บทที่ 18
สังสรรค์
“พี่ตี้เลือกเพลงเลยครับ ไม่ต้องเกรงใจ”เสียงน้องๆ ในทีมของคุณอรรถ ที่เร่งให้ผมกดเลือกเพลงเพื่อร้องคาราโอเกะ วันนี้เป็นวันนัดกับทีมออแกไนซ์ครับ เค้าพากันมาที่ร้านเหล้าร้านนึง เป็นร้านใหญ่พอสมควร แถมร้านถูกแบ่งออกเป็น 3 โซนด้วยกันประกอบไปด้วยโซนสำหรับนั่งสบายๆ มีเปิดเพลงเบาๆ สลับกับดนตรีสด เน้นเพลงสไตล์ Easy Listening อีกโซนเป็นผับไว้เอาใจขาแดนซ์โดยเฉพาะ และสุดท้ายก็ที่พวกผมอยู่ตอนนี้ เป็นห้องคาราโอเกะ
ทางทีมงานออแกไนซ์เลือกห้องที่จุได้เกือบ 20 คน แต่ที่มาจริงๆ แค่ 10 คนนิดๆ เองครับ อาหารเครื่องดื่มถูกสั่งมาจนเกือบจะเต็มโต๊ะ ดูทุกคนสนุกสนานกันสุดๆ แต่ก็ยังถามไถ่ผมเป็นระยะ คงเพราะกลัวผมเกร็งที่เป็นคนนอกคนเดียวที่มาร่วมปาร์ตี้กับพวกเค้าในครั้งนี้ แต่จริงๆ ผมก็ไม่ได้รู้สึกเกร็งอะไรนะครับ เพราะก็คุ้นหน้าคุ้นตากับทุกคนจากการร่วมงานกันมาหมดแล้ว
“แต่เราก็...หากันจนเจอ มันนานแค่ไหนที่รอเธอมา”เสียงร้องเพลงจากน้องๆ ชายหญิงคู่นึง ที่ร้องไปพร้อมกับเดินมาทำไม้ทำมือที่ผมกับคุณอรรถ ตามมาด้วยเสียงโห่แซวจากคนอื่นๆ ที่เหลือ แต่ทั้งผมและคุณอรรถก็ทำเพียงยิ้มมุมปากเล็กน้อย ไม่ได้แสดงอาการอะไรมาก ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมอาจจะเขิน หรืออาจทำตัวไม่ถูก แต่ตั้งแต่รู้จักเหมา ผมว่าผมคงหน้าด้านหน้าทนขึ้นเยอะครับ เรื่องแซวแค่นี้จิ๊บๆ ครับ
“เธอเป็นมากกว่ารัก เพราะเธอนั้นคือครึ่งชีวิต ฉันใช้เวลาทั้งชีวิต เพื่อตามหาและรอคอยเธอมาแสนนาน”เมื่อเพลงแรกไม่ได้ผล เพลงที่สองก็ตามมาครับ แต่ดูจะยังทำอะไรผมไม่ได้เท่าไหร่ น้องๆ เค้าเลยจัดเมดเลย์งานแต่งชุดใหญ่มาให้ผมเลยครับ ผมก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ ดื่มเบียร์ไป หัวเราะไป หรือร้องด้วยบางท่อนที่เค้าส่งไมค์มาให้แหละครับ
“นี่คุณอรรถจ้างน้องๆ มากันคนละเท่าไหร่ครับ จัดเต็มกันเหลือเกิน”ผมเอ่ยถามอีกคนที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ข้างๆ ผมเดินตามเค้าออกมาสูบบุหรี่ เพราะนึกสนุกอย่างแซวเค้านิดหน่อยครับ คิดว่าถ้าเค้าไม่ได้พูดอะไรไว้ น้องๆ ในทีมเค้าไม่น่าจะมาจัดเมดเลย์เพลงให้ผมขนาดนี้
“คุณตี้อย่าไปถือสาพวกมันเลยครับ พวกนี้ก็กวนๆ แบบนี้แหละครับ”เค้าไม่ได้ตอบรับหือปฏิเสธ นี่แสดงว่าน้องๆ ในห้องนั้นคงรู้หมดแล้วว่าเค้าคิดจะจีบผม ผมเพียงยิ้มตอบอย่างไม่ได้ถือสา ก่อนจะกดบุหรี่ลงในที่เขี่ย เราหันสบตากันแล้วก็หัวเราะออกมาทั้งคู่
ผมไม่รู้ว่าระหว่างผมกับเค้าจะพัฒนาไปต่อมากกว่าความเป็นเพื่อนหรือเปล่า แต่ถ้าผมคิดจะเปิดใจกับเค้า ผมคงต้องหยุดความสัมพันธ์กับอีกคน มันจะได้ไม่เป็นการเห็นแก่ตัวมากจนเกินไป จริงๆ ผมก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์เป็นเรื่องเป็นราวกับใครมานานแล้วเหมือนแหละครับ ชีวิตช่วง 4-5 ปีมานี่ก็มีแต่อยู่กับเพื่อน ก็เป็นชีวิตที่มีความสุขดี อยากทำอะไรก็ทำ อยากไปไหนก็ไป จนผมเกือบลืมไปแล้วว่า ความรู้สึกการมีแฟนมันเป็นยังไง
คิดมาตลอดว่าถ้าไม่มีใครเข้ามาผมก็คงอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ จนเคยพูดเล่นๆ ขำๆ กับไอ้เหมาว่า ถ้าวันนึงมันแต่งงานมีลูกไป ให้ผมเป็นพ่อทูนหัวลูกๆ ของมันด้วย ถึงตอนแก่ตัวมาจะได้ให้ลูกๆ มันดูแลผมด้วย แต่อีกใจผมก็เคยคิดนะครับว่าถ้าชีวิต จะมีใครอีกคนเข้ามาแล้วอยู่เป็นเพื่อนกันไปจนแก่เฒ่า มันก็อาจจะดี แต่ที่ผ่านมามันก็ไม่เคยมีความสัมพันธ์ครั้งไหนจะยืนยาวสักเท่าไหร่
คงเพราะเมื่อก่อน แต่ละคนที่ผมเคยคบก็ยังอยู่ในช่วงวัยรุ่นที่หลงในรูปลักษณ์ภายนอก คบกันแค่ฉาบฉวย พอเบื่อไม่มีอะไรตื่นเต้น เร้าใจก็ไปหาคนใหม่ที่ดูเร้าใจกว่า ซึ่งตัวผมเองก็เป็นหนึ่งคนที่เคยอยู่ในวังวนนั้น จนมาวันนึงมันก็รู้สึกอิ่มตัวไปเฉยๆ อันนี้ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันครับ หากแต่ตอนนี้ความสัมพันธ์ที่ผมมีกับคุณแว่นตอนนี้ ก็คงไม่ต่างอะไรจากความสัมพันธ์ฉาบฉวยของผมอย่างเมื่อก่อน
“คุณอรรถ เคยมีแฟนมาแล้วกี่คนครับ”แม้จะยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเปิดใจเรียนรู้ความสัมพันธ์ครั้งนี้ไหม แต่ผมว่าผมก็มีสิทธิ์ที่จะถามคำถามนี้เพื่อประกอบการตัดสินใจ
“นี่แสดงว่าเริ่มสนใจผมแล้วใช่ไหมครับ”ผมยกไหล่เล็กน้อย พร้อมกับยิ้มให้เค้า แต่ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธเค้าออกไป แล้วเสียงโทรศัพท์ของผมก็ขัดจังหวะขึ้นเสียก่อนที่ผมจะได้พูดอะไรกับเค้าอีก ผมมองหน้าจอมือถือที่โชว์เบอร์ของไอ้เหมา ถ้าเป็นปกติผมคงไม่ต้องเดาว่ามันคงจะชวนผมไปดื่มแน่ๆ แต่นี่มันก็รู้ว่าผมออกมากับทีมออแกไนซ์นี่นา
“ออกมาทักทายเพื่อนหน่อยสิครับไอ้ตี้”นั่นปะไร นี่แสดงว่ามาดื่มที่นี่เหมือนกัน พอถามก็ได้คำตอบว่าไอ้เหมากับคุณแว่นมานั่งดื่มกันที่โซนชิลๆ ของที่นี่ พอมันบอกว่านั่งตรงไหน ผมก็ขอปลีกตัวจากคุณอรรถ เพื่อออกไปเจอมัน ผมมองหาเพียงไม่นานก็เห็นไอ้เหมาโบกมือเป็นสัญญานให้ผม ผมตรงเข้าไปทักทายทั้งไอ้เหมา และอีกคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับไอ้เหมา
จากในตอนแรก ผมเกือบจะนั่งลงฝั่งเดียวกับคุณแว่นแล้ว แต่ยั้งตัวไว้ทัน เพื่อไม่ให้ไอ้เหมาสงสัยอะไรด้วย ผมเลยเลือกที่จะนั่งลงข้างไอ้เหมา ผมแอบเห็นว่าคุณแว่นเหมือนตั้งท่าจะพูดอะไรสักอย่าง แต่แล้วก็ไม่พูด
“มากะผู้ชายแล้วไม่สนใจเพื่อนเลยนะมึง”ไอ้เหมาแซวพร้อมกับรินเบียร์ยื่นมาให้ผม ผมรับมาชนแก้วกับทั้งไอ้เหมาและคุณแว่น แต่สังเกตว่าคุณแว่นกำลังเมินผม เป็นไรละนั่น เลยกลายเป็นผมกับไอ้เหมาคุยกันอยู่สองคน
“นั่งด้วยได้ไหมครับ”เราทั้งสามหันไปตามเสียงแทบจะพร้อมกัน คุณอรรถมายืนยิ้มอยู่ข้างๆ โต๊ะผม ไม่รู้ว่าเพราะผมหายออกมานานจนเค้ามาตามหา หรือเค้าบังเอิญเห็นผมนั่งอยู่ก็ไม่รู้
“เชิญครับ ว่าแต่นี่กลัวเพื่อนผมหายจนต้องออกมาตามเลยเหรอครับ”ไอ้เหมากล่าวเชื้อเชิญให้คุณอรรถนั่ง ก่อนจะลุกย้ายไปนั่งข้างคุณแว่นเพื่อให้คุณอรรถได้นั่งข้างผม กับไอ้เหมาผมไม่ต้องแนะนำให้รู้จักกัน เพราะเคยเจอกันที่บริษัทแล้ว เหลือแค่คุณแว่นที่ผมต้องแนะนำให้รู้จักกัน ทั้งคู่ต่างกล่าวทักทายกันพอเป็นพิธี
“คุณชาร์ปนี่ใช่พี่ชาย...”คุณอรรถพูดยังไม่ทันจบ ผมก็รีบถามสวนขึ้นว่าจะดื่มอะไรไหม ก็คำถามของคุณอรรถนี่อาจจะทำให้บรรยากาศกร่อยได้ เพราะคุ้นๆ ว่าคุณอรรถเคยบอกผมว่าชะเอมบอกกับเค้าว่าผมเป็นเพื่อนกับพี่ชายของชะเอม ผมเองก็ไม่เคยคุยเรื่องนี้กับเค้าอีกเลย เลยไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วคุณอรรถรับรู้เรื่องราวของชะเอมมามากไหน
“ไม่เอาอะไรดีกว่าครับ แวะมาทักทายเฉยๆ เดี๋ยวก็กลับเข้าไปสมทบกับน้องๆ แล้วครับ”เค้าตอบกลับผมมา ผมเลยตัดสินใจว่าควรชวนเค้ากลับไปหาลูกทีมเค้าคงดีกว่า ขืนปล่อยให้อยู่ตรงนี้นานๆ เกรงว่าเรื่องของชะเอมจะกลายมาเป็นประเด็นให้คุณแว่นไม่สบายใจเปล่าๆ ผมไม่รู้ว่าเค้าทำใจได้มากน้อยแค่ไหนแล้ว แต่ก็รู้สึกไม่อยากให้เค้ากลับไปเศร้าหรือคิดมากอีก
“เดี๋ยวครับ”จังหวะที่ผมกับคุณอรรถ กำลังจะลุกจากโต๊ะ คุณแว่นก็เรียกให้เราทั้งสองคนต้องหยุดรอฟัง และก็อย่างที่ผมกังวล เพราะคุณแว่นถามคุณอรรถว่า ที่บอกว่าเค้าเป็นพี่ชายนี่ เค้าคิดว่าคุณแว่นเป็นแฟนใคร คุณอรรถที่ดูงงๆ กับคำถามนี้ เพราะตามความเข้าใจเค้าคงคิดว่าชะเอมกับคุณแว่นเป็นพี่น้องกัน พอมาเจอคำถามนี้ก็ต้องไม่เข้าใจเป็นธรรมดา
“งั้นเหรอครับ”คุณแว่นบอกพร้อมยิ้มเหยียดๆ เมื่อได้รู้คำตอบจากคุณอรรถว่าชะเอมบอกใครๆ ว่าคุณแว่นคือพี่ชายของเธอ ผมรีบพาคุณอรรถออกจากโต๊ะ เพราะไม่อยากให้เค้าพูดอะไรเกี่ยวกับชะเอมมากไปกว่านี้
“คุณชาร์ปกับน้องชะเอมไม่ใช่พี่น้องกันเหรอครับ”เมื่อเราสองคนเดินปลีกตัวออกมาที่สูบบุหรี่ คุณอรรถคงเก็บความสงสัยไว้ไม่ไหว ผมเพียงพยักหน้าเป็นเชิงตอบ ก่อนจะตั้งคำถามว่าคุณอรรถเนี่ยรู้จักชะเอมได้ยังไง คุณอรรถเริ่มเล่าว่าเค้ารู้จักกับอาร์ม เพราะอาร์มเป็นเพื่อนกับรุ่นน้องที่เค้าสนิท และก็รู้จักชะเอมในฐานะ แฟนของอาร์ม แต่ตัวเค้าก็เคยเห็นชะเอมที่มีออกมาเที่ยวกับผม หรือมีที่บางครั้งคุณแว่นก็มาด้วย ซึ่งชะเอมก็บอกกับทุกๆ คน รวมถึงอาร์มนั่นแหละว่าคุณแว่นเป็นพี่ชายเค้า แต่คุณอรรถเนี่ยตอนแรก เข้าใจว่าผมเป็นพี่ชายชะเอม แต่พอมารู้จักผมและรู้ว่าผมไม่ใช่พี่ชายชะเอม เค้าก็เดาได้ว่า พี่ชายที่ชะเอมหมายถึง คือใคร ผมไม่ต้องเล่ารายละเอียดต่อ คุณอรรถก็พอจะเดาเรื่องราวทั้งหมดได้
“ฟู่”ผมพ่นควันบุหรี่ออก พร้อมกับถอนหายใจยาว รู้สึกกังวล อดห่วงอีกคนไม่ได้ ไม่รู้จะยังคิดมากอะไรอีกรึเปล่า
“5 คนครับ”ผมหันไปมองหน้าคนที่สูบบุหรี่อยู่ข้างๆ ที่จู่ๆ ก็พูดขึ้นมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ก็คำตอบไงครับ ที่คุยค้างไว้ว่าผมเคยมีแฟนมาแล้วกี่คน”เค้ายิ้มตอบกวนๆ จริงๆ พอรู้จักเค้าแล้วเค้าก็ไม่ได้กวนประสาทอะไรมากมายนะครับ ไม่เหมือนตอนที่ยังไม่รู้จักกันจริงจัง ตอนนั้นผมรู้สึกเค้ากวนกว่านี้เยอะครับ
“นี่แอบตัดออกบ้างรึเปล่าเนี่ย”ผมแกล้งถาม อย่างไม่ได้จริงจังนัก ซึ่งเค้าก็รีบออกตัวว่าถ้าคนที่คบกันจริงจังก็มีแค่นี้แหละ ผมขำกับท่าทีที่รีบอธิบายของเค้า จนผมต้องบอกไปว่าแกล้งแซวเฉยๆ อีกอย่างก็ไม่ได้อยากรู้จริงจังสักเท่าไหร่
“เวลาผมคบใครก็จริงจังทุกครั้ง อยากคบนานๆ ตลอดแหละครับ แต่พอคบไปแล้วไม่ใช่มันก็ต้องถอยออกมา”ผมฟังเค้าอธิบายต่อว่าเค้าเองก็มีทั้งถูกทิ้ง หรือเป็นฝ่ายทิ้งก่อน
“สนใจมาเป็นแฟนคนที่ 6 ผมไหมละครับ”ผมส่ายหน้ายิ้มๆ พร้อมตอบเค้าไปว่าขอเป็นเพื่อนกันแบบนี้ไปก่อน อีกอย่างเราสองคนเพิ่งรู้จักกันไม่นาน ยังไม่รู้จักกันดีพอ ค่อยๆ ทำความรู้จักกันไปดีกว่า พอพูดคุยกันแบบนี้มันก็เหมือนผมตอบตกลงว่าจะศึกษากับเค้าดูรึเปล่า แล้วความสัมพันธ์ระหว่างผมกับคุณแว่นมันควรจะเป็นยังไงต่อ
เรากลับเข้าไปสมทบกับคนอื่นๆ ในห้องคาราโอเกะ น้องๆ ก็ยังแซวผมเหมือนเดิม ก็ทั้งร้องทั้งดื่มกันจนเต็มที่ ก็แยกย้ายกันกลับ ผมบอกลาคุณอรรถ เค้ากำชับผมว่าถึงบ้านให้ไลน์บอกเค้าด้วยเพราะผมก็ดื่มไปไม่น้อย ผมมองหาไอ้เหมากับคุณแว่นแต่ไม่เจอ สงสัยคงกลับกันไปแล้ว แต่พอมาถึงรถ กลับเจอคนนั่งฟุบอยู่ใกล้ๆ รถผม
“ชาร์ป...ชาร์ป ทำไมมาอยู่ตรงนี้”เค้างัวเงียหันมามองผม ก่อนจะมองไปรอบๆ แล้วลุกขึ้นเดินอ้อมไปเปิดประตูข้างคนขับ เข้าไปนั่งโดยไม่ตอบอะไรผม ผมมองไปรอบๆ ที่จอดรถว่ามีรถเค้าจอดอยู่หรือเปล่า แต่ก็ไม่เจอ แล้วนี่เค้ามายังไง ทำไมไม่กลับไปพร้อมไอ้เหมา แล้วนี่บอกไอ้เหมาว่ายังไง ถึงมารออยู่ข้างรถผม เมื่อเค้าไม่พูดอะไร ผมเองก็เงียบตลอดทางจนถึงบ้านผม
“เราตกลงกันแล้ว ไม่ใช่เหรอว่าจะไม่มาบ้านอีกฝ่ายหากยังไม่ได้รับอนุญาต”แม้ผมจะไม่ได้ซีเรียสมาก แต่การกลับมาถึงบ้านแล้วเห็นรถเค้าจอดอยู่ที่บ้านผม นี่มันก็ทำให้รู้สึกว่าเค้าเริ่มจะล้ำเส้นที่ผมขีดไว้มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะถ้ามาจอดรถแบบนี้ ไปร้านเดียวกะที่ผมไป มารอกลับกะผม ทั้งหมดนี้คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
“ว่าไง”เมื่อเค้าไม่ตอบอะไร เอาแต่นั่งนิ่ง ผมเลยต้องถามย้ำอีกครั้ง
“ตี้เองก็ไม่ได้ต่างจากชะเอมนักหรอก”เค้าหันมาพูดพร้อมยิ้มเหยียดๆ ให้ผม แม้จะพอคิดได้นะครับว่าวันนี้คำพูดของคุณอรรถอาจไปสะกิดเรื่องชะเอมขึ้นมา และตอนนี้เค้าก็ดูเมาอยู่ไม่น้อย แต่ก็ใช่ว่าผมจะยินดีที่เค้ามาพูดแบบนี้กับผม
“ทำไม เราเหมือนชะเอมตรงไหน”น้ำเสียงผมเองก็ชัดเจนเหมือนกันว่าเริ่มไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ ผมรู้ว่าเค้ากำลังจะหมายถึงอะไร นี่คงจะหมายถึงเรื่องที่ผมไปกับคุณอรรถ แต่เค้าลืมไปหรือเปล่า ว่าระหว่างผมกับเค้าข้อตกลงมันคืออะไร
“อย่าลืมสิว่าเราสองคน ไม่ได้เป็นอะไรกัน”ผมย้ำความสัมพันธ์ระหว่างเราให้เค้าได้คิด ว่าตอนนี้เค้าเริ่มจะล้ำเส้นแล้ว
“ไม่ได้เป็นอะไรกันงั้นเหรอ”สิ้นคำพูดเค้าก็ถาโถมเข้ามาหาผมอย่างรุนแรง แต่ผมว่านี่มันไม่ใช่เวลาจะมาทำอะไรแบบนี้ เค้าก็เมา แถมยังอารมณ์ไม่ดีแบบนี้ ผมเองก็ไม่ได้รู้สึกอยากจะมีอะไรกับเค้าตอนนี้ ผมพยายามขัดขืน แน่เค้าก็ยังไม่หยุด
“ไม่ใช่ตอนนี้”ผมผลักเค้าออกเต็มแรงก่อนจะลุกขี้น
“นอนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน”ผมหยิบกุญแจรถทั้งของผมและของเค้า ก่อนจะเดินออกจากห้องเพื่อแยกไปนอนอีกห้อง ส่วนที่ต้องเก็บกุญแจรถมาด้วยเพราะกลัวว่าเค้าจะหุนหันออกไป ทั้งที่ยังเมาอยู่ขนาดนี้
“เราขอโทษ”เค้าพูดตามหลังผมมา แต่ผมไม่ได้หันไปตอบอะไร ผมว่าตอนนี้เราทั้งคู่ต่างเมา คงยังไม่เหมาะที่จะคุยอะไรกัน เลยเลือกที่จะแยกออกไปนอนอีกห้องจะดีกว่า