ยกที่7 หอน้อยคอยรัก
ตอนนี้ทั้งตอนเป็นเรื่องราวของผม ผู้ชายที่หน้าหล่อที่สุดในโลก ‘อาทิตย์’ ชื่อเล่นคือ ‘ซัน’ ครอบครัวเปิดรีสอร์ทอยู่ที่กาญจนบุรี มีพี่ชายหนึ่งคนดูแลรีสอร์ทที่ลำปาง
พอผมกลับมาตามคำสั่ง พี่ชายผมยืนยิ้มหวานรออยู่หน้ารีสอร์ท น่าสยดสยองเกินบรรยาย เขาคนนี้ชื่อ ‘ติชิลา’ แปลว่าพระจันทร์ ชื่อเล่นว่า ‘มูน’ ถอดผิวขาว หน้าสวยมาจากแม่เต็มๆ ต่างจากผมที่ถอดความหล่อและดำจากพ่อราวกับโขกมาจากพิมพ์เดียวกัน พี่มูนอายุมากกว่าผมห้าปี ตัวเล็กกว่ามาก แต่พละกำลังยิ่งกว่าพญาช้าง ภายใต้ชุดแสนสวยคือมัดกล้ามดีๆ นี่เอง
อีกอย่าง พี่ชายผมเป็นเกย์แถมยังเป็นฝ่ายรุก! สเปคของพี่คือหนุ่มสูงยาวเข่าดี หล่อ มีกล้ามสมส่วน ซึ่งไอ้คนประเภทนี้ปกติมันมีแต่รุกทั้งนั้น ในขณะที่ผมคิดว่าพี่ชายคงจะขึ้นคานตลอดกาลเป็นแน่ นรกกลับส่งผู้ชายโชคร้ายคนหนึ่งมา
พี่จินผู้มีใบหน้าหล่อคมคายและหุ่นดีปานนายแบบ เจ้าของห้างชื่อดังในกรุงเทพฯ ฉลาดเก่งรวยและมีความสามารถสูง ตรงสเปคพี่มูนทุกอย่าง ผมไม่เข้าใจ พี่มูนไปเล่นเสน่ห์น้ำมันพรายใส่พี่จินใช่มั้ย ถึงหลงผิดยอมเป็นของพี่มูนได้ มันยังคงเป็นปริศนาดำมืดจนถึงทุกวันนี้ และไม่มีใครกล้าแตะต้องแม้กระทั่งผมเอง
เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือจอมยุทธยังมีมนุษย์เมีย เหนือมนุษย์เถื่อนนิสัยคุณชายอย่างผม ยังมีพี่ชายหน้าสวยสุดโฉด อยากกลับหอไปมองหน้าโป้ชะมัด อย่างน้อยๆ ทางนั้นก็สวยไร้พิษภัย...
“นินทาฉันในใจไฟแล่บเชียวนะ กว่าจะโผล่หัวมาได้ ติดสาวรึไง”
ไม่ได้ติดสาว กำลังสับสนอยู่กับผู้ชายคนหนึ่ง มันคือความคิด ตรงข้ามกับสิ่งที่พูด
“ผมไม่อยากรีบกลับมาเป็น ก ข ค ง จ ฉ พวกพี่ไง”
“ให้มันน้อยๆ หน่อย ไปอาบน้ำอาบท่าไป อย่าลืมไปไหว้แม่กับพ่อด้วย”
ผมรับคำเสียงกวน แล้วใส่เกียร์หมาวิ่งหนีเท้าพี่ชายพุ่งจากรีสอร์ทกลับบ้าน บ้านผมเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้น มีสามห้องนอน สองห้องน้ำ สมัยตอนยังอยู่ด้วยกันพร้อมหน้า จนกระทั่งพี่ชายย้ายไปดูแลรีสอร์ทที่ลำปาง แถมยังมีแฟนเป็นตัวเป็นตน พี่เลยแยกไปอยู่บ้านอีกหลัง ขนาดเล็กกว่าบ้านใหญ่เท่าหนึ่ง เห็นว่าแยกไปแบบนั้นรังแกคนรักสะดวกดี ผมขอยืนไว้อาลัยให้พี่สะใภ้หน้าหล่อสามวิ
ก้าวเท้าเข้าบ้าน สิ่งแปลกปลอมภายในบ้านทำให้คิ้วผมขมวดเป็นปม ยกมือไหว้พ่อกับแม่ และตรงไปตบหัวคนที่นั่งหัวโด่อยู่ในบ้านคนอื่น
“ใครเชิญมาวะไอ้วาคิน”
มันหันมาทำหน้าโฉด พอเห็นว่าเป็นผมค่อยเลิกคิ้วยกมุมปาก
“มาเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่ มึงไม่เกี่ยวไปไกลๆ”
ตบอีกสักที มันเสือกหลบได้ ‘วาคิน’ หรือ ‘วา’ เพื่อนสมัยเด็กของผม หน้ามันหล่อคม มีดีกรีความกวนเกรียนไม่น้อยกว่าผม ต่างกันแค่เวลาอยู่กับคนไม่สนิท มันจะทำตัวเป็นรูปปั้นหน้าตาย ที่สำคัญ มันขี้รำคาญอย่างที่สุด เห็นภายนอกนิ่งๆ ความจริงมันเอาแต่ใจอารมณ์ร้อนกว่าผมสามเท่าตัว
หางตาเห็นกระเป๋าเป้อยู่ข้างตัวมัน สงสัยเพิ่งมาถึง
“ซันนิสัยเสียไม่เปลี่ยน ไหนๆ ก็มาแล้ว พาเพื่อนขึ้นไปบนห้องเร็ว”
แม่ผมสั่ง ผมรับคำลากเพื่อนขึ้นห้อง ต่างฝ่ายต่างโยนกระเป๋าไปคนละมุม ผมนั่งที่เตียงจ้องเขม็งถามอย่างคาดคั้น น้ำหน้าอย่างมันช่วงปิดเทอมไม่ยอมกลับบ้าน แต่ดันหนีมาอยู่บ้านผม ปัญหามีอยู่อย่างเดียว
“พ่อมึงอยู่บ้านรึไง ถึงเสนอหน้ามาบ้านกู”
“เออ รำคาญ บ่นเรื่องเดิมๆ กูไปอยู่เหนือก็แย่พอแล้ว ไม่อยากกลับไปปวดหัวที่บ้านอีก”
ตบบ่ามัน พอเข้าใจ บ้านมันรับราชการทั้งบ้าน พ่อมันเป็นอัยการมีชื่อ อยากให้มันเจริญรอยตาม เตรียมการทุกอย่างเอาไว้แล้ว มันต้องอยู่ในโอวาทของพ่อ จนช่วงม.ปลาย มันทนไม่ไหวระเบิดลง เลือกเข้ามหา’ลัยตามที่ตัวเองชอบโดยไม่สนคำทัดทาน ผลคือพ่อมันโกรธมาก แทบตัดพ่อตัดลูก แต่แม่มันขอเอาไว้เลยกลายเป็นอย่างทุกวันนี้
ผมว่านิสัยของวาจริงๆ ก็ได้จากพ่อมันมานั้นแหละ เอาแต่ใจ มั่นใจในตัวเอง ยึดความคิดตัวเองเป็นหลัก ทุกอย่างต้องเป็นไปตามที่วางแผนไว้ อารมณ์แบบ คนที่นิสัยเหมือนกัน มักอยู่ด้วยกันไม่ได้
พูดว่าร้ายมันซะเยอะ จริงๆ มันนิสัยดี รักความถูกต้อง ยึดมั่นในอุดมการณ์ของตัวเอง รักเพื่อนฝูงไม่ต่างจากผม
“ไมบอกว่าอยู่เหนือแย่วะ หรือที่นั่นเค้าดูแลมึงไม่ดี ให้กูช่วยพูดกับอาจารย์เปลี่ยนคนอื่นไปดีมั้ย”
“ไม่ หน้าที่กู กูต้องทำเอง จะโยนให้ใครไม่ได้ กูไม่อยากเป็นคนไร้ความรับผิดชอบ อีกอย่าง ทางนั้นดูแลกูดีอยู่”
“อ้าว งั้นอะไรที่มึงบอกว่าแย่”
มันทิ้งตัวนั่งข้างเตียง หน้านิ่วคิ้วขมวด
“ตอนกูไปหอพักมันเต็ม เขาเลยให้กูไปอยู่กับผู้บริหารวิทยาเขตเชียงใหม่ อ.แกใจดี ภรรยาก็น่ารัก ห้องสะดวกสบายกว่าหออีก เหมือนกูเป็นลูกชายอีกคน ปัญหาอยู่ที่ลูกเขานี้แหละ”
ผมหันหน้าเข้าหามัน เรื่องนี้ชักน่าสนใจซะแล้ว
“เล่าต่อดิ้”
มันถอนหายใจ คล้ายระบายความอัดอั้น ผมกับมันถือเป็นเพื่อนรักกัน ไม่มีเรื่องปิดบัง มันเลยเล่ามาแบบหมดเปลือก ใส่อารมณ์กับความรู้สึกของตัวเองเข้าไปด้วย
วาพล่ามว่า ลูกชายของเขาชอบแต่งตัวเป็นผู้หญิง ไม่พอยังชอบมากวนมันตลอดทุกวี่ทุกวัน ขนาดไปเรียนยังไม่วายบุกไปหาถึงคณะ แต่อีกฝ่ายเป็นลูกของอธิการ เจ้าของบ้านให้มันซุกหัวนอน มันเลยทำอะไรไม่ได้ ยิ่งมันเป็นคนขี้รำคาญอยู่แล้ว เจอแบบนี้ไม่แปลกที่มันจะยิ่งหงุดหงิดหนัก
“คนอะไรไม่รู้ น่าฆ่าหมกส้วมวันละสิบเที่ยว นิสัยร่าเริงเหมือนคนบ้า ตัวก็เล็ก ผิวก็นุ่มหอมยิ่งกว่าผู้หญิงที่กูเคยควงอีก ทำอะไรก็ไม่เป็น อ่อนแอเหยาะแหยะ ต้องให้กูช่วยตลอด ถ้ามันไม่มีดุ้น กูคงเข้าใจว่ามันเป็นผู้หญิงไปแล้ว ปล่อยให้คลาดสายตาเป็นไม่ได้ อย่างตอนนั้นอีก ลากกูไปช่วยซื้อเสื้อใน กูแค่แวบไปเข้าห้องน้ำแป๊บเดียว เสือกโดนผู้ชายลวนลาม มันน่าจะจับล่ามโซ่ขังไว้ในห้องไม่ต้องเห็นเดือนเห็นตะวัน จะได้เลิกสร้างปัญหาสักที”
ผมอึ้ง ฟังมันแบบมึนๆ ช่วงแรกมันยังเล่าว่าเขานิสัยแย่งั้นงี้ ไหงฟังไปฟังมา มันชมเขาซะเยอะ ดูเป็นห่วงออกนอกหน้า อาการแบบนี้มันว่ามันตะหงิดๆ นา
“ไม่ใช่ว่ามึงกดลูกเขาไปแล้วหรอกนะ” หลุดปากถามไปไม่ทันคิด
“มึงรู้ได้ยังไง” มันทำหน้าเหมือนอเมซิ่งมากที่ผมเดาถูก
“เหี้ย! นั่นมันลูกผู้บริหารไม่ใช่เหรอ” คำอุทานติดปากดังกระแทกหน้ามัน ถึงมันจะเสือผู้หญิงแต่ไม่เคยเห็นมันควงผู้ชายสักครั้ง มันถูกลูกเขาล้างสมองรึเปล่าเนี่ย แต่มันไม่ควรไปแดกลูกในบ้านเขานะเว้ย
“มันมายั่ว อ่อยกูถึงห้อง กูก็แค่สนอง ผิดตรงไหน”
ผมกลอกตา อยากถีบมัน ติดที่ยังคุยไม่จบ เดี๋ยวจะกลายเป็นทะเลาะกันจนไม่ได้คุย
“กูถามจริง ตกลงมึงเกลียดหรือชอบกันแน่วะ ปากบอกว่ารำคาญ แต่นอนกับเขา แถมยังตามดูแล กูจำได้ว่ามึงไม่ใช่คนนิสัยงี้นี่หว่า”
มันตาโต ยกมือแตะคางครุ่นคิดอย่างหนัก ที่ผ่านมาผมไม่เคยเห็นมันจะไปเดินช่วยแฟนคนไหนเลือกซื้อชุดชั้นในหรือตามดูแลแบบนี้มาก่อน อย่างมาแค่ควงแล้วเลิก ที่สำคัญ มันไม่ใช่พวกไก่อ่อน เรื่องควบคุมความต้องการของตัวเอง สามารถทำได้สบายมาก ต่อให้ผู้หญิงมาเปลือยเต้นยั่วต่อหน้า ถ้ามันไม่นึกจะเอา มันก็ไม่เอา
“ไม่มั่ง ไม่หรอก คิดไปเอง”
เหมือนมันพูดกับตัวเองมากกว่า จัดการโบกหัวไปที
“อย่าเพิ่งจมสู่ภวังค์ ลุกมาจัดของก่อน กูไม่เก็บเสื้อผ้าให้มึงหรอกนะ”
ความจริงมันจะไปนอนห้องพี่มูนก็ได้ ยังไงเจ้าตัวก็ย้ายออกไปแล้ว แต่วามันขยาดไม่แพ้ผม เรียกได้ว่าความฝังใจในวัยเยาว์ อาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ควรเข้าไปยุ่ง
ยัดเสื้อผ้าเสร็จเราลงมาชั้นล่าง โดนพี่มูนลากไปใช้แรงงานในรีสอร์ททั้งคู่ แม้จะไม่ใช่หน้าท่องเที่ยว ก็ยังมีคนเข้าพักอยู่ตลอด ด้วยความที่หน้าผมกับวามันไม่รับแขก เรื่องอยู่ตรงเคาน์เตอร์ตัดไปได้เลย ตำแหน่งงานของเราคือการใช้แรงงาน
ถามว่าทำไมลูกชายเจ้าของรีสอร์ทต้องมาทำเรื่องแบบนี้ สาเหตุมาจากพ่อสอนพี่มูนกับผมตั้งแต่เด็ก จะคุมคนอื่นได้ ต้องรู้งานที่พวกเขาทำ วิธีศึกษาไวที่สุดคือลงไปทำงานด้วยตัวเอง ดังนั้นเราเลยทำมาแทบทุกตำแหน่งเท่าที่ทำได้ในรีสอร์ท เป็นกันเองกับลูกน้อง ไม่ถือตัว อยู่กันเหมือนญาติ แบบนี้ถึงจะซื้อใจเขาได้ คุมด้วยอำนาจการเงินมันไม่ยั่งยืนเท่าความรู้สึก
วามันชอบหนีพ่อมาสถิตย์อยู่บ้านผมเลยโดนหางเลขไปด้วย งานแรกคือการแบกของสดที่ชาวบ้านมาส่งเข้าไปในครัว อย่างพวกผักผลไม้สด เนื้อสัตว์สำหรับทำอาหารให้ลูกค้าและเลี้ยงพนักงานในรีสอร์ท กว่าจะหมดคันรถได้เล่นเอาเหงื่อท่วม นับเป็นการออกกำลังกายที่ไม่เลว เราหยิบน้ำเย็นคนละขวดกระดกเดินออกจากด้านหลังมานั่งตากลมที่ล็อบบี้โรงแรม
จู่ๆ มันหยุดเดินดื้อๆ ผมกระดกน้ำอยู่กระแทกเข้าไปเต็มๆ เจ็บเชี่ย!
“หยุดไมวะ!”
“กูเพิ่งรู้ รีสอร์ทมึงมีคนดังมาพักด้วย”
ผมถลึงตาใส่มัน รีสอร์ทผมออกจะดี จะคนดังไม่ดังชอบหมดแหละ พอมองตามที่นิ้วมันชี้ เห็นชายหนุ่มร่างสูงในชุดเสื้อยืดคอวีสีทึบแบบผู้ใหญ่ กางเกงขายาวผ้านุ่มดูสบาย มือข้างหนึ่งถือหนังสือพิมพ์ เกือบจะให้มาดนักธุรกิจแล้ว ถ้าไม่ติดที่มืออีกข้าง แทนที่จะถือกาแฟ ดันเป็นแก้วนม
ใบหน้าคมคาย จมูกโด่งเป็นสัน ตาคมเข้ากับคิ้วเข้ม ผมมองด้วยรอยยิ้มนิดๆ ก็นึกว่าใคร
“นั่นมันเจ้าของห้างในกรุงเทพไม่ใช่เหรอ กูเห็นในนิตยสารธุรกิจบ่อยๆ”
“อ่าฮะ”
ผมเดินดุ่มๆ เข้าไปตบบ่าคนที่นั่งอยู่ ไอ้วารีบจ้ำตามมาดึงห้ามไม่ให้ผมไปกวนเขา สมัยก่อนผมไม่สนใจข่าวธุรกิจเท่าไหร่หรอก พอรู้จักคนตรงหน้า เห็นทีไรอดหยิบขึ้นมาอ่านไม่ได้ อ่านทีขำที อิมเมจเวลาทำงานกับเวลาอยู่ที่รีสอร์ทต่างกันราวฟ้ากับเหว
“หวัดดีพี่จิน”
“เหงื่อท่วมเชียว โดนมูนใช้แรงงานรึไง”
ใบหน้าหล่อยกยิ้มมุมปาก พี่สะใภ้ผมเอาอีกละ หว่านเสน่ห์ไปทั่ว ดูซิพนักงานสาวกับลูกค้าหญิงที่เมียงๆ มองๆ พากันตาเป็นรูปหัวใจหมด เดี๋ยวพี่มูนได้หึงหน้ามืดอีกพอดี ผมถือวิสาสะนั่งตรงหน้า ลากเพื่อนมานั่งด้วยก่อนแนะนำตัว
“นั่นพี่จิน แฟนพี่มูน ส่วนนี่ วาคินเพื่อนผมเอง”
ไอ้วาอ้าปากค้าง ไม่แปลกที่มันจะอึ้ง ถึงมันจะพอรู้ว่าพี่มูนมีแฟนเป็นผู้ชาย แต่ไม่รู้ลึกว่าใครคือผู้โชคร้าย ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนด้วย ในเมื่อพี่มูนอยู่ที่ลำปาง พี่จินเทียวไปเทียวมา นานทีปีหนจะมากาญกับพี่มูนสักที เจ้าตัวงานยุ่ง แค่หาเวลาปลีกตัวมาอยู่กับพี่มูนก็ยากเต็มทนแล้ว
“หน้าเกรียนเหมือนซันมันเลยนะ” ปากพี่ท่านก็เหลือร้ายเช่นกัน วาถึงกับคิ้วกระตุก ยกมือไหว้ค้าง
“ไมพี่มานั่งถ่ายเอ็มวีอยู่ตรงนี้ พี่มูนไปไหนแล้ว” ก่อนหน้านี้ผมเห็นพี่ชายแวบๆ อยู่แถวเคาน์เตอร์นะ
“พาลูกค้าไปดูห้องพัก มาก็ดี เอากาแฟให้หน่อย”
ผมหรี่ตามองไปทางด้านหลังพี่จิน หัวเราะหึหึในคอ พี่จินติดกาแฟหนักมาก รวมถึงบุหรี่ด้วย ปัจจุบันโดนพี่มูนหักดิบเลิกบุหรี่ไปแล้ว เหลือแต่กาแฟที่เลิกยากเพราะเจ้าตัวต้องทำงานหนัก พี่มูนเลยอนุโลมให้ดื่มน้อยลงและเวลาอยู่กับเจ้าตัวห้ามแตะกาแฟเด็ดขาด นี่คือที่มาของแก้วนมตรงหน้า
“เมื่อกี้พูดว่าไงนะ”
เสียงหวานเจี๊ยบแต่น่าสะพรึงหนัก พี่จินสะดุ้งโหยง ขนาดวายังแอบผงะ
“ไม่มีอะไร แค่ทักทายกันเฉยๆ” รีบแก้ตัวเชียวนะพี่จิน
“เมื่อคืนโดนไม่พอรึไง หรืออยากเอาอีก มูนไม่ขัดนะ เพื่อจินแล้วมูนสามารถ”
เสียงหัวเราะราวกับแม่มดผู้ชั่วร้าย ผมเห็นพี่จินเหงื่อตก ส่งสายตาให้ผมช่วยโดยด่วน มีพี่สะใภ้รวยก็ดีงี้ เวลาของฝาก ของขวัญทีไม่น้อยหน้าคนอื่น ให้หรูกว่าพี่มูนอีก ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงค่าปิดปากหรือสินบนกันตาย น่าเสียดาย ตอนนี้ผมไม่อยากได้อะไร อยากเห็นความทุกข์ของคนอื่นมากกว่าเลยทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ใส่ไฟเข้าไปเพิ่ม
“พี่มูนปล่อยพี่จินมานั่งเป็นอาหารตาชาวบ้านตรงนี้ได้ไง เดี๋ยวก็ถูกใครโฉบไปหรอก”
“ถ้าฉันลุกไปได้ ตายแน่เจ้าซัน” พี่จินกัดฟันพูดเสียงต่ำ คงอยากยกขาถีบเต็มที่
“จินน่ะสิ ดื้อจะมานั่งแถวนี้ ทั้งที่พี่ก็ใช่จะอยู่ตรงนี้ตลอดซะเมื่อไหร่ กลับบ้านกันมั้ยจิน เดี๋ยวมูนพยุงกลับ”
สมเป็นพี่น้องกัน นิสัยขี้แกล้ง ช่างแหย่ไม่มีใครเกิน โดยมีวาเป็นผู้ชมที่ดี มองภาพเบื้องหน้าอย่างสนอกสนใจ
“ไม่ต้อง ฉันเดินเองได้”
พี่จินฮึดฮัด ใช้มือเท้าพนักลุกยืนเหมือนขาเจ็บ ซึ่งความจริงมันไม่ใช่ โธ่ๆ เมื่อคืนพี่มูนคงจะหนักมือไปหน่อย ที่มานั่งมองพี่มูนได้คงเป็นพลังความรักล้วนๆ
“ไม่แกล้งแล้ว มาๆ เดี๋ยวมูนพากลับบ้านนะ เย็นนี้จะทำของโปรดให้ทานด้วย ซันพี่ฝากดูรีสอร์ทต่อที พี่จะไปดูแลสามีผู้น่ารักสักหน่อย”
ผมหัวเราะก๊าก ปากบอกไม่แกล้ง แต่วาจายังไม่จบ สามีอะไรปวดสะโพก ส่วนภรรยางี้หน้าตาชื่นมื่นอย่างกับปีศาจได้รับพลังชีวิตเต็มเปี่ยม ดูหน้าพี่จินซะก่อน งอนตุบป่องกัดฟันเดินจากไปแบบหล่อๆ โดยมีพี่มูนตามไปแหย่ควงแขนช่วงพยุงอยู่ข้างๆ
วามองตามสองคนนั้นสีหน้าฉายความแปลกใจชัดเจน
“เหลือเชื่อ อดีตคาสโนว่าตัวพ่อ เก่งกาจด้านธุรกิจ สามารถเป็นเจ้าของกิจการใหญ่ตั้งแต่อายุยังหนุ่ม มาเป็นแฟนกับพี่มูนเนี่ยนะ”
“เห็นว่าไปเจอกันที่ห้างพี่จินนั่นแหละ พี่มูนไปช้อปเล่นดันเจอเหตุการณ์พี่จินไล่สาวอุ้มลูก เลยตบเข้าให้ มารู้ที่หลังว่าเป็นความเข้าใจผิด หลังจากนั้นถูกชะตาติดต่อกันจนคบเป็นแฟน”
“เป็นการพบกันที่แปลกดี” ผมเหล่มองคนข้างตัว เอ็งแปลกกว่าพี่ข้าอีก ไปอยู่บ้านเขา เสือกแดกลูกชายเขาในบ้าน
“จบเรื่องส่วนตัว เราอยู่ที่แจ้งไม่น่าพูดเท่าไหร่ มึงมาช่วยกูทำงานดีกว่า”
อาศัยหน้าตาของวามันต้อนรับลูกค้า ส่วนผมคอยแก้ปัญหา สั่งพนักงานในรีสอร์ทไปตามสมควร อันไหนสำคัญค่อยโทรไปหาพ่อให้พ่อช่วยตัดสินใจให้ ส่วนพี่มูนเวลานี้คงไม่เหมาะ และคาดว่าเย็นนี้คงไม่มาทานข้าวที่บ้านใหญ่ชัวร์ ชักสงสารพี่จินตะหงิดๆ
ช่วงวันหยุดนี้ ผมกับวาช่วยทำงานในรีสอร์ทไปเรื่อย ในระหว่างที่ผมกำลังทำงานเป็นคนสวนโดยมีวาเป็นคนแบกปุ๋ย มือถือเสือกดังขึ้น ลำบากต้องล้างมือกดรับ กำลังจะกรอกเสียงด่า เสียงที่ดังผ่านสายมาทำให้หมดต้องยั้งปากตัวเอง
/โหล ซัน มึงว่างปะ/
โป้? โทรมาทำไมหว่าหรือมันกลับหอแล้ว เฮ้ย ไวไปมั้ง ยังเหลือวันหยุดตั้งเยอะ คิดพลางโยนต้นไม้ให้วาปลูกต่อ ตัวเองหลบไปคุยโทรศัพท์
“ว่าง โทรมามีไร อย่าบอกนะว่ามึงกลับห้องแล้ว?”
ไอ้วาชูนิ้วกลางใส่ โทษฐานโยนงานให้มันส่วนตัวเองมาคุยโทรศัพท์สบายใจเฉิบ
/ยัง กูแค่จะโทรมาถามอะไรนิดหน่อย เพื่อนมึงที่มาอยู่เหนือชื่อวาคินใช่มั้ย/ ผมขมวดคิ้ว หรือพวกมันจะรู้จักกัน ไม่มีทาง วามันไปเรียนวิทยาเขตเหนือตอนโป้มากรุงเทพแล้วนี่หว่า
“เออ มึงเจอมันเหรอ ฝากถีบหน้ามันที” ปากฝาก แต่เท้าผมยกยันแล้ว พวกมึงไปรู้จักกันตอนไหนวะ!
/ไม่เจอ แต่เจอเจ้าของบ้านที่เพื่อนมึงไปอยู่ด้วย กูว่ามึงกับกูมานั่งไว้อาลัยให้เพื่อนมึงสักสามวิเถอะ แค่นี้ก่อนนะ ไว้เอาของกินไปฝาก/
“ไอ้เหี้ย อะไรของมันวะเนี่ย โทรมาถามๆ อยู่ฝ่ายเดียว อย่าให้กูกลับกรุงเทพนะมึง”
ผมขู่อาฆาต ในใจรู้สึกโล่งอก จากที่ฟัง แสดงว่าโจทย์วาเป็นเพื่อนโป้เลยรู้ชื่อเต็มวา เพราะปกติพวกผมจะเรียกมันแค่วาคำนำหน้าเท่านั้น
“มีเรื่องอะไรวะ ใครโทรมากวนตีนมึง” วารอดพ้นเท้า หันมาถามผมคิ้วขมวด
“ไม่มีอะไร ดูเหมือนว่ารูมเมทกูจะเป็นเพื่อนกับโจทก์มึงว่ะ”
“รูมเมทมึงชื่ออะไร?”
“ปีโป้”
“มึงเกลียดปีโป้ไม่ใช่เหรอหรือเดี๋ยวนี้มึงหันมาชอบตระกูลเยลลี่แล้ว”
“ไม่ใช่เว้ย ไอ้ของแหยะๆ หยึยๆ ให้ตายยังไงก็กูไม่แดก มันเป็นชื่อรูมเมทกูต่างหาก แล้วของมึงล่ะชื่อไร” ผมดึงมันลงมาทำสวน ปากพูดมือต้องขยับ ไม่งั้นเดี๋ยวงานไม่เสร็จอดข้าวเย็นพอดี เป็นคำสั่งจากพี่มูน
“ชื่อเจเล่ ตระกูลเยลลี่คงเพราะบ้านเขาสนิทกัน เล่ชอบพูดถึงคนชื่อนี้ให้กูฟังอยู่เรื่อย แล้วรูมเมทมึงหน้าตาเป็นไง นิสัยล่ะโอเครึเปล่า”
ตกลงมันถามเพราะเป็นห่วงเพื่อน หรือห่วงคนที่มันชอบโดยไม่รู้ตัวเนี่ย
“หน้าสวย แม่ศรีเรือน ผิวขาว นิสัยกวนตีน ปากดี”
“อ้าว รูมเมทมึงเป็นผู้หญิง?”
“ผู้หญิงหน้ามึงสิ ถึงมันจะออกไปทางสวยแต่ยังมีความหล่ออยู่เว้ย แถมแรงควายฉิบหายอยู่สถาปัตย์ด้วย”
วามองผมด้วยสายตาเหมือน ข้ารู้ข้าเห็นพลางหัวเราะในคอ
“มาบอกแต่กูชอบเล่ มึงเองก็เถอะ หลงโป้คนนั้นรึเปล่า”
เสียมในมือชะงักกึก ความเงียบเข้าปกคลุม ผมนึกย้อนกลับไปถึงการกระทำของตัวเองกับความรู้สึกที่มีให้โป้ในช่วงหลัง วาเองก็เงียบระทึกความหลังเช่นกัน ก่อนพวกเราจะหันมามองหน้าอย่างตกใจ พากันสบถคนละคำ ไม่ว่าผมหรือมันต่างเจอคนที่ตรงสเปค แต่เสือกเป็นผู้ชายทั้งคู่ อีกอย่าง สองคนนั้นดันเป็นเพื่อนกันเหมือนกับพวกเรา พระเจ้ากำลังเล่นตลกกับพวกผมแหง
“ช่างเถอะ คงไม่มั้ง” ผมพึมพำ
“กูก็ว่างั้น เลิกคิดรีบทำให้เสร็จ กูชักหิวละ” วาตอบ พวกเราก้มหน้าก้มตาเร่งมือทำสวนอย่างไว เสร็จทันก่อนมืดเฉียดฉิว วันนี้พี่มูนลงมือเข้าครัวเองเพราะพี่จินมานั่งทานข้าวด้วย พร้อมหน้ากันที่บ้านใหญ่ อาหารมากมายถูกวางเรียง มีของโปรดครบทุกคนมันถึงได้เยอะ ทีแรกคิดว่าจะกินกันไม่หมด แต่ผมลืมไป มีผมกับวาชอบสูบ เกลี้ยงเกลาทุกจาน
พอกินเสร็จพี่จินคุยเรื่องธุรกิจกับพ่อ ส่วนผมกับวายืนล้างจานในครัว แม่เตรียมของหวานกับพี่มูน อยู่บ้านมันเปรมจริงๆ ของกินเยอะ ตอนอยู่หอมหา’ลัยแม่งลำบาก ทำอะไรกินก็ไม่ได้ ร้านทั่วไปก็หมาไม่แดก กินพอประทังชีวิตไปวันๆ พักหลังค่อยดีหน่อย ย้ายไปอยู่หอนอกกับโป้ มีคนทำกับข้าวอร่อยๆ ให้กิน
โป้มันทำอาหารเก่งดี ขอรีเควสอะไรทำได้หมด อันไหนมันไม่เคยทำ รอบแรกอาจจะเค็มไป จืดไปบ้าง แต่รอบสองรับรองความอร่อย นึกถึงแล้วอยากกลับไปกิน
“เฮ้อ/เฮ้อ”
“อยากกลับกรุงเทพ/เชียงใหม่”
พี่มูนหัวเราะกับท่าทางพวกผม ตักต้มถั่วเขียวใส่ถ้วยเล็ก
“เป็นอะไรไปสองหนุ่ม ทำอย่างกับคิดถึงแฟน”
โครม!
จานในมือร่วงลงอ่างอย่างพร้อมเพรียง ดีนะที่ไม่แตก พี่มูนหัวเราะเสียงใดเดินถือถาดออกไปข้างนอก แม่ผมตบบ่าพวกเราให้รีบล้างจะได้ออกไปทานของหวาน
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผมกับวาต่างคนต่างถามวันเวลากันวันละสิบเที่ยว สร้างความขบขันให้พี่มูนอย่างที่สุด กระทั่งถึงเวลาสามวันก่อนเปิดเทอม วาตัดสินใจกลับเหนือก่อนกำหนด ส่วนผมยังอยู่ต่ออีกวันค่อยขับรถเข้ากรุงเทพ ผมมาถึงห้องก่อนอย่างที่คิดไว้
ทีแรกยังเฉย คิดว่าโป้คงจะกลับมาก่อนวันเรียนเลย ที่ไหนได้ วันนี้ป่าไปสามทุ่มผมยังไม่เห็นหัว ได้ข่าวว่าพรุ่งนี้มันมีเรียนเช้า ผมตัดสินใจโทรหาแม่ง พอมันกดรับสายปุ๊บ ผมกรอกเสียงใส่ทันที
“มึงอยู่ไหนวะ”
/อยู่บนรถ ฮ้าว มีไร/ ดูท่ามันกำลังนอน เสียงอู้อี้
“รถอะไร” ผมถามอย่างใจเย็น ไม่แน่ว่ามันอาจจะนั่งรถแท็กซี่จากสนามบินมาหอ
/รถทัวร์/
“กูบอกให้มึงนั่งเครื่องกลับมาไม่ใช่เหรอวะ! แล้วงี้มึงจะถึงกี่โมง พรุ่งนี้มีเรียนเช้านะเว้ย วิชาหลักมึงด้วย”
/กูทันแน่มึงไม่ต้องห่วง แค่นี้ก่อนนะ อยู่บนรถคนนอนทั้งคันไม่อยากคุยมาก/
“เดี๋ยว มึงใกล้ถึงขนส่งแล้วโทรบอกกู กูจะออกไปรับ”
/ไม่ต้อง กูนั่งแท๊กซี่กลับเองได้/
“หุบปากแล้วทำตามที่สั่ง!”
ผมกดตัดสายบ้าง เวลาเกือบตีสามผมงีบไปหน่อย ได้ยินเสียงโทรศัพท์กดมารับเป็นไอ้โป้ เลยต้องลุกหยิบเอากุญแจรถบึ่งไปรับมันที่ขนส่ง คนโคตรโล่ง แทบไม่มีใครอยู่เลย เห็นมันยืนพิงเสาสัปหงก ผมเดินเข้าไปแย่งเป้ใส่เสื้อกับถุงของฝากมันมาถือ
“ตื่นมึง กลับห้อง”
โป้ผงกหัวเดินตามผมขึ้นรถ มันหลับตลอดทางขนาดถึงแล้วยังไม่ตื่น อย่างว่า ถึงไม่ได้ขับ แต่การนั่งรถนานๆ มันทำให้เพลียเหมือนกัน แล้วนี่มันนั่งมาจากเชียงใหม่ ผมอยากจะบ้าตาย ของฝากอะไรช่างแม่ง ผมขออุ้มมันเข้าห้องก่อนแล้วกัน
พอผมเปิดประตูก้มลงไปอุ้ม มันสะดุ้งตื่นดันอกผมออก
“ทำไรวะ”
“เงียบแล้วอยู่เฉยๆ”
“กูแค่ง่วง ไม่ได้เป็นง่อย กูเดินเองได้”
มันชักสีหน้า ผลักผมออก คงหงุดหงิดเพราะความง่วง ผมเองก็อารมณ์ขึ้น นี่กูเป็นห่วงมึงนะ เผลอออกแรงกระชากแขนมันไม่ให้เดินหนี แล้วกดกับรถ รั้งท้ายทอยจูบแดกปาก จะได้เลิกพล่ามมาก ปกติมันคงสวนกลับแบบไม่ยอมแพ้ คราวนี้มันไม่มีอารมณ์มาเล่นด้วย ซัดเข่าใส่ท้องผมเต็มๆ จุกเหี้ย ผมยิ่งกำข้อมือมันแน่นบดปากแบบไม่เกรงใจจนมันหอบ กัดปากมันทิ้งท้ายสักทีค่อยผละออก
“จำไว้ กูพูด มึงต้องฟัง”
มันถ่มน้ำลายลงพื้น ดูอารมณ์เสียมากกว่าปกติ
“ถุ้ย! ฟังKไร มึงเป็นพ่อกูเหรอ อึก!”
จับดึงให้มันแหงนคอ แล้วกัดแบบไม่ออมแรง พูดเสียงรอดไรฟันข่มอารมณ์กรุ่น
“อยู่นิ่งๆ ถ้ามึงไม่อยากเล่นหนังสดที่ลานจอดรถ!”
สุดท้ายโป้ต้องยอมสงบ รอบนี้มันแบกมันขึ้นบ่า ไม่มาอุ้มถนอมแบบตอนแรก ถึงห้องโยนมันลงเตียงกระแทกประตูปิดกลับห้องตัวเอง
พอเช้ามาได้ยินเสียงเคาะประตู มีอยู่คนเดียวเท่านั้นแหละ ผมเปิดออกไปปุ๊บหมัดลอยกระแทกพุงซ้ำที่เดิม ไอ้โป้ยืนมองผมกุมท้องจุก
“เอาคืนที่มึงทำกับกู” มันดึงคอเสื้อนศ.ออก เฮ้ย รอยฟันชัดมาก อยู่ระหว่างคอกับบ่า ขนาดผมเป็นคนทำเองยังตกใจ เมื่อคืนกูลงแรงขนาดนั้นเลยเหรอวะ จำได้ว่ายั้งไว้บ้างนะ ต้องโทษมันขาวมากกว่า ไม่งั้นคงไม่ชัดแบบนี้
“นู่น แดกซะ ขอโทษที่หงุดหงิดใส่มึงเมื่อคืน พอดีกูง่วง มีปัญหากับปู่ก่อนมาเลยพาล” มันชี้ไปทางโต๊ะอาหาร มีข้าวต้มหมูร้อนๆ วางอยู่สองถ้วย นี่มันแหกขี้ตาตื่นก่อนผมเพื่อมาทำ ทั้งที่มันนั่งรถมาทั้งคืน เชื่อมันเลย
“เออ” ผมตอบมันสั้นๆ ผมเองก็ผิดที่ไปทำรุนแรงกับมัน ปากโป้เจ่อเลยวุ้ย สงสัยเย็นนี้ผมต้องหาเรื่องให้ไอ้ตัวเล็กมาเที่ยวห้องใหม่ ช่วยดึงความสนใจลดบรรยากาศอึมครึมระหว่างผมกับโป้ จะได้ให้ของฝากด้วย
แผนการเป็นไปได้ด้วยดี เลิกเรียนผมแวะไปรับโป้อ้างว่าจะรับปอนด์ไปเที่ยวห้องแล้วโทรไปหาเป้าหมาย ก่อนขับรถไปดักรอ อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด พอมีปอนด์โป้ดูสงบลง เอาแต่นอนจนถึงห้อง ผมเห็นมันหลับสบายไม่อยากปลุก ว่าจะอุ้มสักหน่อย มันดื้ออีกละ ผมเลยก้มลงไปกระซิบข้างหูขู่มัน
“จะยอมให้กูอุ้มไปดีๆ หรือทำแบบเมื่อวานโชว์ปอนด์”
มันนิ่ง ไม่ดิ้นอีก ได้ผลดีเป็นบ้า คราวหลังต้องตบรางวัลเป็นขนมให้ปอนด์เยอะๆ
ปอนด์โทรไปรายงานเฮีย ขานั้นเห็นว่าพวกผมย้ายห้องใหม่เลยอยากมาดูและแวะรับปอนด์กลับทีเดียว ผมไม่ปฏิเสธ ชวนให้เฮียมาทำอะไรกินกันที่ห้อง กินเสร็จค่อยกลับไปพร้อมกับโป้ที่อารมณ์ดีขึ้น จัดว่าแจ่ม