♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]  (อ่าน 150025 ครั้ง)

ออฟไลน์ jellyfish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
ประลองรัก....十三
     
   อาทิตย์ส่องแสงยามสายแยงตาต้นห้องประจำองค์ฮ่องเต้จนไม่อาจหลบหนีได้ จำต้องเปิดเปลือกตาขึ้นมองแท่นบรรทมที่ตนนอนอยู่ แต่ไร้ผู้เป็นเจ้าของที่คงออกทรงงานแต่เช้าไม่รั้งรอต้นห้องจอมขี้เกียจ

   "ข้าตื่นไม่ทันท่านอีกแล้วหรือนี้ แล้วเย็นนี้เราจะได้เจอกันหรือไม่นะ" ใบหน้าสวยหวานราวอิสตรีขมวดคิ้วเรียวเข้าหากันอย่างนึกสงสัยและน้อยใจ ก่อนที่ความโศกเศร้านี้จะถูกแทนที่ด้วยความตกใจ “สายนี้ข้ามีนัดกับเสี่ยวหลง อู่กงกง ท่านอู่กงกง ท่านอยู่ไหน”
   
   “ดีจริงวันนี้ท่านอ๋องตื่นเองได้” ขันทีประจำราชฐานส่วนพระองค์เดินเข้ามาพร้อมคำพูดเหน็บแนมอ๋องน้อยผู้นิยมตื่นสายเป็นนิจ “ท่านส่งเสียงเรียกข้าทำไมกัน”

   “ตั้งสำหรับเร็ว แล้วก็ให้คนไปเตรียมน้ำอาบให้ข้าที ข้าล้างหน้าแล้วจะได้ไปกินข้าวแล้วค่อยอาบน้ำ เสียเวลาไม่มากนัก” อ๋องน้อยสั่งเป็นการเป็นงานยิ่งกว่าครั้งใด ยิ่งนึกถึงใบหน้าอ่อนวัยของหนุ่มน้อยเสี่ยวหลงก็ยิ่งไม่อยากให้รอนาน
   
   “ท่านเป็นเพียงต้นห้องเหตุใดต้องมีคนมาตั้งน้ำให้อาบกัน” ใบหน้าขาวที่เต็มไปด้วยรอยประทับของรอยวิหคบาทาไม่พอใจที่ต้นห้องกิตติมศักดิ์ถืออภิสิทธ์สั่งผู้อื่นให้ทำงาน

   “นะท่านอู่กงกง ข้าจำเป็นจริงๆ ข้าต้องรีบไปรับรองแขกของฮ่องเต้  แล้วนี้ก็ช้ามากแล้วท่านจะไม่ช่วยข้าหรือ” เพราะอ๋องสาวใสวัยกำดัดมามาก อ้อนขันทีเหี่ยวจึงไม่ใช่การยากเลยสำหรับท่านอ๋องเที้ยนหยวน

   “จริงหรือ”

   “จริงๆ นะท่านอู่กงกงผู้มีใบหน้าอ่อนเยาว์แสนเต่งตึง ช่วยข้าเถอะนะ” ดวงตากลมเป็นประกายใส ช่วยส่งเสริมให้ทุกคำพูดดูน่าหนักแน่นน่าเชื่อถือ แม้มันจะขัดกับคำพูดที่เคยพูดมาตลอด

   แล้วแบบนี้มีหรือที่ท่านขันทีอู่จะรอดพ้น.....ไม่เสียหล่ะ

   “ก็ได้ ข้าจะไปบอกให้คนเตรียมทั้งน้ำและสำหรับให้ท่าน ส่วนท่านก็ไปล้างหน้าเสียก่อน ผู้ที่ท่านต้องรับรองจะได้ไม่รอนาน” ความใจอ่อนของขันทีอู่กงกงมีที่มาจากคำพูดเพียงคำเดียวเท่านั้น

   .....ท่านอู่กงกงผู้มีใบหน้าอ่อนเยาว์แสนเต่งตึง...

   “ขอบคุณท่านมากเหลือเกิน ท่านขันทีแสนเต่งตึงหารอยย่นไม่มี” อ๋องน้อยตะโกนไล่หลังขันทีที่เดินออกจากห้องไป ก่อนที่ในห้องบรรทมฮ่องเต้จะเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเจ้าเล่ห์

   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
 
   "เสี่ยวหลงๆ" เสียงเอะอะโวยวายของอ๋องน้อยแห่งตำหนักทู่หลงพาให้คนส่ายหน้าหนี นางกำนัลที่ถูกส่งตัวมายังเรือนรับรององค์หญิงจากชิงเต่าต้องกระหืดกระหอบ ออกมาต้อนรับ

             "ท่านอ๋อง ต้องการพบผู้ใดหรือเจ้าคะ" เพราะเป็นนางกำนัลชั้นปลายแถวจึงต้องนบน้อมต่อผู้คนไปทั่วไม่เว้นแม้แต่ท่าน อ๋องน้อยผู้มีชื่อเลื่องลือเรื่องความเจ้าชู้ที่แปรสภาพเป็นต้นห้องของฮ่องเต้
                           
             "เรามาหาเสี่ยวหลง เจ้าไปบอกเขาว่าเรามารับตามที่สัญญาแล้ว" อ๋องน้อยเลียนสำเนียงอันอ่อนโยนของฮ่องเต้หนุ่ม อีกทั้งยังส่งรอยยิ้มหวานละลายใจให้แก่สาวน้อยที่หากไม่มีเสี่ยงหลงรออยู่ อ๋องผู้นี้คงไม่ละเลยโอกาสที่จะโปรยเสน่ห์ใส่

             "เจ้าคะ" นางรับคำปล่อยทิ้งให้ท่านอ๋องรอ ไม่นานเด็กหนุ่มวัยใสก็เดินเข้ามาในโถงกว้างพร้อมรอยยิ้มประทับใจผู้พบเห็น

            "ท่านอ๋อง ข้าน้อยปล่อยให้ท่านรอนาน ข้าน้อยต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่งด้วย" เด็กหนุ่มผู้มีใบหน้าอ่อนเยาว์โค้งกายคำนับผู้สูงศักดิ์กว่าอย่างนอบน้อม

             "เจ้านี่ ทำตัวเคร่งเครียดราวกับขันทีเหี่ยวไปได้" ใบหน้างดงามเผลอบึ้งตึงยามนึกถึงขันทีเหี่ยวที่อยู่ประจำในตำหนักส่วนพระองค์ ฮ่องเต้

   "ใครกันหรือท่านอ๋อง ขันทีเหี่ยว"

   "เจ้าอย่ารู้เลย แล้วก็เลิกเรียกเราว่าท่านอ๋องดีกว่า ดูห่างไกลเกินไป เรียกเราว่า..." อ๋องน้อยนิ่งคิดอยู่นานว่าควรให้เรียกว่าเช่นไร แต่แล้วเสียงนุ่มที่อยู่ในความทรงจำของบุรุษผู้หนึ่งก็ทำให้ใบหน้าหวานยิ้ม พราว "เรียกเราว่า พี่เที้ยนหยวน"

   "แต่ท่านอ๋อง~"

   "ทำไม เจ้าไม่อยากได้เราเป็นพี่หรือ?" รอยยิ้มและแววตาของท่านอ๋องเที้ยนหยวนช่างลึกล้ำและอ่อนหวานจงใจให้ผู้มองต้องเขินอาย

            "เปล่าขอรับ.....พี่เที้ยนหยวน" ใบหน้าขาวใสถูกขับด้วยความอายต่อสายตาทอประกายของเที้ยนหยวนจนแดงกล่ำ เสี่ยวหลงก้มหน้ามิกล้าสบสายตาคู่หวานที่มองแล้วอดวาบวามไม่ได้

            "ฮึๆๆ" เสียงหัวเราะในลำคอขาวด้วยเที้ยนหยวนรู้ดีว่าสายตาของตนมีผลเช่นไรต่อเด็กหนุ่มผู้น่ารักตรงหน้า "งั้นเราก็ไปเที่ยวเล่นกันดีกว่า พี่จะพาเจ้าไปดูอี้ชิวที่หนึ่งดีไหม น้องน้อ...." เสียงหวานชะงักลงพร้อมใบหน้าเชิดรั้นอย่างเด็กหวงของ "พี่เรียกเจ้าว่า หลงเอ๋อร์ได้หรือไม่"

             "ขอรับ"

              เที้ยนหยวนไม่สนใจว่าเสี่ยงหลงจะตอบรับว่าเช่นใด  ด้วยยังวนเวียนอยู่กับความคิดที่ทำให้ชะงักคำพูด แม้วันนี้อ๋องร่างบางจะเลียนแบบคำพูดที่แสนสุภาพและอ่อนโยนจากฮ่องเต้มามากมาย แต่สิ่งที่หนึ่งที่หวงแหนและคิดอยากให้เป็นคำพิเศษเพื่อให้ชายผู้นั้นใช้ เรียกขาน...น้องน้อย

            ท่านจะรู้บ้างไหมว่าทำสิ่งใดต่อใจข้าบ้าง...แค่คำเดียว แต่ข้ากลับหวงมันมากขนาดนี้....

           "พี่...เอ่อ พี่เที้ยนหยวน" เสียงแผ่วเบาพร้อมมือที่โบกพัดไปมาเรียกสติของเที้ยนหยวนให้กลับคืนมา "ท่าน เอ้ย! พี่เที้ยนหยวนไม่สบายหรือขอรับ หน้าแดงราวกับมีไข้"

           "เปล่าหรอก หน้าพี่ก็เป็นเช่นนี้เสมอ  เจ้าอย่ากังวลไปเลย เราไปกันเถอะ" มือบางยกจับใบหน้าเรียวของตนเอง แม้บอกออกไปเช่นนั้น แต่กลับนึกแปลกใจตนเอง

             ...ข้าเป็นเอามากขนาดนี้เชียวหรือ...หลงเอ๋อร์ คงต้องใช้เจ้าเพื่อทำให้ข้ากลับเป็นคนเดิม

            มือบางคว้าจับมือเล็กมากระชับมั่นแน่นไว้ในมือพาเด็กน้อยออกเดินจากเรือน รับรองไม่สนใจสายตาอยากรู้อยากเห็นของเหล่านางกำนัลและทหารที่ยืนประจำการ

   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

   อ๋องน้อยเที้ยนหยวนพาหลงเออร์หรือเสี่ยวหลงเดินไปตามคอกม้าหลวงที่อี้หลงที่หนึ่งสัตว์อันแสนพิสดารและมีคุณค่าทางจิตใจอาศัยอยู่

   “วันนี้พี่จะพาหลงเออร์นั่งอี้หลงที่หนึ่งไปชมทุ่งกว้างหลังวังหลวง” อ๋องน้อยร่างโปร่งบอกเล่าแผนที่คิดไว้จนหลุดเรียกชื่ออันไม่สมควร

   “เมื่อสักครูพี่เที้ยนหยวนเรียกว่าอะไรหรือขอรับ” ใบน้าเล็กขมวดมุ่นสงสัยในสิ่งที่ได้ยิน

   “ก็...เรียกว่าอี้ชิวที่หนึ่งเจ้าได้ยินเป็นอย่างอื่นงั้นหรือ” แม้เสียงที่ถามจะเป็นปรกติใบหน้าหวานจะปราศจากพิรุธให้สงสัย แต่เหงื่อเม็ดเล็กต่างแย่งกันขึ้นบนหน้าผากมน

   “ข้าน้อยคงหูแว่วไปเอง แล้วเจ้าอี้ชิวที่หนึ่งอยู่อีกไกลหรือไม่ขอรับ” เสี่ยวหลงตอบกลับไปอย่างใสซื่อ เพราะไม่คาดคิดว่าในแผ่นดินนี้จะมีผู้ใดกล้าเอาชื่อโอรสสวรรค์ผู้แสนสูงส่งมาตั้งชื่อสัตว์เลี้ยงชั้นต่ำ

   “ไม่หรอก เจ้าตัวประหลาดนั่นอย่างไรหล่ะ” นิ้วเรียวชี้ไปยังเจ้าสัตว์รูปร่าหน้าตาประหลาด ขนตายาว ฟันยื่น หลังโหนกนูนไม่เรียบตรงแสนสง่าเหมือนม้าทั่วไป

   “นี้หรืออี้ชิวที่หนึ่งของท่าน เอ้ย พี่เที้ยนหยวน” เสี่ยวหลงรีบเปลี่ยนสรรพนามทันทีที่ได้รับรังสีน่ากลัวจากดวงตากลม “มันช่างหน้าตาประหลาด เหมือนม้าพิการเสียจริง”

   “มันไม่ใช่ม้าพิการหรอก แต่เป็นอูฐ เห็นทูตจากอาหรับที่นำมาถวายฮ่องเต้กล่าวไว้ว่า มันเป็นพาหนะในทะเลทรายและเพราะแบบนั้นมันจึงต้องปรับตัวให้เข้ากับที่อยู่”

   “แล้วข้าจะได้ขี่มันไหม” เสี่ยวหลงมองหน้าเจ้าของสัตว์ประหลาดอย่างคาดหวัง

   “ได้สิ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ เจ้าต้องให้มันได้กินอิ่ม เล่นกับมันให้คุ้นเคยเสียก่อน” ร่างเพรียวเปิดประตูคอกใหญ่ พาเด็กน้อยเข้าใกล้เจ้าอูฐตัวใหญ่

   มือบางลูบหน้ายื่นยาวอย่างคุ้นเคย อีกมือก็ป้อนหญ้าเข้าปากที่มีฟันเหยิน รอยยิ้มอ่อนโยนมีให้สัตว์เลี้ยงมากวีรกรรม กระซิบเสียงเบา ข้างใบหูใหญ่ “อูฐโง่ วันนี้แกห้ามดื้อนะ”

   หัวใหญ่พยักหน้าขึ้นลงเหมือนรับรู้ ทำให้เจ้าของแสนตื้นตันที่มีสัตว์เลี้ยงแสนฉลาด สมกับเป็นสัตว์ในวังหลวง

   “มันดุไหมขอรับ”

   “ไม่หรอก เชื่องจะตาย ลองลูบหัวมันสิ” อ๋องน้อยถือโอกาสจับมือเล็กขึ้นลูบหัวขนาดใหญ่ของอูฐ โดยมีมือของตนเกาะกุมอยู่ สายตาที่ทอดมองเสี่ยวหลงทอประกายวิบวับ

   เสี่ยวหลงก้มหน้าเขินอายไม่กล้าสบสายตาชายหนุ่มร่างโปร่ง ใบหน้าอ่อนเยาว์แดงซ่านเบนความสนใจไปที่ตาโปนและขนตายาวของเจ้าอูฐตรงหน้า “น่ารักดีจังเจ้าอี้ชิวที่หนึ่ง”

   อูฐตัวใหญ่ที่มีนามว่าอี้หลงที่หนึ่ง แต่กลับถูกเรียกว่าอี้ชิวที่หนึ่งนิ่งชะงัก หยุดเคี้ยวหญ้าที่มีคนพยายามยัดเหยียดเข้าสู่ปาก มองใบหน้าแปลกประหลาดอย่างโกรธขึ้ง พ่นลมร้อนและน้ำลายใส่เด็กน้อย

   “เจ้าออกไปข้างนอกก่อน เห็นทีพี่คงต้องสั่งสอนเจ้าอูฐนิสัยเสียตัวนี้เสียแล้ว”  เที้ยนหยวนมองเด็กน้อยจนลับสายตาก่อนหันมาเล่นงานเจ้าอูฐดื้อตัวนี้

   “ไอ้อูฐโง่ ทำแบบนั้นได้อย่างไร ไอ้เจ้าของ เอ้ย!ให้อูฐคนให้ไม่สั่งสอน”นิ้วเรียวจิ้มลงบนหน้าใหญ่ ปากอิ่มพร่ำด่าไปถึงผู้ที่ทรงปรานอูฐโง่ตัวนี้ลงมาให้ “ไอ้อูฐหัวเน่า”

   “พรืดดด”

   “อี้ แกพ่นลมใส่ข้าอีกแล้ว ไอ้อูฐไม่รักดี เดี๋ยวก็ให้ขันทีเหี่ยวอบรมซะเลย นิสัยจะได้ดีขึ้น” ปากสวยเจื้อยแจ้วบ่นอูฐตัวใหญ่ มือบางก็ผลักหน้าซ้ายทีขวาทีเป็นการสั่งสอน

   “พรืดดดดดดดดดดดดดดดดดดด แฟร่ะ” เมื่อทนการสั่งสอนไม่ไหว เจ้าอี้หลงที่หนึ่งจึงต่อสู้ด้วยการพ่นลมเหม็นและใช้ลิ้นหนาตวัดใบหน้าหวานจนเปียกเยิ้มด้วยน้ำลายเหนียวๆ ก่อนหันหางเมินเฉยเจ้านายตัวบาง

   “ไอ้อี้หลงที่หนึ่ง” เสียงเรียกก้องพร้อมเตะเข้าทีที่ขาหลังอย่างออมแรง พูดต่อด้วยความโกรธ “ไอ้
งี่เง่า วันนี้ข้าตั้งใจจะพาไปวิ่งเล่น แกไม่ต้องไปแล้ว อี้หลงที่สองโตเมื่อไหร่ข้าจะขี่มันแทน ส่วนแกก็อยู่แต่ในคอกไปแล้วกัน”

   คำขู่แสนน่ากลัว จนเจ้าอูฐตัวใหญ่ต้องหันมาง้องอนเจ้านาย ด้วยการวางหัวใหญ่ลงบนลาดไหล่เล็กเคลียแก้มใสไปมาอย่างออดอ้อน

   มือบางผลักหัวใหญ่ออกจากบ่า เผยรอยยิ้มเป็นต่อ “แกไม่ต้องประจบเลย ถ้าอยากไปก็ต้องทำตัวดีๆ ห้ามงี่เง่า”

   เจ้าอูฐตัวใหญ่รู้คำ เชื่อฟังเจ้านาย ย่อเข่าทรุดตัวลงกับพื้น นั่งนิ่งเตรียมพร้อมให้คนขึ้นหลัง จนได้รับคำชมและลูบหัวเป็นรางวัล

   เที้ยนหยวนหาน้ำแถวนั้นล้างหน้าเป็นที่เรียบร้อยพร้อมกับที่เสี่ยวหลงเดินกลับเข้ามาในคอกอีกครั้ง ภาพที่เห็นจึงชวนให้อดทึ่งไม่ได้ เจ้าสัตว์ตัวใหญ่หมอบอยู่ข้างกายร่างเพรียว ส่งผลให้ท่านอ๋องผู้นี้ในใจเด็กหนุ่ม ช่างสง่างามและน่าเคารพยิ่งนัก

   “เจ้าปีนขึ้นไปนั่งบนหลังของมันซิ” มือบางส่งให้เด็กหนุ่มคอยจับเป็นหลักยามปีนขึ้นไป คอยช่วยประคองให้ทรงตัวอยู่ดังที่บุรุษกระทำต่อผู้ที่อ่อนแอกว่าและสมควรได้รับการปกป้อง

   “แล้วพี่เที้ยนหยวนจะไม่ขึ้นมากับข้าหรือ” หน้าอ่อนเยาว์ของเสี่ยวหลงที่มักถูกท่านอ๋องแกล้งให้แดงซ่านกลายเป็นซีดเซียว ด้วยความไม่ไว้ใจเจ้าสัตว์ตัวนี้

   “ขึ้นสิ พี่ไม่ปล่อยให้หลงเออร์ของพี่ขึ้นขี่มันเพียงลำพังหรอก” ไม่ขาดคำร่างเพรียวบางก็ปีนขึ้นหลังเจ้าอูฐ สองมือเอื้อมคว้าสายบังคับ มีร่างของเด็กหนุ่มอยู่ในอ้อมแขน “เจ้าอย่าเกร็งสิปล่อยตัวตามสบาย พี่ไม่ทำเจ้าหล่นหรอก

        อ๋องเที้ยนหยวนพาเด็กน้อยขึ้นขี่หลังอูฐ กระตุ้นให้อี้หลงที่1ออกเดิน มีร่างของเสี่ยงหลงอยู่ในอ้อมแขน คอยโอบประคองแนบชิดจนได้กลิ่นหอมสดชื่นความรู้สึกเก่าที่เคยหายไปนานจนเกือบ ลืมเลือนกลับมาอีกครั้ง...ช่างรู้สึกดีจนแสนมีความสุข

     "สวยจังขอรับ" เด็กน้อยตื่นตากับทุ่งโล่งกว้างท้ายวังที่มีสระน้ำใส ต้นไม้ใหญ่และดอกไม้งามตามธรรมชาติ "เรานั่งเล่นที่นี้ได้ไหมขอรับ"

     "ได้สิ ปล่อยให้อูฐโง่ได้วิ่งเล่นบ้างก็คงดี" อ๋องน้อยกระโดดลงจากหลังสัตว์สี่เท้า ประคองคนที่ตัวเล็กกว่าให้ลงมายื่นบนพื้นหญ้า

     เด็กน้อยตื่นตาตื่นใจกับทุ่งกว้างวิ่งเล่นไปมาตามประสา เด็กวัยร่าเริงที่ไม่ต้องแบกรับความรู้สึกซับซ้อนของผู้ใหญ่ ปล่อยให้อ๋องน้อยนั่งจ้องมองอย่างเอ็นดูใต้ร่มไม้ใหญ่

              ...พี่จะใช้ความรู้สึกของเข้า เพื่อกลบเกลื่อนเสียงในใจได้หรือไม่หลงเอ๋อร์

            "ว่าไงเหนื่อยแล้วหรือ" ดวงหน้าสวยจ้องมองใบหน้าแดงปลั่งของเด็กหนุ่มที่เล่นจนเหนื่อยอ่อน

              "ขอรับ ที่นี้ลมเย็นจัง" เสี่ยวหลงนั่งลงข้างร่างเพรียว ทอดร่างยาวเหยียดหลับตาลงผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการวิ่งเล่น

              "อากาศโปร่งดีกว่าใน....อ้าว!หลับไปแล้วหรือ" ใบหน้าหวานส่ายไปมาอมยิ้มเอ็นดูกับเด็กน้อย

               ดวงตากลมทอดมองทุ่งหญ้ากว้างเบื้องหน้าที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เสียงธารใสน้ำไหลทำให้จิตใจสงบสุข ลมเย็นพัดพาความเย็นของสายน้ำขับไล่อากาศร้อนให้หายไป

           "ท่านจะเคยเห็นความงามของบ้านตัวเองบ้างไหมนะ  หรือว่ายุ่งแต่กับงานจนไม่มีเวลาสนใจสิ่งรอบตัว" ริมฝีปากบางพึมพำถึงชายหนุ่มสูงศักดิ์ ผู้ที่หัวใจเผลอไปนึกถึงโดยไม่รู้ตัว "หากมีโอกาสได้มากับท่านสักครั้งก็คงดี"

            หัวใจดวงเล็กของอ๋องน้อยเจ้าสำราญผู้ไม่เคยจริงจังกับใคร ไม่เคยให้ความสำคัญกับใคร ไม่ว่าจะเป็นหญิงงาม หรือหนุ่มน้อยหน้าหวาน แต่เวลานี้กลับกำลังนึกน้อยใจต่อสิ่งต่างๆ

            น้อยใจ เวลาที่หมุนผ่านไปอย่างรวดเร็ว...ทั้งที่ตอนแรกก็ไม่เคยต้องการเวลาสามเดือนนี้เลย

             น้อยใจ  ตัวเองที่สับสนแบบนี้...ทั้งที่เมื่อก่อนก็ไม่เคยเป็น

             น้อยใจ  ฮ่องเต้ผู้สูงศักดิ์ที่กล้าละเลย...ทั้งที่ปากก็ว่ารักน้องน้อยเสียเหลือเกิน

            "ท่านเที้ยนหยวน" เสียงเรียกชื่อดังลั่นทำให้เจ้าของชื่อที่ปล่อยใจไปไกลสะดุ้งตัวโยน เรียกสติกลับมาจ้องหน้าคนถามที่กำลังมองอยู่อย่างสงสัย ด้วยดวงตาโตไม่ต่างกัน

            "เจ้าเรียกพี่ทำไม"

            "เปล่าขอรับ แต่ข้าเรียกท่านหลายหนท่านก็ไม่ได้ยิน ดวงตาก็ยังแดงกล่ำ เหมือนกำลังจะร้องไห้ ข้าเลยสงสัย" ใบหน้าอ่อนเยาว์จ้องมองอย่างเป็นห่วง

            "ร้องไห้หรือ" นิ้วเรียวเกลี่ยขอบตาจนรู้สึกได้ถึงความชื้นแฉะของขนตายาว หยดน้ำเล็กๆเกาะติดนิ้วเรียว แต่เจ้าของก็รีบสลัดมันทิ้งไป "เปล่าหรอก คงเป็นฝุ่นเข้าตา ที่นี่ลมแรง นี้ก็ใกล้ค่ำแล้ว เรากลับกันดีกว่าไหม"

            "ขอรับ" เสี่ยงหลงรับคำอย่างว่าง่าย เดินกลับไปขึ้นหลังอูฐให้อ๋องน้อยพากลับเรือนรับรอง
   
         * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

              อ๋องน้อยเที้ยนหยวนเดินยิ้มกว้างอย่างยินดี เกาะกุมมือน้อยไปตามทางเดินในสวนสวยที่ป่านนี้คงมีใครจัดเตรียมโต๊ะอาหาร สำหรับ4ที่นั่งเอาไว้แล้ว

             เมื่อตอนเย็นหลังจากพาเจ้าอี้หลงที่1ไปเก็บแล้ว อู่กงกงก็ส่งคนให้มาบอกว่าฮ่องเต้และท่านหญิงย่าหนานได้ให้คนจัดโต๊ะมื้อค่ำ ไว้แล้วที่ในสวน

                อ๋องน้อยที่เคยคิดน้อยใจชายสูงศักดิ์ที่ละเลยไม่ให้ความสนใจเหมือนก่อน กลับมายิ้มร่าดีใจที่วันนี้จะได้ร่วมโต๊ะด้วยกันอีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้พูดคุยกันเลยแม้จะนอนห้องเดียวกัน เพราะกว่าที่ฮ่องเต้จะเสด็จกลับ คนรอก็หลับไปแล้ว และกว่าที่เที้ยนหยวนจะตื่น ฮ่องเต้หนุ่มก็ออกทรงงานเรียบร้อย

            "เอ๊ะ นี้เจ้าอี้ชิวที่2 ใช่ไหมเพคะฮ่องเต้"  เสียงหวานแว่วเอ่ยทักสัตว์สี่ขาที่คงแอบเข้ามาวิ่งเล่นทำให้ร่างบางที่เดิน อยู่หยุดชะงัก พาให้คนที่เดินเข้ามาด้วยมองอย่างสงสัย

           "เราอย่าพึ่งเข้าไปเลย พี่ว่าเขาคงยังจัดสำหรับไม่เสร็จ นั่งเล่นแถวนี้ก่อนจะดีกว่านะ"  เที้ยนหยวนกระซิบริมหูเล็ก รู้ดีว่าเข้าไปตอนนี้คงมีสายเนตรดุจ้องมาอย่างขอคำอธิบาย

              "เมื่อกี้เจ้าว่าอะไรหน่ะ พี่ได้ยินไม่ถนัด" น้ำเสียงนุ่มแฝงด้วยความอารีดังที่เคยได้ยินอยู่ทุกครั้ง ไม่ทำให้ร่างบางที่หลบอยู่หลังพุ่มไม้ใหญ่สะดุดได้เท่ากับคำแทนองค์เองของ ฮ่องเต้

               พี่...คำนี้ไม่ใช่คำพิเศษเพื่อข้าหรอกหรือ...

          ร่างบางหลงติดอยู่ในความน้อยใจ สับสนอยู่ในความคิด จนลืมไปสิ้นว่าตอนนี้มิได้อยู่เพียงลำพัง แต่มีใครอีกคนที่กำลังให้ความสนใจอยู่ด้วย

                "พี่เที้ยนหยวน ท่านเป็นอะไรหรือเปล่า" ดวงตาใสจ้องมองอย่างเป็นห่วง

               ใบหน้าหวานส่ายไปมาอย่างช้าๆ  มองเห็นความจริงบนใบหน้าอ่อนเยาว์ เตือนตัวเองให้รู้ว่าร่างเล็กที่อยู่ตรงหน้า คือคนที่อยากพาเดินไปด้วยกัน แต่..."หลงเอ๋อร์พี่ลืมผ้าเช็ดหน้าไว้ที่ตำหนัก เจ้ากลับไปเอามาให้หน่อยได้ไหม"

                  "ขอรับ"

               ดวงตากลมมองแผ่นหลังเล็กที่วิ่งไป ได้แต่สงสัยในตนเองกับความรู้สึกแปลกประหลาดที่ไม่เคยคุ้นและไม่อาจหาคำอธิบายได้

             เสียงหัวเราะใสขององค์หญิง คงเพราะได้คำตอบชวนขบขันจากฮ่องเต้ ชวนให้คนฟังมีความสุขไปด้วย แต่ใจของคนแอบฟังกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย

            "ย่าหนานเรื่องที่เราพูดกันวันนี้ ถ้าพี่อยากจะเลื่อนมันออกไป เจ้าจะขัดข้องหรือไม่" เสียงทุ้มแผ่วเบาที่ร่างบางได้ยินชัดเจน ชวนให้นึกถึงดวงเนตรผู้พูดได้อย่างแม่นยำว่าอ่อนโยนเพียงใด ยามใช้น้ำเสียงนี้

               "เรื่องงานแต่งของเรา" เสียงหวานใสของหญิงสาวไม่ผ่านโสตการได้ยินของอ๋องน้อย มีเพียงเสียงทุ้มที่ฟังชัดเจน และเรื่องที่ได้รู้ก็ทำให้ดวงตากลมโตเบิกกว้าง  หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวจนต้องยกมือบางขึ้นทาบหน้าอกซึกซ้าย

      นี้สินะ เรื่องสำคัญที่ทำให้ข้าหมดความหมาย

      "พี่อยากเลื่อนออกไปก่อน หากมันกระชั้นชิดมากนัก หลายอย่างคงไม่พร้อม"

     "อะไรหรือเพคะที่ไม่พร้อม"

     นั่นซิ อะไรกันที่ไม่พร้อม... คำถามที่เที้ยนหยวนก็อยากรู้ ที่แห่งนี้ มีอะไรไม่พร้อมสำหรับต้อนรับคนเข้ามาอยู่เพิ่ม หรือว่า...ข้า

     คงไม่อยากให้มีข้าอยู่ขวางหู ขวางตา

     คงไม่ทันที่จะย้ายข้าออกจากตำหนักฮ่องเต้

     คงไม่ดี หากข้ายังอยู่เป็นต้นห้อง

       ฟันขาวขบกัดริมฝีปากอิ่มของตนเองจนห้อเลือด สะกดความรู้สึกที่ไม่เคยคิดว่ามีอยู่ให้หายไป ห้ามน้ำตาเม็ดเล็กที่ไหลลงมา แต่สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้ปล่อยให้มันไหลลงมาอย่างไม่คิดห้ามปรามได้

       "ใจของเราสองคอย่างไรเล่า ตอนนี้ในใจเจ้าคงมีใครอยู่ พี่เองก็มีคนที่รักมาเช่นกัน มันคงไม่ดีหากเราจะแต่งงานกันทั้งที่เป็นเช่นนี้" ผู้รับฟังนิ่งเงียบ เที้ยนหยวนรู้ดีว่าตนคือคนที่อยู่ในใจฮ่องเต้หนุ่ม ใบหน้าหวานเผลอยิ้มออกมาทั้งที่ในใจยังเจ็บ แต่อย่างน้อยก็ได้รู้ว่า คำรักไม่ใช่คำลวง

       "หากหม่อมฉันมีพระองค์อยู่ในใจ เวลาคงไม่ใช่สิ่งจำเป็นใช่หรือไม่เพค่ะ" เสียงหวานซึ้งจนไม่อาจจับความรู้สึกได้ ถูกถ่ายทอดออกมาโดยไม่รู้เลยว่าทำให้ผู้ใดเจ็บช้ำ

        "นัยน์ตาตาเจ้าไม่ได้บอกพี่เช่นนั้น และพี่เองก็ยังไม่พร้อม พี่สัญญาว่าจะใช้เวลาไม่นาน เพื่อลืมคนคนนั้น ทางฝ่ายเจ้าคงไม่ขัดข้อง"

       น้ำตาเม็ดเล็กกลายเป็นหยดน้ำเม็ดใหญ่ ไหลเปรอะเปื้อนแก้มนวล ร่างบางไม่อาจนิ่งฟังอยู่ได้ เมื่อรู้ว่าสักวันจะไร้ความหมายในใจของชายหนุ่ม

       เที้ยนหยวนวิ่งไปตามทางเดินที่มืดสนิท มีเพียงแสงไฟจากดวงดาวนำทาง สายตาพร่าเลือนด้วยน้ำใส จนเกือบชนคนที่เดินสวนทางมา

      "พี่เที้ยนหยวนจะไปไหนหรือขอรับ"

      "เสี่ยวหลง! ข้าจะกลับไปพัก เจ้าเข้าไปทูลฮ่องเต้และองค์หญิงว่าข้าไม่หิว ขอกลับก่อน" ร่างบางนึกขอบคุณความมืดที่ช่วยบดบังหยดน้ำไม่ให้ใครได้เห็น

       เวลานี้เที้ยนหยวนหาคำตอบให้ตัวเองได้แล้ว ว่าสิบเด็กหนุ่ม หรือ ร้อยสาวงามก็ไม่อาจเทียบได้กับ หนึ่งชายผู้นั้น  แต่จะมีประโยชน์อะไร เมื่อกำลังจะสูญเสียหนึ่งชายผู้นั้นไป น่าแปลกเพียงคำว่า "ลืม" จากพระโอษฐ์ก็ทำให้ความรู้สึกที่เคยคลุมเครือ  กลายเป็นชัดเจน....ทุกอย่างคงสายเกินไป

      ความเสียใจที่ถาโถมเข้ามาบีบเค้นจนแยกไม่ออกว่ากำลังเจ็บปวดกับเรื่องใดมากกว่ากัน ระหว่าง

      รับรู้ว่าตลอดมาคือหลอกลวงตนเอง ทั้งที่ก็ต้องการเป็นผู้ถูกรัก และมอบใจให้ไปหมดแล้ว

      หรือ กำลังจะกลายเป็นผู้ที่ถูกลืม

        ร่างบอบบางวิ่งกลับมายังตำหนักที่มืดมิดไร้ผู้คน แม้แต่ขันทีประจำตำหนักยังหายไป แค่มันก็ควรแล้ว พวกเขาเหล่านั้นควรไปเฝ้าและปรนนิบัติฮ่องเต้ และว่าที่ฮองเฮา ดีกว่ามาเสียเวลาดูแลอ๋องน้อยปลายแถวงี่เง่า ที่สักวันจะหมดความหมาย

         ร่างบางทิ้งกายลงบนแท่นบรรทมที่เคยใช้นอนเคียงฮ่องเต้ หนอมนุ่มทั้งสองใบ ถูกมือบางปัดป่ายจนร่วงหล่น น้ำตาไหลรินอยู่เงียบๆไร้เสียงสะอื้น ริมฝีปากแดงช้ำ เพราะถูกฟันขาวขบกัดไม่ปล่อย

        "มันสายไปแล้ว สายเกินไปแล้ว" ร่างบางเพ้อท่ามกลางความเงียบ แต่เสียงแผ่วเบาก็ไม่ช่วยให้ใจดีขึ้น สุดท้ายก็หลับไปทั้งน้ำตา พร้อมกับคำที่ท่องไปมา "สายเกินไปแล้ว"
 
           * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
   
   ฮ่องเต้หนุ่มเสด็จกลับตำหนักอันมืดมิดพร้อมด้วยซุปร้อนที่สั่งให้ห้องเครื่องทำพิเศษเพื่อคนที่ยังไม่ได้กินข้าวเย็น

      ฮ่องเต้อี้หลงเดินถือถ้วยซุปร้อน เข้ามาในห้องบรรทม รอยยิ้มบนพระพักตร์ปรากฏกว้าง เมื่อเห็นคนขี้เซานอนปัดป่ายไม่เป็นที่ สองหมอนตกอยู่บนพื้น "เที้ยนหยวน ตื่นมากินซุปก่อน พี่สั่งให้คนทำให้เจ้านะ"

       "เที้ยนหยวน" นิ้วเรียวสะกิดร่างบางที่ไม่ยอมตื่นจนถอดใจยอมแพ้ หยิบหมอนสองใบขึ้นมาจัดวาง ช้อนศีรษะเล็กให้หนุนหมอนอย่างเรียบร้อย

      แสงจันทร์ส่องใบหน้านวลเห็นรอยน้ำบนแพขนตา คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน จ้องมองน้องน้อยอย่างไม่เข้าใจ เหตุใดจึงร้องไห้

      "น้องน้อยของพี่ ร้องไห้เรื่องอะไร เจ้าทุกข์ใจเรื่องอะไร ทำไมไม่บอกพี่ให้รู้ ความทุกข์เพียงน้อยนิดของเจ้า แต่เป็นทุกข์สาหัสของพี่ เจ้ารู้บ้างหรือไม่"  พระโอษฐ์ประทับลงบนหน้าผากมน พระหัตถ์ลูบไล้ผมนุ่มดังจะกล่อมให้ฝันดี "พี่รักเจ้า น้องน้อยของพี่"

       ฮ่องเต้หนุ่มจากไปเพื่อชำระล้างร่างกาย ไม่รู้เลยว่าน้องน้อยของพระองค์มีน้ำใสไหลรินจากเปลือกตาที่ยังปิดสนิท  ก้อนสะอื้นมากายตีตื้นขึ้นมาและถูกกลืนเก็บลงไปอย่างยากลำบาก พร้อมคำรำพันที่ได้แต่กู่ร้องอยู่ในใจ "ท่านบอกรักข้าทำไม หากจะลืมเลือนในวันข้างหน้า"

       วรองค์สูงผู้กลับมาพร้อมความสดชื่นจากสายน้ำ ทิ้งกายลงเคียงร่างบาง รั้งเข้าไว้ในอ้อมพระกร ซึมซับช่วงเวลาที่ใกล้หมดลง "ชั่วชีวิตนี้ พี่จะได้รับความรักจากเจ้าบ้างหรือไม่ เที้ยนหยวน"

      ....ยังถามหาความรักจากข้าอีกทำไม.....

     คนที่เคยผ่านมา ข้าไม่เคยลืม เพราะไม่เคยรัก แต่กับท่าน....ข้าจะลืมเหมือนที่ท่านทำได้เช่นไร 

      * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

สวัสดีคะ เรื่องมันดูไปไวเสียเหลือเกิน มันมีประมาณ20ตอนนะคะ (ทนอ่านอีกนิดนะคะ อย่าพึ่งทิ้งกันไปกระซิกๆๆ) ส่วนตอนนี้ก็แอบม่าม่าเล็กๆให้พออิ่มครึ่งท้องก่อนนะคะ

ขอบคุณคะ 






kenshinkenchu

  • บุคคลทั่วไป
กอดๆ  ไม่ทิ้งๆ    :กอด1:

คิดเองเออเองกันทั้งนั้น เมื่อไหร่จะเข้าใจกันแบบนี้

ออฟไลน์ พี่วันเสาร์

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +282/-3
มาถึงตอนนี้ไม่รู้จะสงสารใครดี
ระหว่างฮ่องเต้กับน้องน้อย
คิดเองเออเองกันตลอด :o12:
+1จะติดตามเรื่องนี้ไปจบแน่นอนชอบเรื่องนี้มาก :-[

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
 :เฮ้อ: สงสารอ๋องน้อย  ไม่ผิดที่แสดงออกไปเช่นนั้น  เพราะสถานะของฮองเต้ นั้นยากเหลือเกินที่ไขว้คว้า

ออฟไลน์ ณ ที่เดิม™

  • มากกว่าชีวิต...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
รอต่อไป  :man1:

ออฟไลน์ jellyfish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
ประลองรัก....十四

พระอาทิตย์ยามเช้าส่องแสงเรืองรองเป็นสีส้มระเรื่อ ฉายแสงลอดผ่านบานหน้าต่างเข้าสู่ห้องบรรทม จนเนตรคมต้องเปิดกว้างต้อนรับเช้าวันใหม่ พระโอษฐ์ได้รูปโน้มหาแก้มนวลที่เคยได้สัมผัสอยู่ทุกเช้าที่ทรงตื่นบรรทม แต่เช้านี้ กลับไม่มีร่างบางอยู่ในอ้อมกอด.....

   ฮ่องเต้อี้หลงทรงหันพระพักตร์หาต้นห้องคนพิเศษที่มักตื่นสาย แต่วันนี้กลับไร้วี่แววใด ทั่วทั้งห้องช่างเงียบงันจนอดหดหู่ในพระทัยไม่ได้ นานมากแล้วที่ไม่ได้เป็นเช่นนี้ และพระองค์จักไม่ยอมให้เป็นเช่นนี้อีกแล้ว

   ต่อจากนี้ ในทุกเช้า...ทุกวัน....พระองค์ต้องมีน้องน้อยเคียงข้างกาย...ไม่ปล่อยให้หายไปเฉกเช่นวันนี้

   “อู่กงกง” สุรเสียงทุ้มตะโกนเรียกขันทีประจำตำหนักส่วนพระองค์ด้วยความโกรธกริ้วดั่งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้ขันทีเฒ่าต้องรีบพาร่างกายที่ร่วงโรยเข้าเฝ้าฮ่องเต้หนุ่ม

   “ฝ่าบาททรง~”

   “เช้านี้เจ้าเห็นท่านอ๋องหรือไม่” ทรงไม่รั้งรอให้ขันทีถามจนจบ แต่ทรงขัดขึ้นเสียก่อนด้วยความร้อนพระทัย ที่เช้านี้น้องน้อยของพรองค์หายไปทั้งที่ก็ยังไม่ใช่เวลาตื่นนอน

   “ท่านเที้ยนหยวน ลงฝึกที่ลานประลองหน้าตำหนักแต่เช้าแล้วกระหม่อม” ท่านขันทีตอบไปตามความจริง ใบหน้าหันเบือนไปยังกองเสื้อผ้าที่ถูกท่านอ๋องถอดทิ้งไว้อย่างไร้ระเบียบอยู่ในมุมหนึ่ง และเมื่อหันกลับมาอีกท่านอู่กงกงก็ตกใจตัวเอง เมื่อฮ่องเต้ที่พึ่งโกรธกริ้วกายเป็นแย้มพระโอษฐ์อยู่น้อยๆ

   “อือ ลงไปนานแล้วหรือยัง แล้วมีใครเป็นคู่ซ้อมให้”

   “กระหม่อมไม่ทราบเกล้า”

   “อือ เจ้าไปเตรียมน้ำให้ล้างหน้าหน่อยเถอะ แล้วก็ให้ห้องเครื่องเตรียมตั้งสำหรับได้แล้ว” ทรงละองค์จากแท่นบรรทมเดินไปหยิบชุดที่ถูกถอดทิ้งไว้อย่างไม่ใยดี ขึ้นมาอย่างทะนุถนอม หากแต่ทรงรู้สึกองค์เองว่าถูกจ้องมองจึงต้องผินพระพักตร์กลับไป “ไปได้แล้ว เราจะเปลี่ยนชุดบ้าง หรือเจ้าอยากดูเราเปลี่ยนชุดเหมือนตอนเด็กๆกัน”

   “เกล้ากระหม่อมมิกล้า” ทรงประทับยืนมองให้ขันทีออกไปจนลับสายตา แล้วจึงก้มพระพักตร์พับเก็บชุดของน้องน้อยที่วางไว้ระเกะระกะ ให้เป็นระเบียบนำไปวางไว้ เพื่อเคียงข้างชุดที่พระองค์จะทรงเปลื้องในเช้านี้ 

      * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
   
   “เที้ยนหยวน พี่ไมได้ดูเจ้าซ้อมไม่เท่าไหร่ ฝีมือเจ้าพัฒนาไปไวนะ” วรองค์สูงสง่าดำเนินออกมายังหน้าลานประลองที่อ๋องน้อยยึดเป็นที่ฝึกซ้อมยามเช้า ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง

   “หากหม่อมฉันไม่ตั้งใจฝึก แล้วหม่อมฉันจะชนะพระองค์ได้อย่างไร” ท่านอ๋องรูปร่างโปร่งบาง เหงื่อโทรมกาย ตั้งใจอยู่กับการฝึกซ้อม ไม่แม้แต่จะเบือนใบหน้าหวานๆไปทางที่ผู้สูงศักดิ์ประทับอยู่

    พระขนงเรียวยาวขมวดเข้าหากันด้วยขัดพระทัยทั้งสำเนียงที่แข็งกระด้างและถ้อยคำที่ดูห่างเหิน “เช้านี้เจ้าเป็นอะไรไป ทำไมรีบตื่นมาแต่เช้าขนาดนี้ ไปพักกินอะไรหน่อยเถอะ พี่ให้คนเตรียมไว้แล้ว”

   “กระหม่อมเป็นเพียงต้นห้องที่แสนต้อยต่ำ มิอาจเอื้อมร่วมโต๊ะเวลาพระองค์เสวยพระกายาหารได้ เชิญพระองค์เสวย กระหม่อมจะขอซ้อมที่นี้ก่อน แต่หากไม่มีข้ารับใช้ จะให้กระหม่อมคอยอยู่รับใช้ เช่นนั้นจะสมควรกว่า” ดวงตากลมจ้องมองไปยังหุ่นฟางที่มีทหารนำมาให้ใหม่ในทุกวัน แขนเรียวขาวยื่นมีดออกไปปักกลางลำตัว

   “ดีนี้ ในที่สุดเจ้าก็รู้ว่าเป็นแค่ต้นห้อง ที่ต้อยต่ำ แต่เจ้าคงลืมไปเช่นกันว่าคำพูดของเจ้ากำลังล่วงเกินข้า และเป็นสิ่งที่ต้องได้รับโทษ” ทรงไม่เคยกริ้วน้องน้อยของพระองค์เท่านี้มาก่อน หากแต่ครั้งนี้ทรงรับไม่ได้กับความห่างเหินที่ถูกสร้างขึ้น “และข้าจะบอกให้เจ้ารู้ไว้ ว่าต่อให้เจ้าฝึกซ้อมให้ตายเจ้าก็ไม่มีวันชนะข้า”

   “กระหม่อมทราบดีว่าคงไม่มีวันนั้น แต่อย่างน้อยกระหม่อมก็ได้พยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว” ร่างบางค่อยๆก้าวย่างไปยังหุ่นฟางที่มีดปักอยู่กลางลำตัว พยายามที่จะไม่หันไปสบพระเนตรที่ทอดมองลงมา

   วงองค์สูงใหญ่ขององค์ฮ่องเต้เดินเข้าบดบังเจ้าตุ๊กตาที่ถูกมีดปักเอาไว้ จนร่างบางที่ไม่ทันระวังเกือบเดินชนพระอุระอุ่นที่ซุกตัวนอนในทุกคืนที่ผ่านมา

   “ฝ่าบาท” ในที่สุดดวงตากลมต้องแหงนเงยองผู้สูงศักดิ์เกินกว่าที่ใครจะเทียบเคียงได้ ในฝ่าพระหัตถ์ทรงถือกระบี่ยาวเอาไว้มั่น พระเนตรจ้องมองนิ่ง จนน่ากลัวสมพระราชอำนาจ

   “ทำไม ก็เจ้าบอกเองว่าต้องซ้อมไว้เพื่อเอาชนะข้ามิใช่รึเที้ยนหยวน นี้อย่างไร อยากเอาชนะนัก ข้าก็จะเป็นคู่ซ้อมให้แก่เจ้าเอง” ทรงมองร่างเล็กที่อยู่ตรงหน้า ทรงพบแววของความเสียใจในตากลมที่พระองค์หลงรัก แต่ยามนี้ ความห่างเหินที่ร่างบางสร้างขึ้นทำให้พระองค์ไม่พอทัย จึงทรงแกล้งเมินเฉยไปเสีย แล้วตอบกลับด้วยความห่างเหินที่มากกว่า

   “นับเป็นเกรียติแก่กระหม่อมยิ่งนักที่พระองค์ทรงสละเวลาอันมีค่าประทานแก่กระหม่อม หากมีสิ่งใดได้โปรดประทานคำแนะนำแก่กระหม่อมด้วย” มือบางคว้ามีดสั้นสลักลวดลายที่ฮ่องเต้หนุ่มประทานลงมาให้ กำแน่นในฝ่ามือ จ้องมองร่างสูงที่ดำเนินห่างออกไปจนสุดขอบลานประลอง

   พระเนตรคมดุจพญามังกรทอดมองร่างเล็กที่วิ่งเข้าหาพระองค์อย่างสุดแรง มีดเล่มเล็กหากคมยิ่งนัก พุ่งเข้าพระองค์อย่างไม่รีรอ หากแต่กระบี่ในฝ่าพระหัตถ์กลับไม่กล้าที่จะยกขึ้นเพื่อป้องปัดสะกิดผิวน้องน้อยเพียงนิด ทรงทำได้เพียงเบี่ยงวรองค์ให้พ้นจากมีดเล่มเล็กที่พุ่งมาอย่างรวดเร็วแต่ไร้ชั้นเชิง

   ร่างบางทิ้งน้ำหนักไว้ข้างหน้าพุ่งเข้าหาคู่ซ้อมอย่างบ้าคลั่ง แม้มองเห็นอย่างพร่าเลือน ได้แต่บอกกับตัวเองว่าหยดน้ำที่บดบังนั้นคือเหงื่อ หาใช่สิ่งอื่นไม่....ไม่มีทางเป็นน้ำที่ไหลมาจากตา

   เมื่อทิ้งลงไปข้างซ้ายกลับพบว่าฮ่องเต้ทรงเบี่ยงออกไปด้ายขวา เมื่อพุ่งเข้าหาด้านขวา กลับมีร่างสูงสง่าประทับทางด้านซ้าย เป็นเช่นนี้อยู่ตลอด “ฝ่าบาทไม่ทรงสู้กับกระหม่อมเลย”

   “แล้วเจ้าอยากให้เราสู้กันงั้นหรือเที้ยนหยวน เจ้าอยากให้เป็นเช่นนั้นหรือ” ทรงร้องถามน้องน้อย ด้วยสุรเสียงที่แสนปวดร้าว เพียงแค่วันนี้ พระองค์ยังมิอาจสู้ได้ แล้วอีกไม่กี่วันข้างหน้าที่จะมาถึง พระองค์จะทำใจได้หรือที่ต้องอาวุธเพื่อทำร้ายคนที่ทรงรักดุจดั่งดวงใจ

   “แต่พระองค์มีกระบี่อยู่ในมือ พระองค์ทรงอยู่ในลานประลอง หากไม่สู้แล้วจะทำอะไร”

   “ได้ เที้ยนหยวนถ้าเจ้าปรารถนาเช่นนั้น เราอยู่ในสนามประลอง เรามีกระบี่อยู่ในมือ เราจะทำให้เจ้าเห็นว่า หากเราสู้กับเจ้า แล้วมันจะเป็นเช่นไร” ฮ่องเต้อี้หลงทรงปิดพระเนตรลง เพื่อให้ลืมภาพน้องน้อยที่แสนรัก ก่อนเปิดพระเนตรอีกครั้ง เพื่อย้ำกับตัวเองว่า นี้คือสนามประลอง และผู้ที่อยู่ตรงหน้า คือคู่ต่อสู้ที่แสนอ่อนหัดไม่ต่างจากเด็กน้อย

   มีดสั้นในมือบางพุ่งเข้าหาวรองค์สูงหนา ลมพัดอื้ออึ้งอยู่ในหู เพียงแค่ขยับพระหัตถ์ก็สร้างแรงมหาศาลผลักให้ร่างกายที่บอบบางถดถอยออกไป และเพียงแค่คิดขว้างมีดสั้นให้ฝ่าแรงลมเพื่อเข้าถึง กระบี่อ่อนพลิ้วไหวก็ปัดมีดเล่มนั้นออกไปดุจไร้น้ำหนัก คมกระบี่ที่เคลื่อนไหวดุจแพรไหมตวัดปาดจนรู้สึกได้ถึงความเย็นวาบผ่านแก้มไป

   “เที้ยนหยวน!” สุรเสียงตกพระทัย ทรงละทิ้งกระบี่คมถลากายเข้าหาร่างบางที่ยืนนิ่งดั่งต้องมนต์ “เจ้า...พี่ขอโทษ” พระหัตถ์ที่ละทิ้งจากอาวุธเอื้อมมือเข้าใกล้แก้มเนียนที่ต้องคมกระบี่จนโลหิตไหลแดงตัดกับความซีดของผิว

   มือเล็กปัดพระหัตถ์หนาออกห่างทันทีที่สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากวรกายสูง อีกทั้งยังผลักดันดิ้นรนไม่ให้สองกายแนบชิดไปกว่าที่เป็น ยอมแพ้ต่อน้ำตาที่หลั่งรินจนไม่อาจหลอกลวงตัวเองได้ “ ท่านอย่ามายุ่งกับข้า ออกไป ออกไปให้ไกล”

   “เที้ยนหยวนเจ้าเป็นอะไรไป เที้ยนหยวน พี่ขอโทษ” พระหัตถ์หนาไม่ทรงยอมแพ้เรี่ยวแรงอันน้อยนิด รั้งร่างบางเข้ามาแนบชิดในอ้อมพระพาหา กดใบหน้าเล็กให้แนบพระอุระ กระซิบพร่ำบอกคำขอโทษ

   “ไม่ๆ ออกไป ไปให้ไกล อย่ามาสนใจข้าอีก อย่าทำดีต่อข้าอีกเลย อย่าทำเช่นนี้อีกเลย” ร่างเล็กที่ดิ้นรนจนกลายเป็นยอมอยู่นิ่งในอ้อมพระพาหาอันอบอุ่น บาดแผลบนใบหน้าไม่เจ็บปวดเท่าหัวใจดวงน้อยที่กำลังพ่ายแพ้

   “จะให้พี่ไปไหนได้อีกเที้ยนหยวน สายตาของพี่มองหาแต่เจ้า จนมันไม่เหลือเอาไว้สนใจใครได้อีก อย่าร้องไห้นะคนดี อย่าร้องไห้อีกเลย ไม่ว่าเรื่องใดที่เจ้าโกรธเคือง พี่ขอโทษ ยกโทษให้พี่เถิดนะ” ทรงขอโทษแม้จะไม่รู้ว่าเรื่องใดที่ทำให้ร่างเล็กในอ้อมพระพาหาโกรธเคือง ทรงยอมทุกอย่างขอเพียงน้ำตาเม็ดเล็กจะหยุดหลั่งริน ขอเพียงจะได้รับรอยยิ้มสดใสเช่นเดิม

   “ท่านจะมองข้าเพื่ออะไร จะเก็บข้าไว้ตรงไหน ในเมื่ออีกไม่นานท่านก็ต้องเข้าพิธีกับองค์หญิงย่าหนาน แล้วท่านยังจะทำแบบนี้อีกทำไม” ร่างเล็กที่รู้จักกับความพ่ายแพ้ของหัวใจเป็นครั้งแรกระเบิดสิ่งที่อยู่ในใจมานาน ในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่น

   ในอ้อมกอดที่ไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของ....แต่ก็ยังหวงแหน

   “เที้ยนหยวน!” เจ้าของอ้อมกอดตกพระทัยกับสิ่งที่ได้ยินจากปากน้องน้อย ทรงโอบกระชับให้รัดแน่น ป้องกันลมหนาวที่พัดหวีดหวิว แต่คงไม่อาจปกป้องความเจ็บที่กินลึกอยู่ในใจดวงน้อย พระพักตร์คมซบลงบนกลุ่มผมหนานุ่ม น้ำตามังกรเม็ดเล็กลอบไหลลงมาอย่างเงียบๆ

   “ไม่ว่าเจ้าจะรู้สิ่งใดมา แต่สิ่งเดียวที่อยู่ในใจของพี่ สิ่งเดียวที่อยากให้เจ้าจำไว้....พี่รักเจ้าคนเดียวเท่านั้น น้องน้อยของพี่”

* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
V
V
V
V

ออฟไลน์ jellyfish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
“เจ้าไม่คิดจะพูดสิ่งใดเลยหรือ เที้ยนหยวน” ฮ่องเต้หนุ่มทรงตรัสถามอ๋องน้อยผู้นิ่งเงียบไป ตั้งแต่พระองค์ตรัสบอกคำรักออกมา จนพาเข้ามาในตำหนัก เพื่อทำแผลให้ แต่กระนั้นก็ยังไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากกลีบปากอิ่มนี้เลย มีเพียงหยาดน้ำใสๆเท่านั้น ที่ทำให้พระองค์รู้ว่า ไม่ได้กำลังประทับอยู่กับตุ๊กตากระเบื้องแก้วแสนบอบบาง

   “........”

   “ทำไม ยังนิ่งเฉยอยู่อีก ไม่รู้หรือว่า กำลังขัดบัญชาฮ่องเต้อยู่” ฮ่องเต้อี้หลงทรงยกพระขนงขึ้น แม้ถ้อยรับสั่งดูเหมือนจะทรงกริ้ว หากแต่พระสุรเสียงกลับนุ่มทุ้ม พระพักตร์ปรากฏรอยยิ้มอบอุ่น ทอดพระเนตรคนเจ็บด้วยความรักใคร่

   “ข้า...ข้าไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไร ไม่รู้ว่าต้องทำเช่นไร ไม่รู้ว่าควรเชื่อในคำพูดของท่านหรือไม่ ไม่รู้อะไรทั้งสิ้น”  คำพูดที่กลั่นออกมาจากใจดวงเล็ก พร้อมน้ำตาที่ยังไม่หยุดไหล ทำให้อ๋องน้อยรู้สึกทั้งรำคาญและกวาดกลัวตัวเอง

   เดิมอ๋องน้อยเที้ยนหยวนที่ใครๆรู้จัก เป็นคนที่ไม่เคยเกรงกลัวผู้ใด ไม่เคยรักใคร เจ้าชู้จนคนรู้ทั้งเมืองเลื่องลือว่าเปลี่ยนผู้หญิงและเด็กหนุ่มหน้าหวานแทบไม่ซ้ำกัน
   
   แต่วันนี้ ต่อหน้าชายผู้สูงศักดิ์และคำว่ารัก...มันทำให้ดวงใจที่เคยนึกว่าหายไปกลับสั่นไหว ทั้งที่คนตรงหน้าเป็นผู้ที่ทำลายศักดิ์ศรีความเป็นชายของเขาจนหมดสิ้น ทำให้น้ำตาเครื่องหมายของความอ่อนแอหลั่งริน จนน่าสมเพช

   นิ้วเรียวยาวของฮ่องเต้หนุ่มเกลี่ยไล่หยดน้ำใส พระพักตร์ยังคงมอบรอยยิ้มอบอุ่นดังแสงตะวันให้แก่น้องน้อย แม้ถ้อยคำที่ทรงได้ยินจะทำให้น้อยพระทัย “เจ้ายังไม่รู้ก็ไม่เป็นไร ขอเพียงแค่ตอบพี่ตามที่ใจเจ้ารู้สึกก็เพียงพอ” พระหัตถ์หนารั้งร่างแบบบางเข้ามาไว้ในอ้อมพระพาหา กระซิบตรัสถามข้างใบหูเล็ก “พี่กอดเจ้าไว้แบบนี้ เจ้ารู้สึกดีหรือไม่”

   “....” ร่างเล็กในอ้อมพระพาหา ไม่มีคำตอบใด นอกจากเสียงสะอื้นไห้ที่ดังขึ้นกว่าเดิม และใบหน้าหวานที่พยักหน้าขึ้นลง

   “พี่ลูบหัวเจ้าแบบนี้ คลายกังวลขึ้นบ้างไหม”

   ความอบอุ่นที่เที้ยนหยวนสัมผัสได้จากพระหัตถ์ทำให้ใบหน้าหวานที่เปรอะเปื้อนคราบน้ำตาได้แต่พยักหน้าขึ้นลงเป็นคำตอบ ไร้คำพูดใดๆ

   ฮ่องเต้หนุ่มรั้งร่างเล็กให้ออกห่าง แม้ร่างบางจะขืนตัวแต่ก็ไม่อาจสู้แรงได้ ฮ่องเต้หนุ่มจึงได้เห็นใบหน้าหวานเต็มตาอีกครั้ง ทรงก้มลง ประทับริมพระโอษฐ์ลงบนเปลือกตาบางที่ปิดลงช้า “พี่ซับน้ำตาให้เข้าแบบนี้ รังเกียจพี่หรือไม่ เที้ยนหยวน”

   “ม่ะ...ไม่” ใบหน้าหวานก้มหลบไม่กล้าสบสายพระเนตรที่มองจ้องมา รู้สึกหน้าตนเองร้อนผ่าว และคงแดงกล่ำ ยามนี้อ๋องน้อยเข้าใจความรู้สึกของสาวน้อยขี้อายเป็นอย่างดี

   “แล้วหากพี่จะ...”

   ถ้อยรับสั่งที่ขาดหาย ทำให้อ๋องน้อยขี้อาย ต้องช้อนสายตากลมโตขึ้นมองพระพักตร์คมที่โน้มเข้ามาใกล้จนริมพระโอษฐ์เกือบแนบชิดกับริมฝีปากของตนเอง ใบหน้าหวานยิ่งแดงกล่ำ อยากซ่อนหนี หากแต่คางมนกลับถูกรั้งไว้ไม่ให้ไปไหน

   “...จูบน้องของพี่ ได้หรือไม่”

   ร่างบางไร้คำตอบใดๆให้แก่ฮ่องเต้หนุ่ม มีเพียงเปลือกตาบางที่ปิดลง หยดน้ำเล็กๆยังไหลมาไม่ขาดสาย แพขนตาที่เปียกชื้นขยับเยื้อนแผ่วเบา

   ฝีพระโอษฐ์อุ่นร้อนแนบชิดกลีบปากนุ่ม มอบสัมผัสละมุนให้แก่น้องน้อยที่พระองค์รัก ลมหายใจร้อนผ่าวต่างรินรดกันและกัน ปากอิ่มเจ่อบวมจากสัมผัสที่รุนแรงมากขึ้น ลิ้นร้อนที่ไล่เลียไปทั่วกลีบปากทำให้ร่างเล็กต้องสั่นเทาทั้งที่เคยคุ้นยามเป็นผู้กระทำ

   ลมหายใจร้อนถูกช่วงชิง ทำให้กลีบปากที่เริ่มบวมช้ำต้องเปิดออกเพื่อนำอากาศเข้าไป แต่กลับกลายเป็นการเปิดช่องให้ลิ้นที่อุ่นร้อนได้เข้าไปสัมผัสความหวานที่ซ่อนตัวอยู่ภายใน โพรงปากถูกสำรวจจนทั่ว แม้ลิ้นเล็กจะผลักไส แต่กลายเป็นถูกพันแนบกับลิ้นหนา ร่างกายของทั้งสองแนบชิด จนรับรู้ได้ถึงอุณหภูมิที่พุ่งสูงด้วยแรงอารมณ์

   เพราะเสียงครางแผ่วเบาดั่งคนใกล้หมดลมทำให้ฮ่องเต้หนุ่มต้องยอมผละออกจากความหอมหวานอย่างแสนเสียดาย ทรงทอดพระเนตรใบหน้าเนียนที่แดงก่ำ ดวงตาปรือปรอยอย่างคนอ่อนล้าและฉ่ำเยิ้มจนดูยั่วยวนดั่งผลยิงโถ้ว(เชอร์รี่)บวมช้ำวาวน้ำใส หากร่างบางไม่หอบน้อยๆ ฮ่องเต้หนุ่มคงไม่รั้งรอที่จะเชยชมผลไม้รสหวานนี้อีกครั้ง “หากครั้งนี้ พี่จะขอ....”

   นิ้วเรียวสวยขึ้นปิดริมพระโอษฐ์บางที่กำลังเอื้อนเอ่ย ดวงตาโตมองพระพักตร์ที่อยู่ใกล้ “อย่าขอข้าเลย เพราะคงให้มันแก่ท่านไม่ได้” สายพระเนตรคมกล้าเศร้าหมองลง หากแต่พระโอษฐ์ยังยิ้มแย้มดุจจะปลอบน้องน้อยว่าไม่เป็นไร อย่าเสียใจ แม้พระองค์กำลังจะเจ็บมากเพียงใดก็ตาม “ข้ามิอาจตอบคำถามได้อย่างที่ท่านต้องการ แม้ว่าใจข้าจะต้องการมันเช่นกัน”

   “เที้ยนหยวน” ฮ่องเต้หนุ่มฟังถ้อยคำจนจบสิ้น จับมือบางคลี่ออกบรรจงจุมพิตลงไปบนนิ้วเรียวยาวดุจลำเทียน ทีละนิ้ว ทีละนิ้ว สายตาคมจ้องจับใบหน้าหวาน จนดวงตากลมไม่อาจสู้สายพระเนตรได้ ทรงรั้งร่างเล็กให้แนบชิดจนแทบขึ้นเกยนั่งบนตักใหญ่ “หากได้คำตอบเช่นนั้นพี่คงไม่ถามเจ้าอีก ปล่อยให้เป็นไปตามที่ใจเจ้าต้องการเถอะนะ เที้ยนหยวน”

   พระหัตถ์หนาโอบอุ้มร่างเล็กขึ้นจากตั่งไม้แข็งกระด้าง วางลงบนที่นอนนุ่มที่นอนเคียงกันทุกค่ำคืน ทรงตามลงไปนอนไม่ห่าง ชักพาร่างของน้องน้อยมาแนบชิดให้ต่างได้รับรู้ความต้องการในกันและกัน

   ริมพระโอษฐ์หนาเข้าครอบครองริมฝีปากบวมเจ่ออีกครั้งเรียวลิ้นร้อนแทรกเข้าไปหยอกล้อกับลิ้นเล็กที่รอคอยอยู่ ความหวานที่ไม่เคยได้รับจากที่ใด เมื่อร่างบางตอบรับอย่างเขินอายจนดูไร้เดียงสา

   พระโอษฐ์ร้อนผ่าวผละออกเมื่อน้องน้อยส่งเสียงประท้วง ทรงเลื่อนองค์ลงมาตามลำคอระหงผ่านผิวเนื้อลื่นที่แดงเรื่อเพราะความเขินอายและแรงอารมณ์ เสื้อที่ใช้ฝึกถูกปลดสายคาดเอวจนสายเสื้อแยกออกจากกัน เผยผิวขาวเนียนไร้ร่องรอย มีเพียงเม็ดสีชมพูเล็กที่ชูชันท้าทายเชิญชวนให้ครอบครอง

   “อ๊ะ..”

   อ๋องน้อยหลุดเสียงครางเครือแผ่วเบา เมื่อยอดอกสัมผัสถึงความเปียกชื้นและถูกขบเม้มหยอกล้อกับสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดความรู้สึกเช่นนี้ มือบางยกขึ้นปิดปากและใบหน้าอย่างแสนอาย ทั้งน้ำเสียงครางผวา และความรู้สึกดุจดังสาวน้อยวัยใส จนอ๋องน้อยรับตนเองไม่ได้

   สายพระเนตรช้อนมองใบหน้าหวานที่ทำให้พระองค์หลงใหลอย่างหยอกล้อและเอ็นดู ทรงดึงมือเล็กทั้งสองข้างวางลงบนที่นอนดังเดิม “อย่าเขินอายเลย ให้พี่ได้ยินเสียงหวานที่บอกว่าเจ้ารู้สึกดี ได้เห็นใบหน้าสวยที่บอกว่าเจ้ามีความสุข อย่าปิดเลยนะ” หน้าผากชื้นเหงื่อถูกบรรจงจุมพิตอย่างอ่อนโยนดวงตากลมหลับพริ้ม เปิดรับความสุขที่ได้รับ “ปล่อยให้หัวใจชักนำเราทั้งสองคนเหอะนะ”

   กางเกงหูรูดถูกดึงออกโดยไม่ทันให้ร่างบางได้รู้สึกตัว เมื่อฮ่องเต้หนุ่มยอมละทิ้งยอดอกที่แดงก่ำ ไล้ผ่านผิวเนื้อที่ผุดพรายไปทั่ว ผ่านหน้าท้องที่เนียนเรียบ ส่วนกลางที่ชื้นฉ่ำสั่นระริกจนดูน่าสงสาร สะโพกกลมถูกช้อนขึ้นหมอนใบเล็กถูกสอดรองหนุนหลัง

   ดวงตากลมมองจ้องมองการกระทำของชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์อย่างแปลกใจ ก่อนจะตกใจเมื่อพระพักตร์ก้มลงพระโอษฐ์ใกล้แนบชิดส่วนกลางที่แดงเรื่อและสั่นไหวอย่างน่าอับอาย “ทะ...ท่าน..”

   “ทำไม หืม? ไม่เป็นไรนะเที้ยนหยวน มันจะไม่เหมือนครั้งนั้น พี่สัญญา” ทรงประทานคำสัญญาแกน้องน้อยที่ดูตื่นกลัวทั้งที่ใบหน้าหวานก็แดงก่ำ ความต้องการก็แสดงให้เห็นชัดเจนผ่านส่วนกลางที่เครียดขึง ทรงประทับรอบจุมพิตบนต้นขาเล็ก ให้น้องน้อยได้ผ่อนคลายอารมณ์

   “อืออออ อ่ะ...”

   เสียงหวานครางเครืออย่างผ่อนคลยกลายเป็นตกใจอีกครั้งเมื่อความร้อนชื้นเข้าครอบครองแก่นกายโดยไม่ทันตั้งตัว เรียวลิ้นเกี่ยวกระหวัดเจ้าส่วนกลางที่สั่นระริกอย่างสนุกสนานพร้อมๆกับดูดดุนจนสติของอ๋องน้อยแทบจางหายไป สะโพกมนลอยขึ้นอย่างสุดกลั้น เสียงครางหวานดังระงมไปทั่ว มือเล็กจิกเข้าที่ฝ่ามือตนเอง เพื่อเรียกสติสุดท้ายให้กลับมา “อ่ะ...ท่านม่ะ..มันไม่..เหมาะ”

   “หากจะไม่เหมาะก็เพราะเจ้าไม่ต้องการนะเที้ยนหยวน” ทรงละออกจากท่อนลำที่ถูกโลมเลีย ก่อนจะประคองเข้าพระโอษฐ์ไปอีกครั้ง เร่งเร้าให้น้องน้อยของพระองค์ปลดปล่อยหยาดหยด ยิ่งปลายลิ้นแทรกเข้าไปในรูเล็กตรงส่วนปลายยิ่งทำให้ร่างเล็กดิ้นพล่านเพราะความรู้สึกอัดแน่นที่แทบจะทนไม่ได้

   ลมหายใจร้อนผ่าวกระชั้น จนร่างบางเผลอตัว ปล่อยให้ตัวเองมีความสุข มือบางจับพระเศียรแน่น เป็นครั้งแรกที่มีคนได้สัมผัสเศียรโอรสสวรรค์ หากแต่ฮ่องเต้ก็ทรงยินดี

   “อ่ะ..อ้า. อึก อื้ออ อ่า.” หยาดน้ำไหลที่เก็บไว้ถูกฉีดพ่นออกมาในพระโอษฐ์ฮ่องเต้ มีบางส่วนที่ไหลเยิ้มออกมาด้านนอก อ๋องน้อยกระตุกเกร็งไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เปลือกตาที่หลับพริ้มมองเห็นดวงไฟที่สว่างวาบแล้วค่อยๆร่วงลับดับไป ก่อนที่การรับรู้จะกลับมาเป็นปรกติอีกครั้ง พร้อมกับเสียยงหายใจเหนื่อยหอบของตนเอง และรอยยิ้มดุจดังแสงอาทิตย์ที่แสนอบอุ่นจากชายผู้สูงศักดิ์

   “รู้สึกดีใช่ไหมเที้ยนหยวน” ทรงทอดพระเนตรเห็นร่างบางกำลังอยู่ในห้วงแห้งความสุข เครื่องอาภรณ์ที่ทรงใส่อยู่ถูกเปลื้องออกอย่างรวดเร็วในวินาทีทีร่างบางล่องลอยในห้วงแห่งความสุข ปลายนิ้วเรียวสอดแทรกเข้าไปในกลีบตูมที่ซุกซ่อนอยู่ด้านหลัง ในขณะที่มันกำลังรับเอาหยาดน้ำที่ไหลย้อนลงมาเข้าไปภายใน ผนังอุ่นตอดรัดรับเอาสิ่งแปลกปลอมเข้าไปอย่างตื่นกลัว 

   ริมพระโอษฐ์จุมพิตร่างบางอีกครั้ง พร้อมกับรสชาติหวานแปลกๆจากสิ่งที่เที้ยนหยวนพึ่งปลดปล่อยมันออกมา ทั้งสองมอบจุมพิตที่หวานกว่าครั้งไหนๆให้แก่กัน เมื่อลิ้นเล็กเลิกที่จะหนีอย่างทุกครั้ง ไอร้อนที่ผิวเนื้อทั้งสองถ่ายทอดให้แก่กันทำให้ลมหนาวที่พักโบกไปมาอย่างอ้อยอิ่งไร้ความหมาย

   นิ้วเรียวที่ยังทำหน้าที่ คอยชักเข้าออกอย่างช้าๆในช่องที่ตีบตันแต่ลื่นไหลด้วยหยาดน้ำบางส่วนที่ไหลเลื่อนลงไป จากหนึ่งนิ้วกลายเป็นสองนิ้ว เป็นสามนิ้วอย่างช้าๆ ให้เบาที่สุด

   นิ้วทั้งสามค่อยๆหมุนตัวคว้างไปมาในทางที่รัดแน่นด้วยเนื้อนุ่ม ปลายเล็บมนเสียดสีเข้ากับกล้ามเนื้ออ่อนๆ ร่างบางโค้งตัวเหมือนจะหลีกหนี จนสัมผัสได้ถึงสิ่งที่แข็งตัวและชื้นแฉะอยู่เงียบๆจากร่างเบื้องบน เสียงหอบปนกระเส่าหลุดรอดออกมาจากริมฝีปากบวมช้ำ ทำให้ชายผู้สูงศักดิแย้มพระโอษฐ์อย่างยินดี

   ปลายนิ้วทั้งสามขยับไปมาอยู่ภายในดังจะทรมานร่างบางให้จมอยู่ในห้วงเหวจนไม่อาจหาทางออกมาได้ ความทรมานมากขึ้น เมื่อสัมผัสเข้ากับจุดอ่อนไหว พาให้ร่างบางยกตัวหนีหากมือหนายังคงคว้าสะโพกเล็กไว้มั่นลูบไล้เลยไปถึงต้นขาด้านใน

   นิ้วเรียวที่ได้รับการดูแลอย่างดีจิกลงบนแผ่นปฤษฎางค์กว้างอย่างเผลอไผล ใบหน้าหวาน แหงนหงายจนสุด หยาดน้ำจากส่วนที่นิ่งไปแล้วกลับมาเต่งตึงอีกครั้งและแดงกล่ำจนคล้ายใกล้ปริแตก “อ่ะ..ม่ะ.หยุดด่ะ...แล้ว..ฝ่ะ..อ่ะ ..อ่า”

   ทรงหยุดชะงักทุกการกระทำ ถอนนิ้วทั้งสามออก ไม่อาจฝืนน้องน้อยของพระองค์ที่ยังไม่คุ้นชินกับเรื่องแบบนี้ ทรงพร้อมแม้จะทรมานกับความรู้สึกที่ค้างคาเช่นนี้เพื่อแลกให้น้องน้อยสบายใจ...และรับรู้ถึงความรักที่พระองค์มีให้  สุรเสียงที่เปล่งออกมา คล้ายเสียงครางจากผู้บาดเจ็บ แม้พระองค์จะยังไม่ได้รับการเติมเต็ม “เจ้าอยากให้พี่หยุดจริงหรือ”

   ใบหน้าหวานเห่อแดงจนถึงลำคอขาว ดวงตากลมปรือเบิกกว้างเมื่อนิ้วเรียวถูกนำออกไป แล้วกลับปรอยลงเมื่อได้หายใจ เหงื่อมากมายผุดพรายตามผิวกายของคนทั้งคู่ ร่างบางมองเข้าไปในพระเนตรที่คล้ายจะยิ้มให้อย่างพร้อมจะเสียสละ ความรู้สึกมากมายตีตื้นขึ้น จนไม่อาจตอบเป็นคำพูดได้อีก ทำได้เพียง..ส่ายหน้า

   อ๋องน้อยนึกสมเพชตัวเองที่สุดท้ายก็กลับยินยอมกระโจนลงสู่ห้วงตัณหา ส่ายหน้าอย่างแรงจนได้รับรอยยิ้มกลับมา ทั้งที่เป็นฝ่ายขอร้องให้หยุดแต่กลับไม่อาจทานทนต่อความทรมานที่ไม่ได้รับการเติมเต็มช่องว่างของความรู้สึกอันหวามไหว

   อ๋องน้อยหลับตาพริ้มเขินอายที่จะสบสายพระเนตรที่มองมาอย่างหยอกล้อ ปล่อยใจไปกับการชักนำไปสู่หนทางแห่งความสูงที่มีผู้นำพาเป็นชายผู้มีศักดิ์สูงสุด ผิวกายถูกลูบไล้ลงสู่เบื้องล่างจนถึงสะโพกกลมกลึงและส่วนอ่อนไหวที่ยังแดงเรื่อและสั่นเทาอย่างน่าสงสาร

   พระหัตถ์หนาทรงลูบไล้หยอกล้ออย่างเอ็นดูกับเจ้าสิ่งที่กำลังสั่นเทาและปล่อยสายน้ำเล็กๆออกมา ละเลยไล้ไปถึงช่องทางด้านหลังทรงนำความเปียกชื้นหายเข้าไปในช่องทางที่ดูดกลืนนิ้วเรียวเข้าไปภายใน แขนเรียวยาวยกขึ้นโอบพระองค์อย่างตื่นกลัว

   ร่างบางสั่นสะท้านไปกับความหวามไหวที่ถูกปลุกขึ้นมา สะโพกที่ถูกยกขึ้นเผยให้เห็นทุกอย่างชัดเจน ส่วนกลางที่แข็งตรงแดงเรื่อจนแม้แต่เจ้าของยังมองด้วยความอับอาย

   พระหัตถ์ของฮ่องเต้อี้หลงช้อนเข่าให้ท่อนขาเรียวแนบชิดกับอกบางเพื่อเปิดทางให้แทรกกายเข้าไปได้ง่ายขึ้น สัมผัสร้อนผ่าวอันใหญ่โตตรงปากทางเบื้องล่าง สร้างความหวาดกลัวให้ท่านอ๋องจนเกิดอาการเกร็งโดยไม่รู้ตัว

   “อ่ะ....อ่ากกกกกกกก” ใบหน้าหวานเหยเกสะดุ้งสุดตัว ปล่อยเสียงกรีดร้องออกมาแผ่วเบา เมื่อส่วนปลายอันแข็งขึงแทรกผ่านเข้ามาช้าๆ ความอึดอัดในช่องท้องค่อยๆ เพิ่มขึ้นทีละน้อย ความรู้สึกที่พึ่งได้เรียนรู้แผ่ซ่านไปทั่วเมื่อยิ่งสัมผัสกับสิ่งที่สอดล้ำเข้ามา จุดอ่อนไหวที่ไม่คุ้นชินกับการถูกแตะต้องถูกบดเบียดด้วยสิ่งที่ใหญ่โตและอุ่นร้อนมากกว่านิ้วมือ ผนังภายในบีบรัดแน่นราวกับไม่ต้องการให้ถอนกายออกแม้แต่วินาทีเดียว

   ฮ่องเต้หนุ่มครางเสียงต่ำเมื่อรู้สึกถึงความร้อนและความอ่อนนุ่มที่กำลังบีบรัดแน่นจนแทบไม่อาจขยับกายได้ สะโพกเนียนถูกพระหัตถ์ยึดจับไว้ ค่อยๆแทรกเข้าไปจนสุด เสียงหอบหายใจปนเสียงครางดังออกมาจากคนทั้งคู่

   ร่างบางบิดกายหนีแต่ไม่อาจขืนแรงที่รั้งไว้ ความรู้สึกร้อนเร่าราวกับกำลังถูกแผดเผาออกมาจากส่วนที่เชื่อมโยงร่างกายไว้ด้วยกัน เป็นการแผดเผาที่ทำให้มีความสุขจนแทบไม่เหลือสติ

   ฮ่องเต้หนุ่มทรงหยุดเคลื่อนไหวเอาไว้เพื่อสะกดกลั้นอารมณ์ที่สามารถปะทุได้ทุกขณะ เรียวขาเล็กของร่างบางถูกลดลงเพื่อให้สบายมากขึ้น ก่อนพระโอษฐ์จะพรมจูบไปทั่วร่าง เหงื่อเม็ดเล็กเม็ดน้อยถูกปาดออกจากใบหน้าหวาน

   เมื่อทรงแน่ใจว่าร่างบางคุ้นชินกับสิ่งที่แปลกปลอมจึงทรงขยับกายเสียดสีกล้ามเนื้อที่อ่อนนุ่ม เรียกเสียงครางหอบให้ดังก้อง

   “อะ...อ๊า!” วรองค์สูงเคลื่อนกายอย่างรวดเร็ว ปลุกเร้าอารมณ์จนร่างบางมิอาจทานทน จนต้องขยับเอวขึ้นสอดรับจังหวะที่พระโสณี(สะโพก)ตึงแน่นส่งเข้ามา พระอังสะ(บ่า)กว้างถูกมือบางเกาะเกี่ยวไว้แน่น แม้กระทั่งเรียวขาทั้งสองข้างก็กอดก่ายพระโสณี(สะโพก)ของฮ่องเต้หนุ่ม เหมือนกับจะวิงวอนขอให้มากกว่านี้


   เอ็นมังกรที่ฝังตัวเข้าออกช่องทางแคบที่ถูกขยายกว้าง กำลังเปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำ ทำให้สามารถลื่นไหลเข้าไปยังส่วนลึกของร่างบาง สติอันน้อยนิดปลิวหายไปด้วยความสุขซ่าน หลงเหลือแต่ความปรารถนาที่ถูกเติมเต็ม เอวบางถูกช้อนขึ้นแนบชิดเมื่อทั้งสองร่างกำลังเข้าใกล้จุดหมายปลายทาง

   “ไม่ไหวแล้ว...ฝ่ะ......อือ”

   อ๋องน้อยกรีดร้องอย่างสุดทน รับรู้เพียงความร้อนผ่าวของส่วนที่ทำให้ร่างกายเป็นหนึ่งเดียวกับชายผู้สูงศักดิ์ นิ้วเรียวยาวที่จิกแน่นบนพระปฤษฎางค์ อ้อมพระพาหาโอบกอดร่างบางแน่น พลางกระแทกกายอย่างรุนแรงเสียจนส่วนที่รองรับความใหญ่โตบวมช้ำ

   “พี่รักและจะดูแลเจ้า ไม่ยอมให้มีสิ่งใดพรากเราทั้งคู่ได้”

   “อ๊ะ อือ...อ๊า!!”

   แกนกลางที่เคยสั่นไหวจนน่าสงสารปลดปล่อยน้ำขาวขุ่นออกมาเป็นสาย ช่องทางสีสวยกระตุกหดเกร็งบีบรัดให้เอ็นมังกรปล่อยหยาดหยดออกมาอย่างสุดกลั้นจนล้นเอ่อออกมาภายนอก ความอุ่นวาบที่แล่นเข้ามาภายในช่องท้องทำให้ร่างบางสั่นเกร็งไป ความรู้สึกดื่มด่ำห่อหุ้มกายเอาไว้จนเหมือนกำลังล่องลอยอยู่บนก้อนเมฆ
   
   ฮ่องเต้หนุ่มทาบทับลงบนเรือนร่างที่บอบบาง ถึงแม้จะทรงสัมผัสได้ถึงความเหนียวเหนอะหนะไปด้วยเหงื่อและคราบต่างๆ หากแต่ยังทรงกอดรัดร่างบางอย่างรักใคร่ ประทับจุมพิตที่เปลือกตา เลยลงมามอบความหวานล้ำลึกให้แก่อ๋องน้อย ที่ภายในกายยังคุกกรุ่นไปด้วยความร้อนและความอิ่มเอิบจากความรักที่แสดงให้แก่กัน

     “เหนื่อยไหมคนดี” ทรงตรัสถามน้องน้อยที่ยังคงหลับตาพริ้ม ใบหน้าหวานซุกหน้าลงกับพระอุระแกร่งไม่กล้าสู้หน้าและตอบคำถามใดๆ

   “ไม่ตอบพี่อีกแล้ว พี่จะรู้หรือว่าเจ้ามีความสุขไม่ใช่ความสุขของพี่เพียงผู้เดียว”

   “......”

   ใบหน้าหวานที่ซุกซ่อนอยู่ได้แต่งึมงำแผ่วเบาหากแต่ฮ่องเต้หนุ่มก็ไม่คั้นเอาคำตอบ ด้วยคำถามที่ทรงตรัสถามไปนั้น องค์เองก็ทรงรู้คำตอบเป็นอย่างดี

   “เที้ยนหยวนพี่ไม่แกล้งเจ้าแล้ว แต่ว่าคราวนี้เจ้าต้องตอบว่าเดินไหวหรือไม่ หรือจะให้พี่อุ้มไปห้องน้ำ” สุรเสียงทุ้มตรัสถามร่างเล็กที่ซุกกายแนบแน่น อย่างแสนรัก

   “ไปทำไม” เสียงแผ่วเบาที่ไม่ดังไปกว่าเดิมเท่าไหร่ อู้อี้ออกมาจากร่างบางที่ยังสงสัยแต่ก็เขินอายเกินกว่าจะมองหน้าใครได้ในเวลานี้

   “ก็ไปล้างตัวเจ้าอย่างไรหล่ะ ไหวหรือเปล่าอ๋องน้อยคนเก่ง” ทรงถามย้ำอีกครั้ง ด้วยความเป็นห่วง อาจต้องให้คนเตรียมน้ำให้ใหม่ เพราะน้ำที่เตรียมไว้แต่เช้าอาจเย็นจัดจนทำให้ใครบางคนล้มป่วยได้

   “ไม่ไหว ท่านอุ้มข้าไปหน่อยสิ” อ๋องน้อยคนเก่งแม้จะเขินอายแต่ก็รู้ดีว่าขาของตนเองตอนนี้ไร้เรี่ยวแรงที่จะทรงกายให้ยืนได้ แค่เพียงขยับเล็กน้อยก็ปวดร้าวเสียแล้ว

   “พี่ให้คนเตรียมน้ำให้ก่อนนะ จะได้อาบน้ำอุ่น” ทรงตั้งใจจะผละออกจากร่างบาง หากแต่ถูกรั้งไว้จากคนที่ก้มหน้ามุดหมอนไปแล้วทันทีที่พระองค์ลุกขึ้น

   “ท่านให้คนเตรียมน้ำใหม่ คนอื่นก็รู้สิว่าเมื่อกี้....ไม่เอาหรอก ข้าอาบน้ำเย็นได้” เสียงอู้อี้ที่ดังออกมาทำให้ฮ่องเต้หนุ่มไม่อาจกลั้นพระสรวลได้ ทรงทราบดีว่าน้องน้อยของพระองค์ป่านนี้หน้าหวานคงแดงจัดเป็นแน่

   “แต่เจ้าจะไม่สบายเอาได้นะ”

   “ไม่เป็นไรหรอก ก็ยังดีกว่าให้คนอื่นรู้”

   “อือ ตามใจ ปล่อยมือพี่ก่อน พี่จะใส่เสื้อคลุมแล้วค่อยอุ้มเจ้าไปอาบน้ำ” มือบางยอมละออกจากพระหัตถ์แข็งแรงอย่างว่าง่าย คว้าเปะปะหาผ้านวมขึ้นคลุมกาย แต่ผ้านวมผืนนั้นไม่ได้อยู่บนที่นอน มันถูกเตะทิ้งหล่นลงไปนานแล้ว

   “ไม่ต้องหาอะไรแล้ว ไปล้างตัวเถอะนะ ดูสิคราบอะไรเต็มตัวเจ้าไปหมด เลอะมาถึงพี่ด้วย” ทรงหยอกล้อคนในอ้อมพระหัตถ์ที่ยังซุกหน้ากับกับพระอุระ กลีบปากที่เจ่อบวมแดงก่ำย่นเข้าหากัน

   “อ่ะๆๆ เย็นๆๆ” ร่างบางที่ถูกปล่อยลงในถังไม้น้ำที่บรรจุน้ำเคยอุ่น ร้องลั่นด้วยความตกใจเมื่อสัมผัสกับความเย็น เรียกรอยแย้มพระโอษฐ์ให้ปรากฏขึ้น

   “ก็พี่บอกเจ้าแล้ว ว่าให้คนเตรียมน้ำอุ่นให้ใหม่ เจ้าก็ไม่ยอม กลัวอะไรไม่เข้าท่าเลย มานี้ม่ะ” ทรงลงไปนั่งซ้อนหลังในถังน้ำใบเดียวกัน รั้งร่างบางเข้ามาโอบกอดมอบความอบอุ่น ความเย็นเพียงนี้ไม่อาจทำอะไรได้ ผู้ที่เคยฝึกวิชาต่างๆเช่นพระองค์ได้

   “ก็ท่านนั่นแหล่ะ ข้าบอกแล้วว่าข้าให้ไม่ได้ ก็ยัง....” ใบหน้าหวานแดงก่ำขึ้นอีกครั้งเมื่อนึกถึงคำพูดที่ตรัสถามและคำตอบของตนเองทั้งที่ถูกความหนาวเย็นทำให้ซีดลงไปบ้างแล้ว 

   “พี่ขอโทษ ที่ใช้กำลังข่มเหงช่วงชิงมา” พระพักตร์คมยิ้มกริ่มกับคำพูดขององค์เอง ที่พูดเพื่อหาข้ออ้างให้ร่างบาง “อุ่นขึ้นไหม”

   “อือออ สบายดีจัง” ที่ว่าสบายดีนั้น เพราะร่างบางกำลังได้รับการปรนนิบัติจากฮ่องเต้หนุ่ม น้ำเย็นที่ค่อยๆอุ่นขึ้นถูกราดลงลงบนลาดไหล่เล็ก ตามด้วยการบีบนวดอย่างพอเหมาะจนรู้สึกอย่างหลับในอ้อมพระพาหานี้ หากจะไม่รู้สึกถึงสิ่งแปลกปลอมที่ล่วงล้ำเข้ามาในช่องทางแคบที่กำลังอ่อนล้า “อ่ะ...ท่านทำอะไรอืมมมม...หน่ะ”

   “เจ้าหันมากอดคอพี่ไว้สิ พี่จะพาลูกของเราให้ออกจากตัวเจ้า ก่อนที่จะทำให้น้องของพี่จะรู้สึกไม่สบายตัว” ทรงตรัสหน้าเฉยอย่างไม่รู้สึกอะไร ในขณะที่คนที่หันหน้าเข้าหาพระองค์ได้แต่ก้มหน้างุดเขินอายในถ้อยรับสั่ง

   “อ่ะ....อื้อ...” เสียงหวานครางลั่นเมื่อนิ้วที่เข้าไปกำลังจะทำเกินกว่าพาสิ่งแปลกปลอมออกมา จนร่างบางไม่อาจเก็บเสียงไว้ได้

   “เจ้าต้องการอีกหรือ เที้ยนหยวน” เพราะหันหน้าเข้าหากันและร่างบางยังอยู่บนวรองค์ ฮ่องเต้หนุ่มจึงรู้สึกได้ถึงส่วนอ่อนไหวที่เกร็งแน่นขึ้นอีกครั้ง แม้จะทรงถามเช่นนั้นหากนิ้วเรียวของพระองค์ยังทรงหมุนควานหยอกล้ออยู่ภายใน

   “ม่ะ...อ่ะ...ท่ะ...แกล้ง อ่า...” ร่างบางกลั้นเสียงจนหลุดออกมาไม่เป็นคำ ริมฝีปากถูกขบเม้มจนขึ้นรอยฟัน เล็บมนจิกลงบนพระพระปฤษฎางค์

   “อ้าว หรอกหรือ!” ทรงถามอย่างกลั้นพระอารมณ์ขัน ก่อนจะไล่เบี้ยถามร่างบางอีกครั้ง “แล้วตกลงว่าอย่างไร ต้องการหรือไม่”

   “อือออ.” ใบหน้าหวานพยักหน้าน้อยๆทำให้พระองค์ไม่อาจกลั้นพระสรวลได้ พระหัตถ์หนาค่อยลูบไล้ส่วนแข็งขึ้นที่แดงเรื่อและเกร็งแน่น อย่างเบามือ ค่อยๆเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น นิ้วเรียวที่อยู่ภายในหมุนวนสัมผัสจุดอ่อนไหวที่คงบอบช้ำอย่างแผ่วเบาแต่เร่งร้อน จนในที่สุด ส่วนที่แข็งชันและสั่นเทาก็ปลดปล่อยสายน้ำขุ่นข้นออกมาอีกครั้ง เปรอะเปื้อนพระหัตถ์ที่ยังประคองไว้

   ร่างบางทิ้งตัวลงบนพระวรกายสูงที่ตนนั่งซ้อนอยู่อย่างสิ้นแรง ลมหายใจหอบเหนื่อย ยังคงอื้ออึงอยู่กับสิ่งที่พึ่งหลุดลอยไป ร่างบางที่ปลดปล่อยมากกว่าครั้งใดกำลังอ่อนแรงเกินกว่าจะทำสิ่งใดได้อีกแล้วในวันนี้

   “อือ ลูกของเราออกมาจากตัวเจ้าหมดพอดี ขึ้นเถอะนะ แช่น้ำนานๆแล้วเจ้าจะป่วยไป” วรองค์แข็งแรงหยัดกายขึ้น พาร่างเล็กที่เกาะเกี่ยวไว้ด้านหน้าให้ขึ้นจากน้ำ โดยมีพระหัตถ์หนาโอบประคองกันน้องน้อยไร้เรี่ยวแรงที่จะเกาะเกี่ยว

   “แล้วท่านหล่ะ” เพราะเป็นผู้ชายไม่ต่างกัน และเพราะเกาะเกี่ยวไว้เช่นนี้ทำให้อ๋องน้อยรับรู้ได้ถึงบางสิ่งที่กำลังแข็งตัวและต้องได้รับการปลดปล่อยออกมา

   “ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพี่ค่อยจัดการมันเอง เจ้าอย่ากังวลเลย แค่นี้ก็บอบช้ำจะแย่ยังเป็นห่วงคนอื่นอีก” ทรงแย้มพระสรวลให้น้องน้อย ที่พระองค์โอบอุ้มมาตรงหน้ากระจกบานใหญ่ สะท้อนร่างเล็กขาวที่ประดับรอยแดง ส่วนพระองค์เองหากถอดเสื้อคลุมดู เบื้องหลังคงเต็มด้วยรอยจิกของเล็บ

   ทรงแต่งตัวประทานให้น้องน้อยที่ทรงกายไว้ไม่ไหวจนต้องประคองเอาไว้ตลอด ก่อนจะพาอุ้มกลับมายังที่นอนที่ยับย่นและเปรอะเปื้อน “เจ้านอนได้หรือเปล่า หรือจะนอนที่ตั่งไม้ก่อน”

   “นอนที่ตั่งไม้ แต่ท่านต้องเอาผ้านวมมาปูก่อนนะ” แม้จะเหนื่อยเพียงใด แต่ความเอาแต่ใจที่มีผู้ตามใจตลอดก็ยังคงอยู่ไม่ทำให้อ๋องน้อยเปลี่ยนแปลง 

   “เจ้านี้น้า..” ทรงวางร่างเล็กในอ้อมพระพาหาลงกับเตียงนุ่ม ก่อนจะคว้าผ้านวมที่หล่นอยู่และหมอนใบใหญ่ ไปปูให้บนตั่งไม้ แล้วดำเนินกลับมาโอบอุ้มร่างบางลงนอนอีกครั้ง

   “นอนพักก่อนนะ พี่ไปเข้าห้องน้ำสักหน่อย” ทรงทอดพระเนตรมองเจตนาให้ร่างเล็กรู้ทรงมีพระประสงค์เข้าห้องน้ำเพื่อสิ่งใด “แล้วเดี๋ยวเราไปกินข้าว....” ทรงมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นพระอาทิตย์ใกล้ตั้งตรง “อือ แล้วเราค่อยไปกินข้าวเที่ยงกัน”

   ทรงจุมพิตบนเปลือกตาบางที่หลับพริ้มรับการสัมผัส ก่อนดำเนินหายเข้าไปในห้องน้ำ เพื่อจัดการต่อความปรารถนาที่เกิดขึ้น

   ดวงตากลมจ้องมองพระปฤษฎางค์กว้าง อีกครั้งด้วยความเศร้าก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอ่อนๆ “ข้าก็ไม่อยากให้มีสิ่งใดพรากท่านไป แต่มันจะได้จริงหรือ”

   ...สิ่งที่ท่านร้องขอ ข้ามอบให้แก่ท่านมาเนิ่นนานแล้ว....
 
    * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

สวัสดีคะ อ๊ากกกกก เขินกลับมาอ่านอีกก็เขินอีก นี้เป็นเอ็นซีแรกที่แต่งเองคะ (ครั้งก่อนนู้นนนน ให้น้องช่วยแต่งให้) มันดูอ่อนด้อยและอ่อนหัด ต้องขอโทษด้วยนะคะ ได้เท่านี้จริงๆ กระซิกๆๆๆ ส่วนฉากต่อสู้ก็ดูคล้ายเล่นเป่ากบพิกล เฮ้อออออออออ แต่ว่าฝากด้วยนะคะ ขอบคุณที่ไม่ทิ้งกันนะคะ
ขอบคุณคะ

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
อ่อนหัดตรงไหนคะ??

ที่มันแปร่งบ้างเพราะ คำราชาศัพท์ที่ใช้บ้างไม่ใช้บ้าง แต่ เรื่องคำราชาศัพท์มันยากค่ะ ขนาดไม่ใช่เอ็นซีให้ใช้ตลอดก็ยากอยู่แล้ว 

แต่ ฉาก...อ่านแล้วอบอุ่น อ่อนโยนดีจังเลย

เป็นกำลังใจให้นะคะ

hikaru00

  • บุคคลทั่วไป
เจอมาม่าเข้าไปแทบร้องไห้ ที่ฮ่องเต้บอกว่าจะลืมเป็นใครก็เจ็บนะเนี่ย งืออ สงสารอ๋องอ่า

ตอนนี้หวานได้อีกเนอะ หุหุ

ออฟไลน์ BExBOY

  • กัญชาเป็นยาเสพติด โปรอ่านฉลากก่อนสูบ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
หวานจนเลี่ยนขึ้นสมองคนอ่านแล้ว -*-

อิจฉาเว้ยเฮ้ย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ booboos

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
+1จ้า แล้วน้องน้อยก็กลับมาเศร้าดังเดิม

ออฟไลน์ พี่วันเสาร์

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +282/-3
และแล้วยังคงหวานปนขมอยู่ดี :sad4:
nc แต่งได้หวานอบอุ่นและน่ารักมากเลย o13

ออฟไลน์ jellyfish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
ประลองรัก...十五


   หลังเสร็จสิ้นราชกิจในช่วงเช้าฮ่องเต้หนุ่มทรงเสด็จเข้าห้องทรงอักษรในตำหนักหลวง นั่งอ่านฎีกาที่ถูกส่งเข้ามา หนึ่งในนั้นมีรายงายความประพฤติของปาหยางอ๋องภายใต้การควบคุมของผู้คุมมณฑลรวมอยู่ด้วย

   ในรายงานได้ทูลให้ทรงทราบว่า ปาหยางอ๋องปรับปรุงพฤติกรรมให้ดีขึ้นได้มาก อีกไม่นานจะพ้นโทษเนรเทศ สามาถกลับมาใช้ชีวิตเมืองหลวงได้ดังเดิม

   ทรงอ่านรายงายด้วยพระทัยที่เบิกบานยินดี เมื่อถึงเวลานั้น อ๋องน้อยของพระองค์ก็คงจะออกจากวังพอดี พระองค์จะคืนยศฐาและทรัพย์สินให้ทั้งหมด สองพ่อลูกก็จะอยู่ในเมืองหลวงได้อย่างมีความสุข

   น้องน้อยก็จะไม่อยู่ห่างไกลสายพระเนตรไปไหน....

   พระทัยทรงกระหวัดไปถึงน้องน้อยจนที่ทรงละมาเมื่อยามเช้า ป่านนี้คงกำลังคร่ำเคร่งอยู่กับการซ้อมมีดสั้นอยู่เป็นแน่

   “ทูลฝ่าบาท ท่านราชครูขอเข้าเฝ้า พ่ะย่ะค่ะ” หนึ่งในแปดองครักษ์ลูกน้องของฮวางหูคุกเข่าเบื้องพระพักตร์ ทูลให้ทรงทราบว่าขุนนางเฒ่ามาขอรอเข้าเฝ้าอยู่หน้าห้องทรงอักษรแล้ว

   “เชิญท่านเข้ามา แล้วให้คนจัดชาร้อนเข้ามาให้ท่านครูด้วย”

   “กระหม่อม”

   ฮ่องเต้หนุ่มทรงลุกขึ้นต้อนรับท่านราชครูผู้เปี่ยมไปด้วยความรู้อย่างนอบน้อม ดังที่ศิษย์พึงมีต่ออาจารย์ “ท่านครูมาหาเราถึงนี้ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไร”

   “ครูอยากรู้ว่าฝ่าบาททรงจัดเตรียมงานเษกสมรสไปถึงไหนแล้ว ทำไมกรมราชพิธีถึงยังไม่เริ่มทำสิ่งใด ได้แต่บอกกับครูว่ายังไม่มีราชโอการใดๆลงมา” ขุนนางเฒ่าถามศิษย์ผู้สูงศักดิ์ด้วยความอาทรไม่ต่างจากลูกหลาน

   “เรา...เรา ท่านครูถามถึงเรื่องนี้ทำไมหรือ” ทรงอ้ำอึงไม่อาจประทานคำตอบแก่พระอาจารย์ได้ หากถามจริงๆ พระองค์อาจตรัสได้เพียงว่า ....กำลังพูดคุยตกลงเลื่อนงานออกไป.......

   “ครูทราบข่าวที่ไม่ดีเท่าไหร่นักหากทรงยืดเยื้อไม่เร่งให้เกิดงานมงคลครั้งนี้ เรากับชิงเต่าอาจเกิดเรื่องขุ่นข้องจนทางนั่นอาจนำไปเป็นข้ออ้างคิดก่อกบฏก็เป็นได้ กระหม่อม” 

   สีหน้าท่านผู้เฒ่าฉายแววกังวลจนพระองค์เองก็อดหวาดหวั่นไม่ได้ เป็นอาณาจักรใหญ่และยากที่จะพ่าย แต่หากเมื่อใดเกิดสงครามผู้คนก็พบกับความทุกข์ยากเมื่อนั้นไม่ว่าผลแห่งสงครามจะออกเป็นเช่นไรก็ตาม “ท่านครูหมายถึงเรื่องอะไรกัน”

   “คนของเราในรัฐหลู่ส่งข่าวเข้ามาว่า มีการเตรียมไพร่พล แม้จะไม่มากนัก แต่ล้วนเป็นผู้มีฝีมือ เตรียมการเข้าสู่เมืองหลวงในเร็ววันนี้ หากครูคาดการณ์ไม่ผิด การเตรียมไพร่พลในครั้งนี้อาจเพื่อชิงองค์หญิงจากชิงเต่า ให้เราและชิงเต่าเกิดความขัดแย้ง”

   ฮ่องเต้หนุ่มทรงรับฟังอย่างครุ่นคิด ภาพอาณาจักรกว้างขวางมากมายด้วยรัฐน้อยใหญ่ ภูมิประเทศที่แตกต่างกันของเหนือใต้อยู่ในห้วงความคิดของพระองค์อย่างแม่นยำด้วยมีพระอาจารย์เฒ่าคอยสอน “รัฐ
หลู่ที่อยู่ติดกับชิงเต่า ใช่หรือไม่”

   “กระหม่อม รัฐหลู่ที่อยู่ติดกับชิงเต่า ท่านหลี่เป็นผู้ปกครองอยู่ มีราชบุตรคือองค์ชายลู่กระหม่อม”

   “องค์ชายลู่....เราเคยได้ยินชื่อองค์ชายผู้นี้มาก่อน น่าแปลกรัฐหลู่ไม่เคยกระด้างกระเดื่องแล้วเหตุใด....”

   “ครูก็ยังไม่อาจทราบได้ว่าเกิดเหตุใดขึ้น แต่หากเป็นดั่งที่คาดการณ์ไว้ การจัดพระราชพิธีในเร็ววัน ดูเป็นหนทางที่หลีกเลี่ยงสงครามได้ดีที่สุด”

   หนทางแก้ไขที่ขุนนางเฒ่าเสนอให้ทรงทำ บีบคั้นพระทัยของพระองค์ให้ปวดร้าว เพียงแค่ไม่ถึงเดือน พระองค์ก็ไม่อาจเลื่อนได้จริงหรือ ความสุขที่ได้ครอบครองดวงใจน้องน้อยช่างสั้นเพียงนี้จริงหรือ  หากวันนี้ต้องยอมละจากน้องน้อยมา แล้วความสุขในวันวานจะทดแทนความเจ็บปวดที่ต่างจะได้รับหรอกหรือ

   แม้คำรักที่ปรารถนาจะได้ยินจากน้องน้อยยังไม่มี...แต่พระองค์ก็แน่ใจว่าหัวใจสองดวงไม่ได้คิดต่างไปจากกันเลย 

    ทรงคำนึงอย่างครุ่นคิด นึกย้อนไปถึงวันที่ทรงเจรจากับองค์หญิงจากชิงเต่า ความนัยที่ไม่อาจพูด หากแต่สายตาหวานซึ้งคู่นั้นเปิดเผยออกมา...หรือว่า?

   “ท่านครู ขอให้เราได้พูดกับองค์หญิงจากชิงเต่าก่อนได้หรือไม่ แล้วต่อจากนั้นไม่ว่าจะเป็นเช่นไร หรือต้องทำสิ่งใด เราก็จะทำ ทำโดยตั้งใจ” พระเนตรคมปิดสนิทรับรู้ด้วยหน้าที่ว่าความสุขมิอาจอยู่กับพระองค์ได้นานไปกว่านี้แล้ว

   “ฝ่าบาท....” ท่านราชครูผู้อภิบาลฮ่องเต้หนุ่มแต่เยาว์วัย เพียงแค่นี้มีหรือที่จะดูไม่ออกว่าชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์กำลังเจ็บปวดเช่นไรกับสิ่งที่นำมาทูล แม้มังกรจะสง่างามและทะนงตนเพียงไรก็ใช่ว่าจะไร้หัวใจ “ครูขอโทษ”

   น้ำตาท่านผู้เฒ่าที่คลออยู่ในดวงตาหม่นแสง ทำให้พระโอษฐ์ต้องแย้มยิ้มอีกครั้ง ความอาทรที่ทรงได้รับจากราชครู ทดแทนความรักจากพ่อท่านแม่ ที่พระองค์ขาดไปได้ตลอดมา แต่ความรักเช่นนี้ก็มิอาจทดแทนอีกหนึ่งคนสำคัญที่กำลังจะสูญเสียไป “ท่านอย่าร้องไห้เลย เรารู้นานแล้วว่าวันนี้ต้องมาถึงแต่ก็ยังดื้อดึงไปเอง และเราก็รู้ดีว่าไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าหน้าที่ ที่เราต้องทำให้ดีที่สุด”

   “พระองค์ทรงโตขึ้นมาก รู้องค์บ้างไหมกระหม่อม ทรงเป็นฮ่องเต้ด้วยใจไม่ใช่หน้าที่ดังวันเก่าอีกแล้ว”

   “เราโตขึ้นขนาดเลยหรือ คงเป็นเพราะท่านพ่อท่านแม่ ที่รีบหนีเราไป แล้วก็เพราะท่านที่ยัดเยียดให้เราอยู่ทุกวัน  เดี๋ยวเราจะออกไปที่เรือนรับรอง เผื่อว่าบางที....อืมมม ช่างมันเหอะ มันก็เป็นแค่ความหวังที่แขวนไปสายลม” ฮ่องเต้หนุ่มทรงตัดพระทัยจากความหวังที่เคยคิดไว้ จากนี้จะทรงทำสิ่งที่เพิกเฉยมานาน และจะเก็บเกี่ยวความสุขสุดท้ายให้ได้มากที่สุด

   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

   เสียงหัวเราะครื้นเครงดังมาจากเรือนรับรองช่างต่างจากพระทัยที่เงียบงันของฮ่องเต้หนุ่มยิ่งนัก เสียงของความสนุกไม่ทำให้ทรงเบิกบานพระทัยได้เลยสักนิด คงมีเพียงช่วงเวลาเดียวเท่านั้นที่จะทรงปลดวางสิ่งต่างๆลงแต่ช่วงเวลาที่มีน้อยนิดนั้น กำลังจะหมดไป

   เสียงหัวเราะใสที่ตราตรึงในพระทัย ดังลอยมาพร้อมกับเสียงหัวเราะอื่นที่ไม่ทรงใส่ใจ พระขนงเรียวยาวขมวดเข้าหากัน ทรงจำไม่ผิดเป็นแน่ ไม่มีทางจำผิด ไม่ว่าสิ่งใดของน้องน้อยทรงจำได้แม่นยำ แล้วเหตุใด เสียงนี้จึงดังมาเรือนรับรองขององค์หญิงจากชิงเต่าได้

   “ฮ่องเต้เสด็จ” เสียงของทหารประจำเรือนรับรองที่ถูกส่งตัวมา ร้องบอกให้คนข้างใจเตรียมถวายการต้อนรับฮ่องเต้หนุ่มที่ดำเนินมาพร้อมขบวนองค์รักษ์ บอกให้รู้ว่าทรงมาครั้งนี้ ไม่ใช่เป็นการส่วนพระองค์

   ผู้คนทั้งหลายในเรือนรับรอง ล้วนนั่งนิ่งก้มหน้าเพื่อรอคอการมาถึงขององค์ฮ่องเต้ แม้ผู้คนจะมากมาย แต่ร่างของน้องน้อยที่ดูเพรียวบางก็โดดเด่นในสายพระเนตรเสมอ “ยืนขึ้นเถอะ”

   ดวงตากลมโตที่มองช้อนขึ้นมาดูเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น และคำถามมากมาย พระองค์เห็นชัดถึงความโศกเศร้าในดวงตาคู่นั้น จนอยากโอบคว้าเข้ามาปลอบประโลมกระซิบถาม...น้องน้อยของพี่เป็นอะไร เหตุใดดวงตาช่างเศร้านัก....

   ทรงรู้สึกได้ถึงบางอย่างกำลังตะกุยตะกายอยู่กับเสื้อคลุมมังกรที่ทรงใส่อยู่จึงต้องก้มมองเห็นเป็นเจ้าอี้หลงที่สองที่ตัวไม่น้อยเท่าไหร่แล้ว มาทักทายและคงอยากให้พระองค์เล่นกับมันเหมือนทุกครั้งที่ได้เจอ พระโอษฐ์แย้มยิ้ม มองอาการสิงโตตัวน้อยที่ขี้เล่นขี้งอน และเอาแต่ใจ เดินหันหลังให้พระองค์ที่ขัดใจมัน นิสัยช่างไม่ต่างกันเลยกับร่างโปร่งบางที่นิ่งเงียบอยู่ตรงหน้า

   ....จะให้พี่ทำอะไรได้....

   “เที้ยนหยวนทำไมเจ้ากับตัวยุ่งนี้ถึงมาอยู่ที่นี้ได้ ไม่ใช่ว่าควรซ้อมอยู่ที่ตำหนักหรอกหรือ” ทรงถามอ๋องน้อยที่นิ่งงัน ด้วยพระทัยที่หวั่นไหวในคำตอบไม่น้อย หากแต่ต้องแสดงอาการว่าสบายดีไม่ว่าคำตอบจะออกมาเช่นไร

   “ท่านอ๋องพาเจ้าอี้ชิวที่สองมาให้ข้ากับเสี่ยวหลงเล่นเพค่ะ อย่าทรงว่าท่านอ๋องเลย” องค์หญิงจากชิงเต่ารีบออกตัวให้แก่ท่านอ๋องที่ใจดีพาสัตว์เลี้ยงน่ารักมาให้เล่นคลายเหงา แม้ว่าชื่อของสัตว์เลี้ยงจะสะดุดพระกัณฑ์ แต่คำตอบนั้นก็สร้างความปวดร้าวให้แก่ฮ่องเต้หนุ่มจนลืมเลือนชื่อที่น่าขันนั้นไป

   “อย่างนั้นหรือ แต่เวลานี้เรามาเพื่อจะคุยเรื่องสำคัญกับองค์หญิง สมควรที่เจ้าจะกลับได้แล้วเที้ยนหยวน หากเจ้ายังอยากชนะเราก็ควรตั้งใจฝึกไม่ใช่เอาแต่วิ่งเล่นอยู่แบบนี้” ทรงรู้ดีว่าถ้อยคำดูแสนห่างเหินแต่เวลานี้ควรหรือที่จะบอกให้ใครรู้ว่าเราเป็นเช่นไร

   “กระหม่อมทูลลา” อ๋องน้อยที่เงียบตั้งแต่พระองค์เสด็จมาถึง กล่าวทูลลาอย่างง่ายดาย แต่ในดวงตาคู่กลมที่มองมายังฮ่องเต้ช่างปวดร้าวสื่อถึงใจที่กำลังจะแตกลงทุกที

   ..ใช่ว่าเจ้าคนเดียวที่เจ็บเมื่อเห็นพี่อยู่ที่นี้ ใช่ว่าพี่ไม่รู้ว่าเจ้าหมายปองสิ่งใดในเรือนรับรอง แต่เอาเถิด สิ่งที่พี่จะทำ มันจะทำให้เจ้าเจ็บปวดยิ่งกว่านี้มากนัก หากวันใดเจ้าได้สมหวังในสิ่งที่หมายปอง พี่คงทำได้เพียง..ยินดี...และโศกเศร้า ไปพร้อมกัน     

   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

   ฮ่องเต้หนุ่มดำเนินกลับตำหนักส่วนพระองค์ด้วยพระทัยที่เบิกบานกว่าครั้งไหนๆ แม้จะมีเรื่องให้พระองค์ต้องครุ่นคิดและดำเนินการอย่างเร่งด่วน

   ร่างน้องน้อยที่นั่งหน้าบึ้งอยู่บนตั่งในห้องบรรทม หันมองออกไปยังสวนเปิดกลางตำหนัก เรียกรอยแย้มสรวลให้ปรากฏขึ้น ทรงดำเนินเข้าไปใกล้โอบกอดน้องน้อยจากด้านหลัง ซุกพระพักตร์ลงกับซอกคอขาว รู้สึกได้ว่าร่างเล็กในอ้อมพระพาหาสะดุ้งจนสุดตัว

   “ทำไมกลับมาเร็วนักหล่ะ ท่านควรอยู่กับองค์หญิงย่าหนานให้นานกว่านี้มิใช่หรือ” ประโยคแสนทำร้ายคนพูดและคนฟังไม่ทรงทำให้พระองค์ตกพระทัยเท่ากับน้ำเสียงสั่นพร่า

   “เที้ยนหยวนเป็นอะไร เจ้าร้องไห้ทำไมคนดีของพี่” ทรงหมุนร่างเล็กกลับมา พระเนตรคมจับจ้องบนใบหน้าหวาน หยาดน้ำตาเม็ดเล็กทำให้ร่างบางดูเปราะบางจนพระองค์อยากเก็บไว้ในตำหนักแต่เพียงเท่านั้น

   “เรื่องของข้า ท่านอย่ายุ่งเลย ก็แค่คนบ้าๆเท่านั้นเอง” ร่างเล็ก ปลดท่อนพระกรใหญ่ออกจากเอวได้ จึนหันหน้ากลับไปมองต้นไม้ที่พลิ้วไหวตามสายลมดังเดิม

   “เรื่องของเจ้าก็เหมือนเรื่องของพี่ บอกมาเถิดว่ามีเรื่องอะไร” ทรงคว้าร่างเล็กเข้ามาในท่อนพระหาพาอีกครั้ง ให้แผ่นหลังบางแนบชิดกับพระอุระถ่ายทอดความอบอุ่นไปสู่น้องน้อย

   “ท่านอย่าทำแบบนี้อีกเลยได้ไหม อย่าเป็นห่วงข้า อย่ารักข้า อย่าดูแลข้าอีกเลยไม่ได้หรือไร ในสักวันท่านจะลืมได้อย่างที่เคยพูดไว้ แต่ข้าไม่สามารถทำแบบท่านได้ เข้าใจไหม”  ร่างเล็กสั่นสะท้าน เหลือกตามองไปยังยอดไม้สูงที่ถูกลมพัดจนสั่นพริ้ว ตั้งใจจะกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลริน แต่มันก็ยังไหลลงมาอาบแก้ม หยดลงบนพระหัตถ์หนาที่โอบประสานอยู่ตรงเอว

   ทรงมองน้องน้อยด้วยความรู้สึกผิด ที่พูดถ้อยคำเหล่านั้นออกไป แม้เพียงแค่คิดก็ผิดมากแล้ว  สุรเสียงทุ้มครางเรียกชื่อน้องน้อยด้วยความเจ็บปวดไม่ต่างกัน “เที้ยนหยวน”

   “ท่านอย่าพึ่งพูดอะไร ให้ข้าพูดให้จบเสียก่อน ข้ารู้ตัวดีว่าเป็นเพียงแค่คนธรรมดา แต่เมื่อข้ารับใครเข้ามาสักคน แม้จะเป็นคนสูงศักดิ์ที่ข้าไม่คู่ควรสักเพียงใด ข้าก็ไม่อาจทำให้ใจลืมคนผู้นั้นได้ และสุดท้ายก็คงเป็นข้าที่จะจำเรื่องราวเหล่านี้ได้เพียงผู้เดียว ต้องเจ็บอยู่คนเดียวในขณะที่ท่านจำข้าไม่ได้ หยุดเถอะ เพื่อข้าเพื่อองค์หญิงย่าหนาน ท่านทำให้ข้าได้หรือไม่” ดวงตากลมไม่อาจที่จะปล่อยน้ำใสให้ไหลลงมา ถ้อยคำที่ฝืนพูดจนจบ กลั่นออกมาจากใจที่กำลังเจ็บช้ำ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นไม่เคยต้องกลัว

   ...ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะท่าน ฮ่องเต้อี้หลง...

   “เที้ยนหยวนเจ้าขอให้พี่หยุดตอนนี้คงไม่ได้แล้ว พี่ไม่อาจหยุดรักเจ้า ไม่อาจหยุดดูแลเจ้าได้อีก และพี่ก็สามารถลืมเจ้าได้เช่นกัน” ทรงก้มลงแนบพระโอษฐ์ร้อนกับลำคอระหง “พี่ทำให้เจ้าไม่ได้เที้ยนหยวน อย่าร้องขออะไรแบบนี้อีกเลยนะ น้องน้อยของพี่”

   ไม่มีคำตอบจากร่างเล็ก มีเพียงความนิ่งเงียบและหัวใจสองดวงที่กำลังสื่อถึงกันผ่านลมหนาวที่พัดหวีดหวิว น้ำตาเม็ดเล็กค่อยๆจางหายไป

   ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นเช่นไร....แต่จงเก็บเกี่ยวความสุขของวันนี้ไว้ไม่ดีกว่าหรือ....

   “แล้วเจ้าไปเรือนรับรองทำไมกัน ที่นั่นมีอะไรงั้นหรือ” คำถามของฮ่องเต้หนุ่มทำให้ใบหน้าหวาน เชิดรั้นขึ้นแม้จะยังอยู่ในอ้อมพระพาหา เรียกให้รอยพระสรวลที่หายไปกลับมาอีกครั้ง

   “ท่านยังไปได้ ทำไมข้าไปไม่ได้” อ๋องน้อยตอบฮ่องเต้หนุ่มด้วยเสียงห้วน ดวงตากลมเหลือบมองค้อนผู้สูงศักดิ์ที่นั่งซ้อนหลังอยู่ ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆก็ยิ่งเชิดใบหน้าหวานขึ้น

   “เจ้าไปได้ แต่ไปทำไมหืมมม์ บอกพี่ได้ไหม” ชายผู้สูงศักดิ์มองท่าทางของน้องน้อยแล้วได้แต่ อมยิ้ม ดีพระทัยที่ความสดใสกลับคืนสู่ร่างบางอีกครั้ง

   “ก็อีกไม่นานท่านกับองค์หญิงย่าหนานก็ต้องมาอยู่ด้วยกัน ก็เหลือเพียงหลงเอ๋อร์คนเดียว เหมือนข้าที่ออกจากวังไปก็ต้องอยู่คนเดียว ไปผูกสัมพันธ์เอาไว้เพื่อภายหน้าก็ไม่ผิดไม่ใช่หรือ” ใบหน้าหวานเบี่ยงหลบพระโอษฐ์หนาที่ซุกไซ้อยู่แถวแก้ม

   ฮ่องเต้อี้หลงทรงได้ฟังคำตอบของน้องน้อยแล้วอดหมันเขี้ยวไม่ได้ ฟัดแก้มใสแรงๆหลายที “เจ้ากล้าพูดว่าจะผูกสัมพันธ์กับพูดอื่นต่อหน้าพี่เชียวหรือเที้ยนหยวน”

   “ชายอื่นที่ไหนกัน ท่านก็รู้จักหลงเอ๋อร์ของข้าไม่ใช่หรือ” น้องน้อยในอ้อมพระพาหาเบิกตากว้างใส่ฮ่องเต้หนุ่ม คล้ายจะยั่วให้ฮ่องเต้หนุ่มอิจฉาเด็กชายตัวเล็ก

   “เราอย่าพูดถึงคนอื่นเลย เจ้าหิวหรือยังเที้ยนหยวน” ทอดเนตรดวงตากลมทอประกายใส ได้แต่แย้มพระโอษฐ์ ดีใจ แต่ก็ทรงรู้ดีว่าหากพูดต่อไป คงได้ทรงกริ้วเจ้าเด็กหลงเอ๋อร์คนนี้เป็นแน่ ที่กล้ามาทำให้อ๋องน้อยคนนี้หลงใหล

   “ท่านหิวแล้วหรือ ข้าออกไปบอกให้ขันทีคนเก่งของท่านเตรียมตั้งสำรับให้นะ” ร่างบางๆค่อยหมุดลอดใต้พระพาหาใหญ่ หวังจะออกไปบอกให้ขันทีเหี่ยวจัดสำรับมื้อเย็นได้แล้ว

   พระพักตร์คมเข้มของฮ่องเต้หนุ่มพราวด้วยรอยยิ้ม เมื่อรู้ว่าอ๋องคนโปรด หวังจะมุดลอดใต้พระพาหา พระองค์จึงคิดแกล้งคนรักด้วยความเอ็นดู รั้งแขนเรียวไว้จนสุดแรง กระชากให้ลงมาบนพระเพลา มองใบหน้าหวานที่แดงจัด “เจ้าจะให้อู่กงกงเตรียมได้อย่างไร ที่พี่ว่าหิวหน่ะ พี่อยากกินเนื้อนุ่มๆแบบนี้” พระทนต์ขาวขบเบาลงบนซอกคอขาว สูดดมกลิ่นน้ำมันหอมที่ถูกบรรจงแต้มแตะตั้งแต่เช้า “หอมกลิ่นแบบนี้ด้วย แล้วอู่กงกงจะทำได้อย่างไรคนเก่ง มีแต่เจ้านั่นแหล่ะที่ทำให้พี่ได้”

   “แล้วข้าจะไปหาให้ท่านได้ที่ไหนกัน คนเป็นฮ่องเต้เขาเลือกมากแบบนี้หรือไร” อ๋องน้อยที่เคยได้ชื่อว่าเอาแต่ใจ มองพระพักตร์ฮ่องเต้ที่ได้ชื่อว่าสุขุมและทรงติดอย่างเคืองนิดๆ แต่แล้วใบหน้าหวานกลับแดก่ำและร้อนผ่าว เมื่อได้มองประกายในพระเนตร และความนัยที่ทรงตรัสออกมา “ท่านนนน เป็นฮ่องเต้แล้วพูดแบบนี้ได้ไงกัน ไม่อายคนอื่นบ้างหรือไงกัน”

   เสียงพระสรวลก้องทั่วห้องบรรทม มองหน้าแดงก่ำของร่างบาง พระนลาฏ(หน้าผาก)กว้างสัมผัสกับหน้าผากมนของร่างในอ้อมพระพาหา ปลานพระนาสิกอยู่ชิดปลายจมูกเชิดรั้น สัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าว  “หน้าผากเจ้าร้อนเชียว เขินพี่หรือเที้ยนหยวน”

   “ใครเขินท่านเล่า ข้าไม่ใช่หญิงสาวที่จะมาเขินต่อหน้าท่านหรอกนะ  ปล่อยข้าได้แล้ว ท่านไม่หิวแต่ข้าหิวนะ” อ๋องน้อยเที้ยนหยวนรู้ดีว่าถึงอย่างไรคงปกปิดความเขินอายเอาไว้ไม่ได้ ทางเดียวที่จะหนีพ้นคือเดินออกมาจากห้องบรรทม

   “เจ้าหิวหรือ อยากกินเนื้อแน่นๆแบบนี้หรือไม่”ทรงวางมือเล็กลงบนต้นพระกรที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ   ยิ่งทำให้คนถูกถามเขินอายจนไม่กล้าสบตา แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทอดสายตาไปทางทิศใด

   “เนื้ออย่างนี้ข้ากินไม่ลงหรอก ให้ข้าออกไปหาอู่กงกงเถอะนะ” อ๋องน้อยใช้วิธีสุดท้ายด้วยเสียงออดอ้อนเอาใจ ดั่งที่เคยใช้ได้ผลมาตลอดกับทุกคนไม่ว่าจะเพศใด วัยใด

   “แล้วรีบกลับมานะ ลมพัดเย็นๆแบบนี้ ไม่มีเจ้าให้กอดแล้วพี่หนาวตัวจนเหมือนอยากจะเป็นไข้” ทรงละจากร่างเล็ก ส่งประคองให้ลุกขึ้นจากพระเพลา หากแต่ไม่ลืมส่งคำหวานให้เลือดได้มารวมตัวที่ใบหน้าหวานจนแดงปลั่ง

   ลับร่างบางพระพักตร์ที่แย้มพระโอษฐ์ตลอดเวลากลายเป็นนิ่งขรึมดังเช่นก่อนเก่าอีกครั้ง แม้การเข้าพบองค์หญิงย่าหนานในครั้งนี้จะทำให้พระองค์เลิกกังวลกับบางเรื่อง แต่กลับมีเรื่องหนักใจให้ต้องคิด ต้องทำอย่างรอบคอบที่สุดเพื่อความสงบสุขของสามแผ่นดิน และสี่หัวใจ

   “ทำไมทำหน้าแบบนั้นหล่ะ หิวข้าวมากเลยหรือ” เที้ยนหยวนเดินเข้ามาเพื่อบอกให้ฮ่องเต้ออกไปทานข้าวที่ตั้งสำหรับไว้แล้ว แต่กลับต้องมาพบกับพระพักตร์เคร่งขรึม จนอดถามด้วยห่วงใยไม่ได้

   ทันทีที่ทรงรู้องค์ว่าทำให้น้องน้อยเป็นห่วง พระพักตร์คมกลายกลับเป็นแย้มยิ้มอีกครั้ง หวังเอาใจคนที่อ๋องน้อยที่พระองค์รัก “เปล่าหรอก เจ้าอย่าสนใจเลย พี่ยิ้มแบบนี้เจ้าพอใจหรือยัง”

   “อือ แบบนี้สิ ค่อยเหมาะเป็นฮ่องเต้ที่ทรงพระเมตตา ไม่ใช่หน้าบึ้งตึง คงไม่เคยมีใครบอกท่านให้รู้เป็นแน่ ว่าเวลาท่านทำหน้านิ่ง น่ากลัวยิ่งกว่าอะไรเสียอีก ดวงตาท่าน เคยทำให้ข้าแอบผวาด้วยนะรู้หรือเปล่า” อ๋องน้อยลากวรองค์สูงใหญ่ให้ดำเนินออกมายังสวนกลางตำหนัก สถานที่จัดโต๊ะในมื้อเย็นเช่นนี้

   “แต่เดี๋ยวนี้ตาพี่คงทำให้เจ้าเขินอายได้มากกว่าหวาดผวาใช่ไหมเที้ยนหยวน เจ้าถึงขยันทำหน้าแดงอยู่แบบนี้” ทรงใช้มองร่างบางด้วยพระเนตรที่แน่ใจว่าทำให้น้องน้อยเขินอายแล้วมันเป็นจริง เมื่อใบแก้มใสแดงเรื่อขึ้นมา

   “ก็รู้แล้วยังจะถามอีก” ปากเล็กๆงุบงิบอยู่กับตนเองเบาๆแต่ก็ทำให้คนที่ประทับอยู่ข้างๆได้ยินชัดเจน

   “เที้ยนหยวน” ทรงเรียกให้ดวงตากลมหันมามองพร้อมคำถาม ก่อนจะเอ่ยถามในสิ่งที่คิดเอาไว้ในใจด้วยสุรเสียงแสนนุ่ม “ คืนนี้อาบน้ำให้พี่หน่อยสิ ได้ไหม”

   “ไม่...” ร่างเล็กที่ถูกขอร้องให้อาบน้ำให้ ปฏิเสธในทันทีโดยไม่ต้องคิด ภาพความทรงจำที่เกิดขึ้นในอ่างน้ำกับชายหนุ่มสูงศักดิ์ผู้นี้ยังตราตรึงไม่เลือนหาย

   “ตามใจเจ้า  พี่ไม่บังคับเจ้าหรอก” แม้พระโอษฐ์จะตรัสว่าไม่บังคับ แต่สายพระเนตรก็กำลังอ้อนวอนน้องน้อยด้วยแววตาเศร้าซึ้งจนน่าสงสาร

   เที้ยนหยวนจำต้องก้มมองอาหารในจานตรงหน้า แทนที่จะเงยหน้าสบตาลึกเข้าไปในดวงตาคู่คมที่แทนอารมณ์ผู้เป็นเจ้าของได้ดียิ่งนัก

   ยามไม่พอพระทัย ด้วยตาคู่นี้ ทอแสงราวกับมีเปลวไฟเผาผลาญผู้ที่ถูกจ้องมองให้มอดไหม้

   ยามโกรธ สายตาก็นิ่งเฉยราวกับไม่มีความรู้สึกใดๆต่อผู้ที่ถูกคล้ายดั่งคนไม่มีตัวตน

   ยามรัก ก็กลายเป็นหวานช้ำ ไม่ปกปิดความรู้สึกที่มากล้น จนผู้ถูกมองได้แต่เขินอาย

   ยามออดอ้อน ก็กลายเป็นดั่งดวงตาของเด็กน้อยที่ขอร้องเพื่อให้ได้มาในสิ่งสำคัญ จนไม่อาจขัดใจได้

   “แล้ววันนี้ท่านไปหาองค์หญิงย่าหนานทำไมหรือ” อ๋องน้อยเปลี่ยนเรื่องให้พ้นจากคำร้องขอและดวงแสนเศร้าสร้อย

   “เจ้าอยากรู้หรือ? ”

   ใบหน้าคมปรากฏรอยแย้มยิ้มที่เที้ยนหยวนต้องบอกตัวเองว่าไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย  แต่เพราะความอยากรู้ก็ทำให้ใบหน้าหวานต้องพยักหน้าขึ้นลง ก่อนจะรู้สึกพลาดไปถนัด รู้เมื่อสายไปเสียแล้ว...

   .....รอยยิ้มที่ไม่น่าไว้ใจ คือรอยยิ้มเจ้าเล่ห์  อย่างไรหล่ะ

   “งั้นเจ้าก็ต้องทำให้มีข้อแลกเปลี่ยน พี่ถึงจะเล่าให้ฟังได้” พระพักตร์ดั่งเด็กชายจอมเจ้าเล่ห์ที่วางกลอุบายล่อหลวงเด็กน้อยให้ตกหลุมพราง ช่างแตกต่างจากฮ่องเต้หนุ่มที่ออกทรงงานอยู่ทุกวัน

   “ทำไมต้องมีข้อแลกเปลี่ยนด้วยเล่า ท่านเล่าให้ข้าฟังเลยไม่ได้หรือ” ริมฝีปากอิ่มที่มันวาวด้วยคราบจากอาหารเชิดรั้น เสียงใสขึ้นจมูกอย่างแสนงอนตามนิสัย

   “ไม่ได้หรอก เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมีใครรู้  แต่เจ้าอยากรู้พี่ก็จะบอก แต่ต้องมีข้าแลกเปลี่ยนเจ้าตกลงไหม” ฮ่องเต้หนุ่มทรงอารมณ์ยิ่งนักที่ได้แกล้งให้น้องน้อยทำหน้าประหลาดๆที่พระองค์ชอบทอดพระเนตร

   “แล้วท่านจะแลกกับอะไร ข้าไม่มีเงินหรอกนะ เพราะท่านยึดไปหมดแล้ว” ดวงตากลมมองชายหนุ่มสูงศักดิ์ผู้แสนเจ้าเล่ห์อย่างไม่วางใจ ไม่แน่ใจว่าสิ่งใดกันที่จะต้องนำมาแลกเปลี่ยน แต่แล้วเสียงหวานก็ต้องร้องขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อร่างทั้งร่างถูกยกลอยขึ้น

   ฮ่องเต้หนุ่มไม่อาจห้ามพระทัยไม่ให้เอ็นดูน้องน้อยที่ทำคิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน แก้มใสพองลม อย่างคนใช้ความคิด จนต้องโอบอุ้มให้มานั่งอยู่บนพระเพลาอีกครั้ง สองพระกรโอบรั้งเอวเล็กไว้แน่น กระซิบข้อแลกเปลี่ยนชิดริมหูเล็ก”

   “มีให้เจ้าเลือก หนึ่งยอมอาบน้ำให้พี่ หรือ สอง ยอมเป็นของว่างมื้อดึกสำหรับคืนนี้ให้แก่พี่”

   เพียงลมร้อนท่ามกลางลมหนาวก็ทำให้เส้นขนละเอียดลุกชัน แต่ทางเลือกที่มีอยู่ก็ยิ่งทำให้รู้สึกชัดถึงความร้อนผ่าวของใบหน้าที่เลือดมารวมตัวกันอยู่ “ข้าไม่อยากฟังแล้ว ท่านปล่อยข้าลงเหอะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”

   มือเล็กที่พยายามแกะแงะๆพระหัตถ์หนาออกจากเอวเล็ก ดูไม่เป็นผลเมื่อฮ่องเต้นุ่มยังทรงแย้มพระโอษฐ์กว้าง กอดรัดน้องน้อยแน่น “ไม่มีใครมาเห็นหรอก แต่หากเจ้าให้พี่ปล่อย เจ้าก็ต้องเลือดมาข้อใดข้อหนึ่งแล้วหล่ะ อย่าลืมนะว่าเจ้าเป็นต้นห้องของพี่ก็ต้องดูแลพี่ จำได้หรือเปล่า”

   “ข้าต้องเลือกจริงๆหรือ” เสียงอ่อยของเที้ยนหยวนไม่มีผลให้ฮ่องเต้พระทัยอ่อนลงได้เลย เมื่อทรงพยักพักตร์หนักแน่น ถึงสิ่งที่ต้นห้องคนพิเศษต้องเลือกทำ

   “แล้วท่านจะปล่อยข้า และเล่าเรื่องที่ท่านไปพบองค์หญิงย่าหนานให้ข้าฟังนะ” เสียงใสขอความมั่นใจอีกครั้งก่อนตัดสินใจเลือก

   “อือ เจ้าก็รู้ว่าพี่เป็นฮ่องเต้ พูดแล้วคืนคำได้หรือ สัญญาว่าจะปล่อยให้เจ้าไปนั่งที่เดิม และจะเล่าเรื่องที่อยากรู้ให้ฟัง ทีนี้บอกพี่ได้หรือยังว่าเลือกข้อไหน แต่ถ้าเป็นพี่นะ พี่จะเลือกข้อสอง ไม่ต้องทำอะไรเลย แค่นอนนิ่งๆให้พี่ได้ชิมรสหวานเท่านั้นเอง” แล้วพระเนตรหวานซึ้งที่ฉายแววบางอย่างที่เที้ยนหยวนไม่เคยเห็น แล้วยังคำแนะนำถึงตัวเลือกทำให้อ๋องน้อยอดคิดถึงยามออกทรงงานไม่ได้

   ....ท่านเป็นแบบนี้ได้อย่างไร ช่างแตกต่างกับฮ่องเต้ที่คนทั้งหล้าเกรงกลัวยิ่งนัก....

   “ไม่มีทาง ข้าเลือกข้อแรก แล้วท่านก็ปล่อยข้าได้แล้ว” ร่างบางบอกเสียงสั่น ก่อนถูกปล่อยออกจากอ้อมพระกร แก้มใสก็ถูกประทับหนักๆหนึ่งครั้ง

   “ตามใจเจ้า พี่อุตส่าห์แนะนำหนทางที่จะไม่เหนื่อยให้แล้วนะ แล้วนั่นจะไปไหนกันเที้ยนหยวน ไม่กินข้าวแล้วหรือ คืนนี้เจ้าต้องอาบน้ำให้พี่นะ” เมื่อทรงเห็นน้องน้อยเดินหนีเข้าตำหนักก็กลับตะโกนเตือนลั่นดุจดังกลับเป็นเด็กชายวัยร่าเริงอีกครั้งหาใช่ฮ่องเต้หนุ่มไม่

   “ข้าจะเข้าเตรียมน้ำให้ท่านอาบ แล้วยังไม่ต้องตามมานะ” ร่างบางตะโกนผ่านช่องหน้าต่าง เดินหายไปยังระเบียงทางเดินมุ่งตรงสู่ห้องบรรทมที่เชื่อมต่อกับห้องสรงน้ำ

   ฮ่องเต้หนุ่มมองตามความน่ารักของน้องน้อย ที่สร้างรอยยิ้มให้แก่พระองค์เสมอ แม้จะดื้อบ้างในบางครั้ง เอาแต่ใจกับบางเรื่อง และที่หนักไปกว่าทุกอย่าง ความเจ้าชู้ที่ดูเหมือนจะยังไม่หายไป แต่พระองค์ก็รักอ๋องน้อยเที้ยนหยวน...อ๋องน้อยผู้ร่าเริง นำความอบอุ่นมาสู่หัวใจที่หนาวเหน็บ

   ...แล้วพี่จะทำใจปล่อยเจ้าไปได้อย่างไรกัน..เที้ยนหยวน....

   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

สวัสดีคะ ตอนนี้ยังคงความหวานๆ(จืดๆ)กันต่อไป ถึงจะมีเรื่ององค์หญิงมาให้ท่านอ๋องหวั่นไหวก็ตาม แต่ว่ามันหวานจริงๆนะคะ ส่วนรัฐหลู่มีอยู่จริงนะคะ ในยุคของขงจื้อ อยู่ติดเกาะชิงเต่าลงมาทางใต้ของปักกิ่งคะ

ขอบคุณคะ


ออฟไลน์ หมวยลำเค็ญ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 863
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-1
รู้ว่าใจตรงกันแล้วก็ยังมีอุปสรรคเน๊อะ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
เจ้าชายหลู่เป็นคนรักขององค์หญิงย่าหนานใช่ป่าว

ออฟไลน์ ณ ที่เดิม™

  • มากกว่าชีวิต...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
เฮ้อ! ให้ฮ่องเต้สละราชสมบัติไปเลยดีไหมเนี่ย ยุ่งยากดีแท้  :z3:

ออฟไลน์ jellyfish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
IF:ถ้า:如果

ถ้า.....ฮ่องเต้หน้าผี vs อ๋องน้อยหน้าปรุ   

       ใน ประวัติศาสตร์จีนได้มีบันทึกฉบับหนึ่ง กล่าวถึงฮ่องเต้หน้าตาอัปลักษณ์ไม่ต่างจากภูตผี ผิวหน้าปูดโปน ดวงตากร้าว แผลยาวคาดเฉียงผ่าครึ่ง จากหน้าผากซีกซ้ายลากผ่านริมฝีปากไปสุดที่สันกรามซีกขวา จมูกบานแบะ ริมฝีปากบิดเบี้ยว ผู้คนเชื่อว่าเป็นเพราะฤทธิ์คำสาปแช่งของพรรคพยัคฆ์กระโจน แต่ทว่ารูปกายนั้นเล่า สูงสง่าแข็งแกร่งกำยำสมชายชาตินักรบ เป็นผู้หมกมุ่นในกามา มัวเมาในเพศชาย ฮ่องเต้ผู้นั้นมีนามว่า อี้หลง


        * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

           เวลาล่วงเข้าบ่ายแก่ในที่ไม่ไกลจากวังหลวงมากนัก ตำหนักทู่หลงของท่าปาหยางอ๋อง ในห้องที่แสนวุ่นวาย สตรีนางหนึ่งกำลังโอดครวญด้วยความทรมานเจียนตาย หมอตำแยมากฝีมือก็ช่วยกันมาแต่กลางดึกของคืนวาน ในที่สุดเด็กทารกรูปร่างพิกลพิการก็ถือกำเนิด

          ในที่ไกลออกไปจนสุดจะนึกคิด ริมหน้าผาสูงตระหง่าน ชายชราพร้อมทารกแรกเกิดสองคนในมือกำลังอ่านสาสน์ที่ได้รับมาจากพญาเหยี่ยวอย่างพึงใจ

          "เจ้าตัวใหญ่ชื่อ อี้หลง ส่วนเจ้าตัวเล็กชื่อเที้ยนหยวน จงใช้สองชื่อนี้กอบกู้ศักดิ์ศรีของพยัคฆ์กระโจน"

            * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

    20ปีต่อมา

     ในพระราชวังหลวง กำลังครึกครื้นด้วยมีงานเลี้ยงฉลองพระราชสมภพครบรอบ20ปีขององค์ฮ่องเต้โฉดผู้ฉกชิงบุตรชายร่างบางของเหล่าขุนนางน้อยใหญ่มาเพื่อนสนองตัณหาตนเอง

      เหล่า ข้ารับใช้สังเกตเห็นสีหน้าเบื่อหน่ายบนพระพักตร์ฮ่องเต้หนุ่มต่างพากันหวาด กลัว มิรู้ว่าคืนนี้ใครจะโชคร้าย เป็นผู้ถูกเลือกไปโดนทรมานแก้ความเบื่อหน่าย

    "งานวันเกิดข้าทั้งที ทำไมมันแสนน่าเบื่อขนาดนี้"

       "ออกไป ออกไปให้หมด" ขุนนางใหญ่รีบไล่เหล่านางรำที่กำลังฟ้อนรำอย่างประจบประแจง ย้ายร่างของตนเข้าใกล้ฮ่องเต้ กราบทูลของกำนัลแลกกับตำแหน่งที่ใหญ่ขึ้น "ให้ข้าเรียกของที่นำมาถวาย ให้ฝ่าบาทเลยดีไหมกระหม่อม"

"เอาซิ ถ้าขอที่เจ้านำมาถูกใจข้า จะตบรางวัลให้อย่างงามทีเดียว"  ใบหน้าอัปลักษณ์ยิ้มพราว จ้องมองขุนนางด้วยดวงตายากจะอ่านออก

"เด็กๆ" เสียงแหบแห้ง ตะโกนเรียกก่อนที่เด็กหนุ่มหน้าสวย ผิวขาวร่างบาง เกือบยี่สิบคนจะเดินเรียงแถวมาให้ ฮ่องเต้หนุ่มทรงเลือก

ใบหน้าอัปลักษณ์ยิ้มแสยะ บอกให้รู้ว่ามัวเมาในเพศรสมากเพียงไร อย่างน่ารังเกียจ กำลังพึงใจกับเด็กหนุ่มตรงหน้า

"ข้าก็มีถวายเช่นกัน" ปาหยางอ๋อง อ๋องปลายแถวผู้ไม่มีผลงานใด ความดีความชอบ รีบเอ่ยแทรกก่อนผลักลูกชายผู้พิการใบหน้าปรุประบิดเบี้ยวออกมาให้ผู้คนทั้ง งานได้หัวเราะเยาะ "เที้ยนหยวนลูกชายของกระหม่อมเอง"

"เจ้าคนพิการนี้หรือที่เจ้าจะให้เรา เอาไปเป็นคนเลี้ยงม้ายังไม่สมกับค่าข้าวที่ต้องเสียให้มันเลย"  ฮ่องเต้ทอดพระเนตรมองผู้ที่ปาหยางอ๋องนำมาให้อย่างดูแคลน แม้รูปทรงจะดูบอบบาง แต่หน้าตาแสนทุเรศ

"ใช่ ท่านอ๋องทำแบบนี้หรือ ไม่เป็นการหมิ่นเกรียรติฮ่องเต้ไปหน่อยหรือ" ขุนนางผู้นำเด็กหนุ่มทั้งหลายมาถวายเอ๋ยอย่างสมเพชมองด้วยหางตา

"อย่าง น้อยลูกข้าก็บริสุทธิ์ ไม่มีประวัติน่าสงสัยอย่างเด็กที่ท่านนำมา" ปาหยางอ๋องผู้ใจกล้านำลูกชายหน้าตาแสนทุเรศมาถวายตอบโต้ขุนนางเฒ่าเพื่อปิด บังความจริง ที่หวังในความดีความชอบ หรืออย่างน้อยที่สุด ก็เพื่อขจัดลูกชายพิการตัวอัปมงคล ให้พ้นจากบ้าน

"เลิก เถียงกันได้แล้วน่ารำคาญ" สุรเสียงก้องบอกพระอารมณ์ที่กริ้วโกรธ ลุกจากพระที่มาคว้าข้อมมือบางของบุตรชายปาหยางอ๋องที่เอาแต่นิ่งเงียบ

"หน้า ตาอัปลักษณ์เช่นเจ้า มีปัญญาทำให้เราพอใจได้หรือไร" สายพระเนตรทอดมองอย่างรังเกียจ สำรวจร่างกายพิกลพิการอย่างดูแคลน "หากเจ้าทำไม่ได้ก็จงรีบไสหัวไป" สุรเสียงทำให้ผู้คนหวาดกลัว ยกเว้นก็แต่ปาหยางอ๋องที่ยังคงยิ้มไม่สะท้าน ดีใจที่ขจัดลูกชั่วไปได้

ใบ หน้าปรุประที่เอาแต่ก้มนิ่ง เงยหน้าขึ้นพร้อมดวงตาวาวโรจน์ สบพระเนตรที่มองอยู่ก่อน ขยับเขยื้อนร่างกางผิดรูปผิดร่างเข้าใกล้วรองค์สูงที่ใบหน้าไม่ต่างภูตผี กลีบปากแห้งกร้านสัมผัสลงบนริมฝีปากบิดเบี้ยว

จุมพิต แสนเร่าร้อนที่ต่างก็แลกลิ้นกันอย่างดุเดือดไม่อายใคร ไม่สนใจหยาดน้ำใสที่ไหลเยิ้มเล็ดลอดออกมาจากจากปากของฮ่องเต้หน้าผีและอ๋อง น้อยหน้าปรุ พาเอาผู้คนที่มองต่างสะอิดสะเอียนนึกรังเกียจ แต่ต้องทนมองเพื่อรักษาหัวให้อยู่ติดกับบ่าต่อไป

วรองค์สูงเผลอไผลไปกับความอ่อนหวาน ไม่นึกเฉลียวใจว่าเหตุใด  ร่างกายที่พิกลพิการจึงดูคุ้นเคยกับการจูบ และยังมีรสจูบที่แสนเร่าร้อนถึงเพียงนี้

หัตถ์หนาเอื้อมปลดสายคาดเอวจากเอวบาง สองมือล้วงข้าลูบไล้ผิวกายที่เนียนละเอียดผิดผิวหน้า  รั้งชุดพิธีการเต็มยศที่ร่างบางตรงหน้าสวมใส่ เปิดไหล่บางที่ไร้กล้ามเนื้อ เคลื่อนริมฝีปากร้อนลงมาจนสะดุดเข้ากับรอยนูนจากผิวเนียนบนแผ่นอกขาวผ่อง

พระเนตรกร้าวจ้องมองรอยนูนขนาดใหญ่ที่ชะงักทุกการกระทำของพระองค์ มันเป็นแผลเป็นโปนจากผิวเนื้อ เหมือนถูกของมีคมทิ่มแทงอย่างแรง

ทรง มองใบหน้าปรุประที่บิดเบี้ยวผิดรูปอย่าพิจารณา ก่อนอุ้มร่างพิการที่ใครต่อใครเบือนหน้าหนีขึ้นแนบพระอุระ เดินออกจากงานฉลองไม่สนใจผู้ใด

"ไม่คิดเลยว่าฮ่องเต้จะมีความคิดประหลาด เอาคนพิการไปนอนด้วย"

"แต่ข้าว่า ก็คงได้แค่คืนเดียวเท่านั้น"

"นอกจากไม่โปรดผู้หญิงแล้ว ยังชอบคนอัปลักษณ์อีกหรือ"

       "แต่ข้าว่าสมดีนะ คนหน้าผีกับคนพิการ"

      * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

ฮ่องเต้หนุ่มอุ้มร่างพิการดำเนินกลับเข้ามาในห้องบรรทม วางร่างบางลงบนเตียงก่อนทาบทับหมายรุกราน หัตถ์หนารั้งเสื้อของคนที่พาเข้ามา เปิดเปลือยแผลเป็นให้เห็นเด่นชัด ว่ามันร้ายแรงเพียงใด และคงเจ็บไม่น้อยเมื่อครั้งเป็นแผลสด

พระโอษฐ์บิดเบี้ยวปิดประทับลงบนคอขาว สร้างรอยรักสีหวาน แต่กลับชะงักงันด้วยปลายคมของมีดสั้นในมือบางทิ่มจ่ออยู่ที่พระศอหนา

"ฮึๆๆๆ ในที่สุดก็เผยตัวตนออกมาเสียที เจ้าเป็นใครแล้วเที้ยนหยวนตัวจริงอยู่ที่ใด" ฮ่องเต้หนุ่มไม่เพียงไม่ตกพระทัย กลับจับข้อมือเล็กไว้มั่น กดน้ำหนักตรึงร่างบางไว้มั่น ให้ไม่อาจขยับเขยื้อน

"ข้า คือเที้ยนหยวน หมดเวลาของเจ้าแล้ว ฮ่องเต้โฉด" ร่างกายที่ดูพิการกลับเคลื่อนไหวอย่างรวดเร้ว พลิกกายอย่างรวดเร็วขึ้นไปอยู่เหนือร่างหนาอย่างง่ายดาย แขนเรียวเงื้ออ่าหมายทิ่มแทงสุดแรง แต่กลับต้องปะทะกับกริชมังกรที่ทรงคว้าได้จากใต้หมอนอย่างทันท่วงที

พระหัตถ์หนากระชากผมยาวที่หลุดรุ่น จนใบหน้าปรุประแหงนหงาย "เจ้าไม่ใช่เที้ยนหยวนคนพิการ  เจ้าเป็นใครบอกมา"

"ฉลาดอยู่บ้างนะเจ้า  ข้าคือคนแห่งพยัคฆ์กระโจน จะฆ่าเจ้าแทนท่านประมุข"

ความ จริงที่ได้ยินทำให้ฮ่องเต้หนุ่มนิ่งอึ้ง คลายแรงที่รั้งผมไว้จนร่างบางเป็นอิสระสามารถเพิ่มน้ำหนักลงกับมีดสั้นจน ฮ่องเต้ผู้เพลี่ยงพล้ำ ต้องใช้แรงต้าน ปัดให้มีดสั้นเบี่ยงออกจนร่างบางเสียหลัก หล่นลงจากร่างที่คร่อมอยู่

"ฝีมือแค่นี้คิดจะฆ่าข้าได้หรือไง"  อี้หลงจับบิดมือที่กำมีสั้นไว้แน่น พลิกร่างบางให้นอนคว่ำ กดน้ำหนักตัวล็อคร่างเล็กเพื่อไม่ให้ลุกขึ้นได้อีกจนสุรเสียงต้องเค้นลอด ผ่านไรฟัน "ข้าไม่รู้จักประมุขเจ้า"

"โกหก เมื่อสองเดือนก่อนท่านประมุขลอบเข้ามาเพื่อสังหารเจ้า แต่ท่านประมุขก็เงียบหายไป" ใบหน้าบิดข้างเค้นคำพูดอย่างยากเย็นมือข้างที่เป็นอิสระ แนบชิดลำตัว แอบคลี่แผ่นโละหะบางที่ถูกลับจนแหลมคม เตรียมขว้างสะบัดยามร่างหนาเผลอ

"เจ้าคงไม่ใช่ชั้นปลายแถวสินะ จึงรู้เรื่องนี้ บอกมาว่าเป็นใคร"

"ข้าคือ..."มือบางเตรียมสาดสะบัดใบมีดบางที่แอบซ่อนไว้เข้าใส่ร่างสูงใหญ่ "เที้ยนหยวนคนสนิทของท่านประมุขอี้หลง"

อี้หลงยึดข้อมือที่กำลังสะบัดใบมีดใส่พระองค์อย่างรวดเร็ว ผลักร่างเล็กให้พลิกไปทับแขนเรียวที่เคยถูกยึดไว้ จ้องมองใบหน้าบิดเบี้ยวอย่างพินิจ "ประมุขเจ้าชื่อเดียวกับข้าเลยนี่"

 "ใช่ ทั้งข้าและท่านประมุขถูกตั้งชื่อตามเป้าหมายที่เราต้องสังหาร" คนสนิทของประมุขพรรครู้ดีว่าการพูดมาก ย่อมนำอันตรายมาสู่ตน แต่ในค่ำคืนนี้มีเพียงสองทางเลือก คือเป็นผู้สังหารฮ่องเต้โฉด หรือ เป็นผู้ถูกฆ่า ไม่มีทางเลือกที่สาม

ฮ่องเต้ทรงละพระหัตถ์จากร่างเล็ก ลงจากแท่นบรรทมที่เป็นสนามรบย่อยๆ หันหลังให้คนที่นอนนิ่ง รินน้ำชาจากโต๊ะกลางห้องอย่างสบายพระทัย "อย่างนั้นหรือ"

"เจ้า!" เที้ยนหยวนมองอาการเช่นนั้นด้วยความแค้นเคือง คว้ามีดสั้นที่ตกอยู่บนแท่นบรรทมถลันเข้าหาร่างที่หันหลังอย่างรวดเร็ว หมายผิดชีพฮ่องเต้ด้วยมีดสั้นนี้

ร่างสูงที่ ดื่มชาอย่างสบายใจ พลิกตัวกลับมาเผชิญหน้าพร้อมกระบี่พลิ้วไหวที่เคยวางอยู่บนโต๊ะ ระยะที่แม่นยำหยุดร่างเล็กไว้ที่ปลายกระบี่ ลำคอขาวแนบชิดกับปลายคม ดวงตาเบิกกว้าง จ้องมองรอยยิ้มเย็นเยือก รู้สึกได้ถึงเงามัจจุราชที่มาเยือนไม่กล้าแม้แต่จะกลืนน้ำตา(หรือน้ำลาย?)

"เจ้ายังกล้าหลอกข้าอีกหรือ"

"ข้า หลอกเข้าตรงไหนกัน" ใบหน้าพิกลพิการเลิกคิ้วเรียวอย่างสงสัย เวลานี้คงหมดทางเลือกนอกจากกลายเป็นผู้ถูกฆ่าแต่อย่างน้อยก็ได้แก้แค้นให้ ท่านประมุข...แม้จะไม่สำเร็จ

"ตรงนี้อย่างไรเล่า" ข้อมือหนายกปลายกระบี่ทิ่มลงบนใบหน้าปรุประ เคลื่อนไหวเพียงไม่กี่ครั้งให้ปลายกระบี่เคลื่อนไหวดั่งที่ใจต้องการ "เจ้า ไม่ใช่คนสนิทของประมุขพรรคพยัคฆ์กระโจน" เศษเนื้อจากใบหน้าพิการร่วงกราวสู่พื้น จากรอยยิ้มเยือกเย็นกลายเป็นยิ้มเพียงมุมปาก และปรากฏรอยยิ้มในดวงตากร้าว

"เจ้าคือเที้ยนหยวนคนรักของข้าต่างหากหล่ะ"

ใบ หน้าสวยหวานเนียนเรียบที่เคยซ่อนอยุ่ภายใต้หน้ากากพนังมนุษย์ ฉายแววตกใจ จ้องหน้าบุรุษตรงหน้าอย่างหวาดระแวง มือที่ถือมีดสั้นอยู่ข้างลำตัว หากเกิดสิ่งใดก็พร้อมตายด้วยมีดเล่มนี้

"ดูทำหน้าเข้า จ้อมมองหน้าข้าไว้ดีๆหล่ะ" มือหนาลอกผิวหนังมนุษย์ขึ้นจากลำคออย่างช้าๆ เปิดโฉมหน้าที่แท้จริงให้ร่างบาได้เห็น

"อี้หลง! ท่าน ยังไม่ตาย ยังไม่ตายจริงๆด้วย" น้ำตาเม็ดเล็กไหลลงมาทันทีที่ได้เห็นใบหน้าอันแท้จริงของบุรุษตรงหน้า ก่อนถลันเข้าหาอ้อมกอดอันคุ้นเคย

"ก็ยังไม่ตายหน่ะซิ แต่ก็เกือบตายเพราะเจ้ารู้ไหม" มือหนาลูบหลังบางของคนในอ้อมกอดที่ยังสั่นสะท้านเพราะความดีใจ

ร่างบางขืนตัวออกห่างอีกนิด สองมือยกขึ้นลูบไล้ใบหน้าหล่อคมของคนตรงหน้า จากเด็กที่เคยถูกฝึกมาด้วยกัน กลายเป็นคู่ซ้อมที่รู้ฝีมือ และคนรักที่รู้ใจ รวมถึงท่านประมุขที่ยอมรับด้วยใจจริง

"รู้ไหมว่าข้าเป็นห่วงท่านแค่ไหน 2เดือน ที่ท่านลอบเข้าวังแล้วหายเงียบไป ทุกคนเป็นห่วงท่านมากนะ ทำไมไม่ส่งข่าวมาบ้าง บ้าที่สุด" จากความซาบซึ้งกลายเป็นโกรธเคือง สองมือบางทุบอกหนาไม่ออมแรง

"โอ้ย!พอแล้ว เที้ยนหยวนเจ้าจะฆ่าข้าหรือไง แรงก็ไม่ใช่น้อย" สองมือหนาจับข้อมือเล็กไว้มั่น ริมฝีปากได้รูปปรากฏรอยยิ้มพราว ใบหน้าคมเข้มปราศจากรอยใดๆมองคนรักอย่างเอ็นดู "เจ้าเป็นห่วงข้ามากก็เลยรีบจัดการอ๋องพิการเพื่อลอบเข้าวังวันนี้งั้นหรือ"

"ก็ ใช่หน่ะสิ ปล่อยมือข้านะ" ใบหน้าหวานไม่เหลือเค้าความเป็นนักฆ่า ทำหน้าตาบูดบึ้ง ดึงข้อมือตัวเองแต่ก็ไม่สำเร็จ เท้าเล็กเตรียมยกขึ้นสูง

ประมุขพรรคมองความแง่งอนของคนรักรีบยกเท้าหนีอย่างรู้ทันทั้งฝีมือและความคิด "ถ้ายังไม่เลิกทำร้ายข้าเราจะไม่ยืนคุยกันแบบนี้ แต่จะเปลี่ยนเป็นนอนคุยนะเที้ยนหยวน อารมณ์ข้ายังค้างอยู่นะ" ดวงตาคมจ้องมองอย่างสื่อความหมาย แล้วยังพาร่างเล็กเดินถอยหลังเข้าใกล้เตียงมากยิ่งขึ้น

"ไม่เอา เรานั่งคุยกันเถอะนะ ข้ายังเหนื่อยอยู่เลย สู้กับท่านทีไรข้าเหนื่อยถึงเช้าทุกที ขืนนอนคุยกันข้าได้ตายพอดี"

ไม่ตายหรอกหน่า เรื่องอะไรจะทำให้เจ้าตาย หรือไม่เชื่อฝีมือข้า หืมม์?" เสียงกระซิบถามแผ่วเบา ดวงตาเป็นประกาย หลอกล่อเหยื่อให้ตกหลุมพรางเป่าลมร้อนเข้าหูให้รู้สึกวูบวาบ

"เชื่อ สิ" นักฆ่าหน้าหวานหลงเคลิ้มไปกับคำพูดของคนรัก เกือบพลาดตกหลุมพราง หากแต่ยั้งตัวไว้ได้ทัน เมื่อรู้สึกกำลังลอยจากพื้น "เฮ้ย! ไม่ใช่แบบนี้สิ เรานั่งคุยกันนะ" ดวงตากลมโตจ้องมองอย่างขอร้อง ความเหนื่อยล้าปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน

"อย่างเจ้านั่งคุยไม่ไหวแล้ว เชื่อข้าเถอะไปนอนคุยกัน ข้าสัญญาว่าคืนนี้แค่นอนคุยเฉยๆ ไม่ล่วงเกินอะไรทั้งนั้น หากเจ้าไม่ร้องขอ" ประมุขอี้หลงผู้เป็นฮ่องเต้ตัวปลอมอุ้มคนรักไปวางบนที่นอนนุ่ม ใบหน้ายิ้มกริ่มเมื่อได้ฟังคำบ่นพึมพำจากร่างที่แนบชิดกับอกหนา

"ใครจะไปร้องขอกันเล่า"

อี้หลงวางนักฆ่าคนสวยลงนอนก่อนทิ้งตัวนอนลงเคียงข้าง แล้วฉุดรั้งร่างบางให้เข้ามาในอ้อมกอด ประคองหัวเล็กขึ้นหนุนแขนรอยยิ้มกระจ่างบนใบหน้า ความเงียบที่แสนอบอุ่นเข้าครอบคลุม จนชายหนุ่มอดเอ่ยถามไม่ได้ "ว่าไง มีเรื่องอะไร ถ้าเจ้าไม่พูด ข้าจะทำให้เจ้าร้องขอนะ"

 "ท่าน อี้หลง! ทำตัวให้สมเป็นประมุขพรรคที่ท่านอาจารย์ไว้ใจหน่อยได้ไหม" เที้ยนหยวนจ้องมองอย่างไม่พอใจ ที่ทำตัวไม่น่าเคารพทั้งที่อาจารย์อุตส่าห์เลือกให้สืบทอด

"ก็ ตอนนี้ข้าไม่ใช่ประมุขพรรคเสียหน่อย แต่ข้าเป็นฮ่องเต้โฉดมั่วโลกีย์ต่างหาก" ใบหน้าคมขำขันก่อนจะแกล้งร้องโอดโอยเมื่อถูกนิ้วเรียวบิดเข้าที่แขนล่ำ

"ท่านนี่ทำเป็นเล่น ทำไมหลังจากลอบฆ่าฮ่องเต้โฉดได้แล้วถึงเงียบหายไป ไม่ส่งข่าวกลับมาเลย"

"ข้า ขอโทษ แต่เป็นเพราะยังจัดการอะไรไม่เรียบร้อย สองเดือนที่ผ่านมา ข้าพยายามเร่งจัดการขุนนางโฉดทั้งหลาย คิดไว้ว่าเรียบร้อยเมื่อไหร่จะส่งข่าวกลับไป แต่เจ้าก็ชิงเข้ามาเสียก่อน" ชายหนุ่มประทับริมฝีปากลงบนขมับบางอย่างแสนคิดถึงสองเดือนแล้วที่ไม่ได้ นอนกอดกันแบบนี้

"แล้วท่านรู้ได้อย่างไรว่า อ๋องพิการนั่นเป็นข้าถึงได้...รับจูบทั้งที่หน้าตาก็อัปลักษณ์หรือว่า... เป็นใครก็ได้" ดวงตากลมจ้องมองคนรักอย่างคาดคั้น ริมฝีปากเล็กยื่นออกมาอย่างไม่พอใจ

"คิดมาก จังเที้ยนหยวน" ใบหน้าคมมองหน้าคนรักอย่างเอ็นดู จะก้มลง จุมพิตที่กลีบปากอิ่ม แต่กลับโดนหลบอย่างรวดเร็ว "ก็กลิ่นน้ำมันหอมของเจ้าไงเล่า แค่เข้าใกล้ข้าก็รู้แล้ว  แล้วยิ่งมั่นใจเมื่อได้ เห็นแผลเป็นนั่น" จมูกโด่งสูดกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของร่างบางอย่างชื่นใจ มือลูบไล้แผลเป็นบนอกขาวที่ได้มาระหว่างที่ฝึกซ้อม "ข้าขอโทษเรื่องแผลเจ้านะ"

"อีกแล้ว! ข้าฟังท่านจนเบื่อแล้วนะ ทีทำอย่างอื่นไม่เคยรู้สึกผิด" ใบหน้าสวยแดงกล่ำกับคำพูดของตนเองยามพูดถึงสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง ซุกหน้ากับอกหนาหนีสายตาที่เปล่งประกาย ก่อนกลับมาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง "ข้าปลอมตัวไม่เนียนขนาดนั้นเลยหรือ ก็ว่าแกล้งทำพิการเหมือนแล้วนะ"

"เจ้าหน่ะปลอมตัวแนบเนียนที่สุดแล้ว แต่เพราะข้ารักเจ้า จึงจดจำได้ทุกอย่างที่เป็นเที้ยนหยวนของข้า" อี้หลงยิ้มปลอบใจคนรัก เมื่อใบหน้าสวยพองลมจนแก้มป่องไม่พอใจฝีมือตนเอง

"นี้ ขนาดจำได้ เล่นซะแขนข้าเกือบหัก แล้วยังเอากระบี่มาจิ้มอีก" นักฆ่าคนสวยผู้เกือบพลาดท่าบ่นกระปอดกระแปด ก่อนฝั่งเขี้ยวคมลงบนแขนใหญ่ที่หนุนนอนอยู่

"โอ้ยเที้ยนหยวน ไม่เจอแค่สองเดือนเจ้าคิดถึงข้าขนาดต้องทำให้ช้ำไปทั้งตัวเลยหรือไง" ชายหนุ่มจับหัวเล็กไม่ให้ดิ้นหนี ทอดมองอย่างเอ็นดู "ก็ข้าไม่สู้เจ้าเลย ไม่เห็นหรือแค่ป้องกันตัวเท่านั้น คนกำลังเคลิ้มอยู่ดีๆ เอามีดมาจิ้มคอ ส่วนกระบี่ก็แค่แหย่เจ้าเล่นเท่านั้นเอง"

"ท่านแค่ป้องกันตัวข้ายังสู้ไม่ได้ จะมีวันที่ข้าชนะท่านบ้างไหม" ร่างบางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ปลงตกกับฝีมือตนเอง

"เจ้าชนะข้าเสมอเที้ยนหยวน" เสียงทุ้มกระซิบข้างหูยิ้มอย่างมีความสุขที่ได้เห็นคนรักหน้าแดงกล่ำ

 "ท่าน อี้หลงเราจะเอายังไงต่อ ข้าไม่ได้เอายางแปะหน้ามาพรุ่งนี้จะออกไปได้อย่างไหร่ แล้วท่านจะแจ้งเรื่องนี้กับพรรคเมื่อไหร่" ร่างบางถามยาวยืดกลบเกลื่อนความอายที่คนรักสร้างขึ้น ทั้งที่ดวงตาก็ปรือเต็มที่แล้ว

"จะยากอะไร ข้ามียางแปะหน้าอีกมาก พรุ่งนี้เจ้าก็ปลอมตัวออกไปเก็บของย้ายเข้ามาอยู่กับข้า แล้วข้าจะลอบส่งข่าวให้ทุกคน แล้วเราค่อย อ้าว! เที้ยนหยวนหลับไปแล้วหรือ" อี้หลงจ้องมองร่างในอ้อมกอดอย่างแสนรักโอบร่างบางเข้ามาแนบชิด ต่อจากนี้ชีวิตจะเปลี่ยนผันไปเพียงใด แต่แค่ได้อยู่เคียงข้างกันก็พอแล้ว
   
"อาจ ไม่มีใครรู้จักตัวตนของเจ้าและข้า แต่ทุกคนต้องจำฮ่องเต้อี้หลงและอ๋องเที้ยนหยวนไปอีกนานแสนนาน โลกจะรับรู้ความรักที่เรามีให้แก่กันแม้เราสองจะลาลับโลกนี้ไป"

* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

ใน บันทึกประวัติศาสตร์ได้กล่าวไว้อีกว่าหลังขึ้นครองราชย์ได้เพียงสองเดือน จากฮ่องเต้โฉดได้กลายเป็นฮ่องเต้ผู้ห่วงใยประชาชน ปกครองบ้านเมืองอย่างสงบสุข ขับไล่ขุนนางชั่ว ขยายอาณาเขตให้กว้างขวาง เลิกนิสัยมัวเมาในเพศรส ไม่มีฝ่ายในทั้งชีวิตมั่นในรักเดียวเพียงเที้ยนหยวนอ๋องน้อยผู้มีใบหน้าปรุประบิด เบี้ยวรูปร่างพิกลพิการเท่านั้น

     * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* EnD~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

Special

       มีตำนานรักของฮ่องเต้หน้าผีและอ๋องน้อยหน้าปรุ เล่าสืบขานต่อมานับพันปี......

     ในคืนที่จันทร์เต็มดวงดลบัลดาลให้ฮ่องเต้หน้าผีและอ๋องหน้าปรุกลายเป็นชาย หนุ่มรูปงามแสนสง่า และอ๋องน้อยผู้มีใบหน้าอ่อนหวานแสนบอบบาง พากันออกมาชื่นชมแสงจันทร์

       * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

สวัสดีคะ วันนี้เอาอีกหนึ่ง “ถ้า” ที่ชวนงงมาให้อ่านกันคะ ถ้านี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องเลย อย่าสับสนนะคะ ส่วนฉากต่อสู้ก็เป็นการเป่ากบอีกแล้ว 555 มันช่างยากเย็นอะไรแบบนี้หนอ

ขอบคุณคะ




ออฟไลน์ Piaanie

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-2
+1 เป็นกำลังใจ อ่านแล้วสนุกดีค่ะ รอตอนต่อไปเน้อ

O_a

  • บุคคลทั่วไป
รอให้อ๋องน้อยเชื่อในรักของฮ่องเต้
มารอเป็นต้นห้อง เตรียมน้ำให้ฮ่องเต้กับอ๋องน้อย

+1 ให้กับเรื่องสนุกๆ ค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ jellyfish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
ประลองรัก....十六

   อ่างไม้กว้างที่ตั้งอยู่กลางห้อง มีไอความร้อนพลุ่งพวยขึ้นมาพร้อมกับกลิ่นหอมจากน้ำมันหอมที่ถูกเหยาะใส่ด้วยความเอาใจใส่จากผู้เตรียมน้ำอ่างนี้ที่เป็นถึงต้นห้องคนโปรด หากแต่คนเตรียมกลับหายไปนาน จนฮ่องเต้หนุ่มต้องตามหาด้วยพระองค์เอง

   “อู่กงกง ท่านอ๋องหายไปไหน” ทรงมีรับส่งถามขันทีประจำตำหนักส่วนพระองค์ที่เดินสวนมาตามระเบียงยาว

   “กระหม่อมเห็นท่านอ๋องเดินไปที่สวนดอกไม้หน้าตำหนักพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีร่างเล็ก โน้มศีรษะลงต่ำ ก้มตอบโอรสแห่งสวรรค์ที่กำลังทรงร้อนพระทัย

   “อือ ขอบใจ” ทรงดำเนินก้าวเร็วไปยังสวนดอกไม้หน้าตำหนักที่อู่กงกงบอกมาว่าน้องน้อยของพระองค์อยู่ที่นั้น แม้จะทรงแปลกพระทัยก็ตามว่าด้วยเหตุใดคนที่ต้องอาบน้ำให้พระองค์กลับมาอยู่ที่สวนดอกไม้ หรือต้องการหลบเลี่ยงกันนะ

   แผ่นหลังที่ฮ่องเต้หนุ่มคุ้นพระเนตรกำลังก้มหน้าอยู่กับกอกุหลาบหอมจากเปอร์เซีย เรียกรอยแย้มพระโอษฐ์ของฮ่องเต้หนุ่มได้เป็นอย่างดี ทรงค่อยๆดำเนินอย่างแผ่วเบา พระกรโอบรอบเอวเล็กรั้งให้แนบชิดพระอุระ

   “ฮะ...เฮ้ย ท่าน” ร่างเล็กที่กำลังเลือกเก็บดอกไม้อย่างใส่ใจเผลออุทานเสียงดัง ก่อนจะเหลียวหน้ากลับมามองพบเจ้าของแขนที่โอบรอบเอวตนเองเป็นวรองค์สูงสง่าของฮ่องเต้หนุ่ม

   “ก็พี่หน่ะสิ เจ้าคิดว่าใครกันที่จะทำแบบนี้กับน้องน้อยของฮ่องเต้ได้อีก นอกจากพี่” สุรเสียงทุ้มแผ่วแนบชิดใบหูเล็ก ที่ร้อนและแดงจัด

   “ปล่ะ... เปล่า ก็แล้วทำไมมาเงียบๆ ปล่อยข้าได้แล้ว เดี๋ยวใครมาเห็น นี้ไม่ใช่ในตำหนักท่านนะ ที่จะมาทำอะไรเช่นนี้” เสียงเล็กแผ่วเบา สองมือแกะแขนใหญ่ที่โอบไว้แน่น กลัวว่าจะมีใครเดินผ่านมาเห็น แล้วคนที่เสื่อมเสียคงเป็นชายหนุ่มสูงศักดิ์ผู้นี้ หาใช่อ๋องน้อยที่ด่างพร้อยอย่างเขา

   วงพระกรใหญ่โอบรัดแน่นขึ้นไม่ใส่ใจกับแรงน้อยนิดของร่างเล็ก ไม่ใส่ใจว่าผู้ใดจะผ่านมา “ไม่ใช่ในตำหนักพี่แล้วอย่างไร คนเป็นพี่กอดน้องแล้วมันไม่ดีตรงไหนกัน ตัวเจ้าเถอะเที้ยนหยวนมาทำอะไรที่นี้ ทำไมไม่อยู่อาบให้พี่ หรือเจ้าคิดหนีกัน ทำอย่างนี้ไม่สมกับเป็นท่านอ๋องเลยนะ”

   “ข้าไม่ได้หนี แต่แค่จะเก็บดอกไม้ไปลอยให้ท่านสดชื่นขึ้นเท่านั้น” ใบหน้าเล็กที่แดงก่ำค่อยๆคลายสีลงเหลือเพียงความหมองเศร้าที่ปกปิดไม่ให้ผู้ใดได้เห็น....กับเพียงแค่ พี่น้อง ก็เจ็บช้ำถึงเพียงนี้

   หวังอะไรกันแน่เที้ยนหยวน เจ้าหวังอะไรอยู่..ช่างน่าอับอายเสียจริง....

   จำไว้ว่า...แค่เพียงพี่น้อง เท่านั้นนะเที้ยนหยวน แค่เพียงเท่านั้น....

   “งั้นหรือ ถ้าเช่นนั้นแค่นี้ก็เพียงพอ เจ้ากลับไปอาบน้ำให้พี่ได้แล้วหล่ะเที้ยนหยวน” พระหัตถ์หนาแย่งตะกร้าที่เต็มไปด้วยกุหลาบกลีบช้ำเพราะแรงดึงของอ๋องน้อยมาถือไว้ในมือ ก่อนที่พระหัตถ์อีกข้างจะจับจูงร่างบางให้เดินกลับเข้าพระตำหนักส่วนพระองค์ไปด้วยกัน

   “แค่นี้จะพอจริงๆหรือ เมื่อก่อนตอนข้าไปเที่ยวสำนักโคมแดง พวกนางจัดหาดอกไม้มาลอยมากกว่านี้เสียอีก” ร่างเล็กที่ถูกชักพาให้เดินไปด้วยกัน เล่าไปถึงสมัยยังใช้ชีวิตแสนสำราญเที่ยวหอโคมแดงจนขึ้นชื่อไปทั่วเมืองหลวง ไม่ได้สังเกตเลยว่า ใบหน้าของฮ่องเต้อี้หลงบึ้งตึงขึ้นเพียงใด

   พระพักตร์คมขึ้นสันกรามนูน อยากหาอะไรปิดปากเล็กช่างเล่าของน้องน้อยยิ่งนัก ไม่รู้เลยหรือไงกันว่าที่พูดมาทำร้ายใจคนฟังเพียงใด แต่พระองค์คงทำได้เพียงฝืนยิ้มรับ ไม่อาจแสดงออกถึงความไปพอใจที่มี “พี่ควรดีใจหรือไม่นะเที้ยนหยวน ที่เจ้าเคยเที่ยวบ่อยเสียจนรู้ดี แล้วนำมันมันมาปรนนิบัติให้พี่เช่นนี้”

   ใบหน้าสวย หันมามองวรกายที่สูงกว่ามาก ด้วยร้อยยิ้มโดยไต้องปรุงแต่ง “ต้องดีใจสิ หากท่านได้คนอื่นเป็นต้นห้องมีหรือที่จะทำแบบนี้ให้ท่าน ยิ่งขันทีเหี่ยวยิ่งไม่มีทางเสียหรอก แล้วเดี๋ยวท่านก็จะรู้ว่ามันมีดีเพียงไรข้านำน้ำมันหอมหยดลงไปด้วย คราวนี้ก็ยิ่งหอม ไหนจะกลีบดอกไม้พวกนี้อีก ถึงมันจะช้ำไปหน่อยก็ตาม”

   “เจ้าอยากให้พี่รู้สึกดีถึงเพียงนั้นเชียวหรือเที้ยนหยวน” พระพัตร์ที่ฝืนเฝืออยู่เป็นนาน ค่อยคลายออกเป็นพระรอยแย้มพระโอษฐ์กว้าง รวมไปถึงพระเนตรคมแฝงนัยน์ลึกซึ้งที่มองร่างบางอย่างแสนสิเน่หา

   “อือ ถึงข้าจะดูไม่ได้เรื่อง แต่ข้าก็ดูออกว่าท่านคงกำลังมีเรื่องในใจอยู่ไม่น้อย และว่าข้าว่าก็คงเป็นเพราะเรื่องของข้าด้วยส่วนหนึ่งกระมัง หากข้าช่วยผ่อนคลายให้ท่านได้บ้างก็คงดี ใช่หรือไม่” ดวงตากลมจ้องมองในพระเนตรคม เห็นถึงร่องลอยของความเหนื่อยล้าที่ปิดบังได้เกือบมิด

   “ก็จริงของเจ้า แต่รู้ไหมวิธีที่จะช่วยให้พี่ผ่อนคลายโดยที่ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปเก็บดอกไม้เหล่านี้มานั่งลอยน้ำให้พี่เลยก็มี”

   “อะไร” อ๋องน้อยไม่ได้สังเกตเลยว่ารอยแย้มพระโอษฐ์เปลี่ยนความหมายไปแล้ว ได้แต่จดจ้องอยากรู้วิธีการ โดยไม่ต้องเสียเวลา จนลืมนึกถึงนิสัยส่วนพระองค์บางอย่างที่มีเพียงตนเท่านั้นที่เคยเห็น

    พระพักตร์คมโน้มลงมากระซิบใบหูเล็กอย่างพอพระทัยในคำถามแสนซื่อของอ๋องน้อย  “ก็แค่เจ้าลงมาร่วมในอ่างน้ำกับพี่อย่างไรเล่า แค่นั้น หากเจ้าอยากได้กลีบดอกไม้ลอยน้ำ พี่ก็ทำให้เจ้าได้ อย่างนั้นดีกว่ามิใช่หรือเที้ยนหยวน”

   “ทะ...ท่าน ข้าไม่เอาด้วยหรอก” ใบหน้าหวานแดงก่ำ น้ำเสียงทุ้มลึกที่แนบชิด ลมหายใจร้อนที่เป่ามาสัมผัสผิวกายทำให้ขนบางตามตัวลุกชัน ภาพหวานหวิวในคืนเก่าย้อนกลับมา ย้อมร่างเล็กให้กลายเป็นสีแดงไปทั่วกาย

   ฮ่องเต้หนุ่มมองร่างบางที่เดินหนีไปอย่างเขินอายจนทำอะไรไม่ถูก จนเผลอหลุดเสียงพระสรวลดังก้องไปทั่วไล่หลังร่างบางที่เดินไวเข้าไปทางห้องสรงน้ำ

   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
   
   “เที้ยนหยวน เจ้าจะหนีพี่ไปไหนหืมม์” พระหัตถ์ใหญ่ โอบรอบเอวเล็กของคนที่กำลังจะเดินหนีออกไปหลังจากที่เด็ดกลีบกุหลาบให้ลอยล่องอยู่ในอ่างไม้ใบใหญ่

   “ข้าไม่ได้จะหนี เพียงแต่เตรียมน้ำให้ท่านเสร็จแล้ว แล้วจะให้ข้าอยู่ทำไมอีก ปล่อยข้าได้แล้ว” มือเล็กพยายามแกะๆแงะๆ พระหัตถ์ใหญ่ที่จับอยู่รอบเอวตัวเอง หาทางเบี่ยงหนีพระพักตร์ที่โน้มลงมาใกล้ซอกคอจนรับรู้ได้ถึงลมหายใจร้อน

   “อย่างนี้ยังไม่เรียกว่าหนีอีกหรือ เจ้าสัญญาไว้เองนะ ว่าจะอาบน้ำให้พี่ ไม่ใช่เพียงแค่เตรียมน้ำเท่านี้ เจ้าทำแบบนี้ พี่ถือว่าผิดสัญญานะ เพราะอย่างนั้นเจ้าต้องลงไปอาบน้ำกับพี่เป็นการขอโทษนะเที้ยนหยวน” ฮ่องเต้หนุ่มไม่รั้งรอให้ท่านอ๋องที่เตรียมหนีได้เอยปากใด ทรงโอบอุ้มร่างเล็กไว้กับพระอุระ แล้วก้าวลงไปในอ่างน้ำ ปล่อยปากอิ่มให้โวยวายเสียงดัง

   “ท่านนนนนน ปล่อยข้าเลยนะ เห็นไหมว่าข้าเปียกไปหมดแล้ว” ร่างเล็กที่ถูกอุ้มลงมาในอ่างสัมผัสแนบชิดกับพระอุระที่เปล่าเปลือย ดิ้นรนให้หลุดออกจากอ้อมพระกรใหญ่จนสุดกำลัง กลีบกุหลาบที่เคยลอยล่อง ไหลออกไปจนหมด เมื่อมีร่างสองร่างลงมาพร้อมๆกัน

   “ไม่ปล่อย ก็เจ้าคิดจะหนีพี่ไปทำไม เปลี่ยนเป็นพี่อาบน้ำให้เจ้าดีกว่า จะได้ไม่ต้องหนีไปไหน” พระหัตถ์ข้างหนึ่งปล่อยออกจากร่างเล็ก มาวักน้ำลาดลงบนไหล่บางแล้วสูดดมความหอมจากซอกคอขาว “หอมเสียจริงเลยนะ น้ำที่เจ้าเตรียมวันนี้”

   “อื้อออออออออ ท่านปล่อยข้านะ ปล่อยเหอะ ข้าเปียกไปหมดแล้ว” เพราะหัวใจที่เต้นแรงจนเกรงว่าทำให้วรองค์สูงที่แนบชิดอยู่รับรู้ ร่างเล็กที่เสื้อผ้าเปียกแนบลำตัว ได้แต่ดิ้นรนเพื่อขึ้นจากอ่างน้ำใบนี้

   ไม่เพียงแต่จะไม่ทรงยอมปล่อยร่างเล็กให้ขึ้นจากอ่างน้ำ หากพระพักตร์ยังโน้มลงมาใกล้ แตะสัมผัสลงบนเรียวปากอิ่มสีสดที่เอาแต่ร้องโวยวาย จนต้องเงียบเสียงลง กลายเป็นเพียงเสียงครางแผ่วในลำคอ ยามที่ถูกกวาดต้อนค้นหาความหวานในโพรงปาก ก่อนจะทรงละออกเมื่อร่างเล็กเหนื่อยหอบ   

   พระเนตรคมมองน้องน้อยอย่างล้อเลียนที่แดงกล่ำไปทั่วใบหน้าและร่างกายขาวใส “น้ำร้อนไปหรือเที้ยนหยวน เจ้าถึงได้แดงไปทั้งตัวเช่นนี้” นิ้วพระหัตถ์เรียวไล้ไปตามริมฝีปากที่แดงช้ำ อย่างสมพระทัย

   “ก็ใครจะไปเหมือนท่านเล่า ปล่อยข้าเหอะนะ รับรองว่าจะไม่หนีอีกแล้ว” มือบางผลักพระอุระเปลือยเปล่าที่เริ่มเห่อแดงด้วยแรงอารมณ์วาบหวาม จนน่ากลัวว่าจะเกินเลยไปกว่าการอาบน้ำ

   “เอาแต่เรียกว่าท่านๆ เช่นนี้ พี่จะรู้ไหมว่าเจ้าหมายถึงใคร ท่านราชครู ท่านองค์รักษ์ ท่านขันที หรือท่านพี่” คำสุดท้ายที่ทรงกล่าวถึงนั้นเสียงช่างแผ่วเบากระซิบชิดหูเล็กๆ ที่แดงจัด ในยามนี้ทรงรู้ดีว่าอารมณ์ขององค์เองเป็นเช่นไร และควรต้องหยุดยั้งไว้แค่นี้ หากแต่ก็ยังอยากแกล้งร่างเล็กที่ถูกจะเล็กบางยิ่งขึ้นเมื่อเนื้อผ้าเบาแนบชิดเผยเห็นทุกส่วนสัด

   ใบหน้าหวานแดงก่ำ เสียงกระซิบข้างหูด้วยสำเนียงแสนหวาน ชวนให้นึกถึงยามเช้าที่มอบบางสิ่งให้แก่ฮ่องเต้ผู้นี้ แต่เพราะคำถามที่ทรงตรัสถามช่างกวนอารมณ์อ๋องน้อย จนกลายเป็น ใบหน้าหวานแดงจัดเพราะความอาย และดวงตากลมที่เหลือบค้อน “ฮ่องเต้ ทรงปล่อยกระหม่อมเถิด”

   ทรงฟังคำพูดอย่างเป็นทางการของอ๋องน้อยแล้วก็ได้แต่ปล่อยพระสรวลออกมา หากแต่ก็ไม่ใช่คำที่พระองค์ปรารถนาจากน้องน้อย “ เจ้าบอกว่าฮ่องเต้ แผ่นดินนี้มีมาก็เนิ่นนาน ฮ่องเต้ก็มีเป็นร้อยองค์ เจ้าหมายถึงฮ่องเต้องค์ใดกันหล่ะหืมมมม์? เที้ยนหยวน”

   ถ้อยรับสั่งของฮ่องเต้พระองค์ที่อยู่ตรงหน้า ทำให้ร่างเล็กอยากจะฝากรอยเล็กลงบนประอุระหนาเป็นยิ่งนัก หากไม่ติดว่าแววพระเนตรแสนหวานที่แฝงความนัยจะไม่มองมาด้วยความร้อนของอารมณ์จนต้องรีบหาทางออกห่างเช่นนี้ “ฮ๋องเต้อี้หลง ทรงปล่อยหม่อมฉันเถิดนะ”

   “เรียกว่า ‘พี่’ ก่อนสิ แล้วพี่จะยอมปล่อยเจ้า ไม่ทำอะไรอย่างที่เจ้ากลัวทั้งนั้น แต่หากเจ้าไม่เรียก พี่ก็ไม่รู้นะ จะเผลอทำอะไรเจ้านอกจากจูบบ้าง” ทรงยื่นข้อเสนอแสนหวานให้แก่น้องน้อยอีกครั้ง ทั้งที่พระองค์ก็กำลังหักห้ามพระทัยอย่างทรมาน

   “ท่านพี่ ปล่อยข้าเถอะนะ”  เสียงหวานจงใจออดอ้อนฮ่องเต้หนุ่ม พร้อมดวงตากลมที่จ้องมองอย่างใสซื่อ เหมือนทุกครั้งที่เคยทำและได้ผล

   ฮ่องเต้หนุ่มทอดมองดวงตาใสซื่อด้วยรอยยิ้มแสนหวาน ก่อนที่พระกรจะยอมละจากเอวบาง พระโอษฐ์ร้อนก็ประทับบนกลีบปากนุ่มที่สั่นไหว เอื้อมมือกดท้ายทอยเล็กไม่ให้หลีกหนีไปจนกว่าพระองค์จะซึมซับความหวามจนเต็มอิ่ม

   “หอบเสียแล้วเที้ยนหยวน แล้วจะอาบน้ำให้พี่ได้หรือ เปลี่ยนเป็นพี่อาบให้แทนดีไหม” ฮ่องเต้หนุ่มเชยคางเล็กที่แดงกล่ำขึ้น ทอดพระเนตรคนตรงหน้าที่เหนื่อยหอบจนต้องทิ้งตัวลงมาพิงพระองค์

   “ไม่เอา ข้าอาบให้ท่านเองแหล่ะดีแล้ว” ข้าเล็กที่เริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัย ตะกายตัวเองขึ้นจากอ่างน้ำมายืนตัวเปียกอยู่ภายนอก ตั้งใจจะอาบน้ำให้ฮ่องเต้หนุ่มตามสัญญา

      มือเล็กวักน้ำขึ้นราดใส่ไหล่กว้างที่เปิดเปลือย ค่อยๆใช้ผ้าผืนหยาบขัดไปตามแผ่นหลังกว้างอย่างนุ่มนวล ไม่ต่างจากที่เคยหยอกล้อกับสาวงามทั้งหลาย ริมฝีปากอิ่มฉีกยิ้มกว้างโดยไม่รู้ตัว ยามคำนึงถึงชีวิตนอกวังที่เคยมี

   “เจ้ายิ้มอะไร” พระพักตร์คมย้อนกับมาหาร่างเล็กที่ดูเหมือนจะเพลินกับการขัดหลังจนลืมว่าส่วนอื่นก็ต้องการการขัดถูเช่นกัน

   “ป่ะ เปล่า” ร่างเล็กที่เคลิ้มฝันจำต้องหยุดลงแล้ว เพราะฮ่องเต้หนุ่มที่อยู่ตรงหน้า พลางถอนหายใจเล็กน้อยที่ถูกขัดเวลาแห่งความสุขที่ต่อจากนี้อาจไม่ได้สัมผัสอีกแล้ว “นี้ ท่านจะเล่าให้ข้าฟังได้หรือยังเรื่ององค์หญิงย่าหนานหน่ะ”  ร่างเล็กของอ๋องน้อยที่เปียกไปทั้งตัว

   “ก็จะเล่าหากเจ้าเลิกขัดหลังแล้วมาถูข้างหน้าให้พี่เสียที เจ้าขัดจนพี่เริ่มแสบแล้วนะเที้ยนหยวน” พระปฤษฎางค์ของฮ่องเต้หนุ่มถูกขัดจนแดงไปเกือบหมด จนคนทำได้แต่ละอายที่มัวแต่ใจลอย

   “ข้าขอโทษ” ร่างเล็กย้ายจากด้านหลัง มายืนประจันหน้ากับฮ่องเต้หนุ่มที่ทรงเปลือยกายอยู่ในน้ำ พยายามบังคับสายตาไม่ให้มองต่ำเกินกว่ากล้ามเนื้อหน้าท้องที่ชวนให้ผู้ชายด้วยกันอิจฉา

   “ไม่ต้องมือสั่นก็ได้นะเที้ยนหยวน” ทรงเอ่ยยั่วเย้าน้องน้อยที่มือกำลังสั่นเทาอย่างน่าสงสาร

   “อื้อ อย่าพูดได้ไหม เล่าเรื่ององค์สิมาได้แล้ว”

   เสียงหวานที่ขึ้นสูงบอกให้ฮ่องเต้หนุ่มรับรู้ว่าน้องน้อยของพระองค์กำลังงอแง จนต้องยอมตามใจเล่าเรื่องที่ร่างบางอยากรู้ “เจ้ารู้จักรัฐหลู่ใช่ไหมเที้ยนหยวน”

   คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างคิดหนัก  ภาพเลือนรางของแผนที่ โผล่ขึ้นมาในหัวเล็ก แต่ก็ยังไม่นึกว่าตรงไหนกันคือที่ตั้งของรัฐหลู่ที่กำลังถูกเอ่ยถึง อยากจะบอกคนตรงหน้าว่าไม่รู้จัก แต่ก็กลัวจะเสียหน้าและถูกดุที่ไม่ใส่ใจต่อเรื่องแผนที่ จนต้องพูดปด “รู้จักสิ ใครไม่รู้จักก็แย่แล้ว”

   “ก็ดี....” ทรงทอดพระเนตรในดวงตากลมที่หลุกหลิกไปมาจนอยากพระสรวล ทำไมกันนะแค่บอกความจริงว่าไม่รู้จัก ก็คงไม่ว่า เฮ้อ.... เที้ยนหยวนหนอ เที้ยนหยวน “องค์ชายของรัฐหลู่กำลังเตรียมคนเพื่อมาชิงตัวเจ้าสาวของพี่ไปในเร็ววันนี้”

   ...เจ้าสาวของพี่.... คำนี้ที่หลุดออกมาจากปากฮ่องเต้หนุ่มทำให้ใบหน้าหวานที่แดงเรื่อด้วยความเขินอายกลายเป็นซีดขาว หลุบตาลงต่ำ โดยไม่ตั้งใจ ความเจ็บที่แปลกใหม่แต่ก็เริ่มคุ้นเคย แล่นเข้าสู่หัวใจดวงเล็กอย่างไม่ทันตั้งตัว มือเล็กหยุดนิ่งอย่างลืมตัว

   รู้ดีว่าคำนี้หมายถึงผู้ใด....

   ยากเหลือเกินที่จะห้ามน้ำใสไม่ให้ออกมาจากเปลือกตาที่กักเก็บมันไว้

   พระเนตรคมจับจ้องอยู่ที่อาการของน้องน้อย กับคำที่ทรงเจตนาหลุดออกไป แล้วมันก็ได้ผลอย่างที่ทรงประสงค์ น้องที่พระองค์ฝากหทัยไว้ดูเจ็บปวดกับคำนั้น ราวกับมีใจให้แก่พระองค์ไม่ต่างกัน

   พี่ขอโทษ...แต่ที่พี่ทำก็เพื่อความแน่ใจ เท่านั้นนะเที้ยนหยวน ต่อจากนี้ไปสิ่งที่พี่จะทำก็เพื่อความสุขของเจ้าเท่านั้น...

   “พี่ได้คุยกับองค์หญิงย่าหนานแล้ว องค์หญิงก็ยอมรับว่ามีใจให้กับองค์ชายหลี่แห่งรัฐหลู่จริง พี่จึงคิดจะลอบส่งตัวองค์หญิงให้องค์ชายหลี่เสีย เพื่อป้องกันทั้งปัญหาจากหลู่ และจากชิงเต่า”

   “ได้ยังไงกัน ก็ในเมื่อชิงเต่าส่งองค์หญิงมาเพื่อให้แต่งงานกับท่าน แต่ท่านกลับจะส่งตัวให้คนอื่นอย่างนี้....”

   “ก็จริง แต่รัฐหลู่ใหญ่กว่าชิงเต่ามากนัก ทางนั้นก็บอกไว้แล้วว่าหากพี่คุ้มครององค์หญิงไปถึงองค์ชายหลี่ได้ เขาก็จะช่วยเราเจรจากับชิงเต่าให้ ป่านนั้นพี่ว่าพ่อขององค์หญิงก็คงทำอะไรไม่ได้ อีกอย่าง พี่ว่าทำเช่นนี้ดีที่สุดต่อคนทั้งสี่”

   “คนทั้งสี่” เสียงหวานทวนคำแผ่วเบา อย่างไม่เข้าใจว่าคนทั้งสี่หมายถึงผู้ใดกันบ้าง ใครเล่าที่จะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้กัน คนสี่คนเช่นนั้นหรือ....

   สายพระเนตรจับจ้องที่ริมฝีปากอิ่มที่ถูกฟันขาวขบกัดด้วยกำลังครุ่นคิด หากแต่ก็ไม่ทรงบอกให้น้องน้อยขี้สงสัยได้รับรู้ว่าใครกัน คือคนสี่คนที่ว่า

   “เจ้าอย่ากังวลไปเลยเที้ยนหยวน อีกสองวันพี่ก็จะให้องค์รักษ์คุ้มกันองค์หญิงไปรัฐหลู่แล้ว ก็คงไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นอีก” ทรงปลอบร่างบางที่กำลังหวั่นใจให้คลายลง แต่ฟันก็ไม่เลิกขบกัดริมฝีปากอิ่มจนระองค์ต้องใช้ นิ้วพระหัตถ์ไล้เกลี่ยเบาๆ

   “ต่อจากนั้น ก็วันประลองแล้วสินะ” ร่างเล็กใจลอยอีกครั้งปล่อยผ้าเนื้อหยาบลงไปในน้ำ เดินห่างออกไปจ้องมองพระจันทร์ที่เกือบเต็มดวงผ่านหน้าต่างกว้าง “หากว่าไม่ชนะการประลองท่านจะทำเช่นไร”

   ทรงทอดเนตรแผ่นหลังบางเงียบๆ “หากเจ้าไม่ชนะก็คงต้องอยู่ในวังต่อไปอีกสามเดือน”

   แต่เจ้าอย่ากลัวไปเลย...สิ่งใดที่เจ้าต้องการพี่จะยอมให้ แม้ว่านั้นคือการปล่อยเจ้าไป

   “เที้ยนหยวนอากาศเริ่มเย็นแล้ว เจ้ามาอาบน้ำเถอะ พี่จะไปรอเจ้าอยู่ข้างนอก อย่าแช่น้ำนานนะ” วรองค์สูงสง่าเดินห่างจากไป ปล่อยให้น้องน้อยที่พระองค์รักได้อาบน้ำเพียงลำพังอย่างที่เจ้าตัวโปรดปราน

   ในห้องบรรทมที่แสนกว้างมีแผ่นกระดาษประทับคลั่งให้รู้ว่ามาจากปาหยางอ๋องวางอยู่ให้เห็นเด่นชัด จนพระองค์ไม่อาจละเลยที่จะหยิบขึ้นมาอ่านได้ ถ้อยคำที่บอกชัดให้ทรงได้รู้ว่าปาหยางอ๋องไม่ปรารถนากลับสู่เมืองหลวงอีก...

   เรื่องการปกครองนี้เป็นเรื่องดี..ที่จะไม่มีใครมาข่มเหงรังแกประชาชนได้อีก

   แต่เรื่องหัวใจ....หากน้องน้อยต้องการกลับไปอยู่กับพ่อในที่ไกลสายตา

   พี่ไม่แน่ใจว่าจะยินดีกับเรื่องนี้ได้หรือไม่...แค่ไม่รั้งเจ้าไว้กับตัว พี่ก็เจ็บปวดมากพอแล้ว และหากเจ้าไปไกลถึงเพียงนั้น

   เที้ยนหยวน...พี่รักเจ้าเหลือเกิน.....

   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

   สวัสดีคะ ตอนนี้เหมือนกำลังหวาน ส่วนตอนหน้าจะ “หวานหยดย้อยเยิ้มแหย่ะ” แน่ๆคะ อิอิ

   ขอบคุณคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-05-2011 02:01:47 โดย jellyfish »

ออฟไลน์ Piaanie

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-2
โอววว รอตอน “หวานหยดย้อยเหยิมแหย่ะ”  นี่แหละ อิอิ

O_a

  • บุคคลทั่วไป
ทำไมฮ่องเต้ไม่บอกน้องน้อยละ
ว่าสี่คนที่พูดถึงคือใคร
ปล่อยให้น้องน้อยคิดเอง
ถ้าน้องน้อยหนีไปนะ จะโสมน้าหน้าเลย

รออ่านตอน หวานหยดย้อย นะคะ

ออฟไลน์ kitty

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +258/-7

ออฟไลน์ พี่วันเสาร์

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +282/-3
ยังคงมีความหวานและความเศร้าปะปนกันอยู่เหมือนเดิมตอนนี้ o22

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
หวานปานน้ำผึ้งเดือนห้า เหอๆ

kenshinkenchu

  • บุคคลทั่วไป
ปัญหาจะคลี่คลายแล้ว เย้ๆ


ออฟไลน์ kuruma

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 441
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +527/-3
คุณ jellyfish คะ

คืออ่านแล้ว...คุ้นๆน่ะค่ะ ไม่แน่ใจว่าที่บอกว่าเป็นแฟนฟิกมาก่อนเนี่ย ใช่แฟนฟิก Luna Sea รึเปล่าคะ? ถ้าไม่ใช่ก็ขอโทษด้วยที่เข้าใจผิดนะคะ
แต่ถ้าใช่ อยากบอกว่าตกใจมากค่ะ เพราะว่าเหมือนจะเคยเห็นตั้งแต่บอร์ด reflection เอาเป็นว่าถึงจะใช่หรือไม่ก็จะตามอ่านนะคะ ชอบมากๆค่ะ

+1 เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ออฟไลน์ jellyfish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
ประลองรัก....十七

   ในเรือนรับรองที่จัดเพื่อให้องค์หญิงย่าหนานพำนักอยู่ วันนี้ช่างดูวุ่นวายด้วยผู้คนจำนวนมากที่ถูกเกณฑ์มาต่างเร่งรีบจัดเตรียมข้าวของเพื่อการเดินทางครั้งใหญ่สู่รัฐหลู่ ไม่เว้นแม้แต่อ๋องน้อยที่หนีการฝึกซ้อมมาช่วยเก็บของ จนทุกอย่างเสร็จสิ้นใกล้ได้เวลาออกเดินทาง

   “เสียดายหลงเอ๋อร์เราได้รู้จักกันน้อยเหลือเกิน หากเจ้ามาเมืองหลวงอีกก็อย่าลืมแวะเวียนไปเยี่ยมพี่ที่วังทู่หลงบ้าง”  อ๋องน้อยเอ่ยล่ำลาเด็กชายตัวน้อยที่แสนน่าเอ็นดู ไม่ลืมเชิญชวนให้กลับมาพบกันตามนิสัยเจ้าคารม

   “ขอรับ แต่พี่เที้ยนหยวนไม่ได้อยู่ที่วังหลวงหรอกหรือขอรับ” เด็กหนุ่มหน้าหวานถามท่านอ๋องด้วยความแปลกใจ ทั้งที่ตอนนี้ท่านอ๋องก็อยู่ในตำหนักส่วนพระองค์ฮ่องเต้ แต่ใยจึงให้ไปหาที่วังทู่หลง

   สีหน้าของอ๋องน้อยแปรเปลี่ยนเป็นความเศร้าทันทีที่ได้ยินคำถาม “อีกไม่นานข้าก็ต้องออกไปจากที่นี้เช่นกัน และคง...ไม่มีวันได้กลับมา” คำพูดที่แผ่วเบาลงเรื่อยๆ สะท้อนความเศร้าในใจได้เป็นอย่างดี ความเศร้าแสนอาวรณ์บดบังจนลืมตัวว่าเคยแทนตัวกับเด็กคนนี้เช่นไร

   “ฮ่องเต้เสด็จแล้ว” เสียงจากทหารยามหน้าประตูป่าวร้องเมื่อบุคคลสำคัญแห่งแผ่นดินเสด็จมาถึงเรือนรับรองแห่งนี้ ด้วยพระองค์เองเพื่อเป็นการให้เกรียติองค์หญิงแห่งชิงเต่า

   “ถวายบังคมฝ่าบาท” องค์หญิงที่กำลังดูแลความเรียบร้อยครั้งสุดท้าย รีบออกมารับเสด็จอย่างนอบน้อม ใบหน้าหวานแปดเปื้อนด้วยรอยยิ้มเมื่อนึกถึงความสุขที่กำลังมาเยือนในเร็ววันนี้

   “ทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่ไหม อีกไม่นานต้องออกเดินทางแล้ว” ฮ่องเต้อี้หลงตรัสถามด้วยรอยยิ้มที่ปลอดโปร่งที่สุด ที่เคยประทานแด่องค์หญิงผู้นี้

   “เรียบร้อยเพค่ะ ทุกอย่างเลย หากไม่ได้พระองค์ หม่อมฉันก็ไม่อาจมีวันนี้ได้ หากประสงค์สิ่งใด ขอเพียงพระองค์ให้คนไปบอก ทั้งหม่อมฉันและองค์ชายลู่ยินดีช่วยเต็มที่นะเพค่ะ” 

   “สิ่งเดียวที่อยากได้ และต้องขอจากองค์หญิง คงมีเพียงแค่ความสงบเท่านั้นส่วนสิ่งอื่นที่อยากได้....” สายพระเนตรทอดมองไปยังร่างบางของอ๋องน้อยที่ยืนอยู่ไม่ห่างจากร่างของเด็กชาย “คงต้องตัดใจ”

   องค์หญิงย่าหนานมองตามสายพระเนตรที่แสนเศร้าไปสิ้นสุดยังอ๋องน้อยที่เธอเห็นว่าช่างสดใสและร่าเริง แม้ในบางครั้งจะแฝงด้วยนัยของความเศร้ายามที่ไม่รู้ตัว รอยยิ้มอ่อนหวานขององค์หญิงปรากฏขึ้น ความเป็นหญิงที่เธอมี ทำให้เธอพอจะทราบความรู้สึกที่ชายหนุ่มทั้งสองแอบซ่อนไว้อยู่ภายใน “หม่อมฉันไม่เชื่อเช่นนั้นนะเพค่ะ และคิดว่าบางที..พระองค์อาจได้สิ่งที่ประสงค์แล้วก็เป็นได้ เพียงแต่ พระองค์คิดที่จะตัดพระทัยเช่นนี้เสมอ ก็เลย อาจจะมองข้ามบางอย่างไป”

   “หากเป็นเช่นนั้นได้ก็ดี” ฮ่องเต้หนุ่มแย้มพระโอษฐ์บางๆ สายพระเนตรยังคงจับจ้องใบหน้าหวานที่ดูมีเค้าแห่งความเศร้า...เจ้าอาลัยในตัวเสี่ยวหลงถึงเพียงนั้นเชียวหรือ..เที้ยนหยวน

   ทหารที่จัดเตรียมประจำไปกับขบวนส่งตัวองค์หญิงสู่รัฐหลู่ เดินเข้ามากราบทูลว่าตอนนี้ขบวนพร้อมที่จะออกเดินทางแล้ว ทำให้ฮ่องเต้อี้หลงต้องละสายตากลับมายังองค์หญิงอีกครั้ง “ถึงเวลาที่องค์หญิงจะได้ออกเดินทางแล้ว”

   “ขอบพระทัยฝ่าบาทมากนะเพค่ะ ที่ช่วยเราทั้งสองไว้ถึงเพียงนี้ ขอให้สวรรค์อวยพรความรักของพระองค์ให้สมหวังเช่นที่ท่านช่วยข้าและท่านลู่” องค์หญิงไม่ลืมอำนวยพรให้ชายผู้กุมอำนาจสูงสุด แต่หนทางแห่งรักกลับริบหรี่

   “หากหม่อมฉันไม่ติดสิ่งใดคงต้องขอร่วมขบวนไปส่งถึงรัฐหลู่เป็นแน่ ขอให้ท่านเดินโดยสวัสดิภาพ ไร้อุปสรรคใดๆ”อ๋องน้อยที่พึ่งเดินเข้ามาสมทบกล่าวกับองค์หญิงด้วยใจจริง

   “อย่าให้ถึงขนาดนั้นเลยท่านอ๋อง แค่ท่านเป็นมิตรกับเรามากขนาดนี้ก็ดีมากแล้ว นี้ได้เวลาแล้ว หม่อมฉันทูลลาก่อนนะเพค่ะ” องค์หญิงแสนสวยย่อตัวทูลลาฮ่องเต้หนุ่มและอ๋องน้อยที่ยืนเคียงกัน ก่อนก้าวขึ้นรถม้าที่ให้คนจัดเตรียมไว้เพื่อการเดินทางไกล

   ฮ่องเต้หนุ่มและอ๋องน้อยร่างบางยืนเคียงคู่อำลาองค์หญิงย่าหนานสู่รับหลู่ จนขบวนลับหายไปจากสายตา เหลือเพียงความเงียบและเรือนรองที่ปิดลงอีกครั้งเมื่อไม่มีผู้ใช้การ

ฮ่องเต้หนุ่มทอดมองร่างเล็กที่ยืนอยู่เคียงข้าง ความเศร้ายิ่งปรากฏชัดมากขึ้น จนพระองค์เองอดไม่ได้ที่จะทอดถอนพระทัย อดนึกน้อยพระทัยไม่ได้ว่าเพียงเด็กน้อยคนหนึ่งยังทำให้เศร้าได้เพียงนี้ แล้วหากวันที่ต้องออกจากวังไป น้องน้อยของพระองค์จะเศร้าบ้างหรือไม่  “เป็นอะไรไปเที้ยนหยวน คิดถึงเสี่ยวหลงหรือ” 

   “ข้า...” ร่างเล็กไม่อาจให้คำตอบใดๆกู้ถามได้ คำตอบในใจมันอื้ออึงไปหมด จนไม่แน่ใจตัวเองเสียแล้วว่าที่เศร้า เพราะเหตุใดกัน “ไม่รู้”

   ท่อนพระกรหนารั้งบ่าเล็กเข้ามาใกล้ ลูบไล้ปลอบประโลมจิตใจที่กำลังเปราะบางให้คลายความหมองหม่น “อย่าเศร้าไปเลยเที้ยนหยวน พี่พึ่งได้รับจดหมายจากท่านอา เจ้าอยากอ่านหรือไม่”

   ใบหน้าเล็กที่จวนเจียนเสียน้ำตา พยักหน้าขึ้นลงอย่างเร็ว ในนัยน์ตามีประกายแห่งความดีใจ  นานมากแล้วที่ไม่ได้ข่าวใดจากบิดาเลย

   “เช่นนั้นก็เลิกเศร้านะเที้ยนหยวน ยิ้มเถอะ ยิ้มให้พี่” ใบหน้าหวานแย้มยิ้มจนเป็นที่พอพระทัย ฮ่องเต้หนุ่มกอบกุมมือเล็ก พาเดินไปยังห้องทรงงานส่วนพระองค์

   ดวงตากลมก้มหลบต่ำตลอดทางที่ถูกจูงมือมา ไม่กล้าสู้สายตาผู้ใด ไม่ว่าจะเป็นทหารที่ประจำเวรยาม หรือขันที ขุนนางที่เดินไปมา ผิดกับฮ่องเต้หนุ่มที่ทรงองอาจและผึงผาย ไม่สนใจผู้ใด 

   เที้ยนหยวนหน้าตาตื่นเมื่อรู้ว่ากำลังถูกพาไปยังห้องทรงงานอันเป็นเขตหวงห้ามสำหรับฮ่องเต้ “ท่านจะให้ข้าเข้าไปห้องนั้นได้อย่างไรกัน ข้าจะไม่โดนโทษหรือไร”

   ฮ่องเต้หนุ่มแย้มพระโอษฐ์กับท่าทางตื่นกลัวยามเข้าสู่เขตหวงห้ามที่มิให้ผู้ใดล่วงผ่านนอกจากราชครูและองค์รักษ์เอกเพียงเท่านั้น แต่สำหรับน้องน้อย ทุกสิ่งในชีวิตได้มอบให้แก่ร่างบางไปแล้ว นับอะไรกับห้องนี้กัน “ใครจะลงโทษเจ้ากันในเมื่อพี่พาเข้ามา มานี้เถอะจดหมายจากท่านอาอยู่นี้”

   ฮ่องเต้หนุ่มรั้งร่างเล็กให้นั่งบนตั่งนุ่มยื่นส่งม้วนกระดาษที่แนบมากับฎีกา ส่วนองค์เองก็ประทับลงไม่ห่าง พอจะทราบความในจดหมายที่ปาหยางอ๋องส่งจดหมายมาถึงอ๋องน้อยผู้เป็นลูกว่าคงไม่ต่างจากในฎีกาที่ยื่นมา

   ใบหน้าหวานที่ดูโศกเศร้า กลับยิ่งหม่นหมองมากขึ้นทุกครั้งที่ดวงตากลมเลื่อนผ่านตัวอักษร และเมื่อถึงถ้อยคำสุดท้าย ใบหน้าหวานก็คล้ายจะนองด้วยน้ำตาเสียแล้ว

   “เที้ยนหยวนเจ้าเป็นอะไร” แม้จะทรงแน่พระทัยในเนื้อหา หากแต่ไม่ทรงคาดคิดว่าร่างบางจะเสียใจถึงเพียงนี้

   “ข้าไม่ได้เป็นอะไร ท่านทำงานไปเหอะ ข้าขอตัวก่อน” ร่างเล็กเดินออกจากห้องทรงงานไม่ทันให้ฮ่องเต้อี้หลงได้รั้งตัวเพื่อถามไถ่ใดๆทั้งสิ้น ในมือเล็กกำแผ่นกระดาษไว้แน่น ไม่คิดให้ผู้ใดได้เปิดอ่าน

   ฮ่องเต้หนุ่มทอดมองตามร่างบางที่เดินออกไปอย่าหวั่นในพระทัย อีกเพียงไม่กี่วันต้องจากกันแล้ว หากแต่เจ้าน้องน้อยยังไม่ยอมเปิดใจให้พระองค์ได้แบ่งเบาความทุกข์โศกอีกหรือ

   ....แล้วเมื่อไหร่กันเที้ยนหยวนที่พี่จะได้ใจเจ้ามาครอบครอง    

             * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

ฮ่องเต้อี้หลงเปิดประตูเข้ามาในห้องบรรทมที่มืดสลัวมีเพียงแสงรำไรของพระอาทิตย์ยามใกล้ลาลับและตะเกียงดวงเล็กเท่านั้น ม่านโปร่งบางที่ทิ้งตัวกั้นส่วนของแท่นบรรทม พอจะมองเห็นร่างเล็กที่นอนขดตัวอยู่ด้านใน

   “เที้ยนหยวนหลับแล้วหรือ” วรองค์สูงก้าวขึ้นแท่นบรรทม สะกิดเรียกร่างเล็กอย่างแผ่วเบา เกรงจะรบกวนหากน้องน้อยเข้าสู่นิทราไปแล้ว

   คำถามที่ทรงถามไปไร้เสียงตอบรับจนฮ่องเต้หนุ่มจวนเจียนจะลงจากแท่นบรรทม แต่แล้วร่างบางที่นิ่งเงียบไปนานกลับพลิกกายมากอดรั้งพระกฤษฎี(เอว)ใหญ่ไว้ ซุกหน้ากับหน้าท้องเรียบตึง หัวกลมเล็กเกยขึ้นหนุนบนพระเพลา

   เสียงสะอื้นไห้ที่ดังลอดออกมายิ่งทำให้สงสัยมากขึ้น จนไม่อาจห้ามมือให้ลูบไล้ผมนุ่ม ปลอบขวัญน้องน้อยที่กำลังร้องไห้ เอ่ยถามด้วยความรักและเป็นห่วงเจ้าหัวใจดวงน้อยดวงนี้ “เที้ยนหยวนเจ้าร้องทำไม ท่านอาเขียนจดหมายต่อว่าเจ้าหรือ”

   กระแสเสียงที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและรักใคร่ ยิ่งยากจะห้ามน้ำตาและเสียงสะอื้น หากแต่อ๋องน้อยผู้เคยปราศจากน้ำตาและความเศร้า ก็ยังมิกล้าบอกต้นเหตุแห่งน้ำตา ทำได้เพียงส่ายหน้าไปมา

   “ส่ายหน้าหมายความว่าเช่นไรกันหืมม์” สายพระเนตรก้มต่ำมองร่างเล็กที่ซุกหน้าอยู่กับหน้าท้องของพระองค์ มองเห็นเพียงซีกหน้าที่เปรอะเปื้อนคราบน้ำตา  อยากจะเห็นใบหน้ายามนี้เสียเหลือเกิน

   จะเช็ดน้ำตาที่ไหลริน...จะปลอบโยนให้คลายเศร้า...จะจัดการต้นเหตุที่ทำให้น้องน้อยต้องเสียใจ

   ฮ่องเต้หนุ่มทรงรั้งร่างเล็กที่เอาแต่ซุกหน้าหนี ให้ออกห่างจนมองหยาดน้ำตาที่เกาะอยู่ตามแพขนตาหนา หากแต่ดวงตากลมที่พระองค์หลงรักกลับปิดแน่น แรงขืนตัวน้อยๆของอ๋องน้อยไม่อาจสู้แรงที่มากด้วยกำลังของฮ่องเต้หนุ่มได้เลย เมื่อพระองค์ประคองร่างบางให้ลุกขึ้นนั่งคุย

   นิ้วพระหัตถ์กรีดไล่น้ำตาออกจากแพขนตาก่อนก้มลงประทานรอยจุมพิตที่แสนอบอุ่นบนเปลือกตาบางที่ยังคงปิดสนิท “บอกพี่ได้ไหม ใครทำให้เจ้าร้องไห้เช่นนี้”

   ฮ่องเต้อี้หลงทอดพระเนตรร่างเล็กอย่างแสนทุกข์ใจ  อยากขจัดความเศร้าออกจากผู้เป็นดั่งดวงหทัย  แต่หากไม่ยอมพูดเช่นนี้แล้วจะทรงรู้ได้อย่างไร หนึ่งพระหัตถ์เฝ้าเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าหวาน อีกหนึ่งคอยลูบศีรษะเล็กให้รู้ว่าไม่ได้อยู่เพียงลำพัง

   เที้ยนหยวนอ๋องน้อยผู้ได้รับความอ่อนโยนจนกำแพงที่สร้างขึ้นพังทลายลงในเวลาไม่นาน โผตัวเข้าหาฮ่องเต้หนุ่ม สองมือกอดรั้งคอหนาซบหน้าปล่อยน้ำตาให้ไหลอยู่กับบ่ากว้างของชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์  ถ่ายทอดความในใจด้วยเสียงสั่นสะอื้น “วัน...วันนี้ หลงเอ๋อร์ปะ..ไปแล้ว”

   ถ้อยคำขาดห้วงหากไม่ยากเกินกว่าที่จะฟังออก กัดกินหทัยฮ่องเต้หนุ่มด้วยชื่อของเด็กน้อยที่ทรงรู้ดีว่าน้องน้อยต้องใจ แต่ก็มิอาจทำสิ่งใดได้นอกจากนิ่งฟังความในใจ และเจ็บปวดไปพร้อมกัน

   อ๋องน้อยซึมซับความอ่อนโยนที่ไม่เคยได้รับจากผู้ใดผ่านท่อนพระกรที่โอบแน่นคอยลูบไล้แผ่นหลัง แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งน้ำตาและก้อนสะอื้นได้ “อะ...องค์หญิงก็ไปแล้ว.....ท่านพ่อก็ไม่กลับมา แล้วยัง..มีลูกกับใครก็ไม่รู้.ฮึก ข้าไม่เหลือใครแล้ว ไม่มีใครแล้วจริงๆ”

   “เที้ยนหยวน” ฮ่องเต้หนุ่มได้แต่ครางเรียกชื่อน้องน้อยในอ้อมกอด นี้เองหรือเหตุผลที่ทำให้น้องของพี่ร้องไห้...และนี้คงเป็นสาเหตุที่ทำให้ท่านอาผู้มักใหญ่ยอมอยู่ในที่ทุรกันดาร เพื่อครอบครัวแสนสุข...แล้วท่านมาทิ้งลูกชายที่แสนอ่อนแอแบบนี้ให้อยู่เพียงผู้เดียวได้อย่างไร....

   “อ่ะ..อีกไม่นาน...ข้าก็ต้องอยู่คนเดียว อี้หลงที่หนึ่ง ที่สอง หรือแม้แต่ท่านก็จะทิ้งข้าไปกันหมด ไม่มีใครรักข้าเลย ไม่มีเลย”  น้ำตาหยดแล้วหยดไหลรินจนบ่ากว้างที่ซบอยู่เปียกชื้น

   ฮ่องเต้หนุ่มทรงเจ็บปวดไม่น้อยเมื่อได้ยินเสียงสะอื้นของร่างเล็ก.....ทำไมจึงกล้าพูดเช่นนี้ หรือตลอดมาไม่เคยรับรู้ความรักที่พระองค์มีให้เลย  “เที้ยนหยวน พี่อย่างไรที่รักเจ้า เจ้าสองตัวนั่นก็จะอยู่กับเจ้าไม่ทิ้งไปไหน อย่าร้องไห้นะเที้ยนหยวน” แต่แม้นเจ็บสักเท่าไหร่ พระองค์ก็ยังคงปลอบขวัญน้องน้อยที่กลัวการอยู่เพียงลำพัง แม้จะทรงกังขาใจดวงน้อยของร่างบาง

   ..ใจเจ้าเคยมีพี่บ้างไหมเที้ยนหยวน เจ้าถึงไม่รับรู้ความรักที่มากล้น เจ้าถึงลืมไปว่าพี่อยู่ตรงนี้คอยเฝ้ารอเจ้าเสมอมา..

   “ไม่จริง” ร่างเล็กที่สะอึกสะอื้นโผล่งออกมาเสียงดัง “อีกไม่นานข้าก็ต้องออกไปอยู่ข้างนอก ท่านก็ต้องมีฮ่องเฮา มีสนมอีกเป็นร้อย ไหนเลยจะสนใจข้า แล้วยังจะเหลือใจไว้รักข้าได้อีกหรือ เจ้าสองตัวนั่น อีกไม่นานก็คงลืมข้าไปเช่นกัน เหมือนท่านที่จะลืมข้าไป”

   ฮ่องเต้หนุ่มได้แต่นิ่งงัน เจ็บปวดไม่แพ้ร่างบางตรงหน้าเมื่อนึกถึงความจริงที่กำลังจะเกิด หากแต่พระองค์รับรู้ได้ว่าสิ่งหนึ่งที่หลุดจากปากเล็กนั่นผิดไปจากความจริง.....พี่ไม่มีวันลืมเลือนเจ้าไปได้หรอกเที้ยนหยวน....ใจของพี่จะอยู่กับเจ้าที่อยู่แสนห่างไกลไปจนตลอดชีวิต

   พระหัตถ์หนารั้งร่างบางออกห่าง เช็ดคราบน้ำตาที่ไหลรินไม่ขาดสาย “เจ้าลืมตามองพี่เถอะเที้ยนหยวน อย่าหลับตาอีกเลยนะ”ดวงตาแดงก่ำเปิดกว่าตามรับสั่ง “โธ่ ช้ำไปหมดแล้วเที้ยนหยวน” นิ้วพระหัตถ์เช็ดรอยน้ำตารอบเปลือกตาที่บวมช้ำอย่างแสนเบา โน้มองค์พระทับรอยจุมพิตลงบนเปลือกตาทั้งสองข้าง “หยุดร้องนะคนดี น้ำตาเจ้ากำลังทำร้ายพี่อยู่นะ”

   ...น้ำตาเจ้ากัดกินหัวใจพี่...รู้ไว้นะเที้ยนหยวน

   เที้ยนหยวนโผตัวเข้าอ้อมพระอุระอุ่นอีกครั้ง พยายามเก็บน้ำตาให้ไหลกลับลงไปตามถ้อยรับสั่ง ซึมซับความรู้สึกที่ไม่เคยได้จากผู้ใด และคงไม่มีผู้ใดให้ได้อีกแล้วตราบชั่วชีวิตนี้

   คนทั้งสองในอ้อมกอดของกันและกันท่ามกลางความมืดที่โรยตัวมาพร้อมความหนาวเย็น แต่ไม่อาจแทรกซึมเข้าสู่อ้อมกอดที่โอบแน่น ในห้องมีเพียงแสงริบหรี่ของตะเกียงที่น้ำมันแห้งลงทุกขณะ ดุจดังความรักของคนทั้งคู่ที่ริบหรี่ใกล้ดับลงด้วยเหลือเวลาอีกเพียงชั่ววัน ก่อนต้องแยกจาก

   “เที้ยนหยวนมืดแล้ว อาบน้ำเถอะนะ พี่จะอาบให้เอง” ทรงถามร่างเล็กในอ้อมกอดที่ซุกหน้าอยู่กับคอของพระองค์อย่างนิ่งเงียบไร้เสียงสะอื้นหรือหยาดน้ำตา มีการตอบรับเพียงแค่พยักหน้าเท่านั้นเอง “เจ้ารอพี่ที่นี้ก่อนพี่จะไปเตรียมน้ำให้นะ”

   ฮ่องเต้หนุ่มรั้งร่างเล็กลงกับที่นอนนุ่มอีกครั้ง ก่อนดำเนินไปทางห้องสรงน้ำ  จัดเตรียมน้ำอุ่นหอมกรุ่นกลิ่นน้ำมันหอม หวังให้คนอาบได้คลายความเศร้าหมองลง

   วรองค์สูงดำเนินกลับมาในห้องบรรทมคิดว่าน้องน้อยจะผลัดเสื้อผ้าเพื่อเตรียมอาบน้ำ แต่กลับพบร่างเล็กนอนนิ่งอยู่ในท่าเดิมเปลือกตาปิดแน่น “เที้ยนหยวนทำไมยังไม่เปลี่ยนชุด หืมม์”

   “ก็ท่านว่าจะอาบน้ำให้ข้า ข้าก็เลยไม่แน่ใจว่าต้องเปลี่ยนชุดหรือไม่” เสียงหวานตอบอ้อมแอ้มอยู่ในลำคอ ไม่กล้าสบพระเนตรจนได้ยินเสียหัวเราะเบาๆ จึงจ้องช้อนตาขึ้นมองอย่างสงสัย

   “โธ่เที้ยนหยวน พี่เปลี่ยนให้เจ้าเองก็ได้” ฮ่องเต้อี้หลงจับร่างกายที่แสนบอบบางของอ๋องน้อยให้ลุกยืนที่พื้น คลายปมสายคาดเอวออกจนสาบเสื้อที่ทาบทบกันอยู่เคลื่อนออกจากกัน เผยผิวขาวที่แดงเรื่อไปทั้งตัวเพราะความเขินอายแต่ดวงตากลมก็ยังมองพระองค์ไม่กระพริบ

   ลูกแก้วสีนิลใสที่จ้องมองฮ่องเต้หนุ่มดูคล้ายจะแวววาวด้วยหยดน้ำ หากแต่พระองค์ก็เลือกที่จะเฉยเสีย ไม่ตอกย้ำให้น้องน้อยต้องจมอยู่ในความเศร้า และทรงหยอกล้อร่างเล็กให้กลับคืนสู่ความสดใส “เขินหรือ”

   ใบหน้าหวานแดงก่ำพยักหน้ารับขึ้นลงอย่างช้าๆ แต่ไม่ละสายตาออกจากพระพักตร์คมเข้มเลยสักนิด ด้วยอยากจารจำทุกรายละเอียดของชายผู้นี้ลงสู่หัวใจ

   ทรงมองแล้วแย้มพระโอษฐ์เอ็นดูในอาการของอ๋องเจ้าสำราญที่ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วเมืองหลวงถึงเสน่ห์และความเจ้าชู้ที่มากล้น แต่ผู้ใดจะรู้บ้างว่าเวลานี้กลับเขินอายจนหน้าแดงอยู่ในตำหนักส่วนพระองค์ฮ่องเต้ ยิ่งเมื่อทั้งชุดถูกรั้งออกจนเหลือเพียงผิวกายขาวใสใบหน้าหวานก็ยิ่งแดงก่ำเสียยิ่งกว่าลูกท้อในสวนหลวง “เช่นนั้นให้พี่อุ้มเจ้าไปดีไหม หรืออยากจะขี่หลังไป”

   “ขี่หลัง” เที้ยนหยวนตอบโดยไม่ต้องคิด แก้มใสแดงปลั่งไม่ต่างจากสาวใสจนฮ่องเต้หนุ่มอดแย้มพระโอษฐ์ไม่ได้ ก่อนรับร่างเล็กขึ้นหลังแล้วพาเดินไปยังอ่างน้ำน้ำที่ทรงเตรียมด้วยองค์เอง

   ร่างของอ๋องน้องถูกหย่อนลงน้ำที่หอมกรุ่นอย่างช้าๆ ผิวกายที่แดงอยู่ค่อยแดงขึ้นอีกเพราะอุณหภูมิของน้ำ ดวงตากลมหลับพริ้มอย่างสบายกายและใจ ความเศร้าหมองเสียใจที่ถูกสร้างขึ้นค่อยๆสลายไป เพียงแค่ได้รับความรักจากหนึ่งคน....หนึ่งรักที่แสนยิ่งใหญ่

VVVV

VVV

VV

V

ออฟไลน์ jellyfish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
   “สบายขึ้นไหมเที้ยนหยวน” เสียงทุ้มที่แสนอ่อนโยนปลุกให้เที้ยนหยวนรู้สึกถึงแรงบีบนวดอย่างเอาใจจากไหล่ทั้งสองข้าง

   ร่างเล็กที่ปลดเรื่องทุกข์ออกจากใจได้เพียงไม่นาน กลับต้องรู้สึกถึงความเศร้าอีกครั้ง เมื่อนึกได้ว่า มือที่หยาบกระด้างที่มอบสัมผัสนี้ คือพระหัตถ์ที่โอบกอดปลอบประโลมเสมอยามอ่อนแอ หากแต่ในสักวันหนึ่ง มืออบอุ่นคู่นี้จะโอบกอดผู้อื่น จะไม่มีวันเป็นของเขาไปตลอดกาล แล้วไยจึงมาทำให้อาวรณ์ทั้งที่จวนเจียนต้องลาจากกันในอีกไม่ช้านาน

   “พอเถอะ ไม่ต้องแล้ว ข้าอาบน้ำเองได้ ท่านออกไปก่อน” ไหล่เล็กเบี่ยงหนีพระหัตถ์หนาที่คอยเอาใจ บอกกล่าวทั้งน้ำตา ก่อนทรุดกายลงในน้ำให้ท่วมหัว ปิดบังสายน้ำที่ไหลออกมาไม่หยุด

   วรองค์สูงที่ทอดมองอยู่ตกพระทัยที่เห็นน้องน้อยทรุดตัวลงไปเช่นนั้น ทรงทราบดีว่าบ่าเล็กแบกรับความทุกข์โศกเอาไว้มาก แต่ภาพที่พระองค์เห็นก็ทำร้ายไม่ต่างกัน...เจ้าไม่สนใจเลยหรือไรว่าพี่ยังอยู่ตรงนี้

   พระหัตถ์ใหญ่จุ่มลงน้ำยึดจับไหล่บางทั้งสอง ฉุดขึ้นมาเหนือน้ำด้วยความโกรธเคืองเจือบนความน้อยใจ ตวาดก้องอย่างที่ไม่ทำต่อน้องน้อยของพระองค์ “เที้ยนหยวนเจ้าทำบ้าอะไร”

   ดวงตาแดงช้ำสบพระเนตรวาวโรจน์ที่แสนน่ากลัว น้ำตาที่ถูกชะล้างออกไปเอ่อล้นออกมาอีกครั้ง ก่อนโผซบวรกายใหญ่ที่ให้ความรู้สึกแสนอบอุ่นและปลอดภัยทุกครั้งที่เข้าใกล้ พรั่งพรูความสับสนมากมายในใจจนหมด “ข้ากลัว กลัวว่าวันพรุ่งนี้จะมาถึง ท่านรู้บ้างไหม ท่านทำให้สับสนเพียงใด ในวันที่ทุกคนทิ้งข้าไปแต่ข้าก็ยังมีท่าน ยังได้รู้ว่ามีหนึ่งคนที่จะอยู่กับข้า มีหนึ่งคนที่จะไม่ทิ้งข้าไปเหมือนคนอื่น  ท่านทำให้ข้ารู้จักกับสิ่งแปลกใหม่ แต่พอถึงวันพรุ่งนี้ ข้ากลับต้องเลือก ท่านรู้ไหม ข้าอยากทิ้งทุกอย่าง เกรียติยศ ศักดิ์ศรี ยศตำแหน่ง อยากเป็นเพียงคนธรรมดา ขอแค่ได้อยู่กับท่านแบบนี้ไปชั่วชีวิต...แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ เพราะข้าคือเที้ยนหยวน คืออ๋องที่ต้องรับหน้าที่ต่างๆแทนท่านพ่อที่ทิ้งข้าไปอยู่แดนไกล กับครอบครัวใหม่ที่ท่านพ่อรักมากกว่าข้า  ข้ามีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบ มีชื่อเสียงแห่งวังทู่หลงให้ต้องดูแล...ทำไมข้าถึงเลือกทางที่ต้องการไม่ได้ ทำไมข้าจึงอยู่กับท่านไมได้”

   ถ้อยคำที่แสนวกวนได้ถ่ายทอดความรู้สึกแสนสับสนของคนพูดออกมาจนหมด และมันก็สร้างอารมณ์ที่แสนหลากหลายให้แก่คนฟัง ด้วยดีใจเมื่อได้ยินถ้อยคำที่ไม่ต่างจากการสารภาพรัก แม้นไม่ใช่แต่ก็เปิดเผยให้รู้ว่าน้อยน้อยมีใจดุจเดียวกับพระองค์ ต่อเมื่อได้ยินคำปรารภที่ร่างบางต้องการ ฮ่องเต้หนุ่มก็รู้ได้ว่าวันพรุ่งนี้พระองค์ต้องเอาชนะร่างบางเพื่อให้หนทางข้างหน้ายังได้อยู่เคียงกัน แต่แล้วผลการประลองที่ทรงกำหนดได้ก็ต้องแปรเปลี่ยนพร้อมหัวใจที่ขาดวิ่น เมื่อรู้ว่าทางที่น้องน้อยเลือก และทางที่ปรารถนาไม่ใช่หนทางเดียวกัน

   ....พี่ยอมให้เจ้าทุกอย่างนะเที้ยนหยวน...แม้พี่จะทรมานกับมันก็ตาม

   “จูบข้าหน่อยได้ไหม” ความเงียบงันถูกแทนที่ด้วยเสียงหวานที่หักห้ามความเขินอายจนกล้าร้องขอสัมผัสแสนลึกซึ้ง

   “เที้ยนหยวน” ฮ่องเต้หนุ่มตกพระทัยกับคำขอร้องแม้นนั้นเป็นสิ่งที่พระองค์ยินดีจะมอบให้ แต่เวลานี้พระองค์ก็ทราบดีว่าไม่ห้ามหักห้ามให้หยุดลงเพียงที่น้องน้อยร้องขอ...  “เที้ยนหยวนหากพี่จูบเจ้า  มันจะไม่หยุดเพียงเท่านั้น เจ้ายอมได้หรือ”

   แขนเล็กที่เคยโอบรอบพระศอค่อยคลายออกห่าง ริมฝีปากอิ่มถูกขบกัดเพื่อลดความเขินอาย ดวงตาโตหลุบต่ำมองหน้าในอ่างก่อนพยักหน้าช้าๆ อย่างยอมสิ้น ไม่ว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

   ....อย่างน้อยข้าขอจดจำว่าในค่ำคืนนี้ข้าคือคนที่ท่านรักมากที่สุด....

   พระโอษฐ์ประทับจุมพิตบนริมฝีปากอิ่มที่อุ่นร้อน สัมผัสที่เชื่องช้าและเนิบนาบบรรจงมองความสุขให้แก่ร่างเล็กที่ดูกวาดกลัวอยู่เล็กๆ พระชิวหาร้อนแทรกลึกเข้าไปในโพรงปาก ไล้ไปตามเรียวฝันขาวก่อนกอดรัดลิ้นเล็กที่พยายามดิ้นหนีด้วยความตื่นตกใจกับสิ่งที่ไม่คุ้นเคย

   ในโพรงปากเล็กดุจดังสมรภูมิแสนหวานเมื่อลิ้นชมพูพยายามหลีกเร้นทั้งที่เจ้าตัวพยักหน้ายอมรับจุมพิตจากเจ้าของดวงใจ เสียงเครือหวานดังแผ่วจากลำคอเมื่อถูกช่วงชิงลมหายใจจนใกล้หมดพร้อมหยาดน้ำที่ไหลรินจากรอยเชื่อมของสองริมฝีปาก

   ฮ่องเต้หนุ่มยอมถอนการรุกรานออกมาพาให้เกิดสายน้ำเส้นเล็กที่เชื่อมคนทั้งสองไว้ด้วยกัน สร้างความเขินอายให้กับเจ้าของริมฝีปากที่เจ่อบวมเรียกรอยแย้มพระโอษฐ์อ่อนๆบนพระพักตร์ที่ยังแนบชิดคลอเคลียไม่ห่างจากใบหน้าหวานและลำคอเห่อแดงด้วยไฟปรารถนาที่ถูกปลุกให้ลุกโชน

   พระโอษฐ์บางระรานสร้างรอยหวานไปทั่วก่อนกลับมาหาริมฝีปากอิ่มที่เจ่อบวม แล้วดูดดุนให้ยิ่งแดงช้ำ เสียงทุ้มต่ำครางลั่นในพระศอด้วยความพึงใจเมื่อแขนเรียวเล็กของน้องน้อยคล้องเกี่ยวลำคอ พาให้ร่างกายส่วนบนยิ่งแนบชิด มีเพียงถังไม้เตี้ย และชุดตัวในที่เปียกชื้นของวรองค์สูงเท่านั้น ที่กั้นขวางทั้งสองเอาไว้

   ลำคอขาวถูกขบเม้มเป็นรอยไปทั่วตามการระรานของฮ่องเต้หนุ่ม ผิวเนียนลื่นมือเชิญชวนให้สัมผัสอย่างลึกล้ำ ละออกจากริมฝีปากเล็กขบกัดเบาๆที่ปลายจมูกรั้นกระซิบแผ่วเบาไม่ห่างจากกลีบปากสีสด “เจ้าจะออกมา หรือให้พี่ลงไปหาหืมม์ เที้ยนหยวน”

   ร่างเล็กที่ปล่อยใจไปกับความหวานล้ำได้แต่ช้อนสายตาขึ้นมองฮ่องเต้หนุ่ม บนพระพักตร์ประดับด้วยรอยยิ้มแสนอ่อนโยนที่ใจปรารถนาได้เป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว พระโอษฐ์หนาที่อยู่ห่างเพียงชั่วลมหายใจพาให้สติความคิดจางหายไป ไม่อาจตอบคำถามใดได้ มีเพียงแค่ส่ายหน้าอย่างไร้คำตอบ แล้วเบียดตัวเองเข้าหาวรกายใหญ่ ริมฝีพระโอษฐ์ร้อนอีกครั้ง

   ...ที่ใดไม่สำคัญ ขอเพียงแค่ข้ามีท่านอยู่แบบนี้ก็พอแล้ว...

   อี้หลง ชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์รับสัมผัสจากน้องน้อยด้วยหัวใจที่เต็มตื้น แม้นนี้คือคืนสุดท้าย แต่ในที่สุดพระองค์ก็ได้รับรู้ว่า ดวงใจที่พระองค์ต้องการ บัดนี้พระองค์ได้ครอบครองมันแล้ว และจารจำทุกรอยสัมผัสให้ตราตรึงไม่เลือนหาย จะลืมเลือนความทุกข์สาหัสที่รอคอยอยู่ในวันพรุ่งนี้ จะจดจำเพียงแค่ชั่วนาทีที่มีความสุขนี้เท่านั้น

   พระหัตถ์ใหญ่รั้งร่างเล็กที่แนบชิดออกห่างอย่างแสนอาวรณ์แม้จะเพียงชั่วนิดก่อนที่พระองค์จะตามลงไปในอ่างน้ำใบใหญ่ ก่อนดึงรั้งกลับมาบดเบียดชิดด้วยความเร่าร้อนกว่าครั้งก่อน ด้วยมีแค่เพียงผ้าบางเบาที่กั้นกลางผิวเปล่าเปลือยเท่านั้น

   สองกายที่ขยับเข้าหากันแนบชิดทุกสัดส่วนของร่างกาย ใบหน้าหวานอดไม่ได้ที่จะแดงก่ำเมื่อรับรู้ได้ถึงความแข็งขึงและร้อนผ่าวจนน่ากลัวที่อดกลั้นความปรารถนาของฮ่องเต้หนุ่ม เสียงครางหวานเร้นลอดออกมาจากลำคอ เมื่อพระหัตถ์ร้อนนวดคลึงสะโพกที่เกร็งนิ่ง

   ฮ่องเต้หนุ่มพอพระทัยกับเสียงครางหวานที่มีเพียงพระองค์จะได้ฟัง แม้นนางอื่นที่อ๋องน้อยเคยเที่ยวเล่นก็คงไม่มีโอกาสได้ซึมซับเสียงใสดุจดั่งนกสวรรค์ ยิ่งพระหัตถ์เคล้าคลึงสะโพกกลมที่พยายามเบี่ยงหนีเท่าใด เสียงครางใสยิ่งหวานล้ำสร้างกระแสความสุขของพระองค์ให้ปรี่ล้นมาเท่าเพียงนั้น ลำคอและแผ่นอกบางช่วงบนเต็มไปด้วยรอยขบเม้มที่อยากจะทำเพื่อให้ทุกคนที่ได้เห็นทุกนางที่น้องน้อยจะไปเที่ยวหาได้รู้ว่า พระองค์เป็นเจ้าของร่างกายและหัวใจนี้แต่เพียงผู้เดียว พวกนางนั้นก็เป็นเพียงแค่ของเล่นไร้ค่า ที่เด็กน้อยแสนซนหนีไปซื้อมาเล่น....เท่านั้น

   “เที้ยนหยวน ถอดชุดให้พี่หน่อย” จากลำคอขาวเลื่อนขึ้นไปที่ใบหูเล็ก ทรงกระซิบแผ่วเป่าลมร้อนให้ร่างเล็กได้ขนลุก มือบางที่ไม่รู้จะวางที่ไหน ชะงักค้างอยู่กับคอของพระองค์ ดวงตาโตกระพริบปริบ อย่างเขินอายและไม่แน่ใจ จนพระองค์ต้องมอบยิ้มสร้างกำลังใจ ออดอ้อนอย่างที่ไม่เคยทำกับผู้ใด “เถิดนะ ทำให้พี่หน่อย อย่าเขินอายไปเลย”

   มือบางค่อยๆเอื้อมมาจับสายเชือกที่ผูกบั้นพระเอว ลังเลที่จะกระทำตามที่ถูกร้องขอ จนพระหัตถ์ใหญ่ต้องกอบกุมมาให้ลงมาสายเชือก เมื่อนั้นมือเล็กจึงกล้าที่จะคลายปม ให้หลุดออก พร้อมกับชุดตัวในของฮ่องเต้หนุ่มที่สาบชุดเคลื่อนคลายออก รั้งให้หลุดจากท่อนพระกรใหญ่ ปล่อยทิ้งข้างอ่างน้ำใบใหญ่

   วรกายตึงแน่นที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าเรียกเลือดจากทุกส่วนของร่างกายให้มาอยู่รวมกันบนใบหน้าบางอ่อน อีกครั้งที่พระหัตถ์ใหญ่ต้องชักนำร่างเล็กให้ลูบไล้กับร่างกายของพระองค์ ด้วยพระองค์เองก็ปรารถนาสัมผัสจากน้องน้อยเช่นกัน “เขินอายทำไมเที้ยนหยวน ร่างกายนี้ของพี่ก็เป็นของเจ้า อยากทำสิ่งใด อยากสัมผัสตรงไหนก็ทำเถิด บอกผ่านสัมผัสให้พี่ได้รู้ว่าเจ้าเองก็ต้องการสิ่งนี้ไม่น้อยไปกว่าพี่เลย”

      มือบางภายใต้การชักนำค่อยลูบไล้ไปทั่วพระอุระแกร่ง กล้ามเนื้อที่อยู่ภายใต้พระฉวีเรียกร้องให้สัมผัสมากขึ้น และมากขึ้นจนไม่อาจละมือออกห่างได้ สะโพกที่ถูกกระตุ้นจากช่องทางเล็กที่ถูกเย้าแหย่ทำให้เผลอจิกเล็บกับพระอุระกว้างอดกั้นความเสี่ยวซ่านที่ปะทุขึ้น “อ๊ะ...”

   เสียงร้องที่อ๋องน้อยไม่อาจเก็บกลั้นทำให้ฮ่องเต้หนุ่มยิ่งอยากแกล้งร่างเล็กตรงหน้าให้ทรมานต่อความต้องการ ทรงคุกเข่าลงกับพื้นอ่างไม้ดึงรั้งร่างเล็กให้ลงมานั่งทับตัก ยอดอกเม็ดเล็กลอยเด่นอยู่บนแผ่นอกเล็กเบื้องหน้าจนไม่อาจห้ามพระทัยให้กลืนกินได้

   “อ๊ะ..อึ..อึ...!” ช่องทางเบื้องล่างที่ถูกรุกรานทีละน้อยอย่างเบามือ และยอดอกที่ถูกดูดกลืนสร้างกระแสซ่านสุขจนหลงลืมภาวะแวดล้อม หลุดเสียงดังออกมาตามจังหวะที่พระโอษฐ์ร้อนปรนเปรอให้

   ช่องทางเล็กที่หดเกร็งจนน่าสงสารไม่อาจรับสิ่งใดเข้าไปได้แม้แต่นิ้วพระหัตถ์ จนพระองค์ต้องละความสนใจมาที่ส่วนกลางเบื้องหน้าของน้องน้อยที่คงทรมานไม่ต่างจากพระองค์ ในน้ำใสที่กลิ่นของน้ำมันหอมยังคงอยู่ ส่วนน้อยๆที่แดงก่ำและสั่นเทาช่างน่ารักเสียจนพระองค์ต้องสัมผัสอย่างเบามือด้วยความเอ็นดู

   “อ๊ะ...ท่าน...จะอ๊ะ...ทำ...อะไร”  เที้ยนหยวนร้องถามอย่างตกใจเมื่อรู้ถึงสัมผัสแสนเบาหากแต่ทรมานอย่างเหลือร้าย ไม่ใช่เพียงแค่พระหัตถ์ร้อน แต่เอ็นมังกรที่ถือเป็นของเล่อค่าสำหรับนางในกำลังถูกรวบไว้ด้วยกันกับส่วนนั้นที่แสนน่าอับอายของตนเองในพระหัตถ์ใหญ่

   “ทำไมหรือ อย่างกังวลเลยเที้ยนหยวน”  รอยแย้มพระโอษฐ์ของฮ่องเต้หนุ่มไม่อาจคลายความอับอายของอ๋องน้อยที่นั่งอยู่บนพระเพลาได้ ความรู้สึกสุขสมที่ได้รับการปรนเปรอยอดอก ยังไม่อาจสร้างความอับอายได้ถึงเพียงนี้

   ....ทั้งที่เป็นชายเหมือนกัน...แต่เมื่อเทียบกันใกล้ๆ ขนาดนี้แล้ว...ทำไมช่างต่างกันเช่นนี้เล่า....

   ส่วนกลางของร่างกายที่ขนาดแตกต่างกันทั้งสองถูกรวบไว้แนบกันจนสัมผัสได้ถึงความร้อนผ่าวที่ไม่อาจแยกได้ว่ามาแผ่ออกมาจากผู้ใด พระหัตถ์หนาค่อยลูบไล้ลำแท่งอย่างช้าๆเร่งจังหวะขึ้นทีละน้อย น้ำในอ่างพัดพาหยาดน้ำที่ไหลเยิ้มออกมาให้จางหายไป

   “อ๊ะ อา...อย่า...อื้ม”ส่วนปลายที่เล็กกว่าแดงก่ำสั่นเทาและร้อนผ่าว สติอันน้อยนิดของร่างเล็กถูกชักนำด้วยการลูบไล้ที่เร็วขึ้นจนไม่อาจตั้งตัวได้ ความนึกคิดกลายเป็นสีขาวโผลน ความละอายต่อสิ่งที่กระทำปลิดปลิวไป มือเล็กความหาพระพักตร์ที่เกร็งเครียด ร้องขอพระโอษฐ์อิ่มให้บรรจบที่กลีบปาก

   พระพักตร์คมแหงนตั้ง มองจุมพิตลึกซึ้งให้แก่น้องน้อยตามที่ต้องการ มือเล็กประคองพระพักตร์ไว้มั่น เรียวลิ้มทั้งสองพันเกี่ยวกระหวัดลดทอนความเซี่ยวซ่านจากส่วนล่างที่มากขึ้นทุกขณะ ลืมตัวเผลอจิกเล็บเข้ากับสันคางฮ่องเต้จนเกิดเป็นรอยแดงที่หากมีใครเห็นคงกลายเป็นโทษมหันต์

   พระหัตถ์ข้างที่ว่างเปล่าโอบหลังบางไม่ให้เอนตัวหนี ส่วนบนที่โผล่พ้นน้ำเปียกชื้นด้วยเหงื่อเย็นไม่ต่างจากใบหน้าหวานที่โน้มลงมาใกล้ให้พระองค์ได้ยลอย่างใกล้ชิด น่าเสียดายที่เปลือกตาไม่ยอมเปิดให้เห็นความต้องการในดวงตาคู่โต

   “จะออก...อะ....อ้า....อ๊า!!!!!” แรงอารมณ์ที่โหมกระหน่ำมากขึ้นทุกครั้งที่ถูกรูดรั้ง ชักพาอารมณ์ร่างเล็กให้ขึ้นสูงจนรู้สึกล่อยลองไปไกล หลังสายธารร้อนปลดปล่อยออกมาอย่างรุนแรง แม้แต่พระหัตถ์ยังเหนียวเหนอะแม้จะอยู่ในน้ำก็ตาม

   ฮ่องเต้หนุ่มมองน้อยน้อยที่หลับตาพริ้มรับความสุขที่ได้ปลดปล่อยด้วยรอยแย้มพระโอษฐ์อย่างยินดี แกนกายเล็กแดงก่ำและสั่นเทาอย่างน่าสงสารราวกับถูกทารุณอย่างโหดร้ายก็ปาน หยาดน้ำขุ่นข้นยังคงเอ่อไหลออกมาให้พระองค์ได้อิจฉาเล็กๆที่ไม่ต้องทนทรมานกับความอัดอั้นเช่นพระองค์ในเวลานี้ “ใจร้ายจังเลยนะเที้ยนหยวน ที่ไม่ยอมรอพี่เช่นนี้”

   จีบเล็กที่ถูกปกปิดด้วยสะโพกแน่นเนื้อกระตุกวูบรับนิ้วพระหัตถ์ที่มีหยาดน้ำอันน้อยนิดติดอยู่ทันทีที่พระองค์พยายามแทรกลึกเข้ารุกราน อาจด้วยเพราะเจ้าตัวกำลังลอยล่องไปไกล แต่เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว ร่างเล็กจะได้ไม่ทรมานกับความอึดอัด

   ความอดทนของฮ่องเต้ต่อความอึดอัดที่ต้องการปลดปล่อย ค่อยๆน้อยลงทุกขณะ ยิ่งได้สัมผัสผิวกายที่เนียนละเอียดก็ยิ่งอยากจะครอบครองให้มากขึ้นนิ้วพระหัตถ์ที่แทรกล้ำเข้าไปหมุนควานอยู่ภายในที่อุ่นแน่นจนพระองค์แทบอยากนำพาสิ่งอื่นเข้าแทนที่....สิ่งอื่นที่ทั้งร้อนเร่าด้วยความทรมาน แต่หากเข้าไปในตอนนี้น้องน้อยของพระองค์คงทรมานอย่างเจ็บแสบเป็นแน่

   นิ้วมือเล็กๆที่เคยประคองพระพักตร์ฮ่องเต้เหยียดเกร็งอยู่กลางพระปฤษฎางค์(หลัง) จิกแน่นระบายความเจ็บเมื่อถูกแทรกลึกเข้ามาในร่างกาย เปลือกตาหนักจนไม่อาจลืมขึ้นมามองพระพักตร์ที่อยู่ตรงหน้า

   เส้นทางที่เคยตึงแน่นผ่อนคลายลงพร้อมอารมณ์ของร่างเล็กที่พลุ่งพล่านขึ้นอีกครั้งจากการถูกยั่วเย้า ที่ ฮ่องเต้หนุ่มทรงข่มความอยากปรารถนาเอาไว้อย่างสุดกำลัง นิ้วพระหัตถ์สากค่อยๆควานหาจุดอ่อนไหวที่ซ่อนอยู่ภายในอย่างใจเย็น

   นิ้วพระหัตถ์หมุนวนจนค้นพบกับสิ่งที่ต้องการ ค่อยกดน้ำหนักลงไปหยอกล้อทีละนิดจน เรือนร่างที่ตึงแน่นคลายตัวออกอย่างฉับพลัน เสียงครางหวามไหวดังกระเส่ามาจากกระจับปากเล็กๆ สะโพกสั่นกระตุกทุกครั้งที่ปลายนิ้วถูไถผ่านบริเวณนั้นโดยแรง   

   “อื้ออ” เสียงครางหวานอย่างขัดใจเมื่อช่องทางเล็กที่ถูกนวดเฟ้นจนพร้อมเปิดรับสิ่งที่ใหญ่กว่ารู้สึกโหว่งวูบในทันทีที่นิ้วพระหัตถ์ถอนออก หากแต่ในช่วงเวลาไม่นาน ร่างทั้งกลับถูกยกขึ้นและพากลับลงมาพร้อมกับความรู้สึกที่ถูกเติมเต็มยิ่งกว่าครั้งใด

   ฮ่องเต้หนุ่มอุ้มร่างเล็กขึ้นเมื่อเห็นว่าช่องทางที่เคยคับแน่นพร้อมแล้วที่จะเปิดรับพระองค์เข้าสู่ร่างกาย ก่อนพาทาบทับลงให้แกนกลางที่ร้อนระอุและพองตัวจนแสนทรมานเข้าสู่ช่องทางเล็กทีละนิดบนพระเพลาของพระองค์ “เจ็บหรือเปล่าเที้ยนหยวน”

   ใบหน้าหวานสะบัดไปมาไร้ความสามารถจะตอบกลับเพราะความรู้สึกที่เซี่ยวซ่านจนแย่งชิงสติรับรู้ไปจนหมด ทำได้เพียงอยู่นิ่งให้ปลายลึกได้แทรกล้ำเข้ามาอย่างช้าๆ ตามน้ำหนักตัวที่ทิ้งลงไป “อ๊ะ..อ่ะ...อื้อ..”

   สายพระเนตรคมสบกับดวงตากลมปรือที่มองนิ่งแฝงด้วยความสงสัยกับอาการนิ่งงันไม่เคลื่อนไหวของพระองค์ จนอยากปล่อยพระสรวลให้กับความซื่อใสเอ็นดูนี้“เที้ยนหยวนเจ้าทำเถิด อยากทำสิ่งใดก็ทำ พี่ให้เจ้าเป็นทำอย่างไรเล่า”   

   ...ผู้ใดช่างปล่อยข่าวลือว่าอ๋องน้อยเที้ยนหยวนเชี่ยวชาญกับเรื่องคาวโลกีย์ แท้จริงแล้วไม่ตางจากสาวน้อยแรกแย้มเลย....

   ดวงตาโตเบิกกว้างกับรับสั่งที่ได้ยิน ความกระดากอายแล่นขึ้นมาบนใบหน้า เพียงแค่นี้ก็ไม่อาจสบสายพระเนตรได้ หากให้ทำเช่นนั้นเอง คงไม่อาจพบหน้าใครได้อีกเป็นแน่ ใบหน้าหวานแดงก่ำโผซบกับพระอังสากว้างกล้ำกลืนความต้องการที่เพิ่มขึ้น ไม่กล้าขยับเขยื้อนกาย

   ฮ่องเต้หนุ่มมองแย้มพระโอษฐ์กับน้องน้อยขี้อายที่เอาแต่ซบหน้ากับบ่าของพระองค์ไม่พูดตอบโต้สิ่งใด ปล่อยให้ร่างกายเชื่อต่อกันแบบนั้นทั้งที่ต่างก็คับแน่นด้วยความปรารถนา ไม่ต่างกัน

   “เที้ยนหยวน เช่นนั้นเจ้าผ่อนตัวลงนะ พี่จะรองหลังไว้ให้” ฮ่องเต้หนุ่มโน้มองค์พาร่างเล็กลงสูงพื้นอ่างอย่างช้าไม่ให้กระทบกับส่วนเชื่อมต่อที่คับแน่น พระหัตถ์หนารองรับแผ่นหลังบางไม่ให้ถูกขอบอ่างที่เป็นไม้เนื้อแข็ง เกรงว่าแรงกระแทกจะพาให้ผิวบางชอกช้ำ

   ฮ่องเต้หนุ่มค่อยๆเคลื่อนกายอย่างช้าๆให้ร่างบางได้ปรับรับทีละนิดๆ ปลุกเร้าความต้องของอ๋องน้อยให้ขึ้นสูง ดวงตาโตปิดแน่นไม่อาจสบพระเนตรโฉนแสงล้อเลียนได้ เรียวขาเล็กเกาะเกี่ยวต้นขาใหญ่ของชายผู้สูงศักดิ์

   เอ็นมังกรใหญ่พองตัวคับแน่นเส้นทางมีสายน้ำที่ไหลซึมช่วยให้ไม่ลำบากนักที่จะแทรกตัวลึกเข้าหาร่างบางที่รอรับอยู่ด้วยความเสี่ยวซานและกระแสแห่งความสุขที่รออยู่ไม่ไกล

   เที้ยนหยวนไม่อาจตั้งตัวให้พิงกับขอบอ่างได้อีกต่อไป ซบกายลงแนบชิดพระอุระ ไม่สะท้านกับน้ำที่เริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ ในความนึกคิดมีเพียงสิ่งเดียวคือฮ่องเต้หนุ่มที่อยู่ตรงหน้า และช่วงเวลาสุดท้ายก่อนแยกจาก จนเพ้อออกมา “พรุ่ง..อ่ะนี้ ระ...เรา...อ่า”

   “อย่าคิดถึงมันเที้ยนหยวน...ขอแค่เวลานี้พี่....และเจ้าได้อยู่เคียงกันก็เพียงพอแล้วนะ” สุรเสียงทุ้มแหบพร่าและสั่นเทาด้วยแรงอารมณ์ที่พึ่งขึ้นสูงยากเกินควบคุม ปิดบังความเศร้าที่น้องน้อยถามถึงด้วยแทรกหาร่างบางอย่างรุนแรง หนึ่งมือลูกหัวกลมเล็กที่ซุกอยู่กับบ่า อีกหนึ่งมือวางบนแผ่นหลังบาง กั้นแผ่นหลังเล็กไม่ให้กระแทกกับขอบอ่าง รับความเจ็บที่เกิดขึ้นด้วยองค์เอง

   “อ่ะ...อื้อ..ข้าจะ...อ่า..ไม่อ๊ะ....” แม้คำพูดที่พยายามถ่ายทอดออกมาจะบอกว่าไม่นึกถึง หากแต่จิตใจไม่ยอมเป็นดังปากว่า น้ำตาเม็ดเล็กไหลเอื่อยออกมาอย่างสุดกลั้นทั้งที่เหลือสติอยู่เพียงน้อยนิด  

   ริมฝีปากอิ่มขบเม้มลงบนพระอังสะเกิดเป็นรอยรักสีหวานที่ดูเจือจาง เสี้ยวสุดท้ายก่อนสติจะลืมเลือนปรารถนาเดียวที่หลงเหลือคือ อยากตราตรึงรอยนี้ไปชั่วชีวิต ประกาศให้รู้ว่าชายสูงศักดิ์ ผู้นี้เป็นของอ๋องเช่นเขาแต่เพียงผู้เดียว แต่จะเป็นไปได้เช่นไร เมื่อวันหนึ่งรอยนี้จะเลือนหายไป และพระองค์ต้องมีหญิงงามผู้เหมาะสมเคียงข้างกาย ส่วนเขาก็เป็นเพียงอ๋องตัวเล็กที่มีคนจดจำได้ว่าครั้งหนึ่ง เคยเข้ามาอาศัยเพื่อแก้นิสัยที่ไม่เอาไหน

   “อื้อ...อ่ะ...อ่า.........” เสียงหวานกรีดร้องเมื่อถึงที่สุดแห่งอารมณ์ฟันขาวขบลงบนพระศอใหญ่อย่างลืมตัวช่องทางเล็กที่บวมช้ำตอดรัดสิ่งแปลกปลอมภายในจนรู้สึกได้ถึงความอุ่นวาบจากสายน้ำแห่งหน่อเนื้อฮ่องเต้ ไม่ต่างจากแก่นกายเล็กที่ปลดปล่อยหยาดหยดออกมาให้ลอยล่องอยู่กับน้ำที่เย็นลงมากแล้ว

   ฮ่องเต้หนุ่มค่อยๆถอนกายออกจากช่องทางเล็กที่บวมช้ำ พาหยาดหยดแห่งแผ่นดินไหลเยิ้มออกมาตามช่องทางที่ถูกเบิกกว้างให้รองรับความใหญ่โต พระกรโอบรัดร่างบางไว้แนบแน่น ดุจดั่งร่างเล็กนี้อาจเลือนหายไปหากไม่ทรงยึดมั่น

   ร่างเล็กพิงกายซานซบกับพระอุระกว้างไร้เรี่ยวแรงทรงกาย ดวงตาปรือลงอย่างเหนื่อยอ่อนไม่เหลือความสามารถจะทำสิ่งใดได้อีก ไม่รับรู้กับอุณหภูมิของน้ำรอบกายที่เย็นเฉียบ ได้แต่เพียงปล่อยกายตามการชักนำของฮ่องเต้เท่านั้น

VVVV

VVV

VV

V
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-05-2011 00:00:47 โดย jellyfish »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด