- หนึ่งวันบนดาวพุธ - (จบแล้ว) ตอนพิเศษ - อนันต์ (P.4) (15-Dec-18)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - หนึ่งวันบนดาวพุธ - (จบแล้ว) ตอนพิเศษ - อนันต์ (P.4) (15-Dec-18)  (อ่าน 54317 ครั้ง)

ออฟไลน์ PromQueen29

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
ตอนที่สิบห้า (ตอนจบ)



นิพัทธ์ไม่คุยกับเขาได้เกือบสองสัปดาห์แล้ว ทั้งนี้ไม่เชิงว่าไม่ปริปากคุยด้วยแต่นิพัทธ์แสดงออกชัดเจนถึงขอบเขตที่สามารถคุยได้ ในฐานะหัวหน้ากับลูกน้องนิพัทธ์ยังสามารถพูดคุยและมีความรับผิดชอบต่อหน้าดีอย่างเสมอมา พิรัลร้อนรนอยู่ในอก เขาพยายามหาช่องว่างเพื่อแสดงออกว่าเวลานี้กำลังตามขอคืนดีอย่างชัดเจนเช่นกัน มันอาจเรียกว่าเป็นการใช้หน้าที่การงานในทางที่ผิดอยู่สักหน่อยหากกล่าวว่าพิรัลเคี่ยวเข็ญกดดันในเนื้องานของนิพัทธ์มากกว่าใครอื่น ทั้งเรื่องงานเอกสาร เรื่องออกไปออนไซต์ที่มีอุปกรณ์ซับซ้อน เขาสามารถปรับเปลี่ยนจับตารางออนไซต์ของนิพัทธ์ให้เป็นไปตามที่ต้องการได้ พิรัลไม่รู้สึกผิดต่อการใช้อำนาจในมือ หากเขาต้องการให้นิพัทธ์อยู่เช็คเครื่องจากลูกค้าที่ส่งมาซ่อมเป็นรอบที่สอง ในฐานะหัวหน้าเขาย่อมสั่งให้ทำได้ หากเขาต้องการให้นิพัทธ์แก้ไขแบบฟอร์มในการแจ้งซ่อมต่อเวนเดอก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะพูดออกไปโดยอ้างอิงถึงการประเมินผลงานในอนาคต และหากเขาต้องการเลี้ยงข้าวลูกน้อง มันอาจยากสักหน่อยเพราะนี่ไม่ใช่เรื่องงานแต่เป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงาน นิพัทธ์มีสิทธิ์เลือกที่จะตอบรับหรือจะปฏิเสธ

ในช่วงเวลาที่ผ่านมาพิรัลวุ่นวายอยู่กับงาน เพราะต้องคอยทำงานส่วนของหวานที่ลาคลอดและประจวบเหมาะกับเป็นช่วงปิดปีงบประมาณ ทางฝั่งเซลล์เร่งทำยอด ทางฝั่งเซอร์วิสต้องการจัดการปัญหาที่คั่งค้าง ทุกฝ่ายต่างรุมเร้าเคร่งเครียด พิรัลอยู่ทำงานจนฟ้ามืดแทบทุกวัน ถึงจะพยายามหาเรื่องใช้เวลาอยู่กับนิพัทธ์ในที่ทำงานมากแค่ไหนแต่สุดท้ายแล้วเขาแทบจะไม่มีโอกาสได้พูดคุยเรื่องส่วนตัวเลยด้วยซ้ำ ความเครียดสะสมมาเป็นระยะเวลาพักใหญ่ สุดสัปดาห์นี้พิรัลจึงชักชวนลูกน้องไปกินข้าวมื้อเย็นที่ร้านอาหารใกล้ๆโดยตัวเขาเป็นเจ้ามือ

“กานต์จะไปตอนเย็นนี้ด้วยป้ะ”

พิรัลหูพึ่งเมื่อได้ยินเสียงเอ่ยถามจากหญิง เขาหวังเหลือเกินว่านิพัทธ์จะตอบรับ

“ยังไม่รู้เลย ผมรอดูงานก่อนว่าจะเคลียร์เสร็จทันมั้ย”

เมื่อเอาเรื่องงานมาอ้างพิรัลก็ไม่สามารถโต้แย้งอะไรได้

“พี่เจตน์เลี้ยงนะเว่ย ไม่ไปได้ไงของฟรี” หญิงว่าเช่นนั้นก่อนเดินออกจากคอกทำงานไป

เขาได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอจากนิพัทธ์ แต่กลับไม่ได้ยินคำตอบรับหรือปฏิเสธ พิรัลหันไปมองยังทิศทางที่นิพัทธ์นั่งทำงานอยู่ เขาสบสายตาเข้ากับเด็กหนุ่มที่มองมาอยู่ก่อนหน้านี้ พิรัลไม่หลบสายตา เขาจ้องมองจนเด็กหนุ่มเลี่ยงสายตาไปเองเมื่อเห็นว่าสบโอกาสไม่มีใครอยู่ในคอก พิรัลเลื่อนเก้าอี้เข้าไปหานิพัทธ์ เขาเห็นแล้วว่าอีกฝ่ายเตรียมถอยหนีพิรัลจึงเอ่ยพูดเรื่องงานขึ้นมาเสียก่อน

“เดี๋ยวมีเครื่องซ่อมจากหาดเฉวงส่งมา กานต์เช็คให้เสร็จวันนี้นะ เคสนี้ SLA แปลกว่าเคสอื่น”

“กี่เครื่องครับ”

“POS สาม มีปัญหาเรื่องจอเครื่องนึง ส่วนอีกสองเครื่องลูกค้าบอกว่าเปิดไม่ติด เดี๋ยวทางเวนเดอจะส่งอีเมลตามมาทีหลังแล้วพรุ่งนี้เวอเดอจะเข้ามารับนอกรอบ”

“ครับ”

“ผมขอเสร็จวันนี้นะ ช่วยผมหน่อย”

นิพัทธ์รับคำและคิดว่าจะหันกลับไปทำงานต่อ แต่เพราะพิรัลยังไม่ได้ขยับไปไหนเขาจึงเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงสงสัย

“มีให้ผมทำอะไรอีกหรือเปล่าครับ”

“มี ช่วยผมยกลังหน่อย หญิงจะได้ไม่ต้องไปขนเองเดี๋ยวหญิงมีอินสตอเครื่อง”

“ได้ครับ”

เด็กหนุ่มรับคำแม้ในใจจะคาดคิดไปเสียแล้วว่าพิรัลอาจถามเรื่องไปกินข้าวตอนเย็น เขาเดินตามหลังชายหนุ่มอายุมากกว่าไปยังห้องเก็บอุปกรณ์ มองดูพิรัลไขกุญแจก่อนเปิดและหลีกทางให้เขาเดินเข้าไป ไฟในห้องไม่ได้สว่างขึ้น อีกทั้งยังได้ยินเสียงปิดประตูพร้อมกับล็อคไว้ เพิ่งตระหนักรู้ก็ตอนนี้ว่าถูกพิรัลหลอกเข้าให้เสียแล้ว

“พี่เจตน์ครับ...” เสียงของเด็กหนุ่มเงียบลงเมื่อพิรัลก้าวเข้ามายืนตรงหน้า เขาหวนนึกถึงครั้งแรกที่ถูกพิรัลจูบในห้องแห่งนี้ ใจที่เคยเต้นตุบตับด้วยความตื่นเต้นไม่ต่างไปจากเดิม และนิพัทธ์ไม่ยินดีกับความรู้สึกนี้สักเท่าไหร่

“ครับ” ชายอายุมากกว่าขานรับ สองเท้าขยับเดินจนประชิดตัวอีกฝ่าย ดวงตาจดจ้องราวกับว่ากลัวนิพัทธ์จะสลายหายไปต่อหน้าต่อตา

“นี่พี่เจตน์หลอกผมใช่มั้ยครับ”

“ผมไม่ได้หลอก ผมจะให้กานต์มาช่วยยกลังจริงๆ” เขาตอบหากพลางวางมือข้างหนึ่งไว้ตรงชั้นเหล็กเป็นการกักขังนิพัทธ์ “แต่ก่อนจะให้ช่วยผมอยากคุยด้วย” แม้ปากจะบอกว่าคุยทว่าใบหน้าของพิรัลได้เคลื่อนมาอยู่ในจุดที่ใกล้กับใบหน้าของนิพัทธ์จนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของกันและกัน “พี่คิดถึงกานต์”

นิพัทธ์นิ่งเงียบ ไม่ได้ตอบรับและสีหน้าไม่ได้แสดงความรู้สึกใดเป็นพิเศษ

“กานต์ยกโทษให้พี่ได้มั้ย พี่คิดถึงกานต์มากนะ”

“...........”

“น้องยังโกรธพี่เหรอครับ พี่ขอโทษ อย่าโกรธพี่เลยนะครับ”

“ผมไม่ได้โกรธครับ”

“ถ้าไม่โกรธแล้วทำไมไม่ยอมคุยกับพี่ครับ”

เด็กหนุ่มตัวขาวมองตาอีกฝ่ายก่อนจะถอนหายใจ “ผมแค่คิดว่า... พี่เจตน์ไม่ได้รักผมเหมือนที่ผมรักพี่เจตน์”

“...........”

“ผมไม่รู้ว่าทำไมผมถึงรู้สึกแบบนี้ แต่ก็รู้สึกไปแล้ว”

“ทำไมถึงคิดว่าพี่ไม่รักกานต์ ถ้าไม่รักพี่จะมาตามง้ออยู่แบบนี้เหรอ”

“ผมไม่ได้บอกว่าพี่เจตน์ไม่รักผม แต่พี่รักผมน้อยกว่าที่ผมรักพี่”

“แล้วกานต์รู้ได้ยังไงว่าผมรักกานต์น้อยกว่า เอาอะไรมาตัดสิน”

น้ำเสียงของพิรัลเข้มขึ้น เขาทำให้นิพัทธ์นึกโมโหขึ้นมาอยู่บ้าง “ก็ดูสิ่งที่พี่เจตน์ทำดิ ต้องรอให้อาการมันแย่ขนาดไหนถึงจะดูแลตัวเอง ถ้าไม่ใกล้ตายก็คงไม่รู้สึกตัวแล้วจะให้ผมอยู่ด้วยความหวาดระแวงแบบนี้ไปตลอดเหรอ”

“กานต์จะโทษที่ผมป่วยใช่ป้ะ ที่อยากเลิกกับผมเพราะผมป่วยเนี่ยเหรอ”

“ผมไม่ได้จะโทษที่พี่ป่วย แต่ผมแค่ไม่รู้สึกว่าพี่ได้พยายามทำอะไรเพื่อผมเลย ไม่ยอมกินยา ไม่ยอมรักษาตัวเอง รู้ว่าบุหรี่มันทำให้แย่ลงก็ยังไม่เลิก เหมือนพี่เจตน์ไม่อยากมีชีวิตอยู่อะ ผมไม่อยากเสียใจอยู่คนเดียวตอนเห็นพี่เจตน์ตายนะ เสียใจทั้งๆที่เราสามารถทำให้มันดีได้แต่พี่ไม่ยอมทำ”

“...........”

“ผมรู้ว่าสุดท้ายแล้วคนเราก็ต้องตาย แต่ก่อนตายเราจะไม่พยายามทำอะไรเพื่อชีวิตตัวเองบ้างเหรอ ผมผิดเหรอ ผมแค่อยากอยู่กับพี่เจตน์ไปนานๆ แต่ที่ผ่านมาเหมือนผมรู้สึกแบบนั้นอยู่คนเดียว”

“...........”

“ผมไม่เคยโทษที่พี่เจตน์ป่วยเลย ผมพร้อมอยู่กับพี่แต่พี่ไม่พยายามบ้างเลย อย่างน้อยดูแลตัวเองเพื่อที่จะได้อยู่กับผม อยู่กับครอบครัว ทุกคนรักพี่เจตน์แต่พี่ไม่คิดทำอะไรเพื่อคนที่รักพี่เลยสักนิดเดียว”

“...........”

“ผมรักพี่เจตน์ แต่ผมก็อยากอยู่กับคนที่ให้ใจผมเต็มร้อย ไม่อยากอยู่กับคนที่ไม่เห็นค่าความรักของผม...” เด็กตัวขาวของพิรัลเม้มปากแน่น ดวงตาที่สบมองอยู่นี้หลบเลี่ยงไปทางอื่น น้ำเสียงที่ได้ยินก่อนหน้านี้สั่นเครือมากขึ้นทุกที “ผม...”

พิรัลทำให้นิพัทธ์เสียน้ำตาอีกแล้ว แต่ยังไม่ทันที่คนเด็กกว่าจะได้พูดอะไรอีกพิรัลก็โอบกอดร่างที่แสนคุ้นเคยนั่นไว้ “พี่ขอโทษ อย่าร้องไห้อีกเลยนะ” เขากอดปลอบประโลมแนบแน่น รู้สึกถึงแรงฝืนเล็กน้อยแต่ไม่มากพอสำหรับการต่อต้าน และแม้ว่านิพัทธ์จะต่อต้านอ้อมกอดนี้เขาก็จะไม่ปล่อยอย่างแน่นอน “พี่รักกานต์ พี่ยอมหมดทุกอย่างแล้ว เรากลับมาคุยกันเหมือนเดิมนะ”

นิพัทธ์ยังคงนิ่งเงียบ ไม่ผลักไสและไม่กอดตอบ เด็กหนุ่มเพียงแค่ยืนอยู่เช่นนั้นราวกับเวลาหยุดนิ่ง

พิรัลผละตัวออกมาเพื่อมองใบหน้าอีกฝ่าย เขาโน้มหน้าเข้าใกล้มองตาก่อนจะสัมผัสบนผิวแก้มด้วยริมฝีปาก นิพัทธ์เบี่ยงหน้าออก พิรัลรุกไล่ตามคราวนี้เขาจูบที่ริมฝีปากสีสดนั่น รสสัมผัสที่ห่างหายไปนานนี้ทำให้เขาใจเต้นแรงและโหยหาต้องการมากขึ้น แต่เพียงแค่ได้สัมผัสนิพัทธ์ก็ผินหน้าออกอีกครั้ง

“ผมขอเวลาหน่อยนะครับ”

“พี่รอไม่ได้แล้วกานต์ พี่อยากคุยกับกานต์เหมือนเดิม”

“ทีพี่เจตน์ยังอยากได้เวลาคิดเลย ผมก็อยากทบทวนเรื่องของเราเหมือนกัน”

พิรัลยอมแพ้เมื่อถูกไล่ต้อนด้วยเรื่องราวในอดีตที่ย้อนกลับมาผูกมัดตัวเอง เขาจับมือของนิพัทธ์ขึ้นมาอิงแอบใบหน้าซานซบก่อนจะจูบลงด้วยความทะนุถนอม “กานต์ พี่ไม่อยากรอแล้ว พี่ป่วยนะ จะตายตอนไหนก็ได้ แล้วกานต์จะให้พี่ตายทั้งที่เรายังไม่คืนดีกันเหรอ”

“...........”

“กานต์ไม่คิดถึงพี่บ้างเหรอครับ เราคุยกันว่าเราจะไปล่าแสงเหนือด้วยกันนี่ น้องไม่อยากไปกับพี่แล้วเหรอครับ” พิรัลรุกเร้าอีกครั้ง เขาไม่เคยตามหาเหตุผลล้านแปดพันข้อเพื่อง้อใครมากขนาดนี้มาก่อน ไม่ใช่ว่าง้อคนไม่เป็นแต่ไม่เคยรู้สึกอยากง้อใครมากเท่านี้จริงๆ เขารู้ว่านิพัทธ์ไม่ใช่คนงี่เง่าอีกทั้งยังมีความเข้มแข็งมากกว่าภายนอกที่เห็นแต่สิ่งหนึ่งที่พิรัลยังไม่รู้นั่นก็คือนิพัทธ์ใจแข็งมากเพียงใด ชายหนุ่มได้แต่หวังว่าใจที่มันแข็งอยู่นี้จะอ่อนลงบ้าง เขารู้ตัวแล้วว่าความคิดประหลาดที่ไม่เข้าท่านั่นได้สร้างความยากลำบากแก่คนอื่น เขารู้ตัวแล้วว่าชีวิตที่ยังดำเนินอยู่ตอนนี้อย่างน้อยก็ไม่ควรทำให้ใครอึดอัดใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนรอบข้างที่หวังดีต่อเขา พิรัลผิดไปแล้ว เขาขอเพียงแค่โอกาสให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเช่นเก่า

“เราห่างกันสักพักนะครับพี่เจตน์”

พิรัลยอมพักความพยายามไว้ ณ ตรงนี้ก่อนมันจะกลายเป็นความน่ารำคาญ แต่หัวใจของเขาจะไม่ยอมหยุดพัก มันยังคงเต็มไปด้วยความหวังว่าสักวันหนึ่งพวกเขาจะได้กลับมารักและผูกพันธ์กันมากกว่าครั้งไหน



พิรัลใช้เวลาอยู่กับครอบครัวในช่วงสุดสัปดาห์ เขาพาหลานไปเที่ยวตามที่เคยได้สัญญาเอาไว้และพาพี่สาวไปกินอาหารอร่อยๆ ไม่ได้หวังว่าการกระทำนี้จะลบล้างความยากลำบากที่แจงเคยเผชิญมา พิรัลคิดเพียงแค่ว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นของการขอบคุณมากกว่าเพราะพี่สาวของเขาชอบกินเนื้อวัวย่างมากกว่าสิ่งใดบนโลก เขาอดขำไม่ได้เมื่อเห็นแจงสั่งเนื้อวัวโทมาฮอว์คมาหนึ่งกิโลกรัมและซัดโฮกเข้าไปจนหมดก่อนบ่นว่าพุงจะแตก อีกทั้งยังโทษว่าเป็นความผิดของเขาที่พามากินเนื้อวัวอีกต่างหาก พิรัลล้อเลียนเมื่อเห็นหน้าท้องนูนของเธอ ล้อด้วยความสนิทสนมมากพอที่จะรู้ว่าแท้จริงแล้วแจงไม่เคยสนใจรูปร่างสวยงามเหมือนเช่นคนอื่น ปากก็บ่นไปเช่นนั้นแต่ไม่เคยเห็นเธอหยุดกินเลยสักที

ครอบครัวของเขานั้นสนิทกันทุกคน แม้แต่ใหญ่เพื่อนของเขาที่เข้ามาเป็นหนึ่งในสมาชิกก็ยังสามารถพูดคุยเปิดอกถึงปัญหาส่วนตัวบางส่วนกับพ่อแม่ของเขาได้ พิรัลยืนรอจ๋ากับแจงเข้าห้องน้ำอยู่กับเพื่อนสนิท ช่วงหลังมานี้พวกเขาไม่ค่อยได้คุยกันบ่อยนักเนื่องด้วยภาระหน้าที่ต่างๆ จะมีก็วันนี้ที่ได้อยู่พร้อมหน้ากันส่วนแม่กับพ่อไม่ชอบออกมาเที่ยวตามห้างสรรพสินค้าจึงไม่ได้ออกมาด้วย ที่ออกมาเที่ยวด้วยกันก็มีครอบครัวของแจงและตัวพิรัล

“ไม่ได้คุยกันนานเลยว่ะเพื่อน เป็นยังไงบ้าง ได้ข่าวว่าพอหาหมอเสร็จก็เผ่นออกจากโรงพยาบาล”

“เออ ก็ตามนั้น”

“มึงบ้ารึเปล่าวะ จะรีบออกมาทำไม งานมันรอได้โว้ย”

“ไม่ได้จะออกมาทำงาน กูออกมาตามง้อกานต์”

“โอ้โห พระเอกเหลือเกิน ทีก่อนหน้านี้ไม่ยอมดูแลตัวเองพอจะเป็นจะตายถึงได้รู้สึก ไอ้ควาย”

“มึงเลิกซ้ำเติมกูได้แล้ว ไอ้ใหญ่”

ใหญ่หัวเราะลั่นก่อนจะตบบ่าเพื่อนอย่างสนิทสนม “ไอ้เจตน์เอ้ย มึงนี่มันมีความคิดเชี่ยๆอะไรก็ไม่รู้ แล้วนี่เป็นไงตามง้อสำเร็จมั้ย”

“ไม่ว่ะ เขาอยากให้กูห่างกับเขาสักพัก”

“มึง ประโยคคลาสสิคก่อนบอกเลิกเลยว่ะ เตรียมใจไว้นะมึง”

“ไอ้ใหญ่ มึงแม่งไม่ได้ช่วยเชี่ยอะไรเลย”

พิรัลถอนหายใจยาวแต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้สึกรู้สาอะไร อีกทั้งเมื่อก่อนก็เคยโดนบอกเลิกด้วยประโยคนี้เช่นกัน เพียงแต่เขาไม่รู้สึกอยากตามง้อแฟนเก่าคนนั้น ผิดจากนิพัทธ์เขารู้สึกเหมือนใจจะขาดที่ไม่ได้พูดคุยกันอย่างเคย หากนิพัทธ์จะบอกเลิกกับเขาขึ้นมาจริงๆพิรัลนึกไม่ออกว่าจะเสียใจขนาดไหน แต่จะให้ทำอย่างไรได้เขาไม่ควรทำให้นิพัทธ์ลำบากใจอีก แค่ได้รักกันแบบนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องราวดีๆในชีวิตแล้ว เขาผิดเองที่ไม่สามารถรักษารักครั้งนี้ได้

“กูไม่ได้จะซ้ำเติม แต่มันก็คือความจริงเปล่าวะ ห่างกันสักพักก็หมายถึงเลิกกัน นี่ก็รอเวลาน้องเขามาบอกเท่านั้นแหละ”

หากปฏิเสธว่าไม่หวั่นไหวเลยคงไม่ใช่ความจริง พิรัลถอนหายใจอีกครั้ง คำพูดของใหญ่ทำให้เขากลับมาเครียดยิ่งกว่าเดิม สุดท้ายแล้วมันอาจเป็นความจริงที่เขาหลีกเลี่ยงไม่ได้



วันจันทร์วนเวียนมาอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้พิรัลไม่ได้ตื่นเช้าเพื่อมาเข้างาน เขามาหาหมอตามนัดแต่เช้าตรู่ ขับรถมาจอดไว้ที่ลานจอดรถก่อนจะขึ้นรถไฟฟ้ามายังโรงพยาบาลที่ตั้งอยู่กลางเมือง วันนี้เขาลางานทั้งวันเพราะตั้งใจจะไปเดินในสวนสาธารณะซึ่งอยู่ใกล้โรงพยาบาล เขาหวนนึกถึงการได้ใช้ชีวิตภายใต้ร่มเงาต้นไม้ ปูผ้า เอนตัวลงนอนเพื่ออ่านหนังสือสักเล่ม ในเมื่อลาป่วยทั้งวันแล้วจึงใช้โอกาสนี้อยู่กับตัวเองเสียบ้าง

การมาโรงพยาบาลรัฐบาลนี้เป็นเรื่องน่าเบื่อหน่ายเหลือเกิน พิรัลนำหนังสือเล่มหนึ่งมาอ่านระหว่างรอพบหมอแต่เพราะความวุ่นวายทำให้เขามีสมาธิน้อยนัก เขาจึงปิดหนังสือ เก็บมันลงกระเป๋า และเดินเลี่ยงมาอีกทางที่สงบลงเล็กน้อยแต่เพียงแค่ไม่มีที่นั่งรอ เขาโทรหานิพัทธ์เพียงเพื่อจะถามถึงสถานการณ์ที่ทำงาน แม้ว่าจะไม่ได้พูดคุยกันฉันท์คนรักอีกเลยนับแต่วันนั้น อย่างน้อยพิรัลคงพอจะสามารถหยิบเรื่องงานมาพูดคุยได้ วันนี้เขารับรู้แล้วว่าไอ้การแค่อยากได้ยินเสียงมันสามารถหล่อเลี้ยงจิตใจที่ห่อเหี่ยวนี้ได้ นิพัทธ์ไม่รับสายในคราวแรกใจของพิรัลแห้งแล้งลงอีกหลายเท่าตัว เขามองหน้าจอโทรศัพท์มือถือก่อนจะตัดสินใจส่งข้อความไปทักทาย เมื่อเห็นว่านิพัทธ์เปิดอ่านเขาก็พอจับสังเกตได้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจที่จะไม่รับสายโทรศัพท์

‘ที่ทำงานเป็นยังไงบ้าง’

‘ปกติครับ’

พิรัลนิ่งเงียบหลังจากอ่านข้อความที่ส่งกลับมา ระยะห่างระหว่างเขากับนิพัทธ์มากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย เขารู้ตัวว่าที่ผ่านมานั้นได้สร้างความยากลำบากใจ รู้ว่าต้องได้รับผลของการกระทำ แต่ไม่คิดว่าเมื่อได้สัมผัสพบเจอมันจะส่งผลรุนแรงต่อจิตใจได้มากขนาดนี้ พิรัลถอนหายใจยาว ไม่กล้าถามเรื่องงานอีก

‘พี่รักกานต์นะครับ’

นิพัทธ์กดอ่านแล้ว ใช้เวลาช่วงอึดใจหนึ่ง นานพอสมควรจนรู้สึกว่านิพัทธ์คงจะไม่ตอบกลับ แต่ท้ายที่สุดก็มีข้อความส่งกลับมา

‘ครับ’

ชายหนุ่มตัวสูงใหญ่อย่างพิรัลรู้สึกอ่อนล้าลงทันที เขามองเบื้องหน้าที่เป็นสถานพยาบาล มีคนไข้เดินผ่านให้ขวักไขว่ พยาบาลสาววุ่นวายอยู่ตรงเค้าท์เตอร์ บุรุษพยาบาลเข็นวีลแชร์ ภาพเหล่านั้นมันทำให้พิรัลนึกปลงตก ช่วงเวลาที่เห็นนี้เขาคงได้เผชิญก่อนช่วงเวลาของนิพัทธ์ วันใดวันหนึ่งเขาคงจะเป็นตาแก่ที่นั่งบนรถเข็นและนิพัทธ์ที่เด็กกว่าคงมีเส้นทางของตัวเอง เขาไม่ได้นึกถึงคำพูดของใคร แต่ภาพตรงหน้ามันทำให้เขาพบว่าแท้จริงแล้วคนที่จะอยู่ด้วยไปจนกว่าจะตายจากกัน หลงเหลือเพียงแค่ตัวเองเท่านั้น

พิรัลถูกเรียกเข้าไปพบหมอ มันเป็นนัดติดตามอาการและไม่มีอะไรสลักสำคัญเพราะหากไม่นับเรื่องที่เขาเป็นโรคหัวใจ ร่างกายของเขาก็นับว่ายังแข็งแรงมากพอสมควรอยู่จึงไม่มีอาการข้างเคียงอะไรทั้งนั้น ผลข้างเคียงที่เหลืออยู่คงมีแต่ความเสียใจที่ไม่สามารถรักษาความรักระหว่างเขากับนิพัทธ์ได้ พิรัลไม่ใช่คนคิดมากแต่ตอนนี้เขาคิดไปถึงไหนต่อไหนแล้วในระหว่างรอรับยา ระบบของโรงพยาบาลรัฐบาลก็ยังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยน น่าหงุดหงิดและเชื่องช้าไปทุกภาคส่วน จิตใจของเขาไม่อยู่กับร่องกับรอยสักเท่าไหร่ แม้แต่ตอนฟังเจ้าหน้าที่จ่ายยาพูดให้คำแนะนำพิรัลยังฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เขาเซ็นต์ชื่อลงในเอกสารอีกครั้งก่อนจะเดินออกมาจากตรงนั้นด้วยหัวใจอันเซื่องซึม แต่เมื่อหันหลังมาเขาพบเข้ากับใครบางคนที่เกินกว่าการคาดคิด เป็นนิพัทธ์ในชุดทำงานตามปกติทั่วไป

นิพัทธ์ไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรเป็นพิเศษ เด็กหนุ่มทำเพียงแค่เดินเข้าไปคว้าข้อมือพิรัลให้เดินออกมาจากบริเวณนั้น

“หมอว่ายังไงบ้างครับ” นิพัทธ์เอ่ยถามหลังจากปล่อยมือพิรัลแต่ยังคงก้าวเดินไปที่ไหนสักแห่ง

พิรัลนิ่งเงียบไปเพราะคาดไม่ถึงว่าจะได้เจอหน้ากันแบบนี้ เขาแทบคิดว่านี่อาจเป็นความฝัน

“พี่เจตน์… เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

พิรัลส่ายหน้าก่อนจะเป็นฝ่ายคว้ามือนิพัทธ์มาจับไว้โดยไม่สนใจสายตาของใคร

“แล้วตกลงหมอบอกว่าอาการเป็นยังไงบ้าง” เด็กหนุ่มถามย้ำอีกครั้งพลางเดินออกไปเรื่อยๆ

“ปกติดี หมายถึงอาการไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ได้ยามาเยอะแยะไปหมด”

นิพัทธ์ไม่ได้ส่งยิ้มหรือแสดงออกอะไรมากมาย แต่ก็ไม่ได้ดึงมือที่ถูกจับอยู่ออกห่าง “พี่เจตน์อย่าทำหน้างงได้มั้ยครับ นี่ผมเอง ไม่ใช่ผี”

“งงสิ ผมงงอยู่”

“ก็พี่เจตน์เคยบอกว่าวันนี้จะมาหาหมอผมก็เลยมาด้วย มารับแฟนกลับบ้านมันน่างงตรงไหน”

พิรัลชะงักเมื่อได้ยิน หัวใจของเขาเต้นแรง ความรู้สึกสุมแน่นอัดกองออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ เขาจับมือนิพัทธ์แน่นจวบจนกระทั่งเด็กหนุ่มกอบกุมมือของเขาด้วยมืออีกข้าง พวกเขาหยุดยืนอยู่ตรงซอกตึกซึ่งเป็นทางเชื่อมระหว่างอาคาร ดวงตาของทั้งคู่สบประสาน พิรัลตื้นตันไปหมดเสียจนคิดว่าอาจเป็นความฝัน

“กานต์ครับ พี่ขอโอกาสได้มั้ย เรามากลับมาคุยกันเหมือนเดิมนะครับ”

นิพัทธ์เลิกคิ้วสูง บรรยากาศรอบข้างไม่น่าพิศสมัยสักนิด หากแต่ตรงหน้านี้พิรัลกำลังเว้าวอนด้วยแววตาที่เขาไม่อาจปฏิเสธได้ ริมฝีปากสีสดตามธรรมชาติเผยยิ้ม ใบหน้าขาวกระจ่างดูผ่อนคลายลง ดวงตาประกายความสุข นิ้วมือของนิพัทธ์คลึงเคล้าบนมือของพิรัลราวกับปลอบประโลม เขาเองก็ไม่เคยต้องการแยกจากพิรัลเลยสักนิดเพียงแต่การได้คิดทบทวนและเว้นระยะห่างมันทำให้เขารู้ลึกถึงความรู้สึกที่มี เขายังต้องการพิรัลโดยไร้ข้อเงื่อนไขอื่นใด เขายังห่วงใยปรารถนาดีเหมือนเช่นเคย และเขายังรักไม่เปลี่ยนแปลง ชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าไม่ได้เอื้อนเอ่ยออกมาเป็นคำพูด เขาเพียงแต่ยิ้มและกุมมือแน่นกระชับกับชายหนุ่มที่อายุมากกว่า

วงกลมของพิรัล Intersect กับวงกลมของนิพัทธ์ มันอาจไม่ใช่วงกลมที่ซ้อนทับไปเสียทุกส่วน หากแต่เกี่ยวกระหวัดคล้องเป็นวงเดียวกัน ความรักของพวกเขาอาจหยุดนิ่งอยู่เพียงเท่านี้หรือความรักของพวกเขาอาจดำเนินสืบสานต่อไปตราบนานเท่านาน แต่เวลานี้บนที่ที่พวกเขาสองคนยืนอยู่คือผืนโลกอันสามัญของมนุษย์ เป็นโลกของพวกเขาที่อยู่ในระนาบเดียวกัน เป็นโลกที่มีแต่เขาเพียงสองคน เป็นโลกของพิรัลและนิพัทธ์กับโอกาสในการเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้ง




************************************




บทสุดท้ายของเรื่องหนึ่งวันบนดาวพุธค่ะ จบแล้วววววววว
 :bye2:


ออฟไลน์ yasperjer

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
ไฟนัลลี่ จบแล้ววววววววววววววว  :mc4:
ลุ้นกับอีพี่เจตน์ทุกตอน กลัวนังจะได้ตายก่อน 555555555555555
อยากจะสมน้ำหน้าจริงๆ ตอนไม่ยอมกินยา เป็นไงล่ะดีนะที่น้องยังกลับมาอ่ะ
ตอนที่น้องพูดมาแต่ละประโยคคือจุกมาก มันจริงอ่ะ ถ้าพี่เจตน์ตายคนที่อยู่นี่สิที่ยังรู้สึก
ดีใจนะคะที่พี่เค้ายังคิดได้ ดูแลตัวเอง รออ่านตอนพิเศษตั่งต่างนะค้าา
  :mew1:
เราชอบเรื่องนี้มากๆตั้งแต่ได้อ่านตอนแรกเลย อยากซื้อเล่มเก็บไว้จังค่ะ จะรอน้า

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
ขอบคุณมากค่ะ เราอ่านแล้วอินมาก ตอนช่วงพี่เจนต์หลบไปพักใจ

ออฟไลน์ doubleu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คิดมาตลอดว่าอยากให้กานต์ทิ้งพี่เจตน์ให้รู้แล้วรู้รอด คนอะไรดื้อมาก ไม่ยอมกินยา ไม่รักษาตัวเอง
แต่พอน้องกานต์ทำท่าจะไม่ดีกับพี่เจตน์ ทางเราก็ใจแป้ว สงสารพี่เจตน์ซะเอง555555
หายเร็วๆนะคะพี่เจตน์ ขอให้ต่อไปนี้ไม่ต้องมารพ.คนเดียวอีกแล้ว
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ yodyahyee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รออ่านตอนพิเศษเลย มันต้องมีอะไรมากกว่านี้สิ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ต่อไปนี้ก็ดูแลตัวเองดีๆนะพี่เจตน์

ออฟไลน์ manami1155

  • ~I Still Love You~
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-1
งือออออออ เสียใจที่จบจังเลยค่ะ
แต่ก้แอบดีใจที่ตอนจบพี่เจตน์ไม่ตาย
ดูแลตัวเองดีๆนะคุณพี่ อยู่รักน้องไปนานๆ
อยากขอตอนพิเศษสักนิดได้ไหมคะ
ขาดความหวานมาหลายตอนแล้ว

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
น้องก็ใจอ่อนกับพี่เจตต์ตลอด ไปแก้แค้นในตอนพิเศษนะคะลูกแม่ !!  :z2:

ออฟไลน์ mew.kani

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ในที่สุดก็ happy ending เยยย้
ดีใจที่พี่เจตน์ตัดสินใจที่จะดูแลตัวเอง

ขอบคุณคุณนักเขียนสำหรับนิยายที่ตั้งใจแต่งให้เราได้อ่านนะคะ (หวังว่าจะมีตอนพิเศษหวานๆมาให้หายคิดถึงน้า)  :pig4:

ออฟไลน์ Janemera

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ดูแลตัวเองดีๆหน่อยพี่เจตต์ อย่าทำน้องเป็นห่วงมากนักกก :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
คิดไว้ว่าอยากให้น้องงอนพี่เจตน์ไปสักปีสองปี ฮา
แต่แบบนี้ก็ดีแล้ว คนแก่จะได้มีแรงใจรักษาตัว
น้องกานต์ค่อยหาทางเอาคืนเล็กๆน้อยๆเนอะ

 :pig4:

ออฟไลน์ Quatree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ Sye.B

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
โกรธธธ น้องไม่น่ากลับไป ทิ้งคนเห็นแก่ตัวไว้ตรงนี้เลยจ้าาาาา  :fire: :fire: :fire: :fire:

ออฟไลน์ Jely

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :L2: ขอบคุณคุณนักเขียนสำหรับนิยายเรื่องนี้นะคะ :)

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

ขอบคุณคุณนักเขียนมากเลย
ชอบเรื่องนี้
อยากอ่านตอนพิเศษนะ :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-12-2018 21:24:19 โดย Billie »

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ PromQueen29

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
ตอนพิเศษ - อนันต์





ชายกระโปรงชุดเจ้าสาวสีเบอร์กันดีลากยาวไปตามโถงทางเดินในโรงแรมแห่งหนึ่ง แสงสีส้มนวลตาที่ว่ากันว่าเป็นแสงแห่งความโรแมนติกส่องสว่างไปตลอดทางเดิน จุ๊บแจงดูสดสวยในชุดเจ้าสาวสีแดงเข้ม ชุดเรียบๆ ไม่มีสิ่งใดประดับประดาเป็นพิเศษ ทรงผมตัดสั้นของเธอมีดอกไม้สีขาวเล็กๆประดับเล็กน้อยและถือช่อดอกไม้สีขาวที่ไม่ได้หรูหราตระการตา เธอหันมาส่งยิ้มให้น้องชายก่อนจะหันไปกลับไปควงแขนกับใหญ่สามีของเธอ

พิรัลรื้นน้ำตานิดหน่อยก่อนปาดเช็ดมันออก พี่สาวของเขากำลังจะเข้าพิธีแต่งงานเป็นครั้งแรก


จุ๊บแจงกับใหญ่มีน้องจ๊ะจ๋าจากความตั้งใจ แต่ทั้งสองคนไม่เคยจัดพิธีแต่งงานด้วยมีความปรารถนาต้องการให้ลูกได้เป็นหนึ่งในสักขีพยานความรัก ครอบครัวทั้งสองฝ่ายรับทราบ ไม่มีพิธีแบบไทยแบบฝรั่ง ไม่มีธรรมเนียมประเพณีใดในตอนที่ทั้งสองคนได้บอกกล่าวผู้ใหญ่ถึงความปรานาในการครองคู่ แม่กับพ่อของพวกเขาไม่ขัดข้องแต่ทางฝั่งครอบครัวของใหญ่บอกว่าอย่างน้อยก็อยากให้จัดพิธีผูกข้อไม้ข้อมือ แต่ทั้งสองคนก็ยังยืนยันในความคิดดั้งเดิม

พิรัลไม่สนใจหากว่าพี่สาวของเขาจะมีพิธีแต่งงานหรือไม่มีเลย เขาสนใจเพียงแค่ความรับผิดชอบในฐานะของคนที่ได้ตกลงปลงใจใช้ชีวิตคู่ ใหญ่เพื่อนสนิทของเขาดูแลจุ๊บแจงในฐานะภรรยาเป็นอย่างดี นับจากนั้นประมาณไม่กี่เดือนจุ๊บแจงก็มีน้องน้อยอยู่ในครรภ์ของเธอ จวบจนจ๊ะจ๋าเติบโตขึ้น มาถึงวันนี้ใหญ่ได้ขอจุ๊บแจงแต่งงานเป็นครั้งแรก ท่ามกลางอากาศหนาว บนดอยทางภาคเหนือระหว่างทริปท่องเที่ยวของครอบครัว

พิธีแต่งงานช่วงเช้าของจุ๊บแจงกับใหญ่ไม่วิเศษเลอเลิศ อีกทั้งยังเรียบง่ายไม่ใหญ่โต จุ๊บแจงอยู่ในชุดสีเข้ากันกับใหญ่ พวกเขาเลือกจัดพิธีแบบไทย มีการผูกข้อมือและมีพิธีของสงฆ์ ภายในงานมีครอบครัวของบ่าวสาวพ่วงด้วยจ๊ะจ๋าที่ยังง่วงงุนจากการตื่นเช้า เธอรับรู้ว่าแม่กับพ่อของเธอจัดงานแต่งงาน แต่กระนั้นเด็กก็คือเด็ก จ๊ะจ๋าง่วงมากจนต้องแอบงีบอยู่กับนิพัทธ์ในมุมใดมุมหนึ่งของสถานที่จัดงาน
ช่วงตอนเย็นมีงานเลี้ยงในโรงแรม มันเป็นงานทั่วๆไป เล็กกระทัดรัดแต่อบอุ่นอวลไปด้วยญาติมิตรที่สนิทชิดเชื้อ จ๊ะจ๋าวิ่งเล่นไปทั่วงานเพราะได้เจอเพื่อนคนใหม่ซึ่งเป็นลูกของเพื่อนพิรัลที่มาร่วมงาน พิรัลก้มลงจัดชายกระโปรงให้พี่สาวก่อนเงยหน้าขึ้นมาเห็นใบหน้าอมยิ้มที่แสนคุ้นเคย

“พี่เจตน์ร้องไห้เหรอครับ”

“เปล่า ไม่ได้ร้อง” ปากของพิรัลแข็งกลายเป็นโอกาสให้พี่สาวกับนิพัทธ์รุมแกล้ง

“ฉันเห็นแกน้ำตาคลอตั้งแต่เดินมารับฉันที่ห้องแล้วไอ้เจตน์ แกร้องไห้ที่เห็นฉันแต่งงาน”

“ร้องบ้าอะไรวะไอ้แจง ไม่ได้ร้องโว้ย”

จุ๊บแจงหัวเราะก่อนจะเดินเข้าไปกอดน้องชาย “โอ๋ น้องเจตน์ของพี่แจงอย่าร้องไห้นะ” เธอยีหัวน้องชายเล่นอย่างสนุกสนานเรียกเสียงหัวเราะจากญาติๆที่ยืนอยู่ด้านข้าง

“แต่งๆไปได้ซะก็ดี จะได้จบๆไป”

“แหนะ อยากแต่งบ้างละสิ” จุ๊บกระเซ้าเย้าแหย่ต่อก่อนจะหันมามองทางนิพัทธ์ “กานต์อยากแต่งงานกับเจตน์มั้ย พี่ว่ากานต์ต้องขอเจตน์แต่งงานแล้วหละ ดูสิ ร้องไห้ตาบวมเลย โอ๋ๆ น้องพี่อย่าร้องไห้เลยลูก” ประโยคท้ายเธอหันไปหยอกล้อน้องชายอีกครั้งก่อนจะเริ่มเข้าสู่พิธีการเต็มรูปแบบ

พิรัลคว้ามือนิพัทธ์เดินเข้าสู่งานด้านใน แม้ว่าจะตัวสูงใหญ่ดูขึงขังในหน้าที่การงาน แต่ตัวตนของพิรัลแท้จริงแล้วมีไม่กี่คนนักหรอกที่ได้สัมผัส มีทั้งข้อดีข้อเสียแต่สำหรับนิพัทธ์เขายินยอมพร้อมรับทุกอย่างของพิรัลทั้งหมด เด็กหนุ่มชักชวนคนรักให้ไปเดินทางซุ้มอาหาร ตักอาหารบางส่วนแบ่งกันชิมแบ่งกันป้อน เพื่อนของพิรัลเข้ามาทักทายบ้างแต่เมื่อเห็นพิรัลยืนหวานชื่นอยู่กับคนรักก็มักจะล่าถอยเพื่อมอบเวลาส่วนตัวให้ นิพัทธ์นึกสงสัยว่าเพื่อนของพิรัลต้องการให้เวลาส่วนตัวหรือเพียงแค่รู้สึกแปลประหลาดที่เห็นผู้ชายสองคนยืนป้อนอาหารให้กัน เด็กหนุ่มเก็บเงียบความคิดนั่นไว้ด้วยคิดว่าไม่ต้องการเอ่ยถามให้พิรัลนึกกังวลใจ

พวกเขาใช้เวลาอยู่ในงานด้วยกัน ไม่ได้ออกไปต้อนรับแขกเรื่อเพราะไม่ชอบออกงานและปล่อยให้เป็นหน้าที่ของบ่าวสาวไป นิพัทธ์มองชายหนุ่มตรงหน้าที่กำลังยกกล้องถ่ายรูปไปทั่วงานไม่เว้นแม้แต่ตัวเขาก็ถูกเก็บภาพไปด้วย พิรัลมักมีเวลาเชื่องช้าในการใช้ชีวิต ตรงข้ามกับเวลาทำงานพิรัลมักจะทุ่มทุนลงแรงจนคิดว่าเป็นคนละคน พวกเขาอยู่ในฐานะทั้งหัวหน้ากับลูกน้อง และฐานะคนรัก บางครั้งอาจมีความไม่ลงรอยกันบ้างแต่นับว่าเป็นส่วนน้อยมากที่ทะเลาะกันเรื่องงาน

กลุ่มเพื่อนของพิรัลเดินมาอีกสองสามคน นิพัทธ์เพิ่งรู้ก็วันนี้ว่าเพื่อนของพิรัลมีเยอะมากหน้าหลายตา และเพิ่งรู้ว่าเพื่อนของพิรัลก็คือเพื่อนของเจ้าสาวด้วย หญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามากอดพิรัลแนบแน่นแสดงให้เห็นถึงความสนิทสนม นิพัทธ์ไม่ใช่คนคิดมาก เขามีความมั่นใจในตัวพิรัลพอสมควร แต่สุดท้ายพอเห็นสองคนนั้นโผเข้ากอดกันอีกครั้งก่อนฝ่ายผู้หญิงจะหันมายิ้มให้นิพัทธ์ก็อดคิดมากไม่ได้

“แฟนเจตน์เหรอ หล่อจัง” เธอกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มเช่นเดิม ไม่มีทีท่าใดพิเศษ

เมื่อนิพัทธ์ได้เห็นเธอแจ่มชัดก็พบว่าเธอเป็นคนน่ารักและยิ้มสวยจนยากจะปฏิเสธ นิพัทธ์ยิ้มรับคำชมแต่ไม่ได้ตอบรับอะไรเพิ่มเติม

“คบกันนานแล้วเหรอ”

“สองสามปีแล้ว”

“โอ้ยยย อิจฉาคนมีแฟน อยากมีบ้างจังแต่ตอนนี้คนคุยยังแทบจะไม่มีเลย”

พิรัลหัวเราะร่วนไปกับท่าทางตลกๆของเธอ จากนั้นหญิงสาวก็แยกตัวไปอีกทางเพื่อสมทบกับกลุ่มเพื่อน

“แฟนเก่าพี่เจตน์เหรอครับ” นิพัทธ์เอ่ยถามขึ้นมาทันควันเพียงหลังจากเธอหันไปทางอื่น

“ใช่ แฟนเก่าพี่เอง” น้ำเสียงที่ตอบดูไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก สายตามองตามหลังหญิงสาวไปจนสุดสายตาก่อนจะหันกลับมายังซุ้มอาหารอีก “เดี๋ยวพี่มานะ ไปถ่ายรูปเพื่อนก่อน นั่งรอที่โต๊ะไปก่อนนะ”

“ผมไปด้วย”

พิรัลชะงักขาที่กำลังก้าวออกไป หันมาทางที่เด็กหนุ่มยืนอยู่ ก่อนจะพูดทิ้งท้ายในสิ่งที่นิพัทธ์ไม่คาดคิด “ไม่ต้องหรอก พี่ไปหาเพื่อนแป๊บเดียว”

นิพัทธ์จะไม่ฉุกคิดอะไรสักนิดหากพิรัลไม่ได้ก้าวเข้าไปหาผู้หญิงคนนั้นแทนที่จะเข้าไปคุยกับเพื่อนตามที่ได้บอกไว้



งานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสแบบเป็นทางการเสร็จสิ้นลงแล้ว เหลือ After party ที่มีแต่เพื่อนสนิท ส่วนผู้หลักผู้ใหญ่ต่างแยกย้ายไปหมดแล้ว พิรัลถอดเสื้อสูทออก สวมใส่เชิ้ตสีขาวกับกางเกงสแล็คสีน้ำตาล แผ่นอกของเขาแน่นตึงยังผลให้นิพัทธ์อดมองไม่ได้ พิรัลยังคงเป็นหนุ่มวัยเกือบสี่สิบที่ดูแลรูปร่างเป็นอย่างดี กำยำ ใบหน้าคมเข้มแบบไทย และโดดเด่นด้วยจมูกที่ค่อนข้างใหญ่แต่กลับดูลงตัวบนใบหน้าของเจ้าตัว พิรัลดื่มหนักกว่าปกตินิดหน่อย กระนั้นเขาก็ยังคงไว้ด้วยสติเพราะรู้ขีดจำกัดของตัวเอง ไหนจะเรื่องโรคหัวใจที่ไม่ควรข้องแวะกับของมึนเมานั่นอีก พิรัลตระหนักถึงข้อนั้นดีและเขายังอยากใช้ชีวิตนานกว่านี้

พิรัลยื่นสูทให้หญิงสาวคนนั้นหลังจากเธอบอกว่าหนาว นิพัทธ์นึกฉงน เธอสวมใส่ชุดสูทสีน้ำตาลอ่อน แหวกด้านหน้าเล็กน้อยดูเซ็กซี่แบบพอดิบพอดีแต่ก็ยังหนาวอีก บางทีนิพัทธ์คงคิดมากเกินไปเธออาจจะหนาวจริงๆก็เป็นได้ เด็กหนุ่มนั่งอยู่ที่เดิม ที่โต๊ะตัวเดิม เขามองไปยังพิรัลที่กำลังคุยตลกโปกฮากับเพื่อนฝูง ใครคนหนึ่งไปหยิบกีต้าร์จากบนเวทีลงมานั่งดีดเล่น มันเป็นบรรยากาศของการสังสรรค์สำหรับเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานาน แม้แต่พี่สาวของพิรัลก็ยังอยู่ในกลุ่มนั้น นิพัทธ์มานึกขึ้นได้ว่าพิรัลกับพี่สาวมีเพื่อนกลุ่มเดียวกัน ที่เห็นตรงหน้านี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ เป็นตัวเขาเองที่ไม่รู้จักเพื่อนของพิรัลเลย

นิพัทธ์ไม่ใช่คนคิดมาก เขาย้ำบอกตัวเองว่านี่คือเรื่องสามัญเหลือเกิน หากเขาเจอเพื่อนก็คงไม่แคล้วสร้างบรรยากาศแบบนี้ต่อพิรัลเช่นกัน เด็กหนุ่มรู้ตัวว่าชอบเพศเดียวกัน และรู้แน่ชัดว่ากับเพศหญิงไม่สามารถสานสัมพันธ์ในเชิงชู้สาวได้ เชื่อเถอะว่าเขาไม่เคยเอ่ยถามพิรัลในเรื่องนี้ เพราะที่ผ่านมามีเรื่องอื่นให้น่าขบคิดมากกว่าหลายเท่า แต่ตอนนี้เขาอยากรู้ว่าพิรัลชอบทั้งผู้หญิงและผู้ชายใช่หรือเปล่า

การชอบสองทั้งสองเพศไม่เชิงว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่ เพียงแต่ใจความหลักสำคัญนั่นก็คือนิพัทธ์แค่นึกน้อยใจขึ้นมาบ้างที่พิรัลมอบความสนใจทั้งหมดให้กับเพื่อน รวมไปถึงแฟนเก่าก็ด้วย เด็กหนุ่มปัดความคิดนั้นทิ้งไปเพราะเขาเห็นว่าเป็นเรื่องไร้สาระ จะมานั่งน้อยอกน้อยใจที่แฟนไม่สนใจก็ไม่ใช่เรื่อง อย่างน้อยในเวลานี้ตัวเขาก็ยังคบหากับพิรัลในฐานะคนรักกันเช่นเดิม เขาควรมั่นใจในความสัมพันธ์นี้มากกว่าสิ่งใด

จากการลองเกลากีต้าร์เล่นๆ กลายเป็นการฟอร์มวงขึ้นมาจริงจังเสียอย่างนั้น พิรัลถูกเพื่อนลากให้ขึ้นบนเวที เจ้าตัวนั่งลงที่ตำแหน่งกลองชุด และถึงแม้ว่าจะอยู่ด้านหลังแต่นิพัทธ์ก็ยังเห็นพิรัลชัดเจนเสมอ พิรัลเล่นกีต้าร์มาโดยตลอดทั้งแบบอะคูสติกและแบบไฟฟ้า วันนี้เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นพิรัลตีกลอง จุ๊บแจงขึ้นเวที เธอมึนเมาเพราะเครื่องมากพอสมควรด้วยเหตุนั้นความกล้าจึงมีมากกว่าที่ได้เห็นตามปกติ เมื่อบนเวทีเข้าที่เข้าทาง ต่างก็เริ่มบรรเลงดนตรี

จุ๊บแจงเริ่มโซโล่กีต้าร์ไฟฟ้านิพัทธ์ก็รู้ได้ทันทีว่าสองพี่น้องมีรสนิยมเพลงเหมือนกัน รวมไปถึงใหญ่ที่ตอนนี้ทำหน้าที่ร้องนำ นิพัทธ์ตกตะลึงไปชั่วครู่เมื่อได้ยินเสียงใหญ่ร้องเพลงเป็นครั้งแรก อีกทั้งยังฝีมือดีดกีต้าร์แบบโชว์เหนือของจุ๊บแจงก็ด้วย เพื่อนๆและญาติบางส่วนที่อยู่ After party ส่งเสียงโห่ร้องร่วมสนุก จากงานแต่งงานที่ก่อนหน้านี้มีแต่เพลงหวานซึ้งตอนนี้ถูกเปิดคอนเสิร์ตร็อคปี 2000 เสียแล้ว

เพลง By the way ของวง Red hot chili pepper ถูกบรรเลงขับขานอย่างสนุกสนาน ผู้คนต่างร้องตาม บางส่วนก็โยกหัวราวกับอยู่ในคอนเสิร์ตจริงๆ นิพัทธ์นั่งมองคนเหล่านั้นจากโต๊ะตัวเดิมเพียงลำพัง ทั้งที่เขาควรเข้าไปสนุกด้วย ทั้งที่เพลงเหล่านั้นคือรสนิยมเดียวกันกับที่เขาชื่นชอบ หากนิพัทธ์รู้สึกแปลกแยก นอกจากพิรัล จุ๊บแจง และใหญ่ เขาก็ไม่รู้จักใครอีกเลย นิพัทธ์ไม่ชอบความรู้สึกนี้ เขาไม่ชอบน้อยใจที่ถูกลดความสนใจ อายุเติบโตมาก็ระดับหนึ่งเขาควรเข้าใจและมีระยะห่าง แต่เวลานี้ความแปลกแยกมีมากเหลือเกิน และเขาอดคิดไม่ได้ว่าทำไมพิรัลจึงไม่สนใจเข้าบ้าง หรืออย่างน้อยพาเขาเข้าไปแนะนำให้เพื่อนรู้จักก็ยังดี

นิพัทธ์ถอนหายใจยาว จะว่าเบื่อหน่ายก็คงเป็นหนึ่งในสิ่งที่รู้สึกอยู่ตอนนี้ แต่ความเบื่อหน่ายก็ไม่ใช่อารมณ์ทั้งหมดทั้งมวลอยู่ดี เขาไตร่ตรองตัวเองและพบว่าแค่อยากให้พิรัลหันมาสนใจ เขาทำตัวแบบเด็กวัยรุ่นอีกแล้ว วัยที่เรียกร้องความสนใจ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมความรู้สึกนี้มันวนเวียนไม่หายไปเสียที นิพัทธ์ลุกขึ้นตั้งใจจะออกไปสูบบุหรี่แก้เซ็ง แต่แล้วเขากลับโดนใครบางคนสะกิดแขนไว้ เป็นผู้หญิงคนนั้น แฟนเก่าของพิรัลที่กำลังส่งยิ้มให้

“กานต์จะไปไหน”

นิพัทธ์ตอบไปตามจริงว่าอยากสูบบุหรี่ เขานึกว่าเธอจะปล่อยให้เป็นเวลาส่วนตัวแต่แล้วเธอดันตามมาด้วยพร้อมทั้งเริ่มต้นหยิบบุหรี่ขึ้นมาเสียตั้งแต่ตอนนี้

ตอนที่ออกมาด้านนอกในบริเวณที่จัดให้สูบบุหรี่ได้ นิพัทธ์แอบสังเกตลักษณะทางกายภาพของเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงแต่ส่วนสูงของเธอเทียมเท่านิพัทธ์ในแบบที่ไม่ได้ใส่ส้นสูง เธอบอกว่าเธอชื่อแอนนี่ และแทนตัวเองว่าพี่แอนนี่อย่างนู้นอย่างนี้ นิพัทธ์ยิ้มรับด้วยเพราะตัวเองเด็กกว่าหลายปี แม้ในใจจะรู้สึกอึดอัดที่ต้องมาคุยกับแฟนเก่าของพิรัล เด็กหนุ่มอยากหาโอกาสหลีกหนีแต่โอกาสนั้นไม่เข้ามาเสียที

“อยากเห็นรูปเจตน์ตอนเรียนมั้ย เดี๋ยวพี่เอาให้ดู”

น้ำเสียงที่ไม่ได้หวานไพเราะเอ่ยอย่างเริงร่าขณะที่มือของเธอสัมผัสหน้าจอโทรศัพท์มือถือ นี่อาจเป็นอีกจุดหนึ่งที่นิพัทธ์รู้สึกว่ามันช่างขัดใจไปนิดหน่อย แอนนี่เป็นผู้หญิงน่ารักแต่เสียงของเธอฟังดูแปลกๆยังไงชอบกล เขาอาจจะคิดมากไป หรือบางอาจเป็นเพราะอคติในฐานะแฟนคนปัจจุบันของพิรัลก็เป็นได้

รูปที่แอนนี่แสดงให้ดูนั้นเป็นรูปพิรัลสมัยเรียนมหาวิทยาลัย แฟชั่นในยุคนั้นต้องไว้ผมแสกกลาง สวมเสื้อนักศึกษาตัวใหญ่ เว้นก็แต่พิรัลที่ตัดผมสั้นเกรียนและสวมเสื้อนักศึกษาพอดีตัว ไม่ได้ตามสมัยนิยมสักเท่าไหร่ ส่วนอีกรูปเป็นรูปตอนใส่เสื้อช็อป พิรัลตอนนั้นผอมกว่าปัจจุบัน อาจเพราะตอนนี้ชายหนุ่มเข้ายิมและสร้างกล้ามเนื้อจึงดูผิดหูผิดตาไปมาก แอนนี่หัวเราะนิดหน่อยตอนเล่าถึงความหลังสมัยเรียน นิพัทธ์ไม่คิดเล็กคิดน้อยเพราะเขารู้ตัวดีว่าช่วงอายุที่ต่างกันย่อมต้องประสบพบเจอสถานการณ์ต่างกัน จะเก็บเอามาคิดก็รกสมอง เขารู้สึกดีใจเสียอีกที่ได้เห็นพิรัลในสมัยเรียนมหาวิทยาลัย

“พี่เจตน์ตอนเรียนเป็นยังไงบ้างครับ เรียนเก่งหรือเปล่า”

“เรียนเก่งมั้ยเหรอ ก็ธรรมดานะ เอาตัวรอดได้ แล้วเจตน์ตอนทำงานเป็นยังไงล่ะ”

“ดุมาก ผมโดนดุทุกวันเลยครับ ผิดนิดผิดหน่อยคือเห็นทุกจุด”

แอนนี่หัวเราะก่อนจะขยี้บุหรี่ทิ้ง “เข้าข้างในกันเถอะ ข้างนอกร้อน”

นิพัทธ์ขยี้บุหรี่ลงในกระบะทรายแล้วเดินตามหลังแอนนี่ไปตามทาง มาคิดอีกทีแอนนี่ก็ดูไม่เห็นจะมีอะไรผิดแปลกไปมากกว่าคนที่เคยเป็นแฟนเก่าของพิรัล เธอเป็นคนสบายๆ คุยง่ายก็เท่านั้น

เมื่อกลับเข้ามาในห้องที่จัดงาน คอนเสิร์ตย่อมๆยังคงดำเนินต่อไป แต่จุ๊บแจงลงมาด้านล่างและเต้นอยู่กับสามีของเธอ ขณะที่นักร้องนำเปลี่ยนเป็นหนึ่งในกลุ่มเพื่อนของพิรัล ส่วนเจ้าตัวยังอยู่ที่ตำแหน่งเดิมหลังกลองชุด เพลง All The Small Things ของ Blink-182 ดำเนินอยู่ในท่อนคอรัส ผู้คนในงานเต้นอย่างสนุกสนาน บรรยากาศชวนให้นิพัทธ์คึกครื้นขึ้นนิดหน่อย แต่กระนั้นเมื่อแอนนี่เจอเพื่อนเธอก็หายตัวไปกับฝูงชน นิพัทธ์กลับมานั่งที่โต๊ะเช่นเดิม เคาะมือไปตามจังหวะ ฝีไม้ลายมือของศิลปินเฉพาะกิจไม่ได้เลิศเลอเหมือนนักร้องอาชีพแต่ก็ไม่ได้แย่ โดยรวมเป็น After party ที่ชวนให้นึกถึงบรรยากาศ Prom night ในช่วง High school มีไฟดิสโก้วิบวับ สายรุ้งพาดผ่านบนเพด้านห้อง เครื่องดื่มค็อกเทลหลากชนิด

พิรัลบนเวทีดูฮ็อทมาก ฮ็อทชนิดที่เหงื่อแตกท่วมตัวจนเสื้อเปียก จากเสื้อที่ใส่ทับในกางเกงเริ่มหลุดลุ่ยออก สองแขนทำหน้าที่ตีกลองให้จังหวะอย่างเมามันในอารมณ์ นิพัทธ์อดคิดไม่ได้ว่าแฟนของตัวเองก็มีมุมเท่ไม่หยอกเช่นกัน หลังจากเพลงที่ชวนทุกคนกระโดดโลดเต้นจบลง ประกอบกับผู้คนดูเริ่มเหน็ดเหนื่อยนิดหน่อยเพราะก็ไม่ใช่วัยทีนเอจกันแล้ว นักร้องนำเอ่ยแซวเพื่อนตัวเองอย่างสนุกสนานเรียกเสียงหัวเราะ เขาคิดว่าตัวเองได้ยินไม่ผิดเพี้ยนเมื่อพิรัลพูดจาหยาบคายขึ้นมึงขึ้นกูพาสัตว์น้อยใหญ่ออกมาเพ่นพ่าน มุมของการอยู่กับเพื่อนก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวตนที่นิพัทธ์ไม่เคยเห็นเช่นกัน เขาพลอยหัวเราะไปตามมุกตลกบนเวทีก่อนจะเห็นพิรัลลุกออกมาด้านหน้าเวที ส่งมือขอกีต้าร์โปร่งจากเพื่อนแล้วเริ่มเล่นคอร์ดแรก

นิพัทธ์ยิ้มกว้าง ไม่ใช่เพราะเพลงที่พิรัลเล่นคือเพลงหวานซึ้งแต่เพราะพิรัลดูเท่จนเขาหุบยิ้มไม่ได้ เสียงโห่ร้องจากด้านล่างเวทีส่งเสียงดังก่อนจะเงียบลงเมื่อพิรัลเริ่มเข้าคอร์ดจริงจัง มันเป็นเพลง All Apologies ของ Nirvana ที่ถูกดัดแปลงให้เข้ากับความเป็นพิรัล เพลงของ Nirvana นั้นขึ้นชื่อเรื่องยากและพิรัลก็ไม่ได้เล่นเป๊ะทุกคอร์ด แต่เล่นเอาสนุกเสียมากกว่า พิรัลไม่ได้มองมาที่นิพัทธ์ ไม่ได้ส่งสายตาให้ใคร เขาเพียงแต่ดำดิ่งไปกับบทเพลงตามประสาคนที่เริ่มเมาแล้ว ที่ด้านล่างร้องคลอตามไปตลอดจนจบเพลง แม้แต่นิพัทธ์ยังอดไม่ได้ที่จะร่วมเพลิดเพลินไปด้วย

“ไอ้สัสเจตน์ขี้อวด”

ทันทีที่พิรัลร้องจบลงหนึ่งในเพื่อนก็ตะโกนแซว ชายหนุ่มน้อมรับด้วยการน้อมตัวก่อนจะเอากีต้าร์ขึ้นมาดีดโชว์อีกรอบ ไม่มีการถ่อมตัวเลยสักนิด พิรัลลงมาจากเวที อาจเพราะเป็นความเคยชิน เป็นการคิดเข้าข้างตัวเอง นิพัทธ์คิดว่าพิรัลจะตรงเข้ามาหาเขา แต่แล้วพิรัลกลับอยู่กับเพื่อน คุยหัวเราะเสียงดัง ดื่มของมึนเมาหลากชนิด นิพัทธ์ห่อเหี่ยวลงประมาณเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ เขาคาดหวังอะไรกับพิรัลมากไปหรือเปล่า

ตอนงานเลี้ยงสิ้นเสร็จลงพิรัลก็มองไม่เห็นนิพัทธ์เสียแล้ว ถามใครต่อใครก็ไม่เห็นราวกับว่าเด็กหนุ่มไร้ตัวตน แอนนี่บอกไปตามจริงว่าล่าสุดที่เห็นก็คือตอนออกไปสูบบุหรี่ด้วยกัน พอพิรัลโทรหาก็ไม่มีคนรับสาย จิตใจของชายหนุ่มเริ่มว้าวุ่น อาจเพราะว่าตัวเองเมาแล้วส่วนหนึ่ง การควบคุมสติจึงเป็นเรื่องยากลำบากกว่าปกติ เขาโทรหานิพัทธ์สามครั้งแต่ไม่มีคนรับสาย กระวนกระวายอยู่ไม่น้อยในรอบสุดท้ายที่โทร

“เป็นไรเปล่าวะ ทำไมไม่รับสาย” เขาพึมพำกับตัวเอง

“อาจจะกลับไปก่อนหรือเปล่า” แอนนี่ลองเสนอความคิดเห็น

พิรัลมองหน้าอดีตแฟน ครุ่นคิดก่อนจะส่ายศีรษะ “ปกติถ้าไปไหนก็จะส่งข้อความมาบอก”

“ก็นี่อาจจะไม่ปกติไง”

ชายหนุ่มอย่างพิรัลขมวดคิ้วเป็นเชิงสงสัย

แอนนี่ถอนหายใจยาวก่อนจะชี้นิ้วมาทางตัวเอง “แฟนเก่า” จากนั้นเธอพยักเพยิดหน้าไปทางกลุ่มเพื่อนที่ยังยืนติดลมคุยกันไม่หยุด “แล้วเจตน์ก็ไม่สนใจกานต์เลยเพราะอยู่แต่กับเพื่อน”

“อ้าว...” พิรัลอุทานได้แค่นั้นแล้วก็เงียบปากลงเมื่อฉุกคิดขึ้นได้ว่าละเลยคนรักของตัวเองมากขนาดไหน เขาคิดว่านิพัทธ์จะเข้าใจเสียอีกว่าการได้มาเจอเพื่อนเก่าสมัยเรียนก็ต้องมีบ้างที่ให้ความใส่ใจกับเพื่อน

“เจตน์แม่งโง่ชิ้บหาย” แอนนี่ตำหนิออกมาตามตรง “โตขนาดนี้แล้ว นิสัยอะไรไม่ดีก็เปลี่ยนบ้าง”

“อะไรไม่ดีวะ” พิรัลยังคงซื่อบื้อ

“สงสารน้องกานต์จริงๆ ดีแล้วที่ตอนนั้นกูขอเลิกกับมึงไอ้เจตน์”

“แต่มึงมาขอคบกับกูก่อนนะ ก่อนจะขอเลิกเพราะไปหั่นฆวยออก”

“แน่ล่ะ มึงจะมาขวางเส้นทางการประกวดมิสทิฟฟานี่ของกูไม่ได้” ประโยคนี้เสียงของแอนนี่เริ่มเข้มขึ้นมาบ้าง แต่น้ำเสียงก็ยังฟังดูหวานกว่าผู้ชาย และเข้าใจถูกแล้วแอนนี่เป็นผู้ชายที่หั่น...ออกตามที่พิรัลได้กล่าวไว้

พิรัลกรอกตาด้วยความเบื่อหน่าย “อุตส่าห์หั่นฆวยเพื่อไปประกวดแต่ไม่เห็นได้รางวัลห่าอะไรเลย ไอ้เกรียง”

“กูชื่อแอนนี่โว้ย อิเกรียงไกรตายอยู่ที่ยันฮีแล้ว”

พิรัลหัวเราะกับจริตของอดีตแฟน ที่จริงแล้วแอนนี่เป็นคนนิสัยน่ารัก พวกเขาเป็นเพื่อนอยู่ในเซคชั่นเดียวกัน ตอนช่วงคบกันก็มีแต่เสียงหัวเราะเพราะแอนนี่อยู่สายบันเทิงพูดอะไรเล่าอะไรล้วนตลกไปหมด แต่แล้วคบกันได้ไม่นานพิรัลเริ่มรู้สึกกับแอนนี่ว่าไปไม่ถึงจุดที่เป็นคนรัก และแอนนี่เองก็มีความมุ่งมั่นในด้านความสวยความงามมากขึ้น เธออยากประกวดมิสทิฟฟานี่และไม่ปรารถนาคงไว้ซึ่งร่างกายดั้งเดิม พิรัลรู้ตัวเองดีว่าเขาชอบผู้ชาย ถึงแม้แอนนี่จะเป็นผู้ชายแต่หลังจากที่เธอค้นพบตัวเองความสาวจึงเริ่มออกมากขึ้น แอนนี่ที่ดูเหมือนผู้หญิงไม่ใช่ทางของเขาเลยจริงๆ

“อ้าว อิเปรต มัวแต่หัวเราะ โทรหาแฟนสิ หายไปไหนก็ไม่รู้”

พิรัลยิ้มกว้าง นี่สิถึงเป็นแอนนี่ตัวจริง มาแอ๊บเรียบร้อยอะไรอยู่ได้ “ไม่รับสายเลยว่ะ” เขาถอนหายใจยาวใส่หน้าจอโทรศัพท์มือถือ “เดี๋ยวกูกลับก่อนนะ พวกมึงจะไปต่อกันที่ไหนวะ”

“ท่าพระอาทิตย์แหละ ร้านเดิม”

พิรัลเดินไปร่ำลากับกลุ่มเพื่อนที่กำลังจะไปดื่มต่อเพื่อรำลึกความหลัง เขาโดนทักท้วงให้ไปด้วยแต่ความกังวลใจในเรื่องของนิพัทธ์ทำให้เขาไม่ต้องการไปไหนทั้งสิ้น พิรัลเพิ่งสำนึกได้ตอนนั้นว่าตัวเขาเป็นคนรักที่แย่ขนาดไหน แย่จนคิดว่าเขาจะตามง้อนิพัทธ์อย่างไรดี



ออฟไลน์ PromQueen29

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1



นิพัทธ์ติดต่อกลับมาในระหว่างที่เขาขับรถกลับคอนโด พิรัลเร่งความเร็วจากที่ปกติเป็นคนไม่รีบร้อนต่อสิ่งใด เขาพุ่งตัวเข้าไปหานิพัทธ์ที่กำลังนั่งอยู่ตรงโซฟา เด็กหนุ่มถือแก้วไวน์ ส่วนอีกมือถือรีโมตโทรทัศน์ ไม่มีทีท่าตอบรับเมื่อเห็นพิรัล

“กลับมาทำไมไม่บอกพี่ล่ะ” เขาพาดเสื้อสูทไว้บนเก้าอี้ เอ่ยถามขณะปลดคัฟลิ้งตรงข้อมือ พิรัลจูบลงที่กลุ่มผมของคนรักก่อนจะนั่งลงด้านข้าง นัวเนียเหมือนอย่างเคย

นิพัทธ์ปล่อยให้อีกฝ่ายจูบแก้มก่อนจะลุกขึ้นเดินหนีหายไป พิรัลนั่งงงงวยอยู่ตรงนั้น อาจจเพราะกำลังมึนๆจากเครื่องดื่มหลากชนิดจึงทำให้เขาคิดอะไรได้ช้า แต่ไม่นานนักชายหนุ่มก็เดินตามเข้าไป เห็นนิพัทธ์กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือ แล้วกระดกไวน์ขวดอึกใหญ่

“เป็นอะไร”

ประโยคยอดนิยมสำหรับคนโง่เง่าเช่นพิรัล เขาไม่เคยเดาความรู้สึกใครสักคนได้จากการกระทำเลย “ผมแค่คิดว่าผมกลับมาก่อนดีกว่า อาฟเตอร์พาตี้เหมาะกับคนสนิทกัน”

“กานต์เป็นอะไร โกรธอะไรพี่” พิรัลดึงโทรศัพท์มือถือในมือของเด็กหนุ่มวางไว้บนโต๊ะด้านข้าง

“ช่างเถอะครับ ผมโกรธของผมคนเดียว”

“อย่าทำตัวเป็นเด็กหน่อยเลย มีอะไรก็พูดมาตรงๆ”

คนที่ถูกกล่าวหาว่าทำตัวเป็นเด็กยกขวดไวน์ขึ้นดื่ม คราวนี้ดื่มอึกใหญ่มากเลยทีเดียว “เรื่องของผม”

“กานต์โกรธพี่อยู่ชัดๆเนี่ย แต่พี่ไม่รู้ว่าโดนโกรธเรื่องอะไร”

นิพัทธ์นึกจะเถียง แต่เขากลับเงียบเพราะไม่อยากทะเลาะด้วย

“พอพี่ถามกานต์ก็เงียบ แล้วจะให้พี่ทำยังไง อย่าประชดเป็นเด็กๆสิ”

เมื่อถูกกล่าวหาอีกครั้งนิพัทธ์จึงรู้สึกหงุดหงิดขึ้นกว่าเดิม “ผมไม่ชอบเพื่อนพี่เจตน์ เขามองผมเหมือนตัวประหลาด”

ชายหนุ่มอายุมากกว่าเลิกคิ้วสูง แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไรเพิ่มเติมเด็กตัวขาวของเขาก็พูดแทรกขึ้นมาอีก

“ผมไม่ชอบแฟนเก่าของพี่เจตน์ด้วย ผมไม่อยากคุยกับเขาแต่เขาก็เข้ามาคุย จริงๆไม่จำเป็นจะต้องมาญาติดีกับผมรึเปล่าวะ” นิพัทธ์ยกขวดไวน์ขึ้นดื่มหลังจากสิ้นคำ อีกทั้งน้ำเสียงยังแข็งกร้าวอย่างที่ไม่เคยเป็น

“นี่เมารึเปล่าเนี่ย” พิรัลเอ่ยถามตามทีท่าที่เห็น

“ผมไม่ได้เมา” เด็กหนุ่มขึ้นเสียงจนเกือบจะกลายเป็นการตวาด “แล้วอีกอย่างถ้าจะติดเพื่อนขนาดนี้ก็อย่าเอาผมไปงานด้วยเลย ผมเสียความรู้สึก”

พิรัลถอนหายใจยาว นิพัทธ์บอกว่าไม่เมาแต่หน้าและคอแดงไปหมดอีกทั้งไวน์ขวดใหญ่ที่อยู่ในมือน่าจะเป็นคำตอบที่ชัดเจน เขาเป็นคนใจเย็น แม้จะทึ่มไปบ้างก็ตามแต่เขาไม่ชอบการทุ่มเถียงที่ใส่อารมณ์แบบที่ทำเมื่อครู่ เมื่อได้สติจึงค่อยๆดึงตัวเองให้เย็นลงเพื่อฉุดอารมณ์ของคนรักที่กำลังขึ้นสูงด้วย “กานต์ครับ พี่ขอโทษที่ขึ้นเสียงก่อน เรามาคุยกันดีๆได้มั้ย บอกพี่ซิว่าทำไมไม่ชอบเพื่อนพี่”

“ตอนที่เขาเข้ามาหาพี่เจตน์ เขาทำท่าแปลกๆ เหมือนจะพูดอะไรกับผมแล้วก็ไม่พูด เขามองผมแล้วก็หันไปคุย แล้วก็หัวเราะกัน”

มุมปากของพิรัลยกยิ้ม นี่อาจเป็นความเข้าใจผิดที่นิพัทธ์คิดไปเอง เขาบอกเพื่อนว่าไม่ให้ยุ่งหรือทักทายกับนิพัทธ์มากนักเพราะกลัวว่านิพัทธ์จะตกใจกับความดิบเถื่อนความขี้แซวปากหมาของเพื่อน มันไม่มีอะไรเลยจริงๆ “พี่บอกเพื่อนเองแหละว่าอย่าคุยกับกานต์”

คราวนี้เด็กหนุ่มทำหน้าสงสัย “อายที่มีผมเป็นแฟนเหรอ”

“คิดอะไรแบบนั้นล่ะ” พิรัลตอบพลางวาดมือโอบรั้งเด็กหนุ่มเข้าสู่อ้อมกอด นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นนิพัทธ์ดื่มหนักและมีทีท่ามึนเมา “พี่หวงน้องไง พี่รู้ว่าเพื่อนพี่มันชอบแซวคนน่ารักพี่ก็เลยบอกมันว่าอย่ามายุ่งกับเด็กของพี่ พี่ทนไม่ได้ถ้าพวกแม่งมาแซวกานต์”

“แค่นั้นเหรอ ผมนึกว่าเพื่อนพี่เจตน์รับไม่ได้ซะอีกที่พี่คบกับผู้ชาย”

พิรัลหัวเราะ เขาเอ็นดูนิพัทธ์ที่ทำตัวน้อยอกน้อยใจเสียจริง อยากจะตามง้อ ตามอธิบายจนกว่าเด็กตรงหน้านี้จะพอใจ “กานต์ครับ พี่ไม่เคยคบกับผู้หญิงนะ พี่ก็เหมือนกานต์นั่นแหละ” ปากว่าแต่มือก็ไม่อยู่สุข เมื่อพิรัลรับรู้ได้ถึงแรงอารมณ์ที่เบาบางลง เขาเริ่มอาจหาญดึงขวดไวน์วางไว้ข้างเตียงและดักทางนิพัทธ์ไว้ด้วยการจับมือเข้ามากอบกุม “พี่ชอบผู้ชาย เวลาเห็นตรงนี้ของกานต์แข็งพี่ยิ่งชอบ” พิรัลรั้งมืออีกฝ่ายลง กอบกุมที่เป้ากางเกงของเจ้าตัว

“พี่เจตน์อย่าเปลี่ยนเรื่อง ผมยังไม่เข้าใจเรื่องพี่แอนนี่เลย” เด็กหนุ่มบ่ายเบี่ยงพยายามขืนแรง ทั้งคำพูดและน้ำเสียงที่ดูจะเปลี่ยนโหมดอย่างรวดเร็วนั้นส่งผลอยู่ในส่วนลึก เขายอมรับว่าเสียดเสียวขึ้นมาที่เป้ากางเกง “พี่แอนนี่เป็นผู้หญิงไม่ใช่เหรอ”

“โถ่ มันชื่อเกรียงไกร ไม่ได้ชื่อแอนนี่ แล้วอีกอย่างมันเป็นผู้ชาย”

นิพัทธ์หน้าเหวอขึ้นมา

“พี่เคยเป็นแฟนกันมาก่อน แต่คบแค่แป๊บเดียวไม่ได้ลึกซึ้งอะไรเลย ตอนนั้นพี่เองก็อยากรู้ว่าตัวเองชอบแบบแอนนี่หรือเปล่า แต่พี่ไม่ได้ชอบ พี่ชอบผู้ชาย ผู้ชายแบบที่มีจู๋เนี่ย”

“พี่เจตน์ ไม่ต้องพูดทั้งหมดแบบนั้นก็ได้ครับ”

“ทำไมอะ พี่ไม่อยากให้กานต์เข้าใจผิด อีกอย่างตอนนี้แอนนี่ไม่มีจู๋แล้วด้วยนะ”

“ผมเข้าใจแล้วครับ ไม่ต้องอธิบายแล้ว”

พิรัลหัวเราะอารมณ์ดี เคลื่อนใบหน้าเข้าไปจูบที่พวงแก้มแดงระเรื่อซ้ำไปซ้ำมา แก้มของนิพัทธ์ยังคงเป็นจุดที่เขาชอบมากที่สุดตั้งแต่คบหากันมา ไม่เปลี่ยนแปลง “อยากถามอะไรอีกมั้ยครับ” ริมฝีปากของเขาคลอเคลียไม่ห่าง มือลูบไล้ปลุกเร้าไปทั่วผิวกายของคนอายุน้อยกว่า

“ผมไม่ชอบที่พี่เจตน์สนใจแต่เพื่อน ผมเข้าใจนะครับเวลาเจอเพื่อนผมก็เป็นแบบนั้น แต่พี่เจตน์ทิ้งผมไปเลย ไม่บอกอะไรสักคำ ผมรู้สึกเหมือนพี่เจตน์ไม่รักผมแล้ว” ท้ายประโยคนิพัทธ์เบาเสียงราวกับพึมพำ แต่แน่นอนพวกเขาอยู่ใกล้กันถึงขนาดนั้น มีหรือพิรัลจะไม่ได้ยิน

“โถ่ กานต์ ขี้น้อยใจจัง พี่ขอโทษ พี่จะพยายามไม่ให้เป็นแบบนี้อีกนะ”

นิพัทธ์พยักหน้ารับก่อนจะเอนศีรษะซบลงที่ลาดไหล่ของอีกฝ่าย เป็นเชิงว่ายินยอมรับฟังคำขอโทษนั่นแล้ว

“นี่เมาไวน์ใช่มั้ย กินย้อมใจหรือไง”

“ผมเมา แล้วผมก็เด็กอยู่ด้วย”

ชายหนุ่มอายุมากกว่ายอมจำนนต่อความจริง เขารุกหนักเข้าที่กลางเป้ากางเกงของเด็กตัวขาว มันตื่นตัวอยู่ในอุ้งมือของเขาก่อนจะแข็งแน่นอยู่ภายใต้เนื้อผ้า “ถ้าเมาอยู่ไม่น่าจะแข็งป้ะ”

“ผมว่าไม่เกี่ยวกับเมานะ มันเกี่ยวกับว่าตอนนี้ผม…” เขาเอ่ยก่อนจะยืดตัวเข้าไปกระซิบกระซาบที่ข้างหูคนแก่กว่าด้วยคำพูดลามกเรียกรอยยิ้มกว้าง

พิรัลไม่อดทนอีกต่อไป เขาถอดกางเกงของนิพัทธ์ออก รุกเร้าที่ส่วนนั้นหนักหน่วงขึ้น

“พี่เจตน์ไม่ได้ชอบผู้หญิงใช่มั้ยครับ” นิพัทธ์ถามย้ำพลางยกสะโพกให้พิรัลได้ถอดกางเกงได้ถนัด

“พี่เคยบอกกานต์แล้วนี่ตอนไปออนไซต์ที่โคราชอะ”

“ผมจำไม่ได้”

“พี่เคยคบผู้หญิงด้วย แต่พี่ชอบผู้ชายครับ”

นิพัทธ์จ้องตาอีกฝ่าย มองเพื่อพิจารณาก่อนท้ายที่สุดเผยความในใจ “ดีครับ ผมจะได้หึงเวลามีผู้ชายเข้าใกล้พี่เจตน์”

สิ้นคำใบหน้าของพิรัลก็เผยยิ้มก่อนจะมุดลงต่ำ โอบรับส่วนแข็งขืนด้วยริมฝีปาก ความชื้นแฉะจากน้ำลายชโลมแท่งเนื้อของนิพัทธ์ ลิ้นสร้างความสำราญแก่เด็กหนุ่มอย่างเชื่องช้า ทรมานด้วยการดูดที่ส่วนปลายจนอีกฝ่ายต้องร่ำร้องครวญครางด้วยความเสียวซ่าน นิพัทธ์ดันสะโพกเข้าหาเพื่อให้พิรัลสนองตอบความต้องการทั้งหมดนั่น อีกฝ่ายรับส่วนน่ารักเข้าไปทั้งหมด ปรนเปรอตามแต่นิพัทธ์ต้องการ ขณะเดียวกันนิ้วมือก็ไม่ได้ว่างเว้น พิรัลสอดนิ้วเข้าสู่ช่องทางเร้นลับที่ยังคับแน่น นิ้วสองนิ้วค่อยๆบดเบียดอย่างทะนุถนอม อ้อยอิ่งในจุดสะท้านอันคุ้นเคย เขารู้สึกถึงแรงบีบรัดราวกับหนุ่มบริสุทธิ์ ไม่ว่าจะร่วมรักกันมากี่ครั้งนิพัทธ์ก็ยังดูน่าเอ็นดูเสมอ

นิพัทธ์ดึงใบหน้าของพิรัลออกห่าง ใช้นิ้วเช็ดคราบน้ำต่างๆบนริมฝีปากให้ก่อนจะรั้งเข้ามาจูบด้วยความโหยหา คนอายุมากกว่าไม่เร่งรีบเช่นทุกที เขาปล่อยให้อีกฝ่ายปลดซิปกางเกงลง เผยส่วนตื่นตัวออกมา กอบกุม และรูดรั้งด้วยมือ พิรัลคร่อมอยู่ด้านบนมองตามมือของคนรักที่กระทำกับร่างกาย

นิพัทธ์ปลดกระดุมเสื้อของพิรัล รั้งออกไป และลูบไล้แผ่นอกแน่นตึงตรงหน้า เขายอมรับอย่างไม่อาจกังขาได้เลยว่าพิรัลดูแลรูปร่างมาเป็นอย่างดี แต่กระนั้นนิพัทธ์เคยจิตนาการว่าหากภายภาคหน้าพิรัลจะไม่ได้มีรูปร่างเต็มไปด้วยมัดกล้ามแบบนี้แล้วเขาจะยังชื่นชอบพิรัลอยู่อีกหรือเปล่า ในตอนนั้นเด็กหนุ่มหัวเราะกับตัวเอง เขาปลงตกทางสังขารตั้งแต่รับรู้ว่าพิรัลป่วยเป็นโรคหัวใจแล้ว หากมาถึงวันที่พิรัลชราเฒ่ามันช่างเป็นสิ่งสามัญ วันใดวันหนึ่งเขาก็จะชรา สังขารถดถอยไปตามกาลเวลาเช่นกัน

ฝ่ามือของคนเด็กกว่าลากไล้ลงสู่เบื้องล่างอีกครั้ง เขาจับมือของพิรัลให้สัมผัสแท่งเนื้อของตัวเอง “ชอบของน้องมั้ยครับ”

พิรัลตอบด้วยการบีบส่วนนั้นหนักมือแต่ไม่ได้ทำให้เจ็บปวด “ชอบครับ ชอบมาก”

นิพัทธ์ยิ้มพลางปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาว ก่อนจะรั้งศีรษะของพิรัลเข้ามาให้ดูดที่ยอดอก อีกฝ่ายฝากรอยขบกัดไว้เป็นอันดับแรก ก่อนจะปลอบประโลมด้วยการเลียยอดอดที่แข็งขึ้นจากการมีอารมณ์ร่วม นิพัทธ์ลูบใบหน้าด้านข้าง ส่งเสียงครางครวญในลำคอ หลับตาพริ้มเมื่อพิรัลดูดแผ่นอกของเขารุนแรงขึ้น พิรัลเปลี่ยนมาอีกฝั่ง เขาใช้ฟันขบยอดอก ออกแรงดึงขึ้นยังผลให้นิพัทธ์เผลอแอ่นตัวตาม ชายหนุ่มยกยิ้มหัวเราะแล้วจึงดูดดุนอย่างแผ่วเบาเป็นการไถ่ถอนความเจ็บ

ผิวกายของนิพัทธ์แดงระเรื่อไปทั้งใบหน้าลามลงมาที่แผ่นอก ผิวที่ปกติขาวสะอาดกำลังแสดงให้เห็นถึงความร้อนลุ่มจากภายในที่มาจากการดื่มเครื่องดื่มมึนเมาและอารมณ์ที่กำลังคุกรุ่น พิรัลมองคนที่อยู่ใต้ร่างด้วยใจโหยหา เขาดอมดมไปทุกส่วน อยากพิศมองและมอบความรักให้ เขาก้มหน้าลงต่ำขณะลากริมฝีปากผ่านจากแผ่นอกลงมาที่หน้าท้องก่อนจะจุมพิตบริเวณเชิงกราน ลิ้นชื้นแฉะสร้างสัมผัสสั่นสะท้านจนเด็กหนุ่มหอบหายใจแรง พิรัลแยกขาของอีกฝ่ายออกกว้างขึ้น เลียช่วงรอยพับระหว่างขากับจุดกึ่งกลางลำตัว จรดปลายลิ้นลงที่ช่องทางด้านหลัง หยอกเย้าเร้าอารมณ์ให้นิพัทธ์ฉ่ำแฉะจนเจ้าตัวร่ำร้องให้สอดใส่เข้ามาเสียที

พิรัลทำตามอย่างว่าง่ายแต่ไม่ผลีผลามสอดใส่เข้าไป เขายังคงเชื่องช้าคล้ายสิงโตในยามกินเหยื่อ ค่อยๆแทะเล็มทีละส่วน ไม่ตะกรุมตะกราม แต่เมื่อได้ชิ้นส่วนที่พอใจก็จะกัดกินอย่างหนักหน่วงเอร็ดอร่อย เขามองร่างของเด็กผิวขาวที่ขยับเคลื่อนไปตามแรงอยู่บนที่นอน ผ้าปูยับย่นจากการถูกโถมทับไปมา พิรัลรักที่ได้มองนิพัทธ์ในมุมนี้ เด็กหนุ่มดูอ่อนระทวยและเย้ายวนในเวลาเดียวกัน เขาแทบคลั่งตายตอนที่ริมฝีปากสีแดงสดนั่นพร่ำบอกว่าสัดส่วนของเขาได้สร้างความสุขให้แก่เด็กหนุ่มมากแค่ไหน สาบเสื้อแบะออกด้านข้าง เผยทั้งแผ่นอกแน่นตึง ที่ซึ่งมียอดอกถูกขบกัดเป็นรอยฟันข้างหนึ่ง ช่วงหัวไหล่เสื้อหลุดลุ่ยไปตามแรงกระชากลากถูยามเมื่อพิรัลออกแรงอัดสะโพก บทรักของพิรัลไม่เคยเร่งรีบ เขาเนิบช้าทว่าหนักหน่วงและตราตรึงทุกประสาทสัมผัส

สองมือของพิรัลจับแขนของเด็กหนุ่มดึงรั้งเข้าหา อีกฝ่ายกอดเขาไว้และเปลี่ยนมานั่งคร่อมอยู่ด้านบน พิรัลชโลมเจลหล่อลื่นอีกครั้งก่อนจะสอดแท่งเนื้อชุ่มฉ่ำนั่นเข้าสู่ช่องทางด้านหลัง นิพัทธ์โน้มเท้าแขนไว้บนเตียงนอนขณะที่ปล่อยให้เขาได้รุกเร้าด้านหลัง ดวงตาสีเข้มมองลงมาแล้วเผยยิ้ม สีหน้าดูเจ้าเล่ห์

“ผมเคยอ่านเจอในอินเตอร์เน็ต เขาบอกว่าถ้าของผู้ชายไม่ยาวจะทำท่านี้ลำบาก”

พิรัลยิ้มมุมปาก “แล้วของพี่ยาวพอมั้ยครับ”

“ยาวมากครับ ตอนนี้น้องจุกไปหมดแล้ว” นิพัทธ์ตอบพลางเริ่มดันสะโพกกลับลงไปบ้าง “ทำไมของพี่เจตน์ใหญ่จังครับ น้องแน่นมากเลยครับ” เด็กหนุ่มกระซิบบอกเสียงกระเส่าก่อนจะขบกัดบริเวณช่วงติ่งดูที่เชื่อมต่อตรงสันกราม

สะโพกของนิพัทธ์ถูกรั้งไว้ด้วยมือของพิรัล ก่อนเขาจะส่งแรงสอดใส่เข้าเต็มกำลังจนเด็กตัวขาวครางลั่นไม่เป็นภาษา นิพัทธ์เท้าแขนอยู่เช่นเดิมหากแต่ถูกแรงสอดใส่จากด้านลางอัดเข้ามาจนร่างสั่นไหว เขายินยอมให้พิรัลรุกเร้าพลางส่งสายตาหยาดเยิ้มให้อีกฝ่ายเป็นการเติมเชื้อเพลิง ส่วนหน้าของเขาขยับไหวไปตามแรงที่ได้รับ น้ำกามที่ไหลออกมาตามกลไกร่างกายผุดซึมที่ส่วนปลาย อารมณ์ของนิพัทธ์เคลื่อนสู่ปลายทางในเวลาอันใกล้แล้ว

เมื่อเห็นอีกฝ่ายมีอารมณ์ร่วมด้วยมาก พิรัลเองก็ทนไม่ไหว เขาขยับสะโพกขึ้นขณะเดียวกันก็กดสะโพกของนิพัทธ์ให้รองรับแรงกาย เด็กหนุ่มไม่ถอยหนีอีกทั้งยังเร่งเร้าเขาด้วยคำพูดเพื่อให้ถึงฝากฝั่งด้วยกัน เขากับนิพัทธ์เข้ากันได้ดีในเรื่องบนเตียง แต่ครั้งนี้ดูเหมือนนิพัทธ์จะรู้สึกมีอารมณ์มากกว่าปกติ อาจเพราะยังถูกกล่อมด้วยไวน์ที่หมดไปกว่าครึ่งขวด เด็กหนุ่มหลั่งรินน้ำกามออกมาเปรอะหน้าท้องไปหมด พิรัลใช้มือช่วยรูดรั้งท่อนเนื้อของอีกฝ่ายเพื่อสร้างความสุขให้ เขาคิดว่าจะขอสุขสมอยู่ในกายของเด็กหนุ่ม หากแต่นิพัทธ์กลับลุกขึ้นพร้อมกับฉุดรั้งให้พิรัลนั่ง เขามองตามหลังเด็กหนุ่มที่เดินไปยังระเบียงห้องก่อนจะลุกขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายเปิดประตู

“ถอดกางเกงสิครับ” เด็กหนุ่มสั่ง ใช่ พิรัลฟังน้ำเสียงไม่ผิด

เขาทำตามอย่างว่าง่ายพลางมองนิพัทธ์ที่ก้าวเดินออกไปที่ระเบียง

เด็กหนุ่มโน้มตัวไปด้านหน้า เกาะขอบปูนที่แน่นหนา เผยบั้นท้ายที่ยังเป็นปื้นแดงจากรอยนิ้วมือของพิรัล เขาแหวกเนินเนื้อออก แอ่นบั้นท้ายก่อนจะหันหน้ากลับมาพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก “พี่เจตน์ มาเอาน้องสิครับ”

พิรัลส่งเสียงครางเครือคล้ายคำรามในลำคอ เดินไปหาเด็กตัวขาวที่รอเขาอยู่ ตลบชายเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ระเกะระกะอยู่ตรงบั้นท้ายของนิพัทธ์ขึ้น และสอดใส่ท่อนเนื้ออวบอัดเข้าไปอย่างหนักหน่วงเพื่อเรียกเสียงร่ำร้องจากนิพัทธ์ เขาหน้าหนาเกินกว่าจะอายหากคนข้างห้องได้ยินเสียงอะไรต่อมิอะไรในค่ำคืนนี้



พิรัลตื่นเช้าจากนาฬิกาปลุก เขาต้องออกไปยิมเพราะนัดกับเทรนเนอร์ไว้ แต่เพราะกว่าจะได้นอนพระอาทิตย์ก็เริ่มส่องสว่างขณะที่ดวงจันทร์มืดลง เขาเห็นสภาพนิพัทธ์ที่นอนอยู่ด้านข้างในลักษณะนอนคว่ำแต่ใบหน้าหันมาทางตัวเอง พิรัลจูบที่แก้ม ผละออกมาหมายจะลุกขึ้นไปทำธุระส่วนตัว แต่แล้วเมื่อมองเห็นว่าอีกคนเริ่มรู้สึกตัวเขากลับแน่นิ่ง ไม่อยากขยับตัวไปไหน พิรัลจูบที่แก้มของเด็กหนุ่มอีกครั้ง ลูบไล้รอยยับจากการนอนทับมาเป็นเวลาพักใหญ่ก่อนจะจูบอีกจนเจ้าของแก้มต้องลืมตาขึ้นมามอง

“พี่เจตน์ จะออกไปยิมเหรอครับ”

“ใช่ แต่พี่ขี้เกียจจัง”

นิพัทธ์ยิ้มทั้งที่ดวงตาหลับลง “กอดน้องหน่อยได้มั้ย” เด็กหนุ่มเอ่ยถาม เขาจะไม่ห้ามหากพิรัลต้องการไปออกกำลังกาย แต่หากพิรัลจะกอดเขา แล้วไม่อยากไปยิมก็ให้เป็นอีกเรื่องแล้วกัน

พิรัลโอนอ่อนทำตามคำขอ เขาโอบกอดแล้วซุกจมูกลงที่ซอกคอ ลากริมฝีปากไปทั่วใบหน้า “เมื่อคืนกานต์ดื่มเยอะเลยนะ ตอนนี้มึนหัวมั้ย”

“ไม่มึนหัวครับ แต่เมื่อวานเมาเหมือนกันนะ พูดอะไรเยอะแยะไปหมดเลย”

“ไม่เยอะหรอก พี่อยากให้กานต์เอาแต่ใจบ้าง พี่จะได้รู้ว่ารักอยู่กับคนไม่ใช่เทวดา”

“ลิเก” นิพัทธ์พูดออกมาก่อนจะทำให้พิรัลหัวเราะ

ชายหนุ่มเอื้อมตัวไปหยิบโทรศัพท์มือถือ ส่งข้อความบอกเทรนเนอร์ว่าขอเลื่อนนัดก่อนจะรั้งตัวนิพัทธ์เข้ามาให้นอนซบบนอกพลางลูบแขนเด็กหนุ่มที่ยังตื่นไม่เต็มตา “แจงส่งรูปใหญ่มาให้ดู แม่งเมาเละหลับไม่รู้เรื่อง” เขาว่าไปตามนั้นแล้วแสดงหน้าจอโทรศัพท์มือถือให้นิพัทธ์ดู

“ก็น่าจะเมาเละอยู่ พี่ใหญ่ดื่มเยอะมากใครส่งอะไรให้ก็ดื่มหมดเลย”

พิรัลไม่ได้พูดอะไรต่อนอกจากเลื่อนดูรูปจากในอัลบั้มกลุ่มเพื่อนที่ถ่ายเล่นกันในงานแต่งงานเมื่อคืนนี้ “กานต์อยากแต่งงานมั้ย”

“ผมเฉยๆ แล้วพี่ล่ะ”

“ถ้าพี่ขอกานต์แต่งงาน กานต์จะแต่งกับพี่มั้ย”

นิพัทธ์นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบ “ผมไม่อยากแต่งงานครับ ผมแค่อยากอยู่กับพี่เจตน์ไปเรื่อยๆ เนี่ย ผมรอโกรกผมให้พี่เจตน์แล้ว”

พิรัลยิ้มตามก่อนจะจูบที่กลุ่มผมของคนรัก “แล้วพี่จะรอดูฝีมือของกานต์นะ”

พวกเขาร่วมหัวเราะกันในเช้าวันนั้น นอนซานซบคุยสัพเพเหะระ ก่อนจะผล็อยหลับไปในอ้อมกอดของกันและกัน

ความรู้สึกของพวกเขาไหลวนอยู่ในวงกลมสองวงที่สอดคล้องกัน พวกเขาต่างมีและไม่มีเหมือนกัน กระนั้นความรักของพวกเขาเติมเต็มอยู่ในเส้นวงกลมแห่งนั้น วนเวียนถ่ายทอดทั้งสิ่งที่มีและไม่มีอย่างเป็นอนันต์





************************************





 :-[


ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
น้องกานต์.. :m25:
น้องแทนตัวเองว่าน้องแล้วมันกร๊าวใจมาก



ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
แพ้น้องเวลาพูดจาลามกมาก เด็กไม่ดีของแม่ พี่เจตต์ยังโง่ๆงงๆ เช่นเคย อยากให้น้องโกรธเยอะๆ หมันไส้ รอเล่มนะคะ  :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Cyclopbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ชอบตอนหอมหัว

ออฟไลน์ แมว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ juthamart

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เป็นตินพิเศษที่อ่านเเล้วมีหลากหลายอารมณ์มากเลย ทั้งนอยด์เเทนน้อง ทั้งเขินตอนxxx ทั้งรู้สึกอบอุ่นกับความรักของน้องกานต์เเละพี่เจตต์ เเอบดีใจด้วยที่ตัวเองทายถูกว่าเเอนนี่ต้องไม่ใช่ผญ.เเท้ๆเเน่้เลย555 ขอตอนพิเศษอีกเยอะเลยนะคะ รอดูสกิลการบดๆของน้องกานต์ในเล่มอยู่นะคะ 5555ล้อเล่นนะคะถึงไม่มีตอนพิเศษอีกยังไงก้ซื้อค่ะ รอเล่มอยู่เสมอนะคะ❤

ออฟไลน์ doubleu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อ่านแล้วแอบนอยด์แทนน้อง มันไม่ดีจริงๆนะกับการถูกปล่อยทิ้งไว้เหมือนเป็นคนนอก อย่าทำอีกนะพี่เจตน์ ไม่ใช่ไปเจอเพื่อนเมื่อไหร่ก็เป็นแบบนี้ตลอด
ชอบที่น้องแสดงความรู้สึกออกมาตรงๆบ้างว่าไม่โอเค โวยวายบ้าง สมวัยน้อง  :-[

ออฟไลน์ wetter

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
น้องกานต์แซ่บมากกกกก สองคนนี้บนเตียงคือศีลเสมอกันสุดแต่เรื่องคติการใช้ชีวิตคือไปกันไม่ได้เลย55555555
ชอบตอนเค้าคุยกันแบบ dirty talk มากๆ เขิน :o8:
ปวดหัวกับความคิดอิพี่เจตน์ ดื้อมากกกกกๆๆๆ อยากตี ทำน้องเครียดตลอด น้องก็โคตรอดทน ดีใจที่หลังๆน้องเริ่มกล้าพูดบ้างแล้วไม่ใช่ให้ท้ายพี่อย่างเดียว
สุดท้ายก็คือเขินเวลาเขานัวกันน่ะแหละ เคืองกันแค่ไหนก็คุยกันบนเตียงเนอะรู้เรื่อง :hao7:

ออฟไลน์ Jiraapp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
นี่ร้องไห้ตอนที่พี่เจตน์รู้อดีตน้องกานต์แล้วอิพี่รับไม่ได้อ่ะ สงสารน้องกานต์มาก ๆๆๆ แล้วพอดีกันก็มาทำน้องเสียใจเพราะไม่ยอมกินยาไม่ยอมรักษาตัวอีก อิพี่ดื้อมากกกกกอยากฟาด :katai1: นี่สมน้ำหน้ามากตอนน้องขอห่างกัน555 และฉากncก็คือแซ่บมากกเขินน้องกานต์แทนตัวเองว่าน้องน่ารักมากเว่อร์ ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ

ออฟไลน์ R.michi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
เขียนได้ลึกซึ้งมาก คาเรกเตอร์สมจริง ดูสัมผัสได้ เเต่นี่เคืองอีพี่เจต หวังว่าจะมีอีกจักวาลคู่ขนานที่น้องโดยอากรณ์จับกินตั้งเเต่ยังเอ๊าะๆแล้วก็รักกันตลอดไป #ทีมอากรณ์ ขอบคุณที่เขียนมาให้อ่านนะ

ออฟไลน์ cinpetals

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
จะเป็นลมกับตรรกะการกินยาของอิพี่ 55555

ออฟไลน์ Stmmltww

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ดีใจที่พี่หันมาดูแลตัวเองเพื่ออยู่กับน้อง แต่แอบโกรธที่ทำให้น้องเหงา5555 ขอบคุณมากค่า

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
พี่เจตน์ลืมเทรเนอร์ไปล้าววว

ชอบเรื่องนี้มากๆ
ตอนที่น้องบอกว่ารอโกรกผมให้ น่ารักเนาะ
 :L2: :L1: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด