-5-
“ยู้ฮู ว็อทซับเหม็น”
ร่างเล็กตะโกนเสียงดังทันทีที่คิวเปิดประตูคอนโดให้พวกมันเข้ามา ร่างสูงใหญ่ส่ายหัวระอาไอ้เตี้ยนี่ไม่ได้สนใจเลยว่าคนด้านล่างเขาจะตกใจกันแค่ไหนตะโกนซะเสียงดัง
“เหม็นเต่ามึงสิเตี้ยเบาเสียงหน่อย”
คิวตบหัวทุยเล็กไปหนึ่งทีข้อหาทำเขาอับอาย คนตาเฉี่ยวตวัดสายตาอาฆาตเพียงแว๊บเดียวแล้วกลับมาสดใส
“ป่ะ ๆ ขึ้นห้องมึงกันข้างนอกร๊อนร้อน”
ใบหน้าหล่อหรี่ตามองอย่างรู้ทัน ไอ้สองคนหลังก็ไม่ต่างกันเลยหน้าตาพร้อมเสือกเต็มที่ ยอมใจในความมุมานะของเพื่อนจริง ๆ คิวหัวเราะหึก่อนจะเอื้อมมือไปช่วยจิมมี่ถือของ เพราะมันตัวใหญ่กว่าไอ้คู่ฮอบบิทงานกรรมกรเลยตกอยู่ที่มันมากกว่าเอ็มที่สูงกว่าไอ้เตี้ยเล็กน้อย
จริง ๆ เอ็มมันก็ไม่ได้เตี้ยหรอก สักร้อยเจ็ดสิบห้าตามมาตรฐานชายไทยแต่เขากับจิมมี่สูงเกินไปต่างหากจิมมี่ไม่ต้องพูดถึงร่างกายแบบหนุ่มตะวันตกตามสายเลือดครึ่งหนึ่งของมันไปไหนก็สังเกตเห็นง่าย อ้อพูดถึงคนสูงแถมพีทอีกคนแต่รายนั้นเขาสูงบางไม่ได้ถึกทึนแบบเขากับจิมมี่
พูดถึงก็คิดถึง
เฮ้อ...เมื่อไหร่พีทจะกลับ
“เป็นห่าไร ถอนหายใจซะเสียงดัง”
เอ็มถามเพื่อนสนิท ตอนนี้พวกเขาอยู่กันในลิฟท์ตามลำพัง คิวยักไหล่
“เปล่า”
“ทำหน้าอย่างกับหมาเหงา”
คิวหลุดหัวเราะพรืดกับคำว่าของเพชรพลางคิดไปถึงคนที่บอกว่าเขาทำตัวเหมือนเจ้าสวัสดี
“กูเหมือนหมาขนาดนั้นเลยหรอวะทำไมใคร ๆ ก็พูด”
คราวนี้ฝ่ายที่หรี่ตามองไม่ใช่คนหุ่นหมีแล้วแต่กลับเป็นสายตาสามคู่ที่มองมาที่คิวด้วยสายตาล้อเลียนก่อนที่เสียงกวนของเอ็มจะเปล่งออกมา
“
ใคร ๆ ที่มึงว่านี่คือใครรึ พวกกูใคร่อยากจะรู้”
“เสือก”
“แหมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม ทำให้พวกกูเสือกขนาดนี้แล้วยังจะมากั๊กนะเพื่อนเวร”
คนตัวเล็กที่สุดในนี้จิกกัด
“ก็มีแค่พีทคนเดียวแหละที่กล้าว่ากูว่าทำตัวเหมือนหมาที่บ้าน”
คิวเล่าเหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดาแต่อีกสามคนถึงกับเบิกตาโพลงก่อนจะพากันหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ
“โอ่ย โดนว่ะ อยากเห็นหน้าแล้วพาไปหาเร็ว ๆ”
จิมมี่กุมท้องหัวเราะบอกคิวเสียงติด ๆ ขัด ๆ ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมาไม่เคยเห็นหรือได้ยินเด็กคนไหนของคิวมันพูดใส่อีกคนแบบนี้เลยถึงจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็เถอะ คิวมันไม่ชอบให้ใครเอาไปเปรียบเทียบโดยเฉพาะกับสัตว์ยิ่งไม่ได้คุณชายเขาถือ พี่พีทถือว่าเป็นสิ่งอัศจรรย์ที่พูดใส่คิวแบบนั้นแล้วยังมีชีวิตอยู่ได้ เห็นคิวมันฮอตแบบนั้นแต่เวลามันอยู่กับเด็กในสังกัดมันคืออีกคนหนึ่งเลย มาดคุณชายเย็นชาตัวตนอีกมุมหนึ่งของเพื่อน คิวไม่ชอบให้คู่ควงหรือสิ่งที่มันเรียกว่าแฟนมาก้าวก่ายหรือพูดจาไม่ดีกับตัวเอง ก็นะบ้านมันมาจากตระกูลเก่าแก่การอบรมเลี้ยงดูก็แตกต่างจากคนทั่วไปอยู่แล้ว คิวเป็นคนที่มารยาททางสังคมดีมาก เรียกว่าคุณชายยังได้แต่เวลาอยู่กับพวกเขานี่ถือเป็นข้อยกเว้น เพื่อนกันจะให้พูดเพราะ ๆ คงขนลุกพิลึก
จำได้ว่าเคยมีอยู่ครั้งหนึ่งตอนปีหนึ่งแฟนมันที่เป็นเดือนคณะอักษรตามมาอาละวาดที่คณะแล้วด่ากราดว่าคิวมันทำนิสัยหมา ๆ ใส่ โอ้...เหตุการณ์นั้นเป็นที่โจทย์ขานกันถึงทุกวันนี้เพราะคิวมันโมโหมาก บีบคออีกคนด้วยมือเดียวแถมยังยกอีกคนเหนือพื้น คนแถวนั้นไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งจนหน่วยกล้าตายเพชรกู้ภัยวิ่งเข้าไปเขย่าให้คิวมันรู้สึกตัว เพื่อนเขาเกือบได้เป็นฆาตรกรส่วนอีกคนน้ำตาไหลพรากไอหน้าเขียวหน้าแดง คิวมันแค่ปรายตามองอีกคนเหมือนเป็นจุดสกปรกเล็ก ๆ บนรองเท้าพร้อมกับบอกอีกคนเสียงเย็น
“อย่ามาทำตัวหยาบคายใส่ผมเพราะผมไม่เคยหยาบคายใส่ใคร”
ก็นั่นล่ะ จากนั้นมาก็ไม่เคยมีเด็กคนไหนของมันมาแว๊ดใส่มันอีกเลยจะมีก็แต่นนท์เด็กมันคนล่าสุดที่มันเล่าให้ฟังว่าตามมาราวีถึงคอนโดแล้วก็ทำให้มันได้รู้จักกับพี่พีท
“เสียใจด้วยว่ะพีทไปทำงาน”
“ไอ้สาดดดด มึงหลอกให้พวกกูมาเสียเที่ยว!”
คนตัวเล็กโวยวายเมื่อเพื่อนรักทำลายจุดประสงค์ที่มาเสียย่อยยับ ใบหน้าน่ารักงอง้ำหันไปงอแงใส่คู่หูฮอบบิทของมัน
“เอ็มมึงจัดการมันเลย”
เอ็มเบิกตากว้างแล้วตบหัวทุยเรียกสติ
“มึงจะให้เลโกลัสอย่างกูไปปะทะอะไรกับโทรลอย่างมันฮะเปี๊ยกคิดดิคิด”
“ถุยเลโกลัสมึงกล้ามากไอ้เอ็มอย่างมึงเป็นโฟรโด้ยังหรูไปเลย”
จิมมี่ได้ทีกัด คนส่วนสูงน้อยกว่าหนุ่มลูกครึ่งตวัดสายตาไปมองอีกคนอย่างหยามเหยียด
“วาจาสามหาว ถ้ากูเป็นโฟรโด้แล้วไอ้เปี๊ยกนี่จะเป็นอะไรห๊ะ”
เอ็มล็อคคอคนตัวเล็กมาใกล้แล้วพากันเดินก้าวออกจากลิฟท์ จิมมี่หัวเราะก่อนจะตอบ
“สมีกอลไง”
เท่านั้นสามคนยกเว้นคนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นสมีกอลกอลลัมในภาพยนต์ลอร์ดออฟเดอะริงส์ก็ระเบิดหัวเราะเสียงดัง
“พ่อง!”
“โอ๋ ๆ อย่างอนนะเตี้ยพี่มีขนม ๆ”
จิมมี่ขยี้กลุ่มผมสีน้ำตาลจนยุ่ง คนตาเฉี่ยวมองเพื่อนตัวใหญ่ด้วยความอาฆาต คิวเองก็เข้าไปขยี้ผมคนตัวเล็กเช่นกัน เพชรเป็นคนที่ถูกแกล้งบ่อยที่สุดในกลุ่ม พวกเขาลงความเห็นกันแล้วว่าแกล้งมันแล้วสนุกที่สุดเพราะมันไม่ค่อยโกรธอะไรใครจริงจังหรอก มีขนมมาง้อมันก็หายแล้วและอีกอย่างเวลามันทำหน้างอแล้วน่ารักน่าแกล้งดี ร่างสูงใหญ่เปิดประตูผายมือให้เพื่อนเดินเข้าห้องที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำรอไว้อยู่แล้ว
“เออคิวแล้วพี่เขาจะกลับมาเมื่อไหร่”
เพชรกระโดดขึ้นนั่งบนโซฟาปุ๊ปเอ่ยถามปั๊บ
“มึงจะอะไรกับพีทนักหนาฮะ”
“ถามตัวเองสิไอ้ห่านว่าทำอะไรไว้กับพวกกู”
คนตัวเล็กสวนกลับโดยมีอีกสองหน่อพยักหน้าเห็นด้วย
“กูทำอะไร”
“สัด!!!!!”
คิวหัวเราะ อะไรจะพร้อมเพรียงกันขนาดนั้น ร่างสูงหุ่นหมีส่ายหัวยิ้มกว้างทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาข้างเพื่อนตัวเล็กหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปลดล็อคหน้าจอแล้วส่งให้เพื่อนดู
“ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยย อย่างหล่ออ่ะไอ้คิ๊วววววว”
เมื่อคนตัวเล็กโวยวายเสียงดังอีกสองคนมีหรือจะอยู่เฉย เอ็มรีบฉวยโทรศัพท์ในมือเล็กไปดูก่อนจะเบิกตากว้างจิมมี่เองก็ชะโงกหน้ามาดูแล้วอุทานออกมาเสียงดัง
“โคตรน่ารัก”
“งานดีเหี้ย ๆ อ่ะไอ้คิว”
คิวยักคิ้วยิ้มกว้าง
“ระดับกูเคยได้แบบธรรมดาด้วยรึไง”
“เออกูรู้แต่ปกติมึงชอบแบบตัวเล็ก ๆ น่ารัก ๆ ไม่ใช่รึไง แต่มึงพี่เขาหล่ออ่ะ”
ป้าบ!
“โอ้ยไอ้คิวตบหัวกูทำไม”
คนตัวเล็กเบะปากคล้ายจะร้องไห้ลูบหัวตัวเองป้อย ๆ เพราะไอ้ยักษ์เพื่อนบ้าตบมาเสียเต็มแรง
“ของกู”
“วุ้ย กูรู้หรอกเว้ย ทำหวงนะไอ้ห่า”
“เออทั้งหล่อทั้งน่ารักคนจีบคงเยอะน่าดู”
เอ็มพูดตามใจคิด คิวขมวดคิ้ว นั่นสิลืมคิดถึงเรื่องนั้นไปเลย
“เขายังไม่มีแฟนจริง ๆ หรอมึงหน้าแบบนี้ไม่น่ารอดนะ”
จิมมี่ที่ยังจ้องรูปอยู่เอ่ยถาม
“พีทบอกว่าไม่มี”
“แล้วมึงก็เชื่อ?”
“อือ”
“หึหึ คุณชายมึงกลายเป็นคนเชื่อคนง่ายตั้งแต่เมื่อไหร่”
คิวยักไหล่ไม่ใส่ใจก่อนจะตอบเพื่อนเสียงเรียบแต่ในน้ำเสียงทุกคนในที่นี้รู้ได้ทันทีว่ามันจริงจังแค่ไหน
“ถึงมีกูก็จะเอาเขามาให้ได้”“ไม่ธ๊รรมดา อื้อหือ ไม่ธรรมด๊า”
เพชรร้องเพลงไชยามิตรชัยเสียงเพี้ยนพร้อมกับท่าเต้นออกมาไม่ได้สนใจอาการกลืนน้ำลายของทั้งเอ็มและจิมมี่สักนิด
“กูเกลียดเสียงและท่าเต้นมึงมากรู้มั้ยเตี้ย”
คิวยิ้มระอา
“เห็นมาตั้งแต่เด็กแล้วมึงยังไม่ชินมันอีกหรอวะ”
จิมมี่หัวเราะถาม มือใหญ่ลงมือแกะถุงขนมและแจกจ่าย
“บางทีกูก็อยากย้อนเวลาให้ไม่ต้องเจอมัน”
“เชอะ แล้วมึงจะเสียใจ”
เพชรหน้างอสะบัดไหล่หนีแขนใหญ่ที่โอบอยู่ คิวยิ้มเอ็นดูก่อนจะขยี้หัวอีกคนด้วยความหมั่นเขี้ยว ดูก็รู้ว่ามันสะดิ้งไม่ได้งอนจริงจังหรอกก็เหมือนกับเขาที่พูดเล่นไม่ได้พูดจริงจังอะไร
“แล้วเขาไปไหนอ่ะมึง”
หลังจากที่หามุมเหมาะนั่งอ่านหนังสือกันไปได้สักพัก จิมมี่ก็ถามขึ้นทำลายความเงียบในห้อง คิวเงยหน้าขึ้นมาเลิกคิ้ว
“มึงหมายถึงพีท?”
“เออสิกูจะหมายถึงใครล่ะ”
คิวพยักหน้าหงึกหงักก้มลงอ่านหนังสือในมือต่อแล้วตอบอีกคนไปด้วย
“บินไปญี่ปุ่นสามวัน”
“มิน่ามึงถึงทำหน้าหมาเหงา”
เพชรแทรกขึ้นมา
“เจ้าของไม่อยู่นี่เอง”
คราวนี้คิวเงียบไม่ได้ตอบอะไร พวกที่เหลือมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
“เอาจริงดิคิว”
“เฮ่อ....เออ กูคิดถึงเขาว่ะ”
สุดท้ายร่างสูงก็ถอนหายใจยาวทิ้งหนังสือในมือไว้ข้างตัวแล้วเงยหน้าหลับตาพิงโซฟา
“เหยด ไม่ธรรมดาจริง ๆ ด้วยว่ะ พี่พีทเล่นของอะไรใส่มึงวะถึงเป็นเอามากขนาดนี้ทั้งที่รู้จักกันแค่สองวัน”
เอ็มยิ้มมุมปากนั่งขัดสมาธิกอดหมอนถามอยู่ด้านล่างโซฟาที่ข้าง ๆ มีจิมมี่นอนคว่ำอ่านหนังสืออยู่
“หึ ไม่รู้ว่ะ”
“ชอบเขาไปแล้วล่ะสิ”
จิมมี่บอกทั้งที่ขนมยังเต็มปาก
“ถ้าไม่ชอบแล้วกูจะจีบเขาหรือไง”
“จิมมึงถามแบบนั้นไม่ได้เว่ยต้องถามแบบนี้
มึงตกหลุมรักพี่เขาไปแล้วสิ”
คราวนี้คิวชะงัก ตาเรียวลืมขึ้นมองเพดานแล้วหันไปมองเพื่อนตัวเล็กที่ยิ้มอย่างเหนือกว่าอยู่บนโซฟาเดี่ยวอีกตัว
“อาการแบบนี้เรียกว่าตกหลุมรัก?”
คนตัวใหญ่ถามขึ้น เพื่อนตัวเล็กตบหน้าผากตัวเองเสียงดังลืมไปว่าไอ้หมีมันไม่รู้หรอกว่าอาการตกหลุมรักเป็นอย่างไรเพราะมันไม่เคยมีความรู้สึกนี้กับใคร ที่ผ่าน ๆ มาก็มีแค่ชอบกับไม่ชอบ ชอบก็คบพอรู้สึกว่าไม่ชอบแล้วก็เลิก คิวเพื่อนของเขาเป็นคนแบบนั้นจริง ๆ เพราะอย่างนั้นเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่เพชรและผองเพื่อนสนใจเป็นอย่างมาก
คนที่ทำให้เพื่อนหมีจอมซึนของพวกเขาตกหลุมรักได้ต้องเป็นคนที่น่าสนใจขนาดไหนกันนะ แต่แค่เห็นจากหน้าตาก็รู้ในระดับหนึ่งแล้วว่าน่าสนใจ ใบหน้าหล่อปนหวานของอีกคนในยามหลับใหลขนาดเพชรที่มองผ่านรูปยังขอสารภาพเลยว่าแอบใจสั่น ตัวจริงพี่พีทต้องเป็นคนที่ดูดีมากแน่ ๆ
“แล้วตอนนี้มึงรู้สึกไงล่ะไหนลองบอกพวกกูมาซิ”
จิมมี่เปลี่ยนจากท่านอนขึ้นมานั่งขัดสมาธิพลางแย่งหมอนของเอ็มมากอดไว้เสียเอง
“ก็..คิดถึง อยากเห็นหน้า อยากอยู่กับพีท”
“อ่าฮะมีไรอีกมั้ย”
“อยากกินข้าวด้วยกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันแล้วก็...อยากกอด”
“ชัดเจน มึงตกหลุมรักเขาไปแล้วเพื่อน”
จิมมี่ชี้หน้าบอกเสียงดัง คิวกระพริบตาปริบ ๆ มองเพื่อนที่เหลืออย่างขอความเห็นและอีกสองคนก็พยักหน้าตอบกลับมา ร่างสูงถอนหายใจเสียงดัง
“ความรู้สึกนั้นมันจะเกิดเร็วขนาดนั้นเลยหรอวะ แค่สองวันเองนะ”
“มึงความรักอ่ะสบตากันแค่วินาทีเดียวก็รู้สึกรักได้แล้วเว่ยคนมันจะใช่ต่อให้เดินผ่านแล้วสบตากันก็ใช่ได้เว้ยในทางกลับกันคนที่ไม่ใช่ทำให้ตายไงมันก็ไม่ใช่”
คิวพยักหน้าแล้วคิดตามที่เพชรพูด
“แต่พอมึงรู้สึกใช่กับเขาแล้วมึงก็ต้องศึกษานิสัยใจคอกันด้วยนะ ถ้ารู้สึกว่าอยากรักษาความสัมพันธ์เอาไว้นาน ๆ ก็ต้องค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปอย่าไปรีบร้อนอะไรกับมัน ความรักมักจะวิ่งเข้ามาหาเราโดยไม่ทันตั้งตัวเพราะฉะนั้นมึงก็ต้องเรียนรู้วิธีที่จะรักษามันไว้ด้วย”
“อือ มึงพูดเหมือนพีทเลย”
คราวนี้เป็นเพชรที่เลิกคิ้วถาม
“แล้วพี่พีทบอกกับมึงยังไง”
“พีทบอกว่าค่อย ๆ ศึกษากันไปให้คิดว่าพีทเป็นเพื่อนคนนึงก่อนก็ได้ ให้กูทำตัวสบาย ๆ กับเขาไม่ต้องคอยเอาใจ แต่แบบมึงเข้าใจมั้ยจะให้กูทำแบบที่ทำกับพวกมึงกูก็ทำไมได้ พีทน่ารักเกินกว่าที่กูจะพูดมึงกูด้วยได้อีกอย่างเขาก็แก่กว่ากูตั้งห้าปี”
สามคนที่ฟังอยู่เบะปากหมั่นไส้ อยากจะถ่ายวีดีโอแล้วเอาให้มันดูเหลือเกินว่าเวลามันพูดถึงพี่พีทของมันตามันหวานเชื่อมขนาดไหน
“พีทน่ารักแล้วก็ใจดี เพราะมึงเลยสัดจิมทำให้กูคิดมาก”
คิวหันไปส่งสายตาอาฆาตให้เพื่อนตัวใหญ่ คนโดนว่าสะดุ้งหน้าเหรอหรา
“กูทำอัลไลเผียดดดดดด”
“ก็มึงบอกว่าพีทน่าจะมีคนชอบเยอะ”
“โน่นไอ้เอ็มโน่นไม่ใช่กู”
จิมมี่รีบโบ้ยชี้ไม้ชี้มือไปทางคนพูดตัวจริง เอ็มถลึงตาใส่ก่อนจะหันมาหาคิว
“แล้วกูพูดผิดตรงไหนวะ ก็ดูจากหน้าเขาแบบนั้นโสดก็อัศจรรย์พอแล้วนะกูว่า”
“คิดไรมากวะมึง เขาพูดแบบนั้นก็แปลว่าเขาให้โอกาสมึงแล้วไง”
เอ็มยักไหล่บอก
“อีกอย่างมึงบอกเองไม่ใช่หรือไงว่าถึงเขาจะมีใครมึงก็จะเอาเขามาให้ได้”
คิวฟังแล้วหัวเราะในลำคอ นั่นสิแล้วเขาจะกังวลไปทำไม เพราะไม่ว่าอย่างไรสิ่งที่เขาอยากได้ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามสุดท้ายแล้วมันก็ต้องเป็นของเขา
คนอย่างคณินอยากได้ก็ต้องได้
“เสร็จซะที โอ๊ยโคตรเหนื่อยเลยวันนี้ ถึงโรงแรมนะจะนอนยันอีกวันหนึ่งเลย”
ธิชาเพื่อนสาวคนสวยของพีทพูดออกมาอย่างหมดแรงพิงหลังกับเบาะรถบัสที่กำลังจะพาพวกเขาไปส่งที่โรงแรมถอนหายใจเสียงดัง พีทที่นั่งอยู่ข้างกันหันมายิ้มให้
“อย่าให้เห็นว่าบ่าย ๆ ออกไปช็อปนะ”
“ง่ะ พีทอ่ะ”
“หึหึ”
ร่างโปร่งบางไม่ได้ตอบอะไรเพื่อนกลับไป มือเรียวหยิบพ็อคเก็ตไวไฟขึ้นมาเปิดสัญญาณแล้วเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือของตนเอง รอไม่นานสัญญาณเชื่อมต่อเรียบร้อยพีทจึงกดเข้าไปในโปรแกรมแช็ทสีเขียวยอดฮิตตอบไลน์ครอบครัวเสร็จแล้วก็กดเข้าไปยังข้อความของหมียักษ์
quebec เดินทางปลอดภัยนะครับ ถึงแล้วบอกด้วย
quebec คิดถึงแล้วอ่ะ ทำยังไงดี
quebec วันนี้เพื่อนมาอ่านหนังสือที่ห้องครับ อ่านกันได้แปบเดียวก็ค้นเกมมาเล่นกัน สรุปอ่านหนังสือสองชั่วโมงเล่นเกมถึงเช้าพีทขมวดคิ้วเพราะเวลาที่ส่งมาหาเขาจากข้อความล่าสุดเพิ่งจะเมื่อห้านาทีที่แล้วเอง ใบหน้าขาวก้มลงยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลาที่นี่แปดโมงครึ่งที่ไทยก็ประมาณหกโมงครึ่ง
ให้ตายสินี่มันเช้าแล้วนะทำไมถึงยังไม่นอน!
นี่มันเช้าแล้วนะคิวทำไมยังไม่นอนกันอีก
quebec พีทถึงแล้วหรอครับครับ
quebec ใกล้จะนอนแล้วครับแล้วทำอะไรอยู่เล่นเกมกันอยู่หรอครับ
quebec เปล่าครับพวกมันสลบกันไปตั้งแต่เมื่อชั่วโมงที่แล้วแล้วแล้วทำไมคิวไม่นอนพร้อมเพื่อนล่ะ อ่านหนังสือต่อหรอครับ
quebec เปล่าครับ?
quebec ผมรอพีทพีทชะงักมือที่พิมอยู่เมื่ออ่านข้อความของอีกคน หมีบื้อเอ๊ยจะรอเขาทำไมกันพิมพ์ข้อความทิ้งไว้แล้วไปนอนเขาก็รู้เรื่องแล้วไหม น่าตีจริง ๆ เลย
ขอตีสักทีได้ไหมจะรอทำไมครับก็น่าจะรู้ไม่ใช่หรอว่าพีทถึงเช้า
quebec รู้ครับแต่อยากรอ อยากคุยด้วย จริง ๆ อยากได้ยินเสียงด้วยขอโทรไลน์หาได้ไหมครับเด็กดื้อพีทควรตามใจด้วยหรอ
quebec โถ่พีทครับ นะครับขอโทรหานะดื้อจริง ๆ แปบนะครับพีทหาหูฟังก่อน
quebec (สติ๊กเกอร์สติชเต้นรำ)โอเคพร้อม แต่พีทอาจจะเสียงเบาหน่อยนะอยู่บนรถบัส
คิวอ่านแล้วไม่ตอบแต่มีสายเข้ามาแทนมือเรียวกดรับ
ถึงนานรึยังครับ“ไม่นานครับกำลังนั่งรถไปโรงแรม”
เหนื่อยไหมครับ ผู้โดยสารเยอะไหม“อืม ก็เยอะเป็นปกตินะ ไม่ค่อยเหนื่อยมากครับแต่ง่วงมากกว่า”
ถึงโรงแรมแล้วรีบอาบน้ำนอนเลยรู้ไหมครับคนฟังทำปากยื่นแล้วตอบปลายสายด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
“บอกตัวเองก่อนเถอะหมี นอนเช้าขนาดนี้ไม่ต้องนอนเลยไหม”
เดี๋ยวคุยกับพีทเสร็จก็จะไปนอนแล้วครับ อ่า...ได้ยินเสียงแล้วชื่นใจจัง“เวอร์ซะไม่มี”
ริมฝีปากสีชมพูอวบอิ่มคลี่ยิ้มบางโดยที่ปลายสายไม่มีวันได้เห็น ดวงตากลมโตมองออกไปนอกหน้าต่าง
โถ่ ผมพูดจริง ๆ นะครับ คิดถึงแล้วอ่ะเมื่อไหร่จะกลับ“หึหึ ง่วงแล้วงอแงหรอ”
พีทหัวเราะแล้วหน้าคิวเวลางอแงก็ผุดขึ้นมาในหัว
ไม่ได้ง่วงซะหน่อย“หรอ ๆ”
ไม่ได้ง่วงจริง ๆ นะ!“ครับ ๆ เชื่อแล้วครับ”
พีทครับ“หืม? ว่าไงครับ”
เปิดวีดีโอได้ไหม“ได้คืบจะเอาศอกหรือไงหมียักษ์”
ก็อยากเห็นหน้าหมาน้อยก่อนนอน“เดี๋ยวนะพีทกลายเป็นหมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
ไม่ใช่หมาธรรมดาครับ หมาน้อยต่างหาก ไม่รู้แหละพีทยังเรียกผมหมียักษ์ได้เลย“เด็กคนนี้นี่เอาแต่ใจจริง ๆ เย็น ๆ ค่อยวีดีโอคอลได้ไหมครับ ตอนนี้พีทเหนื่อยมากโทรมสุด ๆ”
ก็ได้ครับ ถ้ายังไงตื่นแล้วไลน์บอกผมหน่อยนะ“โอเค~ แต่พีทว่าตอนนี้คิวไปนอนได้แล้วนะเดี๋ยวก็ปวดหัวหรอก”
โอเคครับผม ฝันดีนะครับพีท“ฝันดีครับคิว”
พีทวางโทรศัพท์จากคิวไปแล้ว กำลังจะเปิดเพลงฟังเสียงเพื่อนสาวก็ดังขึ้นเสียก่อน
“ฮะแฮ่ม ๆ เมื่อกี้คุยกับใครหรออออออออออออ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว”
หญิงสาวลากเสียงยาวเอ่ยล้อ เธอได้ยินบ้างไม่ได้ยินบ้างเพราะถึงจะนั่งข้างกันแต่พีทคุยโทรศัพท์ได้เสียงเบามาก ขัดใจเธอจริง ๆ
“น้อง”
“น้องภีมอ่ะเหรอ เอ๊แต่ที่ได้ยินแว่ว ๆ เหมือนพีทไม่ได้เรียกชื่อภีมเลยน้า เรียกว่าอะไรคิว ๆ นะ”
ธิชาเล่นหูเล่นตาใส่เพื่อนแต่พีทถึงจะรู้สึกเขินแค่ไหนเขาก็ยังสามารถรักษาสีหน้าไว้ได้ดี
“น้องที่รู้จัก”
“รู้จักแบบไหนหรอ”
“ฮ้าว~ ง่วงจังเลยนอนก่อนนะ”
พีทตัดบทฉับแบบไม่ใช้สแตนอิน เปิดเพลงเสียงดังหลับตาพิงเบาะเฉยปล่อยให้เพื่อนสาวมองตามตาปริบ ๆ แล้วดีดดิ้นอยู่เบาะข้างกัน เธอรู้ดีว่าถ้าเขาไม่พูดง้างปากให้ตายยังไงเขาก็ไม่พูด ธิชาเป็นหนึ่งในเพื่อนร่วมงานที่พีทค่อนข้างสนิทด้วย เธอเป็นคนนิสัยดีจิตใจดีถึงจะขี้แกล้งไปเสียหน่อยแต่ก็ถือว่าเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่งเลย นาน ๆ เขาสองคนจะเจอแจ็คพ็อตได้มาบินพร้อมกันสักที อีกสองวันที่เหลือพีททำใจไว้แล้วว่าต้องโดนซักจนเปื่อยแน่
ใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงรถบัสก็พาลูกเรือมาส่งถึงหน้าโรงแรมโดยสวัสดิภาพ พีทเดินลากกระเป๋าเข้ามาภายในล็อบบี้ทุกคนยืนรอกันอยู่บริเวณนั้นแล้วพี่หัวหน้าลูกเรือก็แจกจ่ายกุญแจห้องให้แต่ละคน พีทรับกุญแจมาไว้ในมือพร้อมกล่าวขอบคุณ
“เตรียมคำอธิบายไว้ให้ด้วย”
หญิงสาวเดินมากระซิบบอก พีทหันมาพยักหน้าให้เพราะรู้ว่าอย่างไรก็หนีไม่พ้นอีกอย่างเรื่องของคิวก็ไม่ได้เป็นความลับอะไร
“ถ้าเย็นนี้ตื่นออกไปกินข้าวกันเดี๋ยวเล่าให้ฟัง”
เมื่อได้ยินคำตอบที่เป็นที่น่าพอใจธิชาจึงยิ้มหวานให้เพื่อน
“ดีมาก! อิอิ”
พีทอมยิ้มขำ พอดีกับที่ลิฟท์เปิดพวกเขาทั้งหลายจึงทยอยกันขึ้นลิฟท์ไป โชคดีที่เขาได้พักคนเดียว พีทเดินเข้ามาภายในห้องเอากระเป๋าไปเก็บตรงมุมห้อง ถอดสูทออกจนเหลือแค่เสื้อเชิ้ตสีขาวตรงกระเป๋าหน้าอกมีสัญลักษณ์ของสายการบินอยู่ ร่างสูงโปร่งก้ม ๆ เงย ๆ จัดเสื้อผ้าสักครู่ก็เดินเข้าห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกาย
สายน้ำอุ่นทำให้เขาได้ผ่อนคลาย คิดถึงคนที่เพิ่งวางสายจากกันไปตอนนี้คงหลับปุ๋ยไปแล้วมั้ง เขาใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำประมาณยี่สิบนาที เดินออกมาพาดผ้าขนหนูไว้ตรงราวเสร็จแล้วก็เดินมานั่งที่เตียงเตรียมตัวนอน มือเรียวหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์บอกอีกคนสักหน่อยดีกว่า
ถึงโรงแรมแล้วครับกำลังจะนอน
ฝันดีนะหมียักษ์
ใบหน้าขาวเผยรอยยิ้มจาง กดเล่นโทรศัพท์อีกนิดหน่อย ตั้งเวลาปลุกเรียบร้อยจึงปิดโทรศัพท์และทิ้งตัวลงนอน
เวลา 14:13 น. ตามเวลาประเทศไทยคิวงัวเงียตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงคุยกัน ไม่สิ น่าจะเถียงกันอยู่จากด้านนอก ร่างสูงปัดป่ายหาโทรศัพท์เพื่อกดดูเวลา บ่ายสองกว่าแล้วหรอมิน่าไอ้พวกนั้นถึงส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว เขาชันกายไร้อาภรณ์ด้านบนขึ้นมานั่ง ปกติแล้วถ้านอนอยู่ในห้องตัวเองคิวมักจะไม่สวมเสื้อนอนและ
เขาไม่ชอบนอนร่วมเตียงกับใครนั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมในห้องนี้ถึงเงียบเชียบไร้เสียงสิ่งมีชีวิตอื่นอยู่เพราะพวกมันนอนกองรวมกันอยู่ด้านนอกโน่น เขาไม่ได้ใจร้ายใจดำกับเพื่อนนะโซฟาด้านนอกสามารถลากออกมากลายเป็นเตียงขนาดห้าฟุตได้ เพชรกับเอ็มสองคนมันนอนได้สบาย ๆ ส่วนจิมมี่มันเป็นโรคบ้า ติดนอนพื้นเย็น ๆ เลยลอยตัวมีแค่ผ้านวมกับหมอนให้มันก็นอนได้ทุกที่แล้ว
มือใหญ่ขยี้หัวตัวเองไล่ความง่วง หยิบโทรศัพท์มากดอีกครั้งพอเห็นข้อความของอีกคนที่อยู่อีกประเทศก็ยิ้มกว้าง
pete ถึงโรงแรมแล้วครับกำลังจะนอน
pete ฝันดีนะหมียักษ์คิวนั่งมองข้อความแล้วยิ้มกว้างอยู่อย่างนั้น หัวใจของเขารู้สึกว่ามันชุ่มชื้นเหมือนได้น้ำทิพย์มาชโลม อาการง่วงงุนหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อนึกถึงใบหน้าหล่อปนหวานของอีกคน
“ทำให้ผมคิดถึงขนาดนี้ไม่ดีเลยนะครับพีท”
ส่ายหน้าอมยิ้มกับตัวเองแล้วถอนหายใจยืดยาว คงต้องยอมรับแล้วล่ะว่าสิ่งที่เพชรพูดเป็นความจริง เขากำลังตกหลุมรักคนที่เจอกันได้เพียงสองวัน เมื่อคืนคิวก็นั่งคิดหาเหตุผลว่าเพราะอะไรเขาถึงเกิดความรู้สึกนี้ขึ้น แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัวจนสุดท้ายก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไป
คิวไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้กับใครและเขาก็ไม่รู้ด้วยว่ามันจะคงอยู่นานแค่ไหน เสี้ยวหนึ่งในหัวใจเขารู้สึกกลัวว่าตัวเองจะผิดหวังพีทอาจจะไม่ได้คิดเหมือนกัน แล้วถ้าความรู้สึกของเขาไปไกลจนกู่ไม่กลับแต่ความรู้สึกของอีกคนยังอยู่ที่เดิม
เขาจะทำอย่างไร
tbc