Internal Love
ตอนที่ 24
Don’t kill your love with fear.
“ผมชื่อเพลิงครับ เป็น...ง่า ...รูมเมทของเมืองแมน”
เพลิงกัลป์ตอบอ้อมแอ้ม ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกันแน่ถึงได้ไม่กล้าพูดความจริงออกไปตรงๆ เพลิงกัลป์ที่แสนเชื่อมั่นในตัวเองคนเดิมหายไปไหนไม่ทราบ เหลือแต่ผู้ชายที่ยืนใจสั่นมือเย็นอยู่ตรงนี้
“อ๋อ แมนเล่าให้ฟังอยู่เหมือนกัน สวัสดีจ้ะ เข้ามาในบ้านกันก่อนลูก” คุณจุไรพูดยิ้มๆ โอบไหล่ของลูกชายคนโตพาเดินเข้าไปในบ้าน โดยมีเพื่อนของลูกลากกระเป๋าเดินทางตามหลังมาด้วย “แล้วนี่สลับกันขับรถมาเหรอจ้ะ ดีแล้วล่ะตั้งหลายชั่วโมง ขับรถคนเดียวเพลียแย่”
“ครับแม่” เมืองแมนอุบอิบ ไม่กล้าบอกว่าที่จริงแล้วคนตัวสูงเป็นคนขับเองคนเดียวล้วนๆมาตลอดทาง
“ของเพลิงก็รับปริญญาพร้อมกับแมนเหรอจ้ะ” แม่ของเขายังตามเรื่องไม่ทัน ส่วนรูมเมทของเขานั้นได้แต่ยืนอึกอักอยู่ครู่หนึ่งเหมือนปลาสำลักน้ำ
“คะ..คือ ผม เอ่อ...เปล่าครับ ผมมาถ่ายรูปให้แมน” ประโยคหลังเพลิงกัลป์พูดเร็วขึ้น คล้ายเจ้าตัวเริ่มตั้งหลักได้แล้ว “แมนไม่ได้จ้างช่างภาพ พอดีผมมีกล้องแล้วก็ชอบถ่ายรูปอยู่เลยมาช่วยครับ”
“น่ารักจังเลยจ้ะ เพื่อนแมนนี่มีน้ำใจจังเลย” เมืองแมนยิ้มแห้งๆ ไม่ค่อยกล้าสบตามารดาของตนเท่าไหร่ รีบช่วยเพลิงกัลป์ขนกระเป๋าขึ้นไปบนห้องนอนของตน “เพลิงพักห้องแมนนั่นแหละจ้ะ” เธอบอกยิ้มๆ
นับว่าแม่ของเขาเอ็นดูเพลิงกัลป์อยู่ไม่น้อยทีเดียวถึงได้ยอมให้พักที่บ้านได้ เพราะทุกทีเธอก็จะมีวิธีบ่ายเบี่ยงไม่ให้เพื่อนผู้ชายของเมืองแมนนอนค้างที่บ้าน แม่เคยให้เหตุผลว่าเจ้าเมย์น้องของเขากำลังเป็นสาว มีผู้ชายมาพักถึงจะเป็นเพื่อนของพี่ชายก็ไม่สมควร
“ที่นอนพอไหม ถ้าไม่พอเดี๋ยวแมนไปช่วยแม่ยกที่ห้องมาเพิ่มก็ได้”
“ผมไปช่วยเองครับ” เพลิงกัลป์รีบอาสา พยักพเยิดเป็นสัญญาณให้เมืองแมนนั่งพักเสีย เดินตามคุณจุไรเข้าไปในห้องนอนอีกห้องที่อยู่ตรงข้ามกับห้องของเมืองแมน จัดการอุ้มผ้านวมกับหมอนมาเพิ่มที่ห้อง
“แค่นี้น่าจะพอนอนอยู่หรอก”
“พอครับคุณอา”
“เตียงห้องแมนเล็ก คงต้องมีใครสักคนลงมานอนพื้นล่ะนะ” เธอพูดยิ้มๆ รอยยิ้มของเธอคล้ายกับของเมืองแมนมาก ชายหนุ่มคิดในใจ
“ผมนอนพื้นได้สบายครับ อยู่ที่นู่นก็นอนพื้นประจำ” เขาหลุดปากออกไป คนฟังขมวดคิ้วทันที
“อ้าว ทำไมถึงต้องไปนอนพื้นล่ะจ้ะ เห็นแมนบอกว่ามีห้องนอนสองห้องไม่ใช่เหรอ” เธอทวนความจำได้อย่างแม่นยำ
“เตียงผมมันยุบน่ะครับ นอนแล้วปวดหลัง” เขารีบแก้ คนแก่กว่าพยักหน้ารับ ไม่ได้ติดใจถามอะไรเพิ่มอีก เปลี่ยนไปถามเรื่องข้าวปลาอาหารแทน
แม่ของเมืองแมนกลับออกไปจากห้องนอนแล้ว บอกว่าจะไปตลาดซื้อของมาทำกับข้าวเพิ่มให้ลูกชาย ให้แมนกับเพื่อนพักผ่อนกันไปก่อนตามสบาย เพลิงกัลป์ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงเดี่ยวกลางห้องทันที บิดขี้เกียจอย่างเมื่อยขบ
“ง่วงนอนสุดๆ ปวดหลังปวดขาด้วย”
เจ้าของเตียงเหลือบมองคนที่นอนกางแข้งกางขาเต็มเตียงจนไม่เหลือที่นอนให้เขาอย่างฉุนๆ แต่ก็ต้องยอมเพราะอีกฝ่ายอุตส่าห์ขับรถพาเขามาจนถึงที่บ้าน
“ไปอาบน้ำก่อน นอนแบบนี้เดี๋ยวก็หลับหรอก” เขาพูด
“ไม่หลับหรอกน่า” คนพูดหลับตาลง “มือกูยังเย็นอยู่เลย ตื่นเต้นเป็นบ้า”
“จะตื่นเต้นอะไรนักหนา ไม่เห็นมีไร” เมืองแมนนึกถึงใบหน้าซีดๆของอีกฝ่ายตอนเจอหน้าแม่เขาเมื่อกี้ขึ้นมาก็อดยิ้มกว้างไม่ได้ “แม่ใจดีจะตาย”
“ใจดีเพราะยังไม่รู้ความจริงน่ะสิ” คนพูดเริ่มก่ายหน้าผาก “จริงๆตอนแรกว่าจะบอกไปเลยแต่กลัวท่านไล่ออกจากบ้านเสียก่อน”
“จะบ้าเหรอ ห้ามบอก” เมืองแมนพูดเสียงเขียว
“ยังไงสักวันหนึ่งความจริงก็ต้องถูกเปิดเผยอยู่ดี สู้ให้ท่านรู้จากปากเราเองเสียตอนนี้ไม่ดีกว่าเหรอแมน” เพลิงกัลป์พูดช้าๆ “ท้องมึงก็โตขึ้นทุกวัน ปล่อยไว้ไม่นานความก็ต้องแตก”
“กู...ยังไม่อยากบอก” เมืองแมนพูดเสียงเบา ถอยไปนั่งลงบนเก้าอี้ “แม่จะต้องเสียใจแน่ๆ” แค่คิดมาถึงตรงนี้ เขาก็รู้สึกวูบๆในอก แม่คงผิดหวังกับลูกชายคนเดียวมาก
“แม่อาจจะดีใจที่ได้หลานก็ได้นะ”
“เป็นแม่มึงจะดีใจมั้ยล่ะ ลูกชายท้องป่องกลับมาบ้านน่ะ” เมืองแมนย้อน “แม่กูต้องช็อคมากแน่ๆ” เขาลูบท้องอย่างกังวล
“แต่มึงไม่ได้ท้องไม่มีพ่อเสียหน่อยนี่เมืองแมน พ่อมันก็นั่งอยู่เนี่ย ท่านคงไม่โกรธหรอก”
“เรื่องโกรธก็ส่วนหนึ่ง แต่เรื่องช็อคก็อีกส่วนหนึ่ง แม่คงไม่คิดว่าลูกชายตัวเองจะท้องได้มั้ยล่ะ” เมืองแมนเริ่มกลุ้มใจขึ้นมาจริงๆ “ท้องได้ยังไงก็ไม่รู้”
“นั่นสิ ..สงสัยต้องลองอีกทีจะได้รู้” เพลิงกัลป์พูดหน้าตายแล้วก็ร้องโอยออกมาเพราะคนฟังยกมือขึ้นฟาดต้นขาเต็มแรง “เจ็บนะแมน”
“ก็พูดอะไรไม่ได้เรื่องเอง คนยิ่งกำลังกลุ้มๆอยู่”
“เดี๋ยวนี้เอะอะก็ลงไม้ลงมือตลอดเลยนะ นี่คนไม่ใช่กระสอบทราย เกิดกูช้ำในตายขึ้นมาทำไง”
“ก็ฉลองสามวันเจ็ดวันเลยสิ”
“เป็นม่ายตั้งแต่ยังสาว เอ๊ย ยังหนุ่มเลยนา”
“เพลิงกัลป์!”
“พูดเล่น ก็เห็นเครียดอ่ะ เครียดมากไปลูกจะพลอยไม่สบายไปด้วยนะ” ชายหนุ่มพูดพลางขยับตัวเว้นที่ว่างเอาไว้ให้พออีกฝ่ายนอนได้ ยกมือขึ้นตีเบาะเบาๆ “มานอนนี่เร็ว ง่วงแล้วเนี่ย ตื่นมาได้ไปช่วยแม่มึงทำกับข้าว”
“เพราะง่วงหรอกนะ” เจ้าของห้องพูดฮึดฮัด เดินมาล้มตัวลงนอนเคียงข้างอีกฝ่าย วงแขนแข็งแรงเอื้อมมาโอบเอวดึงเข้าหาตัวโดยอัตโนมัติ เมืองแมนก็ฟาดเพี๊ยะเข้าให้ที่หลังมือแบบอัตโนมัติเหมือนกัน
“เจ็บจัง” เสียงห้าวๆกระซิบอยู่ข้างหูพร้อมกับลมหายใจอุ่นจัด
“เจ็บก็นอนเฉยๆ” เมืองแมนกระซิบตอบ
พวกเขาผล็อยหลับไปอย่างง่ายดายเพราะความเหนื่อยเพลียจากการเดินทางหลายชั่วโมง ไม่รู้เลยว่าประตูห้องที่ไม่ได้ล็อคนั้นถูกมารดาของเมืองแมนเปิดออกอย่างถือวิสาสะเพื่อจะตามลงไปกินข้าวเย็น
คุณจุไรมองภาพร่างสองร่างนอนแนบชิดกันบนเตียงภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันอย่างกระอักกระอ่วน เธอตัดสินใจปิดประตูห้องแล้วถอยออกมาเงียบๆ หญิงวัยกลางคนเดินลงบันไดบ้านมาหยุดที่ห้องครัว ครุ่นคิดอย่างหนักหน่วง
...ความจริงการที่เมืองแมนพาเพื่อนผู้ชายมาที่บ้านก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ในเมื่อเจ้าตัวก็เป็นผู้ชาย แต่ที่ตะหงิดใจเธอตั้งแต่แรกก็คือสายตาคมๆของ ‘รูมเมท’ ของลูกชายคนนั้น แววตาของเพลิงกัลป์เวลามองลูกชายของเธอดูอ่อนโยน ไม่เหมือนเวลาเพื่อนผู้ชายมองกัน ยิ่งเวลาที่เมืองแมนมองตอบกลับไปนั้น เธอคิดว่าตัวเองเห็นแววพราวระยับในดวงตาคมเข้มคู่นั้นทีเดียว พอมารวมกับภาพที่เห็นเมื่อครู่ด้วยแล้ว คงไม่ต้องสงสัยในความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่กระมัง...
เธอก็พอจะระแคะระคายมานานแล้วว่าบางทีลูกชายอาจจะไม่ได้ชอบเพศตรงข้าม แต่เธอก็ยังหวังอยู่ลึกๆว่าสักวันหนึ่งลูกจะได้เจอหญิงสาวที่ดีพร้อมถูกใจ ตบแต่งเข้ามาเป็นศรีสะใภ้แก่วงศ์ตระกูล มีลูกหลานสืบสายเลือดให้เธอได้อุ้มชูเลี้ยงดูต่อ...เธอถอนหายใจยาว เห็นทีคงเป็นได้แค่ความฝัน...แล้วในฐานะคนเป็นแม่อย่างเธอ จะทำอะไรได้บ้าง จะบังคับลูกเธอก็ไม่เคยทำ ไม่อยากทำด้วย ในเมื่อเธอส่งเสียเลี้ยงดูจนลูกชายเติบโตเป็นผู้ใหญ่ทำงานได้แล้ว เป็นถึงแพทย์ที่มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบชีวิตคนอีกหลายร้อยหลายพันชีวิต เธอจะไปใช้อำนาจของความเป็นแม่บังคับใจก็คงไม่ถูกไม่ควร ถึงจะรู้ว่าเมืองแมนคงจะทำตามที่แม่ขอก็ตาม
ครั้นจะปล่อยเอาไว้ให้ลูกเลือกทางเดินตามใจ คนเป็นแม่ก็อดผิดหวังอยู่นิดๆไม่ได้...
“คุณแม่ เมย์กลับมาแล้วค่ะ”
เสียงลูกสาวดังขึ้นหน้าบ้านทำเอาคุณจุไรสะดุ้ง เธอรีบกระวีกระวาดเดินไปเปิดประตูบ้านให้ลูกสาวเข้ามาข้างใน เด็กสาวถอดรองเท้าออกวาง พูดเสียงเจื้อยแจ้ว
“วันนี้สอบวันสุดท้ายแล้วค่ะ เมย์แวะไปดูหนังกับเพื่อนมาแล้วก็ไปทานข้าวต่อ หนังสนุ๊กสนุกนะคะเกี่ยวกับ....” เสียงใสๆเงียบหายไปเสียเฉยๆ มารดาหันมองตามก็เห็นลูกสาวของตนกำลังมองรูมเมทของพี่ชายที่เดินลงบันไดมาตาไม่กระพริบ “...พี่แมนกลับมาแล้วเหรอคะ” ปากถามพี่ชายที่เดินตามหลังลงมาแต่ตามองผู้ชายอีกคนที่เดาว่าเป็นเพื่อนของพี่
“กลับมาเมื่อบ่ายนี่เองเมย์ เป็นไงบ้างสอบวันสุดท้ายเหรอ...นี่เพลิงกัลป์ เพื่อนพี่เอง” เมืองแมนแนะนำ
“สวัสดีค่ะ ...ใช่พี่เพลิง เดือนมอ....หรือเปล่าคะ” คำพูดของสาวน้อยทำเอาคนที่เหลือหันไปมองหน้ากันอย่างทึ่ง
“ใช่ครับ” เพลิงกัลป์ทำตัวไม่ถูก ถ้าเป็นสาวน้อยคนอื่นๆเขาก็คงโปรยยิ้มโปรยเสน่ห์ตามปกติไปแล้ว แต่นี้เป็นน้องสาวของเมืองแมน เขาเลยไม่กล้าที่จะทำแบบนั้น ได้แต่ตอบอย่างเรียบร้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ไป
“เมย์รู้จักมาก่อนเหรอ” คนเป็นพี่ชายถาม
“รู้จักสิคะ พี่เขาดังออกจะตายไป มีภาพลงในเพจเฟซบุ๊คออกเยอะแยะ แฟนคลับเยอะด้วย จริงไหมคะพี่หมอเพลิงกัลป์” เมย์หันไปถามเพื่อนพี่ชายยิ้มๆ “เพื่อนเมย์ยังเคยกรี้ดพี่เลย”
“ขอบคุณครับ” เพลิงกัลป์ยกมือขึ้นลูบท้ายทอยตัวเองแก้เขิน ทั้งที่ปกติเขาเคยชินกับการทักทายหรือถูกจับตามองอย่างชื่นชมแบบนี้ แต่ครั้นเป็นคนในครอบครัวของเมืองแมนเข้า ทุกอย่างก็ดูเก้อกระดากชวนให้ทำตัวไม่ถูกไปหมด
“ไปล้างมือก่อนไปยัยเมย์ แล้วได้ลงมาทานข้าวกัน” คุณจุไรตัดบท ไล่ลูกสาวคนเดียวให้ไปล้างมือทำความสะอาดให้เรียบร้อย อีกนัยหนึ่งก็เป็นการช่วยเหลือพ่อหนุ่มหน้าคมเพื่อนของเมืองแมนด้วย เห็นฝ่ายนั้นทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ยิ้มเหมือนคนปวดฟันแล้วก็อดขำในใจไม่ได้
“แมนมาช่วยแม่จัดโต๊ะหน่อยลูก เพลิงด้วยนะ” เธอกวักมือเรียก
คนตัวใหญ่กระวีกระวาดเข้ามาช่วยเธออย่างเต็มอกเต็มใจยิ่งกว่าลูกชายของเธอเสียอีก ดูท่าทางเวลาหยิบจับของใช้แล้วก็ดูคล่องแคล่วดี แสดงว่าคงทำงานบ้านเป็นอยู่บ้าง ไม่ได้ถึงขั้นเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่ออะไร
มานั่งทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันบนโต๊ะอาหาร คุณจุไรอดชื่นใจไม่ได้ที่วันนี้ลูกๆทั้งสองคนมาอยู่ร่วมโต๊ะกันพร้อมหน้า แถมด้วยชายหนุ่มอีกคนที่ท่าทางก็เป็นเด็กดีไม่เลว
“พี่เพลิงถ่ายรูปด้วยเหรอคะ เท่จังเลยค่ะ” เมย์แทบจะผูกขาดการสนทนา เธอตื่นเต้นมากที่ได้เจอเพลิงกัลป์ตัวจริง “อยากเห็นรูปที่พี่เพลิงถ่ายจังค่ะ”
“เดี๋ยวรอดูตอนงานแมนก็ได้ครับ” เพลิงกัลป์ตอบ ระวังไม่ให้สบตาหญิงสาวมากเกินไปนัก เกรงใจมารดาของเธอที่นั่งอมยิ้มอยู่ตรงข้าม แต่ยังน้อยกว่าคนที่นั่งกินข้าวเงียบๆอยู่ข้างตัว
“แมนเพิ่มข้าวอีกมั้ยลูก วันนี้แม่ทำของโปรดแมนทั้งนั้นเลย” มารดาพูดยิ้มๆ ส่งโถข้าวไปให้ลูกชายรับเอาไว้ “เพลิงล่ะ กับข้าวฝีมือแม่อร่อยหรือเปล่า”
“อร่อยมากครับ” เพลิงกัลป์ตอบเต็มปากเต็มคำ “โดยเฉพาะแกงส้ม ผมอยากมาเรียนกับคุณอาเลยครับ”
คนฟังหัวเราะอย่างถูกใจ
“ของโปรดพ่อแมนเขาน่ะ ว่าแค่เราชอบทำอาหารเหมือนกันเหรอ”
“ชอบครับ” เมืองแมนเหลือบมองคนพูดนิดหนึ่ง เขาไม่เคยเห็นฝ่ายนั้นทำอาหารอะไรทั้งนั้นนอกจากต้มมาม่ากับทอดไข่เจียว
“ไว้จะสอนให้นะจ้ะ แกงส้มทำไม่ยาก แต่ทำให้อร่อยยาก” จากนั้นเธอก็เล่าเรื่องการทำอาหารจากเมนูนั้นเปลี่ยนเป็นเมนูนี้ไปเรื่อยโดยมีเพลิงกัลป์คอยถามเป็นระยะด้วยท่าทางสนใจเต็มที่ คุณจุไรก็ออกจะเพลิดเพลินไม่น้อยที่มีคนมาคอยถาม แถมยังมีไหวพริบเข้าใจถามเสียด้วย
“คุณอาทำอาหารเก่งจังครับ ชักอิจฉาลูกๆบ้างนี้เสียแล้ว” เพลิงกัลป์พูดขึ้นมายิ้มๆ เหลือบมองเมืองแมน “แม่ของผมท่านทำอาหารไม่ค่อยเป็นเลยครับ ผมเลยกินแต่กุนเชียง หมูหย็องเสียจนเบื่อ”
“บ้านเพลิงอยู่ทางเหนือเหรอจ้ะ”
“ครับ บ้านผมอยู่เชียงใหม่ แต่ก็มีญาติๆกระจายอยู่ทั่วภาคเหนือแหละครับ คุณอาอยากไปเที่ยวภาคเหนือบ้างไหมครับ ผมจะพาไป”
“วุ้ย..อยากไปก็อยากไปอยู่หรอกจ้ะ แต่เดี๋ยวไม่มีใครเฝ้าบ้าน” เธอหัวเราะ “เที่ยวเหนือนอกจาวัดวาก็มีภูเขาขึ้นดอยกัน ต้องหนุ่มๆสาวๆนั่นแหละไป คนแก่อย่างฉันไปไม่ไหวหรอก”
“ใครว่าคุณอาแก่กันครับ นี่ถ้าผมเจอข้างนอกคงนึกว่าเป็นพี่สาวเมืองแมนก็เท่านั้น”
คุณจุไรหัวเราะเสียงดังกว่าเดิม มองค้อนชายหนุ่มราวกับสาวๆ
“แหม เรานี่ปากหวานจังนะ แม่ขอทายว่าเราต้องมีแฟนเยอะๆแน่ๆเชียว”
“ผมมีแฟนคนเดียวครับ” คำตอบของเพลิงกัลป์ทำให้เมืองแมนเหลือบมองอย่างปรามกันอยู่ในที
“หรอจ้ะ หน้าตาเป็นอย่างไรล่ะแม่ชักอยากเห็นเสียแล้ว” เธอพูดหน้าตาเฉย ลอบสังเกตอาการของลูกชายอยู่เงียบๆ เห็นใบหน้ารูปหัวใจเริ่มแดงจัดลงมาถึงลำคอ
เพลิงกัลป์ขยับตัวยุกยิกเพราะถูกคนข้างตัวประทุษร้ายเข้าที่หน้าขาเต็มแรง เมืองแมนแอบหยิกขาเขาผ่านกางเกงเนื้อหนาแทนคำเตือนไม่ให้ปากพล่อย หลุดพูดอะไรออกไป เขาได้แต่ชักขาหนีไม่กล้าโวยวายออกมา
“เอ้อ...ไว้จะโชว์รูปให้ดูครับ” ชายหนุ่มอ้อมแอ้ม
“อยากเห็นจังเลยค่ะพี่เพลิง แฟนของพี่เพลิงต้องสวยมากแน่เลย ใช่พี่ฟ้าหรือเปล่าคะ หนูเคยเห็นเขาแซวกันในเน็ต” น้องสาวของเมืองแมนถามขึ้น
“ไม่ใช่หรอก คือพี่ยังไม่ได้เปิดตัวน่ะ” เขาเอามือลูบต้นขาตัวเองป้อยๆ ไม่ต้องสงสัยว่าป่านนี้คงจะเขียวไปแล้วเรียบร้อย
“เมย์กินปลาทูอีกมั้ย พี่ตักให้” คนมือหนักพูดแทรก ส่งจานปลาทูทอดไปให้แบบที่น้องสาวไม่ต้องร้องขอ “แม่ครับ วันนี้มีผลไม้อะไรเหรอ”
“มีทุเรียนลูก เพิ่งซื้อมาเลยกำลังสวย อยู่ในครัวแน่ะ”
“เดี๋ยวผมไปหยิบให้ครับ” เพลิงกัลป์ลุกพรวดขึ้นจากโต๊ะ ชิงเดินตัดหน้าเมืองแมนเข้าไปในครัวเสียก่อน คุณจุไรมองตามแผนหลังกว้างนั้นแล้วปรารภกับลูกชายเบาๆ
“น่ารักดีนี่ เพื่อนของลูกคนนี้”
“เอ้อ...ครับ” เมืองแมนรับคำ “น่ารักแค่บางทีแหละครับ ส่วนใหญ่น่าถีบมากกว่า”
“พูดเสียรุนแรง หุ่นแบบนั้นถีบเค้าไหวเหรอลูก แม่กลัวแต่หนูจะหงายหลังกลับมามากกว่า” คุณจุไรตอบกลับ
เมืองแมนไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเอื้อมมือไปหยิบทุเรียนชิ้นหนาน่ากินขึ้นมากัด รสหวานหอมจัดของมันทำให้อารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย แม่กับน้องสาวก็ชอบกินทุเรียนไม่แพ้กัน พากันหยิบกินคนละชิ้นสองชิ้น ขณะที่คนข้างๆเมืองแมนกลับจ้องไปที่ทุเรียนอยู่อย่างนั้น ไม่ยอมหยิบเสียที
“ไม่กินล่ะ อร่อยออก” เมืองแมนพูด “สุกกำลังดีเลยนะครับแม่”
“ใช่จ้ะ แม่ผ่านไปตอนเขากำลังแกะพอดี เนื้อสวยก็เลยซื้อมา กินเลยจ้ะพ่อเพลิงไม่ต้องเกรงใจมีอีกเยอะ” ประโยคหลังหันไปคะยั้นคะยอเพื่อนลูกชาย
“ครับๆ” เพลิงกัลป์มองราชาผลไม้ในจานอีกรอบอย่างหมดหวัง ความจริงแล้วเขาไม่ชอบกลิ่นของผลไม้ชนิดนี้เท่าไหร่
“เอาชิ้นนี้เลย ชิ้นใหญ่สุด” เมืองแมนส่งทุเรียนชิ้นหนามาให้เขาถึงที่พร้อมกับนัยน์ตาแพรวระยับเหมือนคนกลั้นหัวเราะ พนันได้เลยว่าฝ่ายนั้นคงจะเดาออกว่าเขาคงไม่ชอบกินทุเรียนเป็นแน่
“กินเลยจ้ะ ในครัวมีอีก เมย์แน่ะลุกไปดูซิลูก” คุณจุไรบอกลูกสาว
เพลิงกัลป์เม้มปาก หลับหูหลับตากินผลไม้เนื้อหวานมันจนถึงขั้นเลี่ยนในความรู้สึกของเขาเข้าไป อะไรก็ไม่ร้ายเท่ากับกลิ่นของมันที่ชวนคลื่นเหียนพิกล ฝืนกินเข้าไปจนหมดเม็ด เมืองแมนก็ทำท่าจะหยิบอีกชิ้นส่งมาให้
“อิ่มแล้วๆ พอดีกำลังฟิตหุ่นอยู่ครับ” ชายหนุ่มแก้ตัว เขาไม่อยากบอกความจริงออกไปว่าเขาไม่ชอบทุเรียนเลย กลัวจะเสียคะแนนในสายตาของคุณจุไร แม้ว่าอีกฝ่ายจะยังไม่รู้ว่าเขาหวังมาฝากตัวมากกว่าแค่ตำแหน่งเพื่อนลูกก็ตาม
“พี่เพลิงหุ่นดีออกค่ะ ไม่ต้องฟิตอะไรเพิ่มหรอก มีแต่พี่แมนนั่นแหละลงพุงเชียว” เมย์พูด มองเสื้อยืดที่คับตรงส่วนท้องของพี่ชายยิ้มๆ “ออกกำลังบ้างสิพี่ อ้วนแล้วนะ”
“งานหนัก พี่ก็เลยไม่ค่อยมีเวลาออกกำลังเท่าไหร่” เมืองแมนตอบอย่างอึดอัด รีบเปลี่ยนเรื่อง “พรุ่งนี้เป็นวันซ้อม คุณแม่กับเธอยังไม่ต้องไปหรอก ไว้ค่อยไปวันจริงทีเดียวดีกว่า”
“ตายจริง เมย์ยังไม่ได้หาชุดเลยค่ะ อีกสองวันใช่มั้ยคะ”
“ไม่ได้เป็นคนรับเสียหน่อยยัยเมย์” พี่ชายขัดคอ
“ได้ยังไงคะ ต้องไปเจอคนออกเยอะแยะ เพื่อนหมอของพี่แมนหล่อๆเพียบเลย” เด็กสาวหัวเราะเบาๆ
“แล้วโจ้แฟนเธอล่ะ เอาไปไว้เสียที่ไหนแล้ว”
รอยยิ้มบนใบหน้าของน้องสาวจางลงฉับพลัน เมย์เม้มปากจากนั้นก็ลุกขึ้น พึมพำขอตัวก่อน เธอเดินหายไปในครัวพร้อมกับจานข้าว
เมืองแมนมองตามหลัง สบตาผู้เป็นแม่อย่างตกใจแกมเป็นห่วง
“เกิดอะไรขึ้นครับแม่ เมย์กับโจ้มีปัญหากันเหรอ”
“ไม่รู้เหมือนกัน เมย์ยังไม่ได้เล่าให้แม่ฟังเลย รู้แค่ว่าไม่ค่อยไปไหนมาไหนด้วยกันเหมือนเดิม โจ้ก็ไม่ได้มาบ้านเกือบสองอาทิตย์แล้ว”
แมนใจแป้ว เขาลุกขึ้นจากโต๊ะเดินตามหลังน้องสาวเข้าไปในห้องครัว เจอร่างโปร่งระหงกำลังนั่งเท้าแขนอยู่ที่ขอบหน้าต่าง
“เมย์ โอเคหรือเปล่า...พี่ขอโทษนะ” เมืองแมนพูด ถึงอย่างไรน้องสาวก็เป็นผู้หญิงหนึ่งในสองคนที่เขารักมากที่สุดในชีวิต อะไรก็ตามที่ทำให้เธอเสียใจ เขาย่อมใจเสียไปด้วย
“ไม่เป็นไรค่ะพี่แมน ไม่มีอะไรหรอก” เด็กสาวพูดเสียงอู้อี้ ยกหลังมือขึ้นป้ายน้ำตาบนแก้ม
“มีอะไรก็เล่าให้ฟังได้นะเมย์ เผื่อพี่จะช่วยอะไรได้บ้าง” แมนพูดเสียงอ่อน ก้าวเข้าไปใกล้น้องสาวพลางยกมือขึ้นลูบศีรษะเธอเบาๆ เมย์หันหน้ามาสวมกอดเอวของเขาเอาไว้ แนบใบหน้าลงกับหน้าท้องของเมืองแมน
“เมย์ไม่รู้...ไม่รู้จะทำยังไงดีค่ะพี่แมน มันแบบ...อุ้ย! อะไรน่ะคะ?” เมย์อุทาน เงยหน้าขึ้นจากท้องของเขา เมื่อครู่เธอรู้สึกได้ถึงความเคลื่อนไหวข้างใต้เสื้อยืดเนื้อบางนั้น “มีอะไรในท้องของพี่แมน มันเหมือนขยับได้” เธอออกจะตกใจไม่น้อย
“คงเป็นเสียงลมในกระเพาะน่ะ พี่เป็นกรดไหลย้อนอยู่ พอกินเสร็จก็ลมเยอะแบบนี้ล่ะ” เมืองแมนพูด ทำหน้านิ่งทั้งที่หัวใจเต้นเร็วแรง ขยับตัวถอยออกมาจากน้องสาวไม่ให้ผิดสังเกต “พูดแล้วก็นึกได้ว่าต้องไปกินยาลดกรดก่อน ชักเริ่มปวดท้องแล้วล่ะ” ชายหนุ่มเดินออกมาจากห้อง รู้ว่ามีสายตาสงสัยของน้องสาวมองตามหลังมา
เพลิงกัลป์กำลังช่วยแม่ของเขาทำความสะอาดโต๊ะอาหารอยู่ ร่างสูงใหญ่จัดการลำเลียงจานชามช้อนส้อมเข้ามาในครัวแถมยังลงมือล้างอย่างรวดเร็วอีกต่างหาก ระหว่างนั้นก็พูดคุยกับมารดาของเขาไปด้วยอย่างถูกคอ
“เดี๋ยวแมนช่วยเก็บจานเอง”
“ไม่ต้อง ขึ้นไปพักบนห้องเถอะ” เพลิงกัลป์ไล่เขาออกมา
ชายหนุ่มไม่รู้จะทำอะไรก็เลยกลับขึ้นไปบนห้องนอนของตน เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น....เจมส์โทรมา เขาลืมไปสนิทเลยว่าสัญญากับเพื่อนว่าจะไปเลี้ยงฉลองตอนเย็นด้วยกัน เมืองแมนขอเลื่อนเป็นเย็นวันพรุ่งนี้แทน ฟังเพื่อนพูดโอดครวญมาตามสายอีกพักหนึ่งก็นัดแนะถึงงานซ้อมรับปริญญาวันพรุ่งนี้
“ไอ้ป๊อกจ้างช่างภาพมาถ่ายด้วยพรุ่งนี้ มึงจะหารกับพวกกูหรือเปล่า”
“กูมีตากล้องแล้ว” เมืองแมนพูดออกไป
“อ้าว...ใครวะ หาจากไหน”
“เพลิงกัลป์ มันจะมาถ่ายให้”
“ฮ่าๆ” ปลายสายหัวเราะลั่น “ลงทุนฉิบหาย มันตามมึงลงมาด้วยเรอะ” เมืองแมนอดรู้สึกหน้าร้อนๆขึ้นมาไม่ได้
“อืม”
“อย่าบอกนะว่าพักอยู่บ้านมึง”
“เออ...ไม่งั้นจะให้ไปพักที่ไหน”
“ไอ้นี่มันเอาจริงนี่หว่า” เพื่อนเขาอุทาน “ร้ายน่าดู”
“ไม่มีอะไรหรอก” เมืองแมนตัดบทเพื่อน “ไว้คุยกันพรุ่งนี้ กูนอนล่ะเหนื่อยเต็มที”
“มีอะไรก็อัพเดทเพื่อนฝูงกันบ้างนะครับคุณเมืองแมน อย่าเก็บเอาไว้คนเดียว อ้อ...แล้วถ้าพรุ่งนี้มึงจะแจกการ์ดแต่งงานล่ะก็ ช่วยเตือนกูก่อน กูไม่อยากเป็นลมต่อหน้าเพื่อนคนอื่น ฮ่าๆ” เจมส์หัวเราะลั่นก่อนจะวางสายไป ไม่อยู่รอฟังเมืองแมนด่าไปตามสาย