Only You EP.13 [100%]ชิงช้าหยุดหมุน และมีคนออกมา พี่พนักงานหันมาเรียกเราสองคนให้ขึ้นไปนั่งต่อคนที่เพิ่งออกไปเมื่อครู่นี้ ผมยิ้มตื่นตาตื่นใจ กระเช้าเป็นโครงเหล็กกว้างขวาง มีกระจกหนาสีทึบติดรอบด้าน มีที่นั่งสองฝั่ง สามารถนั่งได้สี่หรือห้าคน แต่กระเช้าผมมีเพียงผมกับวิคเตอร์ อาจเป็นเพราะเราซื้อตั๋วเท่ากับสี่คน ด้านในนั้นติดแอร์ และมีแสงไฟอ่อนๆ เพื่อให้แสงสว่าง แต่ก็ไม่สว่างจนเกินไปเพราะเดี๋ยวจะทำให้มองวิวด้านนอกไม่ชัด
“มานั่งนี่มา” เขาพูดพลางตบตักเขาเบาๆ ผมหันไปยิ้มแห้งนิดหน่อย พูดกับเขาเสียงอ้อมแอ้ม
“นั่งตรงนี้ได้มั้ย ผมอยากมองวิวรอบๆ” วิคเตอร์หน้าตึง จ้องหน้าผมนิ่ง จนผมต้องลุกขึ้นช้าๆ ก้าวเดินไปนั่งบนตักเขาตามที่เขาต้องการ เขาโอบสองแขนไว้รอบเอวผม
“อยู่ตรงนี้ก็มองวิวได้” ผมถอนหายใจเล็กน้อย เอาหน้าผากไปโขกกับหน้าผากเขาเบาๆ ด้วยความหมั่นไส้
“เดี๋ยวมันไม่บลาลานซ์ไง”
“แค่นายนั่งตักฉัน ชิงช้ามันก็ไม่เอียงหรอกน่า” เขาบอกอย่างดื้อดึง บางทีก็ปล่อยให้ตูนั่งเองบ้างก็ได้ ห่างกันแค่นิดเดียวเอง
“เจ็บข้างในก้นอยู่มั้ย” เขาถามหลังจากที่ชิงช้าเริ่มเคลื่อนตัวเกือบถึงจุดสูงสุด ผมละสายตาจากวิวยอดตึกฝั่งตรงข้ามกับเอเชียทีคมามองเขา
“ก็มีเสียดๆ บ้าง…” เขาพยักหน้ารับนิดหน่อย
“…คุณหื่นมานานแค่ไหนแล้ว” วิคเตอร์อ้าปากค้างเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะเสียงดังลั่นกระเช้า เล่นเอาผมหน้าเหวอว่ามีอะไรน่าขำ ทำไมอ่ะ ถามว่าหื่นมานานรึยังมันตลกเหรอ
“Seriously?” ผมย่นคิ้วงงๆ แต่ก็พยักหน้าเร็วๆ
“Yes, I wanna know.” วิคเตอร์ยังส่งเสียงหัวเราะมาจางๆ แต่ก็พยายามกลั้นยิ้มเอาไว้ เขาบุ้ยปากไปมา พร้อมสายตาเป็นประกายอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ตอบคำถามผม
“ไม่รู้เหมือนกันนะ รู้แค่ว่าฉันชอบมีเซ็กส์ เวลามีเซ็กส์ ฉันเหมือนได้ปลดปล่อยความคิดทุกอย่าง รู้สึกโล่ง สบายตัว ไม่ปวดหัว ไม่คิดอะไรวุ่นวาย…” เขาร่ายยาวออกมาราวกับพูดแนะนำตัวเองว่าชอบกินอะไร หนังที่ชอบเป็นแนวไหน เพลงที่ฟังนั้นเป็นแนวร็อคหรือป๊อบ
“…เคยมีแม็กกาซีนถามฉันว่ายามว่างฉันทำอะไร ตอนนั้นฉันตอบว่าเข้าฟิตเนส แต่จริงๆ ฉันอยากตอบว่ามีเซ็กส์มากเลย” ผมยิ้มขำ แล้วสักพักก็อดอดหัวเราะไม่ได้ วิคเตอร์เห็นแบบนั้นก็หัวเราะตามผมไปด้วย ผมมองใบหน้าเขาที่ย่นเพราะรอยยิ้ม แล้วก็รู้สึกอิ่มใจ
“คุณช่วยตัวเองบ่อยมั้ย” วิคเตอร์เลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง
“ไม่บ่อยหรอก ส่วนมากมีสาวๆ มาให้ฉันอึ๊บบ่อย…” ผมแบะปาก วิคเตอร์เบิกตามองดุๆ แบบไม่จริงจังใส่ผม
“…อย่าหาเรื่องกันนะ อดีตก็คืออดีต ปัจจุบันฉันอึ๊บนายคนเดียว”
“แค่อึ๊บอย่างเดียวสินะ” ผมแกล้งมองจิกตาใส่เขา วิคเตอร์ยิ้มกว้างและหัวเราะเสียงเบา
“แต่เป็นการอึ๊บที่มีความสุขที่สุดโลก ฉันไม่เคยอึ๊บใครแล้วมีความสุขเท่าได้อึ๊บนายเลยนะ” อันนี้ผมควรยิ้มดีใจมั้ย หรือว่ายังไง คือผมทำตัวไม่ถูก มันคล้ายกับการที่พี่ปุ๋ย พรทิพย์ได้รางวัลนางงามจักรวาลคนที่สองของไทยรึเปล่า
“อันนี้คือผมต้องรู้สึกดีใช่มั้ย” ผมทำหน้าว่าสงสัยจริงๆ วิคเตอร์หัวเราะชอบอกชอบใจใหญ่ที่เห็นสีหน้าเหลอหลาของผม
“แค่รู้สึกว่าสารเอ็นโดฟินมันหลั่งออกมาเยอะมากเลยเวลาที่มีอะไรกับนาย เหมือนจะคลั่งตายให้ได้…” ผมแกล้งทำตาโตกลบเกลื่อนอาการเขินอาย วิคเตอร์ยิ้มหล่อน่ามองมาให้ แต่ผมก็แกล้งหลบสายตานั้นหันไปมองวิวแม่น้ำเจ้าพระยายามค่ำคืนแทน
“Maybe you can say ‘Victor crazy in Matt’. (เรียกได้ว่าวิคเตอร์คลั่งรักแมทได้เลยล่ะ)” โอเค ผมโดนจู่โจมจากคนที่อันตรายต่อหัวใจผมที่สุดในโลกอยู่
ใจเต้นจนหัวนมบวมหมดแล้วมั้ง
“Like a—crazy in love?”
“I second that. (อย่างนั้นละ)” ผมอมยิ้มขวยเขิน วิคเตอร์ยิ้มหล่อละมุนมาให้ใจเต้นเพิ่มขึ้น
“You falling in love with me, aren’t you? (ตกหลุมรักผมแล้วล่ะซี้)” ผมว่าเสียงแซว ทั้งที่จริงทำกลบเกลื่อนอาการเขินอายของตัวเองไปอย่างนั้นแหละ วิคเตอร์ยิ้มแฉ่ง ยื่นหน้ามาหอมแก้มผม
“Of course, baby. (แน่นอนสิครับที่รัก)” ก็ใจมันหายละลาย ละลาย ละลาย ละไหลไปกับเธอ~
เอาเข้าไปหน้าร้อน หน้าแดง ยิ้มจนแก้มจะแตก เสียงนุ่มๆ รอยยิ้มหล่อๆ คือมันเข้ากันมากเลยพ่อเอ๊ย แม่เห็นแล้วแม่มีอารมณ์ (ฮะ?!)
“ถ่ายรูปกันเถอะ” ไม่รู้จะพูดอะไรละ เนียนถ่ายรูปกลบเกลื่อนก็แล้วกัน วิคเตอร์ยิ้มขำเหมือนรู้ทัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ล้วงหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงและยื่นให้ผมเป็นคนจัดการ ผมกดปุ่มโฮมให้หน้าจอสว่างขึ้นมาและสไลด์หน้าจอเลือกโปรแกรมกล้อง ผมกดถ่ายรูปคู่กันเป็นอันดับแรก ฉีกยิ้มหลายแอค หลายท่า ก่อนที่ผมจะขอเขาไปนั่งฝั่งตรงข้ามเพื่อถ่ายรูปให้เขา ตอนแรกเหมือนจะไม่ยอมให้ไป แต่พอเขานึกได้ว่าแค่ไปถ่ายรูป เลยยอมปล่อยให้ผมลุกเดินไปนั่งฝรั่งตรงข้ามช้าๆ
“เก๊กหล่อหน่อยสิ” เขาทำตามที่บอก ยิ้มมุมปากเล็กน้อย แววตาสีน้ำผึ้งข้นทรงเสน่ห์มองมาทางกล้องอย่างชวนมอง ใจผมเต้นวูบวาบ เพราะเขาดูมีพลังมาก นี่ขนาดแค่ถ่ายรูปปกตินะเนี่ยยังเล่นซะใจสั่นรุนแรงเลย
“ฉันถ่ายให้มั่งมั้ย” เขาเสนอ ผมเลยยื่นมือถือให้เขา จัดโพสท่าเท่าที่จะทำได้ ฉีกยิ้มไปตามเรื่องตามราว วิวสวยไม่สวยกดถ่ายไว้ก่อน ค่อยไปเลือก
“อัพรูปลงอินสตาแกรมมั้ยครับ แฟนคลับคุณเขาจะได้ชื่นใจบ้าง”
“นายจัดการเถอะ” เขายื่นมือถือคืนมาให้ และตบตักเขาเบาๆ เป็นสัญญาณให้ผมกลับไปนั่ง ผมค่อยๆ ลุกขึ้น เดินไปนั่งตักเขาช้าๆ สองแขนเขายกขึ้นมาโอบเอวผมไว้ตามเดิม ผมนั่งก้มหน้าเลือกรูปเดี่ยวของเขา มีหลายช็อตที่ดูดี แต่ช็อตที่ผมเลือกคือตอนที่เขาหันไปมองวิวแม่น้ำเจ้าพระยาพอดี รู้สึกว่าองค์ประกอบมันลงตัว ผมหันรูปให้เขาดูว่าเลือกรูปนี้นะ เขาพยักหน้าไปเรื่อยเปื่อยประมาณว่าอยากทำอะไรก็ทำ
“เออ จริงสิ คุณไม่เห็นฟอโล่วอินสตาแกรมผมเลย” ผมบอกสีหน้างอง้ำ แต่มือก็ยังไม่หยุดแต่งรูปให้ดูสว่างขึ้นอีกนิด
“ฉันฟอโล่วไปแล้ว แต่ใช้อีกอัน” ผมย่นคิ้วแล้วหันไปมองเขาอย่างมึนงง
“อันไหน คุณมีสองแอคเค้าท์หรอ” ผมกระพริบตาปริบๆ มองพ่อหน้าหนวดที่แอบขบกรามแน่นครู่หนึ่ง
“อีกอันฉันเอาไว้แอบดูพฤติกรรมนาย” โอ้โห นี่คุณครูฝ่ายปกครองรึเปล่าเนี่ย มีการเฝ้าระวังพฤติกรรมกันด้วย
“จริงอ้ะ มีจริงเหรอ?!” เขายืนยันว่ามีแล้วบอกชื่อแอคเค้าท์ไอจีอีกอัน ผมรีบหยิบมือถือตัวเองออกมาเช็กดูทันที กดเข้าไปดูที่ Follower ก็เห็นชื่อแอคเค้าท์นั้นตามที่เขาบอกจริงๆ ด้วย
นี่ก็หมายความว่า เขาเองก็ไม่ได้ว่าหายไปจากผมซะทีเดียว เพียงแต่ซุ่มดูผมเงียบๆ เงี้ยอ่ะเหรอ
“นี่คุณเองหรอเนี่ย…” ผมบอกพลางเข้าไปดูแอคเค้าท์นั้น เขาตั้งเป็นไพรเวท รูปโปรไฟล์ก็ใช้เป็นรูปหมากับแมว ผมเพิ่งสังเกตว่ามันคือไมเคิลกับฟอกซ์ คือตอนที่เขาฟอโล่วผมมา ผมไม่ได้คลิกเข้าไปดูเลย เห็นเป็นหน้าหมาแมวก็คิดว่าพวกไอจีสัตว์โลกน่ารักละมั้ง เลยไม่ได้สนใจ แต่จำได้ว่าเวลาผมอัพรูปอะไร เขาจะกดไลค์เสมอ และยังตามไปกดไลค์รูปเก่าๆ ของผมด้วย ซึ่งอันที่จริงรูปใหม่ๆ ผมก็ไม่ค่อยได้อัพรูปตัวเองนักหรอก เพราะสภาพตอนนั้นไม่กล้าออกสื่อโซเชียลอย่างยิ่ง เลยได้แต่อัพรูปต้นไม้ ดอกไม้ วิวสวยๆ และคำคมดีๆ ซะมากกว่า
“…คนฟอโล่วยี่สิบเก้าคน ใครเนี่ย” ผมไม่ได้ถามแบบเมียหลวงจับผิดผัวนะ แค่นึกสงสัยเฉยๆ ว่าไอ้ยี่สิบเก้าคนนี่มันใครกัน คือยังจะมีคนตามฟอโล่วเขาอีกเหรอ ถือว่ายี่สิบเก้าคนนี้นี่คัดสรรมาแล้วใช่มั้ย
“พวกไอ้เบน ทีมงานซีรีส์ ทีมภาพยนตร์ ทีมเบื้องหลังอื่นๆ ที่สนิทกันจริงๆ มีออสตินด้วย และตอนนี้ก็จะเพิ่มนายเป็นคนที่สามสิบ” เขาจิ้มกดติดตามเองเสร็จสรรพ
“ว้าย เท่าอายุคุณเลย ตาแก่ คิกๆ” ผมยิ้มล้อเลียนเขา คนโดนว่าแก่ยิ้มกัดปากไว้ หน้าตาเขาบอกชัดเจนว่ากำลังมันเขี้ยวผม ถึงขั้นอาจอยากจับผมขย้ำบนชิงช้าเลยก็ได้
“แก่แต่ทำให้เด็กแถวนี้สลบคาเตียงบ่อยๆ ก็แล้วกัน” ผมทำตาปรือและทำจมูกบานใส่เขา วิคเตอร์ยิ้มกว้างจนเห็นร่องแก้มแบบที่ผมชอบ ผมเห็นละก็อดมันเขี้ยวไม่ได้เลยยกสองมือขยุ้มเส้นผมเขาเล่นจนมันยุ่งเหยิง ผมแกล้งกระตุกผมเขา อีกฝ่ายก็ส่งแอคติ้งมาดีมาก แสร้งทำสีหน้าว่าเจ็บมาก
“โอ๊ย เจ็บ…” เขาเบะปาก ร้องโอดครวญ เสแสร้งแกล้งทำทั้งนั้น ชิชะ! สมกับเป็นดารานักแสดง
“นี่นะ ถ้ามีชู้นะ ผมจะเอาเครื่องตัดหญ้ามาไถหัวคุณ” ผมแสร้งทำหน้าโหด ขยุ้มเส้นผมเขาไว้เต็มมือ วิคเตอร์เบิกตากว้าง ริมฝีปากบิดเป็นรอยยิ้มขำ แล้วสักพักเขาก็หัวเราะเบาๆ
“เอาเครื่องตัดหญ้าเลยเหรอ ทำไมเอเลี่ยนโหดจัง” ผมยังคงแกล้งทำหน้าโหดใส่เขา อีกฝ่ายหัวเราะเบาๆ ยื่นหน้ามาหอมแก้มผมหนึ่งฟอด
“ส่วนของฉันนะ ถ้านายมีชู้ ฉันจะจับนายล่ามโซ่แล้วขังไว้ในกรงหมา”
“อันนี้พูดจริงใช่มั้ย” ผมถึงกับหน้าเหวอไป ไอ้ยักษ์ไม่ตอบ ได้แต่หัวเราะหึๆ และยิ้มมุมปากอย่างมีนัยยะสำคัญ ผมเชื่อว่าอีตานี่ทำได้จริงนะ เพราะอุปกรณ์ก็เพียบพร้อมขนาดนั้น โซ่ในห้องเซ็กส์ทอยก็มีตั้งเยอะ หยิบมาล่ามผมไว้สักเส้นก็คงได้
“Sweet-giant. (ยักษ์จ๋า)” ผมเอ่ยเสียงหวาน ปล่อยมืออกจากเส้นผมเขา เอาหัวไปถูไถกับซอกคอเขาอย่างออกอ้อน ต้องออเซาะไว้ก่อน จะได้สลัดความคิดนั้นทิ้ง เขาไม่ตอบอะไรแต่ก้มลงมาหอมกลางกระหม่อมผมแบบที่เขาชอบทำ
“อัพรูปเสร็จรึยัง” เขาถามเสียงนุ่ม ผมเลยดึงหัวตัวเองขึ้นจากซอกคอเขา ก้มลงมองบนหน้าจอมือถือ ผมกำลังค้างเขียนแคปชั่นอยู่ เลยรีบเขียนให้เสร็จ ก่อนจะกดอัพโหลดให้เขา วิคเตอร์ดึงมือถือคืนไป กดล็อกเอ้าท์ออกจากไอจีที่มีแฟนคลับตามหลายล้านคน เข้าล็อกอินอีกไอจีหนึ่งที่มีคนตามไม่ถึงครึ่งร้อย พอเข้าไปได้เขาก็กดรับผมเป็นผู้ติดตามทันที ในแอคเค้าท์นั้นมีรูปอัพโหลดไว้เพียงสองรูป รูปแรกเป็นรูปเขาที่ถ่ายกับย่าและแม่สมัยวัยรุ่น มีแคปชั่นใต้ภาพว่า Always
“รูปนี้คุ้นๆ อ๊ะ! สมุดโน้ตที่ผมจดบันทึกเรื่องคุณนี่นา” ผมตาโตทันทีที่เห็นสมุดโน้ตไร้เส้นสีน้ำตาลอันคุ้นเคย มันเป็นสมุดที่ผมใช้จดเรื่องราวของวิคเตอร์ไว้โดยเฉพาะ ตั้งแต่ประวัติส่วนตัว นิสัยส่วนตัว ของชอบ ไม่ชอบ และรายละเอียดยิบย่อยอีกมากมาย ใต้รูปมีแคปชั่นเขียนไว้ว่า
Little-Alien’s Thingผมหันไปมองเขาแล้วยิ้มออกมา รู้สึกปลื้มในใจเล็กๆ ที่เขาเก็บไว้ ผมลืมเอาไว้ที่บ้านเขา ไม่ได้หยิบออกมาด้วย อันที่จริงเรียกว่าตอนที่ย้ายเข้าไปอยู่กับเขา ผมไม่เห็นสมุดเล่มนี้อีกเลยดีกว่า สงสัยเขาแอบยึดไปเก็บไว้แน่ๆ
“ฉันเปิดอ่านทุกวันเลยนะ อ่านแล้วเหมือนมีนายมาบ่นให้ฟัง” ผมหัวเราะเบาๆ เพราะในนั้นผมแอบเขียนจิกกัดและบ่นนิสัยแย่ๆ ของเขาเอาไว้เพียบ
“ขอบคุณนะครับที่ยังเก็บไว้” เขายิ้มกลับมาอย่างอบอุ่น มองผมอย่างครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วเหมือนเขาจะนึกขึ้นได้ว่าจะพูดอะไรต่อ
“แล้วนายมีเรื่องอะไรคิด ตอนที่กำลังรอรถไฟฟ้าอยู่” ผมทำหน้าว่า อ้อ แล้วก็กะว่าจะเขยิบลงไปนั่งข้างๆ เขา แต่วิคเตอร์บีบเอวผมไว้แน่น และมองผมอย่างไม่ชอบใจ ผมได้แต่ถอนหายใจอ่อนแรง
“ผมแค่จะลงไปนั่งข้างๆ คุณ”
“ไม่ต้อง ฉันไม่เมื่อย” บ๊ะ! คนเขาจะอยากนั่งด้วยก้นตัวเองบ้างไม่ได้เลย แต่ผมไม่อยากทะเลาะกับเขาด้วยเรื่องเท่านี้เลยยอมนั่งไปแบบอึนๆ
“บอกฉันสิ ว่าคิดเรื่องอะไร” เขาถามย้ำถึงประเด็นที่กำลังสงสัย
“บาสบอกผมว่าคุณจะฟ้องร้องคนในโซเชียลเหรอ” เขานิ่งไปนิด เหมือนกำลังมึนกับสิ่งที่ผมถาม แล้วสักพักเขาก็พยักหน้าหนึ่งที ผมเผยอปากขึ้นเล็กน้อย
“การโดนถ่ายรูปโดยไม่ยินยอม ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ส่วนบุคคลมากพอแล้ว เรื่องนั้นฉันไม่ว่า เพราะฉันเลือกปรากฏตัวต่อสาธารณะเอง แต่ที่ฉันยอมไม่ได้ คือคนที่เข้ามาด่านายแบบไร้มารยาท…” เขาพูดสีหน้าจริงจัง ผมยิ้มอ่อนๆ รู้สึกดีในหัวใจ
“…การฟ้องร้องเรื่องแบบนี้ที่ต่างประเทศถือว่าเป็นเรื่องปกติ เรื่องถ่ายรูปฉันไม่ได้ห้ามด้วยแหละ มัวแต่คิดว่าจะรีบพานายไปกับฉันให้เร็วที่สุด แต่นี่มันมีหลายคนนะแมทที่แสดงความคิดเห็นต่ำๆ ออกมา” ถือว่าคำว่าต่ำเป็นคำที่รุนแรงมากนับตั้งแต่เคยได้ยินคนพูดมา วิคเตอร์พูดสีหน้านิ่ง น้ำเสียงราบเรียบ แต่สิ่งที่แฝงมาในน้ำเสียงนั้น เขาสื่อออกมาว่ามันต่ำจริงๆ
“แต่คุณต้องทำใจนะครับ ในโลกโซเชียล คนธรรมดาก็กลายเป็นผู้พิพากษาได้ เพราะเขาจะคอมเม้นต์และตัดสินอะไรก็ได้โดยผ่านแค่ปลายนิ้ว ทำไมคุณไม่มองคนที่เขาชื่นชมเราล่ะ มีอีกมากมายเลยนะครับที่เขาให้กำลังใจเรา” ผมบอกเสียงนุ่ม ยกมือขวาลูบแก้มสากเพราะหนวดของเขาเบาๆ
“ทำไมกับเรื่องนี้ทำไมนายถึงไม่คิดมาก”
“ไม่ใช่ผมไม่คิดครับ ถ้าเป็นเรื่องคุณผมคิดเสมอ…” วิคเตอร์คลี่ยิ้มบางๆ ออกมา เขายกมือขวามาจับมือขวาผมที่กำลังลูบไล้แก้มเขาอยู่ไปหอมหลังมือหนักๆ
“…แต่ผมก็แค่คิดอีกว่า มันหาประโยชน์ได้น้อยมากที่จะเสียเวลาไปเอาเรื่องกับพวกที่อาศัยอยู่ในกะลาไปวันๆ” วิคเตอร์หรี่ตามองพร้อมยิ้มขำน้อยๆ
“อันนี้คือนายไม่ได้โกรธคนพวกนั้นเลยใช่มั้ย” ผมยิ้มกว้าง ส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ
“ผมยังไม่ได้เข้าไปอ่านหรอก แต่ผมก็พอจะนึกออกว่าเขาจะคอมเม้นต์กันประมาณไหน ถ้าเลือกได้ ผมก็เลือกไม่อ่านแล้วกัน…” แน่สิ ไม่นึกออกได้ไง ก็วันนี้เจอมากับตัวเป็นๆ ไม่ต้องไปไล่อ่านคอมเม้นต์ที่ไหน มันแสดงความเห็นต่อหน้าแถมสาดน้ำให้อีกนี่ไง แต่ผมไม่บอกวิคเตอร์หรอก เพราะถ้าบอกไป ผมกล้ารับรองเลยว่า ไอ้พวกผิวกร้านหน้าดำสามคนนั้นโดนบอดี้การ์ดวิคเตอร์ไล่ล่าแน่นอน
“…ผมก็ไม่ชอบใจเหมือนกัน แต่คุณปล่อยไปได้มั้ย ผมไม่ได้มีเมตตากับคนโลกแคบพวกนั้นนะ แต่ผมว่าเอาเวลานั้นมา เอ่อ…” พ่อจะพูดขึ้นมาจริงๆ ก็รู้สึกอายจนหน้าร้อน ผมกะแค่พูดหยอกเท่านั้นนะ แต่พอจะถึงประโยคจริงๆ ก็ดันเขินขึ้นมา
“มาอะไร?” วิคเตอร์ถามด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น ผมเลยยื่นหน้าไปกระซิบใกล้ๆ หูเขาแทน
“Fuck me.” ผมรีบดึงหน้าตัวเองออก หน้าร้อนแทบระเบิดระเบ้อ วิคเตอร์เบิกตากว้าง แววตาเขาวาววับ ทอประกายวิบวับ รอยยิ้มกรุ้มกริ่มผุดขึ้นบนใบหน้า
“ยังไม่หายดี อยากมีเรื่องกับฉันบนเตียงใช่มั้ย” แล้วผมก็อดยิ้มเขินไม่ได้ ผมห่อไหล่ ฉีกยิ้มยิงฟังเพราะความอาย ไม่คิดเหมือนกันว่าตัวเองจะพูดจาลามกได้แบบนี้ สงสัยวิคเตอร์ต้องเริ่มแพร่เชื้อมาให้ผมแล้วแน่เลย วิคเตอร์หัวเราะเมื่อเห็นผมยิ้มเขินและยกมือปิดหน้า แต่ก็แหวกนิ้วให้เห็นลูกตาที่กำลังมองหน้าเขาอยู่ เขายิ้มกว้างด้วยความตลกกับท่าทีของผม
“พูดแล้วอย่าคืนคำนะ ฉันจำแม่นนะเรื่องแบบเนี้ย หายดีเมื่อไหร่ ฉันจะใส่ไม่ยั้งเลย” ผมเอามือออกแล้วแลบลิ้นใส่เขา วิคเตอร์ยื่นหน้ามาทำท่าจะกัด ผมดันหน้าตัวเองออกแล้วผลักหน้าเขาหนี เราสองคนหัวเราะเริงร่า ยื่นหน้าหลอกล่อกันไปมา จนกระทั่งผมหน้างอเพราะหัวเราะจนเหนื่อยแล้ว เลยซุกหัวลงไปที่ซอกคอเขาตามเดิม
“ผมไม่ได้อยากถามบ่อยๆ หรอกนะ แต่ตอนนี้เรื่องของคุณกับผม คงเริ่มเป็นข่าว แล้วมันก็จะเริ่มเป็นประเด็น คุณจะถูกมองไม่เหมือนเดิม หน้าที่การงานของคุณอาจได้รับผลกระทบ…” ผมทอดสายตามองวิวแสงไฟดวงเล็กดวงน้อยจากยอดตึกที่ทอแสงคล้ายดวงดาวบนท้องฟ้า
“…คุณอาจใช้ชีวิตลำบากขึ้น…” ผมพ่นลมหายใจออกมาแผ่วเบา
“…คุณกลัวบ้างมั้ย” เรื่องแบบนี้มันมีปัจจัยมากมาย ไม่ใช่แค่ว่าเรารักกันเท่านั้นจบ ผมรักเขา และเขาบอกว่ารักผม นั่นเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ดีมากในชีวิตผม แต่ก็ต้องยอมรับว่า เมื่อมีคนที่รับได้ ใจกว้างมากพอที่จะเปิดใจให้กับความรักของเราสองคน แต่ก็ยังมีคนที่พร้อมต่อต้านอยู่เช่นกัน แล้วเขาเป็นบุคคลสาธารณะแบบนี้ อยู่ในที่โล่งแจ้ง คนมองเห็นเขาชัดเจนมาก ย่อมต้องมีทั้งคนที่รักตัวตนเขาจริงๆ กับคนที่รักเขาเพราะเปลือกนอกที่ห่อหุ้มเขาไว้ พอเนื้อในไม่ใช่อย่างที่คิด คนประเภทนี้จะหันหลังใส่เขาทันที
อย่าว่าแต่เขาเลย ผมเองก็ยังมีพ่อและแม่ที่ยังยอมรับไม่ได้แม้กระทั่งตัวตนของผม ตอนนี้พ่อกับแม่อาจจะยังไม่รู้ข่าว เพราะเขาทั้งสองคนไม่ใช่คนที่ตามข่าวบันเทิง แต่ผมเชื่อว่ายังไงวันนึงพ่อกับแม่ก็ต้องรู้ และผมยังไม่รู้เลยว่าพอถึงวันนั้น บทสรุปจะออกมาเป็นยังไง
“เหมือนที่นายบอก ว่าฉันยังมีนาย…” ผมคลี่ยิ้ม ยังคงนอนซุกไหล่และคอเขาไว้เหมือนเดิม
“…ฉันเคยผ่านความกลัวในชีวิตมาถึงสองครั้งคือตอนที่ฉันเสียแม่กับย่าไป ฉันไม่เคยสลัดความกลัวออกจากใจได้ และฉันคิดว่ายังไงความกลัวก็จะยังอยู่ไปแบบนี้อีกนาน…” เขาก้มลงสูดมเส้นผมของผมอย่างแผ่วเบา ดีนะที่เมื่อเช้าสระผม
“…จริงๆ แล้วฉันไม่ใช่คนเข้มแข็ง ฉันเป็นคนขี้กลัว ฉันอาจจะอ่อนแอง่ายกว่าที่นายเห็น แต่ฉันเชื่อว่าถ้ายังมีนายอยู่ด้วย ฉันก็จะผ่านทุกอย่างไปได้” ผมยิ้มบางๆ แต่แก้มแทบแตกอยู่ใต้คางเขา สำหรับวิคเตอร์แล้ว นี่เป็นประโยคที่หวานมากๆ แล้วละ ถ้าเทียบกับเมื่อก่อนที่ชอบตะคอกและเสียงดังใส่ผม (แต่ ณ ตอนนี้ก็อย่าให้เขาโกรธแล้วกัน)
“Sentimental. (แหวะ)” แล้วผมก็หัวเราะคลอไปกับเสียงหัวเราะทุ้มๆ ของวิคเตอร์ ผมยกหัวขึ้นจากซอกคอเขา มองหน้าเขาด้วยรอยยิ้มและบอกเสียงเจื้อยแจ้ว
“ผมจะอยู่เคียงข้างคุณเหมือนแบล็ควิโดวเคียงข้างกัปตันอเมริกาเอง” วิคเตอร์ยิ้มขำแล้วสักพักเขาก็หรี่ตาลงเล็กน้อย
“แน่ใจนะว่าจะเป็นแบล็ควิโดว ชื่อของเธอคือนาตาชานะ” ผมยิ้มค้างทันที ก่อนจะเปลี่ยนมาทำหน้าบู้ใส่เขา วิคเตอร์หัวเราะอ้าปากกว้าง ผมย่นจมูกกับปาก ลืมไปซะสนิทว่าเจ๊แมงมุมแม่หม้ายชื่ออะไร
“ไม่เป็นแล่ว” ผมบอกงอนๆ เบะปากเหมือนเป็ด หน้าตางอง้ำเล็กน้อย วิคเตอร์ยิ่งหัวเราะชอบใจ ผมหันไปจิ๊ปากใส่เขา ยกมือตีกล้ามแขนแน่นๆ ของเขาอย่างแรงจนเขาสะดุ้ง
“เฮ้ย! โห เจ็บนะเนี่ย” ผมกัดริมฝีปากล่าง ถลึงตามองเขา ไม่ได้โกรธอะไรจริงจังหรอก แค่รู้สึกหน้าร้าวเล็กน้อยที่ดันไปอยากเหมือนแฟนเก่าอีกคนของเขา ถึงยัยหน้าเหลี่ยมนั่นจะไม่ใช่แฟนที่เขาคิดคบจริงจังก็เถอะ
ผมทำหน้างอใส่เขา วิคเตอร์โอ๋ผมยกใหญ่ แต่ก็ยังไม่หยุดยิ้มขำ มีการทำมาเป็นชี้นิ้วไปข้างนอกเหมือนหลอกเด็กให้หันไปสนใจอย่างอื่นเวลางอแง ผมก็บ้าจี้หันไปมองตามนะ แล้วเราก็นั่งมองวิวพร้อมกับเปลี่ยนเรื่องคุย นั้งคุยงุ้งงิ้งกันสองคนจนกระทั่งครบรอบของพวกเรา
วิคเตอร์กับผมเดินออกมานอกกระเช้าชิงช้า ผมหยิบมือถือมาโทรหาบาสเพื่อถามทางไปร้าน บาสบอกให้เดินตรงไปเรื่อยๆ จากชิงช้าก็จะเจอร้านเอง ผมกดวางสาย เดินจับมือไปกับวิคเตอร์ ระหว่างทางมีผู้หญิงเหลือบมองเขาบ้าง แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ ตั้งหน้าตาเดินของเขาไปเรื่อย ผมไม่ได้คิดหึงอะไรหรอก แค่รู้สึกว่าช่วงนี้วิคเตอร์เขาก็น่ามองจริงๆ นั่นแหละ อาจเพราะเขายิ้มเก่งขึ้น ไม่หน้านิ่งเหมือนก่อน สีหน้าเขาดูสดใส ไม่เย็นชาเหมือนเก่า ยิ้มทีก็เรียกสายตาสาวๆ และเก้ง กวาง ได้มากโขเลยล่ะ
“แมท หยุดยิ้ม”ผมที่กำลังยิ้มเรื่องเขาเพลินๆ ถึงกับยิ้มสะดุด แหงนหน้าไปมองเขาอย่างไม่เข้าใจ ยิ่งไม่เข้าใจไปอีกเมื่อเห็นว่าหน้าเขาตึงขึง ผมกระพริบตาปริบมองเขาแล้วเอ่ยปากถามเสียงหลง
“ทำไมอ่ะ” วิคเตอร์ดูหงุดหงิด เขาสะบัดสายตาไปมองทางริมระบียงแม่น้ำ ผมเอียงคอมอง ก็เห็นผู้ชายกล้ามโตประมาณสามสี่คนกำลังมองมาอยู่ คิ้ววิคเตอร์ขมวดแน่น รีบเร่งฝีเท้าจูงมือผมให้ก้าวตามเขาไป โดยที่ผมยังงงอยู่เลยว่าเขาเป็นอะไร แต่ต้นเหตุน่าจะมาจากผู้ชายกลุ่มนั้น
คือเขาไม่ชอบใจเหรอที่โดนผู้ชายด้วยกันมองด้วยสายตากรุ้มกริ่ม แหม เขาก็ต้องทำใจบ้างนี่นา เพราะเขาเองก็สเป็คเกย์ เก้ง กวางไม่น้อย
“ร้านนี้ใช่มั้ย” ผมเร่งก้าวเท้าเดินตามเขามาจนถึงจุดหมายปลายทาง ผมพยักหน้ารับเร็วๆ มองสีหน้าเขาที่ยังตึงๆ อยู่บ้างเล็กน้อย
“พวกมันอยู่นั่น” วิคเตอร์เบี่ยงคางไปทางพวกคุณเบนที่โบกไม้โบกมือเรียกอยู่ตรงมุมด้านนอกของร้าน พวกเขาเลือกนั่งตรงมุมรั้วร้านด้านนอกพอดี คงกะมานั่งรับลมเย็นๆ
“สนุกมั้ยแมท” อันเดรถามพลางกระดกเบียร์เข้าปาก ผมฉีกยิ้มกว้างก่อนตอบ
“สนุกมากครับ วิวสวยดี” อันเดรยิ้มตอบกลับมา วิคเตอร์ดึงผมให้เข้าไปนั่งด้านในที่เป็นมุมเหลี่ยมของร้านพอดี
“อ้าว แล้วแกไม่สนุกรึไง ทำไมหน้าตายับขนาดนี้” เบนเนดิคท์เอ่ยถามวิคเตอร์ที่ยังหน้ามุ่ยไม่เลิก แต่ก็ไม่ตึงเครียดเหมือนก่อนตอนมาถึงร้านแล้ว
“มีคนมองแมท” ทุกคนเลิกคิ้วขึ้น รวมถึงผมด้วย วิคเตอร์พ่นลมหายใจเซ็งๆ
“ฉันไม่ชอบ มองอยู่ได้” เขาว่าหน้าตาขมุกขมัว แล้วหันมาทางผมที่ทำหน้าเอ๋อใส่เขาอยู่ สักพักเขาก็ก้มหอมแก้มผมแรงๆ ต่อหน้าพวกเพื่อนเขานั่นแหละ เล่นเอาผมอ้าปากค้าง หันไปมองทุกคน บาสอ้าปากค้าง กระพริบตามองปริบ แต่เบนเนดิคท์กับอันเดรยิ้มเอือมกลับมาให้ราวกับเข้าใจว่าวิคเตอร์เป็นอะไร
“ไอ้ขี้หึง!” อันเดรว่าเสียงตึง ส่ายหัวคล้ายว่าอ่อนใจเหลือเกิน
“เขาก็แค่มอง ไม่ได้จะมาพรากเอเลี่ยนน้อยไปจากแกสักหน่อย วู้!” เบนเนดิคท์ส่ายหัวเอือมๆ อีกคน วิคเตอร์ยังหน้าตึงอยู่นิดหน่อย ส่วนผมนี่หน้ายังเอ๋ออยู่มาก
คือสรุปที่เขาเป็นงี้ ไม่ใช่เพราะไม่พอใจที่หนุ่มกล้ามโตเหล่านั้นมองเขาหรอกเหรอ ไม่พอใจเพราะคนพวกนั้นมองผมเงี้ยเหรอ แล้วเขารู้ได้ไงว่าพวกนั้นมองผม เขาอาจจะมองวิคเตอร์ก็ได้นะ
“ฉันหวงของฉัน” วิคเตอร์ว่าหน้าตาย เอาแขนขวาโอบรอบเอวผมไว้แน่น ผมนี่ไม่รู้จะเขินหรือว่าจะยังไงดี เขาชอบทำให้ผมทำตัวไม่ถูกอยู่เรื่อย
“เออๆ สั่งอะไรมาแก้หึง แก้หวงก็แล้วกัน” อันเดรตัดบท คงอาจรู้ว่าถ้ายิ่งพูดจะยิ่งเป็นการต่อความยาวสาวความยืดกับไอ้ยักษ์ขี้หวงตนนี้ วิคเตอร์ก้มลงมองผมทั้งที่ยังหน้านิ่วคิ้วขมวด ผมฉีกยิ้มเจื่อนๆ ไปให้ กำลังคิดว่าเขาพาลมาโกรธผมด้วยหรือเปล่า
“ไอ้วิคเตอร์ จะเอาอะไร สั่งเขาเร็ว…” วิคเตอร์ละสายตาจากผมหันไปหาเด็กเสิร์ฟ รับเมนูมาดู เขาไม่อนุญาตให้ผมดื่มแอลกอฮอล์ เลยสั่งน้ำโค้กมาให้ ซึ่งผมก็ไม่ใช่คอแอลกอฮอล์อยู่แล้วเลยไม่ได้ทักท้วงอะไร
“แฟนแมทนี่ขี้หึงกว่าไอ้เอิร์ทอีกนะ” บาสก้มลงมากระซิบ ผมขยับเปลือกตาขึ้นกว้าง หันไปมองบาสตาโต รีบยกนิ้วชี้ขวามาจุ๊ที่ปาก
“อย่าพูดชื่อเอิร์ท” ผมกระซิบกับบาสให้ได้ยินสองคน อันเดรหันมามองแต่ก็ไม่ได้ซักถามอะไร บาสพยักหน้ารับหน้าตื่น เป็นจังหวะที่วิคเตอร์หันกลับมาจากเด็กเสิร์ฟพอดี ผมรีบฉีกยิ้มให้เขาทันที
“อะไร” เขาถามเสียงห้วน มองผมสลับกับบาสที่หันกลับไปคุยกับเบนเนดิคท์อย่างเนียนๆ แล้ว
“เปล่าครับ นี่ อย่าทำหน้าแบบนี้สิ…” ผมยกสองมือขึ้นไปดึงแก้มเขา ใช้นิ้วโป้งยกมุมปากสองข้างบนหน้าเขาให้มีรอยยิ้ม
“…ขอเล่นมือถือหน่อยสิ” สีหน้าเขาผ่อนคลายขึ้น มือซ้ายล้วงหยิบมือถือจากกระเป๋าเสื้อเชิ้ตมาให้ผม ผมยิ้มให้เขาเพื่อให้เขายิ้มบ้าง แต่กล้ามเนื้อตรงปากเขาแทบไม่กระตุกเลยสักนิด
“เอามือถือนายมา เดี๋ยวเล่นแต่เกมส์ไม่สนใจฉันอีก” ผมยู่ปากเล็กน้อย แต่ก็ยอมหยิบมือถือให้เขาเอาไปเก็บไว้ วิคเตอร์มองหน้าผมทั้งที่ยังตีหน้ายักษ์สมฉายาอยู่ ผมเอียงคอ กระพริบตาใส่เขา มองเขาตาแป๋ว วิคเตอร์มองผมด้วยสายตานิ่งแต่ก็มีแววครุ่นคิด สักพักเขาก็ก้มลงหอมหน้าผากผมหนึ่งที แล้วค่อยเริ่มหันกลับไปเข้าสังคมกับเพื่อนเขา
ผมแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ท่าทางจะไม่ขุ่นข้องหมองใจอะไรแล้วมั้ง งั้นผมนั่งเล่นมือถือดีกว่า ถึงเครื่องเขาไม่มีเกมส์ แต่เขาลืมไปรึเปล่าว่าเครื่องเขาก็โหลดเกมส์ได้ ฮิๆ
....................................................TBC.
เลี่ยนเนอะ 55555+ ให้ได้หวีต ให้ได้หวานบ้างเนาะ
ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ เลยนะคะที่อยู่เป็นเพื่อนกันเสมอ