[Gloomy Sky] @21/08/2012
ผมไม่ไหวแล้ว.......
....................
...............
..........
.....
.
ในเวลาบ่ายแก่ๆ กับตัวผมที่ล้มลงบนเตียงแบบหมดอาลัยตายอยาก ....งาน Report เหี้ยนี่มันเล่นผมแล้วครับ ช่วงที่ผ่านมา ผมวุ่นกับการหาข้อมูล แปลเอกสารวิชาการ ทำทุกอย่างเพื่อให้ทันกำหนดส่ง แต่เวลานี้ผมรู้สึกเหมือนทุกอย่างในหัวปั่นรวมกันกลายเป็นหมอกสีเทาๆ ที่ทำยังไงก็ไม่สามารถสลัดมันออกได้
"...
ตื๊ดด...
ตื๊ดด...
ตื้๊ดด... ฮัลโหล ว่าไงครับ เป็นยังไงบ้าง" ...ผมสัดสินใจโทรหาคุณแม่ผมครับ ช่วงวันสองวันมานี่คุณแม่ก็เห็นผมเครียดจนเป็นห่วงเหมือนกัน ที่ผ่านมาไม่ว่าการเรียนหรือการใช้ชีวิตผมจะเจอมรสุมหนักเท่าไร ผมก็ผ่านมาได้ทุกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมเครียดอย่างชัดเจน คุณแม่คงดูออกหละครับ
"เดี๋ยวแม่เลิกงานแล้วไปไหนรึเปล่าครับ"
"ก็ดูๆฝนอยู่นะ ตอนแรกว่าจะไปเดอะมอลล์ดูของนิดหน่อย แต่ตั้มทำงานอยู่บ้านก็ได้นะครับ"
"อืม แต่...ตั้มไม่ไหวแล้วหละแม่" ผมถอนหายใจยาวๆ ก่อนจะพูด ครับ... ผมรู้ว่าคนคนแรกที่เป็นที่ปรึกษา และเป็นห่วงผมได้ทั้งหมดของหัวใจก็คือคุณแม่นั่นแหละ มีอะไรบอกคุณแม่ได้ทุกอย่าง
"อ้าว เกิดอะไรขึ้น เป็นอะไรครับ" น้ำเสียงที่ปนความเป็นห่วงส่งมาหาผม แค่นี้ผมก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ลำบากอยู่คนเดียวแล้วครับ
"ตั้ม....ตั้ม....
ฮึก..."
"อ้าว!... ร้องไห้ทำไม" เสียงคุณแม่ดูตกใจไม่น้อยครับ ผมไม่เคยร้องไห้กับแม่มานานมากๆ มากจนจำไม่ได้เลยล่ะครับ
"....
ฮึก....ตั้มไม่ไหวแล้วอ่ะแม่ หัวมันไม่เดินแล้ว ตั้มนั่งจ้องคอมมาเป็นชั่วโมง อ่านซ้ำไปซ้ำมา ไม่มีอะไรที่เข้าหัว ไม่มีอะไรที่เข้าใจ มัน...
ฮึก...." ผมสะอื้นปนกับคำพูดระบายทุกสิ่งที่อยู่ในหัวออกมา .....ครับ มันไม่ไหวจริงๆ
"ใจเย็นๆ ใจเย็นๆ ตั้มครับ ฟังแม่นะ"
"....
ฮึก......."
"แม่รู้นะว่าที่ผ่านมาตั้มผ่านหลายๆอย่างมาได้ตลอด แม่ก็พึ่งเห็นตั้มเป็นแบบนี้ มันเป็นครั้งแรกที่ตั้มเจออะไรที่พยายามยังไงก็รู้สึกว่าทำไม่ได้ใช่มั้ยครับ"
"....
ฮึก......อื๊ม.."
"เป็นธรรมดาครับ แม่กับพ่อก็ผ่านอะไรมาเยอะ ชีวิตคนเรามันจะมีอุปสรรคมาอยู่เรื่อยๆ เพียงแต่ที่ผ่านมา ตั้มผ่านมันมาได้ทุกอย่าง ขนาดเรื่องที่ร้ายแรงมากๆตั้มก็พึ่งผ่านมาใช่มั้ยครับ" ครับ...คุณแม่หมายถึงปัญหาสุขภาพผมตอนที่พึ่งเข้าเรียนปริญญาโทใหม่ๆ ต้องเทียวเข้าเทียวออกโรงพยาบาลจนในที่สุดก็ต้องออกจากหอที่มหาลัยมาอยู่บ้านแทน เป็นการรับเบญจเพศที่สวยงามมาก
"ตั้มว่าตั้มเรียนไม่ทัน ไม่มีเวลาทำงานส่ง ตั้มกลัวหลายๆอย่าง แต่สุดท้ายตั้มก็ผ่านมาได้"
"...อืม...
ฮึก.....ครับ.."
"บางทีคราวนี้อาจจะเป็นอะไรที่มันเกินกำลังเราจริงๆ ตั้มพยายามแล้วแม่ก็เห็นมาตลอด แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พยายามยังไงก็ทำไม่ได้ ตั้มก็คงท้อ เป็นใครใครก็ท้อครับ ไม่แปลกถ้าเราจะรู้สึกว่าอ่อนแอ ทำอะไรไม่ได้ ทุกคนก็ต้องเคยผ่านช่วงเวลานั้น"
"..........
ฮึก....
ฮึก...."
"แม่ก็ไม่รู้ว่าไอ้ที่ยากจนตั้มไม่ไหวเนี่ยมันเป็นยังไง แม่ไม่ได้เรียนวิศวะมา แต่ถ้ามันยากเกินไป เกินกำลังเราตอนนี้จริงๆ ตั้มไปคุยกับอาจารย์ตรงๆก็ได้ครับ อาจารย์เค้าก็คงไม่ใจร้ายขนาดนั้น ก็ลองถามดูว่าเค้าจะมีคำแนะนำยังไงบ้าง ในเมื่อเราเจอปัญหาแบบนี้"
"...แม่.... ตั้ม...
ฮึก.....แต่มัน..ไม่รู้สิ ตั้มเคยหาเงินให้ที่บ้านได้......
ฮึก ...แม่ก็รู้ว่าเราไม่ได้รวย แต่ตั้มเป็นคนขอออกมาเรียน ยอมทิ้งรายได้ พ่อกับแม่ยอมลำบาก.... แต่ตั้ม.....
ฮึก..... ตั้มกลัวมันสูญเปล่า ตั้มเอาแต่ใจตัวเอง ออกมาเรียน แต่ตั้มทำไม่ได้.... ตั้ม....
ฮึก...."
"อย่ากดดันตัวเองสิลูก... พ่อกับแม่อยากให้ตั้มเรียนสูงๆ ตั้มได้ทุนมา นั่นก็เป็นโอกาสของตั้ม พ่อกับแม่ยังทำงานได้อีกเย๊อะะะะะ"
"...ฮึก.....ฮืออออออ" ผมเริ่มกลั้นน้ำตากับเสียงไม่ได้แล้วหละครับ มัน.... นะ
"นะครับ อย่าพึ่งเครียด อย่าพึ่งคิดมาก ตอนนี้อยากจะร้องไห้ก่อนก็ได้ถ้ามันทำให้ตั้มสบายใจ แต่น้ำตามันแก้ปัญหาอะไรไม่ได้นะครับ ไว้ค่อยกลับไปช่วยกันคิดคืนนี้นะ"
..........ผมนั่งฟังคุณแม่พูดต่ออีกนึงนึง กับตัวผมที่แทบไม่ได้พูดอะไรมีแต่เสียงสะอื้นกับเสียงร้องไห้ที่ส่งไป ก่อนคุณแม่จะขอตัวไปทำงานต่อ หลังจากนั้นผมก็ร้องไห้จนหลับไป...
นี่แหละครับ คุณแม่ผม... คนที่เข็มแข็งและมีสติเสมอไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไร แม้กระทั่งตอนที่ผมเคยร้องห่มร้องไห้เสียใจที่ตัวเองชอบผู้ชายด้วยกัน ทำให้แม่ผิดหวัง คุณแม่ก็ยังเข้มแข็งปลอบผม ทั้งๆที่จริงๆแล้วตัวเองก็อาจจะรู้สึกผิดหวังอยู่ไม่น้อย....
ผมรักแม่นะครับ
[Glamorous Sky] @22/08/2012
ผมตัดสินใจเข้ามาคุยกับอาจารย์ที่มหาลัยครับ... ก็เป็นเรื่องแปลกสำหรับคนอื่นในห้องแลป เพราะผมมักจะโผล่มาแต่วันประชุม แต่เห็นสภาพแล้วแทนที่จะทำท่าตกใจกัน สุดท้ายก็ได้แต่ถามผมว่าเครียดอะไรมา ทำไม่ทันเหรอ อดนอนมารึเปล่า ฯลฯ .....ก็ใช่ครับ ยอมรับว่าวันนี้ผมโทรม แถมอาการเครียดยังพากันบีบกระเพาะให้ท้องเสียแต่เช้าอีก
แต่ผมก็ได้อะไรมาเยอะครับ ใช่แหละ ถึงมันจะแสดงอ่อนแอ ความไม่รู้ ความอ่อนด้อยของเราให้คนอื่นเห็น แต่สุดท้ายแล้ว ถ้าแม้แต่ตัวเองยังยอมรับไม่ได้ ก็คงต้องจมอยู่กับความเครียดความกดดันต่อไปเรื่อยๆ ผมเล่าทั้งหมดให้อาจารย์ co-adviser ฟัง ซึ่งท่านก็นั่งคุยกับผมเป็นชั่วโมง แนะจุดโน้นจุดนี้ ที่สำคัญ วันนี้อาจารย์ก็พึ่งได้รู้ว่าผมเป็นเด็กเรียนสายศิลป์-คำนวน แต่มาต่อวิศวะตอนปริญญาตรี ซึ่งก็แน่นอนว่าฟิสิกส์ผมแทบไม่มีพื้นความรู้ ...พึ่งรู้ว่าผมไม่ได้ขับรถมาเรียนหรือรู้เรื่องเครื่องยนต์กลไก ทั้งๆที่ต้องทำทีซิสเกี่ยวกับรถยนต์ คุยกันนานครับ ปรับโน่นปรับนี่ จนอยู่ในระดับที่น่าจะเข้าใจได้ดี และทำให้ผมจบได้
ในที่สุดผมก็เดินออกจากมหาลัยยามบ่ายแก่ๆ คุยโทรศัพท์รายงานคุณแม่ก่อนที่จะนั่งรถกลับ... มาต่อรถที่เซนทรัลลาดพร้าวน่ะครับ แล้วระหว่างนั้น ringtone โทรศัพท์ของผมก็ดัง
"เป็นยังไงบ้าง หายเครียดยัง" มิ้นท์โทรมาครับ ....เอะ แต่ว่าอะไรหายเครียด ผมพยายามไม่เล่าเรื่องหนักหัวของผมให้มิ้นท์ฟังครับ ไม่อยากให้เค้าเครียด แล้วนี่เค้านึกว่าผมเครียดอะไรล่ะเนี่ย หรือว่า....
"..... มิ้นท์เล่าให้ฟังเหรอครับ" งงกับตัวละครมั้ยครับ คือที่ผมพูดนั่นพยายามจะบอกว่า มิ้นท์ น้องสาวแท้ๆของผมไปเล่าให้ไอ้หน้าหวานฟังใช่รึเปล่า สองคนนี้เค้าก็คุยกันอยู่เนืองๆครับ
"อืม...... ตั้ม มีอะไรก็บอกกันสิ เราสัญญากันไม่ใช่เหรอว่ามีอะไรก็จะเล่าให้กันฟัง อย่าเก็บไว้คนเดียวสิ" ก็ ...ครับ ใช่ ก่อนหน้านี้มิ้นท์เคยจะขับรถมาหาผมตอนเที่ยงคืน แต่ผมเห็นว่าดึกแล้วเลยไม่อยากให้ขับ ไปๆมาๆ สุดท้ายก็ยอมครับ วันนั้นที่เจอมิ้นท์ร้องไห้มา.... เพราะมีปัญหากับที่บ้านนิดหน่อย หลังจากนั้นผมขอให้มิ้นท์รับปาก ว่าถ้ามีอะไร อย่าเก็บไว้คนเดียว ให้คุยกัน บอกกัน ถ้าไม่สบายใจก็จะร้องไห้ไปด้วยกัน แต่นี่ผมกลับทำแบบนั้นซะเอง หะหะ
"อ่า.... ครับ ขอโทษนะครับ คือตั้มก็ไม่รู้จะเล่ายังไง"
"อืมนะ......." มิ้นท์เงียบไปพักนึง เหมือนกำลังถอนหายใจแบบเนือยๆ "วันนี้ให้มิ้นท์รอมั้ย ตั้มจะมารับรึเปล่าอ่ะ"
"ตอนนี้พึ่งถึงดอนเมืองเองครับ ไม่น่าจะทัน เจอกันที่ยูเนี่ยนฯดีกว่านะ"
"อื๊ม โอเค เจอกันค๊าบบบบบบบ"
"ครับ เดี๋ยวเจอกัน"
....แล้วผมก็ถึงก่อนครับ เดินลงไปรอรับมิ้นท์จากรถไฟฟ้าใต้ดิน แล้วก็เดินมาที่รถด้วยกัน
"อาจารย์เค้าว่ายังไงบ้างล่ะ" มิ้นท์ถามมาก่อนครับ
"ก็ โอเคนะ แต่ก็ได้งานมาเพิ่มอีก ยังดีที่อาจารย์ให้เวลาเพิ่มอีกถึงสัปดาห์หน้า โล่งอกไปเปาะนึงล่ะ"
"อืมมม ดีแล้ว พักผ่อนซะบ้าง โทรมแล้วนะ"
"หะหะ.... ค๊าบบบบบบบบ" แล้วผมก็หลับตาเอนซบลงบนไหล่มิ้นท์ ...ประหลาดเนอะ เหมือนสลับบทระหว่างเมะกับเคะพิกล
"แล้วตัวเองลงไหน"
"เอ้อ ส่งที่รถไฟฟ้าใต้ดินอ่ะครับ เดี๋ยวจะแวะไปกลับกับพ่อ" ผมตอบโดนที่ยังหลับตาอยู่บนไหล่มิ้นท์...
"อืม"
ซักพักไอ้หน้าหวานก็ยักไหล่งึกงึก.... ผมก็ลืมตาขึ้นเพื่อพบกับ .....มือของมิ้นท์.......แก้มป่องๆ และนิ้วชี้ที่จิ้มจึ๊กๆลงไปบนแก้มตัวเอง
"เร็ววววววววววววววววว" ไอ้หน้าหวานส่งเสียงอ้อนเรียกเจ้าของ .....ผมส่งยิ้มให้เบาๆ ก่อนจะหันไปกอดพร้อมเอาจมูกฝังไปแนบแก้มของคนตรงหน้าอย่างแผ่วเบา
....ครับ เราทุกคนคงจะเจอปัญหาที่ใหญ่เกินตัวบ้าง อาจจะท้อบ้าง เครียดบ้าง ผมพึ่งเจอมันเป็นครั้งแรก แต่ก็ขอบคุณที่ยังมีคุณแม่ คุณพ่อ ...มีน้องสาวตัวดี และคนตรงหน้าที่ทำให้ผมยิ้มได้แบบคนที่มีความสุขที่สุด ทั้งๆที่เมื่อวานพึ่งจะร้องไห้จนตาบวม
"มิ้นท์รักตั้มนะ"
"ตั้มก็รักมิ้นท์ครับ" ....ผมเอามือที่กอดมิ้นท์มาเชยคางแทน ก่อนที่จะเลื่อนหน้ามาประกบริมฝีปากเข้าไป เป็นจูบที่ถึงจะไม่ร้อนแรง วาบหวาม แต่ก็อบอุ่นและอ่อนหวานที่สุด ....ก่อนที่ผมจะก้าวลงจากรถด้วยความสุขที่ล้นหัวใจ
finขอโทษที่หายไปเลยครับ ก็อย่างที่ว่าแหละครับ .....งานเยอะ แยะ ยาก
แต่งานก็ยังไม่จบหรอกครับ ช่วงนี้บางทีอาจจะเข้ามาดูน้อยลงนิดนึง แต่ก็จะพยายามเข้ามาบ่อยๆครับ เห็นพี่ๆน้องๆ ให้กำลังใจกันไม่ว่าจะในกระทู้ไหนแล้วก็รู้สึกดีไปด้วย : )
ปล. พี่คริสกับอาร์คจีบกันในกระทู้ตั้มเดี๋ยวคิดค่าที่นะครับ