กระสวยร้อยหัวใจ
Part 2 กระแตเป็นเด็กเลี้ยงง่าย ไม่งอแงเกินจำเป็น เรื่องนี้พอเบาใจ ที่หนักใจต้องรีบจัดการเคลียร์ทุกอย่างให้ลงตัว ไม่อย่างนั้นไม่สามารถไปทำงานได้
“อ้าวพี่คร คิดยังไงอุ้มลูกมาด้วย วันหยุดนี่ค่ะ” กระสวยทักหลังผมอุ้มกระแตเดินเข้าร้าน
ตั้งใจทานมื้อเที่ยง หิวไส้กิ่วเพราะผิดเวลาจวนบ่ายสองแล้ว
“พี่มากินข้าว”
“ถ้างั้นส่งลูกให้สวยดีกว่าไหม” พูดพร้อมยื่นมือมารับ กระแตพอเห็นก็โจนตัวเข้าหา
“แม่..แม่” กระสวยหน้าแดง หลังลูกสาวผมเรียกแบบนั้น คงแปลกถ้ากระแตจะเรียกเฉพาะเธอ
ความจริงเจ้าหญิงน้อย เรียกผู้หญิงที่เจอไปหลายรายแล้ว
ตั้งแต่ตื่น กระทั่งพาตระเวนหาสถานเลี้ยงเด็กอ่อน ตั้งใจจัดการธุระเรื่องลูก วันอาทิตย์ไปที่ไหนติดต่อแสนลำบาก
เลยเถิดมาแถวที่ทำงาน คิดว่าหาใกล้บริษัทฯ สะดวกไปรับไปส่งด้วย คงทำโอทีไม่ได้อีก ห้าโมงครึ่งต้องรีบรับลูก
หากได้ที่ฝากเลี้ยงเรียบร้อยคงสบายใจไม่น้อย
จนแล้วจนรอดยังคงหาไม่ได้ ปัญหาใหญ่ไม่อย่างนั้น พรุ่งนี้จำเป็นต้องลางาน จัดการเรื่องลูกให้เสร็จก่อน
“ขอโทษนะ ที่ลูกพี่เรียกสวยแบบนั้น” รีบแก้สถานการณ์ ไม่อยากให้เธอกระอักกระอ่วน
“ไม่เป็นไรค่ะ มาเถอะสวยดูให้” พอส่งให้เธอ เจ้าหญิงน้อยซุกหน้ามุดอกเธอใหญ่ คงคิดถึงแก้วแน่ๆ
ปกติตื่นมาเจอแม่ ยังดีที่ลูกไม่ร้อง
กระแตเอาแต่เรียกสวยแม่ไม่ขาด เด็กกำลังหัดพูดหัดจำมักคิดเอาเอง กระสวยหน้าตาไม่ด้อยกว่าแก้ว
สัญชาติญาณเด็กแยกไม่ออกว่าหญิงหรือชาย หน้าอกเป็นเต้ากระเปาะ ดูเป็นหญิง ลูกผมพานสนิทใจด้วย
ระหว่างกินข้าว ลอบสังเกตไปด้วย น่าแปลกไม่น้อย กระแตไม่งอแง หลับปุ๋ยบนตักเธอซะอย่างนั้น
มือเรียวขาวลูบผมนุ่มอย่างอ่อนโยน ตาคมสวยมองลูกสาวช่างอบอุ่น เหมือนเธออยากมีลูกหรือเปล่า..?
กระทั่งอิ่ม เธอค่อยอุ้มลูกมานั่งฝั่งตรงข้าม
“สวยคงเมื่อยแย่” รับเอาลูกซึ่งหลับไม่รู้อิโหน่อิเหน่มานอนตักผมเสียเอง
“ไม่หรอกค่ะ ดีที่พี่ครมาบ่ายแก่ ลูกค้าบางตาแล้ว พอมีเวลาดูลูกให้พี่ เป็นไปได้สวยก็อยากมีนะ” เธอพูดยิ้มๆ
“เออ..แหะๆ” หัวเราะเก้อ อยากมีแล้วทำไงได้ เธอไม่มีรังไข่เสียหน่อย ยกเว้นไข่เธอมีอยู่แน่
“สวยแค่เปรย ว่าแต่พี่ครพาลูกมาทำไมแถวนี้คะ แล้ว..” คงอยากถามถึงแก้ว
“แก้วไปแล้ว ทิ้งลูกไว้กับพี่”
“ค่ะ..” ไม่มีความจำเป็นต้องปิด ไม่ช้าคงมีคนรู้อยู่ดี ใครเห็นผมกระเตงลูกไม่เห็นหน้าแม่ คงเดาได้ไม่ยาก
“หมายความอยากที่บอกแหละครับ” ผมเล่าให้เธอฟังคร่าวๆ
ไม่ลงรายละเอียดที่ทำให้แก้วดูแย่ไปกว่านี้ อ้างความจำเป็นต้องไปเรียนต่อ
“แล้ว..พี่ครทำไงต่อ”
“พี่กำลังหาสถานรับเลี้ยงเด็กอ่อน”
“แถวนี้มีสองแห่ง แต่แพงน่าดูเลยนะ” เรื่องนี้ผมรู้ดี
“พี่ต้องทำงาน ไม่อย่างนั้นใครดูลูกล่ะ” เธอเงียบ เราต่างเงียบไปเป็นครู่
“คิดตังค์เถอะ พี่ต้องพาลูกกลับแล้ว” จวนบ่ายสี่โมงเย็น กระแตยังหลับสนิท คงเพลียเพราะผมพาตะลอนแต่เช้า
“อย่าเพิ่งสิคะ น้องหลับอยู่เลย รถเมล์ไม่สะดวกหรอก” เธอบอกโดยไม่รอฟัง
กวักมือเรียกเด็กต่างด้าว ใช้ให้ไปเอาเบาะกับผ้าห่มในห้องมาเฉย
“ลำบากเปล่าๆ” เกรงใจ เธอพูดถูกลูกนั่งรถเมล์ตอนนี้ คงงอแงเพราะนอนไม่เต็มอิ่มแน่ๆ
“คิดมากจัง รู้จักมาตั้งนาน ช่วยอะไรได้ก็ช่วยกันไปค่ะ” พอเธอยืนยันอย่างนั้น
จำต้องเอาลูกนอนเบาะที่เธอปูเรียบร้อย ห่มผ้าให้อีกต่างหาก จากนั้นเธอง่วนให้เด็กปิดร้าน
ก่อนมานั่งคุยกับผม หลังทุกอย่างเสร็จสิ้นด้วยดี
“พี่ครจะว่าอะไรไหม” เธออ้ำอึ้ง ผมเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
“ว่าเรื่องอะไรครับ” ไม่เข้าใจ
“คือสวยมีเด็กช่วยงาน 4 คน จันนามีประสบการณ์เลี้ยงเด็กอ่อนมาก่อน
ถ้าพี่ครไว้ใจไม่ต้องเอาไปฝากเลี้ยงที่ไหนหรอก มาให้สวยช่วยเลี้ยงไหม” เข้าใจแล้วว่าเธอต้องการช่วยผม
“พี่ไม่ลำบากใจหรอก กลัวจะสร้างความลำบากให้สวยมากกว่า ไม่ยุ่งขายของเอาเหรอ”
“ไม่หรอกพี่ ยุ่งแค่ช่วงเช้ากับเที่ยง บ่ายสามปิดร้านแล้ว” นั่งคิดอย่างชั่งใจ
“ก็ดีนะ ร้านสวยใกล้บริษัทฯพี่นิดเดียว” ผมสามารถแวะมาดูลูกตอนพักเที่ยงได้
อยู่ดูแลช่วงเธอวุ่นขายของ พอผมเข้างานลูกค้าเธอก็ซาลงเยอะแล้ว
“สวยคิดค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ บอกพี่มาเถอะ” ใช่ดูถูกน้ำใจ แต่ผมไม่เห็นควรที่ต้องช่วยโดยไม่รับค่าตอบแทน
“อย่าคิดแบบนั้นสิพี่ สวยสงสารเด็กตัวเล็กๆ สวยเองไม่มีญาติที่ไหนช่วยได้ก็ช่วยกันไป เวลาร้านสวยมีปัญหา
พี่มาซ่อมให้ฟรีไม่เคยเรียกร้องค่าตอบแทนสักครั้ง” เรื่องนี้ผมไม่เคยติดใจ บางครั้งหลอดไฟหรือท่อประปาเธอรั่ว
ผมมาดูแลซ่อมให้ประจำ
“ยังไงพี่ก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี” มันไม่เหมือนกัน เลี้ยงเด็กควรมีค่าตอบแทน
“พี่ให้จันนาแค่เล็กน้อย ถึงเวลาสวยคงอาศัยจันนาดูแลลูกให้พี่ รับผิดชอบค่านมค่าข้าวปกติ ตกลงไหม”
พอเธอเสนอแบบนี้คงไม่มีทางเลี่ยง
“คงต้องตามนี้ล่ะนะ” เหมือนยกภูเขาจากอก
“อีกนิดค่ะ ถ้าไม่เป็นการละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวนัก” ผมชอบมารยาทที่เธอมีเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ
“ลองว่ามาดูสิ”
“สวยจำได้พี่เช่าห้องแถวอยู่ใช่ไหม”
“อืม..แล้วไงครับ”
“พี่อยู่กับลูกสองคน ห้องแถวไกลจากบริษัทฯมากนี่ค่ะ”
“ก็ไกลนะ” ผมต้องตื่นตีห้า ไม่งั้นเข้างานสาย เผื่อเวลาไม่น้อยเลยเชียว ปัญหารถติดเป็นอุปสรรคใหญ่
“สวยมาคิดดู พี่ตื่นเช้าแล้วลูกพี่ล่ะ กระแตพี่จะคุ้ยให้ตื่นมาพร้อมกันเหรอ” ลืมคิดข้อนี้เสียสนิท
“จริงสิ พี่ลืมเลย” เป็นปัญหาแล้วสิ
“แบบนี้ไหม นี่ใกล้สิ้นเดือนพี่คืนห้องเช่า ย้ายมาอยู่แถวบริษัทฯ สะดวกกว่านะ”
ประเด็นนี้คิดไว้นาน ติดว่าย่านบริษัทฯ ค่าเช่าถูกๆไม่มีนี่สิ
“พี่แบกภาระไม่ไหวหรอก ค่าใช้จ่ายสูง” บอกตามตรง
“ร้านสวยมีห้องว่าง ห้องของแม่สวยใช้อยู่ ห้องเก่าสวยยังไม่มีใครใช้ พวกเด็กๆอยู่ชั้นสองทั้งชั้น
พี่จ่ายค่าเช่าเท่าที่เดิมตกลงไหม” อะไรเธอจะดีกับผมขนาดนี้
“พี่เกรงใจสวย” ลูกน้องเธอต่างด้าวผู้หญิง สวยเองก็เป็นผู้หญิงไปเกินครึ่งแล้ว ดูไม่เหมาะเท่าไหร่เหะ
“เรื่องนั้นไม่ต้องกังวล นอกจากพี่แคร์สายตาคน” พูดซะผมสะอึก คงไม่มีทางไหนดีกว่านี้แล้ว
“ตกลงอาทิตย์หน้าพี่ย้าย สวยให้พี่วางล่วงหน้าเท่าไหร่” ตามระเบียบทั่วไปการเช่าห้องต้องมี
“เรื่องมัดจำล่วงหน้าไม่ต้องหรอก พี่จ่ายค่าเช่าเดือนแรกเข้ามาอยู่เลย ดีเสียอีกสวยมีรายได้เพิ่ม
ดีกว่าปล่อยห้องมันว่าง” คิดอย่างเธอก็ถูก สรุปตะลอนหาทางแก้ปัญหาเรื่องลูก กลับคว้าน้ำเหลว
มาโล่งอกหมดปัญหาตอนแวะทานข้าวร้านกระสวยนี่เอง
ไม่รู้ควรตอบแทนน้ำใจเธอไงดี ไว้เงินเดือนออกค่อยพาไปหาของอร่อยนอกบ้านสักมื้อ
ไม่เห็นเธอออกไปสังคมที่ไหนเลย คิดดังนั้นรู้สึกสบายใจขึ้นเยอะ ได้เวลากระแตตื่น
ผมกระเตงลูกกลับห้องพัก พร้อมความสบายใจโล่งขึ้นมากทีเดียว...?
มาอัพให้ก่อน กังวลพรุ่งนี้จะยุ่งจนลืมอัพ
สวัสดีปีใหม่ สุขสันต์ทั่วหน้ากันทุกคนค๊า
Luk.