ก้าวสิบ - โรงเรียนรัฐสกุล
ปกติตอนเช้าเหินฟ้ามักจะได้ยินเสียงปลุกเป็นเสียงนกแก้วนกขุนทองบ้านคุณเจนจิราฝั่งตรงข้าม แต่ถึงวันนี้เขาจะตื่นเพราะเสียงเช่นกัน แต่มันไม่ใช่เสียงนก เพราะมันคือเสียงเจี้ยวจ้าวแต่เจื้อยแจ้วของเด็กๆ ที่เหินฟ้าจำได้ทันทีว่าเป็นหลานๆ สุดรักของคุณมุกสมุทร จริงๆ ก็รวมตัวเขาด้วยนั่นแหละ
“อ้า พี่เหินนนน มาแล้ววว” ยังไม่ทันจะหยั่งเท้าถึงบันไดขั้นสุดท้าย ดวงตาใสๆ ก็จับจ้องมาพอดี พร้อมกับขาเตี้ยๆ ที่วิ่งมาเกาะขาของเขาจนต้องรีบย่อลงไปทักทาย
“สวัสดีพี่หรือยังครับ”
“สวัสดีครับ” มือน้อยพนมไหว้อย่างน่าเอ็นดูจนเหินฟ้าต้องให้รางวัลเป็นหอมไปหนึ่งฟอด น้องรัก หรือลานรัก พฤกษ์ไพรศร เป็นลูกของพิมนภาลูกสาวคนโตของคุณพลอยอัมพรพี่สาวของคุณมุกสมุทร พูดง่ายๆ ก็คือ แม่ของน้องรักเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเหินฟ้า จริงๆ แล้ว น้องต้องเรียกเขาว่าคุณอา แต่คุณมุกชอบเรียกแทนเขาว่าพี่ให้น้องฟังบ่อยๆ จนติดปากกันมาทั้งบ้าน
“มาๆ เดี๋ยวไปกินข้าวกันก่อน เจ็ดโมงแล้ว สักแปดโมงเดี๋ยวเหินได้ไปส่งน้องกัน” คุณมุกสมุทรต้อนหลานๆ เข้าไปกินข้าวในห้องอาหาร พร้อมเรียกพิมพ์นภาที่กำลังอุ้มหนูลิน น้องสาวคนสุดท้ายของบ้านที่เพิ่งอายุได้แค่แปดเดือนเท่านั้น
“นี่ ตาเหิน วันนี้น่ะ ไปส่งน้องแล้วรับน้องกลับมาด้วยนะ” เหินฟ้าเป็นอันต้องชะงักช้อนข้าวต้ม นี่แม่จะให้เขาไปส่งจริงๆ หรอ มันลำบากไปไหมน่ะ แล้วจะให้ไปรับด้วยเนี่ยนะ
“แล้วให้ผมไปรอหรือครับ”
“รอนิดรอหน่อยเป็นไรไป ที่โรงเรียนน่ะที่รอเยอะแยะ” คุณมุกสมุทรแอบอุบไว้ก่อนว่าโรงเรียนที่หมายถึงนี่ไม่ใช่แค่โรงเรียน แต่เป็นบ้านสวนร่มรื่น แหมแต่เรื่องที่รอเยอะแยะนี่ไม่ได้โกหกนะ “น้องรัก อยากให้พี่เหินไปรับไปส่งใช่ไหมครับ” ระหว่างที่ลูกชายตัวโตกำลังแบ่งสมาธิไปเคี้ยวข้าวนี่แหละ ต้องรีบหาตัวช่วย
“อยากครับ” น้องรักผู้ไม่รู้เรื่องอะไรเพราะกำลังเอ็นจอยกับข้าวต้มหมูฝีมือยายสมรแม่ครัวประจำบ้านตอบออกมาอย่างซื่อตรง จนคนที่กำลังเคี้ยวข้าวต้มหม้อเดียวกันต้องเหลือบมามองมารยาคนเป็นแม่
“ก็ได้ครับ เดี๋ยวตอนเย็นพี่พาไปกินไอติมเนอะ” ถ้ามีที่รอจริงๆ เอาโน้ตบุ๊คพกไปทำงานก็ได้ นานๆ ทีเปลี่ยนบรรยากาศบ้างก็ดี อีกอย่างเขาก็คิดถึงน้องรัก พาน้องไปเที่ยวก็ไม่เห็นเป็นไร ช่างแผนการคุณแม่ไปเถอะ
“ไอติม รักอยากกินไอติมครับ” น้องรักยิ้มแป้น เพราะของที่ชอบมากๆ เลยก็คือไอติมนี่แหละ
“ดีจ้ะ ทานอิ่มแล้วเดี๋ยวเราไปดูการ์ตูนกันเนาะ เหินก็ไปแต่งตัวซะ อย่าช้าล่ะ เรียนเก้าโมงนะ” คุณมุกสมุทรสั่งเสร็จก็จูงมือหลานรักเข้าบ้าน
“พิม” เหินฟ้าหันมาเรียกคนที่เหลืออยู่ซึ่งกำลังป้อนข้าวน้องลินอยู่อย่างเพลิดเพลิน
“ว่าไงเหิน”
“แม่ไปพูดอะไรเรื่องเรียนพิเศษ”
อุ๊บบ... พิมพ์นภาแทบกลั้นขำไม่อยู่ คุณมุกสมุทรชอบทำเนียนวางแผนนู้นนี่ ส่วนคนลูกก็ชอบจับผิด แต่ก็ตามใจแม่ตลอด
“น้ามุกไม่ได้ว่าอะไรนี่ แค่บอกว่าได้คุณครูดีๆ มาคนนึง อยากให้น้องไปเรียน ฉันก็โอเคนะ น้องอยู่ว่างๆ เสาร์อาทิตย์ ถือซะว่าเข้าสังคม” พูดไปพลางป้อนน้องลินที่ดุนอาหารเด็กออกไปพลาง กินยากกินเย็นไม่เหมือนคนพี่เลยน้าเด็กคนนี้
“…”
“หืม อะไรเล่า” พิมพ์นภาที่ไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากคนฟังต้องเงยหน้าขึ้นมามอง และเห็นอีกฝั่งกำลังจ้องมาเขม็ง เหมือนจะใช้อวัจนภาษากดดันให้เธอตอบความจริงอะไรออกมา
“เอ้า ไม่มีอะไรจริงๆ เหินก็รู้จักน้ามุก ถ้าตัวอยากรู้ เนี่ย เดี๋ยวตัวไปตัวก็รู้” พิมพ์นภาพูดขำๆ ก่อนจะเช็ดปากให้เจ้าตัวน้อยที่กินไปแค่ครึ่งถ้วยเท่านั้นเอง
“เฮ้อ จริงๆ ก็พอเดาได้นะ แต่แค่อยากแน่ใจ”
“เรื่องเดิมๆ หรอ” พิมพ์นภาหมายถึงเรื่องคู่ครอง ซึ่งก็เป็นเรื่องเดียวที่คุณมุกสมุทรเรียกได้ว่ากัดไม่ปล่อยมาตั้งแต่เหินอายุเข้า 26
“อืม”
“เอ เหินบอกแม่ไปแล้วนี่ว่าชอบผู้ชาย” พูดถึงตรงนี้พิมพ์นภาก็แอบยิ้ม ลูกพี่น้องของเธอนี่กล้าโกหกออกไปได้ไม่อายปาก แล้วคนอย่างน้ามุกสมุทรก็เชื่อด้วยสิ
“อืม” เหินเสตามองไปยังน้องลินที่เล่นลิ้นเล่นนิ้วไปพลาง ช่วงนี้เหมือนจะหัดเดินได้แล้ว พูดได้เมื่อไหร่แม่เขาคงถูกขโมยไปโดยสมบูรณ์แน่ๆ แล้ว
“อุ้ย อย่าบอกนะว่า... ว้าย เขินจัง” พิมพ์นภายิ้มจนแก้มแดง ไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะโดนคุณแม่จับคู่กับผู้ชายให้ ถึงจะแปลกๆ แต่ก็รู้สึกอยากเชียร์ยังไงก็ไม่รู้สิ ก็เหินเนี่ยเมื่อก่อนเจ้าชู้น้อยเมื่อไหร่ เพิ่งเลิกไปเมื่อไม่กี่ปีนี้เอง
“เขินบ้าอะไรของเธอ ไปเตรียมตัวแล้ว” เหินลุกเดินไปไม่วายมาขยี้หัวเด็กน้อยลานไพลินก่อนจะผละเข้าบ้านไป
“เอาพี่สะใภ้มาให้ฉันดูไวๆ น้า” พิมพ์นภาแอบแซะไม่ได้จนคนฟังที่หันหลังอยู่ต้องโบกไม้โบกมือเป็นเชิงไล่ให้ไปไกลๆ น่าสนใจจริงๆ รอบนี้คุณน้าดูทุ่มเทมากถึงขนาดมาปรึกษาเขาให้ช่วยเอาลูกมาเป็นตัวอ้างให้เหินไปส่ง เธอเองก็ไม่ได้รู้เรื่องราวอะไรมากไปกว่านั้น เพิ่งมารู้วันนี้ งานนี้คงจะสนุกน่าดู
“น้องรัก เอาอะไรใส่กระเป๋ามาบ้างครับ” เหินฟ้าที่กำลังทำหน้าที่สารถีในชุดเสื้อเชิ้ตสีอ่อนกับกางเกงยีนส์สบายๆ หันไปชวนเด็กน้อยในอีกเบาะคุย น้องรักตอนนี้กำลังค้นกระเป๋าเช็คของอีกรอบหนึ่ง
“รักเอาการบ้านที่โรงเรียน กับหนังสือไดโนเสาร์มาครับ”
“หืม อ่านเข้าใจไหมครับ” เหินฟ้าหันไปมองหนังสือที่เขียนว่า Jurassic World ที่น่าจะเป็นหนังสือภาพภาษาอังกฤษ
“เข้าใจครับ อันไหนไม่เข้าใจ รักจะถามคุณครูวันนี้ครับ” น้องรักเป็นเด็กชอบเรียนรู้ ขี้สงสัย ช่างซักถาม และกล้าที่จะพูดหากไม่รู้ หรือไม่เข้าใจ คนที่บ้านเลยเอ็นดูความฉลาดของน้องมาก
“ดีแล้วครับ แต่ถ้าคุณครูไม่ว่างสอนพี่เหินก็สอนได้น้า” เพราะเด็กในคลาสน่าจะเยอะ คุณครูคงเตรียมอย่างอื่นมาให้น้องๆ เล่นมากกว่า อย่างว่าแหละ เด็กตัวแค่นี้จะเรียนอะไรมากมาย เขาเคยเห็นครูบางคนที่สอนพิเศษ สอนจริงๆ ไม่กี่นาที ที่เหลือก็เล่นบ้าง คุยบ้าง เพราะเด็กไม่ค่อยสนใจ
“ครับผม” เด็กน้อยพยักหน้าจริงจัง พี่เหินคงอยากอ่านไดโนเสาร์บ้าง เหินฟ้าเห็นดังนั้นก็ลูบหัวป้อยๆ ด้วยความเอ็นดู
.
.
.
เหินฟ้าขับรถมาถึงจุดหมายที่คุณมุกสมุทรบอกทางมาให้ เข้ามาไม่ลึกเท่าไหร่ แต่ก็ไม่คิดว่าแถบนี้จะมีบ้านสวนแบบนี้ด้วย ดวงตาคมจับจ้องทิวพฤกษาที่สูงชันเทียมกับหลังคาจั่วไม้สีน้ำตาลเข้มผ่านกระจกรถ ก่อนจะเบนสายตามาที่ป้ายของบ้าน ‘เรือนรัฐสกุล’ เอ... นามสกุลนี้ เหมือนจะเคยผ่านตามานิดหน่อย
“สวัสดีครับ” เสียงของใครคนหนึ่งที่มาก่อนตัว ทำให้เหินฟ้าต้องละสายตาจากป้ายไม้สีทองมาสู่ร่างของผู้ชายที่เพิ่งเจอกันไปเมื่อไม่กี่อาทิตย์ วันนี้เจ้าเกล้าแต่งตัวด้วยเสื้อคอกลมแขนยาวสีฟ้าอ่อน กับกางเกงขาจั๊มพ์สีขาวหม่น มองยังไงก็เหมือนเด็ก ม.ปลาย ไม่มีผิด เอ๊ะ ประเด็นไม่ใช่เรื่องนี้สิ ประเด็นคือ...
“อ้าว คุณเหิน มาส่งน้องเองเลยหรอครับ” เท่านั้นแหละ เหินฟ้าจึงต้องร้องอ๋อในใจ อ๋อออจนคุณนายมุกสมุทรที่เลี้ยงน้องลินอยู่ที่บ้านต้องจามออกมาสามทีเพราะลูกชายคิดถึง ส่วนคนที่ยืมค้ำรถอยู่หลังจากทักคนตัวสูงในรถไปก็มาก็คิดได้ทันที หวังว่าการที่น้องมาเรียนที่นี่คงไม่ใช่แผนคุณมุกหรืออะไรเทือกนั้นหรอกนะ
“อืม แล้วใครเป็นคนสอนเด็ก”
“เอ คุณมุกไม่ได้บอกหรือครับ ผมสอนเด็กๆ เองครับ” นั่นปะไร คุณมุกสมุทร เอาล่ะตอนนี้เหินฟ้าขอฟันธงไปกว่า 70 เปอร์เซ็นต์เลยว่าไอ้ลูกเพื่อนแม่เพื่อนพ่อที่น่ารักน่ารักหนาเนี่ยมันคงเป็นคนตรงหน้าเขานี่แน่ๆ และการที่เขาต้องมาส่งน้องรักก็คงเป็นกลยุทธ์จัดหาคู่ชูชื่นของกามเทพสื่อรักอย่างคุณนายมุกแน่นอน แม่นะแม่ เหินฟ้าแอบถอนหายใจเบาๆ
“เอาเถอะ ไปครับน้องรัก คุณครูมารับแล้ว” เหินฟ้าหันมาช่วยปลดเข็มขัดให้หลานตัวน้อย ก่อนจะลงรถไปพร้อมๆ กัน
“สวัสดีครับน้องรัก คุณครูชื่อเกล้านะครับ” เจ้าเกล้ายิ้มหวานพร้อมย่อตัวลงมาให้เท่าๆ กัน จนเหินฟ้าแอบขำในใจว่าเหมือนพี่น้องกันมากกว่าคุณครูกับนักเรียนอีก
“สวัสดีครับคุณครู” น้องเกล้าพุ่มมือไหว้คุณครูหน้าสวย พร้อมจับจ้องไม่วางตา
“ครับ ไปกันเข้าบ้านเนอะ เพื่อนๆ รอแล้ว”
“เอ่อ…” ระหว่างที่ทั้งสองพากันเดินเข้าบ้าน คนตัวสูงก็อึกอักๆ จนเจ้าเกล้าต้องหันกลับมา
“คุณเหินมีอะไรหรือเปล่าครับ”
“ฉันต้องรอรับน้องกลับ แถวนี้มีที่ให้นั่งรอหรือเปล่า” จริงๆ ก็ว่าจะรอที่นี่ แต่พอรู้ว่าเป็นบ้านของคนที่แม่พยายามจับคู่ให้ก็ออกจะอึดอัดไปสักนิด
“อืม ถ้าเป็นพวกห้าง หรือร้านกาแฟก็ต้องขับออกไปอีกสักหน่อยนะครับ แต่จริงๆ ถ้าคุณเหินไม่ขัดข้อง นั่งรอในสวนก็ได้ครับ เช้าๆ แดดไม่ร้อน เดี๋ยวผมให้คนเอาของว่างไปให้”
“เอ่อ ไม่ต้องของว่างก็ได้ ว่าแต่ไปทางนี้ใช่ไหม” คนตัวสูงชี้ไปทางที่น่าจะเป็นสวนเพราะมีต้นไม้เยอะกว่าตรงอื่น
“ใช่ครับ ตรงนั้นมีม้านั่งอยู่ นั่งรอตรงนั้นก็ได้ครับ เด็กๆ จะเบรกกันช่วง 10 โมงครึ่งนะครับ” เจ้าเกล้ายิ้มพลางผายมือไปในสวน
“น้องรักตั้งใจเรียนนะครับ พี่ไปนั่งรอ” เหินฟ้าเดินเข้ามาลูบหัวเด็กน้อยที่เอาแต่จ้องหน้าคุณครูไม่วางตา
“ครับผม” น้องรักรับคำอย่างหึกเหิม วันนี้เขาจะเรียนเผื่อพี่เหิน เผื่อแม่พิม เผื่อน้องลิน เผื่อคุณพ่อ เผื่อคุณยายพลอย คุณยายมุก เผื่อทุกๆ คนเลย
คลาสวันนี้มีเด็กๆ 5 คน น้องรัก น้องปาล์ม น้องฝ้าย ที่อยู่ ป.1 น้องเฌอแตม และน้องณัฐชั้น ป.2 เจ้าเกล้าเริ่มสอนด้วยการให้น้องเล่มเกมส์บันไดงู ใครที่ไปตกช่องไหนก็จะต้องทำตามที่ช่องนั้นสั่ง มีทั้งให้ร้องเพลง ให้เต้น ให้อ่านคำศัพท์ หรือแม้แต่ให้แสดงละคร บางช่องจะมีคะแนนด้วย ซึ่งคะแนนจะเอาไปใช้แลกขนมในช่วงพักเบรกได้
“Ok! Roll the dice!” เจ้าเกล้าสั่งออกมาด้วยน้ำเสียงสนุกสนาน เพราะเด็กๆ ตื่นเต้นมากกับการใช้ลูกเต๋าทำมือของเจ้าเกล้า และที่เด็กๆ เลือกไป มีหลายลาย ตั้งแต่ลาย Water, Fire, Grass, Sky แม้กระทั่ง Rainbow
“Five!” กติกาอีกข้อคือ ทอยได้อะไรคนนั้นต้องพูดชื่อออกมาด้วย แต่เจ้าเกล้าไม่ได้บอกให้เด็กๆ พูดภาษาอะไร แต่เขาจะขานพูดออกมาเป็นภาษาอังกฤษ แรกๆ เด็กๆ ก็ยังไม่มีใครพูดด้วย แต่หลังๆ ก็เริ่มพูดตามทุกๆ ประโยคที่เขาพูด
“อันนี้อะไรเอ่ย น้องรักเคยเจอมาเมื่อรอบก่อนจำได้ไหมครับ”
“Sing a song with a friend ร้องเพลงกับเพื่อนใช่ไหมครับ รักจำได้” น้องรักที่กระตือรือร้นกับเกมส์นี้มากเพราะตั้งใจจะแลกขนมไปให้น้องลินที่แม้จะยังกินไม่ได้แต่ก็ให้ไว้ก่อน ใส่ตู้เย็นไว้กินตอนน้องโตก็ได้ เพราะแม่บอกว่าขนมถ้ากินไม่หมดให้ใส่ตู้เย็นจะได้ไม่เสีย
“Correct, and which friend will you pick?" เจ้าเกล้าบอกให้น้องเลือกเพื่อนที่จะร้องเพลง เขามักจะใช้ภาษาอังกฤษบ้างไทยบ้าง แต่ก็จะย้ำเสมอให้เด็กๆ พูดทีละภาษา ไม่ใช่คำไทยอังกฤษคำผสมกันมั่วไปหมด
“I pick… Palm!”
“โห่ เราอีกละ” น้องปาล์มที่เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน และเป็นเด็กผู้ชายเหมือนกันทำให้สนิทกับน้องรักไวกว่าเพื่อน และก็ทำให้โดนเลือกบ่อยๆ ด้วยเช่นกัน
“Ok then, what song will you sing? Pick one.”
“I will sing Elephant เพลงช้างครับ”
“ฮ่าๆๆ รอบที่แล้วเพลงชาติ รอบนี้เพลงช้างหรอครับ Ok, go ahead!” เจ้าเกล้าที่นั่งขดตัวอยู่ข้างๆ น้องรักช่วยปรบมือให้เด็กๆ ช่วยกันร้อง ส่วนน้องปาล์มที่เหมือนไม่อยากร้อง กลับเต้นไปด้วยอย่างสนุกสนาน
เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กๆ ทำให้คนที่นั่งมุ่นคิ้วพิมพ์งานอยู่ในสวนต้องหยุดพิมพ์แล้วหันไปมองทางชานเรือนที่เด็กๆ กำลังเล่นเกมส์กันอยู่ เสียงร้องเพลงของน้องรักเขาจำได้ แต่พอหันไปกลับเจอคนตัวขาวที่นั่งคุกเข่าทำตัวลีบๆ กลืนไปกับฝูงเด็กๆ พร้อมปรบมือให้จังหวะ และยิ้มสดใสขำขันไปกับเด็กๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความใสซื่อของเด็กๆ หรือเปล่าที่ทำให้รอยยิ้มของคุณครูดูใสซื่อไม่ต่างกันเลย
เหินฟ้ามองอยู่อย่างนั้นโดยไม่รู้ตัวว่าเจ้าของบ้านตัวจริงที่กำลังถือขนมกับน้ำกระเจี๊ยบมาให้ต้องหยุดมองคนที่แอบจ้องหลานของหล่อนไม่วางตา หืม ผู้ปกครองเด็กคนนี้ เห็นเจ้าเกล้าบอกว่าเป็นลูกชายแม่มุก หน่วยก้านใช้ได้ ดูมีการศึกษา ต้องลองชวนคุยสักหน่อย
คุณตรึงจิตเป็นอีกคนหนึ่งนอกจากคุณอัฏฐ์พ่อของเจ้าเกล้าที่คอยคัดกรองหนุ่มๆ รอบตัวของหลานชายหน้าสวย ถึงแม้เจ้าเกล้าจะไม่สนใจใคร แต่คนสนใจเจ้าเกล้ากลับตรงข้าม ว่างๆ คุณยายก็จะชวนกลุ่มของเจ้าเกล้ามาบ้าน แล้วก็แอบถามเพื่อนๆ เกี่ยวกับดีกรีความฮ็อตของหลานชาย จนสุดท้ายต้องฝากฝังดินกับพุฒิว่าให้คอยดูแลให้ด้วย
“ทานขนมก่อนค่ะคุณ” คุณนายตรึงจิตวางขนมไข่ที่เจ้าเกล้าอบไว้เมื่อคืน กับน้ำกระเจี๊ยบสดต้มเอง และใส่น้ำตาลน้อย ไม่หวานไป ไม่จืดไป
“เอ่อะ ขอบคุณครับ” เหินฟ้าที่เพิ่งรู้ตัว รีบหันกลับมารับขนม แม่บ้านที่นี่เสียงดุดีจริงๆ ว่าแต่เมื่อกี้เขาเหม่อไปนานขนาดไหนนะ น่าอายชะมัด
“มองเด็กๆ หรือคะ” คุณนายตรึงจิตเริ่มกระบวนการซักฟอก
“อ้อ ครับ เห็นเด็กๆ สนุกกันมองแล้วเพลินดี” เหินฟ้าจิบน้ำกระเจี๊ยบเล็กน้อยกลบเกลื่อนความปลิ้นปล้อนเพราะเมื่อกี้ สิ่งที่มองจริงๆ ไม่ใช่เด็กเลยแม้แต่คนเดียว
“เด็กๆ ที่มาที่นี่ชอบคุณครูมาก แกพยายามทำให้การเรียนกลายเป็นเรื่องที่ถูกซึมซับไปโดยธรรมชาติ ไม่อยากให้เด็กๆ เครียด ทุกๆ วันที่มีการสอน บ้านก็จะครึกครื้นแบบนี้แหละ” คุณนายตรึงจิตแหย่ด้วยคำชมหลานชายเพื่อดูปฏิกิริยาคนหนุ่มตรงหน้า
“ครับ เอ่อ คุณครูเขาสอนมานานหรือยังครับ” นั่นปะไร คุณนายตรึงจิตแอบตีเข่าไปป้าปหนึ่งในใจ ถ้าเขาแหย่เรื่องหลาน แล้วอีกฝ่ายถามต่อแบบนี้ ต้องสนใจแน่ๆ ที่สำคัญผู้ชายคนนี้ดูไม่ธรรมดา รอบนี้คงต้องปรึกษากับตาลูกเลยเสียหน่อยแล้ว
“สอนมาตั้งแต่เข้าเรียนมหาลัยแล้ว เคยจะเลิกเพราะงานหนัก แต่เด็กๆ ติดคุณครูแกมาก ผู้ปกครองเองก็ชอบ” คุณตรึงจิตเน้นคำว่าชอบพร้อมส่งสายตาเป็นนัยบางอย่างที่เหินฟ้าเองก็อ่านไม่ออก ได้แต่แอบบ่นในใจว่าแม่บ้านคนนี้แปลกมาก นอกจากจะพูดจาไม่นอบน้อม แถมดูแข็งๆ แล้ว ยังดูเหมือนพยายามจับผิดอะไรเขาอยู่
“อ่อครับ” เหินฟ้าตัดบทด้วยการจิบกระเจี๊ยบไปอีกรอบหนึ่ง ส่วนคุณนายตรึงจิตนั้นก็ได้แต่เขม่นอยู่ในใจว่าอย่าได้ทำเป็นตัดบทไปเสียเฉยๆ หน่อยเลย หล่อนรู้ดีกว่าใคร เอาเถอะ ปล่อยเหยื่อให้ตายใจไปก่อน
“อ้าว คุณยายลงมาเดินเล่นหรือครับ”
...คุณยาย? เหินฟ้าคิดในใจ
“เอาขนมมาให้คุณเขา แล้วยังไง พักแล้วหรือ”
“พักแล้วครับ น้องรักแลกขนมมาได้เยอะ เลยเอามาแบ่งพี่เขา” เจ้าเกล้ามองลานรักที่หอบขนมมาเต็มจาน มีทั้งไข่หงส์ ขนมวง ไข่นกกระทา ขนมไข่ อาลัว ขนมผิง
“อ้อ เป็นไงตัวเล็ก เรียนสนุกไหมลูก” คุณยายหันไปถามเด็กตัวน้อย
“สนุกมากเลยครับ พี่เหิน รักได้ขนมมาเต็มเลยครับ”
“โอ้ ขอบคุณครับน้องรักมากินด้วยกันครับ พี่กินคนเดียวไม่หมดหรอก” เหินฟ้ารีบเข้าไปช่วยถือจานของน้องรักเพราะกลัวจะหกไปเสียก่อน
“คุณเหินครับ นี่คุณยายของผมครับ คุณยายตรึงจิต” เจ้าเกล้าแนะนำคุณยายให้กับเจ้านายในอนาคตตามมารยาทอันควร
…แม่บ้าน...บ้านแกสิไอ้เหิน!
“คุณยาย ผมขอโทษนะครับที่เสียมารยาท พอดีผมไม่ร...”
“ไม่ต้องถือสา ฉันไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่” เหินฟ้าฟังแล้วต้องหันหน้าไปมองเจ้าเกล้า ที่กำลังยิ้มหวานประมาณว่า คุณยายของเขาเองอะไรแบบนั้น แต่เขากลับรู้สึกเหมือนโดนแซะยังไงไม่รู้
“พักแล้ววันนี้จะทำขนมหรือเปล่า”
“ครับ วันนี้จะให้เด็กๆ ช่วยกันปั้นบัวลอย”
“ไม่เบื่อกันหรือไง เอะอะทำบัวลอย”
“ฮะๆๆ มันง่ายนี่ครับ เด็กๆ ก็ชอบปั้นด้วย”
“อืม เอาเถอะ เธอเองจะมาปั้นกับเด็กๆ ด้วยก็ได้นะ” คุณตรึงจิตปรายตามาแค่นั้น แล้วก็เดินเชิดขึ้นเรือนไปแบบไม่รอใคร
“เมื่อกี้ฉันไม่รู้ว่าเป็นคุณยายเลยเสียมารยาทไม่ได้ทักทายแกไป” เหินฟ้ารีบหันมาบอกคนตัวเล็กกว่า
“คุณยายไม่ถือหรอกครับ แกอาจจะดูเคร่งๆ ไปบ้าง แต่นั่นเพราะแกเป็นครูมาก่อน ถ้าแกจะติ แกจะติโดยไม่ต้องพูดอ้อมค้อมเลยล่ะครับ” เจ้าเกล้ายิ้มหวานเหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่เหินกลับคิดว่าอะไรกัน ถ้าไม่อ้อมค้อมนี่มันจะขนาดไหนกัน
“น้องรัก ขึ้นไปทำบัวลอยกันดีกว่าครับ ถือขนมไปกินบนเรือนก็ได้” เจ้าเกล้าหันไปเรียกเด็กน้อยเพื่อขึ้นไปทำขนมบนเรือนที่ตอนนี้มีมนต์กำลังคอยช่วยดูเด็กๆ อยู่ “คุณก็ไปด้วยกันนะครับ ทำเสร็จคงเที่ยงพอดี” เพราะวันนี้พักตอน 11 โมงพอดีเพราะเล่นเกมส์กันเพลินไปหน่อย เจ้าเกล้าเลยยกประโยชน์ให้จำเลยโดยการจะให้เด็กๆ เล่มเกมส์ภาษาอังกฤษจากการปั้นบัวลอยแทน
“อืม ไปครับน้องรัก” เพราะน้องรักที่เอื้อมไปจับมือเจ้าเกล้าก่อนหน้านี้แล้ว ทำให้พอเหินฟ้าเอื้อมมือมาให้จับ หวังให้น้องรักเปลี่ยนมาจับมือเขา แต่น้องรักกลับรวบมือไปจับ ตอนนี้เลยกลายเป็นว่ามือหนึ่งจับเขา มือหนึ่งจับคุณครูหน้าสวย ที่ไม่ได้รู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนอะไรกับเหตุการณ์นี้เอาเสียเลย
“ไปครับ” นอกจากนั้น ยังเดินจูงมือเด็กน้อย ที่พ่วงเขาไปด้วยเขาเองก็เงอะๆ งะๆ รีบหยิบจานขนมแล้วเดินตาม
ภาพชายสองคนที่มีเด็กน้อยจูงมือคั่นกลางที่ระหว่างนั้นคนตัวเล็กกว่าก็ชวนเด็กน้อยตรงกลางคุยนู้นนี่ ส่วนคนตัวใหญ่ก็เอาแต่มองคนตัวขาวอีกทีทำให้คุณตรึงจิตที่มองมาจากบนเรือนต้องแอบทุบบนราวระเบียงไปหนึ่งที เจ้าเกล้าคงไม่ได้คิดอะไรเพราะรายนั้นชอบตามใจเด็กๆ แต่ไอ้หนุ่มหน้าตายนั่นที่คอยมองหลานของเขานี่มันไม่ปกติแน่ๆ คุณตรึงจิตคิดได้ดังนั้นก็หลบอยู่หลังเสาเงียบๆ คอยเก็บข้อมูลให้ได้มากที่สุด เพื่อวางแผนขั้นต่อไป...
❤❤❤❤
หนูเกล้าเนี่ย ใครอยู่ใกล้ก็ชอบค่ะ
ขนาดเรนเนอร์ ที่เป็นคนไม่สนใจโลก
ยังต้องยอมให้กับรังสีความอบอุ่นของแม่เกล้าเลยค่ะ
JYUBE.
#ใจก้าว