บทที่ 4 ว่าด้วยเรื่องแฟน
หลังจากผ่านเรื่องเหนื่อยใจช่วงเช้าไปได้อย่างดี
...ดีกับผีสิ...
บ่นไปก็เท่านั้น ยังไงเสียผมก็ต้องหอบชีวิตเฮงซวยของตัวเองกลับมาทำงานต่อตามปกติอยู่ดี
ชีวิตไม่สิ้นคนเราก็ต้องดิ้นกันไปครับ
ท่ามกลางร้อนระอุแบบชื้นๆ ตามประสาปักษ์ใต้บ้านเราทำให้ผมแทบจะเป็นลม ไฟจากเตาแก๊สที่ว่าแรงยังสู้แดดเมืองไทยไม่ได้ เสียงโหวกเหวกโวยวายของลูกจ้างชาวต่างประเทศที่ผลัดกันวิ่งเสิร์ฟน้ำเสิร์ฟอาหารให้ลูกค้ากันหัวหมุนเคล้าคลอไปกับเสียงซู่ซ่าในกระทะทำให้ผมอารมณ์บูดยิ่งกว่าเก่า
คิดดู๊ คิดดู กว่าจะได้เงินแต่ละบาทมา ผมต้องทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำ จะหน้าทิ่มลงกระทะตายไปวันไหนก็ไม่รู้ แล้วดูไอ้เด็กเมื่อวานซืนนั่นสิ แค่ช่วยหาเมียให้ก็พร้อมจะยกเงินสามหมื่นให้ง่ายๆ
ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเด็กน้อยน่ารักในวันนั้นโตมาจะนิสัยเสียขนาดนี้
“เฮีย ข้าวผัดหมูจานนึง”
“เออ”
“สุกี้น้ำหมูสอง ใส่ถุงค่ะ”
“ครับ”
เปล่าสองมาตรฐานนะครับ ที่ทำไปเพราะใจสั่งมา
“ลุง ต้มยำกุ้งถุงนึง”
ลุงพ่อมึงเซ่
“เออ”
ถึงจะด่าแม่มันไปในใจแต่ภายนอกเราก็ยังสุภาพอยู่ดี
ในขณะที่ผมกำลังพยายามเรียบเรียงความคิดเมนูอาหารที่อยู่ในหัว ไอ้ตัวต้นเรื่องเมื่อตอนเช้าก็พลันโผล่หัวมาพร้อมกับเสียงบิดมอเตอร์ไซต์ที่ผ่านการผ่าท่อมาจากร้านไร้คุณภาพ ก่อให้เกิดมลภาวะทางเสียงระดับสูง น่ารำคาญชนิดที่ผมเฝ้าภาวนาเช้าสายบ่ายเย็นให้มันโดนตำรวจจับๆ ยึดๆ ไปให้จบๆ สักที
“ไอ้โก้ ถ้าเอ็งไม่หยุดแฉงรถ
(เร่งเครื่อง) เฮียจะปาปังตอใส่จริงๆ ด้วย”
ในทีแรกเหมือนมันจะไม่ได้ใส่ใจฟังผมนัก ต้องรอให้ผมยกปังตอขึ้นมาขู่ประกอบถึงได้หยุด
พอดับเครื่องรถได้ก็เดินขาถ่างกอดหมวกกันน็อคเหมือนพวกนักเลงยุคโบราณเข้ามาหาผม
“แหมเฮีย ไม่ใจเลย บ่นเป็นคนแก่อายุห้าสิบไปได้”
อะ ไอ้เวร อยากด่าครับ แต่ไม่ว่าง ลูกค้ารอคิวอีกเป็นหางว่าว
“เฮีย ผัดซีอิ๊วจานดิ”
“กินตอนเที่ยงคิดเงิน”
“โด้วเฮีย ไซทำกับโก้พันนี้
(ทำไมทำกับโก้แบบนี้) นี่น้องบ่าวเฮียนิ ไม่ถึงเลย
(ใจไม่ถึงเลย)”
พอได้ยินคำว่า ‘น้องบ่าว’ ก็เหมือนได้ยินเสียงอะไรบางตะโกนขึ้นมาในหัวว่า ‘ไอ้น้องทรยศ’ ไม่ได้หมายถึงไอ้โก้ด้วย แต่หมายถึงอีกคนที่เพิ่งทำเรื่องให้ผมสดๆ ร้อนๆ เมื่อเช้าที่ผ่านมา
ก็พอจะรู้อยู่ว่าเจ้าตัวคงจำผมไม่ได้เพราะตอนนั้นมันเด็กมากๆ จำได้ว่าเล่นกันอยู่ได้แค่ปีสองปี พอมันขึ้นมัธยมก็ย้ายไปเรียนที่อื่นเลย จะจำกันไม่ได้ก็คงไม่แปลก แต่ครั้งหนึ่งเราเคยเป็นพี่น้องที่รักกันมานะเฮ้ย พอรวยแล้วชิ่งเฮียเหรอ ไอ้เวร ไอ้เด็กเวร ไอ้น้องเวร
“โก๊ๆ
(พี่ๆ) เป็นไหร่นิ
(เป็นอะไร) ผักอิ๊
(จะ)ไหม้แล้วนั่น”
“เชี้ย!”
สงสัยคงเหม่อนานไปหน่อย ผัดผักในกระทะเลยเกือบไหม้ โชคดีที่ได้ไอ้โก้ตะโกนเรียกช่วยชีวิต
อะ ไหนๆ ก็ไหนๆ ตบรางวัลมันหน่อย
“ไอ้โก้ ไปนั่งที่โต๊ะไป เดี๋ยวเฮียทำผัดซีอิ๊วให้”
“ฟรีไหม โก้ไม่มีเบี้ย
(เงิน)นะ”
“เออ ฟรี ไปๆ”
“แจ่มแมว ขอบคุณคร้าบ”
มันพูดขอบคุณผมเสียงดังลั่นประกอบกับท่าทางก้มลงไหว้ผมไปเสียครึ่งตัวเรียกเสียงหัวเราะจากคนในร้านได้ไม่น้อย
ไอ้โก้เป็นคนตลกโดยธรรมชาติเหมือนมีความตลกฝังแน่นมาใน DNA จังหวะรับมุก ตบมุกนับว่าเฉียบ ถ้าสมัยนี้ยังมีคณะหนังตะลุงมากมายเหมือนแต่ก่อน มันคงได้เล่นเป็นนายหนังเข้าสักคณะแน่
แหม พูดถึงเรื่องความหลังแล้วมันก็คิดถึงดีจริงๆ
จริงสิ ขนาดเด็กหนุ่มอายุสิบสี่อย่างผมในตอนนั้นยังกลายมาเป็นตาลุงอายุสามสิบหกในตอนนี้ แล้วไอ้น้องกาจมันจะอายุเท่าไหร่แล้วนะ จำได้ว่าตอนผมอายุสิบสี่มันก็เพิ่งหกเจ็ดขวบ ตีกลมๆ ว่าเจ็ดขวบ
อะ ก็ไม่กลมด้วย
เอาเป็นติ๊ต่างว่าตอนนั้นมันเจ็ดขวบ ผมสิบสี่ ตอนนี้ผมสามสิบหก สรุปง่ายๆ ว่าก็ผ่านมายี่สิบสองปีแล้ว
โห้ ยี่สิบสองปีเลยเหรอที่ไม่เคยเจอกัน ถ้าน้องมันจะจำผมไม่ได้ก็สมควรอยู่หรอก
แบบนี้ก็แสดงว่า...
“เฮีย ข้าวผมได้ยังอะ”
เสียงไอ้โก้ที่แผดมายี่สิบปรอทดังทะลุตั้งแต่สมองส่วนหน้ายันปลายประสาทเส้นสุดท้ายของคนทั้งร้านจนผมต้องนับหนึ่งถึงสิบในใจเพื่อดับอารมณ์รำคาญ
ไอ้นี่ก็ขัดสมาธิเก่งจริงโว้ย ชาติที่แล้วมึงเป็นฝอยขัดหม้อรึไง
ผมรีบทำงานทำการให้มันจบๆ ไปเพื่อให้ไอ้ตัวกวนหยุดแหกปากสักที แต่กว่าคนจะบางตาก็ปาไปเกือบชั่วโมงให้หลัง ผมก็ลืมไปเลยว่าเมื่อกี้ก่อนโดนขัดผมกำลังคิดเรื่องอะไร
เรื่องอะไรน้า จำได้ว่าเกี่ยวกับตัวเลขอะไรสักอย่าง
“เฮีย งวดนี้ซื้ออะไรอะ แม่ผมบอกว่าสามสองมาแน่”
เรื่องหวยเหรอ...ไม่ใช่ซี้ จำได้ว่าไม่ใช่เรื่องหวยนี่หว่า
อะ แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ
“งั้นเฮียฝากซื้อยี่สิบ กลับให้ด้วยนะ บอกเจ๊น้อยด้วยนะว่าเอากลับด้วย ครั้งที่แล้วลืมกลับ เฮียชวดเลยน่ะ”
“คร้าบ”
เฮ้ย ไม่ใช่สิ มันไม่น่าจะใช่เรื่องหวยนี่หว่า
อะไรสองๆ วะ
“เฮีย เห็นหมาสองตัวท้ายซอยปะ มันเกิดลูกอีกละ เต็มซอยไปหมด ลุงอ่ำแกว่าจะเอาไปปล่อยวัดละ”
“เฮ้ย เอาไปก็บาปมะ ลำบากพระลำบากเจ้า”
เลขมันคลับคล้ายคลับคลา แต่มันไม่น่าจะใช่เรื่องหมาสิ...หรือใช่วะ
“เออ ผมก็ว่างั้นแหละเฮีย ลูกสองคลอกรวมกันตั้งยี่สิบสองตัว เอาไปปล่อยนี่พระเป็นลมตายอะ”
จริงของมัน หมาบ้าอะไรเกิดลูกเยอะขนาดนั้น
เดี๋ยวนะ ยี่สิบสองเหรอ
“เอ้อ ยี่สิบสองไง!”
ผมดีดนิ้วป๊อกด้วยความดีใจ แหม คิดมาตั้งนานดันมานึกได้เพราะเรื่องหมา
สรุปก็คือผ่านมายี่สิบสองปี ตอนนั้นน้องแกอายุเจ็บขวบ แสดงว่าป่านนี้ก็ปาไปยี่สิบเก้าปีแล้วสิ เวลานี่ผ่านไปไวจริงๆ
แต่คนอายุยี่สิบเก้าปีทำไมหนังหน้ามันยังดูเด็กได้ขนาดนั้นนะ
“เฮียบายดี(สบาย)ไหมนิ”
เสียงพูดขัดจังหวะจากคนหน้าเดิมทำให้ผมต้องหรี่ตามองไอ้หัวชมพูที่นั่งอยู่ตรงข้ามแล้วเอามือผลักหัวมันไปเบาๆ มันก็บ้าจี้พอที่จะหัวเราะไปกับผม
“ยุ่ง ยุ่งทุกเรื่องเลยมึงอะ”
“เอ้า ก็คนดีๆ ที่ไหนเขาจะนั่งอยู่ดีๆ แล้วก็พูดอะไรขึ้นมาไม่รู้แบบเฮียอะ”
ผมแสร้งถอนหายใจยาวใส่มัน
“ก็คนมันมีเรื่องให้คิดมะ ใครจะใช้ชีวิตแบบวันๆ ไม่คิดจะใช้สมองเลยแบบเอ็งฮะ”
“เขาเรียกผู้ชายสบายๆ ครับเฮีย สาวกรุงเทพเขาเรียกชิคๆ”
ผมหัวเราะกับมุกตลกไร้สาระของมันเบาๆ ก่อนจะดึงกลับเข้าเรื่องจริงจัง
“ไอ้โก้ เฮียปรึกษาอะไรหน่อยสิ”
มันคีบลูกชิ้นเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ่ยๆ
“ว่ามาเลยครับเฮีย”
พูดไปกินไปด้วย
สกปรก สกปรกที่สุด
“เอ็งรู้จักนายหัวกาจไหม”
มันพยักหน้าหงึกหงัก
“มีใครไม่รู้จักบ้างอะเฮีย รวยตายชัก”
เออดี จะได้เล่าง่ายๆ
“เอ็งว่าเขามีเมียยังวะ”
มันเงยหน้ามองผมแว่บหนึ่งแล้วก้มลงไปกินผัดซีอิ๊วต่อ
“เรื่องเขามะเฮีย”
เอ้า ไอ้นี่ กวนส้นผิดที่ผิดเวลามาก
“เออ ก็เรื่องเขานั่นแหละ แต่เฮียเสือกบ้างได้ไหมล่ะ”
“แหม ละก็ว่าแต่น้อง”
“ตอบมาสักทีได้มะ”
มันเว้นจังหวะสูดเส้นหมี่เหลืองเข้าไปในปากก่อนจะเริ่มเล่า
มันกินไปพูดไปอีกแล้วครับ นิสัยเสียจริงๆ เป็นลูกเป็นหลานพ่อจะฟาดให้ก้นลาย
“ผมว่าเขามีเมียแล้วแน่นอน ฟันธง!”
ผมขมวดคิ้ว สวยขนาดนั้นดูมีโหงวเฮ้งมีเมียจริงเหรอวะ
“แต่เฮียว่าเขาสวยมากเลยนะ เหมือนพวกเกย์เลย ผู้หญิงจะเอาเขาเหรอวะ”
“เฮ้อ เฮียผมแก่เกินไปแล้วจริงๆ”
มันพูดไปพลางส่ายหน้าสมเพชผมไปพลาง
รำคาญลูกตาสุดๆ ไปเลยครับ อะไหนๆ ก็รำคาญแล้วโบกหัวมันไปสักทีให้พองาม
“โอ๊ยเฮีย แล้วผมพูดอะไรผิดล่ะ เขารวยจะตายชัก คนสมัยนี้แค่มีเงินล่อก็กรูกันเข้าไปตอมเหมือนแมงวันตอมขี้แล้ว”
อะ ที่มันพูดก็มีเหตุผล
“แต่คนที่ใช้เงินซื้อมามันก็ไม่ใช่ความรักรึเปล่า เมียแบบนั้นมันดีจริงๆ เหรอวะ”
เด็กหนุ่มตรงหน้าคีบหมูชิ้นสุดท้ายเข้าปากแล้วมองผมด้วยสีหน้าเห็นอกเห็นใจ
เดี๋ยวนะ ทำไมรู้สึกเหมือนเคยเห็นเหตุการณ์นี้มาเมื่อไม่นานนี้เลยล่ะ
“ไม่เกี่ยวหรอก ขนาดเมียเฮียใช้ความรักซื้อมายังไม่ดีเลย”
พอพูดจบมันก็ใส่เกียร์หมาวิ่งหนีออกไปนอกร้านจนผมคว้ากระทะมาฟาดไม่ทัน ทำได้เพียงแค่ปาตะเกียบตามหลังไปด้วยความหงุดหงิดเท่านั้น
แต่ยังครับ ความผีบ้าผีบอของวันนี้มันยังไม่จบ
ผมพยายามวิ่งไล่เก็บตะเกียบคู่เก่าที่กลิ้งดุ๊กๆ ไปตามพื้นร้านจนไปชนเข้ากับรองเท้าหนังมันปลาบคู่หนึ่งที่แค่ดูห่างๆ ก็รู้แล้วว่าแพง
สถานการณ์เหมือนในหนังฆาตกรรมที่ตัวเอกจะต้องทำอะไรสักอย่างอยู่แล้วมีฆาตกรเดินเข้ามาหยุดตรงหน้า กล้องจะต้องแพลนตั้งแต่เท้าขึ้นไปจรดหัวฆาตกรแล้วก็ต่อด้วยซาวด์เอฟเฟ็คระทึกขวัญ
นั่นน่ะชีวิตเฮียเลย
“สวัสดีครับนายหัว แหม เจอกันบ๊อยบ่อยเนอะ”
ไอ้โก้ มึงกลับมาก๊อน