** โอ๊ย ฮ่าๆๆ เวลาย้อนกลับมาอ่านซีรีส์นี้ทีไร ยิ่งรู้สึกว่า วิทย์โคตรผู้ร้ายเลย แต่ทำกับคนอย่างสน พอให้อภัยได้อยู่นะ!!
ตอนนี้กำลังเขียนตอน7อยู่ค่ะ สารภาพว่าเรื่องนี้คิดตอนยาก (ไม่ถนัดชีวิตคนธรรมดาเลย ให้ตายสิ!!! โดยเฉพาะชีวิตเด็กมหา'ลัย!!<<แบบว่าอายุยังไม่ถึงง แอร๋ยยย // :z6:โดนโบกปูนทิ้งคลองแสนแสบ ข้อหา ตอแหลหน้าด้านๆ !!)
แอบอยากทำรวมเล่มเรื่องนี้บ้าง.. แต่........ เรื่องมันยังคงสั้นกุด ฮ่าๆๆๆ พยายามจะคิดพล็อตกันต่อไป...
อีกอย่าง นายสนใส่แว่น... แว่นตาต้องมีพลังทำให้เราคิดเรื่องออกสิ!! (เกี่ยวมั้ยเนี่ยยย)
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ^^
------------------------------------------------
เพราะเพื่อนผมมันไม่มี “สมบัติผู้ดี" 6
น้องแก้วเป็นพยานที่สาม
สมบัติผู้ดี.....
ถ้าพูดว่า”ความเกรงใจเป็นสมบัติของผู้ดี”แล้วล่ะก็ ฉันว่าพี่วิทย์คงถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ผู้ร้ายแน่นอนเลยค่ะ
------------------------------------------------
“แก้ว ว่างคุยกับพี่สักสิบนาทีมั้ย?” เสียงนุ่มทุ้มชวนสาวหลงดังลอดผ่านหูโทรศัพท์ออกมา ไม่ใช่ใครอื่น พี่วิทย์นั่นเอง ฉันกำลังนั่งรอโหลดซีดีดราม่าการ์ตูนวายอยู่พอดี ก็เลยบอกพี่เขาไปว่าว่างค่ะ จากนั้นพี่วิทย์ก็เริ่มเล่าธุระ
“แก้วโทรไปชวนสนไปพัทยากับพี่ทีสิ”
“หา?!” ฉันอุทานด้วยความงุนงง เกือบจะลืมกดโหลดลิ้งค์ที่เด้งขึ้นมา “พี่วิทย์ว่าไงนะคะ ให้แก้วโทรชวนพี่สนไปเที่ยวพัทยากับพี่?”
“เออ นั่นแหละ แก้วต้องช่วยพี่นะ ปิดเทอมพี่ต้องมาทำงานที่บริษัทพ่อ โทรไปชวนเองไอ้สนมันก็ไม่ยอมไป พี่ว่าถ้าแก้วโทรไปชวนสนมันต้องไปแน่”
“อืม...” ฉันล่ะเข้าใจว่าพี่เขาสองคนไปกันได้ด้วยดีแล้วเสียอีก ท่าทางจะยังไม่ถึงไหน พี่วิทย์ยังคงจีบพี่สนไม่ติดเหมือนเดิมสินะ
“แล้ว จะให้แก้วโทรไปชวนยังไงล่ะคะ ให้บอกว่าไปกับแก้วสองคนเหรอ?”
“แก้วบอกว่าไปกับเพื่อนก็ได้”
“แล้ว.....?”
“ถ้ามันตกลง แก้วบอกมันให้ไปรอตรงถนนซอยสามนะ บอกเลขทะเบียนรถพี่ไป”
“หา?!” ฉันร้องอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ลืมจิ้มลิ้งค์ที่เด้งขึ้นมาล่ะ “แล้วพี่สนไม่รู้เหรอคะว่าเป็นรถพี่วิทย์น่ะ”
“ไม่รู้หรอก มันเคยสนใจที่ไหน เอาว่าแก้วตกลงชวนมันให้พี่นะ”
พี่วิทย์พูดแกมขู่ ฉันเลยจำได้ต้องตอบตกลงไป แต่ก่อนจะวางสาย ฉันก็อดถามพี่เขาไม่ได้ “พี่วิทย์คะ แก้วถามจริงๆ เถอะ พี่บอกพี่สนเรื่องนั้นไปตรงๆ แล้วหรือคะ?”
“ตรงยิ่งกว่าตรงอีก” พี่วิทย์พูดตอบกลับมา ก่อนจะพูดต่อ “แต่แก้วคิวว่าสนมันจะเข้าใจง่ายๆ หรือไง”
ฉันอดพยักหน้าเห็นด้วยไม่ได้ ท่าทางพี่สนจะเป็นคนเข้าใจอะไรยากจริงๆ นั่นแหละ ฉันเผชิญด้วยตัวเองมาแล้ว เข้าใจพี่วิทย์เลย
“เพราะงั้น แก้วต้องช่วยพี่นะ แล้วพี่จะสั่งซีดีดราม่าของแท้จากญี่ปุ่นมาให้”
โห... ติดสินบนกันแบบนี้ ฉันไม่ช่วยก็ต้องช่วยล่ะค่ะ จริงๆ ก็แอบสงสัยอยู่เหมือนกันนะว่าพี่วิทย์ซื้อมาฟังเองแล้วยกมือสองให้ฉันรึเปล่าเนี่ย แต่เอาล่ะ เพื่อของฟรี ฉันตกลงก็ได้
ยังไงฉันก็เชียร์คู่นี้สุดใจขาดดิ้นอยู่แล้วค่ะ
-------------------------------------------------------
แล้วฉันก็กลั้นใจโทรหาพี่สนตามแผน ใจก็แอบหวั่นๆ อยู่เหมือนกันว่าถ้าพี่สนรู้คงโกรธฉันแน่ๆ จะว่าไปแล้วฉันก็ทำคดีเอาไว้กับพี่สนเยอะเหมือนกันนะคะเนี่ย แต่พอตกช่วงเย็นๆ พี่วิทย์ก็เมสเสจมา บอกว่าขอบคุณมาก แปลว่าพี่สนเชื่อสนิทใจเลยสินะ.. เหลือเชื่อจริงๆ ทั้งๆ ที่ฉันคิดว่าคงไม่มีใครหลงเชื่อแท้ๆ
อืม... พี่วิทย์รู้ไต๋พี่สนดีขนาดนี้ ทำไมถึงยังจีบไม่ติดสักทีนะเนี่ย
หลังจากนั้น พี่วิทย์ก็เงียบไปจนฉันลืมไปแล้ว จนวันหนึ่ง ตอนที่กำลังนั่งฟังซีดีดราม่าอยู่เพลินๆ ในห้อง โทรศัพท์ที่ฉันวางอยู่บนโต๊ะก็สั่นขึ้นมาล่ะ ฉันสะดุ้งโหยงเลย ก่อนจะรีบคว้ามาดูชื่อ เห็นว่าเป็นชื่อพี่สน แอบเสียวสันหลังวาบเลยนะเนี่ย หรือว่าพี่สนจะจับได้แล้วว่าฉันโกหก อืม.. แต่ถ้ายังจับไม่ได้อีกเนี่ย ฉันว่าพี่สนก็เกินไปล่ะค่ะ
ฉันลังเลอยู่นานกว่าจะกดรับดีมั้ย สุดท้ายก็ยอมถอดหูฟังออกแล้วกลั้นใจรับสาย
“น้องแก้วเหรอ?”
“ค่ะ”
“น้องแก้ว น้องแก้วโดนวิทย์มันหลอกอีกแล้วใช่ไหม?”
“หา?!”
“พี่รู้ว่าวิทย์มันต้องไปขู่แก้วให้โทรหาพี่แน่ๆ ” พี่สนพูดต่อ ฉันถึงกับอึ้ง นึกไม่ถึงว่าพี่เขาจะพาซื่อได้ขนาดนี้ ไม่โกรธฉัน แต่หันกลับไปเล่นงานพี่วิทย์แทน แบบนี้ฉันควรจะดีใจดีไหมนี่ สักพักก็ได้ยินพี่เขาพูดต่อ
“แก้ว แก้วเชื่อพี่เถอะ แก้วเลิกฟังคารมมันได้แล้ว ไอ้วิทย์มันชอบหลอก โอ๊ย!” ฉันยังฟังที่พี่สนพูดไม่ทันจบ ก็ได้ยินเสียงพี่วิทย์แทรกเข้ามา
“วางสายได้แล้ว ก็โทรชวนดีๆ แกไม่มาเองนี่หว่า”
“โหย... แกเคยชวนฉันดีๆ ตรงไหนวะ ไอ้!!”
จากนั้นก็ได้ยินเสียงเหมือนใครถูกผลักลงไปบนฟูก ฉันรีบเขี่ยหูฟังไปไกลๆ แล้วหันมาเองหูแนบโทรศัพท์แทนเลยล่ะ
“ไอ้วิทย์ เดี๋ยวสิวะ! แกเป็นหวัดอยู่นะ” ได้ยินเสียงพี่สนโวยวายลอดออกมาอีก จากนั้นก็ได้ยินเสียงพี่วิทย์คำราม “อย่ามาอ้างเชื้อหวัดนะเว่ยสน แกเป็นไปรอบหนึ่งแล้ว ไม่มีทางติดหวัดเดิมซ้ำอีกรอบหนึ่งหรอก อีกอย่าง ฉันก็หายดีแล้ว”
“หายดีตรงไหนวะ โอ๊ย!! เดี๋ยว ห้ามเอาโซ่ล่ามฉันอีกนะโว้ย”
ฉันอ้าปากค้าง โซ่?! พี่วิทย์เอาโซ่ล่ามพี่สนหรือนี่ คู่นี้ทำอะไรกันเนี่ย??
ฉันไม่อยากจะจินตนาการ เลยเอื้อมมือไปหยิบทิชชู่มาเตรียมไว้แทน เผื่อจะมีเหตุการณ์เหนือจินตนาการเกิดขึ้น จากนั้น ฉันก็ได้ยินเสียงโวยวายอีก
“วิทย์ หยุด หยุดเลยนะ เดี๋ยว อื๊อ!!”
ไม่จริงน่า... นั่นเสียงพี่สนหรือนี่ เซ็กซี่ยิ่งกว่าที่ได้ยินในซีดีอีก แถมเป็นภาษาไทย ไม่ไหวแล้วฉัน รีบหยิบกระดาษทิชชู่มารอเลย ในใจนึกว่า พี่วิทย์คะ พี่วิทย์ไม่ต้องซื้อซีดีดราม่ามาฝากแก้วแล้วล่ะค่ะ แก้วได้ฟังของจริงเป็นบุญหูเรียบร้อยแล้ว
จากนั้นฉันก็ได้ยินเสียงเบาะ เสียงหอบหายใจ โอ๊ย ฉันวิ่งไปหาผ้าห่มมาดีกว่า ท่าทางกระดาษทิชชู่จะไม่พอ
พี่สนครางเสียงน่ารักอยู่พัก ให้ฉันนั่งกำผ้าห่มเล่น จากนั้นก็ร้องโวยวายขึ้นมาอีก “เดี๋ยว วิทย์ อย่าเพิ่งเอาเข้ามา อ๊ะ!”
“อ๊า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” ฉันร้องลั่นห้อง ดีกว่าพ่อกับแม่ไปธุระต่างจังหวัด ก็โทรศัพท์น่ะสิ ทำไมจู่ๆ เสียงถึงหายไปนะ ฉันรีบยกขึ้นมาดู แล้วพบว่าแบ็ตเตอรี่หมด โอ๊ย ไม่จริง!!!! ทำไมฉันถึงสะเพร่าอย่างนี้นะ ทำไมถึงไม่ชาร์ตแบ็ตมือถือเอาไว้นะ!!!!
ฉันอยากกัดผ้าห่มร้องกรี๊ดๆ ถึงเอาโทรศัพท์ไปเสียบสาย ก็ใช่ว่าโทรไปจะติดให้ได้ยินอะไรแบบเมื่อครู่เสียหน่อย ไม่น่าเลย ฉันเสียใจยิ่งกว่าอดได้ของแถมลิมิเต็ดเสียอีก
ไม่รู้ป่านนี้สองคนนั่นจะถึงไหนกันแล้ว โอ๊ย ยิ่งคิดยิ่งเสียใจและเสียดายจริงๆ นะเนี่ย
ฉันคิดขึ้นมาว่า ถ้าเจอพี่วิทย์อีกครั้งหลังจากนี้ ฉันจะบอกว่า.....
“พี่วิทย์คะ พี่วิทย์ช่วยเป็นผู้ร้ายให้มากกว่านี้ นอกจากไม่เกรงใจพี่สนแล้ว ไม่ต้องเกรงใจแก้วเรื่องนี้ก็ได้นะคะ ซีดงซีดีพี่ไม่ต้องซื้อมาหรอกค่ะ แก้วขอของจริงก็พอแล้ว”
แต่ถ้าขืนบอกไปจริง พี่วิทย์คงฆ่าฉันแน่ๆ
ฉันคงต้องเก็บงำเรื่องนี้ไว้เป็นความลับต่อไป หรือฉันควรจะไปหาเครื่องดักฟังมาดีนะ แล้วแอบติดกับนาฬิกาหรือไม่ก็กระเป๋าสตางค์พี่เขาไป
โอ๊ย ฉันเองก็เริ่มเหลือสมบัติผู้ดีน้อยลงเรื่อยๆ แล้วเหมือนกันนะเนี่ย
ทั้งหมดก็เพราะพี่สองคนแท้ๆ เชียว!!!
-----------------------------------------------