมเจอกับทางลาดแคบๆ ที่มีไฟดวงเล็กๆ สีส้มติดระหว่างทาง ด้านในมีกลิ่นไม้เก่าๆ ผสมกับกลิ่นหอมบางอย่างที่ผมไม่รู้ว่ามาทางอะไร เราเดินลงทางลาดมาจนถึงสุดท้ายก็พบกับห้องๆ หนึ่ง มีโซฟาเก่าๆ ตั้งอยู่กับโต๊ะกระจกตัวหนึ่ง แต่สิ่งที่ทำให้ผมตื่นตาตื่นใจคือ...นาฬิกา

   นาฬิกากว่าพันเรือนห้อยเรียงรายรอบห้องซึ่งมีสไตล์ไม่เหมือนกันเลยสักเรือนเดียว มันมีทั้งแบบแขวน แบบใช้เข็มบอกเวลา และนาฬิกาดิจิตอล มีทั้งที่ทำจากไม้ พลาสติก หรือแม้กระทั่งโลหะ

   ตรงกลางของห้องคือโพรงบางอย่างที่ถูกกรอบด้วยอิฐสีส้ม ด้านในมีแค่ปูนเปลือยทำให้ผมสงสัยว่าจะสร้างโพรงนี้ขึ้นทำไม เหนือโพรงขึ้นไปมีรูปของคนสองคนแขวนอยู่ ยายหอมผู้เป็นต้นตระกูลวิเศษกาล...กับผู้ชายอีกคน

   ชายแก่หัวขาวโพลนผู้ไว้หนวดติ๋มรูปสี่เหลี่ยมเหนือริมฝีปาก ผมเจอเขาในชีวิตแค่ครั้งเดียวเท่านั้นคือตอนที่ยายกำลังจะตาย แต่ผมจำเขาได้

   ปู่ของผมที่ชื่อทิศ

   “มานั่งสิ” แม่ตบบนเบาะโซฟาสีแดงหลังจากที่ตัวเองหย่อนก้นลงไปแล้ว ผมนั่งลงแล้วสำรวจรอบๆ อย่างงุนงง

   “นี่ห้องใครอะแม่”

   “ไม่ใช่ของใคร แต่ตอนยายอยู่ยายชอบมาที่นี่บ่อยๆ” แม่บอก แล้วรีบเข้าเรื่องทันทีด้วยสีหน้าตื่นเต้น “สรุป...เธอไปจูบคนอื่นมาแล้วเวลาหยุดเหรอจุ๊บ”

   “ใช่ครับ...” ผมยอมรับ “คือมันโคตรแปลกเลยแม่ ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น จุ๊บไม่ใช่แฮร์รี่พอตเตอร์นะ ตลอดชีวิตก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองพลังพิเศษอะไร...แล้วเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยะ...”

   “จุ๊บ” แม่เรียกยิ้มๆ ก่อนที่ผมจะพูดจบดี ส่งสายตาเอ็นดูราวบอกว่าผมนี่ช่างไม่รู้อะไรเอาเสียเลย “เธอมีพลังวิเศษ”

   “หะ...หา?”

   “พูดให้ถูกคือ...ครอบครัวเรามีพลังวิเศษกันทุกคน เราแค่รอให้มันแสดงออกมา”

   ผมมองหน้าแม่อย่างไม่อยากจะเชื่อ กะจะถามว่าแม่โดนผีเข้าสิงหรือกินยาผิดหรือเปล่า แต่แม่มองผมแล้วพูดดักไว้ก่อน

   “ฉันไม่ได้กินยาผิดย่ะ” เวรกรรม รู้ทันอีก “อะ ถ้าไม่เชื่อ ยกตัวอย่างจากอะไรที่เห็นได้ชัดที่สุด...เธอไม่สงสัยเลยเหรอว่าคนที่ตำแหน่งใหญ่และมีท่าทีจะทำงานหนักอย่างลุงเธอทำไมกลับบ้านตรงเวลาตอนสี่โมงเย็นทุกวัน”

   “...”

   “หรือป้าเด้าของเธอ...ทำไมต้องแต่งตัวแปลกๆ ตลอดเวลา...”

   “ผมนึกว่านั่นเป็นสไตล์จี๊ดจ๊าดของป้าซะอีก”

   “ก็ถูก แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น” แม่ตัดบทเมื่อเห็นว่าผมเริ่มนอกเรื่อง

   “ประเด็นคือ...มันมีเหตุผลที่นามสกุลของเราคือวิเศษกาล”

   “...”

   “ทำหน้างงไอ้นี่” แม่เบิ้ดกะโหลกผมหนึ่งทีจนผมต้องยกมือขึ้นมาลูบหัวตัวเองป้อยๆ แล้วตัดพ้อ

   “ก็ผมไม่เข้าใจอ้ะ”

   “มันแปลว่าเวลาที่แสนวิเศษไงล่ะ”

   “เวลาที่แสนวิเศษ?”

   “ใช่...เวลาที่แสนวิเศษ”

   แม่ยิ้ม แล้วเริ่มเล่าเรื่องราวของนามสกุลที่ผมอยู่กับมันมาทั้งชีวิต แต่จริงๆ แทบไม่รู้จักมันเลยให้ฟัง


   ครอบครัววิเศษกาลของเรามีบรรพบุรุษคือยายหอมกับปู่ทิศ ซึ่งทั้งคู่เกิดขึ้นและมีชีวิตอยู่ตั้งแต่สมัยใดก็ไม่แน่ชัด ขนาดแม่ของผมยายหอมยังไม่เคยเล่าเรื่องราวต้นกำเนิดของครอบครัวของเราให้ฟัง เพียงแค่บอกเฉยๆ ว่า...ครอบครัวของเรามีพลังวิเศษกันทุกคน

   ซึ่งแต่ละคนจะมีพลังที่แตกต่างกัน และจะใช้ได้เมื่ออยู่กับคู่ของตัวเองเท่านั้น ตัวบ่งบอกพลังวิเศษนั้นแปรผันตามชื่อของแต่ละคนในครอบครัว ซึ่งถูกตั้งตามการแสดงออกทางความรักของแต่ละคน

   อย่างคนใกล้ตัวผมที่สุด...แม่โอบกับพ่อกรณ์

   พ่อกับแม่ของผมมีความสามารถในการย้อนเวลา...เมื่อทั้งสองกอดกัน

   แม่โอบกับพ่อกรณ์เจอกันตอนเรียนมหา’ลัย เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน แม่เรียนคณะครุศาสตร์ ส่วนพ่อเรียนโรงเรียนนายร้อยตำรวจที่อยู่ฝั่งตรงข้ามมหา’ลัย ตอนแรกทั้งคู่ไม่ชอบขี้หน้ากันด้วยซ้ำ พ่อของผมเป็นสิงห์อมควันที่คิดว่าทำแล้วเท่ ส่วนแม่เป็นยัยเด็กเรียบร้อยที่ให้อารมณ์ลูกคุณหนู ทั้งคู่เจอกันที่ป้ายรถเมล์ที่เป็นทางผ่านกลับบ้าน เกลียดกันไปเกลียดกันมาก็เกิดชอบพอกันเสียอย่างนั้น

   “แล้วแม่รู้ว่าตัวเองมีพลังเมื่อไหร่”

   “วันนั้นฝนตก...”

   วันนั้นฝนตก ทั้งคู่เจอกันเหมือนเดิมที่ป้ายรถเมล์ ขณะที่กำลังยืนรอและคุยกันกระหนุงกระหนิง รถยนต์คันหนึ่งก็แล่นเอาน้ำขังบนพื้นขึ้นสาดทั้งคู่เปียกมะล่อกม่อแล่ก พ่อกรณ์กอดแม่โอบไว้เพื่อรับน้ำขังที่สาดมาส่วนมาก เสื้อเชิ้ตสีขาวเปียกโชกในด้วยน้ำสกปรก

   ‘ดูสิเปียกหมดแล้ว’ แม่โอบบอกขณะที่ยังอยู่ในอ้อมกอด ‘นี่ถ้าย้อนเวลากลับไปก่อนจะโดนได้คงดี จะได้หลบทัน’

   และนาทีนั้น โลกทุกอย่างรอบตัวก็ผันเปลี่ยน ทั้งคู่ย้อนเวลากลับไปตอนที่รถยนต์คันนั้นยังไม่แล่นมาบนน้ำขัง และหลบทันในที่สุด นาทีนั้นเขาต่างรู้ว่าสิ่งมหัศจรรย์กำลังเกิดขึ้น

   หลังจากนั้นไม่กี่ปี ทั้งคู่ก็ตัดสินใจแต่งงานกัน และมีผมขึ้นมา แม่ของผมเป็นครูสอนคณิตศาสตร์ที่โรงเรียนประถมใกล้บ้านเรา ส่วนพ่อเป็นนายตำรวจใหญ่ที่ สน. กลางเมือง

   แม่โอบกับพ่อกรณ์มีความสนุกสนานปนขัดใจในการใช้พลังแต่ละครั้งพอสมควร ในกรณีของพ่อที่บางครั้งอาจทำคดีพลาด พ่อก็จะไปหาแม่ตอนพักเที่ยงที่โรงเรียนและขอย้อนเวลากลับไปทำคดีนั้นใหม่ ส่วนแม่หากว่ามีคาบเรียนไหนที่เด็กประถมมีท่าทีว่าจะเรียนไม่รู้เรื่อง แม่ก็จะไปหาพ่อที่ สน. พร้อมกับย้อนเวลาไปสอนเด็กพวกนั้นอีกรอบ

   การขัดใจกันที่พูดถึง ก็มักจะมาจากบางวันที่แม่ทำให้เด็กเข้าใจบทเรียนไม่ได้ แต่วันนั้นพ่อกลับทำคดีได้ยอดเยี่ยม หากถามถึงลำดับความสำคัญงานของพ่อก็ต้องสำคัญกว่า แต่ด้วยความเป็นแม่และเมีย...พ่อก็ต้องศิโรราบและย้อนเวลากลับไปทำคดีเพื่อให้แม่ได้สอนเด็กอีกรอบ

   แม่เล่าว่าตัวเองก็เหมือนผม แปลกใจกับเรื่องประหลาดที่ไม่เคยรู้มาก่อนในตอนแรก เราเคยตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ตอนนั้นแม่ก็เคยนั่งอยู่ที่ของผม ส่วนที่ของแม่เป็นยาย

   แต่คนที่ไม่เคยประหลาดใจกับอะไรเลยเพราะรู้ตั้งแต่แรก...คือป้าเด้า

   ในยุคที่ป้าเขามีประณิธานในหัวใจคือต้องตามหาคนที่มีเพศสัมพันธ์กับตัวเองแล้วแสดงพลังออกมาให้ได้ เพราะยายหอมเคยเล่าให้ป้าเด้าฟังตั้งแต่เกิด (และหลังจากนั้นก็รู้ว่าตัวยายเองตัดสินใจผิดที่บอก) ป้าเด้าผู้ก๋ากั่นพบกับลุงโรเบิร์ตที่เป็นฝรั่งมาเที่ยวเมืองไทยตอนทั้งคู่อายุสิบเก้าปี ในความสัมพันธ์แบบ...วันไนท์แสตนด์

   ตอนแรกก็ไม่เกิดอะไรขึ้น แต่ระหว่างทางที่กำลังทำอะไรกันอยู่นั้นทีวีในโรงแรมก็สาระแนเปิดสารคดีเกี่ยวกับแกะนิวซีแลนด์ในยุคปลาย 90’ ขึ้นมา ตอนนั้นเองที่ป้าเด้าเผลอดูและกระซิบเบาๆ ว่าอยากไปนิวซีแลนด์

   รู้ตัวอีกที ทั้งคู่ก็โผล่ท่ามกลางดงแกะที่กำลังกินหญ้าสีเขียวสดในทุ่งกว้าง

   ความสามารถพิเศษของป้าเด้ากับลุงโรเบิร์ต...คือท่องเวลา

   ตอนนั้นป้าเด้ารู้ว่าตัวเองปล่อยโรเบิร์ตไปไม่ได้ ทั้งคู่เลยคบหาดูใจกันและแต่งงานหลังจากนั้นสองปี โรเบิร์ตทำงานเป็นช่างภาพ ในขณะที่ป้าเด้าเป็นคอลัมน์นิสต์ของหนังสือท่องเที่ยว ป้าเด้าเป็นหมันตั้งแต่เกิด แต่ทั้งคู่ก็มีความสุขกับชีวิตคู่และการใช้พลังของตัวเองไปเที่ยวในสถานที่ที่พื้นดินโลกพอจะปูถึงเพื่อกลับมาเขียนคอลัมน์ท่องเที่ยว อดีตกับอนาคตอยู่ใกล้แค่เอื้อม

   “ป้าเธอไม่ค่อยไปอนาคต” แม่บอกผม “เขาบอกว่าไปครั้งหนึ่งแล้วตัวเองแต่งตัวแปลกแยก ในร้อยปีข้างหน้ามั้ง ทุกคนบนโลกใส่แต่ชุดเกราะ แถมยังมียานแปลกๆ มาไล่ยิงแกอีกต่างหาก แกเลยไม่คิดจะไปอีกเลย”

   “แกท่องเวลาได้นี่คือเหตุผลที่แกชอบแต่งตัวแปลกๆ ป่ะแม่”

   “ใช่ แกแต่งตัวเข้ากับยุคสมัยที่จะไป” แม่พูด “มีอีกอันที่แกไม่กล้าไปอีกเลย คือยุคโลกล้านปี ก็แกเผลอไปพูดว่าให้โผล่กลางดงไดโนเสาร์ พอไปถึงแกกับพี่โรเบิร์ตก็โผล่กลางดงจริงๆ...”

   แต่...เป็นดงทีเร็กซ์ ไดโนเสาร์กินเนื้อตัวใหญ่ที่เป็นตัวเอกของเรื่องจูราสสิกปาร์ค แวบแรกที่ป้าเด้ากับลุงโรเบิร์ดปรากฏตัวคือทีเร็กซ์เกือบสิบตัวกำลังยื้อแย่งซากอาหารกันอยู่ แววตาของนักล่าหันมามองสิ่งแปลกปลอมที่แต่งตัวคอสเพลย์ตัวละครเอกเรื่องจูราสสิกปาร์ค

   ‘โรเบิร์ต ฉันว่าเราต้องกลับ...’ ป้าเด้ากระซิบขณะที่เริ่มเห็นทีเรกซ์ขยับตัว

   ‘เราเพิ่งมาได้ไม่ถึงนาที’

   ‘ไม่สนแล้ว มีอะไรกับฉันเดี๋ยวนี้ มันจะงาบหัวตูอยู่แล้วโว้ยไอ้โรเบิร์ตตตตต!’ ป้าเด้ากรีดร้องลั่นขณะที่ทีเร็กซ์ตัวสีเทาเลื่อมหลายตัวกำลังย่างสามขุมเข้ามา ตัวของทั้งคู่สัมพันธ์กันได้สักพักก็กลับมาที่บ้านในสภาพหัวฟูในเวลาแบบเส้นยาแดงผ่าแปด
   
   ผมขำ รู้สึกทึ่งกับความสามารถของลุงป้า

   “แล้ว...ลุงพร่ำอะครับ” ผมถามต่อถึงสมาชิกครอบครัวที่แก่รองลงมา

   “ยื้อเวลา” แม่โอบเล่าถึงผู้จัดการบริษัทเทคโนโลยีชื่อดัง ‘ลุงพร่ำ’ ผู้เป็นพ่อของจีบและสามีของป้าแก้ว

   ทั้งคู่พบรักกันในสถานที่ทำงานในวัยสามสิบกว่า ตอนนั้นลุงพร่ำยังเป็นพนักงานแผนกออกแบบผลิตภัณฑ์ธรรมดาๆ ในบริษัทใหญ่มาพบกับป้าแก้วผู้เป็นเซลล์ขายอุปกรณ์ไอที ทั้งคู่ต้องทำงานร่วมกันอย่างยาวนานจึงเกิดสายสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงาน และพัฒนามาเป็นความรักในที่สุด

   เรื่องแปลกประหลาดของลุงพร่ำและป้าแก้ว เกิดขึ้นในครั้งแรกที่ลุงบอกรัก ในสถานการณ์ที่ทั้งคู่กำลังจะจากกันเพราะการสนทนาทางธุรกิจเสร็จสิ้น

   ‘อยากให้เวลาหยุดอยู่แบบนี้นานๆ’ เขาพูดในอ้อมกอด ‘ถ้าต่อเวลาไปได้สักชั่วโมง สองชั่วโมง สามชั่วโมง สี่...ก็คงดี’

   ‘เรายังนัดเจอกันได้ไงพร่ำ’

   ‘มันไม่เหมือนกัน ผมเสียดายเวลาที่ผ่านมา ผมยังไม่ได้บอกความรู้สึกจริงๆ ของผมต่อคุณเลย’

   ‘บ้า พูดอะไร’

   ‘ผมรักคุณนะแป้ง’

   จากนั้นทั้งคู่ก็ติดอยู่ในเวลาหกโมงเย็น เป็นเวลา...หนึ่ง...สอง...สาม...สี่ชั่วโมงถ้วน

   ลุงพร่ำกับป้าแป้งแต่งงานกันหลังจากนั้นหนึ่งปี แล้วก็มีไอ้จีบออกมากวนใจหลังจากผมคลอดได้สามปี ตอนนี้ลุงพร่ำกลายเป็นคนทำงานตำแหน่งใหญ่ แต่ป้าแก้วออกมาทำอาชีพแม่บ้าน ที่ผมสงสัยมาตลอดคือเขากลับบ้านตรงเวลาอยู่เสมอ แท้จริงแล้วเขาแค่...ยื้อเวลาออกไป

   “มีครั้งหนึ่งก่อนวันหยุดช่วงสงกรานต์มั้ง ลุงเธอมาบอกรักป้าตอนสามโมงเย็นประมาณสามรอบเพราะพนักงานยังไม่ปิดโปรเจกต์ แก้วเดินมาบอกกับฉันว่าติดอยู่สามโมงเย็นของวันที่สิบสองเมษามาเกือบสองวันแล้ว ฉันล่ะสงสาร สงสารทั้งแก้วต้องมาติดอยู่ในวันนั้นนานๆ สงสารทั้งพนักงานที่คงสงสัยว่าเมื่อไหร่จะสี่โมงเย็นสักที”

   ผมพยักหน้าให้แม่อย่างเข้าใจ แล้วถามต่อ

   “แม่ แล้วความสามารถของยายอะ”

   “ยายเธอไม่เคยบอก” แม่ตอบ ผมขมวดคิ้วอย่างเสียดาย “ส่วนจีบ...คงต้องรอเวลาที่เจอคนๆ นั้นจริงๆ มั้ง เธอก็อย่าไปบอกน้องก่อนวัยอันควรล่ะ เดี๋ยวจะเป็นเหมือนป้าเด้า”

   ผมหัวเราะ “โอเคครับ”

   “อืม ทีนี้ก็เข้าใจแล้วเนอะ...”

   “แม่ ผมสงสัยอย่างหนึ่ง คือแบบ...เราจะรู้ได้ไงว่าคนไหนเราใช้พลังได้หรือไม่ได้อะ ผมหมายถึง...พลังมันต้องใช้ตอนอยู่กันสองคนใช่ไหม แล้วทำไมคนที่ผมต้องใช้ด้วยถึง...เป็นคนๆ นั้นล่ะ”

   ผมถาม ชั่วขณะนั้นก็นึกถึงใบหน้าของธีร์ขึ้นมาในหัว แม่โอบยิ้มกว้างตอบแล้วพูดประโยคที่ทำให้ผมไปไม่เป็น

   “พลังของเรา เราใช้ได้กับคนเดียวเท่านั้น คือคู่ชีวิตของเรา”

   “...”

   “เธอค้นพบพลัง หมายถึงเธอเจอคู่ชีวิตแล้ว”

   ธีร์ ดำรงค์เดชคนนั้น

   เด็กหนุ่มดาราผิวขาวจ้าที่ติดหมวกแก๊ปและการแต่งตัวสีฉูดฉาดคนนั้น

   เด็กหนุ่มที่ขโมยจูบแรกของผมคนนั้น

   ...คือคู่ชีวิตของผมเหรอ?

   “แล้ว...บอกแม่ได้ไหม ผู้หญิงคนไหนน้ามาขโมยหัวใจลูกชายแม่” แม่ถามต่ออย่างมีอารมณ์ขัน ผมขยับปากเพราะไม่แน่ใจว่าจะพูดออกไปดีหรือเปล่า

   “เร็วสิ อย่าปล่อยให้แม่ตื่นเต้น”

   “...”

   “จุ๊บ...”

   “แม่...”

   “...”

   “คู่ชีวิตผมเป็นผู้ชาย”







TBC*
อยากกรี๊ดอยากพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องไปคุยกันที่ #จุ๊บที ในทวิตเตอร์น้า
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: cinnsin ที่ 19-06-2016 21:18:59
กรีดดดดดร้องงงงงงง ขอให้ขุ่นแม่รับได้เถอะค่ะะะะะ  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 19-06-2016 21:31:48
คุณแม่อย่าหัวใจวายนะค้าา :ling1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: ssipra ที่ 19-06-2016 21:32:36
โอโห แฟนตาซีสุดๆ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 19-06-2016 21:38:47
ธีร์จะเป็นยังไงบ้าง  55+++
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: mayongc. ที่ 19-06-2016 21:48:03
ขำความสามารถพิเศษของป้าเด้ามากค่ะ โอยยย555555555555
คืออยู่ในดงไดโนเสาร์หน้าสิ่วหน้าขวานก็ต้องเชื่อมกันให้ได้ 55555555555
คุณแม่จะว่ายังไงกับคู่ชีวิตของลูกน้อ  :hao7:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: Chacha ที่ 19-06-2016 21:52:32
โอ้ว!!~ แม่จะช็อคมั้ยนี่
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: marisa9397 ที่ 19-06-2016 21:54:21
สนุกค่าาา :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: นางสาวกานาเลส ที่ 19-06-2016 22:01:37
5555555555แม่คงช็อค ชอบเรื่องนี้มากๆเลยค่ะ แล้วทีนี้จะไปบอกน้องธีร์ว่ายังไงน้ออออ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 19-06-2016 22:03:24
สุดยอดดดดดด   o13  o13  คุณแม่ขา ต้องส่งน้องจุ๊บไปเป็นสะใภ้แล้วล่ะค่ะงานนี้
อย่าเพิ่งช็อคค่ะ เพราะเรื่องที่เจอกันมาทั้งตระกูลนั้นน่าช็อคกว่าเรื่องชายหรือหญิงตั้งแยะ โดยเฉพาะคุณป้าเด้ากลางดงทีเร็กซ์

เราชอบคำนี้ค่ะ "มันคือความดูดดื่มลืมตัว"  เป็นชั่วขณะที่สร้างความฟินได้มากค่ะ แล้วน้องจุ๊บยังสามารถเก็บรายละเอียดมากมายรอบตัวได้แม้กระทั่งเม็ดฝอยน้ำลาย โอ๊ย เราขำกับภาพที่นึกออกมากๆค่ะ
 :L1:   :pig4: 
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-06-2016 22:22:52
แต่ละคน ไม่มีธรรมดาเลย โดยเฉพาะป้าเด้า
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: peary ที่ 19-06-2016 22:25:36
พลังของบ้านนี้สุดยอดมากค่ะ วิธีใช้พลังก็สร้างสรรค์สุดๆ ฮ่าๆๆ
และที่น่ากรี๊ดที่สุดก็คือประโยคสุดท้ายนี่แหละ >___<
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: ฝัullล้วlv ที่ 19-06-2016 22:27:36
ต่อให้รับไม่ได้ ก็ต้องได้แล้วค่ะคุณแม่~
คู่ชีวิตเลยนะคะ ไม่แยกจาก  :katai2-1:
ป้าเด้านี่สุดๆแล้ว มีเพศสัมพันธ์กันทันได้ไง ก่อนไดโนเสาร์วิ่งมา นี่สงสัยมาก 5555
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 19-06-2016 22:32:50
จุ๊ปมีพลังวิเศษ!!!!
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 19-06-2016 22:34:33
โอ้ยยยย ชั้นเขิลลล  :-[
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 19-06-2016 22:38:31
แม่จะช็อคมั้ย 5555555
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 19-06-2016 22:43:47
ชอบเรื่องราวของป้าเด้าจังเลยค่ะ 55555555555555555
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 19-06-2016 22:46:38
แม่จะเป็นลมไหมเนี่ย5555555555555555555555
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 19-06-2016 22:50:19
คู่แท้เลยนะคะ คุณแม่ สัมพันธ์ที่หนียังไงก็ไม่พ้น
แต่ตอนนี้ ธีร์ช็อคไปแล้ว o17
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 19-06-2016 23:05:16
เอิ่มมมม พอน้องจุ๊บบอกไป คุณแม่คงไม่ช๊อคหรอกเนอะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: kamontipsaii ที่ 19-06-2016 23:24:31
วิเศษๆๆ ชอบอ่ะ ป้าเด้าแกฮาา 55
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 19-06-2016 23:39:16
แม่ฟังแล้วจะฟินเหมือนหนูตอนนี้มั้ยนะ  :m13:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: Mi.07 ที่ 19-06-2016 23:42:53
มาแล้ววววว คิดถึงๆคิดถึงจุ๊บคิดถึงธีร์ โอ้ย อยากมห้ถึงตอนหน้าแล้ว
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: Papangtha ที่ 19-06-2016 23:55:45
ผู้ชายยยยย555555555
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: flimflam ที่ 20-06-2016 01:08:35
ไม่ใช่สาวที่ไหน(....) ธีร์เองธีร์ไงจะใครล่ะ 55555555555555
คุณแม่ว่ายังไงคะ(.....) ไม่ได้ลูกสะใภ้แต่ได้ลูกเขย..
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 20-06-2016 01:10:55
เรื่องราวบ้านนี้น่ารักมากกก ชอบบบบ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 20-06-2016 01:23:11
คุณแม่โปรดทำใจดีๆนะคะ หรือต้องการยาดมคะเดี๋ยวหนูจะหาให้
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 20-06-2016 01:51:32
พลังแต่ละคน สุดยอดจริงๆ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 20-06-2016 02:35:38
ว่าแล้วเชียวว่ามันต้องมีพลังที่เกี่ยวกับนามสกุล
ชอบคู่ป้าเด้ากับลุงโรเบิร์ต ดูมีสีสีนอ่ะ 55555555
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 20-06-2016 02:39:56
555555โถๆๆๆๆคุณแม่
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 20-06-2016 07:15:20
กรีดร้องงง อย่างฮา
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 20-06-2016 09:00:29
กรีดร้องงงงโอ้ยฟินงะ5555
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 20-06-2016 09:23:28
พลังป้าเด้านี่พีคมาก 55555
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: katekay ที่ 20-06-2016 09:53:13
แม่กลายร่างเป็นสาววายในบัดดล 5555
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 20-06-2016 09:54:26
ช็อคไหมล่ะคุณแม่ที่จะได้ลูกเขย :katai2-1: :katai2-1:
ว่าแต่คุณพ่อกับคุณแม่คงไม่กอดกันแล้วย้อนเวลาไปไม่ให้จุ๊บกับธีร์จูบกันนะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 20-06-2016 10:05:16
เรื่องป้าเด้าพีทมากกกก

แม่ว่าไงอ่าา นู๋จุ๊บมีคู่เป็นดาราเลยน่าา
แม่ต้องรับได้น่าาา



พลังวิเศษด้านเวลา สุดยอด
อยาดอยู่ตระกูลนี่เลยย
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 20-06-2016 10:38:57
คุณแม่จะหัวใจวายไหม 55555

หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: Ball ที่ 20-06-2016 11:06:55
สนุกมากกกกกกกกกกกก
ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ ฮืออออ
ฟินมากกกก แถมยังฮาด้วยอีกต่างหาก
ชอบความพิเศษของป้าเด้าจังเลยค่ะ >///< ฮ่าาา
แต่จุ๊บเล่นบอกตรงๆแบบนี้แม่จะช้อกมั้ยอะ
แต่เราว่าคงไม่ ดูจากยาย จากป้าเด้าละแม่คงว่ามันไม่แปลก 555
รอติดตามนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: peaceminus1 ที่ 20-06-2016 13:20:00
ฮาชื่อป้าเด้าตั้งแต่ตอนแรกๆ มารู้เรื่องราวป้าเด้ายิ่งชอบไปอีก 555555
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 20-06-2016 13:29:52
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: inhyung ที่ 20-06-2016 15:08:09
ของจุ๊บนี่หยุดเวลาหรอ 
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 20-06-2016 15:37:04
โอ๊ยยยยยยย ดี อยากมีความวิเศษกาล!
แล้วประเก็นคือเจอคู่ชีวิตแล้วแต่เป็นผู้ชายแบบนี้ จะมีเรื่องอะไรให้ต้องฝ่าฟันกันอีกล่ะเนี่ย
ลุ้นนนนนนนนน!
 :hao7:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 20-06-2016 16:04:12
ตลกพลังป้าเด้าสุดค่ะ 555555555555555
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: เหนือฟ้ายังมีจักรวาล ที่ 20-06-2016 17:17:34
ว้าว ล้ำมากแต่ละคน
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 20-06-2016 17:32:42
แสดงพลังออกมาขนาดนี้แล้วคิดว่าแม่คงไม่ขัดแล้วละมั้ง แต่กลัวใจธีร์จะเตลิดหนีหายไปนี่แหละ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 20-06-2016 20:09:05
ป้าเด้า 55555555555555

ตอนเกิดนี่มีแสงสปอตไลท์ฉายออกมาจากจิ๊มิสินะ

55555555555555
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 20-06-2016 20:10:35
อุตส่าห์ไม่พูดถึงนะ จะตอบว่า...ใช่ 55555555555555555555555555555555555555555555555555555

ป้าเด้า 55555555555555

ตอนเกิดนี่มีแสงสปอตไลท์ฉายออกมาจากจิ๊มิสินะ

55555555555555
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: fida ที่ 20-06-2016 22:50:05
จะฟินก็ตรงที่พลังวิเศษเกิดกับผู้ชายด้วยกันก็ได้นี่แหละค่ะ

สำหรับคุณแม่แล้ว

ตื่นเต้นกว่าลูกชายพลังตื่นก็ตรงที่ลูกชายมาตื่นกับเพศเดียวกันนี่ล่ะค่ะ  :m20:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: thanapontigy ที่ 20-06-2016 23:57:09
:katai2-1: รอค่ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: M.J. ที่ 21-06-2016 00:12:53
 :mew3: :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 21-06-2016 01:59:08
กรี้ดดดดดดดคู่ชีวิตตตตตตต
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 21-06-2016 03:25:48
พีคสุดคือ คู่ชีวิตเป็นผู้ชาย ฮิๆๆ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 21-06-2016 06:16:40
อ่อยยยยย!! ชอบ มีความแปลก
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: rotedump ที่ 21-06-2016 08:17:39
5555 ชอบป้าเด้า
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: Supak-davil ที่ 21-06-2016 08:44:10
กรี๊ดแทนแม่
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 21-06-2016 10:21:02
จุ๊บน่ารักเหลือเกิน กลัวใจธีร์จะเตลิดไปก่อน 555555555
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: iaum ที่ 21-06-2016 10:30:11
อ้ายยยย จูบหยุดเวลา :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 21-06-2016 10:32:26
ช็อกมั้ยแม๊! 
5555
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: Sweettemp ที่ 21-06-2016 12:22:51
ป้าเด้า 555+ รอดได้ไง ทีเร็กซ์ยังแพ้  :laugh:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 21-06-2016 13:29:45
นี่ถ้าเป็นแม่โอบจะย้อนเวลากลับไปแล้วให้พ่อกรณ์ทำลูกให้อีกคน
จะได้ปล่อยจุ๊บไป
ไม่ต้องกังวลว่าลูกชายคนเดียวของฉันมีคู่ชีวิตเป็นผู้ชาย 5555555555
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 21-06-2016 14:35:50
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 21-06-2016 20:13:44
 :katai4:  รอตอนต่อไปอยากรู้คุณแม่จะว่ายังไง
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 21-06-2016 21:36:36
 :mew5:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 21-06-2016 22:32:33
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 22-06-2016 02:23:46
ตลกป้าเด้า 555555555
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 22-06-2016 10:17:25



เรานี่อยากรู้เลยว่าจุ๊บจะได้ใช้พลังวิเศษเพื่อทำอะไรบ้าง
แต่อย่างนั้นก็แปลว่าน้องธีร์ได้กำไรตลอดเลยสินะ... ดีใจแทนพระเอกจริม ๆ ครัช

รอติดตามตอนต่อไปค่ะ ^^

หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 22-06-2016 16:48:12
โอ๊ยยย วีรกรรมแต่ล่ะคนไม่มีใครเทียบป้าเด้าได้ ฮ่าๆๆๆ  :pigha2:
“คู่ชีวิตผมเป็นผู้ชาย” คุณแม่อย่าเพิ่งช็อคไปซะก่อนล่ะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 22-06-2016 19:58:06
คุณแม่ได้ลูกเขยแทนลูกสะไภ้นะคะ :laugh:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 22-06-2016 20:57:42
เนื้อเรื่องแปลกดีอ่ะ ชอบมากกกกกก >\\\\\<
ประวัติแต่ละคนทั้งฮา ทั้งน่าทึ่งอ่ะ 5555
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 22-06-2016 23:49:38
ตัวแม่ก็คือตัวแม่ เขียนได้ตัวแม่จริงๆ ค่ะ

ทั้งเรื่องนี่ทึ่งกับความสามารถพิเศษของป้าเด้ามากๆ ค่ะ มันเจ๋งสุดๆ อยากจะไปที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ทั้งนั้น เพียงแต่ว่า "วิธีการไป" อาจจะขลุกขลักนิดหน่อย เอ่อ...มันจุกอก นึกถึงตอนไปโผล่ในดงทีเร็กซ์แล้วแบบ...จุ๊กกรู้กันได้นี่เทพจริงๆ นะคะ ฮา ซูฮกยกนิ้วให้ป้าเด้าเลยเจ้าค่ะ

ส่วนน้องจุ๊บ พลังของน้องคืออะไรน้า หยุดเวลา หรือทำเวลาช้าลง? แล้วในขณะที่อยู่ในห้วงเวลานั้น ก็จะสามารถเคลื่อนย้ายสิ่งของได้? ต้องรอคำอธิบายที่กระจ่างชัดกว่านี้

น้องธีร์ทำให้ใจป้าอ่อนไหวนะคะ น้องรุกจีบพี่จุ๊บอย่างนี้แล้วใครมันจะไปทนไหว กลัวก็แต่ว่า พอจุ๊บบอกแม่อย่างนี้แล้วจะมีเรื่องการห้ามคบกันหรือเปล่า คืออ่านเนื้อเรื่องมันหวานๆ ก๊าวใจมาตลอด กลัวจะพลิกโผเป็นดราม่านี่สิ โอย อย่าทำให้ใจป้าแตกสลายนะค้าาา

รอคอยตอนต่อไปด้วยใจจดจ่อนะคะตัวแม่ขา
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: eaimeaimm ที่ 23-06-2016 02:54:38
ชอบพลังของแต่ละคนมากอะะ บรรเจิดสุดๆ คิดได้ไงง
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 23-06-2016 20:42:56
คุณแม่คงไม่ช๊อคหรอกเน๊อะ5555
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 23-06-2016 21:44:30
เฮ้ยยยย หยุดเวลาเลย เจ๋งงง  :hao6:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 23-06-2016 23:23:36
สนุกมากค่าาา  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 24-06-2016 01:41:50
หลงมาเพราะชื่อเรื่องเลย
ชอบตอนรับน้องจังงงงงง
น่ารักกกกก
ความมุ้งมิ้งแบบแอบๆของทั้งคู่เนี่ย
น้องธีร์นี่รุกพี่เขาใหญ่เลยนะ
ผัวของประเทศจะมีเมียจริงๆจังๆแล้วว5555
ชอบการมีพลังนะ แต่อีกแง่สมมตินะว่าน้องจุ๊บไม่ได้รักธีร์จริงๆ(สมมติ)
แล้วพอรู้ว่าพลังตัวเองจะสำแดงกับคู่ชีวิต
ซึ่งเฉลยว่าเป็นธีร์แบบนี้จุ๊บก็ต้องรักธีร์ป่ะ
หรือต้องทำใจให้รักเพราะอย่างไรเขาก็คือคู่เรา
ที่รัก รักเพราะคือคู่ชีวิต
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 24-06-2016 03:04:55
ชื่อตัวละครคุ้นๆจัง ขนมาทั้งgthหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 24-06-2016 19:59:02
 :o8:

ชอบอ่ะๆๆ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 24-06-2016 20:17:24
แฟนซีไปอีกกกกก

แต่เรื่องป้าเด้า เด็ด มากก

อ่านชื่อครั้งแรกนึกว่าอ่านผิด 5555
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 25-06-2016 02:47:11
แฟนตาซีน่าติดตามมากๆ อยากรู้ว่าทั้งคู่จะทำยังไงต่อดี หลังจากนี้ธีร์ได้ไล่จูบจุ๊บทุกตอนแหงมๆ  :hao7:

ตามหานิยายฟีลกู้ดคลายเครียดมานาน ไม่ค่อยเจอเรื่องถูกใจเลย มีเรื่องนี้แหละแปลกดี ชอบๆๆ

รอติดตามตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: Viewonohm ที่ 25-06-2016 09:38:16
อ่านรวดเดียวเลยย สนุกมาก  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 25-06-2016 14:29:45
กรี๊ดดดดดดดดดชอบอ่ะติดตาม :mew2:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: alien.aiiwz ที่ 25-06-2016 23:33:24
ไม่ใช่สาวๆแต่อย่างใดค่ะคุณแม่
คู่ชีวิตของลูกคุณแม่หน้าหล่อผมสั้นค่ะคุณแม่ขา555
น่ารักกกกกก ชอบอ่ะๆติดตามเลยเรื่องนี้
เอาใจช่วยน้องจุ๊บนะคะ
เราว่าความสามารถพิเศษของจุ๊บกับอาชีพของธีร์ก็เอื้อกันนะ
รอตอนต่อไปจ้า
 :call:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: Rebtur ที่ 25-06-2016 23:58:29
แฟนตาซีสุดดด นึกว่าจะเป็นแนวแบบอบอุ่นน่ารักค่อยเป็นค่อยไปอย่างเดียวซะอีก
ที่ไหนด้ายยยยยย มีแฟนตาซีแฝงด้วยแกรรร งื้ออออ ชอบบบบ :impress2:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: korinasai ที่ 28-06-2016 16:45:32
สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เรื่องน่าติดตาม แปลกใหม่ ป้าเด้าโหดจริงตัวจริง ฮ่าาาาา
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 29-06-2016 08:48:24
ขำป้าเด้าหนักมากค่ะ!!! ก๊ากกกกกก
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: katekay ที่ 03-07-2016 00:22:26
เข้ามารอจุ๊บธีร์ค่า  :mew1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ห้า | UPDATE 19.6.2559 | Page 9 }
เริ่มหัวข้อโดย: aimjjj ที่ 03-07-2016 01:13:04
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hoax: กรี้ดดดดดดด หนูจุ๊บบบบบบ คู่ชีวิตคือน้องธีร์  :-[ :o8: โอ๊ยยยยยยย หวานมดขึ้นมากค่ะ
อ่านแล้วเขินนน รอติดตามตอนต่อไปนะคะ บวกเป็ดรัวๆ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 04-07-2016 01:54:58

(http://www.uppic.org/image-730A_57571DD5.jpg)

จูบที่หก



   ‘คู่ชีวิตผมเป็นผู้ชาย’

   ผมพูดอ้อมแอ้ม แต่ทำให้ตาของแม่เบิกกว้างด้วยความช็อกได้ในทันที

   จินตนาการตอนคุณไปบอกคนในครอบครัวว่าคนที่จะลงเอยด้วยเป็นเพศเดียวกันดูสิ แล้วยิ่งผม...นายจุมพิต วิเศษกาล...ผู้เป็นทายาทเพศชายเพียงคนเดียวของตระกูลนี้

   ใครรู้ใครก็ช็อกล่ะวะ

    “ฮื้ออออออออออออ” แม่ซบหน้าลงกับฝ่ามือตัวเองแล้วปล่อยโฮออกมายกใหญ่ ผมยกมือขึ้นแตะไหล่แม่อย่างปลอบโยนด้วยความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะบอกแม่ให้หายตะลึงได้ยังไงในขณะที่ตัวเองยังอยู่ในอาการเดียวกัน

   “แม่ ผมรู้ว่าแม่ตกใจ” ผมพยายามปลอบ “ผมก็ตกจะ...”

    “ฉันไม่ได้ตกใจ”

   แต่จู่ๆ แม่ก็หยุดร้อง ถอนหายใจจนเหนียงกระเพื่อมหนึ่งที แล้วเงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยสีหน้าที่เดาอารมณ์ยาก

    “หา?”

    “ฉันรู้นานแล้ว ฉันแค่ถามลองเชิงเธอเฉยๆ”

   “อ้าว” กลายเป็นผมที่กลายเป็นฝ่ายเงิบอยู่คนเดียวซะงั้น “หมายความว่าไงแม่รู้นานแล้ว”

   “ยายเธอเคยบอกแม่ ไม่รู้ว่าแกรู้ได้ไงเหมือนกัน แต่แกเคยบอกแม่นานแล้วว่าจุ๊บจะมีคู่ชีวิตเป็นผู้ชาย...ตั้งแต่จุ๊บยังเด็กแน่ะ”

   “ตอนยังเด็กเหรอ” ผมพึมพำเบาๆ ด้วยความสงสัย นึกย้อนกลับไปแต่ไม่มีความทรงจำใดเลยที่ทำให้ผมนึกออกถึงการแสดงออกว่าหลงใหลเพศเดียวกันของตัวเองตอนไหน

   “ถามอีกที จะไม่เปลี่ยนใจจริงๆ ใช่ไหม” แม่เหล่ตามองผมเหมือนครูจับผิดนักเรียนที่ลอกการบ้าน ทำเอาผมไปไม่เป็น เห็นท่าทางแบบนั้นแม่ก็ขำพรืดออกมา “ฉันล้อเล่นย่ะ ว่าแต่ไอ้หนุ่มที่ขยี้ปากเธอนี่ใครเหรอ”

   “แม่ใช้คำน่าเกลียดมากอะ” ผมแหวกึ่งบ่ายเบี่ยงการตอบคำถาม

   “ฉันครูคณิตนะยะไม่ใช่ภาษาไทย สรุปว่าใคร”

   “แม่ จุ๊บว่าจุ๊บง่วงแล้วอ่ะ ไปนอนก่อนนะครับ” ผมลุกขึ้นพรวดทันทีแบบไม่มีพิรุธเลยจริงๆ แม่ยื่นมือหนามากะคว้าเอวให้ผมนั่งลงเหมือนเดิม ดีที่เด้งตัวหลบทัน

   “ไอ้จุ๊บ อย่าหนีนะ”

   “ฮ้าววววววววววว” ผมเดินกึ่งวิ่งไปที่บันไดและส่งเสียงหาวปลอมๆ ออกมา ได้ยินเสียงแม่บ่นไล่หลัง โกยอ้าวเข้าห้องได้ปุ๊บก็ล้มตัวลงบนเตียงท่ามกลางความมืด ตาจ้องมองดวงดาวพลาสติกเรืองแสงที่ติดทั่วเพดานห้อง แสงสีเขียวและฟ้าอ่อนส่องสว่างจากดวงดาวเหล่านั้น ผมมองมันด้วยท่าทีสงบนิ่ง ใจคิดไปถึงคำว่าคู่ชีวิตจากปากของแม่

   “คู่ชีวิต” ผมกระซิบกับตัวเองในความเงียบ พอได้พูดจากปากตอนอยู่คนเดียวแบบนี้ก็รู้สึกว่ามันช่างเป็นคำที่ยิ่งใหญ่เหลือเกิน และในความยิ่งใหญ่นั้น...ผมมองไม่เห็นความเป็นไปได้เลยสักนิด

   ผมคว้าหมอนขึ้นมาปิดหน้าแล้วตะโกนคลายความอัดอั้นใส่ปลอกผ้ารสปะแล่ม แค่คิดว่าเราเป็น ‘คู่’ กันแค่นั้นโดยที่ยังไม่มีคำว่า ‘ชีวิต’ ต่อท้าย ความรู้สึกหลากหลายก็ประดังประเดเข้ามาจนแทบข่มตานอนไม่ลง

   คนธรรมดากับซูเปอร์สตาร์ของเมืองไทย

   ผมกับเขาจะกลายเป็น ‘เรา’ เหรอ



   เสียงดังโหวกเหวกจากด้านนอกปลุกผมในเช้าวันรุ่งขึ้น แสงสว่างที่ส่องลอดผ้าม่านเข้ามาทำให้ผมหันหน้าเข้าผนังอีกด้าน ผมคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา เพิ่งเจ็ดโมงสิบห้า เมื่อคืนนอนกระสับกระส่ายจนกว่าจะหลับลงก็ปาเข้าไปตีสาม นี่ได้หลับแค่สี่ชั่วโมงเองเหรอ

   “มีใครเห็นส้นสูงสีแดงบ้าง” เสียงแหลมของป้าเด้าดังทะลุเข้ามาถึงในห้องนอนผม ดูเหมือนป้าจะหาของตัวเองไม่เจออีกแล้ว

   ผมผ่อนลมหายใจ ยกโทรศัพท์ขึ้นมาเขี่ยแจ้งเตือนเล่น เจอกับเอสเอ็มเอสชวนดูคลิปไร้สาระ รูปสวัสดีตอนเช้าจากญาติฝั่งพ่อ และข้อความถามไถ่อาการป่วยจากน้องสีเขียวและเพื่อนร่วมรุ่น

   แต่ไม่มีข้อความจากเขา

   สักคำ

   เดียว

   ผมกดเข้าไปดูในบทสนทนาระหว่างเรา หน้าจอแสดงบทสนทนาล่าสุดคือตอนเขามาขอคาราไมล์ที่ห้อง...แล้วก็ไม่มีอะไรต่อ ผมเขี่ยมันขึ้นลงราวกับว่าทำแบบนั้นแล้วจะมีบทสนทนาเพิ่มขึ้นอีกประโยคสองประโยค สุดท้ายก็ถามตัวเองว่ากดเล่นทำไม จนยอมปิดมันในที่สุด

   รู้สึกใจแป้ว แต่คิดอีกมุมก็เข้าใจธีร์ เจอเรื่องประหลาดเข้าไปขนาดนั้นเขาคงไม่กล้าจะคุย

   เผลอๆ อาจจะมองผมเป็นตัวประหลาดไปแล้วด้วยซ้ำ

   ผมทิ้งโทรศัพท์ไว้กับเตียงแล้วเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา ทำทุกอย่างเสร็จก็ออกไปหาอะไรกินในห้องครัว เสียงช้งเช้งของแต่ละคนลอยมาตั้งแต่เท้ายังไม่ก้าวเข้าห้อง และพอไปถึงผมก็ต้องตะลึงกับสมาชิกที่วันนี้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันเหลือเกิน

   แม่โอบในชุดเสื้อยืดสีฟ้าสดกับกางเกงโสล่งสีขาวกำลังคนอะไรสักอย่างในหม้อด้วยใบหน้ายิ้มแป้นอารมณ์ดีอย่างเคย ถัดออกไปคือป้าแก้วที่ยืนล้างจานอยู่ตรงซิงก์น้ำ บนโต๊ะอาหารตัวยาวมีลุงพร่ำในเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงแสล็คกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์หน้าเคร่ง แว่นกรอบสี่เหลี่ยมที่สะอาดไร้ที่ติคาอยู่บนสันจมูกโด่ง จีบในชุดเสื้อยืดย้วยๆ และมัดผมแกละกำลังกดโทรศัพท์เล่น ดวงตากลมโตที่ได้จากแม่มามองหน้าจอนั้นไม่วางตา รวมไปถึงป้าเด้ากับลุงโรเบิร์ตที่วันนี้แต่งตัวรับอรุณด้วยชุด...คนจีนยุคเก่า? หรือยุคใหม่? หรือยุคไหนผมก็ไม่แน่ใจนัก เพราะป้าเด้าสวมกี่เพ้าสีแดงเข้ากับผมทรงม้วนเป็นวงประดับด้วยปิ่นไม้ด้ามเล็ก กับลุงโรเบิร์ตที่ใส่เสื้อคอกระบอกสีแดงกับกางเกงขายาวสีเดียวกัน บนหัวมีหมวกทรงกลมที่เราชอบเห็นในหนังจีนบ่อยๆ...อันที่ผีดิบชอบใส่อะ

   แปลกตาดีที่เห็นฝรั่งตาสีน้ำเงินแบบลุงโรเบิร์ตใส่ชุดแบบนี้ แต่มองไปมองมาก็เข้ากันดีกับชุดของภรรยาสาวผู้มีดวงตาเล็กและใบหน้าออกไปทางคนจีนแบบป้าเด้า อยู่ด้วยกันแล้วเหมือนพ่อค้าจากต่างแดนมาตกหลุมรักสาวเอเชียอะไรแบบนั้น

   “จุ๊บบบบบบ” จีบเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นผม เด็กสาวตัวเล็กพุ่งตัวจากเก้าอี้มากอดผมแล้วหอมฟอดใหญ่

   “ทำไรเนี่ย ขนลุก” ผมบอกแล้วพยายามรั้งหัวยัยเด็กนี่ให้ห่างจากตัว คือปกติก็เคยชินกับนิสัยชอบจับๆ ถูๆ เหมือนแมวของจีบนะ แต่ครั้งนี้มันจู่โจมเกินไปเหมือน...เหมือนมีจุดประสงค์อะไรสักอย่าง

   “คิดถึงไง ไม่เจอกันตั้งหลายวัน” จีบอ้อน สะบัดหัวจนผมยาวที่ถูกมัดเป็นแกละสองข้างนั้นสะบัดไปมา ผมเหล่ตามองอย่างจับผิด

   “แค่สามวัน ตอนปีหนึ่งไปอยู่หอเป็นปีกลับมาไม่เห็นจะกอดแบบนี้”

   “แหม ก็ตอนนั้นมันไม่เหมือนกัน”

   “มีอะไร” ผมเข้าประเด็น จีบค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาสบตาผมด้วยตาใสแป๋วกลมโตชวนเลี่ยนที่นานทีจะมองผมแบบนี้ (ปกติมีแต่ถลึงตาบ้าง ตบหัวบ้าง) เด็กสาววัยสิบเจ็ดปีใช้นิ้วจิ้มกันเหมือนเด็กๆ เวลาขอขนมแล้วพูดออกมาด้วยเสียงบีบเล็ก

   “ที่เขาลือกันว่า...พระเอกวัยรุ่นวุ่นรักมาเรียนที่คณะจุ๊บนี่จริงปะ” คิดไว้แล้วว่าเป็นเรื่องนี้ สำหรับเด็กที่บ้าดารา(ชาย)แทบทุกคนและทุกเชื้อชาติมันคงมีไม่กี่เรื่องที่จะอ้อนผม ดาราที่ดังโคตรๆ อย่างธีร์จะหลุดวงจรความติ่งนี้ไปได้ก็คงแปลก

   “ไม่”

   “โกหก ยังเห็นคลิปเด้ากันเกลื่อนทวิตเตอร์อยู่เลย”

   ทันทีที่จีบลั่นวาจา ผมได้ยินเสียงหันหน้าจากทุกคนบนโต๊ะอาหาร มันเหมือนในการ์ตูนญี่ปุ่นที่จะมีเสียง ‘ขวับ!’ ดังออกมาจากใบหน้าอยากรู้อยากเห้นเหล่านั้น วินาทีที่ยัยเด็กติ่งพูดอะไรบัดสีบัดเถลิงนั้นทุกคนก็ดันเงียบกะทันหันพอดี ฟัค

   “ท่าเต้นรับน้องน่ะครับ” ผมยิ้มแห้งๆ ตอบทุกคนที่ดูอึ้ง เมื่อได้ยินคำตอบก็พยักหน้ารับอย่างโล่งใจและหันไปเจี๊ยวจ๊าวกันต่อ พอสถานการณ์เริ่มสงบ ผมล็อคคอจีบเข้ามากระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคน

   “ต้องการอะไร”

   “รูปพร้อมลายเซ็นบนดีวีดีซีรี่ย์บ็อกเซตครบชุด” เด็กบ้าบอกความจริงออกมาในที่สุด

   “ได้” ผมรับปากทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำได้หรือเปล่าด้วยซ้ำ “แล้วอย่าพูดถึงเรื่องนี้อีก โดยเฉพาะเรื่องคลิปเด้าอะไรนั่น โอเค้?”

   “Deal” จีบกระหยิ่มยิ้มอย่างร้ายกาจ

   “ว่าแต่...มันเกลื่อนทวิตเตอร์จริงเหรอวะ”

   “ติดเทรนด์ด้วย ไม่เชื่อเช็กดูในแท็ก #บั้นเด้านุ้งธีร์ ได้”

   “ทุเรศชิบ” หมายถึงไอ้แท็กที่รวบรวมเรื่องนี้ไว้น่ะทุเรศชิบ

   “แหมทำมาเป็นบ่นทุร่งทุเรศ หน้าแกในคลิปอะฟินกว่าคนดูอีก”

   “ไอ้จีบ!” ผมยกมือขึ้นกะจะโบกหัวมันสักป้าบ แต่จีบเหวี่ยงหลบทันและสะบัดตัวจนหลุดจากการล็อกคอ แลบลิ้นสะใจใส่อีกต่างหาก

   “กินอิ่มแล้ว ไปนอนต่อดีกว่า” เด็กมัดแกละจงใจบอกแล้วชิ่งเดินออกจากห้องครัว แต่ยังไม่วายร้องเพลงล่อหน้าล่อตาผมส่งท้าย “แมงมุมมันเดินยุ่มย่ามพอถึงสองยาม ขยุ้ม! ขยุ้ม!”

   “ขยุ้มพ่องดิ” ผมว่าเสียงดังใส่ไอ้เด็กที่โยกตัวตามจังหวะเพลงไปมา แต่พอหันมาอีกด้านก็เจอพ่อมันจริงๆ...กรรม

   “ละ...ลุงพร่ำหวัดดีครับ”   

   ชายวัยกลางคนในเสื้อเชิ้ตเรียบแปล้รับไหว้ผมด้วยหน้ายิ้มเจื่อนๆ “ไหนบอกลุงไปค่ายตั้งเจ็ดวัน นี่เพิ่งวันที่สี่เองไม่ใช่เรอะ”

   "ไม่ค่อยสบายน่ะครับเลยกลับมาก่อน" ผมไม่อยากโกหก แต่ไม่แน่ใจว่าจะพูดเรื่องที่ค้นพบพลังตัวเองออกไปดีไหม คือมันอาจจะไม่ได้แปลกอะไรสำหรับลุงพร่ำ แต่ในความไม่แปลกนั้นก็มีความแปลกอยู่...เข้าใจใช่ไหม

   "จุ๊บมันตื่นพลัง" แล้วแม่ก็ทำลายคำขี้จุ๊ลงซะไม่เหลือคราบ เรียกความสนใจจากลุงพร่ำที่ตาโตด้วยความตกใจ รวมไปถึงทุกคนที่อยู่ในห้อง

   "เฮ้ย ลุงดีใจด้วย แล้วพลังของแกคืออะไรล่ะ" ลุงพร่ำถาม

   "...หยุดเวลาครับ" ผมตอบอย่างไม่ชินปาก เรียกเสียงว้าวเบาๆ อย่างแปลกใจได้จากทุกคนยกเว้นแม่ ลุงพร่ำพยักหน้าขึ้นลงราวนึกภาพตาม แล้วก็ก้มลงมองข้อมือตัวเอง “อยากอยู่คุยต่อนะ แต่ลุงสายแล้ว เอาเป็นว่าดีใจด้วยจริงๆ ว่างๆ พาไอ้หนุ่มคนนั้นมาเที่ยวบ้างนะ”

   ลุงตบไหล่ แล้วเดินออกไปพร้อมกับป้าแก้วที่ยิ้มแป้นส่งมา ปล่อยให้ผมเงิบค้างกว่าเดิมอยู่ตรงนั้นเพราะคำว่า...ไอ้หนุ่ม

   นี่คนในครอบครัวรู้ ‘เรื่อง’ ของผมถึงขั้นไหนเนี่ย

   ผมหันมองหน้าแม่ที่ทำตาโตเหมือนคนโดนจับได้ พลันก็ต้องส่ายหัว...นี่ไงสาเหตุ

   “จุ๊บหลานรัก” แต่ยังไม่ทันได้คาดโทษกับหญิงร่างใหญ่ หญิงร่างเล็กในชุดกี่เพ้าสีแดงลายมังกรที่เพิ่งวางช้อนข้าวต้มลงก็อ้าแขนเป็นสัญญาณให้ผมเข้าไปสวมกอด ผมโน้มตัวอย่างงงๆ ได้ยินเสียงป้าเด้าพูดข้างหู

   “ดีใจด้วยที่โดนสวนทวาร”

   “ป้าเด้า!”

   “เด้า ถั่มไมพูดกับหลานแบบนั้น” ลุงโรเบิร์ตดุภรรยาด้วยสำเนียงแปร่งๆ ในบางคำ “บางทีจุ๊บอาจจะเป็นคนสวนก็ได้ ใช่ไหมครับจุ๊บ”

   “ลุง!” พอกันจริงๆ คู่นี้ ถึงว่าเป็นผัวเมียกันได้

   “พอๆ พวกเธอหยุดลามปามเรื่องส่วนตัวลูกฉันเดี๋ยวนี้” แล้วแม่ก็สาดประกาศิตทำให้คู่เย่อกันสนั่นโลกายอมหุบปากแล้วหัวเราะคิกคักออกมาแทน ผมถอนหายใจออกมาทางจมูกอย่างเพลียใจ

   “สรุปใครสวนใคร”

   “แม่!”

   “ล้อเล่น! แม่ล้อเล่นเอ๊ง แหมทำหน้าบูดเป็นตูดลิงไปได้ มาๆ นั่งกินข้าวต้มร้อนๆ ก่อน” แม่กดไหล่ผมให้นั่งลงตรงหน้าโต๊ะอาหาร แล้วยกข้าวต้มกุ้งหอมฉุยในชามมาเสิร์ฟให้ ผมยกมือไหว้ขอบคุณอย่างที่เคยทำแม้ว่าจะงอนแม่อยู่ก็ตาม เด็กดีนี่ครับ มารยาทต้องมาก่อนอารมณ์ส่วนตัวอยู่แล้ว อิๆ

   “เขาเป็นใครเหรอจุ๊บ” ป้าเด้าเปิดประเด็นตอนผมตักกุ้งคำแรกเข้าปาก อ่ามมมม

   “ใครครับ” ผมถาม

   “คนที่เธอไปแลกจุลินทรีย์บนลิ้นกันไง”

   “แค่ก!” ถึงกับสำลัก ป้าเด้าแม่งทำลายความฟินในการละเลียดกุ้งของผมมาก ผมหยิบทิชชู่มาเช็ดปากแล้วมองแม่ที่เพิ่งนั่งลงฝั่งตรงข้าม ยักคิ้วทำนองว่า ‘แกหนีคำถามนี้ไปไม่พ้นหรอก’

   “ถามจริงนี่ทุกคนไม่รู้สึกแปลกใจบ้างเหรอ” ผมเปลี่ยนหัวข้อการสนทนาหลังจากอาการสำลักทุเลา

   “เรื่องอะไร” ป้าเด้าขมวดคิ้ว

   “เรื่องที่...คู่ผมเป็น...ผู้ชาย” ผมพูดเสียงเบาแทบจะเรียกได้ว่ากระซิบ หากแค่นั้นก็ทำให้ป้าเด้าระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่นและยาวนานจนผัวป้าเองยังต้องขมวดคิ้ว ผมก็ขมวดคิ้ว...ขำอะไรขนาดนั้นวะครับ

   “ไอ้จุ๊บ” ป้าเด้าตบไหล่ผมแรง...เจ็บนะป้า “ตลอดชีวิตฉันเคยเจอเรื่องแปลกกว่านี้มาเยอะมากกกก เยอะมากจริงๆ ฉันเคยวิ่งหนีเอเลี่ยน ได้กับผัวกลางดงไดโนเสาร์ เคยโดนควายเม็กซิโกขวิดด้วย นี่มันแค่สิวๆ...พูดจริงๆ มันก็ไม่แปลกเลยเถอะ แกไม่ต้องกังวล”

   “Boy, This is 21st Century. No matter what gender you are, love is love. (ไอ้หนุ่ม นี่มันทศวรรตที่ 21 แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน รักก็คือรัก)” ลุงโรเบิร์ตสมทบ ผมยิ้มบางด้วยความรู้สึกใจชื้นขึ้นนิดหน่อย หันมองแม่ก็พบว่าเจ้าของทรงผมบ็อบเทยิ้มและพยักหน้าอย่างให้กำลัง เธอพูดต่อว่า “โรเบิร์ตมันพูดอะไรของมันวะ ฟังไม่รู้เรื่อง”   

   เกือบดีแล้วแม่...เกือบแล้วครับ

   “โรเบิร์ตมันบอกยุคนี้ชายรักชายไม่ใช่เรื่องผิด” ป้ากี่เพ้าตอบให้ “ว่าแต่ไอ้จุ๊บมันยังไม่ได้ตอบคำถามเราเลยนี่หว่า จุ๊บ สรุปว่าไอ้หนุ่มนั่นใครเหรอ”

   “แม่ ผมเอาข้าวต้มไปกินในห้องได้ไหมอะ”

   “ไม่ได้!” คราวนี้ทั้งแม่กับป้าเด้าประสานเสียงกันห้าม ป้าเด้าถึงกับลากชามของผมไปไว้ที่หน้าตัวเอง โธ่ จนมุมแล้วสินะผม

   ผมเคาะนิ้วกับโต๊ะแล้วเป่าลมหายใจทางปากเชิงยอมแพ้

   “เขาก็...ไม่ใช่คนดังอะไรหรอกครับ”

   ...แค่ไปที่ไหนก็มีแต่คนกรี๊ด

   “ไม่ใช่ลูกของใครใหญ่โตด้วย”

   ...แค่พ่อกับแม่ของเขาเป็นดาวค้างฟ้าของวงการบันเทิงไทย

   “เขาหล่อไหม”

   “แม่!”

           “จุ๊บ นี่ฉันจริงจังมากนะ”

           “ก้ะ...ก็พอไปวัดไปวาได้มั้งครับ”

   แบบที่ไปถึงปุ๊บสีกาทุกคนแทบจะไม่มีสมาธิจดจ่ออยู่กับการทำบุญเพราะมัวแต่มองเขาน่ะนะ

   “ได้กันยัง”

   “ป้าเด้า!”

   “โอ้ยเลิกซึนสักทีได้ไหม เซ็กซ์มันคือเรื่องปกติของคนสองคนที่รักกันย่ะ ดูอย่างฉันกับโรเบิร์ตสิ เนอะที่รักเนอะ” ป้าเด้าหันไปขอแรงสนับสนุนจากสามีตัวเอง แต่ลุงโรเบิร์ตส่ายหัวไม่เห็นด้วย ทำให้ป้าต้องแจกมะเหงกไปที

   “อาว!” ชายชาวออสซี่ร้องเสียงดัง “ผมพูดผิดตรงไหน เซ็กซ์ของเราไม่ได้เกิดเพราะความรักทุกครั้งซะหน่อย บางทีคุณก็ใช้กับเรื่องงานนะ”

   “ก็ใช่ แต่คุณต้องเข้าใจว่าไม่ใช่ทุกคนที่เกิดมาพร้อมจิ๋มอันทรงพลังแบบนี้ ฉันก็ไม่ได้อยากเกิดมาพร้อมจิ๋มอันทรงพลังแบบนี้ แต่มีแล้วก็ต้องใช้ให้เป็นประโยชน์สิ ใช่ไหมจุ๊บ” หญิงวัยกลางคนหันมาถามความเห็น แต่ผมอ้าปากหวอใส่เพราะไม่รู้จะตอบไงเหมือนกัน

   “สรุปได้กันยัง” เจ้าของจิ๋มทรงพลังถามต่อ

   “ป้า ผมกับเขายังไม่ได้เป็นอะไรกันเลย”

   “เธอชอบเขาไหม” แม่ที่ฟังมานานยิงคำถามจริงจังที่ทำให้ทุกคนบนโต๊ะเงียบ ผมมองหน้าอวบอิ่มของคนตรงหน้าผู้ยกมุมปากยิ้มเบาๆ สายตาที่มองผมอย่างทะลุปรุโปร่งเสมอนั้นทำให้ผมอ้ำอึ้ง

   “แสดงว่าชอบ...” แม่เดาเมื่อผมไม่ได้ตอบอะไรออกไป ผมกัดริมฝีปากอย่างแก้ตัวไม่ถูก คือผมกับธีร์ก็เจอกันแค่ไม่นาน เวลาที่เราอยู่ด้วยกันอาจจะน้อยนิด แต่ต้องยอมรับว่าเวลาเหล่านั้นผมรู้สึกดี การกระทำของเขาทุกอย่างของเขามันทำให้ใจของผมเต้นแรง

   ถ้าถามว่าผมชอบธีร์ไหม จะพูดว่าใช่ก็คงไม่ถูกนัก

   แต่จะพูดว่าไม่...มันก็พูดได้ไม่เต็มปาก

   “แล้วเขาชอบเธอไหม...” คำถามต่อมาของแม่ทำให้ผมคิดหนักมากกว่าเดิม ถ้าเป็นก่อนหน้าที่เราจูบกันทุกอย่างเหมือนจะบอกผมว่าความรู้สึกของเขาเป็นไปในทิศทางนั้น แต่ตอนนี้...

   ...ผมไม่แน่ใจ

   “ผมไม่แน่ใจ” ผมตอบแม่ตามตรง แม่ยิ้มบางๆ ยื่นมือมาจับมือผม แล้วใช้โทนเสียงเหมือนครูกำลังสอนนักเรียน

   “มีแค่ทางเดียวที่จะรู้”

   “...”

   “ถามเขาสิ”

   

(ต่อด้านล่าง)
   



หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 04-07-2016 01:55:44
   หายไปเลย

   ...แบบนี้ดูเรียกร้องความสนใจไปป่ะวะ

   ไม่อยากคุยแล้ว?

   ...ฟังดูสำคัญตัวผิดแปลกๆ

   ผื่นหายยัง

   ...ไม่ใช่ประเด็นที่อยากคุยเล้ย

   กลัวเราแล้วมั้ง

   ...ถ้าเขาตอบว่าใช่คงใจหาย

   ผมกดๆ ลบๆ ข้อความท่ามกลางแสงสีขาวของจอมือถือที่ส่องสว่างในความมืด หลังจากหนีออกจากค่ายมาครบสามคืนถ้วน ผมกับธีร์ไม่ได้ติดต่อกันเลย นั่งๆ นอนๆ คิดในที่สุดก็ตัดสินใจว่าควรทำอะไรสักอย่าง

   และอะไรสักอย่างที่ว่า คือการคุยกับเขาให้รู้เรื่อง

   หาย 555

   สุดท้ายก็กดส่งไปแบบนี้ มีคนเคยบอกว่าถ้าพิมพ์ 555 ต่อท้ายมันจะทำให้บทสนทนาดูลื่นไหลขึ้น แต่ทำไมย้อนไปอ่านแล้วมันทะแม่งจังวะ

   ผมมองข้อความที่ขึ้นว่าถูกส่งไปแล้วด้วยใจจดจ่อ แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงไอ ผมวางมือถือลงแล้วเหวี่ยงผ้าห่มที่คลุมโปงตัวเองออก ชะเง้อไปมองเตียงผู้ป่วยที่ห่างออกไปไม่กี่เมตร ในความเลือนรางก็เห็นร่างของชายผู้เป็นพ่อขยับอย่างอ่อนแรง

   คืนนี้ผมอาสานอนเฝ้าพ่อที่ป่วยเป็นมะเร็งกล่องเสียง ช่วงนี้แกอาการทรุดหนักหลังจากที่เหมือนจะทุเลาไปไม่กี่เดือนก่อน เดิมทีมันไม่ได้ร้ายแรงมากนัก แต่เพิ่งมาตรวจเจอว่ามันลามไปถึงปอดเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หมอเลยให้มานอนดูอาการและวิเคราะห์การรักษาที่โรงพยาบาลต่อไป นี่ก็ย่างเข้าสัปดาห์ที่สามแล้ว...อะไรๆ เหมือนจะไม่ได้ดีขึ้นเลย

   “พ่อ เอาน้ำไหม” ผมกระซิบ ได้ยินเสียงพ่อไอแรงขึ้น แกยกมือขึ้นมาโบกเบาๆ เป็นเชิงปฏิเสธ

   “ทะ...ทำไม...อยู่...นี่” พ่อถามด้วยเสียงแหบแห้งราวกับเพิ่งรู้ว่าผมมานอนเฝ้า ซึ่งจริงๆ แล้วไม่จำเป็นต้องทำก็ได้เพราะมีพยาบาลคอยดูแลตลอดอยู่แล้ว แต่ผมรู้สึกผิดที่แว้บไปค่ายมาสามวันเลยมานอนเฝ้าให้หายคิดถึงเสียหน่อย

   “คืนนี้จุ๊บมานอนเฝ้าครับ”

   “มา...ทำไม มะ...ไม่มีประโยชน์”

   ...แม้ว่าพ่อจะไม่ต้องการก็ตามน่ะนะ

   ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ความสัมพันธ์ระหว่างเราห่างเหินกันแบบนี้ผมก็ไม่รู้ จำได้ว่าตอนเด็กเราเคยสนิทกันมาก เป็นคู่พ่อลูกที่รู้ใจกันทุกอย่าง กระทั่งผมเติบโต เรียนรู้ความผิดพลาดของวัยรุ่น ช่วงนั้นเป็นช่วงเดียวกับที่พ่อทำงานหนัก มีเวลาให้ครอบครัวเพียงน้อยนิด ความทรงจำในเวลาช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของผมมักจะมีแม่รวมอยู่ด้วยเสมอ แต่ไม่มีพ่อ

   หรือหากจะมี พ่อจะปรากฏตัวมาแว้บๆ ในช่วงเวลาของการสั่งสอนเสียส่วนใหญ่ เพราะไม่ว่าผมทำอะไรก็ดูไม่เข้าตาเขาไปเสียหมด

     แม้กระทั่งตอนที่เขาป่วยแล้วผมมานอนเฝ้าเขาแบบนี้ก็ยังดูไร้ประโยชน์

   “พ่อ...นอนเถอะครับ” ผมกระซิบบอกเบาๆ แล้วแตะมือหยาบกร้านของพ่อ เขาไม่ได้ส่งสัญญาณอะไรกลับ แค่ผ่อนลมหายใจยาวออกมาและเงียบไป

   ผมเดินกลับขึ้นมาบนเตียงญาติ ยกผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงเหมือนเดิม มือคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดูข้อความที่เพิ่งส่ง

   เขาอ่านแล้ว

   แต่ไม่มีข้อความตอบกลับมาเลย

   ผมปรนลมหายใจแล้วโยนโทรศัพท์ทิ้งบนฟูก วางแขนลงกับเตียงให้ผ้าห่มหนาปรกลงมาทับร่างกายอย่างยอมแพ้

   เขาคง...ไม่อยากคุยกับผมแล้วจริงๆ



   เสียงข้อความเข้าตอนเช้าทำให้ผมงัวเงียตื่นขึ้นอีกครั้ง ผมยกมือขึ้นบังแสงแดดจ้าจากด้านนอก หันไปมองพ่อก็ยังหลับปุ๋ยอยู่ ยกโทรศัพท์ขึ้นมากะจะปิดเสียงแล้วนอนต่อ แต่ชื่อของบุคคลที่เพิ่งส่งข้อความเข้ามาล่าสุดทำให้ผมถึงกับเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง


   Thee Dumrongdech
   อยากคุย
   เย็นนี้
   เจอกันที่เชียร์โชว์ได้มั้ย



   เขาตอบแล้ว...เขาตอบแล้ววุ้ยยย!

   ผมกัดปากยิ้ม พยายามไม่ส่งเสียงอะไรออกมาเพราะกลัวรบกวนพ่อ ไม่ตอบอะไรธีร์กลับไปแต่แอบลงนัดตอนเย็นไว้ในใจ แม้ว่ามันจะมีความเป็นไปได้สูงก็ตามที่ผมอาจจะโดนเขาบอกให้เลิกยุ่ง หรือบางทีเขาอาจจะจ้างหมอผีหรือเชิญพระมาสวดมนต์ไล่ความแปลกประหลาดในตัวผม (คิดไปนู่น)

   แต่นาทีนี้ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดแล้วเนอะ

   ผมอยู่กับพ่อต่อเกือบครึ่งค่อนวัน จนกระทั่งแม่มาเปลี่ยนเวรในตอนเย็น ผมนั่งแท็กซี่มาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านและรีบนั่งรถออกมาทันที พอถึงมหา’ลัยก็ปาเข้าไปเกือบสี่ทุ่ม...ถือเป็นเวลาที่ทุกคนกำลังคึกได้ที่ วันนี้ที่มหา’ลัยมีงานเฟรชชี่ เชียร์โชว์ไนท์ (Freshy Cheer Show Night) ซึ่งอันที่จริงเป็นงานแสดงคอนเสิร์ตจากศิลปินเพื่อต้อนรับน้องปีหนึ่งรุ่นใหม่จากทุกคณะ แต่คณะนิเทศศาสตร์ของเราพิเศษหน่อยคือเราใช้งานนี้เป็นเสมือนงานเลี้ยงปิดค่ายเจ็ดวันพอดิบพอดี

   และในที่สุดผมก็มาถึง เสียงมวลชนทั้งรุ่นน้องและรุ่นพี่เกือบหมื่นคนดังกึกก้องเต็มสนามฟุตบอลซึ่งถูกเซตเป็นลานคอนเสิร์ตย่อมๆ แสงสีเสียงกระหึ่มมาจากเวทีกว้างตั้งอยู่ทางทิศเหนือ ทางด้านซ้ายเป็นแสตนเชียร์มุงหลังคาที่เรามักใช้ในวันแข่งกีฬา ส่วนด้านขวาของสนามคือเนินหญ้าประดับประดาไปด้วยต้นไม้ใหญ่ที่มีคนนั่งแทรกตัวอยู่ในเงาไม้มืดๆ นั้นประปราย

   ผมแทรกตัวผ่านผู้คนมากหน้าหลายตาไปยังโซนของคณะตัวเอง เด็กปีหนึ่งหลายคนกำลังปลดปล่อยอารมณ์อย่างเมามันส์กับเพลงของวง Scrubb ที่เพิ่งขึ้นร้องได้เป็นเพลงที่สาม อันที่จริงผมชอบพี่บอลกับพี่เมื่อยมากนะ ร้องเพลงของวงนี้ได้แทบทุกเพลงด้วย แต่ตอนนี้ความสนใจของผมมันอยู่ที่แค่คนๆ เดียว...คนเดียวแค่นั้นจริงๆ

   
   ฉันอยากให้เธอลอง
   มองฉันก่อน จะสายเกินไป
   หากคิดว่าฉันนั้นใช่
   อย่าเก็บไว้ในใจคนเดียว เปล่าเปลี่ยวใจ



   ผมมองหาธีร์ผ่านร่างของน้องปีหนึ่งคณะนิเทศศาสตร์ที่โยกย้ายตัวเองไปกับเสียงเพลงและแสงไฟ แค่อยู่ในที่มืดสลัวแบบนี้ก็ยังมองหายาก แต่ตอนนี้ทุกคนใส่เสื้อเหมือนกัน ห้อยป้ายชื่อใบโตเหมือนกัน แถมรอบคอน้องยังเต็มไปด้วยขนมและของที่ระลึกวันปิดค่ายคล้ายๆ กันยิ่งเพิ่มทำให้หายากเข้าไปใหญ่ น้องหลายคนที่สังเกตเห็นผมรีบยกมือไหว้และถามไถ่อาการป่วย(ปลอม) ผมยิ้มและตอบรับอย่างอัธยาศัยดี แต่สายตายังชะเง้อมองคนร่างสูงผิวหลอดไฟที่ไม่รู้ไปหลบอยู่ซอกไหนของสนาม


   หรือเธอจะเป็นคนเดียว
   คนที่เฝ้ารอ บางสิ่งที่หาย



   น้องผู้ชายกลุ่มหนึ่งเข้ามาชวนกระโดด ผมกะจะบอกปฏิเสธแต่น้องก็โอบคอผมไปกลางวงเสียแล้ว เพลงกำลังจะถึงท่อนฮุค ผมมองตรงไปที่พี่บอลกับพี่เมื่อยบนเวที ชั่วขณะนั้นก็เห็นอะไรสีขาวจ้าแวบๆ ตรงหน้า


   อาจจะเป็นคนนี้ จะอยู่ตรงตรงนี้
   มาเติมวันดีๆ ต่อจากนี้ไป



   ไกลออกจากตัวผมประมาณสี่ช่วงแถว ท่ามกลางผู้คนที่หันหน้าเข้าเวที ธีร์ยืนนิ่งและกลับหลังหันมามองผมจากจุดนั้น รอยยิ้มบางเคลือบไว้บนริมฝีปากสีชมพูอ่อน


   อาจจะเป็นคนนี้ ถ้าหากเป็นคนนี้
   โลกที่เคยว่างเปล่า มันไม่เหมือนเดิม
   ถ้าเธออยากจะรู้



   เขาส่งสัญญาณมาว่า ‘อยากเต้นก่อนเปล่า’ ผมส่ายหัวแล้วส่งสัญญาณมือกลับ ชี้ไปตรงต้นไม้ต้นหนึ่งฝั่งขวาของสนาม เขาพยักหน้ารับแล้วก็ยิ้มแป้นจนตาหยีเมื่อเห็นผมถูกรุ่นน้องกดหัวลงอย่างเมามันส์ ผมส่งสัญญาณบอกให้เขาไปก่อนเลยตอนที่ตัวเองพยายามผละออกจากกลุ่มนั้นอย่างทุลักทุเล ในขณะที่เสียงเพลงยังคงดำเนินต่อไป...


   ใครเพียงสักคนที่เธอรัก
   ใครเพียงสักคนที่เธอฝัน
   คนเพียงหนึ่งคนที่เธอนั้นหามานาน

   


   เรานัดเจอกันใต้ต้นไม้ใหญ่ริมสนาม บนเนินหญ้าที่ห่างไกลจากสายตาผู้คน

   ผมมองไม่เห็นธีร์ในตอนแรก แต่เป็นเพราะไอ้หนุ่มดาราไปหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่แล้วโผล่หน้าแง้มๆ มาทักทายผม

   “ทำไรอะ” ผมถามอย่างงุนงง ธีร์ขมวดคิ้วแล้วส่งเสียงจ๋องๆ ดังออกมา

   “นายจะ...ปล่อยพลังอะไรใส่เราอีกไหม”

   เวร...นี่เหรอคนที่รอเจอกันมาหลายวัน กูกลับดีไหมเนี่ย

   “ย้ากกกกกกกกกกกก” แต่ผมก็บ้าจี้เล่นตามมัน ทำท่าปล่อยพลังด้วยมือเหมือนคลื่นเต่าสะท้านฟ้าในดราก้อนบอล ธีร์รีบมุดหัวกลับไปหลังต้นไม้ฉับพลัน เป็นอะไรที่ทั้งเชี่ยทั้งขำ

   “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ” ผมระเบิดหัวเราะออกมาเพราะท่าทีงี่เง่าของเขา ธีร์ค่อยๆ โผล่หัวออกมาเพราะไม่เห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้น พอรู้ตัวว่าโดนหลอกจึงเดินออกมาทั้งตัวด้วยท่าทางฟึดฟัด

    “เชี่ย กลัวจริงนะเว้ย” เด็กหลอดไฟบ่นขณะที่ผมต้องยกมือกุมท้องเพราะขำจนท้องแข็งไปหมด

   “ตลกสัดอะ โอ้ย ดึงไมวะเนี่ย” ผมร้องออกมาเพราะอยู่ๆ เขาก็ยกมือขึ้นมาดึงผมหยอยลูกรักของผมออกไปสองเส้น เล่นบ้าอะไรวะ เจ็บชิบ

   “หมั่นไส้” เขาเบ้ปาก แล้วทรุดตัวนั่งบนพื้นหญ้าในเงามืด ตามองทอดออกไปยังสนามฟุตบอลที่คนเรือนหมื่นกำลังเปรมปรีดิ์กับดนตรีกันอยู่

   “หายไปไหนมาสามวัน” เขาถามขณะที่ผมค่อยๆ ทรุดตัวลงข้างๆ เขา สำรวจของที่ระลึกและขนมที่ห้อยระโยงรยางค์อยู่รอบคออย่างกับพวงมาลัยของนักร้องลูกทุ่ง...เด็กนี่คือได้ของจากรุ่นพี่เยอะจนผมยังอิจฉาเลยว่ะ 

   “ได้เยอะจัง” ผมจับๆ พวงมาลัยรอบคอเขา ธีร์หันมาขมวดคิ้วใส่

   “พี่จุ๊บควาย นายไม่ตอบคำถามเรา”

   “อ่า...ถามไรนะ เอ้อหายไปไหน...กลับบ้านไง”

   “กลับบ้านทำไม”

   “ไปสืบเรื่องที่เกิดขึ้น”

   “ว่าแล้วว่าต้องไม่ป่วยอย่างที่เขาพูดกัน” เขาเปรย “มีแต่คนเป็นห่วงนะอยู่ที่ค่าย”

   “ก็พอเดาออก...มีแต่คนส่งข้อความมา”

   “เราก็เป็นห่วง” ธีร์บอกนิ่งๆ แต่ทำให้ใจของผมหวิวไปเล็กน้อย...แค่เล็กน้อยนะ

   “...”

   “...”

   “...แล้วทำไมไม่ส่งเชี่ยอะไรมาเลยล่ะ” ผมพูดกลั้วหัวเราะ

   “อยากส่งไปเหมือนกัน แต่ตอนนั้นแม่งทำตัวไม่ถูกไง” เขาอธิบาย “ขอโทษนะ”

   “อื้อ” ผมรับคำเบาๆ ธีร์สอดมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วคว้าอะไรบางอย่างออกมา...กล่องบุหรี่ ความรู้สึกผิดหวังในตัวเขาเริ่มถูกแต้มในใจนิดหน่อย...ผมไม่ค่อยชอบคนสูบบุหรี่เท่าไหร่

   “มีไฟปะ” เขาถาม ผมส่ายหัวเพราะตัวเองไม่มีจริงๆ ธีร์ถอนหายใจแล้วค้นในกระเป๋าใบเล็กของตัวเอง สักพักก็เจอไฟแช็ค เขาจุดไฟที่ปลายมวนแล้วพ่นควันสีขาวออกมายืดยาว แม้จะเป็นเรื่องที่ผมไม่ชอบแต่ก็ต้องยอมรับว่าท่าทางแบบนั้นมันดูมีเสน่ห์จริงๆ

   “สูบบุหรี่ตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ” ผมถาม ธีร์หันมายักคิ้ว

   “ม.ปลาย จริงๆ เริ่มตั้งแต่ช่วงถ่ายละครเครียดๆ น่ะ แต่ไม่ได้ติดนะ”

   “อ้อ”

   “ถามทำไมอะ ไม่ชอบคนสูบบุหรี่เหรอ”

   “ไม่ชอบโทษของบุหรี่” ผมบอก นึกถึงคนที่นอนป่วยอยู่โรงพยาบาลอยู่ตอนนี้ที่เป็นเพราะไอ้มวนสีขาวนี่ล้วนๆ

   “งั้นต่อไปเราจะไม่สูบต่อหน้าพี่จุ๊บ” ธีร์บอกแล้วคีบบุหรี่ออกจากปาก ใช้เท้าเหยียบบุหรี่มวนนั้นจนมันดับไป ใจจริงผมอยากขอให้เขาเลิกสูบมันไปตลอดเลยด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ว่าตัวเองมีสิทธิ์มากพอที่จะทำแบบนั้นหรือเปล่า

   “แล้ว...กลับบ้านไปได้เรื่องอะไรไหม” เขาถามต่อ ผมพยักหน้าให้เชิงบอกว่าได้ แล้วเริ่มเล่าเรื่องราวอันแปลกประหลาดของครอบครัวตัวเองให้ธีร์ฟัง ปฏิกิริยาตลอดการเล่าของพระเอกซีรี่ย์คือขมวดคิ้วแล้วก็พยักหน้าเป็นครั้งคราวจนผมไม่แน่ใจว่าเขาเข้าใจมันดีหรือเปล่า

   หรือบางทีเขาอาจจะเข้าใจ แต่เข้าใจกับยอมรับได้มันคนละเรื่องกัน

   “ที่บอกว่าเป็นคู่กันนี่...คู่อะไรนะ” ฟังจบแล้วถามคำถามนี้ทันที แล้วดันเป็นคำถามเดียวกับที่ผมถามแม่ด้วย...อ่า...ตอบยังไงดีวะ จะตอบว่าคู่ชีวิตเหมือนที่แม่บอกก็มันก็คงเขินปนรู้สึกหน้าด้านแปลกๆ มันเหมือนการตีตราเขาทางอ้อมยังไงยังงั้น

   “คู่...คู่...” ผมอ้ำอึ้ง

   “คู่?”

   “คู่...เวร! ใช่! คู่เวรคู่กรรมกัน เหมือนโกโบริกับอังศุมาลินอะไรแบบนั้น” มั่วไปเลยครับ แล้วมั่วได้แบบโคตรไม่น่าเชื่อถือเลยด้วย เหี้ยมากกกกกก

    “โกโบริกับอังศุ...ไรนะ” ธีร์ขมวดคิ้ว

   “โกโบริกับอังศุมาลินไง”

   “หา?”

   “เบิร์ดกวาง ศรรามเบ้นซ์ บี้หนูนา ณเดชริชชี่....โอแหม่ม โอ้ยไม่เคยดูเวอร์ชั่นไหนเลยเหรอ เรียนนิเทศจริงปะเนี่ย”ผมแหวเมื่อเห็นธีร์ขมวดคิ้วหนักขึ้นเรื่อยๆ

   “ไม่เคย...จริงๆ มันคืออะไรวะ”

   “บทประพันธ์ที่ดังมาก เป็นเรื่องของคนสองคนที่มีกรรมมีเวรต่อกัน” และรักกัน...ประโยคหลังผมไม่ได้ต่อ “แค่นั้นแหละ”

   “เหมือนเจ้ากรรมนายเวรอะไรแบบนั้นเหรอ”

   “มั้ง”

   “สรุปมันดีหรือไม่ดีเนี่ย” ธีร์แหวและยิ้มแหยอย่างขำขันให้ผม ผมยักคิ้วแล้วตอบออกไปว่า

   “ก็คงมีดีบ้างแย่บ้าง...เราคงต้องพิสูจน์กันไป”

   เขาพยักหน้ารับแล้วยิ้มมุมปาก ทันใดนั้นเราก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากฝูงชนที่กึกก้องเมื่อเพลงจบพอดี คอนเสิร์ตดำเนินมาจนถึงช่วงสุดท้าย พี่บอลกับพี่เมื่อยขอให้ทุกคนยกมือถือของตัวเองมาเปิดไฟส่องสว่าง มองจากตรงนี้แล้วเหมือนคลื่นทะเลที่ส่องสะท้อนแสงดาวระยิบระยับบนฟ้า...บรรยากาศโรแมนติกชิบเป๋ง

   “สวยเนอะ” ธีร์ยิ้มออกมาขณะที่มองภาพนั้น รอยยิ้มของเขาช่างเข้ากับเพลง ‘รอยยิ้ม’ ที่กำลังถูกบรรเลงเป็นเพลงสุดท้ายพอดี ผมมองภาพทะเลดาวสลับกับใบหน้าของเขาแล้วยิ้มออกมาบ้าง

   “นี่ ถามไรหน่อยดิ” ผมเอ่ย

   “อือ...”

   “หลังจากที่เกิดเรื่อง ทำไมถึงยังทักมาล่ะ”

   “หมายความว่าไง”

   “ไม่กลัวเรา...อะไรแบบนั้นเหรอ” ธีร์จือปากเหมือนกำลังคิด

   “ก็กลัวนะ” คำตอบของเขาทำให้ใจผมห่อเหี่ยวได้ในพริบตา

   “...”

   “แต่เทียบความกลัวกับความชอบแล้ว ความชอบมันมีมากกว่า”

   เขาพูดขณะที่ยังมองไกลออกไปยังเวที ในขณะที่ผมรู้สึกได้ว่าแก้มตัวเองร้อนจัด และปากพยายามควบคุมรอยยิ้มของตัวเองไม่ได้มันอ้ากว้างเกินไป วินาทีนั้นใจห่อเหี่ยวของผมก็เด้งดึ๋งกลับมาได้อย่างมหัศจรรย์

   ผมว่าเด็กนี่ถนัดกว่าผมอีกนะ...ไอ้เรื่องสร้างความวิเศษให้เกิดขึ้นในชีวิตเนี่ย

   อย่างน้อยก็กับหัวใจผมล่ะ

   “เสียงของเธอแค่ครั้งเดียว ทำฉันให้ลอยล่องไปไกลสุดสายตา” เขาร้องออกมาเหมือนแก้เก้อ

   “ร้องเพี้ยนจัง เป็นดาราซีรี่ย์มิวสิคัลได้ไงวะเนี่ย” ผมแซว

   “โหด่ากันขนาดนี้ ไหนลองร้องบ้างดิ๊”

   “หากตอนนี้ลองหลับตา เห็นภาพเดิมอีกครั้ง ฉันเพียงอยากขอหยุดเวลาไว้ก่อน เพียงชั่วคราวหากเธอรับรู้ว่ามันไม่ง่ายดายเท่าเดิม”

   “เฮ้ย เพราะอะ ทำได้ไง” เขาตาโตคล้ายเห็นมันเป็นเรื่องใหญ่มาก ผมยักคิ้วอย่างล้อเลียนในความอ่อนจนเขาเบ้ปาก เราสลับกันหัวเราะและร้องเพลงกันอย่างนั้นจนมันดำเนินมาเกือบถึงท่อนสุดท้ายที่พี่บอลกับพี่เมื่อยขอให้ทุกคนร้องท่อนฮุคพร้อมกัน

   “พี่บอลพี่เมื่อยแม่งไอดอลว่ะ” ธีร์หันมาบอก ผมพยักหน้าอย่างเห็นด้วยขณะกำลังซึบซับช่วงเวลานั้นด้วยความสุข

   
   แค่เวลาหนึ่ง บางอย่างเปลี่ยนไป
   แค่นาทีหนึ่ง โอ


   
   “คือเราใฝ่ฝันมานานแล้วว่าอยากถ่ายรูปกับเขา แต่ไม่เคยมีโอกาสเลย”

   “อื้อ...เดี๋ยวไปขอถ่ายหลังเวทีดิ”

   “อยากได้จังหวะที่ดีกว่านั้น”


   ฉันเพียงอยากขอหยุด...


   ...จุ๊บ

   ในนาทีที่ผมกำลังอ้าปากร้องท่อนฮุคสุดท้ายไปพร้อมกับทุกคน ธีร์ก็กลืนคำว่า ‘เวลา’ เข้าไปด้วยจูบครั้งที่สามของเรา

   ผมเบิกตาโตด้วยความตกใจ แต่ความละมุนละไมบนริมฝีปากก็กล่อมเกลาให้ผมหลับตาและรับรสจูบนั้นในที่สุด ครั้งนี้มันมีกลิ่นบุหรี่ที่ผมไม่ชอบ แต่กระนั้นมันก็ถูกกลบด้วยลีลาการรุกรานของเขา ธีร์ยกมือขึ้นประคองหน้าผมให้หันไปในทิศทางที่ทำให้เราจุมพิตกันได้สะดวกมากขึ้น และนั่นเป็นครั้งแรกที่ผมยกมือประคองหน้าเขาตอบ

   ...และจูบตอบ

   เนิ่นนานเกือบนาทีแล้วริมฝีปากของเราก็หลุดจากกัน ความรู้สึกแปลกประหลาดเวลาเห็นสิ่งรอบข้างถูกหยุดไว้ไม่มีอีกต่อไป มีเพียงความรู้สึกวูบไหวภายในใจผมที่มันชัดขึ้นทุกที

   รู้ตัวอีกทีธีร์ก็ลุกเดินลงเนินไปแล้ว เขาพร่ำบอกแต่ว่าภาพตอนนี้มันโคตรสวย แล้วหันมาตะโกนเรียกผมที่นั่งนิ่งค้างอยู่ที่เดิม

   “เร็วเข้า เราจะไปเซลฟี่กับวงสครับบ์บนเวทีกัน!”

   ผมพ่นเสียงหัวเราะออกมาทางจมูก แล้วพยุงตัวเองลุกขึ้น เอื้อมมือไปจับมือเขาที่ยื่นมาประคองกันผมล้ม เราสองคนเดินจับมือกันแหวกฝูงชนทะเลดาวที่หยุดนิ่งสู่เวทีสูง
   




TBC*
ตอนนี้ยาวมาก เขินนนนนนนมากด้วย
ขอโทษที่หายไปนานนะคะ สองอาทิตย์เต็มๆ เลยมั้ง ขอโทษมากจริงๆๆๆ ทีหลังจะไม่หายไปนานขนาดนี้แย้วววเราสัญญา
ตอนนี้อยากแนะนำให้เปิดเพลงของ Scrubb ฟังตอนอ่าน (แต่ถ้าพวกคุณอ่านมาถึงตรงนี้เราว่าคงไม่ทันละ 5555) เป็นวงที่เราชอบผลงานมากๆ แรงบันดาลใจจากฉากคอนเสิร์ตส่วนหนึ่งมาจากประสบการณ์จริงที่เคยไปดู Scrubb เล่นวันเชียร์โชว์ไนท์ที่ มช ค่ะ ตั้งแต่วันนั้นเราคิดมาตลอดว่าถ้าได้ทำนิยายมันต้องมีฉากคอนเสิร์ตที่พระเอกกับนายเอกมองตากันผ่านฝูงชนอะไรงี้ แล้วก็ออกมาอย่างที่ได้ยลกัน

อยากกรี๊ดอยากพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องไปคุยกันที่ #จุ๊บที ในทวิตเตอร์น้า

ตม.
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 04-07-2016 02:24:33
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: lazysheep ที่ 04-07-2016 02:50:00
พอใช้งานเป็นนี่จัดเลยนะ 555 ลุ้นความรู้สึกคู่นี้จัง
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 04-07-2016 02:52:37
จูบกันบ่อยๆเลยยยยยย :katai2-1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: pharuthai ที่ 04-07-2016 02:53:30
โห้ยยย มันต้องโรแมนติกมากแน่ๆ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 04-07-2016 03:07:54
รู้สึกดีกับจุ๊บครั้งที่หกมาก

ถึงจะหายไปนานแต่กลับมาได้แบบคุ้มค่าแก่การรอคอยเหลือเกิน

เปิดด้วยคอเมดี้ครอบครัว มีความตลก ความเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะมุกจิ๋มทรงพลังคือขำมาก

ไหนจะความหน่วงเรื่องการหายไปของธีร์ กับความสัมพันธ์พ่อลูกอีก มันเป็นอะไรที่รับรู้ได้เลย แบบดีมากจริงๆ

ก่อนจะปิดท้ายด้วยฉากที่เห็นภาพมาก รู้สึกเหมือนเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นจริงๆ

อินจนใจสั่นตาม

เข้าใจแล้วว่าทำไมนิยายเรื่องนี้ถึงได้ดีมากขนาดนี้

เพราะว่ามันเริ่ดทุกตอนจริง ดีงาม รัก

จะติดตามต่อปายยยยย

 :ling1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-07-2016 03:53:11
มันดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 04-07-2016 05:02:17
 :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 04-07-2016 06:01:29
ชอบความสามารถอันนี้ของจุ๊บ จูบหยุดเวลา
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 04-07-2016 06:11:12
คู่กรรม. ออิอิ
สุดยอดจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: Chacha ที่ 04-07-2016 06:43:40
ครอบครัววิเศษกาลออกโรงแล้วขำอ่ะ โดยเฉพาะป้าเด้า
ธีร์นี่พอรู้วิธีการใช้พลังก็เอาเลยนะ 555
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 04-07-2016 07:00:17
ก็มันคู่กรรมจริงๆนี่นาา
555
จีบกันไปเร ื่อยๆนะ เราชอบ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 04-07-2016 07:37:25
กรี๊ดดดดดดด ฟินอ่ะแกร~~~~!!!!
น้องธีร์คือนักฉวยโอกาสที่ดี (?) 55555554
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: targetsii ที่ 04-07-2016 07:43:15
หูยยยย ชอบอ่ะ เจ๋งมากกกก
โรแมนติกดีจังบรรยากาศแบบเน้
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 04-07-2016 07:47:10
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 04-07-2016 08:07:10
มีความพอดีในทุกสิ่ง

'จิ๋มทรงพลัง'

 :m20:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: felixia ที่ 04-07-2016 08:10:00
ชอบตอนจุ๊บบอกเป็นคู่เวรคู่กรรมกัน 5555555 
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 04-07-2016 08:12:31
ชอบๆ เอาอีกๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: Supak-davil ที่ 04-07-2016 08:21:35
สงสัยอุปสรรคที่ผ่านได้ยากที่ยายบอกว่าต้องเป็นพ่อของจุ๊บหรือเปล่า
เปิดความสัมพันธ์ พ่อลูกมาซะ นึกถึงมาม่าเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 04-07-2016 08:29:52
ก๊าก 555 คู่เวรคู่กรรม...
จุ๊บบอกน้องไปอย่างนั้นได้ไง ถ้าเราเป็นธีร์นะ...เราเงิบไปละ ฮา
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: นางสาวกานาเลส ที่ 04-07-2016 08:51:25
โอยยยยยย ชอบมากกก คือละมุนนนนนนนน ต่อไปก็จะจุ๊บกันเป็นปกติ แอร๊ยยยยยยยยยย คนแต่งเรียน มช เหมืนกันเลยค่ะ แต่คาดว่าน่าจะเป็นรุ่นพี่เรา แหะๆ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 04-07-2016 08:52:58
คนแต่งจบแล้วค่าตอนนี้ รู้สึกแก่ แหะๆๆๆ

โอยยยยยย ชอบมากกก คือละมุนนนนนนนน ต่อไปก็จะจุ๊บกันเป็นปกติ แอร๊ยยยยยยยยยย คนแต่งเรียน มช เหมืนกันเลยค่ะ แต่คาดว่าน่าจะเป็นรุ่นพี่เรา แหะๆ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 04-07-2016 09:07:19
น่ารักอะ รู้สึกจุ๊บมีความนางในตัวสูงมากเลย
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 04-07-2016 09:32:31
ดูเหมือนธีร์จะใช้พลังหยุดเวลาเป็นกว่าเจ้าตัวเนอะ 555
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 04-07-2016 09:43:12
โอ้ยขำป้าจิ๋ม เอ้ยป้าเด้ามาก ไม่เคยผิดหวังในความฮาของป้าเด้าเลย 555555555555
ธีร์กับจุ๊บโรแมนติกมากเลยอ่ะ ชอบมากๆ
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ สู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 04-07-2016 10:29:35
ตลกป้าเด้ามาก  :laugh: :laugh: :laugh:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 04-07-2016 11:31:49
เยียนมากค่ะพูดเลย เด็กนี่มันร้ายยยยยยยยยยยย คือทำได้ธรรมชาติมาก ร้ายยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: SheGame ที่ 04-07-2016 11:33:25
อ๊ายยยยยย น่ารักๆดีใจๆ สัญญาแล้วนะคะรอๆตอนต่อไป
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 04-07-2016 11:40:49
ขี้โกงนี่หน่าา ได้เซลฟี่ด้วยยย  :hao3:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 04-07-2016 12:57:39
คิดถึงเรื่องนี้มากกกกกก ชอบบบบบบบบบ น่ารักทั้งคู่เลยยยยยย เป็นพลังที่เลิศเลอมากแต่สู้ของป้าเด้าไม่ได้ 55555555555555
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 04-07-2016 13:27:11
น่ารักอ่ะ  :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 04-07-2016 15:35:31
 :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 04-07-2016 15:38:02
เด็กนี่มันร้ายนะคะคุณ รู้ปุ๊บ ใช้ปั๊บ :hao3:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: Ball ที่ 04-07-2016 17:03:03
ชอบบบบบบบบบบบมากค่ะ อ่านแล้วเขิน555
ตอนนี้รู้ประโยชน์ของจูบแล้วต่อไปก้จูบกันบ่อยๆนะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 04-07-2016 17:24:26
อ่อยยย!! มันคือความดีงาม ><

ต้องมีภารกิจให้พิชิตคงจะมันส์
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 04-07-2016 18:47:38
หน่องธีร์มีความรุกแรง o18
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 04-07-2016 22:40:22
เขิน :hao7:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 04-07-2016 22:53:59
 :mew1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: cinnsin ที่ 04-07-2016 23:05:53
คือดีงามมมมมมมมม  :mew1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 04-07-2016 23:20:24
ธีร์แสบบบบบบ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: M.J. ที่ 04-07-2016 23:31:38
น้องธีร์น่ารักกกกก  :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 05-07-2016 01:58:32
ธีร์ เนียนเลย
จูบนี้คือไร แค่อยากถ่ายรูป หรืออย่างอื่นจ๊ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 05-07-2016 05:16:02
มันต้องโรแมนติกมากแน่ๆ  :-[
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: katekay ที่ 05-07-2016 07:51:01
คือดีอ่ะ ฉากหลังเป็นทะเลดาว ว้าวววว สวยอ่ะ ชอบๆๆๆๆ :mew3:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 05-07-2016 09:05:01
จากคู่ชีวิตกลายเป็นคู่เวรคู่กรรมเฉยเลย 555
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 05-07-2016 09:51:56
"เทียบความกลัวกับความชอบแล้ว ความชอบมันมีมากกว่า" ชอบประโยคนี้ของธีร์จังถึงแม้จะทำให้เราหน่วงช่วงที่หายไปก็เถอะ ปมเรื่องพ่อกับจุ๊บน่าจะเป็นเรื่องที่พ่อรู่ว่าคู่ชีวิตจุ๊บเป็นผู้ชายรึเปล่า เลยเกิดอาการรับไม่ได้
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 05-07-2016 16:20:32
น่าร้ากกกกกมากกกกตอนนี้ อ่านแล้วฟินมากค่ะ บอกเลย
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าเชียงชุน ที่ 05-07-2016 17:01:11
 :katai2-1: รอจูบที่ 4  :hao6:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 05-07-2016 17:40:19
น่ารักมากกกก
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 06-07-2016 15:36:56
น่ารักมากกกกกก
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 06-07-2016 21:30:18
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 06-07-2016 21:39:35
โหยยยยย...ติดใจ  อ่านแล้วติดลม
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 06-07-2016 22:48:51
เกร้ดดดด นี่มันโคตรของโคตรความฟินเลยจ้าาา
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: ssipra ที่ 06-07-2016 22:49:10
ชอบๆๆๆ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 07-07-2016 08:34:59
จูบแล้วแบบนี้ ไม่เรียกจุ๊บ 555
เอาใหญ่เลยนะธี

แต่ป้าเด้าคือไอดอลอ่ะ ชอบป้าาา
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 07-07-2016 21:06:52
นี่ลืม มม มม ม
ลืมว่าเรื่องนี้มาต่อแล้วววววว
และสารภาพว่าแอบลืมเรื่องไป5555555

ตอนนี้น้องธีร์รุกไวมากกก.
จริงๆนางน่ารักกกก.
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 07-07-2016 22:53:30
ยังไงป้าเด้าก็ไอดอลค่ะ ฮ่าๆ ดิฉันชอบนางมากๆ เพราะนางเป็นผู้มอบนิยามแก่ตัวเองว่าเป็นคนที่มี "จิ๋มทรงพลัง" ว้าย ชอบค่ะ

น้องธีร์กับน้องจุ๊บตอนนี้โรแมนติกมากนะคะ แม้อะไรหลายอย่างจะยังไม่เคลียร์และความสัมพันธ์ยังเพิ่งเริ่มต้นแต่ก็หวานกันแล้ว ที่สำคัญ...พวกเอ็งเริ่มใช้พลังกันแล้วเรอะ!

...สำคัญที่สุด มีประเด็นของคุณพ่อเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย อยากรู้ว่าเหตุใดความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับจุ๊บทำไมจึงกลายเป็นห่างเหิน ซ้ำคุณพ่อยังป่วยเป็นมะเร็งอย่างนี้อีก นี่คือดราม่าใช่ไหมคะ?

ขอบคุณตัวแม่มากๆ เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 07-07-2016 23:05:21
เขินด้วยฟินด้วย มีหมอนจิกหมอนมีหมาจิกหมากันล่ะงานนี้ :o8:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 08-07-2016 04:38:17
ธีร์แม่งงงง อ่านแล้วเขินแทนจุ๊บ :-[
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: flimflam ที่ 08-07-2016 11:49:37
งืออออ เขินแทน
ธีร์ปรับตัวกับพลังไวไปมั้ย 5555555555
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: J029 ที่ 08-07-2016 13:22:41
ฉันชอบป้าเด้ามาก
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 08-07-2016 20:17:15
ฮั่นแหนะ! เจ้าจุ๊บมาคู่เวรคู่กรรมอะไรแถวนี้ :-[
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: KanomPhing ที่ 08-07-2016 21:24:37
เรามารอธีร์ทุกวันเลยนะะะ   วันศุกร์แล้วค่าาา
ยังรอต่อไป  เมื่อไหร่จะมาน้อออออ

คิดทึ้งงงงคิดถึงง
 :-[
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 09-07-2016 09:08:23
 :o8:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 09-07-2016 19:51:31
ตอนหน้าน่าจะยิ่งมันส์ รออ่านตอนต่อไปค่ะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 12-07-2016 03:08:42
โง้ยยยยยยย เขิลเว้ยยยยยยย ยิ้มแก้มแทบแตก ธีร์ขยันหยอดจริง  :katai2-1:

อยากอ่านต่อแล้วว มาต่อเร็วๆ น้าาาาา
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 20-07-2016 03:50:20

(http://www.uppic.org/image-730A_57571DD5.jpg)

จูบที่เจ็ด


    
   มันเหมือนภาพฝัน

   ดาราตัวขาวเจ้าของโทรศัพท์ฉีกยิ้มจนเห็นฟันครบสามสิบสองซี่ ในขณะที่คนธรรมดาผมม้วนหยิกทางขวาทำหน้ากระอักกระอ่วนใส่กล้อง แก้มสองข้างระเรื่อเป็นสีชมพูอ่อน ส่วนศิลปินสองคนตรงกลางทำปากจู๋เพราะถูกหยุดไว้ในท่อน ‘หยุด’ พอดี

   ผมนั่งเลื่อนรูปที่ธีร์ส่งมาให้ดูไปเรื่อยๆ อยู่ในห้องโถง กลางดึกอันเงียบสงบที่ทุกคนในบ้านหลับกันหมดแล้ว แต่ผมยังมานั่งอยู่ตรงหน้าจอทีวี ตายังยิ้มให้หน้าจอโทรศัพท์

   ยิ้มให้รูปที่มีเพียงเราเท่านั้นที่รู้ว่ามันถูกถ่าย

   เสียงเปิดประตูบ้านทำให้ผมต้องละสายตา เห็นหญิงร่างท้วมคนคุ้นเคยเดินเข้ามาในชุดเดิมกับครั้งสุดท้ายที่เราเจอกัน

   “ยังไม่นอนอีก?”

   “ฮึ...ทำไมแม่กลับดึกอะ” ผมถามย้อน ดูเวลาก็พบว่ามันเกือบเที่ยงคืนแล้ว

   “จะกลับมาตั้งแต่สี่ทุ่มแล้ว ดั๊นลืมของไว้ที่โรงพยาบาล ต้องเทียวรถกลับไปอีกรอบ” แม่โอดแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างผม ผมยู่ปากอย่างเห็นใจแล้ววางมือถือลงข้างตัว ชันเข่าลุกขึ้นนั่ง

   “นวดไหมแม่” ผมจับไหล่อย่างที่เคยทำให้เธอบ่อยๆ แต่แม่โอบโบกมือเชิงปฏิเสธ ผมทิ้งตูดลงกับโซฟาเหมือนเดิม

   “แล้วทำอะไรไม่หลับไม่นอนเนี่ย”

   “ก็...ดูทีวี” โบ้ยไปที่จอโทรทัศน์ที่ตอนนี้กำลังมีฝรั่งมาสาธิตลู่วิ่งเพื่อสุขภาพอยู่

   “รายการขายของทางโทรศัพท์เนี่ยนะ” แม่แหว “ขี้จุ๊”

   ผมครวญออกมาเมื่อแม่จับได้ กับคนในครอบครัวนี่ผมไม่เคยโกหกได้เนียนเลยจริงๆ แม่เหล่ตามองผมอย่างจับผิด แล้วจู่ๆ ก็ยิ้มออกมา

   “ที่หายไปตอนเย็นนี่ไปมอมาใช่ไหม”

   “ก็ใช่...แม่ถามทำไม” ผมเริ่มลุกลี้ลุกลนเมื่อเห็นสายตาแบบนั้น

   “ไปเจอเขามาใช่ไหม”

   “ขะ...เขาไหน ไม่ได้เจ๊อ” เสียงสูงแบบไม่ผิดปกติสักนิดเลยกู ถุย

   แม่คลี่ยิ้มออกมาแล้วยื่นหน้ามากระซิบอย่างเจ้าเล่ห์ต่อ “ตกลงถามเขาหรือยัง”

   “เหอ?”

   “อย่ามาทำไก๋ไอ้นี่ ถามเขาหรือยังว่าเขาชอบเราหรือเปล่าไง” คำถามของแม่ทำให้ผมนึกถึงประโยคที่ธีร์พูด ก่อนที่เขาจะฉวยโอกาสจูบเพื่อไปเซลฟี่กับพี่บอลพี่เมื่อยบนเวที

   
   ‘ไม่กลัวเรา...อะไรแบบนั้นเหรอ’

   ‘ก็กลัวนะ’

   ‘…’

   ‘แต่เทียบความกลัวกับความชอบแล้ว ความชอบมันมีมากกว่า’



   แต่เทียบความกลัวกับความชอบแล้ว ความชอบมันมีมากกว่า

   แบบนี้...จะนับว่าชอบได้หรือเปล่านะ

    “ว่าไง” แม่เร่ง ผมไม่ตอบอะไรแต่ยิ้มยิงฟันให้แม่ จุ๊บแก้มแม่หนึ่งทีก่อนจะลุกเดินตัวปลิวเข้าห้องตัวเอง หัวเราะร่วนกับคำก่นของแม่ที่ดังตามมา

   “แบบนี้หมายความเขาชอบเธอใช่ไหม จุ๊บ! จะใช้มุขหนีเข้านอนอีกกี่รอบวะ แม่เบื่อแล้วนะโว้ยยย”



   วันเปิดเทอม

   ผมยืนสำรวจตัวเองอยู่หน้ากระจกในห้องโถงแต่เช้าตรู่ วันนี้ผมมีเรียนคาบแรกที่คณะตอนเก้าโมงเช้า เสื้อผ้าที่เลือกใส่ในโอกาสเปิดภาคเรียนใหม่คือเสื้อเชิ้ตสีขาวบางแขนยาวกับกางเกงยีนซีดขาดตามสไตล์นักศึกษาปีสอง ผมใช้เจลจัดระเบียบเส้นผมหยอยของตัวเองให้เข้าที่ จ้องมองขนคิ้วรกหนาของคนในกระจกแล้วก็ต้องขมวดมันแน่นด้วยความไม่ค่อยชอบใจ ใช้มือปัดๆ แล้วไล่สายตามองตากลมโต แก้มเกลี้ยงเกลา สันจมูกสูง จนกระทั่งมาถึงริมฝีปาก

    ริมฝีปากสีชมพูอ่อนที่เพิ่งโดนประทับรอยจูบเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน

    รสสัมผัสนั้นยังตราตรึง ความอ่อนโยนในขณะเดียวกันก็หวาบหวาม ความรู้สึกที่เกิดขึ้นบนปากแต่ส่งผลโดยตรงต่อหัวใจ
    ผมจ้องตาตัวเองสลับกับริมฝีปากเนียน นอกจากจะจำได้ว่าธีร์ฉวยโอกาสยังไง ผมยังจำได้ว่าตัวเองโต้ตอบเขา และจำได้ว่าเมื่อเทียบกับจังหวะของเขานั้น...ทักษะการจุมพิตของผมช่างอ่อนหัดเหลือเกิน

    จู่ๆ ก็รู้สึกว่าอะไรแบบนี้มันควรฝึก เผื่อในกรณีที่ถ้า...แค่ถ้านะ...ถ้าผมมีโอกาสได้ทำมันอีก

    ผมค่อยๆ โน้มหน้าเข้าหากระจก คิดว่าฝึกจูบกับใครก็คงไม่ดีเท่าฝึกกับตัวเอง ครั้งแรกลองแลบลิ้นออกไปก่อน แต่พอแตะกับแผ่นกระจกหนาก็ได้รสขมปร่า เชี่ย รสชาติของเศษผงเศษครีมหน้าตู้กระจกแน่ๆ

   ถุยน้ำลายไล่ความฝาดที่ปลายลิ้นไปสองถุย โอเคเริ่มใหม่

    เอ...คนจะจูบกันนี่มันต้องเอียงหน้าด้วยใช่ป่ะวะ

    ผมค่อยๆ เอียงใบหน้าไปทางขวา พอได้องศาก็พุ่งหน้าเข้าหากระจกอย่างรวดเร็ว

    “โอ๊ย” แต่กลับกลายว่าจมูกดันชนกระจกก่อนปากเสียอีก ผมจับจมูกตัวเองที่อาการชาหนึบเข้าครอบงำ ได้บทเรียนแล้วว่าจะจูบใครต้องไม่พุ่งเข้าหาแบบรุนแรง

    ผมผ่อนลมหายใจออกมาดังฟู่ววววววแล้วบอกตัวเองว่ารอบนี้จะทำให้ดีกว่าเดิม

    สบตากับตัวเองในกระจกแล้วหลับตาตั้งสมาธิ ชั่วขณะนั้นในหัวก็นึกถึงหน้าของเขาขึ้นมาเสียเฉยๆ เค้าโครงหน้าของธีร์ในจินตนาการที่ชัดเจนยิ้มมุมปากบางๆ และโน้มหน้าเข้ามา ผมยิ้มรับแล้วโน้มหน้าตอบอย่างเชื่องช้า ไม่นานริมฝีปากของเราก็แตะกัน ผมลองเอี้ยวคอและเผยอปากรับกับจินตนาการหวานไปเรื่อยๆ…อืมมมมม

   “จุ๊บ ทำอะไรวะ” เสียงเล็กที่กลั้นขำดังขึ้นไม่ไกล วินาทีนั้นความหวานกลายเป็นความเย็นชืดของกระจกทันที ผมดึงตัวออกอย่างรวดเร็ว ตาโตเห็นป้าเด้ายืนเท้าสะเอวอยู่ตรงโซฟาในชุดสไบสีเขียวกับโจงกระเบนสีน้ำตาล ปล่อยผมที่ผ่านการถูกยืดให้ตรงออกสยายถึงกลางหลัง ไม่รู้ว่ายืนอยู่ตรงนี้มานานเท่าไร

   “มะ...มะ...ไม่ได้ทำไรเลย”

   “มะ...มะ...ไม่ได้ทำไรเลย ไม่ได้ทำไรเล้ยยย ฉันเห็นแกยืนพิศวาสกับกระจกอยู่นานสองนาน ตอนแรกนึกว่าจะแสดงอิทธิฤทธิ์พุ่งเข้ากระจกได้แบบเรื่องทวิภพ อุตส่าห์รอดู”

   “ไม่ใช่ครับ ตะกี้อะไรไม่รู้เข้าตา”

   “อะไรเข้าตามันจำเป็นต้องดูดกระจกด้วยเหรอ”

   “ป้า...แต่งตัวสวยจัง จะไปไหนเหรอครับ” ผมเปลี่ยนประเด็นด้วยคำถาม ตาก็ทำเป็นสำรวจเครื่องแต่งกายของป้าเด้าไปด้วย ทันใดนั้นแกก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้

   “รัตนโกสินทร์ ฉันล่ะเบื่อการเขียนถึงเรื่องบ้านเก่าเมืองเก่า ต้องให้ตามไปเก็บข้อมูลประวัติศาสตร์อยู่เรื่อย” ป้าเด้าบ่นพลางหันซ้ายหันขวาเหมือนมองหาอะไรสักอย่าง เพื่อความแนบเนียนผมจึงถามต่อ

   “อะไรหายอีกเหรอครับ”

   “ผัว!” ป้าวีนเสียงดัง “ผัวฉันเนี่ยแหละหาย เห็นมันไหมไอ้ฝรั่งตัวสูงๆ หัวเถิกๆ น่ะ เป็นแบบนี้ตลอด ตะกี้แต่งตัวด้วยกันอยู่ดีๆ บอกว่าออกมากินข้าว ตอนนี้ไปมุดหัวอยู่ที่ไหนไม่รู้”

   ผมยิ้มแหย “ตั้งแต่เช้ายังไม่เห็นลุงเลย”

   “เออๆ เดี๋ยวไปหามันต่อก่อน” ผู้หญิงในสไบสีเขียวสดบอก เธอบ่นมุบมิบแล้วเดินไปเปิดประตูหน้าบ้าน ผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าป้าไม่ติดใจอะไรกับเรื่องกระจกแล้ว

   “เอ้อแล้วอย่าดูดกระจกอีกนะ หิวข้าวก็ไปในครัวนู่น” ป้าบอกเสียงดังก่อนจะตามมาด้วยเสียงปิดประตูปัง ทำเอาเข่าแทบอ่อน

   “ไม่ได้ดูด...ไม่ได้ดูดเว้ยยย”

   ผมกระซิบเถียงทั้งๆ ที่รู้ว่ามันไม่ใช่ความจริงเลย...ไม่เลยสักนิด




   การเรียนวันแรกของเทอมก็ตามธรรมเนียมของ ‘วันแรก’ คืออาจารย์ยังจะไม่เริ่มสอนอย่างจริงจัง เพียงแค่แจกเอกสารประกอบการเรียน พูดถึงภาพรวมคร่าวๆ ของวิชาไม่กี่นาทีก็เลิกคาบ ผมเลยได้เวลาว่างระหว่างวันมาเหลือเฟือ แต่กระนั้นจะพูดว่าชีวิตวันนี้โคตรชิลล์ก็พูดได้ไม่เต็มปากนัก ผมใช้เวลาว่างตรงนั้นมานั่งจุ๊มปุ๊กอยู่ห้องสโมสรนักศึกษาเพื่อทำป้ายชื่อใหม่ของเด็กปีหนึ่งที่ตัวเอง(ดัน)ตกปากรับคำรับผิดชอบ

   ป้ายพวกนี้จะใช้ในวันเปิดสายรหัสพรุ่งนี้แล้ว แต่งานยังไม่มีทีท่าว่าจะเสร็จเลย

   “ทำไมมันยากเย็นจังวะ” ไอ้พี เพื่อนฝ่ายสันฯ ที่เข้ามาช่วยบ่นอุบอิบขณะพยายามสอดด้ายเข้าเข็มด้วยท่าทางทุลักทุเล ตอนนี้เวลาห้าทุ่มกว่า ในห้องสโมฯ มีเพียงแค่ผม มัน และโฟกัสที่มือยังเย็บอยู่ แต่หัวพิงกำแพงแล้วส่งเสียงกรนออกมาคร่อกใหญ่แล้ว

   “ทำไมมึงไม่จ้างร้านทำตั้งแต่แรกเนี่ยไอ้จุ๊บ ลำบากชิบหายเลย” พีบ่นไม่หยุด

   “ก็พี่รุ่นก่อนๆ เขาก็เย็บมือมาอย่างนี้นี่หว่า” ผมแก้ตัวเสียงเบา แต่ในใจก็แอบเห็นด้วยว่าถ้าให้ร้านทำงานคงเสร็จเร็วกว่านี้ “เอาน่ะ อย่างน้อยน้องก็รู้ว่าเรา....”

   “น้องก็รู้ว่าเราให้ทุ่มเท ประโยคนี้กูฟังมาเป็นล้านรอบละ ถามจริงมันรู้จริงเหรอ น้องปีหนึ่งไม่ได้มานั่งดูมึงตอนเย็บซะหน่อย ป้ายเนี่ยได้ไปจะใส่ไม่ใส่ก็ยังไม่รู้เลย เผลอๆ เอาไปเป็นผ้าเช็ดตีน”

   “มึงก็มองโลกแง่ร้ายไป๊”

   “มึงก็โลกสวยไป๊” แหวจบพีก็ใช้ฟันตัวเองกัดด้ายที่เพิ่งเย็บเสร็จ บ่นหาเรื่องตั้งแต่ตัวผมไปจนถึงบรรพบุรุษผู้คิดค้นป้ายผ้าของคณะ เห็นคนร่างล่ำเหมือนนักกีฬามวยปล้ำมานั่งเย็บผ้าประดิดประดอยก็อดสงสารไม่ได้

   “มึง วันนี้พอก่อนก็ได้นะ มันดึกมากละ” ผมบอกพี

   “เหลืออีกเยอะเลยไม่ใช่เหรอวะ?”

   “เยอะอะไร อีกสิบกว่าอันเอง” ผมโกหก จำนวนน้องทั้งหมดมีเก้าสิบเอ็ดคน แต่จากที่นับอันที่ทำไปแล้วมีแค่หกสิบสามอันเอง “มึงกลับไปก่อนเหอะ เดี๋ยวกูว่าจะอยู่เย็บต่ออีกสักอันสองอันจะกลับแล้วเหมือนกัน”

   “เอางั้นเหรอ”

   “เออ ฝากลากไอ้กัสกลับไปด้วยนะ หลับได้หลายตื่นละนั่น” ผมพยักเพยิดไปทางเพื่อนร่างท้วมในผมติ่งหูที่น้ำลายยืดลงมาเป็นสาย พีลุกเข้าไปปลุกโฟกัสที่ตื่นแล้วยังดูไม่ค่อยมีสติดี จะขับรถกลับไหวป่ะวะ

   “แน่ใจนะว่าไม่ให้พวกกูอยู่ต่อ” พีหันมาถามผม ผมโคลงหัวเป็นสัญญาณว่าแค่นี้มันจิ๊บจ๊อย พอสองคนออกจากห้องไปผมก็ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ยกโทรศัพท์ขึ้นมาโทรบอกแม่ว่าวันนี้อาจจะกลับบ้านเกือบเช้า วันนี้ต้องทำให้เสร็จ...หรือไม่ก็เกือบเสร็จ

   วางสายจากแม่ก็สังเกตเห็นข้อความจาก ‘เขา’ ที่ส่งมาอวยพรความฝันเมื่อสิบห้านาทีที่แล้ว

         
   Thee Dumrongdech
   นอนยัง
   เงียบเลย
   นอนละใช่ป่ะ
   ฝันดี


   Jub Joompit
   ฝันดี
               
   ผมพิมพ์ตอบกลับไป ไม่กี่วินาทีก็ขึ้นว่าอ่านแล้ว
               
   Thee Dumrongdech
   ยังไม่นอนอีกเหรอ
               
   Jub Joompit
   ยัง
   ธีร์อะ
   ยังไม่นอนอีก

               
   Thee Dumrongdech
   เพิ่งถ่ายละครเสร็จ
   โคตรเหนื่อย

               
   Jub Joompit
   อ้อ
   สู้
   กลับบ้านอาบน้ำนอนเหอะ


   Thee Dumrongdech
   อยู่ระหว่างทางอยู่เลย

   Jub Joompit
   อ่อ
   ขับรถปะเนี่ย   
   อย่าพิมพ์ตอนขับรถดิ


   Thee Dumrongdech
   รถติดอยู่เลยพิมพ์ได้
   เป็นห่วงหราาาาาา


   Jub Joompit
   ไม่
   ห่วงคนอื่นที่ธีร์จะขับไปชนเขาต่างหาก


   Thee Dumrongdech
   น้อยใจว่ะ
               
   ผมส่งอีโมติค่อนแลบลิ้นไปให้ธีร์

   Thee Dumrongdech
   แล้วยังไม่หลับนี่ทำไร
               
   Jub Joompit ได้ส่งรูปภาพ
               
   Thee Dumrongdech
   อยู่คณะ?
   เฮ้ย
   ไม่กลับอีกอะ

               
   Jub Joompit
   ทำงาน
               
   Thee Dumrongdech
   งานไรดึกขนาดนี้
               
   Jub Joompit
   งานให้น้องปีหนึ่งนั่นแหละ
               
   Thee Dumrongdech
   เดี๋ยวไปหา
               
   Jub Joompit
   เฮ้ย ไม่ต้อง
   จริงๆ นะ
   เดี๋ยวกลับแล้ว
   ธีร์
   ตอบดิ
   มาจริง?



   เสียงประตูเลื่อนเปิดในสิบห้านาทีหลังจากนั้นทำให้ผมรู้ว่าเขาไม่ได้พูดเล่น

   ผมปรือตามองคู่ชีวิต...หรือที่เขาเข้าใจก็คือคู่เวรคู่กรรม...เดินเข้ามาในเครื่องแบบนักศึกษาปีหนึ่งที่หลุดลุ่ย เสื้อสีขาวพอดีตัวถูกปล่อยชายออกนอกกางเกงสแล็คสีดำ เน็คไทสีแดงเลือดหมูติดเข็มมหา’ลัยพันไว้รอบคออย่างลวกๆ รองเท้าหนังสีดำปลาบส่งเสียงดังในทุกก้าวที่เข้าใกล้ ผมรองทรงของเขาถูกเซตอย่างเป็นธรรมชาติ หากใบหน้าขาวซีดกลับดูอิดโรย ริมฝีปากที่มักจะเป็นสีชมพูเข้มก็มีสีจางลง

   ธีร์ดูเหนื่อยและไม่ห่วงภาพพจน์เนี้ยบอย่างที่เคย แต่ก็ยังดูเท่ได้อย่างน่าประหลาด

   คนเชี่ยอะไรแต่งตัวผิดระเบียบยังเท่เลย

   “หวัดดีคู่กรรม” ธีร์ทัก “รู้ว่าหล่อ แต่จ้องขนาดนั้นมันเขินนะ”

   เขาแซวยิ้มๆ ผมเบ้ปากแล้วก้มหน้าลงเย็บป้ายผ้าต่ออย่าง(พยายาม)ไม่สนใจ

   “ไรเนี่ย” ธีร์ทรุดตัวลงนั่งข้าง แล้วหยิบป้ายผ้าสีครีมขลิปส้มขึ้นมา มันมีลักษณะเหมือนผ้าพันคอลูกเสือประถม เพียงแต่เวลาใส่ให้เอาส่วนสามเหลี่ยมมาไว้ด้านหน้า ซึ่งพื้นที่สามเหลี่ยมนั้นจะมีชื่อน้องปีหนึ่งแต่ละคนถูกเขียนอยู่

         “ป้ายใหม่” ผมตอบ ทั้งที่จริงๆ แล้วป้ายพวกนี้ปีหนึ่งอย่างเขาไม่สมควรจะมาเห็นมันก่อนวันเปิดสายรหัสด้วยซ้ำ แต่เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ สิ่งที่ผมควรจะคิดตอนนี้คือจะทำป้ายพวกนี้ให้เสร็จภายในหนึ่งคืนได้ยังไง 

   “อีกแล้วเหรอ”

   “อีกแล้วไร แล้วทำไมไม่ใส่ป้ายเนี่ย แบบนี้เพื่อนจะรู้จักเราได้ไง” ผมขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่ารอบคอเขาไม่ได้ถูกคล้องด้วยป้ายกระดาษที่แจกไปตั้งแต่ตอนค่าย

   “ไร้สาระ คนอยากรู้จักกันจริงๆ ก็ทำความรู้จักกันเองได้ ไม่จำเป็นต้องใช้ป้ายซะหน่อย” เขาบอกหน้าตายแบบไม่รักษาน้ำใจรุ่นพี่แบบผมสักนิด “แล้วเราคิดว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักเราแล้วมั้ง”

   ผมย่นปากอย่างหมั่นไส้แต่ก็ต้องยอมรับว่าที่เขาพูดคือความจริง ไม่อยากจะเถียงกับเด็กขี้เอาแต่ใจอย่างเขาต่อเลยได้แต่ก้มหน้าก้มตาเย็บต่อไป

   “จะทำให้เสร็จคืนนี้เลยเหรอ”

   “อึ๊...เอ้อว” ผมจะพูดว่าอื้อแต่อาการหาวเข้าแทรกเสียก่อน
             
   “แล้วนี่ไม่มีเพื่อนมาช่วยทำเลย?”

   “มีดิ แต่กลับไปหมดแล้ว”

   “พี่จุ๊บควายก็ควรกลับไปนอนได้แล้ว ตาจะปิดละเนี่ยรู้ตัวปะ”

   “ขอทำให้เสร็จก่อน เหลือไม่กี่อันเอง”

   “กี่อัน”

   “ประมาณ...เท่าไหร่วะ...สามสิบกว่ามั้ง”

   “สามสิบกว่า!”

   “จะเสียงดังทำไมเนี่ย ตกใจนะโว้ย” ผมแว้ดใส่เขาบ้างเพราะตกใจเสียงเขาจนเข็มเกือบตำ ธีร์ขมวดคิ้วมองผมด้วยแววตาเป็นห่วง

   “คืนนี้จะเสร็จให้ได้เลยใช่ไหม”

   “ถามไรเยอะแยะเนี่ย” ผมแหวตัดรำคาญ พอจะก้มลงเย็บทีเด็กนี่ก็กวนสมาธิอยู่เรื่อย

   “เปล่า” พ่อดาราพูดเนือยๆ “มีเข็มกับด้ายมากกว่านี้ปะ เดี๋ยวช่วย”

   ผมเหล่ตามองเขานิดหนึ่ง “เย็บผ้าเป็นด้วยเหรอ”

   “ไม่เป็น” อ้าว “แต่คงไม่ยากหรอกมั้ง อยากช่วยไง ยังไงสองคนทำก็น่าจะเร็วกว่าคนเดียวอยู่แล้ว”

   ผมยิ้มบางให้กับความมีน้ำใจของเขาแต่ไม่ได้สบตา มือก็สอยด้ายกับป้ายผ้าไปเรื่อยๆ “ไม่ต้องหรอก ถ่ายละครมาเหนื่อยไม่ใช่เหรอ กลับบ้านไปนอนเหอะ เดี๋ยวตรงนี้ทำเอง”

   “บอกว่าจะช่วยไง” ทันใดนั้นธีร์ก็ยื่นมือมาจับมือผมให้หยุด ผมเงยหน้าไปสบตากับแววตาที่แน่วแน่ของเขาแล้วก็ต้องผ่อนลมหายใจออกมาในที่สุด

   “ทำไม่ได้แล้วอย่ามาบ่นนะ”

   ผมพูดด้วยความใจอ่อน แล้วเอื้อมมือไปหยิบอุปกรณ์ตัดเย็บของพีที่ทำค้างไว้ส่งให้เขา จากนั้นเราก็ใช้เวลาราวสิบนาทีในการเรียนรู้วิธีการเย็บป้ายผ้า ธีร์เป็นคนเรียนรู้เร็วอย่างไม่น่าเชื่อ แม้เขาจะลงมือทำด้วยท่าทางเงอะงะที่ผมเห็นแล้วขำ แต่ผลงานก็ออกมาไม่เลวเลยทีเดียวสำหรับคนที่เคยเย็บผ้าเป็นครั้งแรก

   เราทำงานไปคุยกันไปเรื่อยๆ จนเวลาล่วงเลยไปจนเกือบตีหนึ่ง ในวินาทีนั้นที่ผมรู้สึกว่าเปลือกตากว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ของตัวเองช่างหนักอึ้งเสียเหลือเกิน

   ทันทีที่รู้สึกวูบ ผมก็เด้งตัวขึ้นมาให้ตั้งตรงเหมือนเดิม ยกมือขึ้นมาตบหน้าเบาๆ เพื่อเรียกสติ แล้วลงมือเย็บด้วยความรวดเร็ว...จากนั้นก็เชื่องช้า...วูบอีกรอบ แล้วก็วนลูปแบบนี้ไปเรื่อยๆ

   “พอก่อนเหอะพี่จุ๊บ” เสียงธีร์ที่ผมได้ยินมันเหมือนดังไกลออกไป แล้วสัมผัสของเขาที่เข้ามาเขย่าข้อมือผมเพื่อเรียกสติก็ดึงให้ผมกลับมา อุปกรณ์ในมือร่วงผลอยลงไปบนตัก

   “หา...หา?” พูดงึมงำเหมือนคนเอ๋อแดกและยกมือขึ้นขยี้ตาอีกรอบ โคตรง่วงนอนเลยโว้ยยยยยยยยย

   “กลับไปนอนเถอะ” เขากำชับ มองผ่านตาปรือของตัวเองก็เห็นแววตาเขม็งนิ่ง

   “ไม่...บอกว่าคืนนี้ต้องเสร็จก็ต้องเสร็จดิ”

   “ทำไมดื้อวะ”

   “ไม่ดื้อ แต่รับปากเขามาแล้วไง” ผมแก้ตัวเสียงอ่อน จริงๆ ก็หน่ายตัวเองที่เป็นคนประเภท ‘เอ็นดูเขา เอ็นเราขาด’ เหมือนกัน แต่มัน...แก้ไม่ได้จริงๆ

   ธีร์ถอนหายใจอย่างฉุนเฉียวแล้วมองซ้ายมองขวาราวกับหาอะไรบางอย่าง

   “ในห้องนี้มีกล้องวงจรปิดปะ” เด็กหลอดไฟถามขึ้น

   “ถามทำไม”

   “มีปะ”

   “ห้องสโมฯ ไม่มีหรอก จะมีก็ตรงประตูหน้าห้องนู่น” ผมตอบแม้จะไม่รู้จุดประสงค์ที่เขาถามก็ตาม

   “ดี” เด็กธีร์โคลงหัวรับคำแล้วหันมาจ้องผมหน้าผมเขม็ง แล้วจู่ๆ ก็ยกมือขึ้นมาประคองแก้ม วินาทีนั้นหนังตาที่หนักอึ้งก็เบิกโตขึ้นได้อย่างอัศจรรย์

   “ทำ...ทำอะรุ้บ...”

   พูดไม่ทันจบ ริมฝีปากของเขาก็ประทับลงมาปลุกผมจากความง่วง ครั้งนี้มันไม่ได้ดูดดื่มหรือมีรสชาติของความพิศวาส มันเป็นเพียงแค่จุ๊บไวๆ แบบขอไปทีเหมือนเวลาเราเห็นเด็กน้อยเล่นจูบปากกัน เร็วขนาดที่คนที่ฝึกฝนการจูบหน้ากระจกแบบผมยังจูบตอบไม่ทัน

   แต่แค่นั้นมันก็ทำให้เวลาของเราหยุดได้อย่างเคย

   ผมอ้าปากพะงาบๆ หลังจากเขาถอนจูบออก ธีร์เอื้อมมือเก็บเศษผ้ากับอุปกรณ์บนตักผมโยนไว้ข้างตัว และชั่วขณะนั้นที่ไม่ทันได้ตั้งตัว คนผิวขาวจัดก็จับไหล่ผมและดันมันลงเบาๆ ให้ศีรษะของผมหนุนลงบนตักของเขา

   “นอน” เขาออกคำสั่งขณะกดผมให้นิ่งอยู่กับที่ ปกติแล้วผมควรจะปฏิเสธการกระทำนี้ด้วยการทำอะไรสักอย่าง แต่ด้วยน้ำเสียงแบบนั้น...และสายตาแบบนั้น...ความรู้สึกบางอย่างที่ส่งมามันทำให้ผมไม่กล้าขัด

   “นอนให้พอ หายง่วงแล้วค่อยลุกมาทำต่อ เวลาเหลือเฟือ”

   ธีร์ถอนมือออกเมื่อเห็นว่าผมไม่ได้อิดออด และคว้าอุปกรณ์เย็บผ้าขึ้นมาทำต่ออย่างขะมักเขม้น ผมมองใบหน้าเขาจากมุมช้อน ไล่สายตาจากดั้งจมูกโด่งสูงสู่ตาเล็กที่เพ่งด้วยความตั้งใจ

   ผมกระซิบขอบคุณออกมาเสียงเบา ธีร์ก้มลงสบตาผ่านช่องว่างของผืนผ้าแผ่นบางที่คั่นกลางระหว่างเราอยู่

   “เลิกจ้องแล้วหลับซะ เดี๋ยวปั๊ดจับจูบอีกรอบเลยนี่”

   คำขู่ทำให้ผมหลับตาปี๋ทันที ทว่าผ่านไปไม่กี่วินาทีก็ต้องหรี่ตามองต่อ ลอดขนตาหนาก็เห็นรอยยิ้มกว้างของเขาคลี่ออกมาบนริมฝีปากที่ก่อนหน้านี้ยังดุผมอยู่หยกๆ

   ไม่ว่าจะคำดุหรือรอยยิ้ม ผมก็สัมผัสได้ถึงความห่วงใยที่เจืออยู่ในทุกการกระทำของเขา

   “ธีร์ ถามอะไรอย่างดิ” ผมยอมปิดตาลงแล้วถามเขาด้วยเสียงงัวเงีย อยากพูดถึงสิ่งที่ตะขิดตะขวงใจก่อนที่ความง่วงจะดึงผมให้เข้าใกล้ห้วงนิทรามากกว่านี้

   “อยากโดนจูบอีกรอบจริงๆ ใช่ไหม”

   “ไม่...” ผมรีบบอก “แค่อยากรู้...ว่าถ้าได้ป้ายใหม่ไป ธีร์จะไม่ใส่เหมือนตอนนี้หรือเปล่า”

   “จะจูบแล้วนะ”

   “ตอบคำถามดิ”

   “...”

   “...”

   “ใส่สิ พี่จุ๊บควายอุตส่าห์ตั้งใจทำให้”

   ผมยิ้มให้คำตอบนั้นขณะหลับตาพริ้ม

   “ที่จริงจะใส่เพราะได้มาช่วยเย็บมากกว่า โคตรลำบากเลยเนี่ย” ผมหัวเราะกับคำบ่น ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงแรงสางเบาๆ บนหัว ธีร์ปัดผมที่ปรกหน้าผมออกอย่างแผ่วเบา แล้วเป่าลมเย็นมาปะทะหน้าผากเหมือนผู้ใหญ่กล่อมเด็กเข้านอนยังไงยังงั้น

   “หลับเหอะ”

   ไอ้เด็กบ้า ทำแบบนี้ใครมันจะไปหลับลงวะ



(ต่อด้านล่าง)


อยากกรี๊ดอยากพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องไปเม้ามอยกันที่ #จุ๊บที ในทวิตเตอร์นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 20-07-2016 03:51:52

(http://www.uppic.org/image-730A_57571DD5.jpg)



   “พี่จะรับขวัญเจ้า เข้ามาเป็นขวัญจิต จะรักดังชีวิต ใจคิดกรุณา”

   เสียงเพลงประกอบพิธีบายศรีน้องใหม่ถูกขับขานโดยรุ่นพี่ปีสองก้องไปทั้งลานกิจกรรม ในความมืดที่มีเพียงแสงเทียนเรืองรองส่องสว่าง เหล่านิเทศชนรุ่นล่าสุดเกือบร้อยคนถูกบังคับให้หลับตาแล้วจัดแถวเป็นวงกลมแบบก้นหอย ขณะที่คนเป็นพี่แทรกตัวเองเข้าไปตรงหน้าน้องผู้เป็นสมาชิกใหม่ของสายรหัส ในมือของรุ่นพี่แต่ละคนพะรุงพะรังไปด้วยของขวัญที่เตรียมมาให้ในวันเปิดสายนี้โดยเฉพาะ

    ผมเบียดตัวเข้าไปในก้นหอยวงในสุดแล้วมองหาน้องรหัสของตัวเอง ในมือซ้ายถือเทียนติดไฟไว้หนึ่งเล่ม มือขวากำด้ายสายสิญจน์ ป้ายผ้าผืนใหม่ และขนมพร้อมชีทเรียนอีกถุงโต ก่อนหน้านี้ก็เคยสืบ(และส่อง)น้องคนนี้มาบ้าง เขาเป็นผู้ชายตัวเล็กผอมที่หน้าหวานอย่างกับผู้หญิง แอบถามจากน้องปีหนึ่งก็รู้ว่านิสัยมันเฮฮาโผงผางต่างจากพี่มันลับลิบ (หรา)

    ชื่อจริงเขาชื่อธีร์...แต่ไม่ใช่ธีร์ ดำรงเดชนะครับ...ธีร์ กาญจนบุรีรัมย์

    เห็นนามสกุลแล้วอยากถามมึงจังว่ามาจากจังหวัดไหนกันแน่

    ในที่สุดผมก็มายืนอยู่ตรงหน้าธีร์คนที่สองของชีวิต น้องขยับตัวเล็กน้อยเหมือนรู้ว่าพี่มาอยู่ตรงหน้าแล้ว ผมขมวดคิ้วมองป้ายกระดาษที่เขียนว่า ‘รอง’ ด้วยความฉงน ชื่อจริงว่าธีร์และชื่อเล่นว่ารอง แปลกแฮะ

    ผมจัดวางของที่จะให้ไว้ช่องว่างตรงกลาง จับป้ายผ้าที่เขียนรหัสนักศึกษาและชื่อเล่นของน้องมาพับเป็นกลีบให้มัดง่ายแล้วเสมองธีร์อีกคนที่อยู่ถัดไป

   ลบเลขออกแค่หนึ่งก็จะได้เป็นสายรหัสกันอยู่แล้ว แต่เอาเถอะ แค่นี้ชีวิตเราก็เกี่ยวพันกันมาก...บางทีอาจจะมากเกินไป

   วันนี้เขาแต่งตัวถูกระเบียบนักศึกษาปีหนึ่งตั้งแต่หัวจรดเท้า ดูหล่อกว่าทุกวันแต่ก็ยังไม่ใส่ป้ายชื่อเหมือนเดิม ใบหน้าขาวสว่างมันปลาบด้วยหยดเหงื่อสะท้อนแสงสีส้ม คิ้วเข้มขมวดแน่นด้วยเหตุผลบางอย่างซึ่งผมเดาว่าน่าจะมาจากความรำคาญสถานการณ์ที่ตัวเองอยู่...เขาไม่ชอบการถูกบังคับและพิธีรีตองเยอะแยะ ยังไงก็ตามผมนึกขอบคุณเขาในใจ เพราะป้ายชื่อที่อยู่ในมือทุกคนตอนนี้ส่วนหนึ่งมันเกิดขึ้นได้ความช่วยเหลือจากธีร์ที่นั่งเย็บหลังขดหลังแข็งอยู่หลายชั่วโมง(ถ้านับเวลาที่ถูกหยุดไว้ด้วยน่ะนะ) แม้จะไม่มีใครรับรู้เลยก็ตาม

   ที่ว่างข้างหน้าเขายังคงเป็นที่ว่าง จนกระทั่งเพลงจบลงและคนนำสั่งให้น้องทุกคนลืมตา มันก็ยังว่าง

   เหมือนธีร์จะไม่มีพี่รหัส แต่ผมไม่ได้สนใจเขามากนักเพราะตัวเองมัวแต่ทักทายน้องร้อง...ที่มีท่าทางเซอร์ไพร์สมากทีเดียว

   “พะ...พี่จุ๊บ พี่จุ๊บ! เยส!”

   น้องรองเงิบไปนิดจากนั้นทำท่าเหมือนนักกีฬาที่แข่งชนะ ผมยิ้มแหยให้ด้วยความงุนงง มันจะดีใจอะไรเบอร์นั้นวะ

   “น้องๆ ที่ไม่มีพี่รหัสมารับป้ายกับขนมได้ที่หน้าห้องนะคะ ขอพี่คนอื่นเทคก็ได้น้าาาาา” พิธีกรประกาศออกไมค์ ผมหันไปมองธีร์และยิ้มสงสาร เขาพยักหน้าให้แล้วเดินออกจากแถว ผมดึงน้องรองออกจากแถวบ้าง เรามานั่งคุยกันเงียบๆ ตรงมุมเสาด้านซ้ายของห้องโถง ผมยกชีทกับขนมให้น้องรองที่ดูตื่นเต้นและปลาบปลื้มกับการมีพี่รหัสเป็นผมมากซะเหลือเกิน ไม่รู้ทำไม

   “รอง พี่สงสัยมานานแล้ว”

   “ครับๆ” น้องรหัสผมทำหน้ากระตือรือร้นเหมือนหมาเวลาเห็นเจ้าของกลับบ้าน

   “จากนามสกุลอะ สรุปน้องมาจากจังหวัดอะไรนะ”

   “เชียงใหม่พี่”

   “เวร”

   เราหัวเราะใส่กัน และคุยเรื่องสัพเพเหระต่อ ตั้งแต่เริ่มปูมหลังของแต่ละคนไปจนถึงคำแนะนำเรื่องการใช้ชีวิตในมหา’ลัย รองเป็นเด็กเหนือผิวขาวที่มาเรียนไกลถึงเมืองกรุง พอได้มาคุยกับรองมันก็เป็นอย่างที่หลายคนบอกจริง คุยง่าย เฮฮา และกวนตีน ซึ่งผมรู้สึกชอบมันนะ ถ้าไม่นับไอ้สายตากรุ้มกริ่มที่ชอบส่งมาสบตาผมบ่อยๆ จนรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ นั่นน่ะ

   คุยกันได้สักพักรองก็ขอตัวไปซ้อมบอลต่อ เห็นว่ามีแข่งในไม่กี่อาทิตย์ เราแลกเบอร์กันและแยกย้าย แต่ผมยังนั่งชิลล์มองบรรยากาศรอบๆ ไปเพราะตัวเองไม่ได้รีบไปไหน สังเกตเห็นโฟกัสทำหน้าโอดครวญมาให้เพราะได้น้องรหัสเป็นผู้หญิง เห็นน้องปีหนึ่งทุกคนที่ประดับป้ายชื่อใหม่ไว้บนคอก็อดปลื้มใจไม่ได้

   “เอางี้ ใครจะเทคน้องธีร์ต่อแถวเซ็นชื่อด้วยค่า”

   และเห็นเขา...ที่ตอนนี้ยึดโต๊ะพิธีการให้กลายเป็นของตัวเองเรียบร้อยแล้ว รอบตัวเต็มไปด้วยขนมและของเทคมากมายที่ใครต่อใครประเคนให้ ตรงหน้าถึงกับมีแถวให้รุ่นพี่เข้าคิวลงชื่อเป็นพี่เทค...อย่างกับงานมีทแอนด์กรี๊ดแน่ะ

   แต่ก็นะ คนอย่างธีร์ ดำรงค์เดช ไม่ต้องมีพี่รหัสก็มีคนพร้อมเข้ามาเทคแคร์อยู่แล้ว

   ผมมองภาพนั้นนิ่งๆ ในใจรู้สึกว่าตัวเองช่างห่างไกลจากจุดนั้นอย่างน่าประหลาด จนกระทั่งแถวสั้นลง และคนในห้องเหลืออยู่ไม่กี่สิบคน

   ผมลุกจากที่นั่ง ก้าวเท้าหาโต๊ะพิธีการซึ่งตอนนี้มีเพียงเขานั่งอยู่ ธีร์มองแผ่นกระดาษรายชื่อพี่เทคที่เขียนบนเอสี่หน้า-หลังยังแทบไม่พอด้วยสีหน้านิ่งเฉย เมื่อเขาสังเกตเห็นผมก็ยักคิ้วทักทาย

   “จะเอากลับยังไงไหว” ผมถามถึงห่อขนมด้านหลังเขาที่วางซ้อนกันจนสูงเลยศีรษะ “นี่ถ้าเอาไปบริจาคให้บ้านเด็กกำพร้านะ มีขนมกินได้เป็นปีอะ”

   “กำลังคิดอยู่”

   “คิดว่าจะเอากลับยังไง หรือคิดว่าจะเอาไปบริจาคให้เด็กกำพร้า”

   ธีร์หัวเราะ “ก็ทั้งคู่”

   “หมั่นไส้ว่ะ” ผมพูดอย่างมันเขี้ยว ดาราเด็กยักไหล่กวนตีนกลับมา

   “เทคหน่อยดิ” เขาขอด้วยน้ำเสียงกระเหง้ากระหงอด 

   “โห พี่ที่มาขอเทคเยอะขนาดนั้นยังไม่พออีกเหรอ”

   “มันไม่เหมือนกันไง นั่นพี่เทค...นี่พี่จุ๊บ”

   “ต่างกันตรงไหนวะ”

   “เราไม่อยากได้อะไรจากพี่จุ๊บเลย”

   “ไม่ได้กะจะให้อะไรอยู่แล้ว”

   “ยกเว้นใจ”

   “...”

   “...”

   ไอ้เด็กนี่...ผมขอยืนยันอีกรอบว่ามันถนัดนักเรื่องการสร้างความวิเศษให้เกิดขึ้นจริงๆ พูดแค่นี้แต่ใจแกว่งฉิบหายเลย

   “สรุปเทคไหม” เขายิ้มมุมปาก ผมจ้องเขาอย่างพยายามควบคุมการกระทำและความรู้สึกตัวเองไม่ให้กะโตกกะตาก

   “พี่น้องกันต้องเคารพกัน คนเป็นน้องพูดก็ต้องมีหางเสียง ไม่ล้อกัน ไม่เล่นหัว ที่ผ่านมานี่ธีร์ยังทำไม่ได้สักอย่างเลยนะ”

   “จะให้ทำไงวะ เจอกันก็ไหว้ ทักทาย พี่จุ๊บควายสวัสดีครับ งี้เหรอ”

   “ใช่ แล้วตัดคำว่าควายออกจากชื่อเราได้จะดีมากเลย”

   “จริงๆ จะให้ทำก็ทำได้นะ...”

   “ก็ทำดิ”

   “ประเด็นคือไม่ได้อยากเป็นน้องไง”

   แล้วหมัดที่สองก็ถูกปล่อยออกมาโดยที่ผมตั้งตัวไม่ทัน...ใครสั่งใครสอนให้พูดอะไรน่าใจเต้นติดต่อกันแบบนี้ว้า

   “งั้นคงไม่ได้เทคอะไรเลย” ผมพูดตัดความหวังกวนเขากลับ ธีร์โห่ออกมาเสียงดังจนคนที่เหลืออยู่ในห้องหันมามอง ผมหัวเราะขำ เดินไปหยิบเลย์ห่อหนึ่งจากขนมเทคของเขาแล้วถือวิสาสะแกะกินต่อหน้า หรี่ตามองธีร์ที่ส่ายหัวระอากับการกระทำของผม

   “เทคให้ก็ได้ แต่ต้องสัญญาอะไรก่อน” ผมเปรย ดาราเด็กตาลุกวาวขึ้นทันที

   “ได้ทุกอย่าง” เขาบอก

   “ตั้งใจเรียน มาเข้ารับน้อง ให้ความร่วมมือกับกิจกรรมคณะ อดทนกับอะไรที่เราอาจจะไม่ชอบใจ อดทนกับกฏและการถูกบังคับบ้าง”

   “เพื่ออะไรวะ” เขาโพล่งขึ้นมาทันทีและทำท่าจะพูดอะไรต่อ แต่พอเห็นผมทำสีหน้าจริงจังตอบก็กัดริมฝีปากเงียบไป

   “ไม่รู้หรอกว่าเพื่ออะไร แค่อยากให้ลอง”

   “...”

   “ได้ไหม”

   “ก็ได้”

   “ก็ได้ไร”

   “จะตั้งใจเรียน มาเข้ารับน้อง ให้ความร่วมมือกับกฎงี่เง่า จะอดทน”

   ผมยิ้มออกมา ธีร์ก็ยังเป็นธีร์ พูดออกมาอย่างซื่อตรงต่อความรู้สึก และจริงใจ

   “สัญญาละนะ”

   “ถ้าไม่ติดถ่ายละครนะ” เขาอ้าง ผมพยักหน้ารับนิดหน่อยแล้วยื่นมือเปล่าไปตรงหน้าเขา

   “งั้นเทค”

   ธีร์ฉีกยิ้มแล้วจับมือผมเขย่าเบาๆ ตอนนั้นเองที่เราแลกเบอร์โทรศัพท์กันอย่างจริงจัง ผมถามธีร์ว่าแล้วแบบนี้ไม่ต้องให้เบอร์ของเขากับพี่เทคทุกคนไปเหรอ เขาตอบว่าเบอร์ที่ให้กับทุกคนไปคือเบอร์ผู้จัดการเพื่อติดต่องานเท่านั้น แต่เบอร์ที่ให้กับผมคือเบอร์ส่วนตัว

   ผมช่วยเขาขนของทุกอย่างไปที่รถ เราเล่นมุขล้อเลียนกันระหว่างทางแบบที่ไม่ใช่วิถีของพี่กับน้อง แต่เรามีความสุข ทุกอย่างของผมกับคู่ชีวิตดำเนินไปได้ด้วยดีและแสนง่ายดาย ช่วงเวลาที่อยู่กับเขามันเหมือนภาพฝันที่ผมเคยเปรียบไว้ มันเหมือนมีพลังงานด้านบวกที่จูนเราเข้าหากัน และสร้างความรู้สึกดีๆ ระหว่างกันมากขึ้นทุกวัน

   แต่ผมอาจลืมไปว่าจุดจบของความฝันมันคือการตื่น

   ผมอาจลืมไปว่าชีวิตของเรามันเต็มไปด้วยความซับซ้อนและมีหลายด้าน

   ผมรู้จักด้านที่ดีของธีร์มามาก แต่ไม่เคยสัมผัสอีกด้านของเขาเลย


   
   ตกเย็นของกิจกรรมเชียร์วันที่สาม เวลาที่พี่ปีสามซึ่งเป็นปีปกครองได้พบปะกับน้องปีหนึ่ง เสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายหรือที่เรียกว่าการ ‘ว้าก’ ดังออกมาจาก ‘ห้องเชียร์’ ขณะที่ปีสองผู้เป็นพี่โอ๋คอยรับมือกับอาการเจ็บป่วยของน้องที่ทนไม่ไหวอยู่ห่างๆ

   ลบภาพกิจกรรรมรับน้องแบบเฮฮาสร้างสรรค์ออกไปให้หมด เพราะที่นี่มีเพียงแต่การคุยกันแบบเสียงดัง และเสียดสีทางอารมณ์

   นี่คือสิ่งที่ผมให้ธีร์สัญญาว่าจะรับมือ

   ข่าวลือบอกว่าธีร์เพิ่งมาเข้าห้องเชียร์วันนี้วันแรก แต่แค่วันแรกก็ทำให้เรื่องทุกอย่างร้ายแรงไปหมด

   จู่ๆ กลางการประชุมเชียร์ ขณะที่พี่ปีสามกำลังเทศนาน้องปีหนึ่งเรื่องอะไรบางอย่างก็มีเสียงกรีดร้องดังมาจากห้องโถง ผมที่อยู่ด้านนอกยืดคอมองอย่างตกใจ แล้วก็มีคนตะโกนออกมาว่าน้องปีหนึ่งปล่อยหมัดใส่พี่ว้าก

   เสียงที่สองตะโกนมาว่าน้องคนนั้นคือธีร์

   เกิดไทยมุงกลุ่มโต ผมต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการแทรกตัวเข้าไปในห้องเพราะทุกคนต่างก็แย่งกันจะเข้าไปดูมวยช็อตเด็ด พอหาทางเข้าไปได้ปุ๊บก็เห็นน้องปีหนึ่งเกือบร้อยคนแหวกออกเป็นวงกลม มีเสียงกรีดร้องให้แยกกัน ตรงกลางวงมีผู้ชายปีสามหลายคนที่พยายามดึงแขนน้องปีหนึ่งคนหนึ่งที่ปล่อยหมัดรัวใส่หน้าอีกคน ตอนแรกผมนึกว่านั่นคือเขาแต่พอแยกตัวออกมาได้กลับกลายเป็นน้องผู้ชายที่เหมือนจะเป็นประธานรุ่น

   ผมแทรกตัวเข้าไปในวง มีหลายคนดันเข้ามาทำให้ผมล้มไปอยู่ตรงหน้าของคนที่นอนแอ้งแม้งอยู่กับพื้นพอดี และตอนนั้นเองที่พบเจอกับเขา...ในสภาพที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน

   ธีร์ ดำรงค์เดชกับสายตาเกรี้ยวกราดและใบหน้าโชกไปด้วยเลือดสีแดงฉาน







TBC*
อยากกรี๊ดอยากพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องไปเม้ามอยกันที่ #จุ๊บที ในทวิตเตอร์นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 20-07-2016 04:30:26
เกิดอะไรขึ้นกันนะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 20-07-2016 05:27:23
เย้ยยย เกิดอะไรขึ้น
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 20-07-2016 05:44:48
 o22.    ง่ะ  ตอนนี้ไม่คิดว่าน้องทำอะไรผิดอะ อวยน้องสุดชีวิตเลย เด็กดีแบบนี้ต้องไม่ปรี๊ดแตกง่ายๆแน่นอน
เดินเลือดโชกมานี่อยากให้พี่จุ๊บจับจูบแล้วพาไปทำแผลเลยอะ
คนอื่นช่างมันก่อนเถอะตอนนี้สองคนนี้ควรคุยกันและทำแผลด่วนๆ  :ling1:
ปล. คิดถึงอ้อยใจคนที่ร้องเพลงผัวฉันหาย เหลือแต่ไฟแช็คขึ้นมาทันทีเมื่อป้าเด้าเอ่ยวาจาขึ้นมา ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 20-07-2016 07:23:48
เกิดอะไรขึ้นอ่ะ ...
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 20-07-2016 07:35:39
เหยดโคตรโหดเลย
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 20-07-2016 07:57:05
อิพี่ว๊ากต้องพูดอะไรแย่ๆออกมาแน่ๆเลย
ชอบพูดจาแย่ๆ รู้ว่าเป็นบทแต่บางทีก็ต้องคิดถึงใจน้องบ้าง
ไม่ใช่ทุกคนจะรับได้หรอกนะ

เหตุการณ์มันกำลังดีแท้ๆ
มีจุ๊บหยุดเวลาช่วยเย็บผ้าดีๆแล้ว
มีเทคน้องน่ารักๅ
ตอนนี้มีเลือดแล้ว แง่วว
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: felixia ที่ 20-07-2016 08:03:25
โอยค้างเลย

เกิดอะไรขึ้นนนนนน
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 20-07-2016 08:18:02
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 20-07-2016 08:49:03
ธีร์เป็นอะไรลูกกกก
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 20-07-2016 09:10:03
มันต้องมีอะไร ที่อิพี่ว้ากคนนี้ทำไม่งั้นจะลุกมาต่อยทำไม

อิหอยเอ้ยยย เสียสถาบันพี่ว้าก หมด
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 20-07-2016 09:21:09
หวานๆอยู่ปิดท้ายด้วยงานเลือดสาดซะงั้น ไม่รู้อะไรเป็นอะไรนะแต่ธีร์คงฟิวส์ขาดจริงๆอะแต่เป็นแบบนี้ก็ดีมั้งเพราะจุ๊บจะได้เห็นด้านอื่นๆของธีร์บ้าง
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: kamontipsaii ที่ 20-07-2016 09:41:22
อ่าวเห้ย ธีร์แกเป็นไรเนี่ยยย เกิดไรขึ้นนน
ทำไมไม่ทำตัวดีๆพี่จุ๊บเขาบอกแกแล้วนะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 20-07-2016 09:44:43
อ้าว ค้าง!!!!!!!! ทำไมต่อยกันอย่างงั้นล่ะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: Ball ที่ 20-07-2016 09:47:22
มันต้องมีอะไรแน่ๆ โอ้ยย อยากรู้
ธีร์สัญญาแล้วแต่อะไรจะเป็นเหตุผลให้ฟิวขาด
รอตอนต่อไปแทบจะไม่ไหวเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: mxb ที่ 20-07-2016 10:17:18
อ่าวววว พี่จุ๊บชอบแบดบอยไหมค้าาา555555555 :z3:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 20-07-2016 12:08:08
กรี๊ดดดด น้องธีร์ของเจ๊!!! เจ็บมากมั้ยลูกกก ฮืออออออ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 20-07-2016 12:32:48
อ้าว..เกิดอะไรขึ้น
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: KanomPhing ที่ 20-07-2016 13:16:53
หน่องธีร์ของพี่ เป็นอะไรมากมั้ยค่ะ โอ้ยยยยย
ใครใคร้ใครช่างมาทำร้ายหน่องธีร์
เป็นห่วงนะคะะะ  รอตอนต่อไปค่าาา
เป็นกำลังใจให้คนแต่งด้วยน้าา
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 20-07-2016 13:30:54
ใครทำน้องงงง  :sad4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 20-07-2016 14:52:59
ใครทำอะไรธีร์
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 20-07-2016 15:09:44
 :mew5: :katai1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 20-07-2016 16:23:56
โอ้ย เกิดอะไรขึ้นเนี่ย  :a5:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 20-07-2016 16:37:53
บอกเลยว่าหลงรักเรื่องนี้มากๆ มันละมุนและมันลงตัว การเดินเรื่องทำได้เยี่ยมชะมัด ไม่กระโดด ดำเนินไปอย่างมีจังหวะ

การจะเป็น "คู่ชีวิต" กัน ย่อมต้องเรียนรู้ตัวตนของอีกฝ่ายให้แจ่มแจ้ง ไม่มีอะไรจะสวยสดงดงามไปหมดหรอก นี่ก็กำลังรออยู่เหมือนกันว่าดราม่าจะมาเมื่อไหร่ แต่ได้เห็นน้องธีร์ในโหมดเลือดร้อนแล้วก็ดีเหมือนกัน จุ๊บจะได้รับได้ว่าคนรักของตัวเองไม่ได้อ่อนโยน ขี้เล่น และน่ารักอย่างเดียว แต่เขาเป็นมนุษย์คนหนึ่งเหมือนกัน

น้องรองผู้มาจากสามจังหวัดนี่จะมีบทบาทอะไรในอนาคตหรือไม่หนอ? เขามาเพื่อชอบพี่จุ๊บ หรือมาเพื่อขวางทางรักกันแน่ น่าติดตามนะคะ

แต่ดิฉันมีข้อสงสัยหนึ่งน่ะค่ะ ขอถามเลยแล้วกัน คือสงสัยว่าระหว่างที่จุ๊บใช้พลังหยุดเวลาเนี่ย ไม่แน่ใจว่าพลังของจุ๊บไปมีผลกระทบกับพลังของคนอื่นๆ หรือไม่ คือแอบจินตนาการว่า ถ้าเกิดพลังจุ๊บไปมีผลกับพลังอื่นๆ ของทุกคน แล้วอย่างนี้ป้าเด้าก็อาจถูกกระทบด้วย เช่นกำลังอยู่ในอาการโซเดมาคอมกับสามีเพื่อจะกลับมาในโลกปัจจุบัน แต่บังเอิญจุ๊บใช้พลังพอดี ทำให้ต้องค้างไว้ในท่าอย่างนั้น? แหะๆ ตัวอย่างอาจดูสัปดนนิดหนึ่ง แต่มันสงสัยน่ะค่ะ

ขอบคุณนะคะ สนุกสมกับที่รอคอยเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 20-07-2016 16:38:35
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 20-07-2016 18:04:18
 :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 20-07-2016 18:16:33
น่ากลัววว
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: Papangtha ที่ 20-07-2016 20:01:32
กิดอะไรขึ้นนนนนน
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 20-07-2016 20:22:23
เกิดอะไรขึ้นเนี่ยยยยยบบ
ธีร์เปนอะไรรึเปล่า จะอาละวาดไหมเนี่ย 0.0
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 20-07-2016 20:54:38
ง่าาาาาาา  เกิดไรขึ้น!!!
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 20-07-2016 20:55:42
เกิดอะไรขึ้นนนน
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 20-07-2016 21:10:16
 o22
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 20-07-2016 21:36:55
ทำไมธีร์ถึงโดนต่อยยยย  :katai1:
เลือดโชกขนาดนั้นด้วยยยย
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 20-07-2016 22:54:03
จุ๊บแบบมีรสชาติหลากหลายมาก
ทั้งหวาน ปร่า และรสเลือด

สนุก
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 20-07-2016 22:58:27
มาต่อด่วนนนนนนนนน มีความอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น :katai1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 20-07-2016 23:10:51
อยากมีพี่เทค้ป็นพี่จุ๊บบ้างงงงง
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 21-07-2016 02:23:47
ค้างงงงงง
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 21-07-2016 02:41:15
เกิดอะไรขึ้นอ่ะ มีโชกเลือดด้วย กำลังฟินอยู่แท้ๆ :ling1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: sentpai ที่ 21-07-2016 07:53:57
อยากอ่านต่อแล้วอ่ะะะะะ
สนุกมากๆครับ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 21-07-2016 10:05:42
ตายแน่แกรรร ยังอาจมาก
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 21-07-2016 10:59:57


ครั้นจะอยู่กันไปอีกนานเหมือนป้า ๆ พ่อ ๆ แม่ ๆ ก็ต้องผ่านการแก้ปัญหาต่าง ๆ ไปด้วยกันก่อน
ความรักไม่ได้มีแค่ด้านอ่อนหวาน หากแต่มีด้านขื่นขมแฝงเร้นอยู่ด้วย... สู้ ๆ นะจุ๊บ!
รอติดตามตอนต่อไปค่ะ ^^


หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 21-07-2016 13:13:01
เกิดอะไรขึ้น :katai1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-07-2016 13:46:44
 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 21-07-2016 21:08:07
พี่จุ๊บหยอดกลับบ้างเลย :o8:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 21-07-2016 21:18:14
ธีร์ลูกกก หนูไม่เป็นอะไรนะคะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 21-07-2016 22:50:49
กรี๊ด ใครทำธีร์ของพี่จุ๊บ!!
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 22-07-2016 04:33:53
อ้าววว ตายละ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 22-07-2016 08:23:26
เกิดไรขึ้นนน!!? :katai1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 22-07-2016 12:29:36
อืมมมมมม
อยากรู้ตอนต่อไปแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 23-07-2016 09:18:15
อะไรเกิดอะไรร
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 23-07-2016 12:06:19
น้องธีร์ใจเย็นๆ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: funnyvix ที่ 24-07-2016 14:29:53
ดีนะที่มาทันยังไม่อัพหลายตอน สนึกมากๆเลยยยยย
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 24-07-2016 20:59:09
อ้าว
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 25-07-2016 09:54:25
เกิดอะไรขึ้น อยากรู้แล้ว~
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: aurusma ที่ 06-08-2016 09:16:41
เห้ยยยยย เกิดอะไรขึ้นอ่ะ :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 06-08-2016 11:58:06
น้องธีร์!!!
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 16-08-2016 20:43:45
อยากอ่านตอนต่อไปแล้วค่ะ :sad4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 18-08-2016 03:47:04
มุมโหดงั้นหรอเนี่ย
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 18-08-2016 22:47:22
 :a5:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 20-08-2016 23:05:55
สนุกมากกกก รอค่ะ
งานเลือดสาดก้มาา
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: JessieB ที่ 22-08-2016 00:03:50
เป็นเรื่องที่พล็อตน่าสนใจ แต่งได้สนุกดีค่ะ

ติดตาม มาต่อไว ๆ นะคะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 22-08-2016 19:17:23
ธีร์เป็นคนเลือดร้อน แต่พยายามเย็นเพราะจุ๊บขอ อยากรู้จะเกิดอะไรขึ้นนะ

น้องรองนี่ชอบพี่จุ๊บหรือเปล่า หรือว่าชอบธีร์
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 06-09-2016 06:51:32
ปูเสื่อรอ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 28-09-2016 20:15:02

(http://www.uppic.org/image-730A_57571DD5.jpg)

จูบที่แปด


   ใบหน้าโชกเลือดของธีร์ทำให้ใจผมหล่นวูบไปที่ตาตุ่ม

   เขาไม่ได้สังเกตเห็นผมที่คุกเข่าอยู่ข้างๆ เพราะดวงตาแข็งกร้าวจ้องเขม็งไปยังคู่กรณีฝั่งตรงข้ามอย่างโกรธแค้น แม้ว่าสภาพจะสะบักสะบอมพอสมควร แต่คนตัวสูงก็ยังพยายามดันตัวเองขึ้นเพื่อเตรียมจะพุ่งเข้าปะทะอีกรอบ

   พี่ผู้หญิงคนหนึ่งช่วยดึงตัวผมขึ้นจากพื้น ในขณะที่ผู้ชายในเสื้อเชิ้ตสีแสดอันเป็นเอกลักษณ์ของพี่ปีสามหลายคนเข้าไปรั้งตัวธีร์ไว้ก่อนที่เขาจะเริ่มมวยยกใหม่

   “ไอ้ขี้แพ้ มึงเข้ามาสิ!” น้องผู้ชายอีกฝ่ายตะโกนก้องอย่างท้าทาย เขาเป็นประธานรุ่นปีหนึ่งชื่อโต้ง เด็กชายตัวผมสูงที่ตอนนี้โหนกแก้มแดงช้ำเพราะแรงหมัดของธีร์ เลนส์ในกรอบแว่นสี่เหลี่ยมของเขาข้างหนึ่งแตกร้าว สภาพเลวร้ายไม่ต่างจากคนเลือดโชกตอนนี้เลยสักนิด

   คนที่รั้งน้องโต้งไว้คือพี่ประธานเชียร์ปีสามที่อยู่ในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ข้างแก้มมีรอยช้ำจากการต่อสู้ สายตาฉุนเฉียวเอาเรื่องเล็งมายังธีร์ ใกล้จุดที่เขายืนอยู่มีเศษผ้าสีส้มขลิบทองที่มีรอยไหม้จากการเผาตกอยู่ผืนหนึ่ง

   ผมพอจะเดาออกแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น

   ธีร์ไม่ได้โต้ตอบกลับ แต่ตัวเองก็พยายามทำทุกอย่างให้หลุดจากพันธนาการ ผมมองแววตาวาวโรจน์ด้วยความโมโหนั้นด้วยความตกใจ...ปนกับความกลัว ผมเคยเจอเขาที่เป็นคนกวนตีน ขี้หยอด และเอาแต่ใจ แต่กับเด็กหนุ่มขี้โมโหร้ายและไม่มีใครหยุดได้แบบนี้...ผมไม่รู้จักเขาเลย

   “แค่นี้ก็พอแล้วเหรอวะ อ่อนว่ะ”

   “มึงหุบปาก...” เขากระซิบผ่านริมฝีปากที่มุมขวามีรอยช้ำ เลือดสีแดงสดทะลักจากแผลตรงหางคิ้วเลอะตั้งแต่แก้มขาวยันเสื้อนักศึกษา

   “กูไม่หุบ เป็นดาราแล้วคิดว่าจะสั่งให้คนอื่นทำอะไรก็ได้เหรอวะ!”

   ธีร์ทำท่าจะพุ่งตัวเข้าหาฝ่ายนั้นอีกครั้ง เกิดเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจขึ้นอีกระลอกพร้อมกับแรงรั้งจากรุ่นพี่สามสี่คนด้านหลังที่พอจะยึดตัวเขาไว้ได้ คนร่างใหญ่พยายามสะบัดตัวสุดกำลัง ผมเห็นท่าไม่ดีเลยแทรกตัวเข้าไปรั้งมือเขาไว้อีกแรง
 
   “ธีร์...” ผมบีบมือเขาให้ใจเย็นลง ธีร์หันขวับมามอง พอเห็นว่าเป็นผมก็ชะงักไปเล็กๆ แต่แววตารั้นยังอยู่ ลมหายใจรุนแรงของเด็กหนุ่มเป่ากระทบใบหน้าผม คำท้าทายจากน้องโต้งยังดังมาอย่างต่อเนื่อง คนตัวสูงกัดฟันกรอด ผมส่ายหัวเป็นสัญญาณห้ามแล้วบีบย้ำที่มือเขาแรงขึ้น

   “พอ!”

   ทันใดนั้นเสียงประกาศก้องของใครบางคนก็ดังกลบเสียงเซ็งแซ่ในห้องทั้งหมด ชายในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนกับกางเกงขายาวสีกรมก้าวเข้ามาในห้อง นั่นทำให้เราแทบทุกคนหน้าถอดสีทันที

   เขาคือคนที่สามารถกำหนดชะตาชีวิตในมหา’ลัยของเราได้...คณบดี

   “เกิดอะไรขึ้น” เขาถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ เหล่ารุ่นพี่ต่างพากันก้มหน้างุด อาจารย์ผู้เป็นใหญ่ที่สุดในคณะใช้สายตาเฉียบขาดไล่มองเราทีละคนผ่านแว่นเลนส์หนา และหยุดอยู่ที่นักศึกษาผู้เป็นใหญ่ที่สุด ร่างสูงโปร่งของชายวัยกลางคนก้าวไปอยู่ตรงหน้าผู้เป็นประธานเชียร์ นาทีนั้นรอบข้างเงียบกริบด้วยความตึงเครียด เหล่านักศึกษากว่าร้อยคนไม่มีใครกล้าปริปากออกมาอีกเลย

   “ผมถามว่าเกิดอะไรขึ้น” เสียงเย็นเยียบแต่รู้สึกถึงความคุกรุ่นภายใน พี่ประธานเชียร์กัดริมฝีปากด้วยอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาสบตาชายวัยกลางคนตรงกลาง ชั่วแวบหนึ่งก็เหลือบมองมาที่ธีร์ราวกับคาดโทษ

   เด็กหนุ่มข้างตัวผ่อนลมหายใจลง แล้วผมก็รู้สึกถึงแรงสะบัดเบาๆ ที่มือ รู้ตัวอีกทีคนข้างตัวก็เดินออกจากห้องไปแล้ว

   “ธีร์!” ผมเรียกเขาและก้าวเท้าตาม แหวกผ่านผู้คนมากมายที่ยืนมองเราตาปริบๆ ด้วยความตกตะลึง เสียงฮือฮาดังตามมา แต่ผมไม่ได้สนใจมันเท่ากับเด็กหนุ่มในเสื้อนักศึกษาเปื้อนเลือดที่ตอนนี้สาวเท้าเร็วในระดับเดียวกับการวิ่งออกจากตัวอาคาร
เขาตรงดิ่งไปยังลานจอดรถด้านหลังคณะ ถึงตัวรถฮอนด้าแจ๊สสีขาวสะอาดเจ้าตัวก็ยัดตัวเองเข้าไปด้านใน สตาร์ทเครื่องอย่างรวดเร็ว

   ผมตามไปเคาะกระจก ธีร์หันมามองผมด้วยแววตาที่มองออกว่ารู้สึกแย่ ผมสื่อสารเชิงว่าขอคุยกับเขาก่อนได้ไหม คนเป็นดาราจ้องผมนิ่งๆ สักพักแล้วหันกลับไปใส่เกียร์จะออกรถ

   ผมชะงักไปอย่างน้อยใจ ท่าทีของเขาทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่ควรจะมาอยู่ตรงนี้เลย

   เพิ่งเคยสัมผัสความรู้สึกเวลาที่เราเป็นห่วงใครแต่เขากลับปฏิเสธความเป็นห่วงนั้น

   ...หน่วงเหมือนกันแฮะ

   รู้ว่าทำอะไรไม่ได้ ผมจึงลดมือจากกระจกแล้วถอยออกมาเงียบๆ ก้มหน้ามองพื้นและห่อไหล่คู้ รอคอยให้รถของธีร์ขับเคลื่อนออกไป

   ทว่า...มันกลับไม่เคลื่อนออกไป

   ผมเงยหน้าขึ้น จังหวะเดียวกับที่ประตูรถเปิดออกพอดี ธีร์ก้าวออกมาด้วยสีหน้าย่ำแย่กับแววตารู้สึกผิด ผมจ้องตาเขาและเม้มปาก แล้วก็เข้าใจความรู้สึกนั้นโดยไม่ต้องใช้คำพูดใดๆ เลือดสีแดงสดที่ยังไหลลงมาจากหางคิ้วไม่ขาดสายนั้นทำให้ผมเลือกพูดอะไรที่จะทำให้สถานการณ์มันดีขึ้นแทน
   
   “ไปนั่งอีกฝั่งดิ เดี๋ยวพาไปส่งโรง’บาล”



   เรานั่งเงียบกันมาตลอดทาง เพราะรู้ว่ายังไม่ใช่เวลาเหมาะสมในการพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ผมจึงเพ่งสมาธิกับการขับรถ ในขณะที่ธีร์เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง มือขวาถือผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กของผมกดรอยแผลไว้เพื่อห้ามเลือด พอถึงโรงพยาบาลทุกอย่างก็ดูเป็นเรื่องใหญ่อีกครั้ง เหล่าสาธารณชนที่นี่พากันฮือฮาเพราะการปรากฏตัวของดาราชื่อดังในสภาพโชกเลือด

   ผมนั่งรอเขาหน้าห้องฉุกเฉิน ธีร์หายเข้าไปชั่วโมงกว่าแล้วก็กลับออกมาในสภาพหน้าใสปิ๊งปกติ บนปลายคิ้วขวามีรอยเย็บอย่างปราณีตฝังอยู่ ผมเลิกคิ้วเชิงสงสัยใส่

   “อยากไปนั่งคุยกันที่อื่นไหม” เขามองซ้ายมองขวา แล้วผมก็เข้าใจว่าทำไม ทุกสายตารอบข้างตอนนี้กำลังจ้องมองเราเหมือนราชสีห์หิวเหยื่อ หรือนักข่าวหิวเรื่องฉาวโฉ่อะไรเทือกนั้น

   ผมพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินตามเขาไปช้าๆ ธีร์เจอมุมแคบข้างลิฟต์ที่เราปลอดภัยจากสายตาใคร

   คนตัวสูงทรุดตัวลงนั่งพิงผนัง ผมทำตาม มองรอยย่นบนคิ้วเขาแล้วคิ้วตัวเองก็ย่นตาม

   ธีร์ยิ้มมุมปากกลับมา “เย็บสามเข็มเอง”

   “สามเข็มเอง?”

   “ตอนมัธยมเคยเย็บมากกว่านี้อีก แค่นี้จิ๊บๆ” เขาอวด ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายกับตรรกะประหลาดนั่น

   “ครับพ่อคนชิลล์ พ่อคนเก่ง พ่อนักเลงโต”

   “พี่จุ๊บควายชอบพูดอะไรเหมือนคนแก่จัง”
   
   “ก็ไม่อยากพูดหรอก แต่มันเป็น…” ผมหยุดพูดกลางคันและสูดลมหายใจลึก ธีร์หันมายักคิ้วข้างที่เพิ่งโดนเย็บให้สองจึ๊ก

   “พูดก็พูดให้จบดิ”
   
   “ช่างเหอะ”

   “เป็นห่วงเหรอ”

   “...”

   “...”

   “อื้อ”

   “ก็แค่เนี้ย”

   “ก็รู้นี่”
   
   เราเงียบกันไปสักพัก คนผิวสว่างใช้นิ้ววาดอะไรสักอย่างบนพื้นกระเบื้อง มุมปากกระหยิ่ม ส่วนผมมองกำแพงอีกด้านไปเรื่อยเปื่อย

   “พูดถึงคนแก่” อยู่ๆ เขาก็โพล่งขึ้นมาเหมือนนึกอะไรออก “พี่บุ๊คต้องด่าเราตายแน่ถ้าเห็นสภาพนี้”

   “พี่บุ๊ค?”

   “ผู้จัดการส่วนตัวน่ะ”

   “เขาแก่เหรอ”

   “ก็ไม่ค่อยแก่เท่าไหร่” เขาทำหน้ายู่ “แต่ชอบบ่นเหมือนคนแก่ บ่นทีเป็นชั่วโมง แค่คิดว่าจะโดนบ่นก็เหนื่อยใจแล้ว”

   “เป็นเราเห็นแบบนี้ก็คงบ่นเหมือนกัน” ผมพยักเพยิดไปที่แผล “สรุปสามเข็มนี้มาได้ไง” ผมเปิดประเด็น ธีร์หลบสายตาจากผมด้วยความกระอักกระอ่วนทันที

   “ถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไรนะ”

   “ไม่ใช่ไม่อยากเล่า” ปากสีชมพูขยับขมุบขมิบ ผมส่งสายตาเป็นเชิงว่า ‘งั้นก็เล่าสิ’

   “ก็...” เห็นสีท่าอ้ำอึ้งแบบนี้สันนิษฐานของผมก็คงไม่ผิด จึงชิงถามออกไปให้รู้แล้วรู้รอด

   “มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับป้ายผ้าที่เราทำใช่ไหม”

   “...”

   “ใช่ไหม”

   “...”

   “ว่าแล้ว” ผมถอนหายใจ “ธีร์เริ่มก่อนด้วยใช่ไหม”

   “ก็ไอ้พี่นั่นมันเสือกเผาก่อนทำไม” เขาเถียงเสียงเขียว ผมจ้องเขากลับเคร่งเครียด

   “ธีร์จะเที่ยวต่อยคนอื่นเพราะเขาเผาป้ายผ้าไม่ได้นะ”

   “แต่มันเป็นผ้าพันคอที่นายทำ”

   “มันก็ไม่ได้พิเศษกว่าคนอื่นทำตรงไหน”

   “แต่นายอดหลับอดนอนทำ”

   “ก็ค่าเท่ากัน คือประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ใครทำหรือใช้เวลามากแค่ไหนไง ก่อนหน้านั้นเรารับปากเขา...”

   “พี่จุ๊บ” ธีร์แทรกขึ้นก่อนผมจะพูดจบ “...ไม่เคยเข้าใจอะไรเลยใช่ไหม”

   เสียงที่อ่อนลงของเขาทำให้ผมชะงักไปหลังจากที่เราถกเถียงกันแบบไม่มีใครยอมใคร เพราะต่างคนต่างยึดในความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ พอเขาตัดพ้อแบบนี้มันทำให้ผมนึกถึงช่วงเวลาตอนที่ผมเคยรู้สึกแบบเดียวกัน

   เวลาที่เราอยากทำอะไรเพื่อใคร แต่เขาไม่ได้ต้องการ

   “เราทำไปทำไม ไม่รู้เลยใช่ไหม”

   “…”

   “พี่แม่งไม่เข้าใจว่ะ”

   “โอเค…โอเค” ผมเอื้อมมือไปจับแขนเขาเบาๆ อย่างอ่อนข้อลงบ้าง ไหล่ของธีร์กระตุกอย่างฉุนเฉียว แต่ไม่ได้สะบัดแขนออก...ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี

   ผมมองหน้าด้านข้างของเขาที่มองตรงไปด้านหน้าด้วยความน้อยใจ “ขอโทษ”

   “ขอโทษทำไม ไม่ได้ทำไรผิด” แน่ะ มีตัดพ้อซ้ำด้วย

   “ขอโทษที่ตัดสินไปก่อนโดยที่ไม่ได้พยายามทำความเข้าใจอะไรเลย”

   “...”

   “เราพยายามทำความเข้าใจธีร์อยู่นะ”

   “...”

   “หายงอนยัง”

   “เก้าสิบเปอร์เซ็นต์”

   ผมหัวเราะในลำคอ ตอบติดตลกแบบนี้แสดงว่าไอ้ขี้หยอดคนเดิมกลับมาแล้ว “ต้องทำไงถึงจะเป็นร้อยเปอร์เซ็นต์”

   “จุ๊บที”

   “ไม่ใช่ละ”

   เขากระตุกมุมปาก เห็นหน้าใสๆ แต่เล่ห์เหลี่ยมเยอะเกินวัยไปมากโข

   “สรุปหายยัง”

   “ก็ได้”

   “งั้นมองเราหน่อย” เขาเหล่ตามาหยั่งเชิง ผมยิ้มจ๋องๆ ให้ สุดท้ายธีร์ก็ยอมกระเถิบตัวให้หันมาทางผมแบบประจันหน้า

   “เราอยากเข้าใจ เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น เราสัญญาว่าจะไม่ขัด ถ้าธีร์สัญญาว่าจะเล่าแบบไม่มีอคติ และไม่ใส่อารมณ์ โอเคไหม”

   ผมสบตาเขาอย่างซื่อตรง ธีร์ถอนหายใจแผ่วและพยักหน้ารับคำเบาๆ แล้วเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น โดยมีผมคอยพยักหน้ารับและไม่ขัดเขาสักคำตามสัญญา

   วันนี้เป็นวันแรกที่ธีร์เข้าห้องเชียร์ และการว้ากเพื่อจัดระเบียบน้องใหม่ไม่ใช่สิ่งที่คนเกลียดการถูกบังคับอย่างเขาโปรดปรานนัก

   เขาพยายามทน เขาใช้ความพยายามแล้ว ธีร์รู้สึกอึดอัดกับการตีกรอบความประพฤติด้วยเสียงอันไม่เป็นมิตรของรุ่นพี่จนอยากขอออกมานอกห้องหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีโอกาสเลย

   พี่เชียร์อบรมเด็กปีหนึ่งทุกคนเรื่องเพลงเชียร์ เรื่องข้อห้ามของรุ่นน้องที่เด็กหนุ่มรู้สึกว่าไร้สาระเหลือเกิน กระทั่งถึงเรื่องป้ายชื่อที่เป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้าย

   ป้ายชื่อที่ธีร์ไม่เคยใส่ และไม่คิดจะใส่ แต่สัญญาว่าจะใส่มันเพราะผม

   ป้ายชื่อที่ผม เขา และเพื่อนอีกหลายคนนั่งหลังขดหลังแข็งทำด้วยกัน

   ปัญหามันเริ่มมาจากการที่รุ่นพี่อ้างว่าเห็นน้องบางคนไม่ใส่ป้ายชื่อ (ซึ่งรุ่นน้องคนนั้นก็คือธีร์ และวันนี้เขาก็ไม่ได้ใส่มาจริงๆ) พี่เชียร์ตีตราการกระทำนั้นว่ามันแสดงถึงการที่รุ่นน้องไม่มีความเห็นอกเห็นใจรุ่นพี่ปีสองที่ตั้งใจทำให้ (ซึ่งก็คือผม) เพราะฉะนั้น ถ้ามีคนไม่ใส่ ก็ไม่ต้องใส่แม่งเลยทั้งหมด

   แล้วรุ่นพี่ปีสามก็ตบมุขดราม่านี้ให้ถึงที่สุดด้วยการเผาโชว์หนึ่งอัน

   ทุกคนที่เคยผ่านการรับน้องคงรู้ว่าเป็นวิธีการที่เตี๊ยมกันมา แถมไอ้ป้ายที่เผาน่ะมันคืออันที่ไม่มีใครใช้ ทว่าสำหรับน้องใหม่ก็ได้รับความสะเทือนใจผสมจิตสำนึกรักป้ายชื่อกันไปตามๆ กัน

   แต่ก็นั่นแหละ ไม่ใช่กับธีร์

   คนที่นั่งเย็บผ้ามากับผมทั้งคืนยัวะขึ้นทันใด ป้ายชื่อยังถูกเผาไม่หมดผืน หมัดแรกของเขาก็ซัดเข้าที่หน้าประธานเชียร์ปีสามไปแล้ว

   ชุลมุนกันยกใหญ่ เหล่าสตาฟฟ์ต่างรีบเข้าไปห้าม แต่ธีร์กับพี่ประธานเชียร์แลกหมัดกันแบบไม่มีใครยอมใคร น้องปีหนึ่งเห็นท่าไม่ดีก็ลุกขึ้นห้ามบ้าง นำทีมโดยน้องโต้งประธานรุ่น

   คนเป็นดาราเหวี่ยงคนอื่นออก ความพลุ่งพล่านในตัวเขาพร้อมจะทำลายทุกอย่างโดยไม่สนว่าอะไร...หรือใคร...จะโดนลูกหลงบ้าง

   โชคร้าย น้องผู้หญิงคนหนึ่งที่เข้ามาห้ามโดนข้อศอกของธีร์เข้าไปเต็มๆ หน้า เธอเซไปชนกับเหลี่ยมเสาด้านหลังจนปากแตก

   ทุกอย่างชะงักไปสักพัก ธีร์เริ่มรู้ตัวว่าตัวเองทำอะไรลงไป คู่กรณีปีสามก็เริ่มได้สติ แต่คนที่สติหลุดไปแล้วคือน้องโต้งประธานปีหนึ่งที่ซัดหมัดเข้าแก้มขวาของธีร์แบบไม่ทันตั้งตัว

   และมวยยกใหม่ก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ต่างฝ่ายแลกกำปั้นกันราวกับเกลียดขี้หน้ากันมานาน ผลที่ได้คือฝั่งดาราคิ้วแตก ส่วนฝ่ายประธานรุ่นกระจกแว่นร้าว จังหวะนั้นไม่ว่ารุ่นพี่รุ่นน้องก็ช่วยกันเข้าไปห้าม ตอนเดียวกับที่ผมเข้าไปทันเหตุการณ์พอดี
   
   “แล้วก็เป็นอย่างที่เห็น”
   
   ธีร์จบเรื่องด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาย่นคิ้วมองแล้วหลบสายตาไปด้วยความไม่สบอารมณ์...ปนความรู้สึกผิด
   
   มีความรู้สึกว่าอยากดุ แต่ถ้าดุแล้วผมว่าเราคงเข้าอีหรอบเดิม และมันคงไม่มีอะไรดีขึ้น
   
   อีกอย่าง เห็นสีหน้าแบบนั้นแล้วดุไม่ลงเลยว่ะ
   
   “รู้สึกยังไง” ผมจึงเลือกที่จะไม่ทับถมหรือฟื้นฝอยเรื่องใครผิด หากแต่พูดถึงเรื่องละเอียดอ่อนแทน “ตอนนั้นน่ะ”
   
   “...โกรธ”
   
   “เราก็โกรธเหมือนกัน” ธีร์เลิกคิ้วแปลกใจ “จริงๆ นะแม่ง อุตส่าห์เย็บมาแทบตายทั้งคืน แม่งเผากันได้ลงคอ”
   
   เขาแค่นหัวเราะ
   
   “พอต่อยเขาแล้ว รู้สึกดีขึ้นไหม” ผมถามต่อ เด็กหนุ่มตรงหน้าเจอคำถามนี้ก็เงียบไปเหมือนกำลังใช้ความคิด
   
   “มันทำให้ธีร์โกรธเขาน้อยลงหรือเปล่า”
   
   “ก็ไม่” เขาตอบอ้อมแอ้ม ผมพยักหน้าเห็นด้วย

   “เราเข้าใจธีร์ และเราก็เข้าใจรุ่นพี่ปีสามเหมือนกัน จริงๆ เรารู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะทำแบบนี้...เราขอโทษที่ไม่ได้บอกนะ”
   
   “...”
   
   “แล้วตอนนี้ธีร์รู้สึกยังไง ยังโกรธพี่เขา หรือโกรธเราไหม”
   
   เด็กหนุ่มผิวขาวจัดยิ้มฝืดให้ผมแล้วส่ายหัว ลมหายใจผ่อนปรนลงแสดงอาการใจเย็น ปากกระซิบเสียงเบา “ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ จะไม่ทำ”
   
   ผมยิ้มจางๆ เอื้อมมือไปตบหัวเข่าเขาสองแปะอย่างเข้าใจ

   “รู้ไหมอะไรจะทำให้เรารู้สึกผิดน้อยลง”
   
   “...”
   
   “ขอโทษไง”
   


   ในสายตาทุกคนตอนนี้ นอกจากจะเป็นดาราที่ดังแล้วหยิ่ง ธีร์ยังพ่วงตำแหน่งคนเถื่อนประจำคณะนิเทศศาสตร์ จากวีรกรรมสุดพีคคือการตั๊นหน้าพี่ว้ากแถมยังตีผู้หญิงซึ่งตอนนี้กลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ไปทั้งมหา’ลัย กอปรกับข่าวลือที่ว่ามีคนเห็นธีร์เลือดโชกหน้าที่โรงพยาบาลทำให้ข่าวแพร่กระจายไปสู่วงกว้างมากขึ้นไปอีก
   
   ผมรู้อยู่แก่ใจว่าธีร์ไม่ใช่แบบที่คนพูดกัน เขาอาจจะหุนหันไปบ้าง แต่ไม่ถึงกับเถื่อน เราตกลงกันว่าจะแก้ไขสถานการณ์ทั้งหมดในวันรุ่งขึ้น เขาจะไปยอมรับผิดกับอาจารย์และขอโทษรุ่นพี่ ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี

   แต่เราอาจลืมไปว่า ‘ทุกอย่าง’ มันมีปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้

   และปัจจัยที่ว่าก็มายืนอยู่หน้าห้องคณบดีตั้งแต่แปดโมงเช้า

   ผมเพิ่งรู้ข่าวตอนเรียนคลาสแรกเสร็จ พอเลิกคลาสก็พาตัวเองไปอยู่หน้าห้องคณบดีซึ่งตั้งอยู่บนชั้นห้าของตึกคณะ ทางเดินหน้าห้องอันกว้างขวางตอนนี้แน่นไปด้วยกลุ่มเจ้าหน้าที่และนักศึกษาที่ส่งเสียงเซ็งแซ่และชะโงกหน้าผ่านช่องกระจกเล็กๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น แล้วจู่ๆ เสียงฮือฮาก็เงียบลงเพราะประตูห้องที่เปิดออก

   ขาเรียวยาวก้าวออกมาจากห้อง ผู้หญิงวัยกลางคนปรากฏตัวขึ้นในชุดผ้าโปร่งสีขาว ไหล่เล็กมีผ้าพันคอสีกรมท่าราคาแพงพาดอยู่ ทรงผมสั้นระต้นคอถูกคาดไว้ด้วยแว่นกันแดดสีดำสนิท ใบหน้าสวยหวานที่เคยถูกยกให้เป็นนิยามความสวยของคนรุ่นพ่อเฉิดฉายออกมา ความสวยไม่สร่างที่เลขอายุกว่าห้าสิบทำอะไรเธอไม่ได้เลย

   พิมพ์ผกา ดำรงค์เดช

   นางเอกละครในตำนานของเมืองไทย

   คนที่ทำให้ธีร์ได้ฉายา ‘ไอ้ลูกดารา’ ตั้งแต่เด็ก

   ผมเคยเห็นใบหน้าเธอผ่านจอแก้ว พอมาเห็นกับตากลับรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก อาจเป็นเพราะเธอมีสีหน้านิ่งสนิทจนเดาอารมณ์ไม่ถูก หรืออาจเป็นเพราะผมตระหนักได้ว่าเธอเป็นแม่ของธีร์ และเธอเป็นดาวค้างฟ้าที่ใช้ชีวิตอยู่บนวงโคจรอันห่างไกลจากคนธรรมดาแบบผมเหลือเกิน

   “พี่ต่ายคะ!”

   ทันใดนั้นเสียงเรียกชื่อของเธอก็ดังขึ้น มันไม่ได้มาจากคนหมู่มากที่กำลังตะลึงปนอยากรู้อยากเห็น หากมาจากคนสี่คนในชุดสีดำที่กำลังวิ่งเข้าหาดาราดังด้วยความรวดเร็ว

   เสียงแฟลชถูกสาดหนึ่งฉาด การมาถึงของนักข่าวทำให้ผมรู้ว่านี่คือเรื่องใหญ่พอสมควร

   สีหน้าเรียบตึงของนางเอกใหญ่แปรเปลี่ยนเป็นหน้ายิ้มหวานทันที เธอก้าวออกมาจากประตูห้อง ตามด้วยกะเทยร่างใหญ่ในชุดสีฉูดฉาดคนหนึ่งที่ผมเดาว่าน่าจะเป็น ‘พี่บุ๊ค’ ผู้จัดการส่วนตัว ต่อด้วยคณบดีที่มีท่าทางตะลึงงันกับสถานการณ์ตรงหน้า
รั้งท้ายด้วยเขา...ดาราหนุ่มในชุดนักศึกษาที่สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมาเลย

   “พี่บุ๊ค พี่ต่าย น้องธีร์คะ ขอสัมภาษณ์นิดนึงค่ะ”

   “ขอแค่หนึ่งนาทีเนอะ พอดีน้องกับคุณแม่ต้องรีบไปธุระต่อค่า” ผู้จัดการออกตัวก่อนทำให้ทีมนักข่าวผู้กระหายยิงคำถามแรกทันที

   “ที่เขาบอกว่าน้องธีร์ไปต่อยกับรุ่นพี่นี่จริงเท็จแค่ไหนคะ”

   “จริงค่ะ แต่ฝ่ายน้องไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อน” พี่บุ๊คตอบ

   “ช่วยเล่านิดนึงได้ไหมคะว่าเหตุการณ์มันเป็นยังไง”

   “ตอนนี้เรื่องมันผ่านมาแล้ว เราก็อย่าไปรื้อฟื้นมันเลยเนอะ แต่บุ๊ครับรองเลยค่ะว่าน้องไม่ใช่ฝ่ายผิด”

   “แล้วข่าวที่ตีผู้หญิงล่ะคะ”

   “เอาแบบนี้นะคะ” ผู้เป็นแม่ออกโรงบ้าง เธอจับไหล่ธีร์แล้วดันให้เขาก้าวมาอยู่ประจันหน้ากับกล้อง “ใครในวงการก็รู้ว่าธีร์ไม่เคยมีข่าวเสียหาย น้องๆ นักข่าวก็รู้ว่าลูกต่ายเป็นเด็กน่ารัก การที่จะไปตีผู้หญิง ในขณะที่ต่ายพูดสอนเขาทุกวันให้เป็นสุภาพบุรุษ...การทำเรื่องเลวร้ายแบบนั้นมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยค่ะ ต่ายขอยืนยันว่าลูกไม่ได้เป็นคนโมโหร้าย หรือคิดทำร้ายใครแน่นอนค่ะ”

   “แล้วเรื่องนี้พี่ต่ายจะจัดการยังไงต่อคะ”

   “ใจจริงต่ายก็ไม่อยากเอาความมาก เพราะทั้งคู่ยังเป็นวัยรุ่น มีความเลือดร้อนเป็นเรื่องปกติน่ะค่ะ" เธอยิ้มหวาน "แต่เรื่องจะเป็นยังไงต่อก็คงต้องขึ้นอยู่กับทางมหาวิทยาลัยแล้วกันค่ะ”

   “น้องธีร์รู้สึกยังไงกับเรื่องที่เกิดขึ้นบ้างคะ”

   นักข่าวพุ่งประเด็นไปทางธีร์บ้าง แต่เขายังไม่ทันได้อ้าปากตอบพี่ผู้จัดการก็ขอตัวกับทุกคนและพาดาราดังทั้งสองคนออกมา ฝูงชนแหวกทางให้พวกเขาเดินผ่าน ผมไม่ละสายตาจากใบหน้าไร้อารมณ์ของธีร์ และในวินาทีที่เดินผ่าน แววตาว่างเปล่าของเขาก็เหลือบมาทางผม

   และเหลือบผ่านไปราวกับผมคืออากาศ

   ผมมองตามเขาขณะที่ทั้งสามยืนรอลิฟต์ ส่วนกลุ่มนักข่าวและฝูงชนหันไปสนใจคณบดีแทน ผมตัดสินใจยกโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหา ในขณะที่ตายังจับจ้องทุกการกระทำของเขา

   ธีร์รู้ว่ามีสายเข้า เขายกขึ้นมาดูแล้วหันมามองผมด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก สัญญาณรอสายดังอยู่ไม่นาน

   “เราไม่ได้คุยกันไว้แบบนี้นี่” ผมกรอกเสียงลงไปแล้วส่งสายตาขอร้องจากระยะไกล เด็กหนุ่มยังคงมองผมด้วยความนิ่งสงบ จนกระทั่งประตูลิฟต์ปิดลง

   “ธีร์…”

   
   ผมได้ยินเสียงลมหายใจ แล้วเขาก็วางสายไป โดยไม่พูดอะไรสักคำ


   






TBC*
อยากกรี๊ดอยากพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องไประบายกันที่ #จุ๊บที ในทวิตเตอร์น้า
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่แปด | UPDATE 28.9.2559 | Page 16 }
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 28-09-2016 20:41:23
ธีร์นี่เป็นคนสองบุคลิกป้ะ 555
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่แปด | UPDATE 28.9.2559 | Page 16 }
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 28-09-2016 20:48:08
แง้ หายไปนานนึกว่าจะกลับมาหวานๆทำไมมาพร้อมดราม่าละค้า ร้องห้ายย  :hao5:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่แปด | UPDATE 28.9.2559 | Page 16 }
เริ่มหัวข้อโดย: lazysheep ที่ 28-09-2016 21:00:28
เห็นจุ๊บอัพ ตกใจรีบกดเข้ามา หงิงยังหน่วงอยู่
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่แปด | UPDATE 28.9.2559 | Page 16 }
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 28-09-2016 21:02:12
ทุกอย่างมักมีเหตุผล...เดี่ยวธีร์ก็คงบอกเอง

จุ๊บเชื่อใจธีร์นะ

หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่แปด | UPDATE 28.9.2559 | Page 16 }
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 28-09-2016 21:03:49
 :m15:     ชีวิตดารามันก็มีสคริปแบบนี้แหละพี่จุ๊บ
เข้าใจนะแต่มันก้ออดผิดหวังไม่ได้
ว่าแต่ทำไมไม่ยอมจุ๊บกัน
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่แปด | UPDATE 28.9.2559 | Page 16 }
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 28-09-2016 21:05:39
ทำไมเป็นแบบนี้ :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่แปด | UPDATE 28.9.2559 | Page 16 }
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 28-09-2016 21:13:04
ฮือๆๆๆ ยิ่งค้างเข้าไปอี๊กกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่แปด | UPDATE 28.9.2559 | Page 16 }
เริ่มหัวข้อโดย: funnyvix ที่ 28-09-2016 21:23:54
ปริ่ม จะร้องไห้ พี่จุ๊บอัพ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่แปด | UPDATE 28.9.2559 | Page 16 }
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 28-09-2016 21:45:42
ดีใจมากที่จุ๊บทีกลับมา ฮือออออ คิดถึงมากเลย กลับมาอัพต่อไวๆนะคะ สู้ๆค่ะ

ส่วนตอนนี้ก็ยังหน่วงๆอยู่  :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่แปด | UPDATE 28.9.2559 | Page 16 }
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 28-09-2016 22:26:58
จะยังไงต่อละหว่า
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่แปด | UPDATE 28.9.2559 | Page 16 }
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 28-09-2016 22:44:14
 :katai1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่แปด | UPDATE 28.9.2559 | Page 16 }
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 28-09-2016 23:04:54
ให้พี่จุ๊บกับธีร์จูบกันเพื่อย้อนเวลากลับไปแก้ไขเรื่องที่เกิดขึ้นได้มั้ยล่ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่แปด | UPDATE 28.9.2559 | Page 16 }
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 28-09-2016 23:52:44
 :serius2:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่แปด | UPDATE 28.9.2559 | Page 16 }
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 29-09-2016 00:06:01
แงงงง ทำไมเป็นแบบนี้ แต่พอเข้าใจคงเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของดาราใช่มั้ย
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่แปด | UPDATE 28.9.2559 | Page 16 }
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 29-09-2016 00:08:06
กลับมาพร้อมความหน่วงและค้างไปอีกค่ะ โถๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่แปด | UPDATE 28.9.2559 | Page 16 }
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 29-09-2016 00:24:36
 :ling3: :ling3: :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่แปด | UPDATE 28.9.2559 | Page 16 }
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 29-09-2016 01:05:28
ตอนที่ธีร์พูดถึงพี่บุ๊คนี่สะดุ้งเลยจ้าาา
ตูชื่อบุ๊ค 555555555
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่แปด | UPDATE 28.9.2559 | Page 16 }
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 29-09-2016 06:26:23
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่แปด | UPDATE 28.9.2559 | Page 16 }
เริ่มหัวข้อโดย: Supak-davil ที่ 29-09-2016 11:19:52
จุ๊บอีกที
จะได้หยุดเวลามาเคลียกัน
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่แปด | UPDATE 28.9.2559 | Page 16 }
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 29-09-2016 11:37:40
สงสารธีร์แหะ..แต่จริงๆเรื่องข่าวแพร่กระจายเราโทษจุ๊บกะธีร์ทั้งคู่นะ

คือนี่เอะใจตั้งแต่ตอนจะพาไปโรงบาลแล้วว่าพาไปเลยเหรอ ธีร์เป็นดารานะ ภาพลักษณ์ล่ะ แล้วไม่โทรบอกผจก.หน่อยเหรอ ก็สะเพร่ากันเองจนมันกระทบภาพลักษณ์กระทบงาน ผู้ใหญ่ก็ต้องมาจัดการไหมล่ะ...

หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่แปด | UPDATE 28.9.2559 | Page 16 }
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 29-09-2016 17:44:59
คืออารายยยย
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่แปด | UPDATE 28.9.2559 | Page 16 }
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 29-09-2016 20:04:42
ธีร์คงทำอะไรไม่ได้หรอก  แม่กับผู้จัดการคงจัดการกันเอง

จุ๊บอย่าเข้าใจธีร์ผิดแล้วกัน  คนรักกันต้องเชื่อใจกันนะจ๊ะ 

ขอแบบฟิลกู๊ดนะคะ  อย่าดราม่าเลยนะ  ได้โปรด   :mew2:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่แปด | UPDATE 28.9.2559 | Page 16 }
เริ่มหัวข้อโดย: monetacaffeine ที่ 01-10-2016 10:39:11
สงสารพี่จุ๊บเบาๆ มีความไกลเกินเอื้อมเหลือเกินนนนนนน
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่แปด | UPDATE 28.9.2559 | Page 16 }
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 01-10-2016 12:34:48
อัพมาพร้อมความหน่วงที่ยิ่งกว่าเดิม
พี่จุ๊บอาจจะผิดหวังในตัวน้อง อาจจะไม่เข้าใจ
แต่ต้องเชื่อใจธีร์นะว่ามันมีเหตุผล
เราเชื่อว่าธีร์ๆม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้
แต่คงขัดคนอื่นไม่ได้ น้องไม่มีโอกาสพูดอะไรเลย
และคาดว่าไม่มีโอกาสคิดหรือตัดสินใจทำอะไรด้วยเหมือนกัน
จากนิสัยที่ไม่ค่อยไว้ใจใคร อารมณ์ร้อน จุดเดือดต่ำอะ
น้องโดนกดดันและบังคับมาพอสมควรเลยก่อนจะมาเป็นธีร์ในวันนี้
ทั้งนากคนใกล้ตัวอย่างแม่และผจกและจากสังคมที่คาดหวัง
พี่จุ๊บต้องรอฟังน้อง เชื่อใจน้องหน่อย
น้องมีเหตุผลแต่ยิ่งแสดงออกว่าผิดหวังน้องจะไม่พูดเพราะถือว่าตัดสินเค้าไปแล้ว

รอค่าาาา ชอบมากก อินนน
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่แปด | UPDATE 28.9.2559 | Page 16 }
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 01-10-2016 15:49:36
เฮ้ออออ หน่วงพิกลๆ แต่ก้อนะเปนดาราอ่ะ จะให้ขอโทษธรรมดาก้อไม่ได้หรอก เพราะว่ามันมีเรื่องชื่อสียงเงินทองมาเกี่ยว
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่แปด | UPDATE 28.9.2559 | Page 16 }
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 01-10-2016 19:07:59
เข้ามาลุ้นเอาใจช่วยให้ผ่านปัญหากันไปให้ได้นะคะ ^________^ สติคือสิ่งเดียวที่จะทำให้แก้ปัญหาได้ค่ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่แปด | UPDATE 28.9.2559 | Page 16 }
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 01-10-2016 20:46:40
ในแง่หนึ่งก็ดีนะ ทุกคนทำอะไรต้องได้รับบทเรียน

จุ๊บคิดดี สอนธีร์ดีมาก

แต่ผู้ใหญ่ที่พยายามปกป้องด้วยวิธีที่ผิดจะทำให้เรื่องราวเป็นไปในทางไม่ค่อยดี
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่แปด | UPDATE 28.9.2559 | Page 16 }
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 01-10-2016 22:02:57
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่แปด | UPDATE 28.9.2559 | Page 16 }
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 16-10-2016 07:24:02
เข้ามาอ่านครั้งแรกสนุกมากเลยครับ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่แปด | UPDATE 28.9.2559 | Page 16 }
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 16-10-2016 18:48:19
 :really2:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่แปด | UPDATE 28.9.2559 | Page 16 }
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 16-10-2016 19:15:51
ยังอยากอ่านต่อน้า
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่แปด | UPDATE 28.9.2559 | Page 16 }
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 16-10-2016 19:52:55
น่าสงสารธีร์ ....
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่แปด | UPDATE 28.9.2559 | Page 16 }
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 16-10-2016 19:56:07
พอเรื่องมันกลายเป็นข่าว ยากละที่จะขอโทษ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่แปด | UPDATE 28.9.2559 | Page 16 }
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 25-12-2016 12:32:08
หายไปอีกแย้วววว
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่แปด | UPDATE 28.9.2559 | Page 16 }
เริ่มหัวข้อโดย: aurusma ที่ 25-12-2016 19:34:57
ยังรออยุ่น๊าาาาา ><
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่แปด | UPDATE 28.9.2559 | Page 16 }
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 25-12-2016 20:35:00
คิดถึงจุ๊บที หายไปนานแล้วนะ กลับมาเถอะ  :sad4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่แปด | UPDATE 28.9.2559 | Page 16 }
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 25-12-2016 21:50:50
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่แปด | UPDATE 28.9.2559 | Page 16 }
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 27-12-2016 13:09:10
รอเลย
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เก้า | UPDATE 4.10.2560 | Page 18 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 04-10-2017 23:52:57

(http://www.uppic.org/image-730A_57571DD5.jpg)

จูบที่เก้า


   ผมรู้สึกผิดหวัง...ใครโดนแบบนั้นเข้าก็คงผิดหวัง

   แต่อย่างน้อยมันก็สอนให้รู้ว่า...ในเวลาที่เราคิดว่าเรารู้จักคนๆ หนึ่งดีพอ ความจริงเราอาจไม่ได้รู้จักเขามากขนาดนั้น

   หรือบางที ผมอาจไม่เคยรู้จักธีร์ ดำรงเดชเลยสักนิด


 
   “ครับ กลับดึกหน่อยนะแม่ เจอกันที่บ้านครับ”

   ผมกดวางสายจากแม่ที่บอกว่ากำลังจะกลับจากโรงพยาบาล มืออีกข้างหวดเข้าแก้มขวากะจะคร่าชีวิตยุงลายตัวที่ดูดเลือดผมอยู่สองนาน แต่ปรากฏว่าคว้าน้ำเหลว ไอ้ยุงผีบินหลบทัน ผมเลยโชว์โง่ตบหน้าตัวเองเต็มแรงไปหนึ่งที

   “โอ๊ย”

   โฟกัสที่นั่งข้างๆ ขมวดคิ้วงุนงง “มึงง่วงเหรอจุ๊บ”

   “เปล่า... เมื่อไหร่อาจารย์จะออกมาว้า เลือดกูจะหมดตัวแล้วเนี่ย”

   สามทุ่มแล้ว ผมยังอยู่ที่คณะ เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมรุ่น พี่ปีสาม และน้องปีหนึ่งจำนวนหนึ่ง กิจกรรมเชียร์ถูกสั่งให้งดชั่วคราวเนื่องจากเหตุการณ์เมื่อวาน และตอนนี้เรากำลังรอฟังชะตากรรมอยู่หน้าห้องประชุมของผู้บริหาร ที่ซึ่งแสงไฟริบหรี่ เซ็งแซ่ไปด้วยเสียงบ่น และเสียงตบยุง

   มือถือผมสั่น จังหวะนั้นในใจหวังว่าจะเป็นคนที่ผมโทรหาตลอดทั้งวัน ดาราวัยรุ่นคนนั้นที่ผมคิดว่าผมรู้จักเขาดี

   ธีร์แยกออกว่าอะไรถูกผิด และเขาจะต้องรู้ว่าสิ่งนี้มันไม่ถูกต้อง เขาจะไม่หายไปเฉยๆ แล้วทิ้งทุกอย่างไว้แบบนี้ เมื่อวานเรายังคุยกันเรื่องการปรับปรุงตัวอยู่เลย...

   พอยกหน้าจอขึ้นกลับพบว่าเป็นข้อความจากป้าสุดที่รัก


   เด้าผู้เร้าใจ: จะไปอียิปต์

   เด้าผู้เร้าใจ: เอาไรปะ

   เด้าผู้เร้าใจ: ผ้าห่อมัมมี่?

   เด้าผู้เร้าใจ: ขี้แมว?



   ผมถอนหายใจกึ่งขำกึ่งหน่าย ยังไม่ทันพิมพ์ตอบเสียงประตูเปิดก็ดังขึ้น คณบดีก้าวออกมาด้วยสีหน้าตึงเครียด วินาทีนั้นทุกเสียงบ่นเงียบลง ผมเก็บโทรศัพท์ทันที

   ชายวัยกลางคนในชุดเสื้อเชิ้ตสีอ่อนเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบนิ่งอย่างเคย เขาหยุดยืนอยู่ตรงหน้ากลุ่มรุ่นพี่ปีสามซึ่งรวมตัวกันอยู่ใกล้ประตูห้องที่สุด นักศึกษาเกือบร้อยชีวิตลุกขึ้นยืนรอฟังชะตากรรมของกิจกรรมเชียร์ในคณะ บรรยากาศรอบข้างเงียบจนน่ากลัว

   ผมได้ยินเสียงยุงบินวนเวียนอยู่ข้างหู มั่นใจว่าครั้งนี้ผมต้องคว้ามันไว้ได้แน่ๆ แต่ก็ไม่กล้าแม้แต่จะเอื้อมมือปัด

   คณบดีขยับกรอบแว่น เขาเม้มปากด้วยความลำบากใจก่อนจะเริ่มพูดกับพี่ประธานเชียร์ที่อยู่ด้านหน้าสุดของแถว

   “คณะผู้บริหารลงความเห็นกันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องเป็นไปตามระเบียบของมหา’ลัย เรื่องที่เกิดขึ้นร้ายแรงและส่งผลเสียต่อตัวมหา’ลัยมากเพราะข่าวออกไปด้วย” เขาเม้มริมฝีปากอีกครั้ง “และ...อาจารย์จำเป็นต้องให้ประธานเชียร์พักการเรียนเพื่อแสดงความรับผิดชอบ”

   ความตื่นตกใจปรากฏบนใบหน้านักศึกษาทุกคน ทันใดนั้นคำถามจากประธานเชียร์ที่เพิ่งโดนลงโทษหมาดๆ ก็ดังขึ้น

   “โอเคครับ ผมพักการเรียน แต่แผนเชียร์หลังจากนี้ก็ยังเหมือนเดิมใช่ไหมครับ”

   อีกครั้งที่ความกดดันพุ่งไปยังชายวัยกลางคนจนเขาไม่สามารถปิดความลำบากใจบนสีหน้าได้ “อาจารย์พยายามช่วยแล้วจริงๆ แต่มหา’ลัยลงมติว่ากิจกรรมเชียร์ของคณะเราในปีการศึกษานี้...คงต้องยกเลิก”

   ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบสงัด คณบดีพูดจบก็เดินไปตบไหล่พี่ประธานเชียร์ที่ยังนิ่งค้างอยู่ตรงนั้นและรับปากว่าพรุ่งนี้เช้าจะสื่อสารกับบอร์ดของมหา’ลัยเพื่อพิจารณาลดโทษอีกครั้ง แล้วเขาก็เดินฝ่าเหล่านักศึกษาเข้าลิฟต์ไป ครู่เดียวเท่านั้นเสียงก่นถึงความไม่ยุติธรรมก็ดังเซ็งแซ่

   ผมรู้สึกแย่กว่าเดิม ในขณะเดียวกันก็ฉุน แบบนี้มันไม่โอเคเลยสักนิด

   ผมล้วงโทรศัพท์ออกจากกระเป๋า ตัดสินใจโทรหาต้นเรื่องอีกครั้ง สัญญาณรอสายยาวนาน และเป็นแบบนั้นจนสายตัดไป

   กดโทรอีกครั้ง ในจังหวะที่เสียงลิฟต์ดังขึ้น การปรากฏตัวของคนที่ก้าวออกมาก็ทำให้ทั้งโถงเงียบสนิท

   ผมมองไม่เห็นในตอนแรกเพราะมัวแต่จดจ่ออยู่กับโทรศัพท์ ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวคือคณบดีกลับมาอีกครั้งเพื่อแจ้งข่าวสารบางอย่าง กระทั่งผมได้ยินเสียงเรียกเข้าเป็นเพลงแสนคุ้นหู เคล้าไปกับจังหวะสัญญาณรอสายของตัวเอง

   ฉันเพียงอยากขอหยุดเวลาไว้ก่อน เพียงชั่วคราวหากเธอรับรู้ว่ามันไม่ง่ายดายเท่าเดิม

   เพลงนั้นจากวันเฟรชชี่ไนท์ดังขึ้น พร้อมกับการกลับมาของเขา

   คู่เวรคู่กรรมคนนั้นที่ผมรู้จักดี



   ธีร์ยังคงน่ามองเหมือนอย่างเคยแม้จะอยู่ในสารรูปที่มันไม่ควรจะน่ามองเลย เขาใส่ชุดนักศึกษาผิดระเบียบ ปล่อยชายเสื้อลุ่ยออกนอกกางเกงและไม่ได้สวมเนคไท รอยช้ำจางๆ ตรงมุมปากกับผ้าก๊อซผืนบางตรงหางคิ้วกลับทำให้เขาดูเท่ขึ้นแทนที่จะดูแย่ ในมือข้างหนึ่งถือถุงพลาสติกที่ใส่อะไรบางอย่างไว้

   ผมกดวางสาย วินาทีนั้นเสียงเรียกเข้าของเขาก็หยุดลง

   ธีร์เดินเข้ามาหยุดอยู่ที่ปลายทางเดิน ในขณะที่อีกด้านหนึ่งคือเหล่านิเทศชนที่เหลือที่ค่อยๆ ขยับตัวเข้าไปชิดกันเป็นกลุ่มใหญ่ ภาพตอนนี้เหมือนสงครามการประจันหน้าระหว่างเด็กปีหนึ่งที่คิดต่อกรกับรุ่นพี่และเพื่อนกว่าร้อยชีวิต วัดกันที่จำนวนคนคงไม่ยุติธรรม   

   แต่ถ้าวัดกันที่อำนาจ ตอนนี้คนเป็นดาราได้เปรียบกว่าอยู่แล้ว

   “มึงยังจะกล้าโผล่หน้ามาอีกเหรอ” น้องโต้งประธานรุ่นถามเสียงกร้าวเหมือนธีร์ไปตีคนในครอบครัวตัวเอง หัวร้อนอะไรปานน้าน

   พี่ประธานเชียร์อาจจะเห็นท่าไม่ดีเลยรีบก้าวเข้าไปกันน้องสองคนไว้ก่อน แต่บอกตรงๆ ผมก็หวั่นกับทีท่าพี่เขาเองด้วยเหมือนกัน เพราะเขาคือคนที่ต้องโดนลงโทษทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักนิด ส่วนตัวการที่ทำผิดก็กำลังยืนสบตากับเขาตรงหน้า แววตาฝั่งนั้นก็นิ่งไม่ได้แสดงความรู้สึกใด

   “คุณจะมาหาเรื่องใครอีกครับ” พี่ประธานเชียร์ถามเสียงเย็นเยียบ แต่ธีร์กลับจ้องเงียบไม่ตอบอะไร ทำให้คนโดนพักการเรียนแค่นหัวเราะประชดและทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างให้อีกฝ่ายสำนึก ใจผมก็ภาวนาให้เขาแสดงท่าทีสำนึกออกมาสักที เรื่องทุกอย่างมันจะได้ง่ายกว่านี้อีกนิด

   ภาพในหัวผมคือธีร์โดนว้ากจนกองลงกับพื้นแล้วตอนนั้น แต่ก่อนที่จะมีใครพูดอะไรออกมา เด็กหนุ่มตรงหน้าก็ทำบางอย่างที่สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน

   อยู่ๆ ธีร์ก็คุกเข่าลงกับพื้น และก้มหัวให้กับรุ่นพี่ตรงหน้า เขาไม่ได้พูดอะไรหากเราก็รู้ในสิ่งที่เขาต้องการสื่อโดยอัตโนมัติ

   ธีร์ก้มอยู่อย่างนั้นเกือบนาที ในขณะที่พี่เชียร์ตรงหน้าก็อึ้งกินไปตามๆ กัน...รวมทั้งผม

   สุดท้ายเขาก็ลุกขึ้นยืนเหมือนเดิม ยืดตัวตรงและพูดออกมาด้วยโทนเสียงธรรมดา ทว่ากังวาน

   “ผมรู้ว่ามันอาจไม่ได้ช่วยอะไรมาก และการมาพูดตอนนี้มันอาจไม่ได้ช่วยอะไรเลย”

   “...”

   “แต่ผมขอโทษ ผมรู้ว่าผมล้ำเส้น ทั้งกับรุ่นพี่และเพื่อนทุกคน”

   ธีร์ไม่ได้พยายามมาก แววตาของเขาไม่ได้ฉายแววของความรู้สึกผิดจนใครต่อใครมองแล้วต้องเห็นใจ แต่ผมแน่ใจว่านั่นเป็นการกระทำที่จริงใจที่สุดที่เขาพอจะทำได้แล้ว

   “ป่าน...ใช่ไหม” เขาเดินแทรกตัวไปหาน้องผู้หญิงคนที่โดนลูกหลงจากเหตุการณ์เมื่อวาน เด็กหญิงผมยาวที่ยืนเกาะกลุ่มอยู่กับน้องปีหนึ่งอีกหลายสิบคนซึ่งธีร์จำชื่อได้โดยไม่แม้แต่จะชายตามองป้ายชื่อสักนิด

   “สิ่งที่เราทำมันไม่ใช่สิ่งที่ผู้ชายควรทำกับผู้หญิง และเราเสียใจที่ทำแบบนั้นกับเธอว่ะ”

   “...”

   “กูเสียใจที่ทำกับพวกมึงทุกคน” เขาหันไปพูดกับเพื่อนคนที่เหลือ ยื่นถุงพลาสติกสีขาวในมือแล้วแกะออกต่อหน้าทุกคน ด้านในมียาทาแผลหลายชนิดกองรวมกันอยู่ในนั้น

   “ไม่ได้ทำให้แผลพวกนั้นหายไปหรอก แต่...มันน่าจะทำให้แผลหายเร็วขึ้น”

   แววตาแสดงความเห็นใจเริ่มปรากฏบนดวงตาของน้องปีหนึ่งหลายคน ในขณะที่น้องบางคนยังดูออกว่าโกรธจากแววตาที่แข็งกร้าว โดยเฉพาะน้องโต้งประธานรุ่นที่จู่ๆ ก็เดินเข้าไปปัดถุงในมือธีร์ทิ้ง

   ถุงพลาสติกสีขาวหลุดออกจากมือ ขวดยาและปลาสเตอร์ปะแผลหล่นกระจายไปบนพื้น เสียงร้องด้วยความตกใจดังมาจากหลายทิศ น้องโต้งเดินเข้าไปประจันหน้าธีร์ใกล้ขึ้น มองหน้าคนเป็นดาราด้วยแววตาหาเรื่อง

   “มึงจะมาไล่ต่อยเขาไปทั่วแล้วก็เอายามายื่นให้ แบบนี้มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอวะ”

   “ตบหัวแล้วลูบหลังปะ”

   “สายเกินไปหรือเปล่า พี่เขาโดนพักการเรียนเพราะมึงนะรู้ยัง”

   มีเสียงสมทบจากน้องผู้ชายหลายคนในกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย รวมไปถึงเสียงของฝั่งที่รับคำขอโทษของธีร์ก็ดังขึ้นเช่นกัน

   “ให้อภัยดิ น้องเขาก็สำนึกผิดแล้วนะ”

   “เพื่อนกันอย่าโกรธกันนานเลยแก”

   “เอางี้ ให้เรื่องมันจบ เราขอเสียสละให้ธีร์ไปนอนห้องเราคืนนึง!” เสียงเจื้อยแจ้วจากน้องผู้หญิงคนหนึ่งทำให้ทุกคนเงียบและหันขวับไปมองทันที แล้วก็พบว่าเป็นน้องเก๋ไก๋สไลเดอร์อดีตประธานสีเขียวของผม...เจริญแล้วครับน้อง ว่าแต่ข้อเสนอนั่นมันเกี่ยวอะไรกับห้องเชียร์ฟะ

   “อุ่ย ผิดเวลาไปหน่อย ขอโทษค่ะ” น้องยิ้มแหย และก่อนจะเกิดความวุ่นวายและทุกคนแบ่งฝักแบ่งฝ่ายมากกว่านี้ เสียงของคนๆ หนึ่งที่ผมไม่คิดว่าเขาจะออกมาปกป้องธีร์ก็ดังขึ้นซะก่อน

   “น้องครับ พอเถอะนะ”

   พี่ประธานเชียร์ที่เพิ่งถูกสั่งให้พักการเรียนพูดเสียงหนักแน่น เขาเดินเข้ามาคั่นกลางระหว่างเด็กหนุ่มดาราดังกับฝั่งที่เหลือ ยกมือขึ้นดันทั้งคู่ออกห่างจากกันช้าๆ อย่างประณีประนอม สร้างความเงิบให้แก่ทุกคนไปตามๆ กัน

   “น้องรู้ไหมว่าพี่เปิดห้องเชียร์ขึ้นมาทำไม” เขาหันไปถามน้องโต้งที่กำลังตกอยู่ในอาการเหวอ ผู้เป็นประธานรุ่นมองหน้ารุ่นพี่ตาปริบๆ แล้วส่ายหัวช้าๆ “ใช่ ห้องเชียร์เป็นสถานที่ที่ฝึกวินัยให้น้องปีหนึ่ง แต่สิ่งที่พี่อยากเห็นมากกว่าวินัย คืออยากให้น้องทุกคนสามัคคีกัน

   “แล้วดูตอนนี้สิ นี่แหละสิ่งที่พี่ไม่อยากให้เกิดขึ้นที่สุด” เขาปรนลมหายใจด้วยความผิดหวัง “โอเคพี่เสียดายที่ต่อจากนี้จะไม่ได้รับน้องอีก แต่ช่างแม่งห้องเชียร์ ช่างเรื่องพี่โดนพักการเรียน พี่โอเคกับผลของทุกอย่างแล้ว แต่สิ่งที่พี่ไม่โอเคคือที่น้องทะเลาะกันแบบนี้ เข้ามาพร้อมกัน ควรจะรักกัน ช่วยเหลือกัน เราควรเป็นเพื่อนกันหรือเปล่า”

   นาทีนั้นฝ่ายต่อต้านธีร์ก็ต่างก้มหน้าละอายใจกับความหุนหันพลันแล่นเกินเหตุของตัวเอง หลายคนพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดเตือนสติของอดีตประธานเชียร์ที่นาทีนี้เราไม่สงสัยเลยว่าทำไมเขาจึงถูกเลือกเป็นผู้นำของพี่และน้องทุกชั้นปี

   เมื่อพี่เขาเห็นว่าทุกคนดูใจเย็นลง เขาเดินเข้าไปตบบ่าธีร์เบาๆ

   “กูดีใจที่มึงคิดได้นะ กูรับคำขอโทษของมึง มึงแม่งใจ” ธีร์ยิ้มเจื่อนให้รุ่นพี่ตอบ กระซิบขอบคุณแผ่วเบา จากนั้นพี่ประธานเชียร์ก็หันไปบอกกับคนที่เหลือ

   “เป็นเพื่อนกันอย่าโกรธกันนานเว้ย ถือว่าพี่ขอ”   

   เขาเข้าไปตบบ่าน้องโต้งและน้องปีหนึ่งอีกสองสามคน พูดประโยคทิ้งท้ายว่า ‘ไม่มีห้องเชียร์แล้วรุ่นนี้อาจจะเป็นนิเทศรุ่นที่สนิทกันที่สุดก็ได้ ใครจะรู้’ แล้วกลับหลังหันเดินออกจากตรงนั้น ทำให้พี่ปีสามผู้ใส่เสื้อสีแสดเอกลักษณ์ของนิเทศศาสตร์และปีสองกรูกันเข้าไปให้กำลังใจธีร์และน้องปีหนึ่งคนอื่นก่อนจะเดินตามกันไป

   น้องผู้หญิงคนที่โดนลูกหลงจากการกระทำของธีร์เก็บยาที่เกลื่อนกลาดกับพื้นขึ้นมาและกระซิบขอบคุณเขา แน่นอนว่ามีทั้งเพื่อนรุ่นเดียวกันหลายคนที่แสดงความเข้าใจ หากก็ยังมีบางส่วนที่ดูออกว่ายังไม่ให้อภัยเขาง่ายๆ อย่างเช่นน้องโต้งที่เดินออกไปเฉยๆ แบบไม่พูดอะไรสักคำ

   คิดในแง่ดี ไม่พูดอะไรก็ยังดีกว่าสาดความหัวร้อนใส่กันล่ะนะ

   “มึง กลับละปะ” โฟกัสถามผม ขณะที่คนบนระเบียงเริ่มบางตาลงเรื่อยๆ

   “มึงกลับก่อนเลย กู...อยากอยู่นี่สักพัก”

   “จะอยู่คุยกับน้องอะดี้” มันแซว ผมยู่ปากไม่ตอบอะไร โบกมือลาโฟกัสและเพื่อนคนอื่นที่กลับไปก่อน ราวกับเรานัดกันในใจ เพราะธีร์ก็ยังยืนอยู่ที่เดิมไม่กลับไปไหนเช่นกัน เรารอจนกระทั่งมั่นใจว่าระเบียงกว้างนี้เหลือแค่เรา ฝั่งนั้นเป็นฝ่ายที่เดินเข้ามาหาผม

   เขาอ้าปาก แต่ผมชิงพูดก่อน

   “ไม่ต้องพูดแล้วว่าขอโทษ วันนี้พูดเยอะไปแล้วเน้อ”

   เขายิ้มมุมปาก โปรยเสน่ห์ออกมาแม้ว่าไม่ได้ตั้งใจจะโปรยอย่างเดิม “จะถามว่าปกติเป็นคนนอนดึกไหมต่างหาก”

   ผมขมวดคิ้ว “ทำไมถามงั้น”

   “จะชวนไปทำอะไรก่อนนอน”

   “ฮะ?”

   “ปะ”

   “บอกก่อนดิว่าจะพาไปไหน”

   “ไม่บอก”

   “งั้นไม่ไป”

   “โห่ ไม่พาไปปล้ำหรอกน่า” เขาแหวอย่างน่าตี “มาไหม”

   เขายักคิ้วติดผ้าก๊อซหนึ่งจึ้กแล้วยื่นมือออกมาเชิงขออนุญาต ผมมองฝ่ามือกว้างนั้นแล้วทำท่าลังเลใจอยู่หลายวินาที

   มีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้วแหละ แค่อยากแกล้งให้เขาเก้อเล่นเฉยๆ

   “ไปก็ได้” ผมยักคิ้วตอบ ส่งมือให้เขาจับแต่โดยดี



(ต่อด้านล่าง)
ไปกรี๊ดกันมันส์ๆ ที่แท็ก #จุ๊บที ในทวิตเตอร์กันจ้ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เก้า | UPDATE 4.10.2560 | Page 18 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 04-10-2017 23:59:03

   ใช้เวลาอยู่ในรถของเขาที่แล่นออกมาแถบชานเมืองไม่กี่นาที รู้ตัวอีกทีเราก็มายืนอยู่หน้าซุ้มประตูเหล็กสนิมเขรอะบานใหญ่ ทางเข้าของสวนสนุก ‘Land of Dreams’ ที่เคยโด่งดังเมื่อหลายสิบปีก่อน กระทั่งโดนพิษทางเศรษฐกิจทำเจ๊ง และถูกปล่อยร้างมาจนถึงปัจจุบัน

   ธีร์ดูคุ้นชินกับสถานที่ เขาสะเดาะกลอนประตูเก่าๆ นั้นด้วยกุญแจที่หามาได้ยังไงก็ไม่รู้ ดึงโครงประตูใหญ่ให้เปิดออกพร้อมเสียดเอี๊ยดอ๊าด ก้าวเท้าเข้าไปด้วยความกระฉับกระเฉง

   แต่ผมยังยืนนิ่งอยู่กับที่

   ผมไม่เคยมาที่นี่มาก่อน แม้ตอนที่มันเป็นสวนสนุกที่กำลังรุ่งเรือง หรือตอนที่เหลือแค่โครงสร้างให้ระลึกถึงอย่างตอนนี้ ผมเคยได้ยินข่าวลือว่าที่นี่กลายเป็นที่ชุมนุมของพวกขี้ยา บางครั้งก็เกิดอาชญากรรม ที่สำคัญขึ้นชื่อเรื่อง...ผีดุ

   จะว่าป๊อดก็ได้ แต่สัญชาตญาณบอกว่ามันไม่ใช่ที่ที่ควรเข้าไปเลยอ่าาาา

   “เป็นไรไป” ธีร์ถามเมื่อสังเกตว่าผมไม่ได้เดินตามไปด้วย

   “กำลังคิดจริงจังว่าธีร์จะพามาปล้ำ จริงจังมาก”

   เขาหัวเราะออกมา “คิดมาก ไปหาที่คุยเฉยๆ”

   “เราจำเป็นต้องคุยที่นี่ชะ...ใช่ไหม” ไอ้จุ๊บ! เสียงสั่นเพื่ออะไร เด็กนี่รู้หมดว่ามึงป๊อดอ่า “เราเคยได้ยินเรื่องแบบว่า...มีคนมาพี้ยากัน หรือมาทำอะไรแปลกๆ ละก็เรื่อง...น่ากลัวๆ”

   ถึงคราวนี้ธีร์ระเบิดหัวเราะเสียงดังกว่าเดิมอีก ณ จุดนี้ผมรู้เลยว่าภาพพจน์พี่เทคสุดเท่ผู้เป็นที่พึ่งให้กับน้องผู้มาพร้อมกับพลังจูบหยุดเวลาที่แก้ไขปัญหาทุกอย่างได้ถูกทำลายลงแล้ว (เคยมีด้วยเรอะ)

   เขาหัวเราะจนหอบ ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากมองนิ่งๆ กึ่งรำคาญ มันมีอะไรน่าขำตรงไหน คนกลัวนะโว้ยยยยย

   “โอ...เค โอเค” ในที่สุดเด็กผิวหลอดไฟก็หยุดได้ “เมื่อก่อนมีคนมาเล่นยาที่นี่จริง แต่ตำรวจกวาดล้างไปหมดแล้ว เขาล็อกแน่นหนาจนใครเข้าไม่ได้แล้ว เห็นไหม” ธีร์ชูโซ่ที่คล้องกับแม่กุญแจขนาดใหญ่เป็นเครื่องยืนยัน

   “ที่เรามีกุญแจเพราะยามของที่นี่ให้มา” เขาตอบคำถามในใจผม “เมื่อก่อนแอบมาปีนเข้าจนเขาจับได้บ่อยๆ จนกลายเป็นเพื่อนกัน เขาเลยแก้ปัญหาด้วยการให้กุญแจมาซะเลย”

   “เฉย”

   “ไม่มีใครมาที่นี่บ่อยเท่าเราแล้วล่ะ เชื่อสิ” คนตัวสูงยืนพูด “ส่วนเรื่องน่ากลัวที่จุ๊บพูด หมายถึงผีปะ...”

   “มั้ง”

   “อาจจะมีก็ได้ แต่เราก็ไม่เคยเจอนะ”

   “ช่วยได้มากเลยธีร์ ขอบคุณมาก” ผมประชดหน้านิ่ง เขายิ้มแป้น

   “ไม่มีหรอกน่า เราอยู่นี่ทั้งคน ไม่ต้องกลัวหรอก”

   “แน่ใจนะว่าเข้าไปแล้วเราจะไม่เจอปัญหา”

   “อยู่กับเราพี่จุ๊บเคยเจอปัญหาเหรอ”

   ผมมองเขานิ่ง...ยังไม่รู้ตัวอีก

   “โอเคๆ เราสัญญาว่าจะไม่เจอปัญหา” ธีร์ยกมือขึ้นยอมแพ้และพูดยืนยันอย่างหนักแน่น ผมโคลงหัวแล้วก้าวเท้าตามเขาไป ผ่านกำแพงรั้วไม้เลื้อยสู่อาณาเขตของสวนสนุกร้างในความมืด โชคยังเข้าข้างที่มีแสงสลัวของพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวเหนือหัว และแสงจากโทรศัพท์ของเขานำทาง

   อากาศเย็นแต่เหงื่อผมผุดอย่างกับหน้าร้อน เราเดินผ่านหลักฐานของอดีตที่เคยสร้างความสนุกสนานให้เด็กและผู้ใหญ่มากมาย ที่นี่ถือเป็นสวนสนุกขนาดกลางซึ่งมีพื้นที่ไม่ถึงไร่ แบ่งสันปันส่วนเครื่องเล่นที่มีไม่ถึงสิบเครื่องกับพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจได้เป็นอย่างดี เราพบน้ำพุรูปปั้นตัวการ์ตูนที่เคยเป็นแลนมาร์กต้อนรับนักท่องเที่ยวตั้งอยู่บริเวณด้านหน้า หากตอนนี้ประติมากรรมนั้นกลายเป็นซากปรักหักพังและจมอยู่ในน้ำขังไปแล้ว เดินผ่านม้าหมุนสนิมเขรอะ รางรถไฟเหาะที่หักครึ่ง บ้านผีสิงที่เพิ่มดีกรีความน่ากลัวขึ้นไปเพราะมันอาจมีผีสิงอยู่จริงๆ หรือแม้แต่หัวมาสคอตของตัวการ์ตูนที่วางเกลื่อนกลาดตามมุมต่างๆ ทำให้ผมรู้สึกเหมือนโดนมองด้วยสายตาลึกลับตลอดเวลา นี่ถ้าจะมีตัวไหนขยิบตาให้จะไม่แปลกใจเลยนะ เพราะบรรยากาศมันโคตรเอื้อให้เป็นแบบนั้นเลยเชี่ยเอ้ยยยยย (สติแตก)

   ด้วยความที่เป็นคนไม่กลัวผี ผมจึงฉวยโอกาสแต๊ะอั๋งธีร์ด้วยการเกาะแขนเขาแน่นไปตลอดทาง พระเอกซีรี่ส์ดังไม่ทำอะไรนอกจากหันมาขำ ส่ายหัวเบาๆ และจูงผมไปจนถึงจุดหมาย

   ไม่กี่นาทีเราก็มายืนอยู่หน้า ‘จุดหมาย’ ของเขา…ชิงช้าสวรรค์ไซส์ตระหง่านตาที่มีความสูงราวตึกสามชั้น...ไม่ก็สี่

   ผมมองหน้าธีร์ที่กำลังแหงนมองเครื่องเล่นตรงหน้าอยู่ เขาเอ่ยปากถามผมขณะที่ยังจ้องอยู่แบบนั้น

   “กลัวความสูงไหม”

   “อย่าบอกนะว่าจะขึ้นไป” ผมแหวทีเล่นทีจริง

   “กลัวสินะ” ธีร์กระซิบ เออสิว้อยยย

   “ระหว่างความสูงกับผีกลัวอันไหนมากกว่ากัน” เขาละสายตาจากชิงช้าสวรรค์แล้วถามผมสีหน้าจริงจัง ใจผมอุทานว่าไอ้ฉิบหาย ชั่วขณะนั้นก็รู้สึกขาสั่นล่วงหน้าไปแล้ว

   “เราจำเป็นต้องทำ...”   

   “เอากระเป๋ามาให้เราสะพายดีกว่า” เขายื่นมือมาขอกระเป๋าสะพายบ่าของผม แต่สักพักก็ชักมือกลับ “หรือจะรอเราอยู่ข้างล่างนี่พร้อมเพื่อนๆ พี่ๆ ก็ตามใจ”

   ผมมองซ้ายมองขวาในความมืดแล้วเริ่มระแวงถึง ‘เพื่อนๆ พี่ๆ’ ของธีร์ขึ้นมา กัดฟันกรอดด้วยความจำใจ ยื่นกระเป๋าสะพายให้เขา คนตัวสูงรับมันไปสะพายพาดบ่าอย่างคล่องตัว แล้วดันตัวผมขึ้นบนโครงสร้างของเครื่องเล่นใหญ่

   “อย่าหันกลับมามองนะ” เขากำชับ แล้วเราก็เริ่มปีนป่าย ใจผมเต้นรัวเป็นกลองชุดตอนเราคลานขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆ กระนั้นผมก็ทำตามที่เขาบอก ไม่มองลงไปและพยายามจดจ่อกับคำพูดของเขาด้านล่างที่ชวนคุยตลอดทาง

   “ไม่ต้องกลัวนะ เราตามท้ายจุ๊บมาติดๆ...ตูดน่าตีดีจัง”

   และนั่นคือคำพูดที่ผมควรจะจดจ่อ...โว้ยยยยยย

   ไม่ถึงสิบนาทีเราก็มาถึงยอดของชิงช้า มันไม่เชิงเป็นยอดซะทีเดียว แต่เป็นเหมือนแผ่นเหล็กแข็งแรง (ปะวะ) ที่ผมเดาว่าช่างจะใช้เหยียบตอนใช้สร้างหรือซ่อมกลไกของเจ้าเครื่องเล่นยักษ์นี่ มันอยู่ในระดับที่ต่ำกว่ากระเช้าชิงช้าตัวที่สูงที่สุดหน่อยนึง ผมค่อยๆ พาดขาที่สั่นเทาไปบนแผ่นเหล็กนั้น ใจหล่นวูบตอนที่ทิ้งน้ำหนักลงแล้วได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดของมัน แต่พอมายืนเต็มตัวก็...ไม่เป็นไรแฮะ

   ตั้งตัวได้ก็ยื่นมือช่วยพยุงธีร์ขึ้นมา เขากระโดดลงแผ่นเหล็กอย่างคล่องแคล่ว พอยืนได้เต็มหน่วยก็ทอดสายตามองไปในความว่างเปล่า อ้าแขนกว้างแล้วสูดหายใจลึก ท่าทางผ่อนคลายเหมือนกับอยู่บนยอดภูเขาอะไรแบบนั้น

   “โคตรดีเลย” เขากระซิบพร้อมกับเสียงสายลมหวีดหวิวโชยเข้ามา ผมหันมองภาพตรงหน้าบ้างอย่างกลัวๆ กล้าๆ แต่แล้วก็เข้าใจว่าทำไมมันถึงโคตรดี

   ผมเห็นวิวของทั้งเมืองได้จากจุดที่เรายืน มันสูงมากพอที่เราจะทอดสายตามองผืนฟ้าสีดำขมุกขมัวซึ่งมีริ้วเมฆม้วนตัวกลบกันเหมือนสำลีบดบังพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว เราสามารถเห็นไฟสีสวยจากบนตึกระฟ้าส่องประกาย เส้นถนนคดเคี้ยว แสงของชีวิตบนถนน ดวงไฟจากบ้านเรือนผู้คนอยู่ไกลๆ ไล่มาจนถึงแหล่งชุมชนย่านชานเมืองที่ต้นไม้ชุกชุมจนดูเหมือนผืนป่าขนาดย่อม

   เรายังสังเกตเห็นพื้นที่ทั้งหมดของสวนสนุกได้จากตรงนี้ รั้วกำแพงเก่า เครื่องเล่นผุพัง เศษซากความสุขในความทรงจำใต้แสงจันทร์สีสลัว

   แรงสะกิดที่ขาขวาดึงผมให้ออกมาจากภวังค์ หันไปก็พบว่าธีร์นั่งทิ้งขาลงเรียบร้อยแล้ว ผมค่อยๆ หย่อนก้นลงบ้าง

   “เราชอบมาที่นี่บ่อยๆ” เขาเปรย ผมพยักหน้ายอมรับในคำพูดของเขาโดยอัตโนมัติ “เมื่อก่อนตอนยังเด็กเราก็ชอบอ้อนแม่นมให้พามา แอบออกมาตอนแม่ออกไปถ่ายละคร ที่นี่คือสวรรค์ช่วงสุดสัปดาห์ของเราเลยเว้ย จำได้ว่าชอบขึ้นรถไฟเหาะมาก แอบขึ้นทั้งๆ ที่ส่วนสูงไม่ถึง แล้วก็เจอเพื่อนเยอะมาก”

   ผมลอบมองเขานิ่งๆ ขณะที่แววตาของธีร์กำลังวาวโรจน์ไปด้วยความสนุกในวัยเด็ก   

   “แต่เล่นได้ไม่กี่ปีมันก็ปิด” เขายิ้มเจื่อน แววตาหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด “ตอนนั้นเริ่มเรียนมอต้นได้มั้ง โคตรเศร้า นอนร้องไห้อยู่ในห้องหลายวันเลย”

   “ร้องไห้จริงอะ อ่อนว่ะ” ผมแซวสมทบ ธีร์ยิ้มอย่างไม่ยินดียินร้ายแล้วเถียงออกมา

   “มันมีความสุขจริงนะเว้ย พี่จุ๊บเคยรู้สึกไหมว่าเวลาบางช่วงของเรามันก็มีค่ามากๆ จนเราอยากสตัฟฟ์มันไว้ตลอด เวลานั้นสำหรับเราคือช่วงที่เคยมาที่นี่เนี่ยแหละ”

   “เอ๊า อยู่ๆ ก็ปรัชญาเฉ้ย” ผมไม่เลิกล้อ ธีร์ส่ายหัวยอมแพ้แล้วเสหน้ามองวิวอย่างโกรธๆ ซึ่งแม่ง...น่ารัก
   
   “นายไม่เข้าใจหรอก”

   “ล้อเล่นน่า” ผมง้อ “เข้าใจดิ ตอนเด็กๆ เราก็เคยไปเที่ยวทะเลแล้วประทับใจมากเหมือนกัน”

   มุมปากช้ำแย้มรอยยิ้มออกมานิดหนึ่งเหมือนพอใจ ระหว่างนั้นมือของเขาก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อควานหาบางสิ่ง แต่จู่ๆ ธีร์ก็หยุดและหันมามองผม

   ฮึ?

   “เราชอบสูบบุหรี่ตอนมาที่นี่” ดาราหนุ่มเฉลย “แต่เราเคยสัญญากับพี่จุ๊บไว้แล้วว่าจะไม่สูบต่อหน้า”

   “มันเสี้ยนมากไหมอะ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ไม่เป็นไรนะ” ผมบอกไปตรงๆ เพราะไม่อยากให้เขาต้องมาทนทรมานเพราะความต้องการของตัวผม

   “เราโอเคน่ะ” เขาโคลงหัวทั้งที่คิ้วยังขมวดแน่น “มันแค่รู้สึก...น้ำลายหนืดๆ เฉยๆ”

   “มีหมากฝรั่งหรืออะไรพอช่วยได้ไหม” ผมถาม ชั่วขณะนั้นก็นึกอะไรออก ว่าแล้วก็เปิดกระเป๋าของตัวเองที่ธีร์สะพายไว้หลวมๆ แล้วควักบางอย่างออกมา

   “จูปาจุ๊ปส์?”

   “อื้อ ไม่รู้ช่วยได้เปล่า แต่น่าจะทำให้ลดอาการอยากได้...มั้งนะ”

   “จูปาจุ๊ปส์เนี่ยนะ”

   “จูปาจุ๊ปส์ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้ตลอดแหละ”

   เขาเลิกคิ้วเหมือนไม่เชื่อ แต่ก็ยอมรับมันไปจากมือผม มือกว้างค่อยๆ บรรจงแกะห่อกระดาษออกอย่างตั้งใจ ตอนนั้นเองที่ผมตระหนักว่าการได้มองดูผู้ชายที่คนทั้งประเทศตกหลุมรักนั่งแกะห่อจูปาจุ๊ปส์มันเป็นภาพอะไรที่หาดูยากจริงๆ

   “อาาาา รู้สึกดีขึ้นจริง” เขาบอกทั้งๆ ที่ยังแกะไม่เสร็จ

   “ยัง!”

   “อ้าว ต้องกินก่อนเหรอ” ยังจะกล้าตบมุข ผมถอนหายใจอย่างเพลียๆ แล้วพยักหน้าแบบขอไปที

   “อะ รู้สึกดีขึ้นจริง” ธีร์เพ้อหลังจากดันลูกอมรสหวานอมเปรี้ยวเข้าปาก “จะว่าไปนี่ก็นี่ก็เหมือนกันเนอะ”

   “นี่กับนี่ไหน” ผมงง

   “นี่” เขาคายจูปาจุ๊ปส์ออกมามอง แล้วชี้มันมาที่ผม “กับนี่”

   “ฮะ?”

   “ช่วยให้รู้สึกดีได้เหมือนกันไง”

   “โอ่โห้” ไม่รู้จะตอบอะไรได้แต่โห คารมไอ้เด็กนี่เหลือร้ายคงเส้นคงวาจริงๆ “กินไปๆ”

   เขาหัวเราะคัก แล้วดันจูปาจุ๊ปส์เข้าปากเหมือนเดิม ผมแค่นหัวเราะกับตัวเองอย่างเหนื่อยหน่าย ฉับพลันก็ได้ยินเสียงนาฬิกาข้อมือบอกเวลาห้าทุ่มดังขึ้น...ดึกพอสมควรแฮะ

   “ปกติก็ชอบมาที่นี่ดึกๆ น่ะเหรอ” ผมเปิดบทสนทนาภายใต้เสียงดูดจ๊วบจ๊าบของธีร์ นี่ดูดจริงจังไปปะเนี่ย

   “ก็เวลาเครียดๆ” เขากัดลูกอมเสียงดังกร๊อบ “วันไหนที่ถ่ายละครหนัก แต่ผู้กำกับไม่ให้ผ่านสักที วันไหนที่โดนพี่บุ๊คเฉ่ง หรือวันไหนที่แม่ด่า ก็ชอบมานั่งสูบบุหรี่เฉยๆ”

   “แล้ววันนี้ออกมาได้ไง เขาไม่ตามหากันให้วุ่นเหรอ”

   “หนีมาได้” คนมีจูปาจุ๊ปส์คาปากสารภาพ “ปิดไฟห้องนอนเหมือนหลับ แต่ที่จริงรอคนในบ้านหลับให้หมดแล้วย่องออกมาเงียบๆ”

   “อย่างกับในละคร”

   “แม่เราเขาห่วงหน้าตัวเองย่นมากกว่าสวัสดิภาพการนอนของเราอีก”

   เขาบอกหน้าตายทำให้ผมขำออกมา ยิ่งเห็นผมหัวเราะก็ตีหน้างงว่าผมขำอะไร...กลายเป็นว่าผมงงว่าเขาพูดเอาขำหรือพูดจริง โอ๊ย งงวุ้ย

   “พูดถึงแม่ธีร์แล้วเราก็สงสัย” ผมตัดความงงด้วยการตั้งคำถามใหม่ “ต่าย พิมพ์ผกาเคยด่าลูกตัวเองด้วยเหรอ”

   คนที่กล่าวถึงนางเอกแถวหน้าของเมืองไทยที่มีภาพลักษณ์ดีงามมาตลอด เธอแต่งงานกับโจ้ อำมาตย์ ดำรงเดช ช่างภาพชื่อดังของเมืองไทยและมีลูกชายคนเดียวคือธีร์ ครอบครัวนี้ได้รับรางวัลครอบครัวตัวอย่างจากกระทรวงวัฒนธรรมหลายปีติดต่อกัน แม้แต่พ่อแม่ของผมก็ยังเคยชื่นชมและเอาเป็นแบบอย่างด้วยซ้ำ

   ธีร์หันมามองผมด้วยแววตาเนือยๆ นัยว่า ‘ถามจริง?’

   “ปกติเราไม่ค่อยพูดเรื่องครอบครัวตัวเองกับใครหรอก แทบจะไม่พูดเลยด้วยซ้ำ” คนเป็นดาราบอก ชั่วขณะนั้นผมก็รู้สึกว่าตัวเองล้ำเส้นขึ้นมาทันที

   “ถ้าธีร์ไม่สบายใจจะพูด...”

   “ไม่ๆ กำลังจะบอกว่าปกติเราไม่พูดเรื่องครอบครัวกับใคร แต่ถ้าเป็นพี่จุ๊บเราโอเค”

   ผมไม่ตอบอะไร

   “พี่จุ๊บเรียนนิเทศ คงเข้าใจวงการบันเทิงดีระดับหนึ่งแล้วมั้ง” เขายิ้มแหย “ครอบครัวดีเด่น บุคคลน่าเอาเป็นแบบอย่าง...เราไม่รู้ว่าคนอื่นจะเป็นเหมือนเราไหม และเราก็ไม่ตัดสินดาราคนอื่นนะ…

   “แต่สำหรับเรา ภาพจริงๆ ของครอบครัวเราไม่ได้สวยแบบนั้นหรอก”

   “...”

   “จะเริ่มเล่ายังไงดี นึกภาพออกไหมว่าเราเติบโตมากับการเตรียมตัวกับการอยู่หน้ากล้องตลอดเวลา เราเรียนดนตรีตั้งแต่ห้าขวบ เรียนการแสดงตั้งแต่เจ็ดขวบ เริ่มถ่ายแบบตอนสิบสี่ เข้าวงการจริงจังตอนสิบเจ็ด...

   “น้องธีร์ ไปถึงกองต้องไหว้ทุกคนก่อนอันดับแรกนะครับ ธีร์ ยิ้มให้พี่นักข่าวเยอะๆ นะลูก ธีร์ ห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะเด็ดขาด ธีร์ ถ่ายรูปกับนางเอกคู่จิ้นนี่เอาแต่พองาม แค่พอให้เรียกกระแสพอนะครับ ธีร์ เวลารับรางวัลให้พูดถึงผู้มีพระคุณทุกท่านแล้วค่อยมาปิดท้ายที่พ่อแม่นะ ตามสคริปต์ที่เราท่องกันไว้...

   “ตอนได้รางวัลครอบครัวยอดเยี่ยมทุกปี ประโยคที่แม่เราให้สัมภาษณ์ว่าแม่จะสนับสนุนเราในทุกๆ สิ่งที่เราทำมันไม่จริงหรอก แม่แค่สนับสนุนเราในทุกๆ สิ่งที่แม่เลือกต่างหาก”

   ผมมองใบหน้าด้านหน้าตอนที่เขากำลังเล่าไปด้วย สังเกตเห็นความอ่อนล้าในแววตาขณะที่เขากำลังพรั่งพรูความจริงในมุมของผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่ในวงการบันเทิงตั้งแต่เกิด นึกขัดใจตัวเองที่อยู่ๆ ก็ดึงเข้าประเด็นละเอียดอ่อน ในขณะเดียวกันก็รู้สึกดีที่เขาระบายออกมา

   แปลกดีที่คำพูดจากความอัดอั้นพวกนั้นไม่ได้เจือไปด้วยความโกรธแค้นหรือตัดพ้อชีวิต ธีร์แค่เล่าออกมาด้วยโทนเสียงปกติ...ราวกับชินชากับเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นแล้ว

   และนั่นทำให้ผมยิ่งเห็นใจเขามากขึ้นอีก

   “บางทีเราก็สงสัยว่าเราอาจเป็นอย่างที่เขาพูดกัน” เด็กหนุ่มดารากัดจูปาจุ๊ปส์อีกครั้ง “เราก็ไม่เคยพูดกับแม่เรื่องนี้จริงจังหรอก แต่ตอนก่อนเราเข้าวงการมันมีข่าวลือว่าจริงๆ เราเป็นเด็กเก็บมาเลี้ยง”

   “ไม่มั้ง” ผมจับแขนเขาอย่างปลอบใจ

   “ใครจะรู้” เขายักไหล่ “อาจจริงก็ได้ นั่นอาจอธิบายได้ว่าทำไมเราเจอแม่ในที่ทำงานมากกว่าที่บ้าน นั่นอาจเป็นเพราะเขาไม่เห็นเราเป็นลูกหรือเปล่า พี่จุ๊บรู้ไหมว่าตอนที่เขาตัดสินใจจะแยกกันอยู่ เขาไม่ถามอะไรเราเลยสักคำ อ้อ ลืมไปว่าออกสื่อแล้วพวกเขายังรักกันดี จริงๆ พ่อกับแม่เราแยกกันอยู่มาสองปีแล้วน่ะ...ไงล่ะครับครอบครัวตัวอย่าง”

   ผมชะงัก ต่างจากธีร์ที่หลับตาแค่นหัวเราะเหมือนเล่าเรื่องตลก ภาพครอบครัวของธีร์บนหน้าสื่อที่มีแต่ความสมบูรณ์แบบถูกทำลายลงด้วยคำบอกเล่าของเขาราบคาบ ผมจินตนาการภาพบรรยากาศในบ้านเขาแล้วรู้สึกเสียดแปลบขึ้นมาเสียอย่างนั้น อาจรู้สึกได้ไม่เท่ากัน แต่ผมว่ามันคงไม่ง่ายกับการเผชิญกับความเงียบที่น่าอึดอัด ไหนจะความกดดันที่เขาต้องแบกรับ และความเหงาจากการที่บอกใครไม่ได้

   “บางทีเราก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นหุ่นที่โดนชักใยอยู่ จริงๆ นะ”

   “...”

   “เมื่อเช้าพี่จุ๊บก็เห็น ตอนที่แม่โผล่ไปคณะกับพี่บุ๊ค แก้ต่างแทนเรา แล้วเราไม่ได้พูดอะไรเลย”

   “...”

   “มันไม่ใช่เราไม่อยากพูด แต่เราพูดไม่ได้ เราไม่มีสิทธิ์จะทำแบบนั้น”

   “...”

   “ไม่มีโอกาสพูดอะไรแถมยังโดนคนทั้งคณะเกลียดอีก มันโดดเดี่ยวเหมือนกันนะเว้ยการเป็นหุ่นเนี่ย” เขาจ้องตาผมขณะเอ่ยประโยคนั้น ริมฝีปากแย้มกว้างแต่แววตาไม่ได้ยิ้มตามไปด้วย “เราไม่ได้ดึงดราม่าอะไรเลยนะเว้ย มันแค่เล่าแล้วสบายใจแปลกๆ อย่าทำหน้ามองเราเหมือนเป็นลูกหมาตกน้ำแบบนั้นดิ”

   ผมคลายรอยขมวดบนคิ้ว ประหลาดใจในความเข้มแข็งของคนตรงหน้า ในขณะเดียวกันก็คาดหวังให้เขาอ่อนแอบ้างก็ได้
   
   “ข้อแรก ธีร์ไม่ใช่หุ่นสำหรับเรา” ผมบีบมือเขาคล้ายตอกย้ำความหมายที่พูด ไม่รู้ว่าช่วยได้มากเท่าไหร่ แต่อยากน้อยมันก็เป็นสัญญาณว่าผมอยู่ข้างเดียวกับเขา

   “ข้อสอง คนทั้งคณะไม่ได้เกลียดธีร์ พูดตามตรงวันนี้เราภูมิใจในตัวธีร์มากนะ ยิ่งได้มาฟังก็ยิ่งภูมิใจ ขอบคุณจริงๆ ที่” ยังเป็นคนที่เราคิดว่าเรารู้จักดี และให้โอกาสเราได้รู้จักมากขึ้นด้วยการ “...เล่าให้เราฟัง”

   “ขอบคุณเหมือนกันที่อยู่ฟัง” เขาบีบมือผมตอบ อีกมือหนึ่งดึงก้านจูปาจุ๊ปส์ที่ถูกกัดจนหมดออกไปจากปาก “รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย”

   “ถ้าอยากรู้สึกดีอีกเมื่อไหร่ก็บอก เราฟังได้ตลอดเวลาแหละ”

   ผมเสนอ ตบตักเขาสองทีแล้วสูดหายใจรับลมเย็นๆ ที่พัดผ่านเข้ามาเป็นช่วง ทันใดนั้นเองเสียงเครื่องยนต์ดังกังวานจากเหนือหัวก็ดังขึ้น เครื่องบินลำหนึ่งบินหวือผ่านเราไปจนผมใจหล่นวูบ เชี่ย โคตรเฉียด โคตรใกล้

   จังหวะนั้นเองที่หูแว่วคำพูดของธีร์...อะไรสักอย่าง...เขาพูดอะไรกับผมสักอย่าง ทำให้ผมละสายตาจากพาหนะรูปนกปีกใหญ่ที่พุ่งทะยานเข้าหาดวงจันทร์แล้วถามเขากลับ

   “อะไรนะ”

   “เรา $(*$(*D*” อ่านปากไม่ออก เสียงเครื่องบินก็อยู่ใกล้เกินไปจนไม่ได้ยินอยู่ดี ผมยกนิ้วขึ้นจุ๊ปากบอกเขาให้รอให้เสียงเครื่องบินเงียบไปก่อน สักพักทุกอย่างก็กลับมาเหมือนเดิม

   “ตะกี้ว่าไงนะ” ผมเงี่ยหูฟังอีกครั้ง และรอบนี้ได้ยินถ้อยคำของเขาชัดเจนเต็มสองรูหู



   “เรารักพี่จุ๊บว่ะ”



(ต่อด้านล่าง)
ไปกรี๊ดกันมันส์ๆ ที่แท็ก #จุ๊บที ในทวิตเตอร์กันจ้ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เก้า | UPDATE 4.10.2560 | Page 18 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 05-10-2017 00:06:33
“เล่นอะไร” ผมสตั๊นไปแป๊บนึง ได้สติก็เสตามองอีกฝ่ายอย่างทีเล่นทีจริง คนผิวขาวสว่างไม่ทำอะไรไปมากกว่าการยืนยันคำนั้นด้วยรอยยิ้มเล็กๆ และกะพริบตาปริบๆ

   “ไม่ได้เล่น” เขาแก้ “เราล้อเล่นกับหลายเรื่อง แต่ไม่ใช่เรื่องนี้นะ”

   “...”

   “จะให้เราพูดอีกกี่รอบก็ได้ เรารักพี่จุ๊บ เรารักพี่จุ๊บ เรารักพี่จุ๊บ”

   “เดี๋ยวๆๆ” ผมหัวเราะ “ทำไมอยู่ๆ ก็พูดอะไรแบบนี้”

   “ก็เรารักพี่จุ๊บจริง”

   “แล้ว?”

   “เป็นแฟนกันไหม”

   เดี๋ยววววว เดี๋ยววววววว เรามาถึงจุดนี้ได้ยังไง ผมละสายตาจากเขาแล้วก้มหน้างุดเพราะหวังว่าการไม่มองเขามันจะช่วยให้ความร้อนบนหน้าหายไปได้ การพูดอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าของเด็กนี่มันทำให้อุณหภูมิในร่างกายผมเปลี่ยนเร็วยิ่งกว่าอากาศเปลี่ยนอีก กูจะเป็นไข้ไหมครับคืนนี้

   “จริงจังป้ะเนี่ย” ผมถามเขากลับแต่ก็ยังไม่(กล้า)สบตาตอบ

   “เราดูไม่จริงจังตรงไหน” เขายื่นมือมาจับคางผมเบาๆ แล้วดึงให้ไปสบตากับเขาช้าๆ “เป็นอะไรไป หน้าเราไม่น่ามองเหรอ”

   “เปล่า แค่ยังงงๆ ว่าอยู่ๆ เรามาคุยเรื่องเราได้ไง ตะกี้ธีร์แบบ...เออ เราเปลี่ยนอารมณ์ไม่ทัน”

   เขาหัวเราะ “โอเค เราจู่โจมไปหน่อย”

   “ไม่หน่อยนะ”

   “เราแค่มีความคิดว่าเรากับพี่จุ๊บก็รู้จักกันมาประมาณนึง เราก็แสดงออกมาตลอดว่าชอบพี่จุ๊บ เราชอบแบบชอบจริงๆ ขนาดมีเรื่องจูบกระชากวิญญาณอะไรนั่นเข้ามา เราก็ยังชอบ”

   “...”

   “เราชอบที่พี่จุ๊บเป็นคนเห็นความรู้สึกของคนอื่นสำคัญ แม้บางครั้งมันจะสำคัญกว่าความรู้สึกของตัวเอง เราชอบที่นายเป็นคนมีเหตุผล สอนเราให้ไม่ใช้อารมณ์ตัดสินทุกอย่าง เราชอบคุยกับพี่จุ๊บเพราะสบายใจ ซึ่งมีไม่กี่คนที่เราจะรู้สึกแบบนั้นด้วย เราชอบหน้าเวลานายหลับบนตักเรา เพราะนายอ้าปากน้ำลายยืด เห็นแล้วขำดี”

   “เกือบดีแล้ว”

   “พี่จุ๊บเป็นเหมือนจูปาจุ๊ปส์สำหรับเราว่ะ” คู่ชีวิตเอ่ย “เรามั่นใจ และเราก็คิดว่า...ถ้าความสัมพันธ์ของเราจะขยับขึ้นได้มันคงดี”   

   “...”

   “...”

   “...อย่าเงียบดี้ เราหวิวนะ” เขาพูดเชิงอ้อน “หรือพี่จุ๊บไม่ได้คิดแบบเรา...”

   “ไม่ๆ” ผมรีบแย้งเพราะกลัวเขาเข้าใจผิด แต่วินาทีต่อมาก็ตระหนักว่าตัวเองผิดที่รีบพูดไปนิด ธีร์ส่งสายตา ‘ฮั่นแน่’ มาให้ผมใหญ่

   “เราประทับใจ ภูมิใจ...”

   “ไม่อยากได้ใจบ้างเหรอ”

   “เออ ก็อยาก” อ้อนมากเจอตอกกลับแบบนี้เขาก็เงิบไปเหมือนกัน...สม หึๆ

   “เรารู้สึกอย่างเดียวกับธีร์แหละ เชื่อเราเถอะว่าเรารู้สึกแบบนั้นจริงๆ”

   “...เชื่อ”

   “แต่มันก็มีหลายอย่างที่ใหญ่กว่าความชอบของเรามาก เราอยากเรียนรู้ด้านอื่นของธีร์เยอะขึ้น ที่สำคัญกว่านั้นคือเราอยากให้ธีร์รู้จักเราให้เยอะกว่านี้จริงๆ” ผมอธิบายให้คนตรงหน้าฟัง “ชีวิตเราก็มีเรื่องที่ยากเหมือนกับธีร์น่ะล่ะ มันมีบางคนที่เราต้องห่วงถ้าเราตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง”

   “ที่บ้านไม่โอเคใช่ไหม?” เขาเดา ผมพยักหน้ายอมรับโดยดี

   “พ่อเราไม่ค่อยพอใจอะไรที่เราทำเท่าไหร่...เราแค่ไม่อยากให้เรื่องของธีร์เป็นอีกเรื่องที่ทำเขาผิดหวัง ไม่ใช่เพราะเราไม่อยากเป็นแฟนธีร์ แต่เพราะเราจริงจังกับเรื่องนี้มากนะ”

   “...”

   “มันจะเป็นอะไรไหมถ้าเราอยากอยู่อย่างนี้ไปสักพัก จนกว่าเราจะมั่นใจว่าพร้อมบอกที่บ้านจริงๆ”

   “สรุปว่านั่นคือคำปฏิเสธเหรอ” เขาถามด้วยแววตาน้อยใจ ผมส่ายหัวยืนยัน

   “มันคือคำสัญญาว่าจะตกลง”

   สายลมโชยพัดผ่านมาอีกครั้งขณะที่เราประสานตากันนิ่ง ในความเงียบเราได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดของสังกะสีที่ต้านลมจากด้านล่าง ยอมรับตามตรงว่าผมกลัวใจธีร์จะไม่ยอมรับเหตุผลนั้น และกลายเป็นอีกคนที่ผิดหวังในสิ่งที่ผมทำเหมือนกัน เขาไม่พูดอะไรไปหลายวินาที สักพักก็สูดหายใจลึก และถอนออกมายาวๆ

   “โอเค”

   “โอเค?”

   “เราจะรอวันที่พี่จุ๊บตกลง”

   ฟู่ววววว โล่งใจฉิบหายเลยวุ้ยยยย

   “ขอบคุณที่ให้โอกาสเรา” ผมยิ้มกว้าง แต่ยังไม่วายแหวเขาเพิ่ม “ว่าแต่...ขอเป็นแฟนบนชิงช้าสวรรค์เนี่ยนะ”

   “ทำไมอะ เป็นแฟนปุ๊บแล้วตกลงไปตายก็คุ้มนะ”

   “ไอ้บ้า” ดูเขาสิ “ไม่กลัวเราหัวใจวายตายบ้างเหรอตะกี้”

   “จุ๊บชินกับเราแล้วแหละ” ธีร์กล่าวหา “เหมือนชินกับจูบเราไง”

   “อย่าแม้แต่จะคิด” ผมพูดดักไว้ก่อนเพราะเขาชอบขโมยจูบผมปุบปับในทุกครั้งที่พูดอะไรประมาณนี้ แล้วคนข้างๆ ที่ยื่นหน้าเข้ามาจริงๆ ก็เหมือนถูกดักกลางทางให้ค้างเติ่ง ริมฝีปากที่กะว่าจะมาประทับบนริมฝีปากผมก็ทำท่าจูจุ๊บค้างไว้แบบนั้น
 
   น่าขำ แต่ก็สงสาร

   “รอเก้อเป็นแฟนแล้วยังต้องรอเก้อจูบอีกเหรอ” เขายังไม่ดึงหน้ากลับที่เดิม หากแต่พ่นประโยคที่ทำให้รู้สึกละอายใจชอบกล ผมมองริมฝีปากสีชมพูสดใสที่กลายเป็นสีม่วงนวลเพราะแสงจันทร์และความมืด อาการชั่งใจกำเริบอีกหน

   เฮ้อ...ก็ได้วะ

   นาทีที่ผมจะยื่นหน้าจะเข้าไปจูบตอบ ธีร์ก็ยกมือขึ้นมาจับหน้าผมแผ่วเบาแล้วกดลงช้าๆ ผมหลับตาเตรียมพร้อมจะรับความปรารถนาของเขา แต่ก็ต้องแปลกใจที่ริมฝีปากไม่ได้รับการตอบรับใดๆ

   ...แต่กลับเป็นหน้าผากที่รับจุมพิตนั้นแทน

   “เราไม่อยากหยุดเวลาไว้ให้นานกว่านี้” คนขโมยจุ๊บบนเหม่งพูดหลังถอนฝีปากออก “เราอยากให้เวลาผ่านไปเร็วๆ จะได้เป็นแฟนกับพี่จุ๊บเร็วๆ”

   ผมถอนหายใจออกมาแกล้มเสียงหัวเราะ รู้สึกถึงความอบอุ่นบนผิวสัมผัส ธีร์จุ๊บๆ หอมๆ พื้นที่เหนือคิ้วของผมต่อจากนั้นอีกสองสามรอบ...เหมือนคนได้ทีก็เอาใหญ่ แต่เอาเถอะ นาทีนั้นผมไม่อยากจะห้ามอะไรอีกแล้ว   

   “อย่ายอมแพ้ในตัวเรานะ”

   ...เพราะเราก็จะไม่ยอมแพ้ในตัวธีร์เหมือนกัน





   

Rong Kanchanaburirum

พี่จุ๊บครับ

Rong Kanchanaburirum

ผมประกวดเดือนหอคืนพรุ่งนี้

Rong Kanchanaburirum

มาเชียร์ผมด้วยนะ

   Jub Joompit

   โอเคครับ เดี๋ยวพี่ไป

Jub Joompit

สู้ๆ นะน้อง

Rong Kanchanaburirum

สู้คร้าบบบ

(สติ๊กเกอร์กระต่ายไฟท์ติ้ง)



   ผมวางโทรศัพท์ไว้กับโซฟาเฝ้าไข้ แล้วเดินไปรินน้ำใส่แก้วสีใสเผื่อว่าพ่อต้องการมัน วันนี้เป็นวันหยุด ผมว่างๆ เลยมาเฝ้าพ่อเป็นเพื่อนแม่เพราะวันธรรมดาไม่มีเวลามาทำแบบนี้ รู้อะไรไหมครับ...อาการมะเร็งในตัวพ่อผมดีขึ้นมากแล้ว และมีวี่แววว่าจะหายขาดและกลับบ้านได้ในเร็ววัน

   ผมวางแก้วไว้ข้างเตียง อยากจะช่วยแม่ปรนนิบัติแต่ก็กลัวตัวเองจะเกะกะเลยถอยมาอยู่ที่โซฟาเหมือนเดิมดีกว่า ภาพของแม่ที่กำลังป้อนข้าวต้มให้พ่อทำให้ผมนึกถึงธีร์ สงสัยว่าวันหยุดแบบนี้เขาจะทำอะไร เวลานั้นเองที่บทสนทนาของพ่อกับแม่ซึ่งกำลังวิพากษ์วิจารณ์สิ่งที่เกิดขึ้นบนจอทีวีดึงความสนใจผมไป และทำให้รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ชอบกล

   “ละครสมัยนี้ทำไมมีแต่อะไรอย่างนี้เนี่ย” พ่อบ่นไปขณะกำลังเคี้ยวข้าว ตาจ้องมองโทรทัศน์ที่กำลังฉาย ‘วัยรุ่นวุ่นรัก’ ซีรี่ย์ที่ทำให้ธีร์ดังเป็นพลุแตกจากบทพระเอกของเรื่อง ซึ่งตอนนี้กำลังฉายฉากร่วมรักของคู่เกย์ในเรื่องที่รับบทโดยดาราวัยรุ่นหน้าใหม่ ‘ฮัท’ กับ ‘ต๊อด’ อยู่

   “ทำไมอะ น่ารักดีออก” แม่ของผมโต้ เหลือบสายตามามองผมนิดหน่อยเพื่อบอกเป็นนัยว่าสนับสนุน

   “น่ารักยังไง พ่อดูยังไงมันก็ผิดธรรมชาติ ผู้ชายกับผู้ชายมันไม่ควรจะมาหวานแหววใส่กันแบบนี้ มันไม่ใช่วิสัย” พ่อบ่นแล้วกดรีโมทเปลี่ยนช่อง ผมกำลังโล่งใจที่ละครไม่ตัดไปฉากธีร์โผล่มาเพื่อเขาจะไม่ต้องได้เห็นแล้ววิพากษ์วิจารณ์ต่อ แต่กลายเป็นว่าเปลี่ยนช่องไปกลับเป็นสกู๊ปสัมภาษณ์ของเขาที่โดนนักข่าวรุมใหญ่

   “เนี่ย หน้าใสๆ แบบนี้ก็คงเป็นเกย์กับเขาเหมือนกันมั้ง” คราวนี้พ่อพูดถึงธีร์เต็มๆ ทำเอาใจผมตกลงไปที่ตาตุ่ม

   “ไม่หรอก คนนี้เป็นพระเอกน้องใหม่ ลูกต่ายพิมพ์ผกาที่พ่อชอบไง เนี่ยเห็นว่าเพิ่งเข้าเรียนปีหนึ่งคณะเดียวกับจุ๊บด้วย ใช่ไหมจุ๊บ” แม่หันมาถามผมที่ทำหน้าเหลอหรา เพื่อความเนียนผมก็เออออไปตามเรื่อง

   “ครับ”

   “เป็นลูกดาราอยู่แล้วจะมาเรียนนิเทศอีกทำไม แม่ก็สอนอยู่บ้านได้มั้ง เอาที่ไปให้คนที่เขาอยากเรียนจริงๆ เถอะ”

   ผมได้แต่เงียบ ภาวนาให้พ่อเปลี่ยนช่องไปอีกครั้ง และโชคดีที่พ่อทำอย่างที่หวัง หน้าจอทีวีกลายเป็นข่าวเครื่องบินโดยสารจากญี่ปุ่นที่ตกกลางทะเลเพราะโดนผู้ก่อการร้ายไฮแจ๊ค...ประเด็นของธีร์หลุดออกไปแล้ว...

   ผมพ่นลมหายใจ นั่งพิงโซฟาด้วยความรู้สึกโหวงเหวงในช่องอก ความยากอย่างแรกของผมคือการทำให้พ่อยอมรับว่าคู่ชีวิตของผมเป็นผู้ชาย และมันยากมากขึ้นอีกเท่ากับการทำให้พ่อยอมลดอคติต่อคนหน้าใสๆ ในจอทีวีนั้น...แค่คิดก็เหนื่อยใจแล้ว

   ชั่วขณะที่กำลังคิดมาก อยู่ๆ เสียงเปิดประตูห้องก็เรียกความสนใจของทุกคนในห้อง ไม่ป้าเด้าก็ลุงพร่ำมาเยี่ยม...ผมคิด

   หากสีหน้าตกใจของพ่อกับแม่กลับทำให้ผมต้องรีบหันไปมองว่าใครมา

   “สวัสดีครับ”

   คนตัวสูงในชุดสีดำอำพรางความโดดเด่นปรากฏตัวพร้อมกระเช้าผลไม้เยี่ยมคนป่วยขนาดใหญ่ เขาถอดหมวกแก๊ปสีแดงและแว่นกันแดดออกขณะที่ก้าวเข้ามา ผิวขาวเจิดจ้าและแววตาเป็นประกายถูกเปิดเผยพร้อมรอยยิ้มกว้างและคำทักทายอย่างนอบน้อม ท่าทางเดียวกับในจอโทรทัศน์เมื่อกี้นี้เป๊ะ


   “ผมชื่อธีร์ ธีร์ ดำรงเดช...เป็นแฟนพี่จุ๊บครับ”




โปรดติดตามตอนต่อไป

สาส์นจากตัวแม่*
1. ไม่ได้อัพมาประมาณ 1 ปี (รู้ว่าขอโทษจนคนอ่านเบื่อแล้ว แต่เชื่อเถอะว่าเราขอโทษและเสียใจจริงๆ ค่ะ)
2. จะกลับมาอัพต่อแล้ว และจะอัพต่อจนจบนะคะ
3. จะอัพทุกๆ วันพุธค่ะ
4. จะไม่ทิ้งน้องจุ๊บแล้ว สัญญา
5. รักคนอ่าน ขอบคุณที่รอออ หรือลืมไปแล้วว่ารออออ 5555

ไปกรี๊ดกันมันส์ๆ ที่แท็ก #จุ๊บที ในทวิตเตอร์ หรือไปสกรีมกันที่เพจ ตัวแม่ (https://www.facebook.com/ftheauthor/) จ้ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เก้า | UPDATE 4.10.2560 | Page 18 }
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 05-10-2017 00:55:36
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เก้า | UPDATE 4.10.2560 | Page 18 }
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 05-10-2017 02:04:23
ตามค่าา :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เก้า | UPDATE 4.10.2560 | Page 18 }
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 05-10-2017 10:27:57
ขอกรี๊ดต้อนรับการกลับมาของพี่จุ๊บน้องธีรฺ์และตัวแม่ค่าา ขอบคุณที่มาต่อนะคะเรายังรอเสมอ ได้อ่านตอนนี้ก็โล่งใจทิ้งท้ายไว้ตอนที่แล้วคิดว่าจะดราม่าซะอีก น้องธีร์ยังขี้หยอดเหมือนเดิมแถมตอนนี้รุกเร็วด้วย แต่เหมือนพี่จุ๊บจะบอกว่าลองดูกันไปก่อนไม่ใช่้หรอคะไหงน้องธีร์มาเปิดตัวเป็นแฟนของพี่จุ๊บกับพ่อแม่เขาแบบนี้ละคะเนี่ย เพิ่งโล่งใจว่าไม่มีดราม่าก็ขออย่าให้มีเลยนะคะ อยสกเห็นคู่นี้ได้เป็นแฟนกันเร็วๆสักที
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เก้า | UPDATE 4.10.2560 | Page 18 }
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 05-10-2017 11:48:52
เวลคัมแบ็คเน้อออ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เก้า | UPDATE 4.10.2560 | Page 18 }
เริ่มหัวข้อโดย: kkoyz ที่ 05-10-2017 22:09:44
กรี๊ดดดดด น้องธีร์กลับมาแล้ว ดีใจมากกก
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เก้า | UPDATE 4.10.2560 | Page 18 }
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 05-10-2017 22:58:01
ระบำฉลองการกลับมาของจุ๊บที :110011: :z7: :110011: :z7:
กลับมาคราวนี้น้องธีร์ปล่อยระเบิดใส่พี่จุ๊บกับคนอ่านอีกแล้ว 55555555
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ อย่าหายไปนานอีกนะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เก้า | UPDATE 4.10.2560 | Page 18 }
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 05-10-2017 23:47:57
ฮือออ คิดถึงคู่นี้มากๆเลยค่ะ ดีใจที่กลับมาา  :z3:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เก้า | UPDATE 4.10.2560 | Page 18 }
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 09-10-2017 22:53:39
^^
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เก้า | UPDATE 4.10.2560 | Page 18 }
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 10-10-2017 08:29:46
น้องจุ๊บคัมแบ็คคคค
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เก้า | UPDATE 4.10.2560 | Page 18 }
เริ่มหัวข้อโดย: Supak-davil ที่ 10-10-2017 13:31:15
ถึงแม้จะหายไปนาน
แต่กลับมาได้ฉ่ำปอดมาก
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เก้า | UPDATE 4.10.2560 | Page 18 }
เริ่มหัวข้อโดย: Mafiaziip ที่ 10-10-2017 14:30:00
เพิ่งได้อ่าน คือดีใจที่ไรท์กลับมาลงต่อ เป็นกำลังใจให้นะไรท์

เนื้อเรื่องน่าสนใจมากๆ คือไปยิ้มไป เขินไป คือเราอินตามตลอดเลย

น้องธีร์พี่จุ๊บสู้ๆ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เก้า | UPDATE 4.10.2560 | Page 18 }
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 11-10-2017 18:03:06
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบ | UPDATE 11.10.2560 | Page 18 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 11-10-2017 22:47:14

(http://www.uppic.org/image-730A_57571DD5.jpg)

จูบที่สิบ



   จนถึงตอนนี้ มีหลายสิ่งที่ผมพอจะรู้เกี่ยวกับธีร์ ดำรงเดช

   1. เขาเป็นลูกชายคนเดียวของพิมพ์ผกา ดำรงเดช นางเอกในตำนานของเมืองไทยที่แต่งงานกับอำมาตย์ ดำรงเดช ช่างภาพชื่อดังที่ตอนนี้ผันตัวไปทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์

   2. ผมรู้จักเขาตั้งแต่ม. 5 และเขาคือหนึ่งในคนที่มอบดอกกุหลาบให้ผมตอนเรียนจบ

   3. เขาเข้าวงการบันเทิงหลังจากนั้น ดังเป็นพลุแตกจากการเป็นพระเอกซีรี่ส์วัยรุ่นชื่อดัง

   4. เมื่อจบมัธยมปลาย ธีร์เลือกเข้าเรียนปี 1 ที่นิเทศศาสตร์ YU คณะเดียวกับผม

   5. เขาดันเป็นคนที่มีพลังหยุดเวลาได้เมื่อจูบกับผม

   6. แม่ผมบอกว่าคนที่ทำแบบนั้นกับเราแล้วเกิดพลังขึ้นได้ ก็คือคู่ชีวิตของเรา นั่นทำให้ธีร์กลายเป็นคู่ชีวิตของผมไปโดยปริยาย

   7. เขาขอให้ผมเป็นพี่เทคให้ด้วย (โลภมากชะมัด)

   8. เขาไม่ชอบการถูกบังคับ

   9. เขาเพิ่งขอผมเป็นแฟนเมื่อคืนก่อน เราตกลงกันว่าจะดูกันไปสักระยะ

   10.  ผมว่าเขาแยกไม่ออกระหว่างข้อบังคับกับข้อตกลง



   พิจารณาจากรูปการณ์แล้ว นี่มันควรจะเป็นเรื่องล้อเล่น

   “ผมชื่อธีร์ ธีร์ ดำรงเดช...เป็นแฟนพี่จุ๊บครับ”

   ทั้งประโยคแนะนำตัวของเขา ทั้งใบหน้าตื่นตะลึงของพ่อแม่ที่อ้าปากค้างจนแมลงวันบินเข้าไปไข่ได้ ทั้งอารามตกใจของตัวผมที่เบิกตาโตเท่าไข่ห่าน นี่มันควรจะเป็นเรื่องล้อเล่น หรือไม่ก็ฉากในความฝันของสาวๆ ทั่วประเทศที่บังเอิญถูกเซตขึ้นเพื่อเซอร์ไพร์สพวกเธอเพราะนี่คือรายการวาไรตี้ดาราสักรายการ

   แต่มันไม่ควรจะเกิดขึ้นกับผม

   ไม่ใช่ตอนนี้

   และโชคร้ายที่มันดันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นอย่างที่คิด

   แม่เป็นคนแรกที่ได้สติ เอื้อมมือรับกระเช้าของฝากจากธีร์ด้วยสองมือที่ดูก็รู้ว่ากำลังควบคุมไม่ให้มันสั่นแรงเกินไป ตามด้วยพ่อของผมที่ยกมือขึ้นรับไหว้หลวมๆ แต่ตายังกะพริบปริบๆ ไม่เชื่อภาพตรงหน้า จู่ๆ การปรากฏตัวของดาราดังก็เป็นเหมือนการปาระเบิดที่ไม่มีเสียงเข้ามาในห้อง

   ใครตายเหรอครับ ไม่เห็นต้องถาม

   “ขอโทษนะครับที่เข้ามาเยี่ยมแบบไม่ได้บอกล่วงหน้าเลย” พระเอกชื่อดังพูดอย่างนอบน้อม “พอดีถามจากพยาบาลข้างล่างแล้วเขาบอกเป็นชั่วโมงเยี่ยมไข้พอดี”

   “มะ...ไม่เป็นไรจ้ะ” แม่ของผมกระซิบ ยังคงติดอยู่ในวังวนของความเงิบ

   “พี่จุ๊บเล่าเรื่องเคยเล่าเรื่องครอบครัวให้ผมฟังหลายเรื่องเลย” เขายิ้มกว้าง “ในที่สุดก็ได้เจอพ่อแม่พี่จุ๊บสักที ยังไงผมฝากตัวด้วยนะครับ”

   เรื่องมันชักจะบานปลายไปกันใหญ่ สังเกตจากสีหน้าของพ่อแม่ที่ยิ้มเก้อๆ ให้แล้วผมก็รู้สึกกระอักกระอ่วนไม่ต่างกัน ผมว่าตัวเองต้องทำอะไรสักอย่าง

   “ธีร์” ผมกระแอม “เดี๋ยวเราขอคุยด้วยแป๊บนึงสิ”

   ผมเดินเข้าไปบีบแขนของเขานิดๆ เป็นการให้สัญญาณ ส่งยิ้มเย็นให้ด้วยความรู้สึกคุกรุ่นในช่องอก ธีร์หันมามองหน้าผมด้วยสีหน้าสงสัยราวกับเรื่องที่เขาทำมันไม่ผิดเลยสักนิด แต่ก็ยอมเดินตามแรงจูงของผมออกห้องมา

   ผมลากเขาเข้าไปในซอกเล็กๆ ระหว่างห้องคนป่วย แล้วโน้มหน้าจูบเขาเพื่อหยุดเวลาไว้ตรงนั้น ริมฝีปากเราประกบกันโดยไร้ความโหยหาใดๆ อย่างครั้งก่อนหน้า...อย่างน้อยก็สำหรับผม

   สีหน้าของธีร์เปลี่ยนไปทันทีที่ผมถอนริมฝีปากออก แววตาเต็มไปด้วยคำถาม “มีอะไรเหรอ”

   “ทำไมทำแบบนี้” ผมพยายามควบคุมเสียงตัวเองไม่ให้ดังเกินไปแม้จะรู้ว่าไม่มีใครได้ยิน ผมไม่อยากดุ ไม่อยากโกรธ หรือสร้างความขัดใจระหว่างเราทั้งคู่เพิ่มเติมอีกแล้ว เราเพิ่งผ่านการทำความรู้จักและปรับความเข้าใจต่อกันมาไม่นาน และผมไม่อยากให้ความรู้สึกดีๆ ที่กำลังจูนกันติดต้องถูกทำลายลง

   “พี่จุ๊บเคยบอกว่าการคุยกับคนในครอบครัวเรื่องของเรามันยาก”

   “แล้ว?”

   “เราก็เลยอยากทำเรื่องยากให้มันง่าย”

   คำตอบบวกกับท่าทางไม่รู้สึกรู้สาของธีร์ทำให้ผมฉุน ไม่แน่ใจว่าเขาเด็กเกินกว่าที่จะเข้าใจเส้นแบ่งของความเหมาะสมและการไม่มีกาละเทศะหรือเปล่า แต่มันคงไม่ใช่ เขาอายุน้อยกว่าผมแค่หนึ่งปี ชีวิตก็น่าจะผ่านความยากลำบากเรื่องครอบครัวมาเหมือนกัน...เรื่องอะไรควรหรือไม่ควรทำแค่นี้ธีร์น่าจะคิดได้

   โดยเฉพาะประเด็นละเอียดอ่อนซึ่งเราตกลงกันแล้ว ผมย้ำกับเขาแล้วว่าเรื่องนี้สำคัญ และมันมีผลต่อความสัมพันธ์ของเราโดยตรง

   แต่เขาก็ยังทำ

   “เราอยากให้เรื่องของเราก้าวหน้า เราทำผิดตรงไหน” ธีร์ถามผมด้วยแววตาฉงน สีหน้าเหมือนเด็กเอาแต่ใจที่ไปขโมยของคนอื่นแล้วกำลังกลบเกลื่อนความผิดตัวเอง

   “มันไม่ใช่เรื่องก้าวหน้าไม่ก้าวหน้า ธีร์กำลังหลงประเด็น...” ผมส่ายหัวด้วยความผิดหวัง “จะทำอะไรก็ได้เราไม่ว่า แต่ไม่ใช่การมาบอกพ่อแม่เราว่าธีร์คือแฟนเราแล้วทุกอย่างมันจะไปได้สวย”

   “...”

   “มันไม่ได้ง่ายแบบนั้น...เรานึกว่าวันก่อนที่คุยกันธีร์เข้าใจแล้วซะอีก”

   “เราเข้าใจ”

   “เข้าใจแต่ธีร์ก็เลือกที่จะทำแบบนี้”

   “เราคิดว่าเราแก้ไขมันได้ไง”

   “ธีร์ นี่พ่อแม่เรานะเว้ย เรารู้สิว่าเขาเป็นยังไง”

   “แต่...”

   “เราบอกว่าจะจัดการเองก็คือจัดการเอง เข้าใจไหมว่าเราไม่ต้องการความช่วยเหลือ” ผมเริ่มหัวเสีย ธีร์เงียบไปครู่หนึ่ง เขาดูอึ้งไปที่จู่ๆ ผมก็เสียงดังขึ้น หากต่อมาก็พ่นประโยคที่เป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้ายของผมออกมา

   “ทำไมทุกครั้งที่เราทำอะไรเพื่อพี่จุ๊บแล้วมันต้องกลายเป็นเรื่องผิดพลาดตลอดเลยวะ”

   “นี่แหละปัญหาของธีร์” สติผมขาดผึง รู้สึกถึงเสียงของตัวเองที่ดังก้องไปบนโถงทางเดินและไต่ระดับมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็หยุดความร้อนในช่องอกที่ดันออกมาคล้ายจะระเบิดไม่ไหว “ธีร์ไม่ยอมรับมัน ธีร์ไม่เคยรู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองผิด ไม่เคยเข้าใจอะไรสักเรื่องแล้วคิดเองเออเอง ทำอะไรโดยไม่ปรึกษาเราก่อนสักครั้ง ใช่ ธีร์หวังดี แต่กี่ครั้งแล้วที่เราต้องคุยกันแบบนี้ กี่ครั้งที่ความหวังดีของธีร์ทำให้เราต้องมาตามแก้ปัญหา”

   “...”

   “เรารู้ว่าธีร์ไม่ชอบให้บอกทำอะไรได้หรือทำอะไรไม่ได้...แต่ธีร์ทำแบบนี้ไม่ได้ว่ะ”

   “...”

    “ไม่ใช่ตอนนี้ ไม่ใช่แบบนี้”

   ผมพูดเสียงอ่อนลง ผ่อนลมหายใจหอบจากการโพล่งคำพูดออกมาเหมือนอ้วกนั้น แทนที่จะโล่งใจความเจ็บปวดกลับกัดกินหัวใจของผมพอๆ กับความรู้สึกผิด เรามองหน้ากันในความเงียบใต้แสงสะท้อนของกำแพงสีขาวในมุมลับอยู่ครู่หนึ่ง สบตากับดวงตาที่สะท้อนความผิดหวังในแต่ละฝ่ายออกมาไม่ต่างกัน

   เราไม่ควรจะมาทะเลาะกันแบบนี้เลย ไม่เลยสักนิด แต่เราไม่มีทางเลือก ถ้าไม่พูดแบบนี้ ผมกับธีร์ก็คงต้องมีสถานการณ์แบบนี้ด้วยกันอยู่เรื่อยๆ

   “เราไม่อยากไล่นะ” ผมเอนตัวพิงผนัง กัดริมฝีปากล่างอย่างกลั้นใจ “แต่ธีร์กลับไปก่อนได้ไหม...เรื่องพ่อกับแม่เราจัดการเอง”

   แววตาตกใจปรากฏขึ้นบนดวงตาของเด็กหนุ่มดาราไม่กี่วินาที จากนั้นเขาก็เม้มริมฝีปาก พยักหน้าเหมือนรับผลกรรมที่ตัวเองก่อ

   “เราว่าพี่จุ๊บไม่ได้อยากเป็นแฟนเราหรอก”

   แต่ก็ยังพูดประโยคที่สนับสนุนการกระทำของเขาออกมา...จนถึงตอนนี้เขาก็ยังคิดว่าตัวเองไม่ผิด จนถึงตอนนี้เขาก็ยังคิดว่าผมรักเขาไม่มากพอ…

   ผมแค่นหัวเราะ ไม่ได้เถียงอะไรออกไปเพราะมันคงไม่มีประโยชน์แล้วจริงๆ

   “เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้เราเป็นอะไรกัน”

   “...”

   “แฟนก็ไม่ใช่ พี่น้องก็พูดได้ไม่เต็มปาก”

   “...”

   “เราพยายามทำสิ่งที่เราคิดว่าถูก แต่ถ้านี่เป็นสิ่งที่เราสมควรจะได้รับ...” เขายิ้มประชดทว่าแววตาตัดพ้อชัดเจน “เราไปก็ได้”

   ใบหน้าของธีร์เคลื่อนเข้ามาใกล้แต่ผมไม่ได้รู้สึกถึงความพิศวาสใดอีกต่อไป ริมฝีปากของเราแตะกันราวกลั้นใจแล้วก็ผละออกจากกันอย่างรวดเร็ว ผมหลับตาฝืนความเจ็บปวด รู้สึกราวกับคู่สามีภรรยาที่จูบกันตามหน้าที่ ยังแสดงความรัก แต่ก็ไร้เยื่อใยต่อกันโดยสิ้นเชิง

   เวลากลับมาเดินเหมือนเดิม เขาสวมแว่นกันแดด ดันหมวกลงมาปิดต่ำเพื่อบดบังสายตาผู้คน กลับหลังหันออกไปโดยไร้คำลา

   นั่นเป็นครั้งแรกที่การจูบกับธีร์ ดำรงเดชไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดี

   สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกราวรานกว่านั้นคือ...แม้ผมจะอยากรั้งเขาไว้มากแค่ไหน ผมก็รั้งเขาไว้ไม่ได้อยู่ดี




(ต่อด้านล่าง)
อยากสกรีมกันมันส์ๆ ไปที่แท็ก #จุ๊บที ในทวิตเตอร์น้าค้า
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบ | UPDATE 11.10.2560 | Page 18 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 11-10-2017 22:49:39


   “เขาไม่ใช่แฟนจุ๊บนะครับ”

   นั่นคือคำที่ผมบอกพ่อกับแม่ ก่อนจะขอตัวออกมาจากห้องพักผู้ป่วยแล้วขังตัวเองอยู่ในสภาวะหลบหน้าทุกคนรอบตัวไปหนึ่งวันเต็มๆ ผมรู้สึกผิดกับสิ่งที่พูดกับธีร์ ในขณะเดียวกันก็รู้สึกฉุนและอยากโทรหาเขาอีกครั้งตอนที่เราใจเย็นลงแล้วทั้งคู่ แต่ความดื้อรั้นในตัวก็รั้งผมไว้ จังหวะเดียวกันนั้นก็อยากเปิดอกคุยกับพ่อแม่แล้วสารภาพทุกอย่าง แต่ความกลัวก็ตีตื้นขึ้นมาล้นใจจนทำอะไรไม่ได้

   หลายความรู้สึกประดังประเด จนสุดท้ายก็หลับไปทั้งอย่างนั้น จำได้ว่าเมื่อคืนผมได้ยินเสียงแม่เคาะประตู ตามมาด้วยประโยคแสดงความห่วงใยที่ฟังก็รู้ว่าแม่เข้าใจ...แต่ผมก็ยังไม่พร้อมจะคุยกับใครจริงๆ

   ตื่นขึ้นมาอีกทีในตอนเย็นของอีกวันเพราะเสียงโทรศัพท์ของคนที่โทรมาเตือนนัดที่ผมลืมไปสนิท

   [พี่จุ๊บ ถึงยังครับ]

   “นี่ใครนะ”

   [รองครับพี่ อีกครึ่งชั่วโมงจะขึ้นละนะครับผม]

   “เอ้อออออออออออออ” จำได้แล้วว่าเป็นน้องรหัสที่กำลังมีประกวดใหญ่ในวันนี้ ผมเออออและโกหกไปว่ากำลังเดินทาง ทั้งๆ ที่ตัวยังติดอยู่กับเตียง

   รู้ตัวอีกที ผมก็หนีการแก้ตัวกับที่บ้านมายืนอยู่ท่ามกลางเด็กมหา’ลัยหลายชั้นปีที่กำลังกรี๊ดกร๊าดกันอยู่ภายในหอประชุมใหญ่ ข้างกายคือโฟกัสเพื่อนสนิทที่มานี่เพราะน้องรหัสผู้หญิงของเธอที่ชื่อฝันหวานดันเป็นผู้เข้าประกวดดาวหอพักเหมือนกัน เราเลยแท็กทีมกันมาเชียร์น้องปีหนึ่งใต้การปกครอง แม้ว่าใจผมจะคำนึงไปถึงน้องอีกคนแทบจะตลอดเวลาก็ตาม...

   “จุ๊บ นั่นน้องรหัสมึงจริงเหรอวะ เชี่ยยยย เคะสัสสสสส”

   โฟกัสเรียกให้ผมมองคนที่เพิ่งจะปรากฏกายบนเวทีพร้อมกับผู้เข้าประกวดเดือนหอพักอีกห้าคน เขาเป็นตัวแทนของหอพักชายหมายเลขสามซึ่งเป็นหนึ่งในหกหอพักชายสังกัดมหาวิทยาลัย (หรือที่เด็กมอเรียกสั้นๆ ว่าหอใน) อธิบายก่อนว่ามหาวิทยาลัยของผมไม่ได้บังคับให้เด็กปีหนึ่งทุกคนให้อยู่หอใน แต่สำหรับคนที่อยู่นั้นก็จะได้เข้าร่วมกิจกรรมต้อนรับน้องใหม่ของหอพักซึ่งจัดขึ้นทุกๆ ปี ได้แก่งานที่ทุกๆ หอจะต้องส่งตัวแทนมาประกวดหาดาว-เดือนหอพัก...ซึ่งก็คืองานนี้นั่นเอง

   ธีร์ กาญจนบุรีรัมย์ หรือน้องรอง (ยังงงกับการตั้งชื่ออยู่เลยให้ตาย) ขึ้นเวทีด้วยรอยยิ้มกว้างโดดเด่น แม้ส่วนสูงจะน้อยที่สุดในหมู่ผู้เข้าประกวด และกล้ามจะใหญ่ได้ไม่เท่าคนอื่น แต่ใบหน้าสวยได้รูปของเขาและท่าทางการแสดงออกที่มั่นใจนั้นเรียกเสียงกรี๊ดจากสาวๆ ในหอประชุมได้พอสมควร คนตัวเล็กเคลื่อนไหวร่างกายด้วยท่าทางคล่องแคล่วในการแสดงเปิดที่เป็นเพลงจังหวะคึก เป๊ะมากจนดูรู้ว่าซ้อมมาหนักแน่นอน

   ผมมองเพลิน ยอมรับว่าน้องรหัสตัวเองเป็นจุดดึงดูดสายตาที่ไม่เป็นสองรองใครเหมือนชื่อมันจริงๆ กระทั่งการแสดงดำเนินมาถึงช่วงสุดท้าย แสงสปอร์ตไลท์ตามจับผู้เข้าประกวดรายคนที่จะเดินเข้ามาแนะนำตัวยังจุดหน้าสุดของเวที ห่างจากที่ที่ผมกับเพื่อนยืนอยู่ไม่กี่วา

   เมื่อถึงคราวรอง ผมส่งเสียงเชียร์ให้น้องรหัสตัวเองเต็มที่จนบางทีอาจจะดังไปนิด เขาสังเกตเห็นผมที่อยู่ขอบเวทีท่ามกลางเรือนคนนับผม

   รองยิ้มให้ผม ความดีใจฉายออกชัดทางแววตา อีกไม่กี่วินาทีก็เหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าต้องพูดใส่ไมโครโฟน

   “สวัสดีครับ ผมธีร์ กาญจนบุรีรัมย์ ชื่อเล่นชื่อรอง เป็นตัวแทนหอสาม มาจากคณะนิท่ด ถุ้ยยยย คณะนิเทศศาสตร์คร้าบบบบบ” เหมือนประหม่าจนพูดผิดพูดถูก แต่ก็เรียกเสียงกรีดครางจากมวลชนดังลั่น....ส่วนผมส่ายหัวแล้วขำกับความเปิ่นนั่น เมื่อกี้กูยังชมว่ามึงเป๊ะอยู่เลยนะโว้ยยย

   ช่วงเวลาหลังจากนั้นจนถึงงานจบ สายตาของเขาก็มองมาที่ผมบ่อยจนแม้แต่คนดูคนอื่นก็รู้สึก ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากยิ้มเป็นกำลังใจให้ และไม่น่าเชื่อว่าแม้รองจะล้น และชอบทำอะไรเงอะๆ งะๆ บนเวที แต่สุดท้ายเขาก็คว้าตำแหน่งรองเดือนหอมาได้(เฉย)...อาจเพราะความเงอะๆ งะๆ นั้นมันดูแล้วน่ารักในสายตากรรมการก็เป็นได้

   ผมรอเขาจนงานกระทั่งงานเลิก บนเวทียังมีคอนเสิร์ตของศิลปินต่อ แต่รองแว้บออกมาหาผมกับโฟกัส-ซึ่งน้องรหัสก็ได้ตำแหน่งรองชนะเลิศมาเหมือนกันที่ข้างเวที

   “พี่จุ๊บ” เจอกับปุ๊บเด็กนี่ก็กระโดดกอดผมปั๊บไม่อายสายตาคน ทำเอาผมไปไม่เป็น

   “ยินดีด้วยๆ” ผมไม่ได้กอดตอบ แต่ตบหลังเขาสองที สังเกตเห็นสายตาของโฟกัสที่มองมาเหมือนเห็นละอองความมุ้งมิ้งเกิดขึ้นระหว่างผมกับน้องรหัส ผมย่นคิ้วปฏิเสธให้มัน

   “ยินดีอะไร ผมได้ที่สองอะ” คนหน้าสวยถอนกอดแล้วเบ้ปากบอกผมเหมือนเด็กๆ “ไม่เท่เท่าที่หนึ่งหรอก”

   “บ้า เก่งแล่ว” ผมปลอบ

   “ครับ ยังไงขอบคุณที่มานะ เนี่ยถ้าพี่จุ๊บไม่มาก็ไม่ได้ตำแหน่งหรอก” คนหน้าสวยถอนกอดออกแล้วบอกผม “ว่าแต่จะให้รางวัลอะไรผมอะ”

   ผมหัวเราะออกมา แต่สีหน้ารองเหมือนรอคำตอบอยู่ทำผมตกใจ “พูดจริง?”

   รองเดือนหอพยักหน้าอย่างโคตรจริงจังมากๆ...ชิบหายแบ้วววว

   “อ่า...เดี๋ยวพาไปเลี้ยงข้าวเลย” ผมสัญญากับน้อง

   “โหยยยยผมล้อเล่น” รองยิ้มกว้างที่หลอกผมได้สำเร็จ “แต่ถ้าเลี้ยงจริงก็ไปนะครับ อิๆ”

   “แสบนะมึงอะ” ผมแซว กำลังจะรับปากว่าไว้จะไปเลี้ยงคราวหลังจริงๆ แต่เสียงของโฟกัสก็ขัดขึ้นซะก่อน

   “ไปๆ ไปกันคืนนี้เลย” เพื่อนผมบ๊อบเทของผมชวน “เนี่ยเดี๋ยวจะไปเลี้ยงฝันหวานพอดี สัญญากับน้องไว้ว่าหลังงานจะพาไปกินข้าวแถวมอ มึงไปด้วยกันเลยดิ น้องได้ตำแหน่งพอดี ต้องฉลองเว้ย”

   ผมหรี่ตามองเพื่อนเชิงตำหนิที่ไม่ถงไม่ถามสุขภาพการเงินกูซ้ากคำ แต่ด้วยความเป็นพี่ที่ดีและโคตรจะขี้เปย์ ผมจึงหันไปถามน้องรหัสว่า

   “จะไม่อยู่ดูคอนเสิร์ตใช่ไหม”

   อีกฝ่ายพยักหน้ารัวๆ กลับมา “อยู่ดูพี่จุ๊บดีกว่าเป็นไหนๆ”

   “เช” ผมตอบรับ รู้สึกหน้าร้อนแปลกๆ “งั้นไปฉลองกัน”


(ต่อด้านล่าง)
ไปสกรีมกันมันส์ๆ ได้ที่แท็ก #จุ๊บที ในทวิตเตอร์น้าค้า
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบ | UPDATE 11.10.2560 | Page 18 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 11-10-2017 22:52:10

   ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงต่อมาเราก็มาถึงร้านของการเฉลิมฉลอง ผม โฟกัส รอง และน้องฝันหวาน(ที่หน้าโคตรหวานสมชื่อ)โดยสารมาในรถคันเดียวของเพื่อนสนิท ทว่าพอถึงหน้าร้านปุ๊บ ผมหันหน้ามองไอ้โฟกัสทันที

   “กัส ไหนมึงบอกร้านข้าวอ่า”

   “เนี่ยก็ร้านข้าว” โฟกัสพยักเพยิดไปทางตึกชั้นเดียวที่ทาสีดำสนิททั้งหลัง ข้างหน้ามีการ์ดยืนคุมอยู่ใต้ชื่อร้าน ‘Paradise’ แออัดไปด้วยเด็กมหา’ลัยและวัยทำงานที่เดินเข้าเดินออกกันเป็นว่าเล่น เสียงอึกทึกของเพลงบีทหนักดังทะลุกระจกเข้ามาตั้งแต่เรายังไม่ได้ก้าวขาออกรถดี...เจริญแล้วจ้า “มันเป็นร้านข้าวที่มีเหล้าไงมึง”

   ครับเพื่อน...ขอบคุณที่แต่งประโยคความซ้อนให้กูฟัง

   “เราโอเคกันใช่ไหมอะ” ผมหันไปถามน้องๆ สองคนที่นั่งเบาะหลัง ซึ่งไม่สนใจกูเลยเพราะกำลังตื่นตาตื่นใจกับผับดังอยู่ “น้องจะเข้าได้เหรอมึง” ผมหันมาถามเพื่อนต่อ

   “กูรู้จักกับลูกเจ้าของ พาเข้าได้”

   “จริงเหรอคะพี่กัสสส” ฝันหวานถามมาด้วยเสียงงุ้งงิ้ง “งั้นหนูไม่รอพ่อใครมาตัดริบบิ้นแล้วนะคะ ไอ้รอง ลุย!”

   แล้วทั้งคู่ก็ลงไปจากรถด้วยความรวดเร็ว ผมถามเพื่อนด้วยความงงๆ “น้องมึงยังปกติอยู่ใช่ไหม”

   “ปกติพอๆ กับน้องมึงอะ ฮ่าๆๆๆ”

   “เออดี”

   “พูดถึงน้อง มึงไม่ชวนน้องเทคมึงมาเหรอ” โฟกัสถามถึงทำให้ความทรงจำเกี่ยวกับเขาฉายชัดขึ้นมาในหัวของผมอีกครั้ง อุตส่าห์ลืมไปได้สักพักแล้วนะพับผ่า

   “ไม่อะ”

   “โห่ ทำไมวะ น้องเทคมึงก็น้องเทคกูเหมือนกันนะเว้ย” โฟกัสแหว มันคือหนึ่งคนที่ไปลงชื่อเป็นพี่เทคของธีร์เมื่อวันรับขวัญน้องของปีสอง “ชวนธีร์มาดิ หนุกๆ”

   “ไม่เอา” ผมไม่กล้าบอกเหตุผลที่แท้จริงว่าเราเพิ่งทะเลาะกันออกไป ปกติผมจะบอกโฟกัสทุกเรื่อง แต่ตอนนี้ผมก็ยังไม่อยากเล่าเรื่องความสัมพันธ์ที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของผมกับธีร์ให้เพื่อนสนิทฟัง...ไม่ใช่กลัวว่าจะถูกเอาไปแพร่งพรายอะไรหรอก เพียงแค่มัน...อธิบายยากจริงๆ

   ความสัมพันธ์ของเรามันยังอยู่ในขั้นคาราคาซังที่แม้แต่ตัวผมเองยังไม่อยากนิยามมันเลย

   “ดาราเข้าผับ เดี๋ยวก็เป็นข่าวอีก” สุดท้ายผมก็บอกเหตุผลนี้ไป ทำให้เพื่อนสนิทถึงบางอ้อแต่โดยดี เราออกจากรถและตรงดิ่งเข้าผับใหญ่ที่เป็นศูนย์รวมความบันเทิงของเหล่านักท่องราตรีต่างวัย โฟกัสพาเราทุกคนซึ่งอายุยังไม่ถึงเข้ามาได้อย่างง่ายดาย ‘Paradise’ ตกแต่งด้วยสไตล์ลอฟต์ดูเท่กว่าผับทั่วไป แถมยังแบ่งพื้นที่ไว้เป็นโซนอย่างชัดเจน เริ่มจากประตูผับเข้ามาจะเห็นบาร์ที่มีนักดื่มนั่งเรียงรายกันอยู่ ถัดเข้าไปจะเป็นโซนสำหรับทานอาหาร และด้านในสุดคือแดนซ์ฟลอร์ที่บรรเลงดนตรีสดและเล่นเพลงจากดีเจสำหรับสายเต้น

   เราได้โต๊ะโซนอาหารที่ยังพอได้ยินเสียงเพลงจากห้องด้านใน ทุกคนสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะ พร้อมด้วยเบียร์อีกทาวเวอร์ใหญ่ จากคำขอของน้องรอง-รองเดือนหอที่ดูเสี้ยนแอลกอฮอล์เสียเหลือเกิน สงสัยคืนนี้ผมคงต้องดูแลบางคนเป็นพิเศษแน่ๆ

   “รอง ไหวเหรอ” ผมถามหลังจากรองกดเบียร์แก้วแรกใส่แก้วตัวเองแบบเพียวๆ

   “พี่ ผมคอแข็งมาก กินบ่อยฮะๆๆ” รองรับปาก แล้วเริ่มซดเบียร์เข้าไปอึกใหญ่โดยที่ข้าวยังไม่ถึงท้องสักเม็ด

   สิบห้านาทีต่อมา

   “ผมหวายยยยยยยยยยยย” คนเมาแอ๋หน้าแดงพูดเสียงดังจนเกือบจะถึงขั้นโวยวาย ไอ้เชี่ยเอ้ยยยยย กูโคตรขำ สิบห้านาทีที่แล้วยัง ‘กินบ่อยฮะๆๆ’ อยู่เลย

   “รอง ใจเย็นๆ เว้ย ค่อยๆ กิน” ผมเรียกสติคนตาเยิ้มท่ามกลางเสียงหัวเราะของฝันหวานกับโฟกัสที่หัวเราะไม่หยุดมาหนึ่งนาทีแล้ว...ไอ้พวกนี้ก็อันตราย หรือมันจะเป็นสัญญาณที่บอกว่าไอ้จุ๊บต้องดูแลทุกคนวะ

   “เอ้า ชน!”

   หมดแก้วที่สองไปไม่ทันไรรองก็เริ่มแก้วที่สามของตัวเอง...และตามมาด้วยแก้วที่สี่...แก้วที่ห้า...แก้วที่หก...เรื่อยๆ จนหมดคืน

   และมันเป็นจริง ผมใช้เวลาส่วนมากในการกินข้าวสลับกับดูแลทุกคนที่เฮฮากับการเฉลิมฉลองเสียเหลือเกิน เราเล่นเกมหมุนขวด แลกความลับ และเกมอื่นในวงเหล้ากันจนกระทั่งผับปิด น้องทั้งสองคนเมาแอ๋ ยังดีที่ไอ้โฟกัสยังมีสติพอที่จะเดินตัวตรงๆ และขับรถกลับได้ มันไปอ้วกในห้องน้ำทีหนึ่งและกลับมาให้ผมเช็คสติจนมั่นใจ เราจึงตัดสินใจที่จะกลับไปส่งน้องๆ ที่มหา’ลัยกัน

   ผมนั่งรอโฟกัสที่แบกน้องฝันหวานไปที่รถอยู่หน้าผับ รอบกายมีคนบางตา ผมไม่ได้ดื่มเลยจึงสังเกตเห็นความวายป่วงที่น่าขำของคนเมารอบตัวชัดๆ หนักสุดคงจะเป็นคนข้างๆ

   ลมหายใจของคนตัวเล็กมีกลิ่นห่าเหล้าคละคลุ้ง ผิวขาวตั้งแต่ใบหน้าจนถึงลำคอนั้นกลายเป็นสีแดงแจ๋เพราะฤทธิ์เหล้า ใบหน้ารูปสวยหลับตาพริ้มขณะพิงไหล่ของผม มีรอยยิ้มเปื้อนมุมปากที่พึมพำออกมาเป็นภาษาบ้างบางคำ หรือบางครั้งก็เรอออกมาจนผมอดขำไม่ได้

   “พี่จุ๊บๆ” อยู่ๆ คนข้างๆ ก็โคลงหัวขึ้นมาเรียก

   “ว่าไง ไหวปะเนี่ยรอง กินน้ำป่ะ” ผมเอื้อมมือหยิบน้ำข้างตัวขึ้นมา แต่รองเดือนหอพักกลับส่ายหัวรัวๆ

   “ไหวฮับ” เขาตอบรับ “ผมแค่อยากเล่นเกม”

   “เกมอะไรอีก เล่นมาทั้งคืนยังไม่พออีกเหรอ” ผมหัวเราะ

   “ยังไม่พอๆ” คนเมาคะยั้นคะยอ “มาเล่นเกมแลกเปลี่ยนความลับกันอีกรอบดีกว่า เล่นบนโต๊ะตะกี้ไม่หนุกเลย ผมขอถามว่าพี่จุ๊บกับธีร์นี่เป็นอะไรกัน”

   คำถามของรองทำให้ผมเงียบไป

   “รอง แกเมาละ”

   “แลกความล้าบๆๆๆ” เขาโยเยเป็นเด็กๆ งอแงอยู่อย่างนั้นเหมือนรอให้ผมตอบคำถามสักที

   “...”

   “...”

   “...ไม่ได้เป็นอะไรกัน”

    “ค่อยโล่งใจหน่อย” คนหน้าแดงกระซิบ

   “ว่าอะไรนะ”

   “บอกว่าค่อยโล่งใจหน่อย”

   “เฮ้ย...” ผมชะงัก “ละ...โล่งใจทำไม”

   “ผมจะได้มีความหวัง”

   “...”

   “...”

    “...นี่ล้อเล่นใช่ไหม”

   “ตามกติกาต้องแลกเปลี่ยนความลับกันอีกข้อ”

   “...รอง ไม่เอาเว้ย”

   “พี่จุ๊บจำกระดาษที่ถามตอนค่ายเจ็ดวันได้ไหม ที่ถามว่าพี่จุ๊บมีแฟนยัง”

   “ไม่ได้ กลับบ้านกันเถอะ รถโฟกัสมาแล้ว”

   ผมบอกน้องทั้งๆ ที่ไม่มีรถคันไหนมาจอดเทียบท่าสักคัน บอกไปแบบนั้นเพราะอาจกลัวประโยคที่คนเมากำลังจะพูดถัดมา...กลัวว่าสิ่งที่เขาพูดจะเป็นเหมือนที่ใครต่อใครบอกว่า...คนเมามักจะพูดความจริง



   “ผมเป็นคนเขียนกระดาษแผ่นนั้นเอง”



โปรดติดตามตอนต่อไป

ไปสกรีมกันมันส์ๆ ได้ที่แท็ก #จุ๊บที ในทวิตเตอร์น้าค้า
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบ | UPDATE 11.10.2560 | Page 18 }
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 11-10-2017 22:54:44
ว้ายยยยยยยยยยยยยยย

ทำไมฮอตเฟ่อละ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบ | UPDATE 11.10.2560 | Page 18 }
เริ่มหัวข้อโดย: Pirepear ที่ 11-10-2017 23:04:45
แอบสงสารธีร์ แต่ก็เข้าใจพี่จุ๊บนะ ธีร์ต้องใจเย็นกว่านี้อ่ะ รองน่ารัก หมั่นไส้อิพี่ ฮอตเวอร์นะคะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบ | UPDATE 11.10.2560 | Page 18 }
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 12-10-2017 02:11:26
โธ่ดราม่าซะแล้วก็เข้าใจธีร์นะว่าอยากคบกับพี่จุ๊บเร็วๆแต่ก็ต้องเข้าใจด้วยว่าบางทีชีวิตอาจจะไม่ได้ง่ายเหมือนละครมันต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป ส่วนพี่จุ๊บเองก็รู้ว่าฉุนที่น้องทำอะไรไม่คิดแต่ก็น่าจะพูดกันตรงๆแบบดีๆสาดอารมณ์ใส่กันมีแต่แย่กับแย่อะ ส่วนน้องรองนั้นตอนแรกเราคิดเอาไว้ว่าจะหล่อๆคมๆแมนๆซะอีกไม่คิดเลยว่าน้องจะเคะ แบบนี้มาจีบพี่จุ๊บจริงๆเหรอไม่ใช่แอบชอบธีร์แล้วทำเป็นจีบพี่จุ๊บเพื่อให้เขาแยกกันหรอกนะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบ | UPDATE 11.10.2560 | Page 18 }
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 12-10-2017 06:35:19
ถถถถ จุ๊บเอ๊ยยยย ธีร์ใขร้อนไป แต่จุ๊บก็พูดไม่ชักเจนเองนิ ทำท่าเหมือนยอมน้อง เพราะเป็นคนดีสินะ ใจดีตลอดเลย
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบ | UPDATE 11.10.2560 | Page 18 }
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 12-10-2017 06:49:51
เอ้าหน่วงไปอีกดราม่าไปอีกกก แงงง มีรองเข้ามาอีกกก ชีวิตพี่จุ๊บควายนั้นหนักหนาสาหัส
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบ | UPDATE 11.10.2560 | Page 18 }
เริ่มหัวข้อโดย: Mafiaziip ที่ 12-10-2017 10:12:50
รองงงงงงว่าแล้ววววน้องรองงงงงงงงงง !!!!!!

ตอนนี้ก็ดราม่าปวดจิตปวดใจเหลือเกิน  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบ | UPDATE 11.10.2560 | Page 18 }
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 12-10-2017 10:48:43
ไม่เอาหน่วงใจแบบนี้ ใจคอไม่ดีเลย สงสารน้องธีร์
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เก้า | UPDATE 4.10.2560 | Page 18 }
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 12-10-2017 13:12:17
น้องธีร์ หนูเปิดตัวแรกมากลูก อ๊ายยยยยยยย :-[
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบ | UPDATE 11.10.2560 | Page 18 }
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 12-10-2017 15:51:36
น้องธีร์กำลังจะโดนแย่งแล้วๆ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบ | UPDATE 11.10.2560 | Page 18 }
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 12-10-2017 18:24:51
ตามอ่านจนทัน สนุกมาก แรกๆน่ารักมากกกก อ่านไปกรี๊ดไป

พล็อตแฟนตาซีแต่สนุก น่าสนใจมาก  ชอบป้าเด้าสุดละ 555 ป้าแกฮาจริง

ตอนล่าสุดนี่สงสารธีร์  และก็เข้าใจจุ๊บ

คนนึงคิดมากไป คนนึงคิดน้อยไป
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบ | UPDATE 11.10.2560 | Page 18 }
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 12-10-2017 21:21:28
 :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบ | UPDATE 11.10.2560 | Page 18 }
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 12-10-2017 21:37:58
ตอนที่แล้วเพิ่งจะเคลียร์กันไป ตอนนี้ทะเลาะกันอีกแล้ว  :sad4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบเอ็ด | UPDATE 18.10.2560 | Page 19 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 18-10-2017 22:55:59

(http://www.uppic.org/image-730A_57571DD5.jpg)

จูบที่สิบเอ็ด



   คำพูดของรองวนเวียนอยู่ในความคิดผมตลอดทางกลับบ้าน

   ใช่ว่าผมจะไม่รู้สึกว่าท่าทางกระลิ้มกะเหลี่ยที่เขาแสดงออกชัดเจนนั้นแปลกเกินกว่าคนเป็นพี่น้องจะทำกัน ผมรู้สึกตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอเขาและรู้สึกมาตลอด พยายามคิดว่าการกระทำแบบนั้นคงเป็นนิสัยส่วนตัวของรองเอง แต่พอมาเจอแบบนี้ ผมถึงรู้ว่าน้องมันจริงจัง

   ท่าทางดีใจเกินเหตุตอนเขารู้ว่าผมเป็นพี่รหัส...การมองผมแบบไม่คลาดสายตานั้น...หรือการเจอกันแล้วกระโดดกอด...ทุกอย่างมันเมกเซนส์ไปหมด ผมไม่ได้คิดไปเอง

   กระอักกระอ่วน แน่ล่ะมันทำให้ผมกระอักกระอ่วน ผมไม่เคยโดนบอกชอบจริงจังแบบนี้บ่อยๆ นี่ครับ อันที่จริงตั้งแต่เกิดมาผมก็เคยโดนแบบนี้จากคนๆ เดียวเท่านั้น...ใช่ครับ ไอ้ลูกดาราคนที่เพิ่งทะเลาะกันเมื่อวานนั่นแหละ

   ...ผมจะปฏิเสธความรู้สึกดีๆ นั้นลงคอได้ยังไง

   “งว้ากกกกกกกกก” ผมปิดประตูบ้านแล้วทึ้งเส้นผมหยักหนาของตัวเองด้วยความปวดหัว ส่งเสียงร้องออกมาในบ้านยามวิกาลที่มืดสนิทและเงียบงัน พอรู้ตัวว่าเสียงตัวเองอาจทำให้คนในบ้านตื่นก็หุบปากโดยพลัน มือเอื้อมไปเปิดสวิทช์ไฟข้างประตู

   ด้วยสายตาที่ยังไม่คุ้นชินกับความสว่างนักทำให้เห็นภาพเบลอ แต่ก็พอจะรู้ว่า...มีเงาของบางคนนั่งรอผมอยู่บนโซฟา

   “จ๊ะเอ๋”

   “อ๊า! ผี!!!”

   “ผีบ้านแกสิ นี่แม่!”

   ผมขยี้ตา ภาพเลือนรางกลับมาชัดเจนไม่กี่วินาทีเผยให้เห็นผู้หญิงอวบกับทรงผมบ๊อบเท ผู้ซึ่งผมเทไม่คุยกับเธอมาเกือบวันแล้ว

   ยังไม่ทันจะพูดอะไร แม่ก็กวักมือไหวๆ บอกให้ลงไปนั่งข้างๆ ผมก้าวเข้าไปหย่อนก้นลงบนโซฟา ตาเหลือบมองนาฬิกาเรือนยักษ์ตรงข้างบันได

   “ตีสองแล้ว ไม่นอนอีกเหรอแม่”

   “ตีสองแล้ว เพิ่งกลับมาเหรอลูก” แม่เล่นคำซะจี้ใจจนรู้สึกผิด ไม่รู้จะพูดอะไรทำได้แต่ “เง้ออออ”

   “วัยรุ่นมันต้องใช้ชีวิตให้สุดๆ เนอะ แต่นี่สุดไปนิดนึงนะครับนายจุมพิต” ผู้หญิงตรงหน้าช้อนตามองผมด้วยสายตาคาดโทษแบบคุณครู ผมหัวเราะแฮ่ใส่ “ขอโทษครับ ไปเลี้ยงน้องมา ทุกคนเมาจนจุ๊บต้องพาไปส่งหอให้ครบหมดเลยอะแม่...แต่จุ๊บไม่ได้กินนะ” ผมรีบบอก

   “แม่ไม่ได้ว่าอะไรซะหน่อย” แม่แหว “แม่รู้แหละว่าเธอไม่กิน ไอ้นิสัยชอบเทคแคร์คนอื่นนี่ด้วย แต่บางทีก็เทคแคร์จนลืมโทรหาคนที่บ้านเนอะ...เออๆ แม่โอเคเว้ย”   

   “แฮ่...ขอโทษอีกทีครับ” ผมยิ้มแหย “แล้วนี่แม่ทนรอจุ๊บอยู่ที่นี่มืดๆ ได้ยังไง ไม่ง่วงเหรอ”

   “ไม่ง่วง” แม่บอก แถมยิ้มยีฟันแสดงสีหน้าสดชื่นเต็มที่ “เพราะฉันหลับรอบนโซฟานี่ไงยะ ใครจะไปทนตาแข็งรอเธอได้ ปั๊ดโถ่”

   เหมือนกำลังโดนด่าว่าสำคัญตัวผิดเลยอะ “ปะ งั้นไปนอนกันดีกว่าแม่ ดึกแล้ว”

   ผมจับแขนแม่กะจะพยุงท่านให้ลุกขึ้น แต่แม่ยื่นมือมาจับแขนผมและยังนั่งนิ่งอยู่กับที่ ชั่วขณะนั้นเองที่ทำให้ผมรู้ตัว เออว่ะ กำลังหลบหน้าแม่กับพ่ออยู่นี่หว่า…

   “อยู่คุยกับแม่แป๊บนึงสิจุ๊บ” แม่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่มนวลก่อนที่ผมจะทันอ้างอะไรออกไปเสียอีก พอสบตากับแววตาแน่วแน่ราวกับคำสั่งกลายๆ นั้นก็ทำให้ผมไม่กล้าหนี เหมือนมีรังสีความเป็นแม่ที่ทำให้เราต้องยอมทุกเรื่องรั้งผมให้หย่อนก้นลงบนโซฟาตัวเดิม...ไปไหนไม่ได้แล้วจริงๆ

   “จุ๊บรู้ใช่ไหมว่าจุ๊บคุยกับแม่ได้ทุกเรื่อง และแม่หมายถึงทุกเรื่องจริงๆ” ผู้หญิงตรงหน้าพูด ยิ้มบางปรากฏขึ้นบนริมฝีปากเอิบอิ่ม “เธอมีอะไรจะเล่าให้แม่ฟังไหม”

   ผมเงียบ ใจเริ่มครุ่นคิดไปถึงเรื่องของเขาที่ทำให้คิดมากมาทั้งวันอีกครั้ง

   “เรื่องที่แม่อาจจะไม่รู้ เรื่องที่แม่น่าจะรู้ เรื่องที่จุ๊บกำลังไม่สบายใจอยู่ เรื่องอะไรก็ได้” แม่ลูบเรือนผมของผมลงมาจนถึงใบหน้า ผมเม้มปากมองผู้หญิงวัยกลางคนตรงหน้าอย่างลำบากใจ...จะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี

   “จุ๊บมีคนที่เขาชอบผม และจุ๊บก็ชอบเขา” ผมตัดสินใจเริ่มจากเรื่องที่เล่าให้แม่ฟังล่าสุด “คู่ชีวิตของผมที่เป็นผู้ชายที่เคยเล่าให้แม่ฟัง”

   แม่พยักหน้า “คนที่บดขยี้ริมฝีปากเธอแล้วเวลาหยุด”

   “จูบเฉยๆ ก็ได้มั้งครับ” บางทีผมก็แบบ...เออ...ไม่เข้าใจว่าแม่ติดใจอะไรกับการแสดงพลังวิเศษของผมหรือเปล่า “ใช่ฮะ คนนั้น”

   “อือฮึ”

   “เรื่องที่ผมไม่เคยบอกแม่หรือใครเลยคือ...เขาคือธีร์ ดำรงเดช”

   “กรี๊ดดดดดดดด!” แม่กรีดร้องออกมาเสียงดังจนผมตกใจ พอรู้ตัวว่าเสียงตัวเองอาจทำให้ทั้งบ้านตื่นแม่ก็เปลี่ยนมากรี๊ดด้วยเสียงลมแหบๆ แทน ตัวของท่านสั่นอย่างระริกระรี้ แก้มฉีกยิ้มอย่างตื่นเต้น แม่จับมือผมแล้วถามต่อว่า

   “ธีร์ ดำรงเดชเป็นใครเหรอ”

   “แม่!” เชื่อเขาเลยครับ “แล้วกรี๊ดทำไม แม่ไม่รู้จักแล้วกรี๊ดทำไม”

   “ฉันล้อเล่น!” แม่โพล่งออกมา หัวเราะเอิ้กอ้ากตบมุขตัวเองที่ผมไม่ค่อยจะขำไปด้วย เอาจริงๆ ผมยังไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าแม่จะรู้จักธีร์ “ฉันรู้จักเถอะ ลูกชายคนเดียวของต่าย พิมพ์ผกาขวัญใจพ่อเธอ คนที่เพิ่งเข้ามาเป็นรุ่นน้องคณะเดียวกับเธอ...คนที่เพิ่งมาเยี่ยมพ่อเมื่อวาน ใช่มะ”

   “ใช่ครับ คนนั้นเลย” ผมบอกตรงๆ ปัดความละเหี่ยใจทิ้งแล้วเริ่มพูดต่อ “ก็อย่างที่เคยเล่าให้แม่ฟังไป เราเจอกัน เราจูบกันโดยบังเอิญ แล้วเราก็รู้ว่าเราเป็นคู่ชีวิตกัน” พูดให้ถูกก็คือผมรู้ว่าเขาคือคู่ชีวิต แต่ธีร์เข้าใจว่าเราเป็นคู่เวรคู่กรรม

   “แล้ว...การมีคู่ชีวิตเป็นธีร์ ดำรงเดชมันไม่ดีตรงไหน”

   แม่คงเห็นสีหน้าไม่ค่อยดีของผมตอนเล่าจึงถามออกมาโต้งๆ ผมเงียบไปสักพัก แล้วตอบคำถามนั้นด้วยการถามแม่กลับ

   “แม่เคยรู้สึก...ไม่ชอบอะไรในตัวพ่อบ้างไหมครับ ผมหมายถึง ผมเข้าใจว่าคนเราก็มีทั้งส่วนดีและส่วนเสีย แต่เราจะทำยังไงในเมื่อเขาไม่ได้พยายามเปลี่ยนข้อเสียเพื่อเราเลย เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่านั่นคือข้อเสียของตัวเอง”

   “เขามีอีโก้แบบคนเป็นดาราเหรอ”

   “เปล่าครับ ไม่เกี่ยวอะไรกับการเป็นดาราของธีร์เลยสักนิด...หรือเกี่ยวนะ” ผมเริ่มไม่แน่ใจ “มันมีเวลาที่ผมคิดว่าผมรู้จักเขาดี แล้วทุกครั้งหลังจากนั้นเขาทำให้ผมรู้สึกเหมือนไม่รู้จักเขาเลย เราเคยคุยกันจนผมคิดว่าเราเข้าใจกัน แต่เขาไม่ได้เป็นแบบนั้น”

   “มันเกี่ยวอะไรกับการที่เขามาเยี่ยมพ่อเมื่อวานไหมจุ๊บ”

   “นั่นก็ด้วย” ผมยอมรับ “ผมบอกเขาว่าพ่อกับแม่ไม่รู้ว่าเขาคือคู่ชีวิต แล้วยิ่งเป็นพ่อ...แม่ก็รู้ว่าพ่อไม่ยอมรับการรักกันแบบผู้ชายกับผู้ชาย ดูจากที่พ่อวิจารณ์ละครก็ดูออก”

   “...”

   “ผมเคยบอกธีร์ไว้ว่าอยากรอเวลาสักพักก่อนจะพาเขามาหาพ่อกับแม่”

   “แต่เขาก็ไม่รอ” ผมพยักหน้ากับคำบอกของแม่ “เอาแต่ใจเหมือนกันน้อลูกดาราเนี่ย”

   “ที่หนึ่งเลยครับ”

   “แล้วลูกทำยังไงหลังจากนั้น...ไปปรับความเข้าใจกันแล้ว” แม่เดา

   “ก็...ประมาณนั้นครับ” ผมตอบอ้อมแอ้ม “แต่จบไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ผมไล่เขากลับอ่า”

   ได้ยินดังนั้นแม่ก็ปรือลมหายใจออกมาทางจมูกยาวพรืด หากท่าทางก็ไม่ได้แปลกใจกับสิ่งที่ผมบอกไปเท่าไหร่ ผมกัดริมฝีปากตัวเองด้วยความรู้สึกผิดมากขึ้นอีก

   “แม่พูดไม่ได้ว่าแม่เข้าใจความรู้สึก แต่แม่ก็เคยผ่านอะไรแบบนี้มาเหมือนกัน” หญิงอวบตรงหน้าผมเริ่มเล่าด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เธอถามแม่ว่ามีอะไรในตัวพ่อที่แม่ไม่ชอบไหม ฉันตอบตรงนี้เลยจ้ะว่าเยอะ เมื่อก่อนพ่อเธอหน้าม่อ เจ้าชู้ เป็นสิงห์อมควัน แต่ฉันก็อยู่กับเขามาได้ ไม่ใช่เพราะว่าแม่ทำใจให้ชอบได้หรือทนอยู่นะ แม่บ่นแทบทุกครั้งที่เจอสิ่งที่ขัดเหมือนกัน แต่สุดท้ายมันก็หาทางอยู่ได้ของมันเอง แม่รู้ตัวว่าทิ้งพ่อไปไม่ได้ เพราะแม่รู้ว่าเขาจะให้อ้อมกอดเดียวที่แม่รู้สึกปลอดภัยตอนอยู่ในนั้น...

   “ความรักมันแบบนี้แหละ ต้องมีการอะลุ้มอล่วย ประณีประนอมกันไป เรายังเด็ก ยังต้องลองผิดลองถูกกันทั้งคู่ เรามีสิทธิ์ทำผิดพลาด เพื่อที่จะได้รู้ว่าต่อไปเราต้องไม่ทำพลาดอีก ที่สำคัญพลาดแล้วอย่าถอดใจกับเขาเพราะการกระทำแค่นั้น”

   “...”

   “แม่รู้ว่าจุ๊บเป็นคนอดทน แต่เราจะคาดหวังให้อีกคนมาเป็นเหมือนเราปุบปับมันไม่ได้หรอก เราเติบโตมาไม่เหมือนกัน จะให้เขาเปลี่ยนตัวเองเพื่อเรา แม้ว่าเราจะเป็นเหตุผลที่ควรค่าต่อการเปลี่ยนแปลงนั้นของเขาก็เถอะ มันยากนะ”

   “แล้ว...จุ๊บต้องทำยังไงเหรอแม่ ต้องอยู่กับความไม่สบายใจแบบนี้ไปตลอดเหรอครับ”

   “การเป็นคู่ชีวิตกันไม่ได้หมายความว่าจะต้องเจอกันแล้วต้องมีความสุขตลอดเวลา การเป็นคู่ชีวิตมันคือการบอกว่าเราจะอยู่กับเขาตรงนี้ พร้อมเจอทั้งส่วนที่ดีและส่วนที่แย่”

   “...”

   “บางทีนะ มีเป็นล้านๆ เหตุผลที่เราจะไม่ชอบคนหนึ่งคน แต่ล้านเหตุผลนั้นกลับมีน้ำหนักน้อยกว่าเหตุผลแค่เหตุผลเดียวที่ทำให้เราชอบเขา อย่างแม่ก็มีสิ่งที่พ่อไม่ชอบเหมือนกัน จู้จี้ขี้บ่น เจ้าระเบียบเกินใคร แล้วยังไง ฉันก็มีหน้าอกใหญ่ๆ ให้พ่อเธอซบแล้วกัน”

   “เดี๋ยวนะครับ...”

   “มันอยู่ที่เธอแล้วว่าหาเหตุผลนั้นเจอหรือยัง”

   แม่ยิ้มแล้วยักคิ้วให้ผมหนึ่งจึ๊ก มือทั้งสองเอื้อมมาบีบไหล่ผมอย่างให้กำลังใจ “เธอจะหาเจอ แม่เชื่อ”

   ผมโคลงหัวแสดงออกว่าไม่มั่นใจเท่าใดนัก กระนั้นก็ลูบมือแม่เบาๆ แสดงความขอบคุณ แม่ยกนิ้วขึ้นมาจิ้มรอยย่นตรงหว่างคิ้วของผมแล้วพูดว่า “อยากให้ไอ้นี่หายไปก็ให้อภัยเขาซะ แล้วอย่าลืมให้อภัยตัวเองด้วย”

   “โอเคครับ” ผมสัญญา

   “แล้วก็ไม่ต้องคิดมากเรื่องพ่อล่ะ” แม่เอ่ยถึงอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมหนักใจขึ้นมา ผมทำหน้าฉงนใส่เชิงถามว่าจะไม่ให้คิดมากได้ยังไง

   “แม่ว่าพ่อจะยอมรับผมกับธีร์ได้ไหม” ผมถาม “ผมหมายถึง พ่อรู้เหมือนคนอื่นในครอบครัวไหมว่าผมมีคู่ชีวิตเป็นผู้ชาย”

   “รู้สิ พ่อเธอก็รู้พอๆ กับฉันนี่แหละ” คำตอบของแม่ทำให้ผมขมวดคิ้วสงสัยมากขึ้นไปอีก

   “แล้วทำไมพ่อถึง...”

   “พ่อเธอไม่ได้ไม่ยอมรับหรอก จุ๊บ เธอก็รู้จักพ่อเธอดี ชอบปากแข็งชอบท้าทายให้เธอเอาชนะ ทั้งๆ ที่จริงไม่ได้มีอะไรเลย” จริงอย่างที่แม่พูด บางครั้งผมก็รู้สึกว่าคำพูดของพ่อบั่นทอนกำลังใจในตัวผมต่อการทำอะไรหลายอย่าง แต่ในขณะเดียวกันมันก็ทำให้ผมฮึดสู้จะทำสิ่งนั้นต่อให้สำเร็จให้เขาได้เห็น ตั้งแต่ช่วงมัธยมที่ทุกครั้งที่เจอกันจะได้รับคำดูแคลนทั้งเรื่องการเรียนและกิจกรรมจากพ่ออยู่เสมอจนบางครั้งก็ท้อ อดสงสัยในตัวเองไม่ได้ว่าผมทำหน้าที่ของลูกที่ดีบกพร่องไปหรือเปล่า

   ตอนผมทำพลาด พ่อมักจะปรากฏตัวพร้อมกับคำจี้ใจดำไม่กี่คำที่ทำให้ผมอยากพยายามให้หนักขึ้น แต่พอผมทำสำเร็จ พ่อจะปรากฏตัวพร้อมกับใบหน้าตึงๆ และความเงียบ ไม่เคยใจดี ไม่เคยมีคำชม ผมชินกับภาพนั้นของเขาไปแล้ว

   “รู้นะว่าคิดมากอยู่” แม่ดีดนิ้วที่หว่างคิ้วผมอีกสองที “ถ้ายังไม่สบายใจ เดี๋ยวแม่คุยกับพ่อเธอให้เอง ไม่ต้องห่วง”

   ผมยิ้มชืดๆ กลับไปให้ อย่างน้อยประโยคของแม่ก็ทำให้ผมโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง ผมโอบแขนรอบเอวหญิงวัยกลางคนสุดที่รักแล้วสวมกอดเธอไว้หลวมๆ “รักแม่จัง”

   “ปากหวาน” แม่ยู่ปาก “เดี๋ยวก็ไปรักคนอื่นมากกว่าแม่แล้ว”

   “ไม่หรอก ยังไงแม่ก็คือที่หนึ่งในใจจุ๊บ”

   “มันจะไม่เป็นอย่างนั้นหรอก แต่ฉันจะโกหกเธอตอนนี้ก็ได้ว่าฉันเชื่อจ้ะ ฉันเชื่อ” แม่ประคองหน้าผมออกมาและมองอย่างเอ็นดู ผมหัวเราะฮี่ในลำคอ ทันใดนั้นสองมือท้วมก็ลงมือหยิกแก้มของผมและดึงจนแทบย้วย

   “อ๊า แม่หยิกจุ๊บทำไม” ผมถามทั้งๆ ที่มือแม่ยังคาอยู่ที่แก้ม ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยง่ายๆ อีก

   “หมั่นไส้” เธอบอก “มีแฟนเป็นดาราแล้วไม่เคยคิดจะบอกแม่ตัวเอง จิตใจทำด้วยอะไร”

   “อ๊า แม่ เจ็บๆๆๆ” ผมโอดครวญได้สักพักแม่ก็ยอมปล่อยมือ แก้มแดงเป็นรอยเลย ฮื้อ “ผมกลัวไงครับ”

   “กลัวอะไรของเธอยะ” แม่แหว “กลัวว่าฉันจะบ้าดารา กรี๊ดลั่นบ้านงั้นเหรอ...ฉันก็ไม่ขนาดนั้นซะหน่อย”

   ...ก็เมื่อกี้เพิ่งทำไปอยู่หยกๆ อะ

   “เปล่าครับ ผมกลัวว่าบอกไปตอนเรายังไม่ชัดเจนกันแล้วมันจะแย่...ผมยังไม่ได้เป็นแฟนกับเขาด้วยซ้ำ” ผมตอบอ้อมแอ้ม “แม่อย่าเพิ่งเอาไปบอกใครในบ้านได้ไหม อย่างป้าเด้า ไอ้จีบ โดยเฉพาะไอ้จีบ”

   “เขาก็ไม่ได้จะตื่นเต้นอะไรขนาดนั้นหรอกมั้ง” ผมเลิกคิ้วราวกับถามว่าแม่แน่ใจจริงเร้อ ขนาดแม่ที่ว่าไม่ขนาดนั้นยังแบบ...โห “แต่โอเค แม่ไม่บอกใครก่อนก็ได้...”

   “ขอบคุณครับ”

   “...แต่เล่นไพ่เพลินๆ แล้วหลุดออกไปนี่ก็ไม่รู้เด้อ”

   “แม่...”

   “ล้อเล่น! เธอไปจัดการตัวเองเถอะ แม่ให้สิทธิ์เธอพูดเองเมื่อพร้อมแล้วกัน”

   แม่สรุปให้ผมในที่สุด หวั่นใจในคำพูดทีเล่นทีจริงนั้นเหมือนกันแต่ผมก็พยักหน้ารับคำแต่โดยดี เจ้าของทรงผมบ็อบเทหันมองนาฬิกาเห็นว่าจวนจะตีสามเลยต้อนให้ผมไปนอน เราบอกราตรีสวัสดิ์กัน และแม่ย้ำประโยคนั้นอีกครั้งก่อนจะปลีกตัวออกไป

   “อย่างที่แม่บอก หาเหตุผลนั้นให้เจอ”

   …เหตุผลเดียวที่อยู่เหนือเหตุผลทั้งปวง

   ผมปิดประตู คลำทางในความมืดและจมลงไปในห้วงนิทราขณะที่คำพูดนั้นยังดังก้องในความคิด ชั่วขณะหนึ่งใบหน้าของธีร์ที่สายตาเต็มไปด้วยความผิดหวังในผมก็ฉายชัดขึ้นมา แล้วถูกทาบทับด้วยใบหน้ายิ้มแป้นแดงแจ๋ของน้องรองที่เพิ่งสารภาพรักกับผมไปหยกๆ ชั่วขณะนั้นผมก็รู้สึกว่าพวกเขาช่างแตกต่างกันเหลือเกิน...ไม่ใช่เรื่องรูปร่างหน้าตา แต่ผมกำลังหมายถึงความรู้สึกข้างในตัวผมที่มีต่อทั้งคู่

   จู่ๆ ก็รู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดนี้อาจเป็นบททดสอบจากใครสักคน

   และบางที มันอาจเป็นบททดสอบที่ทำให้ผมหาเหตุผลนั้นเจอ

   ก่อนที่จะจมลงในห้วงนิทราอย่างเต็มกำลัง ผมเอื้อมหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาและกดส่งข้อความไปหาเขา...คนหนึ่งคนนั้นที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ส่งผลต่อหัวใจผมได้ทุกครั้ง
   


   Jub Joompit

   ขอโทษ

   เราคุยกันได้ไหม




   อาจเพราะหมอนเป็นใจให้ซุกหัวลงไป แต่หัวใจก็สั่งให้พิมพ์ทุกอย่างจนเสร็จ ผมจึงรู้สึกยาวนานเหมือนตลอดกาลกว่าข้อความนั้นจะส่งไปถึงเขา

   แต่ไม่ว่าตลอดกาลจะนานแค่ไหน ผมยอม



โปรดติดตามตอนต่อไป

ติชม กรี๊ดกร๊าด อวดสามี ไปที่แท็ก #จุ๊บที ในทวิตเตอร์นะคะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบเอ็ด | UPDATE 18.10.2560 | Page 19 }
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 18-10-2017 23:15:57
จุ๊บไปง้อน้องเลยย
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบเอ็ด | UPDATE 18.10.2560 | Page 19 }
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 18-10-2017 23:45:45
ชอบคุณแม่จังค่าาา #ทีมคุณแม่พี่จุ้บ นะคะ คุณแม่น่ารักมากเลยยย พี่จุ้บบ คุยกับน้องได้แล้วเด้ออ อยากรู้จังถ้าธีร์รู้เรื่องรองจิเป็นไงน้ออ  :hao7:  :hao7:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบเอ็ด | UPDATE 18.10.2560 | Page 19 }
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 19-10-2017 00:06:21
ตลกแม่จุ๊บ 555555555555
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบเอ็ด | UPDATE 18.10.2560 | Page 19 }
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-10-2017 00:20:00
จุ๊บโชคดี
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบเอ็ด | UPDATE 18.10.2560 | Page 19 }
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 19-10-2017 00:21:57
พี่จู๊บบบบบถึงพี่จุ๊บจะใจดีไม่อยากปฏิเสธน้องรองแต่พี่จุ๊บก็จะไปให้ความหวังไม่ได้นะค้าแล้วก็ไม่รู้น้องรองคิดไงกันแน่อะนี่กลัวพลิกมากคือน้องก็ออกจะเคะนะไม่น่าจะมาเมะใครได้ ยังยืนยันว่ากลัวน้องชอบธีร์แล้วมากันพี่จุ๊บออกอะ ส่วนเรื่องธีร์ถ้าเข้าใจแล้วก็คงต้องไปคุยกันดีๆแล้วนะคะ ธีร์ก็อย่าใจร้อนละเดี๋ยวทะเลาะกันอีก
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบเอ็ด | UPDATE 18.10.2560 | Page 19 }
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 19-10-2017 00:22:52
คุณแม่ตลก
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบเอ็ด | UPDATE 18.10.2560 | Page 19 }
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 19-10-2017 02:26:51
คุณแม่ตลก และน่ารักมาก

 :o8:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบเอ็ด | UPDATE 18.10.2560 | Page 19 }
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 19-10-2017 02:32:28
แม่จุ๊บน่ารัก
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบเอ็ด | UPDATE 18.10.2560 | Page 19 }
เริ่มหัวข้อโดย: Readyaoi ที่ 19-10-2017 03:05:31
ชอบคุณแม่ของจุ๊บ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบเอ็ด | UPDATE 18.10.2560 | Page 19 }
เริ่มหัวข้อโดย: Mafiaziip ที่ 19-10-2017 09:42:14
 :pig4: :pig4: :pig4:

แม่น่ารักมาก  :mew1:

เอาใจช่วยพี่จุ๊บนะฮะ ขอให้น้องเข้าใจ  :ling1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบเอ็ด | UPDATE 18.10.2560 | Page 19 }
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 19-10-2017 10:39:50
สงสารจุ๊บจัง
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบเอ็ด | UPDATE 18.10.2560 | Page 19 }
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 19-10-2017 22:18:26
 :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบเอ็ด | UPDATE 18.10.2560 | Page 19 }
เริ่มหัวข้อโดย: AutoAngels ที่ 20-10-2017 12:20:12
กรีดดดดชิบเรื่องนี้มากๆๆๆมาต่ออีกนะคะชอบจริๆ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบเอ็ด | UPDATE 18.10.2560 | Page 19 }
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 21-10-2017 00:03:37
ีรีบเคลียร์กันเน้ออออ มาม่าไม่เอา
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบเอ็ด | UPDATE 18.10.2560 | Page 19 }
เริ่มหัวข้อโดย: Fonz_Juz19 ที่ 21-10-2017 09:15:30
คุณแม่น่ารักมาก บันเทิงสุดๆ 5555
เอาใจช่วยจุ๊บให้ง้อธีร์ สำเร็จเร็วๆ สู้ๆนะ

ขอบคุณคนเขียนนะคะ รอตอนต่อไปค่าาา
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบเอ็ด | UPDATE 18.10.2560 | Page 19 }
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 22-10-2017 02:05:11
เอ็นดูธีร์ งอนไปถึงไหนแล้วก็ไม่รุ้
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบเอ็ด | UPDATE 18.10.2560 | Page 19 }
เริ่มหัวข้อโดย: yokibear ที่ 22-10-2017 15:20:04
ความสับสนเวียนวนของวัยรุ่นนี้ สู้เขาลูกกกกก
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบเอ็ด | UPDATE 18.10.2560 | Page 19 }
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 26-10-2017 01:16:45
ต้องจูนกันอีกสักพักถึงจะลงตัว เพราะยังรู้จักกันน้อยมาก ที่ธีร์ทำก็น่ารักดี
แต่ที่จุ๊บทำก็มีเหตุผล มีน้องรองเข้ามาอีก เหอๆๆ ธีร์ขี้หึงแน่นวลร้อยเปอร์เซนต์

บอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสอง | UPDATE 30.10.2560 | Page 19 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 30-10-2017 23:17:44

(http://www.uppic.org/image-730A_57571DD5.jpg)

จูบที่สิบสอง





   ผมตื่นอีกทีตอนเที่ยง

   ขยี้ตา ได้ยินเสียงแจ้งเตือนของโทรศัพท์ใกล้หูแต่ยังไม่เอื้อมมือไปคว้ามันในทันที คิดคำนึงถึงห้วงความฝันเมื่อคืนขณะปล่อยให้ตาชินกับแสงแดดที่ส่องลอดม่านเข้ามา….ในฝันผมเห็นภาพตัวเองกับธีร์คืนดีกันในที่สุด เราตกลงเป็นแฟนกัน จูงมือกันไปแนะนำตัวกับพ่อและครอบครัวที่ต้อนรับเราด้วยความอบอุ่น ความรักของเราดำเนินไปได้โดยไม่มีกำแพงหรืออุปสรรคใดมากั้นขวางเราอีกต่อไป...

   เสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง และครั้งนี้มันได้ความสนใจของผมไปเต็มๆ ผมหยิบมากดเลื่อนดูแจ้งเตือน ก่อนจะเห็นแถบจากเฟซบุ๊กกว่ายี่สิบอันปรากฏบนหน้าจอ ลางสังหรณ์บอกผมว่ามันต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ

   “ฉิบหายยยยย” แล้วมันก็เกิดขึ้นจริงๆ...มีคนแอบถ่ายรูปผมกับรองที่หน้าผับเมื่อคืนแล้วแท็กมา ในอิริยาบถที่ผมกำลังยิ้มขำกับสภาพของรองซึ่งกำลังพิงไหล่ผมตาเยิ้ม โชคร้ายที่ในภาพมันมืดแบบที่ไม่สามารถจับแววตาห่วงใยแบบพี่น้องที่ผมใช้มองรองได้ แต่มันก็ชัดมากพอที่จะรู้ว่าสองคนในภาพเป็นใคร

   ที่สำคัญ องศาหน้าของผมที่ก้มมองน้องในภาพมันออกมาเหมือนผมกำลังก้มลงไปจุมพิตที่หน้าผากเขา และนั่นคือสาเหตุที่มีคนมากดแสดงความรู้สึกและคอมเมนท์ให้รูปนี้กว่า...สัดเอ้ย ห้าร้อยไลค์เลยเหรอ?! คนคอมเมนท์อีกราวยี่สิบ คนแชร์อีกห้าโพสต์ รูปโปรไฟล์ที่ไลค์เยอะที่สุดของกูยังไม่ถึงครึ่งนี้เลย แม่ง



   Patcha Poonpeeraya กรี๊ดดดดดดดด ชั้นจิ้นนนนน

      Focus Kamonchanok กูก็จิ้นนนนน



   Kaekai Slider พี่จู๊บผัวน้อง ทำไมทำแบบนี้

      Focus Kamonchanok เสียใจด้วยน้าน้อง


   Oracha Peebapeebo ไอ้จุ๊บ แบบนี้ไม่เรียกว่าน้องรหัสละ

      Santirade Kadcha ผัวรหัสเลยเหอะ   

      Focus Kamonchanok ถถถถถถถถถถถถถ สัส กูขำ

      Focus Kamonchanok #รองจุ๊บ ก็มาว่ะ


   
   และไอ้คนโพสต์ภาพมันจะเป็นใครที่ไหนไปไม่ได้นอกจากคนที่ตามไปคอมเมนท์ต่อทุกคอมเมนท์...ไอ้โฟก้าสสสสสสส

   จำนวนคนแสดงความรู้สึกพุ่งขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆ พอๆ กับจำนวนคนคอมเมนต์ แล้วที่ไปกันใหญ่กว่านั้นคือคู่กรณีที่อยู่ในภาพเดียวกับผมไม่ออกมาพูดหรือคอมเมนท์อะไรสักคำ...นอกจากกดเลิฟ

   ผมถอนหายใจเพราะรูปหัวใจของรอง สงสารแต่ก็เหนื่อยใจ ออกสื่อแบบนี้มันจะยิ่งทำให้น้องคิดเตลิดกันไปมากกว่าเดิมหรือเปล่านะ

   ชั่วครู่นั้นใจผมก็คิดไปถึงคนอีกคนที่ผมส่งข้อความหาเมื่อคืน ภาวนาให้เขายังไม่เห็นรูปหลุดอันโจ่งแจ้งนี้ ผมรีบพิมพ์ถึงโฟกัสให้ลบรูป จังหวะนั้นก็มีการแสดงความรู้สึกของบุคคลใหม่เด้งเตือนขึ้นมาข้างๆ



   Thee Dumrongdech โกรธ


   ...พัง

   พังโดยสมบูรณ์แบบ

   ผมเปลี่ยนเป้าหมาย เปิดกล่องข้อความของธีร์ขึ้นมา เขาอ่านข้อความเมื่อคืนของผมแล้ว และไม่ตอบอะไรหลังจากนั้น
   

   
Jub Joompit
        รูปนั้น
   มันไม่ใช่อย่างที่ธีร์คิดนะ


   ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งตัวเองจะมาพิมพ์อะไรที่มันละครไทยมากขนาดนี้ แต่ทำยังไงได้ นั่นมันเป็นสิ่งที่ผมอยากสื่อจริงๆ นี่หว่า

   ไม่นานก็มีข้อความขึ้นว่าดาราหนุ่มอ่านแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ตอบผมเหมือนเดิม...ผมกลับเข้าไปดูความรู้สึกที่รูปนั้นอีกครั้ง ธีร์กดถอนปุ่มโกรธออกไปแล้ว...

   ผมทึ้งเส้นผมหยิกฟูของตัวเองอย่างยอมแพ้ โยนโทรศัพท์ลงข้างเตียงและยกผ้าห่มขึ้นคลุมหน้า ปล่อยให้ตัวเองจมลงไปกับความรู้สึก ‘ไม่น่าเลย’ บนเตียง ดิ้นไปดิ้นมาไม่นานจึงมีสายเข้า

   พอเห็นชื่อคนโทรเข้าเท่านั้นผมก็กระวีกระวาดไปคว้าโทรศัพท์ทันที เอวเหมือนมีสปริงในตัวให้ผมลุกขึ้นมานั่งดื้อๆ ความโหยหาในการคุยกับเขาทำให้ผมแทบเป็นบ้า กดรับโทรศัพท์ผิดๆ ถูกๆ

   “ฮัลโหล ธีร์ ได้ยินเราไหม”

   เสียงลมหายใจของเขาดังตอบกลับมา

   “ธีร์ เรื่องรูปในเฟซมันไม่ใช่อย่างที่ธีร์คิดนะ...” ผมรีบแก้ตัว ก่อนที่อีกฝ่ายจะตัดบทด้วยการเรียกชื่อผมด้วยเสียงเรียบนิ่ง

   [พี่จุ๊บ...]

   “ครับ”

   [เย็นพรุ่งนี้เรามาเจอกันได้ไหม เรามีเรื่องจะคุยด้วยหน่อย]

   เสียงของคนเป็นดาราเรียบจนน่ากลัว ใจผมเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ แต่ก็ตอบตกลงกลับไป

   “ได้สิ ที่ไหนว่ามาเลย”

   [เดี๋ยวเราบอกอีกทีนะ]

   “อะ...โอเค”

   […]

   “ธีร์...ไม่โกรธอะไรเราใช่ไหม”

   […]

   “...”

   [...คิดมาก]

   เสียงจากปลายทางทำให้ผมคลี่ยิ้มออกมา เกือบจะโล่งใจอยู่แล้วเชียวถ้าเขาไม่ได้พูดประโยคต่อมาที่ฟังดูเหมือนธรรมดา ในขณะเดียวกันก็ฟังดูน้อยใจแปลกๆ

   [เราโกรธพี่จุ๊บไปคงไม่มีประโยชน์อะไรหรอก]

   ปลายเสียงของเขาแกว่ง แต่ก็รีบกระแอมไอเหมือนจงใจปิดบังบางอย่าง

   [แล้วเจอกันนะ]

   ผมเม้มปาก ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามาในใจพร้อมกับคำถามมากมาย แต่ผมตัดสินใจว่าค่อยรอคุยกับเขาตอนเจอกันดีกว่า

   คราวนี้เราจะไม่ก่อสงครามกัน ผมสัญญากับตัวเองแล้วว่าไม่ว่าธีร์จะตอบสนองผมแบบไหน ผมจะพยายามไม่ให้อารมณ์ของตัวเองเป็นใหญ่ แม้ว่าอารมณ์นั้นจะมีที่มาจาก ‘การมีเหตุผล’ ของผมก็ตาม

   “...เจอกันครับ”

   อย่างที่แม่บอก อาจเพราะธีร์มีบางอย่างที่เป็นหนึ่งเหตุผลนั้น...เหตุผลที่อยู่เหนือกว่าทุกๆ เหตุผลที่ทำให้เรารักใครสักคน

   ตัวเขาเองนั่นแหละที่เป็นเหตุผลนั้น

   และผมควรบอกเขาได้สักที



   ผมมาเจอธีร์ตามที่เขานัดในตอนเย็นของวันถัดมา หลังจากเลิกเรียนตัวนอกคณะแล้วผมจึงส่งข้อความถามหาเขาอีกครั้ง แล้วก็ต้องแปลกใจที่เขานัดผมกลับไปที่คณะของเราทั้งคู่

   ใจผมกระวนกระวายตลอดเวลาที่รอเจอเขา อาจเพราะด้วยความที่เดาท่าทีของคนเป็นดาราไม่ถูก ผมไม่รู้ว่าธีร์โกรธผมหรือเปล่าเรื่องรูปคู่กับรองที่หลุดออกไป (ซึ่งผมจัดชุดใหญ่กับโฟกัสจนเพื่อนจัดการกับรูปนั้นเรียบร้อย เธอไม่ได้ลบมันทิ้งแต่ซ่อนให้เห็นแค่ตัวเอง เพราะเสียดายจำนวนไลค์ - เฮ้อ) ไหนจะเรื่องที่เราทะเลาะกันที่โรงพยาบาลซึ่งก็ยังคาราคาซังอีก

   ผมมาถึงคณะตอนพระอาทิตย์กำลังส่งไม้ต่อให้พระจันทร์ ท้องฟ้าตอนนี้จึงกลายสีส้มอมชมพูและค่อยๆ ถูกสีน้ำเงินคล้ำกลืนกิน ธีร์นัดผมไว้ที่ชั้นดาดฟ้า ซึ่งปกติไม่มีใครจะขึ้นไปบนนั้นได้หรอกหากไม่ได้รับอนุญาตก่อน แต่ธีร์ก็คงไปสรรหาวิธีมาจนได้...เรื่องแหกกฏแบบนี้เขาถนัดอยู่แล้ว

   ผมเตรียมคำขอโทษไว้ในปาก ซ่อนไว้ใต้ลิ้นที่กำลังลิ้มรสชาติของจูปาจุ๊บส์อีกที ผมมีอีกอันในกระเป๋ากางเกงสำหรับเขาเผื่อว่าจะอยากได้ ทว่าภาพแรกที่ผมเห็นเมื่อขึ้นไปบนดาดฟ้าคือคนตัวสูงกำลังนั่งหย่อนขาลงจากตึก ท่ามกลางควันสีขาวลอยฟุ้งรอบตัว

   ธีร์สูบบุหรี่ และเขาไม่ได้นั่งอยู่คนเดียว

   มีเด็กสาวคนหนึ่งนั่งอยู่กับเขา เด็กสาวร่างเล็กผมสยายยาวถึงกลางหลังกำลังหัวเราะคิกคักกับคำพูดบางอย่างของธีร์

   เสียงหัวเราะนั้นถูกขัดจังหวะชั่วคราวเพราะเสียงเลื่อนประตูเหล็กของผม ทั้งสองคนหันหน้ามา ชั่วขณะนั้นผมก็รู้สึกว่าคุ้นหน้าเด็กสาวคนนี้เหลือเกิน

   “พี่จุ๊บ...”

   ธีร์เรียก กระเถิบตัวออกมาจากช่วงปลายของตึกแล้วพยุงตัวเองยืนขึ้น ปากเขายังคาบบุหรี่ที่ยังไม่มอดไฟ พอลุกขึ้นได้ก็เอื้อมมือไปดึงเด็กสาวคนนั้นให้ลุกขึ้นตาม

   ผมเดินเข้าไปช้าๆ และมองพวกเขาทั้งสองคนที่ลุกขึ้นยืนแล้วยังจับมือกันแน่นด้วยท่าทางสนิทสนม พอใกล้เข้าผมก็สังเกตเห็นความสวยของคนที่อยู่ข้างเขาได้ชัดถนัดตา เด็กสาวคนนั้นมีเครื่องหน้าแสนน่ามอง ตาโตใสแป๋วเข้ากับจมูกโด่งพอดิบพอดี ปากเรียวเล็กแต้มลิปสีชมพูสดใสแย้มยิ้มออกมาเผยฟันขาวได้รูป ล้อมกรอบโครงหน้ารูปไข่อันมีเสน่ห์ด้วยทรงผมน่ารักดูน่ารัก เธอสวมชุดเครื่องแบบนักศึกษาสถาบันเดียวกับเรา ตัวสูงเท่าใบหูของธีร์...ซึ่งถือว่าสูงกว่ามาตรฐานความสูงของผู้หญิงทั่วไป ร่างกายเล็กนั้นแท้จริงก็ไม่ได้ผอมบางมาก แต่เป็นรูปร่างที่สมสัดส่วนตั้งแต่หัวจรดเท้า

   ที่สำคัญคือผิวของเธอเป็นสีที่ใกล้เคียงกับสีผิวของธีร์มาก สีขาวน้ำนมออกจะสว่างกว่าด้วยซ้ำ สีผิวเหมือนคนที่ถูกเลี้ยงดูมาเหมือนกัน...หรือไม่ก็อยู่ในสถานะเดียวกัน

   สีผิวของคนเป็นดารา

   ...ผมจำเธอได้แล้ว เธอคือนางเอกซีรีส์คนที่เล่นคู่กับเขาในซีรีส์ที่ทำให้ธีร์ดังเป็นพลุแตกคนนั้น


   เอิงเอย สุทัตตา สวัสดิวัฒน์


   “สวัสดีค่ะ” เธอยกมือไหว้เมื่อเราเดินเข้ามาประจันหน้ากันในที่สุด ผมยกมือรับไหว้เธอแบบงงๆ หันไปมองแววตาของอีกคนที่ไม่ได้แสดงความยินดียินร้ายอะไรออกมา หากที่มุมปากซึ่งกำลังคีบบุหรี่นั้นแค่นยิ้มเล็กน้อยให้

   มือหนึ่งของผมที่ยังคาอยู่ในกระเป๋ากางเกงจับจูปาจุ๊ปส์ไว้แน่น ในขณะที่ธีร์ใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางคีบบุหรี่ออกมาช้าๆ แล้วปล่อยควันใส่หน้าของผม

   “เอิงเอย นี่พี่จุ๊บ พี่เทคเราเอง” เขาแนะนำ เด็กสาวก้มหัวให้ผมอีกครั้งอย่างนอบน้อม ผมฝืนยิ้มชืดออกไป ในใจสงสัยว่านี่มันเรื่องอะไรกัน

   “พี่จุ๊บ นี่เอิงเอย”

   “...”



   “แฟนเราเอง”




โปรดติดตามตอนต่อไป



ตม. Talks: ตอนต่อไปมาวันที่ 1 พ.ย. นะคะ อยากให้อัพเร็วๆ เม้นท์กันด้วยน้าาาาาา
หรืออยากติชมหรือกรี๊ดกร๊าดไปที่แท็ก #จุ๊บที ในทวิตเตอร์นะคะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสอง | UPDATE 30.10.2560 | Page 19 }
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 30-10-2017 23:23:46
อ้าว คดีพลิก ธีร์ทำแบบนี้เพื่อประชดจุ๊บรึป่าว ฮืออออ หน่วงเลย :katai1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสอง | UPDATE 30.10.2560 | Page 19 }
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 30-10-2017 23:33:33
ทำไมธีร์ทำงี้งะคะ ก็ไม่ต้องถึงขนาดต้องหาแฟนมาเลยป่ะ ใจร้ายจริงๆ
อุตส่าห์จะเป็นคู่แท้กัน กว่าจะถึงวันนั้นคงอีกนานสินะ ถ้าพระเอกยังเอาแต่ใจแบบนี้ ฮึ่ม โมโห
สงสารพี่จุ๊บ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสอง | UPDATE 30.10.2560 | Page 19 }
เริ่มหัวข้อโดย: Fonz_Juz19 ที่ 30-10-2017 23:34:50
อ้าววววววว ธีร์  ไหงเป็นงี้ล่ะ
พี่เขาอุส่าจะมาง้อ ฮืออออ จุกเลยเนี่ย
ค้างอย่างแรงงงงงง
อยากอ่านต่อมากกกก
จะเป็นไงต่อไปเนี่ยยย
รอๆ อย่างใจจดใจจ่อ 555
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสอง | UPDATE 30.10.2560 | Page 19 }
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-10-2017 23:45:02
 :เฮ้อ: มาทิ้งระเบิดแล้วก็ไป
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสอง | UPDATE 30.10.2560 | Page 19 }
เริ่มหัวข้อโดย: Kamidere ที่ 30-10-2017 23:54:25
ธีร์ทำตัวเป็นเด็ก เอาเข้าจริงๆใครจะอยากคบกับคนที่ความคิดเด็กกว่า(แบบเด็กน้อยจริงๆ น่ารำคาญมากกว่าน่าเอ็นดู) เธอทำชั้นเสียใจ เธอก็ต้องเสียใจด้วย อย่างนี้ใช่มั้ย งั้นก็ทางใครทางมันเถอะ อยู่ด้วยกันมีแต่แย่ลง ไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลย
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสอง | UPDATE 30.10.2560 | Page 19 }
เริ่มหัวข้อโดย: AutoAngels ที่ 31-10-2017 00:10:25
เกลียดดดอย่ามาทำแบบนี้ได้ใหมใจจะขาดกรีดดดดดดดดดดอยากอ่านต่อแล้วนะ...มาต่ออีกนะจะป฿เสื่อรออ่านเลย :z10:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสอง | UPDATE 30.10.2560 | Page 19 }
เริ่มหัวข้อโดย: kratair ที่ 31-10-2017 00:12:21
 :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสอง | UPDATE 30.10.2560 | Page 19 }
เริ่มหัวข้อโดย: todiefor ที่ 31-10-2017 00:13:37
เด็กหนอเด็ก พระเอกเรื่่องนี้เด็กมากจินๆ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสอง | UPDATE 30.10.2560 | Page 19 }
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 31-10-2017 00:25:54
อ้าววววว ค้างกว่าตอนที่แล้วอีกก โอ้มายยย
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสอง | UPDATE 30.10.2560 | Page 19 }
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 31-10-2017 00:33:26
 :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสอง | UPDATE 30.10.2560 | Page 19 }
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 31-10-2017 00:52:14
อ๊ากกกกกเชี่ยเอ้ยยเจอประโยคสุดท้ายเข้าไปนี่จะร้องแทนพี่จุ๊บเลย ธีร์ทำแบบนี้ทำไมอะคือถอดใจแล้วหรือประชดหรือโดนใครบังคับให้คบแต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลไหนก็ตามธีร์ก็แย่มากนะที่พามาเจอพี่จุ๊บแบบนี้เหมือนเย้ยกันอะ ยังไงคนเจ็บมันก็พี่จุ๊บอยู่ดีเหมือนให้ความหวังกันแล้วก็มาพังมันเอง เฮ้ออ สงสารพี้จุ๊บ ถอดใจดีมั้ยคะพี่ต่างคนต่างเดินไปตามทางตัวเองดีกว่ามั้งแบบนี้  :ling2:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสอง | UPDATE 30.10.2560 | Page 19 }
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 31-10-2017 02:47:51
อิธีร์!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ประชดทำม้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสอง | UPDATE 30.10.2560 | Page 19 }
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 31-10-2017 06:41:28
บางทีก็ดีนะ จุ๊บอาจจะหาคนอื่นที่เป็นคู่แท้อีกก็ได้ ที่รับริสัยตัวเองได้น่ะ ธีร์ก็เหมือนกัน มีแฟนแล้วก็อย่ามาแกล้งจุ๊บอีกนะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสอง | UPDATE 30.10.2560 | Page 19 }
เริ่มหัวข้อโดย: Mafiaziip ที่ 31-10-2017 10:39:40
จุกแทนพี่จุ๊บ พี่แกเตรียมใจมาพูดแล้วด้วย ฮืออออออออออ หน่วงชหเลย

 :hao5: :hao5: :katai1: :katai1:

มาลุ้นกันต่อตอนหน้า  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสอง | UPDATE 30.10.2560 | Page 19 }
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 31-10-2017 13:43:54
อย่าใช้อารมณ์กันซิ ใจเย็นๆ ฮืออออออ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสอง | UPDATE 30.10.2560 | Page 19 }
เริ่มหัวข้อโดย: MissMay ที่ 31-10-2017 14:40:32
เราว่าจุ๊บก็แย่เหมือนกัน คิดว่าธีทำอะไรตามอารมณ์แล้วคิดว่าตัวเองมีเหตุผล
คิดว่าตัวเองมีเหตุผลคนเดียวรึไง ชอบคิดไปเอง ไม่ถามล่ะ ว่าเค้าตั้งใจทำอะไร
พอตัวเองใส่อารมณ์เค้าไปแบบนั้น จะให้ธีทนทถกครั้งรึไง
ตอนยายจะตายเตือนแล้วว่าอย่าเป็นควาย ก็ยังเป็น
ธีไปคบคนอื่นก็เรื่องของเค้าเหอะ เค้าทนหล่อนไม่ได้อะนะ

คราวหน้าคราวหลังจะทำอะไรหัดถามคนอื่นซะมั่ง ไม่ใช่มัวแต่แว็ดๆๆ
อินจัด  :เฮ้อ:

ถ้าจะง้อก็ง้อแบบมีเหตุผลนะ มีเหตุผลในการกระทำทุกครั้งเลยยยย
คงจะลืมไป บางครั้งบางอย่างมันต้องใช้หัวใจนำ
จำบ้างนะหล่อน
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสอง | UPDATE 30.10.2560 | Page 19 }
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 31-10-2017 18:35:52
เด็กจังธีร์เอ้ยย ประชดประชันอะไรแบบนี้
มากดโกรธเขาแท้ ๆ ตัวเองทำผิดแท้ ๆ ยังจะแก้ตัวเข้าข้างตัวเองอีก ซื้อบทพระเอกมาใช่ไหม  :ling1: เอาแต่ใจจริง ๆ เลย พ่อพระเอก

โอ๋น้าพี่จุ๊บ อย่าไปกังวลคนขี้ประชดเลย :กอด1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสอง | UPDATE 30.10.2560 | Page 19 }
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 31-10-2017 19:57:27
โอ้ยยย ธีร์โว้ยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสอง | UPDATE 30.10.2560 | Page 19 }
เริ่มหัวข้อโดย: kamaji ที่ 01-11-2017 19:47:03
plot เรื่องน่าสนใจมากครับ ชอบๆๆๆๆๆ รีบมาต่อไวๆน้าาาาา
  o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสาม | UPDATE 1.11.2560 | Page 20 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 01-11-2017 23:58:04

(http://www.uppic.org/image-730A_57571DD5.jpg)

จูบที่สิบสาม


   ‘นี่เอิงเอย...แฟนเราเอง’

   พระเอกซีรีส์ดังพูดออกมาด้วยสีหน้าแช่มชื่นราวกับไม่รู้สึกอะไรกับผมที่หน้าเสียไปเพราะประโยคนั้น ผมแทบจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าหลังจากนั้นผมคุยอะไรกับพวกเขา จำได้แค่ตัวเองอยู่ต่อตรงนั้นอีกไม่กี่นาที เนื่องจากทนความรู้สึกบีบรัดในอกเพราะประโยคเปิดตัวแฟนของธีร์ที่ดังซ้ำไปซ้ำมาในหัวไม่ไหว เรื่องที่พอจะจับใจความได้คือเอิงเอยเข้ามาเรียนปีหนึ่งพร้อมกับเขา แต่ที่ไม่โผล่มาก่อนหน้านี้เพราะติดถ่ายหนังที่ต่างประเทศ

   ผมบอกลาธีร์กับเอิงเอยด้วยคำว่ายินดีต้อนรับสู่คณะนิเทศของเรา ทั้งที่ในใจไม่ได้รู้สึกแบบนั้นด้วยซ้ำ


   
   ‘แล้วตอนนี้ความสัมพันธ์กับธีร์เป็นยังไงบ้างคะ เห็นบอกว่าหลังจากปิดกล้องวัยรุ่นวุ่นรักไปก็ยังติดต่อกันอยู่เรื่อยๆ อันนี้จริงหรือเปล่า’

   ‘ก็...ยอมรับค่ะว่าคุยกัน มีนัดเจอทานข้าวกันบ้าง แต่ส่วนมากจะเป็นการนัดเจอทานข้าวกับครอบครัวเขามากกว่าค่ะ’

   ‘ครอบครัวน้องธีร์เป็นยังไงบ้างคะ อยู่กับน้าต่าย พิมพ์ผกาเราเกร็งไหม’

   ‘ไม่เลยค่ะ ที่จริงเราเจอกันบ่อยๆ ในกองถ่ายจนเอิงชินแล้วค่ะ น้าต่ายเป็นคนน่ารัก แล้วก็ใจดีมาก’   

   ‘หูว สนิทสนมกับครอบครัวกันแบบนี้ต้องมีโอกาสพัฒนาความสัมพันธ์แน่ๆ เลยใช่ไหมคะเนี่ย’

   ‘เอิงตอบเรื่องนี้ไม่ได้เหมือนกันค่ะ ฮะๆ รบกวนพี่ๆ ไปถามฝ่ายธีร์เองดีกว่านะคะ’

   ภาพบนหน้าจอโทรศัพท์ตัดจากฝั่งนางเอกไปยังอีกฝ่ายที่ถูกกล่าวถึงในงานอีเวนท์อีกงาน ไมค์กว่าสิบตัวยื่นจ่อหน้าเขา ธีร์ยิ้มรับคำถามของนักข่าวที่ยิงมารัวๆ ด้วยสีหน้ามั่นใจ

   ‘ตอนนี้เรากับเอิงเอยเป็นอะไรกันคะ’

   ‘เป็นเพื่อนครับ’

   ‘คุยกันตลอด ไปทานข้าวด้วยกันบ่อยๆ แบบนี้ไม่ใช่เพื่อนแล้วมั้ง’

   ‘ฮ่าๆ’ เขาหัวเราะกับเสียงแซว เว้นช่วงไปพักหนึ่ง ‘ตอนนี้ยังยืนยันว่าเขาเป็นเพื่อนอยู่ครับ แต่ถ้ามากกว่านั้นเมื่อไหร่จะบอกพี่ๆ นักข่าวทันทีเลย’

   ‘เอิงเอยโบ้ยให้มาถามธีร์ว่า สนิทกันแบบนี้จะมีโอกาสพัฒนาความสัมพันธ์เป็นแฟนกันไหมคะ’

   ‘อยากให้เป็นกันปะล่ะ’ ธีร์โพล่ง เรียกเสียงกรี๊ดจากพี่ๆ นักข่าวตรึม ‘ฮ่าๆ จริงๆ ก็ต้องรอดูกันต่อไปสักพักครับ เรายังเด็ก ผมก็เพิ่งเข้าวงการมา ก็อยากโฟกัสเรื่องผลงานก่อน’

   ‘แต่ตอนนี้ใช้คำว่าคนพิเศษได้แล้วเนาะ’

   ‘อ่า...ครับ พูดแบบนั้นคงไม่ผิด’

   วิดีโอหยุดลงตรงช็อตที่คนถูกสัมภาษณ์ยิ้มบาง จริงๆ มันเป็นคลิปย้อนหลังที่เคยโพสต์ไว้หลายเดือนก่อน...ช่วงเวลานั้นที่ผมไม่ได้ใส่ใจจะดูมันด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้กลับต้องมาไล่ดูเป็นบ้าเป็นหลังเพราะคนในคลิปมีอิทธิพลกับผมมากพอ

   ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้ผมไม่รู้เรื่องของพวกเขาเลย ผมรู้ว่าด้วยรูปลักษณ์หน้าตาที่เหมาะสม และทั้งสองคนก็เล่นซีรีส์คู่กันได้ดีจนเกิดเป็นกระแสจิ้นของแฟนๆ ให้ลงเอยกันจริงๆ แต่ผมก็รู้เท่าที่ทุกคนรู้...ธีร์กับเอิงเอยยังไม่ประกาศตัวอย่างชัดเจนว่าเป็นแฟนกัน

   กระทั่งมันถูกยืนยันมาจากปากเขาเมื่อตอนเย็น

   เกือบเที่ยงคืนแล้ว ผมยังพลิกตัวบนเตียงไปมาด้วยความหงุดหงิด มือกดปิดคลิปแล้วจ้องหน้าจอที่มีแอพพลิเคชั่นเรียงรายอยู่ครู่หนึ่ง คิดว่าถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างก็คงหงุดหงิดแบบนี้ไปถึงเช้า

   ตัดสินใจโทรหา เสียงรอสายดังไม่กี่วินาที แล้วเขาก็รับ

   [พี่จุ๊บ] ธีร์ทักทายด้วยน้ำเสียงธรรมดาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ได้งัวเงีย และออกจะเสียงดังกว่าปกติด้วยซ้ำ

   ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า แต่เขาทำน้ำเสียงเหมือนคนถือไพ่เหนือกว่ายังไงยังงั้น

   “นอนยัง...” รู้ครับว่าเป็นคำถามโง่ๆ แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงนี่หว่า

   [ยัง เราเพิ่งวางสายจากเอิงไป]

   “เหรอ”

   [อือ...]

   “...”

   [...นายมีอะไรหรือเปล่า]

   ผมสูดลมหายใจลึก ควรเข้าประเด็นสักที “ถามตรงๆ นะ ธีร์เล่นอะไรอยู่เหรอ”

   [เราไม่ได้เล่นอะไรอยู่]

   “เรารู้ว่าธีร์โกรธเราที่เราตะเพิดไปคราวก่อน เรารู้ว่าเราผิด เราขอโทษ แต่พาเอิงเอยมาแนะนำกับเราว่าเป็นแฟนแบบนั้น เราไม่สนุกด้วยเน่อ” ผมบอกเขาเสียงอ่อน พยายามไม่ใส่อารมณ์ลงไปจนคำพูดพวกนั้นฟังดูเกรี้ยวกราด คู่ชีวิตเงียบไปไม่นานก็ยิงคำถามกลับ

   [ตอนนี้เราเป็นอะไรกัน แค่พี่น้องกันปะ]

   “ธีร์เป็นมากกว่านั้น”

   [แต่ก็ยังไม่ใช่แฟนอยู่ดี]

   “...ก็ใช่” ผมยอมรับ “เรารู้ว่าคำว่าแฟนมันสำคัญกับธีร์นะ และเรากำลังพยายามอยู่จริงๆ”

   [พยายามด้วยการไปจิ๊จ๊ะกับคนอื่น]   

   น้ำเสียงเรียบนิ่งแต่กรีดลึก ทันใดนั้นจังหวะของซิลลี่ฟูลส์ก็ดังขึ้นในหัวผม ตอนนี้ผมมั่นใจแล้วว่าธีร์ทำแบบนี้เพราะเรื่องภาพหลุดของผมกับรองแน่ๆ “โอเค เราเข้าใจแล้วว่าธีร์โกรธเราเรื่องภาพนั้น แต่เรายืนยันตรงนี้เลยว่าเรากับรองไม่มีอะไรเลยจริงๆ”

   [ไม่ๆ เราไม่ได้โกรธอะไรเลย] เขาแก้ [จริงๆ เราแค่พยายามทำตัวมีเหตุผลเหมือนที่พี่จุ๊บอยากให้เราเป็น]

   “…?”

   [ในเมื่อเราไม่ได้เป็นแฟนกัน ถ้าเราขอไปทำอะไรแบบแฟนกับคนอื่นบ้าง แบบนั้นเราไม่ได้ทำผิดใช่ไหม]

   “ธีร์กำลังประชด...”

   [เราไม่ได้ประชด เราคบกับเอิงเอยจริงจัง และเราบอกพี่จุ๊บเพราะคิดว่านายควรรู้ไว้]

   “...”

   [เราพูดจริง เราไม่ได้เล่นอะไรทั้งนั้น]

   “เรารักธีร์”

   ผมพูดมันออกไปในที่สุด ทำให้คนปลายสายเงียบไปอย่างที่ผมเดาไว้ ในความเงียบนั้นเขาน่าจะกำลังครุ่นคิดว่าจะทำยังไงต่อไปกับเรื่องของเรา

   แต่ไม่ว่าเขาจะยอมทิ้งทิฐิของตัวเองหรือไม่ นั่นคือหมากตัวสุดท้ายของผมแล้ว ถ้าปล่อยท่าไม้ตายขนาดนี้และเขายังทำเหมือนความรักเป็นการเล่นขายของ...ผมก็คงไม่สามารถสรรหาคำไหนมาจูงใจเขาได้อีก

   ทำได้แค่หวังให้เขาอย่าทำร้ายใจกันไปมากกว่านี้เลย

   [อย่างนั้นก็คงจะแย่หน่อย]

   …แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ธีร์ทำลายความหวังนั้นจนป่นปี้

   ผมหลับตาแน่น สูดลมหายใจเข้าจนสุดปอดแล้วผ่อนออกมายืดยาว “โอเค” ผมตอบรับคำยืนยันที่เป็นการปฏิเสธความรู้สึกจากเขา พลันก็รู้สึกว่าลำคอมีก้อนแข็งเกิดขึ้น

   “ยินดีกับการมีแฟนด้วยแล้วกัน”

   ผมกลืนก้อนแข็งนั้นและวางสายไป พยายามสลัดความรู้สึกดื้อรั้นไม่ยอมใครของอีกฝ่ายที่ค่อยๆ กัดกินความรู้สึกดีระหว่างไปทีละนิด แต่ทำไม่ได้...

   นั่นคือจุดเริ่มต้นของเกมดวลประสาทระหว่างผมกับธีร์ ดำรงเดช เกมที่มีมีกติกาง่ายๆ ว่าใครรู้สึกมากกว่าจะกลายเป็นฝ่ายแพ้

   ...เกมที่ผมแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มด้วยซ้ำ   



   “อย่าแพ้เขานะ เฮ้! นะ! เฮ้! นะ! เฮ้! เพราะฉันเชียร์อยู่ อยู่ อยู่ ถ้ารักก็ลองดู ลองดู ลองดู ถ้าอยากมีแฟน ทำไงทำไง ต้องทำคะแนน ทำไงทำไง อย่าแพ้เค้านะ นะ น้าาาาา”

   ไม้กลองในมือถูกเหวี่ยงรัวกระทบแผ่นหนังแน่นตึง บนหน้าผากของผมมัดผ้าสีแดงแสบตาไว้หลวมๆ เข้ากับเสื้อกล้ามสีเลือดหมูและกางเกงกีฬาขาสั้นที่ใส่มาอย่างดี วันนี้ผมได้รับหน้าที่ให้เป็นคนสร้างจังหวะอยู่หลังกลองยาวใบโต ด้านหน้าคือแก๊งเพื่อนสันทนาการที่เต้นเชียร์กีฬากันอย่างเอาเป็นเอาตายตั้งแต่เช้า เรากำลังอยู่ในกิจกรรมวันกีฬาสามัคคีของคณะนิเทศศาสตร์ ซึ่งดำเนินมาได้เกือบครึ่งค่อนวันแล้ว

   แดดเปรี้ยง แต่ลานกว้างหลังคณะนั้นคับคั่งไปด้วยเหล่านิเทศชนทุกชั้นปีที่พร้อมใจกันเข้ามาร่วมกิจกรรมด้วยความสมัครใจ อาจเพราะห้องเชียร์ที่เป็นกิจกรรมหลักจะถูกระงับไป ทำให้ทุกคนโหยหากิจกรรมอย่างอื่นที่จะได้เชื่อมสัมพันธ์พี่น้องกันมากกว่าปกติ แม้อากาศจะร้อนเหี้ยเหมือนโลกกำลังจะเข้าสู่ฤดูหนาวตลอดกาลและพระอาทิตย์แม่งจะมีโอกาสส่องแสงเป็นครั้งสุดท้าย แต่ทุกคนก็ยังดูเอ็นจอยและมีรอยยิ้มประดับบนหน้าเสมอ

   แต่มีอย่างน้อยสองคนที่หน้าบูดเป็นตูดเป็ด คนแรกคือดาราหนุ่มหล่อที่ยืนอยู่ริมสนามด้วยท่าทางนิ่งขรึม ผู้ที่ไม่ได้คุยกับผมหลังจากโทรศัพท์วันนั้นแต่ยังเล่นสงครามประสาทด้วยการมาส่องสตอรี่ไอจีผมบ่อยๆ บนใบหน้าของธีร์ไม่ปรากฏรอยยิ้มใด (ซึ่งมักโดนตีความเป็น ‘หน้าหยิ่ง’) และยิ่งดูบึ้งเข้าไปอีกเมื่อเขาเอาแต่ขมวดคิ้ว แม้วันนี้คนตัวสูงจะสวมเสื้อกล้ามกีฬาสีเหลืองสดใสกับกางเกงขายาวที่คงคอนเซ็ปต์สีแดงซึ่งธรรมดาทว่าโคตรดูดี แต่เหมือนมีรัศมีบางอย่างแผ่ออกมาจากตัวเขาจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ซะงั้น

   สังเกตได้ง่ายๆ จากกลุ่มเด็กสาวในคณะที่เคยเข้าไปรุมล้อมก็ยังถอยตัวออกมากรี๊ดอยู่ห่างๆ หรืออาจเพราะการแสดงอิทธิฤทธิ์ตีผู้หญิงโชว์ในห้องเชียร์ก็เป็นได้

   แต่ผมว่าไม่ใช่หรอก ที่พวกนั้นกันตัวเองออกมาห่างๆ เป็นเพราะ ‘ตัวจริง’ เขายืนอยู่ด้วยกันต่างหาก

   และนั่นทำให้มีคนที่สองในสนามที่ทำหน้าบูดเป็นตูดเป็ด

   ทายซิใครเอ่ย

   “พี่จุ๊บ โอเคไหมครับ”

   รองเดินเข้ามาทักหลังจากเพลงเชียร์จบลง ตอนที่ผมยืนกำไม้กลองขณะมองภาพพวกเขาสองคนกำลังมุ้งมิ้งกันได้ที่ ผมละสายตาแล้วหันไปฝืนยิ้มกับคนที่กำลังเดินเข้ามา รองอยู่ในชุดเสื้อกีฬาแบบเดียวกับธีร์และปีหนึ่งทุกคน บนหัวคาดผ้าคล้ายกับผมแต่เป็นสีน้ำเงิน ตัดกับผิวขาวสะอาดของเขาที่มีรอยแดงไหม้จากแดดเล็กน้อย

   คนหน้าสวยยิ้มกว้างแล้วยื่นน้ำในมือมาให้ผม “สีหน้าไม่ค่อยดีเลย เหนื่อยเหรอ กินน้ำไหมครับ”

   ผมมองซ้ายมองขวาแล้วก็พบกับสายตาของคนหลายคน (เพศหญิงซะส่วนมาก) ที่หันขวับมามองทันทีเหมือนรอซีนจิ้น จึงหันไปดันขวดน้ำกลับ

   “ไม่เป็นไร ตะกี้พี่เพิ่งกินมา”

   ไม่ใช่แค่เพราะสายตาพวกนั้นที่เกิดขึ้นหลังรูปหลุดที่ทำให้ผมอึดอัด แต่รองเองก็ทำให้ผมอึดอัดไม่น้อย...ตั้งแต่ตอนนั้นเรายังไม่ได้คุยกันเรื่องความรู้สึกของเขาอีกเลย แน่นอนว่าผมไม่อยากรื้อฟื้นมัน ผมว่าบางทีเขาอาจจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าพูดอะไรไปคืนนั้น แต่ก็เลี่ยงความอึดอัดไม่ได้อยู่ดี

   รองหน้าเจื่อนลงเมื่อผมปฏิเสธ แล้วคนตัวเล็กก็ก้าวขาเข้ามาอยู่ข้างๆ มองไปยังทิศทางที่ผมเคยมองบ้าง

   “ไม่น่าเชื่อว่าคณะเราจะมีดาราที่โคตรดังระดับประเทศมาเรียนด้วยตั้งสองคน ตอนธีร์อยู่นี่ผมยังเฉยๆ นะ แต่เอิงเอยมาปุ๊บนี่เกร็งเลย เขาน่ารักมากอ่า” เขาชม ทอดสายตามองไปยังสองคนนั้นที่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ยังเหมือนเทพเจ้า วันนี้เอิงเอยอยู่ในเสื้อสีเหลืองและกางเกงขาสั้นพอดีตัว เธอมัดผมยาวขึ้นเป็นหางม้าสูง มันสะบัดไปมาเมื่อเธอขยับตัวเชียร์กีฬาอย่างมีอารมณ์ร่วม “ดูดิ ยิ้มทีนี่โลกโคตรสดใส”

   ยิ้มของเอิงเอยเจิดจ้าเข้ากับแดดในวันนี้อย่างที่รองบอกจริงๆ เธอไม่เพียงแต่มีรอยยิ้มที่ใครต่อใครต่างต้องหลงรัก แต่วิธีที่เธอแสดงออกและรังสีความสุขที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวมันทำให้รอยยิ้มนั้นสมบูรณ์แบบเหลือเกิน

   ไม่ได้เปรียบเทียบหรือทำให้ตัวเองรู้สึกแย่อะไรหรอก แค่คิดว่าผมคงไม่มีวันจะให้รอยยิ้มแบบนั้นได้เลย

   “คู่นี้เหมาะสมกันดีเนอะ พี่จุ๊บว่างั้นไหม” รองถามเมื่อเห็นว่าผมไม่พูดอะไร

   ผมอึกอักเล็กน้อย “อะ...อือ”

   “เป็นแฟนกันจริงแฟนคลับคงกรี๊ดเลย”

   “แน่ๆ” เพราะเขาเป็นกันไปเรียบร้อยแล้ว

   “พี่จุ๊บ...” รองเรียกผมแล้วทิ้งช่วงไป ทำให้ผมต้องหันกลับไปมองเขา สบตากับดวงตากลมโตที่กำลังสำรวจสีหน้าผมราวกับกำลังสงสัยว่าผมโอเคหรือเปล่า นั่นทำให้ผมรีบปั้นยิ้มแปล้

   “อะไรเหรอ”

   “เปล่าครับ” จู่ๆ เขาก็อมยิ้ม แววตาสงสัยหายไปทันใด “เดี๋ยวผมจะลงแข่งเกมเจี๊ยวยาว”

   “จริงดิ” ผมแค่นหัวเราะเบาๆ เพราะนึกไปถึงความทุลักทุเลของการละเล่นที่รองเพิ่งบอก มันคือเกมที่จับคนหลายๆ คนมาสวมมะเขือยาวไว้ตรงหว่างขาของตัวเอง แล้วแข่งกันใช้แรงดัน (แรงเด้า) จากบั้นเอวเหวี่ยงมะเขือให้สามารถเขี่ยลูกปิงปองจนไปถึงเส้นชัยได้ ใครถึงก่อนชนะ

   เป็นกีฬาที่ไม่ควรจะเรียกตัวเองว่ากีฬา เพราะมันสร้างขึ้นมาเพื่อความบันเทิงมากกว่าออกกำลังกาย

   “ช่าย เชียร์ผมด้วยนะ” คนตัวเล็กอ้อน “กลัวแพ้จัง เอวไม่ค่อยดีเท่าไหร่”

   “ระหว่างรอแข่งนี่ก็ฝึกดิ” ผมแนะ แต่ไม่ได้คิดว่าเขาจะทำจริงเดี๋ยวนั้น อยู่ๆ รองก็เท้าแขนกับสะโพกแล้วฝึกเด้งหน้าเด้งหลังด้วยท่าทางตลก ทำให้ผมขำพรืดออกมา

   “ยิ้มจริงๆ ได้แล้ว” เขาหยุดทำแล้วเอียงคอมองผมอย่างสุขสม ผมส่ายหัวเบาๆ กับการลงทุนทำให้ผมยิ้มของคนตัวเล็ก แต่ก็นึกขอบคุณเขาในใจ

   “พี่จุ๊บ ถ้าเกิดว่าผมชนะ พี่จะให้อะไรผมอะ”

   “อะไรเนี่ย แข่งอะไรก็ขอรางวัลตลอดเลย” ผมแหว ไอ้น้องรหัสคนนี้มันเป็นแบบนี้จริงๆ นะ ตั้งแต่ประกวดเดือนหอแล้ว
   “ผมก็อยากมีแรงจูงใจบ้างนี่ครับ เอางี้...ถ้าผมชนะ พี่จุ๊บไปดูหนังกับผมนะ”

   คนหน้าสวยอ้อนใหญ่ ผมเบ้ปากอย่างลังเลใจ อยากตามใจเขาเพื่อเพิ่มแรงฮึดเหมือนกัน แต่ใจหนึ่ง...ก็กลัวว่ารับปากอะไรออกไปแล้วมันจะเป็นการให้ความหวังไปกันใหญ่

   “ไปชนะให้ได้ก่อน แล้วค่อยว่ากัน” จึงบอกแบบนั้นออกไป แต่คนตัวเล็กก็กระโดดโลดเต้น กำหมัดและดึงศอกเข้าสีข้างตัวเองเหมือนชนะไปแล้ว...ใจเย็นเว้ย   

   “ยังไม่ได้รับปากอะไรเลย”

   “ผมจะชนะ พี่คอยดู” รองขยิบตา ชี้หน้าผมอย่างมาดมั่นแล้วก็เดินออกไป พอดีกับเสียงประกาศการแข่งขันวิ่งเปรี้ยวจบลง ผมเดาว่าเกมที่เขาแข่งน่าจะอยู่ถัดไป

   “และตอนนี้ขอให้ผู้ลงชื่อแข่งขันเกมเจี๊ยวยาวเตรียมตัวเลยค่าาาาาาาาา”

   ไม่ทันขาดคำพิธีกรก็ประกาศผ่านโทรโข่งเสียงก้องไปทั้งสนาม ผมไม่รอช้า รัวกลองรับเสียงประกาศนั้นเพิ่มความตื่นเต้น มองตามรองที่เดินเข้าสู่ใจกลางลานหญ้าพร้อมกับผู้เข้าแข่งขันคนอื่นหลายสิบคน เขาโบกไม้โบกมือเป็นสัญญาณว่าคอยจับตาดูให้ดี

   ผมยิ้มให้กำลังใจ พลันสายตาก็เลื่อนออกไปมองคนอีกคนที่อยู่ริมสนามไม่ไกล และพบว่าแม้จะมีนางเอกดังข้างกาย แต่เขาก็มองกลับมาทางผมด้วยแววตาอ่านไม่ออกด้วยเช่นกัน

   ไม่รู้ว่ามองแบบนั้นอยู่นานเท่าไหร่

   “โอเค เก้า สิบ สิบเอ็ด หายไปไหนคนนึงเนี่ย”

   เสียงพิธีกรดำเนินรายการดังต่อไป ทว่าสายตาของผมกับธีร์ยังไม่หลุดออกจากกันคล้ายว่ากำลังเล่นเกมจ้องตา

   “หาย...หายไปไหนวะ ช่างแม่งละกัน โอเคตอนนี้เราต้องการผู้เข้าแข่งขันในเกมนี้เพิ่มอีกหนึ่งคนให้ครบสิบสองคน พี่ๆ น้องๆ คนไหนอยากเล่นปิงปองมะเขือยาววิ่งมาที่ดิฉันตอนนี้เลยค่า”

   “กลอง อย่าเงียบดี้” เพื่อนสันทนาการตะโกนก้องเรียกสติกลับคืน ทำให้ผมต้องละสายตาจากธีร์แล้วกลับมาโฟกัสกับสิ่งที่ควรทำ...ตีกลองเป็นจังหวะปลุกใจให้ทุกคนในสนาม

   ทว่าประโยคต่อมาของพิธีกรทำให้ผมต้องแปลกใจ

   “คนสุดท้ายมาแล้ว! เย้ยยยยย เซอร์ไพร์สมากกกก ยินดีต้อนรับน้องธีร์ ดำรงเดชเข้าสู่เกมเจี๊ยวยาวค่าาา!”

   “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!”

   “พูดเลยว่าเกมนี้พี่ทีมธีร์เท่าน้านนนนน การี๊ดดดดด!!!”

   รู้ตัวอีกทีเขาก็ไปยืนอยู่ตรงนั้น พาตัวเองไปทวงคืนตำแหน่งเจ้าของเสียงกรี๊ดที่ดังที่สุดประจำคณะได้ด้วยการลงเล่มเกมที่ใครก็คาดไม่ถึง ธีร์เดินเข้าไปยืนในตำแหน่งข้างรอง ทำให้ผมเห็นความแตกต่างของทั้งคู่ได้อย่างชัดเจน ทั้งสีผิว ส่วนสูง และหน้าตาที่ดูดีกันคนละแบบ

   แต่สิ่งที่ทั้งคู่มีเหมือนกัน คือสายตาที่จับจ้องมาที่ผม...แค่ผมเท่านั้น



   สังหรณ์ใจว่าเกมนี้จะเป็นมากกว่าเกมมะเขือยาวธรรมดายังไงชอบกล
      






โปรดติดตามตอนต่อไป



ตม. Talks: อยากให้อัพเร็วๆ เม้นท์กันด้วยนะ
หรืออยากติชมหรือกรี๊ดกร๊าดไปที่แท็ก #จุ๊บที ในทวิตเตอร์นะคะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสาม | UPDATE 1.11.2560 | Page 20 }
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-11-2017 23:58:37
ตอนใหม่มาแต่ชื่อ รอเนื้อเรื่องจ้ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสาม | UPDATE 1.11.2560 | Page 20 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 02-11-2017 00:08:54
ตอนใหม่มาแต่ชื่อ รอเนื้อเรื่องจ้ะ

อัพแล้วค่าาาาา 55555 <3
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสาม | UPDATE 1.11.2560 | Page 20 }
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 02-11-2017 00:16:23
โหหห ธีร์ถ้าจะตัดใจก็ควรตัดจริงๆนะอย่ามาให้ความหวังทั้วพี่จุ๊บทั้งเอย คือรู้แหละว่าที่พี่จุ๊บแว้ดใส่อะมันผิดแต่ก็ควรพูดกันดีๆแต่แรกไม่ใช่ลากใครเข้ามาหรือทำอะไรประชดกันแบบนี้ อ่านๆไปบางทีก็หมั่นไส้นะตอนนี้เหมือนพี่จุ๊บเป็นรองธีร์มากอะ นี่ถ้าพี่จุ๊บแกตัดใจได้จริงแล้วเลิกสนใจธีร์นี่คงสนุกน่าดูเลยนะ หึหึ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสาม | UPDATE 1.11.2560 | Page 20 }
เริ่มหัวข้อโดย: Chattcha ที่ 02-11-2017 00:19:01
ลุ้นจังเมื่อไหร่จะเข้าใจกันซักที
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสาม | UPDATE 1.11.2560 | Page 20 }
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 02-11-2017 00:25:19
ถึงธีร์จะเป็นเนื้อคู่พี่จุ๊บ แต่ถ้าธีร์ทำแบบนี้เราจะไม่เชียร์ธีร์แล้ว จะไปเชียร์ให้จุ๊บเจอคนดีๆ สงสารจุ๊บอ่ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสาม | UPDATE 1.11.2560 | Page 20 }
เริ่มหัวข้อโดย: Sansin ที่ 02-11-2017 00:39:52
เอาอีกค่า เอาอีกกขอแบบจุกๆ  :impress2:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสาม | UPDATE 1.11.2560 | Page 20 }
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 02-11-2017 00:57:03
 :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสาม | UPDATE 1.11.2560 | Page 20 }
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 02-11-2017 00:57:39
พี่จุ๊บคนดีไม่ประชดกลับด้วย เป็นผู้ใหญ่มีเหตุผล น่ารักที่สุดอะ
ไม่เหมือนใครบางคน

ถ้าธีร์ยังคิดไม่ได้ ใช้เอิงเอยเป็นเครื่องมือ(หรือน้องจะร่วมวางแผนด้วย) ก็ไม่เหมาะเป็นคู่ชีวิตพี่จุ๊บอะ (นี่หวง :m16: )
แนะนำว่าเป็นแฟน บอกสื่อว่าคุย ๆ กันอยู่ แล้วมาทำเป็นคู่แข่งรองอีก คืออะไรรร หวงก็บอกหวงสิ ไม่ใช่มาประชดให้เขาเจ็บแบบนี้

พี่จุ๊บลองจูบรองไหม เผื่อเป็นคู่ชีวิตตัวจริง ฮา
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสาม | UPDATE 1.11.2560 | Page 20 }
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 02-11-2017 01:10:00
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสาม | UPDATE 1.11.2560 | Page 20 }
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 02-11-2017 01:15:08
ทำไมพระเอกเรื่องนี้เด็กจังอ่ะ ด้านนิสัยอะนะ แล้วงี้เวลามีเรื่องจริงๆ จุ๊บจะพึ่งพาอะไรได้ น่ามคานนนนน ลำไยยยย  :z6: :z6: :beat: :beat:  :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสาม | UPDATE 1.11.2560 | Page 20 }
เริ่มหัวข้อโดย: MmBb ที่ 02-11-2017 02:21:24
ก็ขอให้เป็นแฟนกันจริงๆไปเลยนะธีร์ มีแฟนแล้วก็ไม่ต้องมายุ่งกับจุ๊บอีก ไม่ชอบพระเอกนิสัยแบบนี้เลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสาม | UPDATE 1.11.2560 | Page 20 }
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 02-11-2017 02:28:33
อ่านละรำคาญทั้งธีร์ และจุ๊บ 55555555  น่าขัดใจไปหฝด

ธีร์ก็เด็กมากกก ประชดประชัน แต่เข้าใจในความต้องการความชัดเจนนะ

แอบสงสารตรงนี้ และเข้าใจ ถ้าเขาไม่ชัดเจนก็พร้อมจะไป

ส่วนจุ๊บ ก็คิดเยอะ คิดมาก ไม่ชอบรอง แต่ไม่ปฎิเสธ  พอกันทั้งคู่



หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสาม | UPDATE 1.11.2560 | Page 20 }
เริ่มหัวข้อโดย: netich ที่ 02-11-2017 03:17:56
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสาม | UPDATE 1.11.2560 | Page 20 }
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 02-11-2017 03:27:33
เอิ่ม อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกแย่กับทั้งธีร์ทั้งจุ๊บ นิสัยไม่ดีทั้งสองคนอ่ะ ไม่ชัดเจนอะไรสักอย่าง เบื่อ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสาม | UPDATE 1.11.2560 | Page 20 }
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 02-11-2017 06:17:51
ก็รู้ว่า จุ๊บลังเลไม่แน่ใจ แต่มันก็จริงใช่มั้ยล่ะ ไม่แน่ใจในความรู้สึกตัวเองแลเวจะกั๊กเค้าไว้ทำไม ธีร์เอง เป็นแฟนกับคนอื่นไปแล้ว จะมาอาวรณ์ทำไม ถ้าธีร์ต้องการพาเอิงมาเพื่อประชดจุ๊บ ก็นิสัยเด็กอ่ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสาม | UPDATE 1.11.2560 | Page 20 }
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 02-11-2017 07:21:03
 :katai1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสาม | UPDATE 1.11.2560 | Page 20 }
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 02-11-2017 08:01:34
ก็ไม่ชัดเจนทั้งคู่ล่ะ ไปกันไม่ได้ก็ต่างคนต่างอยู่เถอะ ถ้าคู่กันจริงยังไงก็ได้กัน
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสาม | UPDATE 1.11.2560 | Page 20 }
เริ่มหัวข้อโดย: Supansahn ที่ 02-11-2017 08:47:32
 :katai1: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสาม | UPDATE 1.11.2560 | Page 20 }
เริ่มหัวข้อโดย: Mafiaziip ที่ 02-11-2017 09:55:33
จุ๊บควรคุยกับน้องรองให้ชัดเจนนะ เราอาจจะคิดว่าทำหน้าที่พี่รหัส แต่น้องมันจะคิดมากกว่านั้นหนะสิ

หน่วงจิตหน่วงใจละเกินนนนนน  :katai1: :katai1: :katai1:


 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสาม | UPDATE 1.11.2560 | Page 20 }
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 02-11-2017 10:49:31
ธีร์ประชดขนาดนี้ก็เกินไปป่ะวะ เด็กน้อยมาก ที่จริงก็เด็กจริง นี่ถ้าพี่จุ๊บไปมีใครๆๆๆ ก็จะมาเสียใจนะ พ่อคู่แท้

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสาม | UPDATE 1.11.2560 | Page 20 }
เริ่มหัวข้อโดย: Lalaleega ที่ 02-11-2017 13:17:11
ธีร์มีแฟนละปะ มาส่งสายตาอะไรร
ขอโทษค่ะอินไปหน่อย รีบมาอัพนะคะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสาม | UPDATE 1.11.2560 | Page 20 }
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 02-11-2017 19:16:24
ธีร์เด็กอะ สไตล์แบบกุไม่ได้คนก็ก็ไม่ได้ปะ หวงก้าง
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสาม | UPDATE 1.11.2560 | Page 20 }
เริ่มหัวข้อโดย: Fahsaizzz ที่ 02-11-2017 19:45:22
เอาที่ธีร์สบายใจเลย
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสาม | UPDATE 1.11.2560 | Page 20 }
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 02-11-2017 20:24:10
โอ้ยยย ธีร์ อย่าประชดดิ้ อีพี่จุ๊บก็กล้าๆหน่อย เปิดใจกันไปเลย ต้องการอะไรยังไง แฟร์ๆ (อินมากพูดเลย)
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสาม | UPDATE 1.11.2560 | Page 20 }
เริ่มหัวข้อโดย: Supak-davil ที่ 03-11-2017 14:56:01
อุปสรรค รูปแบบ มนุษย์แฟน
ทำใจยากนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสาม | UPDATE 1.11.2560 | Page 20 }
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 05-11-2017 23:58:44
อัพเถอะ ได้โปรด
อุตส่าห์ไล่อ่านถึงตอนปัจจุบัน อย่าให้เราค้างงงงงงงงงงงงง
 :z3:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสาม | UPDATE 1.11.2560 | Page 20 }
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 06-11-2017 01:08:09
กรี๊ดดดดด บ้าจริงงง ธีร์เอ๊ย ไม่รู้จะเชียร์ดีไหมม  :hao7:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสาม | UPDATE 1.11.2560 | Page 20 }
เริ่มหัวข้อโดย: Rabity ที่ 06-11-2017 09:14:39
มาอัพต่อเถอะค่า ฮืออออ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสาม | UPDATE 1.11.2560 | Page 20 }
เริ่มหัวข้อโดย: Missmu ที่ 06-11-2017 19:09:06
สนุกมากเลยค่ะ มารอตอนต่อไป  :sad4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสี่ | UPDATE 8.11.2560 | Page 21 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 08-11-2017 21:54:08

(http://www.uppic.org/image-730A_57571DD5.jpg)

จูบที่สิบสี่



   “และตอนนี้ทุกคนก็มีเจี๊ยวเหมือนกัน เย้ยยยย หมายถึงเจี๊ยวทุกคนยาวเท่ากัน เย้ยยยยย ยิ่งพูดก็ยิ่งเหี้ย ไม่แก้ละ เอาเป็นว่าทุกคนพร้อมแล้วนะคะ!”

   ไอ้โฟกัสเพื่อนสนิทผู้รับหน้าที่เป็นกรรมการของเกมนี้ประกาศเสียงเจื้อยแจ้วผ่านโทรโข่งเพื่อเช็คความพร้อมของผู้เข้าแข่งขันทั้งสิบสองคน ทั้งหมดยืนเรียงหน้ากระดานคละชายหญิงอยู่หลังเส้นสีขาว มือของแต่ละคนถูกผูกผ้าไว้ด้านหลังเพื่อป้องกันการใช้มือช่วย ส่วนหว่างขามีมะเขือยาวขนาดเท่ากันห้อยโทงเทงอยู่ และตรงหน้ามีลูกปิงปองวางประจำจุดไว้ให้คนละหนึ่งลูก

   “กติกาง่ายมาก ใช้เจี๊ยวของตัวเองเตะลูกปิงปองให้มาถึงขวดน้ำ” เพื่อนผมม้าเต่อเดินมาชี้ที่แนวขวดน้ำประจำตัวของคนแข่งซึ่งอยู่ห่างจากจุดเริ่มต้นราวหนึ่งร้อยเมตร “อ้อมขวด แล้วตีกลับไป ใครถึงเส้นชัยก่อนชนะ!”

   ผมรัวกลอง ได้ยินเสียงกู่ร้องด้วยความคึกจากผู้เข้าแข่งขันทุกคน โดยเฉพาะคนตัวเล็กที่คำรามไม่พอ ยังดีดซ้ายดีดขวาจนผมอยากถามว่าน้องไปโดนตัวไหนมาเหรอครับ ต่างจากดาราตัวสูงข้างๆ ที่ยืนเอามือกุมเจี๊ยว...หมายถึงมะเขือยาว...นิ่งๆ และเหล่ไปคนข้างๆ ด้วยสายตารำคาญ จากนั้นก็หันมามองผมแล้วเลิกคิ้ว แถมยังกระพริบตาให้ปริบๆ

   อะไร...หน้าขอกำลังใจเหรอ

   “ธีร์สู้สู้!!” เอิงเอยที่พาตัวเองมาแจมอยู่ในวงกองเชียร์ตะโกนเชียร์แฟนตัวเองอย่างแข็งขันอยู่ด้านหน้าผม เรียกความสนใจของเขาได้สำเร็จ ธีร์ส่งยิ้มให้เธอแล้วชูสองนิ้วกลับ ไม่บอกก็รู้ว่ากำลังใจเต็มเปี่ยม

   หรือผมอาจจะคิดไปเอง เขาส่งสายตาให้แฟนเขานู่น ไม่ใช่ผมซะหน่อย

   เซ็งแต่ทำอะไรไม่ได้วุ้ย

   “เอาล่ะ ถ้าพร้อมแล้ว เริ่มเกมหลังเสียงนกหวีดนะ” โฟกัสให้สัญญาณ “สาม! สอง! หนึ่ง!”

   ปี้ดดดดดดดดดดดดดดดด!

   ทันทีที่เสียงแหลมปรี๊ดสิ้นสุด ผมเริ่มบรรเลงจังหวะกลองไปพร้อมกับเสียงเชียร์ดังกระหึ่ม คนที่นำโด่งมาคนแรกคือรองที่ดูแล้ววงสวิงก็ไม่ได้เหวี่ยงหนักมาก แต่เนื่องจากขาสั้นเกินมาตรฐานชายไทย มะเขือยาวของเขาจึงใกล้พื้นที่สุด และนั่นทำให้เขาสะดวกในการเหวี่ยงมันไปหาลูกปิงปองได้ดีที่สุด แค่ไม่กี่วินาทีรองก็สามารถเลี้ยงลูกได้มาแล้วครึ่งสนาม...เชี่ย อะเมซิ่งร้อยหกสิบเซ็นต์มากๆ

   คนที่ตามมาเป็นลำดับที่สองคือธีร์ เขาไม่ได้ซอยเอวถี่มากจนมะเขือยาวเสียการควบคุม แต่คนตัวสูงค่อยๆ กะองศาการตีลูก ย่อเข่าลง แล้วเหวี่ยงมะเขือช้าๆ ปรากฏว่าเขาสามารถตีลูกไปได้ไกลทีละเกือบสองเมตร ทั้งคู่ห่างกันแค่ช่วงตัวเดียวเท่านั้น

   “สู้เขา แปะแปะแปะ เอาชัยชนะ แปะแปะแปะ อย่าลดอย่าละ แปะแปะแปะ มานะเข้าไว้ แปะแปะแปะ อดทน แปะแปะแปะ และมีวินัย แปะแปะแปะ เอาชิงเอาชัย แปะแปะแปะ มาให้น้องธีร์ แปะแปะแปะ”

   โฟกัสร้องเพลงนำเชียร์ได้เป็นกลางมากๆ จนผมอยากเอาไม้กลองไปแปะที่หน้าผากมันสักป้าบ มึงไม่สงสารผู้เข้าแข่งขันคนอื่นเลยน่ออออ

   “ธีร์!!!!” น้องเอิงเอยนางเอกดังก็ส่งเสียงเชียร์อย่างไม่น้อยหน้าเมื่อถึงคราวที่ธีร์ขึ้นนำบ้าง จู่ๆ เขาก็ใช้เจี๊ยวเตะลูกปิงปองจนลอยหวือมาที่จุดยูเทิร์นได้ในที่สุด รองที่กลายเป็นผู้ตามเห็นดังนั้นก็รีบอัพสกิลบั้นเด้าของตัวเองตาม เอาจริงๆ เหมือนตอนนี้แข่งกันอยู่สองคน เพราะผู้เข้าแข่งขันคนอื่นยังไม่ถึงครึ่งทางกันเลยอะ

   “เอออย่างนั้น เอียงตัวอีกหน่อย เจี๊ยวน้องมันเบ้ขวาอะ เอียงอีกนี้ดดดด”

   “ค่อยๆ ค่ะค่อยๆ เออ ตรงแล้ว น้องธีร์เด้งเลย เด้ง! กรี๊ด!”

   “อ๊าาาาา จัดเต็มไปเลยค่ะลูกขาาาาาา”

   เกลียดเสียงกองเชียร์จะได้ไหม ถ้าหลับตาฟังนี่นึกว่าพากย์หนังโป๊นะ ฮือ

   “ธีร์สู้เขา!”

   “อีกนิดๆ ได้แล้ว ไปเลยยยยย” ทุกคนต่างก็ตะโกนเชียร์พ่อพระเอกซีรีส์อย่างไม่เกรงอกเกรงใจแฟนเขาที่ยืนหัวโด่อยู่ตรงนั้นเลยสักนิด แต่กระนั้นมันกลับเป็นผลดีกับธีร์...คนผิวขาวสว่างยิ่งได้ยินเสียงเร่งก็เหมือนมีแรงฮึดให้เอาใหญ่ ใช้เจี๊ยวตีลูกให้ดีดไปไกลหลายครั้งติดกัน ต่างจากน้องรองที่ยังเงอะๆ งะๆ กับการยูเทิร์นลูกปิงปองอยู่สองนาน ยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไหร่ก็ระยะห่างของเขากับธีร์ก็ยิ่งลดลงเท่านั้น

   ผมเห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ ชั่วขณะนั้นก็รู้สึกเหมือนผีบางตัวเข้าสิง ผมจึงตัดสินใจหยุดตีกลองไปไม่กี่วินาทีแล้วตะโกนเชียร์น้องรองจนสุดเสียง

   “รองสู้สู้ววววววววว!!!!!!!!!”

   ขวับ!

   ทันใดนั้นเพื่อนกองเชียร์ทุกคนหันมามองผม...แล้วแสยะยิ้มเหมือนรู้ทัน

   “แง้ว” ผมร้องแล้วบรรเลงจังหวะกลองต่อ ทุกคนจึงหันกลับไปเชียร์กันได้ และวินาทีนั้นเองที่สองอันดับแรกในสนามสร้างความแปลกใจให้เราได้อีกครั้ง อาจเพราะเสียงตะโกนของผมที่ทำให้รองฮึด เขาจึงสามารถเอี้ยวตัวผ่านจุดยูเทิร์นได้ที่สุด และกำลังไต่ระดับไปหาคนเป็นดาราที่อยู่กึ่งกลางของสนาม ขณะที่ฝ่ายธีร์เหมือนมีปัญหากับการกะระยะการเหวี่ยงชั่วคราว จู่ๆ เขาก็กลายเป็นคนที่เหวี่ยงพลาดไปเสียเฉยๆ ซะอย่างนั้น

   ธีร์หันมามองรองที่ไล่ประชิดเข้ามาเป็นระยะแล้วเด้งเอวรัวเหมือนเร่งตัวเองเต็มที่ แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่มะเขือยาวของเขาจะปะทะลูกปิงปอง

   เหมือนจู่ๆ เขาก็สมาธิหลุดจากสิ่งที่ทำ

   “และตอนนี้น้องรองก็ตีตื้นมาได้แล้วนะคะ น้องธีร์ฮึบเร็วลูกกกก” โฟกัสรบเร้า นั่นยิ่งทำให้ธีร์พยายามจะเอาชนะยิ่งขึ้นไปอีก เขาลนลานอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นว่ารองเตะลูกปิงปองเลยเขาไปราวหนึ่งช่วงตัว

   “น้องรองใกล้จะถึงเส้นชัยแล้วนะคะ น้องรองชนะแน่เลยอ่าาาาา”

   ทันใดนั้นธีร์เตะลูกได้ในที่สุด ลูกปิงปองของเขากระดอนไปอยู่ในระดับเดียวกับของรองที่ห่างออกไปราวสองเมตร

   “กรี๊ดดดดดดดด ธีร์มาแล้วววว สู้เขาลูก”

   เสียงกองเชียร์เฮลั่น ธีร์ขยับตัวได้หลังจากติดอยู่กับที่มานานรีบวิ่งไปหาลูกปิงปองเพื่อจะได้เลี้ยงลูกในช็อตต่อไป แต่ตอนนั้นเขาอาจจะวิ่งเร็วเกินไปจนขัดขาตัวเองหรือยังไงผมก็ไม่รู้...

   ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก อาจเพราะการก้าวขาที่ผิดท่าทาง อยู่ๆ ธีร์ก็สะดุดล้ม มือทั้งสองไม่ได้ยันป้องกันตัวเองเพราะถูกมัดไว้ด้านหลัง ทำให้ทั้งตัวของเขาล้มคะมำลงกับพื้นหญ้าไปเต็มแรง

   ไม้กลองของผมหลุดมือ เกิดเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจจากทุกทิศ กว่าจะรู้ตัวว่าทำอะไรขาของผมก็รีบก้าวออกจากหลังกลองเพราะอยากไปดูอาการของเขา แม้แต่รองและผู้เข้าแข่งขันคนอื่นก็หยุดเล่นแล้วทำท่าจะเข้าไปช่วยธีร์ เช่นเดียวกับกรรมการและฝ่ายพยาบาลหลายๆ คนที่รีบตรงดิ่งเข้าไปหา

   “น้องธีร์!”

   “ไม่ต้องครับ!”

   หากเสียงประกาศกร้าวของธีร์ก็หยุดทุกคนไว้ก่อน เขาตะโกนก้องออกมาทั้งๆ ที่กำลังนอนอยู่แอ้งแม้งอยู่อย่างนั้น “ผมไม่เป็นไร!”

   “น้องธีร์ ไม่ไหวแล้วมั้งคะ”

   “ผมจะเล่นต่อ...จะเล่นต่อ” ธีร์บอกแล้วรีบยันตัวเองขึ้นอย่างทุลักทุเล ด้วยความที่มือทั้งสองยังถูกมัดไว้เขาจึงต้องพยุงตัวเองขึ้นด้วยกำลังขาล้วนๆ ท่ามกลางการเอาใจช่วยจากทุกคนที่หยุดยืนนิ่ง รวมถึงผมที่แม้อยากวิ่งเข้าไปช่วยแค่ไหน แต่ก็ต้องเคารพการตัดสินใจของเขา

   ดาราหนุ่มพยุงตัวขึ้นได้ แล้วล้มลงไปอีกรอบ แต่แค่ไม่กี่วินาทีเขาก็พยายามลุกขึ้นใหม่จนยืนได้ในที่สุด เขาทรงตัวขึ้นมาพร้อมใบหน้าเปื้อนฝุ่นที่ยิ้มสู้ ทุกคนในสนามอ้าปากหวอ ก่อนจะพากันปรบมือชื่นชมในความพยายามนั้น

   “เล่นต่อเลยครับ” ธีร์พูดออกมา แล้วเกมก็ดำเนินต่อไปโดยสองคนสุดท้ายอยู่ห่างจากเส้นชัยในระยะไม่ไกลกัน  รองที่ดูจะเหวอมากกว่าใครหันกลับไปตีลูกอย่างผิดๆ ถูกๆ ขณะที่ธีร์ก้าวเข้าไปหาลูกปิงปองด้วยการก้าวแบบกะเผลก...ดูก็รู้ว่าขาแพลงแน่นอน

   “น้องธีร์ไหวไหมลูก”

   ไอ้บ้าเอ๊ย เกมปัญญาอ่อนแค่นี้ก็ยังจะไฝว้...ธีร์นี่มันธีร์จริงๆ เลยให้ตาย

   “ไหว” เขาตะโกนก้อง กะองศาของการเหวี่ยงครั้งสุดท้าย ขณะที่รองก็เร่งบั้นเอวของตัวเองเต็มที่ ช่วงเวลานั้นเป็นเหมือนฉากสโลว์โมชั่นในภาพกีฬามันส์ๆ ที่ใครสักคนหนึ่งกำลังจะชนะ ท่ามกลางแรงกดดันจากกองเชียร์รอบข้าง และแรงดึงดันภายในใจของทั้งคู่

   “เข้า! เข้า! เข้า! เข้า! เข้า!”

   “กรี๊ดดดดดด!!”

   “เข้าแล้ว!!!”

   ปี้ด!!!!!!!!!!!!!!!!

   เสียงนกหวีดบอกผู้ชนะดังขึ้นในที่สุด

   “ลูกปิงปองน้องธีร์เข้าเส้นชัยไปแล้วค่า!!”

   วินาทีนั้นผมกระโดดดีใจจนตัวลอย ก่อนจะรู้ตัวว่าตัวเองไม่ควรจะรู้สึกดีใจขนาดนี้ด้วยซ้ำ โชคดีที่ทุกคนมัวแต่กรี๊ดและรีบวิ่งเข้าไปรุมผู้ชนะกันใหญ่ทำให้ไม่มีใครทันสังเกต ผมมองภาพนั้นแล้วยิ้มบางๆ ออกมา

   และในขณะที่ทุกคนกำลังมะรุมมะตุ้มนั้นเอง ธีร์เหลือบสายตามาทางผม

   เขามองผมแน่คราวนี้ เพราะเอิงเอยก็เป็นหนึ่งในหลายคนที่ไปรุมเขาอยู่ตรงนั้น ธีร์ยิ้มมุมปากและยักคิ้วเหมือนกำลังอวดว่า ‘ไงล่ะ’ ส่งมา ผมเลยแกล้งทำหน้านิ่งกลับไป...แม้ว่าจริงๆ จะอยากยิ้มให้ก็ตาม

   การที่รู้สึกยังไงแต่แสดงออกไม่ได้นี่มันอึดอัดชะมัด



   ธีร์ถูกยกเข้าไปเต็นท์พยาบาลหลังจากนั้น ผมฝากกลองไว้กับเพื่อนสันทนาการอีกคนแล้วกะจะตามไปดูอาการเขาต่อขณะที่กิจกรรมก็ดำเนินต่อไป เมื่อเข้าไปในเต็นท์ทรงสี่เหลี่ยมสีขาวก็เห็นเพื่อนฝ่ายพยาบาลหลายคนยืนดูอยู่ห่างๆ โดยแหวกตรงกลางไว้เป็นรูปครึ่งวงกลม

   ผมเดาออกเลยว่าตรงกลางนั้นคือใคร

   “คิดยังไงฝืนเล่นขนาดนี้น่ะ เห็นไหมขาแพลงเลยเนี่ย” ผมชะโงกหน้าขึ้นมองเหนือกลุ่มคน เห็นเอิงเอยบ่นเสียงเล็กขณะกำลังใช้น้ำแข็งประคบแผลตรงข้อเท้าของเขาอย่างแผ่วเบา ธีร์มองเธอกลับตาเยิ้ม ท่ามกลางเสียงซุบซิบของผู้คนรอบกายที่กำลังอินกับภาพตรงหน้าราวกับดูละคร ตอนนางเอกกำลังทำแผลให้พระเอกอะไรเทือกนั้น

   ผมมองภาพนั้นแล้วนึกไปถึงตอนที่ธีร์โดนต่อยคิ้วแตก แผลจากตอนนั้นถูกสมานจนหายดีเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้น และตอนนี้เขามีคนทำแผลให้แทน...ซึ่งก็ดีแล้ว...แต่ความรู้สึกว่า ‘ผมเคยอยู่ตรงนั้น’ มันกลับทำให้ปวดแปลบที่ใจขึ้นมาเฉยๆ

   ผมกะเดินออกจากตรงนั้น ทว่าแรงสะกิดที่สีข้างจากใครบางคนก็รั้งไว้ซะก่อน

   “พี่จุ๊บ” รองโผล่มาพร้อมยกเข่าที่ถลอกปอกเปิกขึ้นมาให้ดู ผมตาโตด้วยความตกใจทันที “ตอนเข้าเส้นชัยผมสะดุดล้มเหมือนกัน แต่ไม่มีใครมาดูเลย พี่จุ๊บทำแผลให้ผมหน่อยได้ไหมครับ”

   “ได้ๆ สบายมาก” ผมรีบพาเขาที่เดินกะเผลกๆ เข้าเต็นท์พยาบาลไป ส่งเสียงขอความช่วยเหลือจากเพื่อนฝ่ายพยาบาลให้เอายามาให้ กลายเป็นว่าตอนนี้มีคนอยู่สองคู่ที่กำลังทำแผลให้กัน และนั่นทำให้เสียงซุบซิบดังขึ้นเป็นทวีคูณ

   ผมรู้สึกว่ากำลังถูกคนอีกคู่มองอยู่ แต่ตัวเองก็ง่วนกับแผลของรองจนไม่มีเวลาจะสนใจ รับแอลกอฮอล์มาจากฝ่ายพยาบาลแล้วราดลงบนเข่าโชกเลือดของรองจนเขาร้องซี้ดออกมาเบาๆ

   “โทษที” ผมบอกเมื่อเห็นสีหน้าเหยเกของคนตรงหน้า

   “ไม่เป็นไรครับ” รองกระซิบ เมื่อเห็นว่าเขาโอเคแล้วผมก็จัดการเช็ดสำลีลงไปช้าๆ “พี่จุ๊บมือเบาดีจัง น่าจะไปเรียนหมอนะ”

   ‘มือเบาขนาดนี้ทำไมไม่ไปเรียนหมอ’

   คำพูดของธีร์ที่เคยกล่าวไว้แบบเดียวกันทำให้ผมเผลอเหลือบตาขึ้นไปมองเขาแวบหนึ่ง...และพบว่าอีกฝ่ายมองตอบมาเหมือนกันราวกับรู้ว่าคิดอะไร

   “อือ...” ผมยิ้มตอบรอง แล้วถามต่อ “ไม่เจ็บใช่ไหม”

   “ไม่ฮะ”

   “โอเค...” ผมทำต่อไป รู้สึกถึงบรรยากาศมาคุที่กำลังก่อตัวขึ้นภายในเต็นท์

   “พี่จุ๊บ ผมแพ้อีกแล้วรอบนี้” รองบ่นด้วยน้ำเสียงเวทนาตัวเอง “ขนาดแข่งกีฬากากๆ ยังแพ้คิดดู ไอ้รองนี่มันเป็นรองคนอื่นตลอดจริงๆ น้อ”

   “เก่งแล้ว” ผมปลอบ แล้วเหลือบสายตาไปมองธีร์อีกรอบ สังเกตว่าสีเขาหน้าไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัดตอนผมชมคนหน้าสวย

   “อดไปดูหนังกับพี่จุ๊บเลย”

   “เหี้ย!” อยู่ๆ ธีร์ก็โพล่งออกมาเสียงดังจนคนในเต็นท์และคนที่ยืนมองอยู่ตกใจ แม้แต่ตัวเอิงเอยซึ่งกำลังแผลให้เขาอยู่ยังหยุดชะงักไป ไม่ต้องพูดถึงรองกับผมที่เหมือนโดนขัดจังหวะการสนทนา

   ผมเงยหน้ามองเขาอย่างสนใจอย่างที่เขาอยากให้เป็น คนเป็นดาราตีหน้านิ่งและกระแอมออกมา “โทษที เจ็บแผล”

   เหอะ แหงล่ะ

   “เสียดาย เกือบชนะแล้วแท้ๆ” รองบ่นกะปริบกะปรอยต่อ ผมหันไปยิ้มบางๆ ให้เขา

   “คราวหน้าเอาใหม่”

   “คราวหน้าผมพนันด้วยการดูหนังอีกได้ไหม”   

   “เอิง” แล้วคนผิวสว่างก็ขัดคอของเราอีกครั้ง จู่ๆ เขาก็ชวนเอิงเอยคุยหลังจากปล่อยให้เธอเจื้อยแจ้วคนเดียวมานานสองนาน แถมยังเสียงดังฟังชัดจนดูรู้ว่าอยากให้ผมกับรองได้ยินแน่ๆ

   “เอาจริงวันนี้เราจะยอมแพ้ก็ได้” ธีร์เปรยด้วยน้ำเสียงไม่ได้กระแทก แต่แดกดัน “แต่ที่เราอยากชนะ เพราะเธอเชียร์เราอยู่นะ”

   “ขากกกกกกกกกกกกก” ไม่ทันทำอะไร เพื่อนผู้ชายฝ่ายพยาบาลคนหนึ่งก็ส่งเสียงเดียวกับเสียงในใจผมออกมาแล้ว แม้มันจะถูกกลบด้วยเสียงวีดวิ้วจากฝูงชนในไม่กี่วินาทีต่อมาก็เถอะ ผมแค่นหัวเราะ หันมองธีร์ที่จ้องผมอย่างท้าทาย เขาพูดกับแฟนอยู่แต่ไม่ได้สบตาเธอด้วยซ้ำ

   ทันใดเสียงระฆังยกใหม่ในเกมดวลประสาทของเขาดังขึ้นอีกครั้ง และครั้งนี้มันแปรเปลี่ยนความร้าวรานของผมกลายเป็นความหงุดหงิดในทันใด ผมรู้ว่าตามมารยาทของการเล่นเกมแล้ว เมื่อผู้เล่นฝ่ายหนึ่งเดินหมาก ผู้เล่นอีกฝ่ายจะต้องพยายามทำทุกทางที่จะโค่นคู่แข่งขันลงให้ได้ และทำแบบนี้สลับกันไปจนกระทั่งได้ผู้ชนะ

    “ไม่ต้องพนันอะไรแล้วรอง” ผมทิ้งสายตาไว้ที่คู่รักดาราสักพักก่อนจะเอ่ยประโยคต่อมาอย่างชัดเจน “ไม่ชนะไม่เป็นไร เดี๋ยวเราไปดูหนังกัน”

   แต่สำหรับคนที่ยอมแพ้ตั้งแต่เริ่ม มันคือการนับเวลาถอยหลังรอให้เกมจบลง...ซึ่งระหว่างนั้นผมคงทนเห็นตัวเองถูกโค่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่ไหว...

   ไม่อยากสู้ แต่ผมจำเป็นต้องป้องกันตัวเอง รู้ว่าทำแบบนี้มันไม่สนุก เกมนี้มันไม่สนุกตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ถ้าธีร์ยังจงใจจะใจร้ายกับผมต่อไปเรื่อยๆ แบบนี้ ผมก็คงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะกังวลว่าตัวเองจะทำอะไรใจร้ายกับเขาใช่ไหม...

   อย่างที่คาด แววตาของดาราหนุ่มวาวโรจน์ขึ้นด้วยความไม่พอใจทันทีหลังจากประโยคนั้น ผมปั้นยิ้มออกมา ละสายตาจากเขาแล้วหันไปมองคนเพิ่งถูกชวนซึ่งกำลังแสดงความดีใจอย่างออกนอกหน้า

   “จริงเหรอครับพี่จุ๊บ”

   “จริง...” ผมยืนยัน “สไปเดอร์แมนภาคใหม่กำลังจะเข้าแล้ว พี่หาคนไปดูด้วยอยู่พอดี”

   และเสียงระฆังครั้งใหม่ก็ดังขึ้น โดยมีผมเป็นผู้กระตุกเชือกนั้นเอง


(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสี่ | UPDATE 8.11.2560 | Page 21 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 08-11-2017 21:54:57
(ต่อจากด้านบน)


   สองวันต่อมา ผมมาดูหนังกับรองตามสัญญา

   ยอมรับว่าตอนพูดไปผมไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดมากขนาดนั้น แต่รองหาบัตรสไปเดอร์แมนภาคใหม่มาให้ผมจนได้ แถมมันยังเป็นรอบปฐมทัศน์ที่เราจะได้ดูก่อนใครในโลก (อู้วว้าว) ซึ่งน้องรหัสได้บัตรมาแบบฟลุ๊คๆ จากการเล่มเกมกดไลก์กดแชร์ในเพจรีวิวหนังชื่อดังเพจหนึ่ง

   ผมมีเรียนถึงเย็นในวันพุธ จึงนัดกับรองไว้ที่ห้างดังกลางเมืองตอนหกโมง น้องส่งข้อความมาบอกว่าถึงตั้งแต่ยังไม่ห้าโมงดี พอเลิกเรียนเสร็จผมก็รีบฝ่าการจราจรอันติดขัดของมหานครไปหาเขา ระหว่างทางก็เกิดความสงสัยในใจว่างานนี้มันแจกบัตรฟรีเยอะขนาดนั้นเลยเหรอวะ เพราะดูเหมือนคนที่ไปทางเดียวกับผมนั้นมีมากเหลือเกิน

   มาถึงงานในเวลาที่หนังใกล้เข้าฉายเต็มที และพอมาถึงเท่านั้นก็เข้าใจว่าทำไมคนถึงเยอะ

   หน้าโรงหนังคับคั่งไปด้วยมวลชนที่ล้นออกมาจนถึงศูนย์อาหารที่อยู่ใกล้ๆ ทั้งผู้ใหญ่ เยาวชน หรือกระทั่งเด็กเล็กวัยประถมซึ่งต่างยกกล้องและโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูป ‘สไปเดอร์แมน’ ที่ปรากฏตัวบนเวทีถึงสามคน ขนาบข้างด้วยคนแต่งตัวเป็นผู้หญิงเจ้าของหัวใจไอ้แมงมุมอีกหนึ่ง มันเป็นเรื่องปกติที่งานเปิดตัวภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์จะมีดารามาร่วมงานเพื่อดึงความสนใจจากสื่อและชาวประชา แต่จำนวนคนมหาศาลขนาดนี้มันเกินความปกติไปมากโข

   เขาไม่ได้แจกบัตรฟรีกันเยอะหรอก แต่เป็นเพราะพวกเขา...เซตนักแสดงจากซีรีส์ที่ดังเป็นพลุแตกเรื่องนั้น

   สไปเดอร์แมนทั้งสามบนเวทีสวมชุดรัดรูปสีแดงน้ำเงินเหมือนกัน และทุกคนไม่ได้สวมหน้ากาก คนแรกมีรูปร่างผอมสูง ผิวขาวสะอาด มีเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนที่มักจะยุ่งเหยิงอยู่เสมอ และมีแก้มน่าหยิกที่สุดในโลก เขาชื่อ ‘ต๊อด’ ผู้รับบทเกย์มัธยมผู้สับสนในตัวเองจาก ‘วัยรุ่นวุ่นรัก’ แท็กทีมมาโชว์ตัวกับ ‘ฮัท’ สไปเดอร์แมนอีกคนที่ตัวสูงกว่า หุ่นดีกว่า ผิวเข้มกว่า และหน้าตาเจ้าชู้ (ซึ่งเขามีข่าวเจ้าชู้บ่อยจริงๆ)...สองคนนี้ถูกจับให้เป็นคู่จิ้นกันจนเกิดกระแส #ฮอท ดังขึ้นในช่วงซีรีส์ฉาย และต่อยอดมาเรื่อยๆ จนถึงตอนนี้ ว่ากันว่ารายได้จากงานแฟนมีตติ้งของคู่นี้ได้เป็นหลักสิบล้านเลยทีเดียว

   ส่วนสไปเดอร์แมนคนที่สาม ถึงจะมีกล้ามเนื้อแน่นไม่เท่าฮัท แต่ด้วยหน้าตาน่ามอง รูปร่างสมส่วน บวกกับความสูงที่มีมากกว่าเพื่อนและผิวขาวสว่างกว่าใครทำให้เขากลายเป็นคนที่ได้รับเสียงกรี๊ดเยอะที่สุดโดยปริยาย…แน่ล่ะ ก็เขาเป็นพระเอกซีรีส์นี่หว่า

   ใช่ครับ เรากำลังพูดถึงธีร์ ดำรงเดช ส่วนคนที่แต่งเป็นแฟนสาวของสไปเดอร์แมนตรงนั้นคงหนีไม่พ้นใครที่ไหนไปไม่ได้นอกจากเอิงเอย...นางเอกคู่บุญและแฟนสาว(ที่ยังไม่ได้บอกสื่อ)ของเขา

   ดาราทั้งสี่คนกำลังเล่นเกมแจกของรางวัลกันอยู่บนเวที ซึ่งทำให้แฟนคลับของทั้งสี่แทบจะตีกันตายเพื่อขึ้นไปจนการ์ดและผู้จัดการของธีร์ที่ผมจำได้ว่าชื่อ ‘บุ๊ค’ เข้ามากั้นไว้ ผมแอบสังเกตเห็นไอ้จีบ ลูกพี่ลูกน้องของตัวเองไปกระจองอแงอยู่ตรงหน้าเวที (เป็นเด็กเป็นเล็กไม่กลับบ้านกลับช่องนะไอ้นี่) รวมไปถึงเพื่อนสนิทอย่างโฟกัสที่บอกผมว่ามาธุระสำคัญตอนเย็นก็เป็นหนึ่งในนั้น

   ธีร์กับแฟนก็อยู่ คนรู้จักก็เยอะ กูกลับบ้านเลยดีไหมว้า

   ผมสูดหายใจลึก แล้วต่อสายถึงเขา รองรับสายในไม่กี่วินาที

   [ครับพี่จุ๊บ]

   “พี่มาถึงแล้วนะ”

   [ครับ เข้ามาเลย ผมอยู่หน้าเวทีเลยครับผม]

   “เอ่อ...” ผมชั่งใจ อยากจะบอกรองไปตรงๆ แต่ความเกรงใจต่อน้องก็ขวางคออยู่ “เดี๋ยว...หนังเข้ากี่โมงนะ”

   [อีกประมาณสิบนาทีครับ]

   “อ่า...งั้นพี่รอแถวนี้ก่อนได้ไหม คนเยอะมากอะ ขอเข้าไปตอนดาราเข้าไปแล้วได้ไหม” ผมขอ รองเงียบไปสักพักแล้วตอบกลับมา

   [กลัวธีร์เห็นใช่ม้า]

   “...”

   [ฮะๆ ล้อเล่นครับ ได้สิพี่จุ๊บ เอางี้ไหม เดี๋ยวผมไปหา]

   “อ่า อยู่ตรงหน้าแม็คนะ”

   [ครับผม]

   ผมวางสายจากรอง ไม่แน่ใจว่าควรจะตอบยังไงกับคำพูดของเขาดี

   เรารออยู่จนกิจกรรมดำเนินไปถึงช่วงเกณฑ์คนเข้าโรง เหล่าดาราและสื่อมวลชนทั้งหมดถูกต้อนให้เข้าไปเป็นอันดับแรก ตามด้วยผู้โชคดีจากกิจกรรมที่ส่วนมากเป็นเหล่าสาวๆ แฟนคลับดาราทั้งสี่ที่พากันกรี๊ดกร๊าดใหญ่เพราะนอกจากจะได้ดูสไปเดอร์แมนฟรีแล้วยังได้ใช้อากาศในโรงหนังโรงเดียวกับดาราที่ชอบอีกต่างหาก คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม! (สาบานว่าผมได้ยินพวกเธอพูดกันแบบนี้จริงๆ) ผมรอจนแน่ใจว่าคนพร่องตาแล้วจึงเดินช้าๆ เข้าโรงไปกับรอง ผู้ที่ตอนนี้หอบของกินพะรุงพะรังเพื่อเอาใจผมราวกับเรามาออกเดทกันครั้งแรก

   เขาดีกับผมมากจนผมแอบรู้สึกผิดเรื่องที่ชวนมา เพราะสำหรับผมมันเป็นแค่การทำให้ธีร์เจ็บใจเท่านั้น...ผมไม่ได้อยากมากับเขาจริงๆ

   กระนั้นการยอมมาดูหนังกับรองก็ยังดูเล็กน้อยไปเลยถ้าเทียบกับความหนักใจเมื่อผม ‘อาจ’ จะเจอธีร์ในโรงหนัง ทั้งๆ ที่ความจริงผมไม่จำเป็นต้องหนักใจขนาดนี้ด้วยซ้ำเพราะไม่ได้ทำอะไรผิดสักนิด...ใช่ไหม ผมไม่ได้ทำอะไรผิดใช่ไหม
   แต่ไม่ว่าจะผิดหรือไม่ ภาวนาให้ผมนั่งคนละแถวกับเขาทีเถ้อออออ

   “เรานั่งอะไรนะ” ผมกระซิบถามคนตัวเล็กเมื่อเราเข้ามาในโรงหนังเรียบร้อย ตอนนี้ทั้งโรงยังเปิดไฟสว่างโร่เพราะรอคนเข้ามาให้ครบ ผมพยายามไม่กวาดสายตามองใครหรือทำให้ตัวเองเป็นจุดสนใจ

   “D8-9 ครับ”

   “โอเค” ผมกระซิบ แล้วค่อยๆ แทรกตัวเข้าไปจนถึงที่นั่งของตัวเอง ทิ้งตูดลงได้ก็ถอนหายใจอย่างรอดตัว

   “แฮ่ม”

   ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงกระแอม

   “อึฮื่ม!”

   กระแอมครั้งที่สอง...จากตำแหน่งที่นั่งเหนือขึ้นไปหนึ่งแถว คราวนี้มาพร้อมกับแรงสะกิดที่ไหล่จากมือกว้าง

   ผมปรนลมหายใจอย่างยอมแพ้ จริงๆ จำเสียงนั้นได้ตั้งแต่แรกแล้วแต่ไม่อยากยอมรับ สุดท้ายก็หันขึ้นมองด้านซ้ายบนของตัวเอง สบตากับสไปเดอร์แมนตัวที่หล่อที่สุดผู้ยิ้มเยาะกลับมาอย่างร้ายกาจ

   “ฟิ้วววววว” เขาทำท่ายิงใยทักทาย ผมกรอกตา อย่างน้อยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ยังไม่เกลียดผมมากถึงขนาดจะดลบันดาลให้ไปนั่งแถวเดียวกับเขา

   แต่...สิ่งศักดิ์สิทธิ์คงเกลียดผมโคตร! เพราะเขาดันได้นั่งที่สูงกว่า พูดให้ถูกก็คือสูงกว่ารอง ติดกับสไปเดอร์แมนอีกสองตัวและแฟนสาวกระโปรงบาน

   รองหันมองบ้างแล้วก็ชะงักไปเหมือนกันเมื่อรู้ว่าด้านบนนั้นคือธีร์ ทั้งสองทักทายกันตามประสาเพื่อนร่วมรุ่น แต่เหมือนมันมีรังสีของความไม่ถูกกันแผ่ออกมาจนผมรู้สึกได้

   วินาทีนั้นผมรู้เลยว่าการดูหนังครั้งนี้จะต้องหรรษาแน่นอน

   ไม่นานไฟก็ดับลง แสงจากเครื่องฉายภาพยนตร์สาดทับลงบนจอกว้าง เพลงประจำสตูดิโอดังถูกบรรเลงขึ้น พร้อมๆ กับเพลงของสงครามระหว่างเราที่ดังขึ้นในจินตนาการ สิบนาทีแรกของหนังไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งรองหยิบป๊อบคอร์นออกจากถัง และยื่นมาจ่อตรงหน้าผมเหมือนจะป้อน

   ปึก!

   แรงถีบเบาะจากด้านหลังทำให้ป๊อบคอร์นอันนั้นกระเด้งออกจากมือเขา รองและผมหันไปมองต้นเหตุด้วยความสงสัย

   “โทษที” สไปเดอร์แมนหน้าหล่อยิ้มบาง ยกมือเป็นสัญญาณว่าไม่ได้ตั้งใจ “ตกใจซาวน์เอฟเฟกต์”

   ใครเชื่อก็ง่าวเต็มทีแล้ว

   “เดี๋ยวพี่หยิบกินเองก็ได้” ผมบอกรอง แล้วเอื้อมมือหยิบป๊อบคอร์นออกจากกล่อง หนังดำเนินไปได้อีกราวยี่สิบนาที รองยกน้ำขึ้นมาดื่มยาวอาจเพราะคอแห้ง พอเสร็จก็หันมาถามผมว่าจะดื่มต่อหรือเปล่าเพราะเราซื้อน้ำมาแค่แก้วเดียว ผมมองหลอดที่เขาเพิ่งดูดสลับกับดวงตาใสแป๋วของเขาที่เรืองแรงในความมืด ถ้าไม่คิดมากก็จะไม่อะไร แต่ถ้าคิดมาก...การทำแบบนี้มันก็เหมือนจูบทางอ้อม

   ยังไม่ทันจะดูดต่อ แรงดันจากด้านหลังก็ชะงักเราไว้อีกครั้ง

   “อะไรวะ” รองสบถออกมาเบาๆ แล้วหันไปมองธีร์อย่างเอาเรื่อง หากคนเตะเบาะลอยหน้าลอยตามองจอนิ่ง ผมเอื้อมมือแตะแขนรองเหมือนห้าม

   “ดูหนังต่อกัน” ผมชวน แล้วก็ดูดน้ำจากหลอดของรอง เหลือบมองธีร์ซึ่งมีสีหน้าไม่พอใจเป็นระยะ

   ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่สไปเดอร์แมนบนจอก็ทำให้เราเพลิดเพลินเกินกว่าจะสนใจสไปเดอร์แมนหน้าบึ้งด้านหลัง ผมกับรองรับสารตรงหน้าด้วยความสนุกสนาน เราหัวเราะคักและกระซิบคุยกันเบาๆ ถึงบันเทิงที่หนังมอบให้ กระทั่งจังหวะหนึ่งที่รองหันมากระซิบอีกครั้ง แต่เสียงจากลำโพงดังเกินไปจนผมต้องเงี่ยหูเข้าไปฟังใกล้กว่าเดิม

   จังหวะนั้นเองที่น้ำเป๊บซี่ราวครึ่งแก้วถูกราดลงบนตัวเขาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

   “เชี่ยยยยย!” รองร้องออกมาเสียงดัง แล้วลุกยืนขึ้นทันที ผมผงะออกแล้วหันไปมองต้นเหตุของปัญหาคนเดิมที่มือถือแก้วเป๊บซี่ค้างไว้...คาหนังคาเขาสัดๆ

   “อะไรวะ!” คนตัวเล็กโวยวายจนคนนั่งแถวเราได้ยิน “ตั้งแต่ตะกี้แล้วนะมึงอะ”

   คนเป็นดารายังทำหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว กระซิบออกมาเบาๆ ว่า “อย่าเสียงดังสิ มันแค่หลุดมือ”

   เชื่อเขาเลย

   “หลุดมือเชี่ยอะไรจะราดลงมาขนาดนี้ นี่มันตั้งใจแล้ว” คำพูดของธีร์ยิ่งทำให้คนมากับผมมีน้ำโห “ไม่พอใจอะไรก็พูดมาเลยสิวะ”

   คราวนี้รองเสียงดังจนเรียกความสนใจได้จากคนทั้งโรง รวมไปถึงพี่บุ๊คผู้จัดการที่นั่งถัดออกไปไม่กี่ที่

   “เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะน้องธีร์”

   “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ” คนตัวเล็กยังพูดต่อ “อยู่ดีๆ เขาก็ราดเป๊บซี่ลงมา”

   “รอง...” ผมเห็นท่าไม่ทีเลยจับแขนเปียกโชกของเขาไว้เผื่อว่าจะสงบลง

   “น้องมีหลักฐานหรือเปล่าคะ”

   “ก็คามือเขานั่นไง พี่เห็นปะค้าบบบบ” แต่รองก็ยังไม่หยุดเสียงดัง จนคนที่นั่งอยู่ใกล้เราเริ่มซุบซิบกันเรื่องนี้ ผมได้ยินคนจากแถวหน้าๆ ตะโกนมาว่าให้ไปทะเลาะกันนอกโรงนู่น...เรื่องมันชักจะใหญ่เกินไปแล้ว

   “รอง มากับพี่...ถือว่าพี่ขอนะ”

   “แต่พี่จุ๊บ...”

   “มาเถอะ” ผมมองเขาด้วยแววตาขอร้องแล้วดึงมือเขาออกมา รองดื้อดึงในตอนแรก แต่สุดท้ายก็ยอมปลีกตัวออกมาด้วยสภาพเปียกโชก ผมดึงรองเข้ามาในห้องน้ำทันที ยอมถอดเสื้อแจ๊กเก็ตของตัวเองออกเพื่อให้เขาเปลี่ยนชั่วคราว

   ไม่กี่นาทีก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนตามมา แล้วมือหนาก็ลากแขนข้างหนึ่งของผมเข้าห้องส้วมที่ใกล้ที่สุด เร็วเกินกว่าที่จะออกแรงปฏิเสธ

   “พอได้หรือยะ...”

   ริมฝีปากหนาพุ่งเข้าจู่โจมผมก่อนจะพูดจบ แนนแน่บและเนิ่นนาน ท่อนลิ้นซุกไซ้เขาไปในช่องปากถ่ายทอดความคุกรุ่นในจิตใจจนผมรู้สึกได้ถึงความเกรี้ยวกราด ผมลืมตาโพลง พยายามดันร่างอันแข็งแกร่งตรงหน้าออกแต่ก็ต้านแรงไม่ไหว เลยปล่อยให้เขาทำอยู่แบบนั้นจนกว่าจะพอใจ...ราวกับคนไร้ความรู้สึก

   พอเขาถอนริมฝีปากออกเวลาก็หยุด ผมเงยหน้าสบตาคนที่วิ่งออกมาจากโรงทั้งๆ ที่ยังอยู่ในชุดสไปเดอร์แมนอย่างนิ่งเฉย ถามคำถามเดิมก่อนที่เขาจะประทับรอยจูบลงมา

   “พอได้หรือยัง”

   เขาจ้องผมกลับด้วยแววตาของความโกรธ “ทำไมทำแบบนั้น”

   “แบบไหน”

   “ชวนไอ้เตี้ยนั่นมาดูหนัง จู๋จี๋กัน”

   อยากจะเถียงว่าไม่ได้จู๋จี๋ แต่บอกไปเขาก็คงไม่ฟังอยู่ดี “เรานึกว่าเราทำแบบนั้นได้ซะอีก”

   “แบบไหน”

   “ทำแบบที่ธีร์ไปทำกับเอิงเอยไง”

   เจอตอกกลับแบบนั้นก็ถึงกับชะงัก “มัน...ไม่เหมือนกัน”

   “ไม่เหมือนกันตรงไหน ธีร์เป็นคนบอกเราเองแท้ๆ ว่าเราทำได้”

   “ไม่เหมือนกันก็คือไม่เหมือนกัน พี่จุ๊บอาจจะไม่รู้สึกไร แต่เรา...”

   “...”

   “เราหึง”

   “ธีร์” ผมถอนหายใจ “เราเหนื่อยว่ะ”

   “...”

   “พอได้หรือยัง”

   “พี่จุ๊บหมายถึง...”

   “เรารู้ว่าธีร์รู้ว่าเราหมายถึงอะไร เราถึงถามว่าพอได้หรือยัง”

   “...”

   “เรารักธีร์ เราบอกไปแล้ว แต่ถ้ารักแล้วยังเจอธีร์ที่ทำตัวเหมือนเด็กไม่รู้จักโตแบบนี้ เราก็ไม่อยากรู้สึกอะไรกับธีร์อีกแล้วว่ะ”

   คู่ชีวิตอึ้งไป ผมไม่พูดอะไรต่อแต่มองเขาเพื่อบอกว่าผมจริงจังในคำพูดนั้น ในใจภาวนาให้อีกฝ่ายถอดใจ...

   “ทุกอย่างที่เราทำ เพราะเรารักพี่จุ๊บ”

   “ถ้าธีร์จะรักเราจนคนอื่นเดือดร้อน ก็อย่ารักเราเลย” ผมยืนยัน ยอมแพ้ต่อความสัมพันธ์อย่างศิโรราบและโอบแขนรอบคอของเขาแล้วดึงลงมาจนริมฝีปากเราปะทะกันเบาๆ เพื่อให้เวลากลับมาเดินต่อ...ทุกอย่างควรจะเดินต่อ และเราไม่ควรจะมาติดอยู่ในวังวนของความสัมพันธ์ที่คาราคาซังอย่างนี้

   ทว่าคนเป็นดาราก็ยังดึงดัน เขายื่นปากมาจูบผมอีกครั้งหวังให้เวลาหยุดเดิน แต่ผมถอนริมฝีปากออกจากเขาอย่างรวดเร็วและกดย้ำไปอีกครั้งด้วยความฉุนเฉียว ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่ปล่อยให้ผมผละออก ธีร์ใช้มือขวากดหัวผมให้แนบชิดอยู่อย่างนั้นจนผมไม่เหลือทางเลือก สุดท้ายก็ต้องกัดปากเขาอย่างแรงให้เราหลุดจากกันในที่สุด

   “โอ๊ย!” ธีร์ร้องออกมาและยกมือขึ้นจับปากตัวเอง ผมไม่สนใจแม้จะรับรู้ถึงกลิ่นคาวเลือดในช่องปากของตัวเองที่มาพร้อมรสปะแล่ม เปิดประตูออกไปทันทีที่เข็มนาฬิกาดิ้น

   เจอกับรองที่เปิดประตูออกมาพร้อมกันพอดี

   “พี่จุ๊บ ผมได้ยินเสียงใครร้อง มีอะไรหรือปะ...” ร้องเงิบไปเมื่อมองเห็นคนในห้องน้ำด้านหลังผม และก่อนที่เขาจะพูดอะไร ผมรีบเดินเข้าไปคว้าคอของน้องรหัสแล้วจัดการประกบริมฝีปากลงทันที

   การจูบครั้งนี้ไม่มีจังหวะหัวใจที่วูบไหว แต่กลับสร้างความร้าวรานภายในอย่างหนักหนา ทั้งความโกรธ ความเสียใจ และความเหนื่อยล้าประดับประเดเข้ามา

   นี่ไม่ใช่การประชด แต่สิ่งที่ผมคิดเพียงอย่างเดียวคืออยากให้เรื่องพวกนี้มันจบสักที

   ผมถอนจูบออก ไม่สนใจความรู้สึกที่ว่าวันนี้แม่งใช้ปากเปลืองเกินกว่าคนทั่วไปจริงๆ รองอึ้งไปอย่างที่ผมอยากให้เป็นทันทีจนสามารถลากเขาออกจากที่นั่นได้ง่ายๆ ไม่ต้องพูดถึงคนด้านหลังที่คงจะตะลึงกับจูบคาดเดาไม่ได้นั้นจนทำอะไรไม่ถูก

   อันที่จริง ทั้งเขาและผมก็ไม่มีใครทำสิ่งที่ถูกต้องเลยสักคน


   ความร้าวรานอาจเป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ คำว่าคู่ชีวิตอาจไม่ได้รับประกันว่าจะมีความสุข ตราบใดที่เราเลือกจะปฏิบัติต่อกันเหมือนไม่ใช่คนรัก


      






โปรดติดตามตอนต่อไป



ตม. Talks: อยากให้อัพเร็วๆ เม้นท์กันด้วยนะ
หรืออยากติชมหรือกรี๊ดกร๊าดไปที่แท็ก #จุ๊บที ในทวิตเตอร์นะคะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสี่ | UPDATE 8.11.2560 | Page 21 }
เริ่มหัวข้อโดย: Readyaoi ที่ 08-11-2017 22:17:06
ธีร์นี่น้าา
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสี่ | UPDATE 8.11.2560 | Page 21 }
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 08-11-2017 22:25:54
สุดท้ายก็ทำเพราะประชดจุ๊บ รำคาญทั้งคู่เลยอ่ะ แต่รำธีร์มากกว่า ไหนบอกจุ้บไม่ให้เป็นแฟนเลยจะไปทำกับคนอื่น คบกับเอิงเอยจริงจัง ก็ไปสิ ไปทำกับแฟนเธอ ไปปปปปปป๊ หงุดหงิดดดดดด  :m31: :fire: :angry2:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสี่ | UPDATE 8.11.2560 | Page 21 }
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 08-11-2017 22:26:50
ต่างก็รู้ตัว แต่ก็ยังดึงคนอื่นเข้ามาในความสัมพันธ์ นอกจากจะทำร้ายกันเองแล้วยังทำร้ายคนอื่นอีก 2 คน
เมื่อไหร่จะพอเสียที ไม่ชอบการกระทำของทั้งคู่แหละ
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสี่ | UPDATE 8.11.2560 | Page 21 }
เริ่มหัวข้อโดย: Chattcha ที่ 08-11-2017 22:36:18
มาม่าหม้อใหญ่จัง เมื่อไหร่จะหมดอ่ะ อยากเห็นทั้งคู่มีความสุขมากกว่า :mew6:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสี่ | UPDATE 8.11.2560 | Page 21 }
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 08-11-2017 22:39:30
คนเขียนทุ่มเทมาก
เป็นกำลังใจให้นะจ๊ะ  :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสี่ | UPDATE 8.11.2560 | Page 21 }
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-11-2017 22:52:59
ลากคนอื่นมาวุ่นวายด้วยเนี่ยไม่สนุกเลยนะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสี่ | UPDATE 8.11.2560 | Page 21 }
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 08-11-2017 22:59:27
โอ้ยยย

อึดอัดเด้อ

สงสารจุ๊บ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสี่ | UPDATE 8.11.2560 | Page 21 }
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 08-11-2017 23:05:52
ธีร์ไม่น่ารักเลย ประชดเพื่อ แล้วตัวเองก็มาร้อนรน ธีร์บังเด็กมาก สองคนยังต้องเนียนรู้กันอีกเยอะ
เอาน้ำราดรองนี่ก็เกินไป รองเองน่าจะรู้อยู่ว่าเขาชอบกันตัดอกตัดใจซะเถอะ นานไปยิ่งน่าสงสาร

ขอยคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสี่ | UPDATE 8.11.2560 | Page 21 }
เริ่มหัวข้อโดย: Supansahn ที่ 08-11-2017 23:35:14
ประชดกันไปมา คนที่เจ็บไม่ได้มีเเค่สองคนนะ รอตอนต่อไปป
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสี่ | UPDATE 8.11.2560 | Page 21 }
เริ่มหัวข้อโดย: Himbeere20 ที่ 09-11-2017 00:17:37
ธีร์ทำตัวแย่มากตอนนี้
แต่ผิดหวังกับจุ๊บมากกว่า เหมือนว่าพอมันไม่เหมือนกับที่คิดหวังไว้แล้วจุ๊บก็พร้อมจะตัดความรักทิ้งโดยที่ยังไม่ได้พยายามจะกลับมาปรับความเข้าใจกับธีร์เลย
คิดว่าจุ๊บได้คุยกับแม่แล้วจะ.......คือไม่ไช่แบบนี้ วุ้ย!อธิบายไม่ถูก


หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสี่ | UPDATE 8.11.2560 | Page 21 }
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 09-11-2017 01:44:36
ทั้งคู่นั่นแหละจ้า ไปปรับปรุงตัวเนาะ ไม่ชอบที่จุ๊บไปจูบรองอ่ะ รู้สึกแปลกๆ หยึยๆ 5555555555555
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสี่ | UPDATE 8.11.2560 | Page 21 }
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 09-11-2017 04:11:27
เอ้อ มันจะอีรุงตุงนังกันไปเยอะละนะลากคนโน้นคนนี้เข้ามา มันจะไม่ได้เจ็บแค่สองคนแล้วไง ธีร์นี่เด็กจริงๆแหละอยากเอาชนะจนไม่สนอะไรคือเหมือนที่ธีร์ทำประชดเพราะคิดว่าตัวเองเหนือกว่าจุ๊บจะต่อรองยังไงก็ได้ ส่วนพี่จุ๊บเราเข้าใจนะว่าพี่จุ๊บหงุดหงิดที่โดนธีร์ปั่นหัวแบบนี้ก็ไม่แปลกหรอกที่จะถอดใจแต่ไม่เห็นด้วยที่ไปดึงรองเข้ามาอีก แบบนี้มันจะวุ่นกันไปไม่จบหรอก
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสี่ | UPDATE 8.11.2560 | Page 21 }
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 09-11-2017 05:14:22
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสี่ | UPDATE 8.11.2560 | Page 21 }
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 09-11-2017 05:50:50
ธีร์กับจุ๊บเล่นอะไรกัน มันตลกนะ ที่จะประชดแล้วลากคนอื่นมาเจ็บด้วย เด็กทั้งคู่ จุ๊บเองไม่ควรลงเล่นเกมส์นี้ นอกจากจะอยากคบกับรองจริงๆ สงสารรอง
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสี่ | UPDATE 8.11.2560 | Page 21 }
เริ่มหัวข้อโดย: AutoAngels ที่ 09-11-2017 16:52:07
ชอบมากกกกกสงสารใครดีละเนีย...มาต่ออีกนะคะ :katai1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสี่ | UPDATE 8.11.2560 | Page 21 }
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 09-11-2017 18:31:05
ตั้งสติดีๆแล้วคุยกันได้มั้ยอ่ะ ฮืออออออ อย่าประชดกันอีกเลยนะ :hao5:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสี่ | UPDATE 8.11.2560 | Page 21 }
เริ่มหัวข้อโดย: Fahsaizzz ที่ 09-11-2017 19:12:55
สงสารแต่คนอื่นที่โดนลากมา ใช้ิอารทณ์ทั้งคู่
แล้วมันจะมีอะไรดีขึ้นได้ไงล่ะ เฮ้อออ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสี่ | UPDATE 8.11.2560 | Page 21 }
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 09-11-2017 20:40:04
 :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสี่ | UPDATE 8.11.2560 | Page 21 }
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 10-11-2017 10:44:22
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสี่ | UPDATE 8.11.2560 | Page 21 }
เริ่มหัวข้อโดย: Lalaleega ที่ 10-11-2017 15:28:28
ลำไยธีร์ แล้วก็เข้าใจจุ๊บและสะใจมาก
ธีร์โตได้แล้วนะลูก
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสี่ | UPDATE 8.11.2560 | Page 21 }
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 10-11-2017 21:28:34
รำคาญนังธีร์มาก

จุ๊บก็พอกัน

สงสารรองสุด
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสี่ | UPDATE 8.11.2560 | Page 21 }
เริ่มหัวข้อโดย: Quatree ที่ 11-11-2017 02:18:09
 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบสี่ | UPDATE 8.11.2560 | Page 21 }
เริ่มหัวข้อโดย: Rabity ที่ 11-11-2017 10:10:33
แง้ จะเลิกเชียร์ธีร์จริงๆแล้วนะ ขอความหวานหน่อยเถอะค่าาาา
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบห้า | UPDATE 12.11.2560 | Page 22 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 12-11-2017 18:10:07

(http://www.uppic.org/image-730A_57571DD5.jpg)

จูบที่สิบห้า


   สายฝนโปรยปรายลงมาตอนผมเดินออกจากห้างพร้อมกับรอง สวนทางกับคนจำนวนมากที่พากันวิ่งเข้าห้างเพื่อหลบฝน เราไม่ได้จับมือกันแม้จะอยู่ในสภาวะที่อาจทำให้พลัดหลงกันได้ง่ายๆ แบบนี้ อันที่จริงเราปล่อยมือกันทันทีที่พ้นสายตาของธีร์...ความรู้สึกบางอย่างบีบให้ผมทำแบบนั้น อาจเป็นความอึดอัด...ไม่ก็ความรู้สึกผิด
   
   เรามาถึงจุดรอรถสาธารณะเพื่อนั่งแท็กซี่กลับหอพักมหา’ลัย มันอยู่ใต้สะพานลอยที่สามารถข้ามไปยังจุดรอรถอีกฝั่งซึ่งคนแน่นหนา แต่ฝั่งเรากลับมีแค่ผมกับเขา นั่นยิ่งทำให้ความกระอักกระอ่วนระหว่างเรามีมากขึ้น เพราะตั้งแต่ออกมาจากห้องน้ำ เราไม่ได้พูดอะไรกันเลย

   หลังจากจูบที่คาดเดาไม่ได้ของผม รองเงียบผิดปกติ

   ผมมองฟ้าสีมืดครึ้ม ส่วนรองยืนมองเม็ดฝนที่ตกกระทบพื้นถนนด้วยความนิ่งงัน อย่างน้อยเสียงของฝนก็ทำให้ความเงียบระหว่างเราไม่เงียบจนเกินไป ถึงอย่างนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าบรรยากาศแบบนี้มันแย่ชะมัด

   “ขอโทษนะ รองไม่ควรจะมาเจออะไรแบบนี้” ผมเปิดบทสนทนา มองเขาที่อยู่ในเสื้อแจ็คเก็ตสีเดนิมตัวโคร่งของตัวเอง สายตาคนตัวเล็กยังคงจับจ้องอยู่ที่ความฉ่ำแฉะบนพื้นถนน รถคันหนึ่งแล่นผ่านไป

   “เรื่องที่ผมโดนเป๊บซี่สาด” รองกล่าว ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองหน้าผม “หรือเรื่องที่พี่จุ๊บจูบผมเพื่อประชดธีร์เมื่อกี้ล่ะครับ”

   “...”

   “...”

   “พี่ขอโทษ” ผมกระซิบ

   “ผมรู้ว่าพี่จุ๊บกับธีร์กิ๊กกัน”

   “...”

   “ผมรู้นะ มีคนเคยบอกว่าผมทึ่ม แต่เชื่อไหมว่าผมน่ะรู้อะไรมากกว่าพวกเขาคิดว่าผมรู้ตั้งเยอะ ผมมองคนออก“ เขายิ้มออกมา แม้ในเวลาที่น่าจะเศร้าที่สุด “แค่เห็นแววตาที่พี่มองธีร์แค่แวบเดียว ผมก็รู้แล้ว”

   “...”

   “ผมรู้ด้วยพี่จุ๊บไม่อยากมาดูหนังกับผมจริงๆ หรอก”

   “มะ...” อ้าปากจะปฏิเสธ แต่พอเห็นสายตาของคนตัวเล็กที่มองผมได้อย่างทะลุปรุโปร่งก็เป็นอันต้องเก็บคำพูดนั้นไว้

   “น่าขำดีนะครับ รู้ว่าพี่ไม่ได้อยากมาจริงๆ หรอก แต่ผมก็ยังจะมา”

   “...”

   “รู้ว่าพี่คงไม่ได้ชอบผมแบบแฟนหรอก แต่ก็ยังจะหวัง”

   “...”

   “อย่าทำหน้าลำบากใจแบบนั้นดิพี่ ผมรู้ว่าพี่ไม่ได้คิดกับผมแบบนั้น”

   ผมเม้มปากแน่น

   “หรือพี่คิดครับ”

   รองเอียงหน้ามองผมอย่างขี้เล่น กลั้วหัวเราะในลำคอ หากผมสัมผัสได้ว่าในรอยยิ้มและคำพูดทีเล่นทีจริงแบบนั้นมันก็ยังเจือไปด้วยความคาดหวังที่จริงจังของเขา

   ผมตัดสินใจแล้วว่ามันถึงเวลาที่ต้องพูดความจริงสักที

   "รอง"

   “...นั่นไง” เขายังมีทีเล่นเหมือนผมกำลังจะบอกรักยังไงยังงั้น

   "พี่ว่า...เป็นพี่น้องมันคบกันได้ยาวดีว่ะ" ผมพูดมันออกไปในที่สุด รอยยิ้มของรองหายไปพร้อมกับความวูบไหวในแววตาที่ปรากฏให้เห็นแวบหนึ่ง แต่ไม่กี่วินาทีเขาก็กลับมาอมยิ้ม สูดหายใจ และผงกหัวลงเชิงยอมรับ

   "นั่นคือคำปฏิเสธสินะ"

   ผมพยักหน้า

   "ว่าแล้วเชียว” เขาประนมมือเข้าหากันและตบลงเบาๆ “ไม่เป็นไรครับ”
 
   รถอีกคันแล่นผ่านเรา เสียงล้อเบียดกับน้ำฝนดังเข้าหู ตามมาด้วยเสียงฟ้าร้องดังสนั่น หากเราไม่มีใครปิดหู

   “เรา...จะยังเป็นพี่น้องกันใช่ไหม” ผมถามเขาด้วยความซื่อตรง ทำให้รองหัวเราะแห้งออกมา

   “ก็พี่เพิ่งบอกว่าไม่ได้คิดกับผมเกินกว่านั้น”

   “...ขอโทษ”

   “จริงๆ คำว่าเป็นพี่น้องคบได้ยาว เป็นได้ตลอดชีวิตมันก็ความหมายเดียวกับเขาไม่เอานั่นแหละครับ เราจะเป็นอะไรตลอดชีวิตก็ได้หมดแหละถ้าคิดจะเป็นซะอย่าง...ผมเข้าใจดี ผมโดนจนชินแล้ว" เขาปลอบเมื่อเห็นความลำบากใจบนหน้าผม “แค่พูดเฉยๆ นะ ผมไม่เป็นไรจริงๆ พี่”

   “ขอโทษ...พี่ไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเลยสาบาน" ผมซบหน้าลงกับฝ่ามืออย่างรู้สึกแย่เต็มที แต่คนตัวเล็กก็จับมือผมออก ใช้นิ้วชี้จิ้มรอยย่นบนคิ้วให้คลายลง ผมมองเขาอย่างอ่อนใจ แม้ในสถานการณ์ที่เขาควรจะโกรธที่สุด แต่เขาก็ยังเลือกจะทะนุถนอมความรู้สึกของคนอื่น...แถมยังเป็นคนที่ทำร้ายใจของเขาเอง

   “ไม่ต้องขอโทษแล้ว นี่ไม่ใช่ความผิดพี่ซะหน่อย” คนหน้าสวยแก้ ยิ้มแฉ่ง “ความรู้สึกผม ผมรับผิดชอบเอง แล้วพี่ไม่ต้องห่วง ผมยังอยากเป็นน้องรหัสพี่อยู่ พี่จุ๊บยังเป็นพี่รหัสที่ผมรักและเคารพเสมอ"   

   "...ขอบใจ"

   “ลืมไปว่ารักไม่ได้ เคารพอย่างเดียวก็ได้ครับ” รองแก้ ผมไม่รู้จะพูดอะไรเลยทำได้แค่ยิ้มขื่นให้แล้วตบบ่าน้องเบาๆ จังหวะนั้นเองที่รถแท็กซี่คันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดเทียบท่าพอดี

   “ไปเลย เดี๋ยวพี่ต้องข้ามไปฝั่งนู้น”

   “อ้าว สรุปมาส่งผมเหรอ”

   “ใช่” ผมตอบ “กลับบ้านดีๆ”

   “แล้วเสื้อนี่...เดี๋ยวผมซักมาคืนนะครับ” คนตัวเล็กจับชายเสื้อแจ็คแก็ตสีเดนิมของผมที่เขาใส่อยู่ “แต่อาจจะนานหน่อย” เขาโคลงหัวเมื่ออ้างถึงเวลาที่เขาอาจจะหายไปเลียแผลใจ

   “เก็บไว้เลยก็ได้” ผมบอก “ไม่ต้องคืนหรอก พี่ให้”

   “บ้า ผมก็ยังอยากเอามาคืนพี่นะ”

   “ฮ่าๆๆ โอเค” ผมตอบรับ และอวยพรเขา “ดูแลตัวเองดีๆ นะ”

   “เนี่ย ชอบทำตัวแบบเนี้ยอยู่เรื่อย จะไม่ให้รักได้ไง”

   รองจับมือผมที่วางนิ่งอยู่บนบ่าเขา แล้วยกขึ้นมาจุมพิตแผ่วเบา ผมชะงักไปแต่สุดท้ายก็ปล่อยให้เขาทำแบบนั้น ไอร้อนจากปากคนตัวเล็กถ่ายลงบนหลังมือของผมชั่วครู่ก็หาย

   "ธีร์เผลอแล้วเจอกันนะพี่"

   เขาขยิบตา แล้วก้าวขึ้นรถไป ผมหัวเราะออกมาเบาๆ ขณะที่ยานพาหนะสีเขียวเหลืองแล่นออกท่ามกลางแรงกระหน่ำของพายุฝน มองภาพน้องรหัสค่อยๆ ไกลออกไป ในใจรู้สึกเศร้าประหลาด

   เราล่ำลากันตรงนั้น มันเป็นการล่ำลาที่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะนานแค่ไหนจนกว่าเราจะได้เจอกันอีกครั้งโดยที่ไม่มีความรู้สึกใดคั่งค้าง สิ่งที่พอจะทำได้เพียงหวังว่าอย่าให้นานจนเกินไป

   รองเป็นคนดี เขาสมควรจะได้รับความรักดีๆ และไม่ควรจะได้รับการปฏิบัติด้วยการให้เป็นรองหัวใจใครทั้งนั้น

   คงจะดีถ้ามีคนพูดประโยค ‘ชอบทำตัวแบบเนี้ยอยู่เรื่อย จะไม่ให้รักได้ไง’ กับเขา

   เพียงแต่คนๆ นั้นไม่ใช่ผม...แค่นั้นเอง




   สายฝนกระหน่ำรุนแรงขึ้นหลายเท่าเมื่อผมกลับมาถึงบ้าน

   ผมลงจากแท็กซี่ เดินฝ่าพายุเข้าบ้านโดยไร้ที่กำบัง ปล่อยให้สายฝนชโลมร่างกายหวังว่าจะระบายความรู้สึกหนักอึ้งในใจไปได้ กว่าจะถึงประตูก็อยู่ในสภาพเปียกม่อล่อกม่อแลก

   “จุ๊บ!” ผมได้ยินเสียงแม่ทันทีที่เปิดประตู พบว่าผู้หญิงร่างท้วมผมบ๊อบเทกำลังนั่งอยู่ตรงโซฟาที่ประจำ ท่านสวมชุดทำงานสีกากีเหมือนทุกวัน ข้างๆ มีป้าเด้าที่วันนี้ตีผมขึ้นเป็นกระบังลมคล้ายทรงนางงามไทยสมัยก่อน ร่างเพรียวนั่งไขว่ห้างกับโซฟาอยู่ในชุดเดรสสีเงินแวววับ กับจีบที่นั่งกดโทรศัพท์ใหญ่เหมือนกำลังเล่นเกม และป้าแก้วที่นั่งถักโครเชอยู่ถัดออกไป

   “ไปทำอะไรมาเนี่ย ทำไมเปียกมาขนาดนี้” แม่โวยวาย แล้วกระวีกระวาดหาผ้าเช็ดตัวให้ผมใหญ่ ท่านดึงผมไปนั่งบนโซฟา ซึ่งผมก็เดินตามอย่างว่าง่าย

   “ไปถ่ายเอ็มวีอกหักมาเหรอวะ” ป้าเด้าแซว ผมยิ้มเจื่อนให้อย่างไม่รู้จะตอบยังไง...ความรู้สึกตอนนี้มันเรียกว่าอกหักได้หรือเปล่า

   “มา แม่เช็ดให้” แม่กลับมาพร้อมกับผ้าขนหนูสีขาวสะอาดผืนใหญ่ ทันทีที่เนื้อผ้านุ่มและมืออุ่นของแม่สัมผัสลงบนใบหน้าของผม ลำคอของตัวเองก็ตีบตันขึ้นมาเสียเฉยๆ

   “จุ๊บ...เป็นอะไร” แม่ถามเมื่อเห็นผมนิ่งไปเหมือนคนไร้วิญญาณขณะที่เธอเช็ดเส้นผมหยอยอันเปียกโชก ผมรู้สึกคัดจมูกคล้ายหายใจไม่ออก ทันใดนั้นน้ำตาเม็ดโตก็ทะลักออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

   “เธอ ร้องไห้ทำไม”

   “อ้าว เอ็มวีอกหักจริงด้วย” ป้าเด้าพูดเสียงช็อค

   “แม่...” ผมโผเข้ากอดท่าน ตาร้อนผะผ่าวเพราะมวลน้ำตาที่พรั่งพรูลงมาอย่างกับเขื่อนแตก “คู่ชีวิตนี่มันเลิกเป็นกันได้ไหมครับ”

   “เธอ...”

   “จุ๊บ...จุ๊บไม่ไหวแล้ว” ผมสารภาพ สะอึกสะอื้นจนตัวโยน “จุ๊บทำอย่างที่แม่บอกไม่ได้...ไม่ได้จริงๆ”

   “ใจเย็นๆ...”

   หลังจากนั้นแม่ไม่ถามอะไรผมอีก ท่านปล่อยให้ผมร้องไห้อยู่อย่างนั้น พร่ำบอกว่าไม่เป็นไรและตบหลังผมเบาๆ อย่างปลอบโยน จีบทิ้งโทรศัพท์ของเธอและเข้ามากอดผมด้วยความปลอบใจ รวมไปถึงป้าเด้าและป้าแก้วที่มองอยู่ห่างๆ ด้วยความสงสาร

   “ใครทำคนดีของน้อง น้องจะไปต่อยมัน” จีบกระซิบถามแล้วจับมือผมไว้แน่น ผมส่ายหัวอย่างอธิบายลำบาก

   “ไม่เป็นไรเนาะ อยากร้องก็ร้องออกมา...ร้องเสร็จค่อยเล่าให้แม่ฟัง เราจะได้แก้ปัญหากัน”

   “ฮึก... แก้ไม่ได้ครับ จุ๊บ...จุ๊บพยายามแล้วจริงๆ...”

   “ร้องไห้ทำไม”

   หากเสียงแหบแห้งของใครบางคนก็ทำให้ผมชะงัก

   ในม่านน้ำตาเลือนราง ผมมองเห็นเงาของใครบางคนเดินออกมาจากด้านหลังบ้าน...ชายผอมซูบผู้มีผิวสีเข้มจากการปฏิบัติงานภาคสนามมาหลายสิบปี โครงหน้าแบบชายไทยแท้ดุดันที่มีริ้วรอยตามกาลเวลาปรากฏแก่สายตาอย่างชัดเจนเมื่อผมปาดน้ำตาออกหมดแล้ว

   ผู้ชายที่ผมเลี่ยงการเผชิญหน้าตั้งแต่การเจอกันครั้งสุดท้าย

   ...พ่อกลับบ้านมาบ้านแล้ว

   นาทีนั้นทั้งห้องโถงเงียบกริบ มีเพียงเสียงทีวีของละครหลังข่าวที่ดังทำลายความเงียบอยู่เนืองๆ ความรู้สึกของผมตอนนี้มีทั้งความดีใจและความกลัว หมายถึงผมดีใจที่พ่อกลับมารักษาตัวได้ที่บ้านสักทีหลังจากนอนโรงพยาบาลหลายเดือน ในขณะเดียวกันผมก็ไม่อยากให้พ่อเห็นสภาพของผมตอนนี้ซึ่งมันแย่มากเหลือเกิน

   ตั้งแต่เด็ก พ่อไม่ชอบเห็นผมร้องไห้ มันแสดงถึงความไม่เข้มแข็ง

   “เป็นผู้ชายอย่าร้องไห้” พ่อดุผมด้วยประโยคนี้เสมอ และครั้งนี้ก็เช่นกัน ชายวัยกลางคนเดินเข้ามาหาผมด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ไล่สำรวจรายละเอียดของตัวผมที่เปียกปอนแล้วมองด้วยสายตาดุๆ

   ผมเช็ดน้ำมูกน้ำตา แล้วยกมือขึ้นไหว้พ่อ พยายามกลั้นแรงสะอื้นจากในอกที่ออกฤทธิ์เป็นพักๆ

   “ร้องไห้ทำไมบอกพ่อซิ” จู่ๆ พ่อก็มานั่งปุลงข้างผม กลายเป็นว่าผมโดนทั้งพ่อและแม่นั่งขนาบข้างในตอนนี้ และมีป้าเด้านั่งฝั่งตรงข้ามอีกที

   แม่บีบมือผมเชิงให้กำลังใจ ผมมองหน้าท่านและได้รับการพยักหน้ากลับมา แต่กระนั้นก็ยังกังวล

   “ไม่...ไม่มีอะไรครับ” ผมตอบไม่เต็มปาก

   “จะไม่มีอะไรได้ยังไง ก็ลูกพ่อร้องไห้ขนาดนี้” พ่อเอ่ยแล้วยกมือขึ้นมายีผ้าขนหนูบนหัวผม ยิ่งมีคำว่า ‘ลูกพ่อ’ ที่ผมไม่ได้ยินมานานหลายปี มันยิ่งทำให้ผมกลั้นน้ำตาตัวเองไม่ไหวอีกครั้ง

   “เพราะไอ้หนุ่มดารานั่นเหรอ” พ่อถาม แค่นั้นผมก็เสียการควบคุม แม้รู้ว่าจะได้ยินเสียงดุจากพ่อตามมาก็ตาม…

   แต่...คราวนี้พ่อกลับไม่ดุ เขากลับยกมือขึ้นมายีหัวแล้วดึงผมเข้าไปกอดหลวมๆ แล้วตบหลังผมแรงๆ เหมือนที่ท่านชอบทำตอนผมเด็ก เพียงแค่นั้นผมก็หลับตาแน่นและปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเต็มที่ ครั้งนี้มันมีส่วนผสมที่มากกว่าความเสียใจ

   “จุ๊บขอแป๊บเดียวนะครับ สัญญาว่าจะไม่ร้องอีก”

   ผมสะอึกสะอื้นท่ามกลางการประคองของผู้ให้กำเนิด พ่อส่งเสียงชู่จากปากเป็นสัญญาณให้ผมเงียบในแบบผู้ชายปลอบกัน ทว่ามือยังลูบหลังผมเบาๆ คล้ายบอกว่าร้องให้เต็มที่ ชั่วขณะนั้นเองหูผมแว่วเสียงกดกริ่งจากหน้าบ้าน และได้ยินป้าเด้าเสนอตัวไปรับแขก

   เวลาผ่านไปไม่กี่นาที ตาผมบวมเป่งจากการแสดงความรู้สึกจนมวลพายุในอกสงบลง ผมรวบรวมสติควบคุมอารมณ์ และหยุดการร้องไห้ของตัวเองได้ในที่สุด ยืดตัวขึ้นเองนั่งสูดหายใจท่ามกลางสายตาห่วงใยแฝงความสงสัยของทุกคนในครอบครัว ขณะนั้นก็รู้สึกขายหน้าขึ้นมา

   งอแงเป็นเด็กๆ เลยว่ะ

   ผมกำลังคิดว่าจะตอบคำถามจากทุกคนยังไง ทว่าป้าเด้าก็เข้ามาเรียกซะก่อน

   “จุ๊บ มีเพื่อนมาหา” ป้าผู้มีทรงผมกระบังลมบอก “ผู้ชายหล่อๆ สูงๆ โคตรขาว ชวนเขาเข้ามาแล้วแต่เขายืนยันจะรอข้างนอก”

   ผมรู้ทันทีว่าเป็นใคร วินาทีนั้นความคิดว่าไม่อยากออกไปเจอเขาก็ผุดขึ้นมาในหัว ผมหันไปมองแม่ราวกับขอความเห็น ท่านมองผมแล้วเดาออกทันที ยกมือขึ้นจับแก้มแผ่วเบาและถามออกมาเรียบง่าย

   “ถ้าไม่อยากไปเจอก็ไม่ต้องไป” แม่บอก “ถ้าคิดว่ายอมแพ้แล้วคนนี้ ไม่อยากเจอเขาอีกแล้ว และเขาไม่ควรได้รับโอกาสอะไรจากเราอีกแล้ว เดี๋ยวแม่จะไปบอกเขาให้กลับไปเอง”

   ผมเงียบ จู่ๆ ความรู้สึกไม่เห็นด้วยกับคำพูดของท่านก็ผุดขึ้นมาตีกับความรู้สึกก่อนหน้า แม่มองผมแล้วลุกขึ้นช้าๆ เหมือนจะออกไปแทน

   แต่...ผมรั้งมือแม่ไว้ในจังหวะสุดท้าย หญิงวัยกลางคนปรนลมหายใจแล้วพยักหน้ายอมรับพร้อมรอยยิ้ม แกะมือผมออกแล้วเดินไปหยิบร่มสีใสส่งมาให้

   “เอานี่ออกไปด้วย และอย่าใช้อารมณ์คุยกันล่ะ”



   สายฝนยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงโดยง่าย ผมเดินกางร่มออกไปหยุดที่ประตูบ้าน โครงเหล็กสีน้ำเงินคั่นกลางระหว่างตัวผมกับรถสีขาวของเขาที่จอดเลียบกำแพงรั้ว

   ผมไม่รู้เหมือนกันว่าธีร์หาบ้านผมเจอได้ยังไง บางทีผมอาจจะเผลอบอกไปสักครั้งในที่เรายังคุยกันดีๆ หรือบางทีเขาอาจจะถามกับคนรู้จักของผม แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ประเด็นคือเขามาอยู่ที่นี่ ในตอนนี้ที่เราเพิ่งผ่านสงครามประสาทครั้งล่าสุด และผมไม่แน่ใจว่าเขาจะมาดีหรือร้าย

   ร่างสูงก้าวลงลงจากรถมาในชุดเสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่และกางเกงแสล็คสีดำธรรมดา ไม่มีร่มหรือสิ่งกำบังอย่างอื่นที่ทำให้เขาปลอดภัยจากฝนฟ้าคะนอง เขาเดินมายืนอยู่ตรงหน้าผม ไม่กี่วินาทีคนเป็นดาราก็เปียกโชก แต่ก็ยังยืนยันจะอยู่ในสภาพแบบนั้น

   เราประสานสายตากันผ่านโครงเหล็กท่ามกลางเสียงกระหน่ำของธรรมชาติและความหนาวเหน็บ

   “ตอนเรายังเด็ก ก่อนหน้าที่พ่อกับแม่จะเลิกกัน พี่จุ๊บรู้ไหมว่าเราเคยเป็นเด็กที่โดยสปอยล์มาก” ธีร์เริ่มเล่า “อยากไปไหนก็ต้องได้ไป อยากได้อะไรก็ต้องได้ กลายเป็นเด็กเอาแต่ใจ จนกระทั่งเราโตขึ้น พ่อแม่เราเริ่มระหองระแหง เรารู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีอำนาจทำอะไรได้เลย แม้แต่การบอกให้เขาอยู่ด้วยกันเพื่อเรา...

   “พอเข้าวงการ เราก็ไม่มีสิทธิ์แม้แต่ควบคุมชีวิตของตัวเราเอง มันอาจจะเป็นเรื่องปกติที่ยิ่งเราควบคุมอะไรไม่ได้แล้วก็ยิ่งมีความอยากจะกลับไปทำแบบนั้น ถ้าเป็นเรื่องอื่นที่ไม่ใช่การทำงาน ทุกอย่างที่เราอยากจะได้ เราก็ต้องได้ ไม่ว่าจะต้องทำอะไรก็ตาม...

   “แต่บางทีเราก็ลืมไปว่าสิ่งที่เราทำมันคือการทำร้ายความรู้สึกคนอื่น และที่แย่คืออะไรรู้ปะ คนๆ นั้นเป็นคนที่เรารัก”

   เขาเล่าด้วยน้ำเสียงธรรมดา มุมปากมีรอยหยักยิ้มแบบขมขืน แววตาเต็มไปด้วยความอ่อนล้าที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน ถึงอย่างนั้นคนผิวขาวสว่างก็ยังพยายามจะเล่าต่อ ไม่ได้สะทกสะท้านต่อแรงกระทบของน้ำฝนบนใบหน้าเลยสักนิด

   “เคยคิดว่าเราเป็นคนมีความอดทนสูง เราอดทนกับทุกอย่างได้จริงๆ แต่สายตาที่พี่จุ๊บมองเราวันนี้ สายตาแบบนี้” เขาพยักพเยิดมาที่ความว่างเปล่าในแววตาผม “เราทนไม่ได้จริงๆ ว่ะ”

   ธีร์ยกมือลูบเส้นผมเปียกโชกแล้วจัดไปด้านหลังราวกับอยากตั้งสติ ผมเม้มปากมองเขาด้วยความเห็นใจที่ค่อยๆ เติบโตภายใน แต่ประสบการณ์เลวร้ายก่อนหน้านี้มันก็ยังทำให้ผมคิดหนัก

   “นายพูดถูกทุกอย่างเกี่ยวกับเรา..พูดถูกตลอดเวลา เรารู้ว่าเราแม่งเหี้ย และเราโคตรเสียใจที่ทำลงไป”

   “...”

   “และถ้าพี่จุ๊บยังมีความรู้สึกดีๆ กับเราเหลืออยู่ เราอยากให้กลับมาคุยกันดีๆ ไม่ว่าจะในฐานะอะไร”

   “...”

   “เพราะเรายอมทำทุกอย่าง เพื่อไม่ต้องเจอกับสายตาแบบนั้นอีก”

   เขาก้มหน้ามองลงอย่างรู้สึกผิด ดูรู้ว่าไม่กล้าสบตาผมเพราะกลัวคำตอบที่ผมอาจจะให้ ผมถอนหายใจออกมาแล้วเปิดประตูบ้านออก เดินเข้าในประจันหน้ากับเขาโดยไม่ให้เขตประตูรั้วกั้นขวางเราอีกต่อไป

   เรามองหน้ากันด้วยความลำบากใจที่ปิดไม่มิด ที่เขาพูดมันอาจเป็นแค่ลมปากที่มาจากความรู้สึกผิดชั่วครั้งชั่วคราว เรื่องทั้งหมดนี้มันอาจลงเอยด้วยการทำผิดพลาดของเขา และจะกลับมาทำร้ายจิตใจผมอีกครั้ง ผมสามารถไม่ยกโทษให้เขา บอกให้เขาไปไกลๆ และไม่ต้องมาเจอกันอีกตลอดไป

   หรือผมจะเลือกให้อภัย จับมือเขาแล้วตั้งต้นกับเรื่องความสัมพันธ์ของเราใหม่ ซึ่งมันอาจมีเรื่องเหนื่อยใจประดังประเดเข้ามามากกว่านี้

   โอกาสของเขาขึ้นอยู่กับผมแล้ว

   “อย่าเงียบนานแบบนี้สิ เรากลัว” ธีร์กระซิบด้วยท่าทางหงอเหมือนหมาตกน้ำ “บอกเราทีว่าเรายังมีโอกาสทำอะไรเพื่อชนะใจพี่จุ๊บได้อีกไหม”

   “เราเป็นอะไรกัน” ผมครุ่นคิดอยู่สักพัก แล้วตัดสินใจตอบเขาด้วยคำถามที่เขาชอบถามบ่อยๆ หลังจากปล่อยให้ตัวเองเป็นผู้ฟังมานาน

   “ตอนนี้มันไม่สำคัญแล้ว” เขาบอก “เรายอมเป็นทุกอย่าง แค่อยู่ในชีวิตพี่จุ๊บ”

   “เราเป็นมากกว่าแฟน...”

   “แต่ไม่ใช่พี่น้อง เรารู้”

   “เป็นปะ...”

   “...ฮะ?”

   “แฟนอะ เป็นปะ”

   “...”

   “...”

   “...ตอบช้าเปลี่ยนใจไม่รู้ด้วยนะ”

   “เป็น...เป็น! กำลังตกใจอยู่” เขาร้องออกมาเสียงดังเหมือนเด็กได้รางวัล ไม่เหลือภาพพจน์ของความเท่แบบดาราใดๆ หลงเหลืออยู่เลยสักนิด อันที่จริง เขาก็ไม่เคยมีมาดอะไรตอนอยู่กับผมทุกครั้ง

   แต่นั่นแหละทำให้ผมรักเขา

   ธีร์อาจเป็นคนโมโหร้าย ทำอะไรหุนหันพลันแล่น และเอาแต่ใจตัวเองเป็นที่หนึ่ง แต่เขาก็คือคนๆ เดียวกับเด็กผู้ชายธรรมดาที่สลัดมาดดาราออกก็ไม่ได้เท่ตลอดเวลา ชอบเล่นมุกเสี่ยว และร้องเพลงเพี้ยน เด็กคนนั้นที่ยอมเผยตัวตนอีกด้านหนึ่งให้ผมเห็น คนที่ยอมซ้อมเต้นเพื่อชนะใจผม คนที่ไปต่อยคนอื่นเพียงเพราะเขาเผาผ้าเช็ดหน้าที่ผมเย็บ คนที่เห็นปัญหาของผมเป็นเรื่องของตัวเอง...

   ...คนที่รักผม

   ผมก้าวไปประชิดตัวเขา ระยะห่างของเรามีไม่ถึงสิบเซนติเมตร รับรู้ถึงความชื้นจากตัวเขาและรอยยิ้มกว้างแห่งความยินดี แล้วความคิดประหลาดบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในหัว

   “ไม่ต้องทำอะไรแล้ว” ผมอมยิ้มบอก “ธีร์ชนะใจเราตั้งนานแล้ว”

   วินาทีนั้นผมโยนร่มของตัวเองทิ้ง สัมผัสกับความรุนแรงของสายฝนที่โปรยปรายลงมากระทบร่างกาย ผมจับโครงหน้าของเขา รู้สึกถึงความเย็นชืดจากผิวหนัง และประกบริมฝีปากไปเพื่อถ่ายทอดความร้อนและความรักของตัวเองเพื่อแลกเปลี่ยนกับอีกฝ่าย

   นั่นคือจูบแรกหลังจากเราเป็นแฟนกัน และมันเป็นครั้งแรกจริงๆ ที่เรารู้ว่าเวลาหยุดลง แต่เราไม่ได้สนใดสิ่งใดนอกจากกันและกัน

   รอยจุมพิตถูกประทับซ้ำแล้วซ้ำเล่า สัมผัสของสายฝนดังตามจังหวะที่ถูกควบคุมจากการจูบนั้น ท่ามกลางปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ผกผัน จู่ๆ ผมก็นึกถึงคำพูดของยายที่เคยพูดไว้เหลือหลายปีที่แล้ว ประโยคสุดท้ายก่อนที่ยายจะจากไป

   ‘จูบกับหัวใจน่ะ เก็บไว้ให้เฉพาะคนที่คู่ควรเท่านั้นนะ’

   บอกตามตรงผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงเป็นคนที่คู่ควร แต่ใจผมบอกว่าต้องเป็นคนนี้...แค่คนนี้เท่านั้นจริงๆ

   บางทีอาจเป็นเพราะคงไม่มีใครบนโลกนี้ที่ทำให้หัวใจผมแตกสลายได้เท่ากับเขาอีกแล้ว



   จูบกับหัวใจที่เก็บไว้...ตอนนี้ผมให้เขาไปอย่างเป็นทางการแล้วครับยาย




โปรดติดตามตอนต่อไป



อยากให้อัพเร็วๆ เม้นท์กันด้วยนะ
หรืออยากติชมหรือกรี๊ดกร๊าดไปที่แท็ก #จุ๊บที ในทวิตเตอร์นะคะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบห้า | UPDATE 12.11.2560 | Page 22 }
เริ่มหัวข้อโดย: pppitppp ที่ 12-11-2017 18:39:00
ฮือออ ในที่สุดก็รักกันแล้ว
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบห้า | UPDATE 12.11.2560 | Page 22 }
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 12-11-2017 18:46:43
 :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบห้า | UPDATE 12.11.2560 | Page 22 }
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 12-11-2017 18:53:16
เฮ้ออออ เป็นแฟนกันแล้ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบห้า | UPDATE 12.11.2560 | Page 22 }
เริ่มหัวข้อโดย: Fahsaizzz ที่ 12-11-2017 19:01:31
ลุ้นมากกกเลยย55
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบห้า | UPDATE 12.11.2560 | Page 22 }
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-11-2017 19:03:48
แล้วปัญหาที่ธีร์ก่อไว้ล่ะ จะทำอย่างไร รอดูๆ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบห้า | UPDATE 12.11.2560 | Page 22 }
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 12-11-2017 19:12:59
เอ้อออ ต้องให้พี่จุ๊บเข้าโหมดเย็นชาสินะธีร์ถึงจะรู้สึกตัวน่ะ จริงๆก็สงสารรองนะแต่เราว่ารองไม่เหมาะกับจุ๊บหรอกควรเป็นคนที่ดูแลรองได้มากกว่านี้อะ กับพี่จุ๊บนี่อารมณ์ยังขึ้นๆลงๆนะพอๆกันกับธีร์เลย นี่ก็ไม่รู้ว่าคบกันแล้วจะมาปัญหาอะไรอีกป่าวแล้วเรื่องแฟนธีร์น่ะเคลียร์ด้วยนะธีรืว่ายังไง
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบห้า | UPDATE 12.11.2560 | Page 22 }
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 12-11-2017 19:37:50
จะรักกันไม่ว่าหรอกจ้าาา แต่ช่วยเคียร์บุคคลที่3ที่ธีร์ดึงเข้ามาด้วยยย เพราะจุ๊บก็เคียร์ตัวเองไปแล้ว  :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบห้า | UPDATE 12.11.2560 | Page 22 }
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 12-11-2017 19:45:33
พี่จุ๊บอ่าาา ใจอ่อนไวจัง หรือเป็นเพราะคู่ชีวิต สายสัมพันธ์มันเลยแน่นกว่าปกติ
หมั่นไส้ธีร์จริง ๆ ได้พี่จุ๊บคนดีเป็นคู่ แต่ไม่ยอมรักษา  :m16:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบห้า | UPDATE 12.11.2560 | Page 22 }
เริ่มหัวข้อโดย: kkoyz ที่ 12-11-2017 20:51:35
โอ้ยชัดเจนกันสักทีนะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบห้า | UPDATE 12.11.2560 | Page 22 }
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 12-11-2017 20:57:46
ช่วยเคลียร์เรื่องเอิงเอยด้วย
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบห้า | UPDATE 12.11.2560 | Page 22 }
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 12-11-2017 21:00:39
แทบจะร้องไห้ตอนจุ๊บมาร้องไห้กับที่บ้าน จุ๊บมีครอบครัวที่อบอุ่นมากเลย พ่อแม่น่ารักมาก
ธีร์ตามมาง้อเลยแฮะ อยู่ไม่ได้กันเลยทีเดียว ก็ดี ได้เคลียร์ไป พี่จุ๊บใจดีอีกแล้ว
น้องรองน่าสงสาร แต่พูดไปตรงๆ แบบนี้ถูกแล้ว

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบห้า | UPDATE 12.11.2560 | Page 22 }
เริ่มหัวข้อโดย: Mafiaziip ที่ 12-11-2017 21:15:47
งื้ออออออออออ เข้าใจกันสักทีเน้อ นี่ก็ลุ้นว่าจะดราม่ายาวมั้ย  :katai2-1: :katai2-1:

หวังว่ากับแม่ดาราสาวจะไม่ยุ่งยากนะน้องธีร์
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบห้า | UPDATE 12.11.2560 | Page 22 }
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 12-11-2017 21:50:37
ดีกันแล้วววววววว แต่อย่าลืมเคลียร์เรื่องเอิงเอยนะธีร์
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบห้า | UPDATE 12.11.2560 | Page 22 }
เริ่มหัวข้อโดย: kamaji ที่ 12-11-2017 22:13:54
ไม่ชอบการเอาคนอื่นเข้ามาในความสัมพันธ์ ฝากคนเขียนบอกให้จุ๊บชัดเจนหน่อย !!!!!
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบห้า | UPDATE 12.11.2560 | Page 22 }
เริ่มหัวข้อโดย: Chattcha ที่ 12-11-2017 22:49:43
ในที่สุดก็เข้าใจกัน :impress2:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบห้า | UPDATE 12.11.2560 | Page 22 }
เริ่มหัวข้อโดย: yewlyz ที่ 12-11-2017 23:58:02
เราร้องไห้ตามเลยยย ไม่อยากคิดถึงดราม่าฉากต่อไป TT :hao5:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบห้า | UPDATE 12.11.2560 | Page 22 }
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 13-11-2017 05:15:47
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบห้า | UPDATE 12.11.2560 | Page 22 }
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 14-11-2017 00:31:01
หมดดราม่าสักที :katai1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบห้า | UPDATE 12.11.2560 | Page 22 }
เริ่มหัวข้อโดย: Lalaleega ที่ 14-11-2017 07:43:25
พี่จุ๊บใจอ่อนอ่ะ แต่รักกันก็ดีละ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบห้า | UPDATE 12.11.2560 | Page 22 }
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 14-11-2017 10:50:50
โอ้ยยยย แอบร้องไห้ไปกับน้องจุ๊บ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบห้า | UPDATE 12.11.2560 | Page 22 }
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 14-11-2017 11:36:51
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบห้า | UPDATE 12.11.2560 | Page 22 }
เริ่มหัวข้อโดย: Supak-davil ที่ 14-11-2017 11:55:25
เอาอีก
เอามาม่าใส่น้ำตาลอีก
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบห้า | UPDATE 12.11.2560 | Page 22 }
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 14-11-2017 12:45:00
พี่จุ๊ปน่ารักอย่าแยกกันเลยนะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบห้า | UPDATE 12.11.2560 | Page 22 }
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 14-11-2017 18:12:00
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบห้า | UPDATE 12.11.2560 | Page 22 }
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 15-11-2017 02:50:45
เป็นแฟนกันแล่ว

แอบไม่อินเพราะความงี่เง่าของทั้งคู่ 5555

ถ้าไม่ติดความคู่ชีวิตตามเนื้อเรื่อง เป็นคนจริงๆคงคบกันไม่รอด

สงสารรอง หาคู่ให้น้องหน่อย
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบห้า | UPDATE 12.11.2560 | Page 22 }
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 19-11-2017 05:03:38
โอ๊ยยยย งึ่ดดดด กว่าจะลงเอยกัน  ธีร์ หนูรีบๆโตนะลูก ไม่งั้นแม่จะรำมาก
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบห้า | UPDATE 12.11.2560 | Page 22 }
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 21-11-2017 21:41:26
ดีกันแล้ว
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบห้า | UPDATE 12.11.2560 | Page 22 }
เริ่มหัวข้อโดย: benbencoffee ที่ 26-11-2017 21:13:47
มารอพี่จุ๊บ.. หน่วงมาหลายตอนแล้วเผื่อตอนใหม่จะสดใสขึ้น 555
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบห้า | UPDATE 12.11.2560 | Page 22 }
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 30-11-2017 20:06:52
ลงเอยกันด้วยดี เฮ้ออออออ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบหก | UPDATE 6.12.2560 | Page 23 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 06-12-2017 23:51:36

(http://www.uppic.org/image-730A_57571DD5.jpg)

จูบที่สิบหก



   ผมเคยมีแฟนคนแรกตอนเรียนอยู่ชั้นมอห้า ช่วงเวลาที่คาบเกี่ยวกับครั้งแรกที่ผมเจอเขา

   ไม่คิดเลยว่าไอ้ลูกดาราหน้ากวนส้นวันนั้นจะกลายเป็นแฟนกันวันนี้ จะว่าไปมันก็หลายปีเหมือนกันจากการมีแฟนครั้งนั้น...ผมชักจะลืมว่าคนเป็นแฟนกันจะปฏิบัติต่อกันยังไง

   จีบกัน...ทำแล้ว

   เปิดใจคุยกันตรงๆ...ทำแล้ว

   ทะเลาะกันเรื่องงี่เง่า...ทำแล้ว

   แสดงความรักต่อกันบ่อยๆ...ปากแทบเปื่อยแล้ว   

   พูดได้ว่าแทบทุกอย่างที่แฟนกันควรจะทำ เราทำมาหมดก่อนที่สถานะมันจะชัดเจนแบบนี้เสียอีก ความสัมพันธ์ของผมกับธีร์ก้าวกระโดดเร็วจนน่าตกใจ มันเหลืออีกไม่กี่อย่างเท่านั้นที่เรายังไม่ได้ทำ

   ไม่คิดเลยว่าวันนี้จะได้ทำอะไรที่ก้าวกระโดดขึ้นอีกขั้น...หลังจากเราตกลงคบกันไม่ถึงสิบนาที

   อย่าคิดลึกครับ ผมกำลังหมายถึงการพาเขาเข้าบ้าน



   เปียกไปทั้งตัว แต่หัวใจอุ่นพิกล

   หลังจากเคลียร์ทุกเรื่องที่คั่งค้างในใจหมดไป รวมทั้งเรื่องเอิงเอยที่เขาสารภาพว่าขอให้มาเล่นละครตบตาให้ผมหึง(ซึ่งได้ผลชะงัด) ผมจูงมือเขาเข้ามาในเขตรั้วบ้าน เราถอนริมฝีปากออกจากกันขณะที่น้ำฝนรอบข้างนิ่งค้างเป็นเส้นๆ เราเดินฝ่าเม็ดน้ำฝนที่ลอยเท้งเต้งกลางอากาศเข้ามาจนถึงในที่ร่ม เห็นว่าแม่กำลังยืนมองจากหน้าประตูบ้าน ตาเบิกโตทอดเยิ้มไปยังหน้าประตูรั้วจุดที่ผมกับธีร์เคยยืน ริมฝีปากยิ้มกรุ้มกริ่มเหมือนพอใจในภาพที่เห็น

   หน้าผมร้อนขึ้นมาทันที แม่อะทำไมขี้แอบดูแบบนี้ ฮึ้ยยยย

   “ถอยออกมาก่อน” ผมบอกธีร์ที่กำลังยืนด้อมๆ มองๆ ข้างหน้าแม่อยู่(ทำไม) ดึงเขาให้เข้ามาหลบในเงามืด แล้วจุ๊บที่ปากเขาเบาๆ หนึ่งที

   ฝนกลับมาตกหนัก แม่กลับมากระพริบตา เธอกำลังมองหาผมกับธีร์ที่หายไป

   “อ้าว หายไปไหนวะ” แม่ตีหน้างง ผมใช้จังหวะนั้นโผล่เข้าไปแบบไม่ให้สุ้มให้เสียงทันที

   “แฮ่!”

   “ว้ายยยยย” แม่หวีดร้อง พอเห็นมาเป็นผมก็ตีที่ไหล่เบาๆ “จุ๊บ! โผล่มานี่ได้ไง”

   “ถ้ำมองจัง” ผมแซวแทนที่จะตอบ เจ้าของทรงผมบ๊อบเททำท่าจะตีผมต่อ แต่พอเห็นคนที่อยู่ด้านหลังก็เอียงคอยิ้มให้อย่างสนใจ

   “สวัสดีครับ” ธีร์ยกมือไหว้ทักทาย

   “สวัสดีจ้ะ” แม่รับไหว้อย่างยิ้มๆ “ธีร์...ใช่ไหม”

   เขาพยักหน้าอย่างนอบน้อม วินาทีนั้นแม่ก็ตรงรี่กะจะเข้าไปกอด แต่เหมือนจะเพิ่งตระหนักได้ถึงสภาพเปียกซ่กของเราทั้งคู่ แม่จึงเลือกจูงมือเราทั้งคู่เข้าบ้านแทน

   ทันทีที่เปิดประตู คนที่เคยกระจุกอยู่ด้านหลังบานประตูก็แตกฮือ ป้าเด้ากับจีบคือสองคนหน้าสุดแกล้งทำสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ถัดออกไปเป็นป้าแก้วและพ่อของผมที่เท้าตัวกับโซฟาและผนัง ทุกคนบังคับสายตาให้จับจ้องไปที่จอทีวีแล้วแสร้งเหมือนว่าเพิ่งมองเห็นผม

   เนียนมากเลยครับทุกคน แหม่ ไม่รู้จริงๆ เลยนะเนี่ยว่าแอบฟัง

   “ใครมาเหรอจุ๊บ” จีบแกล้งถาม แล้วค่อยๆ เบนสายตามาทางผม ผมยิ้มมุมปากให้อย่างมีเลศนัยแล้วกระเถิบไปด้านข้างเพื่อให้น้องเห็นคนด้านหลังชัดๆ...ไอ้จีบมันต้องกรี๊ดลั่นบ้านแน่ๆ

   “สวัสดีครับ” ธีร์ยกมือไหว้ทักทายทุกคน...ซึ่งตอนนี้ตาเบิกแทบจะถลนออกจากเบ้า

   “ถะ...ถะ...ถะ...” ตามคาด ลูกพี่ลูกน้องผู้เป็นติ่งธีร์ถึงกับติดอ่างไปเลย “ถะ...ถะ...ถะ...”

   ตึง!

   “เฮ้ยยยยย!”

   แล้วมันก็ไปไกลเกินกว่าที่ผมคิดอีก ไอ้จีบเป็นลมไปแล้วเรียบร้อยครับ โคตรบ้า! โคตรพีค! ดีนะที่พ่อผมรับไว้ได้ทันเลยไม่ล้มหัวฟาดพื้นไปซะก่อน

   “ยาดมๆ” ป้าแก้วเลิกตกใจที่เจอธีร์แล้วกระวีกระวาดหาทางรักษาลูกตัวเองทันที ไม่รู้จะขำหรือสงสารป้าดีที่ต้องมาเห็นสภาพของลูกสาวที่บ้าดาราจนกลายเป็นแบบนี้

   “เดี๋ยวไปเปลี่ยนเป็นชุดแห้งก่อน แล้วค่อยมาคุยกัน จุ๊บ หาเสื้อผ้าให้ธีร์ใส่ด้วยนะ ทางนี้เดี๋ยวแม่จัดการเอง”

   แม่บอก แล้วดันหลังเราออกจากตรงนั้น เพียงไม่กี่วินาทีการปรากฏตัวของดาราหนุ่มในบ้านของเราก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกต่อไป เพราะทุกคนกลับให้ความสนใจกับร่างอ่อนแรงของจีบ...ซึ่งเป็นลมไปเพราะการปรากฏตัวของไอ้ดาราคนนี้นั่นแหละ



   ผมพาธีร์เข้ามาในห้องนอน หาเสื้อผ้าที่เขาพอจะสวมได้ในตู้เสื้อผ้า ซึ่งเอาเข้าจริงก็หายากเอาการ ธีร์สูงกว่าผมกว่าสิบเซนฯ และมีโครงร่างใหญ่กว่า แต่เสื้อผ้าในชีวิตประจำวันผมก็มีแต่ตัวที่ใส่พอดี กับจำพวกที่ใส่ฟิตไปเลยอย่างกางเกงยีนส์ขาเดฟ

   สุดท้ายก็ได้เสื้อกล้ามสีขาวสำหรับใส่นอนมาหนึ่งตัว และกางเกงผ้าโปร่งสีเนื้อตัวหลวมมีเชือกผูก แต่ความหนักใจของผมไม่ได้อยู่ตรงนั้น...ความกระดากคือผมรู้ว่าตัวเขาจะต้องเปียกไปถึงชั้นในสุด แล้วถ้าเปลี่ยนแค่ข้างนอกมันคงไม่สบายตัวหรอก…

   เอาวะ ให้ยืมกางเกงในใส่ ใครที่ไหนเขาก็ทำกันทั้งนั้น(เหรอ)

   “ทำไมทำหน้างั้น” ธีร์ถามเมื่อเห็นสีหน้าไม่มั่นใจของผม

   “เปล่าๆ อะ ไปเปลี่ยนในห้องน้ำ” ผมบอก ยื่นชุดแห้งกับผ้าเช็ดตัวให้เขาทันที รวมไปถึงน้องลิงสีขาวสะอาดของรักของหวง

   “เปลี่ยนตรงนี้ไม่ได้เหรอ” คนผิวสว่างเว้าวอนด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ ผมส่ายหัวพัลวันแล้วดันเข้าให้เข้าไปในห้องน้ำ

   “ล้างตัวก่อนก็ดี เดี๋ยวเป็นหวัด”

   “อย่าแอบดูนะ” เขาเกยหน้ากับขอบประตู

   “ทะลึ่งละ รีบเลย คนรอหนาวนะเว้ย”

   ธีร์หัวเราะ แต่ยังไม่วายแง้มประตูไว้เผื่อว่าผมจะแอบดู (...โว้ยยยย) ไม่นานนักก็ออกมาในชุดที่ให้ไป ธีร์พาดผ้าเช็ดตัวไว้บนบ่า เสื้อกล้ามสีขาวที่ว่าตัวใหญ่ๆ เขากลับใส่มันออกมาพอดี เช่นเดียวกับกางเกงที่ไม่เล็กเกินไป...เว้นแต่ว่ามันนูนแปลกๆ ตรงเป้ายังไงชอบกล พูดจริงๆ นะไม่ได้ทะลึ่ง   

   “มีอันเนี้ยไม่ได้ใส่” เขาชูกางเกงในสีขาวของผมขึ้นมาแกว่งๆ ผมรู้ทันทีเลยว่าทำไมตรงนั้นมันถึงนูน   “ทำไมไม่ใส่” ผมถามกลับอายๆ

   “มันเล็กไป”

   บอกน้ำเสียงเรียบแต่กลับยักคิ้วเหมือนภูมิใจ แถมยังโคลงตัวไปมา ทำให้ตอนนี้แกว่งทั้งบนทั้งล่างเลยเว้ย

    อยากจะล้อว่าไอ้หำใหญ่…แต่คิดดูแล้วไม่พูดดีกว่า งือ

   “ไม่ใส่ก็ไม่ต้องใส่” ผมยึดกางเกงในมาจากมือเขาแล้วดึงผ้าเช็ดตัวมาพาดบ่าตัวเอง เบียดคนเป็นดาราที่ยืนขวางประตูห้องน้ำและพาตัวเองเข้าไปแทนพร้อมกับเสื้อผ้าแห้ง กลิ่นหอมของสบู่เหลวยังคลุ้งอยู่ในอากาศ

   “ไม่ต้องล็อคนะ จะแอบดู” เขาพูดหน้าซื่อ แล้วโดนผมปิดประตูใส่และล็อคอย่างแน่นหนา  ได้ยินเสียงหัวเราะหึดังลอดผ่านมาแล้วรู้สึกไม่ปลอดภัยยังไงพิกล เสียงหัวเราะแบบนี้มันน่ากลัวว่าเสียงปั๊ดโถ่ด้วยความเสียดายอีกอะ

   กระนั้นผมก็ใช้เวลาล้างตัวและใส่เสื้อผ้าไม่นาน เปิดประตูออกมาอีกทีก็เจอเขานั่งยองๆ อยู่ข้างเตียง เงยหน้าจากชั้นดีวีดีข้างเตียงขึ้นมาสบตาผมนิ่ง

   “อะไร”

   เขามองผมด้วยแววตาอ่านไม่ออก แล้วคลี่ยิ้มบนริมฝีปากออกมาช้าๆ “ห้องพี่จุ๊บนี่โคตรเป็นพี่จุ๊บเลย ชอบว่ะ”

   ธีร์พยักเพยิดไปที่ดาวพลาสติกบนเพดานที่เมื่อปิดไฟแล้วมันจะเรืองแสง ไล่สายตามาที่โปสเตอร์หลายแผ่นบนหัวเตียง มีกรุดีวีดีและหนังสือหลายเล่มกองพะเนินอยู่ตรงนั้น

   “ชอบหนังรักมากนะเนี่ย” เขาด้อมๆ แถวกองดีวี “ชอบเรื่องอะไรที่สุดในนี้...อ่อรู้ละ”

    คนตัวสูงเข้าใจทันทีเมื่อกวาดตาไปเห็นโปสเตอร์ไททานิคใบเบ้อเริ่มติดอยู่เหนือหมอนของผม

   “หนังเรื่องแรกที่ดูในโรงอะ” ผมยักไหล่ยอมรับ

   “ดูซ้ำกี่รอบละ”

   “ไม่รู้เหมือนกัน สี่สิบห้าสิบได้มั้ง”

   “สี่สิบห้าสิบ!” เขาส่ายหัว “บ้าแล้ว”

   “พูดงี้แสดงว่าไม่เคยชอบอะไรมากๆ แบบที่ดูกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ” ผมแหว

   “เคยสิ” เขาตอบ จ้องหน้าผมอย่างจงใจ “แต่ไม่ใช่หนังนะ เป็นคน”

    ผมทำหน้าเหรอหราแสร้งว่าไม่เชื่อ ธีร์อมยิ้มแล้วเสไปมองโปสเตอร์ใบอื่นต่อ

   “ชอบวีเหรอ” เขาถามเมื่อประสานสายตากับเด็กสาวในโปสเตอร์ จริงๆ มันเป็นโปสเตอร์โฆษณาน้ำดื่มยี่ห้อหนึ่งที่วิโอเลตเป็นพรีเซนเตอร์อยู่ แต่ด้วยความชอบในตัวเธอบวกกับท่าทางที่โพสต์ในภาพ ผมเลยแอบขโมยมาแปะฝาผนังห้องซะ...จะได้สบตากับเธอทุกคืนเลย

   “สุดที่รักเลย คนอะไรร้องเพลงก็เก่ง เล่นหนังก็ดี”

   “วีอะนะ”

   “ทำไม ไม่ชอบเหรอ”

   “เปล่า ชอบมากเหมือนกัน” พระเอกซีรีส์ดังเผย “อยากร่วมงานด้วยกันสักงาน”

   “เดี๋ยวก็ได้เล่น นายดังจะตาย คงมีสักเรื่องที่ได้มาเล่นด้วยกันแหละ” ผมบอกเขา แต่ดูเหมือนธีร์จะไม่สนใจ เขาไล่นิ้วไปตามกองหนังสือบนเตียงอีกครั้ง ก่อนจะหยุดลงที่สมุดเล่มเล็กๆ ที่ซ่อนไว้ในแผงนั้น

   “อะไรเนี่ย” ก่อนที่ผมจะรู้ว่านั่นคือของต้องห้ามสำหรับเขา ธีร์ก็ดึงสมุดเล่มนั้นออกมาและเปิดดูอย่างถือวิสาสะ มันคือสมุดเฟรนด์ชิพที่ผมให้เพื่อนเขียนถึง แต่มีหน้าหนึ่งที่ไม่มีใครเขียน...มีเพียงแค่หน้ากระดาษที่คั่นไว้ด้วยก้านกุหลาบก้านหนึ่งซึ่งกลีบของมันแห้งกรอบไปตามกาลเวลา แต่ผมยังรักษาไว้อย่างดี

   ด้านล่างเขียนชื่อคนให้เล็กๆ เอาไว้ และธีร์ก็เปิดเจอหน้านั้นอย่างพอเหมาะพอเจาะ

   ผมรีบดึงสมุดออกจากมือเขาทันที แต่ก็ไม่เร็วพอที่จะปิดบังไม่ให้เห็นซากดอกกุหลาบ และข้อความที่เขียนไว้...เท่านั้นแหละเจ้าของชื่อก็กลั้นยิ้มทันที

   “ยังเก็บกุหลาบที่เคยให้ไว้ด้วยอะ” เขาแหย่ ผมมองเขาตาขวาง จินตนาการออกเลยว่าตอนนี้หน้าตัวเองต้องแดงไปถึงหูแน่ๆ

   “ยุ่ง”

   “ชอบเราตั้งแต่ตอนนั้นเลยปะ” คนตัวสูงถาม ผมกัดริมฝีปากแน่นเพราะความขวยเขิน

   “หลงตัวเองไปละ” ผมพูดขำๆ “เก็บไว้เป็นความทรงจำเฉยๆ”

   “มันต้องเป็นความทรงจำที่สำคัญมากแน่ๆ”

    “...เพ้อเก่งจังวะ”

   “เป็นดาราก็ต้องฝึกจินตนาการเว้ย”

   “เหรออออ” ผมล้อเสียงสูง จริงๆ ที่เขาพูดก็จริงแหละ แต่ไม่บอกหรอก

   “แต่เราชอบพี่จุ๊บตั้งแต่ตอนนั้นเลยนะ”

   “เพ้อไรอีก” ผมขำ แต่ธีร์มองผมตาโตเหมือนดุว่าที่ผมขำน่ะมันไม่ควร โอเคยอมก็ได้

   “เราพูดจริง ไม่งั้นจะให้ดอกกุหลาบทำไม”

   “ตลกละ จะชอบคนที่ไม่เคยคุยกันสักคำจนเรียนจบได้ไง”

   “พูดแบบนี้แปลว่าตอนเรียนอยู่ไม่เคยมีประสบการณ์แอบชอบรุ่นพี่อะดิ๊”

   “ก็เคยเว้ย แต่มันแบบ...” ผมอ้อมแอ้ม “มันต้องสวยๆ เป็นลีด นมใหญ่ๆ หรือถ้าผู้ชายก็ต้องหล่อๆ เท่ๆ เป็นนักกีฬา แต่เราเป็นรุ่นพี่ประเภทกรรมการนักเรียนที่น้องมักจะเกลียด ไม่เก่งกีฬาอะไรสักอย่าง ทำได้อย่างมากก็เต้นคัฟเวอร์เฉิ่มๆ คือไม่ใช่รุ่นพี่ประเภทที่ใครจะมาแอบชอบเลย เห็นหน้าในกิจกรรมบ่อยก็จริงแต่มันก็...ไม่ใช่อ้ะ”

   “ก็เพราะเป็นแบบเนี้ยเลยชอบ” เขาหัวเราะ

   “ไม่ชอบคนนมใหญ่เหรอ”

   “ก็ชอบ”

   “จบเลย”

   “ฮ่าๆๆ เอาจริงๆ ก็ไม่รู้เหมือนกัน” เขาบอก “มันคงเกิดจากความประทับใจมั้ง”

   “ตรงไหนน่ะ”

   “เห็นหน้าแล้วตลกดี” ผมขมวดคิ้ว รู้สึกเหมือนโดนหลอกด่ายังไงชอบกล “หมายถึงน่ารัก เห็นแล้วอารมณ์ดี”

   “แค่นั้นน่ะนะ”

   “แอบชอบรุ่นพี่จะมันจะมีเหตุผลอะไรมากกว่านี้อีก”

   “นี่ถ้าไม่บอกจะคิดว่าตามเรามาเรียนที่มหา’ลัยเดียวกันนะ”

   “ก็เราตามมาจริง” คำบอกเล่าของธีร์ทำเอาผมเงิบ “อ้าว ไม่เคยบอกเหรอ”

   “...ไม่เคย” ผมแกล้งทำเป็นยกผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดผมตัวเองเพื่อหลบสายตาเขา แม้ว่าจะหมาดได้ที่แล้ว...นึกย้อนกลับไปตอนที่ตัวเองบอกเขาว่าจะไปเรียนต่อทีไหนตอนเรียนจบ...

   นึกถึงรูปกับข้อความ ‘Until we meet again’ ของเขาในเฟซบุ๊กแล้วก็ใจเต้นแรงขึ้นมา

   ‘จนกว่าเราจะพบกันใหม่’ ของเขา มันหมายความแบบนั้นจริงๆ

   “รู้มาตั้งแต่ตอนเรียนม.ปลายแล้วว่ายังไงแม่ก็ต้องบังคับให้เรียนนิเทศแน่นอน ก็เลยคิดไว้ว่าเรียนที่ไหนน่าจะมีความสุขที่สุด เลยเลือกที่ที่คิดว่าน่าจะชอบ เพราะคนที่ชอบอยู่ที่นี่ แค่นั้นเลย”

   ผมเช็ดหัวตัวเองแรงขึ้น ไม่ตอบอะไรหากรับรู้ถึงหัวใจที่กำลังพองโต ทันใดก็รับรู้ถึงสัมผัสอุ่นจากมือเขาที่แตะหลังมือของผมเอง

   “เช็ดแรงแบบนี้หนังหัวก็ถลอกพอดี...”

   ธีร์บอก แล้วกระเถิบตัวขึ้นนั่งชันเข่าบนเตียง ดึงผ้าขนหนูออกจากมือผมแล้วค่อยๆ ซับเส้นผมหมาดน้ำอย่างเชื่องช้า ผมหลับตารับสัมผัสนุ่มนวลจากเขา ชั่วขณะนั้นก็รู้สึกดีขึ้นมาที่การพบกันใหม่ของเราดำเนินมาถึงขั้นนี้

   แรงซับจากผ้าขนหนูของคนเป็นดาราทำให้ผมเคลิ้ม รู้ตัวอีกทีก็เผลอปล่อยสมุดในมือตกลงบนพื้น

   “เอ๊อะ” ผมยืดตัวเก็บ ส่วนเขาก็จับเอวผมไว้หลวมๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ผมไถลไปข้างหน้า จังหวะนั้นเองที่ได้ยินเสียงประตูเปิดออกพอดี

   เงยหน้าขึ้นมาเห็นแม่ที่ตาเบิกโตเพราะภาพตรงหน้า จากมุมของเธอมันคงเหมือนผมกำลังกึ่งก้น...และธีร์ก็กำลังนั่งชันเข่าในองศาที่ตรงกับสะโพกผมพอดี...ให้มันได้อย่างนี้สิวะ

   “ขอโทษ!” ประตูปิดดังปัง แม่เข้าใจว่าเราทำเรื่องนั้นโดยไม่ให้โอกาสผมอธิบายใดๆ อีกเลย





(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบหก | UPDATE 6.12.2560 | Page 23 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 06-12-2017 23:53:50
(ต่อจากด้านบน)


   สายตาหกคู่จ้องมาที่เราอย่างไม่วางตาตั้งแต่ก้าวขาออกจากห้อง สีหน้าของแต่ละคนมีทั้งฉงนและชื่นชมจนอยากจะกินหัว (วงเล็บ ป้าเด้า) เรากลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติที่ทุกคนจะตื่นเต้นกับการที่มีดาราหนุ่มเข้าบ้านเราอีกครั้ง หลังจากที่จัดการกับจีบที่เป็นลมจนสลบ ซึ่งบัดนี้ร่างปวกเปียกของเธอได้ถูกย้ายไปยังห้องนอนของตัวเองเรียบร้อย

   “เอ่อ...” ผมขยับปากมุบมิบ ได้ยินเสียงละครไทยจากทีวีในห้องโถงที่เปิดไว้แต่ไม่ได้สนใจ บนโซฟามีป้าแก้วและลุงพร่ำนั่งอยู่ อีกฝั่งคือพ่อกับแม่ของผม(ผู้ซึ่งแววตายังประหวั่นพรั่นพรึงกับภาพที่เห็นล่าสุดไม่หาย...โถแม่ครับ) อีกสองคนคือป้าเด้ากับลุงโรเบิร์ตที่ยืนกอดอกหลวมๆ พิงโซฟาด้วยท่าเดียวกัน...ทำไม

   นี่ควรเป็นช่วงที่ผมแนะนำตัวเขาสินะ

   “นี่...”

   “ณเดชน์!” ยังไม่ทันได้บอก ป้าเด้าก็โพล่งชื่อพระเอกอีกคนออกมาซะก่อน ขอบคุณที่อยากแนะนำเขาแทนผมนะครับ แต่ผิดไงป้าาาา

   “อ้าว ไม่ใช่เหรอ” เธอเกาหัวแกรกเมื่อเห็นสีหน้าทุกคน

   “ให้โอกาสทายใหม่ เป็นลูกดารา” แม่ผมช่วย ป้าเด้าได้ยินดังนั้นก็ยิ้มกริ่ม

   “หน้าญี่ปุ่นๆ แบบนี้ ขาวๆ แบบนี้...”

   “ใช่...”

   “น้องเจ้านายที่ร้องเพลงคนละชั้นชัวร์!”

   เสียงแผ่นสะดุด...ผมได้ยินเอฟเฟกต์เสียงแผ่นสะดุดเหมือนในหนัง

   “อีกนิด ใบ้ให้ว่าลูกต่าย พิมพ์ผกา” แม่ผมช่วยอีกรอบ

   ป้าผมฟูหน้าเหวอ แต่สักพักก็ยิ้มอย่างมั่นใจสุดๆ “อ๋อออออออออ คราวนี้ถูกแน่ๆ ไม่ถูกให้ตบเลย...”

    ทุกคนลุ้นทันทีว่าจะได้ตบป้าไหม

   ”...นาย นภัทร!!!!”

   “นั่นมันลูกหมู พิมพ์ผกา!!!” นั่นคือหนึ่งในไม่กี่ครั้งในชีวิตที่ผมเห็นทุกคนในครอบครัวประสานเสียงพร้อมกัน แม้แต่ลุงโรเบิร์ตผู้เป็นฝรั่งและไม่น่าจะรู้จักดาราไทยยังพูดดึงสติป้าอย่างรุนแรง ทุกคนส่ายหัว มีแต่คนข้างๆ ผมที่ขำจนเป็นจะเป็นบ้า

   “อย่าว่ากันเลยครับ...” ธีร์พูดทั้งๆ ที่ยังหัวเราะออกมา เขากระแอมสองทีแล้วฮึบตัวเองได้ ยืดอกพรีเซนต์ความเป็นเขาเต็มที่

   “ผมธีร์...ธีร์ ดำรงเดช เป็นแฟนพี่จุ๊บ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนครับผม”

   เห็นเขาพูดออกมาจากปากตัวเองแบบนั้นผมก็ทำไม่ได้นอกจากยืนกัดปากตัวเองและรับเสียงผิวปากแซวที่ดังขึ้นชั่วครู่ จากนั้นป้าเด้าก็มาขอถ่ายเซลฟี่กับเขา...แม้ว่าเธอจะบอกว่าตัวเองไม่ได้บ้าดาราก็ตาม รอถ่ายรูปเสร็จทุกคนในครอบครัวผมเริ่มแนะนำตัวด้วยชื่อและศักดิ์เวียนกันไป แล้วคนเป็นดาราไล่ไหว้ไปทีละคน กระทั่งคนสุดท้าย

   “กรณ์หายไปไหน...” ป้าแก้วท้วง เพราะคนที่ผมอยากเขากับธีร์เจอกันมากที่สุดตอนนี้หายไปเสียเฉยๆ

   “ก็เห็นเดินออกไปทางห้องครัวตอนธีร์แนะนำตัวว่าเป็นแฟนจุ๊บนะ” ลุงพร่ำตอบ “มีอะไรหรือเปล่า หรืออยากเดินไปหาอะไรกินเฉยๆ”

   วินาทีนั้นแม่และผมสบตากันอย่างรู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร ความลำบากใจหล่นโครมลงบนตัวผมอีกครั้ง ครั้งสุดท้ายที่พ่อเจอธีร์มันเป็นเหตุการณ์เดียวกันแบบนี้...และตอนนั้นมันจบไม่สวยเลย

   บอกตามตรง ถึงตอนนี้ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าพ่อจะรับเรื่องนี้ได้ไหม

   แต่ยังไงคงต้องลองดู

   ผมพยักหน้าให้แม่เป็นเชิงบอกว่าตัดสินใจแล้ว และพาธีร์เดินไปยังห้องครัว เห็นพ่อกำลังนั่งจิบกาแฟนิ่งงันราวกับกำลังคิดอะไรอยู่

   “พ่อครับ...” ผมทัก พ่อเฉียดตามามองผมแวบนึง แล้วกลับไปมองแก้วกาแฟที่กำลังมีควันพุ่งพวยออกมา “จุ๊บพาธีร์มาให้พ่อรู้จัก”

   ชายวัยกลางคนกระแอมหนึ่งครั้ง แล้วกลายเป็นการไอที่แรงขึ้นจนต้องยกกาแฟขึ้นจิบ ผมดิ่งเข้าไปหยิบทิชชู่ข้างซิงค์ล้างจานแล้วส่งให้เขา

   พ่อรับมันไปเช็ดปาก แล้วพูดออกมาว่า “ตอนนี้มันไม่ใช่ ‘ไม่ได้เป็นอะไร’ แล้วใช่ไหม”

   “...อะไรนะครับ”

   “ตอนนั้นที่เขามาที่โรงพยาบาล แกบอกพ่อว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรกับจุ๊บ”

   “...”

   “คราวนี้มันไม่ใช่แบบนั้นแล้วใช่ไหม”

   ผมสูดหายใจ แล้วยอมรับออกมาตรงๆ “ใช่ครับ ตอนนี้เขาเป็นแฟนแล้ว”

   พ่อไอออกมาแรงๆ อีกครั้งเมื่อผมพูดประโยคนั้น เสียงลมหายใจหอบถี่ของเขาฟังดูทรมานจนผมรู้สึกผิดเมื่อคิดว่าคำพูดของตัวเองอาจเพิ่มความทรมานในใจของเขา

   “คนนี้...แค่ก...” ชายร่างซูบสำลัก แต่ก็พยายามจะพูด “คนนี้ใช่ไหมที่ทำให้ร้องไห้”

   “ความผิดผมเองครับ” ก่อนจะตอบอะไร ธีร์ก็ออกรับกับพ่อแทนผมเสียก่อน เขาหันมาสบตาผมแวบหนึ่งด้วยแววตาตกใจ อาจเป็นเรื่องผมร้องไห้ที่เขาไม่รู้

   “ผมรู้ว่าผมทำตัวแย่แบบไม่ควรกับการให้อภัย แต่ผม...”

   “...”

   “ผมชอบลูกชายคุณอามาก และผมจะไม่ทำเขาเสียใจอีกแล้วครับ ผมสัญญา”

   ตอนนั้นเองที่น้ำเสียงรู้สึกผิดและการก้มหัวให้ของธีร์ทำให้พ่อของผมหันมามองเขาอย่างเต็มตา ความเงียบปกคลุมเราทั้งสามชั่วครู่ ผมกัดฟันแน่นเพราะความลุ้นจนรู้สึกปวดกราม...

   พ่อผู้ไม่ค่อยเห็นด้วยกับทางที่ผมเลือกเดินมาทั้งชีวิตถอนหายใจออกมา มันคงเป็นธรรมดาที่เขาจะไม่เห็นด้วยกับการเลือกครั้งนี้เหมือนกัน

   “แย่มากที่ทำลูกผมร้องไห้น่ะ” พ่อดุ ผมหลับตาแน่นอย่างเสียดใจ แต่ก็ไม่แปลกใจมากนัก “แล้วพูดให้มันดีๆ หน่อย...ใครเป็นอาคุณไม่ทราบ”

   “...”

   “เรียกพ่อเถอะ”

   แต่ประโยคต่อมาและรอยยิ้มบนมุมปากของผู้เป็นพ่อทำให้ผมลืมตาตื่นด้วยความประหลาดใจ...นี่มันหมายความว่าพ่อยอมรับเราแล้วใช่ไหม...

   “ในที่สุดผัวฉันก็คิดได้” เสียงจากแม่ที่แอบดูอยู่ตรงประตูห้องยืนยันว่าผมไม่ได้หูฝาดไป พ่อยอมรับเราแล้วจริงๆ!

   “ครับคุณพ่อ” ธีร์ตอบรับด้วยความดีใจ และพนมมือไหว้คนตรงหน้าแบบประณีตกว่าการยกมือไหว้ทุกคนที่เคยทำ “ฝากตัวด้วยครับผม”

   “เป็นแฟนกันจริงๆ แล้วนะ” พ่อถามย้ำ

   “แฟนกันจริงๆ แล้วครับพ่อ” ผมรีบตอบ

   “แรดนักไอ้จุ๊บ พ่อไม่ได้ถามแก”

   “พ่ออ่าาาาาาาา”

   แล้วความสัมพันธ์ของผมกับธีร์ ดำรงเดชก็เริ่มต้นขึ้นได้อย่างเป็นทางการตั้งแต่ตอนนั้น มันอาจผ่านการเดินทางที่หวานขม ผ่านความละมุนละไม เหตุการณ์เลือดสาด และความงี่เง่าในความสัมพันธ์จากเราทั้งคู่ แต่ระหว่างทางนั้นเองที่ทำให้เราได้เรียนรู้ถึงคุณค่าของการเป็นของกันและกัน ตระหนักว่ามุมมองของความรักของเขากับผมมันช่างเยาว์วัยนัก และมันคงมีเหตุการณ์อีกหลายอย่างที่ทำให้เราเติบโตและเรียนรู้คำว่า ‘คู่ชีวิต’ ไปด้วยกัน หนทางข้างหน้ามันคงไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่เราหวังไว้แน่ๆ


   แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราสัญญาไว้ว่าจะยังจับมือกัน



   ไม่ว่าจะดีหรือแย่





โปรดติดตามตอนต่อไป



อยากให้อัพเร็วๆ เม้นท์กันด้วยนะ
หรืออยากติชมหรือกรี๊ดกร๊าดไปที่แท็ก #จุ๊บที ในทวิตเตอร์นะคะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบหก | UPDATE 6.12.2560 | Page 23 }
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 07-12-2017 00:08:09
โอเค ครอบครัวจุ๊บผ่านแล้ว ครอบครัวธีร์ล่ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบหก | UPDATE 6.12.2560 | Page 23 }
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 07-12-2017 00:16:32
นักเขียนรู้ใจมากเรากำลังคิดถึงอยู่เลยว่าพี่จุ๊บหายไปไหนน่อ ตอนใหม่มาแล้วพร้อมกับความเข้าใจของคนในครอบครัวพี่จุ๊บแต่คิดว่าศึกหนักน่าจะฝั่งธีร์มากกว่ามั้ง
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบหก | UPDATE 6.12.2560 | Page 23 }
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 07-12-2017 00:23:40
รักป้าเด้า กับ แม่จุ๊บมาก

ตลกอะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบหก | UPDATE 6.12.2560 | Page 23 }
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 07-12-2017 00:28:25
ป้าเด้าตลกทุกซีนที่ออกมา 555555
พ่อเข้าใจแล้ว ดีใจด้วยนะจุ๊บ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบหก | UPDATE 6.12.2560 | Page 23 }
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-12-2017 00:30:37
สบายใจ~~~
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบหก | UPDATE 6.12.2560 | Page 23 }
เริ่มหัวข้อโดย: Zestful ที่ 07-12-2017 00:34:54
เหลือฝั่งแม่ธีรืแล้วแหละ ว่าจะรับได้หรือเปล่า ฮือออออ
แต่ตอนนี้มันหวานมากกกกกกกกก
 :heaven
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบหก | UPDATE 6.12.2560 | Page 23 }
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 07-12-2017 01:35:20
ฉากคุณพ่อทำเราน้ำตาซึมเลยค่ะ :hao5:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบหก | UPDATE 6.12.2560 | Page 23 }
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 07-12-2017 01:39:59
มันได้หมดอ่ะแหละ  :hao6:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบหก | UPDATE 6.12.2560 | Page 23 }
เริ่มหัวข้อโดย: Mafiaziip ที่ 07-12-2017 10:09:24
เหลือแต่ครอบครัวน้องธีร์แล้วเน้ออออออ เอาใจช่วยน้าาาาา  :กอด1: :กอด1:


 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบหก | UPDATE 6.12.2560 | Page 23 }
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 07-12-2017 10:10:46
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบหก | UPDATE 6.12.2560 | Page 23 }
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 07-12-2017 12:03:23
บ้านพี่จุ๊บเคลียร์แล้ว บ้านธีร์จะเคลียร์มั้ย
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบหก | UPDATE 6.12.2560 | Page 23 }
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 07-12-2017 13:40:33
เค้าเคลียร์แล้ว ดีใจจังเลย
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบหก | UPDATE 6.12.2560 | Page 23 }
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 07-12-2017 13:47:06
ยินดีกับพี่จุ๊บด้วย :hao5:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบหก | UPDATE 6.12.2560 | Page 23 }
เริ่มหัวข้อโดย: kamaji ที่ 07-12-2017 19:44:41
รอนานโคตร กว่าจะมา
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบหก | UPDATE 6.12.2560 | Page 23 }
เริ่มหัวข้อโดย: AutoAngels ที่ 07-12-2017 20:42:05
มาต่ออีกนะคะชอบๆ :impress2:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบหก | UPDATE 6.12.2560 | Page 23 }
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 07-12-2017 21:39:06
รอววววว
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบหก | UPDATE 6.12.2560 | Page 23 }
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 08-12-2017 02:27:58
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบหก | UPDATE 6.12.2560 | Page 23 }
เริ่มหัวข้อโดย: cookie12ck ที่ 08-12-2017 02:54:45
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบหก | UPDATE 6.12.2560 | Page 23 }
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-12-2017 12:37:38
 :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบหก | UPDATE 6.12.2560 | Page 23 }
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 08-12-2017 13:10:01
ต่อไปเจอด่านครอบครัวของธีร์ จะหน่วงไหมนิ่
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบหก | UPDATE 6.12.2560 | Page 23 }
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 08-12-2017 23:55:52
คุณพ่อน่ารักมากเลย ที่จริงน่ารักทั้งครอบครัวเลยล่ะ
คืนนี้นอนนี่ใช่มะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบหก | UPDATE 6.12.2560 | Page 23 }
เริ่มหัวข้อโดย: DESZCZ ที่ 10-12-2017 13:38:25
บ้านธีร์น่าจะยาก คุณแม่ดูโหด
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบเจ็ด | UPDATE 16.12.2560 | Page 23 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 16-12-2017 07:28:24

(http://www.uppic.org/image-730A_57571DD5.jpg)

จูบที่สิบเจ็ด



   การคบกับธีร์ ดำรงเดชไม่ใช่เรื่องง่าย

   แน่นอนว่าการเป็นดาราของเขาทำให้เราต้องปิดบังความสัมพันธ์นี้ไว้ มันออกจะอีหลุกขลุกขลักนิดหน่อยที่เราต้องระวังตัวเวลาไปไหนมาไหนด้วยกันในที่สาธารณะ เราไม่ควรจะตัวติดกันเกินไปจนเป็นที่สังเกต ไม่ต้องพูดถึงการแสดงความรักที่กลายเป็นข้อห้ามอันดับต้นๆ ของผมกับเขา

   แปลกดีที่ก่อนหน้านี้ตอนยังเป็นแค่พี่น้อง เราไม่เคยสนใจเรื่องนี้เท่าไหร่ แต่พอคบกันจริงจังเรากลับกังวลเรื่องนี้หนัก ซึ่งผมก็เข้าใจดีว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้เพื่อให้ความสัมพันธ์ของเราอยู่รอดต่อไป และผมยินดีที่จะทำมัน

   เราเคร่งครัดกับมันเพราะเราอยากรักษากันและกันเอาไว้ และนั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด

   ในขณะเดียวกัน การหลบๆ ซ่อนๆ ก็ไม่ใช่เรื่องที่แย่เสมอไป ผมรู้สึกดีเป็นพิเศษทุกครั้งเมื่อถึงช่วงเวลาที่เราปลอดภัยจากสายตาของใคร อาจเพราะเวลาอยู่ด้วยกันมันหายาก การใช้เวลาช่วงสั้นๆ เคียงข้างเขาจึงมีค่ามากสำหรับผม

   และโชคดีที่เราทำให้มันนานขึ้นได้ด้วยการจูบ บางครั้งเราใช้ประโยชน์จากพลังหยุดเวลาเพื่อยืดช่วงสั้นๆ ของเราให้นานขึ้นอีกนิด   

   ผมพบว่าตัวเองชอบเวลาที่ได้เรียนรู้ความเป็นธีร์ ดำรงเดช และให้เขาได้เรียนรู้ความเป็นจุมพิต วิเศษกาลมากทีเดียว

   มีความลับหลายข้อที่คุณ(ไม่)ควรรู้เกี่ยวกับเขา เป็นแง่มุมธรรมดาบางอย่างที่ไม่สมบูรณ์แบบ แต่ผมว่ามันน่ารัก เช่นทุกครั้งของการถ่ายฉากถอดเสื้อในละคร ธีร์ต้องติดกระดาษสีเขียวแผ่นเล็กๆ ไว้ที่สะดือเพราะจริงๆ เขาสะดือจุ่น และทีมงานต้องใช้ซีจีเพื่อทำให้สะดือของเขาบุ๋มสวยตอนออกอากาศ หรือการที่จริงๆ ธีร์ร้องเพลงเพี้ยนมาก ทุกฉากในซีรีส์คือการลิปซิงค์ ซึ่งต้องมีการอัดและผ่านเทคนิคร้อยแปดกว่าเสียงของเขาจะออกมา...จะพูดว่าเพราะก็คงไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ร้องเพี้ยนน้อยกว่าเดิมล่ะวะ

   หรือการที่เขาเป็นคนไม่ชอบอาบน้ำถ้าถ่ายละครเหนื่อยมากๆ (อึ๋ย) หรือการมีพิธีกรรมแปลกๆ ที่ต้องทำก่อนถ่ายละครทุกครั้งคือ...การดูกล้วยหอมจอมซนอย่างน้อยหนึ่งตอน (ทำไม) ธีร์ยังชอบอะไรคล้ายผมหลายอย่าง เช่นสครับบ์ วี วิโอเลต และไททานิค แต่ก็มีหนังที่เราเห็นต่างกันมากอย่างก๊อตซิลล่าของโรแลนด์ เอ็มเมอริช ปี 1993

   “ไม่ชอบอะ ก๊อตซิลล่ามันเหมือนกิ้งก่า” ผมแย้ง เพราะก๊อตซิลล่าของจริงมันต้องอ้วนๆ เบิ้มๆ โว้ยยยยย

   “สนุกดีออก” เขาโคลงหัวไม่เห็นด้วย และเราก็เถียงเรื่องนี้กันอย่างไม่มีใครยอมใคร จนในที่สุดเราก็ต้องเรียนรู้ว่ามีอะไรเห็นต่างกันบ้างก็ไม่เป็นไร

   แต่...ไม่มีความลับไหนที่ผมจะช็อคเท่าเรื่องคนใกล้ตัวที่สุดของเขา ซึ่งธีร์ไว้ใจเล่าให้ผมฟังได้แค่คนเดียว

   เอิงเอย สุทัตตา สวัสดิวัฒน์ เป็นเลสเบี้ยน

   เอิงเอยกับธีร์เป็นเพื่อนซี้กันตั้งแต่เด็กเพราะพ่อแม่ของเขากับเธอเป็นดาราเหมือนกัน เธอเป็นรักแรกของเขาด้วยซ้ำ ก่อนจะรู้ตัวตอนอยู่ประถมว่าไม่ได้ชอบเอิงเอยแบบนั้น เพราะไปแอบชอบเด็กชายคนหนึ่งตั้งแต่ตอนประถม (แก่แดดแต่เด็กเลยไอ้สัด (อุทาน)) ทุกข่าวของเขากับเอิงเอยเป็นแค่การสร้างกระแส รวมไปถึงข่าวเสียๆ หายๆ ก่อนที่เขาจะเข้าวงการที่ผมเคยได้ยิน

   เอิงเอยเข้าวงการก่อนธีร์ และเธอมีแฟนสาวนอกวงการที่คบกันมานานแต่ก็ต้องหลบๆ ซ่อนๆ

   ...เหมือนใครแถวนี้เปี๊ยบ


   “แล้ว...ธีร์เคยมีแฟนมาก่อนหน้านี้ไหม”

   “เคยดิ”

   “ผู้หญิงหรือผู้ชาย”

   “ก็ทั้งคู่”

   “ไหนบอกไม่เคยคั่วใครไปเรื่อยไง”

   “เราคบผู้หญิงเพื่ออยากลอง แล้วคบผู้ชายเพื่ออยากรัก”

   ผมเบ้ปาก “แฟนคนล่าสุดนี่ผู้ชายปะ”

   “อือ ตั้งแต่ตอนม.ปลายละ แต่คบกันได้ไม่นานหรอก สามเดือนเองมั้ง”

   “ยังเฮิร์ทอยู่ปะ”

   “เรื่องแฟนเก่าน่ะนะ”

   “ฮื่อ”

   “มีแฟนใหม่ดีขนาดนี้จะเฮิร์ทไปทำไม”

   ผมทำท่าถูกต้องนะคร้าบใส่เขาเป็นนัยว่าสอบผ่าน กึ่งเป็นการสัญญากลายๆ ว่าเราไม่งี่เง่าเรื่องแฟนเก่ากัน

   "เออ แล้วแฟนผู้หญิงที่บอกว่าคบเพราะอยากลอง นี่หมายถึงลองอะไร"

   "บอกไม่ได้ว่ะ อยากรู้ต้องลองเอง...ลองปะล่ะ”

   ธีร์ยิ้มเจ้าเล่ห์ เท่านั้นล่ะผมรู้เลยครับว่าลองอะไร


   เราได้เรียนรู้หลายเรื่องของอีกฝ่าย และได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตกันและกันมากขึ้น ผมกลายเป็นเพื่อนสนิทของเอิงเอยอีกคนไปโดยปริยายเพราะเธอมักจะตัวติดกับธีร์เสมอ จากการเจอกันบ่อยๆ นั้นทำให้ผมได้เห็นอีกด้านที่คนทั่วไปไม่เคยเห็นของนางเอกวัยรุ่นผู้วางตัวเรียบร้อยและไม่เคยมีข่าวฉาว แต่ผมไม่ได้หมายความเอิงเอยเป็นคนทำอะไรฉาวๆ หรอกนะ ภายใต้ใบหน้าสดสวยนั้นน้องแค่เป็นคนที่...โก๊ะแบบที่อีกนิดจะกลายเป็นซุ่มซ่าม ตลกแบบไม่ได้ตั้งใจตลก ซกมก (กลับจากกองแล้วไม่อาบน้ำเหมือนธีร์เลย...ถึงว่าเป็นเพื่อนกันได้) แถมบางครั้งก็พูดไม่รู้เรื่อง

   “หนูภาษาไทยไม่แตกอะ บางครั้งหนูก็ไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรจริงๆ นะพี่จุ๊บ อย่างตอนจะสัมภาษณ์กับพี่ๆ นักข่าวแต่ละที ผู้จัดการต้องปริ้นท์คำตอบมาให้หนูท่องอะ คือความง่าวของหนูมันเบอร์นั้นเลยนึกออกปะ” เอิงเอยโอดครวญกับผม

   ในขณะที่ผมสนิทกับคนในชีวิตเขามากขึ้น ธีร์ก็กลายเป็นลูกรักคนใหม่ของครอบครัววิเศษกาลไปเรียบร้อย โดยเฉพาะสมาชิกเพศหญิงที่เอ็นดูธีร์เป็นพิเศษในทุกครั้งที่เขาแวะมาเยี่ยมที่บ้าน จนสมาชิกเพศชายกลายเป็นหมาหัวเน่าไปโดยปริยาย (โดยเฉพาะผม)

   ไม่ต้องพูดถึงจีบที่พอรู้ความจริงว่าผมคบกับธีร์แล้วจะงอนผมไปสามวันสามคืน เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องและร้องไห้เสียใจที่เมนอันดับต้นๆ ในใจกลายเป็นพวกไม้ป่าเดียวกัน แต่พอวันที่สี่ก็แบกหน้ามาหาผมพร้อมตาบวมๆ ดึงหูผมแรงๆ หนึ่งทีจนเกือบยาน

   “โอ๊ยยยยยยยย อะไรวะเนี่ยยยยย”

   “โทษฐานมีแฟนเป็นธีร์ ดำรงเดชแล้วไม่บอกน้องนุ่ง”

   “ก็เพิ่งคบกันคืนที่พามาเจอเลยไหม”

   “ไม่รู้ไม่ฟัง น้องโกรธ!”

   “โกรธจริง?”

   “รักธีร์มาก ทำไมธีร์ต้องเป็นเกย์ด้วย ทำไมมมมมมม กรี๊ดดดดดดด”

   จีบทำท่าจะดึงหูผมยานอีกรอบ ผมจึงกุมหูตัวเองไว้ด้วยความหวงแหน แต่สุดท้ายยัยเด็กผมยาวก็ไม่ทำแบบนั้น แต่กลับซุกหัวลงกับอกผมแทน

   “จีบ...รู้ว่าชอบ ขอโทษเว้ย” ผมพูดออกไปแล้วลูบหัวลูกพี่ลูกน้องเบาๆ จีบมุดซ้ายมุดขวาในอ้อมอกของผมเหมือนลูกหมา

   “ถ้าไม่ใช่จุ๊บ เราไม่ยอมจริงๆ ด้วย”

   “...”

   “เพราะรักนะโว้ยเลยยอมเนี่ย สำนึกบุญคุณด้วย”

   “โอเค...โอเค...” ผมหัวเราะ “เอ้อ ไอ้บ็อกเซตซีรี่ส์ที่เคยขอไว้อะ ขอกับเขาเองเลยก็ได้นะ”

   แล้วติ่งอันดับหนึ่งของธีร์ ดำรงเดชก็ยอมรับความรักของผมตรงนั้น และในที่สุดจีบก็ได้บ็อกเซต ‘วัยรุ่นวุ่นรัก’ ที่ธีร์กับเอิงเอยเซ็นมาให้ตัวใหญ่ๆ สมใจ แถมยังได้พระเอกซีรีส์เรื่องโปรดเพิ่มเป็นพี่ชายอีกคน ความชอบของเธอต่อธีร์ไม่ลดลงแม้แต่นิด แต่กลับเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ 

   ธีร์ยังเพิ่มระดับความเป็นหมาหัวเน่าให้ผมอีกขั้นด้วยการเป็นเพื่อนคุยกับพ่ออย่างถูกคอ บางครั้งที่เขาเข้ามาหาในเวลาที่พ่อผมเลิกงานพอดี พ่อผมก็จะชวนธีร์นั่งจิบชา คุยเรื่องสัพเพเหระกันเพลิน ไม่รู้เหมือนกันว่าคุยอะไร รู้แต่บรรยากาศระหว่างธีร์กับพ่อสนุกทำให้ทั้งคู่หัวเราะออกมาหลายครั้งจนลูกในไส้แท้ๆ อย่างผมอิจฉา แต่เอาเถอะ...เข้ากันได้แบบนี้ก็ดีแค่ไหน



   การได้มีเขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตแบบนี้ก็ดีแค่ไหน



(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบเจ็ด | UPDATE 16.12.2560 | Page 23 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 16-12-2017 07:32:07
(ต่อจากด้านบน)


   ตลกดีเหมือนกันที่ผมต้องเรียนรู้การเป็นตัวละครลับในชีวิตธีร์ที่รู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับตัวเขา ในเวลาเดียวกันก็พยายามให้คนอื่นรู้เรื่องของผมน้อยที่สุด

   อันที่จริงนอกจากแรงกดดันภายนอก ผมกับเขาก็มีความไม่เข้าใจส่วนตัวที่ขัดกันอยู่หลายครั้ง แต่เราก็พยายามปรับตัวเข้าหากันทั้งสองฝ่าย อันที่จริงหลังจากคบกันมาระยะหนึ่ง ผมรู้สึกได้เลยว่าธีร์เปลี่ยนไปมากอย่างที่เขาเคยสัญญาไว้ เขาเอาใจใส่มากขึ้น...ไม่ได้หมายถึงเฉพาะผมแต่รวมไปถึงคนรอบข้าง หุนหันพลันแล่นน้อยลง อดทนต่อสิ่งต่างๆ ที่เข้ามากระทบจิตใจและรับมือกับอารมณ์ของตัวเองในสถานการณ์ต่างๆ ได้ดี โดยเฉพาะอารมณ์หงุดหงิดตอนเห็นว่ามีคนอื่นมองผมอยู่ (ผมต้องฝ่ายหงุดหงิดมากกว่าหรือเปล่าฟะ) หรืออย่างน้อยที่ผมเห็น...เขาก็พยายาม

   ในขณะที่ผมพยายามเด็ดขาดมากขึ้น รู้จักการประณีประนอม ลดความเป็นคนเอาใจใส่ทุกคนเพราะตระหนักว่าทำแบบนั้นตลอดเวลาไม่ได้ และให้เขาเป็นเพื่อนคู่คิดในการตัดสินใจหลายๆ เรื่อง แลกกับการที่ผมช่วยปรับสมดุลระหว่างเรื่องการเรียนและการทำงาน...เป็นแง่มุมเล็กๆ ในความสัมพันธ์ที่ผมภาคภูมิใจกับมัน

   ...เราต่างทำให้กันและกันเป็นคนที่ดีขึ้น

   ถึงจะอยู่ในสถานะแฟน แต่เวลาเดียวกันเราก็เป็นเหมือนเพื่อนคนพิเศษ เพื่อนที่มองทะลุถึงความรู้สึกภายในแม้จะไม่พูดอะไรสักคำ จุนเจือใจกันด้วยการรับฟังทั้งเรื่องเล็กและใหญ่ ทั้งในวันที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของเราทั้งคู่ วันที่ผมซึมเซาจนเขาต้องเสริมกำลังใจ และวันที่เขาห่อเหี่ยวไปจนผมต้องเป็นฝ่ายสร้างรอยยิ้มบ้าง

   แม้วันส่วนใหญ่ของเราจะเป็นเขาที่ต้องการรอยยิ้มมากกว่าผมก็ตาม...เหตุเกิดจากชีวิตที่ไม่ง่ายของเขานั่นเอง

   อย่างวันหนึ่งที่เป็นวันหยุด แต่ธีร์ขับรถมาบ้านผมตั้งแต่เช้า มาถึงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ทิ้งตัวนอนบนตักผมที่นั่งบนโซฟาในห้องโถง สร้างความงุนงงให้กับผมที่กำลังดูช่องเก้าการ์ตูนเพลินๆ

   “เป็นไรเนี่ย” ผมเคาะหัวเขาเบาๆ ขณะธีร์นอนนิ่งซุกพุงผมอยู่อย่างกับแมว

   “ขอพลังหน่อย” เขาพูดเสียงอ่อย และผมก็ปล่อยให้กระเหง้ากระหงอดอยู่ท่านั้นจนกว่าจะพอใจ

   “แฟน...” พระเอกซีรีส์เรียกผมด้วยสรรพนามใหม่ที่เขาใช้เรียกตั้งแต่เริ่มคบกัน “จำตอนที่เราเคยคุยกันเรื่องละครคู่กรรมได้ไหม ที่เราบอกว่าไม่รู้จัก”

   “จำได้ดิ ธีร์บอกไม่เคยดูสักเวอร์ชั่น”

   “ตอนนี้เราจะได้รู้จักมันจริงๆ ละ”

   “จะไปไล่ดูแล้วเหรอ”

   “เปล่า” เขาพูดอ้อมแอ้ม “เรากำลังจะได้เล่นเป็นโกโบริ”

   “เฮ้ย จริงปะเนี่ย” ผมถามเสียงดังเพราะดีใจไปกับเขา เป็นที่รู้กันว่าคู่กรรมทำหลายครั้งก็ปังแทบทุกครั้ง ธีร์จะดังมากขึ้นอีกแน่ๆ จากการรับบทพระเอกของเรื่อง “ต้องฉลองละ ธีร์ ดำรงเดชเป็นโกโบริ โคตรเท่เลย”

   ...แต่ทำไมท่าทีเขาไม่ดีใจเลยหว่า

   “ไม่ดีใจเหรอ”

   “ไม่” เขาสารภาพตามตรง “ไม่ได้อยากเล่นด้วยซ้ำ”

   “อ้าว แล้วรับเล่นทำไม”

   “ก็พี่บุ๊คให้เล่น” แล้วธีร์ก็เล่าถึงเบื้องลึกของการได้บทโกโบริที่ทำให้เขาไม่สบายใจหนัก เพราะในตอนแรกทางช่องออกอากาศวางตัวพระเอกลูกครึ่งญี่ปุ่นอีกคนที่เหมาะสมกับบทมากกว่าเขาไว้ แต่เหมือนพี่บุ๊คผู้จัดการเข้าไปขายธีร์ให้ผู้ใหญ่ฟังอีกครั้ง นำเสนอผลประโยชน์ที่ทางช่องน่าจะได้มากกว่าเพราะชื่อเสียงของเขา จนในที่สุดผู้ใหญ่ก็ตัดสินใจเปลี่ยนพระเอก

   เรื่องจะไม่บานปลายไปมากกว่านี้ ถ้าข่าวมันไม่หลุดออกไปในโซเชียลมีเดียจนเกิดเป็นกระแสว่าธีร์ไปแย่งบทพระเอกรุ่นพี่คนนั้น เกิดการตอบโต้กันระหว่างแฟนคลับของทั้งสองคนอย่างดุเดือดและลุกลามใหญ่โต นั่นคือเหตุผลที่เขามาหาผมแต่เช้าพร้อมกับสีหน้าไม่สบายใจ

   “ด่าเราเราโอเค แต่เห็นเขาด่ากันเพื่อเราแล้วมันไม่โอเคว่ะ คือเขาไม่จำเป็นต้องมาทำอะไรแบบนี้เพราะเขาชอบเรา”

   “เข้าใจ...ไม่โอเคก็อย่าไปอ่านเลย” ผมปลอบ รู้สึกว่าแฟนคลับธีร์โชคดีที่เขาใส่ใจขนาดนี้ ถึงอย่างนั้นก็เห็นใจเขาที่หน้าตึงจนผมหงอยตาม

   ชั่วขณะนั้นก็เกิดความคิดบ้าๆ บางอย่าง ผมชวนธีร์โดดเรียนการแสดงไปสถานที่แห่งหนึ่งที่เขามีความสุขทุกครั้งที่ไป...หรืออย่างน้อยก็เคยมีความสุข

   “สวนสนุก?” เขาถามเมื่อยืนอยู่หน้าสวนแห่งความบันเทิงสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ที่ฮิตที่สุดในยุคปัจจุบัน “เดินเข้าไปแบบนี้คนจำได้เราแน่”

   “คนจะจำไม่ได้ เพราะวันนี้ธีร์จะไม่ใช่ธีร์”

   “ฮะ?”

   “วันนี้จะมีแต่อะลาดิน” ผมยกหน้ากากพลาสติกที่เคยเก็บไว้ตั้งแต่เด็กอันหนึ่งให้เขาสวม ส่วนตัวเองก็ถืออีกอันไว้ “กับจีนี่”

   ธีร์ทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ แต่ในที่สุดก็ยอมใส่หน้ากากอะลาดินเข้าสวนสนุกไปพร้อมกับผมที่ใส่หน้ากากจีนี่ เราใช้เวลาที่นั่นด้วยกันตลอดทั้งวัน ท่ามกลางสายตาจากผู้คนมากมายที่มองเราด้วยความขบขันเพราะแต่ละคนก็โตเกินกว่าจะมาใส่หน้ากากแบบเด็กๆ แล้ว ยอมรับว่าเขินนิดหน่อย แต่ก็ดีกว่าให้พวกเขาเห็นตัวจริงล่ะนะ

   ความสุดเหวี่ยงและหฤหรรษ์ของเครื่องเล่นทำให้พัฒนาทางอารมณ์ของธีร์ดีขึ้นทีละนิด แม้จะมองไม่เห็น แต่ผมมั่นใจว่าภายใต้หน้ากากนั้นต้องยิ้มออกแล้วแหงๆ

   “จูปาจุ๊ปส์ปะ” ผมยื่นของหวานแสนเสพติดให้ตอนเราอยู่บนชิงช้าสวรรค์ หลังจากตะลุยเล่นเครื่องเล่นมาจนครบ ในที่สุดเราก็เจอจุดที่เป็นส่วนตัวมากพอให้สามารถถอดหน้ากากออกได้

   เจ้าของหน้ากากอะลาดินรับของหวานจากผมไปกัดอย่างที่เขาชอบทำ ธีร์นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามผม รอบข้างเป็นกระเช้าชิงช้าที่สร้างขึ้นมาจากกระจกใสซึ่งแม่งทำผมทำใจอยู่นานกว่าจะขึ้นมาได้ ที่กล้าทำนี่เพราะอยากเอาใจเขาหรอกนะ

   แต่ในกระจกทรงสี่เหลี่ยมแคบๆ นั้นเอง เรากลับได้คุยกันในเรื่องที่ไม่ค่อยพูดกันบ่อยเท่าไหร่ อย่างเรื่องความฝัน

   “คิดอะไรอยู่”

   “กำลังคิดถึงบทที่เพิ่งได้”

   “คิดยังไงที่จะได้เห็นตัวเองตายในทีวี”

   “ไม่รู้เหมือนกันว่ะ ไม่เคยเล่นบทที่ต้องตายมาก่อนเลย คงแปลกดีๆ เหมือนกัน”

   “แปลกดิ คนเชี่ยจะตายทียืดไปสองชั่วโมง”

   ธีร์หัวเราะ “นั่นมันละครไหมคุณ”

   “ฮ่าๆ เออว่ะ”

   “ถ้าเราตายจริงพี่จุ๊บจะร้องไห้สองชั่วโมงเหมือนอังศุมาลินไหม”

   “เราคงร้องไห้สักสิบนาที แล้วก็ไปหาแฟนใหม่แถวนั้น”

   “โห ขอบคุณมากๆ” เขาประชด “คนจริงสัดเลยอะ”

   “ฮ่า...นั่นมันละครไหมคุณ”

   เขาย่นคิ้ว “พี่จุ๊บเรียนจบไป อาจจะได้เป็นผู้กำกับเวอร์ชั่นรีเมคอีกสิบปีข้างหน้าก็ได้นะ เรื่องนี้เอามาทำบ่อยจะตาย”

   “อาจจะ” ผมบอก “แต่ไม่หรอก ถ้าเราทำคงเป็นอะไรที่แตกต่าง”

   “โกโบริกับอังศุมาลินไม่ดียังไง เขารักกันจะตาย”

   “ไม่ใช่แบบนั้น เราแค่มีความรู้สึกว่ามันมีอะไรใหม่ๆ หยิบมาสร้างสื่อได้อีกเยอะ ละครน่ะไม่จำเป็นต้องหยิบบทประพันธ์เก่าๆ มาทำตลอดหรอก ไม่ใช่ว่าเขาไม่ดีนะ แต่เข้าใจไหมว่าการหยิบอะไรเก่าๆ มาวนซ้ำๆ มันไม่ใช่การสร้างอะไรใหม่เลย แม้จะตีความใหม่ แต่แนวความคิดมันก็เป็นแบบเดิมๆ เป็นแนวคิดของคนยุคก่อน”

   “โห พ่อคนสมัยใหม่”

   “เราแค่รู้สึกว่าความคิดของคนในสังคมทุกคนมันขึ้นอยู่กับสื่อที่เสพด้วยส่วนหนึ่ง อาจจะฟังดูแรงหน่อย แต่ถ้าเรามัวแต่วนบริโภคอะไรเก่าๆ ความคิดของคนก็คงไม่ก้าวไปไหน อย่างละครนี่ก็สำคัญ ไม่นับคู่กรรมหรือวรรณกรรมอมตะเรื่องอื่นที่ดีจนขึ้นหิ้งไปละนะ แต่มันยังมีละครประเภทตบตีแย่งผู้ชาย พระเอกก็จะโง่ๆ นางเอกก็โคตรดี นางร้ายก็วี้ดๆ เถียงกันไปเถียงกันมานางเอกกับพระเอกก็รักกัน พอถึงตอนไคลแมกซ์นางร้ายจะขู่ด้วยปืน พร้อมประโยคเด็ดว่า รักกันมากใช่ไหม แล้วทำก็จะปืนลั่นใส่ใครสักคน แต่สุดท้ายก็รอด นางร้ายก็จะตาย เป็นบ้า หรือได้รับโทษอย่างอื่น เราแค่รู้สึกว่าอะไรแบบนี้มันไม่ให้อะไรกับคนดูเลยนอกจากความสะใจกับข้อคิดเรื่องความดีความชั่วนิดหน่อย”

   “...”

   “อะไร” ผมย่นคิ้ว ธีร์ทำหน้ากลั้นขำเหมือนผมพูดอะไรจริงจังเกินไปจนน่าขำ แต่มันก็รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ นี่หว่า

   “เปล่า” เขาบอก “เราชอบตอนที่พี่ทำเสียงเล็กๆ แล้วพูดว่า รักกันมากใช่ไหม”

   “รักกันมากใช่ไหม” ผมแกล้งทำประกอบบวกถลึงตาอีกรอบ ทำเอาเขาหลุดขำก๊าก “เห็นไหม ใครจะไปทำอะไรแบบนี้ในชีวิตจริงวะ”

   “ฮ่าๆๆ มันก็มีน่า” ธีร์บอก “คนที่รู้สึกเหมือนสูญเสียของรักก็คงทำแหละ”

   ผมส่ายหัว “คนดูละครมากเกินไปเหอะ”

   “ไม่ชอบมากก็ไปเปลี่ยน” ธีร์พูด “เปลี่ยนวัฒนธรรมการเสพละครของคนไม่ได้ก็ต้องเปลี่ยนที่เนื้อหา”

   “เราจะทำแน่” ผมบอกด้วยปณิธาน “ถ้าได้โอกาสนะ”

   “ถ้าได้โอกาสจะทำเรื่องอะไร”

   “คงทำอะไรที่มันเปิดโลกทัศน์คน ในความบันเทิงที่ไม่หลุดจากอะไรที่เขาชินมาก”

   “อย่างเช่น”

   “ไม่รู้ ซีรีส์ฟีลกู้ดสักเรื่อง เนื้อเรื่องคงเริ่มจากอะไรใกล้ๆ ตัว” ผมเล่า “ดาราหนุ่มที่มีพลังวิเศษ จูบหยุดเวลาได้อะไรแบบนั้น อาจสอดแทรกเรื่องปูมหลังของดาราที่ไม่เหมือนกับตอนอยู่หน้ากล้องมาเล่า ปั้นตัวละครให้กลมๆ ส่วนแฟนดาราก็จะหน้าตาดีมากๆ”

   “ลำเอียดสัดอะ” เขาแหว “เอาเรื่องเราไปขายนี่เก็บค่าลิขสิทธิ์นะ”

   “ฮะ มันก็เรื่องของเราเหมือนกันปะวะ” ผมท้วง “แต่ไม่ทำหรอก”

   “อ้าว ไหงงั้น”

   “เรื่องเราสองคนมันไม่ได้ฟีลกู้ดมากขนาดนั้นปะ” ผมบอก เขาพยักหน้า “ทำไปคนดูคงด่าตาย กว่าจะรักกันได้โคตรยาก คนหมดอารมณ์ก่อน”

   “เขาด่าแปลว่าเขาอินนะ”

   ผมยักคิ้ว “แต่ถึงไม่ทำ ธีร์ก็คงไปปรากฏในเรื่องหลายๆ เรื่องของเราบ่อยๆ อยู่แล้ว”

   “พูดจริง?”

   “ก็...นายเป็นส่วนหนึ่งของเรา” ผมเกาคาง “อาจจะมีบางส่วนของธีร์ที่เราเล่าไปแบบไม่ตั้งใจ”

   “พระเอกในละครของพี่จุ๊บต้องสะดือจุ่นแน่ๆ” เขาสันนิษฐาน

   “ก็อาจจะ” ผมหัวเราะ “หรือไม่ก็เป็นคนไม่ชอบอาบน้ำก่อนนอน”

   “เป็นคนที่ทำตัวเหี้ยยังไงก็หล่อ”

   “สุดท้ายก็ต้องมาง้อกลางสายฝน”

   “ไหนบอกจะขายอ้อมๆ ไง”

   “อิๆ” ผมหัวเราะคิก “ขอให้ได้ทำจริงเถอะ ใครจะรู้ ความฝันหลังเรียนจบเราอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้ เราอาจจะไม่อยากเป็นผู้กำกับ แล้วไปทำไลฟ์โค้ช ไม่ก็เขียนหนังสือวิธีคบกับดาราแบบซ่อนๆ แอบๆ พิมพ์ได้เป็นแสนๆ เล่ม”

   “มันจะไม่เป็นแบบนั้น” เขาบอก “เพราะเราไม่ยอมให้พี่จุ๊บแฉเราลงหนังสือหรอก”

   “โถ นึกว่าห่วงเรื่องอะไร”

   “ล้อเล่นเถอะ” คนเป็นดาราแก้ “พี่จุ๊บจะได้ทำ และทำมันออกมาดีด้วย เพราะนายจะไม่ทิ้งความฝันตัวเอง”

   ผมมองเขาเหมือนถามว่าแน่ใจอะไรขนาดนั้น แต่สายตาของธีร์ที่มองมาทำให้ผมรู้ว่าเขาเชื่อในตัวผมแบบไม่มีข้อแม้
   “เราจะไม่ทิ้ง” ผมยอมบอก “ถ้าธีร์ไม่ทิ้งความฝันตัวเองเหมือนกัน”

   “ไม่ทิ้งหรอก แต่ก็คงไม่มีวันเป็นจริง” เขาแค่นหัวเราะ “เรายังฝันอยู่ตลอด เราจินตนาการด้วยซ้ำว่าวันหนึ่งเราอาจจะได้ทำอะไรที่ตัวเองชอบจริงๆ ตอนที่มีดาราหน้าใหม่มา และเรากลายเป็นดาราตกกระป๋อง ออกวงการไปแบบเงียบๆ”

   มันคงไม่มีวันนั้น...ผมคิดในใจด้วยความเศร้า

   “แต่ดูเราตอนนี้สิ รุ่งอย่างกับดอกไม้ไฟ” ทำไมต้องดอกไม้ไฟวะ “ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงดอกไม้ไฟ แค่อยากสื่อว่าตัวเองรุ่งมากเฉยๆ ”

   ผมขำหึ แล้วก็ยักไหล่เพราะยอมรับความจริง

   “ถ้าไม่มีโอกาสทำของตัวเอง เราก็ขอดูความฝันพี่จุ๊บโตแล้วกัน น่าจะมีความสุขเหมือนกัน”

   ผมละสายตาจากวิวของชิงช้าสวรรค์แล้วเสมองเขา จู่ๆ ก็รู้สึกประหวั่นในใจ

   “อะไร”

   “หล่อ”

   “รู้”

   “เกลียด”

   ธีร์ยิ้มแป้น ผมมองเขาแล้วกระพริบตาปริบๆ

   “มีอะไรพูดมาเลย”

   “เปล่าๆ” ผมบอก “แค่คิดว่าถ้าวันหนึ่งธีร์หายไป เราคงอยู่ไม่ได้”

   ดาราหนุ่มไม่ตอบอะไร เขาแค่ลุกจากที่นั่งฝั่งตรงข้ามแล้วหย่อนก้นลงนั่งติดกับผม ยกแขนขึ้นโอบเบาๆ แถมด้วยการก้มหอมหน้าผากหนึ่งทีราวกับอยากลงโทษกลายๆ ที่จู่ๆ ผมก็พูดอะไรไม่เข้าท่าออกมา

   “ไม่ต้องห่วง เพราะเราจะอยู่กับพี่จุ๊บนี่แหละ ไม่ว่าจะดีหรือแย่”

   “เรารู้...” ผมกระซิบ แล้วคดตัวเข้าในอกเขา...อุ่น “แค่กลัวเฉยๆ”

   “อย่ากลัว อย่าร้องไห้ด้วย” ธีร์แหว ไอ้หรรม กำลังอยู่ในมู้ดซึ้งๆ อยู่กูถึงกับทรุด ผมเงยหน้าขึ้นไปถอนหายใจใส่ หากอีกฝ่ายกลับสบตาผมแล้วเริ่มยื่นหน้าเข้ามาทีละนิด

   “อย่าจูบ” ผมห้าม “เราไม่อยากค้างอยู่นี่นานๆ”

   “ฮ่าๆๆ โอเค” เขายอมผละออก โงหัวขึ้นแล้วบีบจมูกผมอย่างหมั่นเขี้ยว ผมโยกหน้าออกนิดหน่อย แต่สุดท้ายก็คดตัวเข้าไปหาเขาใหม่ สัมผัสลมหายใจกลิ่นจูปาจุ๊ปส์ที่พ่นออกมารดหน้าผากผม

   “ขอบคุณที่เห็นความฝันของเรามีค่า” ผมกระซิบเสียงแผ่ว “ขอบคุณที่เห็นเรามีค่า”

   “หน้าที่เราอยู่แล้ว”



   แน่นอนว่าการเป็นแฟนกับธีร์ ดำรงเดชไม่ใช่เรื่องง่าย


   แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรงเกินไป สำหรับจีนี่อย่างผมที่อยากจะเสกรอยยิ้มขึ้นบนหน้าอะลาดินทุกวัน...ถ้าทำได้นะครับ



(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบเจ็ด | UPDATE 16.12.2560 | Page 23 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 16-12-2017 07:33:40
(ต่อจากด้านบน)


   เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก รู้ตัวอีกที...ธีร์ก็เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมได้ร่วมสิบเดือน

   สิบเดือนที่เราผ่านทั้งวันที่สุขสันต์และวันที่หนักหนา อาจเป็นเรื่องปกติของความสัมพันธ์แบบคนรัก-ไม่เว้นแม้แต่คู่ลับอย่างผมกับดาราหนุ่ม-ที่เราจะหวาบหวามไปกับความรู้สึกพองโตของหัวใจ แต่แค่ประเดี๋ยวประด๋าวความทุกข์ขรมก็เข้ามาทักทาย

   ‘ไม่ว่าดีหรือแย่’ กลายมาเป็นประโยคสัญญาใจของเรา เป็นโค้ดลับที่เราจะหยิบออกมาใช้ไม่ว่าสถานการณ์ไหน เป็นคำตอบในข้อสอบเรื่องความสัมพันธ์ที่เรามั่นใจว่ามันถูกต้องที่สุด

   และในเดือนที่สิบนั้นเองที่โชคชะตาเหวี่ยงผมให้ไปเจอข้อสอบที่ยากที่สุดของเรา... ข้อสอบที่จะมาเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญซึ่งทำให้ผมเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับรักแท้และการเป็นคู่ชีวิตไปตลอดกาล


   มันเริ่มจากการที่ยายมาปรากฏตัวในฝันบ่อยๆ


   ผมจำอะไรจากฝันไม่ได้มากนัก ที่พอจะจำได้คือเราไม่ได้เจอกันในห้องที่ยายเสียเหมือนเดิม ในฝันคราวนี้ผมอยู่ที่ห้องใต้บันได นั่งอยู่บนโซฟาสีแดงที่มีนาฬิกาเป็นร้อยเป็นพันเรือนล้อมรอบ โดยมียายหอมผู้ใส่เสื้อคอกระเช้าสีชมพูสดใสกับกระโปรงผ้าซิ่นกรอมเท้านั่งประจันหน้ากลับมา

   สิ่งที่พอจะจำได้อีกอย่างคือความประหลาดนาฬิกาทุกเรือนในห้องที่พร้อมใจกันหยุดเดิน รวมทั้งท่าทางของคนตรงหน้าที่ทำให้ทุกอย่างดูแปลกมากขึ้น ยายไม่ทำอะไรเลยนอกจากนั่งมองผมนิ่งๆ พลางเคี้ยวหมากจนแก้มตุ่ย เส้นผมสีขาวสั้นระใบหูแปล้ไปด้านหลังนั้นสั่นไหวไปกับแรงเคี้ยวเล็กน้อย เช่นเดียวกับริ้วรอยข้างแก้มและรอบดวงตา

   บทสนทนาของเราเริ่มจากตัวผมที่เป็นคนทักยายก่อน จำได้ว่าสิ่งที่ยายพูดมันตรงกับความเป็นจริงมากจนผมต้องถามตัวเองว่าฝันไปหรือเปล่า หญิงชราแหวผมเรื่องฉายาไอ้จุ๊บควายที่เธอเคยเตือนไว้คราวก่อนแต่ผมก็ไม่ฟัง ยายรู้ด้วยว่าผมคบกับธีร์เป็นแฟนแล้ว และรู้กระทั่งว่าผมจูบกับธีร์ ดำรงเดชแล้วหยุดเวลาได้...ท่านบอกผมว่าท่านรู้ว่าอะไรเคยเกิดขึ้น อะไรกำลังเกิดขึ้น
 
   และอะไรจะเกิดขึ้น

   “แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิด...ถ้าเอ็งต้องเลือกระหว่างสมองกับหัวใจ จำไว้ว่าให้เลือกหัวใจเสมอ”

   ทุกครั้งก่อนตื่น ยายจะย้ำประโยคนั้นกับผม เป็นประโยคเดียวที่ผมจำได้ชัดเจน จากประโยคนับสิบอันลางเรือง

   ผมไม่มีวันรู้เลยว่ายายหมายความว่ายังไง จนกว่าจะโดนความรู้สึกของคนโดนพรากหัวใจวิ่งชนเข้าเต็มแรง



   และกว่าจะถึงตอนนั้น...การเลือกที่ยายบอกไว้ มันอาจกลายเป็นสิ่งที่ผมทำไม่ทัน





โปรดติดตามตอนต่อไป



อยากติชมหรือกรี๊ดกร๊าดไปที่แท็ก #จุ๊บที ในทวิตเตอร์นะคะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบเจ็ด | UPDATE 16.12.2560 | Page 23 }
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 16-12-2017 08:06:00
โธ่ จะทิ้งไว้ให้อยากรู้ไม่ด้ายยยยนะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบเจ็ด | UPDATE 16.12.2560 | Page 23 }
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 16-12-2017 08:29:15
จะมีอะไรให้ต้องพิสูจน์ความรักอีกแล้วเหรอ สู้ๆ นะจุ๊บธีร์
คู่นี้น่ารักเนอะ เรียลๆ เรียบง่าย

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบเจ็ด | UPDATE 16.12.2560 | Page 23 }
เริ่มหัวข้อโดย: Mafiaziip ที่ 16-12-2017 10:05:23
มาเยอะจุใจมากๆ เลย คิดถึงพี่จุ๊บ น้องธีร์สุดๆ

 :pig4: :pig4: :pig4:

แต่จบแบบหน่วงใจเบาๆ โอ๊ยยยยยยยย ขอให้เลือกทันนะพี่จุ๊บ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบเจ็ด | UPDATE 16.12.2560 | Page 23 }
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 16-12-2017 10:13:09
ง่ะ จะมีอะไรอีกแล้วหรออ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบเจ็ด | UPDATE 16.12.2560 | Page 23 }
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 16-12-2017 10:29:13
ฮ่อลลล ทิ้งท้ายไว้เตรียมต้มน้ำมากค่ะ จะมาม่ากี่ห่ออีกละทีนี้ กว่าจะรักจะเข้าใจกันได้ก็ตั้งนานนี่พอรักแล้วต้องมาเจออะไรอีกเนี่ย สู้ๆนะพี่จุ๊บน้องธีร์ บางทีก็อยากให้ธีร์เด็ดขาดบ้าง
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบเจ็ด | UPDATE 16.12.2560 | Page 23 }
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-12-2017 11:04:46
 :ling3:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบเจ็ด | UPDATE 16.12.2560 | Page 23 }
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 16-12-2017 15:11:54
ฮืออออออ จะมีเรื่องอีกแล้วเหรอ เพิ่งหวานกันเองนะ :ling1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบเจ็ด | UPDATE 16.12.2560 | Page 23 }
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 16-12-2017 15:15:00
 :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบเจ็ด | UPDATE 16.12.2560 | Page 23 }
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 16-12-2017 17:19:10
โอ๊ยย เข้าโซนของแห้งแล้ว
มาเลยค่ะ น้ำร้อนพร้อม
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบเจ็ด | UPDATE 16.12.2560 | Page 23 }
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 17-12-2017 01:25:27
จะดราม่าอีกแล้วหรอ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบเจ็ด | UPDATE 16.12.2560 | Page 23 }
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 17-12-2017 13:06:48
พี่จุ้บบบ พี่ต้องผ่านมันไปให้ได้นะคะ ฮือออ อย่ากลัวว อย่าร้องไห้
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบเจ็ด | UPDATE 16.12.2560 | Page 23 }
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 17-12-2017 19:01:15
อย่าบอกนะว่าจะมีดราม่าอีกอะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบเจ็ด | UPDATE 16.12.2560 | Page 23 }
เริ่มหัวข้อโดย: khungyf ที่ 18-12-2017 11:18:49
เพิ่งได้มาอ่าน เราไปอยู่ที่ไหนมา55555555 น่าร้ากกกกกกก
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบเจ็ด | UPDATE 16.12.2560 | Page 23 }
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 18-12-2017 12:16:48
เรากำลังจะเสียน้ำตาอีกแล้วรึเปล่า
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบเจ็ด | UPDATE 16.12.2560 | Page 23 }
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 19-12-2017 02:36:04
ปริศนาไปอีกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบแปด | UPDATE 27.1.2561 | Page 24 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 27-01-2018 23:26:48

(http://www.uppic.org/image-730A_57571DD5.jpg)

จูบที่สิบแปด

   ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วจนไม่ทันได้ตั้งตัว

   จำได้ว่าในคืนก่อนปิดเทอมที่ผมกลับบ้านดึก คืนนั้นผมได้กลิ่นบุหรี่ในบ้าน เป็นกลิ่นบุหรี่ที่ไม่ได้สัมผัสมานานหลายเดือนตั้งแต่พ่อป่วย

   ภาพของพ่อนั่งสูบบุหรี่อยู่ที่เก้าอี้หวายบนชานเรือน ยังไม่น่าประหลาดใจเท่าภาพของธีร์ที่ยืนสูบบุหรี่พิงเสาอยู่คู่กัน

   ธีร์สังเกตเห็นผมที่เดินเข้ามาก่อน เขามีสีหน้าตกใจอยู่ อาจเพราะกลัวว่าผมจะมองแง่ลบที่เห็นเขาสูบบุหรี่อยู่กับพ่อแบบนี้ หรืออาจเพราะเหตุผลอื่น

   พระเอกหนุ่มทู่ก้นบุหรี่กับเสา ไฟที่มอดปลายดับลง เขาหันมายักคิ้วให้ผมด้วยสีหน้าแปร่งประหลาด “ไง”

   “ไม่เห็นบอกเลยว่าจะมา” ผมพูด

   “เขามารอเจอเอ็งนั่นแหละไอ้หนุ่ม” แต่พ่อผมตอบแทน “แต่เห็นบอกว่าเดี๋ยวจะกลับแล้ว...ใช่ไหม”

   ธีร์กระแอม “...ครับ”

   เขาจ้องผมอยู่สักพัก ยกมือขึ้นไหว้พ่อแล้วกระซิบกระซาบอะไรกันสักอย่าง เสร็จแล้วก็ตรงเข้ามาจุ๊บที่แก้มผมเบาๆ “ไว้เจอกันนะ”

   ผมงงว่านี่มันเรื่องอะไรกัน ธีร์ต้องมีลับลมคมในอะไรกับพ่อผมแน่ๆ แต่ยังไม่ทันจะได้อ้าปากถามเขาก็เดินออกจากบ้านแล้วสตาร์ทรถชิ่งหนีไป ผมหันมองพ่อด้วยความสงสัย แต่สีหน้าเรียบนิ่งเหมือนทุกอย่างเป็นปกตินั้นทำให้ผมไม่กล้าถาม...

   ผมยิ้มเจื่อนให้พ่อ กระชับสายสะพายกระเป๋าแล้วก้าวขาเข้าบ้าน แต่เสียงของพ่อเรียกไว้ก่อน

   “จุ๊บ นั่งคุยกันก่อนสิ”

   “...ครับ?” ผมถามย้ำ เพราะไม่มั่นใจว่าพ่อหมายความตามที่พูดหรือเปล่า

   “นั่งคุยกันก่อน”

   ตั้งแต่พ่อออกจากโรงพยาบาลมาครั้งนั้นก็เหมือนเขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เขาเข้มงวดกับผมน้อยลง ใจดีกับผมมากขึ้น และที่ผมรู้สึกดีที่สุดคือการที่เขายอมรับในตัวธีร์และผมได้ แต่พูดตรงๆ คือเรายังไม่ค่อยมีโอกาสนั่งคุยกันประสาพ่อลูกเพราะผมยังรู้สึกเขินแปลกๆ...ธีร์ยังจะดูคุยกับพ่อบ่อยกว่าผมซะอีก

   ทว่าผมก็ตัดสินใจนั่งคุยกับพ่อในที่สุด เราคุยกันเรื่องสัพเพเหระเกี่ยวกับชีวิตทั่วไป ผมเล่าให้พ่อฟังถึงการเรียนในเทอมที่กำลังจะสิ้นสุดลง เรื่องความหมกมุ่นในการส่งหนังสั้นประกวดในโครงการหนึ่งกับเพื่อน และเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมกับธีร์ ในขณะที่พ่อให้คำปรึกษาในเรื่องที่ผมไม่คาดคิดว่าจะได้ฟังจากเขา (“รู้น่ะว่าไว้ใจกัน แต่เซฟที่สุดก็สวมถุงยางไว้ก่อนดีกว่า” ...ว้อทเดอะ...) เขามอบกำลังใจในประโยคที่ผมไม่ได้ยินบ่อยๆ (“ยิ่งคบกับคนแบบธีร์ยิ่งลำบาก เราต้องอดทนกว่าคนอื่นหลายเท่า อย่ายอมแพ้นะ”) และเล่าเรื่องบางอย่างที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนให้ฟัง อย่างความฝันการเป็นนักดนตรีของพ่อ ซึ่งเขาเกือบจะเลือกเดินทางนั้น แต่ดันมีผมซะก่อน (“มันไม่ได้เป็นกันง่ายๆ แบบยุคนี้ ต้องใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองเยอะ แถมตังค์ก็ได้นิดเดียวไม่พอกิน แล้วพ่อจะเอาตังค์ไหนไปเลี้ยงลูก”)

   รวมถึงเรื่องที่ติดค้างในใจผมมานาน

   “พ่อ จุ๊บถามอะไรพ่อตรงๆ ได้ไหมครับ”

   “อะไรล่ะ”

   “จุ๊บเป็นลูกที่ทำให้พ่อภูมิใจหรือเปล่า”

   พ่อเงียบไปสักพัก ก่อนจะยิ้มให้ผมแล้วปล่อยควันบุหรี่ออกมาจากจมูก “พ่อเคยพูดว่าไม่ภูมิใจในตัวแกตอนไหน”

   “แต่พ่อก็ไม่เคย...แบบว่า...” ผมเลียริมฝีปากอย่างขัดเขิน “ชมผม หรืออะไรทำนองนั้น”

   แล้วพ่อก็หัวเราะออกมาเหมือนความคิดของผมมันเล็กจ้อยเต็มที

   “พ่อไม่ชม แต่ฉันก็ไม่เคยขัดแกในสิ่งที่แกอยากทำนะ”

   “...”

   “มีโอกาสแล้วก็ทำเต็มที่ ลองๆ ทำไปอย่างที่อยากทำ ทำผิดดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย อย่างโครงการหนังสั้นที่ประกวดอยู่เนี่ย แข่งไปก็อย่าหวังเอาชนะอย่างเดียว”

   “พ่อไม่อยากให้จุ๊บชนะเหรอ”

   “ถ้าแกชนะได้จะปิดซอยเลี้ยงเลย”

   “โหพ่อ ไม่กดดันเลยครับ”

   คืนนั้นเรามีแลกบทสนทนาแบบพ่อลูกที่ผมไม่เคยมี จู่ๆ กำแพงความกระอักกระอ่วนระหว่างเรานั้นก็เลือนหายไปเหมือนเป็นเรื่องที่ผมคิดไปเอง มันคือคืนที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ คำสอนที่ไม่มีความกดดัน การปลอบโยนบนพื้นฐานของความเข้าใจ เราคุยกันทุกเรื่อง...เว้นแต่เรื่องที่พ่อกลับมาสูบบุหรี่อีกครั้ง

   และตอนนั้น...ผมก็ไม่ได้เอะใจอะไร



   วันเปิดเทอมวันสุดท้ายเป็นวันธรรมดาที่ดูเหมือนจะไม่มีเรื่องน่าตื่นเต้น

   จริงๆ ผมไม่มีเรียนแล้วด้วยซ้ำ แต่ต้องออกจากบ้านตั้งแต่เช้าเพราะต้องออกไปพรีเซนต์โปรเจกต์หนังสั้นที่คณะ มันเป็นสารคดีขนาดสั้นที่ผมทำร่วมกับเพื่อนเพื่อส่งเข้าประกวดในโครงการของค่ายใหญ่ ถ้าเราชนะมันจะสามารถต่อยอดการทำงานในอนาคตได้เลยทีเดียว

   เรามีนัดพรีเซนต์ราวเก้าโมง หลังผ่านการซักซ้อนกับเพื่อนร่วมทีมทั้งสามคนซึ่งได้แก่ ไอ้โอ...เพื่อนตัวสูงโย่งจากกลุ่มสันทนาการที่ดูแลเรื่องบทกับซาวน์ ไอ้ตาว...เพื่อนแว่นหนาที่มีฝีมือเรื่องภาพมาช่วยดูเรื่องกล้อง และคนสุดท้ายคือไอ้ม้ง...เพื่อนตัวเล็กจ้อยที่เรียนฟิล์มเหมือนกัน ม้งเป็นเด็กหนุ่มผิวขาว ตาตี่ มีชื่อเสียงประหลาดเกี่ยวกับเรื่องคาวๆ จนได้ฉายา “ตัวเล็กเซ็กซ์จัด” เพราะอาการเสพติดหนังโป๊มากเกินไปของมัน ว่ากันว่าม้งต้องดูหนังโป๊ทุกวันสามเวลาหลังอาหาร ที่บ้านหนังโป๊เป็นพันแผ่น (พิสูจน์แล้วว่าคำกล่าวนี้เป็นจริงจากการได้ไปตัดต่องานชิ้นนี้ที่บ้านมัน แม่งสต๊อกไว้เป็นชั้นๆ) แต่ม้งดันเก่งเรื่องจังหวะการตัดต่อเป็นที่หนึ่ง คาดว่าความสามารถนี้มาจากการซึมซับจังหวะฟินๆ ของหนังโป๊ที่ดูนั่นแหละ

   เพราะฉะนั้นผมจึงดึงม้งเข้ามาร่วมทีม ให้มันตัดต่อจากฟุตเทจที่ผมกำกับ และมันก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เอาจริงๆ ม้งเป็นคนนิสัยดีคนหนึ่งเลยนะ ถ้ามองข้ามนิสัยแปลกๆ นั้นน่ะ

   แต่ไม่คิดเลยว่าเรื่องนั้นของม้งจะส่งผลต่อเราในวันสำคัญอย่างวันนี้

   อันที่จริง สาเหตุของเรื่องทั้งหมดมันเริ่มมาจากผม

   “ธีร์ เรียนเสร็จแล้วใช่ไหม เราอยากจูบธีร์...ตอนนี้เลย!”

   ผมกรอกเสียงใส่โทรศัพท์ขณะวิ่งตะลีตะลานออกจากห้องประชุมใหญ่ ในวินาทีหลังจากที่พิธีกรประกาศชื่อกลุ่มของเราให้ขึ้นไปพรีเซนต์หนังสั้นบนเวที ผมรู้ว่าการขอปลีกตัวออกมาแบบนี้มันคงทำให้ทุกคนเหวอ แต่ผมจำเป็นต้องทำจริงๆ
 
   และคนเหวอคนล่าสุดคือปลายสาย แต่ผมไม่มีเวลาอธิบายอะไรกับเขาทั้งนั้น สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือวิ่งไปที่ร้านเอกสารข้างตึกซึ่งธีร์อยู่ตรงนั้น ในมืออีกข้างจับกล่องดีวีดีสีดำแน่น...ไอ้กล่องดีวีดีเจ้าปัญหา

   ผมไปถึงร้านถ่ายเอกสารในเวลาไม่ถึงนาที เจอธีร์ยื่นหัวโด่ทำหน้าหล่ออยู่ตรงนั้นคนเดียว โคตรโชคดีเลยที่ไม่ได้อยู่กลางคนพลุกพล่าน

   “สัญญาว่าจะเล่าให้ฟังทั้งหมด แต่ตอนนี้ธีร์ต้องมากับเราก่อน” ผมคว้าข้อมือเขาที่กำลังเงิบแล้ววิ่งอย่างไม่คิดชีวิตไปที่ซอกเล็กๆ ข้างร้านถ่ายเอกสารที่ปลอดจากสายตาผู้คน ผมโอบคอเขาลงมาแล้วประทับฝีปากลงไปไวๆ

   ยกข้อมือตัวเองขึ้นมาดู ตัวเลขดิจิตอลบอกเวลา 10:10:54 นิ่งสนิท

   “ฟู่ว” ผมพักหายใจเพราะความเหนื่อย เท้าตัวเองกับไหล่กว้างของคนตัวสูงที่แสดงสีหน้าจังงังเช่นเดิม

   “โอเคปะเนี่ย” ธีร์ถาม ผมส่ายหัวแล้วก็ลากเขาออกมาจากซอกนั้นโดยไม่ตอบอะไร

   “แฟน ค่อยๆ เดินก็ได้มั้งครับ เวลาหยุดแล้วนะ” ธีร์ท้วงเมื่อเห็นผมยังจับมือเขาวิ่งเป็นกระต่ายตื่นตูม...เออว่ะ

   “แล้วนี่จะพาไปไหน”   

   “ล็อคเกอร์”

   “ไปทำไม วันนี้ไม่ได้มีนัดพรีเซนต์หนังสั้นส่งประกวดเหรอ”

   “มี ที่อยู่ในมือเนี่ยแหละ แม่งเอาแผ่นมาผิด”

   “ไปสลับกับอะไร หนังโป๊เหรอ”

   ธีร์ยิ้มประกอบมุกที่ตัวเองชง แต่พอเห็นผมกลืนน้ำลายนิ่งๆ ตอบก็ต้องอ้าปากค้าง

   “เชี่ย หนังโป๊จริงเหรอ?”

   “ไม่ต้องมาทำเหวอ ก็เพราะธีร์นั่นแหละที่ทำให้เราต้องมาทำอะไรแบบเนี้ย” ผมโวยกลับเพราะไม่รู้จะเอาไปลงกับใคร

   “เฮ้ย เกี่ยวไรกับเราเนี่ย”

   ความจริงก็คือ ผมยืมหนังโป๊เรื่องหนึ่งมาจากไอ้ม้งผู้เป็นแฟนพันธ์แท้ของหนังโป๊ทุกประเภทจากทั่วโลก และถึงแม้จะเป็นผู้ชายแท้ๆ แต่ก็มีหนังโป๊ของชาย-ชายอยู่ในคลังด้วย (เชื่อเลย) จุดประสงค์ที่ยืมก็ธรรมดามากครับ ผมแค่ยืมมาศึกษา...จริงๆ นะ

   แบบว่า...ผมกับธีร์ก็คบกันมาแล้วสิบเดือน มันเป็นปกติที่เราจะพัฒนาความสัมพันธ์ไปถึงขั้นจึ๊กกะดึ๋ยกัน แต่มันก็แปลกที่เราไม่เคยไปถึงขั้นนั้นกันสักที ไม่ใช่เพราะเราไม่เคยลองทำมัน จริงๆ เราพยายามมากแต่ผมก็กลัวเกินไป (ก็คนมันไม่เคยนี่หว่า!) แล้วธีร์ก็อาจจะเกรงใจผมเกินไป

   ผมจะไม่ลงรายละเอียดเพราะเขิน แต่เอาเป็นว่าถ้าเซ็กซ์มีระดับขั้นของมัน ผมกับธีร์ผ่านมาทุกขั้นแล้ว...ยกเว้นขั้นสุดท้าย
   และนั่นทำให้ผมถึงกับรู้สึกผิด เพราะพูดจริงๆ ว่า...ป้าเด้าเคยบอกผมว่า...เซ็กซ์เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ความสัมพันธ์ราบรื่น บางคู่อาจบอกว่ามันจำเป็นมาก บางคู่บอกจำเป็นน้อย แต่สรุปคือมันก็จำเป็นสำหรับทุกคู่ไง

   ธีร์มีความอดทนกับเรื่องนี้ เขาบอกว่าจะรอเวลาที่ผมพร้อมจริงๆ แล้วค่อยลองใหม่ก็ได้ แต่ติดผมเนี่ยแหละที่กระวนกระวายอยากให้เขามีความสุข

   นี่แหละเหตุผลที่ผมต้องยืมหนังโป๊จากม้งมาศึกษา

   ...แล้วกล่องหนังโป๊กับกล่องหนังส่งประกวดแม่งสีดำเหมือนกัน ผมเพิ่งรู้ตัวว่าหยิบมาผิดตอนเปิดกล่องดูก่อนจะขึ้นเวที และรูปผู้ชายญี่ปุ่นในสปีดโด้สีแดงตัวเดียวบนแผ่นทำเอาปิดกล่องแทบไม่ทัน

   “จุมพิต นายแม่งจี้” ดาราผิวหยวกหัวเราะออกมาเมื่อผมเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ขณะที่เราเดินมาจนถึงบริเวณล็อคเกอร์ของคณะ มีนักศึกษาสองคนนิ่งค้างอยู่ในท่าก้มเปิดล็อคเกอร์ ผมทำเป็นไม่ได้ยินเสียงหัวเราะเขาแล้วดิ่งไปไขล็อคเกอร์ตัวเองบ้าง มีกล่องดีวีดีสีดำอีกกล่องอยู่ในนั้นจริงด้วย

   ผมโยนกล่องในมือเข้าไปในล็อคเกอร์แล้วหยิบอีกกล่องมาเช็ค แผ่นดีวีดีขาวสะอาดลูกพ่อ

   พอปิดล็อคเกอร์ก็เห็นธีร์เท้าศอกกับตู้ล็อคเกอร์แล้วมองผมนิ่ง ริมฝีปากสีชมพูกระหยิ่มเหมือนมีเลศนัย

   “อะ...อะไร” ผมถาม

   “ไม่เห็นจำเป็นต้องดูเป็นตัวอย่างเลย”

   “ฮะ?”

   “หนังโป๊น่ะ ไม่เห็นจำเป็นต้องดูเลย” เขาอธิบาย เลิกคิ้วแล้วส่งสีหน้าหล่อพิฆาตมาให้ ความหล่อสัสทำผมสตั๊นได้ทุกทีทั้งที่ควรชินได้แล้ว

   “เรานำเอง พี่จุ๊บแค่ตาม”

   ไม่ทันรู้ตัว ธีร์ก็ใช้ร่างสูงโปร่งตะครุบผมไว้จนหลังติดกับล็อคเกอร์ ตัวของผมสัมผัสกล้ามเนื้อกำยำที่เป็นผลมาจากการออกกำลังกายอย่างหนักตลอดสิบเดือนที่ผ่านมาของเขา เราใกล้กันจนผมสัมผัสลมหายใจแผ่วเบากลิ่นลูกอมสตรอว์เบอรี่ที่เขาชอบ

   “ยิ้มอะไร”

   “เปล่า” ผมดีใจที่ได้กลิ่นสตรอว์เบอรี่แทนบุหรี่จากปากเขา แต่ไม่บอกหรอก

   “ยิ้มแบบนี้ธีร์น้อยก็ตื่นกันพอดี”

   “เดี๋ยว...”

   “เรื่องนั้น เราพยายามกันได้นะ ตรงนี้...ตอนนี้ก็ยังได้” เขากระซิบ ก่อนที่ผมจะรู้ว่าธีร์พยายามจะทำเรื่องไหน จมูกของเขาโลมเลียอยู่ใต้คางผมแล้ว

   “ธีร์ ไม่เอา...” ผมบอก หันไปมองหาความช่วยเหลือจากสิ่งแวดล้อมรอบข้างที่นิ่งค้าง

   “เวลาหยุดอยู่ไม่มีใครรู้หรอก” เสียงกระเส่าทำผมขนลุกซู่ เดี๋ยวๆๆๆ เราจะเป็นแบบนี้ไม่ได้ ผมจะมีอะไรกับธีร์ครั้งแรกตรงล็อคเกอร์คณะที่มีนักศึกษาสาวถูกฟรีซไว้ข้างๆ ไม่ได้โว้ยยยยยย

   “เราต้องไปพรีเซ็นต์!” ผมรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีดันเข้าออก ธีร์หงายหลังกระแทกล็อกเกอร์ดังปัง แต่ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสดี

   “เดี๊ยะๆ” ผมแยกเขี้ยวใส่แต่ก็ดึงมือเขามาด้วย ไม่กี่นาทีเราก็มาถึงประตูห้องประชุมพรีเซนต์งานห้องเดิม ทุกคนในห้องกำลังชะโงกมองมาที่ประตูเพราะคงสงสัยว่าผมออกไปไหน

   “เดี๋ยวเวลากลับมาเดินแล้วเข้าไปด้วยกันนะ” ผมบอก

   “ฮะ เข้าไปทำไม”

   “เหอะน่า” ธีร์ดูงงๆ แต่ก็ยอมเออออแต่โดยดี เราหลบอยู่หลังประตูและจูบกันอีกครั้ง แล้วเสียงเซ็งแซ่ของรอบข้างก็กลับมาดังอย่างเดิม

   ผมเปิดประตูกลับเข้าไป ยิ้มแห้งให้ทุกสายตางุนงงของทุกคนที่มองตรงมา

   “ขอโทษครับ” ผมบอกเสียงดัง “ผมแค่...อยากให้นักแสดงมาดูด้วยกัน”

   ทันใดที่ธีร์เดินตามเข้ามา เสียงกรี๊ดจากคนในห้องก็ดังกระหึ่ม เขาขมวดคิ้วงงๆ ส่งมาให้ผมแต่ก็หัวเราะแก้เก้อรับเสียงกรีดร้องนั้น แล้วการพรีเซนต์ของกลุ่มผมก็เริ่มได้ในที่สุด

   การประกวดครั้งนี้เป็นการประกวดหนังสั้นนักศึกษาที่จัดโดยค่ายหนังชื่อดัง โดยรับสมัครหนังสั้นทุกแนวของทีมนักศึกษาจากสถาบันทั่วประเทศ (นั่นคือเหตุผลว่าคนในห้องกรี๊ดตอนธีร์เดินเข้ามา เพราะเขาไม่ได้เห็นพ่อพระเอกดังทุกวันเหมือนคนในคณะ จบ) จากหนังสั้นเกือบร้อยถูกคัดเหลือเพียงสิบห้าเรื่องสุดท้าย ทุกเรื่องถูกนำมาฉายวันนี้แล้วจะมีประกาศผลตอนปลายเดือน และเรื่องของกลุ่มผมคือหนึ่งในนั้น

   ทีม ‘WHAT THE FLICK’ ของเราเป็นแค่ทีมเดียวจากคณะเราที่ผ่านมาถึงรอบสุดท้าย เราทำหนังสั้นความยาว 10 นาทีชื่อ ‘THE NORMAL SUPERSTAR’ ว่าด้วยเรื่องชีวิตเบื้องหลังของซูเปอร์สตาร์หนุ่มที่หน้ากล้องต้องรับมือกับชื่อเสียง แฟนคลับ และข่าวฉาว แต่หลังกล้องก็มีชีวิตทั่วไปเหมือนคนธรรมดา เดินตลาดนัด ซักผ้าด้วยมือ ใส่กางเกงมือสอง บางวันทำงานเหนื่อยๆ ก็ไม่อาบน้ำ (คุ้นไหมครับ) โดยนำเสนอออกมาในรูปแบบสารคดีแนวตลกขบขัน ถ่ายด้วยกล้อง Hand-Held (เหมือนถ่ายด้วยกล้อง Home Video ธรรมดา) คล้ายเรื่องจริง เพื่อสื่อว่าจริงๆ ดาราก็เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น...เหมือนกับเราทุกคน

   และแน่นอนว่าจะไม่มีใครเหมาะสมกับบทนำเท่าคนที่เป็นแรงบันดาลใจของเรื่องอีกแล้ว พูดตรงๆ ว่าบางฉากในเรื่องเราไม่มีบท แต่ถ่ายจากธรรมชาติจริงๆ ของเขาเลยด้วยซ้ำ

   วันนั้นเราได้เสียงหัวเราะและเสียงปรบมือเกรียวกราวจากผู้ชมและกรรมการในห้อง และได้เห็นการโค้งรับคำชมเหล่านั้นจากนักแสดงนำของเรื่องที่วันนี้มาดูกับผมด้วย

   ก็ธีร์ไง จะใครล่ะคร้าบ







(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบแปด | UPDATE 27.1.2561 | Page 24 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 27-01-2018 23:31:11
(ต่อจากด้านบน)

   ช่วงปิดเทอมเป็นช่วงผมกับธีร์ไม่ค่อยได้เจอกัน บางทีอาจเพราะมันเป็นปิดเทอม งานในวงการบันเทิงจึงมะรุมมะตุ้มรุมเขาแบบไม่ให้หายใจหายคอ ธีร์เจอทั้งถ่ายละคร เรียนการแสดง วิ่งงานโชว์ตัวไม่เว้นแต่ละวัน มันเป็นกิจวัตรประจำวันของเราไปแล้วที่ทุกเช้าผมจะโทรปลุกเขาและถามแพลนวันนั้นว่าต้องไปทำอะไร ส่วนก่อนนอนจะเป็นเวลาที่เขาโทรมา แลกเปลี่ยนเรื่องที่เจอในทุกวัน มีบางวันธีร์ก็บ่นเหนื่อยใส่และหลับไปทั้งๆ ที่ยังไม่วางสาย หน้าที่ของผมก็คือรับฟังเขาและทำอะไรไม่ได้นอกจากบอกให้สู้ต่อไป

   ผมใช้เวลาปิดเทอมไปกับการดูหนัง ไปเที่ยวกับป้าเด้าและลุงโรเบิร์ต และช่วยป้าแก้ว...แม่ของจีบทำขนมขายเป็นส่วนมาก เดิมทีป้าแก้วใช้เวลาเหลือเฟือในแต่ละวันทำเบเกอรี่กินเองเป็นงานอดิเรก แต่อาจเพราะมีเวลามากเกินไป ป้าแก้วจึงผุดไอเดียการทำออกมาขายสนุกๆ ให้คนในหมู่บ้าน และปรากฏว่าขนมป้าอร่อยมากจนคนซื้อเยอะ ลุงพร่ำผู้เป็นสามีจึงควักเงินสร้างกระท่อมหลังเล็กไว้ข้างบ้านเรา เพื่อให้ป้าแก้วใช้เป็นเรือนทำขนมและมีแบรนด์เล็กๆ ของตัวเองอย่างจริงจัง
   
   จนตอนนี้ ‘วิเศษกาลเบเกอรี่’ โตจนสามารถทำส่งร้านกาแฟ 2-3 ร้านในเมืองได้ทุกวัน มีบางวันที่ฝากไปวางตามเบเกอรี่แบรนด์ใหญ่ๆ บ้าง มันเป็นธุรกิจของครอบครัวเล็กๆ ที่ทุกคนในบ้านว่างก็มาช่วยกัน โดยมีป้าแก้วเป็นหัวเรือใหญ่

   สิ่งที่ไม่น่าเป็นห่วงเลยคือเราไม่ต้องกลัวจะทำไม่ทัน เพราะเวลาของป้าแก้วกับลุงพร่ำสามารถยืดออกไปได้เรื่อยๆ และเราก็ได้รับอานิสงส์จากตรงนั้น

   ผมเคยบอกหรือยังว่าคนในครอบครัวของเรา ‘แชร์’ พลังกันได้

   หลักการง่ายๆ เลยก็คือ คู่ชีวิตทุกคู่ในบ้านจะมีพลังและห้วงเวลาเป็นของตัวเอง เช่นตอนผมจูบกับธีร์เวลาของเราทั้งคู่ก็จะถูกหยุดไว้ ณ ตอนนั้น หรืออย่างป้าเด้ากับลุงโรเบิร์ตป่ามป๊ามกันแล้วท่องเวลาไปที่ไหนสักที่ เวลาปัจจุบันของทั้งคู่ก็จะถูกแช่ค้างไว้เช่นกัน หรือในกรณีของลุงพร่ำกับป้าแก้วที่ยื้อเวลา ทั้งคู่จะติดอยู่ในวินาทีนั้นๆ ตามช่วงเวลาที่ต้องการ

   ซึ่งห้วงเวลาของแต่ละคู่ในครอบครัวจะถูกแยกออกจากกันอย่างชัดเจน (เราถึงรู้สึกโชคดีมากทุกครั้งที่เราเจอกันในเวลาปัจจุบัน เพราะเราอยู่ในเวลานั้นจริงๆ)

   แต่กระนั้น พลังของเราก็ยังมีความพิเศษ มันสามารถส่งต่อกันได้ด้วยการ ‘แตะตัวกัน’ ตอนใช้พลังนั้น

   ยกตัวอย่างเช่น...ผมสามารถติดอยู่ในเวลาสี่โมงเย็นไปอีกสามชั่วโมงกับป้าแก้วเพื่อช่วยเธอทำขนมได้ ด้วยการแตะตัวกันตอนลุงพร่ำกับป้าแก้ว ‘บอกรักกัน’ เพื่อยื้อเวลาออกไป หรือผมสามารถท่องเวลาไปกับป้าเด้าและลุงโรเบิร์ตได้ เพียงแค่เอาส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายไปแตะพวกเขาตอนป่ามป๊ามกัน (ถ้าทำใจดูไหวน่ะนะ)

   วิเศษใช่ไหมล่ะครับ

   ปิดเทอมที่ไม่ได้อยู่กับธีร์ของผมเลยไม่น่าเบื่อเท่าที่ควรจะเป็น การทำขนมอยู่กับป้าแก้วทำให้ผมเพิ่มสกิลความละเอียดละออ มันมีบางวันที่เราสนุกกับการทำมากจนลืมว่าเวลาจะหมด และมีบางวันที่ผมติดอยู่กับป้าแก้วในช่วงเวลาเดิมๆ ที่หากนับชั่วโมงตามจริงแล้วก็ปาเข้าไปเป็นวัน

   วันที่ลุงพร่ำทำงานหนักมากๆ และเราไม่เหลือวัตถุดิบให้ทำอีกต่อไป ป้าแก้วจะชอบนั่งเท้าคางกับโต๊ะปั้นแป้ง สางผมยาวสลวยสีดำตรงของตัวเองให้ยุ่งเหยิง และบ่นแกมสอนเรื่องชีวิตคู่ให้ผมฟังเพื่อฆ่าเวลา

   “เหนื่อยทำขนมไม่เท่าไหร่ เหนื่อยใจตอนรอลุงเธอกลับบ้านน่ะเหนื่อยกว่าเยอะ”

   “...”

   “จุ๊บเอ๊ย โตกว่านี้เธอจะรู้ว่าชีวิตคู่มันไม่ง่าย เวลาที่ได้อยู่ด้วยกันมันมีค่ามากจริงๆ”

   “...”

   “ความเป็นผู้ใหญ่มันกินเวลาที่เรามีด้วยกันไปหมด นี่ป้าจำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่กินข้าวกับลุงเธอ กับไอ้จีบพร้อมหน้าพร้อมตานี่เมื่อไหร่ มันนานมากจนป้าลืม”

   “...”

   “บางครั้งป้าก็คิดว่าคู่ชีวิตของเราจริงๆ มันอาจจะไม่ใช่คู่ชีวิตก็ได้นะ เขาอาจจะเป็นเจ้ากรรมนายเวร...ต้องใช้เวรใช้กรรมให้กันจนกว่าจะตายกันไปข้างนึง”

   แม้ในเวลาที่ผมไม่ได้คิดถึงเขา คำพูดบางคำของป้าแก้วทำให้ผมคิดถึงธีร์ได้อย่างน่าประหลาด

   ผมสงสัย คำว่าคู่ชีวิตของเราจะมีนิยามแบบนั้นหรือเปล่า



* * * * * * * * *


   [อยู่หน้าบ้านละจ้า มึงอยู่ไหน]

   “แป๊บๆ จีบเสร็จยัง”

   มีเสียงตะโกนลอดประตูห้องน้ำออกมา “ยัง ขี้แตกอะ ไปขึ้นรถก่อนเลย”

   “เค” ผมตะโกนตอบ แล้วกรอกเสียงพูดกับโฟกัสที่อยู่ปลายสายต่อ “จีบขี้แตกอะ เดี๋ยวกูออกไปหามึงก่อนก็ได้”

   [มาๆ]

   ผมกดวางสาย แล้วเดินผ่านโถงหน้าบ้าน เห็นพ่อนอนหนุนตักแม่อยู่บนโซฟาอย่างกระหนุงกระหนิงแล้วยิ้มออกมา

   “อ้าว ไปไหนแต่เช้า” แม่สังเกตเห็นผมแล้วทักขึ้นมา สีหน้าเคร่งเหมือนกำลังคิดจะเฉ่งผมในใจ

   “ไป...ทำบุญวันเกิดธีร์อะครับ” ผมยิ้มแหยให้แม่ 

   “มีแฟนแล้วไม่ค่อยอยู่กับพ่อแม่เลยนะ” โดนเฉ่งจริงด้วย ไปทำบุญวันเกิดแฟนเฉยๆ ผมทำอะไรผิดค้าบ

   “แม่ก็บ่นเป็นคนแก่ไปได้...ปล่อยเด็กมันไปเถอะน่ะ ให้มันไปใช้ชีวิต” พ่อแก้ต่างแทนเพราะผมเงียบไป แม่ทำท่าจะเถียงกลับ แต่มองหน้าพ่อแล้วจิ๊ปากออกมาเสียงดัง...เฮ้ย พ่อวิน เป็นไปได้ไง

   “เฮ้อ โอเค” แม่ยอม “กลับเร็วหน่อยนะลูก”

   “ครับ”

   “มากอดทีมา” เจ้าของผมทรงบ็อบเทอ้าแขนกว้างทำให้พ่อผมลุกออกจากตัก ผมดิ่งเข้าไปกอดแม่หลวมๆ แล้วยกมือไหว้พ่อ หากตอนนั้นพ่อก็ไอออกมาในระดับเกือบจะเรียกได้ว่ารุนแรง แล้วยกมือรับไหว้แบบขอไปที ในลมหายใจนั้นผมได้กลิ่นเหมือน...บุหรี่

   นั่นคืออีกครั้งที่ผมได้กลิ่นบุหรี่มาจากพ่อ

   “ทุกอย่างโอเคไหมครับ” ผมถามออกไป ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงอยากถามแบบนั้น แค่สัญชาตญาณมันบอก   แม่หันมองพ่อเหมือนรอคำตอบจากชายร่างผอมซูบที่กำลังยกมือเช็ดปาก ในนาทีนั้นผมก็รู้สึกว่าเขาผอมลงมากกว่าปกติ หรือเพราะอยู่กับเขาทุกวันผมเลยไม่ได้สังเกตนะ...

   “จะมีอะไรไม่โอเคล่ะ ไปเฮอะ” พ่อไล่ กระแอมในลำคอตามอีกสองที ผมมองทั้งคู่นิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่งแล้วยอมผละออกมา รู้สึกทะแม่งแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป

   “จุ๊บจะรีบกลับนะครับ”

   ผมบอก ก้าวขาออกจากบ้านมาก็เห็นรถสีเขียวแปร๊ดของโฟกัสเตะตามาแต่ไกล แต่ที่เตะตากว่าคือผมทรงโก๊ะตี๋จากเรื่องหอแต๋วแตกของมัน กับแว่นตาดำ และเสื้อสีขาวสกรีนตัวหนังสือใหญ่เป้งสีแดงว่า

   ‘I HEART THEE DUMRONGDECH’

   วอทเดอะฟะ... “ทำไมกูเป็นคนเดียวที่ไม่มีเสื้อตัวนี้วะ” เพราะจีบก็ใส่   มาวันนี้เหมือนกัน แกเพิ่งอวดให้ผมดู

   “เอ๊า เป็นเมียยังไงไม่มีเสื้อผัว” โฟกัสแหวใส่

   “แฟนโว้ยแฟน” ผมแก้ กระซิบเบาๆ กับตัวเอง “...ยังไม่ถึงขั้นเมียซะหน่อย”

   “มุบมิบปากไรจุ๊บ ไม่ได้ถ่ายละครนะจะได้หันไปคุยกล้องสองกล้องสาม หันมาคุยกับกูนี่ กูคือเดอะโอนลี่กล้องของมึง”

   “เปล่าวุ้ย” ผมแก้ เปิดประตูรถแล้วหย่อนก้นตัวเองลงไป สงสัยว่าทำไมโฟกัสโวยวายจังเลยเช้านี้ เมนส์มาหรืออะไรน่ะ “พูดถึงแฟน มึงไม่เอาแฟนมาด้วยอะ”

   นั่นคืออีกเรื่องน่ายินดีที่เกิดขึ้นในสิบเดือนที่ผ่านมา...โฟกัสมีแฟนเป็นหนุ่มวิศวกรรมหล่อล่ำรุ่นพี่ที่เคยเรียนสถาบันเดียวกับเรา...ผู้ซึ่งผมยังไม่มีโอกาสได้เจอสักครั้งตั้งแต่มันเปิดตัว ความประหลาดคือเป็นแฟนคนแรกของโฟกัสที่มันหวงมาก ไม่ออกสื่อ ไม่เจอใคร แถมยังเปิดตัวว่าคบกันหลังจากที่ผมเปิดเผยกับมันว่ากำลังคบกับธีร์ ซึ่งผมเพิ่งมีความกล้าจะบอกมันเมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง

   “ไม่รู้ ตายละมั้ง” โฟกัสบ่นด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ นี่ไงเหตุผลที่เช้านี้อารมณ์บูด

   แต่ผมงง คบกันแค่เดือนกว่าๆ ก็แช่งกันระดับนี้แล้ว แปลว่าแฟนคนนี้ของมันต้องไม่โอเคแน่ๆ

   “ชาตินี้กูจะมีโอกาสเจอเขาไหมเนี่ย”

   “อาจจะไม่” มันยู่ปาก เสมองออกนอกรถเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่

   “มึงโอเคปะเนี่ย” ผมตบแขนโฟกัสเบาๆ เหมือนไล่อารมณ์เฉานั้นออกจากตัว “มีอะไรระบายกับกูได้นะ กูฟังได้”

   “กูไม่ไรหรอกมึง เรื่องหยุมหยิมอะ ขอบใจมึงมาก”

   “ไม่ไรแล้วก็ยิ้มให้กูดูหน่อยซิ เช้านี้ไม่เห็นมึงยิ้มเลยเนี่ย”

   โฟกัสหันมายิงฟันให้อย่างประชดประชัน เอ้อ เล่นได้แบบนี้ค่อยสบายใจหน่อย

   “แล้ว...มึงกับธีร์อะเป็นไงบ้าง” เพื่อนหันมาเปลี่ยนเรื่อง “คบกันมากี่เดือนแล้วนะ”

   “เข้าเดือนที่สิบเอ็ดละ”

   “ช่วงนี้โอเคเปล่า เห็นธีร์ออกงานโคตรเยอะเลย มีเวลาให้มึงไหมเนี่ย”

   “เอาจริงนะ เดือนนี้ไม่เจอกันเลยว่ะ” ผมยอมรับตามตรง “วันนี้วันแรกเลยที่จะได้เจอ แต่ก็คุยเรื่องนี้กันละ โทรคุยเอาก็ได้กูไม่ซีเรียสอะ”

   “มึงนี่ดีจัง หมดช่วงโปรแล้วก็ยังหวาน แฟนกูนี่จืดตั้งแต่สิบวันแรก”

   ผมย่นคิ้วไม่อยากเชื่อ “ขนาดนั้น”

   “แต่วันๆ หนึ่งก็เจอคนเยอะ มึงไม่กลัวธีร์ไปมีกิ๊กอะไรงี้เหรอ”

   ผมนึกนิ่งๆ ครู่หนึ่ง “...ไม่นะ ทุกวันนี้ก็เจอแต่คนในวงการ ถ้าจะมีก็เป็นคนในวงการนั่นแหละ เคยเล่าอยู่ว่ามีดารารุ่นพี่มาจีบเหมือนกัน แต่ธีร์ไม่เอาอะ”

   “เพราะเขารักมึง”

   “เพราะเขาไม่ชอบผู้หญิง” ผมแก้ โฟกัสขำพรืดออกมา “ล้อเล่น จริงๆ เพราะกลัวจะเป็นข่าวเหอะ พวกที่เข้าหาเขาก็กะเป็นข่าวอยู่ละ”

   “เอ้อ ถึงตอนนี้กูยังไม่เชื่อเลยว่าคนที่กูติ่งจะชอบผู้ชาย” แล้วเสียงหัวเราะก็เปลี่ยนเป็นคำสบถกับตัวเองเฉย อะไรของมันเนี่ย “ไม่ๆ ไม่ได้หมายถึงกูไม่เชียร์มึงกับธีร์หรืออะไรนะ มึงก็รู้ว่ากูอยากให้มึงมีความสุข และกูแฮปปี้มากๆ เรื่องมึงก็น้อง” โฟกัสรีบพูดกลบเกลื่อนเมื่อเห็นผมย่นคิ้วใส่

   “แต่แบบ...มึงก็รู้ว่ากูผ่านอะไรมา...และกูไม่อยากให้มึงเจอเรื่องแบบนั้นไง”

    พอเพื่อนเลิกคิ้วตอนพูดว่า ‘เรื่องแบบนั้น’ ผมก็ถึงบางอ้อทันที โฟกัสมีความลับโคตรดาร์กข้อหนึ่งที่มีแค่คนสนิทเท่านั้นที่รู้ (ซึ่งได้แก่ผมกับเพื่อนในกลุ่มตอนมอปลาย) คือ...มันมีพ่อเลี้ยงเป็นเกย์

   พูดไปจะหาว่าดราม่า แต่ชีวิตโฟกัสดราม่าจริงๆ ครับ มันเป็นลูกติดแม่ พ่อแท้ๆ ตายไปตั้งแต่ยังเด็ก พอพ่อตายแม่ก็ย้ายจากต่างจังหวัดมาหางานทำที่กรุงเทพฯ และแต่งงานใหม่กับเศรษฐีรุ่นราวคราวเดียวกันคนหนึ่งตอนโฟกัสอายุได้แปดขวบ อยู่กินไปได้ไม่กี่ปีพ่อเลี้ยงก็เริ่มเผยธาตุแท้ ไม่ทำมาหากินจนเงินที่บ้านร่อยหรอ ทำตัวสำมะเลเทเมา แถมยังใช้กำลังกับแม่โฟกัสอยู่ทุกวัน แต่นั่นยังไม่พีคเท่าการเอาผู้ชายเข้าบ้านแล้วเปิดเผยว่าตัวเองเป็นเกย์ แต่งงานกับแม่ของโฟกัสเพื่อเอาใจครอบครัวเฉยๆ

   ‘แล้วคืนหนึ่งแม่กูก็ทนไม่ไหว ตอนนั้นกูอายุสิบสี่ได้มั้ง นอนอยู่ดีๆ ก็ได้ยินเสียงปืนดัง’

   รู้ตัวอีกทีคนเป็นแม่ก็โดนจับข้อหาพยายามฆ่าคนตาย โดนโทษจำคุกตลอดชีวิต ซึ่งตอนนั้นก็มีคนตายจริงๆ คือคู่เกย์ของพ่อเลี้ยง ส่วนพ่อเลี้ยงโฟกัสโดนยิงที่ก้านสมอง ถึงยังรอดแต่ก็กลายเป็นอัมพาตทั้งตัว

   ตั้งแต่นั้นมาโฟกัสก็ย้ายไปอยู่กับน้องแม่ และมีภาพจำไม่ดีเกี่ยวกับคู่เกย์มาตลอด

   ‘ไม่ได้ถึงขนาดที่อยู่ร่วมกันไม่ได้นะ แต่ทุกครั้งที่กูเห็นมันมีภาพของพ่อเลี้ยงซ้อนทับอยู่ตลอดเลยมึง’

   เชี่ย คนอะไรแบ็คกราวน์ชีวิตทรหดอย่างกับละครหลังข่าว แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ดีใจที่มันผ่านเรื่องขนาดนั้นแล้วแยกแยะเรื่องของผมกับธีร์ได้

   ผมดีใจที่อย่างน้อยมันก็ยินดีกับผม

   “อย่าคิดมาก กูกับธีร์จะไม่เป็นแบบนั้นแน่ๆ”

   “กูก็ว่างั้น”

   “เอ้อ ไม่รู้เคยบอกมึงหรือยังว่ากูกับธีร์เป็นคู่...”

   “เป็นคู่ชีวิตกัน ใช่ มึงเคยบอกกูแล้ว มึงจูบหยุดเวลาได้ด้วย” ผมหัวเราะรับ ทว่าโฟกัสยังทำหน้าตึงแปลกๆ...โบท็อกซ์ปะวะ “กูแค่... กูไม่ว่าที่มึงเชื่อเรื่องแบบนั้นนะ ซึ่งมันอาจจะจริง แต่สำหรับกูมันไกลตัวมากเลย ไม่รู้ดิ...เอาเป็นว่านอกเหนือจากเรื่องแฟนตาซีทั้งหมดนั่น กูแค่อยากให้ธีร์มีความสุข...ธีร์กับมึง”

   “กูมีความสุขดี” ผมตบบ่าโฟกัสเพื่อยืนยัน ยิ้มให้แม้ในใจจะแหม่งๆ กับคำพูดของมันชอบกล

   ทุกวันนี้ผมก็มีความสุขดี...ใช่เปล่าหว่า

   “ขอบคุณมึงมากที่มาทำบุญกับกูวันนี้ ตอนแรกกูกะจะบอกปัดธีร์ไปแล้วเพราะไปด้วยกันแล้วกลัวโดนแอบถ่าย แต่มีมึงกับจีบมากูค่อยสบายใจหน่อย”

   “ใครว่ากูมาเพราะมึง” มันหรี่ตาตำหนิ “กูมาเพราะอยากมาต่างหาก”

   ผมหัวเราะออกมา “โอเค๊”

   “แต่มึงไม่ว่าอะไรใช่ไหมที่กูจะกรี๊ดแฟนมึงต่อไปเรื่อยๆ”

   “กรี๊ดดังเท่าที่คอเพื่อนจะอำนวยเลยครับผม แต่เจ็บคอแล้วอย่ามาบ่นให้กูฟังนะ ไปบ่นกับหมอนู่น”

   “จุ๊บ ทำไมเหี้ย”

   “ฮ่าๆๆๆๆ”


(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบแปด | UPDATE 27.1.2561 | Page 24 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 27-01-2018 23:43:56
(ต่อจากด้านบน)

   หลังจากรอจีบที่ขี้จนหมดไส้หมดพุงเรียบร้อย เราก็ได้ฤกษ์เดินทางไปยังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าใจกลางเมืองแห่งหนึ่งชื่อ ‘อ้อมอารี’ เป็นบ้านชั้นเดียวหลังใหญ่ที่รวบรวมเด็กกำพร้าทุกเพศทุกวัยเอาไว้มากที่สุดแห่งหนึ่งของเมือง ที่นี่มีโรงอาหาร สนามเด็กเล่น และสาธารณูปโภคมากพอจะรองรับเด็กได้หลายร้อย แต่ดูเหมือนวันนี้จะดูเล็กจ้อยลงไปถนัดตา

   จะพูดยังไงดี งานทำบุญวันเกิดของธีร์ ดำรงเดชมันไม่ใช่การไปเลี้ยงข้าว ให้ขนม หรือสอนเด็กวาดรูปธรรมดา พูดตามตรงมันดูเหมือนไม่ใช่งานทำบุญวันเกิดของเขาแล้วด้วยซ้ำ มันเหมือน...งานมีตติ้งดาราที่ใช้ส่วนบุญส่วนกุศลบังหน้า เพราะแฟนคลับของเขาไหลทะลักเข้างานอย่างกับน้ำป่าไหลหลาก กูนึกว่าข้างในมีโรงทาน ไอ้ชิบหาย (อุทาน)

   “ถ้าเก็บค่าตั๋วเข้านี่ได้เป็นแสนเลยนะ” ผมมองฝูงชนข้างในแล้วบ่นลอยๆ ตาแหงนมองเลยไปถึงป้ายไวนิลแผ่นใหญ่ที่ขึงตรงทางเข้า มันเขียนว่า ‘HAPPY BIRTHDAY THEE ตอน วัยรุ่นบุญท่วมหัว’

   กูปวดตับกับชื่องานมากๆ แง้ ใครคิด!

   “จุ๊บ แกไม่รู้เหรอ” จีบเปรย “งานนี้เขามีขายบัตรนะ ให้กดจองผ่านไทยทิกเกอร์เมเจ๊ตอะ”

   ฉึ่ง...กูหน้าตึงไปทันที แต่ยังไม่ทันได้เหวอใดๆ เสียงโทรศัพท์จากธีร์ก็ดังขึ้นซะก่อน

   [พี่จุ๊บ เราเห็นนาย] เขาพูด ผมจึงชะเง้อคอผ่านฝูงชนเข้าไป แต่ไม่ปรากฏวี่แววของคนผิวสว่างแต่อย่างใด [ยืดคอจะเป็นยีราฟแล้ว ไม่เห็นเราหรอก เราอยู่ในบ้าน]

   “อ้าว” ไม่บอกตั้งแต่แรกล่ะฟะ

   [โทษทีที่บอกว่าทำบุญวันเกิด ไม่ใช่อย่างที่คิดอะดิ]

   “ใช่ โคตรอึ้ง”

   [ทำบุญวันเกิดของเราเป็นแบบนี้นี่แหละ ฮ่าๆ เห็นชื่องานตรงประตูไหม เราคิดเองเลยนะ เท่ปะ]

   ออหอ นึกว่าใคร ที่แท้มันนี่เอง ตั้งชื่อซะกูอยากบอกเลิกตอนนี้เลย ฮือ

   “เท่ซั้สสสสสสส” ผมประชม (ประชด+ชม) แล้วเปลี่ยนเรื่องคุยเป็นการเป็นงานบ้าง “มีตรวจบัตรอยู่ จะเข้าไปยังไงอะ”
   [เดี๋ยวเราจะให้สตาฟฟ์เอาบัตร VIP ไปให้ รออยู่ตรงนั้นแหละ] ธีร์บอก [ได้บัตรแล้วเข้ามาหาเราในบ้านนะ เราอยู่ห้องเด็กเล็ก อย่าพาใครมาด้วยล่ะ]

   แล้วเขาก็วางสายไป ไม่นานก็มีชายตัวใหญ่ท่าทางเคร่งครึมแต่สวมเสื้อ I HEART THEE DUMRONGDECH เอาป้ายคล้องคอมาให้เราสามคน ก้าวแรกหลังจากเข้าไปยังบริเวณบ้านผมก็เห็น...โรงทาน! มันมีโรงทานอยู่จริงๆ รายล้อมไปด้วยคนใส่เสื้อแฟนคลับของเขาทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แต่ละคนมีของที่จะมอบให้เด็กกำพร้าและศิลปินพะรุงพะรังไปหมด แม้แต่จีบกับโฟกัสยังมีของกระจุกกระจิกมาแจกเด็กๆ

   ตัดภาพมาที่ผม...มีแค่กล้องถ่ายรูปตัวเดียว เยี่ยมไปเล้ย

   ภายในบ้านแน่นขนัดไปด้วยคนมากหน้าหลายตาทั้งผู้ใหญ่และเด็ก มีการจัดโซนเป็นฐานกิจกรรมต่างๆ เหมือนงานวันเด็กขนาดย่อม ผมเห็นเวที โซนถ่ายรูป บูธวาดภาพระบายสี ทำขนม และสารพัดที่คุณจะจินตนาการถึง ตามกำหนดการงานจะเริ่มราวๆ สิบโมง ผมจึงแยกกับโฟกัสและจีบที่ดูโหยของกินเหลือเกินตั้งแต่เดินเข้ามา ไปหาธีร์ในบ้านอย่างที่เขาบอก ผ่านด่านการ์ดจนเข้าไปถึงห้องเด็กเล็ก ได้ยินเสียงรื่นหูของพระเอกดังอยู่ไกลๆ

   แต่พอไปถึงกลับไม่ได้มีแค่เขาคนเดียว ในห้องเด็กเล็กที่ถูกตกแต่งด้วยสีสันสดใสซึ่งมีเด็กวัยอนุบาลราวสิบคนวิ่งเล่นกันอยู่ ตรงนั้นยังมีคนอีกสองคนที่ผมไม่ควรมาเจอที่สุดอยู่ตรงนั้น

   พี่บุ๊ค ผู้จัดการของธีร์ และพิมพ์ผกา ดำรงเดช แม่ของเขา

   วันนี้พวกเขาแต่งตัวในตีมสีขาวแบบเดียวกัน ไม่น่าเชื่อว่าธีร์อยู่ชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ธรรมดาจะดูดีได้ขนาดนั้น เช่นเดียวกับพี่บุ๊คที่ใส่เสื้อกั๊กสีขาวทับเสื้อสีเนื้อ กับกางเกงผ้าลายไทยที่มองไปก็เท่แต่มองอีกทีก็เหมือนแต่งไปวัด รวมไปถึงแม่ของเขาที่ใส่เดรสสีขาวดูสวยหรูอย่างเคย ทั้งสามคนกำลังคุยกันพลางมองเด็กๆ วิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน

   และแน่นอนว่า ไอ้หนุ่มเสื้อสีเขียวขี้ม้าที่จู่ๆ ก็เดินโด่เด่เข้าไปจะต้องโดนจับตามอง 

   ธีร์เพิ่งสังเกตเห็นผมหลังจากคนอื่น สีหน้าตกตะลึงของเขาทำให้ผมรู้ว่าตัวเองมาผิดเวลาอย่างแรง รู้ตัวอีกทีขาก็พาผมเข้าไปตรงกลางห้อง จะหันหลังกลับมันก็ไม่ทัน

   ทั้งห้องเงียบฉี่ทันที แม้แต่เด็กยังหยุดวิ่ง ฟัค

   “เอ่อ...” ผมอึ้ง ทุกคนอึ้ง

   “นี่...พี่จุ๊บครับ พี่เทคที่มอผมเอง!” แล้วธีร์กอบกู้สถานการณ์ไว้ได้ทัน ถึงอย่างนั้นเขาก็แนะนำผมด้วยเสียงดังเกินธรรมชาติ ก่อนจะรู้ตัวว่าดังเกินไป ธีร์กระแอมก่อนพูดต่อ

   “แล้วก็...วันนี้อาสาจะมาเก็บภาพในงานครับ” เขามองกล้องที่ผมสะพายอยู่แล้วพูดออกไป ทั้งที่เราไม่ได้ตกลงกันแบบนั้น เหยด นึกขอบคุณตัวเองจริงๆ ที่สะพายกล้องมา

   “ผมอยากแนะนำให้รู้จักกัน เผื่อ...จะได้ตามไปเก็บภาพอีกหลายงาน” ธีร์แถให้ผมต่อ แล้วแนะนำให้ผมรู้จักกับคนฝั่งเขาบ้าง ผมยกมือไหว้พี่บุ๊คและแม่ของเขาอย่างลนลาน ปั้นรอยยิ้มบนหน้าแบบพยายามไม่มีเลศนัย

   ต่าย พิมพ์ผกาไม่แม้แต่จะยกมือรับไหว้ เธอแค่มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยดวงตากลมสวยหากน่ากลัวประหลาด ราวกับเธอพยายามให้ผมรับรู้ถึงรังสีบางอย่างที่แผ่ออกมาจากตัว

   ชั่วแวบหนึ่ง แววตาแบบนั้นทำให้ผมสงสัยว่าบางที...บางทีเธออาจจะรู้เรื่องผมกับธีร์

   “เก็บภาพเหรอ” เธอถาม “ปกติเราก็มีช่างภาพของเราอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องใช้ช่างภาพนอกเลย”

   “เอ่อ...จริงๆ แล้วเก็บไปประกอบวิชากิจกรรมของคณะให้ธีร์น่ะครับ น้องไม่ค่อยร่วมกิจกรรมคณะเพราะงานเยอะ อาจารย์เลยให้ไปทำ CSR (กิจกรรมช่วยเหลือสังคม) มาแทน แล้วงานนี้ก็เข้าข่าย ผมเลยมาเก็บภาพให้น้องน่ะครับ”

   ผมโกหก เป็นคำโกหกที่ผมไม่เชื่อมันเลยสักคำ มีเหรอที่แม่เขาจะเชื่อ

   นางเอกรุ่นแม่หรี่ตามองผมครู่หนึ่ง สีหน้าเรียบตึงไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เธอเหยียดริมฝีปากแล้วพูดออกมาว่า

   “งั้นก็แล้วไป” สรุปว่าเชื่อ...เฉย “แต่งานหน้าไม่ต้องลำบากแล้วนะ ไม่ต้องการ”

   ไม่ต้องการ

   น้ำเสียงคมกริบเหมือนมีดที่กรีดผมอย่างช้าๆ ความเย็นชานั้นทำให้ผมรู้สึกเป็นส่วนเกินของห้องนี้มากกว่าเดิม ผมหัวเราะแฮ่กลบเกลื่อน สบโอกาสจึงขอตัวออกมาด้วยความกระอักกระอ่วน

   “เดี๋ยว” แต่...ถูกพี่บุ๊คผู้จัดการเรียกไว้ซะก่อน อะไรอีกค้าบบบบ “น้องหน้าคุ้นๆ จังค่ะ เหมือน ‘เรา’ เคยเจอกันที่ไหนมาก่อน...” พี่ตุ๊ดหัวเกรียนร่างใหญ่ห่อลิ้นตรงคำว่าเราจนผมสะดุ้ง มันต้องออกเสียงปานนั้นเลยใช่ไหมฟะ

   แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญตอนนี้ ประเด็นคือ...หรือพี่บุ๊คจะจำผมได้ตอนเจอกันแบบเฉียดๆ ที่คณะตอนนั้น...ทำไงดีวะเนี่ย
   
   “ที่ไหนเหยอฮ้าบ” คิดอะไรไม่ออก ผมจึงหันไปยิ้มตาหยีให้จนตาเป็นรูปสระอิ จินตนาการหน้าตัวเองออกเลยว่าคงเหมือนหน้ากากอาแปะที่เชิดสิงโต...ดูซิเล่นตลกใส่แบบนี้จะจำได้อยู่ไหม

   “พี่ว่า...” พี่บุ๊คจิกปาก “ไม่เคยเจอหรอก พี่คิดไปเองแหละ”

   “แฮ่ๆ” โคตรโล่ง แต่ก็ต้องหัวเราะแบบสตาฟฟ์หน้าอาแปะเอาไว้เพราะกลัวหลุด

   “แต่น้องหน้าตาดีนะ ถ้าไม่ยิ้มแบบนั้น”

   “ฮ้าบ ขอบคุณฮ้าบ ไปละฮ้าบ”

   ผมรีบชิ่งออกมาโดยไว ไม่วายได้ยินประโยค “แปลกคนจัง การพูดการจาก็ประหลาด ธีร์รู้จักคนแบบนี้ได้ไง” มาจากพี่ตุ๊ดผู้จัดการ ไม่คิดติดใจกับคำติเรื่องคำพูดคำจาของเขา เพราะนาทีนี้โคตรโล่งใจที่เอาตัวรอดมาได้ แต่อีกใจก็รู้สึกหนักอึ้ง

    การเผชิญหน้ากับแม่ธีร์ย้ำเตือนผมถึงอุปสรรคใหญ่ในความสัมพันธ์ของเรา...อุปสรรคที่ทำให้เรื่องยากลำบากอื่นดูเล็กจ้อยลงถนัดตา

   ผมกับธีร์จะเก็บเรื่องของเราไว้เป็นความลับได้อีกนานแค่ไหน   


 
   ทำใจไว้แล้วว่าการเจอกันตอนเช้าจะเป็นช่วงเวลาเดียวของวันที่เราเฉียดใกล้กัน ถึงจะคิดถึงการเจอธีร์มากแค่ไหน แต่มันคงไม่ฉลาดเท่าไหร่ที่จะมาจิ๊จ๊ะกับเขาท่ามกลางสายตาของแม่ ผู้จัดการ และแฟนคลับกว่าร้อยคนแบบนี้ ผมจึงตัดสินใจเอ็นจอยตัวเองไปกับการทำบุญตามจุดประสงค์ของงานจริงๆ ด้วยการมาช่วยสอนเด็กชายผมหน้าม้าเต่อคนหนึ่งระบายสีอยู่ในโซนศิลปะ

   “อย่าระบายเกินเส้นสิ”

   “ยุ่งน่ะพี่” มันชื่อเบิร์ด ตัวแค่นี้แต่แสบใช่เล่น แต่ผมก็ไม่ถือสาหรอก “ทำไมไม่อยากไปดูดาราที่เวทีเหมือนคนอื่นเขาล่ะ”

   “ไร้สาระ” น้องเบิร์ดตอบ ไม่น่าเชื่อว่านี่คือคำพูดที่ออกมาจากปากเด็กอายุสิบขวบ “ผมหล่อกว่าพวกนั้นมัดรวมกันอีก”

   “โฮ่” ผมระเบิดหัวเราะด้วยความนับถือ “แต่ก็จริง พวกนั้นไม่เห็นมีใครหล่อเลยเนอะ”

   “ใครเอาเป็นแฟนคงตาถั่ว”

   ระบายสีอยู่ดีๆ ถึงกับทรุด ทำไมสุดท้ายเข้าพี่ล่ะโว้ยเบิร์ดดดด

   ผมใช้เวลาค่อนวันขลุกอยู่ตรงนั้น มองคนในเสื้อ I HEART THEE DUMRONGDECH เดินเข้าไปกระจุกกันอยู่ที่เวทีตอนที่ธีร์เปิดมินิคอนเสิร์ตเล็กๆ ในช่วงท้ายของวัน มันเป็นมินิคอนเสิร์ตกึ่งสรุปงานนี้และกึ่งโปรโมตคอนเสิร์ตใหญ่ของเขากับเพื่อนๆ ‘วัยรุ่นวุ่นรัก’ ที่กำลังจะมาถึงด้วย เสียงกรี๊ดอย่างอุ่นหนาฝาคั่งดังต่อเนื่องแม้พวกเขาจะร้องเพี้ยนกันแค่ไหน ผมกะว่าจะไปถ่ายภาพขำๆ สักหน่อยเลยตัดสินใจบอกลาน้องเบิร์ด

   “ขอบคุณนะพี่จิ๊บ แต่ไปไหนก็ไปเลยครับ” น้องเงยหน้ามายักคิ้วแล้วก้มลงระบายสีต่อ...จำชื่อไม่ได้แถมยังไล่อีก โอเคเว้ย
   ผมเดินมาถึงบริเวณเวทีตอนเพลงสุดท้ายกำลังเริ่ม สังเกตเห็นโฟกัสกับจีบที่ยืนวี้ดๆ อยู่แถวหน้าสุด สังเกตเห็น ‘เขา’ ตัวเท่านิ้วก้อยที่ยืนแจกความสดใสอยู่บนนั้น

   “ถ่ำไมเธอต้องยิ้มทุกทีที่เดินซวนกัน ถ่ำไมเธอต้องหวานทุกคำที่เอ่ยวาจ่า”

   และธีร์ ดำรงเดชไม่เคยทำให้แฟนๆ ผิดหวัง เขายังรักษามาตรฐานการร้องเพลงที่ทำให้เราตั้งคำถามว่า...แกเป็นพระเอกละครมิวสิคัลจริงปะเนี่ย

   “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!”

   แต่แฟนคลับก็ยังกรี๊ดคอแตกให้ รู้แล้วครับว่ารักจริงๆ

   ผมยกกล้องขึ้นถ่ายวิดีโอของเขาจนจบเพลง รู้แหละว่าธีร์มองไม่เห็นหรอก เพราะผมแทรกตัวอยู่ท่ามกลางแฟนคลับนับร้อย แถมยังถูกดันให้มาอยู่หลังๆ ด้วยซ้ำ

   แต่พอร้องจบ ธีร์ก็หันมาสบตาเข้ากับกล้องของผม ขยิบตาให้เหมือนรับรู้ว่าผมอยู่ตรงนี้ บางทีอาจจะเป็นเพราะเสื้อสีเขียวขี้ม้าท่ามกลางเสื้อแฟนคลับสีขาว

   ก่อนดนตรีบรรเลงจะจบลง อยู่ๆ ธีร์ทำท่าชูนิ้วโป้งขึ้น แล้วกลับนิ้วโป้งลง จากนั้นก็จุ๊บนิ้วโป้งนั้นเบาๆ และปิดท้ายด้วยการทำมือไอเลิฟยูส่งมาให้

   เสียงกรีดร้องดังสนั่น ผมหัวเราะออกมาอย่างไม่เชื่อว่าเขาจะกล้าทำท่านั้นจริงๆ มันอาจดูเป็นท่าปิดท้ายเพลงเสร่อๆ ที่ทำคิดขึ้นเพื่อแฟนคลับ

   แต่สำหรับผม มันคือท่าบอกรักที่มีแค่เราเท่านั้นที่รู้

   ธีร์เคยคิดเล่นๆ และทำให้ผมดูตอนเราอยู่ด้วยกัน ด้วยความกลัวว่าผมจะน้อยใจที่ไม่ได้เจอกัน ผสมกับการที่เขาอยากให้ผมไว้ใจว่ายังไงก็รัก เขาเลยคิดท่าบอกรักผ่านสื่อขึ้นมาจากคำที่เราชอบพูดกันบ่อยๆ

   ...การชูนิ้วโป้งหมายถึงดี กลับนิ้วโป้งลงหมายถึงแย่ และการจุ๊บนิ้วโป้งหมายถึงผม

   ‘ไม่ว่าจะดีหรือแย่ เราสัญญาว่าจะรักพี่จุ๊บ’

   จะว่าบ้าก็บ้า

   แต่น่ารักวุ้ย



   Thee Dumrongdech
   โทษทีวันนี้ไม่ได้คุยกันเลย

   
Jub Joompit
   ไม่เป็นไร
        เข้าใจ
        ธีร์
        สุขสันต์วันเกิดนะ
        มีความสุขมากๆ โตไวๆ

   Thee Dumrongdech
   อยากได้ยินเสียง
   โทรไปได้มั้ย

   
Jub Joompit
   มาดิ

   เสียงเรียกวิดีโอคอลจากเขาดังขึ้น ผมกดรับ

   [ไหนอะของขวัญ] เขาทำท่าแบมือขอ ยังอยู่ในชุดเดิมจากงานวันนี้ เราทั้งคู่ต่างอยู่บนเตียงของตัวเองที่บ้าน

   “อะไรๆ” ผมแหย่ “ไปทำบุญด้วยนี่ยังไม่พออีกเหรอ”

   [เฮ้ย มันจะพอได้ไง มันต้องเป็นชิ้นเป็นอันดิ]

   “ไม่มีอะ”

   [ทำท่าดีหรือแย่ให้ดูก็ได้]

   “ไม่มีทาง” ผมจะไม่ยอมทำท่าบ้านั่นให้เขาดูเด็ดขาด

   ไม่ใช่อะไร...มันเขินเกินไปโว้ยยย

   [พี่จุ๊บ วันเกิดเรานะ ทำให้ดูหน่อยยยย]

   “ไม่”

   [ไม่ทำจะวางละเน่อ]

   โหย วันนี้เอาแต่ใจจังวะ “เดี๋ยวดิ”

   [ทำ…เดี๋ยวนี้เลย]

   ผมถอนหายใจพลางส่ายหัว “เห็นว่าเป็นวันเกิดหรอกนะ” แล้วทำทุกอย่างด้วยความรวดเร็ว เริ่มตั้งแต่ยกนิ้วโป้งขึ้น กลับมันลง จุ๊บปาก แล้วทำมือไอเลิฟยู

   [เฮ้ย เร็วแบบนั้นใครจะไปมองทันฟะ]

   “ไม่รู้ๆๆ ทำแล้วทำเลย ได้รอบเดียวด้วย” ผมแหว รู้สึกหน้าร้อนขึ้นมานิดๆ

   [บอกรักเราด้วยดิ]

   “ทำไมงอแงจังวันเนี้ย”

   [จุ๊บรักธีร์ แค่นี้ยากตรงไหนอะคร้าบ] อ้อนเก่ง แต่ไม่ใจอ่อนหรอก

   “ไม่อาวววววว”

   [เฮ้อ แล้วแต่] แล้วเขาก็ยอมแพ้ไปในที่สุด ง่ายจังรอบนี้

   “งอนเหรอ” คนบนหน้าจอส่ายหัว แต่ทำแก้มป่องเหมือนเด็กอย่างน่าตี “มันไม่ได้น่ารักนะทำแบบนั้น”

   [ใช่ดี้] เขาตัดพ้อ

   “ฮะๆ อย่างอนๆ” ผมบอก แล้วหาวให้เขาดูหนึ่งรอบ “เพราะเราไม่มีแรงง้อแล้ว”

   [ทำไมเพลียเร็วจังวันนี้] เขาเลิกทำแก้มป่องแล้วถามจริงจัง [ไปทำอะไรกับกิ๊กมาใช่ไหม]

   “คิดได้” ผมหัวเราะในลำคอ พลิกตัวนอนตะแคงแล้วสบตาเขา “วันนี้หนุกไหม”

   [ก็ดีอะ เหนื่อยเหมือนทุกวัน]

   “คนอะไรงานทำบุญวันเกิดตัวเองยังจัดเหมือนแฟนมีต”

   เขาหัวเราะ [ตอนแรกก็ไม่อยากให้เป็นแบบนี้เหมือนกัน แต่ค่ายเขาขอมา]

   “แล้วไม่บอกไรเราเลย ขำตรงทุกคนใส่เสื้อไอฮาร์ทธีร์ ดำรงเดช แล้วเราใส่เสื้อสีเขียวกากๆ ไปคนเดียว”

   [อยากได้เหรอเสื้อตัวนั้นอะ]

   “อย่างน้อยมันก็ทำให้เราเหมือนคนอื่นไง”

   [เราไม่อยากให้พี่จุ๊บเหมือนคนอื่นไง]   

   “ทำไมล่ะ”

   [นั่นแฟนคลับ นี่แฟนครับ]

   “โอ...เค๊” ผมทำท่าโบกมือศิโรราบ นึกถึงเสื้อสีเขียวเด่นของตัวเองตัวนั้น แล้วจู่ๆ ก็นึกไปถึงเหตุการณ์ตอนเช้าของวันนี้

   “แม่นอนแล้วเหรอ” ผมถาม

   [นานแล้วครับ] เขาบอก [วันนี้เราเกือบไม่รอดนะจุมพิต]

   “เราว่าแม่ธีร์สงสัยละ ฮะๆ”

   [ก็อาจจะ]

   “ถ้าแม่รู้จริงธีร์ว่าเขาจะทำยังไง กันไม่ให้เราเจอกัน จ้างคนมาตามเรา อะไรแบบนั้นปะ”

   [ไม่รู้เหมือนกัน แต่คิดว่าคงเป็นแบบนั้น] ธีร์เบ้ปาก [แต่เราไม่ยอมแพ้หรอก]

   “อู้ว” ผมยิ้มล้อเลียนสีหน้ามุ่งมั่นนั่น ต่อด้วยหาวให้เขาดูรอบที่สอง “อิ๊ดอ้าอุดอ๊ายเขาอาออมให้เราอยู่ด้วยกันอ๊ะ (คิดว่าสุดท้ายเขาจะยอมให้เราอยู่ด้วยกันปะ)”

   [หาวขนาดนี้ก็ไปนอนเถ้อะ] คนผิวสว่างไม่ตอบคำถามผม แต่ออกเสียงไล่แทน [เรื่องที่มันยังมาไม่ถึง เราอย่าคิดล่วงหน้าเลยเนอะ]

   “ฮะ...โอเค...” แล้วผมก็หาวให้เขาดูอีกรอบ “โทษที”

   [ฝันดีครับแฟน]

   “สุขสันต์วันเกิดนะธีร์” ผมรวบรวมกำลังสุดท้ายก่อนห้วงนิทราจะดึงผมให้ดิ่งไปมากกว่านี้ “19 แล้ว แต่เป็นเกือบปีที่เข้ามาในชีวิตเรา จะบอกว่าไงดี ขอบคุณที่เข้ามา และขอให้เราอยู่ด้วยกันแบบนี้เรื่อยๆ...” ผมพยายามเบิกตาปรือๆ เพื่อมองเขาได้ชัดเจนเพราะคำที่จะพูดต่อไปเลยนะ

    “เรารักธีร์นะ” ผมยอมพูดออกไปในที่สุด เห็นรอยยิ้มของคนหน้าจอแล้วกดวางสายไป

   อย่างที่เขาบอก ตอนนี้เรามีกัน เรื่องที่มันยังมาไม่ถึงก็อย่าไปคิดล่วงหน้าเลย


(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบแปด | UPDATE 27.1.2561 | Page 24 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 27-01-2018 23:46:45
(ต่อจากด้านบน)

   แต่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วจนไม่ทันได้ตั้งตัว

   ไม่ว่าจะดีหรือแย่คือสัญญาใจของเรา และเราก็มีช่วงเวลาที่ดีมากมายที่ได้ใช้เวลาด้วยกัน

   ไม่เคยคิดว่าช่วงเวลาที่แย่มันจะมาถึงในชั่วพริบตาเดียวหลังจากช่วงเวลาดีๆ เกิดขึ้น

   หนึ่งอาทิตย์หลังจากงานทำบุญวันเกิดธีร์ มีงานประกาศผลรางวัลหนังสั้นที่ทีมผมส่งประกวดจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัย ธีร์ขอโทษผมใหญ่ที่มาไม่ได้เพราะติดซ้อมคอนเสิร์ตที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ผมบอกว่าไม่เป็นไร มันเป็นแค่งานเล็กๆ ที่ผมไม่ได้หวังจะชนะด้วยซ้ำ แค่มาถึงรอบสุดท้ายก็ดีใจมากแล้ว

   “แกจะชนะ แล้วเราจะได้ปิดซอยเลี้ยงกันอย่างที่พ่อบอก” แต่พ่อของผมยืนยันแบบนั้น แถมแกยังชวนแม่ ป้าเด้า ลุงโรเบิร์ต และไอ้จีบยกขโยงกันมางานรับรางวัลนี้กันทั้งบ้าน

   ผมตั้งท่าว่าพ่อเล่นใหญ่เกินไปแล้ว แถมช่วงนี้สุขภาพแกยิ่งไม่ค่อยดี ต้องเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลในอาทิตย์นี้เป็นว่าเล่น แต่พ่อก็ยืนยันว่าอยากมาเห็นผมรับรางวัล

   เป็นอีกครั้งที่ผมน่าจะเอะใจ แต่ผมก็ปล่อยผ่านมันไปเหมือนสายลม

   ปรากฏว่าคืนนั้นผมได้รางวัลชนะเลิศจริงๆ อย่างที่พ่อบอก วินาทีที่ประกาศผมพุ่งเข้าไปกอดพ่อคนแรก ได้ยินเขาพร่ำบอกว่าดีแล้ว และเขาภูมิใจในตัวผมแค่ไหน

   แต่วินาทีหลังจากรับรางวัลนั้น เสียงกรีดร้องของแม่ก็ดังขึ้น

   รู้ตัวอีกที ผมก็มาอยู่ที่โรงพยาบาลกับทุกคน รู้สึกเหมือนคนโง่ที่มองภาพพ่อที่ไอออกมาเป็นเลือดถูกหามเข้าห้องไอซียู รู้สึกเหมือนเป็นลูกแย่ๆ ที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพ่อตัวเองเลย

   บางทีผมอาจจะเป็นแบบนั้นจริงๆ

   “พ่อ...ได้ยินจุ๊บไหม” ผมเรียกและจับมือเขาแน่น ท่ามกลางสายระโยงระยางและความวุ่นวายในห้องฉุกเฉิน “ตื่นมาคุยกับจุ๊บก่อน จุ๊บได้รางวัลมาอวดพ่อแล้วนะครับ”

   แต่พ่อก็ยังนอนนิ่ง ผ่อนลมหายใจรวยรินและส่งแรงบีบเล็กๆ มาที่ฝ่ามือผม ก่อนที่หมอจะกันผมออกจากห้อง
 
   ไม่นานสมาคมทุกคนในบ้านมาสมทบหน้าห้องฉุกเฉิน ทุกคนร้องไห้ แต่ผมไม่อยากร้อง ไม่ใช่เพราะพ่อเคยสอนผมว่าเป็นผู้ชายห้ามร้องไห้ง่ายๆ แต่เพราะผมยังมีความหวังว่าพ่อจะผ่านสิ่งนี้ไปได้...

   ต้องได้สิเนอะ ความสัมพันธ์ของผมกับพ่อยังเพิ่งจะดีขึ้นอยู่เลย เราเพิ่งมีช่วงเวลาดีๆ ด้วยกันมาแค่ไม่นานนี้เอง ผมยังมีอีกหลายอย่างที่จะพิสูจน์ให้เขาเห็นว่าผมเป็นลูกที่ดี...เป็นลูกที่ทำให้เขาภูมิใจ

   “แม่...” ผมจับมือแม่ที่สั่นเทา เห็นน้ำตาของผู้หญิงที่ผมกับพ่อรักที่สุดในโลกแล้วมันเกือบจะทนไม่ไหว “พ่อจะไม่เป็นไรครับ”

   แม่บีบมือผมแต่น้ำตาก็ทะลักออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เธอเหมือนพยายามจะพูดบางอย่างกับผม บางอย่างเกี่ยวกับพ่อและอาการที่ผมไม่เคยรู้ แต่วินาทีนั้นเองประตูห้องพยาบาลก็เปิดออกเสียก่อน

   หมอหนุ่มเดินออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉยทำให้ผมใจชื้นขึ้นมา เขาพูดถึงมะเร็งที่เราทุกคนคิดว่ามันหายไปหมดแล้ว แต่มันยังเรื้อรังในตัวพ่อจากปอดสู่สมองเหมือนเชื้อโรคร้ายที่ไม่มีวันตัดขาด และไม่มียาตัวไหนที่จะยับยั้งได้อีกแล้ว

   “และตอนนี้คนไข้เสียชีวิตแล้วครับ”

   หมอยังมีสีหน้าเรียบเฉยเช่นเดิมตอนกลับเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ขณะที่ผมรู้สึกเหมือนโดนฟาดหัวแรงๆ จนไม่รู้สึกถึงอะไรไปชั่วขณะ...แล้วเสียงร้องไห้ของคนในครอบครัวก็ดังตามมา...เสียงสะอึกสะอื้นคร่ำครวญดังก้องกันวานขึ้นเหมือนลำโพงกำลังไล่ระดับ

   ผมเห็นภาพของแม่ของกอดเข่าตัวเองร้องไห้จึงเดินเข้าไปหา รู้สึกถึงความจุกในลำคอ แต่ผมกลั้นมันไว้

   “แม่...แม่แก้ไขเรื่องนี้ได้นี่ครับ” ผมแย้มรอยยิ้ม “ตอนนี้พ่ออาจจะยังอยู่ก็ได้ แม่แค่เข้าไปกอดแล้วย้อนเวลากลับไป...”

   แม่เงยหน้าขึ้นมามองผม แววตาแห่งความสงสารคลอหน่วยไปด้วยน้ำตาเม็ดใหญ่

   “แม่อย่าเพิ่งหมดหวังสิครับ จุ๊บว่าเราเข้าไปตอนนี้เลย...เข้าไปตอนนี้ยังทัน...”

   “จุ๊บ” แม่เรียกชื่อผม แล้วส่ายหัวปฏิเสธ

   “แม่ แม่ทำได้...แค่กอดพ่อเอง”

   “จุ๊บ ฟังแม่นะ...” แม่ใช้มือขวาประคองหน้าผม อีกมือหนึ่งก็ยกขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเอง “แม่ย้อนเวลากลับไปไม่ได้แล้ว...”

   “...”

   “แม่ไม่อยากเห็นพ่อเขาทรมานอีกแล้ว”

   “แม่ จุ๊บขอแล้วครับ ทำอะไรสักอย่าง” ผมกุมมือแม่ไว้แน่นเหมือนท่าพนมมืออ้อนวอน รู้สึกถึงความอดกลั้นของตัวเองที่กำลังเหลือน้อยลงทุกที แต่แม่ก็ยังนั่งอยู่อย่างนั้น ร้องไห้คร่ำครวญและพร่ำขอโทษผมที่ทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว

   “แม่ขี้โกง...” ผมผละมือแม่ออกแล้ววิ่งออกมาจากตรงนั้น ความทุรนทุรายภายในใจเริ่มทำงานหนัก ผมได้ยินเสียงแม่เรียกจากด้านหลัง และเสียงป้าเด้าที่บอกให้ปล่อยผมไปก่อน แต่ผมไม่อยากใส่ใจใครทั้งนั้นในตอนนี้ ในหัวแค่บอกให้วิ่งออกไป ให้มันไกลจากความรู้สึกนี้

   แต่ยิ่งไกลเท่าไหร่ มันก็ยิ่งชัดเจนเท่านั้น

   “พี่จุ๊บ!” ทันใดนั้นผมก็ได้ยินเสียงธีร์ และไม่กี่วินาทีภาพเขากระหืดกระหอบวิ่งมาก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า “เราขอโทษ เรารีบมาที่สุดแล้ว พ่อเป็นไงบ้าง”

   ผมไม่ตอบคำถามเขา มองเห็นซอกหลืบมืดทะมึนของทางเดินและดึงธีร์เข้าไป เขย่งตัวขึ้นจูบที่ปากเขาเบาๆ

   “พี่จุ๊บ...”

   ธีร์เรียกชื่อผม ชื่อที่พ่อเคยบอกว่าพ่อเป็นคนตั้งให้ตอนที่ยังหาชื่อที่พอใจไม่ได้

   ฉับพลันมันก็พรั่งพรูออกมาเหมือนระเบิด ผมอ้าปากหอบหายใจและทิ้งตัวลงกับพื้น รู้สึกถึงความปวดร้าวบนดวงตาที่น้ำตาทะลักออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ รู้สึกถึงแรงโอบจากคนตรงหน้าที่คุกเข่าลงมารับตัวผมไว้

   “ธีร์...พ่อเรา...”

   “...เรารู้”

   “เราไม่...ไม่อยากร้องไห้” ผมพร่ำไม่ได้ภาษาราวกับคนจิตหลุด พูดว่าไม่อยากร้องไห้ทั้งๆ ที่หยุดน้ำตาไม่ไหว “โกหกเราที พูดกับเราว่าเราจะไม่เป็นไร”

   “พี่จุ๊บ...เราจะไม่พูดว่านายไม่เป็นไร เพราะนายเป็น”

    “โกหกเรา...อะไรก็ได้”

   “เรื่องทั้งนี้เป็นความฝัน แล้วเดี๋ยวนายก็จะตื่น”

   “เราไม่เชื่อธีร์...” ผมสะอื้นหนักขึ้น หอบหายใจเหมือนคนจมน้ำ “โกหกเรื่องอื่น...”

   “...”

   “...”

   “เราไม่รักนาย”

   ธีร์กระซิบ แล้วโลกของผมก็หมุนคว้าง ทุกอย่างกลายเป็นความมืดสนิท




โปรดติดตามตอนต่อไปด้วยใจเต้นตึกตัก*

เหลืออีกราวๆ ห้าตอนก็จะจบแล้วนะคะ
มีอะไรไปเม้าท์ในแท็ก #จุ๊บที ได้นะจ๊ะ
ตัวแม่*
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบแปด | UPDATE 27.1.2561 | Page 24 }
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 27-01-2018 23:55:39
เป็นกำลังใจให้จุ๊บ กับ ธีร์ผ่านอุปสรรคต่างๆนะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบแปด | UPDATE 27.1.2561 | Page 24 }
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 27-01-2018 23:57:20
ตอนนี้มาแบบยาวจุใจเลย
แต่ตอนท้ายที่พ่อจุ๊บเสียนี่เศร้ามาก เข้มแข็งไว้นะจุ๊บ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบแปด | UPDATE 27.1.2561 | Page 24 }
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-01-2018 01:07:24
อ่านไปด้วยหวั่นใจไปด้วยตลอด กลัวว่าจะมีเรื่อง
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบแปด | UPDATE 27.1.2561 | Page 24 }
เริ่มหัวข้อโดย: AutoAngels ที่ 28-01-2018 01:31:27
สู้ๆนะเป้นกำลังใจให้นะ :mew6:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบแปด | UPDATE 27.1.2561 | Page 24 }
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 28-01-2018 01:44:53
เห็นจุ๊บทีอัพนึกว่าตาฝาด เป็นการมาต่อที่ยาวมากกกกก แต่อ่านไปก็ลุ้นไปแต่ละรีพลายว่าจะเจอดราม่าช่วงไหนน้อ ตอนนี้หนักกับพี่จุ๊บจริงๆ เครียดเรื่องแม่ธีร์แล้วยังต้องมาเสียพ่ออีก เข้มแข็งนะพี่จุ๊บ แต่ที่กลัวอีกอย่างคือกลัวว่าธีร์อาจรู้ความจริงเรื่องพ่อพี่จุ๊บป่วยจากการคุยกันเมื่อต้นตอนแล้วปิดเป็นความลับไม่บอกพี่จุ๊บ ถ้าเป็นแบบนั้นคงมีดราม่าอีกแน่และคงจะเป็นการต้องตัดสินใจเลือกอย่างที่ยายบอก
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบเก้า | UPDATE 28.1.2561 | Page 24 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 28-01-2018 18:05:12

(http://www.uppic.org/image-730A_57571DD5.jpg)

จูบที่สิบเก้า

( ธีร์ )


   จำได้ตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน

   ตอนนั้นผมยังไม่หยิกเท่าตอนนี้ เป็นเด็กหัวเกรียนธรรมดาที่หน้าตาเหมือนคนง่วงนอน จืด ตัวเล็ก ผิวขาวเหลือง รูปลักษณ์ไม่ได้น่ามองมากเท่าไหร่ แต่ทำไมถึงอยากมองนานๆ ก็ไม่รู้

   อายุเยอะกว่าปีหนึ่ง อยู่ห้องเด็กเก่ง ดูเผินๆ อาจดูไม่เป็นที่รู้จัก แต่การแสดงออกทำให้ดูโดดเด่นขึ้นมา อย่างตอนกีฬาสีก็ได้เจอกันบ่อยเพราะเขาเป็นประธานสี จริงๆ ตอนนั้นก็ไม่อยากขึ้นสแตนด์อะไรหรอก แต่อยากไปดูเขาแหกปากนำร้องเพลงมากกว่า

   ชอบที่เป็นคนกล้าแสดงออก แล้วแสดงออกในสิ่งที่ถูก เป็นผู้นำ แถมยังอ่อนโยนกับทุกคนเท่าที่จะทำได้

   ความอ่อนโยนกับทุกคนเนี่ยแหละมั้งที่ทำให้ประทับใจ

   จากนั้นก็แอบตามมาตลอด แอบเดินสวนกันตอนเปลี่ยนคาบ แอบมองหาอยู่บ่อยๆ ตอนอยู่ในโรงอาหาร แอบส่องเฟซบุ๊คแต่ไม่กล้าแอดไปเพราะกลัวเขาไม่รับ

   คิดไว้ว่าคงตามอยู่ห่างๆ จนเขาจบไป เป็นคนในความทรงจำแค่ฝ่ายเดียว และคงปล่อยให้เป็นแบบนั้น

   แต่ใจก็บอกให้ทำอะไรสักอย่าง

   ก็เลย...ซื้อกุหลาบไปให้ในวันจบ

   ตลกดีที่เห็นทำหน้าอึ้งแบบนั้น แต่ไม่อึ้งก็แปลก เราอาจจะเคยเห็นหน้ากันผ่านๆ บ้าง แต่คงไม่ใช่คนรู้จักแน่

   ดีใจที่วันนั้นได้เขยิบสถานะกลายเป็นคนรู้จักซะที เลยอัพรูปลงเฟซ ตอนนั้นมีเพื่อนจะมาแท็กเขาในรูปให้ด้วย แต่ไม่ให้แท็กหรอก เขิน

   ไม่คิดเหมือนกันว่าวันหนึ่งเขาจะมาเห็น เหมือนกับไม่คิดว่าผ่านไปแค่ปีเดียวแล้วจะได้เจอกันอีก

   จริงๆ ก็แอบคิดแหละ...ก็เขาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เลือกเรียนมหา’ลัยนั้นเหมือนกัน

   เจอกันคราวนี้น่ารักขึ้นเป็นกองจนใจมันบอกให้ทำอะไรสักอย่างอีกแล้ว เลยตัดสินใจรุกหนัก เขาก็เหมือนจะเขินซึ่งเราก็ทึกทักเองว่าเล่นด้วย จนกระทั่งเผลอจูบกัน

   มันไม่ใช่การจูบด้วยซ้ำ มันคือการเอาปากแตะกันแบบไม่ได้ตั้งใจ

   ตกใจตอนที่รู้ว่าจูบแล้วเวลาหยุดได้ ตกใจมากกว่าคือรู้ว่าเป็นจูบแรกของเขา หลังจากนั้นก็ชั่งใจหนัก ถ้าทำใจให้ชินกับเรื่องประหลาดระหว่างเราแลกกับจูบเขาไปเรื่อยๆ มันจะดีไหม

   แล้วก็ตัดสินได้ว่าการได้จูบเขามันดีที่สุดในโลกแล้วจริงๆ

   แต่เหมือนโชคชะตาแกล้ง หรือจริงๆ อาจเพราะนิสัยเสียส่วนตัวนี่แหละแกล้ง พอเคลียร์กันเรื่องจูบวิเศษไม่ทันไรก็มีเรื่องเข้ามากวนใจได้ตลอด ยอมรับว่าตัวเองบ้า นิสัยมุทะลุยอมใครไม่เป็นนี่แหละบ้า ปวดใจเหมือนกันเวลาเห็นเขาเครียดเพราะสิ่งที่เราทำ พยายามเริ่มเป็นคนใหม่เพื่อเขากี่รอบแต่นิสัยมันก็เหมือนสันดาน ดัดยาก

   ต่อยรุ่นพี่ ทำตัวเองเป็นข่าว ไปบอกพ่อเขาว่าเราคบกัน ลงทุนให้คู่จิ้นมาหลอกเขาว่าเป็นแฟนเราเพราะหึงเขากับคนอื่นก็ทำมาหมด แปลกดีที่ยิ่งทำก็ยิ่งเจ็บ

   ตอนนั้นถึงได้รู้ว่าสันดานดัดยากแค่ไหนก็ต้องดัดให้ได้ เพราะความกลัวจะเสียเขาไปมีเยอะกว่า

   พอโดนเขาพูดแรงใส่ถึงได้มีสติ คราวนั้นไม่เอาอะไรแล้ว ยอมซมซานไปหาถึงบ้านแล้วยืนตากฝน ทำตัวเป็นพระเอกเอ็มวีมาง้อ แต่ตอนนั้นยอมทุกอย่างจริงๆ ขอแค่เขาให้อภัย

   โชคดีแค่ไหนที่เป็นอย่างที่หวัง โชคดีแค่ไหนที่เขาให้โอกาสขยับความสัมพันธ์จนได้เรียกว่าแฟน

   โชคดีแค่ไหนที่ใจตรงกัน

   ต่อจากนั้นก็เลยสัญญากับตัวเองว่าจะเป็นแฟนที่ดี ให้เขาไม่รู้สึกเสียใจที่ให้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิต



   
   “ธีร์...”

   “หือ”

   “ธีร์มีจูบแรกตั้งแต่ตอนไหนเหรอ”

   ทำไมอยู่ดีๆ ก็อยากถามเนี่ย “อืม...”

   “นานขนาดนั้นเลยเหรอ”

   “ก็นานนะ” ผมตอบ “ถามทำไมเนี่ย”

   “เอ้า ก็ตอนเราจูบกันครั้งแรกแล้วธีร์ตกใจที่เราบอกว่านายคือจูบแรกของเรา แสดงว่าธีร์ต้องมีจูบแรกมานานมากแล้วอะดิ”

   “ก็...ตั้งแต่เด็กๆ เลย”

   “แก่แดด”

   โดนด่าเฉย

   “เขาเป็นใครเหรอ”

   “เด็กผู้ชายสักคน เราเจอเขาที่ทะเล ไม่รู้จักชื่อเขาด้วยซ้ำ”

   “จูบแรกของธีร์เป็นเด็กผู้ชายเหรอ” เขาเสียงสูงอย่างตื่นเต้น

   “ก็...อื้อ”

   “แล้ว...ไปจูบเด็กผู้ชายได้ไงตอนนั้น แม่ไม่ห้ามเหรอ”

   “ตอนนั้นยังไม่ได้เป็นดารานะ” แหม่ “มันก็ไม่เชิงจูบ แค่เอาปากแตะๆ กันเฉยๆ คือเราเห็นฝรั่งที่อยู่บนหาดทำกัน เราเลยอยากลองทำบ้างแค่นั้นเอง”

   “อ่อ แล้วตอนนั้นรู้สึกยังไง”

   “จำความรู้สึกตอนนั้นไม่ได้แล้วเหมือนกัน” ผมบอกตามตรง “แต่จำได้นะว่าเขาเป็นรักครั้งแรก”

   “เป็นเด็กเป็นเล็กจะรู้สึกอะไรได้ขนาดนั้น”

   “จริงนะ...ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าความรักความชอบมันเป็นยังไง มันแค่ความรู้สึกแบบว่า...เราอยากมาเล่นก่อกองทรายกับเด็กคนนี้ทุกวันเลย”

   “แล้วสุดท้ายเป็นไง”

   “เราได้เล่นกับเขาแค่สามวันเอง แล้วเขากลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ ไม่ได้บอกลากันสักคำ”

   “ซะงั้น”

   “นายไม่เคยมีความทรงจำเกี่ยวกับทะเลบ้างเหรอ”

   “มีดิ...เคยไปเที่ยวสามวันกับครอบครัว เล่นกับเด็กคนหนึ่งเหมือนธีร์ด้วย แต่เขาไม่ใช่รักแรกเราหรอกนะ”

   “เด็กคนนั้นอาจจะเป็นเราก็ได้”

   “ก็อาจจะ”

   เขายิ้มด้วยรอยยิ้มที่เป็นเหมือนโลกทั้งใบของเรา



   “อะไร”

   เขาทำหน้าตาเหลอหลา เขามักจะทำหน้าแบบนี้เสมอเวลาผมมองเขาแล้วไม่พูดอะไร

   ซึ่งน่ารัก

   “เราชอบครอบครัวพี่จุ๊บ อบอุ่นดี”

   ผมพูดชมจากใจจริงหลังจากที่พี่จุ๊บพาเราเข้าไปแนะนำตัวเป็นครั้งแรก วิเศษกาลเป็นครอบครัวที่ไม่เหมือนใครจริงๆ มันมีมวลของความอบอุ่น ความปรารถนาดีต่อกัน อะไรแบบที่ผมไม่เคยสัมผัสจากครอบครัวตัวเอง

   “ธีร์ชอบเราก็ดีใจ”

   “ไม่ใช่แค่ชอบ รักเลย”

   “ต้องมาบ้านเราบ่อยๆ แล้วล่ะ”

   “ถ้าพี่จุ๊บยอมให้เราทำแบบนั้น”

   “เรายอมอยู่แล้ว” เขาพูด นิ่งไปสักพัก แล้วเสมองผมด้วยแววตาประหลาด “นี่ไม่ได้หมายถึงการยอมให้ทำเรื่องแบบนั้นนะ อย่าเข้าใจผิด”

   “อ้าว” ผมยิ้มกรุ้มกริ่ม “นึกว่ายอมแบบนั้น”

   “ฝันละ”

   ผมหัวเราะ นึกไปถึงบทสนทนาล่าสุดที่เพิ่งมีกับพ่อของเขาไปหมาดๆ

   “พ่อพี่จุ๊บก็เป็นคนตลกดีนะ น่ารักด้วย”

   “เหรอๆ”

   “ทำไมพี่จุ๊บถึงไม่ค่อยคุยกับพ่อเลยล่ะ”

   “ไม่รู้สิ” เขากัดริมฝีปากนานจนเราเกือบจะคิดไปทางอีโรติก “เราไม่ค่อยสนิทกับพ่อล่ะมั้ง...คิดว่านะ”

   “เขาก็ดูเป็นคนคุยด้วยง่ายนะ”

   เขายิ้มยิงฟิน ดูก็รู้ว่ามีอะไรในใจ “เข้ากับธีร์ได้ก็ดีแล้ว”

   “เชื่อไหมว่าบทสนทนาที่เรามีกับพ่อพี่จุ๊บเมื่อกี้ ยังมากกว่าพ่อแท้ๆ ของเราทั้งปีอีก”

   “เว่อร์ละ”

   “จริงๆ นะ พ่อพี่จุ๊บคุยสนุก ว่างๆ ก็ชวนแกคุยบ้าง เราว่าเขาอยากฟังเรื่องนายเหมือนกัน”

   “...จะลองดูแล้วกัน”

   ผมยิ้ม




   “อะไร”

   เขาทำหน้าตาเหลอหลา หลังจากเราทั้งคู่เดินเข้าบ้านมาพร้อมกัน และพบว่าบ้านทั้งหลังเงียบสนิท

   “เหมือนไม่มีใครอยู่บ้าน” ผมทำหน้ากรุ้มกริ่ม “ดูเน็ตฟลิกซ์กันไหม”

   “ถ้าจะมาเล่นมุขนี้เหมือนคราวก่อนแล้วก็เข้ามาจู่โจมเรา...ไม่เอา”

   “บ้า เราชวนดูเน็ตฟลิกซ์จริงๆ เนี่ยดูบนโซฟากลางบ้านนี่เลย”

   เขาเหล่ตามองเหมือนพยายามจับไต๋

   “เราไม่น่าไว้ใจขนาดนั้นเลยเหรอ”

   “ขนาดนั้นแหละ”

   “โธ่ เศร้าว่ะ แฟนไม่ไว้ใจ”

   “...ดูก็ให้ดูจริงๆ” เขาบ่น แต่ก็ยอมในที่สุด เสร็จโจ๋ล่ะคราวนี้

   เขาเอาของเข้าไปเก็บในห้อง ส่วนผมปัดฝุ่นโซฟารอ พอออกมาเขาก็เลือกดูแต่การ์ตูนเบาสมอง คงกลัวว่าหนังบางเรื่องจะมีฉากอย่างว่าจะมาปลุกอารมณ์ผม

   ประเมินผมต่ำไป อย่างผมไม่ต้องใช้อะไรปลุกหรอก อารมณ์มันมาเอง

   เขาต่างหากที่ต้องปลุก

   เริ่มจากนอนตัก ดูไปสักพักแล้วก็ตะแคงหน้าเข้าหาพุงเล็กๆ จูบลงไปตรงนั้นหนึ่งที

   “ธีร์ ไม่เอา...” มือผมเริ่มปฏิบัติการปลาหมึกตอนเขาร้องห้าม ไม่กี่วินาทีกระดุมเสื้อเขาก็ถูกปลดจนหมด ผมรู้ว่าเขาจะห้ามต่อแน่ๆ เลยใช้ปากจู่โจมต่อตรงยอดอกแบนราบนั้นอย่างนุ่มนวล

   แล้วเสียงร้องห้ามก็กลายเป็นเสียงครางในลำคอ...ฉลุย

   ไม่ถึงนาทีผมกับเขาก็อยู่ในชุดกางเกงในตัวเดียวกันทั้งคู่ โลมเลียกันภายใต้เสียงร้องเพลงจากการ์ตูนเบาสมองที่เขาเปิด หรือนี่อาจเป็นโอกาสที่เราจะเป็นของกันอย่างสมบูรณ์...

   ตุบ!

   แล้วก็ได้ยินเสียงเหมือนของตก การกระทำทุกอย่างหยุดชะงักกลางคัน

   “เมี้ยว” ฟังแค่นั้นก็รู้ว่าเสียงของคนที่พยายามดัดให้เล็ก ผมมองเขา ต่างคนต่างรู้ว่าเวลานี้มีผู้เยี่ยมชม

   “เมี้ยว” เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้งเหมือนหลอกให้ตายใจ คราวนี้พอจะรู้แล้วว่าเป็นใคร

   “ป้าเด้า ออกมาเถอะครับ” เขาพูด แล้วผู้หญิงวัยห้าสิบร่างสูงระหงก็ผุดหัวขึ้นมาจากกองรองเท้าข้างโซฟาด้วยท่าทางลำบากลำบน มีรองเท้าแตะอยู่บนผมฟูนั้นคู่ข้างหนึ่ง คลี่ยิ้มแหยแบบคนโดนจับได้

   “ฉันไม่เห็นอะไรเลยสาบานได้”

   “ผมเชื่อครับ” เขาบอกด้วยน้ำเสียงไม่เชื่อสักนิด

   “เธอสองคนอยู่นี่ก็ดี จะขอยืมพลังหน่อย ฉันรู้สึกเหมือนโดนเจ๊ไข่มุกที่ตลาดโกงไปเมื่อเช้า จ่ายเงินซื้อข้าวไปสามถุงแต่ให้มาสองถุง” คนแอบมองเปลี่ยนเรื่องอย่างไว

   “เกี่ยวอะไรกับพวกผมอ่า”

   “เอ๊า ก็หยุดเวลาให้หน่อยไง ฉันจะได้ไปหยิบข้าวที่เจ๊ไข่มุกมาแบบไม่ให้นางรู้ตัว”

   “นั่นเท่ากับขโมยไม่ใช่เหรอป้า”

   “เอ๊นายจุ๊บ เธอหาว่าฉันโกหกเหรอ”

   “เปล่าครับ” เขาถอนหายใจ มองเราแล้วโคลงหัวเป็นนัยว่าทำตามที่ป้าต้องการให้มันจบๆ ป้าเด้าแตะที่แขนเขา เราจูบกัน แล้วเวลาก็หยุด

   “อย่าเพิ่งจูบกลับนะ รอฉันกลับมาก่อน” แกกำชับ สีหน้ากระดี๊กระด๊า “แล้ววันหนึ่งเดี๋ยวจะให้ยืมพลังคืน”

   นั่นหมายถึงการแตะส่วนหนึ่งของเธอขณะที่กำลัง XXX กับลุงโรเบิร์ต

   “ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมากเลย” พี่จุ๊บรีบพูด

   “แล้วก็อะไรที่พวกเธอกำลังทำอยู่...ซึ่งฉันไม่รู้เหมือนกันว่าคืออะไร...ทำต่อก็ได้นะ”

   ป้าเด้าฝาก แล้วปิดประตูบ้านดังปัง ผมถามทางสายตาว่าจะยังไงต่อดี

   เขาส่ายหน้า แล้วผมก็ตระหนักว่าโอกาสของการ ‘ทำมันให้สำเร็จ’ ในวันนั้นกลายเป็นศูนย์


   ไม่เป็นไร วันพระไม่ได้มีหนเดียวซะหน่อย




(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบเก้า | UPDATE 28.1.2561 | Page 24 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 28-01-2018 18:06:52
(ต่อจากด้านบน)

   “ชอบไททานิคขนาดนั้นเลยเหรอ”

   ผมถามเขาด้วยคำถามนั้นอีกครั้ง เพราะเขากำลังดูมันรอบที่ร้อยได้ นับตั้งแต่เราคบกัน

   ไททานิค วี วิโอเลต หนังของริชาร์ด ลิงเลเตอร์ เพลงของสครับบ์ และความใฝ่ฝันในการทำสื่อที่ยกระดับสังคม มีไม่กี่เรื่องที่เขาบ้าคลั่งที่จะทำมัน และไม่เบื่อที่จะพูดถึงมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า

   แปลกดีเหมือนกัน คนที่เบื่อการทำงานในวงการเพราะใช้ชีวิตอยู่กับมันมาตลอดอย่างผมจะคบกับคนที่กำลังจะกลายเป็นบุคลากรของวงการในอนาคต

   แต่เดาว่า...ไม่ได้ตอบแบบดาราสาบานได้...เราแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันได้ล่ะมั้ง

   ผมกับเขาไม่ได้รักกันเพราะงานซะหน่อย

   “ก็มันสนุก” และจากคำถามนั้นผมก็ได้คำตอบเดิมทุกครั้งไป

   “ทำยังไงถึงจะเบื่อเรื่องนี้เนี่ย”

   “ไม่มีวันนั้นหรอก” เขาหัวเราะ “หรืออาจจะมี ถ้าได้ไปดูกลางน้ำอะไรแบบนั้น คงฟินมากๆ แล้วหยุดดูไปสักพักได้”

   “อะไรคือดูกลางน้ำ?”

   “ดูไททานิคกลางน้ำไง เหมือนที่เมืองนอกเขาจัด นั่งดูบนเรือ ได้ฟีลแจ๊คกับโรส”

   “บ้าไปแล้ว” แล้วเขาก็มองผมเหมือนพูดอะไรผิด ก็อาจจะผิดจริง “เราหมายถึง...เอ่อ...ก็มันบ้าจริง”

   “ธีร์ไม่เข้าใจเราหรอก” เขาย่นจมูกโกรธๆ   

   “คงอย่างนั้น”

   เขาย่นจมูกแรงกว่าเดิม



      
   “ธีร์...”

   “ครับแม่”

   “พี่บุ๊คได้บอกหรือยัง” อย่าพูดนะว่ามีงานอะไรเข้ามาเพิ่มอีก เพราะถ้ามากกว่านี้ผมคงได้ดร็อปเรียนแน่ๆ

   “อะไรเหรอครับ”

   “ลูกได้บทโกโบรินะ”

   “...”

   “ไม่ดีใจเหรอ”

   “ก็...ดีครับ” โกหกแม่อีกแล้ว “ผมนึกว่าพี่เนมจะได้ซะอีก” ก็ฝั่งนั้นเป็นทั้งลูกครึ่งญี่ปุ่น ภาษาฉลุย ส่วนแอคติ้งเก่งกว่าเราหลายเท่า ถ้าจะติดอะไร...คงเป็นเรื่องชื่อเสียง

   “ตอนแรกก็เนมนั่นแหละ” แม่ยอมรับกับผมตามตรง “แต่ไม่มีใครจะสู้ลูกได้แล้วตอนนี้”

   ผมงั้นเหรอ ไม่มีใครจะสู้แม่ได้มากกว่าล่ะมั้ง

   “อีกอย่าง ไม่มีใครจะเล่นกับเอิงเอยได้ดีกว่าลูกแล้วล่ะ”

   “เอิงเอยได้บทอังศุมาลินเหรอครับ”

   “ใช่”

   งั้นผมขอเดาว่า “ที่ผมได้บทโกโบริ เพราะพี่บุ๊คกับแม่ไปยื่นข้อเสนอกับผู้จัดว่าถ้าผมไม่ได้เล่น เอิงเอยก็จะไม่เล่นหรือเปล่าครับ”

   “แม่ดีใจที่ลูกเข้าใจวงการบันเทิงมากขึ้นแล้ว”

   แม่ไม่เคยถามว่าผมรู้สึกยังไง แม่เคยแคร์ไหมว่าผมอาจจะไม่อยากเข้าใจ ผมไม่อยากกลายเป็นคนที่เข้าใจกลไกความเน่าเฟะทุกอย่างของวงการนี้ และใช้ชีวิตอยู่กับมันทุกวัน




   “วันนี้จะมีแต่อะลาดิน กับจีนี่”

   จู่ๆ เขาก็ลักพาตัวผมมาที่สวนสนุก ในวันที่ผมเครียดหนักเรื่องบทนั้น กับเรื่องที่แฟนคลับของเราก่อสงครามคีย์บอร์ดกับแฟนคลับของพี่เนมจนอินเตอร์เน็ตร้อนเป็นไฟ

   เขาบังคับให้ผมใส่หน้ากากอะลาดิน และเขาจะทำหน้าที่เป็นจีนี่บันดาลทุกอย่างที่ขอ เราทำสัญญาใจกันว่าจะสนุกให้เหมือนตอนเด็กที่สุดเท่าที่จะทำได้

   และวันนั้นเราสนุกมากจนลืมชีวิตนอกสวนสนุกไปได้จริงๆ ผมกับเขาพากันโดดจากภารกิจของแต่ละคน ใช้เวลาอยู่ด้วยกันที่นั่นทั้งวันจนเหนื่อย ปิดท้ายวันด้วยการนั่งชิงช้าสวรรค์และคุยกันเรื่องความฝัน บทสนทนานั้นจุดประกายความคิดหลายๆ อย่างให้ผม

   แต่ที่พี่จุ๊บไม่เคยรู้ คือช่วงเวลาหลังจากนั้นที่สวนสนุกกำลังปิด ทุกคนในสวนต่างมุ่งไปที่ประตูทางออก และระหว่างที่ผมรอเขาเข้าห้องน้ำอยู่แถวประตูนั้น ผมเจอคนคุ้นหน้าคนหนึ่ง

   ตอนแรกไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่า แต่พออยู่ใกล้กันแค่ไม่กี่เมตรก็มั่นใจ

   ผมกดโทรหาคนๆ นั้นทั้งๆ ที่ยังสวมหน้ากากอะลาดินอยู่ มองอดีตช่างภาพชื่อดังของเมืองไทยคนนั้นใช้มือข้างหนึ่งยกโทรศัพท์ขึ้นมา ส่วนมืออีกข้างกำลังโอบเอวผู้หญิงอีกคน

   ผู้หญิงที่เข้ามาอยู่ในบ้านเดียวกับเราได้เป็นปี แต่คุยกันแทบนับคำได้

   “ออกสื่อแบบนี้ไม่กลัวโดนแอบถ่ายเหรอครับ” ทันทีที่ผมพูดแบบนั้น ‘พ่อ’ ก็มีอาการตื่นตระหนักขึ้นมาทันที

   [แกอยู่ไหน]

   “เดี๋ยวนี้ร้ายเหมือนกันนะพ่อ” ผมหัวเราะประชด “จะทำอะไรก็อย่าประเจิดประเจ้อมากแล้วกัน เดี๋ยวแม่ต้องมาตามแก้ข่าวอีก เราจะพลาดรางวัลครอบครัวตัวอย่างปีหน้านะ”

   [แกอย่ามาทำเป็นสอน...] พ่อมองหาผมกลางผู้คนขวักไขว่ ใช้เวลาไม่นานเขาก็เห็นในมุมที่ผมยืนอยู่ ผมยกหน้ากากขึ้นครึ่งหน้า เหยียดยิ้มทักทายเขาอย่างกวนบาทา

   แต่จังหวะนั้นพี่จุ๊บก็กลับมาหาผมพอดี กลับเป็นฝ่ายพ่อเราที่แสยะยิ้มบ้าง

   [ไอ้หนู อย่ามาสอนฉันทั้งที่แกยังทำเหมือนกัน]

   “...”

   [มันเสี่ยงที่จะเป็นข่าวมากนะ แกรู้ตัวไหม]

   “คุยกับใครเหรอ” พี่จุ๊บเห็นผมเงียบใส่โทรศัพท์จึงถามขึ้น ผมส่ายหัวแทนคำตอบ

   [แฟนใหม่แกเหรอ] พ่อถามกลั้วหัวเราะ [ใส่หน้ากากมาคู่กันด้วย ปรับตัวดีนี่]

   “แน่นอน”

   [แต่เดี๋ยวก็เลิกกันแล้วหรือเปล่านะ]

   นาทีนั้นผมฉุนขึ้นทันที “อย่าหาว่าผมไม่เคารพหรืออะไร แต่พ่อไปใส่ใจเรื่องของตัวเองเถอะครับ”

   [ไอ้ธีร์...นี่แกพูดแบบนี้กับ...]

   “คนนี้ผมรักเขาจริง และเขาไม่ใช่คนที่พ่อจะแตะต้องได้เหมือนคนก่อน ถ้ายังเห็นผมเป็นลูกจริงๆ พ่อควรจะให้อิสระผมตัดสินใจเอง...อิสระที่พ่อกับแม่ควรจะให้ผมตั้งนานแล้ว”

   ผมพูดได้แค่นั้นก็กดวางสาย จูงมือพี่จุ๊บออกจากสวนสนุกทั้งที่ความโกรธยังคุกกรุ่นอยู่ในใจ

   หรือความสัมพันธ์ของผมกับพ่อแท้ๆ ของตัวเองมันแหลกสลายเกินจะเยียวยา



   หรือครอบครัวของเรามันแหลกสลายเกินจะเยียวยา



(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบเก้า | UPDATE 28.1.2561 | Page 24 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 28-01-2018 18:10:28
(ต่อจากด้านบน)

   “ดูอะไรอยู่”

   ผมเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าทันที ไม่อยากให้พี่จุ๊บเห็นความไม่น่าสบายใจจากหน้าจอสี่เหลี่ยมนั้นเหมือนตัวเอง

   ตั้งแต่ประกาศออกไปว่าใครได้บทโกโบริจนตอนนี้เริ่มถ่าย คนพูดถึงเรื่องนี้ก็พุ่งขึ้นหลักแสน กระแสดีแน่นอนอยู่แล้ว และมันคงไม่ซาไปจนกว่าละครจะออนแอร์

   แต่มันจะมีประโยชน์อะไรถ้าครึ่งหนึ่งของกระแสเป็นทวีตให้กำลังใจ ส่วนอีกครึ่งเป็นทวีตด่า

   “เปล่าๆ”

   “ธีร์...โอเคปะเนี่ย”

   “เราเหนื่อย” ว่าแล้วก็คดตัวเข้าตักเขาอย่างที่ผมชอบทำ “ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น”

   “ยังเครียดเรื่องบทนั้นไม่หายเหรอ”

   “มันไม่ใช่แค่เรื่องบท มันคือทุกอย่างก่อนหน้านี้ และทุกอย่างในอนาคต”

   “อยากเล่าอีกไหม”

   “เราไม่ชอบชีวิตตัวเองเลยพี่จุ๊บ” ผมบอกเขาตามตรง “เราเหนื่อย เบื่อจะทำเหมือนทุกอย่างโอเค มันไม่ใช่สิ่งที่เราอยากทำสักนิด เรามาอยู่ตรงนี้ได้เพราะรูปร่างหน้าตา กับบารมีแม่”

   เขานวดไหล่ผมอย่างเห็นใจ “ใจเย็นๆ”

   “เรารักทุกคนที่รักเรา เราอยากให้เขามีความสุข เหมือนสิ่งที่เราทำมันทำให้เขามีความสุข”

   “เราใส่ใจทุกคนไม่ได้หรอก”

   “มันทำให้เราจะเป็นบ้า หรือจริงๆ เราอาจจะเป็นแล้วก็ได้ บางครั้งเราก็เข้าใจพวกศิลปินดาราที่เป็นซึมเศร้าแล้วฆ่าตัวตาย”

   “ไม่เอา อย่าพูดแบบนี้”

   “ถ้าไม่มีพี่จุ๊บอยู่เราอาจจะเป็นแบบนั้นแล้วก็ได้”

   “ชู่วๆ” เขาปรามเบาๆ ให้ผมสงบลง “ยอมรับว่าเราอาจจะไม่เข้าใจธีร์หรอก แต่เราอยู่ตรงนี้ตลอด ไม่ว่าธีร์จะอยากระบายอะไรหรือไม่อยากระบายอะไรก็ตาม เราก็จะอยู่”

   “...”

   “ขออย่างเดียว อย่าทำร้ายตัวเอง เพราะนั่นคือการทำร้ายคนที่เรารักด้วย โอเคไหม”

   “...โอเค”

   “แล้วก็นี่” เขายกมือแตะริมฝีปากเราเบาๆ “ดูแลรอยยิ้มของคนที่เรารักด้วย”

   เราคลี่ปากออกเหยียดตามคำสั่งกลายๆ นั้น เขารู้วิธีที่ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นได้เสมอ

   มากกว่าเรื่องความรู้สึกคือเขาทำให้เราเป็นคนที่ดีขึ้น และเราสัญญากับตัวเองในใจว่าจะไม่ทรยศเขาแบบนั้น

   “รู้ไหมว่าเรายอมเสียทุกอย่าง แฟนคลับ ชื่อเสียง ชีวิตในวงการ...ทุกอย่าง”

   “...”

   “แลกกับการมีพี่จุ๊บอยู่ในชีวิต”   




   “ขออะไรอย่าง ระหว่างรอจุ๊บกลับมา สูบบุหรี่เป็นเพื่อนพ่อหน่อยสิ”

   ตอนนั้นที่พ่อของเขาขอ ผมนึกว่าตัวเองหูฝาด

   “ผมเข้าใจว่าพ่อ...” เป็นมะเร็ง และต้องเลิกสูบสารก่อมะเร็งเข้าปอดเสียอีก

   “เถอะน่ะ มวนเดียวเอง ไม่เป็นไรหรอก”

   พ่อกรณ์ยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่อิดโรย แต่ในขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกอิสระ

   ผมรับบุหรี่จากเขามาสูบ ยืนพิงตัวเองกับเสาบ้าน พ่นควันสีขาวไปกับอากาศหนาวตอนค่ำ ส่วนพ่อกรณ์เอนตัวลง ส่งเสียงในลำคอออกมาอย่างพอใจหลังจากพ่นควันสีขาวออกไปปุ๊งแรก

   “รสชาติที่คุ้นเคย” เขาเพ้อ สีหน้าอิ่มเอม แต่แค่ครู่เดียวก็หลับตาแน่นเหมือนความเจ็บปวดแล่นเข้าแทรก สักพักสีหน้าก็คลายลง

   ผมรับรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ

   “...พ่อพึ่งธีร์ได้ไหม”

   “ครับ?” อยู่ดีๆ พ่อกรณ์ก็ถามผมโดยไร้คำเกริ่นใดๆ   

   “พ่อฝากจุ๊บไว้ให้ธีร์ดูแลได้ไหม”

   “...”

   “ความจริงคือ ตอนนี้พ่อเหลือเวลาให้เขาไม่มากแล้วน่ะ”

   ผมเงียบ คิดแล้วว่าคนที่ไม่ควรจะแตะต้องบุหรี่มาชวนสูบต้องมีอะไรบางอย่าง

   “พ่อกำลังจะตายแล้วธีร์ มะเร็งกำลังฆ่าพ่อทีละนิด มันไม่มีทางรักษาแล้ว” พ่อกรณ์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เหมือนเล่าเรื่องชีวิตประจำวันทั่วไปให้ผมฟัง

   “ผมเคยได้ยินพี่จุ๊บเล่าให้ฟังว่าพ่อกับแม่..”

   “พ่อย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วธีร์”

   “...”

   “นี่เป็นชีวิตสุดท้ายของพ่อแล้ว”

   “มันไม่มีทางอื่นแล้วจริงๆ เหรอครับ” ผมถาม พ่อส่ายหัวยิ้มๆ อยู่ๆ ตอนนั้นก็รู้สึกตีบตันในลำคอ กว่าจะกล้ำกลืนมันลงไปได้ก็ต้องใช้ความพยายามหนักเหมือนกัน

   ผมพ่นควันบุหรี่อีกหลายครั้งเพื่อผ่อนความรู้สึกเศร้าในใจ ความเงียบปกคลุมระหว่างเราครู่หนึ่ง

   “สรุปว่าพ่อพึ่งธีร์ได้ไหม”

   “...”

   “ธีร์สัญญากับพ่อได้ไหมว่าจะดูแลเขา จะไม่ทิ้งเขาไว้แบบที่พ่อกำลังจะทำ”

   ผมหันมาสบตาเขา หยุดพ่นควันบุหรี่และพยักหน้ารับคำสัญญาอย่างลูกผู้ชาย “ครับ...ผมสัญญา”

   “ได้ยินแบบนี้พ่อค่อยสบายใจหน่อย” แล้วพ่อกรณ์ก็ยิ้มจนตาหยี สีหน้าโล่งอกเต็มที

   “ผมถามอะไรได้หน่อยได้ไหมครับ” ผมกระแอม

   “อะไรเหรอ”

   “พ่อเหลือเวลาอีกนานเท่าไหร่”

   “อืม...” เขาทำท่าครุ่นคิด “อาจจะสองเดือน อาจจะหนึ่งเดือน อาจจะหนึ่งอาทิตย์”

   “...”

   “ไม่แน่นอนหรอก แต่ชีวิตเราทุกคนก็ไม่แน่นอนอยู่แล้ว” พ่อกรณ์ยักคิ้ว “จุ๊บโชคดีมากนะที่มีธีร์อยู่ แกรู้ใช่ไหม”

   “ครับ”

   “แต่พ่อขออย่างนึง อย่าบอกเขาเรื่องนี้นะ”

   “ทำไมล่ะครับ”

   “พ่อไม่อยากให้เขามองพ่อแบบคนที่ใกล้จะตาย พ่ออยากให้เขาใช้ชีวิตของตัวเองให้มีความสุขที่สุดทุกวัน ไม่ต้องกังวลกับเรื่องอะไรเลยทั้งนั้น” พ่อพ่นควันออกมา “คนเราควรจะใช้เวลาที่เรามีให้คุ้ม มีความสุขกับอะไรที่มี เพราะเราไม่รู้จริงๆ ว่าเรามีเวลาเหลืออีกเท่าไหร่”

   “...ครับ”

   “ธีร์ก็ควรจะทำแบบนั้นเหมือนกันนะ”

   “ผมรักลูกพ่อจริงๆ” ผมบอกเขา เพราะตระหนักได้ว่าอาจไม่มีโอกาสจะบอกอะไรแบบนี้อีกแล้ว “และผมดีใจที่ได้มารู้จักกับพ่อเหมือนกัน ผมจะไม่ทำให้ผิดหวัง”

   “พ่อรู้...” เขากระแอม จังหวะนั้นผมก็เห็นเงาของคนที่เพิ่งกลับมาจากมหา’ลัยอยู่ไกลๆ “พ่อก็ดีใจเหมือนกัน”

   เราไม่รู้จริงๆ ว่าเราเหลือเวลาอยู่เท่าไหร่ และผมไม่คิดเลยว่านั่นจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมได้คุยกับพ่อกรณ์




   [เป็นอะไรหรือเปล่าวันนี้]

   เขาโทรมา หลังจากผมขอปลีกตัวกลับบ้านก่อนเพราะอยากเรียบเรียงความรู้สึกตัวเองกับเรื่องที่เกิดขึ้น

   คำขอของพ่อกรณ์เหมือนโยนความอึ้งมาให้ผมแบก แต่กลับแปลกที่ผมไม่ยักรู้สึกว่ามันหนัก

   “เปล่าๆ เราไปเพราะอยากเจอนายไง”

   [พอเจอเราแล้วก็กลับเลยงี้]

   ผมหัวเราะ “ใช่”

   [ขอบคุณมากเลย] เขาหัวเราะผสมโรง

   ถ้าจะมีอะไรที่เปรียบเทียบกับการดูไททานิคที่เขาไม่มีวันเบื่อ สำหรับผมก็คงเป็นการฟังเขาหัวเราะนี่แหละ

   มันเพราะจนผมรู้สึกเศร้า เพราะรู้ว่าหลังจากนี้มันจะกลายเป็นเสียงร้องไห้

   “พี่จุ๊บ”

   [ฮึ?]

   “เรามีอะไรจะบอก”

   [บอกว่า]

   “แค่อยากจะบอกเฉยๆ”

   [ว่าอะไรล่ะ]

   “ว่า”

   [ว่า]

   “เราจะเลิกบุหรี่เด็ดขาดแล้วนะ”

   [อ่า...]

   “ไม่ใช่แค่เลิกสูบต่อหน้านาย แต่เราจะเลิกเด็ดขาดไปเลย แบบไม่สูบ”

   [เฮ้ย เกี่ยวอะไรกับที่เราเคยบอกธีร์ปะเนี่ย ถ้าธีร์จะเลิกเพราะเราบอกแค่นั้นก็ไม่เป็น...]

   “ไม่ เราเลิกเพราะเราอยากเลิกมันจริงๆ เพื่อสุขภาพล้วนๆ”

   [อ่า...ถ้าอย่างนั้นเราก็เป็นกำลังใจให้ ธีร์ทำได้นะ เราเชื่อ]

   “อยากให้เลิกได้ไวก็ซื้อจูปาจุ๊ปส์มาให้อมบ่อยๆ”

   [ฮะๆ โอเคเลย เราพร้อมสนับสนุนเต็มที่ สู้นะโว้ย]

   “โอเคครับ”



   ผมยอมทำ ถ้ามันจะต่อเวลาในการฟังเสียงหัวเราะนั้นให้นานขึ้นอีกนิด




โปรดติดตามตอนต่อไปด้วยใจจดจ่อ

จะเข้าไคลแมกซ์แล้ว
มีอะไรไปเม้ามอยในแท็ก #จุ๊บที ได้นะจ๊ะ
ตัวแม่*
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบเก้า | UPDATE 28.1.2561 | Page 24 }
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 28-01-2018 18:22:09
คุณพ่อรู้ตัวว่าตัวเองจะตาย แต่ก็ยังรอจนจุ๊บชนะรางวัล  :sad4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบเก้า | UPDATE 28.1.2561 | Page 24 }
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 28-01-2018 18:58:54
โอ้ยย เศร้า นี่คิดไว้แล้วเชียวว่าธีร์ต้องรู้ ดราม่ากำลังจะมาแน่ๆเพราะถ้าพี่จุ๊บรู้อาจจะโกรธที่ธีร์ปิดบังก็ได้ แต่ขอเถอะใช้เหตุผลคุยกันนะพี่จุ๊บกว่าจะเป็นแฟนกว่าจะปรับตัวกันได้มันใช้เวลามากนะ

ปล.ขอบคุณตัวแม่ที่มาอัพตอนใหม่แบบไวมากค่ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบเก้า | UPDATE 28.1.2561 | Page 24 }
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 28-01-2018 19:00:18
โอ้ยยย บีบหัวใจกับตอนนี้เหลือเกินค่ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่สิบเก้า | UPDATE 28.1.2561 | Page 24 }
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 28-01-2018 19:38:12
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบ | UPDATE 29.1.2561 | Page 25 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 29-01-2018 22:02:11

(https://www.img.in.th/images/703cd3f2e6e26a25842ea76e576ddc48.jpg)

จูบที่ยี่สิบ

( จุ๊บ )



   งานศพของพ่อเป็นไปอย่างเรียบง่าย เราจัดขึ้นที่บ้านของเราเอง โดยได้รับความร่วมมือจากคนในบ้านและชาวบ้านในละแวกนั้น

   สิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจคือจำนวนคนมางานของพ่อที่ผมคิดว่าคงมีไม่เยอะ แต่วันจริงกลับมีคนเข้าหมุนเวียนเข้ามาไม่ขาดสาย ทั้งเพื่อนในขณะของผม ข้าราชการผู้ใหญ่จากกรมตำรวจ คนรู้จัก และญาติฝั่งพ่อที่ผมไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน เป็นครอบครัวใหญ่อีกครอบครัวที่ผมไม่เคยรู้ว่ามี

   แม่เล่าให้ฟังว่าเหตุผลที่ผมไม่เคยเห็นหน้าพวกเขา เพราะฝั่งนั้นตัดญาติกับเรา ตั้งแต่ที่พ่อไปแสดงความหัวขบถใส่พ่อแม่ของตัวเองด้วยการแต่งงานกับหญิงสาวที่พวกเขาไม่เห็นด้วย ซึ่งก็คือแม่

   “บ้านพ่อเป็นผู้ดีเก่า รวยมากเลยนะ” แม่เล่า “ตอนแรกเกือบจะไม่ได้แต่งกับแม่แล้วเพราะโดนคลุมถุงชน แต่พ่อยื่นคำขาดว่าจะแต่งกับแม่เท่านั้น ฝั่งนั้นเลยตัดพ่อออกจากกองมรดกเลย”

   “แม่ต้องสวยมากแน่ๆ ตอนนั้น” พ่อผมถึงได้ทิ้งสมบัติสองหมื่นแสนมาหา

   “อ้าว แน่นอนสิจ๊ะ” ไม่เคยปฏิเสธอะแม่ผม “ตอนนี้ก็ยังเซี้ยะ”

   เราจัดงานสามวันสามคืนด้วยกันก่อนจะเคลื่อนพลไปเผาที่วัดใกล้บ้าน ความตลกคือในวันเผา เราจัดเลี้ยงอาหารคนในงานด้วยสเกลใหญ่พอๆ กับเลี้ยงคนทั้งหมู่บ้าน มันทำให้ผมนึกถึงคำที่พ่อเคยพูดไว้ว่าถ้าผมได้รางวัลจากการประกวดแล้วพ่อจะปิดซอยเลี้ยง

   ได้ทำอย่างที่พ่อบอกจริงๆ แต่ดันเป็นการเลี้ยงงานศพ

   ตลกดี แต่ผมบังคับใจให้ขำไม่ได้เลย


   
   ผมยืนมองควันสีดำที่ลอยออกจากปล่องอยู่หน้าเมรุกับแม่ เสียงคร่ำครวญดังมาจากทุกทิศทุกทาง พอๆ กับเสียงปลอบประโลมด้วยความห่วงใยจากคนใกล้ตัว ทว่าน่าแปลกที่ผมกับแม่ไม่มีน้ำตาสักหยด อาจเพราะเราอยากให้คนที่จากไปหมดห่วง อาจเพราะเราอยากแสดงความเข้มแข็งในวันที่ทุกคนคาดหวังให้เราเป็นแบบนั้น หรือบางทีสำหรับผมมันอาจจะเศร้าเกินไปจนไม่สามารถแสดงความรู้สึกอะไรออกมา

   “ขอบคุณมากนะมึง ขอบคุณมากนะรอง ขอบคุณมากนะครับทุกคน”

   ผมบอกโฟกัส น้องรอง และเพื่อนร่วมคณะที่กำลังจะลากลับกัน ในงานเหลือคนอยู่แค่หยิบมือ มีเพียงแม่ ผม และคนในครอบครัวที่รอเคลียร์งานทุกอย่างหลังจากเผา

   เรารอกันจนควันหมดจากปล่อง ชั่วขณะนั้นผมเกิดนึกอยากถามสิ่งที่ติดค้างในใจกับแม่

   “แม่...จุ๊บอยากรู้จริงๆ...แม่รู้เรื่องทั้งหมดอยู่แล้วใช่ไหมครับ ตอนที่เขาป่วย ตอนที่เขากลับบ้านมาทำเหมือนว่าหายป่วยแล้ว แม่รู้ใช่ไหมว่าเขาจะตาย”

   แม่โอบมองผมด้วยแววตาของความร้าวราน เหยียดยิ้มที่ดูก็รู้ว่าฝืนเหลือเกิน

   “แม่เคยผ่านเวลานี้มาแล้วด้วยใช่ไหม”

   “ไม่เคยมาไกลขนาดนี้” แม่ตอบ “แต่ใช่ แม่รู้ว่าพ่อจะตาย”

   “ทำไมแม่ไม่เคยบอกผม”

   “แม่รู้ว่าจุ๊บโกรธ แม่ขอโทษ แต่พ่อไม่ให้แม่บอกจริงๆ”

   “ผมไม่เข้าใจพ่อเลย...”

   “เขาไม่อยากให้จุ๊บกังวลไงลูก”

   “จุ๊บรู้ครับ แต่พอนึกย้อนกลับไปแล้วจุ๊บก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นลูกที่แย่ จุ๊บน่าจะใช้เวลากับเขามากกว่านี้ จุ๊บน่าจะ...ทำให้เขาภูมิใจได้มากกว่านี้”

   “จุ๊บฟังแม่” แม่ประคองมือผมขึ้นมา บีบแน่นจนผมรับรู้ถึงไอร้อนจากมือคู่นั้น “จุ๊บไม่เคยทำให้พ่อผิดหวัง พ่อเขาภูมิใจในตัวจุ๊บมากนะ”

   แล้วแม่ก็กอดผม อ้อมกอดวิเศษในอ้อมแขนที่พ่อเคยโอบไว้มันแน่นหนาและอบอุ่น อ้อมกอดที่เป็นเหมือนคำสัญญาว่ายังมีคนที่รักอยู่ตรงนี้ และทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี   

   “จุ๊บไม่โกรธแม่” ผมกระซิบด้วยเสียงสั่นเครือ วินาทีนั้นรู้สึกเหมือนน้ำตาที่กลั้นไว้นานกำลังกลับมา “ไม่เคยโกรธ...”
   เราปรับความเข้าใจกัน กอดกันเนิ่นนานเพราะความเข้าใจนั้น และสลับกันปลอบโยนอีกฝ่าย จนกระทั่งผมได้ยินเสียงรองเท้าส้นเตี้ยของใครสักคนที่ขยับเข้ามาใกล้เรา

   ผมถอนตัวจากอ้อมกอด มองคนมาใหม่ด้วยตาบวมเป่งและน้ำมูกยืดยาว ธีร์อยู่ในชุดสูทสีดำกับกางเกงสีเดียวกันทับเสื้อเชิ้ตสีขาว เขายกมือไหว้แม่แล้วเข้ากอดเธอบ้าง พอผละออกก็กระตุกยิ้มบางที่มุมปากเพราะสภาพผม

   “เด็กขี้แย...” เขาดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากสูทชั้นในแล้วเช็ดขี้มูกให้

   “เรานึกว่าธีร์ไม่มาซะอีก” ผมรับผ้าเช็ดหน้าของเขามา ไหนๆ ก็ยื่นให้แล้วก็ขอสั่งขี้มูกเลยแล้วกัน

   “มาตั้งแต่เริ่มแล้ว แต่หลบมุมอยู่” เขาบอกด้วยเหตุผลที่ผมคุ้นชิน ยกมือขึ้นมาสางผมหยักศกของผมให้เข้าที่ “โอเคไหม”

   ผมชูนิ้วโป้งให้เขาทั้งๆ ที่ตาแดง คนเป็นดาราส่ายหน้า ตบปุบนหัวผมเบาๆ แล้วก็เอนตัวเข้ามากอด วงแขนของเขาแตกต่างจากของแม่ มันคืออ้อมกอดที่ทำให้ผมรู้สึกถึงความแข็งแกร่ง...และปลอดภัย

   “เราเสียใจด้วยจริงๆ” ประโยคนั้นเหมือนพูดกับทั้งผมและแม่ ผู้ที่ตอนนี้กำลังมองเราแล้วยิ้มแก้มปริ

   “พวกเธอสองคนน่ารักเกินไป แม่คิดถึงพ่อเลยเนี่ย ฮื่อ” ก่อนจะคร่ำคราญและเข้ามากอดสมทบอีกคน

   ในห้วงความอบอุ่นนั้น ผมรู้สึกว่าทุกอย่างกำลังจะดีขึ้น มันอาจจะไม่ได้ดีขึ้นทันที แต่มันจะดีขึ้นได้แน่นอน


   
   ผมใช้เวลาปิดเทอมที่เหลือไปกับการเก็บตัวอยู่กับห้อง อ่านหนังสือ ดูหนัง ออกไปช่วยป้าแก้วทำขนมบ้างตามสภาพอารมณ์ หลีกเลี่ยงการออกจากบ้านเพราะไม่อยากเจอใคร โฟกัสและเพื่อนคนอื่นมาหาที่บ้านบ้างเพราะผมก็ทำได้แค่นั่งคุยแป๊บๆ แล้วก็กลับเข้าห้องตัวเอง

   ทุกคนบอกให้ผมกลับไปใช้ชีวิตสนุกสนานแบบจุ๊บคนเดิม แต่การทำแบบนั้นทำให้ผมนึกถึงพ่อ ช่วงเวลาก่อนหน้านั้นที่ผมใช้ชีวิตไปทำสิ่งต่างๆ มากมายยกเว้นการดูแลเขา มันทำให้ผมไม่อยากออกไปไหนเลย

   แม่กับคนในครอบครัวก็เป็นห่วง กลัวผมจะเป็นซึมเศร้า แม้ผมจะบอกทุกคนว่าผมไม่น่าเป็นห่วงขนาดนั้น ซึ่งในความเป็นจริงก็คือผมไม่น่าเป็นห่วงจริงๆ

   แค่อยากอยู่เงียบๆ รอให้เวลาเยียวยาความเศร้าในทุกวัน

   มันคงมีวันที่ผมกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้

   “วันนี้!”

   หนึ่งอาทิตย์หลังจากพ่อเสีย จู่ๆ ธีร์ก็บุกเข้ามาในห้องผมตั้งแต่เช้าตรู่ ผมสะลึมสะลือมองเขา นี่มันเพิ่งกี่โมงเองเนี่ย...

   “เราจะพาพี่จุ๊บควายไปเที่ยว ตื่นเต้นไหมมมมมม”

   ธีร์เข้ามาเขย่าตัวผมเบาๆ เชิงปลุกให้ลุกไปอาบน้ำด้วยเอนเนอจี้เหมือนโด๊ปคาเฟอีนเกินควร แต่ผมเนือยเกินกว่าจะ ‘สดใส’ ไปกับเขาเลยพลิกตัวไปกอดหมอนข้างอีกด้าน

   “วันหลังนะ” ผมบอกเสียงอ่อย

   “จุมพิต อย่าขี้เซา”

   “วันหลังๆ ไปแน่สัญญา”

   “ไม่” เขายื่นคำขาด แล้วพลิกตัวผมกลับมาเหมือนเดิม  ผมหรี่ตามองผ่านขี้ตา เห็นสีหน้าจริงจับง  “วันนี้วันเกิดนาย และเราจะไม่ยอมให้เสียเวลาวันนี้ไปเฉยๆ แบบทุกวันละ เราโดดซ้อมมาเพื่อพาออกไปข้างนอก ไม่ว่าพี่จุ๊บจะอยากไปหรือไม่อยากก็ตาม”

   “คร่อก” แกล้งกรนใส่แม่ง

   “ถ้าหลับต่อจะลักหลับแล้วนะ”

   “ฟรี้...คร่อก...ฟรี้...แจ้บๆ”

   “อืม เปิดซิงในวันแรกที่อายุยี่สิบปีพอดีเลย” เขาพูดเสียงต่ำ และจู่ๆ มือของธีร์ก็เคลื่อนมาจับตรงปลายบ็อกเซอร์ผม และรูดมันลงในเสี้ยววินาที

   “เชี่ย!” ผมเด้งตัวขึ้นมาปิดปิกาจูตัวเองแทบไม่ทัน ธีร์หัวเราะในลำคออย่างผู้ชนะ

   “ไปแล้ว”


   ไปก้ได้โว้ยยยยย





(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบ | UPDATE 29.1.2561 | Page 25 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 29-01-2018 22:04:31
(ต่อจากด้านบน)

   “วันนี้นายเป็นอะลาดิน เดี๋ยวเราเป็นจีนี่เอง”

   ธีร์ยื่นหน้ากากอะลาดินที่ผมเคยให้เขากลับมา วันนี้เขาสวมสเวทเตอร์สีแดงสดทับเสื้อกล้ามสีขาวด้านใน ท่อนล่างเป็นกางเกงขายาวสีน้ำตาลเข้มกับรองเท้าผ้าใบแนวสปอร์ตแบบที่ชอบ และสะพายกระเป๋าเป้ใบใหญ่ไว้หลวมๆ มันทำให้ตัวเขาดูโตขึ้นจนไม่เหลือคราบ ‘ดาราเด็ก’ ที่ผมชินปากอีกต่อไป (จริงๆ หมายถึงเซ็กซี่ขึ้น แต่ไม่พูดตรงๆ หรอก) ต่างจากผมที่ใส่เอี๊ยมสียีนส์ธรรมดาๆ ทับเสื้อยืดสีเหลืองด้านใน ดูไปเหมือนเราเริ่มสับสนว่าใครเป็นพี่เป็นน้อง แต่ช่างเหอะ

   “โอเชี่ยนเวิร์ลด์? อารมณ์ไหนเนี่ย”

   ผมแหว หลังจากที่เขาพาผมขึ้นรถและไม่ยอมบอกว่าจะไปที่ไหน ผมเลยหลับใส่เป็นการประท้วง รู้ตัวอีกทีตัวเองก็มายืนสวมหน้ากากอยู่หน้าตึกรูปถ้ำสีเทาใหญ่ ที่ซึ่งเป็นสถานที่ในความทรงจำวัยเด็ก

   “พามาทัศนศึกษาเหรอ” ผมกลั้วหัวเราะ คนเป็นดารายักคิ้วให้เชิงบอก ‘เดี๋ยวก็รู้’

   พอไปถึงหน้าประตูก็เห็นป้ายปิดปรับปรุงแปะอยู่ หือ?

   “ลุงครับ ผมมาแล้ว” เขาเปิดหน้ากากออกแล้วหันไปคุยกับยามต่อสองสามคำ ไม่นานลุงยามร่างอ้วนฉุก็มาเปิดประตูให้เราเข้าไป อ้าวเฮ้ย

   “ไม่ใช่ว่าปิดปรับปรุงเหรอ” ผมถามธีร์หลังจากลุงยามปล่อยให้เราเข้ามา

   “จริงๆ ก็ปิดอยู่”

   “แล้วเขาปล่อยให้เราเข้ามาได้ไงอะ”

   “พี่จุ๊บ เราเป็นใคร” เขาตอบด้วยสีหน้าเหนือ เท่านั้นผมก็เข้าใจว่านี่คือหนึ่งในอภิสิทธิ์ของธีร์ ดำรงเดช

   ภายในอควาเรียมดูกว้างใหญ่ขึ้นเยอะเพราะมีเราแค่สองคนอยู่ ดูเหมือนที่นี่กำลังปิดปรับปรุงจริงๆ เพราะอุโมงค์กระจกเหนือหัวเราถูกเช็ดจนสะอาด น้ำก็ใสแจ๋วผิดกับสีเขียวอื๋อที่ผมเคยเห็นตอนเด็ก อุปกรณ์ตกแต่งใต้น้ำที่จำลองให้เป็นโลกใต้ทะเลนั้นก็ดูเหมือนจริง ติดแต่ว่า...มันไม่มีปลา

   “ปลาหายไปไหน”

   “ไม่ได้พามาดูปลาซะหน่อย”

   “เอ้า ละพามาทำไมเนี่ย”

   ธีร์ไม่ตอบผม เขาเดินออกไปที่มุมโน้นมุมนี้ของอุโมงค์ เหมือนกำลังหาพิกัดอะไรสักอย่าง

   “หาอะไรเหรอ”

   “ตรงนี้แหละ” เขาบอก แล้วกวักมือเรียกผมไปที่ซอกๆ หนึ่งที่อยู่เกือบสุดปลายอุโมงค์ “มืดดี”

   “จะปล้ำเราเหรอ”

   เขาถอนหายใจอย่างละเหี่ย “ถ้าจะปล้ำอะไม่บอกหรอก จะทำเลย”

   ผมส่งสายตาไม่ไว้ใจ แต่ก็ยอมเดินเข้าไปอยู่ดี สังเกตเห็นเขาหยิบของก้อกแก้กๆ ออกจากกระเป๋าเป้ใบโตที่สะพายมาด้วย และพบว่าสิ่งที่หยิบออกมาคือ...โน้ตบุ๊ก

   เอาโน้ตบุ๊กมาทำไมฟะ

   “รู้ว่าสงสัย แต่รอแป๊บ เครื่องมันเปิดช้า” คนผิวสว่างพูดตัดหน้า ผมเลยทิ้งความสงสัยไว้สักครู่แล้วไปจับจ้องที่ผิวของเขาแทน...คนอะไรอยู่ในที่มืดผิวก็ยังขาวจ้าได้แบบนี้ ผมเริ่มจะคิดจริงจังแล้วว่าเขากินหลอดไฟ หรืออย่างน้อยก็สารที่อยู่ในหลอดไฟเข้าไปจริงๆ...

   “มาละ” เขาวางโน้ตบุ๊กลงกับพื้น เอนตัวพิงกับกระจกสีฟ้าใสด้านหลัง “มานั่งกับเราตรงนี้เร็ว”

   ผมยอมเขยิบเข้าไปนั่งข้างเขา สังหรณ์ใจว่าน่าจะจะโดนอำอะไรสักอย่างอีก แต่ภาพบนหน้าจอกลับทำให้ผมอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก...ธีร์นี่แม่งโคตรธีร์เลยจริงๆ


   “ไททานิคกลางน้ำไง”


   ธีร์พยักเพยิดไปที่หน้าจอที่กำลังฉายไททานิคอยู่ แล้วผายมือไปรอบๆ บอกว่าเราอยู่กลางน้ำ แล้วเราเป็นแบบนั้นจริงๆ

   “ไง อึ้งไปเลยอะเด้”

   “คิดได้” แล้วผมหัวเราะออกมา ใจหนึ่งก็ระอาแต่มันหยุดขำไม่ไหว

   “ความฝันเป็นจริงแล้ว” เขายักคิ้วให้รัวๆ อย่างคนขี้อวด “ไม่ต้องไปเมืองนอกละเนี่ย”

   ผมหัวเราะอยู่หลายนาทีจนเจ็บแก้ม ส่วนเขาก็มองผมแล้วก็หัวเราะตาม และไม่ว่าอะไรจะดลใจเขาให้คิดและทำแบบนี้ ผมก็รู้สึกขอบคุณทั้งนั้น



   เพราะนี่คือการหัวเราะครั้งแรกในรอบสัปดาห์ของผมเลย



โปรดติดตามตอนต่อไป

มาพรุ่งนี้ค่า

ตัวแม่*
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบ | UPDATE 29.1.2561 | Page 25 }
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 29-01-2018 22:46:52
ขอบคุณนักเขียนสุดขยันค่ะ มาทุกวันแบบนี้ปลื้มใจจริงๆค่ะ ตอนนี้ธีร์ดูโตขึ้นนะอย่างน้อยก็ไม่งอแงและหัดเอาใจเขามาใส่ใจเราแล้ว เห็นตอนนี้แล้วเชื่อว่าธีร์จะดูแลพี่จุ๊บได้ และหวังว่าจะเป็นแบบนั้นจริงๆ นี่ก็ไม่รู้ว่าจะหวานก่อนดราม่ามารึเปล่านี่
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบ | UPDATE 29.1.2561 | Page 25 }
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 29-01-2018 23:26:20
ธีร์ช่วยดูแลจุ๊บด้วยนะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบ | UPDATE 29.1.2561 | Page 25 }
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 30-01-2018 01:06:31
เราเชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้น ถ้าทั้งสองคนผ่านไปด้วยกันน แต่ก็มองไม่เห็นว่าจะผ่านด่านแม่ธีร์ไปได้ยังไง เป็นกำลังใจให้ค่าาาาา  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบ | UPDATE 29.1.2561 | Page 25 }
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-01-2018 01:38:21
ทุกอย่างจะต้องดี
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบ | UPDATE 29.1.2561 | Page 25 }
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 30-01-2018 12:32:37
อยู่เป็นกำลังใจให้พี่จุ๊บเค้านานๆ นะลูก
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบเอ็ด | UPDATE 30.1.2561 | Page 25 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 30-01-2018 19:23:34

(https://www.img.in.th/images/703cd3f2e6e26a25842ea76e576ddc48.jpg)

จูบที่ยี่สิบเอ็ด



   เราออกจากโอเชี่ยนเวิร์ลด์หลังจากดูไททานิค (กลางน้ำ) จบ  เผชิญกับอากาศที่ร้อนตับแตกเพราะเป็นเวลาพระอาทิตย์ตรงหัวพอดี เราหาร้านข้าวข้างทางนั่งกิน โดยเลือกร้านที่คนไม่เยอะมากเพราะกลัวตกเป็นเป้าสายตา ก่อนจะพบว่ายังไงก็ตกเป็นเป้าสายตาอยู่ดี แหม เล่นใส่หน้ากากอะลาดินกับจีนี่ตอนกินข้าวแบบนี้ ไม่โดนจับไปส่งโรงพยาบาลบ้าก็บุญโขแล้วครับ

   ช่วงบ่ายธีร์บอกว่าจะพาผมไปเที่ยวอีกที่ ซึ่งเขาก็ไม่บอกเหมือนเดิมว่ามันคือที่ไหน คราวนี้ผมไม่ได้รู้สึกง่วงเลยไม่ได้หลับประท้วงเขา แต่เล่น ROV ประท้วงขณะที่เขากำลังฝ่าวิกฤตรถติดในกรุงเทพฯ แทน สะใจ

    อยู่บนถนนอยู่เกือบชั่วโมงธีร์ก็เลี้ยวเข้าถนนเส้นหนึ่งที่เขาดูจะชำนานทาง แต่...เดี๋ยวนะ...ผมว่าผมเคยเห็นที่นี่...ในอินเตอร์เน็ต

   “สวัสดีมีความสุข?”

   ค่ายใหญ่ที่เขาเป็นดาราในสังกัด เป็นค่ายที่ผลิตทั้งหนัง ละคร เพลง และปั้นไอดอลมากมายมาออกสู่สายตาประชาชน เป็นบริษัทที่รุ่นพี่คณะส่วนมากของผมจบมาแล้วจะทำงานที่นี่ และแน่นอนว่ามันเป็นความฝันของผมเช่นกัน

   ธีร์ขับรถเข้าไปในอาณาเขตของบริษัท สองข้างทางถูกปกคลุมไปด้วยร่มเงาของไม้ยืนต้นให้ความร่มรื่น เข้าไปปุ๊บเราเจอตึกสำนักงานสองชั้นตั้งอยู่ด้านหน้าสุด ถัดเข้าไปข้างในเป็นสตูดิโอที่ใช้ถ่ายงานซึ่งมีลักษณะคล้ายโกดังขนาดใหญ่อยู่สี่โกดัง

   พอถึงจุดตรวจเขาก็เปิดหน้าให้ยามดู และได้รับอภิสิทธิ์แบบธีร์ ดำรงเดชเช่นเคย นี่ถ้าไม่ได้เป็นดาราจะคิดว่าเป็นผู้บริหารของบริษัทรักษาความปลอดภัยนะเนี่ย ดีลยามโคตรเก่ง

   “จริงๆ จะมาตึกใหญ่” เขาบอก “แต่เดี๋ยวแว้บไปสตูดิโอถ่ายแป๊บนึง นัดกิ๊กไว้” ขี้โม้

   “พามาถึงนี่ไม่กลัวเป็นข่าวเหรอ”

   “กลัวดิ ระวังตัวอยู่เนี่ย” แล้วเขาก็ทำท่าก้มหัวตอนขับรถแบบเหนียมๆ ถึงมันจะน่ารักแต่ผมก็กลัวรถชนจังครับ

   เราเข้ามาถึงโกดังที่อยู่ลึกที่สุด มันเป็นโกดังใหญ่ที่แม้มองไกลๆ ก็เห็นคนขวักไขว่ชัดเจน ธีร์แอบจอดรถไว้ข้างๆ และลงจากรถมาด้วยท่าทางแบบสายลับ 007 (ทำเพื่อใคร)

   “พี่จุ๊บ” เขากระซิบ ดึงมือผมไปหลบในเงาไม้ติดกับโกดัง “คนเยอะเกินไปว่ะ เดินเข้าไปทั้งหน้ากากเขาไม่ให้เข้าแน่ๆ แต่ถ้าถอดหน้ากากเป็นข่าวแน่ๆ”

   “มาหาใครเนี่ย” ผมตั้งท่าสงสัย ทว่าเขากลับมองซ้ายมองขวาเหมือนต้องการเช็คต้นทาง

   “เราต้องจูบกัน...เดี๋ยวนะ...ตอนนี้แหละ”

   เขากระซิบ ถอดหน้ากากตัวเองออกอย่างรวดเร็วแล้วดึงหน้ากากผมออกบ้าง แต่หน้ากากดันติดอยู่กับจูปาจุ๊ปส์ที่ผมอมค้างไว้อยู่เราเลยมีความทุลักทุเลหน่อยๆ

   พอถอดออกได้ธีร์ก็ยื่นหน้ามาจูบผมอย่างรวดเร็ว หากแต่...ก่อนหน้าที่เวลาจะหยุดเดิน ผมรู้สึกเหมือนได้ยินบางอย่าง
   
   เสียงเหมือน...ชัตเตอร์กล้อง

   “ได้ยินไหม”

   “อะไรเหรอ?”

   ผมมองไปรอบๆ หลังจากถอนริมฝีปากจากเขา ตรงที่เราอยู่เป็นต้นไม้แห้งๆ ต้นหนึ่งที่ไม่ได้ ‘ปิดบัง’ เราได้อย่างที่ควรจะเป็น อันที่จริงมันเป็นต้นไม้แห้งที่ปลูกอยู่ในที่โล่งติดกับผนังของโกดัง ถัดออกไปก็เป็นที่โล่งซึ่งมองเห็นโกดังถัดไปอยู่ไกลๆ

   อาจเพราะเวลาหยุดทำให้ผมมองไม่เห็นการเคลื่อนไหวของสิ่งผิดปกติใดๆ...หรือบางทีผมอาจจะหูฝาดไปเอง

   “มีอะไรเปล่าพี่จุ๊บ”

   “เปล่าๆ” ผมตอบธีร์ ตัดสินใจว่าคงไม่โดนแอบถ่ายหรืออะไรพรรค์นั้นหรอก...คิดว่านะ

   แล้วพระเอกดังก็จูงมือผมเข้าโกดัง เดินผ่านทีมงานในสตูดิโอมากมายที่ถูกทำให้หยุดนิ่งจากการหยุดเวลาของเรา ผมค่อนข้างตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศด้านในเพราะนี่เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่ได้เข้ามาในสถานที่แบบนี้...กล้อง ฉาก ไฟ ราวตากเสื้อผ้านักแสดง มอนิเตอร์ผู้กำกับ ทุกอย่างมันทำให้ผมลืมสนใจไปเลยว่าผมมาทำอะไรที่นี่

   “พี่จุ๊บ ทางนี้” เสียงเรียกของธีร์จากห้องแต่งตัวทำให้ผมหลุดจากภวังค์ ผมก้าวเข้าไปถึงหน้าห้อง แต่ธีร์ปิดประตูบังผมซะก่อน

   “หลับตาก่อน” เขายิ้มกริ่ม

   “ทำไมต้องหลับตา”

   “เหอะน่า” ผมยอมหลับตาตามที่เขาบอก ลีลาจริงๆ วันนี้

   ธีร์ใช้มือปิดตาผมอีกครั้ง และดันหลังผมให้เดินเข้าไปในห้องแต่งตัวช้าๆ “อย่าเพิ่งลืมตานะ” เสียงล็อคประตูดังแกร๊ก แล้วสัมผัสนุ่มๆ ก็ถูกประทับลงบนริมฝีปาก

   “แท่นแท้น” ธีร์ร้อง แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งร้องออกมาซะก่อน

   “เฮ้ย” เสียงแบบนี้...โครงหน้าลูกครึ่งแบบนี้...

   “พี่วีสวัสดีครับ” ธีร์ยกมือไหว้ผู้หญิงร่างเล็กตรงหน้า “ขอโทษที่ถือวิสาสะเข้ามาแบบไม่ได้บอกก่อน ผมแบบว่า...มีเวลาจำกัดน่ะครับ แฮ่ๆ”

   เธอดูตะลึง แต่ก็ยิ้มให้ ส่วนผมอึ้งแดกไปแล้ว

   “ไม่เป็นไรๆ” เธอบอกด้วยน้ำเสียงเพราะอย่างกับนางฟ้า “น้องคนนี้ใช่ไหม...ที่บอกว่าจะขอมาถ่ายรูปกับเราด้วย”

   “ใช่ครับ พี่จุ๊บ”

   “หวัดดีน้องจุ๊บ”

   วี วิโอเลตทักผม...เรียกชื่อผม...นี่มันต้องเป็นฝันแน่ๆ

   “เอ๊า เร็วดิ” ธีร์โคลงหัวเร่งแล้วเข้ามากระซิบข้างหูผม “รีบถ่ายรูปเร็ว เราล็อคประตูอยู่ เดี๋ยวคงมีคนพยายามเข้ามาแน่ๆ”

   แล้วเขาก็จับไหล่ผมและดันให้ไปยืนข้างๆ วี สิ่งแรกที่ผมทำคือการยกมือไหว้เธออย่างเงอะๆ งะๆ จนอีกฝ่ายหลุดขำ โอ๊ย สาบานว่ามันคือการหลุดขำที่น่ารักที่สุดในโลกเลย

   และบ่ายแก่วันนั้น ในห้องแต่งตัวของสตูดิโอที่ไม่มีใครรู้ว่าเราแอบลักลอบเข้ามา ผมได้ถ่ายรูปแบบไหล่ชนไหล่กับศิลปินหญิงที่ชอบที่สุดในชีวิต

   ด้วยความช่วยเหลือของธีร์ ดำรงเดช



   
   “โห นี่ถ้าเป็นผู้ชายเราหึงไปละนะเนี่ย”

   ธีร์แซวเพราะเห็นผมเลื่อนดูรูปถ่ายคู่กับวีในโทรศัพท์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

   “คนอะไร โคตรน่ารัก”

   “รู้”

   “โคตรน่ารัก แบบโคตรรรรรรน่ารักจริงๆ นะ”

   “ตอนนี้ไม่ใช่ผู้ชายเราก็หึงละ” เขาทำเสียงดุเหมือนเสือหวงเหยื่อ (?) เลี้ยวรถเข้าจอดในลานใต้ตึกสำนักงานใหญ่

   “รออยู่นี่แป๊บนึงนะ เราไปเอาเอกสารแค่แป๊บเดียว” เขากำชับ ถอดหน้ากากแล้วออกจากรถไป ผมเลื่อนดูรูปถ่ายคู่กับวีอีกสี่ห้ารอบเขาก็กลับมา...แป๊บเดียวจริงๆ ด้วยว่ะ

   “เราขับรถต่อละ อ่านนี่ให้ฟังหน่อยดิ”

   ธีร์เข้ามาในรถแล้วยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลซองหนึ่งให้ ผมหันไปมองเขาด้วยความงง “ก็...เดี๋ยวถึงบ้านแล้วค่อยเปิดอ่านก็ได้มั้ง”

   “เถอะน่า อ่านให้ฟังหน่อย มันเป็นสัญญาสำคัญมากเลยอะ เราอยากรู้ไวๆ”

   อะไรของเขาวะ

   “ก็ได้” ผมค้อนเขาอย่างฉุนๆ ที่ต้องล้มเลิกการเลื่อนดูรูปคู่กับวีจนได้ ยอมรับเอกสารนั้นมาแล้วก็ต้องสะดุดกับชื่อที่จ่าหน้าซอง

   ถึง คุณจุมพิต วิเศษกาล

   “อ่านดังๆ นะ” ธีร์บอก ขณะเคลื่อนรถออกจากประตูทางออกสำนักงาน

   “ทำไมซองถึงจ่าหน้าถึงเราล่ะ”

   “อยากรู้ก็เปิดอ่านเลย”

   ผมแกะซองเอกสารออก มันจะมีกี่ความเป็นไปได้กันที่ค่ายหนังใหญ่จ่าหน้าซองถึงผม...ผมที่เป็นนักศึกษาเรียนฟิล์มธรรมดาๆ เนี่ยนะ

   “เรียน คุณจุมพิต วิเศษกาล” ผมเริ่มอ่าน และพบว่าในจดหมายเขียนถึงผมจริงด้วย “จากที่คุณได้ส่งใบสมัครและพอร์ทโฟลิโอมาให้ทางสวัสดีมีความสุขพิจารณา เพื่อเข้ามาฝึกงานในสายงานนิเทศศาสตร์ ตำแหน่งผู้ช่วยผู้กำกับและเขียนบท หลังจากที่ทางเราได้พิจารณาแล้ว...เดี๋ยวๆๆๆ” ผมร้องอย่างงุนงงผสมตื่นเต้น นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ยยยย

   “ฮ่าๆๆ อ่านต่อสิ”

   “หลังจากที่ทางเราได้พิจารณาแล้ว เราขอแจ้งว่าคุณผ่านการพิจารณา และเรายินดีที่จะรับคุณเข้าเป็นนักศึกษาฝึกงานในช่วงปิดเทอมถัดไป ห๊าาาาาาาาา!?”

   “เจ๋ง”

   “ถ่ายรูปกับวี ฝึกงานกับสวัสดีมีความสุขในวันเดียวกัน นี่เราฝันแน่ๆ” ผมร้องออกมาแล้วตบหน้าตัวเองแรงๆ ที...ไอ้เหี้ยเจ็บสัด ไม่น่าเลย

   “พี่จุ๊บไม่ได้ฝัน”

   “แต่เดี๋ยวเรางง ได้ฝึกงาน...ได้ได้ไง เราไม่เคยส่งใบสมัครไปให้เขาเลย”

   “ก็บางที” ธีร์ทำท่านึก “อาจมีจีนี่สักคนทำให้ก็ได้...มั้ง”    

   ผมถอนหายใจ แต่ไม่ใช่การถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่ายหรอก “ธีร์ทำให้ใช่ไหม”

   “ฮื่อ” คนเป็นดารายิ้มรับ “เราแค่คิดว่ามันคงดีถ้าพี่จุ๊บได้ไปฝึกงานในสายงานที่ตัวเองชอบ แล้วสวัสดีมีความสุขก็เทรนด์งานดีมากๆ อันนี้ไม่ได้พูดจากมุมมองของคนในเลยนะ” เขาหัวเราะ

   “ธีร์...”

   “ไม่ๆๆ เราไม่ได้ใช้เส้นอะไรเลยนะสาบานได้ เราแค่กรอกใบสมัครให้ แล้วแนบลิงก์หนังสั้นที่พี่จุ๊บทำให้เขาพิจารณา งานนี้โปร่งใสล้วนๆ”

   “เรายังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย” ผมแหว “เราแค่อยากจะบอกว่าขอบคุณ นี่มันฝันเราเลย”

   “เรารู้ เราถึงได้สนับสนุนไง” เขาเอียงตัวมาซบไหล่ผมแค่ครู่หนึ่งแล้วผละออกไปขับรถต่อ “สุขสันต์วันเกิดพี่จุ๊บ”
 
   “ไหน วันนี้จะมีเซอร์ไพร์สอะไรมากกว่านี้อีกไหม บอกมา”

   “โห แค่นี้ก็เหมือนให้ของขวัญไปทั้งปีแล้วปะ”

   “ไม่มีอะไรแล้วนะ แน่ใจนะ”

   “ไม่มี”





(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบเอ็ด | UPDATE 30.1.2561 | Page 25 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 30-01-2018 19:26:13
(ต่อจากด้านบน)

   “เซอร์ไพร์ส!!!!!!!”

   แต่...ทันทีกลับมาถึงบ้าน ผมก็เจอกับฝูงชนมากมายที่มารอเซอร์ไพร์สเราอยู่ที่บ้านในตอนเย็น

   ผมหันขวับไปมองธีร์ด้วยสายตา ‘กูว่าแล้ว’ แต่อีกฝ่ายทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้และเดินเข้าไปช่วยคนอื่นจัดงานเฉย ไม่รู้ไปนัดแนะกันตอนไหน แต่คนในครอบครัวและเพื่อนฝูงใช้เวลาที่ผมออกไปช่วยกันเนรมิตสวนหน้าบ้านให้เป็นลานปาร์ตี้วันเกิดขนาดย่อม เขาตกแต่งต้นไม้ด้วยไฟหลากสี ทำปิ้งย่างบาร์บีคิวกินกัน มีเครื่องดื่มและขนมสมนาคุณจากป้าแก้ว และมีคาราโอเกะไว้เพื่อตอบสนองความต้องการของป้าเด้าล้วนๆ (ดูได้จากการที่ป้าแกครองไมค์ตั้งแต่งานเริ่มตอนหกโมงลากยาวจนถึงสามทุ่มก็ยังร้องไม่หยุด)

   คืนนั้นมีหลายคนเข้ามาร่วมอวยพรผม ทั้งเพื่อนพี่น้องจากคณะเดียวกัน

   “พี่จุ๊บ แฮปปี้เบิร์ธเดย์นะครับ”

   “ขอบคุณนะรอง”

   “แฮปปี้เบิร์ธเดย์เว้ยมึง”

   “ขอบคุณมากไอ้โอ”

   เพื่อนของธีร์อย่างเอิงเอย

   “สุขสันต์วันเกิดค่าพี่จุ๊บ มีความสุขมากๆ ได้ทุกสิ่งที่หวังเลย อ้อ...แล้วนี่ป่านค่ะ” เอิงเอยถือโอกาสแนะนำเด็กสาวตัวเล็กหน้าตาจิ้มลิ้มให้ผมรู้จัก เธอเข้ามากระซิบกับผมเบาๆ ว่า “แฟนหนูเอง”

   คนในครอบครัวของผม

   “แม่ไม่ขอให้อะไรมาก ขอให้ลูกแม่มีความสุขกับทุกอย่างที่ทำก็พอ สุขสันต์วันเกิดนะเธอ”

   “ผมรักแม่ครับ”

   “หมาจะเกิดชิงหมาเกิด ว้ายยยยยยยยยยย ใครเปิดเพลงนี้ให้ฉันร้อง” และนั่นแหละ...การอวยพรจากป้าเด้าของผม

   เพื่อนสนิท

   “มึงก็รู้ว่ากูไม่เคยอวยพรวันเกิดมึงสักปี ปีนี้ก็ไม่เว้น”

   “ฮะๆ ไม่เป็นไรมึง”

   “แต่ถ้ามึงอยากได้อย่างอื่นแทนคำอวยพร กูมีแอพฯ นึงแนะนำน่าสนใจมาก ชื่อสปายโฟน มันเป็นแอพฯ ดักจับข้อมูลบนหน้าจอของแฟนเว้ย ใช้เวลาติดตั้งในเครื่องมึงกับเครื่องแฟนแป๊บๆ ใช้ได้เลย เผื่อมึงอยากเอาไปสืบว่าธีร์มีกิ๊กเปล่า เนี่ยกูก็ใช้ดูเครื่องผัวอยู่ แม่งเปิดเว็บโป๊ดูทั้งวัน”

   “ไอ้โฟกัส...กูโอเคเว้ย”

   “เชอะ”

   และที่ขาดไม่ได้ก็คือเขา ที่ผมคิดแล้วว่าคงทำอะไรแบบคนธรรมดาคนอื่นไม่ได้

   “และต่อไปนี้ขอเชิญพบกับการแสดงพิเศษของ ว้าย พูดออกไมค์ไม่ได้เดี๋ยวเพื่อนบ้านได้ยิน” ป้าเด้าเอาไมค์ออกห่างจากตัว และประกาศด้วยเสียงแหบเหมือนเป็ด “การแสดงพิเศษของน้องธีร์ ดำรงเดชข่าาาา”

   ทุกคนในงานปรบมือ แล้วธีร์ปรากฏตัวออกมาในสูทสีดำพร้อมกับกีต้าร์หนึ่งตัว เท่านั้นแหละใจผมรู้เลยว่ามันต้องทำอะไรเสี่ยวแต่เขินอีกแน่นอน

   “สุขสันต์วันเกิดพี่จุ๊บ เพลงนี้ให้นาย”

   พูดแค่นี้แต่ทำสาววายในงานดิ้นพราดๆ (วงเล็บ จีบและโฟกัส) เสียงกรี๊ดดังขึ้นชั่วขณะ แล้วทุกอย่างก็เงียบลงเหลือแค่เสียงกีต้าร์ กับเสียงร้องที่เขาเปล่งออกมาอย่างตั้งใจ



   “รอยยิ้มของเธอแค่ครั้งเดียว ทำฉันให้ลืมเรื่องราวที่ผ่านเข้ามา ทำให้ได้รู้ว่า อะไรที่สำคัญกว่า สิ่งใดจะมาทดแทน”



   เขาร้องเพลงของสครับบ์เพลงนั้น เพลงที่เราเคยร้องด้วยกันในวันเฟรชชี่ไนท์เมื่อเกือบหนึ่งปีที่แล้ว


   “เสียงของเธอแค่ครั้งเดียว ทำฉันให้ลอยล่องไป ไกลสุดสายตา มีอะไรมากกว่า ที่เคยได้พบมา เกินกว่าคำบรรยาย”



   เพลงที่เป็นเหมือนเพลงของเรา ในวันที่ผมกับเขายอมเปิดใจกันครั้งแรก



   “หากตอนนี้ ลองหลับตา เห็นภาพเดิมอีกครั้ง”



   ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะจำรายละเอียดของทุกสิ่งที่ผมชอบได้ และใช้รายละเอียดเหล่านั้นให้มาดึงความสุขให้เกิดขึ้นในตัวผมอีกครั้ง หลังจากที่จมอยู่ในห้วงความเศร้าเรื่องพ่อมานานนับสัปดาห์



   “ฉันเพียงอยากขอหยุดเวลาไว้ก่อน เพียงชั่วคราวหากเธอรับรู้ว่ามันไม่ง่ายดายเท่าเดิม ฉันเพียงอยากขอเก็บรอยยิ้มนี้ก่อน รู้ว่ามีความหมายบางอย่าง”



   ถามว่าเพี้ยนเหมือนรอบที่ผ่านๆ มาไหม...เพี้ยนเหมือนเดิม



   “ขอแค่เราได้นึกถึงเวลานี้”


   แต่มันก็เป็นความไม่สมบูรณ์แบบที่ผมรักหมดใจ

   เสียงปรบมือเกรียวกราวเมื่อเพลงจบ ชายหนุ่มผู้ต้นคิดทุกอย่างของวันนี้คืนไมค์ให้ป้าเด้าแล้วเดินตรงมาหาผมท่ามกลางสายตาของทุกคนที่มองอยู่ ผมใจเต้นตึกๆ ตักๆ ได้ยินเสียงเชียร์ให้จูบ รู้สึกว่านี่จะเหมือนงานแต่งงานเกินไปแล้วโว้ยยยย

   ทว่าธีร์กลับไม่ได้เข้ามาจูบ เขามีแค่ทำท่าเหมือนจะจูบผมด้วยการค้อมหน้าผากตัวเองมาชนหน้าผากผมเบาๆ...แต่แล้วก็ยกออก เสียงโห่ของแฟนๆ ดังตามมา ไม่เซอร์วิสต์เลยโด่

   “ไม่ต้องขอบคุณหรอก เราเต็มใจทำ” เขาบอกทั้งๆ ที่ผมยังไม่ทันได้พูดขอบคุณอะไรไปสักคำ “อ่อ และตะกี้นายอาจไม่ทันเห็นเสื้อเราเพราะอยู่ไกลเกินไป เราอยากอวดเสื้อมากเพราะมันมีแค่ตัวเดียวในโลก”

   แล้วเขาก็เปิดสูทให้ดู เผยให้เห็นเสื้อสีขาวสกรีนด้วยตัวหนังสือสีแดงลายเดียวกับเสื้อแฟนคลับเขาเอง

   แต่ตัวหนังสือกลับเขียนว่า ‘I LOVE JOOMPIT WISETKAN’

   คิดแล้วว่าคงทำอะไรแบบคนธรรมดาคนอื่นไม่ได้...แต่ไม่ได้คิดว่าจะมาขนาดนี้

   “ลงทุนโคตร” ผมขำ “ลงทุนขนาดนี้หวังอะไรปะเนี่ย”

   “มีให้ไหมล่ะครับ”

   “อยากได้อะไร”

   “ไปขึ้นห้อง ตอนนี้เลย”

   “กลัวแล้ว”

   “ล้อเล่น ฮ่าๆ ไม่อยากได้อะไรหรอก แค่สัญญาอะไรกับเราอย่างหนึ่งพอ”

   “อะไรล่ะ”

   “ดูแลรอยยิ้มของคนที่เรารักด้วย”

   ผมหัวเราะ เพราะจำประโยคนั้นที่ผมเคยขอไว้กับเขาได้ชัดเจน “รับทราบครับ”

   “ปะ” ทันใดธีร์ก็แบฝ่ามือของเขามาเหมือนขอมือผม...ไปทำอะไร

   “ฮะ?”

   “ไปเต้นกัน”

   “เต้นไหน”

   “เต้นเนี่ย” เขาโคลงหัวให้กับป้าเด้าที่กำลังสะเด่ากับเพลงมันส์ๆ อยู่หน้าจอเช่นเดิม “สร้างรอยยิ้มไง”

   “เพลงสาวบางโพเนี่ยนะ” 

   “หนุกออก” เขาทำหน้าคึก แล้วเริ่มโยกตัวไปมา ผมส่ายหัวอย่างยอมใจ ฝากโทรศัพท์ไว้กับโฟกัสเสร็จสรรพแล้วออกไปเปิดฟลอร์ร่วมกับธีร์ในเพลงที่ป้าเด้าและคนอื่นช่วยกันร้อง เราเต้นอย่างเก้ๆ กังๆ กับจีบและเอิงเอย สังเกตเห็นรอยยิ้มของแม่ที่มองมาอย่างภูมิใจ สัมผัสเสียงหัวเราะที่เคยหายจากบ้านหลังนี้ไปช่วงหนึ่ง

   ถ้าพ่ออยู่ ผมว่าคืนนี้พ่อก็คงยิ้มไม่ต่างกัน

   “เหม็นขวยรักโวยยยยย”

   หนึ่งเหตุผลที่ทำให้เรายิ้มออก อาจมาจากคำแซวภาษาไทยที่ผิดๆ ถูกๆ ของลุงโรเบิร์ต

   “รอเบิร์ต ยูต้องพูดว่าความ! เหม็นความรักโว้ยยยยยยยยย! งี้” ป้าเด้าแก้ให้

   “อ้อ โอเค้ เหม็นควายรักโวยยยย”

   “ความ! กูบอกว่าความ! โอ้ยพอๆ มึงไม่ต้องพูดอะไรแล้วววว”
   


(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบเอ็ด | UPDATE 30.1.2561 | Page 25 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 30-01-2018 19:27:58
(ต่อจากด้านบน)

   งานเลี้ยงเลิกราในตอนเที่ยงคืน หลังจากส่งแขกทุกคนกลับบ้าน ผมขออาสาและยืนยันกับทุกคนว่าจะเป็นคนเคลียร์เศษซากของความสนุกสนานในคืนนี้เอง โดยมีธีร์อยู่ช่วย

   ตอนรับปากก็ไม่ได้คิดว่ามันจะเยอะ แถมเบียร์ที่โดนป้าเด้ามองกิน (โดยที่แม่ผมมองแรงอยู่ห่างๆ) ก็ออกฤทธิ์ของมันซะเต็มเหนี่ยว ผมเลยใช้ความพยายามมากพอควรในการจัดการทุกอย่าง สุดท้ายก็ต้องตกเป็นภาระของไอ้หนุ่มดารามากกว่าอยู่ดี

   ทุกคนเข้านอนกันหมดแล้ว ผมกับธีร์เพิ่งล้างจานใบสุดท้ายเสร็จตอนเกือบตีสอง เราอยู่กันแค่สองคนในห้องครัว และใช้เวลานานมากทีเดียวที่ผมจะรู้ตัวว่าเขาใช้เวลามองผมตอนล้างจานอยู่นาน...และอาจจะนานเกินไป

   “อะ...อะไร” ผมพูดตะกุกตะกักเมื่อเห็นสายตานั้น

   ธีร์มองผมนิ่งๆ อยู่พักหนึ่ง ยิ้มออกมาและส่ายหน้าปฏิเสธ “เราไม่เคยเห็นพี่จุ๊บเมา ตลกดี” เขาหยิบผ้าเช็ดมือมาซับมือให้ผม

   “ไม่ได้เมาซะหน่อย”

   “ล้างจานใบเดียวใช้เวลาตั้งสิบนาทีน่ะนะไม่เมา”

   “นานขนาดนั้นเลยเหรอ” ผมพูดเหมือนถามตัวเอง ธีร์หัวเราะออกมา พริบตานั้นผมก็รู้สึกว่าตัวเองละสายตาออกจากรอยยิ้มบนริมฝีปากของเขาไม่ได้เลย

   รู้ตัวว่าจ้องมันนานไปผมจึงเบนสายตาไปสบตาเขา พบว่าคนตรงหน้ามองผมกลับเช่นเดียวกัน

   เขาค่อยๆ ดึงผ้าเช็ดมือออกจากมือผมแล้วทิ้งมันไป จากนั้นสองมือกว้างก็ยกขึ้นประคองกรามผมอย่างแผ่วเบา ตัวของเขาดันให้ตัวของผมติดกับขอบอ่างล้างจาน ลมหายใจอุ่นไร้กลิ่นแอลกอฮอล์รดริมฝีปาก

   ผมจำไม่ได้ว่ากี่ครั้งแล้วที่เราสองคนจูบกันแบบที่ไม่ได้อยากจูบกันจริงๆ หากใช้มันไปเพื่อผลประโยชน์ในสถานการณ์อื่น

   แต่ไม่ใช่ครั้งนี้

   เพราะริมฝีปากของเขาเป็นสิ่งที่ผมโหยหามากเหลือเกิน

   อาจเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ หรือความต้องการลึกๆ ในใจทำให้ผมกล้าที่จะเอี้ยวคอเขาลงมา เราโผเข้าจุมพิตกันด้วยความดื่มด่ำ รุนแรงราวกับเรากำลังจมน้ำลึกและจูบนั้นคืออากาศ เราไม่ได้ใส่ใจด้วยซ้ำว่ามันจะทำให้เวลารอบข้างหยุดหรือเดินต่อไป เพราะรสชาติของริมฝีปากอีกฝ่ายกำลังดึงเราให้ดำดิ่งลึกลงไปในพื้นที่ที่เวลาไม่สามารถทำงานได้อีกแล้ว

   สัมผัสแรงตวัดจากปลายลิ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไอร้อนจากตัวเขาถูกถ่ายทอดจนแผ่ซ่านไปทั่วร่างของผม มือของเราช่วยกันปลดเปลื้องเสื้อผ้าของอีกฝ่าย โยนทิ้งไปบนพื้นสีขาวของห้องครัวอย่างไม่ใยดี

   เราทั้งคู่เปลือยท่อนบน ธีร์ใช้จุมพิตของเขาสำรวจไหปลาร้าและซอกคอของผม ในขณะที่มือกำลังเล่นสนุกกับตะขอกางเกงข้างล่าง

   แต่อยู่ดีๆ เขาก็ชะงักไป ผ่อนหายใจออกมารุนแรงเหมือนพยายามระงับอารมณ์ตัวเองเอาไว้

   “มีอะไรหรือเปล่า” ผมกระซิบถาม

   “เราควรหยุดไหม ก่อนมันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้” เขาหัวเราะออกมาเบาๆ “ดึกแล้ว เราว่าเราควรกลับบ้านได้แล้ว”

   “ไม่...อย่า...” ผมใช้สองมือจับใบหน้าเขาอย่างอ้อนวอน “อยู่กับเราต่อนะ”

   “...”

   “อยู่กับเราคืนนี้”

   ธีร์นิ่งไปพักหนึ่งเหมือนกำลังแปลกใจกับคำขอร้องของผม ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาเคยเป็นคนที่ขอร้อง และผมเป็นฝ่ายที่ไม่กล้าทำมาตลอด...

   “แน่ใจนะ”

   ผมก็คว้าคอของเขาลงมาประกบริมฝีปากแทนคำตอบ รับรู้ถึงความพุ่งพล่านของเขาที่มีมากขึ้นทวีคูณ ธีร์ปลดกางเกงทั้งชั้นนอกและชั้นในของผมออกอย่างรวดเร็ว ช้อนตัวผมขึ้นนั่งบนขอบอ่างล่างจาน แล้วไล้สายตามองไปทั้งร่างจนทำให้ผมรู้สึกหน้าร้อน

   “สวย...” เขายิ้มมุมปาก แล้วไล่พรมจูบตั้งแต่ปลายคางของผมไล่ลงต่ำเรื่อยๆ จนไปถึงจุดสำคัญ ริมฝีปากปากและฝ่ามือของเขาร่วมแรงกันช่วยปลุกมันให้ตื่นขึ้นมา และในวินาทีที่ผมไม่ได้ตั้งตัว เขาก็กลืนกินส่วนนั้นโดยสายตายังจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของผม

   “อ้ะ...เดี๋ยว...ธีร์...”

   “ชู่ว”

   “ธีร์...อา...อย่าทำแบบนั้น”

   “รู้สึกดีใช่ไหม...”

   ดี...ดีมากเลย “อึ้...อือ...”

   “ดี...” เขาใช้เวลากับช่วงล่างของผมด้วยจังหวะไม่ช้าและไม่เร็ว มันนุ่มนวลจนทำให้ผมเผลอปล่อยตัวให้จมอยู่กับห้วงความสุขนั้นและภาวนาไม่อยากให้มันจบลง ทว่าธีร์ถอนปากออกหลังจากทำมันได้สักพัก เขาลุกขึ้นจูบปากผม อุ้มตัวผมลงจากเค้าน์เตอร์ห้องครัว และวางตัวผมลงบนเสื้อผ้าของเราทั้งคู่ที่ป้องกันเราจากพื้นกระเบื้องเย็นเฉียบ

   ธีร์ปลดกางเกงขายาวและชั้นในของตัวเองออก พิงตัวกับตู้เย็นซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่ประจันหน้าผม นิ้วของเขากำลังเล่นสนุกกับธีร์น้อยอย่างเย้ายวนราวกับหลอกล่อให้ผมร่นเข้าไปหา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมได้เห็นมันเต็มตา แต่มันเป็นครั้งแรกที่ผมได้จะได้ทำอย่างอื่นนอกจากการมองและการสัมผัสมัน หากอยู่ๆ ก็รู้สึก...หนักใจ    

   “ชอบอมยิ้มใช่ไหม” เขารูดมันลงจนเบ่งบานเต็มที่ แต่ยังไม่วายพูดอะไรที่ทำให้ผมหน้าร้อนได้อีกครั้ง

   “แท่งนี้ก็อมแล้วยิ้มนะ”

   ตอนนั้นเองที่ผมได้สัมผัสรสชาติของธีร์ครั้งแรก แม้จะต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการควบคุมจังหวะของช่องปากที่เล็กแคบของตัวเองที่ไม่พอดีกับความยิ่งใหญ่ของเขาสักนิด แต่ผมก็พร้อมจะทำมัน เพียงเพราะการได้ฟังเสียงของความสุขที่ธีร์เปล่งออกมา

   เราสองคนผลัดกันทำให้อีกฝ่ายสุขสมอยู่หลายนาที ก่อนที่เขาจะใช้ลิ้นของตัวเองไล้สำรวจร่างกายของผมไปจนถึงส่วนหลัง และทันใดนั้นการกระทำของเขาก็เปลี่ยนแปลงตัวผมไปตลอดกาล

   “ธีร์ เจ็บ...” ผมร้องออกมาเมื่อเขาเริ่มสนุกสนานกับการใช้นิ้วที่ส่วนล่าง เขาแหย่มันค้างไว้และค่อยๆ เพิ่มจำนวนนิ้วขึ้นเรื่อยๆ

   “อย่าเกร็ง”

   “ธีร์ ไม่...”

   “แป๊บเดียวก็ชินแล้ว”

   เขาพูดครั้งหนึ่งผมก็พยายามผ่อนคลายครั้งหนึ่ง ทุกครั้งที่ธีร์จี้ไปถึงจุดสำคัญความเสียวซ่านก็แผ่ไปทั่วร่างราวกับเป็นความหฤหรรษ์แสนทรมาน

   “แป๊บนะ” เขาหยุดแล้วพยายามมองหาตัวช่วย “พี่จุ๊บมีเจลอะไรไหม”

   “มีแต่น้ำยาล้างจาน ซึ่งห้ามเด็ดขาด” เขาหัวเราะกับคำตอบของผม แล้วคลานไปเปิดตู้เย็น

   “ทำอะไรน่ะ”

   “แยมคงไม่ได้ ชีสก็กลิ่นเปรี้ยวไป เราว่าคงเหลือตัวเลือกสุดท้าย” เขาคว้านมข้มหวานแบบบีบออกมาจากตู้เย็น  ก่อนที่ผมจะได้แย้งอะไร เขาก็บีบมันลงบนไปนิ้วและไซ้มันเข้าไปอีกครั้ง

   เย็น แต่อย่างน้อยความเหนอะของมันก็ทำให้การรุกรานของเขาง่ายขึ้น ซึ่งทอนความเจ็บปวดของผมให้น้อยลง ธีร์ดูสนุกกับการทดลองนั้น เขาลงมือ ‘กิน’ นมข้มหวานจากปลายทางจนชื้นแฉะ พอหนำใจเขาก็ยกขาผมขึ้น แกะถุงยางเข้าสวมและเริ่มดันมันเข้ามา

   แต่อาวุธของเขามันไม่เหมือนลิ้นหรือนิ้ว ขนาดของมันไม่สมดุลกับความคับแคบที่ไม่สามารถขยายได้ทันท่วงที ถึงแม้ธีร์จะใช้ความนุ่มนวลและเริ่มต้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่มันไม่มีทางไหนที่เขาจะทำมันสำเร็จได้เลย

   “ธีร์ เราเจ็บ”

   “พี่จุ๊บอย่าเกร็ง มองเราสิ” ผมเงยหน้าของเขา รู้สึกขอบตากำลังร้อนขึ้นเพราะความทรมาน “มองเรา...” เขาก้มลงมาจูบผม ถึงจะเป็นรสจูบที่สุดยอดแค่ไหนผมก็ไม่สามารถเอาใจออกจากความเจ็บปวดได้เลย

   “อ้ะ”

   “อดทนนิดนึง”

   “ไม่...เอา...”

   “จูบเรา” เขาถาโถมริมฝีปากลงมาอีกครั้ง และในจังหวะนั้นที่เขาดันมันเข้ามาจนสุด แต่ความทรมานนั้นมันมากเกินจะทนไหว ทำให้ผมผละริมฝีปากออกแล้วร้องออกมาเสียงดัง

   ผมรู้สึกถึงความฉีกขาดจากเบื้องล่าง ธีร์ยังปลุกอารมณ์ของผมด้วยการจูบต่อไป ทว่าผมกลั้นน้ำตาไม่ไหวแล้วจริงๆ

   “พี่จุ๊บ...” เขาชะงักไป หยุดแรงขับเคลื่อนของร่างกายทั้งหมด “เจ็บมากเลยเหรอ”

   ผมไม่ตอบเขา เอาแต่กัดฟันและร้องไห้...ทำได้แค่ร้องไห้ออกมาเท่านั้น...

   “เราไม่ทำแล้วโอเคไหม”

   “ขอโทษ...”

   “ไม่ๆ เราสิต้องขอโทษ” เขากระซิบ ถอนร่างกายออกจากร่างของผม “ไม่เป็นไรแล้วนะ”

   เขาดูเครียด และนั่นทำให้ผมรู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูก “ธีร์จะ...กลับบ้านไหม เราไม่อยากให้ธีร์ไป”

   “ไม่” เขาส่ายหัว มองผมแบบเด็กๆ “เราจะนอนที่นี่กับพี่จุ๊บแหละ นอนเฉยๆ ไม่ทำอะไรทั้งนั้น โอเคไหม”

   ผมพยักหน้า แล้วเขาก็อุ้มผมขึ้นจากพื้นเข้าสู่ห้องนอน


(ต่อด้านล่าง)

หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบเอ็ด | UPDATE 30.1.2561 | Page 25 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 30-01-2018 19:29:23

   เช้าวันต่อมา

   ผมตื่นเกือบเที่ยงเพราะอาการแฮงค์โอเวอร์จากปาร์ตี้เมื่อคืน พอตื่นมาก็เห็นโน้ตจากเขาติดอยู่ข้างเตียง


   ‘ต้องรีบไปทำงานนะ โดดติดกันสองวันไม่ได้

   เมื่อคืนอาบน้ำแล้ว แต่เช้านี้อาบอีกทีก็ได้ (อย่าขี้เกียจเหมือนเรา)

   เผื่อนมข้นหวานมันล้างออกยาก ต้องล้างหลายๆ รอบ

   รัก

   - ธีร์’


   อาการปวดจากแผลฉีกขาดเมื่อวานยังหนึบอยู่ที่ส่วนหลังของผม แต่พอออกจากห้องมาผมโดนป้าแก้ววานให้ไปซื้อวัตถุดิบทำขนมมาตุนสำหรับล็อตของวันต่อไป ผมจึงต้องทนเดินเป๋ (อันที่จริงพยายามเดินไม่เป๋ เพราะกลัวคนอื่นรู้ว่าทำอะไรมา) แล้วควบ ‘ไอ้เต๋า’ เวสป้าสีแดงคันเก่าที่เป็นมรดกตกทอดจากพ่อไปโลตัสแถวบ้าน

   ซื้อของเสร็จสรรพ นึกขึ้นได้ว่าวันนี้ยังไม่ได้โทรหาธีร์ แต่ด้วยความที่หอบของพะรุงพะรังเยอะเกินไปจึงคิดเอาไว้ว่ากลับบ้านแล้วค่อยโทรทีเดียวดีกว่า

   หากระหว่างทางที่กำลังเดินกลับรถ ผมก็รู้สึกถึงความไม่ปกติของบางอย่าง

   รู้สึกเหมือน...มีคนกำลังเดินตาม

   บอกก่อนว่าเป็นคนไม่เชื่อเรื่องผี แต่บางครั้งสัญชาตญาณเรามันเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ และตอนนี้สัญชาติญาณของผมมันบอกว่ามีบางอย่างหรือบางคนตามอยู่จริงๆ

   ทว่าหันไปข้างหลังไปกี่ครั้งก็ยังไม่เจอใคร

   อีกสิบก้าวที่จะถึงรถ เสียงโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้นซะก่อน หน้าจอแสดงว่าธีร์โทรมาทำให้ผมถ่ายน้ำหนักของทั้งหมดไปที่มือข้างเดียวและกดรับ...กะบอกว่าสักแป๊บจะโทรกลับ

   “ฮัลโหลธีร์...”

   จังหวะนั้นเองที่รถตู้คันหนึ่งเข้ามาจอดเทียบข้างๆ ตัว

   ประตูรถถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว ฉับพลันผู้ชายในชุดสีดำหลายคนก็เข้ามาจับตัวผมไว้!

   แก๊งลักเด็กคือคำแรกที่ปรากฏขึ้นในหัวผม ด้วยความฝังใจกับข่าวเมื่อหลายสิบปีก่อนที่จะมีแก๊งรถตู้มาจับเด็กๆ ไปเรียกค่าไถ่ ความตราตรึงของเรื่องราวนั้นยังจำฝังใจผมมาจนถึงทุกวันนี้

   แต่วันนี้ผมไม่ใช่เด็ก และบ้านไม่ได้รวยถึงขนาดจะเรียกค่าไถ่ได้ ตาถั่วขนาดไหนถึงจับกูเนี่ยยยย

   “อ้า!” ผมพยายามร้องให้คนช่วย แต่พี่เบิ้มในชุดดำช่วยกันปิดปากผมไว้แล้วพาผมขึ้นรถในเวลาไม่กี่วินาที มีคนหนึ่งยึดมือถือที่ผมเพิ่งกดรับสายธีร์ไป และอีกสองคนที่เก็บของทำขนมทั้งหมดขึ้นรถมาด้วย

   “ช่วยด้วย” ผมอ้าปากร้องทันทีที่มันเปิดโอกาสให้พูด แต่สายเกินไปเพราะมันปิดประตูรถเรียบร้อยแล้ว

   “พวกมึงเป็นใครวะ” ตะโกนถามด้วยความเกรี้ยวกราด หากไม่มีใครตอบรับสักคน นอกจากเสียงชู่วปากเบาๆ ให้ผมเงียบจากคนที่นั่งเบาะข้างหน้า

   “เธอไม่รู้จักฉันจริงๆ เหรอ”

   ใบหน้าคมคายสวยไม่สร่างเอียงกลับมามองผมจากตำแหน่งหน้า ริมฝีปากสีแดงสดเหยียดยิ้มอย่างเป็นมิตร หากแววตาแสดงความเย็นชานั้นมองแล้วหนาวไปถึงขั้วกระดูก


   “คุณต่าย...”


โปรดติดตามตอนต่อไป

มาพรุ่งนี้ค่า
ตัวแม่*
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบเอ็ด | UPDATE 30.1.2561 | Page 25 }
เริ่มหัวข้อโดย: nittanid33333 ที่ 30-01-2018 20:10:48
เรือร่มกลางหนอง...ทองจะไปไหน งื้ออออ
สู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบเอ็ด | UPDATE 30.1.2561 | Page 25 }
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 30-01-2018 22:10:34
ว้ากกกกกค้างงงง แม่ธีร์จะทำอะไรเนี่ยทำไมถึงร้ายกาจกันแบบนี้ ต้องจับพี่จุ๊บไปข่มขู่แน่ๆ ใกล้จะจบแล้วไม่เอาดราม่าได้ไหมคะ งืออ พี่จุ๊บต้องเข้มแข็งนะอย่าหลงกล ธีร์รักพี่จุ๊บนะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบเอ็ด | UPDATE 30.1.2561 | Page 25 }
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-01-2018 22:34:42
 :ling3:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบเอ็ด | UPDATE 30.1.2561 | Page 25 }
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 30-01-2018 23:02:05
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบเอ็ด | UPDATE 30.1.2561 | Page 25 }
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 31-01-2018 00:33:07
แงงง ขุ่นแม่มาแล้วจ้าาา ฮือออ หวานกันได้ไม่เท่าไหร่ พี่จุ้บก็ยังเจ็บ ขุ่นแม่โปรดเมตตา  :katai1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบเอ็ด | UPDATE 30.1.2561 | Page 25 }
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 31-01-2018 17:51:50
แม่ธีร์มาแล้ว ทำไงดี
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบสอง | UPDATE 1.2.2561 | Page 25 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 01-02-2018 06:51:17

(https://www.img.in.th/images/703cd3f2e6e26a25842ea76e576ddc48.jpg)

จูบที่ยี่สิบสอง


   ผมเห็นเธอในทีวีตั้งแต่ยังจำความได้

   ผมยาวสนิทสีดำยาวถึงกลางหลัง ผิวขาวสะอาดไม่เคยมีรอยหมองคล้ำ ร่างบางระหงแบบคนดูแลสุขภาพเป็นอย่างดี ความสวยไม่สร่างกับน้ำเสียงอ่อนหวาน และท่าทางแบบกุลสตรีไทยที่คนทุกรุ่นจะหลงรัก ทว่าสิ่งเหล่านั้นก็ไม่ใช่เหตุผลหลักที่ทำให้เธอกลายเป็นตำนานของวงการบันเทิง ทว่ามาจากภาพลักษณ์และชื่อเสียงที่เธอสั่งสม การวางตัวให้เป็น ‘แบบอย่าง’ ของประชาชน

   แม้ผมจะเกิดไม่ทันยุคที่เธอเป็นนางเอก แต่ทุกบทบาทของเธอที่ผมทันเห็นก็ยังเป็นตัวละครเด่น และทุกตัวละครจะมีอุปนิสัยที่คล้ายคลึงกัน คือเป็นตัวละครฝ่ายดี

   ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งจะได้สัมผัสด้านที่ไม่เคยเห็นของพิมพ์ผกา ดำรงเดช



   “ขอโทษด้วยนะที่ลงไปรับเธอมาแบบเสียมารยาทอย่างนั้น ถือซะว่ามานั่งรถกับฉันเล่นแล้วกัน ใช้เวลาไม่นานหรอก”

   แม่ของธีร์อธิบายกับผมด้วยเสียงหวานนุ่ม หากก็ฟังดูเป็นคำสั่ง ทันใดนั้นเองคนอีกคนที่นั่งในเบาะข้างหน้าถัดจากเธอก็แสดงตัวออกมาบ้าง...พี่บุ๊ค ผู้จัดการของธีร์หันมายิ้มเย็นทักทายผม

   “แต่ก่อนที่จะคุย รับสายลูกชายฉันแล้วบอกว่าเธอไม่เป็นอะไร”

   เธอยื่นโทรศัพท์ของผมที่ธีร์ยังโทรซ้ำเข้ามาให้ เพราะล่าสุดผมทำได้แค่รับสายเขา แล้วจู่ๆ ก็โดนจับขึ้นรถมา

   “ฮัลโหลน้องธีร์...” ผมเลือกใช้สรรพนามเปลี่ยนไปเพื่อให้แม่ของเขาได้ยินโดยเฉพาะ

   [พี่จุ๊บ ตะกี้เป็นอะไรเนี่ย ทำไมรับสายแล้วเงียบไป]

   “เปล่าๆ พอดีพี่ซื้อของอยู่ แล้วทำมือถือตก”

   [ทำไมอยู่ๆ ถึงเรียกตัวเองว่าพี่เนี่ย ปกติใช้...]

   “อ้อ โทรมาเรื่องรูปในกล้องใช่ไหม”

   [รูปอะไร รูปโป๊เหรอ นายพูดเรื่องไรเนี่ย]

   “อ๋อต้องเอาไปส่งอาจารย์แล้ว โอเค เดี๋ยวพี่กลับบ้านไปแล้วส่งให้เลยนะ”

   [เดี๋ยว นี่มันระ...]

   “แค่นี้นะครับน้อง บาย”

   ผมกดวางสาย กะจะเก็บมันกลับลงในกระเป๋ากางเกง แต่แม่ของธีร์ยื่นมือมาขอไว้เสียก่อน “คุยเสร็จเดี๋ยวฉันคืนให้”

   “แต่ว่า...”

   “ฉัน จะ คืนให้” แววตาของเธอดุดันกว่าเดิมทำให้ผมยอมยื่นโทรศัพท์ให้เธอแต่โดยดี นางเอกรุ่นแม่สีหน้าแช่มชื่นขึ้นเมื่อได้ไป

   “ต้องบอกว่าน่าประทับใจมากทีเดียวที่เธอพยายามใช้คำพูดแบบพี่น้องกับธีร์แบบนั้น” นางเอกรุ่นแม่เปรย “...แต่ทริคตื้นๆ แบบนั้นหลอกฉันไม่ได้หรอก”

   ใจผมหล่นวูบ หากพยายามปั้นสีหน้าตัวเองเพื่อหลอกเธอต่อไป

   “เดี๋ยวพี่บุ๊คมีอะไรจะคุยกับเธอ” แม่ของธีร์บอก “หวังว่าคงไม่ต้องให้ฉันต้องพูดอะไรเพิ่มเติมอีกนะ” ประโยคหลังเหมือนเธอหันไปพูดกับพี่บุ๊คมากกว่า

   “ค่ะพี่ต่าย” พี่บุ๊ครับคำ ทันใดนั้นเขาก็สั่งให้รถจอดเพื่อที่จะย้ายจากเบาะหน้ามานั่งข้างๆ ผม    

   “จุ๊บ น้องชื่อจุ๊บใช่ไหม”

   เขาถาม เขยิบร่างท้วมเข้าใกล้ผมและยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ผมได้กลิ่นน้ำหอมสะอาดจากตัวพี่บุ๊ค วันนี้เขาใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสโล่งลายไทยตามสไตล์ แต่ทรงผมโมฮอคด้านบนกลับดูอินเตอร์ คาดว่าน่าจะอยากผสมผสานความตะวันออกกับตะวันตกอยู่ในตัวเอง

   “ใช่ครับ”

   “ก่อนเราคุยกัน สัญญากับพี่ได้ไหมว่าจะไม่โกหกพี่ เพราะพี่อยากช่วยจริงๆ”

   “ครับ” ผมรับคำ ฉีกยิ้มเพื่อจะได้ไม่ดูน่าสงสัย

   “พี่จะไม่อ้อมค้อมนะน้องจุ๊บ” พี่บุ๊คสูดหายใจตั้งสติ “น้องคบกับน้องธีร์หรือเปล่า”

   “คบ?” ผมเอียงคอทำหน้าสงสัย แต่ในใจเต้นโครมครามจนเหมือนมันจะหลุดออกจากอก รับรู้ได้ถึงเม็ดเหงื่อแห่งความวิตกที่กำลังซึมออกทางหน้าผาก

   พี่บุ๊ครู้ แม่ของเขารู้

   ....ได้ยังไง

   “ผมเป็นพี่เทคของเขาที่มหา’ลัยครับ”

   “เหรอคะ” ตุ๊ดผู้จัดการถามด้วยเสียงเจื้อยแจ้ว แต่สีหน้าไม่ได้เจื้อยแจ้วตามเลย “งั้นอธิบายกับพี่ได้ไหมว่าทำไมถึงภาพหลุดของน้องกับธีร์ตอนกำลังจะจูบกันออกมา”

   “...”

   “พี่จะไม่ให้ดูภาพหรอกนะ แต่มีสายส่งมาให้พี่ดู แลกกับเงินห้าหมื่น ไม่อย่างนั้นรูปจะหลุดไปอยู่ในมือนักข่าว”

   “ผม...ผมไม่รู้ว่าพี่พูดถึงอะไร ธีร์มีภาพหลุดเหรอครับ” ผมยังทำไก๋ พี่บุ๊คถอนหายใจ

   “เมื่อวานธีร์โดดซ้อมคอนเสิร์ตที่กำลังจะมีในอาทิตย์เพื่อไปเที่ยวกับน้องใช่ไหม อย่าคิดว่าพี่ไม่รู้ พี่เป็นผู้จัดการเขานะคะ” เขาพูดต่อ “อย่าโกหกพี่ เพราะมันมีภาพหลุดที่น้องกำลังจะจูบกันออกมา...เห็นหน้าไม่ชัดหรอก แต่มีชื่อน้องอยู่บนเสื้อเขา”

   “...”

   “จุมพิต วิเศษกาล นั่นใช่ชื่อน้องไหมคะ” ผมพยักหน้ารับช้าๆ แล้วแถต่อ

   “ธีร์แค่...แค่เอาของขวัญวันเกิดมาให้ผมเฉยๆ ครับ ไม่มีอะไรทั้งนั้น”

   “เอาของขวัญวันเกิดไปให้ก็เลยค้างบ้านน้องด้วยเลยใช่ไหม”

   “ผม...ไม่รู้ว่าพี่พูดเรื่องอะไร”

   “ไหนเราสัญญากันแล้วว่าจะไม่โกหก” พี่บุ๊คเผลอเร่งระดับเสียงจนออร่าแห่งเป็นมิตรหายวับไปในพริบตา เขาถอนหายใจให้ผมฟังอีกครั้ง ปั้นหน้ายิ้มที่ดูยังไงก็รู้ว่าไม่จริงใจ “แต่โอเค ถ้าน้องพูดแบบนี้พี่ก็จะเชื่อ”

   ผมกระแอมสู้ ไม่ได้รู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดง่ายขึ้นสักนิด “...ครับ”

   “ถ้าน้องยืนยันว่าไม่ได้คบกับธีร์และเป็นแค่พี่น้องกันจริงๆ เพื่อความบริสุทธิ์ใจ ต่อไปนี้พี่อยากให้น้องเลิกเจอกันได้ไหมคะ”

   “พี่ครับ...” ผมส่ายหัวอย่างไม่เข้าใจ กลั้วหัวเราะ “มันไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย”

   “พี่ว่าเกี่ยว” พี่บุ๊คยิ้มย่อง “ถ้าน้องบริสุทธิ์ใจจริงๆ จะทำให้พี่ได้ไหม”

   “...”

   “พี่ไม่ได้ ‘ขอ’ ให้น้องทำเฉยๆ นะ ทางพี่มีค่าตอบแทนให้ด้วย ถ้าน้องตัดขาดจากธีร์ได้จริงๆ...พี่จะให้ทุนการศึกษา สักห้าหมื่นเป็นไง จ่ายค่าเทอมที่คณะได้หลายเทอมเลยนะ”

   ผมจ้องเขาอย่างไม่เชื่อสายตา นี่มันใช้เงินฟาดหัวกันชัดๆ

   “ผมรู้ว่าพี่กำลังทำอะไรอยู่นะครับ แต่ผมขอยืนยันอีกครั้งว่าผมกับธีร์เป็นแค่พี่น้องกัน” ผมยื่นคำขาด

   “บุ๊ค พอเถอะจ้ะ พี่ว่าน้องเขาคุยไม่รู้เรื่องแล้ว”

   พอพี่บุ๊คทำท่าจะล่อซื้อผมต่อ คนที่นั่งเบาะหน้าก็ขัดเขาขึ้นเสียก่อน

   พิมพ์ผกา ดำรงเดชหันมามองหน้าผมด้วยสีหน้าเรียบตึงในตอนแรก เธอค่อยๆ คลี่ยิ้มและมองผมด้วยแววตาเอ็นดู แต่คำพูดจากนั้นกลับทำให้ผมรู้สึกชายิ่งกว่าโดนตบ

   “ฉันพยายามจะพูดให้เธอเข้าใจง่ายที่สุด ฟังดีๆ แล้วก็คิดตามถ้าเธอเป็นอย่างที่ฉันพูด แต่ถ้าเธอไม่ใช่แบบนั้นก็ทำเป็นหูทวนลมไปแล้วกัน...”

   ผมลอบกลืนน้ำลาย หูได้ยินคำของเธอที่เปล่งออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ

   “เธอเรียนนิเทศศาสตร์ คณะเดียวกับเขา เธอน่าจะเข้าใจวงการบันเทิงดี บอกฉันหน่อยว่าในความเข้าใจของเธอ ภาพลักษณ์มันสำคัญกับการเป็นดาราแค่ไหน...”

   ผมเม้มริมฝีปาก “น่าจะ...สำคัญมากครับ”   

   “สำหรับฉัน ภาพลักษณ์มันคือทุกอย่าง

   “เป็นเลสเบี้ยน มีแฟนเป็นผู้หญิง ก็ยังเล่นบทรักผู้ชายได้อย่างไม่ขัดเขิน แต่ถ้ามีข่าวว่าเป็นเกย์ หรือคบผู้ชายออกมาปุ๊บ โอกาสในการเล่นบทที่เป็นผู้ชายจริงๆ กลับกลายเป็นศูนย์ ไม่ต้องพูดถึงบทพระเอกหรอก ที่จะเล่นได้ก็คงบทเกย์จริงๆ ซึ่งก็ยากอยู่ดี เพราะสังคมสมัยนี้อยากให้เอาผู้ชายแท้ๆ มารับบท”

   “...”

   “อย่าเข้าใจผิด ฉันไม่ได้มีปัญหากับการที่ผู้ชายรักกัน แต่ถึงฉันจะมีมันก็เป็นส่วนน้อยที่ทำให้ฉันทำแบบนี้ เพราะนี่มันใหญ่กว่าเรื่องความรักมาก นี่เป็นเรื่องชีวิตของคนๆ หนึ่ง และคนๆ นั้นคือลูกของฉัน”

   แล้วรอยยิ้มของเธอก็ค่อยๆ จืดจางลง เหลือเพียงใบหน้าเรียบเฉยกับแววตาที่มองผมราวกับสิ่งของ
 
   “คนที่ฉันเลี้ยงเขาให้เตรียมพร้อมสู่วงการบันเทิงมาทั้งชีวิต มันจะถูกหยุดเพราะเด็กผู้ชายกะโปโลแค่คนเดียวไม่ได้”

   “...”

   “หวังว่าเธอคงเข้าใจ”

   “...”

   “หรือถ้าเธอไม่เข้าใจ ครั้งหน้าที่ฉันพาเธอขึ้นรถ เราจะไม่ได้มานั่งคุยกันแบบนี้แน่ๆ”

   “...ผม...ผมไม่รู้จริงๆ ว่าคุณพูดถึงเรื่องอะไรอยู่”

   บอกแบบนั้นทั้งที่ความกลัวกำลังครอบงำจิตใจผม ความคิดตอนนี้วนเวียนอยู่กับสิ่งที่คนมีอำนาจตรงหน้าจะทำได้เพื่อปกป้องลูกชายของตัวเอง

   มากไปกว่านั้นคือการปกป้องตัวเธอเอง การมีข่าวออกมาว่าลูกชายที่กำลังดังเป็นเกย์จะทำให้ภาพทั้งหมดที่เธอเคยสร้างมาพังครืน และมันอาจสืบสาวไปถึงเรื่องภายในครอบครัวที่ไม่มีใครเคยรู้

   มันอาจทำให้คนตั้งคำถามกับพิมพ์ผกา ดำรงเดชว่าจริงๆ เธอเป็นคนแบบไหนกันแน่

   “ปล่อยเขาไปตอนนี้ หรือทำลายชีวิตเขา เธอเลือกเอง”

   “...”

   “เลือกให้ดี”

   ทันใดนั้นเองรถตู้ก็หยุดแล่น เราวนกลับมายังจุดที่เธอจับผมขึ้นรถที่เก่า พี่บุ๊คเปิดประตูรถให้ผม และยัดนามบัตรเล็กๆ แผ่นหนึ่งลงในมือ “เผื่อว่าน้องเปลี่ยนใจ โทรหาพี่ได้ตลอดเวลานะ”

   ข้าวของทั้งหมดของผมถูกยกลงมาด้วยเมื่อลงจากรถ เหลือเพียงแค่สิ่งเดียวเท่านั้นที่ยังไม่ได้คืน
   
   นางเอกรุ่นแม่ยิ้มให้ผมด้วยรอยยิ้มเดียวกับตอนขึ้นมา เธอยกโทรศัพท์มือถือของผมให้ดู หน้าจอแสดงรายชื่อคนที่ออกโทรล่าสุด

   “พี่น้องเขาไม่คุยกันทุกวันแบบนี้” แล้วเธอก็โยนมันออกนอกรถมาตกข้างตัวผม “จะได้เป็นหลักฐานที่บอกว่าทำโทรศัพท์ตกไง”

   ประตูปิดลง และรถก็เคลื่อนออกไปจากตรงนั้น ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู แรงกระทบกระเทือนทำให้กระจกหน้าจอแตกร้าว...

   ไม่ต่างกันกับความสัมพันธ์ของผมและธีร์ตอนนี้





(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบสอง | UPDATE 1.2.2561 | Page 25 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 01-02-2018 06:54:14
(ต่อจากด้านบน)

   [หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้...]

   ธีร์ปิดเครื่อง ทำให้ผมไม่สามารรับรู้ความเป็นไปของเขาหรือเล่าเรื่องที่เพิ่งเจอให้ฟังได้เลย พอกลับบ้านมาจิตใจผมก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จึงอ้างกับป้าแก้วว่ามีเรื่องด่วนต้องทำนิดหน่อย ข้อเสียหนึ่งที่แม้แต่ผมตัวเองยังไม่ชอบคือเป็นคนแคร์คนอื่น แต่พอเกิดปัญหากับตัวเองผมจะไม่ค่อยแสดงออกให้ใครรู้ เพราะกลัวจะแชร์ความไม่สบายใจไปให้คนอื่น และในเวลาที่ความคิดของตัวเองตีกันจนยุ่งเหยิงแบบนี้ ถึงจะอยากสงบสติอารมณ์แค่ไหนแต่ไม่สามารถทำได้เลย

   หรือจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับธีร์?

   ผมกดโทรหาเพื่อนสนิทเพราะทนไม่ไหว โฟกัสรับสายและบอกว่าเธออยู่ที่ห้างสรรพสินค้าไม่ไกลจากบ้านผม ยินดีที่จะฟังเรื่องทุกอย่าง

   ผมออกจากบ้านอีกครั้ง คราวนี้เลือกนั่งรถไฟฟ้าเพราะมีสถานีที่เชื่อมต่อกับห้างพอดี แล้วอยู่ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นจุดสนใจของคนในรถไฟฟ้า

   ออกจากสถานีมาก็รู้สึกถึงสายตาแปลกๆ ที่มองมาตลอดทาง เริ่มมีเสียงซุบซิบจากรอบข้างจนผมมั่นใจว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแน่ๆ

   “จุ๊บ” โฟกัสเรียกผมเมื่อไปถึงร้านที่เรานัดกัน มันยกหน้าจอโทรศัพท์ให้ดูและยิงคำถามใส่ทันที  “มึงเห็นนี่ยัง”

   ความรู้สึกปั่นป่วนเกิดขึ้นในตัวผมเมื่อเห็นภาพนั้น

   มีคนแอบถ่ายตอนที่ผมกับธีร์กำลังจะจูบกัน

   จากมุมของภาพน่าจะเป็นผนังสีเทาของโกดังที่ไหนสักแห่ง มันถูกถ่ายจากระยะไกล แต่หากซูมดูก็ชัดมากพอที่จะรู้ว่านั่นคือหน้าเหวอๆ ของผมกับใบหน้าด้านข้างของเขา

   
   “ได้ยินไหม”

   “อะไรเหรอ?”

   ผมมองไปรอบๆ หลังจากถอนริมฝีปากจากเขา ตรงที่เราอยู่เป็นต้นไม้แห้งๆ ต้นหนึ่งที่ไม่ได้ ‘ปิดบัง’ เราได้อย่างที่ควรจะเป็น อันที่จริงมันเป็นต้นไม้แห้งที่ปลูกอยู่ในที่โล่งติดกับผนังของโกดัง ถัดออกไปก็เป็นที่โล่งซึ่งมองเห็นโกดังถัดไปอยู่ไกลๆ



   มันต้องเป็นตอนนั้นแน่ๆ

   เกลียดเทคโนโลยีก็วันนี้ ใครเป็นคนต้นคิดที่ทำให้กล้องมือถือชัดขึ้นเรื่อยๆ วะ

   “แชร์กันว่อนเน็ตเลย...” โฟกัสบอก นั่นทำให้ผมเข้าใจว่าถึงมีสายตาแปลกๆ มองมาตลอดทาง

   “มึง...โอเคปะเนี่ย”

   ผมส่ายหัว ทรุดตัวลงนั่งและยกมือทึ้งผมตัวเองอย่างอับจนหนทาง “กูควรทำไงดี...”

   “จุ๊บ มึงต้องใจเย็นๆ”

   “กูไม่รู้จะเย็นได้ยังไงแล้วมึง คือ...” ผมเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เพิ่งเกิดขึ้นให้โฟกัสฟัง และมันก็ตอบรับด้วยสีหน้าทึ่งไม่ผิดจากที่คิด “กูไม่นึกเลยว่าต่ายพิมพ์ผกาจะเลือดเย็นขนาดนั้น น่ากลัวสัด”

   “เป็นมึงมึงจะทำยังไงวะ”

   เพื่อนสนิททำท่านิ่งคิดไปสักพัก แล้วพูดออกมาอย่างกระอักกระอ่วน

   “กูรู้ว่ามึงไม่อยากทำแบบนี้หรอก แต่ลองห่างกับเขาดูสักพักไหมมึง...เผื่ออะไรมันจะดีขึ้น”

   “...”

    “ภาพมันออกไปแบบนั้นแล้ว มึงกับธีร์มีแต่เสียนะ”



   โฟกัสมาส่งผมกลับบ้านตอนดึก หลังจากที่เราช่วยกันคิดหาทางออกจนปวดหัว สุดท้ายเราก็ตระหนักว่ามันไม่มีทางไหนจริงๆ ที่เราจะแก้ไขเรื่องนี้ได้

   ไม่อยากยอมรับ แต่การห่างกับเขาเป็นหนทางเดียวที่ผมคิดได้เหมือนกัน พิจารณาจากสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว...บางครั้งการไม่เจอกันมันอาจทำให้อะไรดีขึ้น

   ติดที่ว่าผมไม่รู้จะพูดกับเขายังไง และเขาจะยอมรับมันได้ไหม

   แม้แต่การติดต่อเขาตอนนี้ ผมยังทำไม่ได้เลย

   ผมกลับเข้าบ้าน เลื่อนอ่านฟีดข่าวของโซเชียลมีเดียทุกช่องทางที่ชาวเน็ตเริ่มขุดคุ้ยเรื่องนี้ ภาพหลุดของธีร์กลายเป็นประเด็นที่ติดเทรนด์อันดับหนึ่งมาตั้งแต่สองชั่วโมงที่แล้ว และดูเหมือนจำนวนคนที่พูดถึงก็มากขึ้นเรื่อยๆ


   iammhee (@mheelovethee)
   เรารู้จักคนในภาพค่ะ ชื่อพี่จุ๊บ เรียนปีสองคณะเดียวกับเราเอง เท่าที่รู้แกเป็นหนึ่งในพี่เทคของธีร์ เคยเห็นอยู่ด้วยกันที่คณะ

      ditthawat (@dhitthawat_v)
      อยากแฉ

      littlening (ning_jirattika)
      ใช่คนที่เคยอยู่ในคลิปเต้นเพลงแมงมุมใน #บั้นเด้านุ้งธีร์ ปะคะ

      iammhee (@mheelovethee)
      ใช่ๆๆ คนนั้นเลย

      littlening (@ning_jirattika)
      เขาเป็นเกย์ปะ

      iammhee (@mheelovethee)
      ไม่แน่ใจแต่คนรู้จักในคณะเยอะอยู่นะคะ แต่เท่าที่สังเกตมาก็ไม่เห็นพี่เขามีแฟน

      littlening (@ning_jirattika)
      @dhittawat_v แฉเรื่องอะไรเหรอคะ เล่า

      ditthawat (@dhitthawat_v)
      @ning_jirattika เห็นอี๋อ๋อกับธีร์มานานแล้วครับ อยู่ในคณะก็ทำเป็นคนชอบช่วยเหลือน้อง แต่ก็ตีสนิท      กับธีร์จนคนอื่นเข้าหาไม่ได้ จริงๆ คงอยากเด่น

      PoonnyTheeClub (@poony_)
      เราเคยดูหนังสั้นที่เขาทำส่งประกวด มีธีร์ไปแสดงนำให้ด้วยค่ะ ตามไปดูในยูทูปชื่อ Joompit Visetkan

      TD’s Army (@ths_army)
      @poony_ จุมพิต วิเศษกาล ชื่อจริงเขาหรือเปล่า

   
   ฉิบหายคือคำเดียวที่ผุดขึ้นในหัวของผมเวลานี้ เรามาถึงจุดที่แฟนคลับของธีร์ขุดคุ้ยประวัติของผมแล้ว

   ทันใดนั้นเอง เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ก็ดังจนผมสะดุ้ง ชื่อบนหน้าจอทำเอาผมใจเต้นอย่างปั่นป่วน

   “ธีร์!”



(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบสอง | UPDATE 1.2.2561 | Page 25 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 01-02-2018 06:55:53
(ต่อจากด้านบน)

   [พี่จุ๊บ อย่าเพิ่งพูดอะไร] ปลายสายบอกผม [ตอนนี้เราอยู่หน้าบ้านพี่จุ๊บ ออกมาหาเราหน่อย]

   ผมทำตามที่เขาบอก ย่องฝ่าความมืดออกไปเพราะไม่อยากทำให้คนในบ้าน(แตก)ตื่น และพบรถสีขาวของเขาจอดเลียบทางเท้าหน้าบ้านอยู่จริงๆ

   ผมมองหาเขา แล้วก็โดนแรงฉุดกระชากเบาๆ จากเงามืด ตอนแรกนึกว่าจะจับไปอีกครั้ง หากกลิ่นน้ำหอมสะอาดของเขาทำให้ผมจำได้

   และวินาทีนั้นเองที่ผมโผกอดธีร์แน่น นึกขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้เขามาอยู่ตรงนี้

   “เราโทรหาไม่ติดทั้งวัน นึกว่าธีร์จะโดนอะไร”

   “ขอโทษ เราไม่ได้รับสายใครเลย” คู่ชีวิตบอก “แม่ขังเราไว้กับบ้าน ยึดโทรศัพท์เราไป แต่เราหนีออกมาได้ ตอนนี้เรารู้เรื่องทุกอย่างแล้ว”

   “หนีออกมา หมายความว่าไงหนีออกมา?”

   “พี่จุ๊บ เดี๋ยวเราอธิบายทุกอย่างทีหลัง แต่ตอนนี้ฟังเราก่อน” คนเป็นดาราจ้องลึกเข้าไปในตาผม “เราอยากให้พี่จุ๊บไปเก็บเสื้อผ้ากับของจำเป็น แล้วไปกับเรา”

   “ไปไหน?”

   “เรามีที่ของเราอยู่”

   “ธีร์...” ผมเรียกชื่อเขาอย่างลำบากใจเพราะรู้ว่าเขากำลังจะทำอะไร “รูปที่หลุดออกไปมันชัดมากเลยนะ เราว่าสิ่งที่เราควรทำตอนนี้คือ...ไม่รู้สิ...อยู่ห่างกันสักพัก”

   เขาดูอึ้งไป แล้วถามด้วยน้ำเสียงตัดพ้อว่า “นายอยากให้เป็นแบบนั้นเหรอ”

   “ไม่ๆๆ” ผมปฏิเสธพัลวัน “อย่าเข้าใจผิด เราไม่อยากห่างกับธีร์เลยเราสาบาน เราแค่อยากให้ธีร์มีชีวิตที่มีความสุขที่สุด”

   “แล้วนายคิดว่าการทำงานในวงการมันมีความสุขเหรอ” เขาถามโดยไม่ต้องการคำตอบ น้ำเสียงประชดและน่าสงสารในเวลาเดียวกัน “พี่จุ๊บ เลิกมองเราเป็นเด็กได้แล้วนะตอนนี้”

   “...”

   “พี่คือความสุขเดียวของเรานะ”

   ผมเม้มริมฝีปากด้วยความลำบากใจที่ปิดไม่มิด ตรรกะในสมองของผมสั่งให้ทำสิ่งที่ถูกต้อง และทุกคนจะได้ไม่มีปัญหา และในใจผมก็ทวงถามว่าแล้วความรู้สึกของเราล่ะ มันไม่มีค่าพอที่จะทำตามเลยใช่ไหม

   “ฟังเรานะ แม่รู้แล้วว่าเราหนีออกมา กำลังมีคนตามเรามาที่นี่…”

   “...”

   “เราต้องหนีไปด้วยกัน เดี๋ยวนี้เลย”



   ไม่ว่าผมจะตัดสินใจยังไง ทุกอย่างก็จะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล


โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบสอง | UPDATE 1.2.2561 | Page 25 }
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 01-02-2018 07:15:00
หาใครมาตีแสกหน้าคุณแม่ดาราหน่อยจ้า ไม่อยากให้ทุกอย่างที่ทำมาให้ธีร์พัง หลอกดูก

ถามลูกเธอรึยังว่าอยากได้รึเปล่า
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบสอง | UPDATE 1.2.2561 | Page 25 }
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 01-02-2018 08:14:24
เป็นกำลังใจให้จุ๊บกับธีร์ผ่านอุปสรรคครั้งนี้ไปให้ได้นะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบสอง | UPDATE 1.2.2561 | Page 25 }
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 01-02-2018 09:17:17
อ้ายยยยยยยยยยย ต่ายคือใคร
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบสอง | UPDATE 1.2.2561 | Page 25 }
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 01-02-2018 13:33:10
อื้อหือออ นี่ใกล้จะจบแล้วจริงๆใช่ไหมคะ ทำไมแลดูยุ่งเหยิงอะไรขนาดนี้ พี่จุ๊บก็นะทำไมไม่บอกให้คนในครอบครัวรับรู้ละเราเชื่อว่าแม่พี่จุ๊บและคนอื่นๆจะช่วยได้นะ ส่วนธีร์ก็เข้าใจที่น้องรู้สึกกดดันจนต้องเลือกทางนี้แต่จะหอบผ้าหอบผ่อนหนีไปอีกถึงเมื่อไหร่ละ หนีไปยังไงเรื่องก็ไม่มีวันจบหรอกนะ ต้องแก้ที่สาเหตุจริงๆของมัน เอาใจช่วยทั้งคู่นะจับมือฝ่าไปให้ได้
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบสอง | UPDATE 1.2.2561 | Page 25 }
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-02-2018 14:07:38
 :katai1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบสอง | UPDATE 1.2.2561 | Page 25 }
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 01-02-2018 16:20:58
พากันหนี่แล่วว ว้ายๆ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบสาม | UPDATE 3.2.2561 | Page 25 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 03-02-2018 16:57:13

(https://www.img.in.th/images/703cd3f2e6e26a25842ea76e576ddc48.jpg)

จูบที่ยี่สิบสาม


   ความรักทำให้เรากลายเป็นคนโง่เขลา

   ไม่ว่าดีหรือแย่ เราก็อยู่จะข้างๆ กัน...เคยสัญญากันไว้แบบนั้น ผมให้ค่ามันด้วยการทำตามสัญญามาตลอด

   ไม่เว้นแม้กระนั้นครั้งนี้

   ผมหอบเสื้อผ้าไม่กี่ชุดและของจำเป็นไม่กี่ชิ้นใส่กระเป๋า และหนีตามเขามากลางดึก ทั้งที่ไม่รู้เลยว่าปลายทางที่เราจะไปที่ไหน

   ไม่รู้เลยว่าปลายทางของเรื่องของเราอยู่ตรงไหน

   ความรักทำให้เรากลายเป็นคนโง่เขลา และนี่อาจเป็นการตัดสินใจที่โง่เง่าที่สุดในชีวิต



   ผมใช้เวลาอยู่บนรถของธีร์หลายชั่วโมง เราเดินทางผ่านความเงียบเหงาของถนนเมืองใหญ่สู่ถนนเส้นนอกที่ผมรู้สึกคุ้นตาอย่างน่าแปลก ธีร์เปิดกระจกรับลมอบอ้าวจากด้านนอก เปิดวิทยุในรถที่เล่นเพลงคันทรีย์เก่าๆ เพื่อกลบความกลัวในใจ เราคุยกันน้อยมากระหว่างทาง

    รู้ว่าไม่ควร แต่ผมก็อดใจไม่ได้ที่จะไถหน้าจอโทรศัพท์ดูไปเรื่อยๆ ขณะที่นั่งไปกับเขา สลับกับการเหลือบมองหน้าของคนขับเป็นพักๆ ใบหน้าขาวสว่างสะท้อนแสงไฟสีส้มจากข้างถนนดูนิ่งประหลาด มองไม่ออกว่าคิดอะไร

   เขาเป็นแบบนี้มาสักพักหลังจากผมเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง ทั้งการโดนแม่เขาจับตัวไปคุย และรูปหลุดนั้น

   
   กระทู้ที่ A12345687 สรุปว่าธีร์ ดำรงเดชเป็นเกย์หรือเปล่าคะ

   จากรูปที่หลุดออกมา หน้าเขาชัดมากเลย
   ก่อนหน้านี้ก็เคยให้สัมภาษณ์ประเด็นนี้ แล้วบ่ายเบี่ยงตลอด เอาประเด็นคู่จิ้นตัวเองมาตอบคำถาม
   แต่มีรูปหลุดออกมาแบบนี้เจ้าตัวไม่เห็นจะออกมาพูดอะไร
   สรุปว่าเขาเป็นเกย์จริงๆ ใช่ไหมคะ อยากรู้อย่างแรงกล้าค่ะ


   จากคุณ: กุลสตรีนิรนาม
   เขียนเมื่อ: เมื่อวานนี้ 23:56:41


   ความคิดเห็นที่ 1

   รูปตัดต่อปะคะ มันชัดนะแต่มันเห็นแค่ข้างๆ ไม่อยากฟันธง

   จากคุณ: Aria_love
   เขียนเมื่อ: วันนี้ 00:01:02

   ความคิดเห็นที่ 2

   จะเป็นอะไรก็เรื่องส่วนตัวเขาปะ

   จากคุณ: ปี๋เห็ด
   เขียนเมื่อ: วันนี้ 00:12:41


   ความคิดเห็นที่ 3

   ไม่เป็นนะคะ พิสูจน์มาเมื่อคืนค่ะ

   จากคุณ: มองหน้าก็รู้ว่าผู้ชายรุมตอม
   เขียนเมื่อ: วันนี้ 00:14:10


   ความคิดเห็นที่ 4

   ข้างบนมโนหนักมาก ไปขี้ไป

   จากคุณ: Don’t mess with me bitches
   เขียนเมื่อ: วันนี้ 00:25:35


   ความคิดเห็นที่ 5

   หนูกับเพื่อนๆ ชาวพันติ๊ปขอยืนยันว่า พี่ธีร์ไม่ได้เป็นเกย์ ไม่ได้เป็นตุ๊ด ไม่ได้เป็นกะเทย เพราะพี่ธีร์ให้สัมภาษณ์ยืนยันทุกครั้งว่า ไม่ได้เป็นๆ กำลังคุยๆ กับพี่เอิงเอยอยู่
   พี่ธีร์เป็นผู้ชายแท้ที่สุภาพ อ่อนโยน อัธยาศัยดี แต่งตัวดี เลิกยัดเยียดความเป็นเกย์ให้พี่เขาสักทีเถอะค่ะ
   หนูกับเพื่อนๆ เป็นคนฉลาด มีการศึกษา พวกหนูดูออกนะว่าใครเป็นเกย์ ใครไม่เป็นเกย์ เพื่อนๆ หนูยืนยันว่าพี่ธีร์ที่เป็นชายแท้แน่นอน เคยเจ้าชู้มากด้วย
   เพื่อนหนูเคยเล่าว่าพี่ธีร์เคยจีบเพื่อนของเพื่อนหนูด้วย
   พี่เค้าเป็นคนดี เป็นคนเก่ง มีความสามารถ ไม่เคยทำความเดือดร้อนให้ใคร
   ทำไมต้องใส่ร้ายพี่เค้าคะ
   ทำไมต้องตัดต่อรูปจนพี่เค้าต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงด้วย อิจฉาพี่เค้าใช่ไหมล่ะ อยากหาพวกใช่ไหมล่ะ
   คนที่ใส่ร้ายพี่เขา เอาเวลาที่มาคิดร้ายกับคนอื่น ไปคิดเรื่องดีๆ ให้สังคมบ้างนะคะ
   ขอบคุณค่ะ

   จากคุณ: ชะนีพันติ๊ป
   เขียนเมื่อ: วันนี้ 00:55:42


   ความคิดเห็นที่ 6

   ไม่ทราบค๊ แล้วก็ไม่แคร์ส์
   เป็นอะรัยขอให้เป็นคนดีก้อพอ
   ตัดสินเขาที่ผลงานดีกว่าไม๊ค๊


   จากคุณ: ThingThee
   เขียนเมื่อ: วันนี้ 01:03:25




(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบสาม | UPDATE 3.2.2561 | Page 25 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 03-02-2018 16:59:21
(ต่อจากด้านบน)

   ทันใดนั้นผมก็ได้ยินเสียงคลื่น กลิ่นเค็มในอากาศทำให้ผมรู้ว่าเราเข้าใกล้ทะเล เส้นทางข้างหน้าของเราเป็นถนนเลียบชุมชนที่เต็มไปด้วยแสงสีและสถานบันเทิงที่ไม่เคยหลับไหล ขับไปได้สักพักธีร์ก็เลี้ยวเข้าอีกทางซึ่งเป็นถนนไม่ได้ลาดยาง มีต้นไม้ใหญ่ปลูกขนาบไว้สองข้าง ไร้แสงสว่างของแสงไฟเหมือนที่ผ่านมา

   ธีร์ขับฝ่าความมืดเข้าสู่อีกชุมชนหนึ่งที่เงียบสงบ หูแว่วเสียงแมลงปีกแข็งและได้กลิ่นความเหนียวเหนอะที่ใกล้เข้ามาทุกที ไม่นานคนเป็นดาราก็เลี้ยวจอดที่ประตูทางเข้าของบ้านหลังหนึ่ง ในความมืดสลัวผมมองไม่เห็นรายละเอียดของมันเท่าไหร่นัก พอจะสังเกตได้ว่าตัวบ้านมีสองชั้น สีขาว และอยู่ติดหาด

   ผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาเปิดประตูให้เรา เธอโถมตัวเข้ากอดธีร์ทันทีที่เจอ

   “น้าแต...” ธีร์เรียกชื่อเธอ “ดีใจที่ได้เจอครับ”

   “ขวัญเอ๊ยขวัญมานะลูก” ‘น้าแต’ กอดแน่นขึ้นและตบไหล่เขาเบาๆ เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กอายุราวสี่สิบ สูงเท่าไหล่ธีร์ ตัดผมสั้นรองทรง ตากลมโตและปากเล็กสวยของเธอช่างดูคุ้นเคย เหมือนผมเคยเห็นที่ไหนสักแห่ง...

   “น้าแต นี่พี่จุ๊บแฟนผมครับ” ธีร์หันมาแนะนำ “พี่จุ๊บ นี่น้าแต น้าแท้ๆ เราเอง”

   แล้วเธอก็พุ่งเข้ามากอดผมบ้างอย่างไม่ได้ตั้งตัว ผมกอดตอบอย่างขัดเขิน ตอนที่ได้เห็นหน้าเธอชัดๆ ผมก็ถึงบางอ้อ...เธอคือต่าย-พิมพ์ผกาที่หน้าคมกว่า และสีผิวคล้ำกว่านั่นเอง

   “คิดถูกแล้วที่มาที่นี่กัน” น้าแตพูดกับเรา “สองคนจะอยู่นานเท่าที่อยากอยู่เลย น้าจะไม่บอกใครแน่นอน โดยเฉพาะยัยพี่สาวนางมารของน้าเอง”

   น้าแตฉีกยิ้ม แล้วพาเราเข้าไปในบ้านที่ข้างในกว้างกว่าที่ผมคิด บ้านของเธอทาด้วยสีขาวทุกซอกทุกมุม ด้านล่างมีห้องนั่งเล่นติดกับห้องครัว และมีห้องนอนหนึ่งห้องอยู่ทางปีกซ้าย ส่วนชั้นสองมีห้องนอนของน้าแตและห้องทำงานศิลปะของเธอ ธีร์เล่าว่าน้าแตทำงานเป็นศิลปินประเภทวาดภาพสีน้ำมัน ภาพของเธอมีมูลค่าสูงและเป็นที่โปรดปรานของชาวต่างชาติ ถึงขนาดที่ขายรูปๆ หนึ่งก็อยู่ได้เป็นปี

   น้าแตเคยมีแฟนที่อยู่กินด้วยกัน และเสียไปเมื่อสามปีที่แล้ว เธอเลยหันหน้าเข้าทางธรรมและใช้ชีวิตอย่างสมถะ (ธีร์ย้ำว่าน้าแตชอบเข้าวัดมากๆๆๆๆ แบบแทบจะเข้าทุกวัน) และแน่นอนว่าเธอไม่ถูกกับพี่สาวของตัวเอง เพราะเคยโดนเหยียดหยามที่ทำงานเกี่ยวกับศิลปะ แต่ถึงจะเกลียดยังไงน้าแตก็รักธีร์เหมือนลูกคนหนึ่ง

   “ขับรถมาคงเพลียมาก เดี๋ยวนอนกันก่อนแล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยตื่นมาคุยแล้วกันนะ”

   น้าแตบอกเราอย่างเข้าใจ เธอพาเราเข้าไปในห้องนอนเล็กๆ ที่ผนังด้านหนึ่งเป็นกระจกใสเผยให้เห็นวิวทะเลด้านนอก ในห้องมีเตียงขนาดหนึ่งคนนอนอยู่หนึ่งเตียง กับโซฟาสีดำตัวใหญ่อีกหนึ่งตัว

   “เอ้อ ลืมไปเลย นอนเตียงเดียวกันได้ไหมอะ นี่ได้กันยังเนี่ย” น้าแตถามแบบไม่ต้องการคำตอบ จากนั้นเธอก็หัวเราะ ทำหน้าผมนี่แดงไปถึงหู “ยัดๆ กันหน่อยแล้วกัน ไอ้นั่นชนไอ้นี่ ไอ้นี่ชนไอ้นั่น ไม่เป็นไรหรอกเนาะ” แล้วก็หัวเราะอย่างสะใจอีกรอบก่อนจะออกไป ทะลึ่งซะจนผมคิดว่าเธอคงไม่ใช่คนธรรมมะธรรมโม แหม่ นี่มันป้าเด้าชัดๆ

   ผมมองธีร์แล้วหันไปมองเตียง เล็กขนาดนั้นอะไรๆ ก็ควรจะชนกันอยู่หรอก

   “เดี๋ยวเรานอนโซฟาเอง” เขาบอก “...พี่จุ๊บจะได้นอนสบายๆ”

   “เอางั้นเหรอ”

   “จะเอางั้นหรือจะให้เอาจุ๊บ” ไอ้นี่... “คืนนี้เพลียอะไม่ไหว”

   ผมชูนิ้วกลางใส่ รู้สึกจั๊กจี้ตูดขึ้นมาโดยพลัน แต่กระนั้นก็ยอมนอนบนเตียงตามที่เขาบอก

   “พรุ่งนี้น่าจะได้ตื่นเช้านะ”

   “ตื่นมากินข้าวเหรอ”

   “ตื่นมาใส่บาตร”

   “บ้า”

   “เฮ้ย พูดจริง” เขากลั้วหัวเราะ “เรามาทีไรก็ทำแบบนั้นทุกที”

   “ไม่เชื่อหรอก” ผมแหว แล้วก็รู้สึกว่าเสียงคลื่นจากข้างนอกช่างกล่อมโสตประสาทได้ดีเหลือเกิน



   แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เราได้ตื่นขึ้นมาใส่บาตรจริงๆ

   “แก้งๆ แก้งๆ ตื่นได้แล้วจ้าาาาาาา”

   น้าแตเข้ามาปลุกเราในห้องตั้งแต่ตอนที่แสงของวันใหม่ยังไม่ทันแยงตาเราดี เพื่อให้ผมกับธีร์แหกขี้ตาเดินตามเธอมาหน้าบ้าน อากาศข้างนอกเย็นกำลังดี แสงอาทิตย์ที่กำลังจะโผล่พ้นจากขอบฟ้าย้อมให้ฟ้ากลายเป็นสีม่วงปนเหลืองสว่าง เราตักบาตรกับพระเก้ารูปที่ดูเหมือนจะคุ้นชินน้าแตดี เพราะเธอซักถามถึงอาหารที่ทำใส่บาตรเมื่อวาน

   หลังตักบาตรเสร็จเราตัดสินใจว่าจะไม่หลับต่อ ผมกับธีร์จึงช่วยน้าแตเข้าครัวทำอาหารเช้า เป็นข้าวต้มกุ้งง่ายๆ แต่รสชาติอร่อยเหลือเชื่อ เราเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้น้าแตฟัง ในตอนนั้นเองที่เธอประกาศกร้าว (ไม่หรอก จริงๆ คือการขอความร่วมมืออย่างน่ารัก) ให้เราสองคนลืมเรื่องที่เกิดขึ้นไปสักพัก และปล่อยใจให้กับทุกอย่างที่นี่เหมือนกับเรามาพักผ่อน


   ‘แม่ ผมมาพักผ่อนที่ต่างจังหวัด ปลอดภัยดีครับ บอกทุกคนว่าไม่ต้องเป็นห่วง’


   ผมส่งข้อความถึงแม่หลังจากปฏิเสธที่จะรับสายจากเธอและทุกคนที่โทรเข้ามา เช่นเดียวกับธีร์ที่ปิดมือถือของเขาหนีโลกแห่งความเป็นจริง นั่นคือสิ่งที่เราทำที่นี่ วันนั้นทั้งวันเราทิ้งความเป็นจริงไว้เบื้องหลัง ปิดปากแน่นเรื่องอนาคตของความสัมพันธ์ และปล่อยตัวปล่อยใจไปกับเสียงคลื่น หาดทรายขาว กับศิลปะการก่อกองทรายที่เราช่วยกันสร้าง

   “ทะเลที่นี่เหรอที่ธีร์บอกว่าเจอรักแรก”

   “ใช่ๆ ที่นี่เลย” ผมมองทอดออกไปบนผิวน้ำกว้าง สังเกตเห็นเกาะรูปร่างประหลาดเกาะหนึ่งที่ตั้งไกลออกไป มันเป็นเหมือนแท่นเขาที่ก่อต่อตั้งตรง แล้วมีหินทรงโค้งขนาบข้าง...

   “เกาะนั้นมันเหมือน...อะไรหว่า”

   “จู๋” คนเป็นดาราตอบยิ้มๆ “จริงๆ นา ชาวบ้านเขาเรียกกันว่าเกาะจู๋ใหญ่ ดูจากรูปทรงมันสิ”

   “ไม่ใช่ละ”

   “เอ้า ไม่เชื่ออีก” แน่นอนว่าเป็นเรื่องโกหกทั้งเท แต่ถึงผมจะเห็นค้านก็ไม่สามารถมองมันเป็นอย่างอื่นไปได้แล้ว ฟัค “หรือนายจะเรียกว่าเกาะธีร์ก็ได้ เราไม่ถือ”

   ผมเลิกใส่ใจกับคำพูดสองแง่สองง่ามของเขา แล้วไปเพ่งที่การกระทำของเขามากกว่า

   “รู้ใช่ไหมว่าตอนเย็นน้ำจะขึ้น แล้วมันจะพังทุกอย่างที่เราสร้างมาทั้งหมด”

   ผมเตือนเพราะธีร์เล่นสร้างกำแพงทรายเสียสูง สูงยิ่งกว่าปราสาททรายที่เราสร้างด้วยกันอีก

   “รู้สิ” คนผิวสว่างตอบ

   “แต่เรารักปราสาทที่นายช่วยกันสร้างมากไง ปกป้องมันไว้ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย”

   “ถึงพรุ่งนี้มันจะหายไปหมดน่ะเหรอ”

   เขาพยักหน้า “ถึงพรุ่งนี้มันจะหายไปหมดก็ตาม”

   ผมมองเขาด้วยความเอ็นดู ตัดสินใจลงไปก่อกำแพงช่วยอีกแรง


(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบสาม | UPDATE 3.2.2561 | Page 25 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 03-02-2018 17:02:41
(ต่อจากด้านบน)


   มื้อเย็นน้าแตทำปิ้งย่างซีฟู้ดที่หน้างาน กลิ่นหอมหวนของทะเลเผาทำเราน้ำลายสอตั้งแต่เธอเพิ่งเริ่มตั้งเตา ผมกับธีร์กลับเข้าบ้านไปอาบน้ำ แล้วเราสามคนก็ออกมานั่งกินปิ้งย่างกันพร้อมดูวิวพระอาทิตย์ตกหน้าบ้าน จิบเบียร์กระป๋องที่น้าแตซื้อมาให้แต่ตัวเธอปฏิเสธที่จะกิน (เพราะกลัวจะผิดศีลห้า) เธอบอกแกมบังคับให้เรารับผิดชอบ เพราะถ้าเราไม่กิน มันก็จะไม่มีใครกินนั่นเองครับ

   “เธอสองคนไปรักกันได้ยังไงเหรอ”

   น้าแตเปิดบทสนทนาหลังอาทิตย์ลับฟ้าไปได้ไม่นาน เราก่อกองไฟกันและนั่งผิงมันท่ามกลางอากาศเย็นและเสียงคลื่น

   “น้าหมายถึง...ตอนน้ายังสาวๆ เวลาถูกใจใครก็จะส่งจดหมายหากัน ชวนไปเที่ยวงานวัด ไปดูหนังกลางแปลง ผู้ชายต้องแลกเหรียญไปหยอดตู้โทรศัพท์สาธารณะเพื่อโทรมาจีบเรา อะไรแบบนี้ เดี๋ยวนี้ยังเป็นแบบนั้นอยู่ไหม”

   ผมกับดาราหนุ่มหัวเราะอย่างขัดเขินออกมาพร้อมกัน

   “ไม่ครับ มันไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว” เขาตอบ

   “แล้วเป็นแบบไหนล่ะ เล่าให้น้าฟังหน่อย”

   เขามองหน้าผมที่พยักเพยิดให้เขาตอบ “มันก็...ไม่ได้มีอะไรยาก”

   “เอ้าจุ๊บ เราง่ายเหรอ” นั่น อยู่ดีๆ กูก็โดนด่าเฉย แง

   “ไม่ๆ ไม่ใช่อย่างนั้นครับ” ธีร์ยิ้มขำ แหม่ “หมายถึงไม่ต้องจีบกันเยอะๆ ยากๆ แบบน้าไง”

   “แล้วหลานรู้ได้ยังไงว่าชอบคนเนี้ย”

   เราสบตากันอีกครั้ง สงสัยว่าทำไมอยู่ดีๆ เราก็เหมือนมาอยู่ในรายการสัมภาษณ์ความรักดารายังไงยังงั้น

   “ไม่รู้เหมือนกัน ก็เพราะพี่จุ๊บคือพี่จุ๊บมั้ง”

   เขายักไหล่ น้าแตผิวปากแซว ส่วนผม...หน้าแดง

   เรากินปิ้งย่างกันจนเวลาเกือบสามทุ่ม น้าแตขอตัวไปนอนก่อนเพราะพรุ่งนี้ต้องตื่น(ใส่บาตร)เช้า จึงเหลือแค่ผมกับธีร์ที่ต่างคนต่างเหม็นหัวที่มีกลิ่นควันบาร์บีคิวของกันและกัน หากเราก็ยังนั่งซบไหล่มองทะเลกันตรงนั้น นี่แหละไม่ว่าจะดีหรือ(กลิ่น)แย่ที่แท้จริง

   ผมมองเงาพระจันทร์ในเกลียวคลื่น ฟังเสียงกีต้าร์จากเขาที่เกลาเล่นในเมโลดี้สบายหู จังหวะนั้นในใจก็อยากถามสิ่งที่ติดอยู่ในใจออกไป

   “ธีร์”

   “ฮื่อ...”

   “ถามอะไรหน่อยสิ แต่ธีร์ต้องตอบเราตรงๆ นะ”

   “ว่าไง”

   “ทำไมถึงเป็นเราล่ะ”

   ผมถามคำถามเดียวกับคำถามของน้าแต แต่ประสบการณ์ร่วมระหว่างคนถามกับคนตอบแตกต่างกันในครั้งนี้

   ผมเห็นการแสดงออกทุกอย่างของเขาที่บอกชัดเจนว่าชอบผมมานาน แต่ใต้ความชอบนั้น ผมไม่เคยรู้เลยว่าทำไม “ไม่เอาคำตอบแบบ...เพราะเราน่ารัก หน้าตลก หรืออะไรแบบนั้นนะเว้ย เราแค่อยากรู้ว่าทำไมเป็นเรา หลังจากรู้จักกันแล้วทำไมยังเป็นเรา...ทั้งๆ ที่เราเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง”

   “เพราะพี่จุ๊บมีจูบวิเศษ”

   “แค่นั้นน่ะนะ”

   “อย่างอื่นก็วิเศษด้วย...” แล้วเขาก็ปล่อยมือจากกีต้าร์ ไต่นิ้วบนหัวไหล่ผมเหมือนปูไต่

   “ทะลึ่งละ” ผมยกมือเขาออกจากหัวไหล่ช้าๆ ธีร์ปรือลมหายใจออกทางจมูกอย่างเสียดาย...

   “ไม่ได้หมายถึงเรื่องใต้สะดือสิ นี่คิดไปไหนเนี่ย”

   “หรา” ...กวนตีน

   “เปล่าหรอก ตอบตรงๆ ตั้งแต่เราเห็นพี่จุ๊บครั้งแรก เราก็รู้เลย”

   “ว่าเราจะกลายเป็นแฟนในอนาคต”

   “ว่าพี่จุ๊บเป็นคนแดกเยอะ ตอนนั้นแก้มยุ้ยเชียว”

   “สัด” ผมด่าเขาจริงจังมากๆ

   “ล้อเล่น เราเห็นแล้วรู้เลยว่าพี่จุ๊บน่ะพิเศษ”

   “ยังไง”

   “บอกไม่ถูก ความรู้สึกของเราบอกแบบนั้น นายน่ารัก กล้าแสดงออก ชอบเอาใจใส่คนอื่นตลอด เอาเข้าจริงเราก็หาคุณสมบัติแบบนี้ได้จากคนอีกเป็นร้อยเป็นล้านคนบนโลกแหละ แต่เรารู้ว่าต้องเป็นคนนี้เท่านั้น”

   “...”

   “เพราะพี่จุ๊บมีคนเดียวไง”

   “...”

   “ตาเราถามมั่ง...ทำไมถึงเป็นเราล่ะ”

   อยู่ๆ ธีร์ก็เงยหน้าขึ้นมาจ้องผมด้วยแววตาขึงขังจริงจัง...ทำอะไรไม่ปรึกษากันอีกแล้ว

   “เพราะธีร์มีจูบวิเศษ”

   “ไม่เอาดิ”

    “เพราะธีร์ก็มีคนเดียวมั้ง”

   “ก๊อปคำตอบกันนี่หว่า”

   “มันจำเป็นต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ”

   “ไม่จำเป็นหรอก”

   แสงจันทร์จุมพิตผืนทะเลและส่องกระทบรอยยิ้มกว้างของเขา ธีร์ยื่นหน้าเข้ามา ให้จูบวิเศษกับคนธรรมดาอย่างผมอีกครั้ง


   แต่นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกใจหายเพราะรสจูบนั้น

   เพราะผมสังหรณ์ว่ามันอาจหายไปได้ในเวลาใดเวลาหนึ่งอันใกล้...โดยไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล



TBC*

ติ-ชม-ให้กำลังใจ ในแท็ก #จุ๊บที ได้นะคะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบสาม | UPDATE 3.2.2561 | Page 25 }
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 03-02-2018 17:13:27
เราก็ใจหาย ไม่อยากให้มีดราม่าเลยค่ะ :sad4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบสาม | UPDATE 3.2.2561 | Page 25 }
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 03-02-2018 20:00:08
โอ้ยๆๆๆ หนีตามกันไปอี้กกก

สู้ๆ นะคะทุกคน
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบสาม | UPDATE 3.2.2561 | Page 25 }
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 04-02-2018 19:25:34
 o13
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบสาม | UPDATE 3.2.2561 | Page 25 }
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 06-02-2018 06:46:12
ตามทันก่อนจบสินะ เห้อออออ!! ขออย่าให้ร้ายแรงเลยนะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบสี่ | UPDATE 6.2.2561 | Page 26 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 06-02-2018 21:30:18

(https://www.img.in.th/images/703cd3f2e6e26a25842ea76e576ddc48.jpg)

จูบที่ยี่สิบสี่


   กองไฟมอดดับลง เราเก็บของทุกอย่างเข้ามาในบ้านแล้วผลัดกันไปอาบน้ำ

   ธีร์เข้าไปอาบก่อน ทำให้ผมมีเวลาได้อยู่คนเดียวในที่สุด ผมอดไม่ได้ที่จะเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง มีสายที่ไม่ได้รับจากคนที่บ้านเกือบร้อยสาย


   แม่: กลับบ้านด่วน

   แม่: มาหาทางออกที่บ้านด้วยกันนะ แม่พร้อมซับพอร์ต อย่าพากันหนีแบบนี้



   Focus: มึง อยู่ไหน

   Focus: กูเพิ่งรู้จากแม่มึง

   Focus: ทุกคนเขาเป็นห่วงมึงสองคนมากนะ

   Focus: กลับมา ไม่ต้องกลัวยัยคุณต่ายไรนั่น เดี๋ยวกูเอารถถังไปถล่มบ้านชีให้

   Focus: เออนั่นก็บ้านธีร์นี่หว่า

   Focus: เอาเป็นว่า กลับมา



   
   ข้อความห่วงใยจากแม่และโฟกัสทำให้ผมรู้สึกผิด อีกทั้งฟีดข่าวก็ยังมีกระแสพูดเรื่องธีร์กันอย่างดุเดือดและขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ เพราะวันนี้เป็นวันแสดงคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกของเขา แต่เจ้าของคอนเสิร์ตยังอยู่กับผม

   ผมไล่ดูกระแสด้วยความหวั่นวิตก แล้วก็เจอกับอีกสาเหตุที่ทำให้เรื่องบานปลายไปกันใหญ่
   
   เอิงเอยกับพี่บุ๊คออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว เขาสองคนออกมาแถลงว่าคอนเสิร์ตของธีร์จะเกิดขึ้นแน่ๆ แต่มีเหตุสุดวิสัยเรื่องสุขภาพของธีร์จึงต้องเลื่อนไปก่อน

   นอกจากนี้ยืนยันว่าธีร์ไม่ได้เป็นเกย์จริงๆ และภาพที่ออกมาเป็นภาพตัดต่อ ทั้งสองโชว์หลักฐานว่าช่วงเวลาที่ภาพถูกถ่ายนั้นธีร์อยู่กับเอิงเอย และจะดำเนินการคนปล่อยภาพถึงที่สุด

   ดูก็รู้ว่าการสัมภาษณ์ครั้งนี้มีพิมพ์ผกา ดำรงเดชอยู่เบื้องหลัง แต่เธอออกมาพูดไม่ได้ด้วยเหตุผลบางอย่าง


   ‘ตัดต่อตรงไหน หน้าชัดซะขนาดนั้น’

   ‘ตอแหล’

   ‘ไม่น่าเชื่อว่าเอิงเอยจะออกมาปกป้องกับเขาด้วย’

   ‘โดนสวมเขาแล้วไงน้องเอิงของพี่’

   ‘พวกคุณเป็นอะไรกันมากหรือเปล่า ก็แค่คนสองคนรักกัน’

   ‘ไม่ได้โกรธที่ใครจะรักกัน แต่โกรธที่เขาโกหกมาตลอดค่ะ’

   ‘โกรธเรื่องคอนเสิร์ตวันนี้ด้วย มีอย่างที่ไหนแจ้งเลื่อนก่อนคอนเสิร์ตเริ่มครึ่งวัน’

   ‘เราบินมาจากเชียงใหม่มาดู แต่บอกแบบปุบปับมาก แบบนี้ใครรับผิดชอบ’

   ‘ไม่ได้เรื่อง’

   ‘คืนตังเรามา’

   ‘โกหกเรื่องนี้ได้เรื่องอื่นก็คงเหมือนกันมั้ง’

   ‘เรื่องไม่สบายนี่ก็คงโกหกมั้ง’

   ‘ไงล่ะครับพระเอกที่รักของประชาชน กลายเป็นสายเหลืองซะแล้ว ถถถถถถถถ’



   “ถอพ่อง” ยิ่งไล่อ่านคอมเมนท์ก็ยิ่งหัวเสีย เลยกะปิดโทรศัพท์ดับอารมณ์ร้อน หากข้อความไม่คาดคิดจากใครบางคนก็ถูกส่งมาทางเฟซบุ๊กเสียก่อน

   โปรไฟล์ของเธอไร้รูปถ่ายเหมือนไร้ตัวตน แต่เดาจากชื่อแล้วผมก็รู้ว่าเธอส่งข้อความมาหาผมทำไม

   
   Jan Theeclub

   เราไม่รู้ว่านี่เป็นเฟซคนชื่อจุ๊บหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ก็ขอโทษด้วย
   ไม่ต้องรู้หรอกว่าเราคือใคร
   เราแค่เตือนคุณด้วยความหวังดี
   หยุดยุ่งกับธีร์
   เห็นกระแสด่าตอนนี้ไหม ทั้งหมดก็เป็นเพราะคุณ
   เห็นคุณอ่านแล้ว เราจะถือว่าคุณรับรู้แล้ว

   คุณกำลังทำลายชีวิตเขานะคะ



   ผมปิดมือถืออย่างจริงจัง เป็นช่วงเวลากับที่ธีร์ออกจากห้องน้ำมาพอดี ผมรีบเข้าไปเปิดฝักบัวให้น้ำเย็นไหลผ่านตัวเอง เผื่อมันจะชำระล้างความรู้สึกผิดทั้งหมดในใจออกไปได้   

   แต่คำพูดของหญิงสาวนิรนามยังวนเวียนอยู่ในหัว เหมือนใบมืดที่เฉือนหัวใจผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันทำให้ผมนึกถึงคำพูดจากแม่ของเขาที่เคยฝากผมไว้

   “ปล่อยเขาไปตอนนี้ หรือทำลายชีวิตเขา เธอเลือกเอง”





(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบสี่ | UPDATE 6.2.2561 | Page 26 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 06-02-2018 21:32:48
(ต่อจากด้านบน)

   ตอนออกห้องน้ำมาภายในห้องนอนมืดสลัว มีเพียงความสว่างจากทีวีที่เขาเปิดไว้ ส่วนเจ้าตัวก็นั่งหน้าสลอนอยู่บนโซฟา สายตาจับจ้องสิ่งที่กำลังจะเกิดบนหน้าจอทีวี

   “พี่จุ๊บมาดูๆ เรากำลังจะตาย”

   “ฮะ?”

   “โกโบริ” เขาพยักเพยิดไปทางทีวีที่ฉายฉากไคลแมกซ์ของคู่กรรมเวอร์ชั่นล่าสุด มันเป็นฉากที่โกโบริ (ธีร์) กำลังนอนหายใจรวยรินอยู่ในอ้อมแขนอังศุมาลิน (เอิงเอย)

   “อนาตะ โอ อาอิชิ มาสุ ฉันรักคุณค่ะ โกโบริ”

   “รู้ไหมว่าซีนนี้ตอนถ่ายโคตรขำ เอิงเอยพูดภาษาญี่ปุ่นผิดประมาณยี่สิบรอบได้อะ”

    “อย่าถามนะคะว่ามันมากแค่ไหน คุณเป็นคนได้มันไปเป็นคนแรกและคนสุดท้าย การที่เรารักใครสักคน ถึงแม้จะทนทรมานเพราะคิดว่าไม่สมหวัง ก็ยังดีกว่าพยายามที่จะไม่รักคนอื่นที่เรารักเขามากเหลือเกิน”

   “เห็นเลือดปลอมตรงท้องเรานั่นปะ ของจริงโคตรเหนียวเลย”

   “ความทุกข์จากการได้รักไม่เท่าความทุกข์จากการพยายามไม่รัก”

   “จริงๆ วันนี้เราต้องอยู่ดูตอนจบกับแฟนคลับในคอนเสิร์ตนะ แต่ดีละที่ไม่ได้ดู เราเล่นโคตรทื่อเลยว่ะ อาย”

   “...”

   “...พี่จุ๊บ?”

   “...”

   “เฮ้ย ร้องไห้ทำไม”

   พระเอกคู่กรรมถึงกับอึ้งเมื่อหันมาเจอผมกำลังนั่งน้ำตาร่วงอยู่บนเตียง

   “รู้ว่ามันเศร้า แต่ต้องร้องไห้ขนาดนี้เลยเหรอ”

   กูร้องเพราะเครียดเรื่องมึงเนี่ยแหละโว้ย ฮืออออ

   “ไม่ดูแล้ว ปิดๆ” เขาลุกไปปิดทีวี ทำให้ทั้งห้องตกอยู่ในความมืดสนิท ผมยกแขนขึ้นปาดน้ำตา เห็นเงาของธีร์ลุกจากโซฟาเข้ามาหาผม

   “โอ๋” สัมผัสของหน้าท้องแข็งๆ ประชิดใบหน้าผม โกโบริออกจากจอมาหอมศีรษะผมเบาๆ นิ้วเรียวของเขายกปาดความชื้นบนใบหน้าผมจนเกลี้ยง แล้ววงแขนกว้างก็พาให้ล้มตัวลงนอน ปล่อยให้ผมขดตัวอยู่ในแผงอกกว้างนั้นจนกว่าจะสงบ

   “หลับยัง”

   เขาถามเมื่อผมหยุดส่งเสียงสะอึกแล้ว ผมตอบรับด้วยการสูดน้ำมูกใส่

   “คิดอะไรอยู่”

   เรื่องธีร์นั่นแหละ “เรื่องทั่วไป”

   “โอเคไหม”

   “ฮื่อ” ผมตอบรับ “หลับเถอะ”

   “โอเค ฝันดีครับ”

   “ฝันดี...”

   ความเงียบปกคลุมเรา เสียงลมหายใจของผมกับเขาดังประสานกัน ผมขยับตัวในอ้อมแขนของเขา ลืมตามองใบหน้าได้รูปของคนตรงหน้าที่ส่องสลัวภายใต้แสงจันทร์นวล ไล้ตามองรายละเอียดของความสมบูรณ์แบบบนใบหน้าที่คนทั้งประเทศตกหลุมรัก

   “รู้นะว่ายังไม่หลับ” เขาพูดออกมาทั้งที่ยังหลับตาอยู่ ผมครางตอบรับ

   “มีอะไรในใจหรือเปล่า...”

   “เปล่า... แค่นอนไม่หลับ”

   “...”   

   “ธีร์...”

   “พูดมา”

   “วันนี้เรา...โดนแฟนคลับธีร์ทักมาด่า” ผมพูด “เรารู้ว่าไม่ควรเช็คโทรศัพท์ เราขอโทษ...”

   เจ้าของกอดอุ่นเงียบไปสักพัก แล้วลืมตามองผมอย่างกังวล

   “เขาด่าว่าไง”

   “นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ เราทนได้นะถ้าใครจะด่าจะว่าเรายังไง”

   “...”

   “เราแค่กังวลว่าเราอาจจะเป็นอย่างที่เขาบอก”

   “...”

   “เราทำลายชีวิตธีร์หรือเปล่า”

   “จุมพิต...เราคุยกันเรื่องนี้แล้วนะ”

   “เรารู้ มันเป็นแค่ความคิดหนึ่งที่โผล่ขึ้นมา”

   “...”

   “รู้ใช่ไหมว่าเราทำแบบนี้ตลอดไปไม่ได้”

   “ทำอะไร”

   “เราหนีแบบนี้ตลอดไปไม่ได้”

   “เรารู้” ธีร์กระซิบตอบ “แต่เราอย่าเพิ่งนึกถึงเรื่องนั้นตอนนี้เลยนะ โอเคไหม”

   เราทั้งคู่เงียบไปพักใหญ่

   “โอเค”

   ผมกอดเขาแน่นขึ้น เราขยับตัวมาประกบปากกันแผ่วเบาและแช่ค้างไว้หลายวินาทีเหมือนไม่อยากให้มันจบลง และธีร์ก็ดุนลิ้นเข้ามาในปากของผมโดยไม่ได้ตั้งตัว ทันใดก็รู้สึกถึงความคับเค่งจากส่วนล่างของเขา

   “โทษที...” ธีร์ถอนปากออกเหมือนควบคุมสติได้ หายใจหอบ “เดี๋ยวเรากลับไปนอนโซฟาแล้วกัน อยู่นี่ไม่ได้นอนเฉยๆ แน่” เขาลุกขึ้นนั่ง

   ผมรั้งแขนเขาไว้ ธีร์หันมองตามมือของผมด้วยความสงสัย เพราะครั้งล่าสุดที่เราทำแบบนี้กันมันจบไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ต่างคนต่างรู้ว่านั่นบั่นทอนความรู้สึกอีกฝ่าย...

   ทว่าตอนนี้ผมไม่สนใจเรื่องอื่นด้วยซ้ำ ผมแค่อยาก...สัมผัสเขา...รับรู้ถึงความเป็นของเขามากเหลือกัน

   ผมลุกขึ้นนั่งข้างธีร์ จับมือเขาขึ้นมาแล้วดูดนิ้วชี้เรียวยาวปลุกความต้องการในตัวของเขาให้พลุกพล่าน

   มันได้ผล ทันทีที่ผมคายนิ้วออก ริมฝีปากกว้างพุ่งเข้าจู่โจมผมทันที




   นาทีนั้นได้ยินเสียงหายใจของกันและกันชัดกว่าเสียงคลื่น เราถอดเสื้อผ้าออก เปลือยร่างกายและวิญญาณภายใต้เงาจันทร์นวล

   ธีร์ไล่ฝากรอยจูบไว้บนร่างกายของผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ทุกจุมพิตของเขาราวกับการแสดงความเป็นเจ้าของ ผมตอบแทนเขาด้วยการใช้ปาก ยิ่งเร่งความถี่มากขึ้นเท่าไหร่เสียงครางต่ำในลำคอของเขาก็ดังขึ้นเท่านั้น และอยู่ๆ ธีร์ก็ยื้อหัวผมช้าๆ แล้วพลิกตัวลงมาทำให้ผมบ้าง ความเชี่ยวชาญของเขาทำให้ผมหยุดไปเป็นพักๆ เพราะความซ่าน จนต้องยกมือขึ้นมาปิดปากเพราะเสียงร้องของตัวเองที่ดังขึ้นเรื่อยๆ

   “อย่า...” ธีร์บอกผม เอื้อมมือมาดึงแขนผมออก “เราอยากได้ยิน”

   ผมหอบหายใจ แล้วก็ต้องร้องออกมาอีกครั้งเพราะเขายกขาผมขึ้นแล้วลงลิ้นยาวถึงด้านหลัง เขาอ้าขาผมออกช้าๆ แล้วสำรวจร่างกายผมทีละนิดด้วยจุมพิตและสัมผัสฉ่ำเยิ้มของลิ้น กระทั่งถึงจุดสำคัญที่ต้องใช้นิ้วแหย่ เขาพยายามพูดผ่อนคลายให้ผมหายเกร็ง

   แล้วนิ้วเรียวยาวก็เริ่มทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี  ครั้งนี้ผมไม่ได้รู้สึกเจ็บเท่าคราวก่อน เขาเข้าถึงจุดสำคัญที่ทำให้ผมหฤหรรษ์ได้อย่างประหลาด

   “อื้อ...” เขาเร่งนิ้วสะกิดต่อมนั้นจนผมบิดตัวไปมา มืออีกข้างก็จับด้านหน้าผมและรูดถี่ “ธีร์...ธีร์!”

   ความฉ่ำแฉะจากตัวผมถูกปล่อย รู้สึกถึงเสียงหายใจหอบถี่ของตัวเอง ธีร์ยิ้มอย่างพึงพอใจที่เป็นอย่างนั้น แล้วจู่ๆ ก็เขยิบตัวห่างออกจากผม เขาคว้าสารหล่อลื่นที่เตรียมไว้ในกระเป๋าแล้วสอดลึกเข้าในตัวผมอีกครั้ง และก่อนที่ผมจะรู้ตัว ธีร์น้อยก็จ่ออยู่ตรงประตูและเริ่มแหย่เข้ามา

   “ถ้าอยากให้หยุดบอกเรานะ” ธีร์กระซิบ และค่อยๆ ดันมันเข้ามาทีละนิดช่องรับของผมและความมโหฬารของเขายังคงไม่สมดุลกันแม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรก อาการติดขัดจึงเกิดขึ้น โชคดีที่ธีร์ใจเย็น เขาค่อยๆ โหลดความแข็งเกร็งนั้นเข้ามาและทิ้งช่วงให้ผมปรับสภาพรับมัน

   “เจ็บไหม” เขากระซิบถาม “เราเอาออกได้นะ”

   ผมหลับตาแน่นเพราะความทรมานยังปรากฏชัดเจน ทว่าส่ายหัว

   “อย่า...” ผมปฏิเสธ จ้องลึกไปในตาเขาที่สะท้อนความเห็นใจ “เราอยากทำ”

   ธีร์นิ่งที่เห็นแบบนั้น แล้วพยักหน้ารับคำของผม จังหวะนั้นเขาก้มลงถ่ายความกระหายลงมาด้วยจุมพิตที่หนักหน่วง และดันช่วงล่างเข้ามาจนสุด

   ผมรู้สึกถึงความแข็งแกร่งข้างในตัวจนเกือบจะทนไม่ไหว หากผมก็ตวัดลิ้นรับจูบของเขาเพราะหวังให้มันสามารถผ่อนความเจ็บปวดได้ ธีร์เร่งความถี่ขึ้นจนผมไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เผยเสียงครางออกมาดังลั่นเหมือนร่างกายจะระเบิด
 
   จุ๊บน้อยของผมถูกปลุกขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า หากความชูชันเกิดขึ้นและจบลงในเวลาไม่นาน ผมเสร็จไปสามรอบ แต่ธีร์ก็ยังเปลี่ยนท่าทางของเราเรื่อยๆ จนเวลาผ่านไปหลายชั่วโมงกว่าจะถึงจุดหมายของเขา

   รู้ตัวอีกทีผมก็นอนลืมตาสบตากับตาปรือของธีร์ที่กำลังจะปิดลงด้วยความเหนื่อย เราทั้งคู่ตัวเปียกชุ่มอยู่บนเตียงที่ยับยู่ยี่

   “เรารักนาย...”

   ผมได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบานั้น ชั่วขณะก็ตระหนักว่ารอบข้างเงียบสนิท จึงขยับตัวเบาๆ ขึ้นจุมพิตเขา ธีร์กระตุกปากจูบตอบและผล็อยหลับไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย ไม่นานเสียงคลื่นทะเลก็กลับมาดังคลอเคลียเรา

   เวลาของเราสองคนจบลง และเวลาของโลกดำเนินต่อไป...

   ผมปาดน้ำที่ยังคลออยู่ตรงหางตา ค่อยๆ กลับหลังหันเพราะความรวดร้าวจากช่วงล่างยังปรากฏชัดเจน เอวของผมมีแขนของธีร์โอบไว้หลวมๆ ผมเอื้อมมือประสานมืออุ่นของเขา มองทอดไปยังท้องฟ้าสีน้ำเงินสลัวที่กำลังจะสว่างในไม่ช้า ก่อนจะผล็อยหลับบ้างด้วยความรู้สึกเต็มตื้นที่ครั้งนี้เราทำมันสำเร็จ

   ผมดีใจที่อย่างน้อยเราก็ได้เป็นของกันอย่างสมบูรณ์


(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบสี่ | UPDATE 6.2.2561 | Page 26 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 06-02-2018 21:39:14
(ต่อจากด้านบน)


   คืนนั้นผมฝันถึงยาย

   มันเป็นฝันที่แตกต่างจากครั้งก่อนอย่างชัดเจน มันไม่ได้เริ่มจากการที่ผมได้คุยตอบโต้กับยายเหมือนเดิม ความจริงในฝันครั้งนี้ ผมเหมือนกลายเป็นผู้สังเกตุการณ์ในภาพบางอย่างที่ยายอยากให้ดู

   ความแปลกคือผมไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาล ในห้องใต้ดินที่บ้าน แต่ผมยังอยู่ในหาดส่วนตัวของธีร์ ดำรงเดช

   ใช่ มันคือที่เดียวกันแน่ๆ ผมจำบ้านหลังสีขาวและเกาะจู๋ยักษ์ของเขาได้ ทุกอย่างยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

   หากจะมีอะไรที่เปลี่ยน คือครอบครัวทั้งหมดของผมมานั่งพักผ่อนอยู่บ้านหาดนี้ และทุกคนดูอายุน้อยกว่าปัจจุบันสัก...สิบปีได้มั้ง

   ‘จุ๊บ อย่าปาทรายใส่กันแบบนั้นลูก เดี๋ยวเข้าตา’ หญิงสาวร่างท้วมในหมวกปีกกว้างตะโกนบอกเด็กชายคนหนึ่งที่กำลังเล่นทรายกับเด็กชายอีกคนอยู่ไม่ไกล

   “แม่...” ผมกระซิบเมื่อสังเกตเห็นทรงผมบ็อบเทอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอที่โผล่พ้นออกนอกหมวก เธอนั่งอยู่บนเสื่อผืนใหญ่อยู่ข้างผู้ชายร่างผอมแห้งอีกคนที่แก้เสื้อนอนแผ่หรา แม้จะมีหมวกปิดหน้าแต่ผมก็ยังจำเขาได้

   “พ่อ...”

   ‘จุ๊บ...อย่า เล่น แบบ นั้น’ แม่ของผมตะโกนอีกครั้ง ‘โน่น เล่นแบบป้าเด้าโน่น เห็นไหม’

   แม่ของผมพยักเพยิดไปที่ป้าเด้าที่ไม่เหี่ยวเท่าปัจจุบัน แถมความฮอตปรอทแตกยังมีมากกว่าหลายเท่า เธออยู่ในบิกีนี่สีแดงตัวจิ๋ว กำลังขุดทรายมาทับทุกส่วนของลุงโรเบิร์ตยกเว้นหัว หัวเราะคิกคักไปกับสามีด้วยเสียงแหลมแสบหู

   ไกลออกไปผมเห็นป้าแก้วผู้ยังมีหุ่นบางร่างน้อยเดินรับลมไปกับลุงพร่ำที่มีสีหน้าแช่มชื่นกว่าทุกวันนี้ บนบ่าของเขามีเด็กสาวตัวเล็กอายุราวสามขวบขี่คออยู่...นั่นน่าจะเป็นไอ้จีบ

   ‘เล่นแบบป้าเด้า แต่ไม่ใช่เล่นแบบนี้กันนะลูก เข้าใจไหม’ แม่เตือนผมเพราะป้าเด้ากำลังคลานขึ้นบนผืนทรายที่กลบตัวลุงโรเบิร์ตอยู่ ทั้งคู่เริ่มจูบกันอย่างดูดดื่มต่อหน้าต่อตาเด็ก

   ‘ปล่อยเด็กมันไปบ้างเถอะน่า’

   แล้วยายก็เดินเข้ามาด้านหลังแม่ หย่อนก้นหนาเตอะลงบนผืนเสื่อ ขนาดว่ามาทะเลยายยังใส่เสื้อคอกระเช้ากับผ้าซิ่น ในปากยังขยับเคี้ยวหมากเหมือนเดิม

   ‘ไม่ได้สิแม่ เดี๋ยวจุ๊บมันเลียนแบบเข้าจะเป็นยังไง’

   ‘เอ๊า ก็ปล่อยให้เด็กมันเลียนแบบไปซี่’

   ‘แม่ จุ๊บมันเล่นอยู่กับเด็กผู้ชายนะ’ แม่พยักเพยิดไปที่ผมในวัยสิบขวบที่กำลังเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นทรายกับ... ‘เห็นว่าเป็นลูกดาราด้วย หล่อดี แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น’ ...ธีร์จริงๆ ด้วย

   ยายหอมระเบิดหัวเราะจนงอนผมตรงท้ายทอยสั่นระริก ‘เอ็งพูดเหมือนพอจูบกับเด็กผู้ชายแล้วไอ้จุ๊บมันจะกลายปะ...’

   จู่ๆ ยายก็หยุดชะงัก ริมฝีปากอ้าค้างนิ่งเหมือนคนโดนแช่แข็ง ไม่ต่างกับแม่ของผมและคนอื่นบนหาดที่พร้อมใจกันหยุดทุกการกระทำของตัวเอง...แม้กระทั่งคลื่นทะเลและเสียงลมก็ยังหยุดทำงานชั่วคราว...

   ทุกอย่างหยุด เว้นแต่มีเด็กสองคนที่ยังขยับได้อยู่ไม่ไกล เด็กผมหยิกกำลังวิ่งไล่เด็กอีกคนที่หัวเราะเอิ้กอ้ากเพราะเพิ่งขโมยจูบได้สำเร็จ

   ผมเพิ่งรู้ความจริงว่าผมมีจูบหยุดเวลาครั้งแรกตอนสิบขวบ

   ต่างจากที่คิดเกือบสิบปี...แต่คนที่ขโมยไปคือคนเดียวกัน

   กรอบ!

   หูแว่วได้ยินเสียงใบไม้แห้งที่ถูกเหยียบ ผมหันไปตามทิศทางของเสียงนั้น แล้วก็ต้องตกใจเมื่อพบกับตาทิศโผล่มาจากด้านหลังราวกับเดินออกมาจากอากาศ

   คนรักของยายหอมยังมีผมหงอกเต็มหัว และมีหนวดติ๋มอยู่เหนือริมฝีปากเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเขายังขยับตัวได้ทุกอย่าง...ราวกับพลังของจูบหยุดเวลาของผมกับธีร์ทำอะไรเขาไม่ได้เลย

   ตาทิศมองภาพผมกับธีร์ตอนเด็กที่วิ่งไล่กันแล้วหัวเราะในลำคอออกมาอย่างพึงพอใจ แล้วเขาก็ย่อตัวลงข้างยายช้าๆ และดันจมูกไปหอมแก้มยายฟอดใหญ่

   วินาทีต่อมา ยายหอมก็ขยับตัวได้ปกติ

   ‘ทำไมโผล่มาไม่ให้สุ้มให้เสียง’ เธอร้องออกมาเสียงดังเมื่อเห็นว่าจู่ๆ ตาก็มาปรากฏข้างตัว ผมอ้าปากค้าง

   พลังของตาทิศกับยายหอมที่ไม่มีใครรู้...คือพลังที่เจ๋งกว่าทุกพลังในครอบครัวเรา

   พวกเขาอยู่เหนือกาลเวลา

   ‘แล้วทำไมลูกเราอ้าปากค้างแบบนี้เนี่ย โอบ! โอบ! พี่ทิศยายโอบมันหัวใจวายหรือเปล่าวะ ทำไมมันไม่หายใจ้!’ ยายโวยวายใหญ่เมื่อเห็นความจริงของคนข้างๆ

   ‘มันยังไม่ตาย มันแค่หยุดไปตามเวลา’

   ‘หยุดไปตามเวลา?’

   ‘โน่นไง’ ตาทิศชี้ไปที่เด็กสองคนที่กำลังปล้ำกันใหญ่ ‘ไอ้จุ๊บมันหยุดเวลาได้’

   ‘ห๊าาาา...งั้นก็หมายความว่าไอ้จุ๊บกับเด็กผู้ชายอีกคนนั่นก็...’

   ‘มันจูบกัน’ ตาบอก ‘นั่นแหละคู่ชีวิตไอ้จุ๊บหลานเรา’

   ยายตบอกแรง ใช้เวลาหลายนาทีทีเดียวกว่าจะยอมเชื่อว่าเรื่องของผมกับธีร์เป็นความจริง จากนั้นตายายของผมก็ช่วยกันหาทางให้เวลากลับมาเดินเหมือนเดิม ตลกทีเดียวที่ได้เห็นภาพคนแก่สองคนทำอะไรที่ไม่ใช่วิสัยคนหัวโบราณทั่วไปอย่างการเกลี้ยกล่อมเด็กผู้ชายตัวแสบสองคนให้จูบปากกัน

   เมื่อเวลากลับมาเดิน ตาทิศอยู่ลายายของผมสักพัก และผมสาบานว่าเห็นเขาหายตัวไปกับอากาศ หลงเหลือแค่รอยเท้าบนผืนทรายที่ยืนยันว่าเขาเคยอยู่ตรงนั้น ทิ้งให้ยายที่เดินกลับมาหย่อนก้นลงตรงเสื่อที่เดิม ตอบคำถามแม่ของผมซึ่งกำลังงงเต้ก

   ‘ตะกี้แม่ยังคุยฉันตรงนี้อยู่เลยไม่ใช่เหรอ’

   ‘บ้าแกอะคิดมาก’ ยายบอก ‘แก่แล้วสติสตังไม่ค่อยมีนะเรา’

   แม่โอบขมวดคิ้ว  แล้วส่ายหัวจูนสติตัวเอง ‘ช่างเถอะ ตะกี้ฉันกำลังคุยอะไรกับแม่นะ’

   ยายสูดลมหายใจลึก ‘เรื่องไอ้จุ๊บมันจะไปจูบกับเด็กผู้ชาย’

   ‘เออใช่ ฉันกลัวมันจะไปเลียนแบบพี่เด้า’ ไม่ทันแล้วครับแม่

   ‘ถ้า...มันจะจูบกับใครแล้วมีพลังจริงๆ ไอ้จุ๊บมันก็เลือกไม่ได้หรือเปล่าวะว่าจะเป็นใคร’

   ‘ก็ใช่ แต่คู่จุ๊บมันคงไม่ใช่ผู้ชายหรอกมั้ง’

   ยายกระแอม ‘ก็...เป็นอย่างนั้นมันก็ไม่ได้แย่มากหรอกมั้ง เผื่อใจไว้ก็ไม่เลว แหะๆๆ’

   ‘แม่รู้อะไรมา’ แม่โอบมองแรงใส่ยาย ‘แม่กำลังทำให้โอบกลัวนะ’

   ‘โอบเอ๊ย คู่กันแล้วก็แคล้วกันยาก’ ยายกระซิบ ‘แต่ที่ยากกว่าคือกว่าจะได้มาเจอกันแล้วได้รักกัน ถ้าเด็กจะรักใครก็อย่าไปกีดกันมันเล้ย’

   ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมแม่กับคนที่บ้านรับเรื่องผมกับธีร์ได้หลังจากบอกไปทันที...ยายคงบอกแม่ไว้ตั้งแต่ตอนนั้น

   “จุ๊บเอ๊ย คู่กันแล้วก็แคล้วกันยาก”

   จู่ๆ ยายก็หันมาพูดกับผมที่ยืนสังเกตการณ์อยู่นาน หลังจากประโยคนั้นผมก็สังเกตว่าทุกอย่างรอบตัวเปลี่ยนไป คลื่น...ผืนทราย...บ้านสีขาว...และสมาชิกในครอบครัว ทุกอย่างหายวับไปกลายเป็นห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ที่มีนาฬิกานับพันเรือนรายล้อมอยู่

   แล้วผมก็ได้กลับมาคุยกับยายที่ห้องใต้บันไดอีกครั้ง เธอยังอยู่ในชุดเสื้อคอกระเช้าสีชมพูตัวเก่งกับผ้าซิ่นสีน้ำตาลลายไทย นั่งอยู่บนเก้าอี้บุนวมสีแดงตัวโปรด

   ผมยืนอยู่ตรงข้ามยาย เธอยกมือขึ้นกวักผมจึงก้มตัวคลานเข่าเข้าไปหา ยายหอมยกมือเจ้าเนื้อทั้งสองขึ้นลูบเส้นผมหยิกเบาๆ อย่างรักใคร่ ผมคดตัวเข้าหาตักอุ่นนั้นอย่างอ่อนแรง

   “คู่กันแล้วมันแคล้วกันยาก แต่ถ้ามันมีเหตุให้แคล้วกันจริงๆ ยายอยู่ตรงนี้”

   ยายพูดอะไรที่ผมไม่เข้าใจอีกครั้ง แต่กระนั้นผมก็ยังตั้งใจฟังเสียงก้องกังวานของเธอที่ดังขึ้นท่ามกลางเสียงเข็มนาฬิกาในห้อง

   “อย่าเปลืองเวลาเสียใจ ยายจะรออยู่ที่ห้องใต้บันได”

   “...”

   “มาหายายนะ”


(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบสี่ | UPDATE 6.2.2561 | Page 26 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 06-02-2018 21:41:12
(ต่อจากด้านบน)

   เมื่อผมรู้ตัว ตักอุ่นนั้นของยายก็กลายเป็นหมอนสีขาวในห้องนอนไปแล้ว

   แสงอาทิตย์ของวันใหม่สาดเข้ามา แต่ไม่ยักมีเสียง “ก้องแก้งๆ” ของน้าแตมาปลุกเหมือนเมื่อวาน กลายเป็นเสียงอู้อี้ของคนที่เดินออกจากห้องน้ำมาในบ็อกเซอร์ตัวเดียว กำลังลูบโฟมล้างหน้าสีขาวบนหน้าอย่างมันมือ

   “อุมปิ๊ดอื่นเร็ว เดี๋ยวน้าแอพาไอวัด (จุมพิตตื่นเร็ว เดี๋ยวน้าแตพาไปวัด)”

   “ฮึ?” ผมสะลืมสะลือ

   “ตื่นเล็ว เดี๋ยวน้าแอพาไปมัด”

   อะไรของเขาวะ

   ถึงจะฟังไม่ค่อยรู้เรื่องแต่ผมก็ยอมลุกไปอาบน้ำโดยดี กว่าจะจัดการทุกอย่างเสร็จก็เกือบเก้าโมงเช้า ธีร์บอกว่าให้ผมใส่เสื้อสีขาวกับกางเกงขายาวเพราะวันนี้น้าแตจะพาไปวัด (ในที่สุดกูก็ฟังรู้เรื่อง) เราไม่ได้กินข้าวเช้า เพราะน้าแตบอกว่าจะมีงานทอดกฐิน และเขาจัดโรงทานอย่างยิ่งใหญ่อยู่ที่นั่น

   “นี่แหละผลของการเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี เราได้กินของฟรีบ่อยๆ” เธอบอก ผมรู้สึกแหม่งๆ กับตรรกะนั้นนิดนึงแต่ไม่กล้าพูดอะไรออกไป

   “คิดดีแล้วใช่ไหมที่จะไปเจอคนเยอะๆ เนี่ย” ผมกระซิบถามธีร์

   “เออว่ะ” คนที่กำลังเป็นข่าวเพิ่งรู้ตัว เขาจึงยืมหมวกแก๊ปกับแว่นตากันแดดของน้าแตมาให้เราสองคนใส่ แม้เธอจะยืนกรานว่าไม่ต้องใส่! เพราะชาวบ้านแถวนี้ไม่ตามข่าวดารา แถมยังเป็นคนใจดีไม่มีพิษมีภัยกันทุกคน

   แต่เราถือคติประชาชนทุกคนคือสื่อมวลชน และสื่อมวลชนทุกคนกำลังหิวโหยข่าวของธีร์เหลือเกิน ณ จุดนี้...เพราะฉะนั้น กันไว้ก็ดีกว่าแก้ล่ะวะ

   “เสร็จแล้วครับ”

   ผมเดินออกจากห้องน้ำหลังแอบไปโทรศัพท์อยู่นาน ก้าวขาขึ้นรถของธีร์ซึ่งสตาร์ทรอไว้ ‘วัดใกล้บ้าน’ ที่น้าแตบอกจริงๆ ไม่สามารถเดินเท้าไปได้เพราะตั้งห่างออกไปเกือบห้ากิโล ใช้เวลากินลมบนรถสักพักเราก็มาถึง สิ่งแรกที่เราเห็นคือฝูงชนมหาศาลที่เดินหาของกินกันขวักไขว่อยู่นอกกำแพงวัด เพราะมีโรงทานตั้งอยู่ด้านนอกนั่นเอง

   ด้านในวัดปลูกต้นไม้น้อยใหญ่สมกับการเป็น ‘วัดป่า’ มีการจัดแจงที่ให้กุฏิ เจดีย์ เมรุเผาศพตั้งกระจัดกระจายกันไป ส่วนพื้นที่ตรงกลางเป็นที่ตั้งของอุโบสถผุพังซึ่งเป็นจุดประสงค์หลักของการทอดกฐินครั้งนี้ (ตามคำเล่าของน้าแต) พวกเขาต้องการเงินมาต่อเติมอุโบสถให้ดีขึ้น

   ควรจะต่อเติมอยู่หรอก เพราะผมเห็นหลังคากระเบื้องเอียงกะเทเร่กับเสาไม้ที่ดูไม่มั่นคงนั้นแล้วมันน่าหวาดเสียวจริงๆ

   ผมไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่ามันปลอดภัยไหมกับการทำพิธีทอดกฐินด้านในอุโบสถหลังนี้ แต่นั่นคือสิ่งที่ชาวบ้านทำกัน

   “ดีเลยสองคน วันนี้ก็ถือโอกาสทำบุญล้างซวยเลยแล้วกันเนาะ”

   น้าแตชวนเราด้วยสีหน้าแช่มชื่น ผมกับธีร์จึงต้องเลยตามเลยไปกับเธอ หลังจากที่เราอิ่มหนำสำราญกับกองทัพของกินจากโรงทานในงาน (ผมจะเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีหลังจากนี้ ผมสัญญา) เราสามคนก็เข้าทำพิธีทอดผ้าบังสุกุลไปกับฝูงชนที่อัดแน่นในอุโบสถหลังนั้น ด้วยหัวใจหวาดหวั่นว่ามันอาจจะพังครืนลงมา

   “เป็นอะไร” ธีร์ถามเมื่อเห็นสีหน้ากังวลของผม ซึ่งผมก็กังวลจริงจัง แต่ไม่ใช่แค่เรื่องหลังคาหรอก

   ผมกัดปาก “ตะกี้เราเห็น...คนยกมือถือถ่ายรูปเราสองคนด้วย”

   “ใจเย็น ชาวบ้านเขาถ่ายเพราะเห็นเราหล่อล่ะมั้ง”

   โอเคเว้ยแกร

   “ไม่มีใครจำเราได้หรอก ใส่หมวกใส่แว่นแน่นขนาดนี้”

   พระเอกดังกระซิบ ผมมองซ้ายมองขวาก็ยังเห็นคนรอบข้างมองเราอยู่เหมือนเดิม บางคนยกมือถือขึ้นมาถ่ายบ้าง บางคนก็เริ่มซุบซิบ...

   “ธีร์ เราว่า...” แต่จังหวะนั้นก็ถึงเวลาที่เราจะได้ทอดผ้าสักที

   “เอามือแตะที่ผ้าไว้นะ จะได้บุญเยอะๆ” พระสงฆ์ตรงหน้าซึ่งเหมือนจะเป็นเจ้าอาวาสบอกกับเรา ทันใดนั้นผมก็ได้ยินเสียง

   แกร่ก...

   หือ?

   “จุ๊บ แตะผ้าเร็วลูก” น้าแตเร่ง หากใจผมไม่ได้อยู่กับผ้ากฐินตรงหน้าอีกแล้ว มันกลับลอยไปด้านบนเพราะว่าเสียง...

   แกร่ก...แท่ก...

   ผมเงยหน้าขึ้นมอง ทันใดนั้นก็เห็นว่ากระเบื้องแผ่นหนาเท่าฝ่าแผ่นหนึ่งกำลังเอียงไปตามแรงโน้มถ่วงช้าๆ มันทำท่าเหมือนจะตก...ทั้งยังดึงให้แผ่นข้างๆ ให้เอียงตามกัน

   ก่อนที่ผมจะทันได้ร้องเตือน กระเบื้องหลายสิบแผ่นก็หลุดลอยลงมา...


   กลางเศียรของพระสงฆ์และเราทุกคนพอดี!


TBC*

มีอะไรไปเม้าท์กันในแท็ก #จุ๊บที หรือในเพจตัวแม่ (https://www.facebook.com/ftheauthor)ได้นะคะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบสี่ | UPDATE 6.2.2561 | Page 26 }
เริ่มหัวข้อโดย: AutoAngels ที่ 07-02-2018 00:55:32
จะเป็นอะไรกันใหมเนียขออย่าให้เกิดเรื่องไม่ดีเลยนะ :mew4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบสี่ | UPDATE 6.2.2561 | Page 26 }
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 07-02-2018 01:19:58
ตกใจมาก ขอให้ทุกคนปลอดภัยนะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบสี่ | UPDATE 6.2.2561 | Page 26 }
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 07-02-2018 02:15:45
จะเจ็บตัวกันอีกแล้วเหรอออ แงง จูบกันเร็ว จูบได้มั้ยให้เวลาหยุดไรงี้ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ช่วยด้วยค่าาาา  :katai1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบสี่ | UPDATE 6.2.2561 | Page 26 }
เริ่มหัวข้อโดย: Shonteen ที่ 07-02-2018 08:57:50
ชอบมากกกก พล็อตเรื่องดีมากกก
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบสี่ | UPDATE 6.2.2561 | Page 26 }
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 07-02-2018 13:40:47
เหยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบสี่ | UPDATE 6.2.2561 | Page 26 }
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 08-02-2018 22:08:21
เดี๊ยวววววว
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบสี่ | UPDATE 6.2.2561 | Page 26 }
เริ่มหัวข้อโดย: cookie12ck ที่ 08-02-2018 22:18:09
อย่าเป็นไรกันน้า จูบกันหยุดเวลาสิพี่จุ๊บน้องธี จะได้ปลอดภัยทุกคนน :hao5:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบสี่ | UPDATE 6.2.2561 | Page 26 }
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 08-02-2018 22:36:46
มันจะยุ่งเหยิงกันไปใหญ่แล้ว นี่ถ้าธีร์บาดเจ็บจากตรงนี้มีหวังเป็นข่าวอีกแน่ ดีไม่ดีทั้งคู่โดนจับแยกกันแน่ๆ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบห้า | UPDATE 10.2.2561 | Page 26 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 10-02-2018 18:02:14

(https://www.img.in.th/images/703cd3f2e6e26a25842ea76e576ddc48.jpg)

จูบที่ยี่สิบห้า


   “ระวัง!!!!!!!”

   ผมร้องเสียงดัง วินาทีนั้นคิดอะไรไม่ออกนอกจากถอดแว่นของตัวเองและดึงธีร์เข้ามาจูบ

   ทันทีที่ปากเราแตะกัน กระเบื้องพวกนั้นก็ลอยหวืออยู่กลางอากาศ คมของมันห่างจากกายของพระสงฆ์ด้านหน้าเราไม่ถึงฝ่ามือ

   ผมถอนริมฝีปากออกด้วยหัวใจที่เต้นรัวเร็ว...เชี่ย...เกือบไปแล้ว...

   “เกิดอะไรขึ้น”

   ธีร์เบิกตาด้วยความตกใจเพราะตามเหตุการณ์ไม่ทัน ผมชี้ไปที่แผ่นกระเบื้องพวกนั้นให้เขาดู

   “เชี่ย...”

   “เราต้องย้ายทุกคนออกจากที่นี่” ผมบอก “ไปที่ปลอดภัย อาจจะข้างนอก เพราะเราไม่รู้ว่ามันจะพังลงมาทั้งหมดหรือเปล่า”

   “ทุกคนเลยเหรอ” ธีร์ถามทวนเมื่อกะจากสายตาดูแล้วก็มีคนประมาณ...เกือบร้อยได้มั้ง?

   “ใช่ ทุกคน”

   คนเป็นดาราพยักหน้ารับเมื่อเห็นความจริงจังในแววตาผม งานหนักเอาการ แต่ถ้าปล่อยคนใดคนหนึ่งไว้มันก็อาจเสี่ยงอันตรายเกินไป และผมไม่อยากให้มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น โดยเฉพาะในสถานที่แบบนี้...

   เพราะฉะนั้น ผมกับคู่ชีวิตจึงต้องลำเลียงชาวบ้านเกือบหนึ่งร้อยคนออกจากอุโบสถทีละคน ตั้งแต่พระสงฆ์องค์เจ้าไปจนถึงประชาชนผู้ศรัทธาในศาสนา เด็ก คนแก่ คนน้ำหนักเกิน คนตัวสูงที่ต้องยกตะแคงออกจากประตู ทุกคนต่างถูกพยุงด้วยกำลังจากสองมือเปล่าของเรา

   ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่กว่าเราจะจัดให้ทุกคนสามารถกระจุกกันอยู่ในขอบเขตที่ผมคิดว่าปลอดภัยก็ทำเอาเหงื่อท่วมตัว

   หลังจากมั่นใจว่าไม่มีใครเหลืออยู่ในอุโบสถ เราสองคนก็นั่งหมดสภาพกันอยู่ที่บันไดนาค ทั้งตัวเปียกชุ่มเหมือนอยู่ในงานรดน้ำสงกรานต์แทนทอดกฐิน

   “ขำไร” ผมถามเมื่อจู่ๆ ธีร์ก็ครางเสียงหัวเราะในลำคอ

   “ไม่ กำลังคิดว่าทำแบบนี้ต้องได้บุญเยอะกว่าทอดผ้าเฉยๆ แน่ๆ ดูเหงื่อดิ๊”

   “เออ” ผมหัวเราะตาม ยิ่งขำเข้าไปใหญ่เมื่อเขายกมือขึ้นไหว้สาธุ

   “ด้วยอิทธิฤทธิ์ของบุญกุศลที่ลูกช้างทำ รวมกับพลังจูบหยุดเวลา ช่วยให้ลูกช้างผ่านเรื่องร้ายๆ ไปได้แล้วมีแต่เรื่องดีๆ เข้ามาด้วยเถอะ”

   “ซ้าธุ” ผมไหว้บ้าง ธีร์หัวเราะแล้วแบมือมาขอมือผมเพื่อเตรียมพร้อม

   เราลงจากบันไดนาคมายืนอยู่แถวหน้าสุดของชาวประชา สวมแว่นกับหมวกกลับและย่อเข่าลงเพื่อป้องกันการเป็นที่สังเกต “พร้อมนะ”

   “อื้อ”

   ทันทีที่ริมฝีปากเราแตะกัน ผมก็ได้ยินเสียงโครมใหญ่ดังมาจากอุโบสถด้านหน้า ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจจากทุกคนด้านหลัง อาจเพราะพวกเขาตื่นตูมกับภาพตรงหน้าผสมกับความตกใจที่ตัวเองออกจากอุโบสถได้ในเสี้ยววินาที นั่นคือสิ่งที่ผมคิดไว้อยู่แล้ว

   แต่สิ่งที่ผมไม่ได้คิดคือฝุ่นโขมงใหญ่และความโกลาหลที่เกิดขึ้นแบบฉับพลัน

   หลังถอนจูบออกผมแทบมองไม่เห็นอะไรเพราะฝุ่นจากการล้มครืนข้างหน้า ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงแรงผลักจากคนรอบข้างที่รุนแรงจนหมวกและแว่นของเรากระเด็นออก

   ผมจับมือธีร์แน่น พยายามเอาตัวรอดจากพื้นที่ตรงนั้นท่ามกลางเสียงตะโกน มืออีกข้างยกขึ้นปิดจมูก ธีร์พยายามป้องกันตัวผมจากแรงยื้ดยุดฉุดกระชาก จนกระทั่งเราพาตัวเองออกมาหลบข้างบันไดนากสำเร็จ รอให้ฝุ่นและความวุ่นวายทั้งหมดหายไป

   “ธีร์! จุ๊บ!” ผมได้ยินเสียงน้าแตในฝูงชน ตอนนั้นเราเริ่มหายใจหายคอสะดวก เจ้าอาวาสประกาศออกไมค์ว่าให้ทุกคนอยู่ในความสงบ

   “ธีร์! อยู่ไหนลูก!”

   “อยู่นี่ครับน้าแต!!!”

   ธีร์ก้าวออกไปเมื่อมั่นใจว่าทุกอย่างกลับมาเป็นปกติแล้ว แต่ดาราหนุ่มอาจจะลืมไปว่าตัวเองเป็นใคร

   เขาก้าวออกไปแบบที่ไม่มีอะไรปิดบัง เสียงฮือฮาเกิดขึ้นพร้อมกับเสียงชัตเตอร์กล้องในทันที


   ฉิบหาย


   “พี่ธีร์!”

   “มึง นั่นมันพี่นัทในเรื่องวัยรุ่นวุ่นรักของมึงนี่”

   “ธีร์ ดำรงเดช!”

   “น้องธีร์ ลูกป้าติดละครของน้องมากเลยลูก”

   “โกโบริ!”

   มา...มากันให้หมด

   พอธีร์รู้ตัวเองว่าเขาเพิ่งเปิดเผยตัวตนต่อหน้าสาธารณชน ก็พุ่งเข้าไปหาน้าแตอย่างรวดเร็ว ผมรีบแทรกตัวเข้าไปคว้ามือเขา...แล้ววิ่ง!

   “พี่ธีร์ เซลฟี่กับหนูหน่อยค่า”

   “อาตมาขอเก็บภาพได้ไหมโยม”

   “ขอโทษครับ ไม่ได้ครับ” ธีร์ยกมือไหว้ทุกคนแบบลวกๆ แล้วก้าวขาไวตามผม

   “โห ทำไมหยิ่งจัง”

   “กรุณารบกวนความเป็นส่วนตัวด้วยนะครับ” ผมช่วยเขา

   “มึง นั่นมันคนในข่าวปะวะ”

   “เออใช่ ที่มีภาพหลุดกับธีร์อะ”

   “มึง ถ่ายไว้เร็ว!!”

   “ขอโทษครับ ห้ามถ่ายรูปนะครับ”

   ธีร์พยายามยกมือบังหน้าตัวเองและของผม แต่เสียงชัตเตอร์กล้องก็กระหน่ำใส่เราอย่างห้ามไม่อยู่ ผมพบกับแรงฉุดกระชากและเสียงเว้าวอนกึ่งข่มขู่ตั้งแต่หน้าอุโบสถจนถึงรถ...ทุกคนดูบ้าคลั่ง ไม่แคร์ว่าความอยากถ่ายรูปคนดังมันจะล้ำเส้นความเป็นส่วนตัว

   คติ ‘ประชาชนคือสื่อมวลชน’ ที่เรายึดถือกันขำๆ...ดันเป็นจริง



(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบห้า | UPDATE 10.2.2561 | Page 26 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 10-02-2018 18:03:34
(ต่อจากด้านบน)

   ทำบุญได้โทษ โปรดสัตว์ได้บาป...เราทุกคนรู้จักสุภาษิตนี้กันตั้งแต่ประถม

   ผมเพิ่งเจอจังๆ กับตัวก็วันนี้

   ทุกอย่างออกไปเร็วกว่าที่คิด แค่ไม่กี่นาทีที่ผมกลับมาถึงบ้านริมทะเลของธีร์ ภาพของเราในวัดก็ถูกโพสต์ลงโซเชียลเรียบร้อย

   คราวนี้มันเป็นภาพถ่ายที่ไม่ซูมก็เห็นหน้าเราชัดเจน แถมยังถูกโพสต์โดยคนหลายคนในทุกช่องทาง ฟี้ดแบ็กในโลกออนไลน์กระหน่ำเราอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้มันร้ายแรงที่สุด


   ‘ไหนบอกไม่สบาย คราวนี้จะแก้ตัวอะไรอีก’

   ‘พี่ธีร์ ไม่จริงใช่มั้ยยยยยย T^T’

   ‘หลอกลวงประชาชน’

   ‘ชอบผู้ชายก็บอกชอบผู้ชายดิวะ’
   
   ‘รูปตัดต่ออีกแล้ว’

   ‘หนูใช้ตาหรือหัวเข่ามองลูก หนูรูกกกกก’

   ‘จะไม่เชื่ออะไรทั้งนั้นจนกว่าธีร์จะออกมาแถลงข่าว เราเชื่อในตัวธีร์นะ’



   ผมเลื่อนแท็ก #ธีร์ดำรงเดช ที่ถูกพูดถึงวินาทีต่อวินาทีไปเรื่อยๆ สะดุดตากับโพสต์หนึ่งซึ่งมียอดไลค์และแชร์นำโด่งกว่าทุกโพสต์

   มันเป็นคลิปวิดีโอความยาวเกือบสามนาทีที่แอบถ่ายผมกับธีร์ในอุโบสถ ตั้งแต่ตอนเราต่อแถวเข้าทอดผ้าบังสุกุล ไปจนถึงตอนที่ผมเงยหน้ามองฝ้าเพดานด้วยความตกใจ

   ที่สำคัญ มันมีช็อตที่ผมคว้าคอธีร์เข้ามาจูบเพื่อให้เวลาหยุด

   ...ช็อตนี้กูตายว่ะ

   จากนั้นภาพก็ตัดกลายเป็นการถ่ายด้านนอก จับเหตุการณ์ตอนอุโบสถทั้งหลังกำลังล้มครืนลงมา แต่ยังไม่วายติดภาพของเราที่กำลังยืนกอดคอกันสำลักควันอยู่ด้านหน้าอย่างชัดเจน

   คนโพสต์คือเด็กสาวชาวบ้านรุ่นราวคราวเดียวกับผม เธอตั้งแคปชั่นว่า


   ‘#ธีร์ดำรงเดช จูบกับผู้ชายในวัด’


(ต่อด้านล่าง)


หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบห้า | UPDATE 10.2.2561 | Page 26 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 10-02-2018 18:06:21
(ต่อจากด้านบน)


   ‘มีวิดีโอออกมาแบบนี้ใครยังจะบอกว่าตัดต่ออีก’

   ‘ผิดหวังในตัวธีร์จริงๆ’

   ‘จูบกันในวัด เกินไปมั้ยเด็กสมัยนี้’

   ‘บัดสี ในวัดในวายังกล้าทำ’

   ‘นี่เหรอเยาวชนตัวอย่าง’

   ‘หนูเป็นคนนึงที่ยุในเหดกานนี้คร๊ แต่มั่ยดรั้ยสังเกดว่าเป็นพิธีร์เลย พอมาดูคลิ๊ปนี้ถึงรู้ ปล.อุโบสถพังจิงๆ ค่ะมั่ยดรั้ยตัดต่อ’

   ‘ไอ้พวกชิบหาย ที่อุโบสถพังลงมา เพราะพวกมึงจูบกันนี่แหละ’



   ‘ทำอุบาทว์ในวัด สิ่งศักดิ์สิทธิ์ถึงได้ลงโทษไง’




   และอีกหลากหลายความคิดเห็นที่ทำให้ผมอยากจะตะโกนออกมาดังๆ ว่าเชี่ยไรเนี่ยยยยย

   เราช่วยชีวิตชาวบ้านพวกนั้นไว้แท้ๆ แต่กลับโดนเหมาว่าเป็นสาเหตุให้อุโบสถถล่มเนี่ยนะเฮ้ยยยย

   ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ คลิปนั้นกลายเป็นหลักฐานมัดตัวที่เราดิ้นไม่หลุดทันที เพราะไม่กี่นาทีต่อมามันก็ออกทีวี ในช่วงข่าวด่วนซึ่งพูดถึงเหตุการณ์อุโบสถถล่มแต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ โยงไปถึงเรื่องการปรากฏตัวของธีร์และจูบอันไร้กาละเทศะของเรา

   นักข่าวยังอ่านคอมเมนท์งมงายพวกนั้นออกอากาศด้วย คราวนี้คนทั้งประเทศก็จะเข้าใจไปในทิศทางนั้น เยี่ยมไปเลย

   “เราอยู่ที่นี่ไม่ได้”

   ธีร์ลนลานขึ้นมาหลังจากจมอยู่ในบรรยากาศมาคุอยู่นาน หลังจากดูข่าวเราทั้งสามก็มีอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

   “ข่าวออกไปแบบนี้ แม่รู้แน่ว่าเราอยู่ไหน”

   “ธีร์ น้าขอโทษนะ” น้าแตพูดอย่างรู้สึกผิด “น้าไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้เลย ไม่คิดว่าชาวบ้านเขาจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่”

   “ไม่เป็นไรครับ ผมแค่ต้องหาที่อยู่ใหม่เฉยๆ”

   “แล้วธีร์จะไปอยู่ไหน”

   “ผม...ผมยังไม่รู้เลยครับ...แต่อยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วจริงๆ” เขาบอกตามตรง แล้วหันมาเรียกผมที่นั่งนิ่งอยู่นาน

   “พี่จุ๊บ รีบเก็บของกัน”

   ผมเงยหน้ามองคู่ชีวิตด้วยความลำบากใจ มันไม่ใช่ผมไม่อยากไปกับเขาต่อ...แต่...

   “จุมพิต?”

   เสียงล้อรถดังมาจากประตูทางเข้าหยุดการสนทนาของเรา รถตู้คันสีเทาแสนคุ้นตาแล่นเข้ามาภายในบริเวณบ้านแล้วเบรดเอี๊ยดใหญ่ ทันใดนั้นชายในชุดสีดำสามคนก็ลงมาจากรถ ตามด้วยพี่บุ๊คผู้จัดการของเขา และ...พิมพ์ผกา ดำรงเดช ผู้เป็นแม่

   ธีร์หันไปมองน้าแตด้วยแววตาผิดหวัง หากผู้เป็นน้าส่ายหัวปฏิเสธทันที

   “น้าไม่ได้โทรเรียกเขามานะ” เธอทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ “น้าพูดจริงๆ ธีร์เชื่อน้าสิ น้ารู้จักพี่สาวตัวเองดี”

   “น้าแตไม่ได้เรียกหรอก” ผมสนับสนุนเธอ รู้สึกอยากร้องไห้ออกมาไม่ต่างกัน เพราะผมรู้ว่าธีร์จะเกลียดผมแน่ๆ จากสิ่งที่ผมกำลังจะบอก

   “เราเรียกเอง”

   ผมเรียกแม่ธีร์ให้มาหาเราเอง โดยใช้เบอร์โทรศัพท์ของพี่บุ๊คที่เคยให้ไว้

   วินาทีนั้นคนเป็นดารามองผมอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ทำไม...”

   “เราไม่อยากหนี” ผมพึมพำเสียงแผ่ว “เราหนีไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว”

   ...เราทำลายชีวิตธีร์ไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว

   “พี่จุ๊บ อย่าทำแบบนี้” ธีร์ยังดึงดันไม่ยอมรับความจริง เขาเข้ามาจับไหล่ผม พยายามชักจูง

   “เรายังหนีทัน จูบเราตอนนี้ หยุดทุกอย่างแล้วเราไปด้วยกันนะ”

   “...”

   “พี่จุ๊บ...เรายังไปกันต่อได้...เราขอนะ...”

   ผมน้ำตาคลอ ส่ายหัว วินาทีนั้นชายชุดดำผู้เป็นคนของแม่เขาก็เดินเข้ามาในบริเวณบ้าน แต่ธีร์ยังไม่ยอมแพ้ เขาพยายามโน้มหน้าลงมาจูบผมเพื่อให้เวลาหยุด แต่ผมเบี่ยงหน้าหลบ

   “คุณธีร์ ไปกับเราเถอะครับ” ชายสองคนนั้นมาถึงตัวเราในที่สุด ธีร์ลุกขึ้นปกป้องด้วยการดันตัวพวกเขาออกไปพลางสบถคำขู่ แต่แรงคนตัวสูงคนเดียวหรือจะสู้คนที่ตัวใหญ่กว่าเขาถึงสองเท่า แถมยังมีสองคนได้

   “ปล่อยกู!!!!” ธีร์ตะโกนอย่างบ้าคลั่งขณะที่ถูกหิ้วปีกออกไป สายตาเขายังจับจ้องมาที่ผมอย่างขอความช่วยเหลือ “พี่จุ๊บ!”

   “รู้แล้วว่าต้องเอาเขาไป แต่อย่ารุนแรงกับเขาได้ไหม!” น้าแตตะโกนบอกทั้งน้ำตาเพราะรู้ตัวว่าทำอะไรไม่ได้

   ผมยื้อคอมองภาพนั้นอย่างชั่งใจ ถ้าผมเข้าไปช่วยเขาตอนนี้...ถ้าเพียงแค่โอกาสในการจูบหยุดเวลาของเรา...เพียงแค่จูบเดียว...

   “เราขอโทษ”

   ผมบอกเขาด้วยหัวใจแตกร้าว สุดท้ายก็เลือกที่จะไม่ทำอะไรและปล่อยให้เขาโดนจับตัวขึ้นรถไปแบบนั้น เสียงเรียกชื่อจากเขาดังไกลออกไปเรื่อยๆ ไม่นานก็ถูกแทนที่ด้วยเสียงปรบมือจากใครบางคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในบ้าน

   “เธอมันแม่ประเภทไหนกัน” น้าแตพูดกับพี่สาวของตัวเอง แล้วพิมพ์ผกา ดำรงเดชก็หยุดปรบมือ ยิ้มหวานรับคำดูถูกนั้น

   “แล้วน้าประเภทไหนที่ไม่รักหลานถึงขนาดยอมให้หนีมาอยู่นี่ ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าเขาควรจะอยู่กับแม่ของตัวเอง” เธอบอกเสียงเรียบ ทว่าเชือดนิ่ม “ไม่ต้องพูดอะไรต่อ ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อคุยกับเธอ”

   ผมยืนขึ้นเมื่อเห็นว่านางเอกรุ่นใหญ่กำลังเดินเข้ามาหา ตามมาติดๆ ด้านหลังคือพี่บุ๊ค

   “คิดถูกมากที่โทรมา” คุณต่ายชม เธอแย้มยิ้มให้ผมอย่างเคย ชั่วครู่นั้นผมก็คิดว่ารอยยิ้มนี้อาจมาจากใจจริง...เธอคงยินดีไม่น้อยกับสิ่งที่ผมทำ

   หากในจังหวะที่ไม่คาดคิด เธอก็เหวี่ยงมือมาตบแก้มขวาของผมเต็มแรง

   เพียะ!

   “นี่สำหรับเรื่องทั้งหมดที่เธอก่อ”

   ความชาแผ่ซ่านไปทั้งแก้มเพราะแรงปะทะรวมกับคำว่ากล่าวนั้น ผมหันหน้ากลับมามองเธอผ่านม่านน้ำตา ค่อยๆ พนมมือไหว้ขอขมา

   “หวังว่าฉันจะไม่เห็นหน้าเธออีก”

   คุณต่ายมองด้วยสายตาเย็นชาเป็นครั้งสุดท้าย แล้วเดินออกจากบ้านไปพร้อมกับพี่บุ๊ค นาทีต่อมารถตู้ก็เคลื่อนออกไป พร้อมกับรถของธีร์ที่มีคนของคุณต่ายขับตามกันไป ทิ้งผมไว้กับน้าแตที่เข้ามาไถ่ถามถึงความเจ็บปวด เธอปลอบผมว่าทุกอย่างจะโอเค

   แต่ผมรู้ในนาทีนั้นว่าทุกความเจ็บปวดจะไม่จางหาย...และทุกอย่างจะไม่โอเคอีกต่อไป...

   ผมทรุดตัวลงร้องไห้ ยอมจำนนต่อชะตากรรม สิ่งที่แย่ที่สุดในเหตุการณ์นี้ไม่ใช่การโดนตบหรือคำพูดเชือดเฉือนพวกนั้น แต่มันคือการที่ผมยังจำสีหน้าสุดท้ายของธีร์ก่อนขึ้นรถได้ติดตา

   แววตาสุดท้ายของเขาคือความผิดหวัง...แววตานั้นราวกับการตัดพ้อว่าผมไม่รักเขาอีกแล้ว




   เขาไม่รู้เลยว่าเพราะผมรักเขามาก ผมจึงต้องปล่อยเขาไป





TBC*
ให้กำลังใจคนเขียนไปที่แท็ก #จุ๊บที ได้นะคะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบห้า | UPDATE 10.2.2561 | Page 26 }
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-02-2018 18:38:17
ไปไม่เป็นเลย
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบห้า | UPDATE 10.2.2561 | Page 26 }
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 10-02-2018 18:58:29
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบห้า | UPDATE 10.2.2561 | Page 26 }
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 10-02-2018 19:04:10
แงงงงงงงง สงสารทั้งคู่
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบห้า | UPDATE 10.2.2561 | Page 26 }
เริ่มหัวข้อโดย: MmBb ที่ 10-02-2018 19:51:15
คนรักกันต้องจับมือกันต่อสู้กับปัญหาไม่ใช่หนีปัญหาหรือคิดแทนอีกคนว่าสิ่งที่ทำมันดีที่สุดแล้วสำหรับอีกคน ปล่อยเค้าไปคราวนี้ถ้าเค้าไม่กลับมาแล้วจะทำใจยอมรับได้จริงๆใช่มั้ย
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบห้า | UPDATE 10.2.2561 | Page 26 }
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 10-02-2018 20:44:02
โว้ยยยยย เกลียดอิพวกโซเชี่ยลบูลลี่มากกกก คืิไม่รู้อะไรเลยแท้ๆแล้วมาพิมพ์เอามัน นี่ถ้าจุ๊บปล่อยให้ทุกอย่างเกิดขึ้นแล้วมีคนบาดเจ็บนี่จะมาว่ากันอีกมั้ย แล้วทำไมคนที่นั้นไม่ทีใครฉุกคิดบ้างละหาว่าออกมาอยู่ข้างนอกได้ยังไง เบื่อ!! แล้วจะเป็นไงต่อไปละ เอาจริงๆธีร์กลับไปทั้งๆที่กระแสมันแรงขนาดนี้คิดว่าธีร์ไม่น่าจะอยู่ในวงการได้แล้วนะ สงสาร
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบห้า | UPDATE 10.2.2561 | Page 26 }
เริ่มหัวข้อโดย: somberness ที่ 10-02-2018 21:05:56
ปวดหัวเลยเมื่อไหร่อะไรๆมันจะดีน้อออออ   :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบห้า | UPDATE 10.2.2561 | Page 26 }
เริ่มหัวข้อโดย: Himbeere20 ที่ 10-02-2018 21:50:32
"เขาไม่รู้เลยว่าเพราะผมรักเขามาก ผมจึงต้องปล่อยเขาไป"
ช่ายยยยยย  ปล่อยธีร์กลับไปอยู่กับครอบครัวดีเด่นหลายปีซ้อนของเขา
เป็นพระเอกยอดนิยม ดีเด่น ในวงการบันเทิงต่อไปให้สมกับที่คุณแม่ดีเด่นของธีร์ใช้เวลาทั้งชีวิตเตรียมการมา
ส่วนเรื่องความรู้สึกธีร์ก็เป็นแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆที่เมื่อเวลาผ่านไปก็จะดีขึ้นเอง
สมเหตุสมผล สมกับความเป็นจุ๊บ ขอให้มีความสุขกับการตัดสินใจอนาคตให้ธีร์ในครั้งนี้นะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบห้า | UPDATE 10.2.2561 | Page 26 }
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 10-02-2018 22:18:15
บางทีปาฏิหารย์ก็อยู่ในมือคนเรา จุดเปลี่ยนอยู่ที่แค่จะทำหรือไม่ทำเท่านั้นเอง
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบห้า | UPDATE 10.2.2561 | Page 26 }
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 10-02-2018 22:27:45
โว้ยยยยยย ทั้งหัวร้อนทั้งสงสาร แล้วจากนี้จะทำอะไรได้อีก ฮือออแ  :katai1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบห้า | UPDATE 10.2.2561 | Page 26 }
เริ่มหัวข้อโดย: AutoAngels ที่ 10-02-2018 22:58:56
มาต่ออีกนะคะอยากรุ้ตอนต่อไปแล้วววว :mew6:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบห้า | UPDATE 10.2.2561 | Page 26 }
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 11-02-2018 00:06:28
โอ้ย ต่อไปจะเป็นยังไงต่อล่ะเนี่ย สงสาร
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบห้า | UPDATE 10.2.2561 | Page 26 }
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 11-02-2018 00:11:50
เห้ออ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบห้า | UPDATE 10.2.2561 | Page 26 }
เริ่มหัวข้อโดย: Zestful ที่ 11-02-2018 00:17:12
ทำไมพี่จุ๊บทำกับน้องแบบเนนนนนนน้

แต่เข้าใจนะ ว่าหนีต่อไปมันไม่ได้อะไรเลยอ่ะ แล้วคือแม่ธีร์นี่ควรเป็นแม่ต่อไปอ่ออออ โอ๊ยยยย  :a5:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบห้า | UPDATE 10.2.2561 | Page 26 }
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 11-02-2018 06:59:36
แม่ภาษาอะไรเนี่ย โอยยย น่ามคานสุดอ่ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบหก-ยี่สิบเจ็ด | UPDATE 13.2.2561 | Page 27 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 13-02-2018 09:32:27

(https://www.img.in.th/images/703cd3f2e6e26a25842ea76e576ddc48.jpg)

จูบที่ยี่สิบหก


   ฉลองมิตรภาพของคุณกับ Thee Dumrongdech

   1 ปีทีเป็นเพื่อนกันบนเฟซบุ๊ก!



   น้าแตขับรถของเธอมาส่งผมกลับบ้าน ผมนั่งจิตหลุดตลอดทาง ยิ่งซึมหนักเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นแจ้งเตือนว่าวันนี้เป็นวันครบรอบหนึ่งปีที่เขาเข้ามาในชีวิต

   หนึ่งปีที่ผ่านมามีอะไรเกิดขึ้นมากจริงๆ จากคนคุ้นหน้าเรากลายมาเป็นคนสนิท จากคนที่เคยเห็นในสื่อกลายมาเป็นคู่ชีวิต

   วันนี้ผมคืนเขาให้กลับไปเป็นแบบเดิมอีกครั้ง

   ผมกอดขอบคุณน้าแตที่เอ็นดูผมเหมือนลูกหลาน เมื่อถึงบ้านก็เจอสมาชิกในครอบครัวเกือบทุกคนที่มารวมกันอยู่ในห้องโถง ทุกคนดูโล่งใจมากทีเดียวที่ผมกลับบ้านสักที และแม้จะไม่มีใครว่าอะไร แต่ผมก็อดมองพวกเขาด้วยความรู้สึกผิดไม่ได้
 
   พวกเขาคืออีกเหตุผลที่ทำให้ผมไม่อยากหนี

   “กินอะไรมาหรือยัง” แม่ลุกจากโซฟาแล้วเดินเข้ามาหา ผมส่ายหัว เพราะหลังจากกลับจากวัดจนถึงตอนนี้ที่ตะวันใกล้ตกดินก็ไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย

   “แม่ทำข้าวต้มกุ้งไว้ในครัว ไปกินกัน” แม่ประคองมือบนหน้าผมอย่างอ่อนโยน หันไปพยักหน้าส่งสัญญาณให้คนอื่นว่าทุกอย่างเกี่ยวกับผมเรียบร้อยดี และดึงมือผมเข้าไปในครัว

   แม่ตักข้าวต้มให้ผมนั่งกินเงียบๆ และนั่งมองผมจากเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม แค่ปล่อยให้ผมกินอย่างนั้นและไม่พูดอะไร ทำให้ในห้องครัวมีเพียงแค่เสียงกุ๊งกิ๊งของช้อนกระทบชาม กับเสียงสูดหายใจของผมที่ควบคุมลำบากมากขึ้นทุกที

   แปลกดี การได้กลับมาบ้าน กินอาหารฝีมือแม่ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็อดไม่ได้ที่จะเปิดเผยความอ่อนแอในตัวเองออกไป

   “เธอ...” ผมกลืนข้าวไปพร้อมกับก้อนแข็งๆ ในลำคอ รู้สึกถึงความฉ่ำแฉที่ไหลอาบแก้มไม่รู้ตัว...ขี้แยให้แม่เห็นอีกแล้ว

   “จุ๊บทำพลาดอะแม่” ผมวางช้อน พยายามพูดให้ชัดเจนที่สุดแข่งกับแรงสะอึกสะอื้น “จุ๊บทำทุกอย่างพังไปหมด”

   แม่ยื่นมือมาจับสองมือผมแน่น ถ่ายความอบอุ่นของเธอลงบนมือนั้น “ไม่หรอก...”

   “ผมไม่น่าหนีไป แก้ปัญหาเองไม่ได้แล้วทำให้ทุกคนเป็นห่วง”

   “เธอ ไม่เป็นไรเลยเรื่องนั้น แค่เธอกลับมาแม่ก็ดีใจมากแล้ว”

   “จุ๊บทำให้ทุกอย่างแย่ลงจริงๆ” ผมเล่าทุกอย่างให้แม่ฟังตั้งแต่เริ่มหนีออกจากบ้านไป การที่เราไปกบดานที่บ้านอีกหลังของเขา การไปวัดที่ให้เรื่องยุ่งเหยิงขึ้น และการตัดสินใจที่อาจทำให้ธีร์เกลียดผมไปตลอดกาล

   “บางทีการจูบหยุดเวลาของเรามันอาจจะไม่ใช่พลังวิเศษอย่างที่เราคิด”

   “...”

   “บางทีมันอาจจะเป็นคำสาปที่ทำให้เรารักกันไม่ได้ อะไรแบบนั้นมั้งครับ”

   ผมปาดคราบน้ำตาออกจากแก้ม หยุดงอแงและยิ้มชืดให้แม่อย่างสิ้นหวัง หญิงท้วมวัยสี่สิบตรงหน้ามองผมอย่างเห็นใจ เธอลุกจากฝั่งตรงข้ามแล้วเดินมานั่งข้างผม

   “มีเรื่องนึงที่แม่ไม่เคยเล่าให้จุ๊บฟัง คือตอนสมัยสาวๆ แม่เคยเลิกกับพ่อด้วยนะ” แม่พูด สีหน้านึกย้อนถึงความหลัง “ช่าย เธออาจคิดว่าฉันกับพ่อเธอไม่เคยมีปัญหา เป็นคู่ชีวิตกันมันก็ไม่เลิกกันหรอก เพราะยังไงมันก็คู่กัน...แต่แม่เคยเลิกกับพ่อไปช่วงหนึ่ง ช่วงใหญ่ๆ เลยล่ะ เพราะที่บ้านพ่อเกลียดแม่มาก”

   “แล้วแม่ทำยังไงครับ”

   “ไม่ทำยังไงเลย ผ่านไปหกเดือนก็กลับมาหากัน”

   “แล้วที่บ้านพ่อเขาไม่ว่าอะไรเหรอครับ”

   “ไม่สน”

   ผมนิ่งไปเพราะคำตอบนั้น

   “บางทีเราก็ต้องสละอะไรบางอย่างให้ได้รักกัน พ่อเขาก็สละครอบครัวของเขา แม่ก็สละสิทธิ์การเป็นลูกสะใภ้ไปเลย”

   “...”

   “รู้ไหมแม่เรียนรู้อะไรจากเหตุการณ์นั้น แม่เรียนรู้ว่าการเลิกกันครั้งนั้นมันงี่เง่ามาก เพราะมันพรากเวลาที่แม่กับพ่อควรจะอยู่ด้วยกันไปตั้งหกเดือน”

   “...”

   “จุ๊บ เราเป็นคู่กันก็จริง ความรักของเราไม่มีวันหมดอายุก็จริง แต่อย่าลืมว่าเวลาของเราแต่ละคนมันมีวันหมดอายุนะ”

   แม่พูด โคลงหัวเชิงบอกว่า ‘ดูแม่ตอนนี้สิ’

   “แต่มัน...มีบางเรื่องที่ใหญ่กว่าความรักมาก...”

   “แม่รู้ นี่ไงเหตุผลที่ทำให้แม่กับทุกคนรักเธอ” แม่เอื้อมมือสางเส้นผมที่ปรกหน้าผากของผมขึ้น “จุ๊บเป็นคนที่แคร์ทุกอย่าง ทุกอย่างจริงๆ และแม่ดีใจที่เลี้ยงเธอให้เป็นคนแบบนี้ได้...แต่บางครั้ง...บางครั้งนะ ถ้าเราแคร์อะไรหลายอย่างเกินไป เราจะไม่รู้เลยว่าเราควรแคร์สิ่งไหนมากที่สุด”

   “...”

   “แล้วเธอลองถามตัวเองว่า สิ่งที่เธอควรแคร์มากที่สุดตอนนี้ คือความคิดเห็นของคนอื่นเหรอ”

   “...”

   “สิ่งที่จุ๊บควรแคร์มากที่สุด ไม่ใช่ธีร์หรอกเหรอ”

   ผมเงียบ ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่แม่พูดคือความจริง

   “แต่ตอนนี้เขาคงเกลียดจุ๊บไปแล้วมั้งครับ”

   แม่หัวเราะใจค้านคำพูดของผมกลายๆ และถามผมต่อ “รู้ไหมทำไมแม่รับเรื่องจุ๊บกับธีร์ได้เร็ว ทำไมแม่มั่นใจนักว่าธีร์จะเป็นคู่ชีวิตจุ๊บแน่ๆ”

   “เพราะ...แม่รู้มาก่อนตอนที่ยายบอก?” จากภาพในฝัน ยายบอกแม่ตอนนั้น

   แต่แม่กลับส่ายหัว

   “ก่อนหน้าที่ยายบอกก็ใช่ แต่แม่ก็คิดสงสัยมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเจอเหตุการณ์ที่ทำให้แม่มั่นใจว่าจุ๊บมีรักแท้” เธอเล่า “จำตอนที่ธีร์มาง้อที่บ้านได้ไหม ที่แม่ถามจุ๊บว่าอยากให้ไล่ธีร์กลับไปหรือเปล่า แล้วจุ๊บห้ามแม่ไม่ให้ทำแบบนั้น”

   “จำได้ครับ” ผมยิ้มขืน

   “ตอนนั้น จุ๊บยังให้อภัยธีร์ได้เลยนะ”

   “...”

   “แม่ว่าธีร์ให้อภัยจุ๊บได้แน่นอน”

   เสียงแจ้งเตือนของโทรศัพท์ดังขึ้น มันเป็นข้อความจากเบอร์ที่ผมไม่รู้จัก แต่ผมรู้ทันทีว่ามันถูกส่งมาจากเขา



(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบหก-ยี่สิบเจ็ด | UPDATE 13.2.2561 | Page 27 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 13-02-2018 09:34:29
(ต่อจากด้านบน)

   ‘จุมพิต นี่เราเองนะ   

   พวกเขาจะจัดงานแถลงข่าวพรุ่งนี้ เขาจะแก้ข่าวให้เรื่องของของเรากลายเป็นไวรัลโปรโมตหนังเรื่องใหม่ เรากำลังจะได้รับบทเกย์เรื่องแรก แต่เราไม่อยากทำ

   เราจะพูดความจริง แต่จะพูดถ้ามีนายอยู่ด้วย

   มาหาเราที่ตึก GMZ พรุ่งนี้ตอนห้าโมงเย็นนะ

   ทุกอย่างขึ้นอยู่กับนาย’


   
   เขาไม่เคยยอมแพ้ในตัวผม...แบบที่เคยพูดไว้ในครั้งแรกที่เขาบอกชอบผมจริงๆ

   “ธีร์ใช่ไหม” ผมพยักหน้า แล้วแม่ก็ยิ้มกว้างออกมา ยักไหล่อวบๆ เพื่อบอกว่า ‘นั่นไง้ ไม่ทันขาดคำ’

   “พรุ่งนี้เขาจะพูดความจริงกับนักข่าว เขาอยากให้ผมไปด้วย”

   “แล้วเธอจะไปใช่ไหม”

   ผมมองแม่กลับด้วยความหนักใจ แม้การคุยกับแม่จะทำให้ผมสบายใจขึ้นมาก...

   “ไปสิโว้ยยยย” แม่ใช้นิ้วคีบจมูกผมแล้วดึงแรงๆ เพื่อเรียกสติผมคืนมา

   “แม่จุ๊บเจ๊บบบบ” ผมร้อง “ไปกั๊บไป ไปแล้ว”

   “ดีมาก” แม่บังเกิดเกล้าปล่อยมือออกจากจมูกผม มันกลายเป็นสีแดงเหมือนคนเป็นหวัด

   "จำคำแม่ไว้นะ” แม่ประคองหน้าของผมอย่างจริงจังอีกครั้ง ในขณะผมยกมือขึ้นบังจมูกตัวเองเพราะกลัวแม่บีบอีกรอบ เธอแจะปากแล้วดึงมือผมออกช้าๆ เป็นเชิงว่าให้ตั้งใจฟัง

   “อย่าให้ใครมาบอกว่าเราเป็นใคร เรารักใครได้หรือไม่ได้ เธอมีความรัก เธอต้องปกป้องความรักของตัวเองไว้ เพราะไม่มีใครทำแบบนั้นได้นอกจากเธอแล้ว…

   “จูบวิเศษมันไม่ใช่คำสาป การรักกันของผู้ชายสองคนก็ไม่ใช่คำสาป อย่างน้อยสำหรับแม่มันก็เป็น...ไม่รู้สิ...พรวิเศษมั้ง” แม่ยักคิ้ว “พรวิเศษที่จะเสกให้ทุกคนเห็นว่าไม่ว่าจะเพศ ชื่อเสียง หรืออะไรก็ตาม มันไม่ได้ใหญ่ไปกว่าความรักหรอก”

   หญิงร่างท้วมตบแก้มให้กำลังใจเบาๆ สองที ผมกอดเธอตอบแทน “ขอบคุณครับแม่”

   แม่โอบป้องแขนรอบตัวผมกลับ ในอ้อมกอดอุ่นผมได้ยินเธอบอก

   “ไปเสกพรนั้นกัน”


   วันต่อมา

   ผมออกจากบ้านพร้อมกับแม่และจีบตั้งแต่บ่ายสาม เพราะเป็นวันหยุดทำให้การจราจรติดขัดขั้นที่จะทำให้เรากลายเป็นว้อในรถได้ แต่โชคยังดี เรามาถึงที่หมายก่อนเวลาครึ่งชั่วโมง

   ตึก GMZ เป็นตึกสูงยี่สิบสี่ชั้นตั้งตระหง่านใจกลางกรุง มันเป็นตึกทำการของค่ายความบันเทิงยักษ์ใหญ่ซึ่งเป็นบริษัทแม่ควบคุมต้นสังกัดของธีร์อีกที งานแถลงข่าวถูกจัดขึ้นที่ชั้นสิบสาม ซึ่งตอนนี้คลาคล่ำไปด้วยนักข่าวและแฟนคลับหลายร้อยคนที่ทำให้ทั้งชั้นดูแคบลงถนัดตา ทุกคนต่างรอเวลาที่พระเอกดังจะปรากฏตัว

   คำแก้ตัว ผลงาน รสนิยมทางเพศ และอนาคตในวงการของเขา จะเปิดเผยที่นี่ในไม่กี่นาที

   
   ‘ขอคุยก่อนแถลงข่าวได้ไหม ที่ดาดฟ้า - ธีร์’


   ธีร์ส่งข้อความมาให้ผมตอนเช้าด้วยเบอร์โทรศัพท์ที่แตกต่างเบอร์เมื่อวาน คิดว่าเขาน่าจะเปลี่ยนเบอร์ไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้ถูกจับได้ เพราะงั้นผมจึงขอให้แม่กับจีบรอที่ชั้นสิบสามชั่วคราว และไปตามคำขอของเขา

   ขณะขึ้นลิฟต์ ใจผมคิดสะระตะถึงความเป็นไปได้หลังจากที่เราแถลงข่าวออกไป หลายคำถามผุดขึ้นมาในความคิดอย่างห้ามไม่อยู่ ธีร์จะยังอยู่ในวงการอยู่ไหม เขาจะได้รับการยอมรับหรือเปล่า การแถลงข่าวครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อใครบ้าง อาจจะครอบครัวของเขา หรือครอบครัวของผม

   แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมปฏิญาณกับตัวเองแล้วว่าวันนี้จะไม่ทำให้เขาผิดหวังซ้ำอีก

   วันนี้เราเป็นจีนี่เอง มาให้เราง้อนะ :)

   ลมบนดาดฟ้าตีปะทะหน้าผมทันทีที่มาถึง ท้องฟ้าด้านบนย้อมสีมืดครึ้ม ดูเป็นสีเทาครึ้มของเมฆฝนมากกว่าสีของพลบค่ำ ข้างบนเป็นลานกว้างรูปตัวแอลที่โล่งเตียน หูแว่วเสียงฟ้าร้องเตือนสัญญาณฝนตกมาแต่ไกล


   ‘เราอยู่บนดาดฟ้าแล้วนะ’

 
   ผมส่งข้อความหาเบอร์แปลกของเขาทั้งสองเบอร์ เพราะไม่แน่ใจว่าธีร์กำลังใช้เบอร์ไหนอยู่กันแน่ วินาทีต่อมาเสียงข้อความเข้าดังห่างออกไปไม่ไกล

   แสดงว่าเขาอยู่บนนี้...

   ผมเดินไปสู่อีกด้านของดาดฟ้าที่ทอดยาวออกไป และเจอคนหนึ่งคนรอผมอยู่จริงๆ

   แต่ทำไมเป็น...



(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบหก-ยี่สิบเจ็ด | UPDATE 13.2.2561 | Page 27 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 13-02-2018 09:36:01
(ต่อจากด้านบน)

   “โฟกัส?”

   เพื่อนร่างท้วมผมบ็อบเทยิ้มกว้างให้เมื่อเห็นผม มันซ่อนมือข้างซ้ายไว้ข้างหลัง ส่วนอีกมือกำลังโบกโทรศัพท์เครื่องเล็กแบบที่เราสามารถหาซื้อได้จากร้านสะดวกซื้อ...เพื่อบอกว่าได้รับข้อความของผมแล้ว

   ทันใดนั้นก็มีข้อความตอบกลับมาหาผม มันถูกส่งมาจากอีกเบอร์ของธีร์


   ‘ไปทำอะไรบนดาดฟ้า? เราอยู่ชั้นสิบสาม’


   ผมเงยหน้ามองโฟกัสอย่างงุนงง สังเกตเห็นรอยยิ้มของเพื่อนที่ค่อยๆ หุบลง มันปล่อยมือข้างซ้ายให้เป็นอิสระจากการซ่อนแอบ

   ในมือนั้นถือปืนอยู่หนึ่งกระบอก

   “มึงเป็นคนส่งข้อความหากูเหรอ” ผมถาม

   “ใช่” เพื่อนผมบ็อบเทตอบ ยกปืนขึ้นมาสำรวจไกเล่นๆ “กูอยากคุยกับมึงให้เข้าใจ ไม่คุยยาวหรอก เสร็จแล้วเราลงไปงานแถลงข่าวด้วยกันได้เลย...กูแค่อยากขอมึงเรื่องเดียว”

   ผมกลืนน้ำลาย จ้องมองปืนกระบอกนั้นสลับกับหน้าโฟกัส “...มึงอยากได้อะไร”

   มันเป่าปลายกระบอกปืนเหมือนเป่าฝุ่น พูดกับผมอย่างชัดเจนขณะยังจับจ้องอยู่ที่ปืนกระบอกนั้น



   “มึงช่วยเลิกกับธีร์ให้หน่อยสิ”



TBC*
ไปพูดคุยติชมกรี๊ดกร๊าดได้ที่แท็ก #จุ๊บที ในทวิตเตอร์ได้นะคะ
ตัวแม่*
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบหก-ยี่สิบเจ็ด | UPDATE 13.2.2561 | Page 27 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 13-02-2018 09:37:55

(https://www.img.in.th/images/703cd3f2e6e26a25842ea76e576ddc48.jpg)

จูบที่ยี่สิบเจ็ด


   ผมเคยวิพากษ์ละครไทยว่าไม่สมจริง

   ในชีวิตจริงคงไม่มีพระเอกที่เพอร์เฟกต์มากแต่ชอบหายไปตอนวิกฤต นางเอกที่งี่เง่าจนทำให้ตัวเองจนมุม และนางร้ายที่เอาแต่ร้องวี้ดและวันๆ เอาแต่พูดถึงความต้องการของตัวเอง

   ในชีวิตจริงเราคงไม่เจอเหตุการณ์เหมือนตอนไคลแมกซ์ของละครน้ำเน่า...ที่นางร้ายจะไต่ระดับความร้ายถึงขั้นสุดยอดจนเกิดฉากขู่ฆ่านางเอก ก่อนที่อีกไม่นานพระเอกจะมาช่วยไว้ได้ทัน

   ตามมาด้วยประโยคเด็ด “พวกแกรักกันมากใช่ไหม!!” ก่อนใครสักคนต้องเจ็บตัว

   ผมไม่เคยเชื่อ และดูตอนนี้สิ

   ไอ้เชี่ยเอ๊ย ชีวิตจริงยิ่งกว่าละครจริงด้วย



   “ไอ้กัส...มึงใจเย็นนะ”

   พีคกว่าละครก็หักมุมว่าตัวร้ายคือเพื่อนผมนี่แหละ นี่มันเรื่องล้อเล่นหรือไงวะเนี่ยยยย

   ผมพยายามกล่อม ในขณะเดียวกันก็จับจ้องปืนในมือที่โฟกัสกำลังเช็คลูกกระสุน และดูเหมือนมันจะมีอยู่เต็มแม็กซ์ด้วย

   “แม่ธีร์บังคับให้มึงทำแบบนี้เหรอ”

   “ไม่มีใครบังคับกูทั้งนั้น” หลานสาวเจ้าของโรงงานผลิตอาวุธบอก “กูทำทุกอย่างแล้ว แต่แม่งก็ไม่สำเร็จสักที”

   “ฮะ?” โฟกัสทำอะไร?

   “มึงไม่ยอมเลิกกับธีร์สักที” มันพูด “กูอุตส่าห์ถ่ายรูปมึงกับธีร์ส่งไปให้แม่เขา เพราะรู้ว่าเขาไม่ปล่อยมึงสองคนให้คบกันแน่ๆ...”


    “อย่าโกหกพี่ เพราะมันมีภาพหลุดที่น้องกำลังจะจูบกันออกมา...เห็นหน้าไม่ชัดหรอก แต่มีชื่อน้องอยู่บนเสื้อเขา...จุมพิต วิเศษกาล นั่นใช่ชื่อน้องไหมคะ”


   บทสนทนาของพี่บุ๊คแวบเข้ามาในหัวผม บทสนทนาที่ผมไม่เคยเอะใจเพราะกำลังหนักใจเรื่องความสัมพันธ์ของเราอยู่

   เสื้อตัวนั้นธีร์ใส่ในงานวันเกิดผม...เราโดนแอบถ่ายตอนนั้น...ซึ่งตอนนั้นโฟกัสก็อยู่ด้วย


   “กูอุตส่าห์เป็นห่วงมึง เพราะไม่อยากให้หน้ามึงออกสื่อเลยส่งไปให้แม่ธีร์ดีกว่า แล้วตอนนั้นก็ดันมีภาพหลุดที่พวกมึงพลาดกันเองออกมาด้วย กูนึกว่าพวกมึงจะถอดใจ...”


   “กูรู้ว่ามึงไม่อยากทำแบบนี้หรอก แต่ลองห่างกับเขาดูสักพักไหมมึง...เผื่ออะไรมันจะดีขึ้น ภาพมันออกไปแบบนั้นแล้ว มึงกับธีร์มีแต่เสียนะ”


   คำห่วงใยของโฟกัสตอนนั้นจริงๆ คือการยุยงที่มันอยากให้เป็น

   
   “แต่พวกมึงก็ยังไม่เลิกกัน กูเลยต้องใช้แอพส่องมือถือมึงจนรู้ว่ามึงกับธีร์นัดกันที่นี่ไง”


   “แต่ถ้ามึงอยากได้อย่างอื่นแทนคำอวยพร กูมีแอพฯ นึงแนะนำน่าสนใจมาก ชื่อสปายโฟน มันเป็นแอพฯ ดักจับข้อมูลบนหน้าจอของแฟนเว้ย ใช้เวลาติดตั้งในเครื่องมึงกับเครื่องแฟนแป๊บๆ ใช้ได้เลย เผื่อมึงอยากเอาไปสืบว่าธีร์มีกิ๊กเปล่า เนี่ยกูก็ใช้ดูเครื่องผัวอยู่ แม่งเปิดเว็บโป๊ดูทั้งวัน”


   ไอ้สัด ตอนวันเกิดกูนึกว่ามันพูดเล่น มีแอพแบบนี้อยู่บนโลกจริงเหรอวะ



(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบหก-ยี่สิบเจ็ด | UPDATE 13.2.2561 | Page 27 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 13-02-2018 09:45:23
(ต่อจากด้านบน)

   “แล้วกูก็ใช้อีกเบอร์ปลอมเป็นธีร์ล่อมึงมา” โฟกัสเฉลยพร้อมรอยยิ้ม ตอนนี้ผมรู้สึกผีมากเพราะเหมือนตัวเองเป็นนางเอกละครที่งี่เง่าจนทำให้ตัวเองจนมุมจริงๆ

   “ทำไมวะโฟกัส...” ผมถามตรงๆ “ทำไมมึงถึงต้องทำขนาดนี้ ทำไมกูไม่เคยรู้อะไรเลย...”

   โฟกัสแค่นหัวเราะในลำคอ น่ะดูทำเข้า รู้ตัวไหมว่าเลียนแบบนางร้ายมากไปแล้ว

   “มึงจะรู้อะไรล่ะ มึงเคยสนใจกูที่ไหน พอธีร์เข้ามาก็ดิ้นริกๆๆๆๆ”

   เอ๊า กูโดนด่าอีก

   “ไม่จริง” กูไม่เคยดิ้นริกๆๆๆๆ โว้ยยยย “กูแคร์มึงตลอดนะโฟกัส”

   “ถ้ามึงแคร์กูมากพอมึงคงรู้ว่ากูชอบธีร์”

   คำพูดของโฟกัสสะกิดต่อมความทรงจำของผม...หรือที่ผ่านมาโฟกัสแสดงออกมาตลอด และผมทำเป็นมองข้ามไป


   “ไอ้จุ๊บ มึงกับน้องธีร์นี่ยังไงกัน”

   คำถามที่โฟกัสถามในค่ายตอนนั้น...

   “พูดถึงน้อง มึงไม่ชวนน้องเทคมึงมาเหรอ”

   “ไม่อะ”

   “โห่ ทำไมวะ น้องเทคมึงก็น้องเทคกูเหมือนกันนะเว้ย ชวนธีร์มาดิ หนุกๆ”


   คำชมที่เหมือนจะไม่มีอะไรในวันเลี้ยงน้องรหัส ทั้งวันนั้นโฟกัสยังปล่อยรูปหลุดของผมกับรองให้ธีร์เห็นอีก...

   
   “น้องธีร์ ไม่ไหวแล้วมั้งคะ”

   การแสดงความห่วงใยในงานกีฬาคณะ...

   
   “แล้ว...มึงกับธีร์อะเป็นไงบ้าง คบกันมากี่เดือนแล้วนะ”

      “เอ้อ ถึงตอนนี้กูยังไม่เชื่อเลยว่าคนที่กูติ่งจะชอบผู้ชาย”


      การถามถึงความสัมพันธ์ของผมกับธีร์และคำบ่นเสียดาย...


      “ใครว่ากูมาเพราะมึง กูมาเพราะธีร์ต่างหาก”

      คำแก้ต่างอย่างออกนอกหน้า...


   หรือจริงๆ ผมจะแคร์โฟกัสไม่มากพออย่างที่มันว่าจริงๆ

   “กู...กูนึกว่ามึงชอบแบบแฟนคลับ...”

   “ก็ใช่ แต่ถึงกูจะชอบยังไงมึงก็ไม่มีสิทธิ์เอาเขามาเป็นแฟนปะวะ มึงหรือผู้ชายคนไหนก็ไม่มีสิทธิ์ทั้งนั้น”

   ผมมองโฟกัสด้วยความอึ้ง ไม่คิดเลยว่าในใจของเพื่อนจะมีอะไรซ่อนไว้เยอะขนาดนี้ ในขณะเดียวกันผมก็รู้สึกเศร้าที่ผมไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับมันจริงๆ

   ผมเป็นเพื่อนสนิทมันนะ ให้ตายเหอะ

   “จริงๆ ความรักของพวกมึงก็ไม่จีรังหรอก คนประเภทมึงไม่รู้จักความรักด้วยซ้ำ ถึงธีร์ไม่ใช่ดาราวันหนึ่งมึงก็ต้องเลิกกัน แล้วธีร์ก็ต้องแต่งงานกับผู้หญิงบังหน้า มึงควรยอมทำตามที่กูบอกตอนนี้นะจุ๊บ แล้วมึงจะขอบคุณกูทีหลัง”

   ตอนนั้นเองที่ผมพอจะเข้าใจแล้วว่าโฟกัสทำแบบนี้ไม่ใช่แค่เพราะผมรักกับศิลปินที่มันชอบ

   แต่เพราะผมเป็นผู้ชาย

   “มึงอย่าเอากูไปเปรียบเทียบกับพ่อละ...”

   “หยุด” จู่ๆ โฟกัสก็ขึ้นเสียง แววตากราดเกรี้ยวทันทีที่ผมพูดถึงครอบครัวเก่าของมัน “ถ้ามึงพูดคำว่าพ่อเลี้ยง กูจะยิงมึงจริงๆ นะจุ๊บ”

   มันยกกระบอกปืนขึ้นสูงในระนาบเดียวกับอกผม ผมปิดปากตัวเองชั่วครู่

   “เลิกพูดถึงไอ้หมาตัวที่ซ้อมแม่กูได้แล้ว”

   “...”

   “แล้วก็เลิกคิดจะเอาเรื่องคู่ชีวิตปลอมๆ ของมึงมาอ้างด้วย กูไม่ได้เป็นเด็กอมมือที่จะเชื่อทุกเรื่องเพ้อเจ้อของมึง”

   ในตอนนี้ผมมองไม่เห็นเพื่อนสนิทที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขมาอีกต่อไป จู่ๆ ผู้หญิงทรงผมบ็อบเทที่เล็งปืนอยู่ตรงหน้าก็กลายเป็นคนที่ผมไม่รู้จัก

   คำถามที่เกิดขึ้นในใจผมไม่ใช่คำถามว่ามิตรภาพห้าปีของผมกับโฟกัสจะจบลงวันนี้เหรอ

   มันคือคำถามว่ามิตรภาพห้าปีของเราเกิดขึ้นจริงหรือเปล่า หรือเป็นแค่เรื่องเพ้อเจ้อเรื่องหนึ่งของผมเท่านั้นเอง

   มันทำให้ผมรู้สึกแย่จนร้องไห้ไม่ออก

    “โฟกัส...” ผมยกสองมือขึ้นเหนือหัวอย่างรักตัวกลัวตาย คิดจะใช้น้ำเย็นเข้าลูบแทน “กูขอละ พอเถอะนะ...”


   “กูไม่อยากทำแบบนี้เลยจุ๊บ กูสาบาน” มันพูด กระบอกปืนยังจ่ออยู่ที่อกผม “แต่ถ้ามึงไม่ยอมเลิก กูว่ามึงคงต้องลงเอยแบบพ่อเลี้ยงกู”

   “กูเป็นเพื่อนมึงนะ...”

   “ถ้ามึงเห็นกูเป็นเพื่อนมึงต้องเลิก”

   มันปลดไก

   “แค่พูดออกมาคำเดียวแล้วทุกอย่างจะจบ”

   ผมสูดลมหายใจลึก หูแว่วเสียงฟ้าร้องครืนและรู้สึกได้ถึงเมฆฝนที่เคลื่อนมาเหนือหัว สายตาจับจ้องแต่ปลายกระบอกปืนที่พร้อมจะปลดลูกกระสุนเพื่อปลิดชีวิตผมได้ทุกเมื่อ

   ถ้าผมพูดออกมาคำเดียวทุกอย่างก็จะจบ ถ้าผมแค่รับปากว่าจะเลิกกับธีร์โฟกัสก็จะได้สิ่งที่ต้องการ

   แต่มันดันไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการน่ะสิ

   “ไม่” ผมตอบพร้อมรอยยิ้ม

   “ฮะ?”

   “กูบอกว่า...กูจะไม่เลิกกับธีร์”

   โฟกัสอึ้งไปกับคำตอบของผมชั่วครู่ จังหวะนั้นผมจะกระโดดเข้าไปแย่งปืนมาจากมือมัน ทว่าเสียงเรียกจากด้านหลังก็ดังขึ้นเสียก่อน

   “พี่จุ๊บ...”

   ผมไขว้เขวไปกับการปรากฏตัวของธีร์ ตั้งท่าจะยึดปืนจากมือโฟกัสแต่อีกฝ่ายเร็วกว่า โฟกัสใช้แขนคว้าคอผมไว้แล้วล็อคไว้ จ่อปืนมาที่ขมับผม

   บ๊ะ! ให้มันได้อย่างนี้สิวะ

   “พี่จุ๊บ!” ธีร์เพิ่งสังเกตเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น เขาอยู่ในชุดสูทสีดำที่ยิ่งขับผิวขาวสว่างจนหล่อโคตรๆ เหมือนเคย แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือตอนนี้ผมจะอ๊องแล้วครับ

   “พี่โฟกัส อย่ายิงนะครับ” ธีร์ยกสองมือขึ้นห้าม ค่อยๆ ตะล่อมมาหาเรา

   “ถอยออกไป” โฟกัสบอกธีร์และดึงผมให้ถอยหลัง ผมทายได้เลยว่าประโยคต่อไปที่โฟกัสจะพูดก็คือ... “ถ้าเข้ามาพี่ยิงไอ้จุ๊บจริงๆ ด้วย”

   ผมทายถูกครับไอ้สัดเอ๊ย ไม่ได้รางวัลอะไรเลยด้วย แต่อาจมีความตายที่ยังรออยู่ ฮือ

   “ใจเย็นๆ นะ มีอะไรค่อยๆ พูดกันครับ” ธีร์ยังเกลี้ยกล่อมต่อไป

   “พูด” โฟกัสกระซิบข้างหูผม “บอกเลิกกับธีร์ตอนนี้แล้วกูจะเลิกเอาปืนจี้มึง พูดสิ”

   “แค่ก...มึงล็อกคอกูอยู่ กู...พูดไม่ได้” ผมบอกโฟกัส แล้วมันก็ปล่อยผมให้เป็นอิสระ กลายเป็นว่าตอนนี้มีปืนจ่ออยู่ที่ท้ายทอยของผมแทน

   “พูด”

   ผมกลืนน้ำลายและมองธีร์ด้วยความลำบากใจ เขามองผมกลับด้วยแววตาตื่นตกใจพอกัน

   “ธีร์...” ผมกระแอม พยายามส่งซิกด้วยการย่นคิ้วให้เขา “เรา...เอ่อ...เรา...เล้อ...”

   เสียงลมหวีดหวิวบนดาดฟ้า ตามมาด้วยเสียงคำรามของก้อนเมฆด้านบน จังหวะนี้แหละ!

   “หลบ!”

   ผมตะโกนบอกธีร์และย่อตัวลงอย่างรวดเร็ว กะจะตุ๊ยท้องโฟกัสด้วยศอกและวิ่งเข้าไปจูบเขาเพื่อหยุดเวลา แต่ผมก็ทำพลาดอีกเป็นครั้งที่สอง โฟกัสเหวี่ยงตัวหลบทันทำให้ผมเซไปชนผนังอีกฝั่งจนแขนแตก

   “มึงจะไม่พูดใช่ไหมจุ๊บ” โฟกัสเล็งปืนมาหาผมที่คลานหนีด้วยความกลัว

   “มึง อย่า...” อย่าพูดคำนั้นออกมา มึงอย่าแม้แต่จะคิด

   “รักกันมากนักใช่ไหม!”

   ไอ้ซั้ดดดดดดดดดดดดดดด

   โฟกัสเตรียมกดยิง ผมยกมือบังตัวเองไว้เต็มที่แม้จะรู้ว่าไม่ได้ช่วยอะไรเลย ทว่าทันใดนั้นธีร์ก็พุ่งเข้ามาจากด้านหลัง เขาใช้กำลังคว้าแขนโฟกัสไว้และพยายามแย่งปืนออกมาจากมือให้ได้

   “ธีร์ ปล่อย”

   “พี่โฟกัส นั่นเพื่อนพี่นะ!”

   ทั้งคู่ยื้อยุดฉุดกระชากกันอย่างไม่มีใครยอมใคร โฟกัสที่แรงน้อยกว่าผู้ชายร่างใหญ่อย่างธีร์เริ่มร้องโอดโอยออกมาเพราะแรงบิดของเขา ทำท่าจะแพ้คนเป็นดาราอยู่มะร่อมมะร่อ

   ปัง!

   และในวินาทีที่ไม่มีใครคาคคิด เสียงปืนก็ดังขึ้น

   ทั้งคู่มองกันด้วยแววตาตกใจ โฟกัสหอบหายใจแรงและพูดออกมาว่า “พี่...พี่ไม่ได้ตั้งใจ...”

   วินาทีต่อมา ร่างของธีร์ล้มลงแทบเท้าของผม ตรงช่วงท้องมีเต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉาน



(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบหก-ยี่สิบเจ็ด | UPDATE 13.2.2561 | Page 27 }
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 13-02-2018 09:49:08
(ต่อจากด้านบน)

   ราวกับเสียงลมบนดาดฟ้าเงียบไปชั่วขณะ

   เหมือนมีคนมากระชากวิญญาณของผมออกจากร่างครู่หนึ่งจนรู้สึกวูบโหวงว่างเปล่า จากนั้นก็ยัดมันกลับมาให้ผมเผชิญสภาพความเป็นจริง

   ผมได้ยินโฟกัสพึมพำไม่เป็นภาษา มันควบคุมสติตัวเองไม่ได้อีกต่อไปหลังจากสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะนี่ไม่ใช่สิ่งที่มันคิดเอาไว้

   นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผมคิดเอาไว้

   “กู...กูไม่ได้ตั้งใจ” ผมมองโฟกัสที่ตอนนี้โดนความรู้สึกผิดกัดกินในฉับพลัน มันหยิบปืนขึ้นมา และในวินาทีนั้นที่คิดว่าโฟกัสจะยิงผมให้ได้อีกครั้ง ผมก็หลับตาปี๋

   แต่มันแค่หยิบปืนและวิ่งออกไปจากดาดฟ้าเพราะอยากหนีความผิด

   เสียงหายใจถี่ของคนที่นอนบนพื้นดึงความสนใจผม เลือดจากตัวเขาไหลออกมาแผ่เป็นวงกลมกว้างบนเนื้อผ้าสีขาวด้านใน ผมมองภาพนั้นอย่างลนลานและนึกขึ้นได้ว่าควรจะเรียกรถพยาบาล จึงจัดการต่อสายในวินาทีนั้น

   “ธีร์” ผมเข้าไปคุกเข่าข้างเขาหลังจากวางสาย “รถพยาบาลกำลังมานะ ธีร์ต้องอดทน”

   “จุมพิต...” ธีร์เรียกผมเสียงขาดๆ หายๆ เขาหายใจแรงขึ้นอย่างน่ากลัว มือข้างหนึ่งกุมไว้ที่หน้าท้อง อีกข้างไขว่คว้าหาผมตรงหน้า

   ผมคว้ามือเขาไว้แล้วจับแน่นด้วยสองมือของตัวเอง แววตาของธีร์มีความหวาดกลัวจนผมรู้สึกแย่ที่ไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้เลย

   “ธีร์ต้องอดทนนะ แป๊บเดียว เราสัญญา” ผมพูดไปขณะที่น้ำตารื้นขึ้น

   “อย่าร้องไห้...” เขากระซิบ “ขี้แยอีกแล้ว”

   “เราเปล่าร้อง” ผมบอกทั้งที่ตัวเองกำลังสะอึกสะอื้นใหญ่ “ธีร์จะไม่เป็นอะไร...ต้องไม่เป็นไรสิเนอะ”

   เขายิ้ม วินาทีต่อมาก็นิ่วหน้ารุนแรงเพราะความเจ็บปวด “พี่จุ๊บ...”

   “อื้อ”

   “เรากลัวไม่ได้บอก เพราะงั้นเรา...”

   “ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวธีร์ได้บอกเราแน่ๆ ตอนหายดีแล้ว” ผมรีบพูดกับเขา ฝืนยิ้มอย่างเป็นกำลังใจ

   “เรา...เราอยากบอกจริงๆ” ธีร์ดื้อ ทำให้ผมเงียบฟังเขาในที่สุด “เราดีใจที่นายมาวันนี้”

   “ฮื่อ เราอยากมา”

   “เราดีใจจริงๆ” เขาหัวเราะแหะ “ถ้าเราได้ออกไปให้สัมภาษณ์ได้ก็คงดี เราจะบอกความจริงกับทุกคน”

   “ธีร์ต้องได้ให้ทำแน่นอน อดทนตอนนี้แป๊บเดียวแหละ”

   “ถ้าเราตาย พี่จุ๊บจะหาแฟนใหม่ในสิบนาทีเหมือนที่เคยบอกไหม”

   “อย่าพูดแบบนี้” ผมดุเขาเสียงแผ่ว “ธีร์ไม่ตายหรอก ในทีวีกว่าธีร์จะตายตั้งสองชั่วโมงเลยนะ”

   เขาหัวเราะออกมาผ่านริมฝีปากสีซีด “นั่นมันละครไหมคุณ”

   “เราไม่หาหรอก” ผมเป่าลมร้อนใส่มืออันเย็นชืดของเขา “เราจะไม่หาใครแล้วทั้งนั้น”

   “ดีจัง” เขาพูด แล้วนิ่วหน้าแรงอีกหน ทันใดนั้นที่ผมรู้สึกว่าตาของธีร์หรี่เล็กลงมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงหอบหายใจที่เคยรุนแรงก็แผ่วลงอย่างน่าตกใจ ผมเขย่ามือเขาเพื่อเรียกสติ แต่ปฏิกิริยาตอบสนองของธีร์กำลังเหลือน้อยลงไปทุกที

   “พี่จุ๊บ...เรารู้สึกเหมือนจะไม่ไหว” เขากระซิบ

   “อย่าเพิ่งหลับ” ผมบอกเสียงสั่นเพราะเขาทำท่าจะหมดสติ “อยู่กับเราก่อน”

   “...”

   “ธีร์”

   “ยังอยู่” เขาบีบมือผม ทว่าหลับตาแน่น “อย่าร้องไห้ไง ไม่เห็นแต่ยังได้ยินนะ”
   
   ผมพยายามเม้มริมฝีปากไว้เพื่อให้เสียงสะอื้นดังลอดออกไปน้อยที่สุด แต่มันทำได้ยากเหลือเกิน

   “ไหนสัญญากับเราแล้วไงว่าจะรักษารอยยิ้มของคนที่เรารัก”

   ผมหัวเราะออกมาทั้งน้ำตา “เรายิ้มอยู่”

   “ดีแล้ว...”


   “...”


   “...”


   “ธีร์...”


   “...”



   “...ธีร์!!!”



   ผมเขย่ามือเรียกสติเขาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่มีแรงบีบกลับ ธีร์นอนนิ่งไปโดยไม่มีการตอบสนอง ผมพยายามเงี่ยหูฟังเสียงลมหายใจของเขาที่รวยรินลงในทุกวินาที แนบหูฟังเสียงเต้นของหัวใจตรงอกข้างซ้ายของเขาที่แผ่วเบาลง...จนกระทั่งเงียบสนิท

   ถ้าชีวิตจริงจะเป็นยิ่งกว่าละคร นี่คือส่วนของคำว่ายิ่งกว่านั้น

   ไม่มีสัญญาณล่วงหน้า ไม่มีคำล่ำลายืดยาว ไม่มีการต่อเวลาให้พูดบทน้ำเน่าหลายชั่วโมง

   นี่คือตอนที่ผมเสียธีร์ ดำรงเดชไป



TBC*

ขอบคุณคนที่ติดตามอ่านมาตลอดเลย อัพๆ หยุดๆ เดินทางมายาวนานเหลือเกินสำหรับ #จุ๊บที
อัพครั้งต่อไปจะอัพจนจบเลยนะคะ
ถึงตอนนี้อย่าด่าเราเยอะ รับรองว่า มันจะไปไกลเกินกว่าที่คุณคิด 5555555

ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
ตัวแม่*
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบหก-ยี่สิบเจ็ด | UPDATE 13.2.2561 | Page 27 }
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 13-02-2018 10:01:09
แงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง ม่ายอาววว
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบหก-ยี่สิบเจ็ด | UPDATE 13.2.2561 | Page 27 }
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 13-02-2018 12:21:54
เด่วๆ คืนไร บ้าบอ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบหก-ยี่สิบเจ็ด | UPDATE 13.2.2561 | Page 27 }
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-02-2018 14:37:04
 :a5:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบหก-ยี่สิบเจ็ด | UPDATE 13.2.2561 | Page 27 }
เริ่มหัวข้อโดย: fahdekkom ที่ 13-02-2018 14:51:34
ไม่นะธีร์ต้องไม่เป้นอะไรนะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบหก-ยี่สิบเจ็ด | UPDATE 13.2.2561 | Page 27 }
เริ่มหัวข้อโดย: Zestful ที่ 13-02-2018 19:28:54
โอยยยย จรัยยยย
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบหก-ยี่สิบเจ็ด | UPDATE 13.2.2561 | Page 27 }
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 13-02-2018 21:30:57
อ๊ากกกกกค้างงงง ใครก็ได้ช่วยธีร์ด้วย คุณแม่พี่จุ๊บไงมีพลังย้อนเวลาไม่ใช่เหรอ หรือว่าไม่ทีพ่อพี่จุ๊บแล้วทำไม่ได้ ไม่น้าาาา
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบหก-ยี่สิบเจ็ด | UPDATE 13.2.2561 | Page 27 }
เริ่มหัวข้อโดย: สาว801 ที่ 13-02-2018 23:03:27
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบหก-ยี่สิบเจ็ด | UPDATE 13.2.2561 | Page 27 }
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 13-02-2018 23:19:38
เดี๋ยวสิ มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบที่ยี่สิบหก-ยี่สิบเจ็ด | UPDATE 13.2.2561 | Page 27 }
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 14-02-2018 11:28:02
ธีร์ กลับมาก๊อนนนน ลูกกกก อย่าเป็นอะไรนะ อย่าทิ้งพี่จุ้บ โฟกัสโว้ยย เกลียดจัง ธีร์จะไม่ตายใช่มั้ยคะ ฮือออ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบสุดท้าย | UPDATE 16.2.2561 | Page 27 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 16-02-2018 08:57:39

(https://www.img.in.th/images/703cd3f2e6e26a25842ea76e576ddc48.jpg)

จูบที่ยี่สิบแปด

   ความทรงจำหลังจากนั้นของผมออกจะขาดตอน

   จำได้ว่าร้องไห้จนหายใจไม่ทัน พลางตะโกนไม่ยอมรับความจริงแข่งกับเสียงลมฟ้า รับรู้ได้ถึงความฉ่ำแฉะของสายฝนด้านบน แต่ตัวเองก็ยังนั่งกอดร่างเขาอยู่ตรงนั้น

   จำได้ว่ามีคนมาพาเขาไป อาจจะเป็นเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาล หรือไม่ก็บอดี้การ์ด ในระหว่างนั้นแม่ของเขาที่พุ่งเข้ามาทำร้ายร่างกายผม ตะโกนกลางสายฝนว่าผมทำอะไรให้ลูกเขาเป็นแบบนี้ แต่ผมไม่ได้รู้สึกอะไรจากการกระทำของเธออีกแล้ว เหมือนวิญญาณมันหลุดลอยไป สิ่งที่ทำคือการยื้อร่างเขาไว้จนหลุดมือ

   แล้วภาพก็ตัด รู้ตัวอีกทีผมก็ตื่นขึ้นมาในห้องของตัวเองในเวลาห้าทุ่มกว่า เสื้อผ้าถูกเปลี่ยนกลายเป็นเสื้อผ้าแห้งสนิท ความคิดแรกต่อสิ่งที่เกิดขึ้นคือคิดว่าฝัน

   จนเห็นข่าวที่หมอของโรงพยาบาลออกมายืนยันว่าธีร์ ดำรงเดชเสียชีวิตแล้วจริงๆ สาเหตุจากการที่เขาเสียเลือดมากเพราะโดนยิงโดนจุดสำคัญบริเวณช่องท้อง

   วินาทีนั้นความรู้สึกเหมือนกระชากหัวใจออกจากอกก็กลับมาอีกครั้ง

   “จุ๊บควาย มึงนี่มันควายจริงๆ!!!”

   ผมนั่งฟูมฟายโทษตัวเองอยู่ที่พื้นห้อง แหลกลาญ แตกสลาย ไม่สนใจเสียงเคาะประตูอย่างร้อนใจของแม่และคนอื่นๆ ที่เป็นห่วง ทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออกด้วยกุญแจสำรองที่พวกเขามี ผู้ใหญ่คงคิดว่าผมจะทำอะไรบ้าๆ อย่างการทำร้ายตัวเองเพราะการตายของธีร์

   แม่เป็นคนแรกที่เข้ามาถึงตัวผม เธอพยุงตัวผมขึ้นมานั่งบนเตียง ท่ามกลางการมุงของสมาชิกคนอื่นในครอบครัว

   “จุ๊บ ได้ยินแม่ไหม” แม่ถามเหมือนผมไม่ได้อยู่ตรงนั้น อาจเพราะแววตาของผมมันดูตายด้านและล่องลอย “จุ๊บ ฟังแม่นะ แม่รู้ว่าเธอรู้สึกยังไงตอนนี้ แม่เคยผ่านมันมาแล้ว แต่ตอนนี้จุ๊บต้องมากับแม่ก่อน”

   แม่ปาดน้ำตาออกจากแก้มผม และดึงตัวผมออกจากห้องไปทางห้องครัว

   “มีคนรอเจอเธออยู่”



   แม่พาผมไปที่ห้องใต้บันได ถ้านับเฉพาะความเป็นจริง นี่คือครั้งที่สองที่ผมได้เข้ามาในนี้กับแม่ และเป็นครั้งแรกที่สมาชิกในครอบครัวทุกคนเข้ามาด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา แม้แต่คนที่ไม่ประสีประสาเรื่องพลังวิเศษอย่างจีบซึ่งเอาแต่ถามพ่อแม่ตัวเองว่าทำไมไม่มีใครเคยบอกเกี่ยวกับห้องลับในบ้านมาก่อนเลย เหมือนผมตอนเข้ามารอบแรกเด๊ะ

   เราผ่านประตูกล เดินบนทางลาดแคบๆ ที่มีดวงไฟสีส้มติดพอให้มองเห็นพื้น กลิ่นไม้เก่าและกลิ่นหอมประหลาดยังคงมาทักทายจมูกของเราเหมือนครั้งก่อน ห้องใต้บันไดกว้างดูแคบลงเมื่อทุกคนในบ้านเข้ามาในนี้ มันยังคงมีโซฟาสีแดงตั้งติดอยู่กับตู้กระจกสนิมจับ มีนาฬิกาหลากหลายแบบนับพันเรือนติดอยู่กับผนังโดยรอบ ทว่ามีหลายอย่างที่แตกต่างออกไปเช่นกัน

   อย่างแรกคือนาฬิกานับพันเรือนในห้องหยุดเดินพร้อมกัน...เหมือนกับภาพในฝันของผม ทุกเรือนหยุดไว้ที่เวลาห้าทุ่มครึ่ง
   ต่อมาคือโพรงกลางห้อง เดิมทีมันเป็นโพรงที่ถูกกรอบด้วยอิฐสีส้มและมีรูปของตาทิศกับยายหอมอยู่ด้านบน กลางโพรงที่เคยเป็นปูนเปลือยกลับกลายเป็นโพรงลึกซึ่งมีม่านควันปริศนาลอยวนอยู่

   อย่างสุดท้าย สองคนในรูปเหนือโพรงนั้นอยู่ในห้องกับเราตอนนี้

   ยายหอมอยู่ในเสื้อคอกระเช้าสีชมพูบานเย็น ท่อนล่างเป็นผ้าซิ่นสีน้ำตาลอ่อนฉลุลายสวย ในปากยังคงเคี้ยวหมากแดงหนุบหนับ ยายยืนอยู่หลังโซฟาข้างตาทิศที่อยู่ในชุดสีขาวล้วนอย่างกับเทวดา เขายังไว้หนวดจิ๋มเหนือริมฝีปาก สีหน้าเคร่งแบบเดียวกับในรูปทุกกระเบียด

   “แม่!? พ่อ!!? ผะ..ผีล้อกกกกกกกกกกกกกกกกก” ป้าเด้าร้องเสียงดังทำเอาผมตกใจไปด้วย เธอทำท่าจะวิ่งกลับขึ้นไปบนห้องครัวแต่ลุงโรเบิร์ตคว้าคอเธอไว้ซะก่อน

   ยายหอมถุยหมากลงกับพื้น เดินเข้าไปหาป้าเด้าที่ยกมือไหว้ปลกๆ อยู่หลังสามีตัวเอง ทุกคนก็ดูอึ้งปนกลัวไม่แพ้กันยกเว้นแม่ผมที่ดูจะรู้เรื่องอยู่แล้ว(ได้ไง?)

   ใครเห็นคนที่ตายไปแล้วเป็นสิบปีที่คิดว่าผีกันทั้งนั้นล่ะวะ

   “ผีเหรอ” ยายแจกมะเหงกใส่หัวลูกสาวคนโตของตัวเอง “นี่ ผีมันทำอย่างนี้ได้ไหม ตอบข้าซิอีเด้า”

   “โอ๊ย” ป้าเด้ายกมือลูบหัวที่ฟูไปด้วยเส้นผมตัวเอง อ้าปากหวอเพราะงุนงงเต็มที

   “แม่...ยังไม่ตายเหรอ” ลุงพร่ำพึมพำถามด้วยท่าทางกล้าๆ กลัวๆ ยายหอมหันไปเหล่ตาใส่

   “ถ้าข้าตายข้าจะมายืนคุยกับเอ็งตรงนี้ได้ไงนายพร่ำ”

   ทุกคนยังดูไม่เชื่อ ผลัดกันเข้าไปจับตัวยายหอมเพื่อเช็คว่ายังมีเนื้อหนัง จนยายหอมแว้ดขึ้นมาอีกรอบตามประสาคนเป็นใหญ่ที่สุดในบ้านวิเศษกาล

   “ข้ายังไม่ตายโว้ยยยยยย”

   แล้วทุกคนก็เชื่อทันที เสียงคำรามของแกยืนยันว่านี่แหละยายตัวจริงเสียงจริง

   “หอม อย่าลืมเวลา” ตาทิศเตือนให้ยายหอมนึกขึ้นได้ขณะลูกหลานทุกคนเข้าไปไหว้ไปกอด แล้วยายก็เรียกชื่อผมออกมา

   “จุ๊บ” แกมองหาจนเจอผม กวักมือให้เข้าไปหา “เวลากำลังจะหมดแล้ว เราต้องรีบ”

   ยายจับมือผมแน่น ขณะที่ผมขมวดคิ้วงงเพราะไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูดเลย

   “เอ็งต้องไปช่วยคู่ชีวิตของตัวเอง”

   “อะไรนะครับ?”

   “ธีร์ไง เอ็งช่วยชีวิตธีร์ได้”

   ห้าทุ่มสามสิบนาที เรื่องมหัศจรรย์ของผมเริ่มต้นขึ้นในห้องใต้บันได





(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบสุดท้าย | UPDATE 16.2.2561 | Page 27 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 16-02-2018 08:59:56
(ต่อจากด้านบน)

   คู่กันแล้วมันแคล้วกันยาก แต่ถ้ามันมีเหตุให้แคล้วกันจริงๆ ยายจะรออยู่ที่ห้องใต้บันได

   ผมเข้าใจประโยคที่ยายพูดไว้ในฝันอย่างแจ่มแจ้งก็ตอนนี้

   หลังทุกคนหายจากอาการอึ้งกิมกี่ ยายหอมกับตาทิศก็เรียกสมาชิกในครอบครัวมานั่งล้อมวงกันตรงโซฟา แกเริ่มเล่าความลับของตัวเองและตระกูลวิเศษกาลให้ฟัง

   เรารู้กันดีว่ายายหอมกับตาทิศเป็นต้นตระกูลของวิเศษกาล พวกเขาสองคนเป็นต้นสายของการมีพลังควบคุมเวลาจากการ ‘แสดงความรัก’ รูปแบบต่างๆ แต่สิ่งที่เราไม่รู้คือจริงๆ แล้วตาทิศต้นตระกูลเราคนนี้เป็นเจ้าแห่งกาลเวลา ทำหน้าที่ควบคุมดูแลมิติเวลาในโลก

   ตาทิศบอกเราว่า การแสดงความรักของเรามันมีพลังที่ซ่อนอยู่มากกว่านั้น

   “นอกจากพลังปกติที่เอ็งทำได้กันอยู่แล้ว เรามีอีกพลังหนึ่ง...ข้าไม่รู้จะพูดยังไงให้ดี...ทุกคนชุบชีวิตของคู่ตัวเองได้”

   “หาาาา” สองถึงสามคนในกลุ่มลูกหลานส่งเสียงนี้ออกมา

   “แต่ต้องเป็นในกรณีพิเศษมากๆ อย่างกรณีของไอ้จุ๊บ” ตาทิศพูดบ้าง

   “ยังไงเหรอพ่อ” ป้าแก้วถาม

   “พลังนี้ไม่ได้ช่วยรักษาโรค มันแค่ช่วยให้คนที่ตายไปแล้วฟื้นขึ้นมาเท่านั้น ที่สำคัญ ไม่มีใครในครอบครัวเราที่เคยทำได้มาก่อน”

    มีแค่สองคนในครอบครัวของเราที่จากไป คือยายหอม และพ่อของผม ตาทิศเล่าว่าตอนยายหอมป่วยด้วยโรคชรา...ครั้งสุดท้ายที่ผมได้เห็นยายเมื่อสิบปีก่อน ทั้งตาทิศและยายหอมต่างรู้ว่ายายหอมจะต้องโบกมือลาโลกใบนี้ เพราะอย่างนั้นตาทิศจึงฉวยโอกาสหอมแก้มก่อนที่ยายจะหมดลมหายใจ และขโมยตัวยายหอมไปไว้ในมิติเหนือกาลเวลา

   ในมิตินั้นที่โรคภัยและความชราไม่สามารถทำอะไรยายหอมได้ ยายหอมสามารถอยู่กับตาทิศได้ตลอดกาล แต่ยายหอมจะไม่สามารถกลับมายังมิติเวลาปัจจุบันที่เราทุกคนอยู่ได้ เพราะอายุขัยในโลกนี้ของยายหมดไปแล้ว

   “พูดตรงๆ ก็คือข้าไม่มีกายหยาบ ถ้ากลับมาในโลกที่พวกเอ็งอยู่ ข้าจะหายไปตลอดกาล”

   “แล้วทำไม...แม่ถึงมาอยู่ในห้องนี้ได้ล่ะ” ป้าเด้าถาม

   “พ่อแกทำห้องนี้ให้เวลาหาเราไม่เจอ” ตาทิศจำลองห้องนี้ให้เสมือนอยู่ในมิติที่เหนือกาลเวลา...นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมนาฬิกาทุกเรือนในห้องหยุดเดินพร้อมกันหมด “แต่ข้าก็มีเวลาจำกัดแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้นแหละ”

   “แม่หมายความว่า...อยู่ในมิติเหนือกาลเวลา แม่ก็จะเป็นอมตะเหรอ?” ลุงพร่ำซัก ยายหอมพยักหน้า แล้วพูดต่อว่า “ข้าท่องไปได้ทุกมิติที่กาลเวลาเข้าไม่ถึง อย่างความฝัน หรือมิติที่มันซ้อนกับโลกที่เอ็งอยู่ ข้าแค่ติดต่อกับเอ็งไม่ได้เท่านั้น” นั่นอธิบายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฝันของผม

   “ข้ากับทิศเห็นอดีต ปัจจุบัน อนาคต รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นตอนไหน แต่ก็ไม่ได้แปลว่าสิ่งที่เห็นมันจะแม่นยำทั้งหมดหรอก ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ตลอด พวกเอ็งเคยได้ยินเรื่องกรวยแห่งกาลเวลาไหม?”

   “อะไรนะคะ ฆวยแห่งกาลเวลา” ...ป้าเด้า

   “หูตึงอย่างเดียวไม่ได้นะเนี่ย จิตใจต้องหยาบโลนด้วย”

   “แม่อะ!” ป้าเด้าหวีดแล้วเงียบไป ผมที่เครียดๆ อยู่เกือบหลุดขำ

   “กรวยแห่งกาลเวลา...สิ่งต่างๆ เป็นไปได้เสมอตามการกระทำของเรา ถ้าเราทำสิ่งนี้ ผลลัพธ์ก็จะได้อย่างหนึ่ง แต่ถ้าเราไม่ทำ ผลลัพธ์ก็จะกลายเป็นอีกอย่างหนึ่ง” แม่โอบอธิบาย

   “ถูกต้อง” ตาทิศยืนยัน “การชุบชีวิตที่พูดถึงก็ใช้หลักการเดียวกัน”

   “มันคือการแสดงความรักครั้งสุดท้ายหลังจากคู่ของเราตายไปแล้ว” ยายหอมเสริม “แต่อย่างที่ข้าบอก มันไม่ใช่การรักษาโรค ตอนตาทิศช่วยข้าไว้มันก็ไม่ใช่การชุบชีวิต เพราะตาทิศทำก่อนที่ข้าจะหมดลมหายใจ หรือตอนที่...”

   “...ตอนที่พ่อผมเสีย” ผมพูด “พ่อรู้ว่ายังไงพ่อก็ต้องตาย ถึงแม่ชุบชีวิตขึ้นมายังไงมะเร็งก็ยังอยู่ในตัวพ่อของผม”

   ยายกับแม่พยักหน้าให้ แม่หันมาพูดต่อว่า “แต่ไม่เหมือนกับกรณีของธีร์นะจุ๊บ”

   “...”

   “ธีร์ยังมีโอกาสรอดเพราะมันเป็นอุบัติเหตุ เขาตายเพราะถึงมือหมอช้าไป”

   “เอ็งยังมีโอกาสช่วยชีวิตคู่ของตัวเอง” ยายหอมบอก “แต่มันอาจจะต้องแลกกับอะไรบางอย่าง”

   “อะไรเหรอครับ” ผมถาม ยายมองผมกลับด้วยสีหน้าจริงจัง

   “หลังจากเขาฟื้นแล้ว พวกเอ็งสองคนจะใช้พลังจากการจูบไม่ได้อีกต่อไป”

   “เหมือนเอาพลังที่เป็นครึ่งหนึ่งของชีวิตเอ็งไปแลก” ตาทิศพูด “เพื่อให้เขากลับมามีชีวิต เอ็งต้องยอมเสียสละครึ่งหนึ่งของชีวิตตัวเอง”

   “อะไรมันจะต้องเสียสละเบอร์นี้วะ” ป้าเด้าแหว “ขนลุกเลยเนี่ย”

   “ขนลุกกับพลังของรักแท้?”

   “เปล่า ปวดขี้”

   ผมขนลุก ไม่ใช่เพราะปวดขี้แบบป้าเด้า แต่เพราะรู้ว่าตัวเองมีโอกาสจะช่วยให้ธีร์กลับมามีชีวิตอีกครั้ง

   ใจหนึ่งท่วมท้นกับความเป็นไปได้ที่จะได้ช่วยเขา แต่ใจหนึ่งเกิดคำถามว่า...ถ้าครั้งนี้ผมทำมันพังอีกล่ะ

   “จำที่เราเคยคุยกันได้ไหม” แม่คงเห็นสีหน้าไปไม่เป็นของผมจึงจับไหล่ผมแน่น แล้วพูดเรียกสติ

   “เธอมีความรัก เธอต้องปกป้องความรักของตัวเองไว้ เพราะไม่มีใครทำแบบนั้นได้นอกจากเธอแล้ว”

   “...”

   “นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้ทำแบบนั้นแล้วนะจุ๊บ”

   “และเอ็งต้องรีบหน่อย เพราะเวลาของคนตายไม่คอยเรานะ” ยายบอก “และถ้าเอ็งอยากช่วยเขาจริงๆ เอ็งต้องทำก่อนเวลาของวันใหม่จะมาถึง”

   “นั่นคือก่อนเที่ยงคืนเหรอครับ?” ผมถาม แล้วยายก็พยักหน้า ผมเงยหน้าขึ้นเวลาบนนาฬิกาแล้วหัวใจหล่นวูบ

   ผมมีเวลาแค่ครึ่งชั่วโมง

   “จุ๊บ...” แม่เรียกผม พยักหน้าเพื่อบอกว่าตอนนี้แหละ ผมคิดหนักไปครู่หนึ่ง สูดหายใจลึกหลังจากตัดสินใจได้

   เอาวะ เป็นไงเป็นกัน

   “ผมจะไปช่วยธีร์” ผมประกาศกับสมาชิกในครอบครัว “แต่ผมคงต้องขอความช่วยเหลือจากทุกคน”



(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบสุดท้าย | UPDATE 16.2.2561 | Page 27 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 16-02-2018 09:01:55
(ต่อจากด้านบน)

   ผมอธิบายแผนการที่คิดไว้ในหัวให้ทุกคนฟัง ประเมินจากสถานการณ์ตอนนี้...ร่างของธีร์ยังอยู่ที่โรงพยาบาลใจกลางเมืองอยู่ ซึ่งผมไม่รู้ว่าอยู่จุดไหนของโรงพยาบาล ผมว่ามันคงดีถ้าเรามีคนแว้บไปสอดแนมที่โรงพยาบาลก่อน และมีการยืดเวลาออกไปให้ผมมีเวลาพอที่จะเข้าถึงตัวเขา

   เพราะฉะนั้นผมจึงขอความช่วยเหลือจากลุงโรเบิร์ตและป้าเด้าให้ท่องเวลาไปดูสถานการณ์ตอนที่ธีร์ถึงมือหมอเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว สืบดูว่าอยู่ห้องไหน และขอลุงพร่ำและป้าแก้วให้ช่วยแชร์พลังยื้อเวลาให้ผมเพิ่มสักสองชั่วโมงเพื่อให้ได้มีเวลาเดินทางไปช่วยทัน

   “ไม่ได้” คำเดียวของยายทำเอาแผนการของผมพังครืน “เวลาของคนตายจะยืดออกไม่ได้เหมือนของเรา มันนับถอยหลังไปเรื่อยๆ แล้วจะหมดตอนเที่ยงคืนหนึ่งนาทีเท่านั้น”

   ปวดหัว จะทำยังไงให้ทันดีวะเนี่ยยยย

   “งั้นให้พี่เด้าท่องเวลาไปตอนธีร์โดนยิงแล้วช่วยเขาดีไหม” ลุงพร่ำบอก

   “ไม่ได้ เพราะพี่ทำได้แค่ท่องเวลาไปสังเกตการณ์เฉยๆ เปลี่ยนแปลงอะไรในอดีตไม่ได้” ป้าเด้าตอบ

   “แล้วถ้าหาก...เราทุกคนไปโรงพยาบาลพร้อมกันแล้วช่วยกันหาล่ะ” แม่เสนอ “ถ้าพี่เด้ากับพี่โรเบิร์ตแชร์พลังให้เราทุกคนให้ไปโรงพยาบาลพร้อมกัน ณ เวลานี้เลย แล้วไปช่วยกันหาที่นู่น ก็น่าจะทันหรือเปล่า”

   ทุกคนมองหน้ากันและคิดตาม พิจารณาแล้วว่าก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดจริงๆ

   เราตัดสินใจทำตามคำแนะนำของแม่ทันที ทุกคนทยอยกอดบอกลายายหอมกับตาทิศและขึ้นไปข้างบนทีละคน จนเหลือผมเป็นคนสุดท้าย

   “รักแท้จะช่วยเราเสมอในเวลาที่เราต้องการมันที่สุด” ยายบอก แล้วก้มลงหอมหน้าผากผมเบาๆ “ทำให้สำเร็จ ข้าจะดูอยู่เสมอ และถ้าช่วยได้ข้าก็จะทำ”

   “ถ้ายายไม่บอกจุ๊บคงไม่มีวันได้ทำ ขอบคุณครับยาย”

   ผมยกมือไหว้ตากับยาย มองภาพของทั้งคู่เดินกลับเข้าไปในโพรงที่มีม่านควันกำบังอยู่ด้วยใจหวิวไหว...ทำไมมันให้ความรู้สึกเหมือนผมจะได้เจอท่านเป็นครั้งสุดท้ายยังไงก็ไม่รู้

   ทันทีที่ทั้งคู่หายไป นาฬิกาในห้องทุกเรือนก็กลับมาเดิน

   ผมมีเวลาครึ่งชั่วโมง แค่ครึ่งชั่วโมงที่จะช่วยชีวิตธีร์ ดำรงเดช



   “ไม่อยากเชื่อเลยว่าชีวิตนี้ฉันจะได้มาเห็นอะไรอย่างนี้” แม่โอบโอดครวญ

   “แม่ หนูกลัวววว ทำไมหนูต้องมาทำแบบนี้ทั้งๆ ที่ไม่รู้เรื่องอะไรที่ยายพูดเลยสักนิด” ตามมาด้วยเสียงแจ๊ดแจ๋ของจีบ ได้ยินแล้วก็ผมสงสารน้อง จีบอยากช่วยผมแม้ว่าจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย

   “เดี๋ยวแม่เล่าให้ฟังทีหลัง แต่ตอนนี้ขอปิดตาก่อน กลัวๆๆ” ป้าแป้งบอกจีบ

   “เงียบเถอะน่า พวกเธอก็ผ่านอะไรแบบนี้มาแล้วทั้งนั้น ฉันกับรอเบิร์ตต้องเป็นฝ่ายอายหรือเปล่ายะ”

   ป้าเด้าเอ็ด ตอนนี้เราทุกคนอยู่ในห้องครัว กำลังเอื้อมมือแตะตัวเธอกับลุงโรเบิร์ตเพราะทั้งคู่กำลังจะแชร์พลังแห่งการท่องเวลามาให้ทุกคน ด้วยเวลาที่จำกัด เราตกลงว่าจะเดินทางด้วยวิธีนี้กัน

   ติดแต่ว่าเราต้องมาทนเห็นป้ากับลุงจึ๊กกะดึ๋ยกัน ง่ะ

   “อะ ไม่บอกจะถอดละนะนะ ถอดหัวใจออกมาดู” ป้าเด้าร้องเพลงออกมาราวกับอารมณ์ดีเหลือเกิน

   “ป้า หยุดร้องเพลงเถอะแล้วรีบทำเถอะครับ” ผมกลัวววว กลัวป้านี่แหละ

   “จุ๊บ นี่ฉันช่วยเธออยู่นะ” ป้าเด้าแหว “รีบก็ได้ โรเบิร์ต มา”

   ผมปิดตา และมั่นใจว่าทุกคนก็ปิดตาเหมือนกัน นิ้วผมจิกอยู่ที่แขนป้าเด้าเหมือนจิกผีถ้วยแก้ว สักพักเธอก็ขยับนิดนึงและตะโกนออกมาว่า “โรงพยาบาลธนเวช ตอนนี้!”

   เกิดเสียงวิ้งขึ้นในหูผม วินาทีต่อมาผมก็มาโผล่ที่หน้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล

   “แง้”

   “อะไรอีกไอ้จีบ” ป้าแก้วถาม

   “ลุงโรเบิร์ตไม่ยอมรูดซิปซะที”

   ผมส่ายหัวหน่าย ปล่อยมือจากป้าเด้าและดิ่งตรงเข้าไปในโรงพยาบาล ทุกคนตามผมมาจากด้านหลัง ยกเว้นป้าเด้ากับลุงโรเบิร์ตที่บอกว่าจะย้อนเวลากลับไปดูว่าก่อนหน้านี้ร่างของธีร์ถูกเข็นไปไว้ที่ห้องไหน

   แต่พอเข้ามาด้านใน ผมก็ต้องเจอกับกลุ่มแฟนคลับธีร์ราวยี่สิบคนที่ยังรวมตัวกันอยู่ตรงโซนนั่งรอรับยาด้านล่าง แต่ละคนมีดวงตาที่ดูรู้ว่าผ่านการร้องไห้อย่างหนัก บางคนก็ยังร้องอยู่จนถึงตอนนี้ ถึงจะเป็นแฟนคลับกลุ่มที่ไม่ใหญ่เท่าไร แต่ผมว่าจะขอผ่านคงยาก

   “มึง นั่นมันคนในรูปนี่” แฟนคลับคนหนึ่งสังเกตเห็นผมแล้วสะกิดให้คนอื่นดูตาม

   “มีคนบอกว่าเขาอยู่ในเหตุการณ์ตอนที่พี่ธีร์ตาย”

   “ใช่ๆ”

   “ฆาตกร!” ทันใดนั้นมีคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา พาให้คนที่เหลือลุกฮือขึ้นอย่างกับกองกำลังพิทักษ์ธีร์ ดำรงเดช

   ผมก้าวถอยหลัง จีบเห็นท่าไม่ดีเลยเดินเข้ามากำบังผมไว้ เธอพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบ

   “เราชื่อจีบ เป็นแฟนคลับธีร์เหมือนกัน จำเราได้ไหมเราไปทุกงานเลย” ลูกพี่ลูกน้องตัวเล็กพยายามเกลี้ยกล่อม “เราแค่ขอผ่านทางไปเฉยๆ ใครรู้บ้างว่าตอนนี้พี่เขาอยู่ที่ไหน เราอยากมาส่งพี่เขาเป็นครั้งสุดท้าย”

   “จะไปไหน!”

   “ไม่ให้ไป!”

   “แค่นี้ยังทำร้ายพี่ธีร์ไม่พออีกเหรอ!”

   แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล แฟนคลับของธีร์เริ่มหาสิ่งของรอบข้างแล้วเขวี้ยงมาทางเราแล้ว   เราเหล่าวิเศษกาลวิ่งหาที่กำบัง
   “พอเถอะค่ะ!” เสียงหนึ่งดังขึ้น แล้วเอิงเอย นางเอกคู่บุญของธีร์และน้องคณะของผมก็วิ่งเข้ามาในวง การปรากฏตัวของเธอหยุดทุกการกระทำ “เอิงขอนะคะ พอได้แล้ว”

   เอิงเอยหยิบเปลือกกล้วยลูกหลงบนหัวของตัวเองออก เป็นท่าหยิบเปลือกกล้วยออกจากหัวที่สวยที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น

   “พวกพี่ๆ น้องๆ คิดว่าธีร์จะสบายใจเหรอคะถ้ามาเห็นภาพนี้ ธีร์จะดีใจเหรอคะที่ได้เห็นคนที่เขารักทำร้ายกันเอง”ทุกคนถึงกับกริบ “ความรักมันก็คือความรัก ความรักของธีร์กับพี่ผู้ชายคนนี้ก็เหมือนความรักของแฟนคลับกับธีร์ ก็เหมือนความรักที่มนุษย์กับมนุษย์นั่นแหละค่ะ...”

   แล้วเอิงเอยก็เริ่มร้องไห้และพร่ำเกี่ยวกับความดีของพระเอกดัง ทำให้แฟนคลับธีร์ต่างเดินเข้ามาโอ๋ ผมอยากเข้าไปหาเธอเหมือนกัน แต่เอิงเอยส่งสัญญาณมือที่บอกให้รีบไปเสียก่อน

   ผมกับทุกคนย่องกันมาจนถึงลิฟต์ และถึงกับต้องผงะเมื่อลิฟต์เปิดออกมาเป็นพี่บุ๊ค ผู้จัดการร่างอ้วนซึ่งวันนี้อยู่ในชุดไทยอย่างเคย

   ใบหน้าของพี่บุ๊คเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบของมาสคาร่าซึ่งน่าจะผ่านการร้องไห้มาเหมือนกัน ฝั่งนั้นดูตกใจที่เห็นเรา

   แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร เสียงของป้าเด้ากับลุงโรเบิร์ตที่โผล่มาด้านหลังก็ดังขึ้นซะก่อน

   “ชานฮกๆ” ลุงโรเบิร์ตวิ่งตามเรามาแบบหอบๆ เห็นได้ชัดว่าเพิ่งโผล่มาจากอดีตกันมา

   “แก๊ อยู่ชั้นหก” อ๋อ ป้าเด้าพูดก็เข้าใจละ “ธีร์อยู่ในห้องชันสูตรชั้นหก”

   ผมอ้าปากหวอ พี่บุ๊คที่อยู่ในลิฟต์ก็เช่นกัน

   “พวกแกจะทำอะไรน่ะ” พี่ผู้จัดการพูดเสียงดัง

   “อ้าว แล้วกะเทยอ้วนนี่ใคร หน้าคุ้นๆ” ป้าเด้าสันนิษฐาน “เฮ้ย นี่มันผู้จัดการธีร์นี่ ที่รักความเป็นไทยแล้วชอบด่าดาราใส่สั้นอะ”

   “ก็มันน่าเกลียด” พี่บุ๊คโวย จากนั้นก็กลับเข้าเรื่อง “ตะ...ตกลงแกจะไปทำอะไรธีร์”

   “พวกเธอขึ้นลิฟต์อีกตัวไปเลย เดี๋ยวยัยนี่ป้ากับโรเบิร์ตจัดการเอง” ป้าเด้าบอกผม แล้วพุ่งเข้าไปปิดปากพี่บุ๊คที่ทำท่าจะวิ่งออกมาขัดขวางเรา ผมกับคนอื่นรีบเข้าไปลิฟต์อีกตัวและกดชั้นหก ประโยคสุดท้ายที่ผมได้ยินป้าเด้าคุยกับพี่บุ๊คคือ “เกลียดดาราใส่สั้นนักเหรอ ดูนี่หน่อยสิจ๊ะ”

   ไม่อยากจินตนาการเลยว่าเกิดอะไรขึ้นในลิฟต์ตัวนั้น

   ผมก้มมองเวลาข้อมืออย่างร้อนใจ ตอนนี้ห้าสิบนาทีแล้ว...ผมเหลือเวลาอีกแค่สิบนาทีในการช่วยเขาให้รอดจากความตาย
 
   “ใจเย็น...เราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน”

   แม่จับมือที่สั่นเครือของผมแน่นเพื่อให้ความมั่นใจ จังหวะเดียวกันนั้นประตูลิฟต์เปิดออก   

   พิมพ์ผกา ดำรงเดชยืนอยู่ตรงหน้าเรา



หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบสุดท้าย | UPDATE 16.2.2561 | Page 27 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 16-02-2018 09:03:30


(https://www.img.in.th/images/703cd3f2e6e26a25842ea76e576ddc48.jpg)

จูบที่ยี่สิบเก้า


   แม่ของธีร์เบิกตาโตทันทีที่เห็นหน้าผม ด้านหลังเธอมีบอดี้การ์ดร่างใหญ่อยู่สองคน ถัดออกไปคือผู้ชายตัวสูงเครายาวอีกคนที่ผมไม่เคยเจอมาก่อน แต่คุ้นหน้าเหลือเกิน

   “แกกล้ามาที่นี่ได้ยังไง”

   เธอเฉดทันทีที่ผมเดินออกจากลิฟต์ เพราะครั้งสุดท้ายที่เราเจอกันเธอก็ตะโกนกร้าวใส่ผมว่าเป็นคนทำให้ธีร์ตาย

   ผมแอบเห็นป้ายห้องชันสูตรศพอยู่รำไร ย้ายสายตามาจับจ้องใบหน้าสวยหวานของเธอ ตัดสินใจยกมือขอดีๆ

   “ไม่ว่าคุณอาจะเชื่อผมหรือไม่เชื่อ แต่ผมสามารถทำให้ธีร์ฟื้นขึ้นมาได้ ครั้งนี้ผมขอจริงๆ ครับ” ผมบอกกับเธอตามตรง

   คุณต่ายแค่นหัวเราะ “เธอเสียสติไปแล้วหรือไง รู้ตัวหรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมา”

   “ผมขอแค่เข้าไปในห้องชันสูตร หนึ่งนาทีก็ได้ครับ เวลาผมเหลือน้อยแล้ว”

   “ไม่ดะ...หยุดนะ!”

   ผมรู้อยู่แล้วว่าเธอจะปฏิเสธแน่นอน จึงออกตัววิ่งจากตรงนั้นดิ่งเข้าไปหาห้องชันสูตร ทันใดนั้นความชุลมุนก็บังเกิดขึ้น แม่ของธีร์สั่งบอดี้การ์ดให้เข้ามาจับตัวผมไว้ ขณะที่สมาชิกในครอบครัวคนอื่นก็พยายามสกัดพวกเขาไม่ให้ถึงตัวผมให้ได้

   “พี่จุ๊บ วิ่ง! โอ๊ย!” ขาของผมชะงักทันทีเมื่อได้ยินเสียงร้องของจีบ เธอพยายามเข้าไปขวางทางบอดี้การ์ดแต่โดนปัดให้พ้นทางอย่างง่ายดาย

   “ไม่ต้องห่วง วิ่งไป!” แล้วลุงพร่ำก็เข้าไปสู้ต่อ แต่ชายผอมแห้งตัวคนเดียวหรือจะสู้คนร่างบึ้กถึงสองคน ไม่นานลุงพร่ำก็ล้มลงกับพื้น

   ผลัวะ!

   แล้วจู่ๆ หมัดของใครคนหนึ่งก็ซัดบอดี้การ์ดคนนั้นจนเซ

   “แกทำผัวฉัน” ป้าแก้วพูดเสียงเย็น “และลูกฉัน!” แล้วแกก็เตะกลางหว่างขาอีกรอบจนบอดี้การ์ดคนนั้นล้มทั้งยืน

   เหยดดดดดดด ป้าแก้วทำได้ไงวะเนี่ยยย

   “ฉันเป็นลูกสาวเจ้าของค่ายมวยโว้ยยยย”

   หญิงร่างผอมบางบอกแล้วหันไปจัดการกับบอดี้การ์ดอีกคนอย่างคล่องแคล่ว ผมนี่แทบจะปรบมือให้เลย แต่ไม่มีเวลาไง้

   ขาก้าววิ่งต่อ ป้ายห้องชันสูตรอยู่ห่างออกไปไม่ถึงสิบเมตร แม่ของธีร์เห็นท่าไม่ดีจึงวิ่งตามผมมาเอง ในขณะที่ผู้ชายเครายาวข้างหลังนิ่งเฉย “คุณมัวทำอะไรอยู่ รีบมาช่วยกันสิ” พิมพ์ผกา ดำรงเดชตะโกนใส่ชายคนนั้น หากเขาแค่มองตรงมาที่ผมอย่างเห็นใจ ส่ายหัวและตอบภรรยาตัวเองแบบปลงๆ

   “ขัดขวางเขาตอนเป็นแล้วอย่าไปขัดขวางเขาตอนตายอีกเลย เด็กมันรักกัน คนที่เสียคนรักไปเขาก็ต้องเสียใจไม่ต่างจากเราหรอก ให้เขาเข้าไปเถอะ”

   ผมจำเขาได้แล้ว เขาเป็นอดีตช่างภาพดังชื่ออำมาตย์ ดำรงเดช...พ่อของธีร์

   “ฝันเถอะ” เธอวิ่งเข้ามาอย่างปราดเปรียวจนเกือบถึงตัวผม แต่จู่ๆ ก็ล้มลงกระแทกกับพื้น...เป็นภาพที่หาดูยากสำหรับคนทั่วไปมากเลยนะ ต่าย พิมพ์ผกาล้มหน้าฟาดเนี่ย

   “เธอนั่นแหละฝัน” หญิงร่างท้วมคนที่สกัดขาเธอพูดด้วยเสียงเย็บเยียบ แล้วแม่ของผมก็ทิ้งตัวลงนั่งทับในทันที “ข้ามศพฉันไปก่อนเถอะ แต่คงยากหน่อย เพราะตอนนี้ฉันข้ามเธออยู่”

   คุณต่ายดิ้นไม่หลุด ทำได้เพียงกรีดร้องเสียงแหลมออกมาอย่างไม่ห่วงภาพพจน์นางเอกอีกต่อไป เธอหมดฤทธิ์ในที่สุด

   “ไปจุ๊บ ไปช่วยผัวให้ได้ ช่วยไม่ได้จะขึ้นคานตลอดชีวิตนะ ไป๊!!!”

   แม่ตะโกนให้กำลังใจ (?) เมื่อผมวิ่งมาถึงหน้าห้อง รู้สึกถึงหัวใจที่เต้นตึกรุนแรงเหมือนจะหลุดออกมาจากอก ผมก้มมองนาฬิกาอีกครั้งและพบว่าตอนนี้ห้าทุ่มห้าสิบเจ็ด...ผมเหลือสามนาที...


   สามนาที


   ผมเป่าลมออกจากปากเหมือนนักมวยกำลังจะขึ้นสังเวียน บิดลูกประตูและเข้าไปในห้องชันสูตร ซึ่งเป็นห้องโล่งกว้างที่มีเพียงเตียงเหล็กตั้งอยู่ตรงกลาง บนเตียงนั้นมีร่างของเขาที่คลุมด้วยผ้าสีเขียวเข้มผืนยาวไว้




(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบสุดท้าย | UPDATE 16.2.2561 | Page 27 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 16-02-2018 09:06:14
(ต่อจากด้านบน)

   อากาศเย็นผิดปกติ บรรยากาศในห้องเงียบสงัดจนได้ยินเสียงรองเท้าของผมกระทบกับพื้นก้องกังวานไปทั่วห้อง ระหว่างนั้นเองภาพวันเก่าๆ ของเราสองคนถูกฉายขึ้นมาในหัวผม ราวกับมีคนกรอเล่นความทรงจำระหว่างเราในทุกย่างก้าวที่ผมเข้าใกล้


   “ขอถ่ายรูปคู่ด้วยได้ไหม”

   วันสุดท้ายของการใช้ชีวิตม.ปลายของผม วันนั้นเราคุยกันครั้งแรก


   
   “ชื่อไรครับ”

   “ธีร์ครับ”

   “ธีร์ ดำรงเดชเหรอ”


   แล้วโลกก็เหวี่ยงเขากลับมาหาผมอีกครั้งหลังเวลาผ่านไปหนึ่งปี แถมยังอัพสกิลการเข้าถึงยากด้วยการเป็นดาราระดับซูเปอร์สตาร์ของเมืองไทย



   “ชื่อจริงชื่อจุมพิตเหรอ?”

   “ใช่ แปลกปะ”

   “เจ๋งออก ฟังดู...น่ารักด้วย”


   ด้วยความเป็นดาราดังเนี่ยแหละ เลยไม่คิดว่าจะจีบไง


   “ถึง...คนที่เขียนถามพี่จุ๊บว่ามีแฟนหรือยังเมื่อเช้า”

   “...”

   “อย่ายุ่ง...ของกู”


   จะคิดว่าจีบจริงจังก็ตอนเนี้ย



   “แต่จะว่าไป...นิเทศก็มีสิ่งที่เราชอบนะ”

   แล้วก็ตอนเนี้ย



   “น่านะ…จูบกับเรามันก็ไม่แย่นักหรอกมั้ง”

   รู้ตัวอีกทีก็เสียจูบเฉย อะไรวะเนี่ย



   “แต่เทียบความกลัวกับความชอบแล้ว ความชอบมันมีมากกว่า”

   ยังจำประโยคที่เคยบอกไว้ตอนวันเฟรชชี่ไนท์ที่สครับบ์มาเล่นคอนเสิร์ตได้ พอๆ กับจำจูบกลิ่นบุหรี่ในวันนั้น และจำการตั้งใจหยุดเวลาครั้งแรกของเรา



   “จะให้เราพูดอีกกี่รอบก็ได้ เราชอบพี่จุ๊บ เราชอบพี่จุ๊บ เราชอบพี่จุ๊บ”

   วันที่เราไปนั่งเปลือยใจกันบทชิงช้าสวรรค์เก่าๆ ในสวนสนุกร้าง ก็จำได้ว่าวันนั้นธีร์บอกมันชัดเจนกว่าครั้งไหน



   “ผมชอบลูกชายคุณอามาก และผมจะไม่ทำเขาเสียใจอีกแล้วครับ ผมสัญญา”

   ไม่เคยลืมคำที่เคยพูดไว้กับพ่อของเราในวันที่เราตกลงเป็นแฟนกัน ทรงพลังอย่างกับมาสู่ขอ



   “เพราะเราจะอยู่กับพี่จุ๊บนี่แหละ ไม่ว่าจะดีหรือแย่”

   คำสัญญาที่ให้กันไว้



   “ดูแลรอยยิ้มของคนที่เรารักด้วย”

   และคำสัญญาที่ผมให้เขา



   “แต่เรารักปราสาทที่นายช่วยกันสร้างมากไง ปกป้องมันไว้ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย”

   รวมทั้งความสัมพันธ์ของเราที่เขาพยายามจะรักษามันไว้สุดกำลัง แต่ผมทำพังในวันต่อมา



   “ทำไมยังเป็นเรา...ทั้งๆ ที่เราเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง”


   “เพราะพี่จุ๊บมีจูบวิเศษ”



   เพราะทุกเรื่องราวของเราคือส่วนที่มีค่าที่สุดในชีวิตของผม...ไม่ว่าเรื่องราวนั้นจะดีหรือแย่
   เพราะเขาคือส่วนหนึ่งของผม
   วันนี้ผมจะใช้จูบวิเศษที่เป็นส่วนหนึ่งของตัวเองทำให้เขากลับมามีชีวิต



   ผมเปิดผ้าคลุมศพสีเขียว เผยให้เห็นใบหน้าของธีร์ที่ซีดเซียวกว่าปกติ กระนั้นเขาก็ยังไม่เหมือนคนที่ไร้ลมหายใจ...เขาเหมือนคนที่หลับไปมากกว่า

   “ตื่นนะธีร์” ผมก้มลงกระซิบข้างหูเขา “ตื่นมาฟังคำขอโทษของเรา ตื่นมาบอกรักเรา ตื่นมาฟังเราบอกรัก เราจะบอกธีร์ทุกวันเลย”

   ผมใช้มือลูบผิวหน้าเย็นจัดของเขา เตรียมตัวก้มลงเพื่อประกบริมฝีปาก...

   ผลัวะ!


(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบสุดท้าย | UPDATE 16.2.2561 | Page 27 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 16-02-2018 09:08:15
(ต่อจากด้านบน)

   “นี่ไงคะ มีคนบุกรุกห้องชันสูตรจริงๆ” โฟกัสปรากฏตัวหลังประตูบ้านนั้น มาพร้อมกับทีมแพทย์และพยาบาลหลายคนที่มันคงจะไปแจ้งว่าผมกับคนในครอบครัวบุกขึ้นมาที่นี่ นอกจากพวกเขาแล้วยังมีร.ป.ภ.ที่แออัดกันอยู่หน้าห้อง รวมไปถึงแม่ของธีร์ บอดี้การ์ด และสมาชิกในครอบครัวของผมที่ส่งเสียงเชียร์ให้จูบแข่งกับเสียงห้ามของพวกเขา

   โอย ให้มันได้อย่างนี้สิวะ

   “น้อง ก้าวถอยหลังออกห่างจากศพเดี๋ยวนี้” ร.ป.ภ.ยกปืนขึ้นมาขู่ ผมเหล่มองนาฬิกา ตอนนี้เวลาห้าทุ่มห้าสิบเก้านาทีสามสิบสี่วินาที

   ผมเหลือเวลาอีกไม่กี่วินาทีเท่านั้น

   “น้อง! พี่บอกให้ก้าวถอยหลังออกจากศพ เดี๋ยวนี้!” ร.ป.ภ.ก้าวเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว ขายาวของเขาอีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงตัวผม เวลาเดินถอยหลังมากขึ้น...

   แล้ววินาทีที่ไม่มีใครคาดคิด เกิดเสียงระเบิดประหลาดขึ้นในห้อง มันเป็นเสียงระเบิดเบาๆ คล้ายเราเป่าหมากฝรั่งจนแตก

   “จุ๊บ จูบเลย ตอนนี้!” แล้วร่างของยายหอมก็ปรากฏตัวขึ้นในอากาศ สร้างความเหวอแดกให้กับทุกคนที่กำลังกรูกันเข้ามาในห้องจนต้องหยุดชะงัก รวมทั้งผม

   “จูบ!”

   ผมมองยายหอมด้วยความระทึก เคลื่อนสายตาไปมองครอบครัวที่ร้องเย้วๆ กันใหญ่ และย้ายไปสบตากับแววตาอันเกรี้ยวกราดของอดีตเพื่อนสนิทที่เป็นคนฆ่าธีร์กับมือ

   สิบวินาทีสุดท้าย

   “จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่” ผมพูดกับฝูงชน เจาะจงไปยังโฟกัส เห็นความไม่ยอมรับยังฉายชัดอยู่ในดวงตาคู่นั้น “แต่ความจริงจะเป็นความจริงเสมอ”

   ห้าวินาทีสุดท้าย

   “ผมนี่แหละคู่ชีวิตของธีร์ ดำรงเดช”

   เวลาเที่ยงคืนตรง ผมประกบริมฝีปากลงบนปากของธีร์...จูบครั้งนี้แนบแน่นยิ่งกว่าครั้งไหนๆ



   

   ความเงียบกลืนกินเราในฉับพลัน

   ผมค่อยๆ ลืมตา ใบหน้าของธีร์ยังแนบชิดอยู่กับหน้าผม เขาหลับตาแน่น และก็ยังไม่มีเสียงลมหายใจ

   ผมถอนจูบออก สังเกตว่าทุกสิ่งรอบตัวตอนนี้อยู่ในสภาวะของการหยุดเวลาอีกครั้ง ทีมร.ป.ภ.กับแพทย์ยังคงสีหน้าเหวอไว้ ทีมกองเชียร์ด้านหลังยังอ้าปากค้าง แม่ของธีร์กับโฟกัสเบิกตาโต และตำแหน่งที่ยายหอมเคยปรากฏตัวกลับกลายเป็นความว่างเปล่า เหลือไว้แค่ฝุ่นผงบนพื้นห้อง

   ผมเศร้า ยิ่งเศร้าเข้าไปใหญ่เมื่อรู้ว่าธีร์ยังไม่หายใจ         

   ลองเขย่าตัวเขา แนบหูฟังเสียงหัวใจเต้นอยู่หลายวินาที แต่ทำยังไงเขาก็ยังไม่ฟื้นกลับมา

   “ธีร์...” น้ำตารื้นขึ้นอีกครั้งตอนหนุนอกกว้าง หรือที่ผมทำไปมันไม่...

   “เว้ย!”

   “แว้กกกกกกก!!!”

   จู่ๆ ธีร์ก็กระเด้งตัวขึ้นมาแล้วหอบหายใจแรง ทำให้ผมตกใจจนกระเด้งตามเขา คนเป็นดาราลืมตาโพลง สองมือจับๆ คลำๆ ไปที่ช่วงท้อง สักพักก็นิ่วหน้าออกมา

   เขาฟื้น!

   “พี่จุ๊บ...” เขาเรียกผมตะกุกตะกัก พ่นลมหายใจแรงราวกับไม่ได้หายใจมานานแสนนาน (ที่จริงเขาก็เป็นแบบนั้น) “เราโดนยิง...เราโดนยิง...”

   การพึมพำของเขาทำให้ผมหัวเราะทั้งน้ำตา “ใช่ ตายด้วย”

   “เราตายแล้วเหรอ” ธีร์จับหน้าตัวเอง ชี้มาที่ผม “พี่จุ๊บก็ตายด้วยเหรอ แล้วนี่อะไรเนี่ย” ดาราหนุ่มพยักเพยิดไปทางกลุ่มคนแข็งกระด้างที่กระจุกกันอยู่ตรงประตู “นี่เวลาหยุดเหรอ...โอ๊ป”

   ผมไม่ตอบอะไรแต่พุ่งเข้ากอดเขาเต็มแรง งื้อ คิดถึงจังไอ้ผิวหลอดไฟ

   “พี่จุ๊บ...ไรเนี่ย...”

   “เรานึกว่าเราจะเสียธีร์ไปแล้ว” ผมพูดกับเขา พยายามกลั้นความตื้นตันที่มาในรูปแบบน้ำตาสุดพลัง...ก็ไม่อยากให้เขาด่าว่าขี้แยอีกนี่หว่า “เรากลัวว่าจะไม่ได้บอก เรารัก-โคตรรรรรักธีร์เลย”

   ธีร์ดูทึ่งที่จู่ๆ ผมก็กอดและบอกรักอย่างบ้าคลั่ง แต่ไม่นานเขาก็โอบแขนรอบตัวผมบ้าง เรากอดกันจนหนำใจผมก็เริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดตั้งแต่เขาโดนยิงให้ฟัง

   “หมายความว่าเราจะไม่มีพลังอีกแล้วเหรอ”

   “ไม่มีแล้ว”

   “แล้วช่วยชีวิตแบบนี้ก็ทำได้รอบเดียว ถ้าตายรอบหน้านี่ก็แย่แล้วดิ”

   “คราวหน้าก็อย่าทะเล่อทะล่าเข้าไปแย่งปืนใครอีกสิ”

   “โห่ พูดแบบนี้ได้ไง เรายอมตายแทนพี่จุ๊บนะตอนนั้นอะ”

   “ก็รู้ไง” ผมบอก “...ถึงไม่อยากให้ทำอีก”

   ธีร์ยิ้มล้อ “ร้องไห้ขี้มูกโป่งเลยอะดี๊”

   “โคตร” ผมยอมรับความจริงกับเขา “ขอโทษที่ทำทุกอย่างพังก่อนหน้านี้ และไม่อยากพูดแบบนี้หรอก แต่ขอบคุณ...”

   “...”

   “ที่ช่วยชีวิตเรา”

   “เราไม่เคยโกรธ ส่วนเรื่องช่วยชีวิต...เป็นพี่จุ๊บก็ต้องทำเหมือนกัน” ธีร์พูด “เออ จริงๆ ก็เพิ่งทำไปนี่หว่า” เขาเสมองกลุ่มคนที่นิ่งค้างใกล้ตัว “สรุปว่าต่อไปนี้เราจะไม่เจอภาพแบบนี้อีกแล้วใช่ไหม”

   “เศร้าเหรอ”

   “รู้สึกดีต่างหาก” เขาบอก “ต่อไปเราจะไม่ต้องจูบหยุดเวลาเพื่อหนีจากคนพวกนี้อีกแล้ว”

   “ฮื่อ...”

   “จูบเราจะได้เป็นจูบธรรมดาเหมือนชาวบ้านเขาสักที”

   ผมกับเขาหัวเราะขณะมองภาพรอบตัวเหล่านั้น แล้วก็ปล่อยให้ความเงียบครอบคลุมอยู่หลายวินาที

   “ถ้าเราหยุดเวลาไม่ได้ ธีร์ว่าเรื่องของเรามันจะยากขึ้นกว่านี้ไหม” ผมละสายตาจากคนอื่นแล้วหันมองหน้าเขา ธีร์ทำท่านึกคิด แล้วยักไหล่

   “น่าจะงั้น” เขาย่นริมฝีปาก “เราว่ามันคงมีทั้งยากทั้งง่าย แต่ไม่ว่าจะเป็นไง เราจะหาทางออกด้วยกัน โอเคไหม”

   ผมยิ้มค่อย “...โอเค”

   เราคิดหาวิธีที่ทำให้เวลากลับมาเดินอีกครั้ง แล้วตระหนักว่ามันคงเป็นวิธีไหนไปไม่ได้นอกจากการจูบกัน จูบที่ทำให้ผมกับธีร์กลับสู่เวลาของโลกความจริงส่งแสงสีส้มเรืองรองออกมาในบริเวณปากเรา เป็นจูบวิเศษครั้งสุดท้ายที่ให้ความรู้สึกลึกซึ้งและสดใหม่ราวกับจูบแรก

   หรืออาจเพราะมันเป็นจูบแรกจริงๆ ของเรา

   จูบแรกที่ไร้ความคาดหวัง จูบแรกที่กล้าบ้าบิ่น จูบแรกที่ได้เป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มที่



   จูบ เพื่อแสดงความรักที่มีต่อกัน แค่นั้นจริงๆ



หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบสุดท้าย | UPDATE 16.2.2561 | Page 27 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 16-02-2018 09:09:41
(https://www.img.in.th/images/703cd3f2e6e26a25842ea76e576ddc48.jpg)

จูบสุดท้าย


   เพียงแค่จูบเดียว ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง   


   หลังธีร์กลับมาจากความตาย มันก็สร้างความช็อคระดับใหญ่หลวงให้กับทีมแพทย์ ร.ป.ภ. แฟนคลับ ร่วมถึงประชาชนทั่วฟ้าเมืองไทย แต่ใครก็ช็อคได้ไม่เท่าคุณต่าย-พิมพ์ผกา ดำรงเดช แม่ของเขาที่เห็นจูบชุบชีวิตนั้นต่อหน้าต่อตา

   เมื่อธีร์ตื่นขึ้นมา เขาได้รับการรักษาเพิ่มเติมจากมือแพทย์จนกระทั่งปลอดภัย การมีชีวิตอีกครั้งของเขาเป็นเรื่องที่เล่าจากปากก็ไม่มีใครเชื่อ แต่หลักฐานมันจำนนอยู่ทนโท่ ทันทีที่เรื่องนี้แพร่ออกไปมีกระแสจวกรุนแรงจากประชาชน ที่จวกทั้งสื่อมวลชน ทั้งพี่บุ๊ค ทั้งแม่ของธีร์ว่ากุเรื่องธีร์ตายทั้งหมดขึ้นเพื่อกลบกระแสข่าวเกย์

   จวกไปถึงทางโรงพยาบาลว่าร่วมมือเมคเรื่องโกหกทั้งหมด จนคนข้างในต้องแอบปล่อยคลิปในห้องชันสูตรออกมาเพื่อยืนยัน แต่ก็ยังไม่วายโดนจวกว่าเป็นเซตอัพทั้งเพ


   แต่คนที่โดนจวกหนักที่สุดเห็นทีจะเป็นเขา ซึ่งตั้งแต่ฟื้นจากความตายก็ดูไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านกับกระแสสังคมรอบตัวทั้งนั้น

   “เวรกรรมมันแค่วนกลับมาเฉยๆ” ธีร์บอก จุดมุ่งหมายเดียวของเขาคือการคุยกับแม่ให้รู้เรื่องว่าตัวเองไม่ต้องการชื่อเสียงหรือชีวิตแบบเดิมอีกแล้ว

   ธีร์ ดำรงเดชคนเดิมตายไปแล้ว

   ผมอยู่ในเหตุการณ์ตอนที่ธีร์คุยกับแม่ มันเป็นสถานการณ์บีบคั้นหัวใจพอสมควร แม้เธอจะเห็นกับตาว่าผมทำให้ธีร์ฟื้นคืนชีพเพื่อพิสูจน์คำว่าคู่ชีวิตได้ แต่ปณิธานเรื่องการงานและการขัดขวางความรักของผมกับธีร์ก็ยังอยู่

   ธีร์พยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบ เขาดูควบคุมสติตัวเองได้มากกว่าแม่ของเขา แต่ผมก็เข้าใจเธอเหมือนกัน เพราะนี่อาจจะเป็นการโต้เถียงจากธีร์ครั้งแรกตั้งแต่เขาเกิดมา

   “ถ้าแกพูดออกไป แกจะทำลายชีวิตแม่ทันที อยากเป็นอย่างนั้นหรือเปล่าล่ะ”

   “แต่ถ้าผมไม่พูดอะไร ผมก็จะไม่ได้ใช้ชีวิตตัวเองสักที ผมไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นเหมือนกันครับ”

   ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมใคร พิมพ์ผกา ดำรงเดชสาดคำดุด่าใส่เขากระหน่ำ แตกต่างที่ตอนนี้ธีร์ไม่อยู่ฟังแล้ว เขาแค่เก็บของที่จำเป็นออกจากบ้าน ท่ามกลางเสียงตะโกนกร้าวจากผู้เป็นแม่ว่าเขาเป็นลูกเนรคุณ

   ธีร์ย้ายมาอยู่ที่บ้านผมชั่วคราว ส่วนผมก็เป็นเจ้าบ้านและแฟนที่ดีพอที่จะให้เขาแชร์ห้องนอนด้วย วันแรกที่ธีร์ย้ายเข้ามาอยู่ คนในครอบครัวผมยังคงเศร้ากับการจากไปของยายผู้สละชีวิตตัวเองเพื่อให้ผมช่วยชีวิตธีร์ไว้ทัน หลังจากเก็บอัฐิยายที่หลงเหลืออยู่ในห้องชันสูตรเข้าโกฐเรียบร้อย ทุกคนก็อยู่ในอาการเศร้าปนปลง แต่ก็ยังใจดีมากพอที่จะจัดปาร์ตี้ยินดีต้อนรับธีร์เข้าสู่บ้านวิเศษกาล

   “ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัวที่ประหลาดที่สุดในโลก” ผมบอกกับเขาแบบปลงๆ

   “ลูกจะอยู่นานเท่าที่ลูกอยากอยู่ แม่ไปซื้อเตียงเข้าห้องจุ๊บใหม่ก็ได้ จะได้ทำอะไรกันสะดวก” แม่ผมเสนออย่างน่าตี แถมยังเรียกธีร์ว่า ‘ลูก’ อย่างสนิทสนม เชื่อเขาเลยครับ เลี้ยงผมมายี่สิบปีเรียกผมว่า ‘เธอ’ แต่เรียกธีร์ว่า ‘ลูก’ เนี่ยนะ ความน่าเอ็นดูมันต่างกันขนาดนั้นเลยหรือไงฟะ

   “ไอ้จุ๊บเว่อร์ ไม่ได้ประหลาดขนาดนั้นซะหน่อย” ป้าเด้าได้ยินที่ผมพูดจึงรีบแก้ แกแปะป้ายฟิวเจอร์บอร์ดที่เขียนชื่องานปาร์ตี้ติดกับฝาบ้าน ก่อนจะไปคร่ำครวญกับคาราโอเกะของแกต่อไป

   บนฟิวเจอร์บอร์ดเขียนว่า ‘สุขสันต์วันฟื้นคืนชีพ’


   ครับป้าเด้า...ไม่ประหลาดเลยคร้าบ



(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบสุดท้าย | UPDATE 16.2.2561 | Page 27 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 16-02-2018 09:11:09
(ต่อจากด้านบน)

   สองวันหลังจากย้ายเข้ามาอยู่ ธีร์ตัดสินใจว่าถ้าไม่มีใครจัดแถลงข่าวให้ ก็จะแถลงข่าวด้วยตัวเอง โดยเขาอาศัยความช่วยเหลือจากแฟนคลับที่ใกล้ตัวที่สุด...ไอ้จีบผู้เป็นหนึ่งในแอดมินเพจ Thee Dumrongdech Official นั่นเอง

   และทันทีที่ปล่อยคลิปแถลงข่าวออกไป...


   ช็อคทั้งวงการ! ธีร์ ดำรงเดชรับว่าชอบผู้ชาย!

   ย้ำ-ไม่คิดลาออกจากวงการ แค่อยากไปทำสิ่งที่ตัวเองชอบ



   พาดหัวข่าวนี้แตกเป็นหัวข้อข่าวบนเว็บคลิกเบทหลักร้อย แต่ละหัวข้อก็มีคนเข้าอ่านหลักล้าน แถมยังถูกแชร์อยู่บนหน้าฟีดทุกวันซ้ำกันนานเกือบหนึ่งเดือน ทั้งที่ใจความในข่าวก็ไม่มีอะไรมาก แค่เอาคลิปแถลงการณ์ที่ธีร์ปล่อยเองมาแปะ และถอดคำพูดของเขาจากคลิปนั้นเป็นตัวหนังสือ


   ‘สวัสดีครับทุกคน ผมธีร์ ดำรงเดชเองนะครับ

   ปกติไม่ค่อยได้เล่นเฟซบุ๊กเท่าไหร่ ยิ่งมาพูดในเพจแบบนี้ก็ไม่เคยเหมือนกัน

   แต่วันนี้ผมจำเป็นจริงๆ ที่ต้องออกมาพูดถึงบางประเด็นที่หลายคนอาจเข้าใจผิดกัน

   อยากจะเขียน แต่กลัวทุกคนคิดว่าผมไม่ได้เขียนเอง เลยอัดเป็นคลิปมาให้ดูแล้วกัน

   จากที่เคยมีภาพหลุดของผมกับผู้ชายอีกคน แล้วมีข่าวออกมาว่าผมชอบผู้ชาย

   เพื่อให้เข้าใจตรงกัน ผมจะยืนยันกับทุกคนตรงนี้ว่าทุกอย่าง ‘เป็นเรื่องจริง’ ครับ

   ผมมีแฟนเป็นผู้ชายคนหนึ่งคนนอกวงการ

   และผมภูมิใจมากๆ ที่จะพูดว่าผมเป็นแฟนเขา



   ผมรู้ว่าดาราไทยไม่ค่อยออกมาพูดแบบนี้กันบ่อย แทบจะไม่มีเลย

   และผมก็รู้ด้วยว่ามารยาทของดาราทั่วไปเวลาทำอะไรผิดจะต้องขอโทษที่ทำให้ผิดหวัง

   ผมรู้ว่าอาจจะมีแฟนคลับบางคนผิดหวัง

   แต่ผมจะไม่ขอโทษอะไรทั้งนั้น

   ผมจะไม่ขอโทษเพราะความชอบของตัวเองที่ไม่ได้ผิดอะไรเลย

   ผมเข้าใจถ้าบางคนจะเกลียดผมเพราะสิ่งที่ผมเป็น

   แต่ผมก็ไม่อยากให้คุณรักในสิ่งที่ผมไม่ได้เป็นมาตลอดเหมือนกัน



   เพราะนี่ไม่ใช่การเลือกผู้ชายแทนที่จะเลือกผู้หญิง

   แต่ผมเลือกความชอบของตัวเองมากกว่าความชอบของคนอื่น


   
   ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าหลังจากโพสต์คลิปนี้ไป อนาคตในวงการผมจะเป็นยังไง

   ผมเองอยากหันไปเรียนอะไรที่ตัวเองสนใจจริงๆ เหมือนกัน

   ยังไงก็ตาม ผมขอบคุณสำหรับความรักที่พวกคุณทุกคนมีให้ และผมจะดีใจถ้าคุณยังมีให้ต่อจากนี้

   เพราะต่อไปคงไม่มีธีร์ ดำรงเดชที่ตอบคำถามสื่อด้วยคำตอบเดิมๆ หรือทำเป็นคุยสนุกกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ

   คงไม่มีธีร์ที่เต้นเก่ง พูดชัด หรือเป็นแบบอย่างที่สมบูรณ์แบบของเยาวชน

   เหลือแต่ธีร์ที่เป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ที่จะทำสิ่งที่อยากทำ รักคนที่อยากรัก

   ถ้าหากคุณไม่โอเคกับผมแบบนั้น ก็ไม่เป็นไรเหมือนกันครับ



   ขอบคุณที่ดูมาถึงตรงนี้

   อ้อ ถ้าทำได้ผมอยากให้ทุกคนงดการซักถามแม่ คนใกล้ตัว และผู้จัดการของผมเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยครับ

   พวกเขาไม่เกี่ยวอะไรด้วย นี่คือการตัดสินใจของผมเอง

   ขอบคุณครับ’



   จนแล้วจนรอด ธีร์ก็ยังเป็นคนดีมากพอที่จะปกป้องแม่และคนที่ได้น่าจะได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้

   หลังจากคลิปถูกปล่อยออกไป ความนิยมจากแฟนคลับเก่าของธีร์ลดลงมาเกือบครึ่ง แต่ครึ่งหนึ่งนั้นก็ถูกแทนที่ด้วยประชาชนคนหน้ามืดที่งมงายเรื่องธีร์ตายแล้วฟื้น แฟนคลับกลุ่มใหม่เหล่านี้ถึงกับมาออที่หน้าบ้านผมเพื่อมาขอหวยจาก ‘คนตายแล้วฟื้น’ จนโดนป้าเด้าไล่ตะเพิดไปหลายรอบ

   ตลกดีเหมือนกันที่ไม่กี่วันก่อนเรายังโดนด่าเรื่องจูบในวัดจนเกิดอาเพศ แต่ไม่กี่วันต่อมาคนก็แห่มาสรรเสริญเพราะปาฏิหาริย์

   สถานการณ์ตอนนี้จะพูดว่าธีร์ออกจากวงการแล้วทำได้ไม่เต็มปาก เขากลายเป็นคนที่เดินถนนก็มีแต่คนรู้จัก แต่ก็ไม่มีผลงานใดๆ ออกมา


   ใช้คำว่าลาพักอาชีพนักแสดงคงเหมาะสมที่สุดล่ะมั้ง


(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบสุดท้าย | UPDATE 16.2.2561 | Page 27 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 16-02-2018 09:12:23
(ต่อจากด้านบน)

   สองอาทิตย์หลังจากเปิดตัวว่าชอบผู้ชาย ผมกับธีร์ก็มีโอกาสเดินทางไปในทัณฑสถานหญิงย่านชานเมือง เป็นสถานที่ที่ผมไม่คิดว่าชีวิตนี้จะได้มา แต่ผมต้องมา เพียงเพราะอยากคุยกับเธอ

   ...เพื่อนที่ผมเคยสนิทที่สุดตั้งแต่ม.ปลาย

   โฟกัสโดนเรียกหมายจับจากคำให้การของธีร์ เธอหนีหายไปได้หลังเขาฟื้น แต่ด้วยความร่วมมือของแฟนคลับเดนตาย(คนที่ยังหลงเหลือ)ของพระเอกหนุ่ม พวกเขาช่วยตำรวจหาตัวโฟกัสจนเจอเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา พร้อมกับของกลางคือปืนที่ใช้ก่อเหตุ

   โฟกัสถูกดำเนินคดีข้อหาพยายามฆ่าและถูกส่งตัวมารับโทษทันที นอกจากนี้ ตำรวจยังสอบปากคำเธอจนพบความจริงเชื่อมไปถึงคดียิงคู่เกย์พ่อเลี้ยงกับคู่ขาเมื่อหลายปีก่อน โฟกัสสารภาพว่าเป็นคนลงมือเอง แต่ตอนนั้นแม่แท้ๆ อาสารับผิดแทน

   บางทีแม่โฟกัสอาจผิดที่สอนโฟกัสให้คิดเกลียดชายรักชายเข้าไส้

   บางทีพ่อเลี้ยงโฟกัสอาจผิดที่แต่งงานกับแม่เธอเพื่อบังหน้า เพราะไม่กล้าเปิดเผยตัวว่าชอบผู้ชาย

   หรือบางทีอาจไม่มีใครผิดเลย แต่ค่านิยมทางเพศต่างหากที่ผิด เพราะมันสอนให้เรามองรสนิยมที่แตกต่างว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาด

   อยู่ที่นี่โฟกัสถูกบำบัดจิตไปพร้อมกับการบำเพ็ญประโยชน์ เอาแต่ร้องไห้เมื่อเห็นผมกับธีร์เข้ามาเยี่ยม เธอพูดกับเรานับคำได้ ในดวงตาแดงก่ำมีความทุกข์ทรมานฉายชัดตลอดเวลา

   น้ำตาของเธอแทนความรู้สึกผิดได้เป็นอย่างดี

   “มึงยังเป็นเพื่อนกูอยู่นะกัส” ผมกุมมือเพื่อนอย่างให้กำลังใจ แต่เธอชักมือกลับ

   “พวกมึงกลับไปเถอะ แล้วอย่ากลับมาอีก กูขอร้อง”

   “กูให้อภัยมึงนะโฟกัส...เราให้อภัยมึง”

    ผมทำได้เพียงบอกเธอแบบนั้น และปลีกตัวออกมาจากทัณฑสถานด้วยความรู้สึกห่อเหี่ยว

   “แย่เหมือนกันเนอะ” ธีร์เปรย

   “แย่ดิ แต่เราเนี่ยแหละแย่กว่า” ผมพูดกับเขา “อยู่ด้วยกันมาหลายปี แต่เราไม่รู้จักเขาเลย เขาแม่งเป็นเพื่อนที่ดีมากด้วยอะ เสียดายที่การเป็นเพื่อนมันพังลงแค่เพราะเราชอบธีร์” ผมพ่นลมหายใจ ธีร์บีบไหล่ผมอย่างให้กำลังใจ

   “เสียดายที่ความไม่รักมันทำลายความรักป่นปี้หมดเลย”

   “วันนึงเขาปล่อยทุกอย่างได้ วันนั้นเขาคงมีความสุขเองมั้ง”

   “อือ เราอยากให้ถึงวันนั้นเร็วๆ”



   พอเราขับรถกลับมาถึงบ้าน ผมก็เจอกับผู้หญิงร่างสูงในชุดเดรสสีขาวมายืนด้อมๆ มองๆ อยู่หน้าประตูบ้านของเรา ตอนแรกผมนึกว่าเป็นพวกงมงายที่มาขอหวยจากธีร์อีกครั้ง

   แต่พอเพ่งดูดีๆ แล้ว ผู้หญิงคนนั้นคือ...ต่าย พิมพ์ผกา

   เห็นสีหน้าลำบากใจของเขาแล้วผมจึงอาสาลงจากรถไปเจรจาแทน ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าเธอจะมาก่อสงครามยกใหม่หรือเปล่า แต่ดูทรงแล้วไม่น่าใช่   

   แม่ของธีร์ดู...เปลี่ยนไป เธอปล่อยผมเผ้าให้รุงรังและสวมเสื้อผ้าที่ไม่ได้เพอร์เฟ็กต์ทุกกระเบียดนิ้วอย่างเคย แถมยังมีสีหน้าดีใจมากๆ ที่เห็นผม แต่พอมองเลยผ่านผมไปเห็นธีร์ที่นั่งรออยู่ในรถด้านหลังก็ทำหน้าจ๋อย

   ผมยกมือไหว้เธอ นางเอกละครในตำนานปากสั่นผ่าวเหมือนมีหลายอย่างในใจที่อยากพูดกับผมเหลือเกิน

   แต่ยังไม่ทันทำอะไรเธอก็ปล่อยโฮออกมา ปล่อยแบบโฮตัวสั่นจนผมเหวอ

   “ฉันรู้ว่าลูกไม่อยากคุยกับฉัน แต่เธอช่วยฉันหน่อยได้ไหม” เธอพึมพำออกมาท่ามกลางน้ำตาที่ไหลพรากๆ “ฉันจะไม่ขัดขวางพวกเธออีก ฉันจะไม่ให้ให้เขาทำอะไรที่ไม่อยากทำแล้วทั้งนั้น...ฉันแค่อยากให้เขากลับบ้าน”

   น้ำตาของเธอทำให้ผมใจอ่อน แต่ผมก็รู้อยู่ในอกว่านี่คือสิ่งที่ควรทำ จึงเข้าไปเกลี้ยกล่อมธีร์ให้คุยกับแม่ตัวเองได้ในที่สุด

   ภาพทั้งคู่กอดกันด้วยการยอมรับทำให้รู้สึกว่าตัวเองคิดถูก

   ผมมั่นใจว่าทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไปในทางที่ดี




(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบสุดท้าย | UPDATE 16.2.2561 | Page 27 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 16-02-2018 09:14:28
(ต่อจากด้านบน)

   วันคืนผันเวียน ฤดูกาลเปลี่ยนผ่าน ในที่สุดก็เข้าสู่ช่วงเปิดเทอมใหม่เสียที ผมกลายเป็นนักศึกษานิเทศศาสตร์ปีสามผู้โชคดี(หรือร้าย)เพราะไปไหนก็มีแต่คนซุบซิบในฐานะแฟนหนุ่มที่ทำให้ธีร์ ดำรงเดชประกาศลาวงการ

   ส่วนตัวต้นเรื่องอย่างเขา...อดีตคนที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในคณะเราเมื่อปีที่แล้ว...กลายเป็นนักศึกษาปีหนึ่งอีกครั้งที่สถาบันเดิม เพิ่มเติมคือได้เรียนในคณะที่เขาใฝ่ฝันอย่างสถาปัตยกรรมศาสตร์ จากการสนับสนุนของครอบครัวของเขาเอง

   มีแฟนเป็นเด็ก’ถาปัตย์ เอาไปอวดแล้วเท่สัด แต่ผมไม่อวดหรอก อิๆ

   “จุ๊บ มาหาแม่แป๊บนึงสิ”

   คืนก่อนเปิดเทอมที่ผมกำลังวิดีโอคอลกับธีร์อยู่และเตรียมตัวจะนอน (เขายอมกลับไปอยู่บ้านของตัวเองแล้ว แต่บางวันก็แอบแว้บมาอยู่กับผมบ้าง) จู่ๆ แม่ก็เรียกผมให้ตามไปที่ห้องโถง ตอนแรกนึกว่าจะตามมาให้นวดไหล่แป้นแล้นเล่น แต่แม่สุดที่เลิฟกลับยื่นซองจดหมายบางอย่างมาให้ผม

   “อั่งเปาเหรอครับ”

   “อั่งเปาบ้านเธอซองสีน้ำตาลเหรอจ๊ะ”

   ผมหัวเราะ รับซองจดหมายนั้นมาถือ มันจ่าหน้าซองด้วยลายมือไทยโบราณว่า ‘จุ๊บ’

   “วันนี้แม่เพิ่งได้มีโอกาสไปทำความสะอาดห้องใต้บันได แล้วเจอนี่” แม่บอก “แม่ไม่รู้ว่ายายทิ้งไว้ตอนไหน อาจจะเป็นวันที่เราพากันไปช่วยธีร์ หลังจากเราขึ้นจากห้องนั้นกันหมดแล้ว”

   ผมแกะซองออกดู ในนั้นมีกระดาษสีน้ำตาลอ่อนขนาดเกือบเท่าเอสี่เหน็บไว้อยู่ ผมปิดฉับทันที

   “เอ้า ปิดทำไมล่ะ”

   “ตื่นเต้น ถ้ามันเป็นพินัยกรรมล่ะครับ ถ้าผมได้ตังจากยายแบบ...สิบล้าน” ผมยิ้มแฉ่ง แม่พูดว่าฝันเถอะ แล้วทำท่าจะแจกมะเหงก

   ผมยอมเปิดอ่านแต่โดยดี แล้วก็ต้องตกใจตั้งแต่หัวจดหมาย...ถ้าไม่ใช่ยายหอมเขียนไม่ได้นะเนี่ย



ไม่ใช่ไอ้จุ๊บ

ห้ามอ่าน




ยังจะสาระแนอีก





ถ้าเป็นไอ้จุ๊บ

นี่ไม่ใช่พินัยกรรม


   (อ้าว รู้ด้วยว่าผมจะคิด ฮือ)



   ไอ้จุ๊บหลานรัก


   เอ็งคงได้อ่านจดหมายฉบับนี้หลังจากที่ข้าลาโลกนี้ไปจริงๆ แล้ว ข้าขอโทษที่ไม่ได้บอกเอ็งล่วงหน้า แต่ทุกครั้งที่ข้าดูอนาคตของเหตุการณ์ในห้องชันสูตรนั้น ไม่ว่าจะดูจากเวลาไหน เอ็งก็ไม่มีทางจะช่วยชีวิตของคู่เอ็งทันได้เลย

   เพราะฉะนั้นข้าจำเป็นจะต้องช่วย อย่างที่ข้าเล่าเรื่องกรวยแห่งกาลเวลาให้ฟัง ตัวแปรแม้เพียงเล็กน้อยเปลี่ยนความเป็นไปได้ของเหตุการณ์นั้นได้เสมอ และเอ็งไม่ต้องรู้สึกผิดไป ข้าเต็มใจช่วย และข้าคุยกับปู่เอ็งเรื่องนี้แล้ว

   ไอ้จุ๊บ คนเราอยู่คู่กันค้ำฟ้าไม่ได้หรอก วันหนึ่งเราก็ต้องจากคู่ของเรา ไม่จากเป็นก็จากตาย วันหนึ่งเอ็งหรือคู่ก็ต้องเป็นเหมือนข้าหรือพ่อของเอ็งที่ต้องตายจากไป แต่วันนี้เอ็งได้โอกาสที่สอง สิ่งที่ข้าอยากจะบอกก็คือ ดูแลโอกาสนี้ให้ดี

   ข้ารู้ว่าเอ็งเป็นคนจิตใจดี แต่บางครั้งเอ็งก็ยอมแพ้ง่าย และห่วงความรู้สึกคนอื่นจนลืมนึกถึงความรู้สึกของตัวเองกับคนที่รัก มันทำให้เอ็งโดนเอาเปรียบ และบางครั้งมันทำให้ความรักของเอ็งแย่ลง

   สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องดูแลความรักของตัวเองให้สม่ำเสมอ ยืนหยัดที่จะสู้เพื่อความรักของตัวเองบ้างถ้าจำเป็น บางครั้งรักแท้อาจไม่ได้หมายถึงตอนจบที่สมบูรณ์แบบ แต่หมายถึงเราได้ทุ่มเทให้กับมันดีที่สุดในเวลาที่เรายังทำได้ ไม่ต้องคิดหาเหตุผลเยอะ มองหาเหตุผลง่ายๆ แค่เพราะมันมีค่ากับชีวิตเอ็งแค่นั้นแหละ

   ต่อไปนี้จะไม่มีพลังวิเศษอะไรมาตัดสินว่าเอ็งสองคนเป็นคู่ชีวิตกันอีกแล้ว พวกเอ็งต้องพิสูจน์กันเอง


   เอ็งอาจจะรู้สึกว่าเรื่องมหัศจรรย์หายไปจากชีวิต แต่ข้าว่าเรื่องมหัศจรรย์มันก็เกิดขึ้นได้ทุกวัน แค่เราสังเกตเห็นมันมากพอ

   แค่รอยยิ้มของใครสักคนที่ทำให้ให้เรายิ้มตามได้ แค่นั้นมันก็มหัศจรรย์แล้วนะ เอ็งว่าไหม



   รักกันให้ยาว และอย่าเป็นควาย (รอบสอง)

   ยายหอม





(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบสุดท้าย | UPDATE 16.2.2561 | Page 27 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 16-02-2018 09:15:22
(ต่อจากด้านบน)

   “เป็นไง” แม่ถามหลังจากผมมันอ่านจบ

   “ยิ่งกว่าพินัยกรรมอีกครับ” ผมตอบ “รู้สึกโชคดีจังที่ได้เกิดเป็นลูกบ้านนี้” ผมหอมแก้มและอวยพรให้เธอฝันดี เดินตัวปลิวกลับเข้าห้องตัวเองพร้อมรอยยิ้มปรี่


   [ไปทำไรมา ทำไมตาเยิ้มเชียว] ธีร์ยังอยู่ในสาย ผมส่ายหัวปฏิเสธแล้วมองเขาเงียบๆ [อะไร...]

   “เปล่า”

   [น่ะ มีอะไรไม่พูดอีกล้าว]

   “เราแค่รู้สึก...อยากจูบธีร์เฉยๆ”

   เขาทำหน้าทึ่ง เพราะร้อยวันพันปีผมไม่ขอเขาโจ่งแจ้งแบบนี้เลย

   [พี่จุ๊บ เดี๋ยวเราออกไปหา]

   “ฮะ?”

   [นายมาปลุกอารมณ์เราตอนดึกแบบนี้ทำไม รับผิดชอบเลย]

   เดี๋ยวๆๆ “แค่บอกว่าอยากจูบเนี่ยนะ” มันไม่ใช่แล้วปะว้า

   [ไม่รู้แหละ มาเปิดประตูบ้านให้ด้วย]

   แล้วเขาก็วางสายไป อีกครึ่งชั่วโมงก็มาถึงบ้านผมในชุดเตรียมจะนอนเต็มที่ เขายืนพิงรถด้วยท่าทางที่คิดว่าเท่เต็มที ผมเดินเข้าไปหาเขาด้วยท่าทางสบายๆ

   “เซอร์วิสแฟนอะไรขนาดนี้วะ”

   “เป็นแฟนที่ดีไง” เขายักคิ้ว และก้มหน้าลงมามอบสิ่งที่ผมต้องการให้อย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง
 
   “ขับรถมาครึ่งชั่วโมงเพื่อจูบๆ เดียวเนี่ยนะ” ผมแซว

   “ใครว่าเรามานี่เพื่อจูบๆ เดียว”

   เขายิ้มเจ้าเล่ห์ มือไม้เริ่มเลื้อยเป็นปลาหมึก ผมปล่อยให้เขาทำเพราะตัวเองกำลังตักตวงอยู่ในความหวานของรสจูบอีกครั้ง จมอยู่ในห้วงแห่งความมหัศจรรย์ที่ธีร์สร้างขึ้นด้วยริมฝีปากหนึ่งคู่นั้น ซ้ำแล้วซ้ำเล่า



   หากมีอะไรที่การสูญเสียพลังจูบหยุดเวลาจะสอนผม

   มันคือการที่ผมได้เรียนรู้ว่า...ถ้าหยุดเวลาไม่ได้ ก็ไปใช้ให้มันคุ้มค่าที่สุดแล้วกัน


หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบสุดท้าย | UPDATE 16.2.2561 | Page 27 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 16-02-2018 09:16:40

(https://www.img.in.th/images/703cd3f2e6e26a25842ea76e576ddc48.jpg)

จูบส่งท้าย


   คู่ชีวิตคืออะไร

   เนื้อคู่ตามคำนิยามแต่โบราณ คนที่ชะตาถูกลิขิตให้มาพบ คนที่เราจะสัญญาว่าใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้จนกว่าลมหายใจสุดท้ายจะสิ้นสุด

   เราจะรู้ได้ยังไงว่าคนที่อยู่เคียงข้างเราเสมอคือคู่ชีวิต

   ในทางกลับกัน เราจะรู้ได้ยังไงว่าคู่ชีวิตของเราจะอยู่เคียงข้างกันเสมอ

   คำตอบนี้ไม่เคยชัดเจนสำหรับผม หรืออย่างน้อยมันก็ยังไม่ชัดเจนเสียทีเดียว โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่บอกตามตรงว่าเขาทำให้นิยามของคู่ชีวิตที่ผมรู้จักเปลี่ยนไป



   ห้าปีผ่านไป

   “ครับ ขอบคุณที่โทรมาเตือนมากๆ นะน้องแจน เดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกันที่กองนะครับน้อง”

   “จุ๊บ มาเร็ว เขาจะถ่ายรูปรวมกันแล้ว”

   จีบเรียกเสียงเจื้อยแจ้ว ผมวางสายจากน้องทีมงานที่โทรมาเตือนคิวถ่ายซีรีส์เรื่องใหม่ที่ผมกำกับในวันพรุ่งนี้ วิ่งไปสมทบกับทุกคนที่วันนี้ยกขโยงกันมาอยู่ที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์กันพร้อมหน้า

   “วันรับปริญญาเรายังคุยงาน นอยดีไหมเนี่ย” ธีร์แซว แล้วดึงผมเข้าไปยืนถัดจากแม่ของเขา ผมไม่มีโอกาสโต้อะไรกลับเพราะช่างกล้องเริ่มนับถอยหลังเพื่อถ่ายภาพ ผมหันมองธีร์ เห็นเขาทำปากจู๋และยกสองนิ้วขึ้น ผมลอบหัวเราะออกมากับท่าทางตะมุตะมินั้นแล้วมองกล้องนิ่ง ปากอมยิ้มบางๆ

   ‘เอานะ...หนึ่ง...สอง...ซั่ม!’

   แชะ!

   ห้าปีที่ผ่านมามีหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปมากเหลือเกิน ครอบครัวผมยังอยู่ดีและมีความประหลาดเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเราปรองดองกับครอบครัวฝั่งของธีร์มากขึ้น ไม่กี่อาทิตย์หลังจากธีร์กลับบ้าน แม่ของเขาออกมาแถลงข่าวสะเทือนวงการอีกระลอกใหญ่ เธอเปิดเผยเรื่องแตกหักของครอบครัวตัวอย่างที่ปิดไว้หลายปี

   แม่กับพ่อธีร์หย่ากันอย่างเป็นทางการ แปลกดีที่พอไม่รั้งกันไว้ พวกเขาก็กลับกลายมาเป็นกัลยาณมิตรที่ดีต่อกัน แม่ของธีร์เปลี่ยนวิกฤตจากข่าวฉาวเป็นโอกาส เธอฉีกลุคนางเอกเรียบร้อยของตัวเองอย่างราบคาบ หันไปรับละครที่เล่นบทนางร้ายตัวเด่นที่ทำให้เธอกลับมาปังกว่าเดิม และเทิร์นตัวเองไปเป็นผู้จัดการดาราแข่งกับพี่บุ๊ค โดยใช้สกิลการปั้นที่เธอเคยใช้กับลูกตัวเองไปดูแลดาราหน้าใหม่

   ชื่อของพิมพ์ผกา ดำรงเดชยังไม่หายไปจากวงการ เธอแฮปปี้ที่จะเป็นแบบนั้น แต่ในแง่ของการเป็นแม่แฟนเธอก็น่ารักกับผมขึ้นมาก ถึงบางครั้งจะดุหน่อยๆ และมีเรื่องที่เราไม่เข้าใจกันบ้าง แต่เธอก็โอนอ่อนกว่าเมื่อก่อน(เยอะ)

   เธอกลายเป็น ‘อาต่าย’ ของผมไปแล้ว ที่สำคัญ เธอเป็นแม่ที่น่ารักของลูกตัวเองมากกว่าเดิมหลายเท่า

   ส่วนผม หลังจากเรียนจบและผ่านการฝึกงานจากบริษัทสวัสดีมีความสุข (สังกัดเก่าของธีร์ที่เขาเคยยื่นใบสมัครให้) ผมก็เข้าทำงานในวงการเต็มตัว อยู่ในโปรดักชั่นเฮ้าส์เล็กๆ ที่รับงานกำกับโฆษณา เอ็มวี และล่าสุดเพิ่งได้รับงานใหญ่อย่างกำกับซีรีส์ให้ GMZ (บริษัทเก่าธีร์อีกเช่นกัน ฮา)

   ธีร์... เขาไม่ได้ถูกจ้างงานในวงการอีกต่อไป กลายเป็นแค่นักศึกษาธรรมดาๆ คนหนึ่งที่อาจจะมีคนตามกรี๊ดบ้างเพราะความหล่อไม่ได้ลดลง ในสายตาคนอื่นอาจจะมองว่าชีวิตเขาเปลี่ยนแบบหน้ามือเป็นหลังมือ แต่ในมุมมองของผม ธีร์ยังคงเป็นธีร์ที่ผมรู้จัก เพียงแค่เขาได้เวลาที่สมควรได้รับมาตลอดในท้ายที่สุด

   “พี่ธีร์ๆ ขอบูมให้หน่อยค่า” น้องในคณะเรียกเขาเข้าวงบูมวงใหญ่หลังจากเราถ่ายภาพและแสดงความยินดีกับเสร็จสรรพ ผมอาสาถือของให้เขาและยืนมองรวมกับครอบครัวอยู่ห่างๆ

   “มาไกลมากเลยเนอะ” แม่กระซิบข้างหู “ภูมิใจในตัวธีร์จัง ภูมิใจในตัวเธอด้วย”

   ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับธีร์เป็นยังไงก็ยังเป็นแบบนั้น แน่นอนว่าหลังผ่านมรสุมครั้งใหญ่มันก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เราผ่านช่วงที่รักกันแบบเด็กๆ ทะเลาะกันบ่อย ชอบทำเซอร์ไพร์สให้กันหลายครั้ง มีเรื่องน่าพะวงว่าความรักเราจะล่มก็หลายรอบ
    
   เราผ่านบางวันที่รู้สึกว่าตัวเราทุ่มเทความรักให้มากกว่าอีกฝ่าย เราได้เติบโตมาด้วยกัน และเรียนรู้ว่าความอุหลุกขลุกขลักในความรักเป็นเรื่องปกติ เรียนรู้ว่าตอนมีความสุขเราต้องพยายามตักตวง ในขณะตอนมีทุกข์เราต้องไม่ปล่อยมือ

   กระพริบตาไม่กี่ทีก็เราเข้าสู่ปีที่หก และวันนี้เขากลายเป็นคนที่ไม่ได้มีแฟนคลับมากรี๊ดและติดตามอีกต่อไป ธีร์ ดำรงเดช พระเอกดังคนนั้นตายไปอย่างสมบูรณ์

   ตอนนี้เหลือแค่ธีร์ ดำรงเดช บัณฑิต’ถาปัตย์หมาดๆ (เกียรตินิยมอันดับหนึ่งด้วยนะ!) ที่กำลังโบกมือให้ผมพร้อมรอยยิ้มกว้าง

   “เหมือนธีร์จะเรียกจุ๊บนะ” อาต่ายบอก ผมชะเง้อคอมองก็เห็นคนผิวหลอดไฟโบกมือเรียกผมอยู่จริงๆ

   “ฮะ?”

   “เข้ามาหาหน่อย” เขาป้องปากตะโกน ผมเดินเข้าไปในวงบูมอย่างเก้ๆ กังๆ

   “อยากให้พี่จุ๊บโดนบูมด้วย” คนในชุดครุยบอกประหนึ่งว่าเห็นผมเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จของเขา เพราะในวงกลมนี้มีเพียงผมกับธีร์เท่านั้น

   ผมกะจะปฏิเสธ แต่เสียงสั่งเตรียมบูมของรุ่นน้องดังกึกก้องขึ้นเสียก่อน คนในวงกอดคอกันรอจังหวะให้การบูมเริ่มต้น ทุกสายตาจับจ้องมาที่เรา


   “หนึ่ง สอง สาม”




(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบสุดท้าย | UPDATE 16.2.2561 | Page 27 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 16-02-2018 09:27:31
(ต่อจากด้านบน)


   “หากตอนนี้ลองหลับตา เห็นภาพเดิมอีกครั้ง”

   แต่แทนที่จะบูม พวกเขากลับประสานเสียงกันร้องเพลงนั้นออกมา



   “ฉันเพียงอยากขอหยุดเวลาไว้ก่อน

   เพียงชั่วคราวหากเธอรับรู้ว่ามันไม่ง่ายดายเท่าเดิม”



   ผมมองเด็กๆ อย่างสับสน แล้วจู่ๆ คนข้างก็คุกเข่าลงกับพื้นข้างหนึ่ง ดึงกล่องกำมะหยี่สีเขียวเข้มออกจากชุดครุย

   วินาทีนั้น ผมรู้ทันทีว่าเขาจะทำอะไร



   “ฉันเพียงอยากขอเก็บรอยยิ้มนี้ก่อน

   รู้ว่ามีความหมายบางอย่าง

   ขอแค่เรา ได้นึกถึงเวลานี้”



   “เรารู้ว่าเรามีข้อเสีย ยังต้องผ่านอะไรกับพี่จุ๊บอีกเยอะ และตอนนี้เรายังเป็นคนที่ไม่เป็นชิ้นเป็นอันอะไรเลย แต่เราอยากทำสัญญาไว้ก่อน”

   “...”

   “แต่งกันนะ”

   เขาถาม แล้วเปิดกล่องกำมะหยี่ออกมากลายเป็นแหวนวงเล็กๆ ที่ไม่ได้ประดับเพชรหรือเครื่องประดับ แต่มันดันเป็นหัวจูปาจุ๊ปส์เม็ดเป้งรสสตรอว์เบอรี่ที่ทำให้ผมหัวเราะออกมา

   คู่ชีวิตคืออะไร บางที คำตอบนี้มันอาจจะไม่มีวันชัดเจนสำหรับผม

   คู่ชีวิตอาจเป็นแค่คนที่เราเลือกว่าจะรักเขาเหมือนที่เขารักเรา แม้ว่ารักนั้นจะลดหลั่นระดับกันไปบ้างไปแต่ละวัน บางวันคนนึงรักมากกว่า บางวันอีกคนรักน้อยกว่า แต่หารเฉลี่ยค่าแล้วรักเท่ากัน

   ไม่มีสัญญา ไม่มีชะตา ไม่มีสัญลักษณ์ที่บอกว่าเป็นคู่แท้

   มีแค่ความรู้สึกว่าเราและเขาคือคนเดียวเท่านั้นที่อีกฝ่ายเลือกที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน

   วันนี้เขาทำให้คำๆ นั้นกลายเป็นจริง   



   ผมก้มตัวลงจนใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกับเขา แล้วโน้มคอจุมพิตที่ริมฝีปากนุ่ม เกิดเสียงฮือฮาดังขึ้นรอบตัว ตามมาด้วยเสียงปรบมือยกใหญ่จากครอบครัวของเรา

   “แปลว่าตกลงเหรอ” ธีร์ถามหลังจากผมจูบแทนการตอบคำถาม

   ผมพยักหน้า ธีร์ยิ้ม และประคองตัวผมขึ้น “ขอจูบอีกทีได้เปล่า”

   “ให้อีกสองทีเลย”

   เราจูบกันอีกครั้งจนเสียงฮือฮาดังขึ้นมาอีกระลอก ผมได้ยินเสียงชัตเตอร์กล้องดังขึ้นแต่เราก็ไม่อยากหยุดมันอีกต่อไป นี่มันไม่ใช่การจุมพิตเพื่อให้เรื่องมหัศจรรย์เกิดขึ้น และแน่นอนว่าไม่ใช่สัญญาณว่ารักของเราจะอยู่อย่างมีความสุขตลอดไปอยู่แล้ว

   มันจะอีหลุกขลุกขลุกและน่าปวดหัวขึ้นกว่าเดิมแน่ๆ แต่ไม่ว่าจะดีหรือแย่ เราสัญญาว่าจะอยู่ข้างกัน

   “สามทีเลยละกัน”

   ธีร์พูด ผมระเบิดเสียงหัวเราะออกมา เราประกบริมฝีปากเข้าหากันอีกครั้ง




   ไม่มีแล้วจูบวิเศษกับคนธรรมดา

   มีแต่จูบธรรมดา...กับคนที่แสนวิเศษ



(The End)



จบแล้ววววววววววว ปิ้ววววววว
สิริเวลารวม 1 ปี 7 เดือนที่แต่งเรื่องนี้ ซึ่งถือเป็นเวลาที่ยาวนานมากๆ เพราะแต่งไปหยุดไปค้างไป แง
ขอโทษคนอ่านอีกครั้งที่รอแล้วรออีก รอจนเลิกอ่านไปก็มี

ยังไงก็ตาม วันนี้เราทำจบแล้ว เป็นนิยายวายเรื่องยาวเรื่องแรกที่แต่งจบ และลงบอร์ดเล้าเป็ดจนจบเลย 55555
สารภาพตามตรงว่ายากมากๆ คือคิดโจทย์มาตอนแรกว่าอยากทำเรื่องเกี่ยวกับรักแท้
อยากให้เป็นโทนฟีลกู้ดจิกหมอน แต่ทำไปทำมาดูทรงแล้วน้ำหนักดราม่าน่าจะเยอะกว่าน้ำหนักโรแมนติกคอมเมดี้อีก (ขอโทษคนที่คาดหวังตรงนี้ด้วยนะคะ)

แต่นี่เป็นเวอร์ชั่นที่เราอยากให้มันเป็นจริงๆ อย่างที่บอกไปในเรื่องคือความรักมันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
มันอีหลุกขลุกขลัก แต่มันก็มีค่า นั่นคือเหตุผลที่เราต้องรักษามันไว้อย่างที่ยายบอกนะ <3

เราภูมิใจ รู้สึกว่าความรักที่มีต่อเรื่องนี้ไม่ต่างจากความรักของตัวละครในเรื่องเลย
และถ้ามันให้อะไรคนอ่านมากกว่าความจิ้นความฟินได้ เราจะดีใจมากๆ เลยค่ะ :)

ชอบหรือไม่ชอบยังไงไปคุยกันในแท็ก #จุ๊บที หรือเพจ ตัวแม่ (https://www.facebook.com/ftheauthor/) บอกกันได้นะคะ

ขอบคุณที่ตามอ่านกันมาจนถึงตอนนี้
สัญญาว่าจะเขียนอะไรที่ดีต่อใจออกมาเรื่อยๆ และไม่ทิ้งเล้ากับการเขียนไปไหนแน่นอน


ขอให้ทุกคนมีรักแท้ให้กับตัวเองและคนรอบข้างนะคะ

ตัวแม่*

16.02.2018

ปล. นิยายเรื่องต่อไปของเราชื่อ #บ้านนี้ดีอยู่แล้วรัก เป็นแนวรอมคอมอารมณ์ลูกทุ่งๆ หน่อย เป็นนิยายกลิ่นโคลนสาปควาย พระเอกเป็นผู้ชายบ้านๆ ใส่ผ้าขาวม้าจับปลา กับนายเอกเป็นเน็ตไอดอล / เจอกัน 1 มี.ค. ที่ Thaiboyslove & Dek-D ค่า

ปล.2 มีตอนพิเศษนะคะ โปรดติดตาม
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบสุดท้าย | UPDATE 16.2.2561 | Page 27 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 16-02-2018 09:30:50
โอ้ยยยย ขอบคุณมากนะคะ ที่แต่งเรื่องสนุกๆ นี้ให้อ่าน ผ่านความขลุกขลักของทั้งคู่มาด้วยดี

สนุกๆมากๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบสุดท้าย | UPDATE 16.2.2561 | Page 27 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 16-02-2018 09:35:01
 :-[ :-[ :-[ :-[

 :3123: :3123: :3123: :3123:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบสุดท้าย | UPDATE 16.2.2561 | Page 27 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 16-02-2018 10:39:48
จะรออ่านตอนพิเศษนะคะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบสุดท้าย | UPDATE 16.2.2561 | Page 27 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 16-02-2018 11:55:53
ฮือออ จบแล้ววว ล้องห้ายยยย ต่อไปจะต้องคิดถึงจูบพิเศษของพี่จุ้บ เพลงของสครับ และโกโบริเวอร์ชั่นธีร์ แต่ดีใจที่สุดท้ายแล้วเค้าก็ไม่ได้ปล่อยมือกัน รักกันนานๆน้าา :mew1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบสุดท้าย | UPDATE 16.2.2561 | Page 27 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Zestful ที่ 16-02-2018 12:25:34
จบแล้วววว ในที่สุดเรื่องร้ายๆ ก็ผ่านไป
ขอบคุณที่แต่งเรื่องนี้มานะคะะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบสุดท้าย | UPDATE 16.2.2561 | Page 27 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 16-02-2018 12:39:23
จบแล้ววว มีความสุขมากๆน้าทั้ง 2 คน อวยพรล่วงหน้าตอนแต่งงานเลย
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบสุดท้าย | UPDATE 16.2.2561 | Page 27 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 16-02-2018 13:35:40
ตอนที่เริ่มบทมาว่าธีร์ตายแล้วจริงๆนี่เราน้ำตาคลอแล้วนะ แต่พอแม่มาเรียกพี่จุ๊บลงไปห้องใต้ดินเท่านั้นแหละนี่ลุ้นจนมือหงิกเลย ตอนแรกเดาๆว่าอาจเป็นธีร์ยืนอยู่ด้วยซ้ำ แต่ไม่ใช่กลับเป็นความอัศจรรย์บวกกับความลับของครอบครัววิเศษกาล อ่านแล้วลุ้นไปกับพี่จุ๊บจริงๆและก็ดีใจที่ธีร์ไม่ตาย จากที่อ่านๆมานี่ 3 ตอนสุดท้ายถือว่า Supernatural สุดละ ฮ่าๆๆ

ขอบคุณตัวแม่ด้วยนะคะสำหรับนิยายสนุกที่ปนไปกับความดราม่า แต่ถ้ามีตอนพิเศษด้วยจะขอบคุณมากๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบสุดท้าย | UPDATE 16.2.2561 | Page 27 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-02-2018 14:00:44
เราประทับใจเรื่องนี้มากๆ(ให้ กอ ไก่ ล้านตัวเลย) ยิ่งช่วงท้ายๆตอนที่โดนตามตัวเราไม่กล้าอ่านเลยกะว่าจะรอให้อะไรมันดีขึ้นก่อน แต่ก็ไม่ไหว เข้ามาอ่านต่อจนได้ แล้วก็ลากยาวมาเลย เป็ด เปิ้ดอะไรไม่ได้กดให้สักตัว 55555 ด้วยความเร่งรีบ แต่เดี๋ยวจะกลับไปอ่านทวนอีกรอบแล้วกดให้นะคะ  :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบสุดท้าย | UPDATE 16.2.2561 | Page 27 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 16-02-2018 14:15:32
 o13
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบสุดท้าย | UPDATE 16.2.2561 | Page 27 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 16-02-2018 22:30:10
โอ้ยยย ดีอะ ขอบคุณที่ทำให้จบนะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบสุดท้าย | UPDATE 16.2.2561 | Page 27 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Chattcha ที่ 16-02-2018 22:56:07
ขอบคุณที่แต่งเรื่องสนุกๆมาให้อ่านจ้า :impress2:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบสุดท้าย | UPDATE 16.2.2561 | Page 27 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 17-02-2018 00:53:49
Congrats

 :heaven
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบสุดท้าย | UPDATE 16.2.2561 | Page 27 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 17-02-2018 01:44:31
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบสุดท้าย | UPDATE 16.2.2561 | Page 27 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 17-02-2018 09:31:42
เป็นนิยายที่ไม่สามารถเดาการดำเนินเรื่องได้ออกอ่ะ

สนุกดี ที่ต้องคอยตามอ่านว่าต่อไปจะเป็นยังไง..แล้วก้ออ้าว. ไม่ใช่อย่างที่คิด

คิดว่าพ่อของธีร์จะมีบทบาทมาช่วยกำราบแม่ให้ แต่ก้อไม่ได้ทำอะไรเล้ย

คิดว่าแม่ของจุ๊บจะมีอะไรพิเศษที่ช่วยจุ๊บ แต่ก้อไม่ใช่ กลับเป็นยายซะเนี่ย

จะติดตามตอนพิเศษต่อไป เพราะเดาไม่ได้ว่าจะเป็นยังไง

แต่ขอเป็นตอนหวานๆของธีร์กับจุ๊บละกันนะ

 :pig4:  :pig4:  :pig4:  :pig4:  :pig4:  :pig4:


....

..
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบสุดท้าย | UPDATE 16.2.2561 | Page 27 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: FaX ที่ 17-02-2018 14:04:58
ขอบคุณนิยายดีๆแบบนีมากเลยคะ ชอบความFamilyของครอบครัวนี้เว่อออ แถมเวลานายเอกกับพระเอกคุยกัน ยังดูน่ารักมากกกก ไม่ต้องใช้คำรุนแรงก็สามารถหวานกันจนต้องจิกหมอน
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบสุดท้าย | UPDATE 16.2.2561 | Page 27 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Nickname ที่ 17-02-2018 18:58:29
ชอบ มันอบอุ่นมากเวลาอ่านเรื่องนี้ แปลกใหม่ไม่เหมือนใครดี ชอบในหลายๆอย่างของเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบสุดท้าย | UPDATE 16.2.2561 | Page 27 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 18-02-2018 00:51:45
สนุกมากๆ เลย
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบสุดท้าย | UPDATE 16.2.2561 | Page 27 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 18-02-2018 09:18:54
 :mew1: :mew1:สนุกมากเลยค่ะะะะะะะ  ชอบบบมากกกก จุ๊บน่ารักกก ถึงจะแฟนตาซีก็ยังดูเรียลอยู่ ขอบคุณไรท์ค่าาาาาาาา จุ๊บๆๆๆนะ5555
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบสุดท้าย | UPDATE 16.2.2561 | Page 27 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 18-02-2018 18:12:37
ในที่สุดก็จบบบบบบบ  :ling1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบสุดท้าย | UPDATE 16.2.2561 | Page 27 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Seilong2 ที่ 18-02-2018 20:40:31
กลับมาเริ่มอ่านใหม่จนจบแล้วจ้า ช่วงหลังๆมารู้สึกสงสารธีร์กับจุ๊บ แต่ก็มีความสุขได้เพราะความช่วยเหลือของครอบครัว
 ครอบครัวจุ๊บอบอุ่นมากเลย
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆจ้า
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบสุดท้าย | UPDATE 16.2.2561 | Page 27 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 21-02-2018 09:26:19
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบสุดท้าย | UPDATE 16.2.2561 | Page 27 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Premo1492 ที่ 21-02-2018 22:14:00
 o13 :mew4: :mew1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบสุดท้าย | UPDATE 16.2.2561 | Page 27 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 22-02-2018 23:14:16
มาม่ามาเป็นลังเลย แต่ก็เพลินดีค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบสุดท้าย | UPDATE 16.2.2561 | Page 27 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 23-02-2018 06:59:25
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบสุดท้าย | UPDATE 16.2.2561 | Page 27 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Naamtaan22 ที่ 25-02-2018 15:22:46
สวัสดีค่ะอ่านวันเดียวจบเลยสารภาพว่าเรารอเรื่องนี้ให้จบอยู่นานเลยค่ะ  เพราะไม่อยากค้างพออัพว่าจบแล้วรู้สึกดีใจมากๆ  พล็อตเรื่องดีมากค่ะมีความซับซ้อนดีแล้วยังใช้เรื่องพลังวิเศษมาเป็นตัวช่วยเพิ่มความสนุกอีกทำได้ลงตัวมากๆเลยค่ะ

แถมยังมีการเปลี่ยนแปลงนิสัยตัวเอกให้ค่อยๆเติบโตไปในทางที่ดีขึ้นอีกด้วย. จุ๊บ. เป็นตัวเอกที่น่ารักมากค่ะมีความสมจริงมีความเป็นไปได้ที่น่าจะมีคนนิสัยแบบนี้อยู่จริงๆ เราชอบนะ ส่วนธีร์เป็นตัวเอกที่เห็นการเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจนมากที่สุดทำให้เราเข้าใจในคำพูดที่ว่าดาราก็เป็นแค่คนธรรมดา  ที่มีความรู้สึกเหมือนคนอื่นๆทั่วไป  ประเด็นเรื่องครอบครัวเป็นอะไรที่อ่อนไหวมากๆนะในความรู้สึกของเรา  แต่คุณก็เขียนออกมาให้ไม่หนักจนเกินไปไม่บีบคั้นมากมายซึ่งเราชอบในวิธีการนำเสนอแบบนี้ของคุณนะ  แต่ด้วยความที่โทนเรื่องมันออกแนวแฟนตาซี+คอมเมดี้มันเลยทำให้อ่านไปขำไปอีกสักเดี๋ยวก็หน่วงๆอึดอัดแล้วก็กลับมาเล่นมุกตลกอีกแล้ว  มันเลยกลายเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของคุณ  เราชอบตอนจบของเรื่องนี้มากนะสรุปได้ครบดีมีเหตุผลรองรับทุกการกระทำของแต่ละคนได้ชัดเจนดี  ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆแบบนี้นะคะแล้วจะรออ่านตอนพิเศษนะจ๊ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบสุดท้าย | UPDATE 16.2.2561 | Page 27 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: somberness ที่ 26-02-2018 00:46:06
ดีใจที่มันจบได้ด้วยดี ดีใจที่ธีร์ได้ใช้ชีวิตแบบที่ธีร์อยากได้
กว่าจะจบได้หลังๆเล่นเอาเราเอาใจช่วยซะจนปวดหัวลุ้นไปหมดว่ามันจะออกมายังไง
ยิ่งธีร์ตายยิ่งแบบ ห๊ะ! แต่ก็คิดอยู่ว่าน่าจะมีทางช่วยแต่ไม่คิดว่าจะระทึกขนาดนี้
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบพิเศษ: ขโมย | UPDATE 26.2.2561 | Page 28 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 26-02-2018 17:12:51

(https://www.img.in.th/images/703cd3f2e6e26a25842ea76e576ddc48.jpg)

จูบพิเศษ
ขโมย



   “พี่จุ๊บ”

   “ฮื่อ?”

   “คำว่าจุ๊บนี่นอกจากแปลว่าจูบมันแปลว่าอะไรได้อีกปะ”

   “ถามไรเนี่ย” ผมย่นคิ้ว ยกถาดคุกกี้ที่เพิ่งอบเสร็จใหม่ออกจากเตา ส่งกลิ่นวานิลลาหอมฉุยไปทั้งห้อง ผมวางถาดลงบนโต๊ะแล้วใส่คุ้กกี้ช็อตโกแลตถาดใหม่ที่เพิ่งปั้นเสร็จเข้าเตาต่อ

   “อยู่ๆ ก็สงสัย” ธีร์พิงตัวกับโต๊ะเหล็ก เช็ดมือเปื้อนผงช็อคโกแลตของตัวเองกับผ้ากันเปื้อนที่สวมอยู่ วันนี้เขาว่างจากงานในวงการ ส่วนผมก็ยังอยู่ในช่วงปิดเทอม เราสองคนเลยอาสามาช่วยป้าแก้วทำขนม

   หัวแรงหลักออกไปซื้อวัตถุดิบ ตอนนี้ในห้องเบเกอรี่จึงมีแค่ผมกับดาราหนุ่มเท่านั้น

   “ไม่รู้ดิ แปลว่าขโมยมั้ง”

   “ขโมย?”

   “เหมือนคำว่าจุ๊บแจงไรแบบนั้น”

   เขากลั้วหัวเราะ “งั้นขอจุ๊บหน่อยดิ” เสียงเจ้าเล่ห์ แถมยังมองหน้าผมสลับกันคุกกี้ ทำให้สับสนว่าอยากจูบหรืออยากแอบกินคุกกี้กันแน่

   “ยุ่งอยู่เนี่ยเห็นเปล่า” ผมปรามเขาแล้วหันไปตั้งเวลาอบรอบใหม่

   “ขอจุ๊บทีนึงเองง่า”

   “จะขโมยหรือจะจูบ” ถามติดตลกเพราะคิดว่าเขาขอแบบแกล้งๆ แต่พอบิดแกนตั้งเวลาเสร็จธีร์ก็โผล่มาประชิดตัวจากข้างหลังแล้ว

   ธีร์ยิ้มแฉ่ง “ขโมยจูบ” จุ๊บปากผมเบาๆ หนึ่งทีแล้วเดินหนีไปอย่างขี้โกง

   ประเด็นไม่ได้อยู่ที่จูบ ประเด็นคือเวลาหยุดแบบนี้เมื่อไหร่คุกกี้กูจะสุกครับ

   “ธีร์ กลับมาจูบอีกรอบก่อน”

   “ติดใจอะดี้”

   “ติดใจพ่อง”



   ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาฉวยโอกาสกับผมแบบนี้

   คล้ายว่าจะเริ่มทำตอนเราเพิ่งคบกันเป็นแฟน...หรือไม่ก็ตอนเริ่มจีบกันตอนเข้ามหา’ลัยใหม่ๆ เอ๊ะ แต่พอนึกย้อนดูอีกที ก่อนหน้าที่ธีร์จะชอบขโมยจูบผมบ่อยๆ แบบนี้ (ไม่ว่าด้วยความอยากแกล้ง หรือเพราะอยากหยุดเวลาให้เราปลีกตัวจากความวุ่นวายทั้งหลาย) เขาก็เคยทำแบบนี้มานานแล้วหรือเปล่านะ

   เอาเข้าจริงธีร์ก็เริ่ม ‘จุ๊บ’ ผมในช่วงวัยที่ยังไม่รู้จักการจูบ

   ยังไม่รู้จักความรัก

   มันอาจเป็นวันที่ได้ไปทะเลกับครอบครัวคราวนั้น...ช่วงเวลาที่ยายรู้ว่าผมเจอคู่ชีวิต

   ครั้งแรกจริงๆ ที่เจอเขา ตอนนั้นในสายตาผม ธีร์ยังเป็นแค่ไอ้เด็กหน้าหล่อจากบ้านสีขาวหลังที่ติดอยู่กับบ้านเช่าของเรา

   ไอ้เด็กหน้าหล่อที่มาด้อมๆ มองๆ ตอนผมกับจีบเล่นก่อกองทรายกัน

   ‘พ่อแม่นายไปไหน’ ผมถาม หลังจากกวักมือเรียกเขาให้มาเล่นด้วยกันในที่สุด ในใจคิดสงสัยว่าไอ้นี่มันเป็นมนุษย์ต่างดาวปลอมตัวมาหรือเปล่า

   คนอะไรสูงเกินวัย ผิวก็ขาวอย่างกับผงซักฟอก เทียบกับผมตอนนั้นที่เจ้าเนื้อและสีผิวกระด่ำกระด่างก็ยิ่งรู้สึกว่ามันไม่ใช่คน

   หรือผมไม่ใช่คน เอ๊ะ

   ‘พ่ออยู่ในบ้าน’ เขาบอกอ้อมแอ้ม ‘แม่ติดถ่ายละครเลยไม่ได้มาด้วย’

   ‘แม่นายเป็นดาราเหรอ’

   เขาพยักหน้า

   ‘ว้าววววววววววว’ จีบร้อง แต่ตอนนั้นผมยังไม่เชื่อเลยเบ้ปาก ก็ท่าทางที่เขายอมรับมันดูขี้โม้อะ

   ‘ผมชื่อธีร์’ เด็กผิวขาวแนะนำตัว ‘นายชื่ออะไรเหรอ’

   ‘เราจุ๊บ ส่วนนี่น้องเรา ชื่อจีบ’ ผมปล่อยมือจากกองทรายแล้วขอมือเขาเช็กแฮนด์ ไม่รู้ทำไปทำไมเหมือนกัน แต่ลุงโรเบิร์ตชอบทำให้ดูบ่อยๆ เวลาเจอคนแปลกหน้า

   สามวันนั้นเราขลุกอยู่ด้วยกัน เล่นน้ำทะเล ก่อกองทราย ไล่จับปู ขี่จักรยานรอบเกาะตามประสาเด็ก มีจีบมาเล่นด้วยในบางเวลายกเว้นช่วงผจญภัยที่น้องจะโดนป้าแก้วห้าม เวลาส่วนใหญ่บนเกาะผมจึงใช้มันไปกับธีร์ และนั่นทำให้เราสนิทกันภายในเวลาไม่กี่วัน

   ‘จุ๊บ...อย่า เล่น แบบ นั้น’ แม่ของผมตะโกนเมื่อเห็นว่าผมพยายามสาดทรายใส่ธีร์ ‘โน่น เล่นแบบป้าเด้าโน่น เห็นไหม’ เธอพยักเพยิดไปทางพี่สาวที่กำลังถมทรายใส่ตัวลุงโรเบิร์ตอยู่

   ‘อยากเล่นแบบนั้นไหม’ ผมถามธีร์ อีกฝ่ายส่ายหัวพลัน

   ‘เล่นแบบป้าเด้า แต่ไม่ใช่เล่นแบบนี้กันนะลูก เข้าใจไหม’ แม่ตะโกนอีกรอบเมื่อป้าเด้าขึ้นคร่อมตัวลุงโรเบิร์ตแล้วประกบปากจูบอย่างดูดดื่ม ผมพยักหน้าตอบแม่ ทันใดก็รู้สึกถึงแรงเขย่าที่ข้อแขน

   ‘อยากเล่นแบบนั้น’

   ธีร์บอก และยื่นปากเข้ามาจุ๊บผมแบบเร็วๆ ไม่ให้ตั้งตัว

   แสงสีส้มฉายขึ้นที่ริมฝีปาก ผมไม่รู้หรอกว่าการทำแบบนั้นมันจะทำให้เวลาหยุดหรืออะไร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่านั่นนับเป็นการจูบไหม แต่ผมโวยวายใหญ่เพราะรู้แน่ๆ ว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่เด็กควรทำ โดยเฉพาะกับเด็กผู้ชายด้วยกัน

   อีกฝ่ายหัวเราะเอิ้กอ้ากอย่างผู้ชนะ นั่นแหละครับธีร์ เขาขโมยจุมพิตผมตั้งแต่สามวันแรกที่อยู่ด้วยกัน

   เด็กข้างบ้านคนนั้นกลายมาเป็นคนสำคัญในอีกสิบปีต่อมา

   


   ‘พี่จุ๊บ’

   ’ฮื่อ?’

   ’ทายดิ๊’

   ’ทายว่า’

   ’เครื่องเล่นไหนในสวนสนุกที่ทำให้เราร้องเพราะเขินมากที่สุด’

   ผมจำวันที่เราไปสวนสนุกด้วยกันได้ มันเป็นวันที่ผมพาเขามาระบายความทุกข์ด้วยการหนีทุกอย่างและทำตัวเป็นเด็กภายใต้หน้ากากอะลาดินกับจีนี่

   ’ร้องเพราะเขินมันร้องยังไงวะ’ ผมถาม ขณะที่เราทั้งคู่กำลังนั่งรอดูขบวนแฟนซีช่วงเย็นอยู่บนม้านั่งตัวหนึ่ง

   ’ก็แบบ...งื้อออออ งู้ยยยย ง่อววววววว’

   ผมกรอกตาใต้หน้ากาก

   ’ทายเร็วดิ’

   ’ไม่รู้ว่ะ บ้านผีสิงมั้ง’

   ’พี่เจอผีแล้วเขินเหรอ’ ธีร์ทำหน้าซังกะตาย...ผมรู้สึกได้แม้ว่าจะใส่หน้ากากอยู่ก็ตาม

   ’ก็...ไม่รู้วุ้ย เฉลยดิ’ ผมโบ้ย

   ’รถไฟเหาะ’

   ’ทำไมถึงเป็นรถไฟเหาะ’

   ’ก็รถไฟฮ่อลลลลลลลลลลลลลลลลลไง’

   ’ฮ่อลพ่อง’ ผมพูดให้ได้ยินแต่ธีร์ก็ขำก๊ากออกมาเพราะมุกตลกของตัวเอง รู้ตัวปะว่ามันไม่น่ารัก แต่มันน่านัก!

   ’ทายซิ’

   ’อะไรอี๊ก’

   ’เครื่องเล่นอะไรสมบุกสมบันที่สุด’

   ’ม้าหมุน’ อะไรก็เหอะ

   ’ผิด’

   ’แล้วอะไร’

   ’ไวกิ้ง...ก็ไวกลิ้งงงงงไง สมบุกสมบันสุดแล้ว’

   ’...’

   ’...’

   ’...’

   ’...’

   ผมเลิกใส่ใจเขาและหันไปดูขบวนที่กำลังเริ่มเดินเคลื่อนผ่านหน้าเรา เหล่าตัวการ์ตูนต่างๆ ออกมาเต้นสังสรรค์กันอย่างรื่นเริง และยังดึงมือคนที่ยืนมองสองข้างทางเข้าไปร่วมเต้นด้วยอย่างสนุกสนาน

   ’อยากเต้นเหรอ’

   ’เปล่า’ ใจจริงผมก็คิดว่าน่าสนุกดีแหละ แต่ไม่ดีกว่า เสี่ยงอะ

   ’กลัวโดนดึงหน้ากาก?’ ธีร์ถามย้ำเมื่อผมยังชะเง้อคอดูขบวนด้วยความสนใจ

   ’ก็นิดนึง’

   ’ไปเต้นปะ’

   ’ไม่เอ๊า’ และก็ตามสไตล์เขา ยังไม่ทันที่ผมจะได้ร้องห้ามอะไรธีร์ก็ดึงตัวผมให้ย่อเข้าลงเพื่อพ้นสายตาจากฝูงชน เปิดหน้ากากไวๆ และขโมยจูบจากริมฝีปากของผมหนึ่งที

   เวลาหยุด เช่นเดียวกับขบวนและการกระทำของฝูงชนรอบข้าง

   ’ไม่มีเพลงจะเต้นยังไงเนี่ย’ ผมโวย ถอดหน้ากากปิดบังตัวตนของตัวเองออกและส่งสายตาเอือมให้เขา

   ’เดี๋ยวร้องเอาก็ได้’ ธีร์ทำท่าขอมือผมไปเต้น แต่ผมส่ายหัวพรืด

   ’ไม่เอา’

   ’พี่จุ๊บ ไหนบอกวันนี้จะหนุกให้สุดเหวี่ยงเลยไง’

   ’เต้นสองคนเนี่ยนะ’ ผมมองไปที่รอบข้างที่หยุดชะงัก ’ไม่แปลกเหรอ’

   ธีร์ชายตามาให้ผมราวกับบอกว่า ‘มันจะมีอะไรแปลกไปกว่าการจูบแล้วเวลาหยุดอีก’

   ’เดี๋ยวเปิดเพลงเอาก็ได้’ เขาหยิบมือถือแล้วกดเล่น Shut Up And Dance ของ Walk The Moon พอดนตรีขึ้นก็หันส่ายตูดแล้วแบมือเพื่อขอมือผมอีกครั้ง

   ผมกอดอกมองเขาอย่างจนใจ วุ้ย ยอมให้ท่าส่ายตูดนั่นหรอกนะ



   Oh don’t you dare look back

   Just keep your eyes on me

   I said you’re holding back

   She said shut up and dance with me

   This woman is my destiny

   She said oh oh oh, Shut up and dance with me



      
   เราขยับตัวท่ามกลางสรรพสิ่งที่ค้างนิ่ง ร้องเพลงสลับกับหัวเราะอย่างบ้าคลั่งเพราะตลกอีกฝ่าย บ้างก็แกล้งขยับก้นของคนรอบตัวให้เต้นไปกับเรา

   จำไม่ได้ว่าวันนั้นเราแกล้งคนไปกี่คน หรือเต้นไปกี่เพลงจนกว่าจะกลับมาจูบกันเพื่อให้เวลาเริ่มเดินใหม่
   
   แต่ผมจำได้ว่าวันนั้นธีร์ขโมยจูบเพื่อสร้างห้วงเวลาเล็กๆ ของเราขึ้น

   ห้วงเวลาของความสุข



   
   “พี่จุ๊บ”

   “ฮื่อ?”

   “ขอจุ๊บหน่อย”

   เอาอีกละ ตั้งแต่ตอนเด็ก มาถึงตอนเป็นแฟนกัน กระทั่งตอนนี้ที่เราหยุดเวลาไม่ได้อีกต่อไป...ธีร์ก็ยังไม่เลิกนิสัยชอบขโมยจูบผม

   “เอ้า รู้ตัวแบบนี้ก็ไม่ใช่ขโมยอะดิ”

   “ทำไมชอบมาเล่นแบบนี้ตอนทำขนมฮะ” ผมแหว ยกถาดคุกกี้แมคคาเดเมียที่เพิ่งปั้นเสร็จเข้าเตา บิดแกนตั้งเวลาเพื่ออบรอบใหม่...

   “รู้ตัวก็ดี” แล้วเขาก็โผล่มาข้างหลังอย่างเดิม “…จะได้จูบตอบได้” ขโมยจูบกับหัวใจของผมไปได้อีกครั้ง

   พูดตามตรง มันเป็นการขโมยที่ผมไม่เคยได้คืนเลย แต่ผมก็ยังยอมให้เขาทำแบบนี้อยู่เรื่อย

   และคิดว่าคงห้ามไม่ได้ไปตลอดชีวิตเลยครับ





ไอ้บ้าเอ๊ย อยากมีหัวขโมยเป็นของตัวเอง งื้อ 555555
มีอะไรไปคุยในแท็ก #จุ๊บที ได้นะคะ

ตัวแม่*
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบพิเศษ: ขโมย | UPDATE 26.2.2561 | Page 28 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 26-02-2018 19:10:16
น่ารักดีค่ัะ  o13
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบพิเศษ: ขโมย | UPDATE 26.2.2561 | Page 28 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 26-02-2018 21:56:03
ตอนแรกก็งงกับชื่อตอน แต่พอเข้ามาอ่านปุ๊บ รู้เรื่องเล้ยยย น้องธีร์คนขี้จุ๊บ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบพิเศษ: ขโมย | UPDATE 26.2.2561 | Page 28 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 26-02-2018 22:07:09
น่ารักดี
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบพิเศษ: ขโมย | UPDATE 26.2.2561 | Page 28 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Naamtaan22 ที่ 27-02-2018 17:09:01
รถไฟฮ่อลลลลล55555+ชอบอ่ะน่ารักจัง
#จุ๊บธีร์
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบพิเศษ: ขโมย | UPDATE 26.2.2561 | Page 28 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 27-02-2018 21:06:17
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบพิเศษ: ขโมย | UPDATE 26.2.2561 | Page 28 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 01-03-2018 18:33:13
 :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบพิเศษ: ขโมย | UPDATE 26.2.2561 | Page 28 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Neithx ที่ 02-03-2018 15:13:23
อ่านจบแล้ว ขอบคุณมากนะคะ
เป็นเนื้อเรื่องที่แปลกใหม่ดีค่ะ :)
ชอบที่ตัวละครไม่ได้สมบูรณ์แบบดูมีตัวตนจริงๆ แล้วก็ได้แง่คิดดีๆหลายอย่างด้วย
#ชอบช่วงจีบที่สุด <3<3


**ขอแนะนำคนเขียนหน่อยน้า อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวเราเน้อ :)**

  ประเด็นแรก เรื่องราว น่าสนใจมากกก แอบเสียดายที่เนื้อหาดำเนินเร็วไปหน่อย ส่วนตัวเลยไม่รู้จักหรือผูกพันกับตัวละครเท่าไหร่ แล้วก็มีหลายประเด็นที่เราคิดว่าสามารถนำเสนอได้อีก
  ประเด็นที่สอง เรื่องของตัวละคร
    ตัวละครที่ถูกพูดถึงมีมากเกินไป ในขณะที่ตัวละครที่มีบทบาทจริงๆ มีไม่กี่คน ตัวอย่างคือ เพื่อนสนิทของจุ๊บ ในช่วงเกริ่นแรกๆ มีหลายคน พอช่วงท้ายๆก็หายไปเลย หรืออย่างคนในครอบครัวที่มีจำนวนเยอะจนบางครั้งทำให้การบรรยายดูวุ่นวาย สับสน เช่น ช่วงท้ายที่คุณยายออกมาช่วย สารภาพว่าอ่านแบบเลื่อนไปไวมากๆค่ะ Y~Y
   ประเด็นสุดท้าย เรื่องของการใช้คำศัพท์ค่ะ แม้จะมีความหมายที่ใกล้เคียงหรือเหมือนกัน แต่คำศัพท์บางคำให้ความรู้สึกทางลบมากกว่า เช่น ตอนที่โฟกัสถูกจับได้โดยความช่วยเหลือจากแฟนคลับเดนตาย* รู้สึกสะดุดใจมากตอนที่อ่านเพราะคำว่า เดนตาย สำหรับเราให้ความรู้สึกที่ไม่ดีเท่าไหร่

สุดท้ายอยากชื่นชมคนเขียนในเรื่องของการเขียนค่ะ โดยรวมแล้วดีเลยนะ การใช้สระ หรือการพิมพ์ไม่ค่อยมีคำผิดคอยกวนใจ อิอิ
เป็นกำลังใจให้สำหรับเรื่องต่อๆไปนะคะ :D
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบพิเศษ: ขโมย | UPDATE 26.2.2561 | Page 28 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 09-03-2018 10:08:05
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบพิเศษ: ขโมย | UPDATE 26.2.2561 | Page 28 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: NOOKNIK21 ที่ 10-03-2018 00:20:07
เป็นนิยายที่สนุกมีครบ หวาน หัวเราะ ร้องไห้ ชอบพระเอกนายเอก และครอบครัว. เก่งมากคะชื่นชมถ้ามีเพื่อนอยากอีโฟกัสจะจิกกะโหลกและเอาปืนนยิงกบาลโมโห :fire: นักเขียนสุดยอดด :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบพิเศษ: ขโมย | UPDATE 26.2.2561 | Page 28 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: nitty23 ที่ 26-03-2018 23:14:40
เพิ่งมาเจอเรื่องนี้ เปิดเรื่องมาได้น่าสนใจดีค่ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบพิเศษ: ขโมย | UPDATE 26.2.2561 | Page 28 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: nitty23 ที่ 28-03-2018 21:07:44
นัองธีร์ออกตัวว่าจีบพี่จุ๊บแรงขนาดนี้พี่จุ๊บจะทำไงคะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบพิเศษ: ขโมย | UPDATE 26.2.2561 | Page 28 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 29-03-2018 10:40:25
ขอบคุณมากสนุกมากเลย แนวเรื่องน่าสนใจดีด้วย เรารู้สึกว่าตัวะครมีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจริงๆ โตขึ้นจริงๆตามวัยวุฒิของตัวเองให้เห็นว่าการเป็นคู่ชีวิตมันมีหลายปัจจัยแต่ก็ต้องผ่านไปได้ ขอบคุณที่แต่งเรื่องสนุกมีแง่คิดให้อ่านนะคนเขียน
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบพิเศษ: ขโมย | UPDATE 26.2.2561 | Page 28 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: dadt ที่ 01-04-2018 07:22:52
พล็อตแหวกแนวดีค่ะ ชอบๆ

เราว่าจุดอ่อนเรื่องนี้คือตัวละครและฉากยืดเยื้อ/ไม่จำเป็นเยอะมาก ช่วงแรกๆสนุกดี แต่พอธีร์มีเรื่องตอนรับน้อง ก็เริ่มอ่านผ่านๆ พอถึงช่วงคลิปหลุดรูปหลุด อ่านข้ามเยอะมาก มันไม่อินอ่ะค่ะ คบกับดาราดังแถมจูบกันข้างนอกบ่อยๆ ยังไงสักวันก็ต้องมีคนเห็นอ่า

แอบสะดุดนิดนึงตอนที่บอกว่า 6 ปีผ่านไปธีร์ไม่เหลือแฟนคลับแล้ว ความจริงคนที่เคยดังมากมักจะมีแฟนพันธ์ุแท้นะคะ คือไม่ว่ายังไงก็จะตามสนับสนุน อาจจะเหลือจำนวนไม่มากแต่ก็น่าจะยังมีน้า

เราชอบเรื่องของคุณพ่อคุณแม่ ที่ยอมปล่อยให้คุณพ่อจากไป ต่อให้มีพลังแค่ไหน เกิดแก่เจ็บตายก็ยังเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องเจออยู่ดี

ป.ล. ตอนแรกลุ้นว่านายเอกจะได้ใช้ชื่อน่ารักๆแบบ คิส มั้ยน้า แต่อดง่ะ 555
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบพิเศษ: ขโมย | UPDATE 26.2.2561 | Page 28 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 07-04-2018 07:21:38
 :pig4:สนุกค่า น่ารักดี :L1:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบพิเศษ: ขโมย | UPDATE 26.2.2561 | Page 28 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: spsygk ที่ 23-04-2018 17:15:02
 :hao3: :hao3:ตค
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { จูบพิเศษ: ขโมย | UPDATE 26.2.2561 | Page 28 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 27-04-2018 23:37:33
สนุกค่ะ แหวกแนวนิดหน่อย แต่ก็ดำเนินเรื่องได้ดี
 :pig4:   :pig4:   :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ตอนพิเศษ : จีบที | 30.5.2561 | Page 29 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 30-05-2018 20:53:42
(https://www.img.in.th/images/cb6fa06a64f0654978cc851226291dfb.jpg)

จี บ ที

   “แม่”

   “ฮื่อ”

   “แม่รู้ได้ยังไงว่าหนูต้องชื่อจีบอะ”

   “ถามอะไรอย่างนั้น”

   “ก็ป้าโอบเคยบอกว่าครอบครัวเราจะตั้งชื่อตามการแสดงความรักของแต่ละคน อย่างจุ๊บก็มีแสงตรงปากตอนเกิด ก็เลยชื่อจุ๊บ”

   “อ๋อ”

   “แล้วทำไมหนูถึงชื่อจีบล่ะ”

   “ตอนเกิดแกเห็นพี่จุ๊บคนแรก แล้วแกก็พูดออกมาว่าหล่อจัง”

   “เฮ้ยจริงปะเนี่ย”

   “จริง พูดคำว่าหล่อจังได้ก่อนคำว่าแม่อีก”

   “เหยดดดดด เจ๋งว่ะ”

   แม่ส่งสายตาเอือมระอามาให้เพราะ ‘คำที่ผู้หญิงเรียบร้อยเค้าไม่พูดกัน’ ของฉัน

   “แม่”

   “ว่าไง”

   “ทำไมแม่ไม่ตั้งชื่อหนูเป็นน้องเต๊าะ หรือน้องอะไรที่มันเฟี้ยวกว่านี้ล่ะ จีบมันโบราณง่า”

   แม่ส่งสายตาเอือมระอามาให้อีกรอบ แล้วพูดว่า “มีชื่อหนึ่งที่แม่ชอบมากแต่ทุกคนไม่เห็นด้วย”

   “ชื่ออะไรเหยอ”

   “บอกแล้วอย่าโกรธนะ”

   “ไม่โกรธสาบาน”

   “ชื่อ...เกี้ยวพาราสี”

   “แม่!”

   ชั่วขณะที่รู้ความจริงนั้น ฉันก็รู้สึกรักชื่อจีบขึ้นมาทันที



   เกือบได้ชื่ออีเกี้ยวแล้วไหมล่ะฉัน



   จีบหลานรัก 


   ก่อนอื่นยายอยากขอโทษที่ยายมีเวลาแค่นิดเดียวที่ได้อยู่ดูแลหลาน เจ็ดปีที่คอยฟูมฟักและมองหลานเติบโตช่างเป็นช่วงเวลาที่แสนสั้น แต่ก็มีค่าเกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ ยายมีความสุขทุกวินาทีที่ได้เล่นกับหลาน ฟังเสียงหัวเราะ ปลอบเมื่อร้องไห้ ร้องเพลงกล่อมจีบให้นอนหลับฝันดี

   น่าเสียดายที่ยายอดดูหลานเติบโตตอนที่ยังมีลมหายใจอยู่ แต่เชื่อเถิดว่ายายยังดูอยู่ที่ไหนสักแห่งเสมอ

   จุดประสงค์จริงๆ ที่ยายเขียนจดหมายฉบับนี้ให้จีบ เพราะยายคิดว่าหลานน่าจะงงหลังจากเหตุการณ์ของพี่จุ๊บที่ห้องใต้บันได (แน่ล่ะ) แต่ไม่ต้องห่วง พ่อแม่ของหลานจะเป็นคนอธิบายเรื่องนี้เอง มันเป็นหนึ่งในความลับของครอบครัวเราที่หลานควรได้รู้เมื่อถึงเวลา

   ไม่แน่ใจว่าหลานรู้ความลับแล้วหรือเปล่า แต่ถ้าจีบรู้แล้ว...ยายอยากจะฝากเรื่องนึง

   พลังที่หลานกำลังจะค้นพบมันในวันหนึ่ง เมื่อเวลานั้นมาถึง ยายอยากให้หลานเข้ามาปรึกษาคนในครอบครัวของเราเหมือนที่เราทุกคนเคยทำ เชื่อยายเถอะว่าพวกเขาให้คำแนะนำได้ดีแน่นอน

   ยายพูดเรื่องนี้มากไม่ได้ เพราะหากยายบอกหมดอาจทำให้สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับหลานเปลี่ยนแปลงไป แต่ยายขอใบ้แบบนี้ไว้กัน...หลานจะได้พบกับพลังที่ยิ่งใหญ่ และบางทีอาจจะเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่กว่าที่ทุกคนในบ้านเคยมีมา

   คนที่จะมาช่วยให้หลานค้นพบพลังนั้นเป็นคนหลานอาจเคยมองข้ามไป และเขาจะเป็นคนที่น่ารักมากๆ ถ้าหลานมองเห็นตัวตนของเขาจากข้างในโดยแท้จริง



   ยายขออวยพรให้หลานใช้ชีวิตอย่างมีความสุข มีความรักที่ดี และไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน อยากให้รู้ไว้ว่ายายรักหลานมาก

   ยายรักหลานของยายทุกคน



   ปล. จีบโตเป็นสาวแล้วสวยเชียว รักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีแบบนี้ต่อไปนะ   

   ปล2. อย่าจีบใครพร่ำเพรื่อ


   
   แต่คิดอีกที จีบไปเถอะ


   ยายหอม 




   “เกิดอะไรขึ้นโทรหาพ่อกับแม่ได้ตลอดเวลานะ”

   แม่บอกหลังจากเราขนกระเป๋าใบสุดท้ายเข้าห้องเสร็จเรียบร้อย ตอนนี้เราสามคนยืนอยู่หน้าหอพักในมหาวิทยาลัยท่ามกลางเหล่านักศึกษาหญิงและครอบครัวที่กำลังขนของเข้าหอกันอย่างขะมักเขม้น วันนี้เป็นวันเปิดหอพักให้นักศึกษาใหม่เข้าอยู่ได้เป็นวันแรก

   พ่อกับแม่ฉันลงทุนขับรถจากกรุงเทพขึ้นมาจนถึงเชียงใหม่ ถามว่าทำไมถึงต้องเดินทางหอบข้าวหอบของมายาวไกลกว่าเจ็ดร้อยกิโลเมตร ก็เพราะเหตุผลง่ายๆ เพียงข้อเดียว

   ฉันสอบติดที่นี่ยังไงล่ะ

   “ค่า ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนหนูต้องโทรแน่ๆ” ฉันบอกให้พวกท่านมั่นใจ “จีบดูแลตัวเองได้น่ะ”

   “อย่าประมาทไป อะไรก็เกิดขึ้นได้หมดแหละ ถ้ามี...”

   “ปาปริก้า?”

   “ผู้ชาย”

   “ผ่ามพ่าม”

   “จีบ แม่ไม่ได้เล่นมุข” อ้าว “ยังไงเราก็เป็นผู้หญิง และผู้หญิง...”

   “ต้องรักนวลสงวนตัว เรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ ที่สำคัญห้ามจีบใครก่อน หนูรู้ๆ พ่อกับแม่พูดให้หนูฟังจนหูแฉะแล้ว” ฉันโอด เก็บความคิดต่างไว้ในใจ ที่พูดมานั่นฉันทำได้ที่ไหนกันล่ะ “ผู้ชายเหนือไม่มีอันตรายหรอกแม่ พวกเขาขี้อายจะตาย”

   เหรอวะ ฉันเถียงตรรกะประหลาดของตัวเองในใจ บางทีผู้ชายเหนืออาจจะโหด หื่น เถื่อน และไม่ได้ขี้อายอย่างที่คิดก็ได้ แต่ฉันพูดแบบนั้นได้ที่ไหนล่ะ

   “แม่อย่าห่วงเลย ไอ้จีบมันคาราเต้สายดำนะ” พ่อช่วยสมทบ ก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ “ผมว่าเราควรไปแล้วแหละ เผื่อเวลาขับรถกลับกรุงเทพฯ อีก”

   “เราต่อเวลาได้นี่” แม่พูด แล้วฉันกับพ่อก็ถอนหายใจพร้อมกัน...ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ตอนวันเกิดฉันแม่ก็กลายเป็นคนขอใช้พลังบ่อยกว่าพ่อเสียอีก แค่เวลาที่ขับรถมาจากเมืองกรุงเราก็ขับๆ จอดๆ ได้แบบชิลๆ เพราะการยื้อเวลาได้เนี่ยแหละ

   ถ้านับชั่วโมงจริงๆ นี่คงปาไปสองวันเลยมั้ง

   แต่ฉันไม่โทษแม่หรอก รู้ว่าท่านคงอยากมีเวลาอยู่กับฉันให้นานที่สุด

   “พ่อกับแม่จะกลับบ้าน ไปพักผ่อน ไปทำหน้าที่ของตัวเอง” ฉันสรุป “ส่วนหนูจะอยู่ตรงนี้ทำหน้าที่ของหนู ซึ่งก็คือตั้งใจเรียนให้ดี”

   ฉันเกลี้ยกล่อมด้วยเสียงจริงจังซึ่งเป็นท่าไม้ตาย ได้ยินดังนั้นแม่ก็ถอนหายใจ ยอมในที่สุด

   เรากอดล่ำลา อวยพรให้กันพอหอมปากหอมคอแล้วพวกท่านก็ออกรถ ก่อนกลับพ่อเอียงตัวมากระซิบข้างหูเพื่อไม่ให้พ่อได้ยินว่า “พ่อไม่เคยห้ามให้จีบใครก่อน” ยักคิ้วให้ฉันหนึ่งทีแล้วขึ้นรถไป

   ฉันยืนโบกมือบ๊ายบายทั้งคู่จนกระทั่งรถของพ่อแม่ลับสายตา สูดกลิ่นความอิสระเข้าเต็มปอด ตั้งปณิธานในใจไว้ลึกๆ...


   เพราะว่าเป็นเด็กดีเชื่อฟังคำพ่อ



   ต่อจากนี้ฉันจะจีบทุกอย่างที่ขวางหน้าเลย คอยดู!


(ต่อด้านล่าง)
   
#จีบที
#จุ๊บที
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ตอนพิเศษ : จีบที | 30.5.2561 | Page 29 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 30-05-2018 20:56:20
(ต่อจากด้านบน)


   “วู้วววผู้บ่าววววว”

   เสียงในใจอยากแอ๊วแค่ไหน แต่ความจริงนั้นหาทำได้ไม่ เพราะคิดว่าการออกตัวแรงคงไม่เป็นผลดีต่อตัวฉันเท่าไหร่ในวันเปิดเทอมวันแรก…แม้ว่าสิ่งแวดล้อมรอบข้างจะทำให้ฉันอยากกรี๊ดแบบนั้นออกมาก็ตามน่ะนะ

   ฉันมาถึงคณะตั้งแต่เช้า รับป้ายชื่อจากรุ่นพี่เสร็จก็มายืนรวมกับเพื่อนใหม่หลายร้อยคน เป็นหนุ่มสาวหน้าใสที่ฉันมองไปแทบจะหวีดไป คนนั้นก็ดูดี คนนี้ก็โดนใจ ฉันนี่แทบกลายเป็นปลาทูท่ามกลางปลาทับทิมเลยอะ (เปรียบเทียบอะไรของมันวะ) อาจเพราะนี่เป็นคณะการสื่อสารมวลชนทำให้แต่ละคนดูกล้าแสดงออกกันมากเหลือเกิน แต่ละคนคุยกันช้งเช้งเสียงดัง มีแต่ฉันเนี่ยแหละที่คุยน้อยเหมือนกลัวดอกพิกุลจะร่วงปาก

   “เธอมาจากไหนเหรอจร๊าาาาา” ชะนีหน้าบานข้างๆ ที่มีเสียงแหลมปรี๊ดอย่างกับนกหวีด แถมยังพูดจาฉอเลาะเกินเบอร์เอ่ยปากถาม

   “เรามาจากกรุงเทพฯ จ้า ตัวเธอล่ะ”

   ...นี่ฉันคีพลุคทำไม

   พลั่ก!

   “โอ๊ยแม่มึง!”

   “ขอโทษครับ!”

   แล้วลุคของเด็กสาวเรียบร้อยพูดเพราะก็ถูกทำลายป่นปี้เพราะคำอุทานนั้น ฉันหันไปมองต้นเหตุของแรงชน เขาเป็นผู้ชายใส่แว่นตัวหนาใหญ่ที่กำลังไหว้ขอโทษขอโพยฉันรัวๆ

    “ขอโทษจริงๆ ครับ”

   “เฮ้ยนายไม่เป็นไร” ฉันยกมือไปตบบ่าเขาอย่าง(พยายาม)ใจดี เพราะอีตานี่เอาแต่ก้มหัวให้อยู่นั่น แต่ทันทีที่เขาเงยหน้าขึ้นมาฉันก็ถึงกับเหวอ

   “ติ๋มจุมพล!”

   “คะ...คุณจีบ”

   ฉันไล่สายตาสำรวจเขา ตัดผมสกินเฮด ใส่แว่นสีดำหนา สะพายกระเป๋าสนู้ปปี้เน่าๆ แบบนี้...ติ๋มจุมพลไม่ผิดแน่

    ติ๋มจุมพลเป็นใครน่ะเหรอคะ เขาเป็นเด็กเนิร์ดที่อยู่ห้องเดียวกับฉันมาตลอดตั้งแต่ตอนม.ต้น เราเคยสนิทมากก่อนที่อยู่ๆ เขาจะตัดสินใจ ‘เลิก’ สนิทกับฉันแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย (ฉันเดาเอาเองว่าเราต่างกันเกินไป จุมพลบ้าเรียนมาก ส่วนฉันบ้าผู้ชายมาก กร๊าก) ตั้งแต่ม.สองจุมพลก็หันไปคบกับกลุ่มเนิร์ดประจำห้องที่มีชื่อแก๊งสุดติ๋มว่า ‘แก๊งติ๋ม’ (อห) แต่ละคนในแก๊งจะถูกเรียกด้วยคำว่าติ๋มแล้วตามด้วยชื่อจริง

   แต่เอาเข้าจริงๆ ติ๋มจุมพลไม่ใช่เด็กแก่เรียนที่เคร่งเครียดและทำตัวน่าเกลียดแบบคนอื่นในกลุ่มเลย (แบบที่ชอบบอกว่าทำข้อสอบไม่ได้แต่คะแนนออกมาเต็มตลอดน่ะ) เขาเป็นเด็กเรียนก็จริง แต่ก็เป็นคนสุภาพน่ารักกับทุกคน สุภาพแบบที่แม้ทุกคนเรียกเขาว่าติ๋ม แต่เขาเรียกชื่ออีกฝ่ายโดยมีคำว่า ‘คุณ’ ขึ้นก่อนเสมอ

   ติดอยู่อย่างเดียว เขาพูดกับทุกคน...ยกเว้นฉัน

   ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไม

   แต่เรื่องนั้นช่างมันก่อนเหอะ ตอนนี้ฉันกำลังช็อคที่ติ๋มจุมพลมาเรียนที่เดียวกับฉัน...ได้ยังไงวะ อยู่ห้องเดียวกันแท้ๆ ทำไมฉันไม่เคยรู้มาก๊อนนนนนนน

   “ปีหนึ่ง ตั้งแถวหน้ากระดานสิบแถว ปฏิบัติ!”

   ทว่าก่อนที่ฉันจะได้ถามอะไรเขา เสียงรุ่นพี่สุดโหดก็เรียกแถวขึ้นซะก่อน ติ๋มจุมพลขยับปากเหมือนมีอะไรจะพูดกับฉัน หากสุดท้ายก็เปลี่ยนใจและเดินไปรวมกับคนอื่นด้านหน้า



   หนีมาไกลขนาดนี้แล้วยังจะเจอกันอยู่อีก จะเรียนที่เดียวกันไปจนจบป.เอกเลยรึไงฟะ




   
   “166!”

   “กรี๊ดดดดดด! น้องอัฐ! พ่อยอดขมองอิ่มของพี่!!!” พี่กะเทยคนถือโทรโข่งดีดดิ้นใหญ่เมื่อรุ่นน้องขวัญใจลุกยืนขึ้น เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากทุกคนรวมทั้งฉัน คนอะไรว้าหล่ออย่างกับไอดอลเกาหลี

   “ใครจะได้คู่กับน้องอัฐน้าาาา”

   ตอนนี้เรามีกิจกรรมจับบัดดี้กัน รุ่นพี่จะเขียนรหัสของน้องทุกคนใส่ลงไปในไหสลาก แล้วสุ่มจับทีละคู่ หน้าที่ของบัดดี้คือดูแลคู่ของตัวเองไปตลอดช่วงรับน้อง (ซึ่งก็เกือบปีหนึ่งพอดี) ซื้อขนมให้ ติวหนังสือ ดึงกันให้มาเข้ารับน้องสม่ำเสมอ...ได้ข่าวว่าพี่รุ่นก่อนมีแฟนเป็นบัดดี้กันหลายคู่เลย

   ฉันจะเป็นผู้โชคดีแบบนั้นมั้ยน้า ตื่นเต้ล

   “รหัสไรดี” พี่คนถือไหจกลงไปจับสลากอีกรอบ เก้งกวางบ่างชะนีแหกปากบอกรหัสตัวเองเต็มที่เพราะอยากได้อัฐเป็นผัว เอ๊ย คู่ซะเหลือเกิน

   “ได้รหัส 134!”

   “วี้ดดดดดดดดด”

   “ม่ายยยยยยยยยยยย”

    “โอ้ก้อดวาย ทำไมต้องเป็นอีสโนไวท์” เจ๊คนเดิมหวีดเมื่อรหัส 134 คือน้องตุ๊ดร่างบางประเภทที่ไปอยู่นิยายวายจะได้เป็นนายเอก แต่เผอิญในเรื่องของฉันมันคือมาร ทำไม! ทำไมพระเจ้าไม่เห็นใจช้านนนน

   “พรหมลิขิตจ้ะพี่จ๋า” สโนไวท์ยิ้มเยาะ เดินไปคล้องแขนอัฐออกไปนั่งรวมกับพวกที่ได้คู่แล้วแบบสวยๆ ท่ามกลางเสียงโห่ เหลือคนที่ยังไม่มีคู่เพียงหยิบมือ

   “รหัสต่อไป...” พี่คนจกเริ่มอีกครั้ง ”226!”

   เย้ย รหัสฉันแล้วๆๆๆ

   “น้องจีบ วี้ดวิ้วววววววว” รุ่นพี่ผู้ชายส่งเสียงแซว ฉันยืนเอียงอายอย่างเก็บอาการ แต่ในใจนี่อาดริกๆ

   “จะพรหมลิขิตอีกมั้ยน้า” เจ๊กะเทยว่า ก่อนจะหันไปส่งสัญญาณให้ล้วงสลากอีกใบ ใจฉันเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ

   “เลขที่ออกได้แก่...แก่...แก่...”

   ประกาศซะทีสิโว้ยยยยย

   “227! เฮ้ย! ต่อกันเลยอะ พรหมลิขิตของจริง!”

   “...!”

   “น้องรหัส 227 อยู่ไหนเอ่ย” เจ๊โทรโข่งประกาศหาเพราะเรียกแล้วรหัสนั้นไม่ยอมลุกขึ้นซะที ฉันนี่ชะเง้อหาจนคอจะยาวเท่ายีราฟอยู่แล้ว

   “227 มาไหมคะ”

   โผล่มาซะทีสิ ฮ่วย

   “ครับ!”

   “คะ?”

   “ฮะ?” ฉันเผลอส่งเสียงออกไป เพราะเจ้าของรหัสนั้นแท้จริงแล้วนั่งอยู่แถวหน้าสุด ร่างสูงหนายกมือและลุกขึ้นอย่างเก้ๆ กังๆ

   “ผม 227 ครับ” เขารายงานกับรุ่นพี่ เกาหัวตัวเองเขินๆ แล้วค่อยๆ หันหน้ามายิ้มแหยให้ฉัน   

   เห็นหน้าปุ๊บก็สตั๊น

   เปล่า ไม่ใช่เพราะความหล่อ แต่เพราะสงสัยว่าชาติที่แล้วฉันต้องไปก่อกรรมอะไรกับหมอนี่ไว้แหงๆ




   “ติ๋มจุมพล!!!!”
   


(ต่อด้านล่าง)
#จีบที
#จุ๊บที
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ตอนพิเศษ : จีบที | 30.5.2561 | Page 29 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 30-05-2018 21:01:39
(ต่อจากด้านบน)



   นี่ไม่ใช่พรหมลิขิต อาจใช้คำว่าเรื่องบังเอิญก็ได้ แต่มันไม่ใช้พรหมลิขิตแน่นอน


   “โอ่ยยยย ยอมแพ้! ยอมแพ้แล้ว!”

   ฉันโอด ทิ้งตัวลงนอนกับลานอเนกประสงค์หลังจากสอนติ๋มจุมพลเต้นท่าแนะนำตัวของเรามาหลายชั่วโมง แต่เหมือนเพื่อนเก่าของฉันจะมีกำแพงบางอย่างกับท่าเต้นเกาหลี...หรือไม่ก็ตัวฉันเนี่ยแหละ!

   ไม่เข้าใจ ท่าดึงธนูของโซนยอชิแดมันยากตรงไหน! แค่ดึงก้านธนูแล้วค่อยๆ ปล่อยอะแกรรรรรรรรร๊

   “คนเนี้ยมาแรง สัญชาตญาณบอก!”

   ฉันเสมองพี่สันทนาการที่ตั้งวงร้องเพลงแซวน้องกันตรงตีนบันไดคณะ หันไปรอบๆ ก็เห็นเพื่อนรุ่นเดียวกันกำลังคิดท่าแนะนำตัวกับบัดดี้ตัวเองกันขมักเขม้น (โดยเฉพาะอัฐสุดหล่อกะยัยสโนไวท์ที่มีแต่คนไปรุม) เห็นแล้วยิ่งอิจฉา ฮือออ ทำไมฉันไม่มีบุญแบบนั้นบ้างว้า

   “ขอโทษนะครับที่ผมเต้นไม่เก่งเลย” ติ๋มจุมพลหย่อนก้นลงข้างๆ ตัวฉันแล้วเริ่มพูดเสียงอ่อย ทำหน้าจ๋อยยิ่งดูน่าสงสาร x10

   ฉันถอนหายใจแรง

   “นายไม่ผิดหรอก” ถึงจะหัวร้อนแต่เห็นอย่างนั้นก็อดใจอ่อนไม่ได้ “ทำดีสุดแล้วนิ”

   “ผมไม่เคยเก่งเรื่องแสดงออกเลย”

   “ฉันรู้ ก็สงสัยอยู่ตอนรู้ว่านายเรียนสื่อสารมวลชน ความคิดแรกฉันแบบ...จริงเหรอวะ” ฉันแซว เห็นมุมปากเขากระตุกนิดนึง

   “ผมอยากทำแมกกาซีนครับ” เขาอธิบาย

   “รู้ นายเขียนเก่ง” ตอนเรียนม.ปลาย ติ๋มจุมพลอยู่ในทีมทำวารสารของโรงเรียนทุกปี

   “คุณจีบล่ะครับ” เขาถามบ้าง “มาเรียนแมสคอมทำไม”

   “ฉันอยากทำงานในวงการ”

   “วงการอะไรเหรอครับ”

   “ไก่ชนมั้ง ปัดโถ่” ถามมาได้เนาะไอ้ติ๋ม “วงการบันเทิงสิ”

   “แบบแฟนพี่ชายคุณ” เขาหมายถึงธีร์ ดำรงเดช อดีตดาราดังที่ฉันเคยตามติ่ง เขาเป็นแฟนกับจุ๊บ ลูกพี่ลูกน้องของฉันมาสองปีแล้ว ใครๆ ก็รู้จักพวกเขาจากวีรกรรมเขย่าวงการเมื่อธีร์ออกมาเปิดตัวว่ามีแฟนเป็นผู้ชาย

   ฉาวมาก แต่ฉันก็รักพวกเขามากเช่นกัน

   “ช่าย แต่ไม่ใช่ดารานะ” ฉันเล่า บิดขี้เกียจไปด้วย “ฉันอยากเป็นนักแสดงที่ขายฝีมือมากกว่าข่าวฉาว”

   ติ๋มจุมพลพยักหน้ารับคำ “คุณจีบทำได้แน่ครับ”

   “อันนั้นก็รู้ววววว” ฉันยอตัวเองอีกรอบ ได้ยินเสียงหัวเราะมาจากเขา มันเป็นเสียงหัวเราะจริงใจที่ฉันไม่ได้ยินมาตั้งแต่ม.ต้น…นาทีนั้นก็นึกได้ว่าติ๋มจุมพลเป็นไม่กี่คนที่จะบ้าจี้ขำไปกับการยอตัวเองของฉันในตอนนั้น ทั้งๆ ที่คนส่วนใหญ่จะหมั่นไส้มากกว่า

   คนอะไรขำได้ทุกอย่างที่ฉันพูด จะว่าไปก็คิดถึงเสียงหัวเราะเขาเหมือนกันแฮะ

   เราเงียบกันไปสักพัก แล้วฉันก็ตัดสินใจทำลายความเงียบนั้น

   “ทำไม...เชียงใหม่?”

   ติ๋มจุมพลหันมามองฉันแบบงงๆ ฉันก็งง ถามอะไรของมันวะ

   “หมายความว่า...ทำไมฉันไม่เคยรู้เลยว่านายจะแอดมาเชียงใหม่ด้วย แถมยังคณะเดียวกันอีก”

   เขาหน้านิ่วไปเพราะคำถามนั้น ยกมือขึ้นดันกรอบแว่นให้ชิดจมูกโด่ง “เอ่อ...เพราะผมไม่เคยคุยกับคุณจีบเรื่องนี้ครับ”

   “อันนั้นก็รู้ไง้” ฉันหัวเราะ “นายไม่เคยคุยกับฉันสักเรื่องเลยเหอะที่จริง”

   “...”

   “ตั้งแต่จบม.ต้น ทำไมนายถึงไม่พูดอะไรกับฉันเลยวะ”

   ติ๋มจุมพลดูตกใจที่อยู่ๆ ฉันก็ถามคำถามที่อยู่ในใจมาตลอด เขาเงียบไปสักพัก

   “ผม...ผมไม่รู้จะคุยอะไร”

   “เร้อ”

   “อาจเพราะเราต่างคนต่างแยกกันไปมีเพื่อนกลุ่มใหม่มั้งครับ”

   “หื้มมมม” ฉันทำท่านึก “แต่สามปีที่ผ่านมา ฉันคิดมาตลอดเลยนะว่านายโกรธฉัน”

   “...”

   “นายโกรธอะไรฉันสักอย่าง จริงปะ”

   “คุณจีบ ผมไม่รู้จะคุยอะไรจริงๆ” เขายืนยัน “ผมไม่กล้าโกรธคุณหรอกครับ”

   “ไม่ได้โกรธ...งั้นก็แปลว่าชอบดิ”

   ฉันหยอด คราวนี้เขาหันมามองฉันด้วยแววตาตกใจนิดหน่อย

   “เอ๊า เหมือนในนิยายไง พระเอกไม่คุยกับนางเอกเพราะชอบ และกลัวทำลายความเป็นเพื่อนระหว่างเรา เลยต้องมองห่างๆ มาตลอด”

   “...”

   “พอเรียนจบแล้วก็ยังตัดใจไม่ได้ ก็เลยยอมแอดตามฉันมาที่เชียงใหม่ ใช่ปะ”

   ติ๋มจุมพลไม่ตอบ และการไม่ตอบของเขาดันทำให้เกิดบรรยากาศแปลกๆ ระหว่างเราขึ้นแทน

   เขาสบตาฉัน ทันใดฉันก็รู้สึกว่าแววตาที่เขามองฉันเจือไปด้วยความไม่มั่นใจอยู่ในนั้น …แถมแก้มยังแดงระเรื่ออย่างกับตำลึงสุก

   ติ่มจุมพล...นายกำลังทำให้ฉันคิด...ว่าสิ่งที่พูดไปมันจริงนะเว้ย

   แง

   “ซ้อมดีกว่าครับ!” อยู่ๆ เขาก็ถลาลุกขึ้น แต่เหมือนจะลุกขึ้นเร็วเกินไป แว่นของเขาจึงกระเด็นตกลงบนพื้น

   และนั่นเป็นครั้งแรก...ที่ฉันได้เห็นติ๋มจุมพลตอนถอดแว่น

   “ก็ไม่ติ๋มนี่หว่า” ฉันเอื้อมมือไปเก็บแว่นให้แต่ยังไม่ละสายตาไปจากเขา คนตรงหน้าอ้าปากหวอ

   “อะ...อะไรนะครับ”

   “ฉันบอกว่านายถอดแว่นแล้วก็ไม่ติ๋มนี่หว่า” ฉันลุกขึ้น ยังไม่คืนแว่นให้ ทว่าเอื้อมมือไปจับหน้าเขาเบาๆ

   “หน้านายโคตรใส ดูเฉิ่มเพราะแว่นที่ใส่จริงๆ นะ”

   “คะ...คุณจีบ”


   “หล่อว่ะ”


   “...อย่าทำแบบนี้เลยครับ”

   “เอ๊า ฉันพูดจริง”

   “คะ..คืนแว่นผมเถอะคร้าบ”

   “รู้แล้วๆ แหมหยอดนิดหยอดหน่อยเอง” ฉันแซวเพราะหน้าติ๋มจุมพลเปลี่ยนจากลูกตำลึงไปเป็นมะเขือเทศสดแล้ว เขารับแว่นไปใส่ ก้มหน้างุด

   “ระ...เรามาซ้อมกันต่อดีกว่าครับ”

   เขาพูดเสียงสั่นทำให้ฉันขำ ทว่า...ก่อนที่เราจะทันได้ซ้อมต่อ เสียงนกหวีดบอกสัญญาณหมดเวลาก็ดังขึ้นซะก่อน

   ปรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!

   “น้องๆ มารวมกันตรงนี้เลยค่า” เจ๊โทรโข่งประกาศ “ถึงคราวต้องโชว์ท่าแนะนำตัวให้พวกพี่ดูล้าวววววว”

   “ฮะ? ฮะ?!!!” ฉันกระวีกระวาดมองนาฬิกาข้อมือลายคิตตี้ของตัวเอง ตัวเลขบนนั้นโชว์หราว่า 16:55 “พี่ เหลืออีกตั้งห้านาที!!!”

   “ห้านาทียังจะนับอีกเหรออออ”

   “นับสิโว้ยยยค้าาาา”

   “เอ๊า ห้านาทีก็ห้านาที!”

   ฉันกระโดดเย้ แต่ในใจร้องไห้แรง ติ๋มจุมพลมันยังดึงธนูไม่ได้โว้ยยยยย

   “อยากต่อเวลาสักชั่วโมงจัง” ฉันบ่น และเริ่มซ้อมกับเขาอย่างมุ่งมั่น

   ไม่ทันรู้ตัวว่าในนาทีนั้นบางอย่างเกิดขึ้น

   “เอออย่างนั้นแหละ เยสสสสส”

   ราวยี่สิบนาทีผ่านไป...ในที่สุดติ๋มจุมพลก็ทำได้สักที เขาซ้อมเต้นจนเหนื่อย ยกข้อมือขึ้นมาดูเวลาอยู่หลายรอบ 

   “ทำไมห้านาทีมันนานจังเลยนะครับ”

   “จริง ไม่น่าเชื่อเลยเนอะว่ายังไม่หมดเวลาอีก”

   ฉันบอกเขา รู้ถึงความผิดปกติบางอย่าง พอยกมือของตัวเองขึ้นมาดูเวลาบ้างก็ต้องตกใจ ไม่ใช่แค่เพราะเวลาเหมือนไม่เดินจริงๆ...แต่ตอนนี้ท้องแขนข้างขวาของฉันปรากฏตัวเลขดิจิตอลสีส้มสว่างขึ้นมา มันขึ้นเวลา 16:55 และกะพริบถี่เหมือน...เหมือนเราต่อเวลาได้

   น่าตกใจกว่านั้น คือฉันเคยเห็นตัวเลขแบบนี้ที่แขนของพ่อและแม่

   อยากต่อเวลาสักชั่วโมงจัง ...ฉันนึกไปถึงคำที่ตัวเองพูดไปแบบส่งๆ เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว

   หรือว่าฉัน...

   “คุณจีบ แขนคุณมี...ตัวเลขเหรอครับ”

   “นายก็เห็นเหมือนกันเหรอ”

   โคตรน่าตกใจของตกใจคือ...ติ๋มจุมพลก็เห็น!

   เฮ้ย!! เดี๋ยวๆๆๆ เดี๊ยววววววว

   “จิ๋มตุมพล!” ฉันร้องเสียงดังด้วยความหวาดระแวง รีบพูดเกิน ลิ้นพันเลยอีผี “จีบฉันซิ!”

   “อะ...อะไรนะครับ”

   “นายช่วย...จีบฉัน ชมว่าฉันสวย อะไรก็ได้” ฉันพยายามหาเหตุผลมาซับพอร์ตสิ่งที่เกิดขึ้น ความสะพรึงท่วมท้นจิตใจ แต่ก็คิดไว้ว่าพิสูจน์ไปเลยมันจะได้จบๆ

   “คุณจีบ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

   ติ๋มจุมพลดูกลัวฉัน ฉันก็กลัวตัวเองตอนนี้ แง้

   “แค่พูดว่าฉันสวยมันยากรึไงหาาาาา” ฉันเข้าไปยื้อคอเสื้อของเขา คนใส่แว่นหลับตาปี๋ “แค่พูดมันออกมาาาา”

   “คุณจะ...”

   “พูด!”

   “สวยครับสวย!” เขายอมพูดในที่สุด “คุณจีบสวยครับ!”

   ฉันสูดลมหายใจ เปล่งวาจาออกมาดังลั่น


   “ฉันอยากให้เวลากลับมาเดินเหมือนเดิม”


   ทันใดนั้น ตัวเลขนาฬิกาบนแขนขวาของห้องหยุดกระพริบชั่วครู่ มันเดินต่อไปที่ 16:56

   “อีกสี่นาทีนะคะน้องๆ” เจ๊โทรโข่งประกาศ เพ่งเล็งมาที่ฉันเป็นการส่วนตัว 

   “คุณจีบ ผมไม่เข้าใจอะ มันเพิ่งเกิดอะไรขึ้นครับ”

   “ฉันมีพลัง...” ฉันกระซิบ เขย่าข้อมือช้าๆ “ฉันมีพลังแล้ว!”

   “พลังเหรอครับ?”

   “ขออีกทีนึง” ฉันยังไม่สาแก่ใจเพราะนึกไปถึงคำของยายในจดหมาย ท่านบอกว่าฉันจะเป็นคนที่มีพลังเยอะที่สุดในบ้าน เป็นเดอะฮัลค์ของทีมอเวนเจอร์อะไรเทือกนั้น

   ซึ่งจากสันนิษฐานของฉัน...น่าจะเป็นแบบนี้

   “นายไม่ใส่แว่นแล้วหล่อมากๆ มากแบบมากๆๆๆๆ” ฉันบอกต่อหน้าเขา “ฉันชอบนาย!”

   “เฮ้ยยยยย”

   “ฉันอยากให้เวลาหยุด!”   

   ฉับพลัน ทุกเสียงรอบข้างก็เงียบสงัด ฉันเห็นไม้กลองของพี่สันทนาการลอยอยู่เหนือกลอง ฉันเห็นยัยตุ๊ดสโนไวท์กำลังทำท่ากระโดดโลดเต้นอยู่กลางอากาศ และฉันเห็นใบไม้ที่หล่นลงมาจากต้นกำลังเท้งเต้งห่างจากพื้นดิน...สิ่งมีชีวิตที่รายล้อมตัวเรานิ่งค้างเหมือนถูกหยุดไว้ชั่วขณะ

   ภาพแบบนี้ที่จุ๊บเคยเล่าให้ฉันฟัง…ตอนที่เขากับธีร์ยังใช้พลังกันได้อยู่

   “โอ้พระเจ้า โอ้พระเจ้า โอ้ววววพร๊าจ๊าวววววว!” ฉันกรี๊ดในลำคอ ส่วนติ๋มจุมพลเหวอกินกว่าเดิม “นี่มันบ้าไปแล้ว”

   “คุณจีบ คุณทำอะไรครับ” เขาทำท่าเหมือนจะร้องไห้ “ละ...ละทำไมรอบๆ เราถึง...”

   “ฉันต้องโทรหาพ่อกับแม่เดี๋ยวนี้เลย!” ฉันบอกเขาแล้วควักโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า รอสายไม่นานเสียงพ่อก็ดังทักทาย

   “จีบว่าไงลูก”

   “พ่อ แม่อยู่นั่นเปล่า”

   “นั่งอยู่ข้างๆ กันเนี่ย มีอะไรหรือเปล่า”

   “หนูอยากให้ทั้งสองคนฟังพร้อมๆ กัน” ฉันสูดลมหายใจตั้งสติ พูดสิ่งที่ทั้งคู่ไม่อยากได้ยินที่สุดในวันแรกของการเปิดเทอมออกไป

   “หนูว่าหนูจะได้แฟนเป็นเด็กเนิร์ด”

   “ลูกว่าไงนะ!” พ่อแม่

   “อะไรนะกั๊บบบบบบ T_T” ติ๋มจุมพล

   “และหนูว่าเจอพลังของหนูแล้ว”


   “ห๊าาาาาาาา”


   “หนูสั่งเวลาได้”






#จีบที
#จุ๊บที

30 พฤษภาคม 2559 เป็นวันที่เราเริ่มแต่งจุ๊บที
ครบรอบสองปีก็เลยคิดถึง จึงเขียนหา
คันมืออยากเขียนเรื่องน้องจีบมานาน ตอนแต่งก็จินตนาการว่าความรักของเด็กแสบแบบนี้จะเป็นยังไงนะ

หวังว่าทุกคนจะชอบกันค่ะ

ตัวแม่*
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ตอนพิเศษ : จีบที | 30.5.2561 | Page 29 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-05-2018 22:13:09
 :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ตอนพิเศษ : จีบที | 30.5.2561 | Page 29 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 30-05-2018 22:33:46
เป็นตอนพิเศษที่อ่านแล้วนั่งยิ้ม ขำความเกินเบอร์ของจีบมาก แล้วพลังของจีบก็เจ๋งสุดๆไปเลยสั่งเวลาได้นี่ไม่ใช่เล่นๆเลยนะ แต่ก็แอบสงสารว่าที่แฟนดูท่าน่าจะโดนจีบข่มเหงนะเนี่ย ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ตอนพิเศษ : จีบที | 30.5.2561 | Page 29 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 14-06-2018 11:18:57
ในที่สุดก้อแฮปปี้ๆๆ กว่าจะรักกันได้ อุปสรรคมากมายยย สนุกดีค่ะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ตอนพิเศษ : จีบที | 30.5.2561 | Page 29 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: somberness ที่ 14-06-2018 11:31:38
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ตอนพิเศษ : จีบที | 30.5.2561 | Page 29 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 24-06-2018 01:41:29
โอ่ยยยยย สงสารคู่จุ๊บหับธีร์มากอ่ะ อุปสรรคเยอะมาก คือเตรียมใจในการอ่านบะ ว่านายหรือนางเอกเป็นดาราเรื่องต้องมีมาม่า เอ้ย ดราม่า!!!!!  :katai1: :katai1:
แต่มันจบสวยอ่ะ รักเลย ชอบตอนของจีบด้วย น่ารัก มีแฟนเป็นเด็กเนิร์ด 555555 แถวสั่งเวลาได้ด้วย มาเหนือมากจ้าาาาาา  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ตอนพิเศษ : จีบที | 30.5.2561 | Page 29 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: 24h365d ที่ 24-06-2018 09:08:41
อุปสรรคมักจะทำให้คนเราเข้าใจและรักกันมากขึ้น ดีใจที่ได้อ่านนิยายดีๆ เป็นกำลังใจให้เสมอ <3
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ตอนพิเศษ : จีบที | 30.5.2561 | Page 29 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: hoihak ที่ 17-05-2019 02:48:28
สนุกมากกกก เขินไปหมดดดดด ปล.จีบทีนี่ก็น่ารักกกกกกกกกกกก งุ้ยยยย
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ตอนพิเศษ : จีบที | 30.5.2561 | Page 29 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: AgotoZ ที่ 16-06-2019 00:34:34
 :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ตอนพิเศษ : จีบที | 30.5.2561 | Page 29 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Blue ที่ 25-09-2019 14:12:13
 :pig4: :pig4: :pig4: o13
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ตอนพิเศษ : จีบที | 30.5.2561 | Page 29 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: yochiki1404 ที่ 03-11-2019 07:59:19
เนื้อเรื่องถือว่าสนุกในระดับหนึ่งนะคะ...ขอบคุณที่แต่งนิยายมาให้อ่าน เป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ตอนพิเศษ : จีบที | 30.5.2561 | Page 29 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 09:36:17
 :pig4:
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ตอนพิเศษ : จีบที | 30.5.2561 | Page 29 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: sakura_sung ที่ 13-08-2022 01:53:52
สนุกมาก  o13
หัวข้อ: Re: จุ๊ บ ที { ตอนพิเศษ : จีบที | 30.5.2561 | Page 29 } (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 23-08-2022 14:23:08
สนุกมากเลยค่ะเรื่องนี้
ตอนพิเศษของนู๋จีบ สุดยอด
สั่งเวลาได้