งืมๆๆ พี่เพชรนี่เอาแต่ใจเนอะ สมน้ำหน้า
รอไปเหอะ รอจนเหงือกแห้งแน่ๆ
มาค่ะมาอ่านตอนต่อไปกัน แบบว่า เข้าใจว่าอาจจะไม่ถูกใจบ้างอะไรบ้าง
แต่ก็นะ เราต้องเคารพการตัดสินใจของพี่ดอนแกค่ะ ^o^
.........................
ตอนที่๑๐ รักไม่ยุ่งมุ่งแต่......รอ
“อ้าว น้องดอน.....มาวิ่งเหมือนกันเหรอ?” เย็นย่ำตะวันรอนๆในวันจันทร์สัปดาห์ที่สองของการใช้ชีวิตที่ตาก ขณะอรุณรุ่งกำลังเป็นหัวแถวนำเพื่อนอีกสามตัววิ่งเอื่อยๆอยู่ริมถนนเลียบแม่น้ำปิงก็มีคนคุ้นหน้าที่ชักจะพาตัวเองเข้ามาเป็นคนคุ้นเคยพาเรือนร่างอย่างหนา แถมพอได้แสงเงาโพล้เพล้ยิ่งดูทะมึนเข้าไปใหญ่วิ่งเข้ามาขนาบแล้วเริ่มบทสนทนาอยู่ข้างๆ
“ครับ” ชายหนุ่มที่ได้นิสัยติดวิ่งออกกำลังกายเป็นประจำมาจากแฟนสาวหมวยที่เปลี่ยนความสัมพันธ์ไปเป็นพี่น้องชะลอฝีเท้าแล้วหันมาพยักหน้ารับคำหนึ่งหงึก พร้อมส่งรอยยิ้มบางๆให้อีกนิด
“แหม.....บังเอิญจังเลยนะครับ วันไหนไม่มีเวรพี่ก็ชอบมาวิ่งเหมือนกัน แถวนี้อากาศดี แถมก่อนกลับก็แวะตลาดโต้รุ่งซื้อของกินได้เลย”
บทสนทนาอย่างกับลอกมาจากบทละครโทรทัศน์หลุดออกจากปากหมอพี่ใหญ่ เรียกอาการขมวดคิ้วน้อยๆจากคนฟังที่ยังคงวิ่งด้วยฝีเท้าสม่ำเสมอได้เล็กน้อย
“ครับ”
“แล้วนี่น้องดอนเริ่มวิ่งนานรึยังครับ?”
“ครับ”
“งั้นเดี๋ยวเลิกแล้วเราไปหาอะไรกินกันนะครับ พี่เป็นเจ้ามือเอง”
นายแพทย์โอฬารรู้สึกได้อยู่หรอก ว่าบทสนทนานี้มันเหมือนตัวเองจะเป็นฝ่ายผูกขาด เพราะอีกคนที่ตอนนี้เริ่มมีรอยย่นน้อยๆที่หัวคิ้วเข้าลักษณะถามหลายคำตอบคำ ชายหนุ่มเริ่มปลอบใจตัวเองว่านี่อาจจะเพราะน้องเขาเป็นคนเงียบๆแบบนี้เอง ก็เมื่อวันศุกร์ตอนพาทั้งกลุ่มไปเลี้ยงหมูกระทะ อยู่ที่ร้านกันมากกว่าสองชั่วโมงแท้ๆ ยังแทบไม่ได้ยินเสียงน้องเลย
วันนั้นก็นึกว่าคงเพราะกำลังกิน แล้วน้องก็กินเก่งออกขนาดนั้น เลยไม่มีเวลาพูด แต่เท่าที่สังเกตวันนี้คงจะไม่ใช่แล้ว......น้องดอนเป็นคนไม่ค่อยพูดโดยธรรมชาติ
“เอ่อ.....”
“ครับ ดีเลยครับพี่ใหญ่ แกจะเอ่อทำไมวะดอน ให้พี่ใหญ่เลี้ยงดิดี เก็บตังค์ไว้ไปเที่ยว ฮ่าๆๆๆๆ” ยังไม่ทันที่คนถูกชวนจะตอบรับหรือปฏิเสธ ไอ้ก่อกรรมมันก็วิ่งขึ้นมาขนาบอีกข้างของเพื่อนแล้วชะโงกหน้ามาตอบรับคำชวนแทน
“ใช่ๆ น้องๆเก็บตังค์ไว้ไปเที่ยวกันดีกว่า ฮ่าๆๆๆๆๆ”
“มันจะรบกวน.......”
“โอ๊ย...รบกวนที่ไหนกันครับ ไม่งั้นพี่ต้องกินคนเดียว เบื่อจะแย่”
ไอ้ดอนของเพื่อนๆแน่ใจว่าไม่ได้ตาฝาดที่เห็นว่าพี่ใหญ่ลอบขยิบตาให้ไอ้เพื่อนก่อ แล้วยังจะสายตาส่อแววประหลาดราวกับมีเรื่องอะไรสนุกหนักหนาของเพื่อนอีกสามคนอีก.....แค่นี้ก็เข้าใจแล้วว่าพี่ใหญ่ไม่ได้อยากจะเป็นแค่พี่ ที่เข้ามาหยิบยื่นความสนิทสนมให้แบบนี้หวังมากกว่านั้นเยอะ นายอรุณรุ่งไม่พูดก็ไม่ได้แปลว่าไม่รู้นี่นะ
แต่จะให้บอกยังไงล่ะในเมื่อเท่าที่นายแพทย์โอฬารทำอยู่ มันก็ยังไม่ได้ล้ำเส้นของความเป็นพี่น้องร่วมสถาบันเลยสักนิด จะตีตนไปก่อนไข้ชิงบอกไปว่าช่วงนี้กำลังคิดจะพักเรื่องรักเอาไว้ก่อน มันก็จะดูเหมือนมั่นใจเกินไปล่ะมัง
‘ก็ไม่ทำไม.....แค่คิดว่าเงียบๆนิ่งๆอย่างนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะคิดเข้าข้างตัวเองเป็นตุเป็นตะได้ มั่นใจมากไปหน่อยมั้ย......เด็กน้อย’
เสียงทุ่มต่ำแผ่วเบาของใครบางคนเหมือนจะดังแว่วๆอยู่ริมหู เรียกรอยยิ้มแต่งแต้มขึ้นทั้งริมฝีปากสีสดและดวงตาทั้งคู่ของหนุ่มน้อยนัยน์ตาโศกที่หมดความสนใจกับเสียงพูดคุยกระเซ้าเย้าแหย่ที่ดังขึ้นจริงๆรอบตัว มือข้างหนึ่งยกขึ้นดันขาแว่นสายตาขึ้นให้เข้าที่บนดั้งจมูกอย่างเคยชิน พร้อมกับเผลอรำพึงออกมาเบาๆราวกับต้องการส่งข้อความฝากลมไปถึงคนไกล
“จะยังจำผมได้อยู่รึเปล่านะ....เพชร.....” “น้องดอนว่าอะไรนะครับ?”
เสียงคนตัวโตที่พลอยหยุดยืนอยู่ข้างๆถามขึ้นดึงให้ห้วงความคิดที่ลอยไปถึงใครบางคนย้อนกลับมาสู่เหตุการณ์เฉพาะหน้า
“เออ อะไรของแกวะดอน? อะไรเพชรๆ อ๊ะหรือแกอยากกินผัดเผ็ด?”
สาวเดียวในกลุ่มมีความสามารถในการดึงเข้าสู่เรื่องกินได้อย่างน่านับถือ จากเพชร ไอ้ตัวจี๊ดมันฟังให้เป็นผัดเผ็ดได้ รายนี้ก็ไม่รู้ตัวอีกเหมือนกันว่ามีคุณชายหน้าตี๋บางคนก้มหน้าลงยิ้มจนตาเป็นสระอิกับพื้นปูอิฐสลับสีอ่อนแก่ราวกับเพื่อนเก่าแทบจะทันที
“ถ้าผัดเผ็ดร้านอาหารตามสั่งตรงหัวถนนดีกว่าครับ เดี๋ยวเลิกวิ่งแล้วเราค่อยเดินกลับไปกัน ไปถึงสั่งอาหารรอกว่าจะได้กินก็พอดีแหละ ไม่ทันได้จุกด้วย งั้นตกลงตามนี้นะครับ”
ตกลงว่ามื้อเย็นวันนั้นสี่สหายก็ได้เจ้ามือเป็นคุณหมอตัวโตเป็นยักษ์ตามเคย แถมยังเป็นเจ้ามือมันแทบจะทุกวันด้วยสิ จะเว้นก็แต่วันที่นายแพทย์โอฬารมีเวรเท่านั้นแหละ
แถมเจ้าหน้าที่ทั้งแผนกกายภาพบำบัดยังรับรู้ทั่วกันด้วยว่าช่วงนี้ได้เจอคุณหมอตัวโตบ่อยกว่าปกติ จนผ่านเข้าสัปดาห์ที่สามที่นักศึกษาฝึกงานต้องสลับหน้าที่กัน อรุณรุ่งจากที่เดินวอร์ดก็ถูกเปลี่ยนมาอยู่ประจำแผนกด้านล่าง คราวนี้ไม่ใช่แค่วันละครั้งหรือสองวันครั้งที่จะได้เจอนายแพทย์โอฬารในแผนกกายภาพบำบัด แต่คุณหมอใหญ่เล่นโผล่มาดูคนไข้ทุกวันไม่มีขาด บางวันไม่มีคนไข้ของคุณหมอลงมาด้วยซ้ำ แต่คุณหมอก็ยังมา
“อ้าว คุณหมอโอฬารมาอีกแล้ว วันนี้ไม่มีเคสคุณหมอนี่คะ”
“อ้าว......อ๋อ วันนี้ผมไม่ได้มาดูคนไข้ครับ วันนี้ผมจะมาถามเฉยๆน่ะว่าที่กายภาพบำบัดมีฝึกใช้มือรึเปล่า พอดีมีคนไข้ผ่าตัดจากที่อื่นมาแล้วมีปัญหาที่มือนิดหน่อย คนไข้ไม่ว่างมาในเวลาด้วย”
คุณหมอตัวโตเป็นยักษ์แกล้งไม่สนใจสายตารู้ทันจากพี่กุ้งหัวหน้าแผนกกายภาพบำบัดเสีย ก็จะไม่ให้รู้ทันได้ยังไง ในเมื่อข้อมูลพวกนี้คุณหมอที่ส่งคนไข้มาประจำย่อมรู้อยู่แล้วว่า คลินิกนอกเวลาของอาชีวะบำบัดที่มักจะดูแลพวกการใช้งานของมือจะไม่มีเจ้าหน้าที่ประจำ เพราะงั้นถ้าส่งคนไข้มาก็ต้องเป็นนักกายภาพบำบัดนี่แหละที่จะดูแลเรื่องฝึกมือให้คนไข้
พี่กุ้งร่ำๆจะไปถกเสื้อกาวน์แถมด้วยเชิ้ตตัวในคุณหมอออกดู อยากจะรู้ว่าแถกไถไปนี่ถึงขั้นเลือดซิบรึเปล่า จะได้ช่วยทำแผลให้
“หลังสี่โมงเราจะเริ่มเปิดคลินิกตอนสี่โมงครึ่งไงคะหมอ คนไข้จะฝึกมือก็ฝึกให้ได้ค่ะ ถ้ายังไงคุณหมอส่งมาได้เลย หึๆๆ”
“อ้อ...ครับ ขอบคุณนะครับ”
คุณหมอใหญ่ที่ตัวใหญ่สมชื่ออ้อยอิ่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์อีกสักพัก พอกวาดสายตาไปมองเห็นเป้าหมายเดินออกมาจากม่านเบอร์สามพร้อมเข็นเครื่องมือไฟฟ้าหน้าตาประหลาดบางอย่างออกมาด้วยหน้าตาเคร่งๆนิ่งๆก็เปลี่ยนทันควัน ริมฝีปากหยักหนายกยิ้มจนเห็นฟันเขี้ยวสมความเป็นยักษ์ หวานไม่เกรงสายตาใครจนคนแอบมองตาค้าง
แต่คนที่ได้รับรอยยิ้มไปตรงๆกลับมีปฏิกิริยาแค่ละมือจากรถเข็นนั่นแล้วประนมมือไหว้พร้อมรอยยิ้มน้อยๆแค่มุมปากเท่านั้น ก่อนจะหมดสิ้นความสนใจหันไปใส่ใจกับเครื่องมือในมือต่อ เล่นเอาพี่กุ้งที่จับตาอยู่รู้สึกสงสารคุณหมอตัวโตขึ้นมาติดหมัด ตกใจว่านายแพทย์หนุ่มหุ่นไม่ให้เพราะแมนเหลือรับเป็นเกย์นั่นเลิกตกใจไปตั้งแต่พอจับได้ว่าคุณหมอมาแผนกบ่อยๆเพราะอะไรแล้ว แต่พอมาเห็นจะจะกับตาแบบนี้แล้วก็กลัวคุณหมอจะต้องซดน้ำเก๊กฮวยแก้เก๊กซิมซะตั้งแต่ตอนนี้ เป็นการกันไว้ก่อนละกระมัง
“ดอน”
“หืม?”
ก่อนเข้านอนคืนหนึ่งในสัปดาห์ที่สี่ของการฝึกงาน คุณชายเช เกวาร่า ก็เรียกเพื่อนดอนที่เพิ่งเดินออกจากห้องน้ำและกำลังผูกปมกางเกงเลเตรียมจะเข้านอนให้หันไปหา
“ถามจริงเหอะ นายไม่รู้เหรอว่าพี่ใหญ่เขาคิดยังไง?”
สิ้นคำถามไอ้จี๊ดที่ทำท่าว่าหลับซุกฝาห้องไปเรียบร้อยกระดืบตัวทั้งม้วนผ้าห่มเลื่อนหัวมาวางบนตักไอ้คนตั้งคำถามเบิกตาโตพร้อมกางหูหางเป็นจานเรดาห์รับข้อมูล ในขณะที่ไอ้คุณก่อที่กำลังจะออกไปอาบน้ำบ้างรีบผลุบกลับเข้ามาในห้องพร้อมคอสตูมผ้าขนหนูผืนเดียวทันที
“ก็.....รู้”
พี่ดอนผู้ถูกยัดข้อหานั่งลงบนเก้าอี้กลมหน้าโต๊ะเครื่องแป้งที่บนนั้นมีแต่แป้งเด็กแคร์ขวดสีฟ้ากับโลชั่นอีกขวดเดียววางอยู่สมกับเป็นโต๊ะเครื่องแป้งแล้วหันกลับมาเผชิญหน้ารับการสอบสวนโดยดี
“แล้วจะไม่ทำอะไรให้ชัดเจนหน่อยเหรอ?”
ไอ้ตัวปากแมวทั้งสองนิ่งสงบเตรียมทำหน้าที่คณะลูกขุนโดยไม่มีปากมีเสียง ปล่อยหน้าที่ซักถามให้ไอ้เชไปคนเดียว
“ก็....ไม่รู้จะปฏิเสธยังไง จะให้จู่ๆไปบอกพี่แกว่าอย่ามาจีบผมเลย ผมไม่ชอบพี่หรอก มันก็จะแรงไปนะ หรือพวกแกว่าไง?”
“เฮ้อ............กูว่าแล้ว”
“อะไรวะไอ้ก่อ?” หลังประโยคนอสตราดามุสของนายก่อคุณ นาวสาวอิระวดีก็ส่งเสียงถามออกมาทันที
“ก็กูว่าแล้วว่าพี่ใหญ่คงได้ซดน้ำแห้วอะดิ นี่มึงคิดดูนะอย่างไอ้ดอนน่ะ ถ้ามันชอบมันคงไม่นิ่งขนาดนี้หรอก นี่พี่ใหญ่แกพยายามเสนอหน้าแทบตาย ไอ้ห่านี่ก็ยังเงียบสนิทถามคำตอบคำอยู่ทุกวี่วัน มึงไม่เห็นตอนมันคบกะน้องขวัญเหรอ แรดตื่นแต่ไก่โห่ไปวิ่งกับเขาทุกวัน อยู่ด้วยกันก็เอาอกเอาใจเขาตลอด น่าหมั่นไส้!!”
“อ้าว......แล้วก็ไม่บอกว่าหมั่นไส้”
“ทำไม ถ้ากูบอกมึงจะไม่ทำ?”
“เปล่า ก็แค่จะได้ไปแอบๆทำไม่ให้เห็น หึๆๆๆ”
สิ้นเสียงตอบทั้งเสื้อทั้งกางเกงเน่าๆเปื่อยๆที่ไอ้เพื่อนก่อเตรียมไปเปลี่ยนหลังอาบน้ำลอยมาโปะตรงเป้าบนหัวกบาลที่ยังไม่ทันแห้งของพี่ดอนทันที พร้อมเสียงจิ๊จ๊ะจากปากไอ้จี๊ดที่ยังไม่ยอมลุกจากตักคุณชายเชท่าน
“ชั้นสงสารพี่ใหญ่ หล่อล่ำน้ำใจงาม เผื่อแผ่ถึงเพื่อนเป้าหมาย แบบนี้สิสมกับจะมาเป็นแฟนเพื่อนชั้น......”
“เห็นแก่กินล่ะสิ!!”
“ไอ้ก่อ แล้วจะทำไม แกแหละตัวดี เห็นยุยงส่งเสริมจนถึงขั้นบอกตารางด้วยซ้ำว่าวันไหนไอ้ดอนมันจะลงมาข้างล่างแทนเดินวอร์ด หึๆๆ ชั้นรู้....ชั้นเห็น....”
ไอ้ตัวจี๊ดยกตัวขึ้นมานั่งทั้งยังอยู่ในม้วนผ้าห่ม แต่ยังอุตส่าห์แหวกมือออกมาชี้หน้าเพื่อนที่นั่งนุ่งผ้าเข็ดตัวอยู่กับพื้นได้ ส่วนไอ้คุณก่อก็แลบลิ้นปลิ้นตาส่งกลับเป็นที่สนุกสนาน แต่พอไอ้ผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มจะลุกขึ้นมาลงไม้ลงมือ คุณชายเชคนเปิดประเด็นก็รั้งเอาไว้แล้วกดให้ลงไปนอนหนุนตักอย่างเก่า ก่อนจะเริ่มต้นปลอบให้ไอ้จี๊ดมันลืมนึกถึงหมาในปากด้วยการลูบหัวมันซ้ำๆ มืออีกข้างก็ยึดมือลูกแมวปากหมาไว้ให้นอนสงบเสงี่ยมอยู่กับที่ พร้อมทั้งส่งสายตาปรามไปให้ไอ้ตัวโตเปลือยครึ่งท่อนที่ยังส่งลูกกะตากวนโมโหขึ้นมาไม่เลิก
“แล้วนายจะปล่อยไว้อย่างนี้?”
“ไม่หรอก ที่จริงเราก็คิดอยู่ตลอดว่าจะบอกพี่ใหญ่ยังไง คงต้องจัดการให้เรียบร้อยซะพรุ่งนี้ พอมาคุยกันอย่างนี้ก็รู้สึกผิดขึ้นมายังไงไม่รู้.......”
“เออ ก็ดี.....” คนเปิดประเด็นพยักหน้าเห็นด้วยโดยมือยังไม่หยุดลูบผมลูกแมวบนตัก
“ถามหน่อยได้ป้ะ?” ไอ้ตัวจี๊ดที่นอนสงบเสงี่ยมอยู่ยกมือขอคำอนุญาตตามระเบียบ
“ถามอะไร?”
“ทำไมแกไม่ชอบพี่ใหญ่วะดอน เห็นคราวก่อนน้องขวัญแค่ขอคบหลังเจอสองครั้งแกก็ตกลงง่ายๆ.....อย่าบอกนะเพราะพี่ใหญ่ไม่ใช่สเป๊คท์”
“ไม่ใช่เรื่องสเป๊คท์หรือไม่สเป๊คท์หรอก มันก็แค่......ตอนนี้เรากำลังรอบางอย่างอยู่” “รอ.....รออะไร?”
“รอดูหัวใจตัวเองน่ะ ตอนนี้.......เรายังไม่แน่ใจกับเรื่องบางเรื่อง....”
“ซึ่งก็คือ...........?”
“เฮ้อ........เราว่าเราติดใจคนอื่นอยู่น่ะสิ”
“ฮ้า!!!!” เสียงเพื่อนสามตัวโวยวายออกมาอย่างพร้อมเพรียง จนอรุณรุ่งต้องยกนิ้วขึ้นมาแตะปากส่งเสียงชู่ออกมายาว แถมด้วยชะโงกหน้าออกไปทางหน้าต่างที่แง้มบานเกล็ดรับลมหนาวอยู่ ด้วยกลัวจะรบกวนบ้านข้างๆ
“ใคร?/ใครวะ?/กรี๊ด.......ใครอะแก๊?”
โน้ตแผ่นเล็กที่พับเรียบร้อยถูกหยิบออกจากซอกหนึ่งในกระเป๋าสตางค์หนังสีน้ำตาลเข้มยื่นส่งให้เพื่อน พร้อมกับใบหน้าขาวอมชมพูตามเชื้อชาติที่เริ่มขึ้นสีจัด จนไอ้คนช่างสังเกตอย่างเพื่อนก่อมันจับพร้อมฟันธงว่าหมอพี่ใหญ่อกหักแน่นอนร้อยเอาสิบ
“เพชร.........ใครวะเพชร?”
“ก็คนที่เราเจอที่ร้านอาหารตอนแวะพักที่นครสวรรค์ไง”
“กรรมเวร เจอกันแค่นั้นนี่ให้เมลมาเลยเรอะ แล้วแกติดต่อกลับไปยัง?”
ชายหนุ่มเจ้าของโน้ตตัวจริงที่ตอนนี้เพื่อนๆเวียนกันดูแถมพยายามส่องกับแสงไฟนีออน เผื่อจะเจอข้อความลับนอกจากสองประโยคนั้นกับอีเมลแอดเดรสด้านหลังให้ได้เบาะแสเพิ่มขึ้นสักนิดก็ยังดี
“...................” คนนั่งหน้าแดงไปด้วยขำอาการเพื่อนๆไปด้วยได้แต่ส่ายหน้าไปมาช้าๆเป็นคำตอบ
“อ้าว!! แล้วมึงรอไรเนี่ย?”
“ก็........รอเวลาไง”
อันที่จริงอรุณรุ่งรู้ตัวดีว่าที่ตอบเพื่อนไปว่ารอเวลา ที่ชัดเจนกว่านั้น.....คือรอเวลาที่จะมั่นใจในความรู้สึกของตัวเอง พร้อมกับรอเวลาที่ความกล้าที่จะเริ่มต้นความสัมพันธ์อีกสักครั้งโดยไม่กลัวกับผลที่จะตามมาจะมาถึงต่างหาก......
“พี่ใหญ่ครับ” เย็นวันนี้เพื่อนๆสามตัวล้วนพร้อมใจกันติดธุระนอนตีพุงอยู่บ้านเช่า ไม่มีใครแหลมหน้ามาวิ่งเป็นเพื่อนพี่ดอนเลยสักคน ต่างคนต่างบอกว่าสงสารพี่ใหญ่....ไม่อยากเห็นหน้ายักษ์อกหัก
ในขณะที่ไอ้จี๊ดแถมมาด้วยว่า....ไม่ไปด้วยหรอก เพราะถึงพี่แกจะอกหัก มันก็ไม่มีสิทธิ์ยื่นมือเข้าไปช่วยดามอกแต่อย่างใด เล่นเอาเพื่อนอีกสามต้องส่ายหน้ากับอาการเล่นได้ตลอดเวลาของมันไปเลย
“ครับ”
“คือ......เราสองคน เป็นพี่น้องกันนะครับ”
จบประโยคด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำหนักแน่น นัยน์ตาสีอ่อนหลังกรอบแว่นก็มองสบกับตาคมๆบนหน้าเข้มๆของนายแพทย์โอฬาร ส่งผ่านความจริงใจไปเต็มที่
“เฮ้อ.......ตกลงครับ ขอพี่ทำใจสักสองสามวัน แล้วรับรองได้ ว่าน้องดอนจะได้พี่ชายเอาไว้คนหนึ่งแน่นอนครับ”
รอยยิ้มกว้างขวางจากทั้งปากทั้งตาส่งให้คนพูดง่ายเข้าใจง่ายแถมยังเป็นสุภาพบุรุษที่สุดในโลกตรงหน้า จนคนเพิ่งอกหักหมาดๆอดไม่ได้ต้องยิ้มตอบ
“ขอบคุณครับ.....พี่ใหญ่”......................................................................
..โปรดติดตามตอนต่อไป..
ปล. โถววววววววววว พี่ใหญ่ของน้องนุ่น อกหักตลอดกาลนานเทอญมากๆผู้ชายคนนี้