ระหว่างพักเที่ยงครับ นังนีวิ่งมาจากไหนไม่รู้
“นี่แกๆๆๆๆๆๆๆๆ”
“มีไรวะ” แม่งกรูก็อยู่แค่เนี้ย
“หมวดวิชาสังคม เขาจะจัดไปภูกระดึงวะ คนละ 600 เอง” อ้าวๆๆเดียวก็ได้ตายห่ากันพอดี ค่อย ๆพูดก็ได้
“เออ ดีวะ อยากไป ไม่เคยไปเลย” ผมสนใจครับ เพราะอยากไปสัมผัสกับอากาศหนาว ๆ กับเขาบ้าง เพราะช่วงนั้นก็เข้าสู่เดือนพฤศจิกายนแล้ว อากาศกำลังเย็นได้ที่เลยแหละครับ
“แล้วมีใครไปบ้างวะ” ผมถามมันต่อครับ
“ไม่รู้วะ ฉันมาบอกแกคนแรก เดียวจะไปบอกคนอื่นต่อ” เออ เมิงไปบอกคนอื่นก่อนแล้วค่อยมาดูว่ามีใครไปบ้าง
ภูกระดึงหรอ ถ้าได้ไปกับแฟนคงจะดีไม่น้อยเนอะ อากาศหนาว ๆ ถ้ามีใครให้กอดคงอุ่นพิลึก พอคิดได้อย่างงี้ อยู่ ๆ หน้าไอ้กั๊กก็ลอยเข้ามาพอดีเลยครับ
“บ้าแล้วเรา” อิอิ เขินสิครับ
สรุปว่า กลุ่มผมไปกันครบองค์ประชุมครับ ยกเว้นนังเชต มันบอกว่าไม่มีตังค์ครับ เงินมันหาย 555 ส่วนกลุ่มไอ้กั๊ก ก็ไปกันครบครับ ยกเว้นพวกผู้หญิงที่ไม่มีใครไปเลย ดี กรูชอบ ขอแค่ไอ้กั๊กไปคนเดียวก็พอแล้ว เนอะ
+
+
+
+
+
และเมื่อวันออกเดินทางก็มาถึงครับ เราออกเดินทางกันเย็นวันศุกร์ และจะกลับวันอาทิตย์ โดยจะนั่งรถโดยสารไป ซึ่งเป็นรถแบบไม่มีแอร์นะครับ คงจะสนุกพิลึก
ไอ้กั๊กวันนี้แต่งตัวหล่อเป็นพิเศษครับ กางกางยีนส์สีเข้ม ๆ ของมัน เสื้อสีเขียวอ่อนแขนยาว สะพายกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่ของมัน แต่เล็กกว่าของผม รองเท้ากีฬาแบบทะมัดทะแมง และที่หัวของมัน ใช่แล้วครับ ที่หัวของมันมีหมวกสีเขียวสวมไว้อยู่ ผมยิ้มแก้มแทบปริเลยครับ ก็เพราะว่ามันเป็นใบเดียวกันกับที่ผมซื้อให้มัน ผมนึกว่ามันจะทิ้งไปแล้วซะอีก
พอทุกคนมากันครบกันแล้ว นับจำนวนดูก็ไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ครับ ประมาณ 60 คนได้ โดยนำรถไป 2 ครับ กลุ่มผมกับกลุ่มไอ้กั๊กก็ได้นั่งคันเดียวกัน โดยผมจับคู่นั่งกับไอ้ทิด ส่วนไอ้กั๊กนั่งกับไอ้อาร์ท ระหว่างอยู่บนรถผมก็แอบเหล่ไอ้กั๊กมันครับ วันนี้มีดูหล่อมากกกก มันคงรู้ตัวก็เลยหันมายักคิ้วให้ 1 ที พร้อมกับรอยยิ้มหวานๆๆๆ สาดดด
สักพักหนึ่ง ผมก็เห็นมันลุกจากที่นั่งของมันครับ โดยที่เพื่อน ๆ คนอื่น ๆ ก็ร้องเพลงกันสนั่นลั่นรถไปหมด อยู่ด้านหลังรถ ไอ้ห่า นึกว่าขบวนผ้าป่า ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร คิดว่ามันคงเดินมาหาเพื่อนมันด้านหลังรถปกติ ซึ่งพวกผมจะนั่งหลังรถครับ ตอนนี้ไอ้ทิดก็ลุกไปยืนดิ้นเป็นปลาดุกถูกทุบหัวอยู่หลังรถแล้ว ก็เลยมีที่ว่างข้าง ๆ ผม ไอ้กั๊กครับก็เดินมานั่งเบาะข้าง ๆ ผม แต่มันก็ไม่ได้สนใจผมนะครับ แต่หันไปพูดและหัวเราะกับพวกวงดนตรีสมัครเล่นหลังรถ ช่วงจังหวัดนี้ผมแอบมองแผ่นหลังของมัน อยากจะกอดให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ได้แต่คิดหละครับ ผมคงมองเพลินไปหน่อยครับ เลยไม่รู้ว่ามันหันมาตั้งแต่เมื่อไหร่
“แบงก์ง่วงหรอ” มันทักผมครับ หลังจากเห็นตาผมเยิ้ม ๆ มั้ง
“............” ผมสายหัวปฏิเสธมันครับ 2 ทุ่มเองเนี่ยนะ จะให้กรูรีบนอนไปไหน
“หรือว่าหิว” อืม หิวเมิงนั่นแหละ
“................” สายหัวเหมือนเดิมครับ
สักพักหนึ่ง มันก็กระชากคอผมไปและโน้มไปกัดตรงคอครับ ผมก็ดิ้นพอเป็นพิธี แต่ก็ปล่อยให้มันกัดไปอะครับ ห้ามมันไม่เคยได้ พอมันพอใจแล้ว มันก็ยันตัวออกแล้วมันก็เงียบครับ น้ำลายเมิงเต็มคอกรูแล้ว
+
+
+
+
+
“.................................ขอบใจนะ” อยู่ๆ มันก็พูดขึ้นมาครับ
“เรื่องไร” ผมก็งงสิครับ จู่ ๆมันก็ขอบใจ
มันไม่ตอบครับ แต่ก็หยิบหมวกที่มันใส่ เอามาใส่ให้ผม
“เอ้าไอ้นี้ เอ๋อหรอ ก็หมวกไง” อ๊ะ เมิงรู้
“ไม่ต้องไก๋ เราเห็นแบงก์เอามาวางไว้” ตกใจสิครับ มันเห็นได้ไง
“กั๊กเห็นได้ไง”
“วันนั้นเรามาโรงเรียนก่อนแบงก์อีก แต่พอดีไปเข้าห้องน้ำมาวะ กลับมาก็เห็นพอดี” เขินสิครับ มันเห็นด้วย
“ไม่เป็นไร “ ผมตอบมัน แล้วก็หัวเราะกลบเกลื่อนความอาย ก็คนมันเขินนิครับ
พอดีผมนึกได้ขึ้นมาเรื่องหนึ่ง คือเรื่องคำตอบในกระดาษนั่นแหละครับ กะว่าจะด่ามันซักหน่อย
“เออ กั๊ก ไอ้คำตอบในกระดาษเมิงอะ ทำไมเมิงต้องเขียนให้เข้าใจยากด้วยวะ” ผมว่ามันครับ
“อ้าว ก็เห็นว่าแบงก์ฉลาด” และถ้าเกิดกรูโง่อะ กรูไม่ต้องเครียดตายห่าเลยหรอ
“ไม่มีอะไรจริง ๆ “ มันบอกผมครับ เออ กรูเชื่อแหละ
เพื่อน ๆ รู้ความหมายในกระดาษของมันไหมครับ เพื่อน ๆ ยังจำได้ไหมที่ผมถามมันว่า มันเป็นแฟนขิมหรอ
คำตอบก็อยู่ในกระดาษนั้นแล้วอะครับ
กระดาษที่มันเอามาให้ผม เป็นกระดาษเปล่า ไม่มีอะไร ไอ้นี่แหละครับคือคำตอบของมัน........ไม่มีอะไรในกระดาษ ก็แสดงว่ามันไม่มีอะไรกับขิม สาดดดดดดดดดดดด กว่าผมจะเข้าใจทำเอาเครียด
ระหว่างนั่งรถก็ควักซาวอะเบ้าท์มาเสียบหูฟังเพลงไปเรื่อย ๆครับ(ตอนนั้นยังไม่มีไอพอดหรือเอ็มพี 3 หรอกนะครับ5) โดยอีกข้างหนึ่งก็ให้มันฟังไปด้วย เราสองคนฟังเพลงไปเรื่อย ๆ จนมันหลับไปครับ ผมก็เลยแอบนั่งมองหน้ามันท่ามกลางแสงไฟสลัว ๆ ของไฟในรถ พร้อมบรรยากาศข้างนอกที่มืดสนิท ตอนนั้นผมไม่รู้แล้วครับว่าถึงไหน แต่ผมไม่อยากให้เวลานี้มันหมดไปเลยครับ คิ้วเข้ม ๆ ของมัน ขนตายาว ๆ แก้มใส ๆ ปากหนาได้รูป ผมยาว ๆ ของมัน โอ้ย จะละลายครับ
ตอนนี้คนอื่น ๆ หลับหมดแล้ว ไอ้ทิดไปกองอยู่หลังรถแล้วครับ รวมถึงไอ้พวกหลังรถด้วย รู้สึกว่าเหลือแต่ผมคนเดียวที่ยังไม่หลับ อยากจะเอามือไปจับมือมัน ผมชอบครับมือสาก ๆ ของมัน แต่ไม่กล้า ก็เลยได้แต่เอามือไปเฉียด ๆ มือมัน แล้วอาศัยจังหวัดที่รถเบรก หรือเลี้ยวนั่นแหละครับ ถึงจะได้โดนมือมันที เพลงที่ฟังก็ช่างเป็นใจเหลือเกิน แต่ผมจำไม่ได้หรอกนะครับว่าเป็นเพลงอะไร รู้แต่ว่าเหมือนมันจะเป็นเพลงระหว่างเราสองคนอะครับ
แต่ถ้าเป็นสมัยนี้ คงคล้าย ๆ เพลงนี้แหละครับ...........
ได้ชิดเพียงลมหายใจ แค่ได้ใช้เวลาร่วมกัน
แค่เพื่อนเท่านั้น แต่มันเกินห้ามใจ
ที่ค้างในความรู้สึก ลึกๆเธอคิดยังไง
รักเธอเท่าไร แต่ไม่เคยพูดกัน
* อะไรที่อยู่ในใจก็เก็บเอาไว้
มันมีความสุขแค่นี้ก็ดีมากมาย
** เธอจะมีใจหรือเปล่า เธอเคยมองมาที่ฉันหรือเปล่า
ที่เราเป็นอยู่นั้นคืออะไร
เธอจะมีใจหรือเปล่า มันคือความจริงที่ฉันอยากรู้ติดอยู่ในใจ
แต่ไม่อยากถาม กลัวว่าเธอเปลี่ยนไป (กลัวรับมันไม่ไหว)
ไม่ถามยังดีซะกว่า เพราะฉันรู้ถ้าเราถามกัน
กลัวคำคำนั้น อาจทำร้ายหัวใจ
เธอจะมีใจหรือเปล่า มันคือความจริงที่ฉันอยากรู้ติดอยู่ในใจ
แต่ไม่อยากถาม กลัวรับมันไม่ไหว
+
+
+
+
+
ผมก็นั่งมองมันไปเรื่อย ๆจนหลับนั่นแหละครับ เฮ้ย มีความสุขจริง ๆ และแล้วเราก็ไปถึงเชิงภู ตอนเช้ามืด ทำภารกิจส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็รอทางภูเปิดให้เดินขึ้นไป โดยเราตกลงกันว่าจะสะพายกระเป๋ากันขึ้นไปเอง ของใครของมันครับ เพราะต้องประหยัดเงิน
ผมไม่รู้ว่าผมคิดผิดหรือเปล่าที่ตัดสินใจมาภูกระดึง เพราะการเดินขึ้นภูกระดึงมันเหนื่อยมากกกกกก กว่าจะผ่านซำแฮก ซึ่งเป็นซำแรก ก็ทำเอาผมแฮกจริง ๆๆ และยิ่งสูงขึ้น ทางก็ยิ่งชันขึ้นเรื่อย ๆ ดีนะได้กำลังใจดีจากไอ้กั๊ก แม่งไอ้พวกเพื่อน ๆ ก็หายหัวกันไปหมด ตอนแรกก็เดินด้วยกันอยู่ดี ๆ ตอนท้ายกับทิ้งกันซะงั้น ไอ้เอกแม่งก็ดูแลแต่แฟน ไม่สนใจกรูเลย ไอ้นีก็ต้องลากไอ้เหมียวขึ้นไป ไอ้ทิดแม่งก็เดินตัวปลิว สาดดดดดด เหนื่อยมากกกกก เหนื่อยแทบขาดใจ
กว่าจะเดินทางถึงที่พักก็ปาเข้าไปเที่ยงวัน แทบไม่อยากไปไหน เมื่อยฉิบผาย พอพักเหนื่อยได้สักพัก อาจารย์ก็เรียกให้ไปเอากุญแจห้องพัก ซึ่งตอนแรกกะว่าจะนอนเต้น แต่อาจารย์กลัวหนาวตาย ก็เลยให้นอนห้องพัก ซึ่งลักษณะของห้องพักจะเป็นกระโจมไม้ คือเข้าไปก็ตอนได้เลย มันเหมือนเต้นท์เล็ก ๆ แต่มันเป็นไม้ และตอนนั้นลมก็แรงมาก ๆ ก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องไปตากลมนอนเต้นท์ เพราะคงไม่ไหวแน่ๆๆ อาจารย์บอกให้พัก ห้องละ 2 คนครับ
แต่พวกผู้หญิงสงสัยกลัวหนาว ก็เลยขออัด 3 ประกอบไปด้วย โอ๋ แฟนไอ้เอก ไอ้นี และนังเหมี่ยวครับ ส่วนไอ้เอกมันจะนอนกับไอ้ทิด โดยไอ้ทิดอุตส่าห์บากหน้าไปขอให้ไอ้กั๊กมานอนหลังเดียวกับผม โดยให้เหตุผลว่า ผมสองคนสนิทกันดี ไอ้กั๊กก็ดีใจหาย ไม่ปฏิเสธครับ วันนั้นเราก็เดินถ่ายรูปอยู่แถว ๆบริเวณที่พักครับ และที่นี่แหละครับ ชะง่อนริมผา ใต้ต้นสน 3 ใบ พร้อมกวาง 1 ตัว และรูปผมกับไอ้กั๊ก 2 คนครับ เป็นรูปแรกที่ผมได้ถ่ายคู่กับมันหลังจากที่ยันพวกนังนี นังเหมียว และไอ้โอ๋ ออกไปจากไอ้กั๊กหมดแล้ว แต่ภาพนั้นก็ยังไม่วายที่จะมีขานังนียื่นเข้ามา มันน่าตบนัก และผมก็ยังเก็บไว้อยู่เลยครับ
หลังจากกินข้าวกินปลาราคาแสนแพง อิ่มเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาอาบน้ำครับ ต้องรีบอาบก่อนจะค่ำ ไม่งั้นคงอาบไม่ไหว ตอนแรกไอ้กั๊กจะไม่ยอมอาบครับ ผมก็เลยด่ามัน แหมก็ปีนเขามาทั้งวันจะมานอนเน่าได้ไง (อิอิ เผื่อคืนนี้จะได้นอนกอด 5555555555555)
ในที่สุดมันก็ไปอาบจนได้อะครับ พออาบเสร็จ เราก็มานั่งล้อมวงคุยกัน พอถึง 3 ทุ่มทางอุทยานภูกระดึงก็เริ่มปิดไฟ พวกเราก็มานั่งล้อมวงกันเล่นกีต้าร์ แม่งไอ้เอกแบกกีต้าร์มาได้ไงวะ ขนาดตัวเปล่าตรูยังเอาตัวไม่รอดเลย
เพลงหลายเพลงถูกบรรเลงขึ้นจากปากของพวกเรา ฟังได้มั่งไม่ได้มั่ง ไม่มีใครสนใจ ตอนนี้ทุกคนเริ่มเมากันนิด ๆ แล้วด้วยฤทธ์ของเบียร์ที่แอบซื้อกันมากิน โดยมีไอ้เอกเป็นหัวหอก ส่วนผมไม่ได้กินครับ เพราะกินไม่เป็น ตอนนี้ ก็ปาเข้าไป 5 ทุ่มแล้ว ลมเริ่มพัดแรงขึ้นเรื่อย ๆและทุก ๆคนหนาวกันมาก ไฟที่ก่อไว้ก็เริ่มดับแล้ว ก็เลยตัดสินใจกันแยกย้ายกันเข้านอน ห้องใครห้องมัน ซึ่งหน้าที่ลากเพื่อน ๆ เข้าห้องก็ตกเป็นของผมผู้ที่ไม่เมาครับ ไอ้เอกไอ้นี่กินเยอะสุด แต่คอมันแข็งครับ ดูมันไม่เมาเท่าไหร่ มันก็เลยลากไอ้ทิดเข้าห้อง ส่วนนังสามสาวนั้น เป็นหน้าที่ผมครับแบกเข้าห้องและห่มผ้าให้เรียบร้อย เดี๋ยวมันจะหนาวตาย ส่วนไอ้กั๊ก นอนกอดกีต้าร์ อยู่หน้าห้องนะครับ เข้าไม่ได้ เพราะกุญแจอยู่ที่ผม พอเปิดประตูได้ผมก็จับมันโยนเข้าไปครับ เพราะกระโจมไม้เล็กมาก ๆ ต้องคลานเข้าประตูไป อย่างทุลักทุเล ตัวมันก็หนักใช่ย่อย ผมว่ามันรู้สึกตัวนะครับ เพราะว่า ขาแขนของมันก็ขยับตาม ทำให้ผมลากมันเข้าไปได้ง่าย แล้วผมก็ตามเข้าไปแล้วก็ล็อคประตู .............เสร็จโก๋
++++++++++++++++
แล้วจะมาต่อนะครับ ตอนหน้า ติดเรทคร้าบบบบบบบบ