(เหมาะกับการอ่านตามลำพัง..)SWEET DREAM
“พชร”
..
“พชร..”
..
“พด-ชะ-ระ!”
หลังจากเรียกเป็นครั้งที่.. เอาเป็นว่าจริงๆแล้วอาจมากกว่าสาม
ในที่สุดก็ได้คำตอบรับ
“อะไรนักหนา?”
“มึงนั่นแหละ
อยู่ห้องเดียวกัน เจอกันทุกวัน แต่ไม่พูด ไม่คุย ไม่ทักกูสักคำ มึงเป็นอะไรนักหนา!”
ภายในหอสามชาย ห้องสามสามแปด นักศึกษาปีหนึ่งต่างคณะสองคนยืนจ้องหน้ากัน
คนหนึ่งถาม..
และอีกคน ..ไม่ยอมตอบ
ร่างสูงกำยำเจ้าของนาม ‘พชร’ เพียงแต่พ่นลมหายใจ ขยับลำตัว มือหมายจะจับลูกบิดประตู เปิดออกสู่ภายนอก
“พชร อย่าเพิ่งไปนะ” เป็นมือเรียวเล็กที่ยื้อไว้ คนตัวเตี้ยกว่าเงยหน้ามองจ้อง เอ่ยอย่างหมดความอดทน
“พูดกันให้รู้เรื่องก่อน!”
..ซึ่งสัมผัสบนท่อนแขนนั้นก็ทำให้พชรสิ้นสุดความอดทนขึ้นมาบ้างเหมือนกัน
“เป็นบ้าหรือไง เครื่องกล!” เขาหันมาว่าเสียงหนัก
“เราอยู่ร่วมห้องกันแค่ปีเดียว อยู่คนละคณะกันด้วยซ้ำ พ้นปีหนึ่งก็ต่างคนต่างไป มหา’ลัยออกกว้างใหญ่ อาจจะไม่เจอกันอีกเลยก็ได้ แล้วมึงจะแคร์อะไรนักหนา!”
คนไม่ค่อยพูด ไม่ได้หมายความว่าพูดยาวไม่ได้
ที่จริง.. เมื่อพูดออกมาแล้ว หยุดยากเสียด้วย
“ถ้ามึงไม่พอใจ มึงก็มีทางเลือก กลับไปอยู่บ้านก็ได้ มีคนรถขับมาส่งไม่ใช่หรือ จะมาทนอยู่หอที่เดี๋ยวไฟดับ เดี๋ยวน้ำไม่ไหล เดี๋ยวก็มีตัวอะไรที่มึงไม่ชอบทำไม”
ม่อนแจ่มขบเม้มริมฝีปาก ฟันฟืองความคิดหมุนวุ่นตามคำพูดนั้น
“เออ กูมีทางเลือก” หนุ่มวิศวฯเครื่องกลปฏิเสธไม่ได้ว่าเห็นด้วย
“ถ้าไม่พอใจมากๆ กูก็แค่กลับบ้าน ใช่เลย มึงพูดถูก กูอยู่วิศวฯ มึงอยู่มนุษยฯ พ้นปีหนึ่งก็ต่างคนต่างไป กูไม่เห็นต้องแคร์
กูจะทนอยู่หอนี้ อยู่ห้องนี้ทำไมล่ะ
กูจะอยู่ทุกวันเพราะอยากเห็นหน้ามึงทุกวันไปทำไมจริงไหม ทั้งๆที่มึงก็ไม่ได้สนใจอะไรกูอยู่แล้ว!
..
กูจะอยากคุยกับมึง แค่เพราะอยากได้ยินเสียงมึงเรียกชื่อกูทำไมกัน..”
ม่อนแจ่มพูดมันออกมา ..เอ่ยสิ่งที่รู้สึกตามนิสัยตรงไปตรงมาของตนจนได้
ทว่า ก็เพียงเพื่อจะได้สบสายตาเฉยชาแบบเดิมและน้ำเสียงห้วนสั้นที่เอ่ยตัดรอนเขาว่า
“หยุดพูดสักที กูรำคาญ!”..
..
“พชร!” ร่างเล็กสะดุ้งเฮือก เหงื่อกาฬผุดพรายเต็มใบหน้า ปากอ้าตะโกนชื่อเดียวกับในภวังค์
..และให้หลังเพียงไม่กี่วินาที เสียงที่จดจำได้ก็เรียกขาน
“ม่อน”
พชรสลัดความงัวเงียทิ้งเมื่อได้ยินคนนอนเตียงข้างเคียงตะโกนเรียกเขาสุดเสียงแหวกผ่านความเงียบของยามดึก
ร่างกำยำเลิกผ้าห่มออก ขยับกายว่องไวมาประชิด
“เป็นอะไรครับ?”
หะ..
เป็น.. อะไร..ม่อนแจ่มคืนสติ ตาใสกระพริบปริบๆ เมื่อชินกับความสลัวจึงมองเห็นโครงหน้าคมสันของคนคุ้นเคยรางๆ
คนคุ้นเคยจริงสิ.. พชรเป็นคนคุ้นเคยของเขาแล้วนี่นา
ไม่ใช่รูมเมทที่แปลกแยกต่อกันเหมือนเมื่อตอนเริ่มต้นปีหนึ่งสักหน่อย
บ้าจริง
แหะๆม่อนแจ่มก็แค่..
“ฝันร้าย”
มือขาวยกขึ้นเกาหัว ยิ้มแหยๆ หัวใจที่เต้นจังหวะร็อคด้วยอาการตื่นตกใจค่อยๆผ่อนช้าลง เขาสูดหายใจเฮือกใหญ่
พชรบีบไหล่สั่นเทาของเขาหนักๆอย่างปลอบโยน ก่อนละไปเอื้อมกดเปิดสวิชต์ไฟให้ส่องสว่าง
แว่นสายตากรอบแดงถูกส่งมาให้หลังจากนั้น
“ขอบคุณ พชร”
เมื่อมีตัวช่วย ม่อนแจ่มก็เห็นดวงตาดำขลับที่มองมาด้วยความห่วงใยนั้นได้ชัดเจน
“กูทำมึงตื่นเลย ขอโทษนะ”
“ไม่เป็นไร” พชรตอบกลับมาอย่างที่คาดได้ มือแกร่งหยิบขวดน้ำ เปิดฝา ส่งให้
“ดื่มเสียก่อน”
‘ดื่มน้ำเสียก่อน’ คือคติพจน์หนึ่งของพชรที่ม่อนแจ่มเรียนรู้
เหนื่อย หิว ตกใจ เศร้าใจ อะไรก็ดื่มน้ำเสียก่อน แล้วจะดีขึ้น
ม่อนแจ่มนึกยิ้ม รับขวดน้ำมาซดสองสามอึกใหญ่ ก่อนยื่นกลับให้
“มึงก็กินด้วยสิ”
พชรพยักหน้า ดื่มน้ำอึกหนึ่ง ก่อนจะวางขวดไว้บนโต๊ะ แล้วจึงทรุดนั่งลงบนเตียงเคียงม่อนแจ่ม
“แล้ว.. ฝันอะไรหรือ?”
เพราะอยากรู้ว่าอะไรทำให้ม่อนแจ่มตะโกนเรียกเขาดังลั่นขนาดนั้น เพราะพชรห่วงใย..
อย่างไรก็ตาม ม่อนแจ่มลำบากใจที่จะตอบ
“เอ่อ.. อ่าม..” เสียงเล็กอึกอัก
“คือ..”
พชรเลิกคิ้ว รอฟัง
แต่เมื่อยังไม่มีคำใดหลุดจากริมฝีปากคนช่างเจรจา เขาจึงตัดสินใจใช้วิธีที่เรียนรู้มาจากม่อนแจ่ม นั่นคือการตีกรอบคำถามให้แคบลง
“เพื่อนที่ไม่สนิทหรือ?”
ม่อนแจ่มส่ายหน้า..
“เพื่อนที่ไม่สนิทที่สุด?” เสียงเข้มถามให้แคบลงอีก
ม่อนแจ่มเองก็ส่ายหน้าอีก ..นิ้วชี้ค่อยๆยกขึ้นจิ้มอกพชร
“หะ..” เสียงเข้มหลุดอุทาน “ฝันถึงกู?”
มันเป็นฝันร้ายเลยหรือนั่น!“แล้ว.. กูทำอะไรไม่ดีหรือ” พชรหวั่นใจ
“เอ่อ.. เปล่า” ม่อนแจ่มปฏิเสธ
“แล้วเป็นฝันร้ายยังไง?”
คือ.. ถ้าม่อนแจ่มฝันถึงแมลงสาบหรือภูติผีสาง พชรคงไม่ถามรายละเอียดหรอก
แต่เพราะม่อนแจ่มบอกว่าฝันร้าย แล้วดันฝันถึงตัวเขา พชรจึงอยากรู้ว่าเขาทำอะไรลงไปในความฝัน ชีวิตจริงจะได้หลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติ
“ก็.. ไม่ได้มีอะไรหรอก” ม่อนแจ่มหลบสายตา ส่ายหน้าดิก
“กูมันขี้โวยวายอยู่แล้ว แหะๆ.. มึงก็รู้นี่นา”
“ไม่อยากบอกกูหรือ” พชรถามตรงๆ
จากที่ก้มหน้าหลบซ่อนดวงตา ม่อนแจ่มเงยขึ้น
จากที่ปกติเขาเป็นคนรุกไล่ถาม พชรก็ทำเป็นบ้างแล้วนะเนี่ย ท่าทางชำนาญเสียด้วยสิ..
“คือ.. กูฝันถึงตอน เอ่อ.. ตอนแรกๆ” ม่อนแจ่มจำต้องตอบ
พชรขมวดคิ้ว ..ยังไม่เข้าใจ
“ที่หอสามน่ะ” ม่อนแจ่มเสริม “ตอนเปิดเทอมแรกๆ ที่มึงไม่ แบบว่า.. ”
อ้อ..
“ตอนที่กูไม่ค่อยคุยด้วยน่ะหรือ”
“มึงใช้คำว่า ‘ไม่ค่อย’ เรอะ?”
ม่อนแจ่มทำตาขวางใส่ ..ซึ่งน่ารักจนพชรหลุดหัวเราะออกมา
“ขำอะไร” คิ้วเรียวขมวดมุ่น น้ำเสียงม่อนแจ่มสะบัดขึ้นเล็กน้อย
จะตอบว่า ‘เปล่า’ ก็คงโกหก
จะบอกว่าขำม่อนแจ่มนั่นแหละ ก็ไม่อยากพูด พชรจึงถามอีก
“เราทะเลาะกันหรือ?”
ม่อนแจ่มหน้าหงิก “กูทะเลาะของกูคนเดียว”
เสียงเล็กเอ่ยความจริง เขาก็ทะเลาะของเขาคนเดียวตลอดนั่นแหละ แล้วไอ้บทพูดยาวๆของพชรในฝันนั่น ก็เป็นจินตนาการเขาปรุงแต่งใส่ความคนพูดน้อยเอง
จริงสินะ.. ทำให้นึกได้ขึ้นมา
จะไม่พูด ไม่คุย ไม่มองแค่ไหน ม่อนแจ่มจะหาเรื่องแค่ไหน พชรไม่เคยไล่เขากลับบ้าน ไม่เคยลิดรอนสิทธิการอยู่หอของเขาแบบนั้น
“ขอโทษนะ” พชรถอนหายใจยาว “ตอนนั้นกูคงทำให้เป็นทุกข์มาก”
ถึงยังฝังใจฝันถึงอยู่แบบนี้..
“ไม่..” ม่อนแจ่มส่ายหน้า มือบางวางทาบบนมือพชร ประสานสายตา “ไม่เป็นไรแล้ว”
ไม่เป็นไรจริงๆ..
ใช่ ตอนนั้นม่อนแจ่มเป็นทุกข์ แต่พชรเองก็เป็นทุกข์
และมองย้อนกลับไปแล้ว เขาไม่เคยเกลียดช่วงเวลาเหล่านั้นเลย
ก็เพราะว่ามีตอนนั้น จึงมีตอนนี้ และเพราะพชรคนนั้น ก็คือพชรคนนี้
ม่อนแจ่มมองเข้าไปในดวงตาคมสีดำสนิท ดวงตาที่เสมือนเฉยชา ทว่า เพียงฉาบปิดความห่วงใยไว้ตลอดมา
ดวงตาของพชร..มืออีกข้างค่อยๆยกขึ้น กระทั่งกดทาบแผ่นอกแกร่งฝั่งซ้ายไว้ รู้สึกถึงเสียงหัวใจที่เต้นอยู่ภายใน
หัวใจของพชร..ช่างเข้มแข็งและงดงามเสมอ
แรกเจอก็เป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว..
ม่อนแจ่มหรุบสายตาลงมอง
อยากเอนใบหน้าซบลงไป อยากได้ยินเสียง ‘ตึก ตึก’ จากภายในให้ชัดเจนขึ้นอีก
แล้วเขาก็ทำ..
สัมผัสจากแผ่นอกแข็งแรงอบอุ่นเหมือนที่จำได้
กลิ่นกายจางๆของพชรอวลอยู่ที่ปลายจมูก
ม่อนแจ่มรู้สึกคิดถึง..
ปิดเทอมที่ผ่านมา พชรอยู่แม่ทา ทำงานของลูกชาวสวน
ม่อนแจ่มอยู่เมืองเชียงใหม่ ทำงานของทายาทนักธุรกิจ
แน่นอน.. เมื่อห่างไกลย่อมคิดถึง
แต่ขณะนี้ แม้จะอยู่ร่วมห้องกันมาแล้วเกือบเดือน ม่อนแจ่มก็ยังคงรู้สึก ‘คิดถึง’ อยู่ลึกๆ
เป็นความคิดถึงที่แค่การพบเจอ.. ได้เห็นหน้าค่าตา.. ไม่อาจเติมเต็มความโหยหา
อาจเพราะความรู้สึกเช่นนี้เองกระมัง ที่ผลักให้จิตใต้สำนึกของเขาฝันถึงช่วงเวลาแรกพบกัน ณ หอสามชาย
เพราะในตอนนั้น ม่อนแจ่มก็โหยหาพชรเช่นนี้
แน่ละ.. ไม่ได้ลึกซึ้งเท่าตอนเป็นคนรักกันแล้วเช่นขณะนี้หรอก แต่ก็มากที่สุดเท่าที่คนคนหนึ่งจะรู้สึกต่อคนอีกคนที่เพิ่งพบกันเพียงไม่นานได้
ดวงตาในกรอบแว่นแดงหลับลง อยากซึมซับความรู้สึกนี้เอาไว้
ม่อนแจ่มคิดถึงพชร..
ไม่ได้คิดถึงเพราะห่างไกล แต่คิดถึง ..เพราะใกล้กัน
มันเป็นความคิดถึงอีกแบบ
ซึ่ง.. ความคิดถึงบางแบบก็ควรถูกซ่อนเอาไว้ให้ลึกมากๆ
พชรนิ่ง.. กับท่าทีของคนรัก
หลายวันที่ตื่นมาพบกัน เห็นกันและกันก่อนหลับตา สารภาพว่า.. ยังไม่เคยเข้าใกล้กันขนาดนี้
มือกร้านของเขาสั่นเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้ขณะค่อยๆยกขึ้นลูบไล้เรือนผมที่เอนซบแผ่นอก
การอยู่ห้องเดียวกันเพียงลำพังมันทำให้ใจรู้สึกหวามไหวยิ่งกว่าตอนอยู่หอสามชายมากนัก
มากขนาดที่พชรรู้สึกขอบคุณสติสัมปชัญญะตัวเองเหลือเกินที่ตัดสินใจเลือกห้องเตียงคู่ในตอนแรก
เพราะหากนอนเตียงเดียวกัน หายใจใกล้กันในระยะอันตรายละก็.. เขาคงไม่มีทางยับยั้งชั่งใจได้แน่
ม่อนแจ่มตัวเล็ก.. พวกเขาอายุน้อย.. แทบทุกวันต้องไปเรียนหรือไม่ก็ทำกิจกรรม..
เหตุผลต่างๆเดินเรียงแถวเข้ามาเป็นกำแพงขวางกั้น
ทำให้ ‘อีกครั้ง’ ยังไม่เคยเกิดขึ้น
แม้จะต้องการมากสักเท่าไร..
พชรนึกอิจฉาไอหมอก
หนุ่มวิทยาฯเคมีมองการณ์ไกลมาก ไอหมอกไม่ได้อยู่ห้องเดียวกับไอดิล และนั่น.. ก็คงทำให้ไอหมอกไม่ต้องทนทรมานเวลาเห็นคนรักนอนหลับตาพริ้ม ผ้าห่มเลื่อนหลุดจากตัว เสื้อนอนเลิกขึ้นจนเห็นเอวคอดและหน้าท้องขาวนวล หรือไม่ก็แผ่นหลังเนียนบาง แล้วแต่จะนอนหันหน้าหรือหันหลังให้เขา
ไม่ต้องฟังเสียงไพเราะฮัมเพลงเบาๆปะปนไปกับเสียงน้ำไหลจากฝักบัว
ไม่ต้องได้กลิ่นกายผสมกลิ่นสบู่อ่อนๆเวลาที่ร่างเล็กๆขาวๆเดินออกมาจากห้องน้ำ
พชรกลืนน้ำลาย ขบเม้มริมฝีปากอย่างหวังว่านั่นจะช่วยสะกดกลั้นอารมณ์ความรู้สึกของเขาเอาไว้ด้วย
ราวเนิ่นนานผ่านมาแล้ว นับตั้งแต่ตอนเย็นวันนั้น บนเตียงของม่อนแจ่ม.
และถึงแม้มันจะเนิ่นนานผ่านมาจริง ก็น่าอัศจรรย์ที่พชรจำได้ทุกรอยสัมผัส ทุกความรู้สึกอิ่มเอมที่เกิดขึ้น
เคยอิ่มแล้ว
แต่ก็หิวอีก
..และอีกมือกร้านที่ลูบเรือนผมเลื่อนลงมาไล้หลังคอ รู้สึกถึงผิวกายคนรักที่ชื้นขึ้นจากหยาดเหงื่อ
ลมหายใจม่อนแจ่มที่เป่ารดแผ่นอก ตลอดจนสัมผัสจากฝ่ามือที่ทาบทับหัวใจเขาก็ดูจะผ่าวร้อนขึ้นด้วย
พชรแน่ใจว่าไม่ได้คิดไปเอง
ม่อนแจ่มเป็นเหมือนเขาไหม.. ต้องทรมานในความสุขใจจากการใกล้ชิดแบบเขาหรือเปล่า
รู้สึกอะไรไหมตอนที่เขาถอดเสื้อออก เผยให้เห็นมัดกล้ามบริเวณหน้าท้อง
ได้กลิ่นกายของเขาไหมจากเสื้อผ้าที่เจ้าตัวบรรจงรีดให้
แล้ว.. ได้ยินเสียงหอบหายใจของเขาหรือไม่ ตอนที่พชรอยู่ในห้องน้ำและจดจ่อคิดถึงแต่ม่อนแจ่มเอง
“พชร..”
เสียงกระซิบสั่นพร่าดังแหวกเสียงเต้นของหัวใจ
และ.. ราวกับนั่นคือคำตอบของคำถาม เพียงการขานชื่อเขาด้วยน้ำเสียงเช่นนั้นได้คลายความสงสัยทั้งมวล
ไม่รู้อย่างไหนเกิดขึ้นก่อน ระหว่างพชรก้มลงไปกับม่อนแจ่มเงยขึ้นมา
ทว่าริมฝีปากคนทั้งสองก็พบกันกลางทาง..
ปลายจมูกสัมผัสกัน ลมหายใจปะทะกัน
และ.. ไม่มีใครถอยห่าง
มีแต่ค่อยๆเข้าหากันอย่างช้าๆ ..ใกล้จนแนบชิด
มิวายจะชิดอีก.. พชรแทะเล็มเรียวปากอิ่ม
กระหาย.. แต่ก็ไม่ยอมดื่มกินให้เต็มความรู้สึก
เดินทางไปช้าๆ.. สัมผัสทุกลมหายใจที่ค่อยๆถี่ขึ้นของคนรัก
ลิ้นหนาแลบออกมาตวัดแทบจะพร้อมๆกับที่ม่อนแจ่มเผยอกลีบปากออก
เรียวลิ้นพบกัน ตวัดโต้ตอบกันและกันอยู่ภายในโพรงปาก
เสียงครางอืออ่อนหวานในลำคอ..
มือกร้านข้างหนึ่งยังคงไล้หลังคอ อีกข้างเลื่อนจากเอวขึ้นมาถอดแว่นแดงที่เพิ่งส่งให้ใส่ออกเสีย
ม่อนแจ่มลืมตาขึ้น ดวงหน้าคนรักพร่าเลือนไป แต่เขาก็รู้ว่าหัวใจภายในเรียกร้องสิ่งใด
เรียกร้อง ต้องการ จนหยุดนึกถึงสิ่งอื่นไปชั่วขณะ..
ใบหน้าม่อนแจ่มเป็นสิ่งเดียวที่พชรมอง
และร่างกายม่อนแจ่มก็เป็นที่เดียวที่พชรอยากสัมผัส..
มือแกร่งทั้งสองข้างแตะไหล่บาง ค่อยๆพาเอนลงบนเตียง
กระทั่งแผ่นหลังม่อนแจ่มสัมผัสฟูกปูผ้าลายมือพูห์ผืนเดิม
พชรทาบทับลงไปหา ระวังไม่ทิ้งน้ำหนัก ขณะริมฝีปากก็ตามคลอเคลียไม่ห่าง ก่อนละออกมาพรมจูบข้างแก้ม
ไล้ต่ำลงมาบริเวณลำคอ..
“อ๊ะ..”
ลำคอเป็นส่วนอ่อนไหว.. เมื่อถูกสัมผัสเช่นนั้นจึงอดไม่ได้ที่เสียงครางจะหลุดรอดออกมา
กลิ่นที่ซอกคอม่อนแจ่มหอมกรุ่น พชรแตะจมูกสูดดมกลิ่นกาย ตระหนักว่ามันชัดเป็นพิเศษในบริเวณนี้
อืม.. เขาไม่อยากจะละไปเลย
“พชร.. อื้อ..”
ม่อนแจ่มคราง สองแขนโอบรั้งไหล่หนา พึงพอใจในสัมผัสวาบหวามที่กำลังได้รับ
พชรครางตอบเสียงหนัก มือไล้ผ่านเข้าไปในเสื้อนอน คลึงหน้าท้องแบนราบเบาๆ
ม่อนแจ่มนุ่มนิ่มไปทั้งตัว เนียนบางจนอดไม่ได้ที่จะสัมผัสซ้ำแล้วซ้ำอีก
ทว่าก็น่าปกป้อง น่าทะนุถนอมจนพชรไม่ยอมทิ้งน้ำหนัก ไม่กล้าฝากร่องรอย
เพราะม่อนแจ่มตัวเล็ก เพราะม่อนแจ่มบอบบาง เพราะม่อนแจ่มยังต้องไปเรียน..
ไปเรียน..พชรชะงัก หอบหายใจ
“พรุ่งนี้เช้า มึงมีเรียน”
ราวกับจู่ๆ สำนึกผิดชอบชั่วดีก็กระโจนเข้ากระชากตัวเขาออกจากภวังค์ฝัน
นัยน์ตาสีนิลลืมขึ้น พยายามละจากสัมผัสเย้ายวนทั้งๆที่แทบผละออกไม่ได้ จมูกโด่งยังคงเคลียซอกคอ มือหนายังทาบทับหน้าท้อง
“มึงมีเรียน” พชรพูดซ้ำเสียงหนักขึ้นราวกับเตือนสติตัวเอง และคำพูดซ้ำนั้นก็บาดหัวใจม่อนแจ่มเหลือเกิน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อสิ้นสุดคำพูด สัมผัสอบอุ่นจากริมฝีปากและมือของพชรก็ค่อยๆละจากไป
ม่อนแจ่มรู้.. ม่อนแจ่มเข้าใจ..
เวลาร่วมเดือนที่อยู่ร่วมห้องกันเพียงลำพัง พชรรักษาระยะทำไม เขาเข้าใจดี
แต่ว่า.. นัยน์ตาใสก็ยังเอ่อคลอด้วยหยาดน้ำ
รู้สึกราวกับกำลังล่องลอยในอากาศและถูกทุ่มลงพื้นเต็มแรง
มันราวกับ.. อกของเขาถูกหักออกจากกัน
และมัน.. รู้สึกกระดากอายเหลือเกิน
ม่อนแจ่มพยายามกระพริบตาไล่หยาดน้ำ พยายามจะหลบหน้าพชรที่ศีรษะผงกขึ้นมาแล้วอย่างไม่รู้ว่าจะหลบไปทางใด
“พชร”
..อย่ามองแม้แต่คำหลัง ม่อนแจ่มยังมีแรงใจไม่พอจะเอ่ยออกมา
หยาดน้ำที่เอ่อคลอนัยน์ตา ที่สุดก็ไหลท้นออกมา หลั่งเปื้อนแก้ม
ลมหายใจพชรชะงักยิ่งกว่าคราแรก
เสียงกลั้นสะอื้นของคนรักดังฝ่าความเงียบมาเบาๆอย่างพยายามสกัดกลั้นไว้สุดความสามารถ
ม่อนแจ่มร้องไห้..มือกร้านของพชรยกขึ้น ค่อยๆใช้ปลายนิ้วโป้งไล้ปาดหยาดน้ำตาออก
เพราะน้ำตา ทำให้รู้ว่าม่อนแจ่มต้องการเขามากแค่ไหน
เพราะน้ำตา ทำให้รู้ว่าม่อนแจ่มอดทนด้วยความเข้าใจ
และเพราะน้ำตา.. กำแพงเหตุผลของหนุ่มปรัชญาจึงพังครืน
พชรพ่นลมหายใจออก ..ซึ่งเหมือนกับว่า เหตุผลต่างๆถูกปล่อยออกไปพร้อมกัน
มือข้างที่ปาดน้ำตาก่อนหน้าเลื่อนไปทาบหลังคอ อีกข้างเชยคางเรียวขึ้น เบียดริมฝีปากลงไปหา
ได้รสเค็มปร่าของน้ำตาที่ยังคงไหลลงมาและเขาก็ยินดีที่จะกลืนกินมันลงไป
เรียวลิ้นพชรแทะโลมริมฝีปากอิ่มให้เผยอออกอีกครั้ง
ม่อนแจ่มตั้งตัวไม่ทัน แต่พชรก็ไม่เร่งร้อนเกินที่เขาจะติดตามไปได้
ลมหายใจปะทะกันอีก และม่อนแจ่มก็ตอบสนอง เบียดริมฝีปากเข้าหาอีก ..ก่อนเผยอออก
อกที่เหมือนจะหักก่อนหน้าประสานเข้าด้วยกันรวดเร็วจนน่าตกใจ
พชรโอบรัดร่างเล็กแนบชิดตนเอง สอดมือเข้าไปในร่มผ้าอีกครา
ข้างหนึ่งไล้สัมผัสแผ่นหลังเนียน ข้างหนึ่งทักทายหน้าท้อง แสดงความขอโทษที่เคยผละจากไป
ม่อนแจ่มครางเครือในลำคอ พอใจ.. ไว้ใจ..
มือบางรั้งไหล่หนาไว้ เบียดลำตัวตนเองเข้าหาทั้งที่ใกล้ชิดจนอากาศจะผ่านไม่ได้อยู่แล้ว
เขาอยากสัมผัสพชรให้มากที่สุด สัมผัสเหมือนไม่เคยสัมผัส สัมผัสเหมือนกลัวจะไม่ได้สัมผัส
กลัวพชรเปลี่ยนใจ..
สัมผัสที่หน้าท้องพาอารมณ์ม่อนแจ่มทะยานสูงขึ้นไปจนหายใจหอบ
มือพชรละสัมผัสจากลำคอมาปลดกระดุมเสื้อนอนเขาออก.. ค่อยๆปลด
และทุกครั้งที่ปลายนิ้วสัมผัสผิวเนื้อ ม่อนแจ่มก็สั่นสะท้านไปหมด
สาบเสื้อแยกออกจากกัน เผยให้เห็นแผ่นอกขาวเนียนใต้แสงไฟส่องสว่าง
ม่อนแจ่มหลับตา ลมหายใจถี่ราวกับกำลังวิ่งรอบคณะก็ไม่ปาน
พชรแตะจูบลงเบาๆกลางหน้าอก
“อ๊ะ..” ม่อนแจ่มครางเสียงสั่น
สัมผัสนั้นทั้งบางเบาเกินไปและหนักแน่นเกินไปในคราวเดียวกันจนเขาเองก็แยกแยะไม่ถูกแล้วว่าเป็นแบบไหนกันแน่
“อืม..”
พชรทนไม่ไหว เสียงครางที่หลุดออกมาเหมือนจะกระตุ้นร่างกายให้กล้าทำตามหัวใจ
ที่สุด เหตุผลก็ถูกทิ้งไว้ข้างเตียง..ยอดอกกะจิริดสีชมพูจางๆท้าสายตา ริมฝีปากหนาจึงย้ายไปสัมผัส
ขบ.. เม้มเบาๆ
“ฮื้อ..!”
ม่อนแจ่มหวีดร้อง ..อ่อนไหวยิ่งกว่าที่เคยอ่อนไหว
ลมหายใจเขาขาดห้วงเป็นระยะ มือที่แตะบ่าเลื่อนมาทาบศีรษะปรกผมสั้นอย่างอัตโนมัติ
ครั้นรู้ตัวก็พยายามจะผละออก ไม่อยากสัมผัสศีรษะพชร
ทว่า มือเขาถูกคว้าไว้..
“จับเลย”
พชรเอ่ยหนักแน่น แม้ว่าน้ำเสียงเข้มจะแปร่งไปเล็กน้อยด้วยอารมณ์
ฝ่ามือนิ่มที่ทาบศีรษะ กดน้ำหนักเมื่อเขาทำให้รู้สึกทนไม่ไหว รวมเข้ากับน้ำเสียงครางอย่างพึงใจในสัมผัสที่เขามอบให้
มัน..
มันรู้สึกดี ..และมันไม่เป็นไรเลย
กับม่อนแจ่ม พชรก็ไม่ถือเหมือนกัน
เมื่อดวงหน้าขาวพยักหน้ารับ ยอมไม่ละมือจากไปไหน พชรจึงปล่อย
มือกร้านกลับไปทักทายยอดอกอีกข้าง สลับกับปรนเปรอด้วยริมฝีปาก
“ซี๊ด.. อา.. พชร..”
เสียงหวานครางร่ำ สูดริมฝีปากระบายอารมณ์
มือข้างหนึ่งยึดไหล่กว้างเอาไว้ อีกข้างทาบศีรษะ แผ่นอกหยัดขึ้นอย่างไวต่อสัมผัส
อย่างต้องการให้สัมผัสอีก..
ร่างกายส่งปฏิกิริยาโต้ตอบตามหัวใจ
ม่อนแจ่มซื่อตรงต่อความรู้สึกตนเองเสมอ เป็นเช่นนี้มาตั้งแต่ต้น
และ.. มันน่ารักน่าใคร่เหลือเกินในความรู้สึกพชร
รัก.. คิดถึง.. ต้องการ..พชรกดจูบทั่วแผ่นอก บอกสิ่งเหล่านั้นผ่านร่างกายให้ม่อนแจ่มรับรู้
ก่อนตัดใจ ละออกมาถอดเสื้อยืดตัวเองออกพ้นตัว
แขนแข็งแรงสอดแนบฟูกนอน โอบร่างเล็กเข้ามาชิด แผ่นอกเปลือยเปล่าสัมผัสกัน
ร่างกายท่อนล่างมีเพียงผ้าบางๆกั้น ..ซึ่งไม่พอจะปกปิดความแข็งขืนที่อยู่ภายใน
มันสัมผัสกัน.. เสียดสีกัน.. เรียกลมหายใจถี่เร็ว
พชรละมือจากแผ่นหลังมาแตะลงที่เอวคอด ดึงกางเกงนอนออกพ้นเรียวขา
ม่อนแจ่มหลับตาลงอย่างเขินอาย ..แต่เพียงชั่วอึดใจก็ลืมขึ้นใหม่ เพราะอยากเห็นพชร
กายบางหยัดขึ้น มองคนที่ตัวเองรัก แม้สายตาสั้นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในยามนี้
มือเรียวข้างถนัดของเขายกขึ้นทาบแผ่นอกพชรเหมือนที่ทำก่อนหน้า ต่างที่ตอนนั้นมีเสื้อผ้า ตอนนี้ไม่มี..
ตึก ตึก..เสียงหัวใจดวงเดิม ดวงที่ม่อนแจ่มอยากให้หัวใจเขาเต้นไปด้วยจังหวะเดียวกัน
ดวงตาคู่งามหลับลง สูดลมหายใจ ..ไล้มือต่ำลง สัมผัสมัดกล้ามบริเวณหน้าท้องดังที่ชอบแอบมอง
เขาชื่นชมรูปร่างพชรเสมอ ..มันแข็งแรง กร้าวแกร่ง สมเป็นสุภาพบุรุษ
มือบางหยุดชะงักอยู่บริเวณนั้นหลายอึดใจ ..แล้วก็ไปต่อจนหยุดที่เอวหนา มืออีกข้างก็ยกขึ้นมาแตะด้วย
ม่อนแจ่มไม่มองหน้าพชรเลย รู้ว่าใบหน้าตัวเองก็ซับสีเลือดเต็มที แต่เขาจะไม่ยอมถอยกลับ ..เขาดึงกางเกงขาสั้นของพชรลง
กิริยานั้นทำให้ร่างกำยำชะงัก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง.. เมื่อม่อนแจ่มไม่ได้หยุดแค่นั้น
มือเล็กลากผ่านส่วนแข็งขืนของเขาลงไป
กอบกุม.. รูดรั้ง..
ครั้งแรก ตรงนี้ของเขาไม่ได้ถูกสัมผัส ..แบบนี้
และมัน..
“อ..อืม”
พชรครางในลำคอ ลมหายใจขาดห้วงที่เคยเป็นของม่อนแจ่ม บัดนี้เป็นของเขา
“ม่อน
ซี๊ด.. ม่อน..”
เป็นพชรที่ขานชื่อคนรัก อยากให้หยุด พอๆกับอยากให้ทำต่อ
อยากจะยกมือขึ้นมารั้ง พอๆกับที่อยากให้มือเล็กนั้นพาเขาไปจนสุดปลายทาง
มักเป็นม่อนแจ่มที่ทำให้คนแน่วแน่อย่างเขาต้องสับสน..
“ม่อน..!”ที่สุด พชรก็จับมือม่อนแจ่มไว้ แล้วดึงกางเกงออกพ้นขาเสีย
ร่างกำยำเอนกายร่างเล็กลงบนเตียงใหม่ มือหนาไล้สัมผัสส่วนตึงเครียดกลางลำตัวให้
ม่อนแจ่มผวาเฮือก.. สองมือโอบรั้งไหล่พชร ครางอื้ออึงบอกความรู้สึกโดยไม่ปิดบัง
พชรขบริมฝีปาก หายใจรุนแรงไม่แพ้กัน
ใบหน้าแดงจัดที่ชื้นเหงื่อ เรียวคิ้วที่ขมวดมุ่น ริมฝีปากที่อ้าออกสลับขบเม้ม เสียงร้องครางที่หวานหูทำให้ทนไม่ไหวแล้ว
มือกร้านรูดรั้ง.. ปลุกเร้าใจกลางร่างให้คนรัก..
“ซี๊ด..ด”
ม่อนแจ่มสูดปาก กลั้นหายใจ ไม่อยากให้พชรหยุดมือเลย
แต่ว่า..“พชร..”
เสียงหอบหายใจเรียกชื่อ มือสั่นๆรั้งมือขวาข้างถนัดที่กำลังปรนเปรอส่วนอ่อนไหวให้หยุดการกระทำ
มองแจ่มมองตาพชร ถึงเขาจะมองไม่ชัดก็ไม่เป็นไร
แต่พชรมองเห็นเขาชัดดีมิใช่หรือ รู้มิใช่หรือว่าเขารักพชร
และเพราะว่ารัก ม่อนแจ่มจึงอยาก ..ถูกรัก..
พชรขมวดคิ้วน้อยๆ งุนงง..
จนเมื่อริมฝีปากอิ่มนั้นเผยอออก ยกมือเขาขึ้นมา สอดนิ้วของเขาเข้าไปในโพรงปากตัวเอง
ขบเม้ม บดคลึงไว้ ..จึงเข้าใจ
พชรนิ่งค้างอยู่ชั่วขณะ
ม่อนแจ่มมักทำอะไรที่เขาคาดไม่ถึงเสมอ และคราวนี้.. มันน่ารักเกินไปแล้ว เกินไปมาก
มากจนเขายอมพ่ายแพ้อีกครั้ง
..และอีกครั้งพชรดึงนิ้วตัวเองออกจากโพรงปากม่อนแจ่ม แทรกเรียวลิ้นของเขาเข้าไปแทน
บดเบียด.. ชิดใกล้.. ก่อนผละจากไป เพื่อก้มลงต่ำ
เรียวลิ้น.. ส่วนที่อ่อนที่สุดที่ร่างกายบังคับได้
พชรใช้มันก่อน ..เหมือนครั้งแรก
สัมผัสเปียกชื้นโลมเลียช่องทางนุ่มหยุ่นเหมือนที่เคยทำ
และเช่นกัน..
“อ๊า.. พชร อื้อ! ”..ที่เสียงหวานจะหวีดร้องเหมือนครั้งนั้น
พชรกดลิ้นแทรกเข้าไป เตรียมเรือนกายที่เขาหวงแหนให้พร้อมรับสัมผัสหนักแน่นที่จะมอบให้
ไล้เลียจนพอใจ ปลายนิ้วเปียกชื้นจึงค่อยๆสอดใส่เข้าไปแทน
“ฮึก..อือ..”
ม่อนแจ่มผ่อนหายใจยาว ใบหน้าแหงนเงยขึ้น ดวงตาปิดสนิท ริมฝีปากขบเม้มเข้าด้วยแรงอารมณ์
จนเมื่อกลีบปากถูกพชรกดจูบ มอบความอ่อนโยน ส่งผ่านความอบอุ่นใจ ร่างกายจึงผ่อนคลายลง
มิวายเกร็งเขม็งอีกครั้งเมื่อนิ้วสากขยับ ..เคลื่อนไหวช้าๆภายใน
กระทั่งค่อยๆ เร็วขึ้น ..เร็วขึ้นอีกนิด
“ซี๊ด..ด พชร พชร..”
ม่อนแจ่มคราง เรียกชื่อเดิมซ้ำๆ ระบายความรู้สึกกึ่งหนักกึ่งเบาหวิวที่กำลังเผชิญ
“พชร!”ไม่ไหวแล้ว.. ไม่ไหว
ม่อนแจ่มพยักหน้าให้
ไม่พูดอะไร ..แต่คนรักกันก็เข้าใจความหมายนั้นได้ดี
พชรถอดถอนปลายนิ้วออกมา
และม่อนแจ่มก็กลั้นหายใจ
อดทน.. รอคอย..