ตอนที่ 4
วันต่อมาแพทริกแวะมาทานข้าวเย็นพร้อมกานต์รักเพื่อดูว่าอีกคนทานอะไรได้มากขึ้นบ้างหรือไม่ เพราะวันนี้มีผลไม้โปรดที่ป้าน้อยเตรียมเอาไว้เลยทำให้ร่างเล็กนั้นทานได้เยอะขึ้นจนเริ่มเบาใจ
หลังจากนั้นแพทริกต้องลงไปยังชั้นทำงานเพื่อประชุมเรื่องโปรเจกต์ใหม่ที่กำลังวางแผนต่อ การประชุมกินเวลาไปจนกระทั่งดึกดื่นกว่าทุกอย่างจะได้ข้อสรุป ผู้กุมอำนาจใหญ่คลึงหัวตาตัวเองเบาๆเพื่อไล่ความเมื่อยขบ
“นายจะกลับไปพักผ่อนที่บ้านไหมครับ” โจเซฟผู้เป็นมือซ้ายเอ่ยถามขึ้นในขณะที่กำลังเดินออกจากห้องประชุม ตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะเที่ยงคืน
“ไม่ล่ะ คืนนี้คงต้องนอนที่นี่ พรุ่งนี้มีงานแต่เช้าอีก”
“แต่ว่าคุณกานต์รัก...” มือขวาอย่างแซมเอ่ยขัดขึ้นก่อนจะต้องเงียบเสียงลงเมื่อผู้เป็นตวัดสายตามามอง
“เรื่องของฉันฉันจัดการเอง พวกนายก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนได้แล้ว”
“ครับ/ครับ” ลูกน้องคนสนิททั้งสองหันมาสบตากันก่อนจะค้อมหัวลงรับคำสั่ง เดินตามผู้เป็นนายมาจนถึงหน้าลิฟต์ก่อนจะต้องแยกย้าย
แพททริกเดินมาจนถึงห้องพักที่มีอีกคนอาศัยอยู่ ก้าวขายาวๆแล้วตรงเข้าไปยังห้องนอน
แกร๊ก
กานต์รักที่นอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียงเบือนสายตาจากหน้ากระดาษไปยังผู้ที่เปิดประตูเข้ามา จะว่าเป็นป้าน้อยก็ไม่ใช่ในเมื่อผู้ดูแลนั้นกลับไปตั้งแต่เมื่อตอนสองทุ่มแล้ว
“คุณแพทริก...มีอะไรหรือเปล่าครับ” จะว่าแปลกใจก็ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะตัวเองนั้นอยู่ในที่ที่คุณแพทริกเป็นเจ้าของ ไม่ว่าอีกคนจะเดินเข้าเดินออกหรืออยู่ตรงไหนย่อมมีสิทธิ์ทั้งนั้น แต่ในยามวิกาลเช่นนี้ทำไมคนตัวสูงถึงยังอยู่ที่นี่ นึกว่ากลับไปพร้อมป้าน้อยแล้วเสียอีก
“ฉันจะเข้ามาอาบน้ำ” คนฟังขมวดคิ้วน้อยๆเมื่อได้ยิน
“อ่า ครับ” กานต์รักทำแค่เพียงพยักหน้ารับเบาๆเพราะไม่มีสิทธ์ถามมากกว่านั้น ที่นี่เป็นของคุณแพทริก อีกคนจะทำอะไรตรงไหนย่อมได้
แพททริกเหลือบสายตามองคนที่หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านต่อก่อนจะเดินเลยเข้าไปยังทางห้องน้ำ ที่ต้องอาบในห้องนอนนี้เนื่องจากเสื้อผ้าอยู่ในนั้น ใช้เวลาไม่นานนักก็จัดการตัวเองจนเรียบร้อย ร่างกายนั้นอยากพักผ่อนเต็มแก่
“คุณแพทริกมีอะไรหรือเปล่าครับ” กานต์รักเอ่ยถามอีกครั้งเมื่อเรือนร่างสูงใหญ่เดินมาหยุดอยู่ปลายเตียง
“ไม่มี...ถึงเวลานอนฉันก็ต้องนอน แปลกตรงไหน”
“อะ อะไรนะครับ!” ยิ่งยามร่างสูงเดินอ้อมมายังเตียงอีกฝั่งกานต์รักยิ่งรู้สึกตระหนก
“ฉันจะนอนที่นี่ ตกใจทำไม” คนฟังนั้นอยากจะตอบกลับไปเหลือเกินว่ายังจะถามอีกหรือ
เพราะที่นี่นั้นมีห้องนอนอยู่เพียงห้องเดียว เตียงเดียว ไม่ต้องอธิบายก็รู้ว่าอีกคนจะนอนตรงไหน ปกติแล้วกานต์รักไม่รู้ว่าแพทริกพักที่ใด แต่ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เขานอนคนเดียว อยู่คนเดียวในตอนกลางคืนจนกระทั่งถึงเช้าโดยมีคนเฝ้าอยู่หน้าประตูเท่านั้น
“งั้น...เดี๋ยวผมไปนอนโซฟาข้างนอกก็ได้ครับ” คิดภาพยามนอนอยู่บนเตียงเดียวกันแล้วพลันเหตุการณ์ในคืนนั้นก็แล่นเข้ามาในหัวจนต้องรีบผุดลุกขึ้น
“ทำไม กลัวฉันทำอะไรหรือไง” แพทริกขมวดคิ้วมองคนตรงหน้า ท่าทางลุกลี้ลุกลนราวกับกลัวเขายังไงอย่างนั้น
“ปะ เปล่าครับ แต่คุณคงนอนสบายมากกว่า”
“เตียงก็ใหญ่ขนาดนั้น ฉันไม่ใช่คนนอนดิ้น” ยิ่งเห็นท่าทางไม่อยากอยู่ใกล้กันของอีกฝ่ายยิ่งไม่อยากทำให้สมหวัง อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าหากต้องนอนบนเตียงเดียวกันนั้นกานต์รักจะทำยังไง
“แต่ผมนอนดิ้นครับ” เสียงสั่นเอ่ยตอบระรัว ยกข้ออ้างที่คิดว่าจะทำให้หลุดพ้นจากการต้องนอนเตียงร่วมกันออกมา นาทีนี้ต่อให้ต้องนอนพื้นหรือแม้กระทั่งนอนในห้องน้ำกานต์รักก็ยอม
“เหรอ ไม่เป็นไรฉันไม่ถือ...นอนลงไปได้แล้ว พรุ่งนี้ฉันมีงานเช้า ไม่มีเวลามาเถียงเรื่องที่นอนกับนายหรอกนะ”
เรื่องมีงานเช้านั้นแพทริกไม่ได้แค่ยกขึ้นมาอ้าง หากแต่เพราะมีงานเช้ามากจริงๆคืนนี้ถึงได้เลือกนอนที่นี่ ช่วงนี้คงต้องอาศัยห้องนี้อยู่ซักพักเพราะกำลังมีโปรเจกต์ใหม่จึงยุ่งเกินกว่าจะกลับไปนอนที่บ้านได้
“ตะ แต่ว่า...” อยากจะเอ่ยแย้งทว่าดวงตาคมนั้นกลับมีแววกดดันจนใบหน้าหวานซีดเผือด ในที่สุดกานต์รักก็จำต้องหย่อนตัวลงนั่งแล้วเอนกายนอนเพราะไม่กล้าขัดคำสั่ง แพทริกมองคนที่ห่มผ้าผืนหนาขดตัวอยู่ขอบเตียงปริ่มจะตกก่อนจะเดินมาปิดไฟหัวเตียงให้ทั้งห้องตกอยู่ในความมืด
ยามที่นอนยวบยาบลงเพราะคนตัวใหญ่ก้าวขึ้นมากานต์รักยิ่งกระถดกายชิดเตียงมากขึ้น ใจดวงน้อยสั่นไหวจนต้องกุมหน้าอกตัวเองไว้แน่น การใกล้ชิดอีกคนทำให้หัวใจนั้นต้องทำงานหนักกว่าปกติ ยังดีที่มีผ้าห่มอยู่สองผืนไม่อย่างนั้นกานต์รักคงต้องนอนหนาวไปทั้งคืนเป็นแน่
กระทั่งเวลาผ่านไปคนที่กลัวเกร็งกลับหลับไปอย่างง่ายดาย ในขณะที่คนมีงานเช้านั้นนอนพลิกตัวกระสับกระส่ายไปมา
ให้ตายเถอะ! เด็กนี่ใช้ครีมอาบน้ำยี่ห้ออะไรกัน
ยามร่างบางขยับตัวทีกลิ่นหอมอ่อนๆนั้นก็จะกระจายออกมาจนคนที่ควรนอนเพราะมีงานกลับข่มตาหลับไม่ลง บางอย่างภายใต้กางเกงนอนเนื้อดีพลันจะดุนดันขึ้นมาอยู่รอมร่อ
นาฬิกาพรายน้ำบนผนังห้องบ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาจะตีหนึ่งเข้าไปแล้ว ในขณะที่คนต้องตื่นตอนตี4ยังไม่มีวี่แววว่าจะหลับ
“อืม...” เสียงครางในลำคอดังขึ้นจากคนเพ้อละเมอยิ่งทำให้แพทริกขบกรามแน่น ท้ายสุดแล้วจึงตัดสินใจว่าจะลุกออกไปนอนที่โซฟาด้านนอก ไม่อย่างนั้นคืนนี้คงไม่ได้หลับไม่ได้นอน
หมับ
ราวกับฟ้ากลั่นแกล้งยิ่งกว่าเดิมเมื่อในขณะที่กำลังจะลุกขึ้นนั้นเรือนร่างบอบบางของคนที่นอนอยู่ข้างกันก็พลิกมาหาแล้วตวัดแขนโอบรอบเอวสอบ ขาเรียวก็พาดหมับราวกับกำลังกอดก่ายหมอนข้าง ส่งผลให้กลิ่นหอมอ่อนๆนั้นยิ่งเล่นงานคนนอนไม่หลับเข้าอย่างจัง
“อือ...”
d*mmit!!
โอเค เขาผิดเองที่อยากจะแกล้งเด็กนี่ ทั้งที่เจ้าตัวก็บอกแล้วว่านอนดิ้น แต่ใครจะไปรู้ว่าการนอนดิ้นคือดิ้นไปกอดคนอื่นแบบนี้
ลมหายใจบางเบาที่รินรดบนต้นคอแกร่งทำให้เจ้าของกลับรู้สึกว่ามันร้อนราวกับไฟกำลังแผดเผา ลมหายใจของแพทริกติดขัดจนเหงื่อไหลซึมตามกรอบหน้าทั้งที่ในห้องเปิดแอร์เย็นฉ่ำ สุดท้ายจึงต้องพยายามแกะร่างบอบบางออกจากตัวอย่างช้าๆแล้วรีบลุกออกจากห้อง
ร่างสูงเดินตรงไปยังตู้เย็นแล้วรินน้ำใส่แก้วกระดกขึ้นดื่มอึกๆ หวังว่าความเย็นนั้นจะช่วยดับอารมณ์ร้อนรุ่มลงไปได้ ไม่รู้เลยว่าคืนนี้จะข่มตาหลับลงหรือเปล่าเมื่อกลิ่นหอมจากเรือนร่างนั้นยั่งกรุ่นติดอยู่ที่ปลายจมูก
✻ ✻ ✻ ✻ ✻ ✻ ✻ ✻ ✻ ✻
“ป้าบอกความลับอะไรของคุณแพทริกให้ฟังเอาไหมคะ” กานต์รักหันไปมองคนข้างตัวทันทีเมื่อได้ยินประโยคนั้น มือบางที่กำลังตีส่วนผสมของขนมเข้าหากันหยุดชะงัก ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าผู้อาวุโสกว่าพูดราวกับรู้ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรใบหน้าหวานจึงซับสีเลือดน่ามอง
“คุณแพทริกชอบทานช็อกโกแลตมากเลยนะคะ สามารถทานได้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับช็อกโกแลต...โดยเฉพาะเค้ก กินทีนี่เป็นปอนด์เลยค่ะ” คนแก่มองเด็กรุ่นลูกอย่างนึกเอ็นดูเมื่อเห็นท่าทางนั้น ไม่ต้องเอ่ยอะไรออกมาก็รู้ว่าใบหูแดงระเรื่อนั้นกางฟังเก็บทุกรายละเอียดที่เธอพูดออกไป
“ไม่น่าเชื่อใช่ไหมคะว่าผู้ชายตัวโตอย่างนั้นจะชอบทานอะไรแบบนี้” กานต์รักขบคิดกับตัวเองเมื่อได้ยินประโยคที่คนดูแลเปรยออกมาให้ฟัง วันนี้นั้นป้าน้อยมาพร้อมกับส่วนผสมของขนมและเครื่องมือต่างๆที่จำเป็นต้องใช้ เจ้าของร้านเบเกอร์รีตาโตด้วยความดีใจก่อนจะรีบเข้าครัวตั้งแต่เที่ยงเพราะความตื่นเต้น
“วันนี้ป้าเลยซื้อผงโกโก้และช็อกโกแลตต่างๆมาเผื่อซะเยอะเลยนะคะ”
“งั้น...เดี๋ยวรักทำเค้กช็อกโกแลตเพิ่มอีกก็ได้ครับ” เพราะที่ทำนั้นไม่ได้มีจำนวนมากเท่าไหร่นักเมื่อได้ยินว่าอีกคนชอบกินกานต์รักเลยมีความคิดว่าควรจะทำเพิ่ม
“ทำเผื่อคนอื่นแล้วอย่าลืมทำเผื่อตัวเองนะคะ...คุณรักต้องทานให้เยอะกว่านี้หน่อย” แม้วันนี้กานต์รักจะทานได้เยอะขึ้นเพราะเมนูยำแต่เธอก็ยังอยากให้คนตัวเล็กนั้นทานให้ได้มากกว่านี้อีก
“ครับ...รักจะทานให้เยอะๆเลย” หากเป็นพวกขนมอย่างนี้ยังพอทานได้มากหน่อย อาจเพราะเป็นสิ่งที่ชอบจึงคิดว่าน่าจะทานได้มากกว่าอย่างอื่น
ตลอดทั้งวันกานต์รักจึงขลุกอยู่กับการทำขนมเพราะช่วยให้ไม่ต้องฟุ้งซ่านได้เป็นอย่างดี ทุกอย่างในหัวจะถูกตัดออกแล้วมีความสุขอยู่กับแค่ส่วนผสมของขนมต่างๆตรงหน้า ใบหน้าหวานมีรอยยิ้มบางๆประดับอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งเกือบสี่โมงเย็นขนมหลากหลายเมนูจึงถูกวางเรียบร้อยอยู่บนโต๊ะอย่างเสร็จสับ
“หน้าตาน่าทานทั้งนั้นเลย คุณรักเก่งจังนะคะ”
“ลองทานดูนะครับว่ารสชาติเป็นยังไงบ้าง” มือบางตัดแบ่งขนมต่างๆออกเป็นชิ้นเล็กๆแล้วตักใส่จานให้คนที่แก่กว่าได้ลิ้มลอง
“อร่อยทุกอย่างค่ะ ไม่หวานเกินไปคนแก่ทานได้”
“ถ้าอย่างนั้นรบกวนป้าน้อยเอาไปแบ่งคนอื่นๆด้วยนะครับ รักทำซะเยอะเลย”
“ได้ค่ะ แต่พวกเมนูช็อกโกแลตต่างๆคงจะแบ่งให้ใครไม่ได้นะคะ ไม่อย่างนั้นคุณแพทได้อาละวาดแน่”
“เขาอาจจะไม่ชอบฝีมือรักก็ได้ครับ” เสียงหวานเอ่ยอย่างแผ่วเบา
“ลองให้ชิมก่อนสิคะ...เชื่อป้าว่าคุณแพทต้องทานทั้งหมดนี้แน่ๆ”
“ครับ”
“งั้นป้าเอาขนมออกไปให้คนอื่นๆก่อนนะคะ เยอะขนาดนี้เดี๋ยวจะเสียของทิ้งเปล่าๆ” กานต์รักพยักหน้ารับก่อนจะแย้มยิ้มน้อยๆ ด้านนอกนั้นมีคนอยู่มากมาย ทั้งตึกนี้เป็นตึกของแพทริก เบรนเนแกน ขนมที่ทำคงแบ่งได้ไม่ถึงเสี้ยวของจำนวนคนเลยด้วยซ้ำไป
ดวงตากลมโตกวาดมองเมนูช็อกโกแลตต่างๆตรงหน้าแล้วอมยิ้มกับตัวเอง ไม่รู้ว่าอีกคนจะชอบฝีมือของตัวเองหรือไม่ ป้าน้อยบอกแล้วว่าวันนี้คุณแพทริกจะเข้ามาที่นี่ตอนเย็นๆ ตอนนี้เป็นเวลากว่าสี่โมงแล้ว กลิ่นขนมอบอวลไปทั่วตัวจนกานต์รักคิดว่าคงต้องอาบน้ำเสียหน่อย
หลังจากอาบน้ำเสร็จเมื่อไม่มีอะไรทำกานต์จึงเดินถือจานขนมมานั่งตรงโซฟากลางห้องรับแขก นั่งดูโทรทัศน์ที่ป้าน้อยเปิดทิ้งเอาไว้ไปเรื่อยๆ
“คุณรักคะ คุณแพทริกกำลังจะขึ้นมาแล้วค่ะ” คนที่พึ่งกลับเข้ามาในห้องเดินมาหาแล้วเอ่ยบอกพร้อมรอยยิ้ม
“อ่า ครับ” กานต์รักพยักหน้ารับพร้อมกับยกมือขึ้นมาเกาแก้มแก้เก้อโดยไม่รู้ตัว ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรกันมากไปกว่านั้นบานประตูกว้างก็ถูกเปิดออก ป้าน้อยส่งยิ้มให้ก่อนจะผละออกไป
“กลิ่นช็อกโกแลต? ทั้งหมดนั่นของใคร” แพทริกเดินเข้าห้องมาก่อนจะเดินตามกลิ่นหอมอบอวลของขนม ใบหน้าคมขมวดคิ้วเมื่อเห็นหลากหลายเมนูช็อกโกแลตวางอยู่บนโต๊ะอาหาร ดวงตาคมวาวขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นขนมโปรดเรียงรายอยู่ตรงหน้า คนทำจึงเดินเข้ามาหาอย่างช้าๆ
“วันนี้ป้าน้อยเอาส่วนผสมมาให้ทำขนมครับ”
“แล้ว?” เรื่องนั้นแพทริกรู้อยู่แล้วเพราะเขาเป็นคนสั่งเอง
“ผมไม่มีอะไรทำเลยทำมันออกมาเยอะไปหน่อย” แต่บนนี้คือกานต์รักตั้งใจทำเพื่ออีกคนทั้งนั้น
“สรุปทั้งหมดนี่ของใคร เมื่อกี้ที่ขึ้นมาก็เห็นแบ่งว่าคนอื่นไปแล้วนี่”
“อันนี้...ของคุณแพทริกครับ” กานต์รักเอ่ยตอบเสียงเบาไม่กล้าสบตา
“ฉัน?” ใบหน้าเล็กพยักรับอย่างช้าๆ
แพททริกรั้งแขนเสื้อขึ้นถึงข้อศอก หยิบส้อมที่วางอยู่ข้างๆราวกับตั้งใจเตรียมไว้ขึ้นมาตักชิม ในตอนที่ลิ้นรับรู้ได้ถึงรสชาติของขนมสีน้ำตาลเข้มนี้ใบหน้าคมก็ผ่อนคลายลงแทบจะในทันที
“เป็นยังไงบ้างครับ” คนทำเอ่ยถามอย่างลุ้นๆ
“อืม อร่อยดี” คราวนี้กานต์รักแย้มยิ้มกว้างจนคนที่กำลังตักขนมชะงักไปทันตา ไม่เคยมีครั้งไหนที่จะได้เห็นรอยยิ้มหวานระบายเต็มหน้าเช่นนี้ ยอมรับว่ายามใบหน้าหวานประดับด้วยรอมยิ้มกว้างมันน่ามองเสียจนเผลอจ้องไม่ละสายตา ก่อนที่อีกคนจะรู้ตัวแพทริกก็ดึงสายตาตัวเองกลับมาแล้วทำเป็นสนใจขนมตรงหน้าต่อ
ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้เขาโดนเด็กนี่เล่นงานไม่หยุดเลยหรือไง!
“รักทำน้ำผึ้งมะนาวไว้ด้วย คุณแพททริกอยากจะลองทานไหมครับ...มันทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นได้ดีมากเลย” คนพูดนั้นหลุดแทนชื่อตัวเองโดยไม่รู้ตัว เมื่อรู้ว่าความตั้งใจของตัวเองทำให้คนอื่นชอบก็รู้สึกดีเสียจนเผลอหลุดนิสัยส่วนตัวออกมาจนหมด
“อืม” แพทริกตอบรับเสียงเข้ม มองท่าทางที่ดูสดใสนั้นแล้วต้องทำทีเป็นไม่สนใจ บอกตัวเองเอาไว้ว่าอย่าใจอ่อนเพียงเพราะท่าทางซื่อๆนี้
“งั้นเดี๋ยวรักไปเอาให้นะครับ” ยิ่งคราวได้ยินเสียงอีกคนเรียกแทนตัวเองด้วยชื่ออีกครั้งในหัวก็พลันนึกไปถึงยามเสียงหวานครางสั่นเอ่ยร้องขอด้วยความเสียวกระสัน
ให้ตายเถอะ แค่นี้ก็เป็นเอามากแล้วแพทริก คิดบ้าอะไรวะ!
“นี่ครับ” แก้วน้ำผึ้งมะนาวถูกวางลงตรงหน้าในขณะที่เจ้าของร่างบางนั้นยืนสิ่งยิ้มน้อยๆให้ กานต์รักไม่ได้รู้ตัวเลยซักนิดว่าท่าทางที่ออกมาจากธรรมชาติของตนนั้นกำลังทำให้ใครอีกคนหายใจผิดจังหวะ
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว จะไปทำอะไรก็ไป” แพทริกเอ่ยบอกเสียงเข้ม กระแอมไอกับตัวเองเล็กน้อยก่อนจะทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ มือหนาแสร้งตักขนมเข้าปากจนคนฟังนั้นค่อยๆผละออกไปเนื่องจากไม่อยากรบกวน สายตาคมเผลอมองตามแผ่นหลังบอบบางจนกระทั่งอีกคนกลับไปนั่งดูโทรทัศน์เช่นเดิม
ไม่รู้ทำไมพอมองรอยยิ้มนั่นแล้วกลับรู้สึกแปลกๆ ท่าทางอันอ่อนหวานเรียบร้อยนั้นเป็นเอกลักษณ์ของกานต์รัก ใบหน้าหวานมักจะระบายยิ้มน้อยๆจนคนอื่นรู้สึกสบายตายามได้มอง แพทริกจะมองอีกคนดีกว่านี้หากไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
ยอมรับว่าคืนนั้นพอใจในตัวของกานต์รักมาก มากจนอยากจะให้มีครั้งต่อมา... “อร่อยไหมคะคุณแพท” หัวหน้าแม่บ้านเดินเข้ามาหาร่างสูงที่นั่งกินขนมโปรดหลากหลายเมนูหมดไปกว่าครึ่งด้วยความรวดเร็ว
“อืม อร่อยดี” ไม่ได้แปลกใจนักกับรสชาติเพราะร้านของกานต์รักนั้นมีลูกค้าเยอะพอสมควร ยิ่งคราวได้สืบเรื่องราวจึงยิ่งรู้ว่าเป็นอีกหนึ่งร้านขนมที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงมากในเรื่องของความอร่อย
“อย่ากินจนทานข้าวไม่ได้เสียล่ะค่ะ” ประโยคนั้นมีแววเหย้าหยอกเสียจนคนตัวสูงขมวดคิ้ว ก่อนจะทันได้พูดอะไรร่างท้วมของผู้สูงวัยก็เอ่ยขอตัวแล้วเดินเข้าไปหาเจ้าของขนมมากมายพวกนี้
แม้จะได้ยินคำเตือนนั้นหากแต่มือใหญ่กลับไม่ได้หยุดการตักขนมเข้าปาก ตาคมกริบกวาดมองทุกอย่างบนโต๊ะแล้วคิดในใจว่าจะจัดการมันให้หมด
✻ ✻ ✻ ✻ ✻ ✻ ✻ ✻ ✻ ✻
“คุณแพททานจนหมดเลยค่ะ” แม่บ้านผู้ดูแลเอ่ยบอกเมื่อคนที่ถูกพูดถึงนั้นเดินออกจากห้องไปเพื่อทำงานต่อ แพทริกไม่ได้ทานข้าวเย็นเลยด้วยซ้ำคงเพราะอิ่มจากการทานขนมมากมายบนโต๊ะ
“รักดีใจครับที่เขาชอบ” รอยยิ้มหวานถูกจุดขึ้นบนใบหน้าจนคนมองนั้นยิ้มตาม
“คุณรักทำอร่อยมาก ใครๆก็ชอบค่ะ วันหลังทำอีกนะคะ”
“ขอบคุณครับ”
คนถูกชมยิ้มเป็นปลื้มก่อนจะนึกไปถึงร่างสูงที่พึ่งเดินออกจากห้องไป ไม่รู้ว่าเมื่อเช้าคุณแพทริกตื่นนอนแล้วออกไปตอนไหนเนื่องจากตอนที่เขาตื่นขึ้นมานั้นก็ไม่เห็นอีกคนเสียแล้ว แค่คิดว่าคืนนี้ต้องนอนร่วมห้องกันอีกใจเจ้ากรรมก็พลันเต้นรัวขึ้นมา
กานต์รักคิดไว้แล้วว่าคงต้องรีบนอนให้หลับก่อนที่คุณแพทริกจะกลับมา จะได้ไม่ต้องรับรู้อะไรทั้งนั้น...
หากแต่พอถึงเวลาจริงๆแล้วกลับไม่อาจข่มตาหลับลงได้ กายบางพลิกตัวบนเตียงไปมาจนย่างเข้าสู่วันใหม่มาได้ห้านาที ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ความตื่นเต้นยิ่งครอบงำ จนในที่สุดแล้วต้องลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปยังโซฟาตัวโปรด คิดว่าหากทำเป็นหลับอยู่ตรงนี้ อีกคนก็จะได้นอนในห้องเพียงคนเดียว
แกร๊ก
ไม่นานนักเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นให้คนที่นอนไม่หลับรีบแสร้งหลับตา แต่แล้วเสียงต่างๆที่ได้ยินกลับทำให้ร่างเล็กต้องขยับตัวลุกขึ้นนั่ง
“โจเซฟแกพยุงเจ้านายดีๆสิวะ”
“ฉันพยุงดีแล้วเว้ย แกนั่นแหละที่ต้องพยุงดีๆ”
เสียงทะเลาะกันดังขึ้นจนกานต์รักรีบเดินเข้าไปหาต้นตอ ยามเห็นสภาพของคนทั้งสามตรงหน้าตาดวงโตก็เบิกขึ้นด้วยความแปลกใจ
เรือนร่างสูงใหญ่ถูกหิ้วปีกโดยคนสองคน แพทริกนั้นหลับคอพับคออ่อนแทบไม่ได้สติ กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งจนกานต์รักต้องเบือนหน้าหนี
“มีอะไรกันเหรอครับ”
“อ่า...คุณรัก คือว่าเจ้านายไปงานเลี้ยงมาครับเลยมีสภาพเป็นอย่างที่เห็น” ความจริงแล้วนั้นแพทริกเป็นคอที่คอแข็งมาก หากแต่วันนี้ในงานเลี้ยงได้มีโอกาสเจอเพื่อนฝูงมากมายจึงเกิดการดวลเหล้ากันขึ้น แล้วแต่ละคนนั้นก็คอแข็งพอๆกัน พากันซัดทั้งเหล้า ไวน์ วอดก้าจนมีสภาพเป็นอย่างที่เห็น
ร่างเล็กเดินตามคนทั้งสามมาจนกระทั่งถึงในห้องนอน บอร์ดี้การ์ดร่างสูงหอบแฮกจนตัวโยนเมื่อพาเจ้านายมาถึงที่หมายได้สำเร็จ
“ยังไงพวกเราก็ฝากดูแลคุณแพทริกด้วยนะครับ”
“อะ อะไรนะครับ...เดี๋ยวสิครับ!” กานต์รักมองตามคนสนิทของแพทริกที่เดินออกจากห้องด้วยความรวดเร็วอย่างตกใจกับประโยคก่อนหน้า เสียงเล็กเอ่ยเรียกเสียงหลงหากแต่ทั้งสองช่างจากไปรวดเร็วเหลือเกิน นัยน์ตาใสหันกลับมามองคนที่ไม่ได้สติอยู่บนเตียงกว้างอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี
กลิ่นแอลกอฮอล์นั้นรุนแรงและดูจากสภาพแล้วคนตัวสูงต้องไม่สบายตัวเป็นแน่
กานต์รักสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะเดินไปยังห้องน้ำกว้าง หยิบผ้าขนหนูผืนเล็กออกมาชุบด้วยน้ำแล้วบิดให้หมาด ก่อนจะเดินกลับมาหาคนเมาขนเตียงอีกครั้ง
ความเย็นชืดสัมผัสลงบนใบหน้าคมอย่างช้าๆ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันนิดๆจนกานต์รักได้แต่ส่ายหัวเล็กน้อยกับภาพตรงหน้า ไม่รู้ว่าดื่มไปมากมายขนาดไหนถึงเมาได้ขนาดนี้ มือบางซับผ้าไปตามกรอบหน้าให้แพทริกอย่างแผ่วเบา แม้อีกคนจะพลิกหน้าหนีด้วยความรำคาญบ้างแต่ร่างบางก็ยังใจเย็นเช็ดใบหน้าและลำคอแกร่งให้จนเรียบร้อย
เพราะในห้องนั้นไม่มีอ่างสำหรับใส่น้ำกานต์รักจึงต้องเดินกลับมาซักผ้าในมือเบาๆแล้วบิดให้หมาดเพื่อกลับไปเช็ดตัวให้แพทริกอีกครั้ง
“อืม...” เสียงทุ้มครางต่ำในลำคอเมื่อผ้าเปียกชื้นลากไล้ไปยังแขนทั้งสอง จากนั้นมือบางอันสั่นเทาก็ค่อยๆปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเนื้อดีของอีกคนออกกระทั่งสาบเสื้อสองข้างหลุดออกจากกันเปิดเผยเรือนร่างที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นเต็มตาแต่กานต์รักก็ยังอดสะเทิ้นอายไม่ได้
หากไม่เช็ดตามตัวให้ก็กลัวว่าแพทริกจะไม่สบายตัว กว่าจะกลั้นใจปลดกระดุมเสื้อได้นั้นในอกสั่นไหวจนแทบหัวใจวาย ยิ่งยามได้เห็นท่อนบนเปล่าเปลือยกานต์รักยิ่งรู้สึกราวกับจะเป็นลม
มือเล็กค่อยๆไล้เช็ดไปตามกายแกร่งอย่างแผ่วเบา คนเมาเริ่มพลิกตัวไปมาด้วยความรู้สึกมวนท้อง กระทั่งความรู้สึกนั้นหนักขึ้นจนต้องเปล่งเสียงออกมา
“อื้อ...จะ...อ้วก” เสียงทุ้มเอ่ยอ้อแอ้ทำให้กานต์รักตาเบิกกว้าง วางผ้าผืนเล็กลงบนพื้นข้างเตียงก่อนจะขยับเข้ามาพยุงคนตัวสูงให้ลุกขึ้นนั่ง หวั่นกลัวเหลือเกินว่าแพทริกจะอ้วกออกมาตรงนี้ เป็นห่วงก็แต่ว่าเตียงกว้างจะเลอะจนอีกคนนอนไม่ได้
“อดทนไว้ก่อนนะครับ” แม้จะหนักแสนหนักแต่คนตัวเล็กกว่าครึ่งนั้นก็พยายามประคองร่างสูงมาจนถึงห้องน้ำกว้างได้สำเร็จ ยังดีที่แพทริกยังพอลากเท้าเดินได้ไม่อย่างนั้นกานต์รักคงไม่สามารถพามาจนถึงที่
ดวงตาคมสะลึมสะลือพยายามเปิดขึ้น ความรู้สึกพะอืดพะอมเล่นงานจนกระทั่งเห็นอ่างล้างหน้าอยู่ตรงหน้าใบหน้าคมจึงรีบก้มลงแล้วขย้อนเอาทุกสิ่งอย่างออกมา สัมผัสบางเบาลูบไล้ตามแผ่นหลังกว้างให้ความรู้สึกดีขึ้นท่ามกลางความอึดอัดภายใน กระทั่งรู้สึกว่าในท้องไม่มีอะไรแล้วแพทริกจึงคลำมือไปเปิดน้ำให้ทุกอย่างไหลลง มือหนารองน้ำขึ้นมาแล้วกวักล้างหน้าสองสามที
“เป็นยังไงบ้างครับ” เพราะความเป็นห่วงทำให้กานต์รักเผลอเอ่ยถามขึ้นโดยลืมปกปิดน้ำเสียงอันร้อนรน มือบางยังคงลูบไล้ไปเรื่อยๆหวังให้อีกคนรู้สึกดีขึ้น
แพทริกยืดตัวตรง แม้จะยังมีสติไม่มากนักแต่ก็รับรู้ว่าคนที่ยืนอยู่ทางด้านหลังนั้นเป็นใคร ใบหน้าคมหลับตานิ่งแล้วค่อยๆหมุนตัวกลับมา กานต์รักเอื้อมมือไปหยิบผ้าที่วางอยู่บนเคาท์เตอร์แล้วซับหยดน้ำออกจากใบหน้าให้อย่างลืมตัว
กลิ่นหอมอ่อนๆจากเรือนร่างบางตรงหน้าทำให้แพทริกรู้สึกดีขึ้นได้อย่างประหลาด ยืนนิ่งให้คนตัวเล็กเช็ดหน้าโดยไม่ได้เอ่ยอะไร
“ขนม...” แม้จะสร่างเมาขึ้นมาบ้างแล้วหากแต่สตินั้นยังคงกลับมาไม่เต็มที่นัก ประโยคนั้นทำให้คนที่กำลังวางผ้าลงบนเคาท์เตอร์หยุดชะงัก
“คุณแพทริกว่าอะไรนะครับ”
“หอม...ขนม...กิน” ดวงตาคมปรือขึ้นอย่างเชื่องช้า ความพร่ามัวตรงหน้าทำให้ต้องหรี่ตามองเพื่อปรับความคมชัด กระทั่งในความพร่าเลือนนั้นเห็นขนมสีสดอยู่ตรงหน้าคนเมาจึงขยับเข้าไปหา หวังว่าขนมหวานกลิ่มหอมนี้จะช่วยให้รู้สึกดีขึ้น
“อื้อ” กานต์รักช็อคจนทำได้เพียงยืนนิ่งเมื่อริมฝีปากได้รูปพึมพำกับตัวเองแล้วทาบทับลงมาแนบชิด ลิ้นร้อนไล้เลียเรียวปากบางราวกับกำลังละเลียดขนมหวาน ฝ่ามือน้อยขยุ้มกางเกงนอนตัวเองแน่น ในใจสั่นรัว ยิ่งยามเรือนร่างใหญ่บดเบียดเข้าหาจนกายแกร่งเปล่าเปลือยแนบชิดพาให้สติของกานต์รักหลุดลอย ราวกับถูกอีกคนมอมให้เมาไปด้วยสัมผัสวาบหวาม
“อืม...หวาน...ชอบ” แพทริกพึมพำในลำคอยามดูดดึงไล้ชิมความหอมหวานตรงหน้า ยิ่งสัมผัสยิ่งต้องการมากขึ้นจนลิ้นหนาค่อยๆสอดแทรกแนบชิด กว้านต้อนภายในทุกซอกทุกมุมจนเกิดเสียงแผ่วเบา
เสียงหวานใสครางสั่นในลำคอเมื่อถูกเล่นงานด้วยลิ้นหนา ไรฟันขาวถูกกวาดต้อนไปทั่วก่อนลิ้นเล็กจะถูกดูดดึงอีกครั้ง กระทั่งเกือบจะหมดลมหายใจร่างเล็กจึงพึ่งรู้สึกตัวว่าควรผละออก อาจเพราะคนเมานั้นไม่มีแรงมากนักกานต์รักจึงละเรียวปากออกได้สำเร็จ
หากแต่ความร้อนรุ่มนั้นกลับไล้ตามลงมาจนถึงลำคอระหง
“อ๊ะ...คะ คุณแพท” ยามใบลิ้นร้อนไล้เลียความเปียกชื้นไปตามลำคอกานต์รักก็เอ่ยเรียกด้วยเสียงสั่นพร่า ขณะยังหายใจหอบแฮกอีกคนก็เปลี่ยนการจู่โจมลงมาเรื่อยๆ มือหนาลากไล้เข้ามาในชายเสื้อสัมผัสผิวเนื้อเนียนไปมาด้วยความแผ่วเบา ทิ้งความร้อนผ่าวจากฝ่ามือไว้ทุกที่จนร่างบางต้องขบปากแน่น
ทุกอย่างพาให้สติที่เหลือน้อยนิดของกานต์รักปลิวไปด้วยความหวามไหว ปล่อยให้ทุกสัมผัสนั้นเลยเถิดไปเรื่อยๆอย่างไม่อาจห้าม
TBC.
จิ้มแฟนเพจ :
https://www.facebook.com/Writer-Ex-SoulL-713126712164342/Follow me : @exsoull_ หรือจะติดแฮ็ชแท็ก #ผู้เป็นที่รัก เป็นกำลังใจให้กันก็ได้นะคะะะะะ