LOVE (extra) HIGH STORY – extra 07 – Eventuallyกว่าสองหนุ่มจะพากันปั่นจักรยานกลับจากศาลาริมน้ำก็ใกล้ได้เวลาอาหารเย็นพอดี ขากลับปั่นสวนกับลุงดำที่กำลังขับรถไปเก็บที่โรงรถก็เลยรู้ว่าแม่ตุ้มกับป้าเอียดกลับมากันแล้ว
“นี่ไง กลับมากันแล้ว พากันไปซนที่ไหนมาล่ะลูก” ทันทีที่สองหนุ่มก้าวขาเข้าบ้าน แม่ตุ้มที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์ก็เอ่ยถามหลังจากที่กลับมาบ้านแล้วไม่เห็นวี่แววของลูกชายและรุ่นพี่คนสนิท
“ไปเล่นน้ำที่ศาลาท้ายสวนมานะแม่” ลูกชายตัวเล็กตอบเสียงเจื้อยแจ้วสดใสพลางเดินไปหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ แม่ แต่ก้นยังไม่ทันหย่อนถึงเบาะก็...
“เดี๋ยว กางเกงเปียกหรือเปล่าเนี่ยกีต้าร์... พากันไปเปลี่ยนก่อนเลย เดี๋ยวโซฟาจะด่าง” แม่ตุ้มเอ่ยขึ้นเสียงสูงพลางรั้งแขนลูกชายไว้ เป็นเชิงห้ามว่าอย่าเพิ่งนั่ง ส่วนโบ๊ทที่กำลังจะนั่งลงที่เก้าอี้โซฟาอีกตัวเลยต้องชะงักไปด้วย
“โหยยยย นิดเดียวเองแม่ ตอนเล่นใส่บ๊อกเซอร์ เกงไม่เปียกสักหน่อย”
“แล้วบ๊อกเซอร์แห้งแล้วเหรอไง ห๊ะ”
“แห้งแล้ว นั่งผึ่งกันจนแห้งเลย ถึงกลับมาเย็นนี่ไง”
“ไหนดูซิ แห้งจริงหรือเปล่า” ไม่พูดเปล่า แม่ตุ้มใช้มือไปแตะที่ก้นลูกชาย
“ฮึ่ยยยยยย แม่ อย่าจับก้นดิ” กีต้าร์บิดก้นหนี หูแดงเล็กๆ เขินที่โดนแม่จับก้น
“จะมาเขินอะไร ตอนเด็กๆ อาบน้ำให้ทุกวัน จับอยู่ทุกวัน ฮ่ะๆๆๆๆ” แม่ตุ้มหัวเราะอารมณ์ดีที่เห็นลูกชายเขิน
“ก็นั่นมันตอนเด็กๆ นี่ ตอนนี้โตแล้ว ไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะแม่”
“ฮ่ะๆๆๆๆ เราอะเหรอโตแล้ว ฮ่ะๆๆๆๆๆๆ”
“โหยยยย แม่อ่ะ!!!”
“ฮ่ะๆๆๆๆๆ”
และแล้วพื้นที่ในห้องนั่งเล่นก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของแม่ตุ้มและคุณชายโบ๊ท ส่วนเสียงโวยวายก็คงไม่ต้องเดาว่าเป็นเสียงของใคร เพราะขี้โวยวายแบบนี้มีอยู่คนเดียวเนี่ยแหละ... ป้าเอียดที่กำลังเตรียมผักและเนื้อสัตว์สำหรับอาหารเย็นอยู่ในครัวได้ยินก็อดยิ้มไม่ได้
นั่งเล่นกันอยู่พักใหญ่ ทั้งสองหนุ่มก็โดนแม่ตุ้มไล่ให้ไปอาบน้ำเพื่อที่จะได้ทันเวลาอาหารเย็น กีต้าร์อิดออดร่ำรี่ร่ำไรพอให้แม่ตุ้มบ่นเป็นพิธีอยู่สักพักเพราะยังไม่อยากอาบน้ำ แต่ก็ไม่ได้ผล แม่ตุ้มยืนยันว่ายังไงก็ต้องไปอาบน้ำก่อนกินข้าว เมื่อเถียงแม่ตุ้มไม่ชนะ ไอ้เจ้ากีต้าร์เลยเกรียนใส่ด้วยการแกล้งตายซะงั้น... แต่ลูกไม้ตื้นๆ แบบนี้มีเหรอที่แม่ตุ้มซึ่งเลี้ยงไอ้เจ้ากีต้าร์มาตั้งแต่สมัยเกรียนแรกเกิดจะรับมือไม่ได้ ว่าแล้วก็ยื่นคำขาดพร้อมออกบัญชาให้โบ๊ทหิ้วปีกไอ้เปี๊ยกไปอาบน้ำ ถึงกีต้าร์จะบ่นและโวยวายใส่ร่างสูง แต่ก็คงเดาได้ไม่ยากว่าโบ๊ทจะกล้าขัดคำสั่งแม่ตุ้มไหมละ ฮ่าๆๆๆๆ
หลังจากที่ลากร่างเปลี้ยของไอ้เปี๊ยกไปส่งถึงห้อง ร่างสูงก็เดินกลับห้องของตัวเองเพื่อไปอาบน้ำบ้าง ตอนแรกว่าจะเนียนเข้าห้องน้ำพร้อมไอ้เปี๊ยกแล้วนะ อุตส่าห์ถิดเสื้อเนียนๆ แล้วเชียว แต่ไอ้เปี๊ยกก็รู้ทัน เลยดันร่างสูงออกจากห้องไปเสียก่อน โบ๊ทเลยได้แต่ส่ายหัวเดินกลับห้องไปพร้อมกับเสียงหัวเราะเล็กๆ ในลำคอ
ประมาณสี่สิบนาทีผ่านไป โบ๊ทอาบน้ำเสร็จแล้วก็สวมเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นออกจากห้อง เขาแวะเคาะประตูเรียกร่างเล็กอยู่ครู่นหนึ่งแต่ไม่มีเสียงตอบรับเลยเข้าใจว่ากีต้าร์คงออกไปรอที่ห้องนั่งเล่นแล้ว ว่าแล้วขายาวๆ คู่นั้นก็พาเจ้าของเดินออกไปยังห้องนั่งเล่น... แต่พอไปถึงก็ไม่เห็นใคร มีเพียงโทรทัศน์ที่เปิดค้างไว้ เลยเดินเข้าไปดูครัวก็เห็นแม่ตุ้มกับป้าเอียดกำลังง่วนอยู่กับการทำอาหารมื้อเย็น
“กีต้าร์ออกมาแล้วหรือยังครับ” โบ๊ทเอ่ยถามแม่ตุ้มและป้าเอียด
“ยังเลย แม่ยังไม่เห็นนะ สงสัยยังอยู่ในห้อง โบ๊ทไปตามน้องหน่อยลูก อาหารใกล้เสร็จแล้ว จะได้มาช่วยกันยกไปตั้งโต๊ะ” แม่ตุ้มตอบพลางยกกระบวยจากหม้อแกงมาชี้ไปมาประกอบการพูด
“ครับ”
ว่าแล้วโบ๊ทก็เดินกลับไปที่ห้องของกีต้าร์ เคาะประตูอยู่อีกสักพักก็ยังไม่มีเสียงตอบรับ เลยลองบิดลูกบิดประตูดูก็พบว่าไม่ได้ล็อคเลยเปิดเข้าไป...
สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าคือไอ้เปี๊ยกถอดเสื้อนอนหลับพริ้มอยู่บนเตียง เปิดแอร์เย็นฉ่ำ แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่าประเด็นที่ว่า ไอ้เจ้ากีต้าร์มันยังไม่ได้อาบน้ำ ที่บอกได้ว่ามันยังไม่ได้อาบน้ำก็เพราะว่าดูท่าทางแล้วมันคอนข้างจะชัดเจนนะ... นอนถอดเสื้อแผ่หราอยู่กลางเตียงโดยที่เสื้อที่ถอดยังค้างอยู่ที่ข้อมือข้างซ้าย ส่วนข้างตัวข้างขวามีผ้าเช็ดตัวที่ยังแห้งสนิทพาดอยู่ กางเกงขาสั้นยังไม่แกกระดุมเสียด้วยซ้ำ เห็นขอบบ๊อกเซอร์ก็จำได้ว่าเป็นบ๊อกเซอร์ตัวเดียวกันกับที่ใส่เล่นน้ำที่ศาลาท้ายสวน
เห็นอย่างนี้ โบ๊ทก็อดไม่ได้ที่จะขอแกล้งร่างเล็ก ว่าแล้วก็ค่อยๆ เอื้อมมือไปกดล็อคประตูห้อง แล้วเดินไปหย่อนตัวลงข้างๆ ร่างบาง... ตาคมจ้องไล้ผิวขาวละเอียดจากแผงอกลงไปถึงลอนกล้ามจางๆ ก่อนจะส่งมือแกร่งไปลูบเบาๆ ตามจุดที่สายตาไล้โลม ตอนแรกกะว่าจะแกล้งอะไรสักอย่างให้กีต้าร์โวยวายเล่นๆ แต่ภาพตรงหน้ามันชวนให้จินตนาการไปไกลกว่านั้นมาก... รู้ตัวอีกทีก็โน้มตัวลงไปจูบแก้มของร่างเล็กเบาๆ ย้ำๆ อยู่หลายครั้งก่อนจะเลื่อนไปฉวยโอกาสจูบคนหลับ
กีต้าร์ส่งเสียงอืออยู่ในลำคอ มือเริ่มไม่อยู่เฉย ยกขึ้นมาปัดป่ายไล่คนที่มากวนเวลานอน... มือแกร่งฉวยมือของร่างเล็กแล้วกดลงบนเตียงก่อนจะเข้าจู่โจมที่ซอกคอขาว
“ฮึ่ย!!!!!”
กีต้าร์อุทานทันทีที่ลืมตาตื่น ไม่ทันได้งัวเงียหรืออะไรทั้งนั้น เพราะสัมผัสหวามบนต้นคอนั้นมันเร่าร้อนอย่างชัดเจนในความรู้สึก... ในอารมณ์ตกใจ กีต้าร์เลยสะบัดข้อมือให้หลุดจากพันธนาการของมือแกร่งแล้วออกแรงผลักรุ่นพี่ร่างสูงจนล้มลงไปนอนอยู่ข้างๆ ก่อนที่กีต้าร์จะลุกพรวดขึ้นนั่งแล้วหันควับไปค้อนคนฉวยโอกาสที่นอนยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างไม่สะทกสะท้าน
“จะลักหลับผมเหรอ” กีต้าร์ถามตรง ไม่อ้อมค้อม ใจยังเต้นตึกๆ เลือดสูบฉีดขึ้นหูขึ้นหน้าจนแดงระเรื่อ
“เปล๊า ก็ปลุกดีๆ แล้วไม่ตื่นนี่ เลยต้องปลุกด้วยวิธีนี้” ร่างสูงแถไหลไปเรื่อย ทั้งๆ ที่ไม่ได้พยายามปลุกด้วยวิธีอื่นเลยสักนิด
กีต้าร์ฟังแล้วนึกหมั่นไส้... นอกจากจะตอบด้วยน้ำเสียงไม่รู้ร้อนแล้วยังทำหน้ายียวนกวนประสาทอีก... ว่าแล้วก็กำมือแล้วง้างขึ้นตั้งท่าจะทุบร่างสูง เพียงดูจากระดับสายตาโบ๊ทก็รู้ทันทีว่าไอ้เจ้าเปี๊ยกมันจะทุบลงที่ไหน ว่าแล้วก็รีบเลื่อนมือไปกุมเป้าตัวเองพร้อมเบี้ยงตัวหนีทันที... ไอ้เจ้าเปี๊ยกเลยทุบเตียงเปล่าไปเสียเต็มแรง
โบ๊ทฉวยโอกาสตอนกีต้าร์เสียสูญเล็กน้อย ตะหวัดขาเกี่ยวไปที่ตัวของร่างเล็กแล้วกดลงบนเตียงก่อนจะดีดตัวขึ้นคร่อมนั่งทับกลางลำตัวแล้วกดแขนกีต้าร์ลงบนเตียง
“เชี่ย!!!” กีต้าร์สบถที่ตัวเองเสียท่าจนกลับมาเสียเปรียบเต็มๆ
“ฮ่าๆๆๆๆๆ อ่อนเอ้ย” โบ๊ทหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดี
“ปล่อย จะไปอาบน้ำ”
“ไม่ต้องอาบแล้ว ข้าวจะเสร็จแล้วเนี่ย แม่ให้มาตาม”
“มาตาม? แหม่... ไอ้หื่นเอ้ย!!”
“ฮ่าๆๆๆๆ ก็ช่วยไม่ได้อะ เอ็งมันยั่วนี่นา”
“ไม่ได้ยั่วสักหน่อย! ผมก็แค่งีบแปบเดียวอะ”
“แปบเดียวของเอ็งนี่มันนานเกือบชั่วโมงเลยไหม ห๊ะ?”
“...”
“หึหึหึ นี่ถ้ายอมดีๆ ป่านนี้ก็ไปถึงไหนต่อไหนแล้วเนี่ย เสียเวลาชะมัด ยิ่งเวลาน้อยๆ อยู่”
“ไอ้!!!”
“ฮ่าๆๆๆๆ ล้อเล่น ไป ออกไปกินข้าวก่อน แล้วค่อยเข้ามาอาบน้ำ”
“ก็บอกดีๆ ก็ได้นี่ ไม่เห็นต้องชี้หน้าผมเลย”
“ห๊ะ?”
“...”
โบ๊ทนึกงงกับคำพูดของกีต้าร์ แต่พอมองไปตามสายตาของกีต้าร์แล้วก็ถึงรู้ว่าโบ๊ทน้อยของเขานั้นมันตื่นเต็มที่จนตุงกางเกงไปหมดแล้ว... โบ๊ทละสายตาจากเป้าตัวเองแล้วมองไปยังหน้าแดงระเรื่อของกีต้าร์ ไม่มองเปล่า เขาปล่อยมือจากแขนของกีต้าร์แล้วเลื่อนมาไล้นิ้วบนริมฝีปากของกีต้าร์แทน เป็นสัญญาณเชิญชวนกึ่งขอร้อง
กีต้าร์ไม่ค่อยเข้าใจสัญญาณที่ว่านั้นหรอก โบ๊ทเลยต้องส่งสัญญาณที่ชัดเจนขึ้นอีกด้วยการแหย่นิ้วกลางเข้าปากของกีต้าร์... ชัดเจนแจ่มแจ้งว่าต้องการอะไร...
“อย่า...” แต่ส่งนิ้วเข้าปากไปไม่ทันได้พ้นปลายนิ้ว กีต้าร์ก็ปัดมือออกแล้วหันหน้าหนี
“ทำไมละ เอ็งก็มีอารมณ์ไม่ใช่เหรอ” โบ๊ทพูดอย่างมั่นใจเพราะเขาเองรู้สึกได้ถึงสัมผัสร้อน ขึงขัง บนกลางลำตัวของกีต้าร์ที่เขานั่งทับอยู่
“ไม่ได้หรอก... เดี๋ยวแม่รอนาน เขาจะสงสัยเอา”
“...”
“...”
โบ๊ทไม่ดื้อดึงอะไรอีก ลุกออกมานั่งบนเตียงแต่โดยดี... สักพัก กีต้าร์ก็ลุกขึ้นมานั่งบ้าง ต่างคนต่างนั่งกุมเป้าตัวเอง หน้าแดงกันทั้งคู่... คงต้องสงบสติอารมณ์ตัวเองกันให้ได้ก่อน ถึงจะออกไปกินข้าวได้...
นั่งกันเงียบๆ อยู่สักพักก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะสงบอารมณ์ได้ เลยเหล่ตามองกัน... มองกันไปมองกันมาก็เริ่มเขิน กีต้าร์เลยกระแทกไหล่ร่างสูงจนตัวโยน โบ๊ทก็ไม่ยอม กระแทกกลับ เลยกลายเป็นนั่งกระแทกไหล่กันอยู่อย่างนั้นก่อนจะเริ่มหลุดเสียงหัวเราะออกมากันทั้งคู่
กว่าจะพากันออกมากินข้าวได้ แม่ตุ้มกับป้าเอียดก็ช่วยกันตั้งโต๊ะจวนจะเสร็จแล้ว เลยโดนแม่ตุ้มเทศน์ไปกาพย์ใหญ่... โบ๊ทโดนเรื่องไปเรียกน้องแล้วยังพากันช้า ส่วนไอ้เจ้ากีต้าร์โดนเพิ่มเรื่องแอบหลับไม่ยอมอาบน้ำ ฮ่าๆๆๆ... หลังทานข้าว สองหนุ่มเลยโดนทำโทษให้ล้างจานและเก็บครัวให้เรียบร้อย... กระนั้นก็ยังเล่นกันแกล้งกันจนทำจานแตกไปหนึ่งใบ ยังดีที่ไม่บาดมือให้ได้แผลกัน ส่วนหลักฐานจานแตกนะเหรอ ไม่ต้องห่วงเลยว่าจะเหลือ เพราะไอ้เจ้าต้าร์มันใช้สกิลที่ได้มาตั้งแต่เด็กเก็บกวาดทำลายหลักฐาน แถมเอาเศษจานที่แตกออกไปทิ้งในถังขยะใหญ่นอกบ้านอีกต่างหาก... บริสุทธิ์หมดจด
หลังจากนั้นก็พากันไปนั่งๆ นอนๆ ดูโทรทัศน์ แต่ดูไปได้ไม่นานก็โดนแม่ตุ้มยึดรีโมทไปเปลี่ยนดูละครหลังข่าวแถมยังไล่ให้ไปอาบน้ำอีกต่างหาก แต่มีเหรอที่กีต้าร์จะไปแต่โดยดี ว่าแล้วก็ไปนอนเบียดนอนอ้อนแม่ตุ้มอยู่อย่างนั้น แม่ตุ้มก็เล่นตัวพอเป็นพิธีแต่สุดท้ายก็ยอมให้ลูกชายนอนหนุนตักแต่โดยดี
สองแม่ลูกดูละครหลังข่าวด้วยกันอย่างออกรส กีต้าร์เริ่มติดละครโดยไม่รู้ตัว ช่วยกันวิเคราะห์วิจารณ์เหตุการณ์ในเรื่องอย่างสนุกปากกับแม่ตุ้ม ยังดีที่แม่ลูกเขาเห็นตรงกัน เพราะถ้าเห็นไม่ตรงกัน ต่างคนต่างเชียร์คนละฝ่าย มีหวังได้ต่อล้อต่อเถียงกันแน่ๆ และไอ้เจ้าเปี๊ยกอาจโดนกำลังภายในของแม่ตุ้มซัดกระเด็นตกโซฟาได้... ท่านอนยิ่งซัดง่ายๆ อยู่ด้วย... ส่วนโบ๊ทก็นั่งดูบ้าง ไม่ดูบ้าง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเป็นระยะตามประสาคนไม่สนใจละคร... ดูไปได้สักพักใหญ่ๆ ก็ลุกขึ้นเดินเข้าห้องไปแปรงฟัน
“กีต้าร์” แม่ตุ้มเอ่ยเรียกลูกชายหลังจากที่ละครพักโฆษณา
“หืม? ไรแม่”
“เวลาอยู่กรุงเทพ อย่าดื้อมากนักนะ เกรงใจพี่โบ๊ทเขาบ้างนะลูก”
“โหยยยย แม่อะ ผมไม่ได้ดื้อสักหน่อย”
“แม่ไม่ค่อยอยากเชื่อหรอกเรานะเหรอจะไม่ดื้อ อายุจะ 20 แล้วนะเรา จะทำตัวเป็นเด็กๆ ไม่ได้แล้วนะ”
“แม่ต้องห่วงหรอกน่า ผมโตแล้ว เชื่อผมสิ เชื่อผม... ผมอยู่กรุงเทพมาตั้งหลายปีแล้วนะ ผมก็อยู่ได้ เป็นเด็กดีไม่ได้ไปก่อเรื่องอะไรให้แม่ปวดตับซักหน่อย เห็นไหมล่ะ”
“อื้อ แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ แค่พูดเฉยๆ... ฮ่ะๆๆๆ”
“สบายใจได้ หายห่วง ฮ่าๆๆๆ”
“แหม ให้มันจริงเหอะน่า... แล้วอย่าไปทำสาวไหนเขาท้องป่องมาให้แม่ใจวายแล้วกัน”
*เฮือก!*เจอประโยคนี้ของแม่ตุ้มเข้าไป กีต้าร์ถึงกับสะดุ้งเฮือกจนแม่ตุ้มเองยังสงสัย
“สะดุ้งทำไม... หรือทำไปแล้ว?”
“เปล่าๆๆๆๆๆ ยังแม่ ยังๆๆๆๆ ยังไม่เคยทำใครท้องทั้งนั้นแหละแม่” กีต้าร์ปฏิเสธพัลวัน
“แน่นะ? ไม่ใช่โผล่มาอีกทีมีหลานมาให้แม่อุ้มแล้วนะ จะทุบหัวให้”
“โหยยยย ไม่มีหรอกแม่”
“ฮ่ะๆๆๆๆๆ”
“แหะ แหะ”
“...”
“...”
“กีต้าร์...”
“หือ?”
“อยู่คนเดียว เหนื่อยไหมลูก” แม่ตุ้มถามอย่างอบอุ่นพร้อมลูบหัวลูกชายอย่างอ่อนโยน
“ไม่เหนื่อยหรอกแม่ ชินแล้ว” กีต้าร์ตอบพลางเงยหน้าขึ้นมาสบตาแม่ตุ้ม
“ทุกทีได้คุยแต่ทางโทรศัพท์ แม่ก็ไม่ถึงกับสบายใจไปซะหมด แต่พอเห็นกีต้าร์ยังดื้อยังซนแบบนี้แม่ก็สบายใจ”
“อ้าว ไหงงั้นละ ไหนบอกว่าไม่ให้ผมดื้อไงแม่”
“ฮ่ะๆๆๆๆ ไว้กีต้าร์มีลูกแล้วกีต้าร์จะเข้าใจ”
แม่ตุ้มพูดทิ้งไว้แค่นั้นก่อนจะหันกลับไปสนใจละครหลังข่าว... ไม่รู้ว่าละครมันสนุกหรือเพราะลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่กำลังนอนหนุนตักอยู่นี้ที่เป็นสาเหตุให้แม่ตุ้มมีรอยยิ้มอบอุ่นพะอยู่บนใบหน้าได้ตลอด... ส่วนไอ้เจ้าเปี๊ยกนะเหรอ ยังเหวออยู่กับคำว่า “มีลูก” อยู่เลย ฮ่าๆๆๆๆ
ละครหลังข่าวจบ แม่ตุ้มก็ขอตัวไปนอน ส่วนกีต้าร์ก็กลับห้องไปอาบน้ำเตรียมนอนเหมือนกัน... แต่พอเปิดประตูห้องเข้าไปก็ต้องเจอกับลิงภูเขาตัวใหญ่ที่นอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง
“อ้าว ละครจบแล้วเหรอเปี๊ยก”
“ใช่จบแล้ว และผมก็กำลังจะอาบน้ำและนอน”
“อือ”
“คือ ผมหมายถึงว่า อาบน้ำและนอน คนเดียว”
“อือ”
“คือ... คุณโบ๊ท นอนเล่นห้องผมได้ ไม่ว่านะ แต่ผมนอน คน เดียว... โอป่ะ?”
“...” โบ๊ทแกล้งไม่ได้ยินที่กีต้าร์พยายามย้ำ ตั้งหน้าตั้งตาพิมพ์เม้นท์เฟซบุคไปเรื่อย
“คุณโบ๊ททททท”
“หืม? ไรครับ”
“เข้าใจใช่ไหมเนี่ย”
“อือ รู้แล้วน่าว่ารังเกียจ ไม่ให้นอนด้วย” โบ๊ทแกล้งประชด
“เฮ้ยยยย ไม่ใช่เหอะ แต่ตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ทำไรหรอกน่า”
“ไม่เอา เดี๋ยวแม่มาเห็น”
“ไม่ได้ทำอะไรกันสักหน่อย จะกลัวแม่เห็นอะไร หรือเอ็งคิดอะไรหื่นๆ อยู่?”
“บ้าแล้ว ไม่ใช่สักหน่อย โว๊ะ!!”
“ฮ่ะๆๆๆ ไปเลย ไปอาบน้ำ”
“รู้แล้วน่า”
ว่าแล้วกีต้าร์ก็ถอดเสื้อ แต่ระหว่างที่กำลังถอดเสื้อนั้นเอง เขาก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่จับจ้องมายังแผ่นหลัง เมื่อหันไปดูก็เห็นว่าร่างสูงหลบตา แกล้งกลับไปจ้องจอโทรศัพท์มือถือ... เห็นเช่นนั้นแล้วรู้สึกว่าไม่ค่อยปลอดภัย เลยรีบคว้าผ้าเช็ดตัวและชุดนอนแล้วจ้ำเข้าห้องน้ำไป แต่ก่อนจะได้ปิดประตูห้องน้ำ รุ่นพี่คนสนิทก็ตะโกนเรียกเสียก่อน
“เปี๊ยก”
“ไร”
“ถ้าจะชักกะโด้วก็เรียกได้นะ เดี๋ยวเข้าไปช่วย”
“เชี่ยยยยย!!!”
*ปึง*กีต้าร์ปิดประตูอย่างรวดเร็วราวกับว่ากลัวคำพูดของโบ๊ทจะตามเข้ามาทำให้หวั่นไหว... เพราะนอกจากที่เขาต้องคอยปรามโบ๊ทแล้ว เขาเองก็ต้องคอยบอกคอยห้ามตัวเองไม่ให้หลงไปกับสัมผัสหรือแววตาชวนหวั่นไหวด้วยเช่นกัน
กีต้าร์ใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำอยู่สักพักใหญ่ๆ ก็ออกมา ใส่ชุดนอนเต็มยศ เหลือเพียงรอให้หัวแห้งก็กระโดดขึ้นเตียงได้... แต่สิ่งที่เขาเห็นกลับทำให้ต้องเกาหัวยิกๆ เพราะภาพตรงหน้าคือหนุ่มรุ่นพี่ร่างสูงนอนพริ้มอยู่บนเตียง ห่มผ้าเรียบร้อย แถมปิดไฟแล้วด้วย เหลือไว้เพียงโคมไฟหัวเตียงฝั่งขวาที่เหลือไว้ให้กีต้าร์ใช้เป็นแสงสว่างส่องสู่เตียงอันแสบอบอุ่น(?)
กีต้าร์ครุ่นคิดพลางเดินไปเปิดพัดลมเป่าผมให้แห้ง แต่ผมสั้นๆ แบบนี้ไม่ได้ช่วยซื้อเวลาได้เยอะนักหรอก... เพียงไม่ถึง 3 นาทีผมกีต้าร์ก็แห้ง... กีต้าร์ปิดพัดลมแล้วเดินไปยืนที่ปลายเตียง จ้องมองไปยังหน้ายามหลับของหนุ่มรุ่นพี่ร่างสูง เด็ดดอกไม้ในใจ
ปลุก...
...ไม่ปลุก
ปลุก...
...ไม่ปลุก
ปลุก...
...ไม่ปลุก
ปลุก...
...ไม่ปลุก
.
“อืม โอเค ไม่ปลุกก็ไม่ปลุก”
กีต้าร์งืมงำอยู่คนเดียวก่อนจะเดินอ้อมไปฝั่งขวาของเตียงที่โบ๊ทเว้นว่างไว้ก่อนจะหย่อนตัวลงนอนแล้วปิดไฟ...
แต่ปิดไฟได้ไม่ถึง 10 วินาทีกีต้าร์ก็เอื้อมมือไปเปิดไฟหัวเตียงอีกรอบ เพราะนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ล็อคห้อง... กลัวว่าแม่จะเห็นว่านอนกอดกัน... เอ่อ จริงๆ แล้วไอ้เปี๊ยกก็ไม่ได้อยากหรือคาดหวังว่าโบ๊ทจะนอนกอดหรอกนะ แต่กันไว้ก่อนก็ดีกว่าใช่ไหมละ ฮ่าๆๆๆๆๆ
*กริ๊ก* ประตูล็อคแล้ว
*แป๊ก*ไฟหัวเตียงดับลงแล้ว
*หมับ*“เห๊?”
“หึหึ”
“อ๊ากกกกกก ไอ้คุณโบ๊ทททททท ปล่อยนะ!!!!”
“ชู่วววววววว เดี๋ยวแม่ได้ยินนะเปี๊ยก”
“ไอ้!!!”
“มามะ ขอกอดหน่อยนะ หึหึหึ”
“เชี่ย!! อย่านะ อ๊ากกกกกกกกก”
ภาพสุดท้าย เห็นเงาตะคุ่มๆ คล้ายๆ คนสองคนกำลังทะเลาะกันอยู่ใต้ผ้าห่ม แรงสะบัดของผ้าห่มทำให้กระดาษโน๊ตบนโต๊ะหนังสือของกีต้าร์ปลิวหล่น ไม่ได้มีใจความสำคัญอะไรมาก แค่ลายมือหวัดๆ ที่เขียนไว้ว่า
“โปรดติดตามตอนต่อไป (จะจบแล้วนะ)”-----------------------------------------------------------------
FlapJack Corner:
ตอนใหม่มาแล้ว ตอนแรกกะไว้ว่าจะแค่สั้นๆ เป็น interlude เชื่อมเวลาช่วงกลานคืนไปสู่เช้าวันรุ่งขึ้น แต่เขียนไปเขียนมามันได้ยาวอย่างกับเป็นตอนปกติของเนื้อเรื่องหลักเลยทีเดียว ฮ่าๆๆๆๆ เอาเป็นว่าถือว่าเป็นกำไรของชนกลุ่มน้อยก็แล้วกันเนอะ
เจอกันตอนหน้าครับ ภาคพิเศษจะจบลงอย่างไร ไว้คอยมาดูกัน