บทสรุป
- เวลาของเรา - (Ending Episode + Epilogue)
.
.
“นี่จะง้อ หรือจะทําให้โกรธกว่าเดิม..”
“..พี่”
“เออช่างเหอะ ช่วยกันทําแป็บเดียวก็เสร็จ”
ผมยิ้ม..
“นี่จะยืนยิ้มจนห้องมันสะอาดเอง?”
“อืม พี่ก็ว่าจะยืนยิ้มเป็นกําลังใจให้ธาม”
“งั้นเหรอ..” ธามพูดเสียงเย็น
“พี่ไม่กวนแล้ว ไม่โกรธเพิ่มนะครับ” ผมรีบไปหาอุปกรณ์ทําความสะอาด
..สองชั่วโมงผ่านไป บริเวณชั้นล่างค่อยกลายสภาพมาน่าเดินน่านั่ง ทั้งผมทั้งธามต่างหมดแรงและตัวเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
“..ไปต่อชั้นสอง” ธามบอกผม
กลับไปกรุงเทพฯ เมื่อไหร่ ผมคงต้องเอาคืนคุณ..คุณภูผา
“แปลกแหะ” ธามพึมพํากับตัวเอง ส่วนผมก็กําลังเดินตามธามขึ้นบันไดไปชั้นสอง ไม่เข้าใจว่าอะไรแปลกจนเท้าเปล่าของตัวเองสัมผัสกับพื้นบันได..
..สะอาด
ผมเดินตามหลังธามเข้าไปในห้องนอน ทุกอย่างสะอาด เรียบร้อย พร้อมนอน ห้องนํ้าเองก็ดูน่าใช้ หัวก็อกสีเงินถูกทําความสะอาดจนเงางาม แถมยังมีเซทผ้าขนหนูพร้อมชุดคลุมอาบนํ้าเตรียมไว้ให้ อย่างกับบริการในโรงแรม
..สนุกมากสินะคุณภูผา แต่ก็คงต้องขอบคุณ
“อาบนํ้ากันไหมธาม”
“อืม แต่ของอยู่ข้างล่าง..”
“พี่ลงไปเอาให้”
“อือ”
ผมรีบเดินลงไปห้องนั่งเล่นข้างล่าง กระเป๋าเดินทางของผมกับธามถูกวางอยู่ตรงนั้น ผมรีบลำเลียงขึ้นไปชั้นสอง ธามกำลังรอผมอยู่..
..เสียงน้ำจากฝักบัวดังจากในห้องน้ำ
..ก๊อก
“ธาม.. เปิดประตูให้พี่หน่อย”
…
“ธามครับ พี่อยากอาบน้ำด้วย”
…
“ธา..”
“รอแป๊บนึง” แล้วธามก็เปิดประตู เดินออกจากห้องน้ำในชุดคลุมอาบน้ำ ธามกำลังขยี้ผมเปียกชื้นด้วยผ้าขนหนูผืนเล็ก กลิ่นหอมอวลจนผมขยับตัวเข้าหาธาม ..อยากดมใกล้ๆ
“ตัวเหม็น ถอยไป” ผมหยุดชะงักทันที
“งั้นพี่ไปอาบน้ำก่อนนะ”
“อืม”
ผมรีบพาตัวเองเข้าห้องน้ำ โอกาสอยู่ใกล้ธามยังมีอีกเยอะ ใจเย็นไว้ธามยังโกรธอยู่
ผมรีบอาบนํ้า เพราะอยากกอดธาม แต่พอผมออกมา.. กลับไม่เห็นธามอยู่ในห้อง!
ผมรีบใส่เสื้อผ้าแล้วลงไปชั้นล่าง ธามไปไหนไม่ได้แน่ๆ ที่นี่เป็นเกาะส่วนตัว ถ้าไม่มีเรือก็เท่ากับถูกตัดขาดจากโลกภายนอก
ความกระวนกระวายของผมลดลงเมื่อได้กลิ่นหอมของอาหารลอยมาจากทางห้องครัว ธามของผมกําลังยืนอยู่หน้าเตาในเสื้อเชิ้ตโอเวอร์ไซส์กับบอกเซอร์ ผมยิ้ม.. คนตัวเล็กกว่าตอนนี้ยิ่งดูตัวเล็กลงไปอีก น่าเอ็นดู.. ผมเดินเข้าไปสวมกอดธามจากด้านหลัง หวังว่าธามจะไม่เอาตะหลิวตีหัวผม
“ทําไมรีบลงมา”
“ไม่หิวรึไง”
“อืม หิว”
“...”
“ทําไมใส่เสื้อพี่”
“ก็ไอ้ที่เตรียมมามันสําหรับไปเจอหิมะ”
..ผมลืมเรื่องนี้ไปซะสนิท “โทษทีพี่ลืมเรื่องนี้ไป คิดแค่ว่าอยากเจอธาม อยากพาธามมาทะเล”
“...”
ผมแน่ใจว่าผมเห็นรอยยิ้มเล็กๆของธาม
“สุขสันต์วันแต่งงานของเรานะครับ” ผมเนียนดมแก้มธาม ในเมื่อธามไม่ได้ห้ามอะไร
“มันเลยมาแล้ว”
“...” ผมไม่รู้จะตอบธามว่ายังไง มันเลยมาแล้วจริงๆ ผมอยากจะเอาเรื่องงานเมืองจีนมาแก้ตัว แต่มันก็ดู..
“แต่ไม่เป็นไร ดีที่ปรินซ์ยังจําได้”
ผมกระชับอ้อมกอดของตัวเอง “ขอบคุณครับที่เข้าใจพี่”
“อืม ดีที่ปรินซ์จําได้.. แค่นี้ก็พอแล้ว” หางเสียงของธามสั่นไหว.. ผมรีบหมุนตัวของธามให้หันมาเพื่อจะได้มองหน้าชัดๆ
นํ้าตาใสรื้นอยู่ที่หางตาของธาม..
ผมกอดธามแน่น เราไม่ได้กอดกันแค่เกือบเดือน แต่ผมรู้สึกเหมือนเราไม่ได้สัมผัสกันมาเป็นปี
“ไม่ร้องนะ โตแล้วยังขี้แยอีก”
“ปรินซ์ไม่รู้หรอกว่าตอนที่เห็นปรินซ์สลบคาอยู่ในรถ มันน่ากลัวมากแค่ไหน.. ถ้าปรินซ์หายไป..”
“...”
“ถึงปรินซ์จะร้ายใส่ แต่มันก็ยังดีกว่าไม่มีปรินซ์”
“...”
“..และตอนนี้ที่ปรินซ์จําได้ คือมันโคตรดี”
ผมลูบหัวธามเบาๆ ปาดนํ้าตาออกจากแก้มนวลนิ่ม “ขอบคุณที่ไม่เกลียดพี่ไปซะก่อน”
“อีกนิดก็ว่าจะเกลียด..”
ผมยิ้มเพราะรู้ว่าธามพูดไปอย่างนั้น ไม่มีวันที่ธามจะเกลียดผม เรากอดกันนิ่งซึมซับไออุ่นที่โหยหาของกันและกัน
“กลิ่นอะไรไหม้ๆ”
“เห้ยกระทะ!!” ธามรีบผละออกจากอกผมทันที “ไข่ไหม้เลย!” ธามรีบปิดเตา ส่วนผมรีบคว้าด้ามกระทะแบนยกไปที่อ่างล้างจาน
!!!!
“เห้ยปรินซ์!! มันร้อน”
ธามฉวยเอามือของผมไปจับดูพอผมทําท่าว่าร้อนมือ ก่อนเอามือของผมไปแนบที่หูนิ่มๆของธาม ..มันช่วยได้ อุณหภูมิร้อนที่มือลดลงทันที แต่หน้าของธามกลับอุ่นแดงแทน คงเป็นการถ่ายทอดปฏิกิริยาเชิงเคมี เราสบตากัน.. ผมไล่มือมาสัมผัสหน้าของธาม และค่อยๆ โน้มหน้าของตัวเองลงจูบธาม ความหวานละมุนถูกส่งผ่านแลกเปลี่ยนไปมาระหว่างกัน ผมค่อยๆ จูบธามอย่างไม่เร่งรัด ผ่อนจังหวะให้ธามได้หายใจ อดนึกถึงความรุนแรงที่ผมเคยทําเมื่อตอนนั้นไม่ได้ มันก็รู้สึกดีเหมือนกัน.. คงเป็นสัญชาตญาณดิบเถื่อนที่ฝังอยู่ในตัวผม แต่ตอนนี้ผมอยากแก้ไขความทรงจําครั้งนั้นของธามมากกว่าจะแสดงออกว่าผมในตอนนี้ต้องการธามมากแค่ไหน
ผมถอนริมฝีปากออกจากธาม.. แม้ผมจะต้องการมากกว่านี้ ธามเองก็คงเป็นเหมือนกัน ธามซบอกผมทันที คงเขิน..
“กินข้าวเสร็จ เราไปเดินชายหาดกัน” ธามพูดเสียงอู้อี้
“อืม งั้นทอดไข่กันใหม่นะ”
“อื้อ”
.
.
..บรรยากาศช่วงเย็นของท้องทะเลช่างสวยงาม แสงส้มเรื่อๆ ค่อยๆ ถูกเติมแต่งเต็มท้องฟ้า เสียงคลื่นซัดกระทบหาดทรายคล้ายเพื่อนกําลังคุยกัน ฟองนํ้าละเอียดถูกดูดซับซึมกลืนหายไปกับหาดทราย
ผมจูงมือธามเดินเท้าเปล่าไปตามแนวของหาดทรายขาวสะอาดที่ไม่ต้องห่วงว่าเท้าจะบาดเพราะเศษขยะ
“ทําไมถึงพามาเกาะนี้” ธามถามผม
“คุณภูผาแนะนํามาน่ะ”
“ไปญาติดีกันตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็ไม่ได้ดีกันขนาดนั้น เขาแค่อยากสนุก”
“!!!”
“เขารู้เรื่องที่พี่จําได้แล้ว ตั้งแต่ตอนอยู่โรงพยาบาล แต่พี่ขอให้เขาเก็บเป็นความลับไว้”
“...”
“แล้วพอพี่เคลียแปะตง งานเมืองจีนได้ เลยขอให้เขาช่วย”
“...”
“ถ้าไม่มีเขา พี่คงไปอุ้มธามออกจากเครื่องบินไม่ได้แน่ ไหนจะเครื่องบินส่วนตัวที่พาเราลงที่ภูเก็ต แล้วยังเกาะส่วนตัวนี่อีก”
“...”
“..พี่ยอมรับเลยว่าเขาเป็นคู่แข่งที่น่ากลัว”
“ปรินซ์กลัวเหรอ”
“ไม่ เพราะพี่ไม่เคยเห็นเขาเป็นคู่แข่งตั้งแต่แรก”
“มั่นใจเน๊อะ”
“อืม พี่มั่นใจในตัวธามมากตังหาก”
“...”
“มั่นใจในความรักของตัวเอง..”
“...”
“ธามรู้ไหมว่าพี่ไปหาธามที่คอนโด”
“ไปหาตอนไหน ไม่เห็นรู้เรื่อง”
“พี่ไปหาธามทุกคืนตั้งแต่จําได้”
“!!!”
“..ตอนธามหลับ ธามหลับบนโซฟา นํ้าก็ไม่อาบ พี่ทําได้แค่อุ้มธามไปนอนที่เตียง ไม่กล้าเปลี่ยนชุดให้ กลัวธามจะจับได้ แต่ก็ไม่คิดว่าธามจะไม่รู้ว่าตัวเองถูกเปลี่ยนที่นอน”
“เห้ย จริงด้วย!”
ผมหัวเราะ ..ธามทําหน้าเบื่อตัวเอง
“แล้วได้ทําอะไรมากกว่านั้นไหมเนี่ย!” จู่ๆ ธามก็กอดกระชับเสื้อของตัวเอง แสดงออกว่าหวงเนื้อหวงตัว
“เปล่านะ อย่างมากก็แค่จุ๊บ”
“แล้วไป”
“หรืออยากให้ทํามากกว่านั้น”
“ใครจะอยาก ตอนนั้นเครียดจะตาย ปรินซ์โคตรใจร้าย”
“อืม พี่ใจร้ายจริงๆ งั้นขอพี่ร้ายอีกหน่อยนะ”
“!!!” ผมช้อนร่างธามขึ้นแล้วเดินลงทะเล ก่อนปล่อยร่างธามลงกับผืนนํ้าใส
“ไอ้ปรินซ์!!!!”
“ขึ้นไอ้กับพี่เหรอ”
“เออ”
ผมแกล้งกวักนํ้าใส่หน้าธาม ธามเองก็แกล้งผม เสียงหัวเราะของเราสองคนดังลั่นจนลืมเสียงคลื่น รอยยิ้มของธามทําทัศนียภาพใกล้คํ่าของท้องทะเลท้องฟ้าจืดหม่นลง ผมกอดร่างธามไว้แน่นเมื่อธามแกล้งผมมากเกินไปแล้ว
“..พี่รักธามนะครับ”
“อืม”
หน้าเขินแดงของธามทําผมใจสั่นพองโตได้ทุกครั้ง
“เราขึ้นข้างบนกันไหม..”
“อือ”
ผมจูงมือธามเดินขึ้นไปที่ชายหาด แวะล้างเนื้อล้างตัวจากนํ้าทะเลด้วยฝักบัวที่ด้านหน้าก่อนเดินเข้าสู่ตัวบ้าน
“ถ้าเราเดินเข้าบ้านแบบนี้ พื้นก็เปียกหมดดิ”
ผมช้อนร่างธามขึ้นอุ้ม “แต่ถ้าเราเดินคนเดียว พื้นก็จะเปียกน้อยลง”
“..อยากทําไรก็ทํา”
ผมอุ้มธามขึ้นชั้นสองและปล่อยธามลงที่พื้นในห้องนํ้า พวกเราอาบนํ้าอีกครั้งก่อนจะสวมชุดคลุมทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ด้านนอกของบ้านไร้ซึ่งแสงใดแล้วเว้นแต่ไฟทางหน้าบ้านที่สว่างส้มพอให้เห็นทางรางๆ แล้วจู่ๆ ไฟทุกดวงก็ดับลง แม้แต่ในห้องนอน!!
“ปรินซ์!!!”
“พี่อยู่นี่” ธามขยับร่างเย็นมาอยู่ใกล้ตัวผม “คงเป็นเพราะเครื่องปั่นไฟมั้ง เดี๋ยวพี่ลงไปดู” ผมเขยิบร่างห่างออกจากธาม
“ไม่เอา! ไปด้วยกัน อย่าทิ้งกูไว้คนเดียว”
“กลัวเหรอ”
“อือ”
“เด็กธัมมะธัมโมกลัวผ..”
“อย่าพูดดิ!!”
“อือๆ พี่หามือถือก่อน” ผมลุกเดินจากเตียงโดยมีธามที่เดินติดผมแน่นเป็นลูกโคอาล่าและแสงไฟแอลอีดีจากโทรศัพท์
“เครื่องคงเสีย..”
“งี้ก็มืดทั้งคืนดิ”
“พี่จําได้ว่าที่ชั้นวางทีวีมีเทียนหอมอยู่ เราจุดไว้ก็ได้”
“อืม”
ห้องนอนกลับมาสว่างเรื่อๆ ด้วยแสงนวลจากถ้วยเทียนหอม
“สบายใจขึ้นไหม”
“ก็ดีกว่ามืดสนิท”
…
“แบบนี้ก็ดีนะ โรแมนติกดี”
“นอนกันเหอะ” ธามล้มตัวลงนอนทันที
“ครับ นอนก็นอน” ผมลงนอนข้างธาม ปล่อยให้เสียงคลื่นไกลๆ บรรยายว่าเราสองคนกําลังคิดอะไร..
ธามขยับเข้ามาซบที่อกของผม.. ผมยิ้ม และกอดกระชับร่างธามไว้ เรากอดกันได้สักพัก ..เป็นผมที่ค่อยๆ ขยับมือลงหาปมของเสื้อคลุมที่ธามผูกไว้ ..แก้ได้ไม่ยากเหมือนกับว่าคนตัวเล็กของผมตั้งใจให้มันแก้ง่าย ผมเลิกชุดคลุมออกจากไหล่ของธาม เนื้อขาวนวลแม้ในแสงสีส้มทําผมอยากขบกัด ผมยกตัวขึ้นทําร่องรอยแสดงความเป็นเจ้าของทันที อาจจะเจ็บนิดหน่อย แต่ธามไม่ได้ว่าอะไร.. ผมจูบไล่ไปตามลําคอ อก และยอดอกของธาม ตอนนั้นผมกัดมันด้วยแรงหวง บวกความต้องการ คืนนี้ผมเพียงขบมันเบาๆ เพราะเท่านี้ธามของผมก็เสียวซ่านจนขยํ้าเสื้อคลุมของผมแล้ว
“คิดถึงพี่ไหม”
“อือออออออ คิดถึง.. มาก..”
“เหรอครับ” ผมยิ้ม “พี่ก็คิดถึงธามมากเหมือนกัน” ธามประคองหน้าของผมให้กลับขึ้นมาจูบที่ริมฝีปาก ผมบดกดนํ้าหนักลงที่ปากของธาม ความรุนแรงครั้งนั้นเหมือนเป็นตัวกระตุ้นให้ผมอยากทํากับธามมากขึ้น และรู้ว่าธามเองก็ชอบแบบนั้นเหมือนกัน เสียงลมหายใจของเราทั้งคู่เริ่มหอบบอกว่าตอนนี้เรากําลังต้องการกันและกันมากแค่ไหน ธามปลดปมชุดคลุมของผมออก ร่างของเราทั้งคู่ใกล้เปล่าเปลือย เนื้อกายของสองเราสนิทแนบจนแทบหาช่องว่างไม่ได้ เสียงเบียดกระชับสะเทือนของเราทําให้เตียงไม้ที่ดูแข็งแรงยังร้องอุทธรณ์ แต่คงไม่ดังไปกว่าเสียงแหบพร่าของธามและผมที่ผลัดกันร้องระงมแบบไม่เกรงกลัวว่าใครจะได้ยิน ก็ในเมื่อที่นี่คือเกาะส่วนตัวที่ไร้ผู้คน..
“..ปรินซ์”
“..ธาม”
…
“พี่อยากจะมีเกาะส่วนตัวแบบนี้บ้าง”
“ทําไม” เสียงของธามยังคงหอบเหนื่อย
“ไม่รู้เหตุผลจริงๆ เหรอ”
“ไม่รู้โว๊ย!!” ธามซุกหน้าอายๆ อยู่ข้างคอผม
“แสดงว่ารู้”
“..อือ”
.
.
.
..แปลก
เช้านี้ผมรับหน้าที่ทําอาหารเช้าง่ายๆ อย่างทอดไส้กรอก ไข่ดาว และปิ้งขนมปัง แต่ก็เจอเรื่องแปลกใจเมื่อเปิดตู้เย็นแล้วพบว่าของสดยังคงอยู่ดีมีความสดใสไม่เสียหายจากที่เมื่อคืนไฟฟ้าดับ!!
หึ คงเป็นไอเดียของคุณภูผาอีกแล้วสินะ ไฟดับสร้างบรรยากาศ? แต่คุณคงไม่รู้ว่า ..มันไม่จําเป็น
.
.
.
บทส่งท้าย
.
.
“..ขอบคุณมากครับลุงทองที่ขับรถมาส่ง”
“ไม่เป็นไรคุ๊ณ ลุงทําตามหน้าที่น่ะ”
ผมกับปรินซ์ไหว้ลาลุงทองก่อนจะเข้าไปสู่ตัวอาคารของสนามบินภูเก็ต เป็นช่วงเวลาที่ดีอีกปีนึงของผมกับปรินซ์ การหายไปมีเวลาของเราสองคนแบบไม่มีใครจริงๆ คงต้องขอบคุณคุณภูผา
ปรินซ์ดูมือถือของตัวเอง สีหน้ากังวล “เราไปทางนี้กันเถอะ” ผมไม่เข้าใจแต่ก็เดินตามปรินซ์ไป ..เราขึ้นเครื่องบินส่วนตัวอีกครั้งและลงที่ลานจอดเฉพาะเมื่อถึงกรุงเทพฯ
..ปรินซ์พาผมกลับคอนโดด้วยรถครอบครัวที่ผมคิดถึง ก่อนจะหายไปคุยโทรศัพท์ในห้องนอนด้วยท่าทางซีเรียส ผมยังไม่ถาม เพราะถ้าปรินซ์พร้อม ก็คงเล่าเอง ผมเข้าครัวเตรียมอาหารเย็น คิดถึงบรรยากาศภายในห้องนี้ที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ..ผมมีความสุข
“..ธาม” ปรินซ์เรียกชื่อผมเมื่อเรานั่งกันอยู่บนโต๊ะกินข้าว
“พร้อมไหม”
“พร้อมอะไร”
“ถ้าพี่จะต้องเปิดเผยเรื่องของเรา..กับสังคม”
“!!!!”
“คือ ระหว่างที่เราหายไป มันก็มีข่าวของเราทั้งคู่ในโซเชียล..”
“มันจะกระทบปรินซ์กับบริษัทรึเปล่า!!” ผมเป็นห่วงปรินซ์
ปรินซ์เอื้อมมือมาขยี้หัวผม “เป็นห่วงพี่ก่อนตัวเองซะอีก”
“ก็จริงนิ กระทบอะไรไหม”
“อืม.. จะว่าไม่ก็ไม่ จะว่ามีก็มี”
“???”
“ธามเชื่อใจพี่ใช่ไหม”
“อืม”
.
.
“สวัสดีครับทุกคน ผม..ปรินซ์ ที่เรียกทุกคนในบริษัทวันนี้เพราะมีข่าวลือต่างๆเกี่ยวกับตัวผมในสื่อ ซึ่งอาจทําให้ทุกคนตั้งคําถาม วันนี้ ผมเลยต้องการบอกทุกคนให้ได้รับรู้จากปากของผมเอง เพราะผมเห็นทุกคนเป็นครอบครัว เป็นพี่น้อง ที่จะทํางานร่วมกันโดยไร้ข้อสงสัยใดๆในตัวผม.. เรื่องนั้นก็คือ ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับคุณธัญญ์ หรือน้องธามที่หลายคนคงเคยได้ร่วมงานด้วยแล้ว ผมกับธามเป็นแฟนกัน.. นี่คือความจริง และเรื่องที่เดือนก่อนหน้านี้ผมสูญเสียความทรงจําก็เป็นเรื่องจริง และตอนนี้ผมจําได้แล้ว ขอให้ทุกคนไว้วางใจผมและทํางานไปด้วยกันนะครับ”
“โอยย คุณปรินซ์เท่ห์เวอร์อ่ะ รับแบบแมนๆ เลย”
“ก็เคลียๆ พวกเราจะได้เข้าใจ”
“ยิ่งพูดชัดๆแบบนี้ ฉันยิ่งโอเคนะ แบบยอมรับ ไม่ปิดบัง ซื้อใจฉันไปอีก”
“ปกติว่าหลงมากตอนนี้ยิ่งรักใหญ่ เจ้านายที่ดี”
“ปลื้มแทนน้องธามเน๊อะ”
“อือ นํ้าตาจะไหล”
“สุดท้ายนี้ ผมเชื่อว่าความรักของผมจะไม่เป็นอุปสรรคกับงานแน่นอน ขอให้เชื่อใจผม ขอบคุณครับ”
.
.
[กลับมาแล้วเหรอครับคุณมึง]
“เออ มึงนี่ก็อย่างกับนกรู้ มีไรวะ”
[ก็เรื่องพี่ปรินซ์ไง หายไปหลายวัน รู้ข่าวรึยัง]
“พอจะรู้”
[เตรียมตัวรับให้ไหว]
“กูมั่นใจในตัวปรินซ์”
[เออดี พรุ่งนี้แล้วนิที่พี่ปรินซ์จะแถลงข่าว]
“อืม”
[มึงไปด้วยป่ะ]
“ปรินซ์ไม่ได้บอกให้ไป ขนาดวันนี้ยังให้กูหยุดต่ออีกวัน ไม่ยอมให้ไปออฟฟิศ”
[คงไปเคลียอะไรบางอย่าง]
“...”
[แล้วนี่พี่ปรินซ์จําได้แล้ว มึงจะยังทํางานกับพี่ปรินซ์หรือมึงจะกลับไปทํางานที่เดิมวะ]
“กูคุยกับปรินซ์เรื่องนี้แล้ว กูอยากกลับไปทําที่เดิม ปรินซ์ก็โอเค”
[แม่ะ กลัวจะไม่ได้ทํางานอ่ะดิถ้าอยู่ใกล้กัน]
“เอ๊อออ กูยอมรับ”
[โหย เดี๋ยวนี้ไม่มีปฏิเสธ]
“ก็ชีวิตคงเรามันไม่มีอะไรแน่นอนนิหว่า ยอมรับความจริงง่ายๆ จะได้ไม่เสียใจที่ทําอะไรขัดกับความรู้สึกจริงๆ”
[แล้วไมไม่อยู่ทํางานใกล้ๆ พี่ปรินซ์ไปเลยวะ ตัวจะได้ติดกัน]
“ห่างกันบ้างจะได้คิดถึงกันไง ตอนเย็นก็ได้เจอกัน กลางคืนก็อยู่ด้วยกัน เช้าก็ตื่นมาเจอกันอยู่แล้ว อีกอย่าง กูอยากให้ปรินซ์ตั้งใจทํางานมากกว่า”
[โหววววว คนดี]
“เออ กูคนดี”
.
.
.
“น้องธาม / น้องธาม / คุณปรินซ์”
“สวัสดีครับพี่ๆ” ผมยกมือไหว้พี่ๆ ที่เจอกันในตึกออฟฟิศ วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการทํางานที่นี่
“พี่ขึ้นไปก่อนนะ” ปรินซ์กระซิบที่ข้างหูผม และเดินเลี่ยงไปก่อน
“พี่ดีใจด้วยนะน้องธามที่คุณปรินซ์จําน้องธามได้แล้ว”
“พวกพี่รู้?”
“ใช่จ้า เมื่อวานคุณปรินซ์เรียกประชุมทุกคนในออฟฟิศเลยล่ะ ประกาศต่อหน้าพวกเราเลยทั้ง เรื่องเสียความทรงจํา เรื่องน้องธาม พวกพี่ล่ะปลื้มแทน”
“..งั้นเหรอครับ” ผมอดอมยิ้มไม้ได้
“สู้ๆ นะวันนี้ พวกพี่เป็นกําลังใจให้”
“ครับ ขอบคุณครับ”
“ไม่ว่าแถลงเสร็จจะดีจะร้าย พวกพี่ก็เชื่อมั่นในตัวคุณปรินซ์นะ”
“ขอบคุณแทนปรินซ์ด้วยครับ”
“โอยหัวใจฉัน น่ารักจริงคู่นี้”
ผมยิ้ม ดีใจที่ทุกคนในบริษัทปรินซ์รับได้ แต่ที่น่าดีใจกว่าคือปรินซ์พูดเรื่องของเรากับทุกคน
.
.
“สวัสดีครับทุกท่าน”
แสงแฟลชสาดกระหนํ่าตรงหน้าของปรินซ์ที่นั่งอยู่ต่อหน้ากล้องนับสิบ ไมค์จากสํานักข่าวช่องต่างๆถูกวางเรียงราย ปรินซ์ในชุดสูทสีกรมเข้มนั่งนิ่งด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่มีรอยยิ้ม ส่วนผม..กําลังนั่งดูปรินซ์ผ่านจอคอมพิวเตอร์ของช่องข่าวที่นําเสนอแบบเรียลไทม์ ไม่คิดว่าเรื่องของปรินซ์จะใหญ่โตระดับประเทศขนาดนี้ อาจเพราะผมอยู่กับปรินซ์มาตั้งแต่เด็ก ปรินซ์ก็ยังคงเป็นปรินซ์เหมือนเดิม ไม่เคยทําให้ผมรู้สึกว่าปรินซ์เปลี่ยนสถานะทางสังคมไป
“..ก่อนอื่นต้องขอบคุณพี่ๆสื่อทุกท่านที่ให้ความสนใจกับเรื่องของผมครับ นั่นทําให้วันนี้ผมต้องออกมาพูด เพื่อไขข้อข้องใจทั้งหมดตลอดหลายวันที่ผ่านมา เรื่องแรกคือ ผมเคยสูญเสียความทรงจําเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ เป็นความจริงครับ แต่ตอนนี้ผมกลับมาจําได้แล้ว แม้จะไม่ทั้งหมดแต่ก็ไม่มีผลกับเรื่องงานแน่นอนครับ ส่วนอีกเรื่อง คือความสัมพันธ์ระหว่างผมกับน้องผู้ชายที่ถูกพูดถึง เป็นเรื่องจริงครับ ผมคบกับน้องเขาแบบจริงจังมาได้เจ็ดปีแล้ว นี่คือเรื่องที่ผมจะมาแถลงครับ”
“คุณอชิระคิดว่า การคบกับคนเพศเดียวกันจะมีผลกับภาพลักษณ์ขององค์กรไหมคะ”
“ผมว่าไม่น่ามีผลนะครับ ความรักเป็นเรื่องส่วนตัว เฉพาะบุคคล ไม่ได้มีผลกระทบกับใครอยู่แล้ว และยิ่งในวงธุรกิจ ผมว่าเรื่องศักยภาพ ความสามารถขององค์กร หรือบุคลากรน่าจะเป็นสิ่งสําคัญมากกว่าการเพ่งเล็งมาที่ตัวบุคคลคนใดคนหนึ่งขององค์กรครับ”
“ทางจีนทราบข่าวรึยังครับ”
“ผมไม่แน่ใจครับ แต่อย่างที่บอกไป เราร่วมมือกันได้เพราะเห็นในเป้าหมายธุรกิจตรงกัน เพราะฉะนั้นเรื่องส่วนตัวของผมไม่มีผลอะไรกับทางจีนแน่นอนครับ”
“ขอถามได้ไหมคะ ว่าน้องคนนั้นคือใคร”
“ผมขอไม่ตอบนะครับ ผมคงบอกได้แค่ว่า เรา..รู้จักกันมาตลอดชีวิตครับ และจะเป็นแบบนี้ตลอดไป”
เสียงนักข่าวส่งเสียงฮือฮาดังจนผมได้ยิน
“ถ้าพี่ๆหมดคําถามแล้ว ผมขอจบการแถลงข่าวเพียงเท่านี้นะครับ ขอบคุณทุกคนมากครับ”
ปรินซ์ลุกขึ้นยกมือไหว้สื่อมวลชนก่อนจะเดินหลบไปทางด้านข้าง
..ไม่รู้หรอกว่ากระแสสังคมจะเป็นยังไง แต่การพูดของปรินซ์วันนี้ทําผมรู้สึกโคตรดี คืนนี้จะทําอะไรให้ปรินซ์กินดี และที่สําคัญคืนนี้เป็นคืนวันศุกร์.. ผมยิ้มเขินกับความคิดของตัวเอง..
.
.
.
..ภูผา
“ว่าไงสตีฟ ไม่คิดว่าจะเจอนายที่นี่”
“โอวเฟรนด์ ฉันชอบมางานเอ็กซ์โปรอยู่แล้ว”
“ดีใจนะที่เจอนาย”
“นายรู้ข่าวเรื่องนายเจ้าชายรึยัง คนที่ฉันเคยเล่าให้ฟัง”
“ออ อื้ม แน่นอน”
“ฉันล่ะอึ้งไปเลยที่เขายอมรับความจริงแบบนั้นต่อหน้าสื่อมวลชน มันโคตรคูล คนจริง ฉันล่ะนับถือ”
“นั่นสิ เก่ง ฉลาด แล้วก็จริงใจ เพอร์เฟ็คแมน”
“อื้อ ถึงฉันจะรังเกียจพวกรักเพศเดียวกัน แต่เจอคนแบบนี้เข้าให้ ก็ต้องยอมใจ”
“นายคิดถูกแล้ว เขาคูลจริงๆ นั่นแหละนายเจ้าชาย..”
.
.
.
.
จบบริบูรณ์
*มาต่อแบบรวดเดียวจบเลย เอาให้ต่อเนื่อง ไม่อยากให้ขาดช่วง ขอเม้นท์ให้เค้าบ้างนะ 555+
**เชิญชวนให้อ่าน The Mission ลุ้นรักภารกิจ LOVE เรื่องที่สองที่แปะจบแล้ว ^^
***ติดตามอัพเดทเรื่องที่จะแต่งหรืออะไรๆ ได้ที่ facebook : @afterfivepmwriter
****สุดท้าย ขอบคุณฮะที่เข้ามาอ่านกัน