กรุ่นกลิ่น.......กัญชา [ผมกับก้อง]
"....บัวบังคม....กลับบ้านกัน....."
"......"
เจ้าของประโยคนั้น เป็นเจ้าของเดียวกันกับรอยยิ้มเพ้อๆ.....นั้นเป็นครั้งแรกที่ ก้องก้าวเข้ามาในชีวิตผม....
ผมเรียนพาณิชย์ ... มันเลยแปลกๆที่อยู่ๆก็มีนักศึกษามหาลัยมาดักรอทักหน้าวิทยาลัยแถมยังชวนกลับบ้าน...
"เรารู้จักกันหรอครับ?"
"เปล่า... 'เรา' ไม่รู้จักกัน ....แต่ ....'ผม' รู้จักนาย..."
....
...ไม่ต้องให้ผมตัดสินใจอะไรหมดจากรอยยิ้มแปลกๆเบลอๆ... ยังไม่ทันตั้งตัวอยู่ๆเด็กมหาลัยหัวสีทองก็คว้ากระเป๋าเป้ผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่รถ'มอไซค์ คันใหญ่ .... กระเป๋าเป้ผมถูกเขาสะพายไว้ด้านหน้า...สิ่งที่ผมได้กลับมาเมื่อเดินตามมาถึงรถมอไซค์...ไม่ใช่กระเป๋าแต่เป็นหมวกกันน็อคแบบเต็มใบ....
"ใส่ซะ....เดี๋ยวไปส่งบ้าน...."
...
.รู้สึกตัวอีกที....ผมก็ซ้อนรถมอไซค์คันนั้นแล้ว...
"จับดีๆดิ!!แน่นๆ!!"
คนขับตะโกนบอกผมทวนเสียงลมที่โกรกอู้... ไม่บอกเปล่า มือที่สวมถุงมือหนังตะปบคว้ามือผมให้โอบรอบเอวเขาแล้วยึดมือผมไว้อย่างนั้น ความเร็วของรถทำเอาผมหายใจไม่ทั่วท้อง เพราะตอนนี้คนขับจับแฮนด์แค่มือเดียว! แถมยังไม่สวมหมวกกันน็อคด้วย!!
..
.........
"น้อง..อยู่หอนี้หรือ? "
"ครับ?! "
...ผมรับคำแบบงงๆลงจากรถมอไซค์มาได้ ทุกอย่างมันก็ดูวุ่นวายไปหมด ทั้งตำรวจที่เดินมาถามทั้งคนที่อยู่ในตึกทั้งอาสาสมัครทั้งพวกดับเพลิง... กว่าผมจะฝ่าฝูงคนขึ้นมาที่ห้องพักได้ก็หลายนาทีอยู่ ผมขึ้นมาที่ห้องเพื่อจะได้รู้ซึ้งว่า 'รู้อย่างนี้ไม่ขึ้นมาดีกว่า' ....ประตูห้องถูกงัดจนลูกบิดหลุด และดูท่าวันนี้ผมคงปิดประตูไม่ได้ ...ข้าวของในห้องถูกรื้อกระจัดกระจายไปหมด ไม่มีอะไรที่เหลือนอกจากเสื้อผ้าสองสามชุดและชุดนักเรียนกับกางเกง ที่แขวนอยู่ในตู้....นอกนั้นทุกอย่างเละไม่มีชิ้นดี...สภาพที่ผมเล่าไม่นับแอ่งน้ำกับเขม่าไฟที่ยำให้ชั้นหนังสือของผม....เป็นแค่กองเศษกระดาษไหม้ไฟ...เห็นแล้วสลดใจชะมัด ทั้งห้องดูสภาพไม่ต่างกับกองขยะเลย...
........
...
"โหดเนอะ บัว....งัดห้องแล้วยังเผาทำลายหลักฐานอีก..."
เสียงกระซิบนั่นดังใกล้ๆ ...ผมได้แต่ยืนนิ่ง ... ในหัวคิดอย่างเดียว...คืนนี้...จะหาที่พักที่ไหน?
......หันไปหาใครก็คงยาก .... ผมไม่มีญาติใน กรุงเทพฯ เพื่อนๆที่เรียนด้วยกันก็ติดต่อไม่ได้ ผมไม่ชอบพกโทรศัพท์...การติดต่อกับใครที่ไม่ใช่คนที่บ้านมันเลยยิ่งกว่ายาก.....จะกลับบ้านที่ต่างจังหวัดตอนนี้ก็ไม่ได้ พรุ่งนี้ผมมีสอบกฎหมาย....เคี่ยวยิ่งกว่าเคี่ยว....
........
...
".....ไปกันเถอะ...."
มือใหญ่คว้าข้อมือผมแล้วฉุดให้เดินตาม ...เจ้าของหมวกกันน็อคไม่ได้คืนกระเป๋าให้ผม กระเป๋าผมยังสะพายอยู่ที่หน้าอกเขาซ้ำมันยังตุงไปด้วยเสื้อผ้าที่ยังเหลือในตู้ ...เขารวบเสื้อพวกนั้นยัดใส่เป้ของผมจนหมด......ผมชะงักนิดหน่อยที่ต้องมาหยุดอยู่หน้ารถมอไซค์คันเดิม...ความเร็วของมัน...มันเร็วไป.....
"...ไม่ต้องกลัว....ซ้อนบ่อยๆเดี๋ยวก็ชิน...."
"?!"
เขาหันหน้ามาบอกผม....แล้วฉุดมือให้ผมขึ้นรถ....แล้วเหตุการณ์เดิมๆมันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
....................
....
..
"เดี๋ยวตอนเย็นเรามารับ ....."
.....
.
.
.
หลังจากนั้น ....ผมก็ฟังประโยคนี้เกือบทุกเย็น ...
.
.
.....ฟังมาเกือบจะ สองปีแล้วสิ.....
อ่ะ! ลืมแล้วสิ....ผมบอกไปหรือยัง? ว่าเจ้าของรอยยิ้มเบลอๆกับเจ้าของรถมอไซค์....ชื่อ 'ก้อง'
.......
..
แล้วก็นะ........นอกจากหมาแล้ว.....สิ่งที่ผมชอบรองลงมาก็คือ ต้นไม้.....ผมชอบต้นไม้.....
คนที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุดก็คือก้อง...
เพราะก้องก็ชอบต้นไม้ .....เวลาเจอต้นไม้แปลกๆ ก้องมักจะเอามาให้ผมเสมอ...ต้นไม้ที่ก้องเอามาให้ ส่วนหนึ่งอยู่ที่หอพัก...ส่วนหนึ่งผมเอากลับไปปลูกที่บ้านทุกอาทิตย์.... ผมไม่ได้ปลูกเองหรอก เอาไปให้ย่าที่บ้านสวนปลูก ...ผมน่ะเป็นพวกมือร้อน ..ปลูกอะไรไม่ขึ้นซ้ำยังทำตายหมด.....ยกเว้นต้นไม้ชนิดเดียว....ในจำนวนต้นไม้ทั้งหมด มีอยู่กระถางหนึ่งที่ผมรักที่สุด...และก้องก็รักที่สุด..... กระถางนี้ผมเป็นคนปลูก...ต้นไม้ที่ใครๆว่ามันปลูกยาก.....แต่สำหรับผม.....ก้องเคยบอกกับผมว่า......
'ผมเกิดมาเพื่อสิ่งนี้......'
...และเพราะต้นไม้กระถางนั้นล่ะ.......ถึงทำให้เราสองคน สนิทกันมากกว่าที่คนอื่นคิด.... ผมรักต้นไม้กระถางนั้นมาก และก้องก็คงไม่ต่างกัน เพราะก้องเป็นคนรดน้ำ ส่วนผมกันต้นไม้ตายหน้าที่ของผมคือแต่งใบเขียวๆของมันให้เขียวสดตลอด...แถมด้วยคอยดูพวกมือบอนที่มักจะมาขโมยเด็ดใบมันด้วยสิ...เด็ดไปไม่ว่า แต่ไอ้ที่มาตัดหรือถอนทั้งต้นนี่ผมเคืองมาก....
.
.
"ดิว! พ่องมึงมา!!"
"....ไม่นะ...พ่อผมเสียไปแล้ว..."
ยังไม่ทันได้อธิบายอะไรทั้งหมด ก้องก็คว้ามือผม วิ่งไปหลบในตู้เสื้อผ้า ...หลบได้สักพักก็เปิดประตูออกมาแล้ววิ่งไปหยิบกระถางต้นไม้บนหัวเตียงมาให้ผมถือไว้......ก่อนจะปิดและใส่กลอนจากข้างในตู้
.
.
เสียงพร่าๆ กับอาการยิ้มกรุ้มกริ่มของก้อง ทำเอาผมไม่ต้องเดาว่า เรากำลังหลบอะไร และพ่อในความหมายของก้องหน่ะ.....เป็นพ่อแบบไหน...ในตู้เสื้อผ้ามันทั้งร้อนทั้งอึดอัด....ก้องมองหน้าผมแล้วก็ยิ้ม ....ยิ้มแล้วก็หัวเราะ..
"...ก้อง.....นิ่งๆเงียบๆดิ...."
"...ดิวก็นิ่งๆ ..สิ..."
"..."
"..คิก..คิก...หึ..ฮึ..."
ก้องบอกให้ผมเงียบแต่ตัวเองกลับกลั้นหัวเราะ... พวกเราหลบกันอยู่ในตู้เสื้อผ้า มันกว้างพอให้ผมสองคนเบียดอัดเข้ามาข้างใน แต่ก็ไม่กว้างมากขนาดจะทำให้หลบได้อย่างสบายๆ ผมกอดกระถางต้นไม้ต้นเหตุอยู่ แล้วก้องก็กอดผมซ้อนอีกที...
"...ก้อง....ร้อน...ขยับออกไปอีกหน่อยดิ..."
"...คิก..คิก..งั้นเดี๋ยวจะทำให้ดิวเย็น..."
....ลมเบาๆเป่าเข้ามาที่ซอกคอ..ลิ้นชื้นๆเปียกๆเลียซ้ำๆตรงที่ก้องเป่าลมเข้ามา....
มันเย็นจนผมขนลุก....
.....
.
.
ผมได้แต่กอดกระถางต้นไม้แน่น....
...
.
..............ตอนที่ก้องเปลี่ยนจากซอกคอผม......มาเป็น ที่ริมฝีปาก........
มันนานไป แน่นและลึกเกินไปกับการแกล้งครั้งนี้ .....แต่จะให้ห้ามหรือบอกให้หยุด ก้องก็คงไม่มีสติรับรับรู้อยู่ดี กลิ่นหอมคล้ายๆช็อกโกแล็ตที่ผมได้กลิ่น...มาจากก้อง....กลิ่นบุหรี่แปลกๆก็ด้วย............กลิ่นของ 'ยา' .......................
....
..
ผมพยายามเบือนหน้าหนี ..
.
แต่สิ่งที่เกิดต่อจากนั้น..มันยิ่งกว่าจูบที่ก้องแกล้งผม.
...ทรมาน.....ผมบอกอาการตัวเองไม่ถูก รู้แค่มันแสบไปทั้งคอทั้งจมูก หายใจไม่ออก และ จมูกกับคอแห้งไปหมด .....ลมหายใจที่ผมสูดเข้าไป เหมือนมันหายไปทั้งอย่างนั้น....ไม่มีอากาศส่วนไหนที่จะเข้าไปถึงปอด.....กระถางต้นไม้ถูกวางขวางเราไว้.....
........ก้องจับข้อมือผมล็อคแน่นแล้วสูบอัดบุหรี่รสแปลก พ่นใส่ปากผม ....ควันบุหรี่ลอยคว้างในตู้.....
แสงไฟที่ปลายม้วนบุหรี่สว่างวาบทุกครั้งที่ ก้อง สูบอัดมันเข้าปอด...
................สิ่งที่ผมรับรู้ มันไม่ใช่ความรังเกียจ ..แต่เป็นความทรมาน......ไม่ใช่ว่าผมรังเกียจกลิ่นบุหรี่ แต่ผมไม่สูบก็แค่นั้น ในห้อง รูมเมทของผม สี่คนสูบบุหรี่ทุกคน....
แต่บุหรี่กลิ่นหอมแปลกที่ก้องสูบอัดเป่าใส่ปากผม....เป็นบุหรี่ที่ผมเดินหนีบ่อยๆ นานๆที ผมถึงจะได้กลิ่นมัน และทุกครั้งที่ได้กลิ่นผมก็มักจะเดินเลี่ยงออกจากห้อง จะกลับมาอีกทีก็ตอนกลิ่นมันจางไปแล้ว ......ไม่ใช่ว่ารังเกียจ.....
.....
..
...แต่เพราะผมแพ้กลิ่น 'กัญชา' แพ้อย่างแรง......และยิ่งแพ้ ...เมื่อกลิ่นมันลอยอวนอยู่แค่ในตู้ใบเล็กที่ผมขยับหนีไม่ได้...
...
.
"รังเกียจกูหรอ?"
ก้องแนบหน้าผากเขากับหน้าผากผม ....กลิ่นควันบุหรี่ที่ฟุ้งออกมา มันอวลไปหมด ....แสบตา... แสบจมูก.....แสบคอ....แสบจนหายใจไม่ได้....
"ก้องปล่อย...เราแพ้....กลิ่นบุหรี่...."
"ดิว...มึงแพ้บุหรี่หรือรังเกียจกู.....ไอ้สามตัวนั้นก็สูบกันหมด ....ไม่เห็นมึงเดินหนีแบบที่มึงทำกับกู......"
"........ก้อง...ปล่อย....เราไม่ชอบ......"
"...ไม่ชอบกู...หรือไม่ชอบบุหรี่......กูสอนให้มึงสูบก็ได้ ......จะสอนจนกว่ามึงจะสูบได้ ...."
ในตู้เสื้อผ้า....ก้องสูบอัดควันบุหรี่ม้วนนั้นเข้าไป...อมไว้แล้วป้อนควันของมันใส่ปากผม.....ซ้ำๆอยู่อย่างนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า .....ป้อนจนผมสำลักไอ.....อากาศในตู้มันน้อยเกินไป....น้อยไปสำหรับผม....อาการของก้อง ผมรู้ว่ามันมาจากฤทธิ์ยา ...แต่ที่ผมไม่รู้คือ ที่ก้องบอกว่า 'ตำรวจมา' เรื่องจริงหรือเปล่า ผมไม่กล้าขยับหนีเพราะถ้ามันเป็นเรื่องจริง คนลำบากก็คือก้อง ...กลิ่นกัญชา มันฟุ้งอยู่ในตู้ ผมไม่รู้ว่าถ้าเปิดออกกลิ่นมันจะฟุ้งไปทั้งห้องหรือเปล่า ผมเลยได้แต่ ดันตัวห่างจากก้อง แต่ไม่กล้าเปิดประตูตู้ ......
.....
..ทุกอย่างมันแย่ลง.....ผมแสบตาจนร้องไห้......ผมหายใจไม่ออกจนได้แต่หอบถี่ .....จมูกกับคอมันทั้งแห้งทั้งแสบ .....มันยิ่งกว่าคำว่า...ทรมาน....
...
.
"เหี้ยก้อง! มึงทำอะไร ?!!"
...ใครสักคนทุบและงัดเปิดประตูตู้ออก..แล้วกระชากผมออกมา สติผมไม่ค่อยมีแล้ว .....ตามันแสบจนลืมไม่ขึ้น ....ใครบางคน ตบหน้าผม แล้วยัดยาพ่นขยายหลอดลมใส่ปากผม ....
......
...ใครบางคนที่ไม่ใช่ก้อง ..เพราะ....ที่ผมเห็น...ก้อง ยืนนิ่ง อยู่อย่างนั้น แววตาที่เคยยิ้มได้ กับสีหน้ากวนๆ หายไปทั้งหมด ....
เหลือแต่สีหน้าซีด กับแววตาแดงๆที่มองมา.....
..ผมทรมาน ....แต่สำหรับก้อง......ผมว่ามันทรมานยิ่งกว่าผม ....
"ดิว....กูไม่รู้...กู ...ขอโทษ "
....
"ไม่เป็นไร ...."
ผมอยากบอกมันอย่างนั้นนะ.....แต่เสียงผม .....ไม่มีออกมาจากลำคอเลย....มันแห้งและหายไปกับอาการสำลักไอทั้งหมด......
....
.....สติของผมก็ด้วย......