[เรื่องสั้น]หอพักไม่จำกัด(คน)รัก 8P {จบ}
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=24694.0อันนี้ลิ้งค์ของน้อง kyoya11 ถูกย้ายไปยังนิยายที่เขียนจบแล้วค่ะ ^^~
***************************************************************************************************
หอพัก(รัก)ชาย(2) ครึ่งแรก
ตอนนี้ผมกำลังนั่งเล่นอ่านหนังสืออยู่ในชมรมห้องสมุดของมหาวิทยาลัย เสียงเข็มนาฬิกาดังชัดเจนท่ามกลางความเงียบ ตรงข้ามผมเป็นรุ่นน้องชื่อเปอร์ซึ่งพวก 5 คนนั้นเหมารวมกันเอาเองว่าแอบชอบผม ทั้งๆที่กลับกลายเป็นว่ามันแอบเหล่เพื่อนมันที่ชื่อน๊อบต่างหาก น๊อบเป็นคนน่ารักดีอยู่ข้างๆห้องกับผม น้องเขาไม่ค่อยได้คุยกับผมเท่าไหร่พยายามเลี่ยงๆตลอด สงสัยคงกลัวจะโดนเจ้าเด็ก 5 คนนั่นจ้องด้วยสายตาอาฆาตแค้นอีก
ผลเดือนของมหาวิทยาลัยปีนี้เป็นไปตามคาด เมื่อฝิ่นได้รับตำแหน่งไปครอง โดยมีเอิร์ธเข้ามาแสดงความยินดีในฐานะที่เป็นรุ่นพี่ปีก่อน ส่วนเดือนรุ่นผมน่ะเหรอ? แน่นอนว่าไม่ใช่ผมล่ะ ผมผอมบางขนาดนี้เป็นเดือนสงสัยจะไม่รอดโดนเขี่ยทิ้งตั้งแต่แรกเห็น
ตั้งแต่วันที่ผมมีเซ็กซ์กับเด็ก 5 คนนั้นเป็นครั้งแรก ร่างกายของผมก็แทบจะพังอยู่เหมือนกัน เพราะความที่ชอบหมกตัวอยู่กับห้องสมุดไม่ชอบออกกำลังกาย ร่างกายจึงไม่แข็งแรงเท่าไหร่นัก พักหลังมานี้ผมเลยพยายามหลบหน้าเจ้าพวกนั้นแอบไปออกกำลังกายในฟิตเนสหลังเลิกชมรมทุกเย็น แต่พอกลับถึงหอพักก็โดนเจ้าพวกนั้นผลัดกันเข้ามาออดอ้อน ถึงไม่ได้มีเซ็กซ์กันอีกแต่ผมรู้ดีว่าเจ้าพวกนั้นต้องการมากแค่ไหน
ทุกครั้งที่พวกนั้นเข้าห้องน้ำไปผมมักจะรู้สึกได้ว่ามีเสียงครางลอดออกมา แอบช่วยตัวเองเวลาอาบน้ำกันโดยพยายามไม่ให้ผมรู้เพื่อที่ผมจะได้สบายใจ
“เอ็กซ์ เป็นอะไรปวดหัวเหรอ?” ผมเงยหน้าไปมองกานต์ เดือนของมหาวิทยาลัยรุ่นเดียวกับผม หมอนั่นเองไม่ได้อยู่ชมรมห้องสมุดซะหน่อยนี่นา
“ไม่เป็นอะไรหรอก ว่าแต่กานต์มีอะไรหรือเปล่า?”
“เปล่า...ดูเอ็กซ์เครียดๆ เราเลยเข้ามาทักดู ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วล่ะนะ” รอยยิ้มหวานถูกส่งมาให้ผม ผมเองก็ยิ้มตอบกลับไปโดยไม่ได้คิดอะไร แต่สักพักมือใหญ่นั่นก็เข้ามาตบบ่าผมเบาๆ
“อย่าเครียดให้มาก แค่นี้ก็เรียนเป็นที่หนึ่งของคณะแล้ว เกียรตินิยมอันดับหนึ่งไม่รอดมือนายหรอก”
“เป็นอย่างนั้นก็ดีน่ะสิ ขอบใจมากนะ นายเองก็พยายามเข้าล่ะ จ้องแย่งเกียรตินิยมเราอยู่เรื่อย” ผมเอ่ยแซวไปตามประสาคนรู้จัก กานต์เองเป็นผู้ชายที่มีผู้หญิงมารุมไม่เว้นแม้วันหยุดราชการ แต่เจ้าตัวกลับยิ้มรับอยู่ตลอดไม่เคยมีท่าทีจะตกลงปลงใจคบกับใครเลยสักคน ไม่เจ้าชู้ อยู่ในกฎระเบียบ เป็นทั้งนักศึกษาและเดือนตัวอย่างของมหาวิทยาลัย
“โธ่! ดูพูดเข้าสิ เราขอเกียรตินิยมอันดับสองแล้วกัน อย่าใจร้ายไปหน่อยเลย” ผมหลุดขำออกมาเมื่อเห็นกานต์ทำหน้ามุ่ย เจ้าชายที่หลายคนใฝ่ฝันมายืนทำหน้าตาตลกเห็นแล้วก็อดรู้สึกว่าน่ารักไม่ได้
“นายนี่น่ารักแฮะ ฮ่าๆๆ” ผมพยายามกลั้นเสียงหัวเราะให้เบาที่สุดเพราะตอนนี้คนรอบๆ เริ่มหันมามองผมสองคนกันแล้ว
“น่ารัก แต่เอ็กซ์ก็ไม่ได้รักเรานี่” คำพูดของกานต์ทำให้ผมหยุดหัวเราะทันที ใบหน้านั้นดูหมองลงจนผมอดใจหายไม่ได้ เพราะผมทำให้กานต์ต้องกลายเป็นคนเงียบขรึมไปพักใหญ่
“ขอโทษนะ...เรา....”
“เฮ้ย! เราล้อเล่น ไม่เป็นไรหรอกเราเข้าใจความรักบังคับกันไม่ได้” คงเพราะกานต์ยังคงเป็นกานต์คนเดิมอยู่เสมอ แม้ว่าผมจะเคยปฏิเสธไปแล้วว่าผมกับเขาคบกันอย่างคนรักไม่ได้ แต่กานต์เองก็ยังทำตัวเสมอต้นเสมอปลาย ดีกับผมยังไงก็ยังคงเป็นอย่างนั้นอยู่เสมอ แม้ว่าช่วงแรกจะพยายามหลบหน้าผม ซึ่งเหตุการณ์มันก็เกิดตั้งแต่ช่วงผมอยู่ปี 1 นั่นหมายความว่าเจ้าพวก 5 คนนั้นไม่ได้รับรู้เรื่องราวเหล่านี้
“พี่เอ็กซ์ครับ เปอร์กลับก่อนนะครับวันนี้เปอร์มีนัดกับน๊อบ” เจ้าเปอร์พูดขึ้นมาผมถึงได้เหลือบมองดูนาฬิกาข้อมือ
“อ๊ะ! ขอโทษทีนะเปอร์ กลับได้เลยนี่มันก็ถึงเวลาเลิกแล้วด้วย”
“ไม่ต้องขอโทษผมหรอกพี่ ผมกลับนะพี่ อ่อ! สวัสดีครับพี่กานต์” เปอร์ยกมือไหว้ผมกับกานต์ก่อนจะวิ่งออกไป
“เปอร์น่ารักดีนะ” อยู่ๆ กานต์ก็พูดออกมา
“เสียใจด้วย คนนั้นมีเจ้าของแล้ว กานต์เองก็น่าจะหาใครสักคนได้แล้วนะ” ผมลุกขึ้นเก็บหนังสือเข้าชั้นให้เรียบร้อยก่อนจะหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายเตรียมจะกลับหอพัก
“ให้เราเดินไปส่งที่หอพักนะ” กานต์ไม่ตอบรับกับคำพูดของผม มีเพียงรอยยิ้มซึ่งผมรู้ดีว่ามันไม่เหมือนเดิม
“อืม...ได้สิ ไม่มีปัญหา” ผมยิ้มแล้วเดินนำกานต์ออกไปจากห้องสมุดของมหาวิทยาลัย
ระหว่างทางนั้นมีแต่พวกสาวๆ มากมายเข้ามารุมล้อมกานต์ แต่เขากลับทำหน้าตาเฉยเมยใส่ไปเสียทุกคน ทั้งที่ปกติจะยิ้มแย้มไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นแท้ๆ
“กานต์...เรามีคนรักแล้วนะ” ผมพูดออกไปโดยหวังว่าคนข้างๆ ผมจะเข้าใจ และตัดใจจากผมได้เสียที
“เรารู้เอ็กซ์...แต่เราอยากดูแล อยากเป็นห่วง แค่เพื่อนก็ได้” ผมเจ็บกับคำพูดของเขา ผมรู้สึกเหมือนตัวเองได้ลงมือทำร้ายผู้ชายแสนดีคนหนึ่งลงไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“กานต์ เราถามอะไรหน่อยสิ เราเองก็ไม่ได้มีอะไรสะดุดตาแบบคนอื่น หุ่นเราเองก็ไม่ได้ดีแบบนาย ผิวเราก็ขาวซีดๆ แถมเรายังเป็นพวกชอบเก็บตัวอีก แม้หน้าตาเราพอไปวัดไปวากับเขาได้ก็เถอะ แต่ทำไมกานต์ถึง...”
“รักเอ็กซ์...” ผมนิ่งไปกับคำพูดซึ่งผมพูดไม่จบแล้วกานต์เติมมันให้สมบูรณ์
“ใช่...ทำไมต้องเป็นเราด้วยล่ะ”
“เอ็กซ์ไม่เคยรู้ตัวเลยเหรอว่าตัวเองเป็นคนใจดีน่ะ ถึงเอ็กซ์จะไม่ค่อยพูดกับคนอื่นมากนักแต่เอ็กซ์ก็จริงใจเสมอเวลาที่จะคบกับใครสักคนไม่ว่าฐานะไหน เวลาใครไม่สบายใจเอ็กซ์เป็นคนแรกที่รู้แล้วเข้าไปปลอบใจ เวลาใครมีปัญหาเอ็กซ์ก็ยินดีจะรับฟังและช่วยแบ่งเบาเรื่องเหล่านั้น เวลาที่เอ็กซ์ยิ้มนั่นก็ทำให้เราตกหลุมรักอย่างห้ามใจตัวเองไม่ได้ เอ็กซ์ถ่อมตัวไม่เคยชมตัวเอง แต่รู้หรือเปล่าว่าเอ็กซ์เป็นผู้ชายที่หน้าสวยมาก แต่นั่นไม่ใช่ที่เรารักเอ็กซ์ เราแค่รักที่เอ็กซ์เป็นเอ็กซ์ไม่ใช่คนอื่น...”
กานต์เงียบไปสักพัก ผมหันไปมองหน้าก็เห็นรอยยิ้มที่สดใสนั่นกลับคืนมาเหมือนเดิมอีกครั้ง หัวใจผมไม่ได้เต้นแรงไปกับคำพูดของเขา มันเพียงแค่อิ่มเอิบที่รู้ว่ายังมีใครอีกคนคอยเฝ้ามองดูผมอยู่ไม่ไกลนัก และผมเชื่อว่าต่อจากนี้ผมกับเขาจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้
“ขอบคุณนะกานต์”
“ไม่ต้องหรอก...เราต่างหากต้องขอบคุณเอ็กซ์ที่ให้โอกาสเราได้พูดสิ่งที่เราอยากพูดมานานออกมา ตอนนี้เรามั่นใจขึ้นแล้วว่าเราจะเป็นเพื่อนกับเอ็กซ์ได้อย่างแน่นอน” กานต์ยิ้ม ผมเองก็ยิ้มให้กับเขา รู้สึกเหมือนเรื่องราวต่างๆกำลังดำเนินไปทิศทางที่ดี และวันนี้ผมเองก็ตัดสินใจจะทำบางอย่าง ผมจะไม่เห็นแก่ตัวอีกต่อไป
“ถึงแล้วล่ะ ขอบคุณที่เดินมาส่งเรานะกานต์”
“ไม่เป็นไรๆ ไว้เจอกันพรุ่งนี้” กานต์โบกมือลาผมก่อนเดินกลับไปทางมหาวิทยาลัย เพราะรถของกานต์จอดเอาไว้ที่นั่น แต่หอพักของผมไม่ได้ไกลจากมหาวิทยาลัยนัก ผมเองชอบที่จะเดินกานต์จึงเลือกจะเดินมาเป็นเพื่อนผม
ผมมองดูกานต์เดินหายไปจนลับสายตาก่อนจะเดินขึ้นหอพักตามปกติ พอเปิดประตูห้องเข้าไปผมก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นฝิ่นนั่งอยู่ตรงโต๊ะเขียนหนังสือมีสีหน้าเคร่งเครียดผิดปกติ เวฟเองก็นั่งเงียบอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง สองฝาแฝดโฟมกับฟิวส์นั่งอยู่บนเตียง ใบหน้านั้นมีร่องรอยของคราบน้ำตาอยู่ ส่วนมิกซ์ที่ปกติต้องวิ่งเข้ามากอดผมเป็นคนแรกกลับนั่งร้องไห้ฟูมฟายอยู่ข้างๆกับสองฝาแฝด
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมทำท่าทางกันแบบนั้น” ผมตรงเข้าไปดึงมิกซ์เข้ามากอดก่อนจะลูบหัวโอ๋อย่างเคย แต่กลับถูกเจ้าตัวสะบัดตัวออกไม่ยอมให้ผมกอด
“พี่เอ็กซ์เลิกทำดีกับพวกเราซะที ทั้งๆที่รังเกียจพวกเราแล้วจะมาทนทำไม!” อยู่ๆมิกซ์ก็ตะโกนใส่หน้าผมแบบนั้นทำให้ผมถึงกับผงะไม่รู้ว่าตัวเองไปทำอะไรให้ไม่พอใจเข้า
“อะไรกัน อยู่ๆก็ทำท่าทางแบบนั้น ใครอธิบายให้พี่เข้าใจที” ผมถามอย่างใจเย็นพลางหันไปมองใบหน้าของฝิ่นซึ่งแม้จะดูเครียดก็ยังพอจะมีสติมากที่สุดในหมู่เจ้าเด็กทั้ง 5 คน
“พี่เดินกลับมากับพี่กานต์ใช่ไหม?” ฝิ่นไม่ยอมเงยหน้าแต่กลับย้อนถามผมด้วยคำถามที่ผมไม่คิดว่าจะเป็นปัญหาตรงไหน
“ใช่...มีอะไรหรือเปล่า?” ผมเดินเข้าไปหาฝิ่นจับหน้าของเขาให้หันมามองสบตากับผม แต่เจ้าตัวกลับพยายามก้มหน้าหลบสายตาของผมไม่ยอมจ้องหน้ากันตรงๆ
“ถ...ถ้าพี่รักพี่กานต์ พ...พวกผมจะยอมถอยให้ ข...ขอ...ค...แค่ให้พี่มีความสุขก็...ด...ดีใจ” ฝิ่นพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก แต่หยดน้ำอุ่นๆที่ไหลเปียกมือของผมซึ่งจับใบหน้าของฝิ่นเอาไว้ทำให้รู้ว่าคนตรงหน้าของผมกำลังร้องไห้ ไหล่กว้างที่สั่นน้อยๆ ดูก็รู้ว่ากำลังพยายามฝืนกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้
“ใช่...พี่รักกานต์” ผมพูดเพียงเท่านั้นน้ำตาของฝิ่นก็ยิ่งไหลออกมามากขึ้น
ผมพยายามดันหน้าของฝิ่นให้เงยขึ้นมาสบสายตาของผม ใบหน้าคมนั่นกำลังร้องไห้ออกมาอย่างหมดท่า ความคิดและคำพูดที่ว่าจะฆ่าทุกคนที่มายุ่งกับผมมันหายไปไหนกัน เด็กดื้อที่เอาแต่ใจตัวเองทำไมถึงได้ยอมผมได้ขนาดนี้ ผมจะเข้าข้างตัวเองได้หรือเปล่าว่าเพราะเขารักผมมากจริงๆ
ผมยิ้มออกมาเล็กน้อย เหมือนผมจะได้รับรู้ถึงความรักความห่วงใยจากเด็กพวกนี้มามากแล้ว บางทีคงถึงคราวที่ผมต้องพยายามแสดงออกว่ารักเด็กพวกนี้มากกว่าคนอื่นๆ ผมดูเป็นคนที่จะดีไปกับทุกคน ทั้งที่จริงผมแค่อยากให้ทุกอย่างสงบสุขไม่อยากมีปัญหาทะเลาะวิวาทกับใครๆ แต่กลายเป็นว่าทำให้คนที่รักผมต้องไม่สบายใจแบบนี้
ผมก้มลงไปประคองหน้าของฝิ่นก่อนจะกดจูบเบาๆ บนริมฝีปากนั่น ฝิ่นจ้องมองผมด้วยแววตาที่ไม่เข้าใจในการกระทำของผม ไม่ใช่แค่ฝิ่นแต่รวมถึงเด็กดื้ออีก 4 คนนั่นด้วย
“วันนี้จะยอมให้เป็นพิเศษ แต่ขอร้องให้เข้าทีละคนนะ” ผมซึ่งกึ่งนั่งกึ่งยืนอยู่ตรงตักของฝิ่นก้มหน้าพูดประโยคแปลกๆ ด้วยความเขินอาย
“หมายความว่ายังไง ก็พี่รักพี่กานต์ไม่ใช่เหรอ? อย่ามาล้อเล่นกับพวกผมนะ!” โฟมตะโกนออกมาทั้งน้ำตาซึ่งดูเหมือนจะไหลตอนผมบอกว่ารักกานต์
“ล้อเล่นแบบนี้ไม่เห็นใจพวกผมหรือไงกัน” เวฟพูดด้วยน้ำเสียงแฝงความเจ็บปวดเอาไว้
“ก็รักกานต์....แบบเพื่อน แต่ว่าคนแถวนี้ไม่ใช่เพื่อนนี่” ผมพูดขนาดนี้ถ้ายังไม่เข้าใจผมเองก็ไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกัน แต่ผมเห็นแล้วว่าฝิ่นน่ะหยุดร้องไห้กลับมายิ้มเจ้าเล่ห์แทน
“แล้วรักพวกเราแบบไหนกันล่ะครับ”
“อ๊า....ฝิ่น...อ...อย่าแกล้งกันสิ” ผมครางอย่างลืมตัวเมื่อถูกฝิ่นรวบตัวเข้าไปนั่งบนตักแล้วซุกไซ้ซอกคอของผมอย่างหื่นกระหาย
“ทีละคน...งั้นผมขอก่อนแบบจัดเต็มแล้วกันนะครับ” ฝิ่นถอดเสื้อของผมและของตัวเองออก เพียงแป๊บเดียวร่างเปลือยเปล่าของผมก็นั่งอยู่บนเก้าอี้ซึ่งมีฝิ่นซึ่งเปลือยอยู่นั่งเป็นเบาะให้กับผม
สายตาของฝิ่นที่จ้องมองมาทำเอาผมแทบละลาย ผมเองไม่เก่งเกมรักเท่าไหร่นัก แต่ช่วงเวลาที่ขาดหายไปนั้นผมเองก็แอบไปศึกษาจากพวกอินเตอร์เน็ตมาบ้างเป็นครั้งคราว รวมถึงศึกษาเรื่องสรีระร่างกายกับจุดรวมของปลายประสาทบนร่างกายมา
ฝิ่นยังคงนั่งนิ่งไม่ทำอะไรคล้ายกับรอให้ผมเป็นฝ่ายเริ่ม ผมจับมือของฝิ่นขึ้นมาก่อนจะเริ่มดูดเลียบริเวณปลายนิ้วทีละนิ้วจนชุ่มไปด้วยน้ำลายของผม เห็นสีหน้าของฝิ่นเองก็เริ่มดูจะมีอารมณ์ซ้ำแท่งร้อนด้านล่างซึ่งแนบชิดอยู่กับรูสวาทของผมเองก็เริ่มจะแข็งตัวขึ้นมา ผมยิ้มอย่างเขินๆก่อนจะเริ่มกดน้ำหนักให้ส่วนนั้นของฝิ่นแนบชิดกับผมมากขึ้น มือของผมเอื้อมไปลูบไล้หน้าอกของฝิ่นลงไปจนถึงหน้าท้องแกร่งซึ่งเกร็งทันทีที่มือของผมไปสัมผัส
“อา...อือ....เลียหน่อยนะครับเอ็กซ์...” ฝิ่นครางออกมา
ผมเหลือบไปมองเด็กอีก 4 คนซึ่งนั่งหนีบข่มอารมณ์แล้วก็นึกขำ คงเพราะคำพูดของผมว่าขอแค่ทีละคนถึงได้นั่งอดทนกันอยู่แบบนั้น พอเห็นแบบนั้นนิสัยเสียๆของผมก็เริ่มออกลายจนได้ ผมก้มหน้าลงไปเลียเม็ดสีชมพูข้างหนึ่งของฝิ่นอย่างแผ่วเบา เพียงแค่ลากลิ้นผ่านเบาๆ แต่ทุกครั้งที่ลิ้นของผมไปสัมผัสร่างกายของฝิ่นก็จะสะดุ้งน้อยๆ ผมเงยหน้าขึ้นมองฝิ่นที่พยายามสะกดกลั้นอารมณ์ของตัวเองอย่างเต็มที่ แต่ท่อนเนื้อด้านล่างลำตัวของเขามันขยายใหญ่จนผมสัมผัสได้ชัดเจน
***************************************************************************************************
หยุดก่อน...หากคิดว่าค้างแล้วจะต่อว่าข้าพเจ้า = =" วันนี้เขียนได้แค่นี้จริงๆ
อีกประการโดนน้องเตรียมส่งขึ้นเมรุแล้วไม่ต้องเตรียมข้าวต้มปลาหรือกระเพาะปลา เพราะจะกิน Fuji
(โค้ง 1 ที) พรุ่งนี้จะพยายามเขียนฉากเรทให้มันจบๆซะ~~~! ขอบคุณที่ติดตามค่ะ