Imprison 29: เสียงโซ่ตรวน
ภาพของผู้ชายสองคนที่กอดจูบแสดงความรักกันต่อหน้าต่อตา ทำให้คนมองถึงกับนิ่งอึ้งไปด้วยความตกตะลึง..หัวใจของเขาปวดร้าวเมื่อเห็นความรักที่คนสองคนแสดงออกต่อกัน..มองเห็นคนๆนั้น..กอดเจ้าเด็กตัวเล็กนั่นอย่างรักใคร่นักหนา..แล้วส่งสายตาแข็งกร้าวมาให้..ก่อนจะรูดปิดม่านไป...
...ภาพที่เห็นนั่นทำให้เขานิ่งอึ้ง เจ็บจี๊ด...และ.....
“ แหยะ..แม่ง ทุเรศลูกกะตา..”บ่นแล้วหันกลับมามองพรรคพวกที่อยู่ด้านหลัง วิทย์มองเจ้าคนที่ส่งเสียงกระซิกๆอย่างกับจะตายนั่นอย่างรำคาญตา
“ ไอ้พงศ์ ร้องกระซิกๆอย่างกับพ่อตาย..อะไรนักหนาว่ะ !? “หันไปบ่นใส่ลูกน้องร่างยักษ์คนหนึ่งที่ยืนกุมท้องหน้าเหมือนขี้ไม่ออกมาสามวัน แถมยังน้ำตาคลอส่งเสียงกระอืดๆในลำคอเหมือนร้องไห้
“..พ่อตายไปแล้วเว้ย..แต่มันเจ็บจนเจี้ยวจะขาดอยู่แล้ววววววว ..” ว่าพลางกุมเป้าตัวเองไว้แน่น หน้าเขียวๆสลับเหลืองอย่างน่าทุเรศในสายตาคนมอง วิทย์ส่ายหัวระอาแต่พอหันกลับไปมอง..ประตูห้องที่แง้มอยู่ไม่มาก..ก็ชะงักอีกครั้ง..
..ภาพที่เห็น..ก่อนที่ผ้าม่านจะรูดปิด..ทำให้เขาถึงกับนิ่งงันไปด้วยความตกใจ..
แต่ไอ้สายตาที่ไม่เคยเห็นสักครั้ง..จากไอ้คนน่าโมโหนั่น...
...มันทำให้โคตรเคืองเลยว้อยยยยย
..มีสิทธิ์อะไรมาถลึงตาใส่กูว่ะ ไอ้หมอเก๊ ไอ้โรคจิตเอ้ย !!!.คิดว่ากุอยากดูพวกมึงจ้ำจี้กันนักรึไง..ไอ้สัด !!
ว่าแล้วก็อยากจะเดินไปเตะประตูซักโครมให้พวกมันหงายเงิบกันไปทั้งคู่..แต่คิดไปคิดมา ...ลองอับอายต่อหน้าคนหมู่มากน่าจะดีกว่าน่ะพวกมึง หึหึ..
ว่าแล้วเจ้าตัวก็เดินดุ่มไปยังผู้คุมที่อยู่หน้าอาคารพยาบาล พลางลากเจ้าลูกน้องที่กุมเป้าจนหน้าเขียวไปด้วยแม้มันจะโอดครวญแค่ไหนก็ตาม..
“..นาย...เรียกคนมาดูไอ้นี่ให้น่อยสิ.มันปวดท้องมากเลย..” ว่าแล้วก็ลากตัวไอ้พงศ์ที่กุมเป้าหน้าสลับสีอยู่มาโชว์ตัว..
“..มันเป็นอะไร?..” ผู้คุมมองคนเจ็บด้วยสีหน้าประหลาด
“...มันปวดท้องน่ะนาย บอกว่าอยากฉี่แทบตาย แต่ฉี่ไม่ออก..”ว่าแล้วก็ตบมือที่กุมหว่างขามันซะผั่วใหญ่ ให้ไอ้พงศ์มันร้องโอ้ก ครางอืดๆจะร้องไห้ออกมาอีกรอบ..
“..สงสัยเป็นนิ่วมั้ง..เฮ้ย..แต่มาตายห่าตรงนี้ไม่ได้น่ะมึง ไปให้ไอ้กันย์ดูให้สิ..” ว่าแล้วก็ชี้ไปทางห้องเดิม แต่วิทย์ก็ถอนใจ สีหน้าลำบากลำบน..
“..มันทำอะไรอยู่ไม่รู้น่ะนาย ปิดม่าน เรียกก็ไม่หือไม่อือ...”
“..เหรอ?..ทำอะไรอยู่ว่ะ กุเพิ่งเห็นมันมาลงชื่อทำงานเมื่อกี้เองนี่..ตามมา เดี๋ยวไปบอกให้มันดูให้..” ว่าแล้วก็เดินนำดุ่มๆ..ส่วนวิทย์ก็ลากเจ้าลูกน้องที่ยังร้องไห้ปนครางอยู่ให้ตามหลังมา และถึงขนาดมันเจ็บปานนั้น...ก็ยังไม่วายถาม..
“..ไปถามผู้คุมทำไมละพี่..เรียกเอาก็ได้นี่หว่า..” ไม่ต้องถามถึงการเคะประตูด้วยซ้ำ เพราะมารยาทน่ะ..มันไม่เคยมีอยู่แล้ว..
“..เอาน่า..เดี๋ยวมึงก็รู้..” ลูกพี่ที่แสนดียิ้มระรื่นพลางตบเป้าคนถามแรงๆอีกทีเป็นรางวัล จนต้องร้องออกมาอีกรอบใหญ่..แต่ปากก็ยังทำท่าเป็นห่วงเป็นไยนักหนา
“..นาย..ไอ้นี่ท่าจะไม่ไหวแล้ว...มันจะลงไปคลานอยู่แล้ว.. !! “
“..เออๆ..” ผู้คุมรับปากพลางหันไปตบประตูผลั่วใหญ่ ปากก็ร้องเรียกไปด้วย แต่เมื่อประตูมันเปิดแง้มอยู่แล้ว จึงสามารถมองเห็นข้างในได้อย่างง่ายดาย..
“..ประตูก็เปิดนี่หว่า ไอ้กันย์ ทำอะ..........”
“................................................” ม่านสีฟ้าถูดรูดเปิดอย่างแรงด้วยฝีมือผู้คุม..และภาพที่ทุกคนเห็น..ก็ทำให้ความเงียบเกิดขึ้นโดยทันที...
“...!!!!!!...” วิทย์ทำหน้าตกใจหลักจากลากลูกน้องผู้เจ็บปวดมาได้..แต่ในใจน่ะเหรอ...
หึ หึ หึ..คิดจะเล่นกับใครไม่เล่น...
.......Oh bad Guy!! รักร้ายๆของผู้ชายในคุก.......
“..จะไปไหน...”
“..เรือนจำพิเศษครับ...”
“..มีใบอนุญาตมั้ย...?..”
“........... “ผู้คุมนายหนึ่งซึ่งประจำอยู่ตรงประตูเหล็กที่กั้นระหว่างแดนต่างๆรับใบขออนุญาตจากร่างสูงแล้วก้มอ่านเงียบๆ..ก่อนจะหัวเราะเบาๆในลำคอ
“..อ้อ...ของป๋านี่เอง..” ว่าแล้วก็ตวัดลงลายมือพร้อมกับยื่นกระดาษใส่มือคนรอตามเดิม ก่อนจะเปิดประตูเหล็กออกกว้าง....
ก้าวเท้าออกจากแดนที่ตัวเองอยู่แล้วเดินไปตามทางเดินที่ปูด้วยปูนซีเมนต์ ในมือมีกระดาษขออนุญาต
ที่ถูกพับจนเป็นสี่เหลี่ยมเล็ก ชายหนุ่มเดินไปเงียบๆแต่สายตาที่มองตรงไปข้างหน้านั้นฉายแววระแวงระวังเมื่อพบเห็นนักโทษหลายรายจ้องมองมายังตน..
ผ่านไปจนถึงรั้วหนามแห่งหนึ่ง รั้วหนามที่ก้นเขตแดนกระทั่งในคุก เป็นการแสดงให้เห็นว่าคนที่อยู่ในที่แห่งนี้..ไม่เหมือนกับนักโทษอื่น..
ในสถานที่ซึ่งมีชื่อว่า “เรือนจำพิเศษ”
ที่สำหรับกักขังบุคคลสำคัญทางการเมือง เจ้าพ่อยาเสพติด และผู้ทรงอิทธิพลต่างๆที่ทำพลาด..ใช่..ต้องบอกว่าพลาดเพราะการทำผิดของบุคคลเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ การทำผิดแล้วพลาดถูกรับรู้ และเห็นได้ชัดถึงความผิดนั้นต่างหากเป็นเหตุให้ถูกตัดสินให้มาอยู่ที่นี่..
เอกสารขอผ่านแดนที่ได้รับการรับรองจากผู้คุมทำให้สามารถก้าวเข้าไปในแดนนี้ได้..และเพียงก้าวเข้าไป บรรยากาศก็แปรเปลี่ยนไปโดยทันที...
ในฐานะนักโทษคนหนึ่ง โตอาจจะเคยชินกับบรรยากาศดิบเถื่อนและแข็งกร้าวในเรือนจำ..ภาพของการโหวกเหวกโวยวายทะเบาะวิวาท และผิดใจกันเป็นเรื่องที่เขาพบเห็นเป็นปกติและมันก็เป็นบรรยากาศปกติในเรือนจำที่เขาอาศัยอยู่...แต่..มันไม่ใช่ที่นี่...
เพียงแค่ก้าวเท้าเข้าไปก็ต้องระวังตัวโดยทันควัน แม้ไม่มีท่าทีข่มขู่คุกคามปรากฏสักนิด แค่แววตามองเห็นแล้วผ่านไป แต่เพียงแค่นั้น..กลับทำให้เขาเกร็งมากกว่าเดิมเสียอีก..
ภาพของเรือนที่พักหรูหรา มีห้องออกกำลังกายในร่มและโรงอาหารสะอาดสะอ้านดูดีไม่ได้ติดตาเขามากกว่าภาพของห้องพักขนาดกลางที่มีเตียงและห้องน้ำในตัว บางห้องมีคนนั่งทำอะไรอยู่เงียบๆคนเดียวด้วยท่าทีเคร่งขรึม..บางห้องก็ว่างเปล่ามีเพียงเครื่องตกแต่งที่ดูดีเกินกว่าจะเป็นระดับเดียวกันกับเหล่านักโทษทั่วไปข้างนอกนั่น
แต่ภาพที่ทำให้เขาขนลุกยามมองเห็น กลับเป็นภาพของผู้คนที่ทำกิจกรรมต่างๆร่วมกันเดินไปไหนมาไหน ด้วยสภาพที่ขามีโซ่ตรวนขนาดใหญ่ล่ามไว้โดยถ้วนทั่วทุกราย...
...นี่คือเรือนจำที่ใช้ระบบ “ขังเดี่ยว”
สะดวกสบาย อาหารการกินพร้อม ไม่ต้องทำงาน ไม่ต้องลำบาก..
....แต่ต้องถูกล่ามโซ่ตรวนติดตัว และถูกจัดให้อยู่คนเดียวในห้องเงียบๆ..วันหนึ่งอาจจะได้ออกมาแต่สองชั่วโมง..
แกร๊ง....
เสียงโซ่ตรวนดังเบาๆ ยามที่มีผู้ชายคนหนึ่งเดินมาหา ทำให้เท้าที่ก้าวเดินต่อชะงักลง..
“..มานี่สิ...ป๋าแกรออยู่...” ชายคนนั้นนำทางไปยังใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง..ที่มีชายร่างผอมนั่งอยู่กับกระดานหมากรุกเพียงลำพัง..
“..อืม..มาแล้วเหรอ?... “ ดวงหน้าแม้จะบอกอายุที่เกินเลขสี่ แต่ดวงตายังสดใสฉายแววรอบรู้เฉลียวฉลาดหันมาสบมองแล้วพยักหน้าให้นั่ง โตยกมือไหว้เงียบๆและชายคนนั้นก็พยักหน้ารับเบาๆ..
“ เล่นหมากรุกไหม..?..” ว่าพลางจัดเรียงตัวหมากแต่โตส่ายหน้า...
“..เล่นไม่เป็นน่ะครับ..”
“..เดินสิ... “ ชายคนนั้นไม่สนใจคำปฏิเสธ โตจึงหยิบตัวเบี้ยขึ้นวางส่งๆเสียตัวหนึ่งอย่างไม่กล้าขัดใจ..
“..เป็นยังไงบ้างล่ะ...ช่วงนี้..” ถามเรื่อยๆพลางจ้องมองกระดานหมากรุก
“..ก็ดีครับ...ไม่มีอะไร..”
“..งั้นเหรอ?..แล้ว..ทำไม..ถึงมีเรื่องนี่ได้ล่ะ..” โตชะงักกับคำถามนั้น ชายหนุ่มจ้องมองไปยังผู้ที่อยู่ตรงข้าม แต่ชายที่เขาเรียกว่า”ป๋า”ก็ยังสนใจอยู่กับกระดานหมากรุกจนเขาต้องหยิบเบี้ยไปวางอีกตัว..
“..ก็แค่ข่าวลือ..” เขายักไหล่ไม่สน ก่อนจะตัดสินใจเริ่มประเด็นเพราะเกลียดความอึดอัดและบรรยากาศที่ต้องเป็นเบื้องล่างคนอื่นเป็นที่สุด “..แล้วที่ป๋าเรียกผมมา เพื่อมาถามเรื่องนี้หรือไง?..”
“..คนๆเดียว ก็ยังคุมไม่ได้...มันเสียความน่าเชื่อถือน่ะ..รู้มั้ย?..” ชายคนนั้นเอ่ย พลางขยับขาเปลี่ยนท่านั่งคลายความเมื่อยขบ จนมีเสียงโซ่กระทบกันดังขึ้นเบาๆ
“..แล้วใครบอกว่าผมคุมไม่ได้..? “ โตขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ “ ป๋าฟังพวกมันมากไปแล้วล่ะมั้ง มันไม่ได้อยู่ในกลุ่มผม จะรู้เรื่องอะไรอย่างมากก็แค่มองจากข้างนอก..”
“..ฉันจะเชื่อใครหรือฟังใครต้องถามความเห็นแกด้วยเหรอ..โต...” ดวงตาสีเข้มตวัดมองปราดหนึ่ง..แต่คำพุดนั้นทำให้คนฟังชะงัก... “..แล้วคิดว่าข่าวที่ได้น่ะ..มาจากนอกกลุ่มจริงๆรึไง..ป๋าไม่มีสิทธิ์ถามเด็กคนอื่นในกลุ่มเลยเหรอ..?..”
“..ป๋า..ให้เด็กผมคอยรายงานเหรอ?..ไหนบอกจะไม่ตามไง?..”โตขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิดเมื่อได้ยินแบบนั้น..
“..ทำไม หรือฉันไม่มีสิทธิ์ เด็กแกก็คนของชั้น เพราะแกเป็นลูกน้องชั้น จะเถียงรึไง?..” วางหมากอีกตัวลงบนกระดาน แล้วหันไปจิบน้ำ...แต่คนฟังนี่สิแทบเต้น
“...ไหนว่าไม่ก้าวก่ายไง..” โตเถียงขึ้นมาอย่างไม่ยอมแพ้ หยิบม้าโขกลงบนกระดานทันควัน แต่ยังไม่ทันจะวางกลับโดนดีดจนล้ม และสายตาของผู้ร่วมเล่นจ้องเขม็ง
“..เอาม้าออกทั้งที่เบี้ยยังขวางได้ยังไง.. “ ว่าพลางหยิบม้าไปวางที่เดิม “..แล้วที่พูดเมื่อกี้..จะสั่งใครงั้นเหรอ?.. “ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆแต่สายตาเย็นๆที่ส่งมาทำให้โตเกร็งตัวขึ้นมาในฉับพลัน..
“..ขอโทษครับ “ ชายหนุ่มรับคำเบาๆแล้วขยับเบี้ยอีกตัวในกระดานฝั่งตน “..แต่ผมแค่ไม่เข้าใจ..แล้วอีกอย่าง..ป๋าทำไมไม่บอกก่อน..”
“..ถ้าบอกก่อนจะรู้เหรอ..ว่าแกกลายเป็นไอ้พวกไร้น้ำยาไปแล้ว..”
“..เอาอะไรมาวัด..” โตพ่นลมหายใจพรืด มองหน้า..
“..คนๆเดียวก็คุมไม่อยู่..เกือบโดนลูกน้องไอ้ก้องฉก..บอกให้จัดการมันซะก็ทำไม่ได้อุตส่าห์ไว้ใจให้แกกับวิทย์คุมแดนนั้น อยู่กันสองคน ทำไมคุมไม่ได้แค่เด็กไอ้ก้องคนเดียว..” ชายวัยกลางคนถามเรียบๆ ตาจ้องกระดานหมากรุกแล้วดันตัวม้าให้ออกมากลางกระดาน..โตก้มมองกระดานหมากรุกและขยับเบี้ยออกอีกหนึ่ง แม้ใบหน้าจะฉายแววไม่พอใจ
“..มันได้อภิสิทธิ์หลายอย่าง ป๋าก็รู้..เพราะเห็นว่าคุมแดนกันสองคนทางนั้นเลยส่งไอ้คนเคี้ยวยากมา..”
“..มันจะได้อะไรพิเศษไม่ใช่ประเด็น..เรื่องของเรื่องคือแกเอามันไม่อยู่ ปล่อยให้มันคอยขัดแข้งขัดขา...ไอ้เด็กใหม่ที่นึกว่าจับอยู่แล้ว ก็ยังทำท่าจะโดนลากไปทางนั้น...ดูแลกันยังไง?..” คำถามนั้นทำให้โตนึกอยากจะบอกนัก ว่าดูแลกันด้วย ลำแข้งนี่แหละ เพราะเห็นท่ามันจะโง่นานกว่านี้หากไม่ทำอะไรซักอย่าง เลยต้องจัดหนัก..แต่นี่นอกจากจะไม่ได้ผลแล้ว เขายังเกือบเสียตัวพนันไปให้อีกฝ่ายชนิดที่ถ้าไหวตัวช้ากว่านิดเดียวอาจจะพลาดได้ทันที..
“..หรือว่าแกคุมผิดวิธีกัน..ใจดีกับมันมากไปรึเปล่า?...”
“..กลับไปก็จะเรียบร้อยแล้วครับ “ เลี่ยงไม่ตอบคำถามนั้นเสีย เพราะถ้าถามตัวเอง..เขาก็ว่าใจดีกับไอ้ควายตัวนั้นมากโขอยู่ เพราะถ้าเป็นเด็กใหม่คนอื่นที่ไม่ใช่มันและไม่เป็นตัวพนันแบบมัน มาท้าทายเขาอย่างนั้นก็อย่าหวังเลยว่าจะรอดไปได้..
..นี่เพราะมันเป็นตัวพนัน แถมยังโง่แบบนั้น ไม่ยอมเข้าอกเข้าใจอะไรซักที เลยทำอะไรไม่ได้น่ะสิ
“..ฉันให้โอกาสอีกครั้งเดียว..ถ้าถึงกำหนดส่งของคราวหน้ายังใช้ไม่ได้ ก็เอาตัวมันมาส่งให้ผู้พันจัดการ..”
“..ผู้พัน “..โตเบิกตากว้าง นึกเสียววาบในอกเมื่อได้ยินชื่อ”ผู้พัน”จากปากคนตรงหน้าพาลคิดไปถึงเจ้าคนโง่ที่หากมันยังเป็นแบบนี้ต่อไป..โอกาสการได้เจอผู้พันของมันก็ยิ่งสูงลิบ..
ตอนเจอไอ้ปื้ดมันยังกัดหูสู้ขาดใจ แล้วถ้าเจอผู้พัน มันไม่ชักแหง่กๆน้ำลายฟูมปากเหรอนั่น
“ให้ผู้พันเลยเหรอป๋า “ เขากลืนน้ำลายอึก..ขนาดผู้ชายด้วยกันยังสยอง คิดดูเถอะ..
“..ผู้พันชอบเด็ก..โดยเฉพาะหนุ่มๆ.. “ ป๋ายิ้มให้แล้วตอบอย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจ “ทำไมเหรอ?..หรือว่าเสียดายไอ้เด็กนั่น ได้ข่าวว่าเป็นเมียแก..”
“เฮ้ย.. “ โตสะดุ้งแล้วส่ายหัวทันที “ ไม่ใช่น่ะป๋า..แค่ทำเหมือนจะเป็นหรอกใครจะขัดที่สั่งไว้เล่า..”
“..ก็เห็นท่าเหมือนเสียดาย..หรือเสียดายผู้พัน ตอนแกมาใหม่ๆผู้พันเขาก็อยากเจอ..”
“..อย่าน่ะเฮ้ย..บอกแล้วไงว่าไม่ชอบเอาตูดผู้ชาย..ขยะแขยงว่ะ..” ว่าแล้วก็ลูบแขนตัวเองขึ้นลง แค่คิดถึงหน้าตาของ”ผู้พัน” กับท่าทางหื่นๆนั่นก็ยังขนลุกไม่หาย โตคิดว่าชาตินี้ขอเจอผู้พันแค่ครั้งเดียวในชีวิตก็เป็นพอ..ถ้าเป็นไอ้เนมก็ว่าไปอย่าง..
ไม่สิ..ถึงเป็นไอ้เนมกูก็ไม่เอาหรอก..
“ ก็ดี..จองตัวเด็กนั่นไว้เลยแล้วกัน ยังไงแกก็เอาผู้หญิงนี่น่ะ..แต่ในคุกมันเลือกไม่ได้..มีสิทธิ์เลือกทำไมไม่เอาล่ะ พวกกระเทยก็มีเยอะแยะ..ถือว่าลองไว้ก็ได้”
“..ถึงจะเหี้ยแค่ไหนผมก็รักเดียวใจเดียว “ โตหน้าตึงบอกเรียบๆ “ อย่าพยายามซะให้ยาก ลองครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว “
“..ก็ขอให้จริงอย่างที่พูด...แล้วคนของไอ้ก้องที่อยู่แดนนั้น จะเอายังไง..” พอได้ฟังคำตอบชายผู้ถูกเรียกว่าป๋าเลิกคิ้วมองหน้าของเจ้าเด็กฝีมือเยี่ยมที่ตนเองไว้ใจแล้วยิ้มมุมปากนิดๆอย่างรู้ทัน..
“...จะจัดการเอง..แต่ต้องเลือกคนหน่อยคราวนี้.. “ โตบอกเครียดๆ.. “ ก็อย่างที่บอกว่ามันมีตำแหน่ง เลยเล่นยาก..ส่งเด็กไปดูท่าทีแล้วแต่ท่าทางจะโดนกิน..”
“..หือ...” เรือถูกดันออกมากลางกระดาน กินเบี้ยของฝ่ายตรงข้ามไปสองตัวแต่โตไม่ได้สนใจอะไรยังคงขยับตัวม้าหนีไปเรื่อยๆ
“..เด็กเก่าผู้พัน “
“ อ้อ...คนนั้นเหรอ?..แล้ววิทย์ล่ะ ให้พวกนั้นช่วยสิ..” ฝ่ายเจ้านายพูดออกมาแบบนั้นทำให้โตนึกหนักใจเมื่อนึกถึงอีกคนที่เขาไม่อยากให้ยุ่งเรื่องนี้เอาเสียเลย..
“..ก็ว่าจะช่วยกันอยู่..จะเอาเด็กของไอ้วิทย์ช่วยอีกแรง.. “ โตรับคำแล้วตัดสินใจเอาทั้งขุนทั้งเรือออกมาให้รู้แล้วรู้รอดเมื่อตัวเบี้ยถูกกินจนหมดกระดาน แว่วเสียงหัวเราะในลำคอของผู้เป็นนายทำให้เขาหงุดหงิด..ก็เล่นไม่เป็นนี่หว่า..
“ อย่าลนให้มากนักสิไอ้เด็กน้อยเอ๋ย..คิดจะทำการใหญ่ต้องใจเย็น..รีบร้อนไปนอกจากจะไม่ช่วยอะไรแล้วยังมีสิทธิ์โดนเก็บได้อีกน่ะ..รู้ไหม?.. “ ฝ่ายนั้นกินม้าไปตัวหนึ่ง เรือ ไปอีกตัว ทำให้โตขมวดคิ้วยุ่ง ถึงจะเล่นไม่เป็น แต่ไอ้เรื่องความพ่ายแพ้นี่..เขาล่ะเกลียดเป็นที่สุด..
“..จัดการเรื่องทั้งหมดให้เรียบร้อย และไม่มีที่ติเหมือนที่แกเคยทำ..อย่าให้ฉันต้องผิดหวังล่ะ..” เอ่ยพลางขยับเปลี่ยนท่านั่งให้เกิดเสียงอีกครั้ง สายตาละจากตารางหมากรุกมาจ้องหน้าอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก...และนี่ล่ะ..ที่กลายเป็นกดดันด้วยความเงียบจนพูดไม่ออก..
“..ไอ้เด็กคนนั้น มันหมายถึงศักดิ์ศรีของฉัน ฉันไม่ชอบคำว่าแพ้ เพราะฉะนั้น ต่อให้รำคาญมันแค่ไหนก็ต้องเก็บเอาไว้ คนบางคนมันโง่เกินกว่าจะเข้าใจอะไร...ชั้นรู้ ..แต่ในฐานะที่แกไม่เคยพลาด ชั้นจะให้โอกาสแกอีกครั้ง..”
ม้าขยับกินขุนและรุกฆาต..เสียงวางหมากรุกดังโป๊กเหมือนตอกย้ำชัยชนะขณะที่ผู้ชนะยิ้มบางๆ..แล้วพยักหน้าช้าๆ..
“..แค่ครั้งเดียว... “
“................”
“..ป๋า..แล้วครั้งต่อไป..เมื่อไหร่..”
“ อีกสามอาทิตย์..” ตอบแล้วหันมามองหน้า
“..เก็บกระดานหมากให้ด้วยน่ะ.. “ ออกปากบอกแล้วลุกจากที่นั่ง บิดกายด้วยอาการเมื่อยขบ โตก้มลงรวบรวมตัวหมากและกระดาน ก่อนจะเดินตามไปยังพื้นที่ซึ่งเป็นที่พักเดินผ่านห้องพักต่างๆมาจนถึงห้องในมุมหนึ่งที่มีคนเปิดประตูเข้าไป พร้อมกับผู้คุมที่ยืนมองนาฬิกา
โตเดินไปยื่นกระดานหมากรุกให้แล้วเดินออกมาช้าๆ..ฟังเสียงลากโซ่แกรกกรากที่ดังก้องแม้กระทั่งเขาเดินออกมาแล้ว ก็ยังได้ยินและได้เห็นภาพขาที่ถูกล่ามโซ่พร้อมกับความรู้สึกอึดอัดที่ไม่จางหายไปไหน..และประโยคคำพูดที่เป็นดั่งคำสั่งเด็ดขาดนั้นก็ดังขึ้นมาทันที..
“แค่ครั้งเดียว”
.......Oh bad Guy!! รักร้ายๆของผู้ชายในคุก.......
เนมหายไปไหน???
..หลบไปซักพัก (ห้าๆ) ตอนหน้าก็เจอเนมแล้วค่ะ
ตอนนี้ขำวิทย์ ฮ่าๆ..ใครที่คิดว่าวิทย์มันร้องไห้ เปลี่ยนความคิดซะน่ะ..นี่มันผู้ชายในคุกน่ะคู้นนนนน..ถึงเฮียเขาจะอ่อนไหว แต่ก็ไม่ร้องไห้เพราะใครง่ายๆหรอกน่า
อีกอย่าง นี่มันไม่ใช่ช๊อตละครหลังข่าว ที่นางเอกเห็นพระเอกอยู่กับคนอื่นแล้วจะกลับไปร้องไห้ โถๆๆๆ ..วิทย์มันเล่นแบบนี้แหละ แสบใช่ย่อย แต่ทำแบบนี้..ก็สื่อว่า คราวหน้าไม่มีการออมมือกันแล้วค่ะ ถ้าคิดว่ารักแล้วจะไม่กล้าทำ มันไม่ใช่แน่นอน เหอะๆ..
ส่วนป๋า..ไปพบป๋า..ตอนแรกจะเอาป๋าเครียดๆ..แต่ป๋าแกน่ารักออก..ไม่จำเป็นต้องข่มพี่โตด้วยบุคลิกน่ากลัวหรอกน่ะ เพราะแค่นั้นเฮียแกก็เร็งจะแย่แล้วววววว..
ส่วนผู้พัน..ผู้พันคือใคร?..ไม่รู้จักกันจริงอ่ะ??..ใส่ชุดขาวยืนขายไก่ทอดอยู่แถวห้างไงเล่า (5555+ )
ถ้าถามว่าในเรื่องไรท์เตอร์กลัวใครที่สุด..ชั้นขอสารภาพว่ากลัวผู้พันอ่ะค่ะ..พอจะการันตีคุณภาพของอีกหนึ่งบอสได้รึยัง ห้าๆ..
ปอลอ..ผู้พัน..เป็นนักโทษน่ะค่ะ อย่าเข้าใจเป็นอื่นไป
อ้อ..ตอนนี้ซึนน่ะเนี่ย ทั้งวิทย์ทั้งพี่โต พวกแกซึนกันทั้งคู่ ชิ