พิมพ์หน้านี้ - ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || เลิก [ตอนพิเศษวันวาเลนไทน์] [14/2/61]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: Marymo ที่ 03-11-2017 23:01:00

หัวข้อ: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || เลิก [ตอนพิเศษวันวาเลนไทน์] [14/2/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 03-11-2017 23:01:00
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************





นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องราวสมมติที่แต่งขึ้น บุคคลใดๆ ที่ปรากฏในเรื่องเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น เรื่องราวนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์หรือบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริงแต่อย่างใด






นิยายว่าด้วยนายหัวหน้าสวยที่หาภรรยาไม่ได้สักที กับ หนุ่มใต้พ่อหม้ายหน้าโจรเจ้าของร้านอาหารตามสั่ง
เรื่องราวของคนสองคนที่มาเจอกันแบบงงๆ ดำเนินไปแบบงงๆ และเข้ากันได้แบบงงๆ
เหมือนผัดซีอิ๊วที่ตอนทำก็ใส่คะน้าไปแบบงงๆ ตอนกินก็กินหมูไปแบบงงๆ แต่รวมๆ แล้วอร่อยดี













อนึ่ง นิยายเรื่องนี้ไร้สติมาก การดำเนินเรื่องอยู่บนความพอใจของเฮียอิ๊วเป็นหลัก ต่อให้สถานการณ์มันเครียดแต่ถ้าเฮียอยากจะฮา เฮียก็จะเล่นมุกอยู่ดี








#คุณกาจหาเมีย หรือ #ผัดซีอิ๊ว









ติดตามกันได้ที่
Facebook: ปิงปองโต้คลื่น (https://www.facebook.com/PingPongTor.wave/)
Twitter: ปิงปองโต้คลื่น/Marymo (https://twitter.com/MarymoYaoi?lang=en&lang=en)




เจ้าของเดียวกับ
แว่วเสียงการเวก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62857.0)
**||I need a man||** หลง.ลุง [mpreg] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64026.0)





สารบัญ
บทนำ (http://61.19.246.96/~thaiboys/webboard/index.php?topic=63482.msg3730524#msg3730524)
บทที่ 1 เรื่องของเรื่อง (http://61.19.246.96/~thaiboys/webboard/index.php?topic=63482.msg3730763#msg3730763)
บทที่ 2 ค่าเสียหาย (http://61.19.246.96/~thaiboys/webboard/index.php?topic=63482.msg3731377#msg3731377)
บทที่ 3 ข้อตกลง (http://61.19.246.96/~thaiboys/webboard/index.php?topic=63482.msg3732073#msg3732073)
บทที่ 4 ว่าด้วยเรื่องแฟน (http://61.19.246.96/~thaiboys/webboard/index.php?topic=63482.msg3732726#msg3732726)
บทที่ 5 ว่าด้วยเรื่องสเป็คกับความเป็นจริง (http://61.19.246.96/~thaiboys/webboard/index.php?topic=63482.msg3733766#msg3733766)
11.11 [ตอนพิเศษวันคนโสด] (http://61.19.246.96/~thaiboys/webboard/index.php?topic=63482.msg3734748#msg3734748)
บทที่ 6 ความจริงมักทำให้เราตกใจเสมอ (http://61.19.246.96/~thaiboys/webboard/index.php?topic=63482.msg3736147#msg3736147)
บทที่ 7 อย่าแจกไลน์ให้คนไม่สนิท (http://61.19.246.96/~thaiboys/webboard/index.php?topic=63482.msg3737905#msg3737905)
บทที่ 8 ผัดซีอิ๊วไม่ใส่ผัก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63482.msg3742546#msg3742546)
บทที่ 9 คนหัวล้านน่ะขี้น้อยใจ (http://61.19.246.96/~thaiboys/webboard/index.php?topic=63482.msg3742965#msg3742965)
บทที่ 10 ถ้าไม่ท่องพาหุงก่อนออกจากบ้านจะซวยไปตลอดทั้งวัน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63482.msg3746645#msg3746645)
เลิก [ตอนพิเศษวันวาเลนไทน์] (http://61.19.246.96/~thaiboys/webboard/index.php?topic=63482.msg3789695#msg3789695)















หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๋ว #คุณกาจหาเมีย || บทนำ [3/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 03-11-2017 23:08:24
บทนำ





มีคนบอกไว้ว่าการที่คนเราจะมีคู่ได้ต้องมีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่งอย่างน้อยหนึ่งข้อ


หนึ่ง ต้องหน้าตาดี


สอง ต้องมีเงิน


สาม ต้องมีเงินและหน้าตาดี



อะ ข้อสามนี่ล้อเล่น


อย่างไรก็ตาม รวมๆ กันแล้วทั้งสองข้อนี้คือคุณสมบัติที่คนส่วนใหญ่ไม่มี
แล้วทำไม๊ ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงมีแฟน
แล้วทำไมไอ้คนที่มีครบทั้งสองข้อนี้ถึงยังไม่มีแฟน


“คุณต้องช่วยผม”
“แหมนายหัว หน้าผมอย่างโจร จะไปช่วยอะไรนายหัวได้”
“ช่วยไม่ได้ก็จ่ายเงินมา”
“...นายหัวอยากให้ผมช่วยอะไรบ้างครับ บอกมาได้เลย”


ครับ คนจนหน้ามนอย่างผมก็ต้องเป็นทาสระบบทุนนิยมด้วยประการฉะนี้แล ในเมื่อทำของเขาพังแล้วไม่มีเงินจ่าย ก็ต้องจ่ายด้วยหยาดเหงื่อแรงกายครับ


“ผมอยากได้ภรรยา”
“แหม นายหัวนี่มีอารมณ์ขันนะครับ”
“อยากได้ผู้หญิงที่ฉลาด ไม่อ่อนแอ บริหารงานได้ในวันที่ผมไม่อยู่”
“อำคนเก๊งเก่งนะครับเนี่ย”
“ถ้าหาไม่ได้ก็จ่ายเงินมา”



....



บรรลัยจักรล่ะครับงานนี้ น้องแกท่าทางจะเอาจริง




หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๋ว #คุณกาจหาเมีย || บทนำ [3/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 03-11-2017 23:28:06
น่าติดตามค่ะ อะไรมายังไง  o18
ปล.ชื่อเรื่องเป็น 'ผัดซีอิ๊ว' หรือเปล่าคะ ใช้ไม้ตรีค่ะ
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๋ว #คุณกาจหาเมีย || บทนำ [3/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 03-11-2017 23:33:45
น่าติดตามค่ะ อะไรมายังไง  o18
ปล.ชื่อเรื่องเป็น 'ผัดซีอิ๊ว' หรือเปล่าคะ ใช้ไม้ตรีค่ะ


กรี๊ดดดด รีบไปหน่อยเลยพิมพ์ผิด ขอโทษค่า
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทนำ [3/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 04-11-2017 01:29:00
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 1 [4/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 04-11-2017 12:19:24
บทที่ 1 เรื่องของเรื่อง







เพื่อให้ได้อรรถรสของความเป็นหนุ่มแดนใต้ บทสนทนาในเรื่องอาจมีคำใต้หรือสำเนียงภาษาใต้ปรากฏอยู่ คำไหนที่แอดวานซ์เกินไปจะมีวงเล็บคำแปลไว้ให้หลังคำศัพท์นั้นๆ นะคะ


*****************************************************************************************






กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชายหนุ่มหน้าตาดี ผิวแทนคมเข้ม นิสัยน่ารักแต่ดวงซวยมากๆ อยู่คนหนึ่ง วันดีคืนดี ในขณะที่ชายหนุ่มคนนั้นกำลังทำงานสุจริตเลี้ยงชีพตัวเองอย่างขยันขันแข็งก็ดันมีฝนเทกระหน่ำลงมาเหมือนเกลียดกันมาแต่ชาติปางก่อน



‘รอคอย เธอมาแสนนาน’



เพลงคุ้นหูดังมาจากโทรทัศน์เครื่องเก่าอายุร่วมสิบปี อยู่กันมาตั้งแต่สมัยใช้ก้างปลาวิ่งหาสัญญาณจนถึงยุคจานดาวเทียมและทีวีดิจิตอลทำให้ชายหนุ่มผู้นั้นต้องหันไปมอง มันช่างเป็นเพลงที่เหมาะเจาะกับคนโสดในวันฝนตก



ช่างเป็นเพลงที่เหมาะกับคนเพิ่งโสดที่เพิ่งจะไปเซ็นต์ใบหย่ามาเมื่อชั่วโมงที่แล้วมากๆ



...เหมาะกับผีสิ...



ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด ไอ้ตอนก่อนจะแต่งงานก็มั่นใจว่าเลือกมาแล้วเป็นอย่างดี แฟนสาวที่คบกันมากว่าหนึ่งปี ผู้มีกริยาเรียบร้อยอ่อนหวาน มีความเป็นแม่บ้านแม่เรือน เหมาะแก่การเป็นแม่ของลูกด้วยประการทั้งปวงดันมาบอกเขาว่า



‘พี่บ่าวรู้บ้างหม้าย ว่าพี่เป็นคนที่มีอะไรกันได้แย่ที่สุดที่น้องเคยมีมาเลย ฮาโรย’



ด่ากันไม่ว่า แต่อย่าทำหน้าเอือมระอาใส่แบบนั้น พี่ซีอิ๊วรับไม่ได้


อะ ต้องบอกว่าชายหนุ่มหน้าตาดีผู้โชคร้ายคนนั้นรับไม่ได้ต่างหาก


หลังจากคำพูดตัดพ้อนั้น ภรรยาผู้แสนดีของชายหนุ่มก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นซอกหลืบในสุดของเล็บคุดจนความสัมพันธ์ที่ระหองระแหงถึงคราวขาดสะบั้น


จำได้ว่าในละครหลังข่าวที่ชอบดู เวลาพระนางจะเลิกกันจะต้องมีบทตัดพ้อมากมาย ดราม่าต้องมา มงต้องลงบนหัวนางเอก รางวัลสุพรรณหงส์แทบจะปาเข้าใส่ แต่ทำไม๊ทำไมไอ้ตอนที่เขาไปเซ็นต์ใบหย่ากลับไม่มีเหตุการณ์แบบนั้นเลย


...หมายถึงตอนชายหนุ่มคนนั้นไปเซ็นต์ใบหย่าน่ะนะ...


ไม่ใช่แค่หล่อนจะไม่เสียอกเสียใจกับการเลิกรา หากหล่อนกลับร่าเริงขึ้นกว่าเก่า ใบหน้าดูผ่องใสขึ้นเหมือนคนที่เพิ่งปลดภาระใหญ่โตออกไปจากชีวิตได้สำเร็จ


เสียใจให้ดูหน่อยก็ไม่ได้


กลายเป็นชายหนุ่มเสียเองที่ต้องนั่งคอตก กินข้าวเคล้าน้ำตาอยู่ครึ่งวัน เกิดมาไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าปัญหาแค่เรื่องเซ็กส์จะทำให้เกิดสถานการณ์บ้านแตกสาแหรกขาดขึ้นมาได้ เดชะบุญที่ยังไม่มีลูกด้วยกัน ไม่งั้นก็ไม่รู้จะเอาหน้าที่ไหนไปบอกลูกตอนโต



‘พ่อทำไม่เก่ง แม่ก็เลยทิ้งพ่อไปน่ะลูก’



นอกจากจะอนาถแล้วยังทำให้ลูกหมดศรัทธาในตัวเราไปได้ง่ายๆ 


แต่นั่นคือเรื่องที่ผ่านไปแล้ว ชีวิตคนเราก็ต้องก้าวต่อไปด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ ดั่งเพลงของพี่แอ๊ด คาราบาวที่ร้องไว้ว่า ‘ต้องสู้ ต้องสู้จึงจะชนะ’



“เดี๋ยวเฮีย เพลงนั้นมันของเจินเจิน บุญสูงเนินไม่ใช่เหรอ”

“ในหัวเฮียเป็นเสียงน้าแอ๊ด มีปัญหาไรมะ”

“เจริญ”


พอพูดจบไอ้เด็กหนุ่มผมสีชมพูแสบตาก็กลับลงไปกินผัดซีอิ๊วฟรีอย่างตะกละตะกลามเหมือนเรื่องที่ทำให้ผมเสียหน้าเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน


ต้องด่าครับ งานนี้ต้องด่า กินฟรีก็แล้วยังจะมาขัดจังหวะคนกำลังบิ้วประสบการณ์ชีวิตตัวเองให้เป็นเรื่องเล่าบันลือโลกอีก

“นี่ไอ้โก้ ที่บ้านไม่มีข้าวกินรึไงถึงได้มากินข้าวร้านเฮียทุกวัน”

มันเงยหน้ามองผมแล้วซู้ดเส้นหมี่เหลืองเข้าไปในปาก


สกปรกสุดๆ


“โอย ผมเนี่ยนะจะกินข้าวบ้าน แม่แกบ่นเอาบ่นเอา น่าเบื่อจะตายชัก จิไปซิ่งรถหน่อยก็ไม่ได้ บ่นอยู่นั่นแหละ”

“เอ้า แม่บ่นก็แม่ห่วงปะวะ”

“โอย เฮียบ่นนี่ผมหนีไปนั่งร้านเหล้าแล้วจริงนะ”

อะ ยอมๆ ไม่บ่น เดี๋ยวเด็กมันเตลิดละจะยิ่งไปกันใหญ่ ไหนๆ เด็กมันก็อุตส่าห์หนีมาพึ่งเรา ผู้ใหญ่ใจดีก็ควรที่จะ...

“แล้วตกลงเฮียหย่าเมียเพราะทำไม่หรอยจริงอึ”


ไอ้เด็กเปรต


“รู้มาจากไหน”

“ก็เมียเก่าเฮียไปพูดให้ทั่วว่าผัวเก่าไม่มีน้ำยา คนเขารู้กันทั้งหลาด(ตลาด)


เจ็บแค้นเคืองโกรธโทษฉันไย เกลียดกันมาแต่ชาติปางไหนถึงทำแบบนี้ หมดสิ้นแล้วชีวิตของเฮียซีอิ๊วผู้ขึ้นชื่อลือชาเรื่องฝีมือผัดซีอิ๊วที่ดีที่สุดในจังหวัด ต่อจากนี้ไปคนคงรู้จักเราในชื่อ ‘ซีอิ๊วไร้น้ำยา’ แน่นอน


“มันมั่ว อย่าไปฟังมาก”

ผมบอกปัดไปนิ่มๆ หวังให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี


...แต่อย่างที่บอกไปแล้วว่าชายหนุ่มวัยสามสิบกลางๆ หน้าตาหล่อเหลาคนนี้เป็นคนดวงซวย...


เด็กหนุ่มตรงหน้าคีบหมูชิ้นสุดท้ายเข้าปากแล้วมองผมด้วยสีหน้าเห็นอกเห็นใจ

“ถ้านกเขามันใช้ไม่ได้ก็ไปหาหมอนะเฮีย อายุแค่นี้เอง ไม่น่าเลยจริงๆ เดี๋ยวผมจะเอาไปปรึกษาเพื่อนให้นะ”



พอพูดจบปุ๊บมันก็กระโดดแผล็วหนีไปปั๊บเหมือนรู้อยู่แล้วว่าผมจะต้องทำอะไรต่อ หม้อ กระทะ ตะหลิวและภาชนะเครื่องครัวทุกอย่างที่ไม่มีคมและอยู่ใกล้มือถูกปาไปทางทิศที่ไอ้หนุ่มหัวชมพูวิ่งหนีไป



...แต่อย่างที่บอกไปแล้วว่าชายหนุ่มผิวแทน หน้าตาคมเข้มคนนี้เป็นคนดวงซวย...



-เคร้ง!-



ไอ้เหตุการณ์ด่าทอไล่ปาข้าวของกันนี้เป็นเรื่องปกติระหว่างเราสองคนที่เกิดขึ้นเป็นประจำอาทิตย์ละครั้งอยู่แล้ว แต่อยู่ดีๆ กระทะเจ้ากรรมก็ดันไม่อยากกระเด็นกระดอนลงพื้นเลยเลือกที่จะเด้งตัวเองไปฟาดเข้ากับกระโปรงรถสีดำคันหรูที่จอดอยู่หน้าร้านทองที่อยู่ห้องติดกันแทน



เอ้า สวดมนต์สิครับรออะไร



ผมยืนอ้าปากค้างแล้วค่อยๆ หันหน้าไปสบตากับคนในร้านทองแล้วพบว่า...



สวดมนต์ดีกว่า



ในร้านทองขนาดใหญ่ที่เปิดอยู่ติดกันมีชายสวมเสื้อผ้าสีทึมรูปร่างกำยำสามสี่คนกำลังมองสบตาผมผ่านกระจกใสที่กั้นระหว่างตัวร้านกับภายนอกด้วยแววตาโกรธเกรี้ยว



ไม่เอาไม่โกรธ คนไทยรักกันๆ



แค่ทำใจโดนกระทืบก็ยากลำบากอยู่แล้ว ยิ่งหันไปเห็นคนๆ หนึ่งที่อยู่ท่ามกลางกลุ่มชายฉกรรจ์เหล่านั้นยิ่งทำให้ผมลมแทบจับ
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นดูมีราคารับกับกางเกงขายาวสีอ่อนขับผิวขาวเนียนดุจงาช้างให้ผ่องขึ้นจนเหมือนมีออร่าวิ้งๆ อยู่รอบตัว ผมสีดำยาวถูกรวบไว้หลวมๆ ดูเผินๆ เหมือนผู้ชายเซ่อๆ แต่ใบหน้าที่สวยหวานราวกับผู้หญิงนั้นกลับทำให้ความเซ่อทั้งหมดทั้งมวลหายไปเหลือไว้เพียงแค่ความสโนไวท์ในชุดผู้ชาย



ริมฝีปากบางสวยได้รูปรับกับดวงตากลมโตหวานหยดกำลังเหยียดยิ้มให้ผม อันที่จริงก็ควรดีใจที่ได้รับรอยยิ้มจากคนที่งดงามขนาดนี้ ถ้าไม่ติดว่า...




...รถที่กระทะผมฟาดไปเมื่อกี้จะเป็นรถของเขาน่ะนะ...






หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 1 เรื่องของเรื่อง [4/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 04-11-2017 13:07:22
เรื่องฮา ๆ ไม่เครียดดีค่ะ ชอบ ๆ
สงสารพี่ซีอิ๊ว เคราะซ้ำกรรมซัดจริงๆ แต่เมียอย่างนั้น เลิก ๆ ไปน่ะดีแล้ว
นายหัว ที่หาเมียไม่ได้ เพราะคงไม่มีผู้หญิงคนไหนทนเห็นสามีสวยกว่าได้สินะ 555
หาเมียไม่ได้ ก็เปลี่ยนเป็นสามีดี ๆ ไปแทนแล้วกันน้า พี่ซีอิ๊วนี่ น่าจะเป็นพ่อบ้านที่ดีเลยล่ะ
รอตอนต่อไปค่า ขอบคุณคนเขียนนะคะ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 1 เรื่องของเรื่อง [4/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 04-11-2017 13:21:49
จิ้มๆๆๆๆๆๆ
ตามอ่านจ้า
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 1 เรื่องของเรื่อง [4/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 04-11-2017 13:50:32
ตามๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 1 เรื่องของเรื่อง [4/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-11-2017 15:15:27
ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 1 เรื่องของเรื่อง [4/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MayuYume ที่ 04-11-2017 17:19:51
รู้สึกเหมือนเนื้อเรื่องน่ารัก :mew3: รอตอนต่อไปค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 2 ค่าเสียหาย [5/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 05-11-2017 11:23:44
บทที่ 2 ค่าเสียหาย






ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองท่องบทพาหุงไปกี่จบแล้ว สิ่งที่รับรู้ได้ในตอนนี้มีเพียงสายตาอำมหิตจากชายฉกรรจ์สี่คนที่ยืนเรียงแถวหน้ากระดานอยู่ตรงหน้าและสายตาเห็นอกเห็นใจจากอาแปะร้านทอง


ถ้าเห็นใจก็มาช่วยกันสิแปะ


เหมือนเจ้าตัวจะรับรู้ได้ถึงคำขอในใจของผม ทันทีที่เราสองคนสบตากัน นัยน์ตาฝ้าฟางของแปะก็เป็นประกายวาววาบอย่างมีนัยยะ มือเหี่ยวย่นนั้นแสร้งขยับขาแว่นอย่างไม่เป็นธรรมชาติ


“โอ๊ะ อาเง็กอีกลับมาจากตลาดยังวะ ชักช้าอืดอาดจริงๆ”


ไม่ว่าเปล่า แปะยังเดินไปบ่นไปจนถึงประตูร้านแล้วก็หนีกลับเข้าไปเฉยเลย


แหมมม ไอ้แปะ คราวหน้าอย่าให้ถึงทีผมบางนะ


คราวนี้ตรงบริเวณหน้าร้านจึงเหลือแค่ชายหนุ่มรูปร่างกำยำสี่คนและเฮียซีอิ๊ว พ่อค้าร้านอาหารตามสั่งที่น่าสงสารเพราะกำลังจะถูกกระทืบลงไปนอนจูบพื้น


อันที่จริงยังมีอีกหนึ่งคน


ผมเหลือบตาไปมองคนที่ยืนอยู่ห่างๆ ด้วยท่าทีกล้าๆ กลัวๆ


ชายคนนั้นมีขาวสว่างผิวพรรณผุดผาดราวงาช้างเนื้อดี ผมสีดำสนิทที่ถูกมัดลวกๆ คลอเคลียไปกับไหล่กว้างสมชายชาตรีนั้นทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากขึ้นเป็นกอง แต่ที่พีคที่สุดคือใบหน้ารูปไข่สวย ปากนิด จมูกหน่อย แก้มเป็นสีชมพูระเรื่ออย่างสาวสุขภาพดี ดูยังไง๊ยังไงก็ผู้หญิงชัดๆ แต่พอมันมาประกอบอยู่ในร่างสูงโปร่งที่มีสภาพสมชายมันเลยดูผิดที่ผิดทางไปหมด


ผิดที่ผิดทางแต่ก็ใช่ว่าจะดูไม่ดี


ผู้ชายคนนี้มีหน้าตาหล่อเหลาค่อนไปทางสวย ร่างกายดูผ่านๆ ก็รู้แล้วว่าน่าจะเป็นคนมีกล้ามเนื้อ ส่วนสูงที่เกินมาตรฐานชายไทย ดูๆ ไปน่าจะประมาณร้อยแปดสิบ สำคัญที่สุดคือมีโหงวเฮ้งที่ดูรวย แถมรวยจริงๆ ซะด้วย


‘กาจกล้า แซ่ตั้ง’ นายหัวหนุ่มเจ้าของสวนปาล์มและยางพารากว่าสองร้อยไร่ในจังหวัด ตอนเกิดก็คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด เพราะเป็นลูกชายคนเดียวของเถ้าแก่ตั้ง พอโตขึ้นก็เลยได้รับมรดกทั้งหมดของที่บ้าน จำได้ว่าเมื่อก่อนเถ้าแก่ยังพามาวิ่งเล่นอยู่ที่ร้านอยู่เลย เผลอแป๊บเดียวก็โตขนาดนี้แล้ว


เด็กๆ นี่มันโตไวจริงๆ เลยน้า


ไอ้เรื่องผมจำน้องแกได้นี่ไม่แปลก เพราะตอนที่น้องแกหกเจ็ดขวบผมก็เรียนอยู่ม.สองเข้าไปแล้ว แต่น้องแกจะจำผมได้ไหมก็ไม่รู้ ถ้าบังเอิ๊ญว่าน้องแกจำได้ว่าครั้งหนึ่งเราเคยเป็นพี่น้องที่สนิทชิดเชื้อกันมาก เรื่องในวันนี้ก็คงผ่านไปได้ด้วยดี แต่ถ้าไม่ ชีวิตของผมคงถึงคราวจบสิ้นของจริง


เรื่องทำรถชาวบ้านเป็นรอยนี่ขี้ปะติ๋ว ถ้าเป็นคนธรรมดาสามัญก็คงเคลียร์กันได้สบายๆ จ่ายค่าเสียหายกันไปก็จบ แต่นั่นไม่ใช่กับนายกาจกล้าคนนี้


หลังจากน้องแกขึ้นมาคุมสวนก็มีข่าวลือแพร่สะพัดหนาหูว่าที่กิจการของบ้านนี้เจริญเอาๆ ก็เพราะธุรกิจมืด ลือกันว่ามีทั้งบ่อน ซ่องและยาเสพติด สำคัญคือไม่พอใจใคร คนๆ นั้นมักจะโดนเก็บไปทุกราย ตำรวจก็ไม่กล้ายุ่ง คู่แข่งก็แทบไม่มี ถ้าจะเรียกน้องแกว่าผู้มีอิทธิพลที่สุดในจังหวัดนี้ก็คงไม่ผิด


ซีอิ๊วเอ๊ย นี่คงเป็นผลกรรมจากการไปตกปลาในบึงเมื่ออาทิตย์ที่แล้วแน่นอน


“นายหัวครับ คนนี้ล่ะครับที่ทำรถคันโปรดของนายหัวเป็นรอย”


อะ คันโปรดด้วย ตาย กูชิงตายไปก่อนเลยดีกว่า


ตอนแรกผมก็นึกไปว่า ‘นายหัว’ คนนี้จะกระโดดถีบยอดหน้าผมทันทีที่ลูกน้องรายงานจบ แต่สิ่งที่เขาทำกลับเป็นเพียงแค่ยกมุมปากแล้วมองผมด้วยแววตาสมเพช


ใบหน้าสวยหวานราวกับเจ้าหญิงกำลังมองผมอย่างสมเพช


“เป็นรอยเยอะไหมล่ะ”

น้ำเสียงที่เปล่งออกมาก้องกังวานใสราวกับเสียงระฆังจนบรรยากาศอึมครึมเมื่อครู่หายไปในพริบตา


อานิสงส์ของความหน้าตาดีมันเป็นแบบนี้นี่เอง


“ไม่เยอะครับ แต่ก็เป็นรอยครูดเหมือนตอนที่ชนกิ่งไม้คราวก่อน ค่าซ่อมน่าจะประมาณสามหมื่นครับ”


โอ้โห โอ้โห ไหนมึงบอกไม่เยอะไง สามหมื่นนี่เฮียซื้อมอไซต์ได้ทั้งคันเลยนะโว้ย


ผมหันไปสบตากับ ‘นายหัว’ ด้วยใบหน้าที่คิดว่าน่าสงสารมากที่สุด แต่แทนที่อีกฝ่ายจะพูดออกมาว่า ‘ไม่เป็นไร เจ๊ากันไปแล้วกัน’ กลับกลายเป็น...


“เฮียซีอิ๊วใช่ไหม”


เฮ้ย หรือน้องเขาจะจำผมได้!


“ใช่ครับ” ผมตอบรับคำเรียกนั้นอย่างกระตือรือร้น


ในทีแรกน้องแกก็ฉีกยิ้มใจดีให้ แต่จู่ๆ กลับมีแววตาอำมหิตแทรกเข้ามาแทน


“มีเรื่องกับผมนี่...ไม่ฉลาดเลยนะครับ”


อะ สวดมนต์


ผมพยายามฉีกยิ้มสวยที่สุดหวังกู้สถานการณ์

“ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ครับนายหัว มันเป็นอุบัติเหตุ จะให้ผมชดใช้ยังไงบอกมาได้เลยนะครับ”


ยกเว้นเรียกเงินสามหมื่นน่ะนะ เฮียจน เฮียคนหาเช้ากินค่ำ


“ก็อย่างที่ได้ยินลูกน้องผมบอกไป ค่าเสียหายสามหมื่น จ่ายไม่ได้ก็ไปโรงพัก”


โอ้โห เฮียเคยคิดอะไรแล้วผิดไหม ไม่มี๊


ผมพยายามทำท่าทางให้น่าสงสารที่สุดด้วยการทำหน้าเจื่อนๆ แล้วถอนหายใจอย่างหนักอกหนักใจ

“นายหัวครับ ไอ้ผมมันก็คนหาเช้ากินค่ำ ถ้าขอผ่อนสามเดือนได้ไหมครับ”

นัยน์ตากลมโตนั้นสบกับผมแว่บหนึ่งก่อนจะหันไปมองหน้าลูกน้องตัวเอง

“ปกติเราเก็บดอกร้อยละเท่าไหร่นะ”

“ร้อยละสิบครับนายหัว”


โอ้โห ขูดเลือดขูดเนื้อประชาชน ไอ้คนใจบาป ไอ้พวกหนี้นอกระบบ ไอ้...ไอ้คนใจร้าย!


“ก็อย่างที่ได้ยินครับ ถ้าผ่อนก็ตกดอกเบี้ยร้อยละสิบ เงินต้นสามหมื่น หนึ่งเดือนก็จะมีดอกเบี้ยสามพัน สามเดือนก็ดอกเบี้ยเก้าพัน แต่ผมขอถ้วนๆ เป็นหมื่นนึงแล้วกัน”


เก้าพันบ้านป้าเอ็งไม่ถ้วนตรงไหนฮะ!


“เงินต้นรวมดอกก็สี่หมื่นพอดี ถ้าสะดวกใจจะจ่ายผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนะครับ”


ไอ้เด็กเปรต เฮียจะให้ไอ้โก้แว๊นซ์มอไซต์ทับให้กลายเป็นเผือกปิ้งเลยคอยดู


คิดในใจไปงั้นล่ะครับ จริงๆ แล้วเป็นคนไม่สู้คน ตอนนี้มีความน่าสมเพชอะไรก็ต้องงัดมาประจานตัวเองไว้ก่อน

“โธ่นายหัว ผมเพิ่งจะหย่ากับภรรยา เงินเก็บก็ไม่มี เห็นใจผมเถอะนะครับ”

จู่ๆ ใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มสะใจก็กลับกลายเป็นเคร่งขรึม

“หย่าเหรอ”


นั่น ผมว่าแล้วแผนชีวิตครอบครัวแตกแยกต้องได้ผล


ผมพยักหน้าหงึกหงักรัวเป็นการตอบรับ

ชายหนุ่มนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะหันไปส่งสัญญาณบางอย่างให้พวกลูกน้องด้านหลัง ทันทีที่ได้รับคำสั่ง ชายฉกรรจ์สี่คนนั้นก็เดินกลับเข้าไปในร้านทอง ทิ้งผมกับนายหัวหนุ่มเอาไว้ข้างนอกแต่เพียงสองคน


อะไร๊ เอ็งจะทำอะไรเฮีย


คนหน้าสวยหันกลับมาสบตาผมนิ่ง

“บอกว่าเคยมีเมียใช่ไหม”

ถึงจะงงกับคำถามแต่ก็พยักหน้าตอบไปแต่โดยดี เมื่อเห็นดังนั้นเขาจึงถามต่อ

“แล้วทำไมถึงหย่ากันล่ะ”

มาละ คำถามผีบ้าผีบอที่ผมไม่อยากตอบที่สุด แต่ ณ จุดๆ นี้ ชีวิตและการเงินสำคัญกว่า

“มีปัญหากันในเรื่องการใช้ชีวิตน่ะครับ”


เห็นไหมเฮียพูดความจริง เฮียแค่พูดไม่หมด


“แสดงว่ารู้ใช่ไหมว่าจะต้องหาเมียแบบไหน แล้วใช้ชีวิตคู่ยังไงให้รอด”


ฮะ!? อะไร๊ อะไรของมึ๊ง


“ครับ”


ก็บอกแล้วไงว่าเฮียไม่สู้คน


เมื่อได้ยินคำตอบ เขาก็พยักหน้าน้อยๆ ริมฝีปากสีชมพูได้รูปนั้นคลี่ยิ้มกว้างให้ผม

“งั้นมาหาเมียให้เราหน่อย ถ้าหาได้หนี้ของเราถือว่าหายกัน”


ฮะ!?


ฮะ!?


ฮะ!?


โอ้โห โอ้โห พ่อแก้วแม่แก้ว เมื่อกี้ผมฟังผิดหรือคนพูดมันเป็นบ้ากันนะ


ไอ้โก้เอ๊ย เอ็งกลับมาช่วยเฮียฟังที





หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 2 ค่าเสียหาย [5/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 05-11-2017 11:56:58
ขอคำแนะนำจากคนโดนเมียขอหย่านี่จะดีเรอะนายหัว
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 2 ค่าเสียหาย [5/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MayuYume ที่ 05-11-2017 12:26:42
เฮียผัดซีอ๊วงัดไม้นี้มาทำให้ตัวเองน่าสงสารเลยเร๊อะ 55555
รอตอนต่อไปคร้าบบบบ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 2 ค่าเสียหาย [5/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 05-11-2017 13:09:17
 :z1: :laugh: :z1:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 2 ค่าเสียหาย [5/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 05-11-2017 14:00:58
อ้าว นี่พออ่านบรรยายรูปร่างนายหัวแล้ว ชักสับสน ตกลงใครจะเป็นฝ่ายไหนน้อ
พี่ซีอิ๊ว รู้แค่เป็นหนุ่มใต้ผิวแทน หน้าโจร แล้วรูปร่างพี่เขาเป็นยังไงอ่ะ นายหัวยังตั้งร้อยแปดสิบ
อ่านไปอ่านมา ทำไมรู้สึกอยากให้พี่ซีอิ๊วกลายเป็นเมียที่นายหัวกำลังหาอยู่ซะงั้น 555
นี่เคยเจอ เคยสนิทสนมกันตอนเด็ก ๆ ด้วย แต่นายหัว ทำไมดูเหมือนโกรธๆแค้น ๆ พี่ซีอิ๊วชอบกล
คนเพิ่งหย่าเมีย ดันจะให้เขาหาเมียให้ นายหัวงงอะไรไหมนั่น หรือจริง ๆ นายหัววางแผนอะไรไว้กันแน่
รอติดตามจ้า ขอบคุณคนเขียนนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 2 ค่าเสียหาย [5/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-11-2017 16:08:21
 :laugh:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 2 ค่าเสียหาย [5/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 05-11-2017 16:45:10
อ้าว นี่พออ่านบรรยายรูปร่างนายหัวแล้ว ชักสับสน ตกลงใครจะเป็นฝ่ายไหนน้อ
พี่ซีอิ๊ว รู้แค่เป็นหนุ่มใต้ผิวแทน หน้าโจร แล้วรูปร่างพี่เขาเป็นยังไงอ่ะ นายหัวยังตั้งร้อยแปดสิบ
อ่านไปอ่านมา ทำไมรู้สึกอยากให้พี่ซีอิ๊วกลายเป็นเมียที่นายหัวกำลังหาอยู่ซะงั้น 555
นี่เคยเจอ เคยสนิทสนมกันตอนเด็ก ๆ ด้วย แต่นายหัว ทำไมดูเหมือนโกรธๆแค้น ๆ พี่ซีอิ๊วชอบกล
คนเพิ่งหย่าเมีย ดันจะให้เขาหาเมียให้ นายหัวงงอะไรไหมนั่น หรือจริง ๆ นายหัววางแผนอะไรไว้กันแน่
รอติดตามจ้า ขอบคุณคนเขียนนะคะ  :กอด1:


อ่าน คห.นี้แล้วเกิดดวงตาเห็นธรรมอะไรบางอย่าง
รุกหน้าสวยก็แซ่บนะคะคนเขียน แอร๊งงงง ถ้าลีลาบนเตียงไม่เผ็ชก็คงต้องให้นายหัวช่วยนะคะเฮียซีอิ๊ว

อยากอ่านต่อแล้วว  :hao7:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 2 ค่าเสียหาย [5/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 06-11-2017 00:37:11
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 3 ข้อตกลง [6/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 06-11-2017 18:21:43
บทที่ 3 ข้อตกลง







เดี๋ยวๆ เฮียขอจูนสติแป๊บ ใคร อะไร ยังไง ที่ไหน เมื่อไหร่ ขอใหม่อีกทีสิ


“อะ...อะไรนะครับ”


“คุณต้องช่วยผม”


ช่วยอะไร๊ เฮียช่วยตัวเองยังไม่ได้เล๊ย เพิ่งโดนเมียหย่ามาเนี่ย เฮลโหล่


“แหมนายหัว หน้าผมอย่างโจร จะไปช่วยอะไรนายหัวได้”


“ช่วยไม่ได้ก็จ่ายเงินมา”


“...นายหัวอยากให้ผมช่วยอะไรบ้างครับ บอกมาได้เลย”


พลิกลิ้นเก่งอะไรเก่ง เฮียอิ๊วไงจะใครล่ะ


“ผมอยากได้ภรรยา”


เดี๋ยว มีสติหน่อยน้อง


“แหม นายหัวนี่มีอารมณ์ขันนะครับ”


“อยากได้ผู้หญิงที่ฉลาด ไม่อ่อนแอ บริหารงานได้ในวันที่ผมไม่อยู่”


ใบหน้าและน้ำเสียงนั้นจริงจังเกินกว่าจะล้อเล่น แต่ผมก็ยังไม่อยากเชื่ออยู่ดี


“อำคนเก๊งเก่งนะครับเนี่ย”


“ถ้าหาไม่ได้ก็จ่ายเงินมา”


ไม่ว่าเปล่ายังทำหน้าดุพร้อมกับสายตาโหดเหี้ยมใส่ผมอีกต่างหาก


โอ้โห ดุ๊ดุ ตอนเด็กๆ แม่ให้กินอาหารหมาเป็นของว่างใช่ไหม


“ถ้าหาภรรยามาให้ผมได้ หนี้ของเราถือว่าหายกัน”


ฉีกยิ้มแห้งด้วยความงุนงงให้ไปหนึ่งที


“นายหัวหมายถึง...แบบ...คือ...ผมต้องช่วยนายหัวยังไงเหรอครับ”


นัยน์ตากลมโตฉายแววหงุดหงิดพร้อมๆ กับที่แขนเพรียวสองข้างขยับไปอยู่ในท่ากอดอก


“เรื่องแค่นี้ต้องให้พูดซ้ำอีกกี่รอบถึงจะเข้าใจ”


เอ้า โดนด่าไปอี๊ก


“ก็คำขอนายหัวมันแปลกๆ นี่ครับ”


ผมพูดออกไปอย่างที่คิด แต่อีกคนกลับกระตุกยิ้มสมเพชใส่


“คำขอที่ไหน คำสั่งต่างหาก”


เอ้อ ตามใจมึงเลย


ผมพยายามตั้งสติ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่


“นายหัวครับ ผู้หญิงนะครับไม่ใช่ปลาในตลาดสดที่เดินไปแล้วจะเลือกมาได้เลย”


“ก็ไม่ได้จะให้เลือกให้ จะให้สอนวิธีเลือก”


โอ้โห บรรลัยจักรกว่าเก่าอีก


มือสองข้างเปลี่ยนจากกอดอกไปล้วงกระเป๋ากางเกง


“ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะ หาเงินมาจ่ายเอาแล้วกัน”


ไอ้...ไอ้...ไอ้ใจร้าย!


“แล้วทำไมต้องเป็นผมล่ะครับ คนแต่งงานแล้วมีความสุขก็มีอยู่เต็มจังหวัด ในสวนนายหัวก็เป็นร้อยแล้ว”


ผมได้ยินเสียง ‘ฮึ’ ในลำคอของเขา


“จะให้ไปถามลูกน้องตัวเองน่ะเหรอ เอาอะไรคิด”


เฮ้ย นี่ผมเริ่มจะสงสัยแล้วว่าไอ้เด็กนี่มันเบ่งอำนาจหรือไร้มารยาทกันแน่


กูพี่มึงนะเฮ้ย


แต่ก็อย่างที่บอกว่าเฮียอิ๊วไม่สู้คน ผมจึงเลือกที่จะยืนหงุดหงิดเงียบๆ อยู่คนเดียว


เมื่ออีกคนเห็นว่าผมเงียบเลยเริ่มพูดต่อ แต่คราวนี้ผมกลับรู้สึกว่าน้ำเสียงของเขาอ่อนลงนิดนึง


นิดนึงจริงๆ


“ผมต้องการให้คุณสอนวิธีหาภรรยาที่ดีให้ผม รวมถึงหาผู้หญิงมาให้ผมเลือกด้วย”


จำได้ว่าผมเพิ่งจะพูดไปว่าผู้หญิงไม่ใช่ปลาในตลาด ไอ้นี่ก็สั่งไม่คิด ความจำปลาทองรึไง


“นายหัวครับ”


ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่หวังให้คนฟังมันรู้ตัวสักที


“ผมถูกภรรยาขอหย่ามานะครับ ปรึกษาผิดคนรึเปล่าครับ”


“ก็ถูกแล้ว ต้องปรึกษาคนชีวิตคู่ล้มเหลว จะได้รู้ว่าเขาทำอะไร เราจะได้ไม่ทำตาม”


เอ้า ไอ้เด็กเวร พูดอย่างนี้ต่อยตัวๆ กันเลย


“ตกลงจะช่วยไม่ช่วย ไม่ช่วยก็จ่ายเงินมา”


แหม พูดเหมือนมีตัวเลือกให้อย่างงั้นล่ะ


“นายหัวถามเหมือนผมมีทางเลือกเลยเนอะ”


“ผมไม่ใช่เพื่อนเล่นคุณ”


น้ำเสียงเรียบๆ ที่ตอบกลับมาทำให้ผมอยากเอามือกุมขมับแล้วตะโกนบอกมันไปว่า ‘กูก็ไม่ใช่ลูกน้องมึงเหมือนกันโว้ย’ สั่งจังเลย ที่บ้านรับจ้างสั่งข้าวปะเนี่ย


“ขอโทษครับ”


ไอ้ตัวผมมันก็รู้ดีอยู่หรอกว่าตัวเองไม่ผิดอะไรเลย แต่นิสัยเสียของผมก็คือการยอมขอโทษเพื่อให้เรื่องมันจบๆ ไป โดยไม่คิดจะปรับปรุงตัวเพราะคิดว่าตัวเองไม่ผิด


เป็นนิสัยสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาความสัมพันธ์เรื้อรังจนหย่าร้างกันในที่สุด


บางทีผมก็ควรเปลี่ยนมันสักที


“แต่นายหัวเองก็ควรจะรู้ว่าผมแก่กว่าคุณมาก ผมก็อยากจะให้คุณให้เกียรติกันด้วย”


อีกอย่างพวกเราก็เคยรู้จักกันมาก่อน ถึงดูจากท่าทางเหมือนเขาเองจะจำไม่ได้แล้วก็เถอะ แต่สมัยเด็กๆ ที่ไอ้หนุ่มนี่ยังวิ่งไล่จับผมพร้อมกับคำพูดว่า ‘พี่อิ๊ว’ ทุกสองวินาทียังตราตรึงใจ


ทำไมเด็กดีในวันนั้นมันกลายมาเป็นเด็กเปรตในวันนี้ได้นะ


“นั่นมันปัญหาของคุณ ไม่ใช่ปัญหาของผม ผมให้เกียรติคุณในแบบของผมแล้ว ถ้ายังไม่พอใจนั่นมันเป็นเรื่องของคุณ”


อะ ขอยกตำแหน่งเด็กเวรประจำปีให้มันไปเลย เอาไปเล๊ย


เด็กหนุ่มตรงหน้าผมกลับมาเหยียดยิ้มเย้ยหยันตามเดิม


มึงยิ้มแบบคนปกติไม่เป็นรึไง


“ตกลง คุณจะช่วยผมใช่ไหม”


แหม ทีตัวเองถามย้ำแทบตามเฮียยังไม่บ่นเลย


“ครับ”


“ดี งั้นช่วยจำกฎเหล็กเอาไว้ข้อนึง”


ร่างสูงโปร่งขยับเข้ามาใกล้ผมมากกว่าเก่า


ใกล้เสียจนผมได้กลิ่นหอมบางอย่างที่ลอยอบอวลอยู่รอบตัวเขา มันเป็นกลิ่นที่ผมคุ้นเคย แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก ยังไม่ทันที่ผมจะได้คิดทบทวนว่ามันคือกลิ่นอะไร คำพูดต่อมาของเขาก็ทำจมูกผมดับสนิท


“อย่าสะเออะบอกเรื่องนี้ให้ใครรู้ ไม่งั้นคุณจะได้รู้เลยว่านรกบนดินเป็นยังไง”


โอ้โห โอ้โห สวดมนต์เลยครับสวดมนต์


พอพูดจบก็หันไปส่งสัญญาณให้ลูกน้องในร้านทอง แล้วทุกอย่างหลังจากนั้นก็เกิดขึ้นเร็วมาก ชายร่างกำยำสี่คนวิ่งกรูกันออกมาจากร้านตรงดิ่งไปที่รถยุโรปคันงาม คนหนึ่งเข้าไปนั่งตำแหน่งคนขับ อีกคนเปิดประตูให้เจ้านาย อีกสองคนเข้านั่งประจำตำแหน่งตัวเอง


เด็กหนุ่มคนนั้นหันมายิ้มให้ผมอีกครั้งก่อนจะเดินไปขึ้นรถ


มันเป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเยือกเย็นและอำมหิตขัดกับหน้าตา


เอาแล้วไอ้เฮียเอ๊ย เอาคอตัวเองไปผูกไว้ในเครื่องประหารหัวสุนัขเข้าซะแล้ว


เอ...แล้วคำว่าใครในที่นี้นับรวมไอ้โก้ด้วยไหมนะ




*****************************************************************************
:hao7: :hao7: :hao7:



หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 3 ข้อตกลง [6/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-11-2017 18:34:17
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 3 ข้อตกลง [6/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Apinnoolek ที่ 06-11-2017 18:51:15
หึๆ
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 3 ข้อตกลง [6/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 06-11-2017 19:30:14
 :z1:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 3 ข้อตกลง [6/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 06-11-2017 20:21:50
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 3 ข้อตกลง [6/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 06-11-2017 21:21:40
อย่างจี้ นายหัว วางแผนอะไรอยู่ป่าวเนี่ย ฮี่ๆๆ
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 3 ข้อตกลง [6/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 06-11-2017 22:03:44
นายหัวจะหาเมียจริงดิ???? เฮียอิ๊วก็ คุณสมบัติพอได้อยู่นะ สนไหมๆๆๆ5555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 3 ข้อตกลง [6/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MayuYume ที่ 07-11-2017 06:53:32
เฮียอ๊วก็ไม่อ่อนแอนะคะนายหัว  :mew1:
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 3 ข้อตกลง [6/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 07-11-2017 07:55:34
นายหัวปากร้ายจริง ๆ ตอนเด็กยังเรียกพี่อิ๊ว ๆ อยู่เลยนะ แหม
นี่เราว่า นายหัวต้องจำพี่อิ๊วได้ นายหัวอาจจะแค้นที่พี่อิ๊วหนีไปแต่งงาน
พอรู้ว่าพี่อิ๊วหย่า เลยวางแผนประหลาด ๆ นี้ เพื่อให้พี่อิ๊วอยู่ในอาณัติ
เดาซะเป็นเรื่องเป็นราวเลยอ่ะ 555  แต่พี่อิ๊วน่ารักจัง ชอบ
กลิ่นหอมของนายหัวที่พี่อิ๊วคุ้นเคยคืออะไรน้อ มันต้องมีความลับอะไรซ่อนอยู่
รอติดตามค่า ขอบคุณคนเขียนนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 3 ข้อตกลง [6/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 07-11-2017 08:08:08
เสนอตัวเองไปเลยค้าาาเฮียซีอิ๊ว
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 3 ข้อตกลง [6/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: fsbeentaken ที่ 07-11-2017 08:27:38
คุณกาจมันร้ายนะคะ

เฮียอิ๊วต้องกำราบ

อยากให้คุณกาจรุกหนักๆจังค่ะ อิอิ

 :hao7:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 3 ข้อตกลง [6/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: แอนนาแอนนี่ ที่ 07-11-2017 19:30:36
ชอบคนแบบนี้ติดตามๆ :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 4 ว่าด้วยเรื่องแฟน [7/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 07-11-2017 20:44:01
บทที่ 4 ว่าด้วยเรื่องแฟน







หลังจากผ่านเรื่องเหนื่อยใจช่วงเช้าไปได้อย่างดี


...ดีกับผีสิ...


บ่นไปก็เท่านั้น ยังไงเสียผมก็ต้องหอบชีวิตเฮงซวยของตัวเองกลับมาทำงานต่อตามปกติอยู่ดี


ชีวิตไม่สิ้นคนเราก็ต้องดิ้นกันไปครับ


ท่ามกลางร้อนระอุแบบชื้นๆ ตามประสาปักษ์ใต้บ้านเราทำให้ผมแทบจะเป็นลม ไฟจากเตาแก๊สที่ว่าแรงยังสู้แดดเมืองไทยไม่ได้ เสียงโหวกเหวกโวยวายของลูกจ้างชาวต่างประเทศที่ผลัดกันวิ่งเสิร์ฟน้ำเสิร์ฟอาหารให้ลูกค้ากันหัวหมุนเคล้าคลอไปกับเสียงซู่ซ่าในกระทะทำให้ผมอารมณ์บูดยิ่งกว่าเก่า


คิดดู๊ คิดดู กว่าจะได้เงินแต่ละบาทมา ผมต้องทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำ จะหน้าทิ่มลงกระทะตายไปวันไหนก็ไม่รู้ แล้วดูไอ้เด็กเมื่อวานซืนนั่นสิ แค่ช่วยหาเมียให้ก็พร้อมจะยกเงินสามหมื่นให้ง่ายๆ


ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเด็กน้อยน่ารักในวันนั้นโตมาจะนิสัยเสียขนาดนี้


“เฮีย ข้าวผัดหมูจานนึง”


“เออ”


“สุกี้น้ำหมูสอง ใส่ถุงค่ะ”


“ครับ”


เปล่าสองมาตรฐานนะครับ ที่ทำไปเพราะใจสั่งมา


“ลุง ต้มยำกุ้งถุงนึง”


ลุงพ่อมึงเซ่


“เออ”


ถึงจะด่าแม่มันไปในใจแต่ภายนอกเราก็ยังสุภาพอยู่ดี


ในขณะที่ผมกำลังพยายามเรียบเรียงความคิดเมนูอาหารที่อยู่ในหัว ไอ้ตัวต้นเรื่องเมื่อตอนเช้าก็พลันโผล่หัวมาพร้อมกับเสียงบิดมอเตอร์ไซต์ที่ผ่านการผ่าท่อมาจากร้านไร้คุณภาพ ก่อให้เกิดมลภาวะทางเสียงระดับสูง น่ารำคาญชนิดที่ผมเฝ้าภาวนาเช้าสายบ่ายเย็นให้มันโดนตำรวจจับๆ ยึดๆ ไปให้จบๆ สักที


“ไอ้โก้ ถ้าเอ็งไม่หยุดแฉงรถ(เร่งเครื่อง) เฮียจะปาปังตอใส่จริงๆ ด้วย”


ในทีแรกเหมือนมันจะไม่ได้ใส่ใจฟังผมนัก ต้องรอให้ผมยกปังตอขึ้นมาขู่ประกอบถึงได้หยุด


พอดับเครื่องรถได้ก็เดินขาถ่างกอดหมวกกันน็อคเหมือนพวกนักเลงยุคโบราณเข้ามาหาผม


“แหมเฮีย ไม่ใจเลย บ่นเป็นคนแก่อายุห้าสิบไปได้”


อะ ไอ้เวร อยากด่าครับ แต่ไม่ว่าง ลูกค้ารอคิวอีกเป็นหางว่าว


“เฮีย ผัดซีอิ๊วจานดิ”


“กินตอนเที่ยงคิดเงิน”


“โด้วเฮีย ไซทำกับโก้พันนี้(ทำไมทำกับโก้แบบนี้) นี่น้องบ่าวเฮียนิ ไม่ถึงเลย(ใจไม่ถึงเลย)


พอได้ยินคำว่า ‘น้องบ่าว’ ก็เหมือนได้ยินเสียงอะไรบางตะโกนขึ้นมาในหัวว่า ‘ไอ้น้องทรยศ’ ไม่ได้หมายถึงไอ้โก้ด้วย แต่หมายถึงอีกคนที่เพิ่งทำเรื่องให้ผมสดๆ ร้อนๆ เมื่อเช้าที่ผ่านมา


ก็พอจะรู้อยู่ว่าเจ้าตัวคงจำผมไม่ได้เพราะตอนนั้นมันเด็กมากๆ จำได้ว่าเล่นกันอยู่ได้แค่ปีสองปี พอมันขึ้นมัธยมก็ย้ายไปเรียนที่อื่นเลย จะจำกันไม่ได้ก็คงไม่แปลก แต่ครั้งหนึ่งเราเคยเป็นพี่น้องที่รักกันมานะเฮ้ย พอรวยแล้วชิ่งเฮียเหรอ ไอ้เวร ไอ้เด็กเวร ไอ้น้องเวร


“โก๊ๆ(พี่ๆ) เป็นไหร่นิ(เป็นอะไร) ผักอิ๊(จะ)ไหม้แล้วนั่น”


“เชี้ย!”


สงสัยคงเหม่อนานไปหน่อย ผัดผักในกระทะเลยเกือบไหม้ โชคดีที่ได้ไอ้โก้ตะโกนเรียกช่วยชีวิต


อะ ไหนๆ ก็ไหนๆ ตบรางวัลมันหน่อย


“ไอ้โก้ ไปนั่งที่โต๊ะไป เดี๋ยวเฮียทำผัดซีอิ๊วให้”


“ฟรีไหม โก้ไม่มีเบี้ย(เงิน)นะ”


“เออ ฟรี ไปๆ”


“แจ่มแมว ขอบคุณคร้าบ”


มันพูดขอบคุณผมเสียงดังลั่นประกอบกับท่าทางก้มลงไหว้ผมไปเสียครึ่งตัวเรียกเสียงหัวเราะจากคนในร้านได้ไม่น้อย


ไอ้โก้เป็นคนตลกโดยธรรมชาติเหมือนมีความตลกฝังแน่นมาใน DNA จังหวะรับมุก ตบมุกนับว่าเฉียบ ถ้าสมัยนี้ยังมีคณะหนังตะลุงมากมายเหมือนแต่ก่อน มันคงได้เล่นเป็นนายหนังเข้าสักคณะแน่


แหม พูดถึงเรื่องความหลังแล้วมันก็คิดถึงดีจริงๆ


จริงสิ ขนาดเด็กหนุ่มอายุสิบสี่อย่างผมในตอนนั้นยังกลายมาเป็นตาลุงอายุสามสิบหกในตอนนี้ แล้วไอ้น้องกาจมันจะอายุเท่าไหร่แล้วนะ จำได้ว่าตอนผมอายุสิบสี่มันก็เพิ่งหกเจ็ดขวบ ตีกลมๆ ว่าเจ็ดขวบ


อะ ก็ไม่กลมด้วย


เอาเป็นติ๊ต่างว่าตอนนั้นมันเจ็ดขวบ ผมสิบสี่ ตอนนี้ผมสามสิบหก สรุปง่ายๆ ว่าก็ผ่านมายี่สิบสองปีแล้ว


โห้ ยี่สิบสองปีเลยเหรอที่ไม่เคยเจอกัน ถ้าน้องมันจะจำผมไม่ได้ก็สมควรอยู่หรอก


แบบนี้ก็แสดงว่า...


“เฮีย ข้าวผมได้ยังอะ”


เสียงไอ้โก้ที่แผดมายี่สิบปรอทดังทะลุตั้งแต่สมองส่วนหน้ายันปลายประสาทเส้นสุดท้ายของคนทั้งร้านจนผมต้องนับหนึ่งถึงสิบในใจเพื่อดับอารมณ์รำคาญ


ไอ้นี่ก็ขัดสมาธิเก่งจริงโว้ย ชาติที่แล้วมึงเป็นฝอยขัดหม้อรึไง


ผมรีบทำงานทำการให้มันจบๆ ไปเพื่อให้ไอ้ตัวกวนหยุดแหกปากสักที แต่กว่าคนจะบางตาก็ปาไปเกือบชั่วโมงให้หลัง ผมก็ลืมไปเลยว่าเมื่อกี้ก่อนโดนขัดผมกำลังคิดเรื่องอะไร


เรื่องอะไรน้า จำได้ว่าเกี่ยวกับตัวเลขอะไรสักอย่าง


“เฮีย งวดนี้ซื้ออะไรอะ แม่ผมบอกว่าสามสองมาแน่”


เรื่องหวยเหรอ...ไม่ใช่ซี้ จำได้ว่าไม่ใช่เรื่องหวยนี่หว่า


อะ แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ


“งั้นเฮียฝากซื้อยี่สิบ กลับให้ด้วยนะ บอกเจ๊น้อยด้วยนะว่าเอากลับด้วย ครั้งที่แล้วลืมกลับ เฮียชวดเลยน่ะ”


“คร้าบ”


เฮ้ย ไม่ใช่สิ มันไม่น่าจะใช่เรื่องหวยนี่หว่า


อะไรสองๆ วะ


“เฮีย เห็นหมาสองตัวท้ายซอยปะ มันเกิดลูกอีกละ เต็มซอยไปหมด ลุงอ่ำแกว่าจะเอาไปปล่อยวัดละ”


“เฮ้ย เอาไปก็บาปมะ ลำบากพระลำบากเจ้า”


เลขมันคลับคล้ายคลับคลา แต่มันไม่น่าจะใช่เรื่องหมาสิ...หรือใช่วะ


“เออ ผมก็ว่างั้นแหละเฮีย ลูกสองคลอกรวมกันตั้งยี่สิบสองตัว เอาไปปล่อยนี่พระเป็นลมตายอะ”


จริงของมัน หมาบ้าอะไรเกิดลูกเยอะขนาดนั้น


เดี๋ยวนะ ยี่สิบสองเหรอ


“เอ้อ ยี่สิบสองไง!”


ผมดีดนิ้วป๊อกด้วยความดีใจ แหม คิดมาตั้งนานดันมานึกได้เพราะเรื่องหมา


สรุปก็คือผ่านมายี่สิบสองปี ตอนนั้นน้องแกอายุเจ็บขวบ แสดงว่าป่านนี้ก็ปาไปยี่สิบเก้าปีแล้วสิ เวลานี่ผ่านไปไวจริงๆ


แต่คนอายุยี่สิบเก้าปีทำไมหนังหน้ามันยังดูเด็กได้ขนาดนั้นนะ


“เฮียบายดี(สบาย)ไหมนิ”


เสียงพูดขัดจังหวะจากคนหน้าเดิมทำให้ผมต้องหรี่ตามองไอ้หัวชมพูที่นั่งอยู่ตรงข้ามแล้วเอามือผลักหัวมันไปเบาๆ มันก็บ้าจี้พอที่จะหัวเราะไปกับผม


“ยุ่ง ยุ่งทุกเรื่องเลยมึงอะ”


“เอ้า ก็คนดีๆ ที่ไหนเขาจะนั่งอยู่ดีๆ แล้วก็พูดอะไรขึ้นมาไม่รู้แบบเฮียอะ”


ผมแสร้งถอนหายใจยาวใส่มัน


“ก็คนมันมีเรื่องให้คิดมะ ใครจะใช้ชีวิตแบบวันๆ ไม่คิดจะใช้สมองเลยแบบเอ็งฮะ”


“เขาเรียกผู้ชายสบายๆ ครับเฮีย สาวกรุงเทพเขาเรียกชิคๆ”


ผมหัวเราะกับมุกตลกไร้สาระของมันเบาๆ ก่อนจะดึงกลับเข้าเรื่องจริงจัง


“ไอ้โก้ เฮียปรึกษาอะไรหน่อยสิ”


มันคีบลูกชิ้นเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ่ยๆ


“ว่ามาเลยครับเฮีย”


พูดไปกินไปด้วย


สกปรก สกปรกที่สุด


“เอ็งรู้จักนายหัวกาจไหม”


มันพยักหน้าหงึกหงัก


“มีใครไม่รู้จักบ้างอะเฮีย รวยตายชัก”


เออดี จะได้เล่าง่ายๆ


“เอ็งว่าเขามีเมียยังวะ”


มันเงยหน้ามองผมแว่บหนึ่งแล้วก้มลงไปกินผัดซีอิ๊วต่อ


“เรื่องเขามะเฮีย”


เอ้า ไอ้นี่ กวนส้นผิดที่ผิดเวลามาก


“เออ ก็เรื่องเขานั่นแหละ แต่เฮียเสือกบ้างได้ไหมล่ะ”


“แหม ละก็ว่าแต่น้อง”


“ตอบมาสักทีได้มะ”


มันเว้นจังหวะสูดเส้นหมี่เหลืองเข้าไปในปากก่อนจะเริ่มเล่า


มันกินไปพูดไปอีกแล้วครับ นิสัยเสียจริงๆ เป็นลูกเป็นหลานพ่อจะฟาดให้ก้นลาย


“ผมว่าเขามีเมียแล้วแน่นอน ฟันธง!”


ผมขมวดคิ้ว สวยขนาดนั้นดูมีโหงวเฮ้งมีเมียจริงเหรอวะ


“แต่เฮียว่าเขาสวยมากเลยนะ เหมือนพวกเกย์เลย ผู้หญิงจะเอาเขาเหรอวะ”


“เฮ้อ เฮียผมแก่เกินไปแล้วจริงๆ”


มันพูดไปพลางส่ายหน้าสมเพชผมไปพลาง


รำคาญลูกตาสุดๆ ไปเลยครับ อะไหนๆ ก็รำคาญแล้วโบกหัวมันไปสักทีให้พองาม


“โอ๊ยเฮีย แล้วผมพูดอะไรผิดล่ะ เขารวยจะตายชัก คนสมัยนี้แค่มีเงินล่อก็กรูกันเข้าไปตอมเหมือนแมงวันตอมขี้แล้ว”


อะ ที่มันพูดก็มีเหตุผล


“แต่คนที่ใช้เงินซื้อมามันก็ไม่ใช่ความรักรึเปล่า เมียแบบนั้นมันดีจริงๆ เหรอวะ”


เด็กหนุ่มตรงหน้าคีบหมูชิ้นสุดท้ายเข้าปากแล้วมองผมด้วยสีหน้าเห็นอกเห็นใจ


เดี๋ยวนะ ทำไมรู้สึกเหมือนเคยเห็นเหตุการณ์นี้มาเมื่อไม่นานนี้เลยล่ะ


“ไม่เกี่ยวหรอก ขนาดเมียเฮียใช้ความรักซื้อมายังไม่ดีเลย”


พอพูดจบมันก็ใส่เกียร์หมาวิ่งหนีออกไปนอกร้านจนผมคว้ากระทะมาฟาดไม่ทัน ทำได้เพียงแค่ปาตะเกียบตามหลังไปด้วยความหงุดหงิดเท่านั้น


แต่ยังครับ ความผีบ้าผีบอของวันนี้มันยังไม่จบ


ผมพยายามวิ่งไล่เก็บตะเกียบคู่เก่าที่กลิ้งดุ๊กๆ ไปตามพื้นร้านจนไปชนเข้ากับรองเท้าหนังมันปลาบคู่หนึ่งที่แค่ดูห่างๆ ก็รู้แล้วว่าแพง


สถานการณ์เหมือนในหนังฆาตกรรมที่ตัวเอกจะต้องทำอะไรสักอย่างอยู่แล้วมีฆาตกรเดินเข้ามาหยุดตรงหน้า กล้องจะต้องแพลนตั้งแต่เท้าขึ้นไปจรดหัวฆาตกรแล้วก็ต่อด้วยซาวด์เอฟเฟ็คระทึกขวัญ


นั่นน่ะชีวิตเฮียเลย


“สวัสดีครับนายหัว แหม เจอกันบ๊อยบ่อยเนอะ”


ไอ้โก้ มึงกลับมาก๊อน





***********************************************************
 :z2: :z2: :z2: :z2: :z2:








หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 4 ว่าด้วยเรื่องแฟน [7/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 07-11-2017 20:52:15
 :laugh:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 4 ว่าด้วยเรื่องแฟน [7/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-11-2017 21:17:48
มาอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 4 ว่าด้วยเรื่องแฟน [7/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 08-11-2017 16:06:48
 :L2:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 4 ว่าด้วยเรื่องแฟน [7/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Choompoo reangkarn ที่ 08-11-2017 20:29:34
ปกติภาพนายหัวในนิยายจะหล่อโหด
เรืองนี้แหวกแนวมาสวยสายรุกเชียว
ดีค่ะสวยแบบแมนๆ เนื้อเรื่องสนุกมาก
รอติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 4 ว่าด้วยเรื่องแฟน [7/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 08-11-2017 21:25:38
พี่อิ๊ว รู้สึกจะขี้หลงขี้ลืมอ่ะ
หรือจริง ๆ ไม่ใช่นายหัวจำพี่อิ๊วไม่ได้
แต่เป็นพี่อิ๊วเองหรือเปล่า ที่ลืมหลาย ๆ เรื่อง ของนายหัวไป
รอตอนต่อไปค่า ขอบคุณคนเขียนนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 4 ว่าด้วยเรื่องแฟน [7/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 08-11-2017 23:17:22
เมื่อไรเค้าจะได้คุยกันแบบจริงๆจังๆซักที
เฮียอิ๊วนี่ก็ตลกอยู่นั่น
นี่สงสัยเรื่องโพสิชั่นจริงๆนะเนี่ย ทำได้แค่รออ่านต่อ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 5 ว่าด้วยเรื่องสเป็คฯ [9/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 09-11-2017 17:14:34
บทที่ 5 ว่าด้วยเรื่องสเป็คกับความเป็นจริง






“สวัสดีครับนายหัว แหม เจอกันบ๊อยบ่อยเนอะ”


คำถามของผมเหมือนลมที่พัดผ่านเข้ารูหูซ้ายทะลุหูขวา คนถูกถามไม่มีท่าทีว่าได้ยินหรือสนใจจะตอบคำถามผมเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าสวยหวานย้ายไปทางขวาทีซ้ายทีเหมือนกำลังสำรวจร้าน


เออดี มองไปเยอะๆ จะได้รู้ว่าเฮียจนจริงไม่อิงนิยาย


ผมแอบสังเกตอีกคนแล้วมองตาม


ตอนแรกเขามองตรงเข้าไปกลางร้านซึ่งแน่นอนว่าจะพบกับลูกจ้างชาวต่างชาติสองคนของผมที่กำลังถูพื้นอยู่


ไม่ใช่สิ   


ผมตั้งสติแล้วเริ่มสังเกตลักษณะร้านของตัวเองอีกครั้ง ถ้ามองจากมุมนี้จะเห็นพัดลมเพดานเก่าๆ ตั้งแต่สมัยคุณปู่ยังมีชีวิตอยู่กำลังหมุนเอื่อยๆ อยู่ด้านบน ริมผนังสองข้างมีโต๊ะพลาสติกสีแดงสดใสรับเทศกาลคริสมาสต์ที่จะมาถึงในอีกสิบเดือนข้างหน้า


อะ ไม่เกี่ยว พูดไปให้ดูมีอะไรเฉยๆ


เอาเป็นว่าริมผนังมีโต๊ะขนาดสี่คนนั่งอยู่ข้างละสามโต๊ะพร้อมด้วยเก้าอี้พลาสติกเกรดพรีเมี่ยมที่ซื้อมาตอนเขาเอามาแบกะดินขายที่ตลาดนัดเมื่อเดือนก่อน ตรงกลางเป็นทางเดินกว้างๆ เอาไว้ให้ในร้านดูโปร่งตามหลักสถาปัตยกรรมสมัยใหม่


ก็เป็นการพูดไปให้ดูมีอะไรอีกเหมือนเดิม ถูกผิดช่างมัน


พื้นร้านในตอนนี้ค่อนข้างเละเทะเพราะรอยเท้าของผู้คนมากมายที่เข้ามากินข้าวกันเมื่อเที่ยงเต็มพื้นไปหมดจนลูกน้องชาวต่างชาติทั้งสองคนของผมต้องช่วยกันเช็ดอย่างขะมักเขม้น


แล้วจู่ๆ ทั้งสองคนก็หยุดกลางคันแล้วก้มหน้าลงมามองผมที่นั่งยองๆ อยู่ที่ปลายเท้าของนายหัว โดยมีบีหนึ่งเป็นคนเริ่มขึ้นประโยคแรกขึ้นมาก่อน


“เฮียะ หลังจะนี้ ให้โผะทำอะไรอีกไหมครับ วานี้มีงานวัด พวกโผะขอเลิกก่อได้ไหมครับ”


ผมๆ ไม่ใช่โผะ


ยังไม่ทันที่ผมจะตอบ บีสองก็พลันถามตามมาติดๆ


“นะครับเฮียะ ขอพวกโผะไปเดินเล่นนะครับ”


เฮียลูกเฮีย เฮียะนั่นมันตัวไหร่นิ


“เฮียะ...”


“จะทำอะไรก็ไปทำเถ๊อะ รีบๆ ทำงานให้เสร็จละกัน”


เด็กหนุ่มสองคนร้อง ‘เย้’ ออกมาแทบจะพร้อมกันก่อนจะยอมก้มหน้าก้มตาเช็ดพื้นต่อด้วยความขยันขันแข็งโดยไม่มีใครคิดจะถามขึ้นมาว่า ‘เฮียไปนั่งทำอะไรตรงนั้น’ หรือแม้กระทั่งจะถามไอ้นายหัวนี่ว่า ‘รับอะไรดีครับ’ มันก็ไม่ทำ


ตัดเงินเดือนสักทีดีไหม


“แล้วลงไปนั่งทำอะไรตรงเท้าผมไม่ทราบ”


เนื้อเสียงใส่กิ๊งที่พยายามดัดให้ดูดูเคร่งขรึมเย็นชาทำให้ผมอดเบ้ปากใส่ไม่ได้


เบ้ปากใส่แบบแอบๆ ครับ ก้มหน้าลงไปเบ้ปากพอให้ชีวิตสบายใจ เฮียไม่สู้คน ไม่สู้ใครทั้งนั้น


“อ๋อ ลงมาหาเก็บตะเกียบน่ะครับ”


ถ้าตาไม่บอดก็น่าจะเห็นโนะ


ผมหยิบตะเกียบทั้งสองอันไว้ในมือแล้วค่อยๆ พยุงตัวเองให้ยืนขึ้นเต็มความสูงเพราะรำคาญกับท่าทีอวดเบ่งของอีกคนเต็มทน


ความจริงแล้วผมกับไอ้นายหัวน้องกาจเนี่ยสูงแทบจะเท่ากันเลย ห่างกันสักเซนสองเซนเห็นจะได้ แถมกล้ามเนื้อผมก็มีเยอะกว่า ดูได้จากแขนก้ามปูที่ยกกระทะผัดผักบุ้งไฟแดงได้อย่างแข็งแรงบวกกับรอยสักรูปยันต์กันภัยตั้งแต่สมัยยังเป็นหนุ่มห้าวนักซิ่งประจำเมืองก็ยิ่งทำให้ผมดูห้าวหาญสมชายชาตรีมากขึ้นไปอีก ไหนจะใบหน้าคมเข้มที่มีหนวดรำไรรับกับผิวสีแทนตามสไตล์หนุ่มใต้นี่อีก


แหม ไม่บอกว่ามีเชื้อจีนไม่รู้เลยนะเนี่ย คมขำกว่าเฮียไม่มีอีกแล้ว


ดูยังไง๊ยังไงผมก็น่าเกรงขามกว่าไอ้หนุ่มนี่เห็นๆ แต่ไม่รู้ทำไม ทุกครั้งที่เจอหน้ากันผมต้องเป็นฝ่ายหงอทุกที


หรือจะติดมาจากการโดนอดีตภรรยาขู่เช้าขู่เย็น...เออ เป็นไปได้


“แล้วนายหัวมาหาผมทำไมเหรอครับ”


“มาทวงคำสั่ง”


รีบ คนรีบ 2017 รีบไปไหน กลัวอสุจิใช้ไม่ได้เรอะ


“แหมนายหัว ตกลงกันเมื่อเช้า ตกเย็นจะหาเมียเลยเหรอ คนนะครับไม่ใช่กระต่าย”


เขายกมือขึ้นกอดอกแล้วส่งแววตาดุดันมาให้


“จะทำไม่ทำ”


เกิดมาสวยเสียของนะเราน่ะ


“ทำครับแต่นายหัวไม่คิดว่ามันเร็วปะ...”


“สี่หมื่น”


“เชิญนั่งเลยครับ บีหนึ่งเอาน้ำให้เพื่อน...”


ผมหันไปสบเข้ากับนัยน์ตาหงุดหงิดของอีกคนแว่บหนึ่ง


“ให้...นายหัวหน่อยเร๊ว”


เกือบแล้ว ไอ้เฮียเกือบได้ลงไปคุยกับรากมะม่วงแล้ว


ผมพ่นลมหายใจโล่งออกออกมาช้าๆ แล้วปาดเหงื่อบนหน้าผากไปหนึ่งที


ตอนลุ้นผมหวยผมยังไม่ตื่นเต้นขนาดนี้เลยสาบานได้


“นายหัวจะกินอะไรรองท้องไหมครับ ผมจะได้ทำให้”


คนถูกถามนิ่งไปครู่ใหญ่ ท่าทางอ้าปากแล้วก็หุบ อ้าปากแล้วก็หุบนั้นโคตรน่าหงุดหงิด แต่ผมก็ไม่ได้คิดจะเร่งรัดอะไร


เร่งรัดไปก็ตายสิ


“เอาผัด....”


“อะไรนะครับ”


เสียงงึมงำในคอที่จับใจความไม่ได้ทำให้ผมต้องถามย้ำ


“เอาผัด....”


พูดเบาขนาดนั้นคือกำลังกระซิบกับอากงผู้ล่วงลับอยู่รึไง ตอนแรกก็ว่าจะไม่อะไร แต่มันก็อดไม่ได้จริงๆ


“นายหัวครับ”


เขาหันมามองผมเร็วเสียจนผมสวยๆ ที่มัดไว้สะบัด


“ถ้านายหัวยังพูดด้วยวอลุ่มนี้ น่ากลัวว่าจากเมนูที่นายหัวอยากได้จะกลายเป็นสุกี้น้ำเอานะครับ”


สิ้นคำพูดของผม ชายคนนั้นก็แสร้งหลบตาไปชมนกชมไม้อย่างไม่เป็นธรรมชาติสุดๆ แล้วพูดเสียงดังขึ้นกว่าเดิม


“เอาผัดซีอิ๊ว”


เอ้อ ก็แค่นั้นล่ะ จะยากอะไรนักหนา กะอีแค่สั่งผัดซีอิ๊ว เฮียซีอิ๊วก็ต้องทำผัดซีอิ๊วอร่อยจะทำให้มันยากทำมะ....


“ไม่ใส่ผัก”


โอ๊ะ


“อะ...อะไรนะครับ”


ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่าที่เห็นพวงแก้มสวยนั้นขึ้นสีเรื่อๆ เขาไม่ได้ตอบคำถามผมกลับแถมยังทำท่าทางหูทวนลมเหมือนตอนแรกที่เข้ามาในร้านไม่มีผิด


ดูๆ ไปก็น่ารักดี รู้สึกเหมือนตัวเองได้กลับไปเห็นน้องกาจในวัยเด็กอีกครั้งยังไงยังงั้น แต่น่าเสียดายที่เจ้าตัวคงจำไม่ได้แล้วว่าเมื่อก่อนเขาเคยน่ารักและเป็นเด็กดีขนาดไหน


จู่ๆ คำพูดเมื่อเช้าของเขาก็ผุดกลับขึ้นมาหัว


“อยากได้ผู้หญิงที่ฉลาด ไม่อ่อนแอ บริหารงานได้ในวันที่ผมไม่อยู่”


พอผมมาคิดดูดีๆ จากนิสัยของเจ้าตัวที่ผมประสบมา ตีลังกามองมาจากดาวอังคารยังรู้เลยว่าเป็นเด็กเอาแต่ใจ ตอนเด็กๆ นี่คงเป็นพวกเดินชนโต๊ะแล้วแม่ตีโต๊ะแน่นอน แล้วไอ้คนแบบนี้เนี่ยนะที่จะเอาผู้หญิงเก่งอยู่ ฝันไปเถ๊อะ ไหนๆ ก็ไหนๆ ผมคงต้องขอพูดเตือนในฐานะผู้ที่มีประสบการณ์เสียหน่อย


“ผมว่านายหัวไม่เหมาะกับผู้หญิงเก่งแนว working woman หรอกครับ”


เขาหันกลับมาสบตาผมด้วยแววตาฉงนใจในทีแรก ก่อนจะเปลี่ยนเป็นแววตาวิบวับเหมือนเด็กที่กำลังตั้งใจฟังคุณครูสอนในห้องเรียน และเพราะท่าทางแบบนั้นแหละที่ทำให้ผมตัดสินใจได้ทันทีว่าผู้หญิงที่เหมาะกับคนแบบเขาควรเป็นแบบไหน


“อย่างนายหัวน่ะเหมาะกับคนที่มีนิสัยเป็นผู้ใหญ่กว่า ใจเย็นแล้วก็มีประสบการณ์ชีวิตเยอะๆ”


สำคัญคือต้องเอาเด็กดื้ออยู่ แต่ไม่พูดครับเดี๋ยวโดนด่า


แต่ที่อะเมซซิ่งยิ่งกว่าการที่เขายอมตั้งใจฟังผมดีๆ คือสีหน้าของเขาในตอนนี้ที่มันน่ามองแปลกๆ ทั้งแววตาระยิบระยับเหมือนคนประทับใจกับอะไรสักอย่าง ทั้งริมฝีปากบางที่เม้มเข้าเม้มออกอย่างคนไม่มั่นใจในตัวเอง ดูๆ แล้วก็เหมือนกับ...


...เหมือนกับเด็กเล็กๆ คนหนึ่ง...


ผมฉีกยิ้มกว้างพร้อมกับฟันธงในใจได้เลยว่าภารกิจนี้กำลังจะสำเร็จแน่นอน


“ผมพอจะรู้แล้วครับว่าจะหาภรรยาให้นายหัวได้จากที่ไหน”


นัยน์ตาเขาพราวระยับมากขึ้นกว่าเก่าจนผมกู่ร้องในใจว่า ‘หมดหนี้แล้วโว้ย’


“ไม่ทราบว่าสนใจครูในโรงเรียนสักคนไหมครับ ผมมีเพื่อนเป็นครูอนุบาลหลายคนนะ”


พอผมพูดจบแทนที่ใบหน้านั้นจะเปี่ยมไปด้วยความเห็นด้วยและยินดีกลับกลายเป็นหงิกงออย่างเก่า เผลอๆ อาจจะมากกว่าเก่าด้วยซ้ำ


“เลิกพูดไร้สาระแล้วไปทำอาหารได้แล้ว”


เอ้า เฮียทำไรผิดนิ เมื่อแรกเดี๋ยว(เมื่อกี้)ยังดีๆ อยู่เลย เฮียทำอะไรผิด เฮียไม่เข้าใจ


“อีกอย่าง ผมไม่ชอบครู ไม่ชอบเด็ก ไม่ชอบคนเด็กกว่า มันน่ารำคาญ”


โอ๊ย เอาใจยากจริงโว้ย





***********************************************************************
 :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:

หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 5 ว่าด้วยเรื่องสเป็คกับความเป็นจริง [9/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 09-11-2017 18:29:13
เดี๋ยวนะอาเฮียซีอิ๊ว คุณสมบัติที่เฮียว่านี่มันตรงกับตัวเฮียชัด ๆ เลยไม่ใช่เหรอ
แถมดูท่าคุณน้องนายหัวกาจเขาจะชอบเฮียมากกว่าผู้หญิงที่เฮียเสนอไปนะ
ถ้าเฮียรู้ตัวช้า ใช้เวลานาน ระวังต้องใช้หนี้หัวโตนะเออ
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 5 ว่าด้วยเรื่องสเป็คกับความเป็นจริง [9/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-11-2017 18:57:11
 :laugh:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 5 ว่าด้วยเรื่องสเป็คกับความเป็นจริง [9/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 09-11-2017 19:01:28
เราว่านายหัวอยากกินเฮียแล้วค่ะ
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 5 ว่าด้วยเรื่องสเป็คกับความเป็นจริง [9/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 09-11-2017 19:11:18
 :laugh: สเปคชักจะยังไงๆ แล้วซิ
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 5 ว่าด้วยเรื่องสเป็คกับความเป็นจริง [9/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 09-11-2017 19:20:47
สเปคเยอะจัง  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 5 ว่าด้วยเรื่องสเป็คกับความเป็นจริง [9/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 09-11-2017 21:37:43
นายหัวชอบกินผัดซีอิ๊ว นายหัวไม่ชอบเด็กแสดงว่าไม่ได้อยากมีลูก นายหัวไม่ชอบคนเด็กกว่า
พี่อิ๊วยังว่า นายหัวเหมาะกับคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่า ใจเย็น ประสบการณ์ชีวิตเยอะ
สรุป สเป็คนายหัว ก็พี่ซีอิ๊วชัด ๆ ไงพี่ ไปแนะนำคุณครูให้ เดี๋ยวก็โดนเพิ่มดอกเบี้ยหรอก 555
แต่อย่างว่า จะโทษพี่อิ๊วก็ไม่ได้ ใครจะไปคิดล่ะเนอะ นายหัวนั่นแหละ ชอบก็บอกชอบสิจ้ะ
มาทำเป็นอ้างเรื่องหนี้มาหาพี่เขาเช้าเย็นเชียว ซื่อ ๆ อย่างพี่อิ๊วจะรู้เมื่อไหร่เนอะ
รอตอนต่อไปค่า ขอบคุณคนเขียนนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 5 ว่าด้วยเรื่องสเป็คกับความเป็นจริง [9/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 09-11-2017 23:11:53
 :z1:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 5 ว่าด้วยเรื่องสเป็คกับความเป็นจริง [9/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 09-11-2017 23:46:42
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 5 ว่าด้วยเรื่องสเป็คกับความเป็นจริง [9/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 10-11-2017 01:07:39
อ้าว เฮียอิ๊วมาทวงตำแหน่งพระเอกแล้วอะ นายหัวคงตกเป็นเมียไปตามระเบียบ   :laugh:

นี่ชักจะยังไงกับนายหัว ตอนแรกเหมือนไม่ชอบเฮียอิ๊ว ตอนนี้เหมือนอยากเคลมเฮีย

สเป็กนายหัวนี่มันเฮียอิ๊วชัดๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 5 ว่าด้วยเรื่องสเป็คกับความเป็นจริง [9/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 10-11-2017 12:33:02
สนุกๆๆๆๆๆ พี่อิ๊วควรเป็นเมียที่นายหัวตามหา  :laugh:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 5 ว่าด้วยเรื่องสเป็คกับความเป็นจริง [9/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: powvera ที่ 10-11-2017 12:55:03
นายหัวกาจก็บอกเป็ยนัยๆแล้วนะว่าอยาก "กินผัดซีอิ๋ว"

อะคึ  อะคึ   :really2:    :really2:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || 11.11 [ตอนพิเศษวันคนโสด] [11/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 11-11-2017 10:21:37
11.11 [ตอนพิเศษวันคนโสด]








วันที่ 11 เดือน 11 ว่ากันว่าเป็นวันของคนโสดสนิทศิษย์ส่ายหน้า เหงาหงอยโดดเดี่ยวชนิดที่ว่าไม่ว่าจะมองไปส่วนไหนของบรรทัดเขียนวันที่ก็ล้วนเป็นเลข 1 ไปซะหมด ตามหลักแล้วพ่อหม้ายหน้าหล่อ แต่พ่อเสียแล้วอย่างผมก็ควรจะได้นอนอยู่บ้านดูละครหลังข่าวจิบน้ำเต้าหู้แบบคนรวยๆ ไปตามประสา


ใช่ มันควรจะเป็นอย่างนั้น และผมคิดไว้ว่าจะทำอะไรบ้างในวันนั้นตั้งแต่วันที่เซ็นต์ใบหย่าด้วย


คือตามหลักทฤษฎีแล้วคนโสดก็ควรจะทำอะไรแบบนั้นไง


คือตามหลักทฤษฎีแล้วคำว่าพ่อหม้าย หมายถึง เฮียเคยมีเมียแต่ตอนนี้เฮียไม่มีแล้ว และเฮียต้องโสดไง แต่สถานการณ์กลับกลายเป็นว่าตอนนี้เฮียไม่มีเมีย แต่เฮียดันไม่โสดไง


อะ งง งงล่ะสิ จ้างให้ก็ไม่บอกหรอกนะ


“เฮีย พึมพำอะไรอยู่คนเดียว เป็นบ้าเหรอ”


น้ำเสียงงัวเงียของคนที่นอนอยู่ข้างๆ ทำให้ผมต้องเลิกคุยกับเพื่อนในจินตนาการแล้วหันไปมอง


แสงแดดอุ่นๆ ที่ลอดผ่านผ้าม่านสีขาวสะอาดตาเข้ามาในห้องกระทบเข้ากับปลายเตียงของ ‘พวกเรา’


ย้ำว่า ‘พวกเรา’ ณ จุดๆ นี้ขอบอกว่าเฮียอิ๊วหน้าตาดีและอวดแฟนหนักมากจริงๆ นะบอกเลย


ร่างเพรียวที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อแกร่งขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะวาดแขนมาแปะลงตรงเอวผมแล้วดึงให้ผมกลับไปอยู่ในอ้อมแขนเขาเหมือนเดิม


อันที่จริงไอ้ท่านอนแบบนี้มันก็โรแมนติกอยู่หรอก ถ้าไม่ติดที่ว่าร่างของพวกเรา ย้ำว่าพวกเรา ทั้งคู่ เปลือยเปล่า เปลือยแบบสวัสดีชุดวันเกิด แล้วเป็นผู้ชายทั้งคู่ไง อาการเคารพธงชาติยามเช้าก็เป็นเรื่องปกติกันอยู่แล้ว แล้วนี่ก็เพิ่งตื่นทั้งคู่ ตื่นทั้งคู่ แล้วมาดึงเข้าไปกอดแบบนี้...


มันก็ทิ่มสิครับ


โอ้โห เขินมาก เขินจริงๆ เฮียรับไม่ได้ ขอข้ามหัวข้อนี้ไปแบบไม่ขอพูดถึงอีกเลย


ผมแสร้งหัวเราะกลบเกลื่อนอาการคุยกับเพื่อนในจินตนาการเมื่อครู่


 “พึมพำอะไร หูแว่วเถอะ”


ผมได้ยินเสียงเขาหัวเราะตอบกลับเบาๆ


“เฮียคนขี้ฮก (ขี้โกหก)


“ลามปามๆ”


ไม่ว่าเปล่า ผมยังพลิกตัวกลับไปบีบจมูกโด่งๆ ที่น่าหมั่นไส้นั่นด้วย แต่แทนที่เขาจะโกรธเหมือนเมื่อก่อน ริมฝีปากบางกลับฉีกยิ้มกว้างให้ผมเสียจนตาปิด


“ลามปามแค่กับเฮียคนเดียวแหละ”


เขาพลิกตัวขึ้นคร่อมผมแล้วโน้มใบหน้าลงมาป้อนจูบให้


เริ่มแรกจูบของพวกเรานั้นหวานหอมเหมือนน้ำผลไม้ชื่นใจ แต่ไปๆ มาๆ มือซุกซนของอีกฝ่ายที่ลูบไล้ไปทั่วตัวก็ทำให้จูบของเราร้อนแรงขึ้นและดุดันขึ้นตามลำดับ


เขารุกไล่ ผมก็ไม่คิดจะยอมแพ้


ปลายลิ้นของเราสอดประสานกันไปมาครั้งแล้วครั้งเล่า จูบของเขาบางครั้งก็เหมือนน้ำผลไม้ บางคราวก็เหมือนแอลกอฮอล์ชั้นดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่มือของเขาซนสุดๆ แบบนี้...


“อะไรกันเฮีย ลูบนิดเดียว มีอารมณ์อีกแล้วเหรอ”


ผมรู้สึกว่าลมหายใจของผมหนักขึ้นเล็กน้อย


“ใครมีอารมณ์ ไม่มี๊”


เขาหัวเราะคิกคักแล้วเริ่มซุกหน้าลงไซร้ที่ต้นคอของผมจนเผลอหลุดเสียงครางแผ่วๆ ออกไป


“ไหนบอกว่าไม่มีอารมณ์”


“ไม่มี๊ คิดไปเองเปล่า หูแว่วแล้วนะเรานะ”


คราวนี้เขาหัวเราะร่วนแล้วเลื่อนหน้ามาให้ปลายจมูกของพวกเราแตะกัน เขานิ่งค้างอยู่อย่างนั้น ปล่อยให้พวกเราสบตากันนิ่งๆ ท่ามกลางความเงียบที่โอบล้อมรอบตัว


“รักเฮียนะ รักมาตลอดเลย”


คำรักจากอีกฝ่ายที่หนึ่งชาติจะได้ยินสักครั้งทำเอาผมหน้าเห่อร้อนจนทำตัวไม่ถูก แต่ผมก็ไม่ได้เด๋อพอที่จะไม่รู้ว่าควรหรือไม่ควรทำอะไร เมื่อคนที่เรารักบอกรัก เราก็ควรที่จะตอบรับความรู้สึกนั้นด้วยความจริงใจ


“อืม”


“แค่เนี่ยะ?”


เอ้า นี่จริงใจสุดของเฮียแล้วนะ ไม่พอเหรอ


“อ่าฮะ”


เขาส่ายหัวไปมาแล้วถอนหายใจ


“เฮียแม่งน่าเบื่อ”


กูทำอะไรผิดอี๊ก


“น่ารำคาญ หัวช้า แก่”


นั่นดูมันครับดูมัน ก่อนคบกันปากร้ายยังไง หลังคบกันก็ปากหมาอย่างนั้น ไอ้ว่าอย่างอื่นนี่ไม่โกรธเลย แต่คำว่าแก่นี่เฮียยอมไม่ได้จริงๆ


“เหรอครับนายหัว”


“เฮีย!”


หลังจากตกลงคบกันอีกคนก็ไม่ปลื้มให้ผมเรียกเขาว่านายหัว พูดทีไรมีงอนมีโกรธทุกที แต่ตอนนี้ผมต้องงัดเอามาใช้บ้าง


ผมควรจะโดนง้อบ้างสิ นี่อะไร มีแต่ผมอะที่คอยตามง้อมัน


โกรธครับ คราวนี้โกรธจริงๆ แล้ว


ผมเลือกที่จะไม่ใส่ใจอีกคนแล้วลุกขึ้นจากเตียงเดินหนีเข้าไปในห้องน้ำ


แต่ไม่ปิดประตูนะ เดี๋ยวมันตามเข้ามาง้อไม่ได้


“เฮียอ่า”


เสียงอ้อนๆ ที่แว่วมาแต่ไกลๆ ทำให้ผมอมยิ้มแต่ก็ต้องฮึบไว้ ไม่ได้ๆ เดี๋ยวไอ้เด็กเวรนี่มันจะได้ใจ


เรียวแขนเพรียวแต่แข็งแรงของอีกฝ่ายรวบเอวผมจากด้านหลังแล้วดึงเข้าไปในอ้อมกอด คางสวยวางเกยลงบนไหล่ผมไม่เบานัก


“โกรธเหรอ”


เราต้องไม่พูด จะได้รู้ว่างอนมากๆ


“เฮียอ่า ดีกันนะ จะไม่บอกว่าแก่แล้วน้า”


แหม อยากจะแหมให้ถึงกาแล็กซีแมกเจลแลนใหญ่ ปากหมาอย่างมึงอะ อีก 2 วันก็หลุดพูดออกมาอยู่ดี


“นะเฮียน้า”


ไม่หือไม่อืออะไรทั้งนั้นเพราะงอนมากๆ


“ถ้าเฮียยอมดีกับผมเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะยอมกินผักในผัดซีอิ๊วดีไหม”


ขอเสนอน่าสนใจ แต่คิดว่าเฮียอิ๊วจะยอมแพ้กับอะไรเด็กๆ แบบนี้เหรอ ฝันไปเถอะ


“งั้นเอาเป็นผมจะยอมกินผักในผัดซีอิ๊วกับซื้อนารูโตะครบชุดให้ดีไหม”


“เอาภาคลูกด้วยนะ”


“ครับผม”


พอผมยอมเอ่ยปากพูดอีกคนก็ขานรับอารมณ์เสียงใสพร้อมกับก้มลงมาขโมยหอมแก้มผมไปหนึ่งฟอดใหญ่ๆ


มือเร็ว มือปลาหมึก ปากปลาหมึกที่แท้จริง


“เฮีย”


น้ำเสียงหวานๆ ของอีกคนทำให้ผมต้องหันคอไปมองตามเสียงเรียก ผมเห็นเขาปรือตาเล็กน้อยพร้อมกับยิ้มกรุ้มกริ่มแปลกๆ


เดี๋ยว ไอ้หน้านี่น่ะไม่เท่าไหร่ แต่ที่ทิ่มขาอยู่นี่มันออกจะ...


“เช้าแล้ว มาออกกำลังกายกันดีกว่าเนอะ”


“เดี๋ยวไอ้หนู”


ผมผลักหัวของอีกคนที่ทำท่าจะเข้ามาไซร้คอผมให้ได้ออกไป


“เมื่อคืนก็ฟ้าเหลืองแล้วเถอะ”


“น้องกาจแข็งแรง น้องกาจต่อได้”


ไม่ว่าเปล่า ยังเริ่มไซร้คอผมอย่างจริงจัง ไอ้มือที่ค่อยๆ เลื้อยมาที่หน้าอกนี่อีก


เฮ้ย ใจเย๊น


“แต่เฮียไม่แข็งแรงงะ อ๊ะ ตรงนั้นยะ อย่าทำ”


เฮียว่า เฮียไม่มีดวงด้านการห้ามปรามคนจริงๆ นะ




******************************************************
เอาตอนพิเศษมาฝากกันพอกรุบกริบเพราะคนเขียนไม่อยากทำงานทำการเลยหนีมาแต่งนิยาย ตึงโป๊ะ
:hao7: :hao7: :hao7:




หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || 11.11 [ตอนพิเศษวันคนโสด] [11/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 11-11-2017 10:43:20
ว่าล่ะชัดเจนเลยที่นี้ พอเฮียหย่า นายหัวเลยโผล่ ชัดเจ๊นชัดเจนว่าผัดซีอิ๊วโดนกินแน่นอน  :katai2-1:
หลงรักความน่ารักแสนซื่อของเฮียแล้วค่ะ  :mew1:
 :3123:  :pig4:  :3123:

ปล.คุณMarymoหนีมาแต่งนิยาย แต่เรามาส่องๆ อ่านนิยายจบตอนบ่ายก็หนีเที่ยว 5555
แหมสิ้นปีโบนัสคงเยอะน่าดู ขยันกันจริงๆ  :katai3:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || 11.11 [ตอนพิเศษวันคนโสด] [11/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 11-11-2017 12:03:54
กรี๊ดดดดดดดด...กินผัดซีอิ๊ววววว :m25: :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || 11.11 [ตอนพิเศษวันคนโสด] [11/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 11-11-2017 12:40:51
ว่าแล้ว ๆ ๆ 555   :m3:
ดีใจด้วยนายหัว ได้กินผัดซีอิ๊วทุกวันเลยสิ แหม >////<
ถึงรักพี่อิ๊วแค่ไหน ก็ยังปากร้ายเหมือนเดิมนะ
คำว่าแก่นี่มันร้ายแรงมากนะนายหัว บอกเลย ฮาาา
พี่อิ๊วน่ารักมาก จะงอนก็ยังแกล้งอ่อยให้ที่รักตามง้อได้สะดวก ๆ
แล้วก็ต้องถูกกินไปตามระเบียบไง ตอนพิเศษสวีทหวานเชียว
ตอนปรกติ พี่อิ๊วยังตามอารมณ์ขึ้นลงนายหัวไม่ถูกอยู่เลย 555
รอตอนต่อไปจ้า ขอบคุณคนเขียนนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || 11.11 [ตอนพิเศษวันคนโสด] [11/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 11-11-2017 13:00:04
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || 11.11 [ตอนพิเศษวันคนโสด] [11/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 11-11-2017 13:12:27
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || 11.11 [ตอนพิเศษวันคนโสด] [11/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-11-2017 13:24:06
มาถูกทางแล้วใช่ไหมเฮีย
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || 11.11 [ตอนพิเศษวันคนโสด] [11/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Bronc ที่ 11-11-2017 13:41:53
เฮียมีเมียแบ้วไม่เก่ง มีสามีเถอะน่าจะเก่งกว่า
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || 11.11 [ตอนพิเศษวันคนโสด] [11/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 11-11-2017 16:04:19
เฮียจะเปนเคะหรอเนี่ย!!
ผิดคาดมากมายยยยยย >\\\\<
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || 11.11 [ตอนพิเศษวันคนโสด] [11/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 11-11-2017 20:52:38
เห็นอนาคตเฮียซีอิ๊วราง ๆ
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || 11.11 [ตอนพิเศษวันคนโสด] [11/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 11-11-2017 22:40:13
อ้ายยย ชอบบบ มาต่อเร็วๆเถอะ พลีสส
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || 11.11 [ตอนพิเศษวันคนโสด] [11/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 12-11-2017 19:45:37
ขอแปะเพื่อดันกระทูก่อนค่ะเดี๋ยวมาอ่าน
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 6 ความจริงมักทำให้เราตกใจเสมอ [13/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 13-11-2017 16:57:28
บทที่ 6 ความจริงมักทำให้เราตกใจเสมอ






“ใจคอนายหัวไม่คิดจะพูดอะไรกับผมหน่อยเหรอครับ”


ถึงจะถามออกไปแบบนั้น แต่สิ่งทีได้กลับมาก็มีเพียงแววตาตำหนิจากอีกฝ่ายก่อนจะก้มลงไปกินอาหารเหมือนเดิม


ใจร้าย!


ผมเนี่ยก็เป็นคนดีแค่ไหน คิดดูว่าหลังจากโดนไล่ไปทำอาหารจนได้ผัดซีอิ๊วรสเด็ดไม่ใส่ผักด้วยคำพูดแบบมะนาวไม่มีน้ำ ผมก็ยังอุตส่าห์วิ่งกุลีกุจอถือจานผัดซีอิ๊วหอมฉุยไปวางให้อีกคนถึงที่ ไอ้คนรับมั๊นก็ไม่มีท่าทีจะขอบอกขอบใจผมสักคำ หนำซ้ำมือสองข้างหยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วเริ่มกินอย่างคล่องแคล่วโดยไม่พูดไม่จา ปล่อยให้ผมยืนบิดตัวไปมาอยู่นานสองนานจนได้ยินเสียงตะโกนบอกลาจากบีหนึ่งบีสองที่หน้าร้าน


“เฮียะ พวกโผะไปก่อนนะ”


“เออ ดูแลตัวเองด้วย”


จำได้ว่าบอกพวกมันไปแค่นั้น แล้วก็กลับมาโฟกัสกับการยืนบิดตัวไปมาเพราะไม่รู้ว่าจะเอาตัวเองไปวางไว้ตรงไหนของร้านดี จนกระทั่งอีกคนเอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงดุๆ


“จะยืนบิดอีกนานไหม รำคาญ”


ดูปากมันเซ่ ถ้าสักวันโดนยิงตาย ผมจะไม่คิดเลยว่าเป็นเพราะเรื่องธุรกิจ ปากมึงเลย ปากมึงล้วนๆ


“ก็นายหัวไม่เชิญผมนั่ง ผมเลยไม่รู้ว่าจะนั่งด้วยได้ไหม”


ผมได้ยินเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่


หนักใจอะไรเหรอ ให้เฮียช่วยตัดปอดทิ้งให้เอาไหม


“จะนั่งก็นั่ง ถ้าไม่อยากนั่งก็ตามใจ”


อะ ถ้าตามใจงั้นกูลา


“จะไปไหน”


น้ำเสียงฉงนใจที่ร้องทักขึ้นทำให้ผมงงจนต้องหันไปตอบ


“ก็...ไปนั่งดูละครหลังข่าวไงครับ”


สิ้นคำตอบผมก็ได้ยินเสียงถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่ ถอนหายใจเหมือนบ้านติดหนี้แบงก์แล้วพรุ่งนี้จะโดนยึดอย่างงั้นล่ะพ่อคุณเอ๊ย


“มานั่งนี่ ผมจะปรึกษาเรื่องที่เราตกลงกัน”


เอ้า แล้วก็ไม่พูด ปากน่ะมีไว้ทำไมฮะ แต่ก็ไม่ได้บ่นออกไปครับ เป็นคนนินทาในใจเก่งเฉยๆ


ผมพาตัวเองไปนั่งตรงข้ามกับเขาแล้วรอแล้วรอเล่าให้เขาพูดอะไรสักอย่างออกมา แต่รอจนเพลงเริ่มละครจบก็แล้ว พระเอกนางเอกวิ่งหนีจากผู้ร้ายก็แล้ว จนตอนนี้พระเอกกำลังจะบอกรักนางเอกแล้ว เขาก็ยังไม่พูดอะไรออกมาสักคำจนเกิดเป็นประโยคเมื่อตอนต้นขึ้น


ไหนๆ ก็ไหนๆ ละ ถามซ้ำอีกทีละกัน


“นายหัวไม่คิดจะพูดอะไรกับผมหน่อยเหรอครับ”


แต่คราวนี้แทนที่จะได้สายตาตำหนิจากอีกฝ่าย กลับได้เป็นน้ำเสียงดุๆ กลับมาแทน


“แม่ไม่เคยบอกรึไงว่าอย่าพูดไปกินข้าวไป มันเสียมารยาท”


โอ๊ะ เด็กดี มีมารยาท ต่างกับไอ้โก้ลิบลับ รายนั้นน่ะ....เดี๋ยวสิ นี่เฮียโดนด่าใช่มะ


ไอ้เด็กเวร


“บอกครับ แต่พอดีน้องที่สนิทเขาชอบกินไปพูดไปจนติดนิสัย ผมเลยพลอยชินไปด้วย”


ผมก็ไม่รู้จะไปบ้าจี้ตอบทำไม แต่มีแว่บนึงที่ผมเห็นว่าคิ้วเขาขมวดเข้าหากันก่อนจะเปลี่ยนเป็นใบหน้าสงบนิ่งตามเดิม


คงด่าความมารยาททรามของผมอยู่ในใจแน่ๆ แต่เรื่องนี้โทษผมไม่ได้นะ ต้องโทษไอ้โก้นู่น


“น้องที่สนิทเหรอ”


คำที่ออกมาน่าอะเมซซิ่งกว่าที่ผมคิด ตอนแรกนึกว่าจะด่าความต่ำตมของผมเสียอีก


ไอ้ตอนแรกผมก็ไม่คิดจะตอบหร๊อก แค่รู้จักผมคนเดียวก็นำพาหนี้สี่หมื่นมาให้แล้ว ถ้ารู้จักไอ้โก้ไปด้วย น่ากลัวว่าความซวยจะคูณสอง แต่พอเห็นสายตาคาดคั้นเลยต้องยอมปริปากในที่สุด


“ครับ ชื่อไอ้โก้ เรียนอยู่วิทยาลัยเทคนิค”


เขาพยักหน้าช้าๆ


“ที่เป็นเด็กแว๊นซ์ บ้านอยู่ในซอยหนึ่ง แม่ชื่อน้อย พ่อชื่อมิ่ง แม่เป็นแม่ค้าข้าวแกง พ่อทำงานไปรษณีย์ใช่ไหม”


ผมอ้าปากค้างแล้วได้แต่อุทานคำว่า ‘เชร้ดเข้’ มึงรู้จักมันมากกว่ากูที่เห็นมันมาแต่อ้อนแต่ออกอี๊ก


“นายหัว...รู้จักไอ้โก้ได้ไงครับ”


ลางสังหรณ์บางอย่างมันบอกผมว่าความฉิบหายกำลังจะเกิดขึ้น


อย่าบอกนะว่าเป็นญาติกัน...ไม่มีทาง โหงวเฮ้งสกปรกแบบนั้นไม่มีทางมีญาติเป็นคนรวยแน่นอน


“เป็นลูกพี่ลูกน้องน่ะ”


ไอ้เหี้ย! ช่วยเฮียด้วย 


“พี่น้อยเป็นคุณน้าของผม อาจจะไม่ได้ไปมาหาสู่กันบ่อย แต่ก็นับเป็นญาติที่ดีต่อกันมานาน”


เจ๊น้อยขายหวยปากตลาดด่าคนทีมีซอยแตกคนนั้นน่ะนะ ไม่จริง เฮียรับไม่ได้ เฮียอิ๊วรับไม่ได๊


ถึงยังไงก็ไม่อยากเชื่อเลยขอถามเพื่อความมั่นใจอีกหน่อย


“เจ๊น้อยที่ขายข้าวแกงควบขายหวยที่อยู่ท้ายซอยคนนั้นน่ะเหรอครับ”


“ใช่ ญาติผมเอง”


ไอ้เหี้ย! รับไม่ได้ เฮียรับไม่ได้


ในขณะที่ผมกำลังสติแตกกับความจริงที่เพิ่งรับรู้ เขาก็ยกแก้วน้ำขึ้นดื่มช้าๆ


“แล้วไปทำอีท่าไหนถึงสนิทกับโก้ได้ล่ะ”


โอ้โห หลายท่าเลยครับ ทั้งตบหัว ปากระทะใส่ เอาปังตอขู่ ขนาดท่าแตะตัดขาเฮียยังทำมาแล้วเลย


ผมฉีกยิ้มแห้งให้เขาไปหนึ่งที


“นายหัวอย่ารู้เลยครับ รู้ไปจะอยากยิงผมทิ้งเสียเปล่าๆ”


เขาขมวดคิ้วยุ่ง


“ทำไมล่ะ”


“ก็วีรกรรมที่ผมทำกับมันน่ะเย๊อะ”


“อาทิเช่น?”


“นายหัวอยากรู้จริงๆ เหรอครับ”


“อย่าลีลา”


น้ำเสียงดุๆ พร้อมแววตานิ่งๆ ที่ส่งมาทำให้ผมต้องยอมแพ้อีกครั้ง


“ก็...เห็นมันมาแต่อ้อนแต่ออกน่ะครับ ก็เลยแกล้งเล่นกันประจำ ตบหัวบ้าง เตะบ้าง ตามประสาลูกผู้ชายน่ะครับ”


“การสนิทกันแบบลูกผู้ชายไม่จำเป็นต้องทำร้ายร่างกายกัน รู้ใช่ไหม”


โดนแล้ว เฮียโดนแล้ว


“คุณทำขนาดนั้นกับญาติผมเลยเหรอ”


โอ้โห อย่าใช้คำว่าขนาดนั้น ที่เล่าไปน่ะยังไม่ถึงเศษหนึ่งส่วนล้านเลย


“ก็...นิดๆ หน่อยๆ น่ะครับ”


“แล้วทำไมถึงทำล่ะ”


เฮียเย็นไว้ มีสติไว้ไอ้อิ๊วเอ๊ย


“ก็...เพราะสนิทมั้งครับ”


คราวนี้อีกฝ่ายนิ่งสนิทเสียจนผมใจเสีย นัยน์ตากลมโตสีดำขลับนั้นทำเพียงมองผมนิ่งๆ แล้วหลุบตาลงไปมองแก้วน้ำในมือ


“ถ้าไม่ทำแบบนี้ก็คือไม่สนิทด้วยเหรอ”


ฮะ? อะไรนะ ขอใหม่อีกทีสิ


“อะไรนะ...ครับ”


“ผมไม่ชอบพูดซ้ำ”


เขาว่าพลางควักแบงก์ร้อยมาวางไว้บนโต๊ะแล้วทำท่าจะเดินออกไป


“เดี๋ยวสิครับนายหัว”


เขาหันมาตามคำเรียกแล้วเลิกคิ้วเหมือนจะถามว่ามีอะไร


“แล้ว...ไหนว่ามีอะไรจะพูดกับผมล่ะครับ”


“วันนี้ไม่มีอารมณ์แล้ว”


พอพูดจบเขาก็หันหลังกลับแล้วทำท่าจะเดินออกจากร้านจนผมต้องรีบเรียกดักไว้อีก


เขาหันมามองด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์นัก แต่ก็ยอมจะยืนเงียบๆ เพื่อรอดูว่าผมจะพูดอะไร เพราะแบบนั้นผมเลยได้โอกาสรีบเดินเข้าไปหาแล้วควักแบงก์สีเขียวสามใบยื่นให้


“ตังค์ทอนครับ”


เขาก้มหน้ามองในมือผมก่อนจะเบนกลับมาสบตา


“ไม่เอา”


น้ำเสียงนิ่มๆ พูดขึ้นมาเรียบๆ แล้วเดินออกไปจากร้าน


ในตอนนี้เองที่ผมเพิ่งเห็นว่าด้านนอกร้านมีกลุ่มชายฉกรรจ์สี่ห้าคนยืนจังก้าอยู่ พอคู่สนทนาผมเดินออกไป กลุ่มชายพวกนั้นก็กุลีกุจออัญเชิญอีกคนขึ้นรถแล้วขับหายไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงควันรถขาวที่ลอยปุ๋ยๆ ในอากาศ เฮียอิ๊วที่งงนิดหน่อย แต่ไม่เข้าใจมากๆ และละครหลังข่าวที่ดังแว่วๆ มาไกลๆ





****************************************************************************
ปั่นงานไป ปั่นนิยายไป เพื่อสุขภาพไตที่แข็งแรง อะ ไม่เกี่ยว ตึงโป๊ะ
สุขสันต์วันจันทร์ค่ะ
:katai4: :katai4: :katai4: :katai4:




ปล.คุณ suikajang คะ จริงๆ ปิงปองไม่ใช่คนขยันค่ะ เพราะแบบนั้นเลยต้องมาปั่นงานหัวหมุนตอนใกล้เดดไลน์ แต่ก็ยังมีอารมณ์มานั่งแต่งนิยาย นับเป็นตัวอย่างคนทำงานที่ไม่ดีเลยค่ะ  :hao5: :hao5:





หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 6 ความจริงมักทำให้เราตกใจเสมอ [13/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: fsbeentaken ที่ 13-11-2017 17:29:54
เฮียกาจรุกหนักๆไปเลยค่ะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 6 ความจริงมักทำให้เราตกใจเสมอ [13/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 13-11-2017 17:41:37
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 6 ความจริงมักทำให้เราตกใจเสมอ [13/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-11-2017 17:51:40
เด็กน้อย น้อยใจกลับบ้านแล้ว
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 6 ความจริงมักทำให้เราตกใจเสมอ [13/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 13-11-2017 18:09:03
เปนกำลังใจให้คะ  :L2: 
คนมาเต๊าะก้ามาดโหด อ้อมๆ คนโดนเต๊าะก้านะ เฮ้อ... แล้วจะลงเอยกันท่าไหนนะ
 :L1:  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 6 ความจริงมักทำให้เราตกใจเสมอ [13/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 13-11-2017 18:44:07
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 6 ความจริงมักทำให้เราตกใจเสมอ [13/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 13-11-2017 19:58:15
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 6 ความจริงมักทำให้เราตกใจเสมอ [13/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: zhai ที่ 13-11-2017 20:06:24
อ่านชื่อเรื่อง ตอนแรก งง..งง นะ  มันเกี่ยวกันตรงไหน
เข้ามาอ่าน  โป๊ะเช๊ะเลย  พล็อตเรื่อง แปลก
ไม่ค่อยเจอเรื่องที่นายเอกมีใจก่อน
น่าสนใจมากๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 6 ความจริงมักทำให้เราตกใจเสมอ [13/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 13-11-2017 20:39:07
โก้เป็นญาตินายหัวเหรอเนี่ย ไม่น่าเชื่อ เอ๊ะ หรือจริงๆ เป็นแผนตั้งแต่แรก
ให้โก้มายั่วโมโหพี่อิ๊ว วิ่งไล่กันไป จนไปลงที่รถนายหัวได้พอดิบพอดี น่าคิด ๆ
แหม ตอนนี้มีแอบน้อยใจที่พี่อิ๊วสนิทกับโก้ นายหัวอยากสนิทบ้างเหรอ แบบตบหัวไล่เตะอ่ะนะ 555
มาอุดหนุนผัดซีอิ๊ว ให้พี่อิ๊วได้เห็นหน้าทุกวัน เดี๋ยวก็สนิทกันไปเองนั่นแหละจ้า
อีกคนก็ซึนแสนซึน อีกคนก็ซื่อแสนซื่อ กว่าจะเข้าใจตรงกันเหนื่อยแน่อ่ะ 555
ขอบคุณคนเขียนค่า  :กอด1:

หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 6 ความจริงมักทำให้เราตกใจเสมอ [13/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 14-11-2017 18:08:08
งื้ออออ นายหัว หึงหรือจ๊ะ 555555555
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 6 ความจริงมักทำให้เราตกใจเสมอ [13/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 14-11-2017 23:04:32
เรื่องก่อนหน้าออกแนวภาษาโบราณ มาเรื่องนี้เป็นภาษาใต้เลย แต่เราสบายมากคนใต้เหมือนกับพี่อิ๊ว
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 7 อย่าแจกไลน์ให้คนไม่สนิท [16/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 16-11-2017 16:54:59
บทที่ 7 อย่าแจกไลน์ให้คนไม่สนิท






หลังจากการเผชิญหน้ากับเหตุการณ์งงๆ เมื่อคืน ทันทีที่น้องไก่หลังบ้านของใครสักคนขันออกมาบอกว่าเช้าแล้ว ผมก็รีบตรงดิ่งไปตลาดเพื่อซื้อวัตถุดิบแล้วกลับมาเปิดร้านทำมาหากินตามปกติ


อะไร คาดหวังอะไรจากเฮีย มีเหตุการณ์นั้นแล้วยังไง มีผลกระทบอะไรกับชีวิตเฮียไหม ก็ไม่ไง


“เฮีย ข้าวต้มหมูจานดิ”


เสียงกวนๆ คุ้นหูของคนคุ้นหน้าคุ้นตาทำให้ผมหรี่ตาตัวเองลงอย่างใช้ความคิด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปให้ไก่ตื่น สิ่งที่ผมทำมีเพียงการพยักหน้าเงียบๆ แล้วเริ่มลงมือทำข้าวต้มตามที่เจ้าตัวสั่งเท่านั้น


“เฮีย ไม่สบายปะเนี่ย”


เออ ไม่สบาย เมื่อคืนตกใจจนขวัญหนีไปถึงสแกนดิเนเวียแล้ว


“ไปนั่งที่โต๊ะไป”


ผมไล่มันเรียบๆ ต่างจากทุกวันที่มักจะมาในโทนเสียงตะโกนโหวกเหวกไม่ก็รำคาญ


ไอ้โก้เองก็คงพอจะจับความผิดปกตินี้ได้


“ผมว่าเฮียไม่บายจริงๆ นะ”


ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเป็นการตื่นสติตัวเองว่า ‘อยากรู้อยากเห็นหนอ แต่ต้องเก็บอาการหนอ’


“ไอ้โก้ เลือกนะว่าจะไปนั่งดีๆ หรือไม่ต้องแดก”


“ว้าย เฮียใจร้าย ไปนั่งก็ได้”


ในที่สุดไอ้ตัวกวนก็ยอมเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะประจำด้านในสุดติดกับโทรทัศน์เครื่องเก่าได้สักที


ผมถอนหายใจปลงๆ ให้ความอยากรู้อยากเห็นจนเกินเรื่องของตัวเอง แต่แหม แค่เจ๊น้อยเป็นญาติกับแม่นายหัวกาจว่าพีคแล้ว คนนิสัยสกปรกอย่างไอ้โก้ดันไปเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเขานี่พีคกว่า


ไม่ได้ละ ถ้าไม่ได้ถามต่อเฮียต้องนอนไม่หลับแน่นอน


“เล่ามาให้หมด”


ผมกระแทกชามข้าวต้มลงตรงหน้าของคนที่กำลังจดจ่ออยู่กับละครปลาบู่ทองในโทรทัศน์ก่อนจะพาตัวเองไปนั่งตรงข้ามของอีกฝ่าย


“เฮียอย่าบังดิ!”


“อยากดูละครก็เล่ามา”


ใบหน้าคร้ามแดดของอีกฝ่ายขมวดคิ้วยุก


“เล่าอะไรล่ะเฮีย”


“เอ็งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับนายหัวกาจใช่ไหม”


ผมมั่นใจว่าตัวเองถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่ตื่นตะลึง ตะลึงตึงตึง ตะลึงตึงตึง มากๆ แต่คนถูกถามกลับทำเพียงเลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อยแล้วพยักหน้า


“อ่าฮะ”


เชร้ดเข้ รับไม่ได้ เฮียรับไม่ได้


“แล้วทำไมเอ็งไม่เคยบอกเฮียเลยฮะ!”


“แล้วทำไมต้องบอกละ ผมต้องเดินไปตะโกนไปรึเปล่าว่าเป็นญาติใคร”


อะ ก็ถูกของมัน เพราะแบบนั้นผมเลยยอมสงบลงในที่สุด...ไม่ใช่สิโว้ย!


“แล้วทำไมตอนเฮียถามว่าคิดว่าเขามีเมียแล้วรึยัง เอ็งถึงไม่บอกเฮียฮะ!”


“เอ้า บอกทำไมอะ ก็เฮียไม่ได้ถามอะ”


อะ ก็ถูกของมันอีกนั่นแหละ


ผมกุมขมับแล้วทรุดตัวแนบลงกับโต๊ะ


กูเหนื่อย เฮียเหนื่อยใจกับไอ้เด็กเวรสองคนนี่จริงๆ


“เฮียเป็นไรไหมนิ”


“เป็นคนขายข้าวตามสั่ง”


ผมพ่นลมหายใจออกอย่างหงุดหงิดเมื่อเงยหน้าขึ้นมาแล้วพบว่ามันทำหน้าปวดตับใส่มุกของผม


“สาบานว่านั่นมุก”


“ไม่ใช่มุก นั่นพลอย”


“ลาล่ะครับเฮีย”


“เดี๋ยวๆ ใจเย๊น”


ไอ้ท่าทางลุกหนีจริงจังของมันทำให้ผมต้องรีบร้องปราม


ไอ้โก้หันมามองหน้าผมด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย


“ขอร้องนะเฮีย ผมขอซื้อมุกเฮียแล้วอย่าเอาไปเล่นอีกเลยได้มะ สงสารคนฟัง”


แหม พ่อคนตบมุกเก่ง พ่อคนรับมุกดี


“เออๆ มาๆ นั่งก่อนๆ”


แต่เราจะไม่ด่ามันออกเสียงครับ เดี๋ยวไก่หนีหมด


“แล้วตกลงเอ็งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับนายหัวกาจจริงไหมนิ”


มันพยักหน้า


“จริงแหละ อิ๊หลอกไซ(จะหลอกทำไม)


“แล้วทำไมเอ็งไม่เคยเล่าให้เฮียฟังเลยวะ ทีเรื่องญาติโกโหติกาคนอื่นล่ะเล่าเก่ง”


ไอ้โก้มันเป็นเด็กมีปัญหามาตั้งแต่ไหนแต่ไร ทุกครั้งทุกคราที่มีการนัดรวมญาติ มันก็มักจะโดนด่าโดนว่าว่าไม่เอาไหนบ้างล่ะ โง่บางล่ะ เกเรบ้างล่ะ แต่ผมรู้ว่าจริงๆ แล้วมันไม่ใช่คนแบบนั้นและคอยให้กำลังใจมาตลอด เด็กหนุ่มคนนี้เลยติดผมแจ มีปัญหาอะไรกับที่บ้านก็มักจะเอามาเล่าให้ผมฟังเสมอ


โดยพื้นฐานแล้วไอ้โก้ไม่ใช่คนไม่ดี มันแค่เป็นเด็กหัวช้าและดื้อก็เท่านั้น พอหัวช้าก็เลยเรียนในโรงเรียนสายสามัญได้ลำบาก สุดท้ายก็เลยต้องย้ายมาเรียนปวช. ซึ่งเน้นปฏิบัติมากกว่า แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่ดีเพราะเหมือนเจ้าตัวเองก็จะไปได้สวยกับการเรียนสายนี้ ปัจจุบันก็เห็นรับซ่อมมอเตอร์ไซต์ได้เอง หาเงินได้เอง ดูมีอนาคตมากกว่าตอนเรียนสายสามัญเสียอีก ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าญาติมันจะบ่นอะไรมันนักหนา ทั้งๆ ที่ผมเองกลับเห็นว่ามันก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร


...หรือเพราะว่าครั้งหนึ่งผมเองก็เคยเป็นคนแบบมันล่ะมั้ง เลยเข้าใจมันดีกว่าใคร...


“เฮีย ฟังผมอยู่ไหมนิ”


เสียงร้องทักห้วนๆ นั้นทำให้ผมหลุดจากภวังค์มาตอบคำถามด้วยความสัตย์จริง


“ฮะ? อ๋อ ไม่ได้ฟัง ไหนเล่าใหม่สิ”


ไอ้โก้ทำหน้ารำคาญใส่ผม แต่ก็ยอมเริ่มเล่าใหม่แต่โดยดี


“ก็คือผมน่ะเป็นญาติกับนายหัวกาจจริง แต่ว่าก็เป็นญาติที่แบบไม่ค่อยได้ไปมาหาสู่กันอะ คืองี้ แม่ผมอะ เป็นน้องสาวของแม่นายหัวใช่มะ แต่แม่ผมกับแม่นายหัวอายุห่างกันสิบปีเพราะแม่ผมเป็นลูกหลง แล้วทีนี้นายหัวเขาเกิดตอนแม่ผมเพิ่งแต่งงานกับพ่อใหม่ๆ ก็สักยี่สิบกลางๆ ได้ สักยี่สิบห้าไรเงี้ยะ แต่ผมก็ยังไม่เกิดไงเพราะแม่ผมสุขภาพไม่ดี ท้องแล้วก็แท้งไปหลายคน กว่าจะได้ผมมาก็นู้นเลย ตอนแม่อายุสามสิบแปดเลย ผมกับนายหัวก็เลยไม่ค่อยสนิทกันเพราะอายุห่างกันมาก”


เชร้ดเข้ ซับซ้อน ซับซ้อนมากๆ


“แล้วทีนี้อะ แม่ของนายหัวก็เสียเว้ยเฮีย”


“เฮ้ย เสียแล้วเหรอ”


ไอ้โก้พยักหน้าแรงๆ


“เสียแล้ว เห็นว่าเป็นมะเร็ง เสียไปเมื่อสักสองสามปีก่อนอะ พอหลังจากป้าผมเสีย บ้านผมก็ไม่ได้ไปมาหาสู่กับบ้านนายหัวกาจอีกเลย คือ...แต่ดั่งแต่เดิมอะ เราก็ไม่ได้สนิทอะไรกันอยู่แล้ว ที่ยังไปมาหาสู่กันก็เพราะป้าผมนี่แหละ แล้วตอนนี้ป้าผมก็เสียแล้ว นายหัวเขาก็อยู่กับพ่อ กินมรดกฝั่งพ่อใช่ไหมล่ะ ถ้าพวกผมยังเสนอหน้าไป บางทีเขาอาจจะคิดว่าเราอยากได้สมบัติเขาก็ได้ แม่ผมเลยบอกว่าไม่ไปดีกว่า”


ผมพยักหน้าเข้าใจ ผมเองก็เลือกที่จะไม่ติดต่อกับญาติฝั่งแม่ที่เป็นตระกูลคนจีนร่ำรวยในจังหวัดข้างเคียง แล้วเลือกจะใช้ชีวิตสมถะในจังหวัดนี้ตามลำพังเพราะเหตุผลเดียวกัน


ชีวิตคนเราบางทีมันก็ยุ่งยากจริงๆ


“แล้วตกลงเฮียจะอยากรู้ไปทำไมเนี่ย”


ผมเม้มปากอย่างชั่งใจ


จะบอกหรือไม่บอกมันดีนะ...เอาวะ


“คือเฮียไปติดหนี้นายหัวกาจเข้าอยู่สี่หมื่น”


“เหยด! เฮียไปทำอีท่าไหนนิ”


ผมเกาหัวอย่างไม่รู้จะเริ่มยังไงดี


“ก็เฮียไปทำรถเขาเป็นรอยแล้วก็ไม่มีเงินจ่ายไง”


ไอ้โก้ตบเข่าฉาดใหญ่


“ว่าแล้วทำไมเฮียดูขี้เสือกแปลกๆ ปกติเฮียก็เป็นคนสอดรู้สอดเห็นนะ แต่ไม่เคยเป็นหนักขนาดนี้ เพราะแบบนี้นี่เอง”


เดี๋ยวๆ นี่เฮียมึงนะเฮ้ย พูดจาให้เกียรติเฮียนิดนึง


“แต่ว่าก็ว่าเถอะนะเฮีย ต่อให้ผมเป็นญาติเขา ผมก็ช่วยอะไรเฮียไม่ได้อยู่ดี เพราะเราไม่สนิทกัน”


ผมพยักหน้าเข้าใจ


“เออ ก็ไม่ได้จะขอให้ช่วย เฮียแค่ได้ยินเขาบอกว่าเป็นญาติกับเอ็งก็เลยลองถามดู”


เด็กหนุ่มตรงข้ามเบิกตาโต


“เขามาหาเฮียด้วยเหรอ”


“เออ ที่ร้านเมื่อคืนเนี่ย”


ผมละข้อความที่ว่า ‘มาให้ช่วยหาเมีย’ เอาไว้ในใจ ยังไงก็ยังไม่กล้าเล่าอยู่ดี เพราะไอ้โก้มันค่อนข้างปากมาก ขืนไปหลุดปากพูดที่ไหนขึ้นมา ไอ้เฮียตายแน่


“เฮีย ผมมีอะไรจะบอก”


จู่ๆ มันก็เรียกผมด้วยน้ำเสียงและสีหน้าแปลกๆ


ดวงตากลมลึกสบตาผมแว่บเดียวแล้วหลุบตาหนี


สังหรณ์ใจไม่ดีชอบกล


“คือจู่ๆ เมื่อคืนอะ แม่ก็ขอไลน์เฮียอะ”


อย่านะ อย่าเป็นอย่างที่เฮียคิดนะ


“ตอนแรกผมก็ไม่คิดอะไร แต่ก็รู้สึกแปลกๆ เลยถามไปว่าจะเอาไลน์เฮียไปทำไม รู้ปะเฮียแม่ผมบอกว่าไง”


มันหันซ้ายหันขวาแล้วลดระดับเสียงลง


“แม่บอกว่าจะเอาไปให้พี่กาจว่ะเฮีย”


โอ้โห โอ้โห เฮียอิ๊วเคยสังหรณ์ใจอะไรแล้วผิดไหม ไม่มี๊


“ไอ้ผมก็นึกว่าเขาจะเอาไว้สั่งข่าวไปเลี้ยงคนงาน ที่ไหนได้เอามาทวงหนี้”


มันยกมือขึ้นไหว้ผม


“ขอโทษนะเฮีย ผมไม่รู้จริงๆ นิ”


โอ้โห ช็อค พูดไม่ออก เฮียอยากจะหายตัวไปในตอนนี้เลย


แค่โดนมาทวงเช้าทวงเย็นที่ร้านก็ตกใจจนฉี่แทบแตกอยู่แล้ว ถ้ายังต้องโดนทวงผ่าน...



-ตือดึ้ง-



เสียงแจ้งเตือนจากมือถือเครื่องเล็กกะทัดรัดที่วางอยู่บนโต๊ะทำให้ผมกับไอ้โก้สบตากันโดยไม่ได้นัดหมาย มือถือเครื่องนั้นเป็นสีขาวใส่เคสหนังแบบมีฝาปิดดูเรียบง่ายและจืดชืด แน่นอนว่ามันจะเป็นโทรศัพท์ของใครไปไม่ได้เลยนอกจาก...


“มีคนไลน์เข้าน่ะเฮีย”


“เฮียรู้ ไม่ต้องย้ำ”


พวกเราสบตากันอีกครั้งก่อนที่ผมจะตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มาเปิดเช็คแอปพลิเคชั่นเจ้าปัญหา แล้วในที่สุดผมก็ได้อุทานคำว่า ‘โอ้โห โอ้โห’ ออกมาอีกครั้งเมื่อชื่อไลน์ที่ทักเข้ามาเป็นชื่อของ ‘กาจกล้า แซ่ตั้ง’


“ว่าไงเฮีย ตกลงใช่พี่กาจป่ะ”


ผมสูดหายใจลึกแล้วฉีกยิ้มช้าๆ


“คราวหน้าอย่าหวังจะได้กินข้าวฟรีที่ร้านเฮียอีกเลย”


พุธโธ่ พุธถัง กะละมังสามใบ เฮียเครียด ใครก็ได้ช่วยเฮียที





****************************************************************************


มาอัพคราวนี้ขอบอกเลยว่าหลังจากนี้จะมาๆ หายๆ จนกว่าจะพ้นกลางเดือนหน้านะคะ มรสุมชีวิตมากเหลือเกิน แต่งนิยายอารมณ์ดีไม่ออกเลยจริงๆ ค่ะ ยังไงก็ขอฝากเฮียอิ๊วไว้ในอ้อมใจทุกคนด้วยนะคะ

 :z2: :z2: :z2:






หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 7 อย่าแจกไลน์ให้คนไม่สนิท [16/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 16-11-2017 17:59:36
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 7 อย่าแจกไลน์ให้คนไม่สนิท [16/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 16-11-2017 18:06:50
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 7 อย่าแจกไลน์ให้คนไม่สนิท [16/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-11-2017 18:22:16
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 7 อย่าแจกไลน์ให้คนไม่สนิท [16/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 16-11-2017 18:30:16
 :pig4:  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 7 อย่าแจกไลน์ให้คนไม่สนิท [16/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 16-11-2017 19:11:17
สู้สู้นะคะคุณคนแต่ง..ชอบนิยายเรื่องนี้มากค่ะ รอจนกว่าจะพบกันอีกครั้ง  :mew1:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 7 อย่าแจกไลน์ให้คนไม่สนิท [16/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: fsbeentaken ที่ 16-11-2017 20:36:54
สั้นจุงงงงง รอตอนต่อปายยยจ้าาาาา

 :mew1:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 7 อย่าแจกไลน์ให้คนไม่สนิท [16/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 23-11-2017 21:23:07
โถ่ เฮียยยยย
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 7 อย่าแจกไลน์ให้คนไม่สนิท [16/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 24-11-2017 04:47:52
เฮียน่ารักมาก :man1:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 7 อย่าแจกไลน์ให้คนไม่สนิท [16/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 24-11-2017 13:04:41
มาละ.... น้องกาจ เฮียอิ๊ว... มีปัวดุอ่ะ555
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 8 ผัดซีอิ๊วไม่ใส่ผัก [24/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 24-11-2017 20:41:19
บทที่ 8 ผัดซีอิ๊วไม่ใส่ผัก








ผมนั่งจ้องโทรศัพท์มือถือที่ตั้งอยู่บนโต๊ะด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก


ไม่สิ ใช่ผมคนเดียวที่ไหน ต้องบอกว่า ‘พวกเรา’


‘พวกเรา’ กำลังนั่งมองมือถือตรงหน้าด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก


“เฮียตอบเขาดิ จ้องโทรศัพท์แบบนั้นมันคงตอบให้เองหรอก”


“พูดมาก เอาไปตอบเองไป”


“แม่บอกว่าอย่ายุ่งกับของๆ คนอื่นโดยพลการ”


“เฮียอนุญาตแล้วนี่ไง”


“โอ๊ะ ฝนทำท่าจะตกแล้ว กลับก่อนนะเฮีย”


มันทำท่าจะชิ่งหนีเหมือนอย่างทุกทีที่เกิดเรื่อง แต่ขอบอกเลยว่า คนอย่างเฮียอิ๊วไม่มีคำว่าพลาดเป็นครั้งที่สาม


ทันทีที่มันทำท่าจะลุกขึ้นจากโต๊ะ มือของผมก็จับหมับเข้าที่ข้อมือของมันอย่างแรง ใบหน้าคร้ามแดดของอีกคนหันมามองผม
ด้วยรอยยิ้มแห้ง


“ผมต้องไปซื้อมะขามเปียกให้แม่จริงๆ นะเฮีย ปล่อยผมเถอะ”


“เมื่อกี้เอ็งบอกฝนจะตก”


ทันทีที่ผมพูดจบเดดแอร์ก็พลันเกิดขึ้นมาอยู่ประมาณสามวิ ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยเสียงหัวเราะร่าของอีกคน


“หัวเราะอะไร”


พอผมเอ่ยทักใบหน้าร่าเริงก็หุบยิ้มลงกลายเป็นใบหน้าหมดอาลัยตายอยากเหมือนเดิม


“หัวเราะไปงั้นอะ ไม่รู้จะทำยังไงกับชีวิตดี”


พอพูดจบ มันก็ยอมหย่อนตัวกลับลงมานั่งตามเดิม


“นี่ถ้าเฮียโดนทวงหนี้โหด หรือโดนฆ่าตายนี่ ผมต้องรู้สึกผิดไปทั้งชีวิตแน่”


ขอบใจมากสำหรับกำลังใจ


“ดูมัน ดูแต่ละคำที่พูดออกมา”


มันทำหน้าบู้บี้ไปมาเหมือนเวลาเด็กหญิงตัวน้อยๆ ทำตัวงุ้งงิ้งใส่แม่ แค่เปลี่ยนจากเด็กน้อยวัยสี่ห้าขวบเป็นชายหนุ่มร่างสูง ผิวคล้ำ ใบหน้าหยาบกร้านเพราะไม่ดูแลตัวเอง ตบท้ายด้วยหนวดเครานิดหน่อยแต่ทำให้ดูเหมือนโจรมากๆ


“ก็แหมเฮีย ใครก็รู้ไหมว่านายหัวเขาโหดจะตายห่า เป็นเจ้าของธุรกิจผิดกฎหมายก็เยอะ ถูกกฎหมายก็เยอะ อิทธิพลก็เยอะ แล้วเป็นหนี้แบบเนี่ย จะไปแจ้งความได้ไหม ก็ไม่ได้ หามาจ่ายได้ไหม ก็ไม่ได้อีก แล้วนี่แทนที่จะได้หนีไปเงียบๆ ถ้าจวนตัว ดั๊นมาตกม้าตายเพราะเขามีไลน์อีก”


“พูดเหมือนไลน์เฮียเด้งเข้าเครื่องเขาเองอย่างงั้นล่ะเนอะ”


“เฮียอ่า”


มันเริ่มแล้วครับ


เด็กหนุ่มเริ่มทำหน้าทำตาที่คิดว่าน่ารักมากที่สุด จากนั้นจึงเริ่มด้วยการลากเสียงยานๆ ที่เจ้าตัวคงคิดไปเองว่ามันดูน่ารักมาก


มันไปเอาความคิดพวกนี้มาจากไหนวะ


“เค้าขอโทษ อย่าโกรธเค้าเลยน้า”


เครียด เฮียเครียดมาก


ณ จุดๆ นี้ถ้าคนที่อยู่ตรงหน้าของผมเป็นน้องๆ สาวๆ จากวงไอดอลชื่อดังผมจะไม่ว่าอะไรเลย แต่นี่ ตรงหน้าผมนี้คือมนุษย์ที่เรียกได้ว่า นอกจากจะเป็นคนสกปรกแล้ว ก็ยังเป็นคนจนอีกด้วย


เหนื่อย เฮียเหนื่อยใจ


“เฮียอ่า”


“หยุดเถอะพ่อคุณเอ๊ย”


ผมกึ่งบอกกึ่งขอร้อง แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่เข้าใจเท่าไหร่


ไอ้โก้กระพริบตาถี่ๆ ใส่ผมเหมือนในการ์ตูนตาหวานสมัยก่อน


“ไม่โกรธเค้าแล้วน้า”


หลังจากที่คิดสะระตะกับตัวเองแล้วว่า คนอย่างมันถ้าไม่พูดออกมาตรงๆ ก็คงไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง แต่ถ้าจะให้พูดทำร้ายจิตใจเด็ก ผมก็คงเป็นผู้ใหญ่ที่แย่จนเกินไป เพราะแบบนั้นผมเลยเลือกที่จะตอบไปเรียบๆ


“พอเถอะ อ้วกจะแตก”


“เฮีย!”


อะไร เฮียทำอะไร


ยังไม่ทันที่ผมจะทำความเข้าใจกับใบหน้างุ้มงอของอีกฝ่ายอย่างไม่มีสาเหตุ เสียงแจ้งเตือนคุ้นหูก็ดังขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน


พวกเราสองคนสบตากันอย่างมีนัยยะก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายชะโงกหน้าไปดูหน้าจอก่อน


ไอ้ชื่อคนส่งน่ะไม่ผิดคาดเท่าไหร่ แต่ไอ้ข้อความที่ส่งมานี่มัน...


‘ที่ไม่ตอบนี่ตายหรือใช้ไลน์ไม่เป็น’


 “ไอ้โก้”


มันเบิกตาโตๆ ของมันใส่ผม


“ช่วยอ่านข้อความนี้ทีซิ”


มันโน้มตัวเข้ามาให้เห็นหน้าจอแล้วขมวดคิ้วยุ่งทันทีที่อ่านจบ


“เฮีย ทำไมนายหัวเขาปากหมาจังอะ”


เออ ขอบใจที่พูดสิ่งที่เฮียคิดออกมาให้โลกรู้


“จะไปรู้รึไง ญาติเอ็งนิ”


“บ้าเฮีย ตอนงานรวมญาติเขาดีจะตาย”


เด็กหนอเด็ก


ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย


“แล้วเวลาเอ็งเจอหน้าครูที่โรงเรียนตอนเช้านี่เอ็งกระโดดกอดคอเขารึไง เข้าใจคำว่ารักษาภาพลักษณ์บ้างไหม”


“ไม่อะ ไม่มีให้รักษา”


อะ เจริญ


ยิ่งคุยก็ยิ่งเหนื่อย ผมเลยเลือกที่จบบทสนทนาตรงหน้าด้วยการคว้ามือถือขึ้นมาเปิดโปรแกรมไลน์ ระหว่างที่ผมกำลังยุ่งอยู่กับโทรศัพท์ ไอ้โก้ก็หันกลับไปโฟกัสกับรายการแข่งร้องเพลงบนจอทีวีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


นี่เป็นข้อดีอย่างหนึ่งของไอ้โก้ มันไม่เคยล้ำเส้นใครถ้าใครคนนั้นไม่อนุญาต


ผมละสายตาจากเด็กหนุ่มตรงหน้าแล้วเริ่มคิดว่าจะพิมพ์ตอบกลับไปว่ายังไงดี


‘อ๋อ ยังไม่ตายครับ’       ถ้าตอบแบบนี้กลับไปน่ากลัวจะได้ตายจริง


‘พอดีผมยุ่งๆ น่ะครับ ลูกค้าเยอะมากเลย’   ลูกค้าเยอะตั้งกะเจ็ดโมงเช้า ความน่าเชื่อถือติดลบสุดๆ


‘พอดีผมเพิ่งออกมาจากครัวน่ะครับ’   เออ อันนี้ผมว่าเวิร์ค


พอตัดสินใจได้ ผมก็ค่อยๆ พิมพ์ตอบกลับอย่างระมัดระวังไม่ให้มีคำผิด


ตอนเขียนเรียงความตั้งใจแบบนี้ไหม ถามใจดูซิ


[พอดีผมเพิ่งออกมาจากครัวน่ะครับ]


ทันทีที่ข้อความถูกส่งออกไป ด้านข้างข้อความของผมก็ปรากฏคำว่า ‘read’ ขึ้นมาแทบจะทันที


โอ้โห โอ้โห นี่คือรอแชทเฮียสุดๆ อยากคุยกันสุดๆ ไปเลย งี้


[ก็ไม่ได้ว่าอะไร]


แหม ขอแหมไปให้ถึงกาแล็กซีแอนโดรเมด้า ที่เอ็งพิมพ์มาเมื่อกี้เรียกคำอวยพรปีใหม่รึไง


[เมื่อกี้นายหัวยังแช่งผมตายอยู่เลยนะครับ 55555]


‘55555’ กลุ่มเลขมหัศจรรย์ที่ทำให้คำด่าดูซอฟต์ลงได้ในพริบตา


ตอนแรกผมก็คิดว่าเขาจะตอบกลับมาทันทีอย่างก่อนหน้า แต่คราวนี้แปลกไปนิดหน่อย


หลังจากอีกฝ่ายอ่านข้อความของผม เขาก็นิ่งไปพักใหญ่จนผมนึกว่าเขาคงไม่ตอบมาในเร็วๆ นี้


แต่นั่นล่ะครับ คนตายยากก็ยังตายยากอยู่ยังวันยังค่ำ


[เปล่าแช่งสักหน่อย]


หรา อยากจะอัดเสียงคำว่า หรา ส่งไปจริงๆ คนเรานี่เนอะ บทจะแถมันก็ไปเรื่อยจริง


ผมนั่งมองข้อความนั้นแล้วพยายามคิดว่าจะตอบกลับไปยังไงดี ยังไม่ทันที่เฮียจะคิดออก ข้อความอีกอันก็ถูกส่งตามมา


[เป็นห่วงต่างหาก]


“ฮะ?”


“ฮะไรเฮีย”


ไอ้โก้มองหน้าผมด้วยสีหน้าฉงนสงสัย


เออ สงสัยพอๆ กับผมนี่แหละ


ส่วนตัวผมเองกลับไม่รู้เลยว่าตัวเองทำหน้าแบบไหนออกไป คิดไม่ออกด้วยซ้ำว่าต้องทำหรือพูดอะไรต่อ หัวสมองของผมตอนนี้มันเหมือนถูกฟาดด้วยไม้หน้าสามจนปิดสวิตซ์ไปแล้ว


“เฮียเป็นไรเนี่ย ดูทำหน้าเขาสิ”


“เออ”


ผมตอบมันออกไปได้แค่นั้น ก่อนจะนัดหนึ่งถึงสิบเพื่อสงบจิตสงบใจแล้วกลับไปอ่านข้อความในมือถืออีกรอบ


[เป็นห่วงต่างหาก]


เป็นห่วง


นายหัวเป็นห่วงกูด้วย


โอ้โห งงไปหมดเลยครับพี่น้อง


[พรุ่งนี้ผมสั่งผัดซีอิ๊ว 300 กล่องนะ มาส่งที่สวนด้วย]


เดี๋ยว เดี๋ยวเอ็งเดี๋ยว ประโยคเก่ากูยังไม่เคลียร์ มีประเด็นใหม่มาอีกแล้วเหรอ


แต่เราไม่บ่นหรอกนะ เพราะมันได้เงิน


[นายหัวจะเอากี่โมงเหรอครับ]


[เที่ยง]


ผมพยายามคำนวณต้นทุนและเวลาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพิมพ์ตอบไป


[งั้นผมให้ราคาพิเศษคิดกล่องละ 35 บาทนะครับ 300 กล่องก็ 10,500 บาท หักลบกลบหนี้กันไปเลยก็ได้ครับ]


นั่นล่ะประเด็นสำคัญของผมเลย หักหนี้ไปเลย หักไปให้หมด เฮียคิดถึงอิสรภาพเหลือเกิน


[ไม่ หนี้ก็ส่วนหนี้ เงินค่าจ้างก็ส่วนค่าจ้าง]


โอ๊ย ปวดกบาล


[ตกลงว่าพรุ่งนี้ 300 กล่องตกลงไหม]


แหม นี่ขนาดไม่เห็นหน้าผมยังรู้เลยว่าคนพูดกำลังวางท่าทางเอ้งอ้าง(วางท่า)ขนาดไหน


[ครับ]


พูดมากทำไม เฮียได้เงิน


อะ ไหนๆ ก็ไหนๆ ในฐานะเฮียอิ๊วผู้มีเซอร์วิสมายด์ระดับสูง ก็ต้องแสดงความมีน้ำใจกับลูกค้ารายใหญ่สักหน่อย


เปล่าเลย จริงๆ คือเอาสะใจล้วนๆ


[เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมทำไปให้ 301 กล่องนะครับ]


ผมไม่รอให้อีกฝ่ายถามกลับ


[กล่องที่เพิ่มมา เป็นผัดซีอิ๊วไม่ใส่ผักนะครับ]


พอพิมพ์จบก็รีบปิดเครื่องหนีทันที


ย้ำว่า ปิดเครื่อง


บอกเลยว่าแข็งแกร่งและใจกล้ากว่าเฮีย บนโลกนี้ไม่มีอีกแล้ว





**********************************************************************************

เฮียอิ๊ว คนจริง ล้อปมเขาแต่ปิดเครื่องหนีนะเออ

:hao7: :hao7: :hao7:





หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 8 ผัดซีอิ๊วไม่ใส่ผัก [24/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 24-11-2017 21:26:22
 :laugh:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 8 ผัดซีอิ๊วไม่ใส่ผัก [24/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 24-11-2017 21:29:17
สรุป​ว่า​มัน​ยังไง​ๆ นะเฮียอิ้ว
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 8 ผัดซีอิ๊วไม่ใส่ผัก [24/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 24-11-2017 22:30:05
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 8 ผัดซีอิ๊วไม่ใส่ผัก [24/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 24-11-2017 22:41:44
เฮียอิ๋วคนพยายามเถื่อน 555
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 8 ผัดซีอิ๊วไม่ใส่ผัก [24/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 24-11-2017 23:45:49
เฮียอิ๊ว... ไปแซวแซวเค้านะ... เดี๋ยวเค้าไม่กินผัดซีอิ๊ว... แต่จะกิน.. คนผัด... ขึ้นมาแล้วจะหนาว 555
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 8 ผัดซีอิ๊วไม่ใส่ผัก [24/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 25-11-2017 05:06:27
ตกลงเฮียกลัวหรือไม่กลัวกันแน่ฟะ
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 8 ผัดซีอิ๊วไม่ใส่ผัก [24/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 25-11-2017 08:52:00
มีความวงวารเฮียจ้า เก่งจ้าเก่งแต่ปิดเครื่องหนี :m20:
 :3123:  :pig4:  :3123:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 8 ผัดซีอิ๊วไม่ใส่ผัก [24/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sangzaja122 ที่ 25-11-2017 09:13:10
เฮียยยย
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 8 ผัดซีอิ๊วไม่ใส่ผัก [24/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 25-11-2017 10:07:04
 :laugh :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 8 ผัดซีอิ๊วไม่ใส่ผัก [24/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 25-11-2017 15:23:55
เฮียอิ๊วรู้แล้วใช่ไหมคะว่าผลของการล้อคืออะไร 555555
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 9 คนหัวล้านน่ะขี้น้อยใจ [25/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 25-11-2017 17:17:50
บทที่ 9 คนหัวล้านน่ะขี้น้อยใจ









อนึ่ง ภาษาใต้บางคำที่ปรากฏในเรื่องเป็นคำที่ใช้เฉพาะในหมู่ชนชาวเปอรานากันที่อาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดพังงา-ภูเก็ตเท่านั้น ระวังไปโป๊ะแตกใส่คนสงขลาเด้อ



***************************************************************************









“เฮียะ อันนี้ยกไปหน้าบ้านเลยนะ”


“เออ บีหนึ่งยกดีๆ นะ บีสอง มาเช็คถุงนี้ด้วย”


เสียงล้งเล้งของพวกเราสามคนเริ่มขึ้นตั้งแต่ตีห้า พอเข้าหกโมงเช้า ผมก็เห็นอาแปะร้านทองข้างๆ มายืนทำตาเขียวปั๊ดใส่พวกเราทั้งสามคนเหมือนโกรธเกลียดกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน


รู้ครับว่าผิดที่ทำเสียงดังตั้งแต่หัววัน แต่ถ้าเป็นไอ้แปะนี่เฮียขออนุญาตผ่าน แหม แปะ ทีตอนผมมีเรื่องกับนายหัว ไอ้แปะนี่หายหัวคนแรกเลย ไม่รู้ เฮียงอน ไม่ยอมอะไรให้ใครทั้งนั้น


“อาอิ๊ว นี่ลู่(เธอ)ทำกับข้าวหรือสร้างบ้านฮะ ล้งเล้งกันตั้งแต่ตีห้าตีหก คนเขาจะหลับจะนอน”


“อ้าวหลับไม่ได้เหรอแปะ”


ผมแสร้งทำหน้าเห็นอกเห็นใจทั้งๆ ที่ในใจสะใจมากๆ แล้วหันซ้ายหันขวาทำเป็นหาของ


“ผมมีที่อุดหูอยู่นะ เอาไหม เดี๋ยวหาให้”


“แลแค่มันพูด(ดูที่มันพูด) คันเป็นลูกเป็นหลาน(ถ้าเป็นลูกเป็นหลานนะ) อิ๊จับฟาดให้ตูดลาย(จะจับฟาดให้ก้นลาย)


ผมหัวเราะร่าทันทีที่ได้ยินคำบ่นของอีกฝ่าย


อันที่จริงพวกเราสองคนค่อนข้างสนิทกันเพราะรู้จักกันมานาน ไอ้ผมมันก็โกรธๆ งอนๆ กับแปะแกเป็นเรื่องปกติแบบนี้อยู่แล้ว ไอ้เรื่องทีแกทิ้งผมเข้าร้านนี่ไม่ได้หนักหนาอะไรนักหรอก เพราะถ้าให้เราสลับกัน ผมก็คิดว่าตัวเองน่าจะทิ้งแปะแกเอาไว้ข้างนอกเหมือนกัน


แถวบ้านเรียกศีลเสมอ


“ไอ้ผมมันก็ไม่ได้อยากทำเสียงดังเลย แต่งานมันเร่งนิแปะ โทษทีนะ”


ผมเห็นแกถอนหายใจพร้อมกับยิ้มหน่ายๆ


“เอ้อ เรื่องลู่ต๊ะ(เรื่องของเธอเถอะ) แขบทำอิ๊ได้แขบไป(รีบทำจะได้รีบไป) คนอิ๊หลับอิ๊นอน(คนจะหลับจะนอน)


แหม หกโมงเช้ายังไม่ตื่น แปะมีแพลนเปิดร้านตอนกี่โมงเหรอ แต่เอาเถอะครับ ยิ่งคุยกับแกงานยิ่งไม่เดิน


“คร้าบ อิ๊แขบทำแล้ว(จะรีบทำแล้ว)


พอผมรับคำแกก็พยักหน้าเนือยๆ แล้วเดินกลับเข้าบ้านไป


ไอ้ตัวผมก็รู้สึกผิดบาปอยู่นิดหน่อยที่ทำให้คนแก่นอนไม่พอ แต่จะให้ทำผัดซีอิ๊วสามร้อยกล่องโดยไม่ล้งเล้งเลยมันก็ยากนะเฮ้ย โดยเฉพาะเมื่อมี...


“เฮียะ หิวอะ ขอกินค่าก่อนะ”


บีหนึ่งที่เรื่องมากสุดๆ


“เฮียะ โผะไปหาขอกินที่เซเว่ก่อนะ”


 และบีสองที่ชอบเซเว่นมากจนแทบจะยกกลับไปขยายกิจการที่บ้าน


เฮียเหนื่อย รอบตัวเฮียมีใครปกติบ้างไหม


“นั่งเฉยๆ ที่โต๊ะนั้นเลย เดี๋ยวเฮียทำข้าวให้กิน”


พวกมันสองคนมองผมตาแป๋ว ในใจบีหนึ่งคงนึกว่า ‘ประหยัดไปอีกมื้อ’ ส่วนบีสองคงกำลังเสียดายที่ไม่ได้ไปเซเว่นแหงๆ


“แต่โผะอยากไปเซเว่อะ”


นั่น เฮียเคยเดาอะไรผิดที่ไหน


เด็กหนุ่มอายุยี่สิบต้นๆ ส่งประกายอ้อนวอนมาหาผมพร้อมกับทำหน้าหงอยๆ ประกอบ


เด็กหนอเด็ก


“เอ้า ไปๆ กลับมากินข้าวด้วยล่ะ”


“ครับ”


พอรับคำจบมันก็วิ่งแผล่วหายไปเหมือนลูกแมวตัวเล็กๆ


เด็กหนอเด็ก


ผมหัวเราะเบาๆ แล้วเริ่มลงมือทำข้าวเช้าง่ายๆ ให้บีหนึ่งที่นั่งถือช้อนรออยู่ที่โต๊ะ


ดูมัน หยิบช้อนตั้งแต่กูยังไม่ตั้งเตา ไอ้เด็กพวกนี้นี่น้า


ไอ้เด็กพวกนี้....อยู่กับผมมานานแค่ไหนแล้วนะ


ถ้าจำไม่ผิดเมื่อหลายปีก่อน สมัยที่พ่อของผมยังอยู่ ผมจำได้ดีว่าวันนั้นเป็นวันที่ผมตกหนักมากจนแทบไม่มีลูกค้า พ่อเลยตัดสินใจที่จะปิดร้านก่อนถึงเวลาที่กำหนด


ในตอนนั้นผมอายุกี่ปีก็จำไม่ได้ คงจะราวๆ ยี่สิบปลายๆ จำได้ว่าตอนที่จะดึงประตูเหล็กลงมาจากด้านบน ตาเจ้ากรรมมันก็ดันเหลือบไปเห็นเด็กหนุ่มสองคนนั่งขดเป็นก้อนๆ ซุกตัวกันอยู่ตรงกันสาดเล็กๆ หน้าร้าน พอเห็นแบบนั้นก็เลยเผลอเห็นใจจนทำข้าวกล่องไปให้กิน ไอ้ตอนแรกก็นึกว่าจะจบกันที่ข้าวสองกล่อง ที่ไหนได้...


“ขอบคุณครับเฮียะ”


“เออ รีบกินจะได้รีบมาทำงานต่อ”


“คร้าบ”


ใครจะคิดว่าจากคนที่มีสภาพเหมือนแมวจรจัดวันนั้นจะกลายเป็นบีหนึ่ง บีสองแห่งร้านเฮียอิ๊วในวันนี้


ตอนรับเขามาเจ้าสองคนนี้ทำอะไรไม่เป็นสักกะอย่าง แต่ก็อย่างว่า ตอนเข้ามาในไทยก็เข้ามาทำแต่สวนยางกับก่อสร้าง พอต้องมาทำงานร้านอาหารมันก็ขลุกขลักกันเป็นธรรมดา


เอ ว่าแต่ไอ้สองคนนี้มันจะเคยเป็นลูกจ้างของนายหัวไหมนะ


“นี่บีหนึ่ง”


เด็กหนุ่มเงยหน้ามองผมทั้งๆ ที่ปากยังคาบเส้นก๋วยเตี๋ยวอยู่


แต่ละคนรอบตัวกู มารยาทบนโต๊ะอาหารดีๆ ทั้งนั้น


“ก่อนจะมาทำงานกับเฮีย เราทำงานกับใครมาก่อนนะ ใช่นายหัวกาจรึเปล่า”


เขาส่ายหน้าไปพลางสูดเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้าปากไปพลาง


ไปให้สุดแล้วหยุดที่คำว่าสกปรกเลยลูก


“โผะทำงานให้นายหัวสิงห์ครับ”


โอ๊ะ นายหัวสิงห์เหรอ ถ้าจำไม่ผิดเหมือนจะตระกูลของนายหัวสิงห์จะเป็นคู่แข่งกับตระกูลนายหัวกาจนี่หว่า


“ตอนนั้นนะ ถ้าไม่ได้เฮียะ โผะกับหม่องอาจะต้องกลับบ้านที่พม่าก่อได้ พ่อกับแม่ก่ออาจะไม่สบายเหมือนตอนนี้”


ผมขมวดคิ้ว


“เอ้อ ทำไมตอนนั้นถึงเลิกทำงานกับนายหัวสิงห์ซะละ เขาจ่ายไม่ดีรึไง”


“เงินเขาก็ให้เยอะอยู่นะ”


มันพูดแค่นั้นก่อนจะกวักมือเรียกผมเข้าไปใกล้ๆ


ยอมรับครับว่าที่เดินมาตามคำเรียกก็เพราะอยากรู้อยากเห็นล้วนๆ เลย


เด็กหนุ่มตรงหน้าผมยกมือป้องปากแล้วกระซิบ


“ก็ตอนั้นนะ เขาให้คนมาตาม บ่อพวกโผะว่าจะให้โผะกับหม่องไปทำอะไรไม่รู้ แต่ดูแล้วไม่น่าใช่เรื่องดี โผะเลยรีบขอลาออกมาก่อ เขาก็ไม่ว่าอะไรนะ แต่โผะก็กลัวอยู่ดี”


อ๋อ อย่างนี้นี่เอง


“เขาไม่ว่าอะไรเพราะพวกเอ็งยังไม่รู้อะไรน่ะสิ บุญหัวแล้วที่เลือกลาออกมาก่อนน่ะ”


มันพยักพเยิดหน้าเห็นด้วย


“ก็ว่างั้นล่ะเฮียะ”


เออ พอพูดถึงหม่อง หรือ บีสองของผม ก็นึกถึงมันขึ้นมา


“นี่บีสองมันไปซื้อของถึงเซเว่นไหนของมันนะ”


“ตรงปากซอยนี่แหละเฮียะ”


นี่ก็เฮียะจังเลย ทีคำอื่นล่ะพูดชัด ทีกับเฮียะเนี่ยไม่ชัดสักที


ผมส่ายหน้าให้กับความเด๋อด๋าของลูกน้องตัวเองแล้วเดินกลับไปทำงานต่อ ยังไม่ทันทีผมจะตั้งเตา บีสองก็เดินกลับมาพร้อมกับขนมนมเนยเต็มมือ


“สมัครเป็นซีอีโอเซเว่นไหม เดี๋ยวเฮียดีลงานให้”


คนถูกแซ็วทำเพียงแค่ยิ้มเขินๆ ให้ผมแล้วเดินเข้าไปคุยกระจุ๋งกระจิ๋งกับบีหนึ่งที่นั่งกินข้าวอยู่ที่โต๊ะติดทีวี


เอ้อ ดีๆ ลูกน้องกินข้าว เจ้านายทำงาน


“เฮียะ”


ผมหันไปมองตามเสียงเรียกจึงเห็นว่าบีสองยืนฉีกยิ้มแฉ่งโชว์ฟันขาวอยู่ข้างๆ


“ให้”


ไม่พูดเปล่า มันยังยื่นนมขวดหน้าตาประหลาดมาให้ด้วย


“อะไร”


“นมแพะ”


“ให้เฮียเพื่อ?”


“มันซื้อหนึ่งแถมหนึ่งแต่หย่านอ่องไม่ชอบดื่มนมแพะ เลยให้เฮียะ”


นี่คือถ้าบีหนึ่งมันดื่มก็จะไม่ให้เฮียถูกมะ ถ้ามีคนอื่นจะให้ก็ไม่ให้เฮียถูกมะ


ขอความสำคัญคืนมาให้เฮียที น้อยใจมาก ณ จุดๆ นี้


“เออ ขอบใจ วางไว้บนโต๊ะแหละ”


แต่เราเป็นผู้ใหญ่กว่ามาก ไอ้ครั้นจะไปแสดงท่าทีว่าน้อยอกน้อยใจมันก็ดูเป็นตาลุงหัวล้าน ขี้ใจน้อยเกินไป


หลังจากเหตุการณ์นั้น ผมก็ตั้งหน้าตั้งใจทำงานผิดปกติ แต่ดูเหมือนสองคนนั้นจะไม่ได้รับรู้ถึงความ ‘ผิดปกติ’ ของผมเลยแม้แต่น้อย ถ้าเป็นไอ้โก้ป่านนี้มันคงทักผมไปแล้ว


น้อยใจอะ เฮียอยากมีคนที่คอยนึกถึงเฮียเป็นอันดับแรกบ้างอะ แก่แล้วก็เหงาเป็นนะเฮ้ย


ผมถอนหายใจให้กับความคิดไร้สาระแล้วเริ่มปรุงรสอาหารในกระทะต่อ


อันที่จริงอายุอานามตอนนี้ก็ปาไปเลขสามปลายๆ จะเข้าเลขสี่อยู่แล้ว ยังมาทำตัวน้อยใจกับความสัมพันธ์เล็กๆ น้อยๆ อีก


...


...ความสัมพันธ์เล็กๆ น้อยๆ นั่นล่ะที่น่าน้อยใจ...


เพื่อนๆ ของผมทุกคน ไม่แต่งงานมีครอบครัว ก็ยอมรับกับสภาพชีวิตโสดพร้อมกับเตรียมตัวเลี้ยงสัตว์ ไม่ก็หลานกันหมดแล้ว
แล้วดูผมสิ เฮียอิ๊วที่เป็นเจ้าของร้านอาหารตามสั่ง มีลูกน้องชาวพม่าสองคน กับน้องแถวบ้านที่สนิทอีกหนึ่งคน เมียก็หย่า ญาติก็ไม่เหลือแล้ว


ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง


...ไม่มีความสัมพันธ์เล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตเลยสักอย่าง...


กับไอ้โก้ ถึงจะสนิทกันแต่มันก็มีสังคมของมัน มีอีกโลกนึงของมันที่ผมไม่รู้จัก ส่วนไอ้บีหนึ่ง บีสองนี่ไม่ต้องพูดถึง ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพวกมันสักอย่าง ถ้ารู้ก็แค่ว่า บีหนึ่งกับบีสองมาจากหมู่บ้านเดียวกัน บีหนึ่งมีน้องสาวสามคน น้องชายสองคน ส่วนบีสองมีน้องชายสามคน น้องสาวหนึ่งคน


แค่นั้น ผมรู้จักพวกเขาแค่นั้น


พอมองดูรอบตัว ก็ไม่เหลือใครที่เป็น ‘ของผม’ จริงๆ เลย


...เหงา...


เฮียเหงามากๆ เลย เวลาจิบน้ำเต้าหู้ดูละครหลังข่าวตอนกลางคืนก็อยากมีใครสักคนให้พูดด้วย เวลาอยากออกไปหาอะไรกินก็อยากจะมีคนให้ถามว่า ‘วันนี้อยากกินอะไร’


เหงา เหงามากๆ


คิดดูสิ ขนาดซานต้ายังมีกวางเรนเดียร์ให้คุยด้วย แล้วเฮียล่ะมีใคร นอกจากน้องๆ ไอดอลที่แปะอยู่บนผนังห้องนอนแล้วเฮียก็ไม่เหลือใครอีกเลยนะ


“เฮ้อ”


“เฮียะ ถอนหายใจทำไมอะ”


เสือก


คิดนะ แต่ไม่พูด


“ซีอิ๊วหมด”


“เดี๋ยวโผะไปซื้อที่เซเว่ให้ครับ”


หรือผมควรเปลี่ยนร้านตัวเองเป็นเซเว่นให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยดี


ปวดหัวโว้ย


ยังไม่ทันที่ผมจะเอ่ยปากห้าม ไอ้บีสองก็เดินอารมณ์ดีหนีออกไปเซเว่นอีกแล้ว เรื่องบีสองยังไม่ทันได้บ่น ไอ้บีหนึ่งก็ดันมาตะโกนโหวกเหวกเรียกผมอีก


โอ๊ย ลูกน้องกูแต่ละคน


“เฮียะ!”


“มีอะไร!”


หงุดหงิดนะเว้ย นอนก็ไม่ค่อยจะพอ งานการก็ยังไม่เสร็จ ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญนะ พ่อจะบ่นให้หูชา


“มีคนโทรมา”


ผมขมวดคิ้ว


ใครมันจะโทรมาตั้งแต่หัววันขนาดนี้ ปกติแล้วกว่าร้านผมจะเปิดก็สิบโมงนู้น ที่สำคัญทำไมถึงไม่โทรเข้ามือถือในมือปกติผมก็ให้เบอร์มือถือเป็นเบอร์ร้านอยู่ละ...


เดี๋ยวนะ...มือถือเหรอ


“ชิบหาย!”


ผมร้องออกมาอย่างลืมตัวแล้วรีบปิดเตาแก๊สไปหยิบมือถือที่นอนนิ่งสนิท ปิดเครื่องอยู่บนโต๊ะมาตั้งแต่เมื่อคืน


โอย ตายๆ ต้องเป็นพี่นุ้ยโทรมาทวงค่าแชร์แหง โอ๊ย ป่านนี้พี่แกคิดว่าผมหนีหนี้ไปแล้วมั้งเนี่ย


ทันทีที่อุปกรณ์ในมือใช้งานได้ ผมก็รีบกดเข้าแอปโทรศัพท์


เชร้ดเข้ สิบห้ามิสคอล


โอ๊ย ป่านนี้พี่แกเอาผมไปเม้าทั้งตลาดแล้วว่าผมหนีหนี้เนี่ย


ชีวิตกู มีแต่เรื่องดีๆ ทั้งนั้น


ผมรีบกดโทรออกมิสคอลที่มีจำนวนมากที่สุด แม้จะเป็นเบอร์แปลกที่ไม่ได้เมมไว้ในเครื่อง แต่ยังไงซะพี่นุ้ยแกมีประมาณล้านเบอร์จนผมชินแล้วที่จะรับเบอร์ประหลาดแต่มีปลายสายเป็นเสียงแก


ทันทีที่ได้ยินเสียงกดรับผมก็รีบกรอกเสียงน่าเห็นอกเห็นใจลงไป


“พี่นุ้ย ผมลืมเปิดมือถือน่ะพี่ เมื่อคืนผมแกล้งน้องนิดหน่อยก็เลยกลัวมันด่ากลับ เลยรีบปิดเครื่อง พี่จะเข้ามาเอาค่าแชร์วันนี้เหรอ เดี๋ยวผมเตรียมไว้หะ...”


[ผมไม่เล่นแชร์]


น้ำเสียงที่ตอบกลับมาทำให้ผมขมวดคิ้วยุ่งจนต้องยกโทรศัพท์ออกจากหูเพื่อมาดูหน้าจอ


ก็เบอร์แปลกนี่หว่า ถ้าไม่ใช่พี่นุ้ยแล้วจะเป็นใครดะ....


[แต่ก็เพิ่งรู้นะว่าคุณเห็นผมเป็นน้อง]


ไอ้เหี้ย! ช่วยด้วย ไม่ไหวแล้ว เฮียขอแทรกแผ่นดินตรงนี้แล้วมุดไปโผล่ที่คิวบาเลยได้ไหม


ไม่ อิ๊วเอ๊ย ตั้งสติไว้


เอาไงดีวะ...เบี่ยงประเด็นดีกว่า


“แหม นายหัวนี่ตื่นเช้าจังเลยนะครับ โทรมาแต่เช้าขนาดนี้มีอะไรรึเปล่าครับ”


[ก็แค่จะโทรมาถามว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีรึเปล่า แต่พอมาได้ว่าคุณนับว่าผมเป็นน้องก็น่าสนใจดี]


กูตาย ลาตาย ปิดร้าน ย้ายจังหวัดเดี๋ยวนี้เลย


[ก็ไม่ได้จะว่าอะไรหรอกนะ]


ผมชะงักกับคำพูดของอีกฝ่ายจนไม่รู้จะตอบอะไรออกไปดี


ไม่ว่าจะเป็น ‘ขอบคุณมากเลยครับ’ หรือ ‘แหม ผมก็ไม่คิดว่านายหัวจะโกรธหรอกนะ’ ก็ล้วนไม่เวิร์คทั้งนั้น


โชคดีที่เขาก็ไม่ได้คาดคั้นคำพูดอะไรจากผม


[เมื่อกี้คนโทรเขาโทรศัพท์บ้านของเฮียคือผมเอง ไม่ต้องโทรกลับหรอกนะ]


“อ๋อ ครับ”


ผมตอบรับเรียบๆ พร้อมกับอ้อนวอนขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยดลใจให้เขารีบๆ วางสายไปสักที


[เมื่อคืนที่สวนฝนตก ถนนลื่น เข้ามาดีๆ อย่าให้ข้าวที่ผมสั่งมีปัญหาล่ะ]


เฮ้ย ถ้าถนนลื่นนี่มันต้องห่วงเฮียถูกมะ ต้องห่วงว่าเฮียจะขับรถแหกโค้งตายไหม ไม่ใช่ห่วงข้าวโว้ย


“ครับผม จะขับรถให้ดี ไม่เกินสี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยครับ”


แต่ไม่บ่นครับ เป็นคนเถียงคนไม่เป็น


[อืม แค่นี้ล่ะ]


พอพูดจบเขาก็วางสายไป ทิ้งให้ผมยืนมองโทรศัพท์ด้วยความรู้สึกมึนงงเล็กน้อย แต่ไม่เข้าใจมากๆ


ทำไมรอบตัวกูมีแต่คนบ้าวะเนี่ย


เออ แต่ก็ดีที่เขาบอกว่าคนที่โทรเข้าโทรศัพท์บ้านเมื่อกี้นี้เป็นเขา ผมจะได้ไม่ต้องโทรกลับไปหาพี่นุ้ยให้โดนทวงค่าแชร์


...


เดี๋ยวนะ ตอนเขาบอกว่าเขาเป็นคนโทรเข้ามาเอง เขาพูดว่ายังไงนะ


‘เมื่อกี้คนโทรเขาโทรศัพท์บ้านของเฮียคือผมเอง ไม่ต้องโทรกลับหรอกนะ’


‘เมื่อกี้คนโทรเขาโทรศัพท์บ้านของเฮียคือผมเอง ไม่ต้องโทรกลับหรอกนะ’


‘เมื่อกี้คนโทรเขาโทรศัพท์บ้านของเฮียคือผมเอง ไม่ต้องโทรกลับหรอกนะ’






เฮีย! ไอ้เด็กนั้นมันเรียกผมว่าเฮียด้วยเฮ้ย! โอ้โห โอ้โห ร้อยวันพันปีไม่เห็นจะเคยได้ยิน งงไปหมด งงจริงๆ งงไม่ติงนัง


แต่เหมือนโชคชะตาจะไม่ปล่อยให้ผมงงนานนัก


“เฮียะ เหลืออีกร้อยกล่องนะ”


โอ๊ย ชีวิตเฮีย ช่วยมีเรื่องให้ทำน้อยลงหน่อยเถ๊อะ





************************************************************************

ตอนหน้าเขาจะเจอกันแล้ว ไม่รู้ว่าคนป่วงกับคนซึนเขาจะลงเอยกันเมื่อไหร่ ส่วนความจริงที่ว่านายหัวสิงห์คือใคร บีหนึ่งบีสองเคยถูกสั่งให้ไปทำอะไร ติดตามได้หลังโฆษณา อา อา อา อา


 :really2: :really2: :really2:



หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 9 คนหัวล้านน่ะขี้น้อยใจ [25/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-11-2017 17:49:10
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 9 คนหัวล้านน่ะขี้น้อยใจ [25/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sangzaja122 ที่ 26-11-2017 09:29:31
อ่านไปอ่านมาก็หิวอยากกินผัดซีอิ๊วบ้างแล้วค่ะ โฮววว :katai4:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 9 คนหัวล้านน่ะขี้น้อยใจ [25/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 26-11-2017 09:46:46
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 9 คนหัวล้านน่ะขี้น้อยใจ [25/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 26-11-2017 10:10:28
คนเราเนอะ แค่นี้ก็ดีใจะเป็นจะตาย
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 9 คนหัวล้านน่ะขี้น้อยใจ [25/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 26-11-2017 10:45:36
ตอนหน้า... มาด่วน.. โอมเพี้ยง
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 9 คนหัวล้านน่ะขี้น้อยใจ [25/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 27-11-2017 00:35:54
ขอหวานๆ :hao7:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 9 คนหัวล้านน่ะขี้น้อยใจ [25/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 27-11-2017 01:43:49
หึหึ ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยยยย
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 9 คนหัวล้านน่ะขี้น้อยใจ [25/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: fsbeentaken ที่ 27-11-2017 08:59:19
เฮียะช่วยเก็ทมุกหยอดของนายหัวหน่อยเหอะ

 :hao6:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 9 คนหัวล้านน่ะขี้น้อยใจ [25/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 27-11-2017 15:23:14
เนี่ย ก้อเฮียไม่เก็ทมุขแบบนี้
ตนจะมาช่วยแก้เหงาเลยต้องหยอดนานหน่อย 555555
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 9 คนหัวล้านน่ะขี้น้อยใจ [25/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 27-11-2017 20:03:55
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 9 คนหัวล้านน่ะขี้น้อยใจ [25/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Fallinlove ที่ 27-11-2017 20:39:41
ห่วงเฮีย ก็ไม่บอกไปตรง ๆ เน้อ นายหัว แหม ๆ
เฮียอิ๊วไม่ต้องน้อยใจไป เดี๋ยวก็จะได้ที่รักมาให้คิดถึงทุกเวลาแล้ว > <
บีหนึ่งบีสองน่ารักดีอ่ะ ชอบ ๆ
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 9 คนหัวล้านน่ะขี้น้อยใจ [25/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 27-11-2017 23:04:08
คือ..อ่านแต่ละตอนแล้วหัวเราะเฮียอิ๊วเสียงดังมากอ่ะ    จนคนที่บ้านมองด้วยความสงสัย คือมันตลกจริงๆนะ

อ่านแล้วอยากกินผัดซีอิ๊วเลย อ่านแล้วหิวมากกก
ชอบมากค่าาา เรื่องสนุกก
เราชอบพระเอกหน้าสวย หาอ่านไม่ได้ง่ายๆเลยนะ แนวแบบนี้ 555555555
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 9 คนหัวล้านน่ะขี้น้อยใจ [25/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: teamkoyza ที่ 29-11-2017 20:23:30
 :laugh:  เรียกเฮีย ด้วยอะ อร๊ายย
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 10 ถ้าไม่ท่องพาหุงก่อนออกจากบ้านฯ [2/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 02-12-2017 14:03:23
บทที่ 10 ถ้าไม่ท่องพาหุงก่อนออกจากบ้านจะซวยไปตลอดทั้งวัน








‘โยกเข้าไป คัมม่อน โยกเข้าไป คัมม่อน โยก โยก โยก โยกเข้าไปให้มันหลุดโลก’


“เฮียะ หลุม!”


“ว้าก! เฮียะขะดีๆ”


“เฮียทำดีที่สุดแล้วโว้ย พวกเอ็งน่ะหุบปากไปเลย!”


“อ๊าก! โระบิน”


เสียงร้องโหวกเหวกโวยวายพวกนี้จะเป็นของใครไม่ได้เลย ถ้าไม่ใช่ของชาวคณะร้านเฮียอิ๊วตามสั่ง เสียงเพลงพร่าๆ จากวิทยุก็ช่างเข้ากับบรรยากาศตอนนี้เหลือเกิน


‘ยืนก็ยังไม่ตรง สมองมันชักงงๆ ใจมันยังไม่ลง ได้แต่เพ้อว่าเธออยู่ไหน’


อย่าว่าแต่ยืนไม่ตรง แค่นั่งอยู่แบบนี้มือไม้ก็สั่นไปหมด ไอ้ตอนที่นายหัวโทรมาบอกว่าเมื่อคืนที่สวนฝนตกให้ขับเข้ามาดีๆ ผมก็ไม่ได้นึกอะไรมากไปกว่าถนนคงลื่นและสกปรก ที่ไหนได้...


“หลุม!”


ถนนดินลูกรังแดงๆ เต็มไปด้วยหลุมบ่อที่มีน้ำขัง


“เฮียะงู!”


สัตว์เลื้อยคลานนาๆ ชนิดก็พากันออกจากรังเหมือนเนื้อเพลงอรุณเบิกฟ้า นกกาโบยบิน


“โระบิน!”


เหตุการณ์รถบินจึงเป็นเรื่องปกติที่อาจะเกิดขึ้นได้


ปกติที่ไหนล่ะโว้ย!


ถึงเฮียจะอยู่บนโลกนี้มาสามสิบหกปีถ้วนแล้ว แต่ก็ยังมีกระจิตกระใจอยากมีชีวิตอยู่ต่ออีกนาน บอกตามตรงว่ายังไม่มีแพลนจะตายตอนนี้หรือเร็วๆ นี้ด้วย พินัยกรรมก็ยังไม่ได้ทำ ลูกหลานก็ยังไม่มี ตายไปทีบ้านนี่ตกเป็นของหลวงเลยนะ


ผมพยายามที่สุดแล้วสาบานได้ แต่นี่คือเฮียอิ๊วผู้อยู่ติดบ้านไง หนึ่งเดือนขับรถกระบะสักครั้ง แถมก็ขับอยู่ในเมืองด้วย พาพวกเอ็งมาจนถึงทางเข้าสวนนี่ได้ก็บุญหัวแล้วโว้ย


สวนบ้าสวนบออะไร ไกลก็ไกล ทางก็ขับยาก ถนนสองเลนที่อุดมไปด้วยรถบรรทุกนี่ของแสลงของเฮียเลยนะเฮ้ย ตลอดทางที่ขับมาก็ใช้ความเร็วแค่สี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง กว่าจะถึงก็นั่งกันก้นแทบจมหายลงไปในเบาะ


อะไรเอ่ยออกจากบ้านตั้งแต่สิบโมง ป่านนี้สิบเอ็ดโมงแล้วยังเพิ่งถึงทางเข้าสวน ตอบ เฮียเอง สวัสดี


แต่จะมาว่าเฮียอ่อนหัดก็ไม่ถูกนะ ไอ้สวนบ้านี่มันเล่นห่างจากบ้านเฮียตั้งสี่สิบสามกิโลเมตรเลยนะเออ นี่ขับรถแบบเห็นใจรัฐบาลและเพื่อนร่วมโลกสุดๆ แล้ว เจตนาที่เฮียขับรถช้าไม่ใช่เพราะขับรถไม่คล่องหรืออะไรแต่อย่างใด แต่เพราะนี่คือเฮียอิ๊วผู้ใส่ใจทุกภาคส่วนของโลก ก็เลยต้องมีการทำตามนโยบายลดอุบัติเหตุของรัฐบาลสักหน่อย


...


อะ ยอม เฮียกากเอง


“โระบิน!”


โระบินสันแน่นอน ลูกน้องผมต้องอยากเที่ยวห้าง


“หลุม!”


หลมุรักล่ะซี่


“เฮียะ เราจอดแล้วลงเดินกันดีไหม”


พูดได้ตรงใจเฮียมากๆ แต่ถ้าจอดตามที่มันบอกเฮียจะเสียฟอร์มอย่างใหญ่หลวง เพราะฉะนั้น...


“ไม่”


“เฮียะ/เฮียะอ่า”


เสียงประสานของบีหนึ่งบีสองที่ดังขึ้นทำให้ผมอมยิ้มแล้วเร่งเพลงในวิทยุให้ดังขึ้นอีกหน่อยแล้วเริ่มร้องตาม


“โยกเข้าไป คัมม่อน โยกเข้าไป คัมม่อน”


“ไม่โยก โผะไม่โยก โผะจะกลับบ้าน”


บ่นไป เฮียไม่สน


“โยก โยก โยก โยกเข้าไปให้มันหลุดโลก”


“ตอนนี้ก็จะหลุดจากขอบถนนอยู่แล้วนะเฮียะ”


ไม่สน ไม่สนอะไรทั้งนั้น


...แต่เวรกรรมนั้นมีอยู่จริง...


จู่ๆ รถทั้งคันก็ชะงักเหมือนโดนอะไรบางอย่างฉุดรั้งเอาไว้ไม่ให้เธอไป


“โอ๊ะ”


เป็นบีหนึ่งที่อุทานขึ้นมาก่อน


“เหมือนรถติดหล่มนะเฮียะ”


และเป็นบีสองที่ช่วยสรุปสถานการณ์ปัจจุบันให้


โอ้โห โอ้โห ชีวิตเฮียนี่มันอะไรกันหนอ เหมือนชาติที่แล้วจะไปทำบาปทำกรรมด้วยการขวางที่ขวางทางพระบิณฑบาตแหงๆ


ไม่สิ ชีวิตเราต้องมีหวัง ไหนลองเร่งเครื่องสิ


-บรื้น!-


“มันไปไม่ได้อะเฮียะ”


ขอบคุณคุณบีหนึ่งสำหรับการรายงานสถานการณ์ แต่แม่บอกว่าอย่าท้อกับอะไรง่ายๆ ไหนลองอีกครั้งสิ


-บรื้น!-


เครื่องน่ะขึ้น แต่รถน่ะไม่ขึ้น


เครียด เฮียเครียด


“พวกโผะลงไปเข็นให้ไหมเฮีย”


ความคิดดีมากเลยบีสอง


“ฝากด้วยนะ”


เอาล่ะ ครั้งนี้มีคนเข็นแล้ว มันจะต้องผ่านไปได้ด้วยดี...


-บรื้น!-


“อ๊าก! โคลนกระเด็น”


มันเกือบจะผ่านไปได้ด้วยดีอยู่แล้ว ถ้าจู่ๆ ไม่มีเสียงร้องโวยวายของบีหนึ่งดังขึ้นมาพร้อมกับแรงผลักรถที่หายไป ทำให้รถทั้งคันกลับไปติดหล่มตามเดิม เผลอๆ จะหนักกว่าเดิม


กูจะบ้า!


ผมฟุบหน้าตัวเองลงกับพวงมาลัยรถอย่างเหนื่อยอ่อน


ชีวิตเฮียนี่หนอ ทำไมมันซวยอย่างนี้ หรือเพราะเมื่อเช้าไม่ได้สวดมนต์ไหว้พระก่อนออกจากบ้าน ต้องใช่แน่ๆ เฮียสัมผัสได้


ชีวิตหนอชีวิต


ผมลดหน้าต่างรถลงแล้วกวักมือเรียกให้สองคนนั้นกลับขึ้นมาบนรถ ส่วนตัวผมก็ต้องงัดเอาไม้ตายสุดท้ายมาใช้


ไม้ตายที่ถ้าไม่ใกล้ตายจริงๆ ก็ไม่อยากใช้สักเท่าไหร่


ผมหลับตานึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในใจแล้วจึงหยิบอุปกรณ์สื่อสารเครื่องจิ๋วมากดเบอร์โทรออกล่าสุด


-ตู๊ด ตู๊ด-


เสียงสัญญาณที่ดังขึ้นทำเอาผมอยากกดวางสายมันซะเดี๋ยวนี้เลย แต่ภาระหน้าที่การงานมันก็ค้ำคออยู่จนทำตามใจอยากไม่ได้ หวังเพียงแค่สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะช่วยบันดาลให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี


[สวัสดีครับ]


แค่ได้ยินเสียงอีกฝ่ายก็ทำเอาผมอยากกดวางสายเสียเดี๋ยวนี้เลย


ทำได้ที่ไหนล่ะ ปัดโธ่


“สวัสดีครับนายหัว ผมซีอิ๊วเองนะครับ”


ปลายสายนิ่งไปจนผมใจหายวาบ


[พูดมาสิครับ รอฟังอยู่]


เอ้า ก็ไม่บอก หลอกเฮียให้ใจหายเก้อเลย


“คือตอนนี้รถผมติดหล่มอยู่ตรงทางเข้าสวนน่ะครับ ไม่ทราบว่านายหัวพอจะหาคนที่จะพาพวกผมไป...”


[ขอสั้นๆ]


ใจร้าย คนใจหยาบ


แต่เฮียไม่บ่นออกเสียงหรอกนะ


“นายหัวพอจะส่งคนมาเอาข้าวจากผมได้ไหมครับ”


เขานิ่งไปเล็กน้อย


[อยู่ตรงไหน]


โอ้โห คำถามยาก ขอใช้สิทธิ์ผ่านได้ไหม


เอาน่า คนเราต้องยอมรับความจริงเนอะ


“ไม่รู้เหมือนกันครับ ฮ่าๆ”


หัวเราะตบท้ายไปนิดนึงพอให้ประโยคสนทนาดูไม่เครียดจนเกินไป


[ไม่ตลก]


อะ กูเครียดละเนี่ย


ก็เฮียไม่รู้ จะให้เฮียทำยังไงเล่า


“ไม่ได้ตลกครับนายหัว ผมไม่รู้จริงๆ”


ผมพยายามใช้เสียงที่ฟังเหมือนตาลุงหลงทางให้มากที่สุด เผื่อจะเรียกคะแนนความน่าเห็นใจคืนมาได้บ้าง


เหมือนจะได้ผล


อีกฝ่ายเงียบไปอึดใจก่อนจะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่นิ่มลงกว่าเดิมนิดหน่อย


นิดเดียวจริงๆ


[อยู่ตรงสวนยางหรือสวนปาล์ม]


ผมหันไปมองข้างทาง


“สวนยางครับ”


[เข้ามาทางไหน]


ทางถนน แต่ถ้าตอบไปรับรองว่าจบไม่สวยแน่นอน


“ทางที่ติดกับวัดน่ะครับ”


เขานิ่งไปเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง


[แถวนั้นมีหนำ (บ้านหลังเล็กๆ) อยู่ในสวนไหม]


โอ้โห คำถามยาก ขอเวลาเพิ่ม


ผมหันไปพยักหน้าเป็นเชิงว่าให้บีหนึ่งช่วยเฝ้ารถ ก่อนจะเปิดประตูลงไปเดินสำรวจบริเวณรอบตัว


หนำ หนำ หนำอยู่ไหนหนอหนำ


โอ๊ะ! นั่นมัน...


“หนำที่ว่านี่มุงสังกะสีใช่ไหมครับ”


[อืม]


บอกแล้วว่าเฮียตาดี สมแล้วที่พ่อบอกให้กินผักบุ้งมาแต่เล็กแต่น้อย


“มีอยู่หลังนึงครับ อยู่ในสวนลึกเข้าไปเลย”


[โอเค ผมรู้แล้วว่าเฮียอยู่ไหน รออยู่นั่นล่ะ]


พอพูดจบก็ตัดสายไปเลย


เอ้อเนอะคนเรา พูดเอง เออเอง ตอบเองก็ได้ด้วยเว้ย


ไม่เอาสิอิ๊ว ไม่บ่นๆ เขาจะมาช่วยเรานะเฮ้ย


 ผมเก็บมือถือลงกระเป๋าแล้วหันไปมองรอบๆ ตัว


สวนที่นี่มีอาณาเขตกว้างขวางมากถึงมากที่สุด ตั้งแต่ปากทางที่ติดกับถนนชุมชนเข้ามาก็สักพักได้แล้ว แต่ก็ยังไม่ถึงตัวบ้านของเขาสักที กะด้วยสายตาคร่าวๆ คงมีมากถึงสองร้อยไร่เห็นจะได้ ทั้งปาล์ม ทั้งยาง ทั้งลานเทปาล์มในรัศมีห้ากิโลเมตรรอบสวนนี้ล้วนเป็นของนายหัวกาจกล้าทั้งหมด


ผู้หญิงที่ได้แต่งงานกับเขานี่อย่าเรียกว่าตกถังข้าวสาร ถ้าจะให้ถูกต้องเรียกว่าตกลงไปในถุงข้าวสาลีและบู้ม! กลายเป็น...


“เฮียะ เอาไงต่ออะ”


เสียงตะโกนขัดจังหวะจากบีหนึ่งที่โผล่หน้าออกมาจากหน้าต่างรถทำให้ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่


ไอ้เด็กพวกนี้นี่รออยู่นิ่งๆ ได้ไม่เกินห้านาทีจริงๆ


“เดี๋ยวนายหัวเขาส่งคนมาเอาข้าว แล้วเดี๋ยวเราค่อยขอให้เขาช่วยเข็นรถให้แล้วกัน”


เด็กหนุ่มพยักหน้าหงึกหงักแล้วทำมือเป็นสัญลักษณ์ ‘โอเค’ ก่อนจะผลุบหัวหายกลับเข้าไปในรถตามเดิม


ผมอดหัวเราะให้กับท่าทางนั้นไม่ได้ แค่ลองคิดเล่นๆ ดูว่าผมไม่มีเด็กพวกนี้อยู่ข้างๆ แล้วต้องมาเผชิญกับสถานการณ์นี้คนเดียว
คงเป็นอะไรที่แย่น่าดู


ดีจริงๆ ที่มีเจ้าพวกลูกลิงนี่อยู่ด้วย











หลังจากยืนรอ นั่งรอ ตีลังการอไปได้ประมาณสิบนาที เสียงเครื่องยนต์คุ้นหูก็ดังมาจากทางด้านซ้าย พอเห็นไปดูจึงพบว่ามีรถกระบะสีขาวคันหนึ่งกำลังขับตรงมาอย่างช้าๆ ฟิล์มสีดำสนิทที่หน้าต่างรถทำให้ผมมองไม่เห็นว่าข้างในเป็นใคร ไม่รู้ว่าเป็นคนที่นายหัวส่งมาหรือแค่คนผ่านทาง แต่ด้วยลักษณะรถที่ดูสะอาดจนเกินควรทำให้ผมอดขมวดคิ้วไม่ได้


รถใช้ในสวนทำไมมันสะอาดกว่ารถผมอีก หรือจริงๆ แล้วเฮียเป็นคนสกปรก


อะ ปล่อยผ่าน อะไรที่คิดแล้วเข้าตัวก็อย่าไปคิดมันเลย


ไม่ช้าไม่นานรถคันนั้นก็มาจอดอยู่ตรงหน้าแต่จนแล้วจนรอดคนขับก็ยังไม่ยอมลงมาสักที ผมจึงเลือกที่จะหันหลังให้เขาเป็นสัญลักษณ์ว่า ‘รีบลงมาได้แล้ว กูรีบ’ แล้วกวักมือเรียกบีหนึ่งบีสองเป็นสัญญาณให้ลงมา ถ้ามันพิรี้พิไรมากนัก ผมก็จะช่วงเร่งให้เอง


“ให้เด็กขนของไปไว้ท้ายกระบะเลยแล้วกัน”


น้ำเสียงคุ้นหูที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้ผมต้องรีบหันไปมองแล้วพบว่า...


“นายหัว!”


อีกฝ่ายขมวดคิ้วยุ่ง


“ตะโกนทำไม”


กูตกใจไงโว้ย นี่นายหัวเลยนะ นายหัวกาจกล้าเลยนะเว้ย ขับรถมารับเฮียทั้งๆ ที่ปกติมีคนขับให้ตลอด อะเมซซิ่งมากๆ รู้สึกตัวเองสำคัญมากๆ บอกเลย


ผมส่งยิ้มแห้งๆ ไปให้อีกฝ่ายหนึ่งที


“ก็...ไม่คิดว่านายหัวจะมาเองน่ะครับ รู้สึกเกรงใจมากๆ เลย”


เขามองหน้าผมนิ่งๆ แล้วไม่พูดอะไรกับผม แต่เลือกจะหันไปสั่งบีหนึ่งบีสองแทน


“เอาข้าวไปไว้ท้ายกระบะเลย”


สองคนนั้นพยักหน้าหงึกหงักอย่างคนว่าง่ายแล้ววิ่งกุลีกุจอทำงานกันอย่างขะมักเขม้นทันที


แหม แหม ทีเวลาเฮียสั่งนี่นะ อิดออด สารพัดสารพันจะหาเหตุผลมาอ้าง เฮียล่ะเบื่อ


ผมเบนสายตากลับมามองคนข้างๆ ที่ยืนกอดอกนิ่งๆ ไม่พูดไม่จาอะไร


ใบหน้าของเขายังคงมีเสน่ห์เหมือนก่อน ไม่สิ มากกว่าก่อนด้วยซ้ำ มันเป็นใบหน้าที่จะบอกว่าหล่อก็ไม่ได้ สวยก็...ไม่เชิง ต้องเรียกว่ามีเสน่ห์น่ามองน่าจะเหมาะกว่า เขาเป็นคนสูงกว่าผมเล็กน้อย แต่รูปร่างโปร่งกว่า ผิวขาวเหลืองตามสภาพคนไทยเชื้อสายจีนรับกับเสื้อยืดคอปกสีฟ้าอ่อนยี่ห้อหรู


คนมีเงินก็เงี้ยะ


ไหนจะกางเกงขายาวสีน้ำตาลอ่อนกับรองเท้าหนังมันวับนั่นอีก บอกเฮียสิว่าทั้งตัวนี้กี่พัน


“มองอะไร”


เสียงเย็นๆ ที่เอ่ยทักทำให้ผมเลิ่กลั่กไปมาอย่างคนตั้งตัวไม่ได้ แต่บอกเลยว่าเฮียไม่ยอมรับอะไรง่ายๆ หรอกนะ


“อ๋อ มองรองเท้านายหัวน่ะครับ สวยดีนะครับเนี่ย ซื้อที่ไหนเหรอครับ”


เขาก้มมองรองเท้าตัวเองแวบหนึ่งก่อนจะเงยหน้ากลับมามองผม


“สั่งตัด”


อะ จบ พอ เลิก กูไม่ถามราคาต่อละ


ไอ้ตอนแรกผมก็กะจะแก้เก้อด้วยการไปช่วยเด็กๆ ขนข้าว ถ้าไม่ติดว่าอีกคนพูดต่อขึ้นมาเสียก่อน


“อยากได้ไหมล่ะ”


คำถามของเขาทำให้ผมต้องหันไปทำหน้าจนใส่


“อยากสิครับ แต่ผมไม่มีเงินหรอก”


ผมเห็นริมฝีปากนั้นกระตุกยิ้มเล็กน้อย


“ก็พอรู้อยู่”


ไอ้เด็กเวร มีคนเคยบอกไหมว่าอย่าเหยียดคนจนน่ะฮะ!


แต่เฮียไม่พูดหรอกนะ เฮียขี้ขลาด


ในขณะที่ผมยังไม่รู้ว่าจะตอบอะไรออกไปดี เจ้าบีหนึ่งก็เข้ามาช่วยชีวิตผมไว้ได้ทันเวลาพอดีเป๊ะ


“โขะเสร็จแล้วครับ”


ถึงจะพูดผิด แต่ก็ขอยกความดีความชอบให้ไปในฐานะที่เข้ามาได้ถูกที่ถูกเวลามากๆ


ผมเห็นนายหัวพยักหน้าช้าๆ แล้วเดินกลับไปที่รถ


ต้องไปเอาเงินให้เฮียแน่ๆ เฮียสัมผัสได้


“แล้วจะยืนกันอยู่ทำไม ขึ้นรถสิ”


หืม? อะไรนะ


“งงอะไร ขึ้นรถสิ”


“นายหัวไม่ใช่ว่ามาเอาข้าว เอาเงินให้ผมแล้วก็ต่างคนต่างไปเหรอครับ”


ผมเห็นสายตาเหนื่อยหน่ายใจที่ส่งมาให้


เฮียผิดอะไรอี๊ก


“รถมันติดหล่ม วันนี้คนงานผมก็วุ่นกับงานอยู่ ไม่มีใครมาช่วยได้หรอก รถลากก็เอาไปใช้อยู่ วันนี้ก็พักที่สวนผมไปก่อนแล้วกัน พรุ่งนี้เขาจะเอารถลากกลับมาจากอ่าวลึก(ชื่ออำเภอหนึ่งในจ.กระบี่) ผมค่อยให้คนลากรถขึ้นมาให้”


เออ ความคิดดี


ไม่ได้สิโว้ย!


“งั้นเอาเป็นผมทิ้งรถเอาไว้ที่นี่แล้วขอติดรถใครสักคนกลับบ้านก็ได้ครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมค่อยมาเอารถ”


เขากอดอกแล้วส่งสายตาเรียบๆ มาให้


“ก็แล้วแต่นะ แต่ผมไม่ไปส่งแน่ๆ งานผมเยอะ ส่วนใครจะไปส่งคุณก็ให้เขามาลางานกับผมโดนตรงด้วย”


พอพูดจบก็กระโดดขึ้นรถไปเลย แถมยังทำท่าจะขับรถหนีผมไปอีก โอ๊ย ใจเย๊น พ่อเจ้าพระคุณรุนช่องเอ๊ย ใจร้อนแท้หนอ


ผมรีบหันซ้ายหันขวาไปมองหน้าเอ๋อๆ ของเด็กหนุ่มสองคนที่อยู่ด้านหลัง นอกจากจะไม่ช่วยเสนอความคิดดีๆ แล้วยังช่วงส่งยิ้มแห้งๆ เป็นสัญญาณว่า ‘ช่วยด้วย’ มาให้อีก


โอ้ย ชีวิตเฮีย


เอาไงดีนะ แถวนี้ก็ไม่ค่อยมีคนผ่านมาด้วย ตลอดเวลาที่รถติดหล่มก็ยังไม่ยักจะมีใครผ่านมาเลยสักคน สำคัญที่สุดเลยก็คือ...


เงินเฮียอยู่ไหน


แล้วเฮียเลือกอะไรได้ไหม เลือกที่จะไม่ไปได้รึเปล่า


“โอเคครับนายหัว ค้างก็ค้าง”


ผมรีบตะโกนออกไปหวังให้อีกคนได้ยิน แต่เหมือนระบบรถของอีกฝ่ายก็ดีเหมือนจะเหลือเกิน รถกระบะคันโตยังคงถอยหลังห่างออกไปเรื่อยๆ จนผมต้องหอบสังขารวิ่งตามไปเคาะกระจก


หน้าต่างรถถูกลดลงครึ่งหนึ่งพอให้เห็นใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มสะอกสะใจ


อย่าให้ถึงทีเฮียบ้างแล้วกัน


สำคัญคือไม่น่าจะมีวันนั้นด้วย


“ตกลงเอายังไง”


เขาเลิกคิ้วถามทั้งๆ ที่รู้คำตอบอยู่แล้ว นัยน์ตากลมโตฉายประกายแห่งความสะใจอยู่ในนั้นเสียจนล้นปรี่


เฮียล่ะอยากจิ้มให้ตาแตก


“ไปด้วยครับ”


ผมพูดด้วยน้ำเสียงค่อยๆ เหมือนตาลุงน่าสงสาร


“อะไรนะ ไม่ได้ยิน”


แหม ไม่ได้ยินเล๊ย รอยยิ้มบนหน้าเอ็งเนี่ยบานกว่ากระทะเฮียอีก


บ่นไปงั้นแหละ ยังไงก็ไม่มีทางเลือก


“ไปด้วยครับ”


แว็บหนึ่ง ผมเห็นแววตาบางอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนนัยน์ตาของเขาก่อนที่มันจะหายไปอย่างรวดเร็ว เหลือทิ้งไว้เพียงแววตาสะใจตามเดิม


หรือเฮียจะตาฝาด


ช่างมันเถ๊อะ


“งั้นก็ขึ้นมา ส่วนเด็กสองคนนั่นก็ให้ไปนั่งท้ายกระบะ”


ฮะ?


“ให้สองคนนั้นนั่งในแคปไม่ได้เหรอครับ”


“รถผมไม่มีแคป”


อะ เจริญ


“งั้นผมไปนั่งข้างหลังก็ได้นะครับ”


“อย่าเรื่องมาก”


“บีหนึ่งบีสองกระโดดขึ้นหลังกระบะเลยลูก”


จบเรื่องนี้ไปได้เมื่อไหร่ เฮียคงต้องไปทำบุญอย่างจริงจังแล้วล่ะ







**************************************************************************



เพลงยุคเก่านิดนึง ใครร้องตามได้เราคือเพื่อนกัน 5555555555


รอบหน้าเอาของวง UHT มาดีไหมน้า




:really2: :really2: :really2: :really2:




ปล.อ่าวลึกคือชื่ออำเภอหนึ่งในจังหวัดกระบี่น้า




หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 10 ถ้าไม่ท่องพาหุงก่อนออกจากบ้านฯ [2/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-12-2017 14:27:28
 :laugh:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 10 ถ้าไม่ท่องพาหุงก่อนออกจากบ้านฯ [2/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 02-12-2017 16:21:51
พูดจาอ้อมโลกอ่ะนายหัว บอกเฮียแกไปว่า มาค้างกับผมสิ ก็จบเรื่องละ
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 10 ถ้าไม่ท่องพาหุงก่อนออกจากบ้านฯ [2/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 02-12-2017 16:41:44
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 10 ถ้าไม่ท่องพาหุงก่อนออกจากบ้านฯ [2/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 02-12-2017 17:19:02
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 10 ถ้าไม่ท่องพาหุงก่อนออกจากบ้านฯ [2/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 02-12-2017 18:23:38
ได้ทีเลยนะนายหัว ที่จริงอยากจะชวนเขามาอยู่ด้วยตลอดไปเลยใช่ไหม ฮา
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 10 ถ้าไม่ท่องพาหุงก่อนออกจากบ้านฯ [2/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 02-12-2017 18:31:01
ตลกเฮียอ่ะ อ่านไปตลกความคิดเฮียไป
ถถถถถถถถ
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 10 ถ้าไม่ท่องพาหุงก่อนออกจากบ้านฯ [2/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 02-12-2017 19:21:33
ดุจริ๊งนายหัว
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 10 ถ้าไม่ท่องพาหุงก่อนออกจากบ้านฯ [2/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 02-12-2017 19:22:45
เฮียนี่ ไม่เคยทันนายหัวเลย
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 10 ถ้าไม่ท่องพาหุงก่อนออกจากบ้านฯ [2/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 03-12-2017 09:33:31
555 เฮียโดนนายหัวแกล้งตลอด
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 10 ถ้าไม่ท่องพาหุงก่อนออกจากบ้านฯ [2/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 13-12-2017 15:13:55
นายหัวอย่าใจร้ายกับเฮีย เฮียบอบบาง :hao7:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 10 ถ้าไม่ท่องพาหุงก่อนออกจากบ้านฯ [2/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 13-12-2017 16:10:00
 :z1:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 10 ถ้าไม่ท่องพาหุงก่อนออกจากบ้านฯ [2/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 24-12-2017 17:30:57
 :-[ พึ่งอ่านถึงตอนพิเศษ นี้อ่านตั้งแต่แรกชอบอิเฮียมาก มโนหนักมาก ชอบบบ

แอบลุ่นไห้เฮียเป็นเคะ้พราะชอบนิสับอิเฮียมาก อ่านแล้วรู้สึกมีความเพ้อซึ้งอีกนิดก็บ้าแล้วววว



เด็กมันร้ายเฮียแกจะตามมันทันไหมน้ออออ



หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 10 ถ้าไม่ท่องพาหุงก่อนออกจากบ้านฯ [2/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 04-01-2018 18:34:29
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || บทที่ 10 ถ้าไม่ท่องพาหุงก่อนออกจากบ้านฯ [2/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 05-01-2018 05:52:37
คิดถึงเฮียอิ๊ว :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || เลิก [ตอนพิเศษวันวาเลนไทน์] [14/2/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 14-02-2018 21:46:42
เลิก [ตอนพิเศษวันวาเลนไทน์]










ผมเคยเป็นคนที่ชอบของหวานมากๆ แต่ตอนนี้ชักจะไม่แน่ใจ...


“หนิงอ้าปากเร็ว อ้ามมม”


ภาพของชายหนุ่มหน้าหวานที่กำลังป้อนสตรอเบอร์รี่สีแดงสดเคลือบด้วยช็อกโกแลตวาววับเข้าไปในปากสวยได้รูปของหญิงสาวในชุดกระโปรงสีหวานชวนให้หัวใจของผมคันยุบยิบชอบกล


หงุดหงิดโว้ย หงุดหงิดจริงๆ โว้ย


“เฮียะ ทำหน้าแบบนี้นี่หึงอะดี้”


เสียงบีหนึ่งที่ดังขึ้นจากทางด้านซ้ายชวนให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ


“หึงอะดี้ หึงอะดี้”


เสียงบีสองที่ดังขึ้นมาตอกย้ำทำให้หน้าของผมรู้สึกเห่อร้อนขึ้นมาแปลกๆ จนต้องแกล้งหันไปตวาดพวกมันแทน


“ดี้แป๊ะเอ็งสิ ไปทำงาน!”


“เฮียะเขินอะดี้”


“เขินอะดี้ๆ”


คำแซ็วเสียงดังเรียกให้สายตาทุกคู่ที่อยู่ในร้านหันมาจับจ้องผมเป็นตาเดียวจนผมต้องเสแสร้งแกล้งเล่นมุกจนเอาตัวรอดจากเหล่าลูกค้ามาได้เกือบหมด...


ใช่...เกือบหมด


ดวงตากลมโตจับจ้องมาหาผมด้วยแววตาโหยหาอย่างที่ผมเองก็คาดไม่ถึง นัยน์ตาคู่นั้นฉายแววคิดถึงมากมายเสียจนผมต้องเบือนหน้าหนีอย่างช่วยไม่ได้


ไม่ไหว สบตาไม่ได้เลย


“พี่กาจขา ทานอีกสิคะ อ้ามม”


เสียงหวานออดอ้อนออเซาะเสียจนผมต้องเบ้ปากใส่อย่างรำคาญ ผู้หญิงก็แบบเนี่ยะ นังหนิงนี่ผมเห็นมาแต่เด็กๆ เมื่อวานยังกระโดดขึ้นซ้อนรถเครื่อง(รถจักรยานยนต์)ไอ้โชคเด็กวัดอยู่เล๊ย พอมาวันนี้ละทำมาใส่กระโปรงสีสวยเป็นคุณหนูเรียบร้อยเลยนะเอ็ง


เฮียล่ะอยากจะแหมให้ถึงศาลากลางจังหวัดจริงๆ


ยังไม่ทันที่ผมจะได้เบ้ปากใส่อย่างที่คิดไว้ จู่ๆ ความจริงบางอย่างก็โผล่ขึ้นมากระแทกเข้าในสมองอย่างจัง


...เขาจะรักกันแล้วมันเรื่องอะไรของเอ็งล่ะอิ๊ว...


...เลิกกันไปแล้ว ไม่มีสิทธิ์จะมาหึงหวงกันแล้วนะ...


เลิกกันไปแล้ว...


ใช่...พวกเราเลิกกันแล้ว


ผมถอนหายใจให้กับความรู้สึกปั่นป่วนในช่องอกที่เกิดขึ้นอย่างไม่รู้ที่มาที่ไปก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าไปด้านในร้าน


ไม่ชอบความรู้สึกที่ปลายจมูกแสบร้อนจนน้ำตารื้นขึ้นมาแบบนี้เลย


“เฮีย”


เสียงใสๆ ที่มักจะได้ยินเป็นเสียงแรกและเสียงสุดท้ายของวันมาตลอดหลายปีรั้งขาผมเอาไว้


ผมไม่ได้หันไป เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอยู่พักใหญ่


ผมรอ...ยืนรอโง่ๆ อยู่อย่างนั้นจนในที่สุดเขาก็ยอมพูดออกมา


“ชาเย็นแก้วนึงดิ”


อ่า...ให้ตายสิ ผมหวังอะไรอยู่กันนะ


เรื่องของเรามันจบไปแล้ว ความรักของเรามัน...


“เฮียขา น้องหนิงเอาคาปูชิโน่ แก้วใหญ่ หวานน้อย คินนี่ด้วยค่ะเฮีย”


แล้วความดราม่าทั้งมวลก็หายไป...


นังหนิงเอ๊ย รู้ไหมว่ากว่าเฮียจะน้ำตารื้นได้นี่บิ้วนานนะโว้ย!












กว่าผมจะปลีกตัวเข้ามาด้านในร้านได้ก็เสียเวลาไปมากโข เดี๋ยวคนนู้นก็สั่งอันนี้ เดี๋ยวคนนี้ก็สั่งอันนั้น สั่งกันเสียจนมือผมเป็นระวิง กว่าคนจะบางตาลงก็ปาเข้าไปช่วงบ่ายแก่ๆ เลยทีเดียว


เหนื่อย เฮียแก่แล้ว เฮียเหนื่อยง่าย


ผมหัวเราะขำๆ ให้กับสังขารของตัวเองแล้วเอนหลังพิงลงบนเก้าอี้ไม้ตัวเก่งที่อยู่คู่ร้านนี้มีตั้งแต่สมัยปู่ของผมยังมีชีวิตอยู่ อันที่จริงผมจะนั่งพักอยู่ด้านหน้าร้านเหมือนในทุกๆ วันก็ได้ แต่เพราะ...


มือของผมค้ำโต๊ะไม้ตรงหน้าเอาไว้แล้วชะโงกคอออกไปดูด้านหน้าร้าน ตรงนั้น ที่โต๊ะทางขวามือริมสุด ร่างสูงโปร่งที่คุ้นเคยยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะเดิมมาตั้งแต่เที่ยงแถมไม่มีท่าทีว่าจะจากไปไหนแม้ว่าสาวเจ้าที่มาด้วยกันจะอ้อนแล้วอ้อนเล่าก็ไม่ยอมกลับ
จะนั่งทำไมนานๆ ก็ไม่รู้ ไม่เห็นอยากจะเจอหน้าเลยสักนิด


ผมนอนฟุบลงบนโต๊ะไม้เก่าๆ อย่างอ่อนแรง ในหัวหวนคิดไปถึงเรื่องราวที่ผ่านมาเมื่อไม่กี่วันก่อน


‘เฮียแม่ง ทำไมปล่อยให้คนอื่นจับเนื้อจับตัววะ!’


ตอนนั้นจำได้ว่าอีกคนหัวเสียอย่างหนักที่เห็นผมกอดกับเพื่อนสมัยมัธยมที่ไม่ได้เจอกันมานานในงานเลี้ยงรุ่น


เด็กหนอเด็ก


‘นั่นก็ผู้ชาย เฮียก็ผู้ชาย ไม่เห็นมันจะมีปัญหาตรงไหนเลย!’


‘ผมก็ผู้ชายไหมล่ะเฮีย!’



น้ำเสียงนั้นทั้งเกรี้ยวกราด ทั้งดังลั่นเสียจนใจผมสั่น รู้ตัวอีกทีก็เผลอทะเลาะกันเข้าจนได้


ไม่น่าเลย...


‘เฮ้ยกาจ เฮียว่าเราพูดจาไม่รู้เรื่องแล้วว่ะ’


‘เฮีย ผมก็หึงเป็นป่ะวะ ผมเป็นผัวเฮียนะ!’



ผมไม่ชอบ ไม่เคยชอบที่จะต้องใช้คำประเภทผัวๆ เมียๆ กับอีกคนสักเท่าไหร่ เด็กคนนั้นก็รู้อยู่แก่ใจว่าผมไม่ชอบ แต่ก็ยังพูดออกมาจนได้


ผมไม่ผิดสักหน่อย


‘ถ้าจะพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้ก็เลิกกันไปเลยเหอะ!’


ปกติเวลาทะเลาะกันทีไร ผมก็มักจะพูดอะไรทำนองนี้ออกไปเป็นประจำอยู่แล้ว ไม่คิดเลยว่า...


‘ก็ดีเฮีย เลิกก็เลิก’


แล้วสุดท้าย เราก็เลิกกันจริงๆ ...


ไอ้ผมก็ไม่ได้เสียใจสักเท่าไหร่หรอก ภรรยาที่แต่งงานกันถูกต้องตามกฎหมายยังเคยโดนขอหย่ามาแล้วเลย นับประสาอะไรกับแค่แฟน พันธะก็ไม่มี สัญญาอะไรก็ไม่มีต่อกันสักอย่าง ถ้าวันหนึ่งมันจะต้องจากกันขึ้นมาก็นับว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้


แต่ก็นะ...


ผมถอนหายใจออกมาอีกเฮือกใหญ่ๆ หวังบรรเทาความรู้สึกปวดหน่วงๆ ในอกที่เกิดขึ้น


รู้ก็รู้ เข้าใจก็เข้าใจ แต่ไม่รู้ทำไมหัวใจถึงปวดหนึบหนับไปหมด


ไม่เห็นจะเข้าใจเลย...


“บีหนึ่ง ชาเย็นให้เฮียแก้วสิ”


จริงๆ แล้วกะอีแค่ชาเย็น ผมเดินออกไปตักเองได้อยู่แล้ว แต่ที่ต้องสั่งให้บีหนึ่งเอาเข้ามาให้ก็เพราะไม่อยากออกไปเจอหน้าคนที่นั่งไปยอมลุกนั่นล่ะ


ไม่อยากเจอเลย...


เปลือกตาผมปิดลงช้าๆ เพื่อรวบรวมลมปราณ...


“เฮียะ ชาเย็นโหมะ เอาโอเลี้ยงแทนได้มะ”


“เฮียะ เขาไม่กีโอเลี้ยงนะ คราก่อกินในคุกมาเยอะแล้ว ตอนโดจับใบขะขี่อะ จำได้มะ”


เดี๋ยวพวกมึงจะเป็นคู่แรกที่จะโดนเฮียสกัดจุด ไอ้พวกเด็กเวร เรื่องดีๆ ผมมีเป็นร้อยเรื่องดันไม่จำ มาจำเรื่องอะไรก็ไม่รู้


เสียงเอะอะจากด้านหน้าร้านของสองคนนั้นเป็นอะไรที่จะว่าชินก็ชิน ไม่ชินก็ไม่ชิน


มันสองคนเป็นบ้า คนปกติอย่างเฮียตามไม่ทันหรอกนะ จริงจริ๊ง


“เฮียะ โตะลงเอาน้ำอะไร”


“เอา...”


“เอาโอวัลติน”


เสียงที่แทรกขึ้นมากลางบทสนทนาของเราสามคนทำให้ผมชะงัก


“ว้าว นายหัวจะได้ด้วยอะเฮียะ”


หุบปากโว้ยบีหนึ่ง


“สุดยอดไปเลย โสะแล้วที่เป็นคู่กัน”


เอ็งก็เหมือนกันเลยไอ้บีสอง


“อะนายหัว เอาไปให้เฮียะด้านในเลย”


ไอ้บีหนึ่ง เอ็งหยุดความคิดนั้นเอาไว้ตรงนี้เลยนะ...


ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตะโกนห้าม มูลี่ที่ใช้กั้นระหว่างด้านหน้ากับด้านในร้านก็ถูกเปิดออกด้วยมือขาวเรียวที่ผมคุ้นแสนคุ้น ไม่กี่วิหลังจากนั้น คนๆ นั้นก็มายืนอยู่ตรงน้าผม


คนตรงหน้าก็ใส่เสื้อยืดโปโลสีขาวกับกางเกงสแล็คสีดำและร้องเท้าผ้าใบที่แพงหูฉี่เหมือนอย่างทุกที แต่ไม่รู้ทำไมใจผมถึงเต้นแรงนัก


เย็นไว้ใจเอ๊ย เดี๋ยวเขารู้ว่าเราตื่นเต้นง่ายนะเออ


“ไงเฮีย ไม่เจอกันไม่กี่วัน ซูบลงไปนะ”


“ซูบอะไร๊ เฮียสบายดีจะตาย เราเถอะ ผอมไปนะ”


ผมแสร้งหัวเราะอย่างไม่เป็นธรรมชาติชนิดที่ว่ามองมาจากกาแล็กซีแอนโดรเมด้าก็รู้ว่าเสแสร้งอยู่ ก็รู้ว่าไม่เวิร์ค แต่จะให้เฮียทำยังไงล่ะโว้ย


“ผอมสิ กินข้าวไม่ลง คิดถึงเฮียจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว”


ไม่ว่าเปล่า ขายาวๆ สองข้างนั้นยังก้าวเข้ามาหาผมทีละนิด ทีละนิด


“ไม่ได้กอดเฮียแล้วนอนไม่หลับเลย”


อย่าสิ...


“ขอโทษนะเฮียที่พูดจาไม่รู้เรื่อง”


บ้าจริง...


“กลับมาคืนดีกันนะ”


แล้วผมก็ถูกกอด


ถูกชายหนุ่มคนนั้นโถมตัวลงมากอดไว้แน่นเสียจนได้ยินเสียงหัวใจที่ถี่รัวของอีกฝ่าย


บ้า...บ้าชะมัดเลย


“ขอโทษ”


ผมซุกหน้าเข้ากับไหล่แข็งปั๋งของอีกฝ่าย


“ขอโทษที่พี่เองก็ทำตัวไม่ดี”


โอ๊ย เขินโว้ย พี่เพ่ออะไรกัน ร้อยวันพันปีไม่เคยพูดนะเนี่ย เขินไปหมด อยากจะบิดตัวไปมาให้เป็นขนมเกลียว


“อือ ก็ทำตัวไม่ดีจริงๆ นั่นล่ะ”


อ้าว ไอ้เด็กนี่ ดีได้ไม่ถึงสองนาทะ...


“ทั้งคู่เลยเนอะ”


อะ โอเค ถ้าเป็นแบบนี้ยอมก็ได้


ผมยกมือขึ้นโอบรัดแผ่นหลังของอีกคนเอาไว้ในอ้อมแขนเป็นการตอบรับ


น่าแปลกที่เขาหัวเราะ


“ชอบเวลาเฮียขี้อ้อนแบบนี้จัง”


“เพ้อเจ้อ”


“โธ่เฮีย วาเลนไทน์ทั้งที อย่าดุกันสิ”


ไม่ว่าเปล่า ยังถือวิสาสะก้มลงมาหอมแก้มผมไปทีนึงด้วย


ไอ้คนฉวยโอกาสเอ๊ย...


“งั้นวันนี้กลับไปนอนบ้านกันนะเฮีย”


“อือ”


“หลังจากนี้ ไม่เลิกกันแล้วนะเฮีย”


“อือ”


“ถ้างั้น...”


จู่ๆ เขาก็ดันตัวออกจากอ้อมแขนของผมก่อนจะค่อยๆ ย่อตัวลงนั่งคุกเข่า มือสองข้างของเขากุมมือของผมไว้ในอุ้งมือ นัยน์ตากลมโตช้อนมองผมราวกับต้องการอ้อนวอนขอบางอย่าง


“แต่งงานกันนะครับ”


ผมเบิกตาค้างแล้วอ้าปากกว้างด้วยความตกใจ


ยอมรับว่าสภาพของตัวเองค่อนข้างจะทุเรศทุรังอยู่พอตัว แต่คนมันตกใจไง ไม่หัวใจวายก็บุญแล้วโว้ย


แต่สภาพของผมไม่ได้สำคัญเท่ากับอีกคนเลย...คนๆ นั้น นายหัวเจ้าของสวนนับร้อยไร่ที่แสนปากร้ายคนนี้กำลังคุกเข่าอยู่ตรงหน้าผม เขาหัวเราะด้วย...ทั้งหัวเราะทั้งยิ้มกว้างอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน มือเรียวสวยสองข้างประคองกล่องกำมะหยี่สีเหลืองไว้กล่องนึง


สีเหลือง...สีที่ผมชอบ


“อยู่กับผม เป็นคู่ชีวิตของผมได้ไหมครับ”


เสียงนั้นกำลังวอนขอ...เขากำลังขอความรักจากผมเหรอ


บ้า...บ้าชะมัด


“ไม่ร้องสิเฮีย”


ผมเปล่าร้องสักหน่อย ใครร้องกัน ไม่มี๊


“ตกลงจะแต่งไหมครับ”


“เออ”


จำได้ว่าตัวเองตอบไปแค่นั้นเอง หลังจากนั้นภาพทุกอย่างมันก็เบลอๆ ฟุ้งๆ เหมือนเอ็มวีเพลงรักไปหมด อันที่จริงผมก็เป็นพวกความจำดีอยู่นะ แต่ก็คิดว่ายังไงก็ต้องเขียนบันทึกประจำวันเกี่ยวกับวันนี้ลงไปในสมุดไดอารี่สักหน่อย หัวข้อของมันก็น่าจะเป็น...


‘วาเลนไทน์ปีที่สี่สิบของชีวิตกับการถูกขอแต่งงาน’ ล่ะมั้ง







หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || เลิก [ตอนพิเศษวันวาเลนไทน์] [14/2/61]
เริ่มหัวข้อโดย: fsbeentaken ที่ 14-02-2018 22:08:23
น่าร้ากกกกกกกก

ยังรอคุณกาจกะเฮียอยู่นะคะะะ

 :mew1:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || เลิก [ตอนพิเศษวันวาเลนไทน์] [14/2/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Ni-Jaa ที่ 14-02-2018 22:25:19
คิดถึงเฮีย เมื่อไหร่จะกลับมา
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || เลิก [ตอนพิเศษวันวาเลนไทน์] [14/2/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 14-02-2018 23:29:34
รออยู่นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || เลิก [ตอนพิเศษวันวาเลนไทน์] [14/2/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 14-02-2018 23:46:20
 :man1:


 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || เลิก [ตอนพิเศษวันวาเลนไทน์] [14/2/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 17-02-2018 02:55:25
มันดีอ่ะะะะ แง
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || เลิก [ตอนพิเศษวันวาเลนไทน์] [14/2/61]
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 17-02-2018 13:38:10
โอยยยยย คิดถึงเฮียกับคุณกาจจจจ
เป็นวาเลนไทน์ที่ตื้นตันมากค่าาา

เราจะรอตอนหลักต่อไปค่าาาา
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || เลิก [ตอนพิเศษวันวาเลนไทน์] [14/2/61]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 17-02-2018 14:50:18
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || เลิก [ตอนพิเศษวันวาเลนไทน์] [14/2/61]
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 24-07-2018 19:18:21
ยังรอคุณกาจกับเฮียอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || เลิก [ตอนพิเศษวันวาเลนไทน์] [14/2/61]
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 25-07-2018 20:17:57
คิดถึงจัง..เมื่อไหร่จะกลับมานะ ฮรึก :hao5:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || เลิก [ตอนพิเศษวันวาเลนไทน์] [14/2/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 26-07-2018 07:24:40
มาไหร่ผัดซีอิ้วจะมาเสริฟน้านั่งรอนานแล้ว   :impress3:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || เลิก [ตอนพิเศษวันวาเลนไทน์] [14/2/61]
เริ่มหัวข้อโดย: enas290843 ที่ 20-02-2019 09:01:18
ยังมีหวังอยู่มั้ยน้า พึ่งมาอ่าน รอซีอิ๊วอยู่น้อ
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || เลิก [ตอนพิเศษวันวาเลนไทน์] [14/2/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 20-02-2019 13:01:38
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || เลิก [ตอนพิเศษวันวาเลนไทน์] [14/2/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 22-02-2019 03:15:39
ต้องมาอัพต่อแล้ววววว  :katai4:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || เลิก [ตอนพิเศษวันวาเลนไทน์] [14/2/61]
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 22-02-2019 12:58:46
น่ารักมากๆเลย เฮียคนซื่อกับน้องคนซึน มาต่อเร็วๆน้า :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผัดซีอิ๊ว #คุณกาจหาเมีย || เลิก [ตอนพิเศษวันวาเลนไทน์] [14/2/61]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ด ที่ 04-05-2020 01:19:15
คิดถึงเรื่องนี้มากๆนะคะ ว่างเมื่อไรก็กลับมาต่อนะคะ