unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 25 [31/10/18] PART2.10
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 25 [31/10/18] PART2.10  (อ่าน 9668 ครั้ง)

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 9 [28/8/18]
«ตอบ #30 เมื่อ29-08-2018 18:45:51 »

:เฮ้อ:

เกลียดภูมิ แต่นะคนหน้าด้าน เห็นแก่ได้ ก็มัักจะได้จริงๆ

เพราะมันแอ๊บเนียนไง ปากหวาน ตะล่อมเก่ง

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 9 [28/8/18]
«ตอบ #31 เมื่อ29-08-2018 18:46:20 »

พรีมโคตรแย่

มันอาจจะแย่กว่านี้อีก...

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 9 [28/8/18]
«ตอบ #32 เมื่อ29-08-2018 18:47:00 »

มันยากนักก็ 4p-5p ไปเลย 55555 ///สายดาร์กกก

เอิ่มมมมมมม ไม่อาววววว ไม่ถนัดหลายๆ พี ฮ่าๆ

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 9 [28/8/18]
«ตอบ #33 เมื่อ29-08-2018 18:47:27 »

โห...ไอ่พรีม!
ไม่รักพรีมเหรอออ

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 10 [29/8/18]
«ตอบ #34 เมื่อ29-08-2018 19:53:56 »

อัครจัดการใจตัวเองซะที

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 11 [30/8/18]
«ตอบ #35 เมื่อ30-08-2018 11:21:54 »

11
คาบเรียนสุดท้ายของพวกเขาจบลงตอนสี่โมงครึ่ง แต่เคนยังมีเรียนถึงทุ่มตรง และคงต้องอยู่ที่มหาวิทยาลัยจนกว่าจะเรียนเสร็จ ปกติพรีมจะอยู่รอ เพื่อกลับห้องพร้อมเคน แต่วันนี้ตั้งใจจะกลับห้องกับซุป

ห้องที่พรีมไม่ค่อยอยากกลับไป ทั้งที่เป็นคนเอ่ยปากชวนให้มาอยู่ด้วยกัน

“ง่วงว่ะ”

ซุปรู้สึกถึงไออุ่นที่ทาบลงมาบนหลัง ก่อนที่ไหล่จะหนักขึ้นเพราะคางของพรีมที่วางลงมา เขาชะลอความเร็วของรถมอเตอร์ไซค์ที่ขับขี่อยู่ลงเล็กน้อย ที่หางตาเหลือบเห็นว่าพรีมหลับตาอยู่ คล้ายจะหลับ

“เดี๋ยวก็ตกไปตายห่า ไอ้สัส มึงอย่าหลับ” ซุปตะโกนบอก พยายามเกร็งไหล่ข้างที่พรีมเอาคางเกย วันนี้ค่อนข้างแปลก เพราะปกติพรีมไม่ค่อยเข้าใกล้หรือแสดงท่าทีแบบนี้เวลาอยู่ด้วยกันเท่าไหร่ อย่างมากก็แค่กอดคอโอบไหล่ตามประสาเพื่อน

“กูง่วง” พรีมครางบอกทั้งที่ยังหลับตา ก่อนจะเอื้อมมือไปโอบเอวของซุป จนคนถูกโอบสะดุ้งเบาๆ ด้วยความไม่คุ้นเคย “แบบนี้ไม่ตกแน่”

ซุปขมวดคิ้ว พึมพำกับตัวเอง แต่พรีมก็ยังได้ยิน และอดอมยิ้มไม่ได้

“แม่งเพี้ยนแน่ๆ”

......
...
วันปฐมนิเทศตอนม.4

ในขณะที่ซุปกำลังนั่งเคาะจังหวะกลองกับโต๊ะม้าหินระหว่างรอเคนมาโรงเรียน มีเด็กผู้ชายใส่แว่นตากรอบสีส้มสดใสคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาทักด้วยรอยยิ้มกว้าง ตอนที่เขาเงยหน้าขึ้นมอง แสงแดดมันสะท้อนเข้าตาทำให้มองหน้าไม่ชัดเท่าไหร่ เพราะมันสะท้อนกับแว่นจนเห็นเป็นเงาดำๆ

“หอประชุมไปทางไหน รู้ป่ะ?”

ซุปกะพริบตาเล็กน้อย เพื่อปรับสายตาให้มองหน้าอีกฝ่ายได้ชัดขึ้น เขาไม่ได้ส่งยิ้มกลับไป และจำได้ว่าตัวเองตอบสั้นๆ ห้วนๆ ดูไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย แต่กระนั้น อีกฝ่ายก็ยังคงยิ้มเกือบตลอดเวลา

“ไปยัง? ไม่ไปเลยเหรอ? เดี๋ยวสายนะ เข้าไปทีหลังแม่งโครตเด่นนะเว้ย”

ซุปมองมือที่ยื่นมาจับแขนแล้วเงยหน้ามองคนจับอีกที ในใจคิดว่า มึงจะเสือกอะไรกับกูเนี่ย แต่เขาก็ไม่ได้พูดอย่างนั้นออกไป

“มึงไปก่อน กูรอเพื่อนอยู่”

“งั้นกูรอเป็นเพื่อนอีกคน” มันยักคิ้วกวนตีนอย่างมาก แต่ซุปก็ไม่ได้ว่าอะไร ปล่อยให้มันนั่งจ้อไปเรื่อยเปื่อย ยิ้มเรี่ยราดให้ทุกคนที่เดินผ่าน จนอดคิดไม่ได้ว่า มันเฟรนลี่หรือแค่หน้าม่อ

กว่าเคนจะมาถึงโรงเรียน ซุปได้รู้เรื่องของคนที่จู่ๆ ก็เข้ามานั่งด้วยหน้าตาเฉยมากมาย มันบอกว่าชื่อ “พรีม” สอบเข้าโรงเรียนนี้มาคนเดียว ไม่มีเพื่อนหรือคนรู้จักเลยสักคน พอเห็นเขานั่งอยู่คนเดียวเงียบๆ เลยเข้ามาทัก แถมยังอยู่ห้องเดียวกันโดยบังเอิญอีก

“พรหมลิขิตชัดๆ มึงว่ามั้ย”

“พูดผิดรึเปล่า แค่โชคชะตาก็พอ” ซุปหันไปเถียง แต่พรีมก็ฉีกยิ้มแล้วหัวเราะอย่างร่าเริง

“แล้วแต่มึงจะคิด”

“เออ”

“ไอ้ซุป!!! สายยังวะ”

ไม่ทันที่จะได้คุยต่อ เคนก็วิ่งกระหืดกระหอบลงจากรถของพ่อมาพอดี ซุปแนะนำให้ทั้งคู่รู้จักกันแค่ชื่อ แต่เหมือนเคนจะติดใจอะไรไอ้พรีมสักอย่าง เลยชวนกันคุยไม่หยุด แถมยิ้มมากกว่าปกติ เพราะทุกทีอยู่กับเขา เคนจะไม่ค่อยยิ้มเท่าไหร่ มีแต่ทำหน้างอแล้วก็ตีกันไปมามากกว่า

ตั้งแต่นั้นมา พวกขาสามคนก็กลายเป็นเพื่อนรักกันอย่างทุกวันนี้

......
...
ซุปพาพรีมกลับมาถึงหอพักโดยสวัสดิภาพ แต่ก็ทุลักทุเลเล็กน้อย เพราะพรีมดันหลับจริง เลยต้องปลุกอยู่นานกว่าจะได้ลงจากรถ

“แม่ง น้ำลายยืดใส่กูด้วยเนี่ย เหี้ยจริงๆ” ซุปก่นด่าเบาๆ ตอนที่เดินกลับห้องด้วยกัน เสียงฝีเท้าของทั้งคู่ดังสะท้อนกับพื้นก้องไปทั่วบริเวณทางเดิน พรีมยังทำตัวอ่อน เอียงคอซบบ่าของซุปเป็นพักๆ

“ก็กูง่วงอ่ะ”

“กลางคืนมัวแต่ทำห่าไรล่ะ ไม่หลับไม่นอนให้มันเต็มที่”

พรีมยกยิ้มมุมปาก เอนตัวซบบนบ่าของซุปที่กำลังไขกุญแจห้อง “มึงอยากรู้เหรอ”

“ไม่อยาก ไม่ต้องบอก ขอบใจ” ซุปว่าก่อนจะผลักประตูเดินนำเข้าไปในห้อง พรีมเลยต้องรีบเด้งตัวขึ้นมายืนตามปกติ แล้วเดินตามหลังซุปเข้าไป

ซุปวางข้าวของลงบนโต๊ะของตัวเอง พร้อมทั้งข้าวกล่องที่แวะซื้อมาจากในมหาวิทยาลัยทั้งสองกล่อง นานแล้วที่พรีมไม่ได้กลับห้อง ตั้งแต่ย้ายมาอยู่เมื่อปีก่อน พรีมนอนที่ห้องนี้แค่ราวๆ สามเดือน จากนั้นก็แทบทิ้งร้าง นานๆ แวะกลับมาที ส่วนใหญ่ก็จะมากับเคน และนอนรวมกันสามคน

เขาไม่เคยถามเหตุผลว่าทำไมพรีมถึงไม่ยอมกลับมาที่ห้อง ทั้งที่หารค่าเช่าและค่าน้ำค่าไฟให้ตลอด บอกว่าไม่ต้องก็ยังจะจ่ายให้ ซุปไม่ใช่คนชอบก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวคนอื่น รู้แค่พรีมอยากไปนอนกับเคนก็พอ

แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่แบบนั้นเลย

“อาบน้ำก่อนหรือจะแดกก่อน” ซุปหันไปถามพรีมที่ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงของเขา ทั้งที่เตียงตัวเองก็โครตจะโล่ง น่านอนกว่ากันเป็นไหนๆ

“กินก่อนได้ป่ะ หิวว่ะ” พรีมส่งเสียงโอดครวญเบาๆ แต่กลับหงายหลังลงนอนบนเตียงแทนที่จะลุกมากินข้าวอย่างปากพูด จนซุปต้องถอนหายใจ เดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วชะโงกหน้าเรียก แต่พรีมแค่ยื่นแขนไปให้

“ก็ลุกมากินดิ”

“ไม่มีแรงว่ะ ฉุดหน่อย”

ซุปถอนหายใจแรง แต่ก็ยอมช่วยฉุดแขนของพรีมให้ลุกขึ้นตามที่ขอ รู้สึกแปลกมากจริงๆ ที่วันนี้พรีมเกาะติดตลอดเวลา แถมทำท่าทางอ้อน (ตีน) จนชักรำคาญ และทำให้เขาหาโอกาสส่งข้อความไปหาอัครไม่ได้เลย

“แกะให้ด้วยดิ”

เสียงไอ้เด็กขี้อ้อน (ตีน) ดังรบกวนจนซุปถึงกับกลอกตาไปมา แต่ก็ยอมแกะข้าวกล่องวางไว้ให้ เขารู้ว่าพรีมต้องราดน้ำปลาพริกบนกะเพรากุ้งของโปรด ก็เลยจัดการทำให้เสร็จสรรพ จะได้ไม่ต้องส่งเสียงมาขออีก

“แดกเลย เดี๋ยวกูอาบน้ำก่อน” ซุปคว้าสมาร์ทโฟนกับผ้าขนหนูเตรียมจะเดินเข้าห้องน้ำ แต่พรีมดึงแขนไว้ เลยต้องหันไปมองหน้า

“กินด้วยกันสิวะ”

“ต้องให้กูป้อน?”

“ได้แบบนั้นก็ดี” พรีมคลี่ยิ้มจนตาหยี มือยังจับแขนของซุปไว้แน่น สุดท้ายเขาก็เลยยอมนั่งลงกินข้าวด้วยกันก่อน ทั้งที่กะจะเข้าไปส่งข้อความคุยกับอัครในห้องน้ำ เลยเปลี่ยนมาส่งไลน์ตอนกินข้าวแทน

ฟึ่บ!

“อย่าเอาแต่เล่นมือถือดิ”

ซุปขมวดคิ้วฉับมองตามสมาร์ทโฟนของตัวเองที่ถูกฉกชิงไปต่อหน้าต่อตา ทั้งที่กะจะคุยกับอัครให้หายคิดถึง พรีมแย่งมือถือไปแล้วเหลือบมองหน้าจอเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง

“ปิดเทอมนี้ กูชวนอัครไปเที่ยวด้วยกันว่ะ มึงสนใจมั้ย”

ซุปยังไม่ตอบในทันที เขาเพียงแค่ย่นคิ้วเข้าหากัน จ้องหน้าพรีมอย่างไม่เข้าใจ

“ว่าไง? มึงอยากเจออัครอีกไม่ใช่เหรอ? จะจีบเพื่อนกูก็บอก ทำไมต้องทำหลบๆ ซ่อนๆ วะ” พรีมว่าพลางตักข้าวเข้าปาก เคี้ยวจนมันละเอียดแล้วกลืนลงคอ ซุปก็ยังนั่งนิ่ง ไม่พูดไม่จา และไม่กิน เหมือนจะรอให้พรีมกินเสร็จก่อน แล้วค่อยพูด

“มึงรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ไม่มีอะไรเกี่ยวกับมึงที่กูไม่รู้”

ซุปนิ่งไปอีกรอบ มือที่กำช้อนไว้สั่นเล็กน้อยด้วยความโกรธ เรียวคิ้วขมวดมุ่นพาให้หน้าตาบูดบึ้ง แต่พรีมก็ยังคงยิ้ม

เป็นแบบนี้ทุกที

ซุปพยายามพ่นลมหายใจ เพื่อควบคุมสติอารมณ์ของตัวเองที่กำลังคุกรุ่น เขาบีบช้อนที่กำไว้แล้วค่อยๆ คลายมันออก วางช้อนลงบนโต๊ะและลุกยืนหันหน้าออกไปนอกระเบียง ซึ่งมีบานประตูกระจกคั่นไว้ พรีมมองตามใบหน้าด้านข้างของซุป รอยยิ้มเลือนหายไปจากใบหน้านั้นแล้ว

“มึงไม่เห็นบอกกู ว่าชอบผู้ชายได้เหมือนกัน” พรีมเองก็วางช้อนลงเช่นกัน สายตายังคงจับจ้องเสี้ยวหน้าข้างหนึ่งของซุปไม่วางตา แต่สีหน้านั้นเดาอารมณ์ได้ยากยิ่ง

“แล้วทำไมกูต้องบอกวะ” ซุปกัดฟันกรอด

“มึงเอาจดหมายในลิ้นชักไปใช่มั้ย กูว่ามันหายไปซองนึง”

“เออ กูเอาไป” ซุปหันไปมองหน้าพรีมตรงๆ “กูเขียนจดหมายพวกนั้นตอบกลับไปแทนมึง กูคุยกับอัครลับหลังมึงมาตลอดเกือบปี พอใจยัง?”

“ก็ไม่ได้ว่าอะไร” พรีมยักไหล่พลางคลี่ยิ้มตามเดิม แต่ซุปไม่รู้สึกสบายใจเลยกับท่าทางอย่างนั้นของพรีม เขากำหมัดแน่นจนมือสั่นกึกๆ บางสิ่งที่เก็บกดไว้มานานมันเริ่มปะทุออกมาทีละน้อย หลังจากที่อดทนมานาน

“ถ้าเป็นไปได้ คนนี้กูขอ”

“จริงจังขนาดนั้นเลย?” พรีมเลิกคิ้ว มุมปากแต้มด้วยรอยยิ้มยียวน

“เออ กูจริงจัง แล้วนั่นก็เพื่อนมึงทั้งคน หวังว่ามึงจะไม่ทำอะไรชั่วๆ เหมือนเมื่อก่อนอีก” ซุปเกร็งไปทั้งตัว เพราะฝืนเก็บความรู้สึกทั้งหมดที่ใกล้ระเบิดเอาไว้ ถ้าพูดไปตอนนี้ อาจจะถึงขั้นแตกหักกับเพื่อนได้ และเขาไม่ต้องการให้มันเป็นแบบนั้น

ไม่ว่าไอ้พรีมมันจะระยำแค่ไหนก็ตาม

“กูยอมให้มึงได้ทุกอย่างมาตลอด ทั้งเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของกู ทั้งคนที่กูแอบชอบ คนที่กูสนใจ ถ้ามึงอยากได้ กูยกให้หมด แต่ขอแค่คนนี้ ได้มั้ยวะพรีม”

“หืม? เดี๋ยวนี้กล้าพูดกับกูตามตรงแล้วเหรอวะ” พรีมยังคงยิ้มกวน ทั้งที่ซุปแทบจะคุกเข่าขอร้องอยู่แล้ว ใครเห็นคงคิดว่าพรีมกำลังสะใจที่เห็นซุปเป็นแบบนี้

พวกเขาเป็นเพื่อน แต่ก็ไม่เหมือนเพื่อน

ทั้งซุปและพรีมต่างเรียนเก่งเหมือนกัน มีงานอดิเรกคล้ายๆ กัน มีผู้หญิงมาชอบพอๆ กัน พวกเขาดูน่าจะเป็นเพื่อนรักกันตามที่ใครๆ เห็น

แต่ความจริงแล้ว ซุปคิดมาตลอด ว่าพรีมอาจจะเกลียด

......
...
ซุปไม่ได้คิดแบบนั้นมาตั้งแต่แรก ปกติเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจใคร ไม่แคร์สายตาคนอื่น เรียกว่า ไม่สนโลกก็ว่าได้ ซุปอยู่กับเคนแค่สองคนมาตลอด เพื่อนคนอื่นก็พอคบได้ แต่ไม่สนิท และพอมีพรีมเข้ามาตีสนิท แรกๆ ก็ไม่ได้คิดอะไร พรีมทำตัวกลมกลืนไปกับพวกเขาได้อย่างดี ทำให้ซุปไม่สะกิดใจใดๆ ทั้งสิ้น

“ซุป มึงจะเข้าชมรมดนตรีเหรอ”

“เออ”

“งั้นกูเข้าด้วย”

เพราะเคนชอบไม่เหมือนกัน ตอนนั้นที่มีพรีมเข้ามา แถมยังชอบเล่นดนตรีเหมือนกัน ทำให้ซุปดีใจนิดหน่อย พรีมเล่นกีต้าร์ได้ ส่วนซุปก็ตีกลอง เลยได้อยู่ในวงเดียวกัน และมีรุ่นพี่อีกสามคนในวง ทำให้ซุปกับพรีมเริ่มสนิทกันมากขึ้น พรีมขอให้ซุปช่วยสอนตีกลอง ซุปก็สอนให้ ไม่ว่าขอให้ช่วยทำอะไรก็ทำ เพราะคิดว่าพรีมเป็นเพื่อน แถมเคนก็ดูจะชอบพรีมไม่น้อย

“มึงให้กูเล่นกลองได้มั้ยวะ กูอยากเล่นอ่ะ มันเท่ดี”

แม้แต่ตอนที่พรีมมาขอสลับตำแหน่ง ซุปก็ไม่ได้ว่าอะไร เขายอมให้เพื่อนได้เป็นมือกลองในวงแทน และพรีมก็ทำออกมาได้ดีมาก มากกว่าตอนที่ซุปอยู่ในตำแหน่งนั้น เขาจึงยินดีที่จะให้พรีมครองตำแหน่งมือกลองของวง ส่วนซุปเปลี่ยนไปเล่นกีต้าร์พรีม

“กูว่ามึงเหมาะกับกีต้าร์มากกว่า จริงๆ นะเว้ย ไม่ได้ยอ” พรีมหัวเราะแล้วกอดคอไว้ ซุปเองก็แค่ยิ้มให้ มันอาจจะจจริงอย่างที่พรีมว่า เพราะพอเปลี่ยนไปเล่นกีต้าร์ ยอดไลค์ของวงก็เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า หรือมันอาจจะเพราะพรีมไปเล่นกลองก็ได้

“น้องคนนั้นมาแอบมองมึงบ่อยนะ แอบชอบมึงแหงๆ เลยว่ะซุป” รุ่นพี่ม.6 ในวงเดียวกันว่าอย่างนั้น ซุปชะเง้อมองก็เห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งยืนด้อมๆ มองๆ ข้างเสาหน้าห้องซ้อม เขาส่ายหน้า เพราะไม่ได้คิดอะไร

แต่พอวันถัดมา เขาก็เห็นพรีมอยู่กับเด็กผู้หญิงม.4 คนนั้น ท่าทางสนิทสนมกันมากด้วย และซุปก็คิดว่าดีแล้ว ถ้าพรีมจะมีแฟน

“มึงชอบคนนั้นเหรอซุป?”

ซุปเคยแอบชอบรุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ไม่กล้าเข้าไปทักหรือคุยด้วย และพอพรีมถาม ก็เลยเล่าให้ฟัง กับเคนยังไม่เคยคุยเรื่องพวกนี้กันเลย เพราะซุปมักจะมองเคนว่าเป็นเด็ก ไม่เหมาะกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เขาทำตัวเหมือนพี่ชายหรือพ่อของเคนเสมอ กับพรีมที่เท่าเทียมกันทุกอย่าง ไม่ว่าจะรูปร่างหน้าตา การเรียน กีฬาหรือเรื่องงานอดิเรก ทำให้ซุปค่อยๆเปิดใจและคุยกับพรีมทุกเรื่อง

พรีมบอกว่าจะช่วย ซุปก็เลยเออออด้วย แต่สุดท้ายรุ่นพี่คนนั้นกลับหันไปชอบพรีม ซุปไม่คิดว่าเป็นความผิดของพรีมเลย เรื่องหัวใจมันบังคับกันไม่ได้ พรีมคอยช่วยส่งขนมส่งของขวัญให้ พี่เขาคงปลื้มมากกว่า แม้ของเหล่านั้นจะเป็นของที่ซุปซื้อก็ตาม

แต่หลังจากนั้น ไม่ว่าซุปจะชอบใคร หรือมีใครมาชอบ สุดท้าย ทุกคนก็เปลี่ยนใจไปหาพรีมหมด จนเขาเริ่มคิดมาก และไม่ค่อยพอใจ เคนก็ยังติดพรีมแจ เห็นว่าพรีมดีอย่างนั้นอย่างนี้ ยิ่งทำให้ซุปไม่พอใจพรีมมากขึ้น จนในที่สุด เขาก็ตัดสินใจให้เคนได้รับรู้เรื่องชั่วๆ ของไอ้คนหน้าไหว้หลังหลอกนั่น ด้วยการมอบกุญแจห้องชมรมให้ ทั้งที่รู้ว่าเย็นนั้นพรีมกำลังทำอะไรอยู่กับใคร

เด็กผู้หญิงคนนั้นอยู่ม.4 เธอแอบชอบซุป และตามเขาไปที่ห้องชมรม เพราะอยากจะให้ขนมที่ทำเองกับมือ แต่ตอนนั้นพรีมอยู่ด้วย พวกเขากำลังทะเลาะกันในเรื่องไร้สาระ และพอเธอเข้ามาเพื่อจะส่งขนมให้ พรีมก็โพล่งออกไปว่า

“ไอ้ซุปมันไม่กินหรอกครับน้อง แต่ถ้าให้พี่ รับรองกินเรียบ”

ทั้งรอยยิ้มและแววตาเจ้าเล่ห์กรุ้มกริ่มนั่น ทำให้บางอย่างในตัวซุปขาดผึง เขาตวัดสายตามองพรีมอย่างไม่พอใจ จนเด็กผู้หญิงที่มาหายังตกใจ

“ถ้ามึงอยากได้ ก็เอาไปเลย กูยกให้ ไอ้สัส”

แล้วซุปก็เดินออกมาจากห้องนั้น ปิดประตูล็อคกลอนให้เสร็จสรรพ เขายืนพิงอยู่หน้าประตู ได้ยินเสียงพรีมคุยกับเด็กคนนั้นไม่นานก็เหลือแต่เสียงครางจนอยากจะตัดหูตัวเองทิ้ง ซุปเลยเลือกเดินหนีไป และพอเจอเคนที่รอพรีมอยู่ เขาจึงตัดสินใจให้เคนไปรับรู้เรื่องนั้นด้วยตัวเอง

ไอ้สารเลวที่แม่งแย่งทุกอย่างไปจากกู

......
...
ถ้าถามว่า ในเมื่อคิดว่าพรีมเกลียด แถมยังไม่พอใจนิสัยชอบแย่งของพรีม แล้วทำไมเขาถึงยังทนคบกับพรีม

คำตอบก็ง่ายๆ เพราะ...เคนรักมัน ยังไงล่ะ

“ถ้ามึงไม่ได้ชอบอัคร ไม่ได้คิดจะจริงจัง กูขอ” ซุปยังคงยืนยันคำเดิม แม้อัครจะชอบพรีม แต่เขาจะทำให้เปลี่ยนใจเอง

พรีมจ้องตากับซุปอย่างเงียบงัน มีแค่รอยยิ้มที่มุมปากเพียงเล็กน้อย

“แล้วถ้ากูบอกว่ากูจริงจังล่ะ”

ซุปบีบมือตัวเองจนรู้สึกเจ็บ ฟันคมกัดลงบนริมฝีปากล่างของตัวเองอย่างเผลอไผลพลางกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ในอกรุ่มร้อนคุกรุ่นด้วยความโกรธที่ไม่มีทางระบาย

“กูรู้จักอัครมาก่อนมึงตั้งหลายปี กูอาจจะแอบชอบมันตั้งแต่ม.ต้นแล้วก็ได้”

“ถ้ามึงชอบอัครจริง มึงจะไม่ทำแบบนั้น” ซุปขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม ส่วนพรีมแค่เอียงคอมอง

“ทำแบบไหนวะ?”

“ที่มึง...จู่โจมถึงเนื้อถึงตัว แถมยัง...หอมแก้มเขาแบบนั้น”

พรีมถึงกับหลุดหัวเราะเสียงดัง เพราะซุปช่างรู้ใจและรู้นิสัยของตนดีเหลือเกิน

“มึงแค่หวังอะไรบางอย่างจากอัคร เพราะงั้นกูถึงต้องพูดตรงๆ ว่ากูชอบเขาจริงๆ ขอให้มึงอย่ายุ่งกับเขา ได้มั้ยวะ” เสียงของซุปอ่อนลงมาก ทั้งนัยน์ตาก็แสดงความอ้อนวอนอย่างที่สุด ขอร้องในสิ่งที่ไม่เคยขอมาก่อนในชีวิต ไม่เคยคิดว่าจะมีวันที่ต้องยอมก้มหัวขอร้องพรีม

พรีมยังคงหัวเราะอยู่สักพัก ก่อนจะสาวเท้าเพียงก้าวเดียวเข้าไปหาซุปที่ยืนหันหลังให้บานประตูกระจก สีหน้าของพรีมดูจริงจังขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แววตาที่จ้องมองคล้ายกำลังต้องการบอกอะไรบางอย่าง

แต่พรีมกลับทำแค่ผลักไหล่ของซุปจนเซไปกระแทกกระจก ทิ้งท้ายด้วยประโยคที่ชวนให้ซุปมึนงง แล้วก็หันหลังเดินหนีไป

“มึงแม่ง ไม่เคยรู้เหี้ยอะไรเลย”

tbc

ตอนนี้ยาวหน่อย (มั้ง 55) ย้อนอดีตเป็นพักๆ เรื่องของพวกมันช่าง...
และนี่คือคู่หลักของเรื่องที่แท้จริง เอ้ย ม่ายช่ายยยยย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-08-2018 14:33:14 โดย ichiichi »

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 10 [29/8/18]
«ตอบ #36 เมื่อ30-08-2018 11:23:12 »

อัครจัดการใจตัวเองซะที
น่าจะใช้เวลานานอยู่ แหะๆ

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
หรือว่าพรีมชอบซุป?
แต่ไม่ชอบพฤติกรรมของพรีมเลยจริงๆ สงสารเคนด้วย

ออฟไลน์ AmPnie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
พรีมชอบซุป เลยทำแบบนั้นเพราะไม่อยากให้ใครมาแย่งซุปไป รักแบบแปลกๆ อย่าเอาอัครเข้าไปเกี่ยวเหอะ สงสารร

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
12
“ปิดเทอมแล้วไม่กลับบ้านเหรอวะ” แน็กถามขึ้นขณะเก็บข้าวของใส่กระเป๋า สอบเสร็จหมดแล้ว และได้เวลากลับไปอยู่บ้านช่วงปิดเทอม ส่วนอัครยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับ ของก็ไม่ได้เก็บเตรียมไว้

“พรีมบอกว่าจะมารับวันที่ 6 อ่ะ กูเลยบอกที่บ้านไปแล้วว่าจะกลับหลังวันที่ 10” อัครนั่งมองแน็กพับเสื้อผ้าทีละชิ้นอยู่บนเตียง แน็กเป็นคนเจ้าระเบียบมากกว่าที่เคยคิด นอกจากจะเก็บของทุกอย่างอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว แน็กยังคอยทำความสะอาดห้อง รวมทั้งรีดเสื้อผ้าให้อัครด้วย เวลากลับมาเสื้อกางเกงก็รีดเรียบกริบแขวนไว้หน้าตู้แล้ว บอกไม่ต้องทำ ก็ยังชอบทำให้ แน็กบอกว่าว่าง ไม่มีอะไรทำ แล้วก็ชอบที่จะทำ

“จะไปไหนกันวะ”

“ต่างจังหวัด แต่ไม่รู้ที่ไหนว่ะ ถามไปก็บอกว่าเดี๋ยวรู้” อัครตอบยิ้มๆ หน้าตาปลื้มปริ่มที่พรีมชวนไปเที่ยวสองคน แน็กหรุบตาลง พยักหน้าน้อยๆ ด้วยสีหน้าเศร้าหมองที่อัครไม่เคยสังเกต แล้วจัดของต่อจนเสร็จ

เช้าวันต่อมา แน็กเตรียมตัวกลับบ้านเรียบร้อยแล้ว น่าเสียดายที่อัครไม่กลับพร้อมกัน เพราะแน็กตั้งใจจะไปส่งอัครที่บ้านก่อน

“มึงอยู่คนเดียวระวังตัวด้วยนะเว้ย คนกลับบ้านกันเยอะ หอไม่ค่อยมีใครแล้ว” แน็กบอกพลางสวมหมวกกันน็อค ขยี้ผมของอัครเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม

อัครพยักหน้ารับ “เออ กูไม่ไปหาเรื่องใครหรอกน่า”

“กูก็ไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้นมั้ยล่ะ” แน็กพึมพำ จนอัครเลิกคิ้วด้วยความสงสัย แต่แน็กก็ส่ายหน้าว่าไม่มีอะไร “งั้นกูไปล่ะ”

“กลับดีๆ เว้ย” อัครโบกมือส่ง ยืนมองรถมอเตอร์ไซค์สีดำคันใหญ่แล่นออกไปจากหน้าหอพัก แล้วจึงเดินกลับเข้าไปในหอพัก พอดีกับเสียงไลน์แจ้งเตือน จึงก้มไปดูสมาร์ทโฟนในมือ

Prema-P: เตรียมตัวยัง

อัครหลุดยิ้มทันทีที่เห็นข้อความจากพรีม เขาพิมพ์ตอบไปอย่างเร็วรี่ ว่ากำลังจะเตรียมวันนี้แล้ว พรีมเลยส่งสติ๊กเกอร์ O.K. มาให้

ช่วงสอบปลายภาคทั้งพรีมและซุปต่างยุ่งๆ เลยไม่ค่อยได้ไลน์มาคุยกับอัครเท่าไหร่ อัครเองก็ขะมักเขม้นกับการอ่านหนังสือด้วย แต่ซุปมีส่งข้อความมาให้กำลังใจเรื่องสอบเกือบทุกวัน ส่วนพรีมแค่ติดต่อมาเรื่องที่จะไปเที่ยวด้วยกันแล้วก็เงียบหายไป จนถึงวันนี้ที่เพิ่งไลน์มา

อีกสองวันพรีมจะมารับไปเที่ยวแล้ว อัครเฝ้ารอด้วยใจจดจ่อ เป็นครั้งแรกที่จะได้ไปเที่ยวกับพรีม ตอนม.ต้นเจอกันก็แค่ที่โรงเรียน อ้อ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เพื่อนๆ นัดกันไปเที่ยวสยาม เป็นครั้งแรกที่อัครเห็นพรีมใส่ชุดอื่นนอกจากชุดนักเรียน ทำให้ยิ่งหลงหนักกว่าเดิมไม่รู้กี่เท่า อัครแทบไม่กล้ามองหรือคุยกับพรีมเลย เพราะมัวแต่เขิน

และครั้งนี้ก็จะเป็นอีกครั้งที่อัครคงต้องเขินพรีมจนตัวแทบระเบิดอีกแน่ๆ เพราะพรีมที่เจอครั้งก่อนทั้งสูงและเท่ หล่อกว่าเดิมเป็นร้อยเท่าพันเท่า แว่นตาก็ไม่ได้สวมแล้วด้วย ยิ่งมองเห็นใบหน้าหล่อเหลานั้นชัดมากขึ้นไปอีก จะได้อยู่ด้วยกันสามวันสองคืน แค่คิดก็ตื่นเต้นจนทำตัวไม่ถูกแล้ว

และแล้วก็ถึงวันที่พรีมบอกว่าจะมารับ อัครตื่นแต่เช้าเพราะแทบนอนไม่หลับ พอพรีมไลน์มาเรียก ก็รีบหอบกระเป๋าวิ่งลงไปหาที่หน้าหอพัก

พลันต้องสะดุดเมื่อเห็นอีกคนในรถยนต์คันสีขาวของพรีม

“วะ หวัดดี” อัครยิ้มเจื่อนๆ ทักทายเมื่อเปิดประตูเข้าไปนั่งที่เบาะหลัง เพราะเบาะข้างคนขับมีคนนั่งอยู่แล้ว

ซุปหันไปยิ้มบางๆ ให้ “หวัดดี”

“มันไปด้วย มึงโอเคมั้ย?” เสียงพรีมสะกิดเรียกสติของอัครกลับมา หลังจากมึนงงอยู่นาน จนรถยนต์เคลื่อนตัวออกไปแล้ว

“โอ โอเคสิ แต่...เคนล่ะ?” เพราะน่าจะอยู่กันสามคนครบทีม มากกว่าจะชวนแค่ซุปมาแบบนี้

พรีมหัวเราะเบาๆ “มันไม่ว่างว่ะ กูก็ลืมบอกให้มึงชวนเพื่อนมาด้วยสักคน”

อัครเหมือนจะทำหน้าไม่ถูกกับเสียงหัวเราะของพรีมที่จู่ๆ ก็ดังขึ้นกว่าปกติ มันก้องไปทั้งรถจนปวดหัวนิดๆ พรีมไม่ได้ชวนคุยอีก เสียงเพลงแนวฮาร์ดคอร์และร็อคดังต่อเนื่อง ดังจนกลบทุกเสียงภายในรถยนต์คันนี้ และอัครก็ได้แต่นั่งตัวลีบเหม่อมองไปนอกกระจกรถ วิวข้างทางค่อยๆ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เมื่อเข้าสู่แถบชานเมืองและเริ่มมีต้นไม้มากขึ้นเมื่อเข้าต่างจังหวัด

“เราจะไปไหนกันเหรอ”

ในที่สุดอัครก็เอ่ยถาม เพราะเกือบสามชั่วโมงแล้วที่นั่งรถมาด้วยกัน โดยที่มีแต่เสียงเพลง ซุปนั่งท้าวศอกกับขอบกระจกรถ มองวิวข้างทางเช่นกัน ส่วนพรีมยังตั้งอกตั้งใจขับรถด้วยความเร็วค่อนข้างสูง

“หัวหิน”

คนที่ตอบคือซุป เพราะพรีมมัวแต่ร้องเพลง ปลายนิ้วเคาะจังหวะกับพวงมาลัยอยู่ตลอด ราวกับอยู่ในโลกส่วนตัวของตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว

“อืม” อัครพยักหน้าน้อยๆ พลางคิดถึงทะเลในหน้าหนาว คงเย็นจับขั้วหัวใจ ไม่ต่างจากความรู้สึกของเขาในตอนนี้เท่าไหร่ เลือกสถานที่ได้เหมาะเจาะจริงๆ

“ไอ้พรีมมีบ้านพักที่นั่น”

“เอ๊ะ จริงดิ? หรูไปเลย” อัครว่ายิ้มๆ เขยิบตัวไปนั่งเกาะด้านหลังเบาะของซุปไว้ แล้วชวนคุยอีก “ซุปเคยไปมาก่อนเหรอ”

“ใช่” ซุปตอบสั้นๆ ปกติเขาก็ไม่ใช่คนชอบคุยอยู่แล้ว จริงๆ อยากคุยกับอัคร เพราะคิดถึงมาตลอด แต่ติดที่พรีมมันอยู่ด้วย เลยไม่อยากแสดงออกมาก

“เป็นไงอ่ะ เล่าให้ฟังหน่อย”

“เดี๋ยวก็เห็นเอง” ซุปอมยิ้มนิดๆ เอี้ยวตัวไปลูบหัวอัครเบาๆ พรีมเหล่มองแล้วหรี่เสียงเพลงลง จังหวะนั้นเองที่อัครรีบผละออกจากเบาะของซุป ส่วนซุปก็กลับไปนั่งเอนตัวพิงเบาะตามเดิม

“หยิบน้ำให้หน่อย กูคอแห้ง” พรีมส่งสายตาไปที่ขวดน้ำตรงช่องเกียร์ ความเร็วของรถชะลอลงเล็กน้อย และซุปก็หยิบขวดน้ำมาเปิดแล้วยื่นส่งไปให้ แต่พรีมไม่รับ “จับหลอดให้ด้วย มือไม่ว่างเห็นป่ะ”

“สัส เรื่องมาก” ซุปด่าก่อนจะจับหลอดยื่นไปจ่อที่ปากของพรีม อัครมองภาพนั้นอย่างอึ้งๆ ก็รู้ว่าสองคนนี้สนิทกัน เป็นเพื่อนกันมานาน แต่ก่อนหน้านี้ยังเห็นพรีมสนิทกับเคนมากกว่าอยู่เลย

พรีมแกล้งเอาปากแตะที่นิ้วของซุปแล้วค่อยดูดน้ำจากหลอดหลายอึก ตอนที่เอาปากออก ก็ทำน้ำหยดลงบนมือของซุปไปด้วย

“เชี่ย กินดีๆ ดิวะ” ซุปโวยวายใส่ รีบเก็บขวดน้ำแล้วหาผ้ามาเช็ดมือเร็วๆ ก่อนจะผลักหัวพรีมด้วยความหงุดหงิด ส่วนพรีมก็เอาแต่หัวเราะอารมณ์ดี

อัครนิ่งเงียบกับการหยอกล้อเล็กๆ น้อยๆ ของทั้งสองคน มันอาจจะเป็นเรื่องปกติของพรีมกับซุปก็ได้ เขาพยายามคิดในแง่นั้น

การมาเที่ยวครั้งนี้ ไม่น่าจะสนุกอย่างที่อัครวาดฝันไว้เสียแล้ว

......
...
พวกเขามาถึงบ้านพักตากอากาศของบ้านพรีมในช่วงบ่ายคล้อย ที่พักอยู่ไม่ไกลจากทะเล แถมยังมีสระว่ายน้ำเล็กๆ ในบ้านด้วย ตัวบ้านมีสองชั้นเป็นแบบโมเดิร์น ขนาดกะทัดรัด ไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป และน่าจะมีคนคอยดูแลอย่างดี เพราะยังดูสะอาดเอี่ยม

“กูนอนห้องใหญ่กับมึง ให้อัครนอนห้องกลาง” เจ้าของบ้านประกาศเมื่อมาถึง และอัครก็ต้องยอมตามนั้น ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปเก็บของและลงมาเจอกันที่ชั้นล่าง

“เดี๋ยวให้ลุงมั่นมาจัดเตาให้ ของสดมีแล้ว ทำบาร์บีคิวกินกันตามสบาย” พรีมว่าพลางเดินเข้าไปในครัว เปิดตู้เย็นเช็คของที่สั่งให้คนดูแลบ้านซื้อมาไว้ตั้งแต่เช้า

“อัครอยากกินอย่างอื่นอีกมั้ยครับ” ซุปหันไปถามอัครที่นั่งรออยู่บนโซฟา

“ไม่ๆ แค่นั้นก็เยอะแล้ว” อัครรีบตอบ

“มึงแดกเหล้าได้ป่ะวะอัคร พวกกูอ่ะกินประจำนะ” พรีมกระตกยิ้ม ยกขวดเหล้าชูให้ดู “คืนนี้เต็มที่เว้ย”

“ถ้าอัครไม่กินก็บอกนะ ไม่บังคับ”

“ได้ไง ต้องแดกทุกคนดิ ไม่งั้นไม่สนุก” พรีมแย้งที่ซุปพูดทันที ก่อนจะเดินเร็วๆ ไปหาอัคร ทิ้งตัวลงนั่งกอดคออัคร “ได้ใช่มั้ยว่ะ”

“อืม” อัครยิ้มตอบด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก บรรยากาศแปลกๆ รอบตัวนี้ ไม่น่าจะคิดไปเองจริงๆ

“เด็กถาปัดแม่งขี้เหล้า มึงเคยได้ยินใช่มั้ยวะไอ้อัคร คณะมึงมีแต่ผู้หญิงอ่ะดิ เลยไม่ค่อยได้สังสรรค์ คืนนี้ต้องจัดเว้ย จริงๆ น่าพามึงไปจัดที่ผับ แต่ไว้ก่อน” พรีมยังกอดคออัคร มืออีกข้างถือขวดเหล้า “ไว้กลับกทม.แล้วกูพาไปเปิดหูเปิดตา”

“มะ ไม่เป็นไรมั้งพรีม” อัครเอนตัวหลบเวลาที่พรีมเอียงหน้ามา วันนี้พรีมดูไม่เหมือนเมื่อคราวก่อนที่เจอเลยสักนิด

หรือนี่คือตัวตนของพรีมที่ซุปเคยบอกไว้

พรีมคนที่อัครไม่รู้จักมาก่อน

ช่วงบ่าย พรีมพาเพื่อนทั้งสองไปเล่นน้ำทะเลและถ่ายรูปด้วยกัน พรีบเป็นคนชอบถ่ายรูป และพกกล้องมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ชายหาดแถวบ้านพัก ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ คงเพราะเป็นหน้าหนาวด้วย เลยไม่ค่อยมีใครมาเล่นน้ำ ลมพัดแรงมากจนเสื้อโบกสะบัด

“ฝาก ขอกูเช็คเลนส์แป้ป” พรีมทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้ริมหาด ยื่นกระเป๋ากล้องใบใหญ่ให้ซุปช่วยถือไว้ ส่วนอัครกำลังมองทัศนียภาพรอบๆ อยู่ใกล้ๆ กัน

“ช่วงนี้มึงใช้ตัวไหนวะ” ซุปนั่งลงข้างพรีมที่กำลังเตรียมจะเปลี่ยนเลนส์กล้องใหม่

“กูติดใจ Sigma 16mm อยู่ว่ะ ใช้บ่อยเลย แต่บางทีก็สลับๆ กับเลนส์ซูม”

“ไว้ซูมสาวตึกตรงข้ามงี้?” ซุปถามกลั้วหัวเราะ อัครหันไปมองทั้งสองคนนั่งคุยกันเป็นพักๆ

“พ่องเถอะ ไว้ซูมดูมึงตอนอาบน้ำต่างหาก” พรีมยกยิ้มมุมปากอย่างกวนๆ แต่ซุปไม่เล่นด้วย เอาขาเตะขาเพื่อนไปทีอย่างไม่ใส่ใจ “อัคร มึงวิ่งไปไกลๆ ดิ กูจะลองกล้อง”

“แบบนี้เหรอ?” อัครวิ่งออกไประยะหนึ่งแล้วตะโกนถาม พลางโบกไม้โบกมือ พรีมชูนิ้วทำท่าโอเค แล้วยกกล้องขึ้นส่องภาพของอัครที่ยืนรอให้ถ่าย

“มันน่ารักนะ มึงว่ามั้ย” พรีมเปรยเบาๆ พลางกดชัตเตอร์รัวๆ ซุปมองใบหน้าด้านข้างของเพื่อนนิ่งนาน “ตัวเล็กๆ น่ารัก เหมือนลูกหมาซนๆ ที่บ้านกูเลย”

ซุปหันมองไปทางอัครที่กำลังวิ่งเล่นและหันมายิ้มให้กล้องของพรีมเป็นระยะ สีหน้าท่าทางนั้นร่าเริงขึ้นกว่าตอนที่นั่งมาในรถพอสมควร

“คนที่จิตใจดี ร่าเริงสดใส น่ารักขนาดนั้น...” พรีมเว้นจังหวะกดชัตเตอร์ แล้วค่อยๆ ลดมือลง ก่อนจะหันไปยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยตรงหน้าซุป ที่เบนสายตากลับมามองตนอีกครั้ง

“ถ้าโดนบดขยี้จนไม่เหลือชิ้นดี มึงว่ามันจะยังมีชีวิตอยู่ได้มั้ยวะ”

......
...
ซุปนั่งมองพรีมชงเหล้าส่งให้อัครอย่างเหม่อลอย ประโยคที่พรีมพูดเมื่อบ่ายยังดังวนอยู่ในหัว ทั้งที่ตัวเขาก็นั่งอยู่ตรงนี้ แต่แค่จะเอ่ยปากห้ามออกไป หรือลุกไปกระชากคอไอ้พรีมแล้วต่อยหน้ามันให้สลบเหมือด ก็ยังไม่กล้า...

ระหว่างที่นั่งคิดเรื่อยเปื่อยจนเบลอ แถมยังมีฤทธิ์เหล้ากรึ่มๆ จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ซุปวางแก้วอย่างลนลาน แล้วรีบหยิบสมาร์ทโฟนบนโต๊ะมากดรับสายจากเคน ทำท่าขอตัวเดินออกไปไกลจากบริเวณสระน้ำที่พวกพรีมนั่งอยู่ เพื่อจะได้คุยถนัดๆ

[พวกมึงหายหัวไปไหนกัน] เสียงของเคนเหมือนหงุดหงิดไม่พอใจอะไรสักอย่าง

“อยู่บ้านไอ้พรีมที่หัวหิน”

[ทำไมไปไม่ชวนกู โทรไปแม่งก็ไม่รับไอ้สัส มันอยู่ไหน อยู่กับมึงสองคนเหรอ?]

“เปล่า...” ซุปตอบอ้อมแอ้ม คราวก่อนที่เจออัคร เหมือนเคนจะไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ เพราะพรีมดันก้อร่อก้อติกอัครจนออกนอกหน้า

[แล้วอยู่กับใคร บอกกูมา มันคงไม่ได้พาผู้หญิงที่ไหนไปกกที่นั่นใช่มั้ยวะ]

ถึงตรงนี้ ซุปยิ่งไม่อยากพูดออกไปว่ามากับใครอีกคน “ผู้ชายๆ ไม่ใช่ผู้หญิง”

[งั้นยิ่งไว้ใจไม่ได้เข้าไปใหญ่เลยไอ้ห่า มึงก็รู้ว่ากูชอบมัน อย่าให้มันได้กันนะ พรุ่งนี้กูจะตามไป]

“เออๆ กูดูให้” ซุปรับคำก่อนจะได้ยินเสียงเคนกดวางสาย เขาถึงกับพรูลมหายใจยาว ไม่รู้จะโล่งอกหรือยิ่งเครียดหนักกว่าเดิมดี พรุ่งนี้เคนจะตามมา เห็นลางว่าไม่ดีแน่ ช่วงนี้เคนยิ่งจริงจังเรื่องไอ้พรีมด้วย แน่ล่ะ เจอพวกเจ้าชู้ไก่แจ้แบบนี้ จะให้นิ่งเฉยก็คงตายด้านแล้ว

พรีมแม่งเป็นผู้ชายที่ไม่ได้เรื่องที่สุดเท่าที่เคยเจอะเจอมา ทำไมถึงได้มั่วคนนั้นคนนี้ไปเรื่อย ไม่จริงจังกับใครสักที ทั้งที่เคนก็รักมันขนาดนี้แล้ว ที่สำคัญ เสือกชอบมายุ่งกับคนที่กูชอบอีก

ซุปคิดพลางมองไปทางพรีมกับอัครที่นั่งห่างไปไกลพอสมควร ได้ยินเสียงดังมาไกลๆ ตรงที่ซุปยืนอยู่เป็นอีกฝั่งของสระว่ายน้ำ เขาอยากอยู่เงียบๆ คนเดียว อยากคิดอะไรสักพัก เลยยังไม่เดินกลับไปนั่งที่เดิม สักพักก็เห็นพรีมกวักมือเรียก เลยเดินไปหา อัครที่ตอนแรกยังส่งเสียงดังเพราะเมา ตอนนี้หลับสนิทไปเรียบร้อยแล้ว

“พามันไปนอนบนห้องก่อน” พรีมดึงแขนข้างหนึ่งของอัครมาพาดบ่า แล้วให้ซุปช่วยพยุงอีกข้างขึ้น

“กูอุ้มไปเลยมั้ย ตัวแค่นี้ สบายๆ” ซุปเสนอ แต่พรีมตวัดตามามองเหมือนไม่ค่อยพอใจ

“ไม่ต้อง แค่ช่วยกูพอ” พรีมพูดแค่นั้นแล้วก้าวขาออกไปก่อน ซุปเลยต้องรีบตาม ช่วยกันพยุงร่างของอัครไปจนถึงห้องพักบนชั้นสองอย่างทุลักทุเล พอวางอัครลงบนเตียง พรีมก็นั่งลงข้างๆ คนที่หลับสนิท ยกมือลูบแก้มและปัดปอยผมที่ปรกหน้าให้ ส่วนซุปยืนนิ่งมองท่าทางของพรีมที่ดูแปลกไป

“จะกินต่อมั้ย หรือนอน?”

“มึงไปก่อน” พรีมโบกมือไล่ ปลายนิ้วแตะที่ริมฝีปากของอัคร คนเมาแต่ยังหลับไม่สนิทดี ครางงึมงำ เอามือปัดแขนของพรีม

“มึงไปกับกูดิ” ซุปกระชากแขนของพรีมให้ลุกขึ้น แต่พรีมสะบัดออก แล้วหันไปแสยะยิ้มให้

“ทำไม? หวงเหรอวะ นี่มึงจริงจังมากเลยเหรอ มันเป็นผู้ชายนะเว้ย”

ซุปกำมือแน่น แต่พยายามทำหน้านิ่งไว้ “มึงคงไม่เหี้ยถึงขนาดเอากับคนเมาป่ะวะ”

พรีมไม่ตอบ แต่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เงยหน้านิดๆ สบตากับซุปที่สูงกว่าเล็กน้อยพร้อมรอยยิ้มบางๆ

“พรีม กูขอร้อง พรุ่งนี้ไอ้เคนก็จะมา ถ้ามันรู้เรื่องมึงกับอัคร มันต้องโมโหแน่” ซุปลองอ้อนวอนดูอีกที แต่พรีมยังไม่พูดอะไร ทุกก้าวที่พรีมขยับเข้าใกล้ ซุปก็จำต้องถอยไปหนึ่งก้าว ไม่อย่างนั้นคงชนกัน

“มึงห่วงใคร? อัคร ไอ้เคน หรือว่ากู?”

“กูก็ห่วงทุกคนไง อย่าทำอะไรอัครเลยว่ะ มึงก็รู้ว่ากูไม่เคยห้ามมึงเลยสักครั้ง แต่ครั้งนี้กูขอจริงๆ อัครมันบริสุทธิ์เกินไป มึงอย่าทำร้ายมันเลย”

ซุปกลืนน้ำลายดังอึก เมื่อรู้สึกตัวว่าแผ่นหลังติดประตูแล้ว แต่พรีมยังเบียดตัวเข้ามา จนหน้าแทบจะแนบกัน พรีมหยุดตอนที่ปลายจมูกแตะกัน ซุปต้องเอียงคอหลบนิดหน่อย เพราะมันแปลกๆ

พรีมแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ สองแขนล็อคไว้ข้างตัวของซุป พ่นลมหายใจใส่เล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยออกมาแผ่วเบา

“งั้นกูขอจูบมึง แลกกับตัวมันได้มั้ย”

“พะ พูดเหี้ยอะไรของมึงวะ!?” ซุปผลักพรีมออกอย่างแรง หมุนตัวคว้าลูกบิดประตูเพื่อจะเปิดออกไป อุตส่าห์ตั้งใจรอฟังว่าไอ้พรีมจะพูดอะไร แต่ดันเป็นเรื่องไร้สาระ

แกร็ก

เสียงประตูเปิดออก ตามด้วยเสียงหัวเราะของพรีม และคำพูดที่ทำให้ซุปไม่กล้าก้าวขาออกไป

“มึงแน่ใจว่าจะปล่อยมันไว้กับกูสองคน?”

“ไอ้สัสพรีม! มึงจะเอายังไง!” ซุปหันควับกลับไปกระชากคอเสื้อของพรีม เส้นเลือดที่ขมับปูดโปนด้วยความกราดเกรี้ยว เขาเหวี่ยงพรีมจนล้มลงไปบนพื้น แล้วกระชากคอเสื้อขึ้นมาอีก เขาตะคอกเสียงดังอย่างสุดจะทน อัครที่นอนอยู่บนเตียงเลยเหมือนจะได้สติตื่นขึ้นมา

“กูทนมามากแล้ว! มึงจะเอายังไงกับกู มึงบอกมา! คนอย่างมึง ไม่มีอะไรที่ต้องอิจฉากูเลยด้วยซ้ำ แต่มึงก็ยังแย่งทุกอย่างไปจากกู มึงต้องการเหี้ยอะไรวะ อยากให้กูลงไปดิ้น หรืออยากให้ฆ่าตัวตายต่อหน้ามึงไปเลยถึงจะยอมหยุด!”

พรีมแค่นยิ้ม ก่อนจะดึงแขนของซุปไว้ แล้วใช้มืออีกข้างคว้าคอของซุปกดลงเข้าหาตัว เสียงก่นด่าโวยวายนั้นเงียบหาย เหลือเพียงความเงียบงันในความมืดสลัว

แสงจันทร์ส่องลอดผ้าม่านที่หน้าต่าง และอัครที่พยายามลุกจากเตียงเพียงครึ่งท่อนบน ก็มองเห็นเงาร่างของผู้ชายสองคนนั้นรางๆ ก่อนที่มันจะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เพราะเริ่มหายมึนแล้ว และเมื่อมองอย่างเต็มตา ก็ต้องตกตะลึงกับภาพที่เห็นจนร้องไม่ออก

เพราะมันคือภาพที่พรีมกับซุป กำลังจูบกัน

tbc
มันก็ชักจะยังไงๆๆๆ มาแบบงงๆ อีคู่นี้ น้องอัครชั้นเป็นตัวประกอบเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
อ้าวยังไงล่ะนี่ เดาว่าพรีมคงแอบขอบซุปมานาน แต่ไม่กล้าบอกเพราะคิดว่าซุปไม่ได้ชอบผู้ชายงี้หรอ ตกลงใครคือพระเอกนายเอก หรือไม่มี???????

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
อ้าวยังไงล่ะนี่ เดาว่าพรีมคงแอบขอบซุปมานาน แต่ไม่กล้าบอกเพราะคิดว่าซุปไม่ได้ชอบผู้ชายงี้หรอ ตกลงใครคือพระเอกนายเอก หรือไม่มี???????

พระเอกมีหลายคนไปหน่อย อิๆ ยังไม่รู้นายเอกหวยจะตกที่ใคร เพราะทุกคนมีสิทธิเมะได้หมด ไม่เว้นแม้แต่อัคร

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
หรือว่าพรีมชอบซุป?
แต่ไม่ชอบพฤติกรรมของพรีมเลยจริงๆ สงสารเคนด้วย

เรื่องนี้พระเอกอาจจะเลวก็ได้นะ

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
พรีมชอบซุป เลยทำแบบนั้นเพราะไม่อยากให้ใครมาแย่งซุปไป รักแบบแปลกๆ อย่าเอาอัครเข้าไปเกี่ยวเหอะ สงสารร

อัครไม่เกี่ยวไม่ได้อ่า แต่จะเกี่ยวยังไงก็...

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
13
อัครนั่งก้มหน้าก้มตาเขี่ยผักในจานไปมา แต่ไม่ยอมตักเข้าปากเสียที

เช้านี้บนโต๊ะอาหารในบ้านพักตากอากาศ มีลุงมั่นกับป้านงมาจัดเตรียมไว้ให้แต่เช้าตรู่ มีทั้งข้าวต้มทะเล ขนมปังทาเนย ไส้กรอก แฮม สลัดผัก น้ำส้มคั้นและนมสด ดูเผินๆ นึกว่าเป็นบุฟเฟ่ต์อาหารเช้าในรีสอร์ท

ทั้งที่น่าจะสนุกสนาน พูดคุยหัวเราะกันอย่างมีความสุข แต่พวกคุณๆ ของลุงป้ากลับนั่งกินกันเงียบกริบ ซุปกดมือถือ ไม่รู้ว่าคุยกับใครอยู่ ข้าวต้มในชามพร่องไปเพียงเล็กน้อย ส่วนพรีมดื่มแค่นมสดแก้วเดียว แถมยังต้องค่อยๆ จิบทีละนิด เพราะเจ็บปาก

ไม่มีใครพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้

“มันน่าจะถึงตอนเที่ยงๆ” นั่นคือประโยคแรกของวันที่ออกจากปากของซุป ก่อนที่เขาจะวางช้อนลงในจานรองชามข้าวต้มแล้วลุกขึ้น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพูดกับใคร ป้านงชะโงกหน้าดูอาหารที่อุตส่าห์ตั้งใจทำพลันสีหน้าก็สลดลง

“คุณซุป อาหารป้าไม่อร่อยเหรอคะ”

“อ่ะ เปล่าครับ อร่อยมาก พอดีผมไม่ค่อยสบาย มันไม่หิว” ซุปยิ้มแหย

“อ้าว เป็นอะไรคะ? ทานยารึยัง ป้าไปเอาให้มั้ย”

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวก็ดีขึ้น” ซุปว่ายิ้มๆ ก่อนจะขอตัวเดินออกไปจากตัวบ้าน ไปที่สวนด้านหลังที่มีสระว่ายน้ำเล็กๆ

อัครเลิกกินสลัดในจานแล้วลุกขึ้นบ้าง มองหน้าพรีมที่ตอนนี้มีรอยฟกช้ำจากการถูกต่อยที่เบ้าตาและมุมปากอย่างนึกสงสาร

“ทายารึยัง”

“ยัง” พรีมตอบโดยไม่สบตา

อัครยืนเก้ๆ กังๆ อยู่พักหนึ่ง “ให้กูทาให้มั้ย เดี๋ยวมันจะยิ่งช้ำ”

พรีมไม่ตอบ แต่พยักหน้าแล้วลุกเดินตามอัครไปที่ห้องนั่งเล่น อาหารมื้อเช้าของป้านงเลยกลายเป็นหมันมันเสียอย่างนั้น ซึ่งมันก็ช่วยไม่ได้ เพราะบรรยากาศของพวกคุณๆ ของคุณป้าดูจะไม่ชวนให้แสดงทีท่าน้อยใจ

อัครหยิบกล่องยาที่ถามจากลุงมั่นมาวางบนโต๊ะกระจกสีดำเล็กๆ หน้าโซฟา หยิบยาแบบเย็นมาทาบางๆ ให้ที่มุมปาก และรอบดวงตาที่ช้ำจนเริ่มบวมออกมาอย่างเบามือที่สุด แต่พรีมก็ยังเจ็บจนร้องซี้ดซ้าดเป็นระยะ

“เบาหน่อยดิวะ”

“นี่ก็เบาสุดแล้วป่ะ ทำตัวเองนี่” อัครนึกหมั่นไส้จนอยากจะกดนิ้วขยี้แผลให้ร้องเป็นหมาถูกเชือด แต่ก็ยั้งมือได้ทัน พรีมเบะปากใส่

“มึงอยากโดนกูต่อยมั่งมั้ยล่ะ ไอ้เหี้ยซุป มือหนักฉิบหาย”

“มึงทำอะไรมันล่ะ ถึงได้โดนต่อยหน้าแหกขนาดนี้” อัครว่าพลางค่อยๆ เกลี่ยยารอบรอยช้ำ

“มึงก็เห็นแล้วมั้ย ต้องให้กูย้ำ?” พรีมหัวเราะในคอ พลันร้องโอ๊ยๆ เมื่ออัครเล่นกดแผลจริง

“สมควรโดนว่ะ บอกตรงๆ เล่นเหี้ยอะไรไม่เข้าเรื่อง”

พรีมขมวดคิ้ว “เล่นเหี้ยอะไรล่ะ กูจริงจังที่สุดแล้วคนนี้อ่ะ กูชอบมัน และกูไม่ยกมันให้มึงหรอก โอ๊ยยยย”

“สมน้ำหน้าว่ะ” อัครตบแผลไปทีก่อนจะลุกไปเก็บกล่องยา ในใจก็คิดว่า ไม่น่าหลงชอบคนพรรค์นี้เล้ย

พรีมเขยิบตัวเข้าไปหาอัครที่เก็บกล่องยาเสร็จก็มานั่งลงที่เดิม

“กูพูดจริงๆ นะอัคร กูรักมันมาตั้งนานแล้ว แต่กูไม่กล้าพอที่จะเข้าหามันเกินกว่าเพื่อน เพราะกูไม่รู้ว่ามันชอบผู้ชายหรือเปล่า เห็นแม่งชอบแต่ผู้หญิงมาตลอด”

“เออ รู้แล้ว ไม่งั้นมึงคงไม่ดูดปากมันขนาดนั้นหรอก ดีที่จบแค่โดนต่อยสองที ถ้าโดนกระทืบด้วยกูก็คงห้ามไม่ทันนะ” อัครผลักไหล่พรีมเบาๆ เมื่อคืนนี้ตอนตื่นมาเจอพรีมจูบกับซุป ตกใจยังไม่ทันไร ก็ต้องรีบวิ่งพรวดไปห้ามไม่ให้ซุปกระทืบพรีมตายคาตีนแทบตาย แล้วซุปตัวใหญ่กว่าอัครตั้งเท่าไหร่ กว่าจะห้ามได้ก็เกือบโดนต่อยไปด้วย

“กูไม่รู้ว่าทำไมมันถึงสนใจมึง แล้วไปรู้จักกันได้ยังไง กูก็ไม่ได้อยากผิดใจกับเพื่อนนะเว้ย ถ้ามึงไม่ได้ชอบมัน ก็ช่วยถอยให้กูหน่อย” พรีมอ้อนวอนด้วยนัยน์ตาเศร้าๆ จนอัครเริ่มจะเห็นใจ

ความจริง อัครก็ยังชอบพรีมมากกว่าซุปอยู่ดี แต่เห็นพรีมเป็นแบบนี้ ก็อยากจะให้กำลังใจเพื่อน มากกว่ามาพูดเรื่องของตัวเอง ซุปเหมือนจะโกรธมาก จนแทบไม่มองหน้าพรีมเลยด้วยซ้ำ

“ถึงกูจะถอยให้ แต่ถ้ามันไม่ได้ชอบมึงก็เท่านั้นมั้ยล่ะ กูไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรกับพวกมึงมากกว่านี้อีก แต่เหมือนซุปจะโกรธมากเลยนะ มึงแน่ใจว่าจะไหว?” อัครเลิกคิ้วถาม ส่วนพรีมได้แต่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนคนอมทุกข์

“ไม่รู้ว่ะ แต่พอรู้ว่ามันชอบผู้ชายได้ กูก็อยากจะรุกหนักๆ ไม่อยากปล่อยโอกาสให้หลุดไป กูอยากได้มัน”

“โครตตรง อย่างซุปเหรอ...” อัครทำหน้านึก ว่าถ้าพรีมคบกับซุปมันจะเป็นยังไง ผู้ชายตัวโตสองคน คนหนึ่งก็หน้าตากวนตีนแต่หล่อ อีกคนก็หน้านิ่งเกิน เวลายิ้มถึงจะดูดีหน่อย มันก็ดู...ลงตัวแบบแปลกๆ

“ทำไมมึงต้องหน้าแดงด้วย” พรีมว่าพลางจิ้มแก้มของอัคร คนโดนจิ้มแก้มเลยยิ่งหน้าร้อนเข้าไปใหญ่ นี่มันไม่รู้เลยใช่มั้ยว่าเขาชอบมันแค่ไหน ถึงได้มาทำก้อร่อก้อติกใส่อยู่เรื่อย อัครคิดพลางถอนหายใจ

“ก็ร้อนไม่ได้เหรอ แค่เผลอนึกภาพพวกมึงอยู่ด้วยกันอ่ะ”

“แล้วไง? เหมาะกันดีมั้ยล่ะ ใครจะมองยังไงกูไม่สนบอกเลย กูรักของกูพอ มึงช่วยกูหน่อยดิ” พรีมจ้องหน้าอัครอย่างเว้าวอนขอความเห็นใจ แล้วมีหรือที่คนใจอ่อน แถมยังแอบชอบพรีมมาตลอดอย่างอัครจะทนเห็นคนที่ชอบทำหน้าแบบนั้นได้นาน

......
...
มันคือความแตกต่างของคนสองคน

อัครรักพรีมก็จริง แต่ความรักของอัครไม่ใช่การได้ครอบครอง อัครรักอย่างบริสุทธิ์ใจ และอยากให้พรีมมีความสุข แม้ตนจะต้องเสียใจก็ยอม ส่วนกับซุป อัครคิดว่ายังไม่ถึงขนาดรัก อาจจะชอบบ้าง เพราะรู้สึกดีที่ได้คุยกัน อาจจะเขินเวลาโดนหยอด เพราะไม่ได้รังเกียจ และยังไม่ประสาเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เท่าไหร่ เมื่อมาเจอพรีมอีกครั้ง อัครถึงได้รู้ตัว ว่ายังไงก็ยังชอบพรีมอยู่ดี

ส่วนพรีมรักแบบต้องการครอบครองไว้เป็นของตัวเองคนเดียว ที่พยายามกันคนอื่นในชีวิตของซุปมาตลอดก็เพื่อการนี้ ทั้งเลือกเข้าชมรมเดียวกัน ทั้งพยายามแยกเคนให้ออกห่างซุป ทั้งกีดกันผู้หญิงทุกคนที่มาชอบหรือมาสนใจซุป ทั้งกำจัดคนที่ซุปชอบ เลือกเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน คณะเดียวกัน อยู่หอด้วยกัน ก็เพราะอยากอยู่กับซุป แต่พออยู่ด้วยกันจริง ก็อึดอัดจนต้องพยายามปลีกตัวออกมา ใครจะทนอยู่ร่วมห้องกับคนที่ชอบได้นานๆ กันล่ะ

เคนมาถึงบ้านพักตอนเที่ยงกว่าๆ อย่างที่ซุปว่า พอมาถึง เจอหน้าอัครที่ออกมาต้อนรับ ก็ทำหน้างงๆ นิดหน่อย

“คนที่มาด้วยคือมึงเองเหรอ” เคนเดินตามหลังอัครเข้าไปในตัวบ้าน “แล้วไอ้พวกนั้นอ่ะ?”

“ไปข้างนอก” อัครยิ้มหวานตอบ หาน้ำเย็นมาเสิร์ฟให้เคนที่เพิ่งมาถึง “นั่งก่อน เดี๋ยวก็มา”

“อะไรวะ รู้ว่ากูจะมา ยังเสือกออกไปกันอีก แล้วทิ้งมึงไว้เนี่ยนะ?” เคนขมวดคิ้ว เงยหน้ามองอัครที่ยื่นแก้วน้ำมาให้ สงสัยอยู่หรอกว่าทำไมเป็นอัคร รู้สึกไม่ค่อยถูกชะตาด้วยเลย

“ก็ต้องไปซื้อของเตรียมไว้ทำคืนนี้ไง แต่ไปกันหมดก็กลัวเคนมาก่อนแล้วจะไม่เจอ เลยให้เราอยู่รอ” อัครว่าพลางนั่งลงข้างกัน แต่ห่างออกไปนิดหน่อย หยิบรีโมททีวีขึ้นมาเปิด “ดูอะไรมั้ย”

“ไม่อ่ะ มึงดูเลย” เคนว่าพลางหยิบสมาร์ทโฟนมาเล่นฆ่าเวลา

******

“เสร็จยังเนี่ย”

“เดี๋ยวสิวะ ปากกูเจ็บนะ แดกได้ก็บุญแค่ไหนแล้ว”

พรีมโอดครวญพลางเอานิ้วชี้จ่อที่มุมปากช้ำๆ ของตัวเอง เพราะอัครบอกว่าไม่ค่อยสบาย จะอยู่เฝ้าบ้านรอเคนให้ พวกเขาสองคนเลยต้องออกมาซื้อของกันเอง เพราะของสดทำกินไปเมื่อวานเกือบหมดแล้ว และอัครก็บอกว่าอยากได้น้ำหวานกับขนมเพิ่ม ไม่ชอบกินเหล้าเท่าไหร่ แต่การมาซื้อของตอนเกือบเที่ยงก็ทำให้ท้องมันร้อง เนื่องจากมื้อเช้ากินมาน้อยเกินไป สองหนุ่มเลยต้องแวะร้านอาหารแถวตลาด หาอะไรกินก่อนเดินต่อ

“น่าเอาให้เจ็บทั้งปาก จะได้แดกอะไรไม่ได้เลย” ซุปบ่นพึมพำพลางหยิบกระเป๋าสตางค์มาจ่ายเงินไว้ก่อน พอพรีมกินเสร็จจะได้ไปเลย แต่ก็นึกขึ้นได้ว่า “งั้นกูไปเดินซื้อของก่อน มึงแดกเสร็จค่อยโทรตาม”

“ไม่ๆๆ รอกูด้วยดิ มึงถือคนเดียวไม่ไหวหรอก นะ รอแป้ปเดียว” พรีมรีบคว้าแขนซุป ทำหน้าอ้อนสุดฤทธิ์ จนซุปสบถด่าคำโต แต่ก็ยอมนั่งลงตามเดิม

“เร็วๆ ด้วย”

“มึงเคี้ยวแล้วให้กูกลืนเลยมั้ยล่ะ” พรีมชักหงุดหงิด เพราะโดนเร่งยิกๆ “หมาตัวไหนแม่งต่อยกูปากแตกวะ”

“แล้วหมาตัวไหนมัน...” จะพูดเองก็ชะงักเอง พลันหน้ามันก็ร้อนพรึ่บพรั่บ “ไอ้สัส กินๆ ไป อย่าพูดมาก”

“เขินว่ะ แม่งเขิน โครตน่ารัก” พรีมว่ายิ้มๆ มองหน้าแดงๆ ของซุปแล้วอารมณ์ดีเลย

“พอเลยไอ้เหี้ย จะแดกข้าวหรือตีนกู ให้เลือก” ไม่พูดเปล่า เท้ายังสะกิดขาพรีมด้วย พรีมเบี่ยงขาหลบ แต่ยังยิ้มอยู่

“บอกแล้วไง จูบมึงแลกกับอัคร จากนี้ไป กูจะเลิกยุ่งกับอัคร แต่มึงต้องยอมให้กูจูบทุกวันด้วย”

“พ่อง ไอ้สัส” ซุปสบถด้วยเสียงเบา เพราะเกรงใจคนในร้าน “เลิกพูดเรื่องเหี้ยๆ นี่ได้มั้ยวะ”

“เรื่องเหี้ยที่ไหน แค่จูบกัน ไม่ได้จะเยมึงสักหน่อย”

“กวนส้นตีนนะไอ้เหี้ยพรีม” ซุปทุบโต๊ะดังปึงอย่างลืมตัว ก่อนจะรีบก้มหัวขอโทษป้าเจ้าของร้านที่หันมามองด้วยความตกใจ พอหันกลับมามองหน้าพรีม ก็เห็นมันยิ้มกว้างอย่างน่าหมั่นไส้ พร้อมประโยคที่ทำเอาร้อนๆ หนาวๆ

“กูจริงจังกับมึงคนเดียวเลย ถึงได้ปล่อยมาขนาดนี้ แต่ตอนนี้กูไม่ยอมแล้ว กูจะรุกจนมึงตั้งตัวไม่ติด เตรียมตัวรอได้เลย”

“รอพ่องสิ ไม่รอเว้ย ไม่อะไรทั้งนั้น” ซุปเถียงหน้าดำหน้าแดง แค่ถูกจูบแบบไม่ทันตั้งตัวครั้งเดียว ถึงกับไปไม่เป็น ตอนเป็นฝ่ายจีบคนอื่นก็ไม่เห็นจะเขินอะไรขนาดนี้ พอโดนไอ้พรีมรุกบ้าง มันชักลนๆ แปลกๆ

พรีมไม่ได้ว่าอะไรอีก แค่แค่นยิ้มพร้อมเสียงหัวเราะหึหึในคอ มองหน้าซุปไปกินไปจนหมดจาน

tbc
เอ๊ะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะ 

จริงๆ มันก็จะหลายๆ คู่หน่อยนึงนะ แต่รวบมาเล่าทีเดียว ไม่แยกตอนน่ะ งงกันมั้ยอ่ะ

ออฟไลน์ Grey Twilight

  • Moderator
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-17
อัคร เปิดใจลองมองแน็ค จบ ปล่อยอีสามตัวนี้อีรุงตุงนังกันไป แถมแต่ละคน คนนึงก็ขยันโวยวาย อีกคนก็ร้ายนิ่งๆ อีกคนก็เงียบเป็นเป่าสาก ชีวิตลำบาก ผมบอกเลย ถ้าจะมาช่วยพวกนี้แก้ปัญหาเนี่ย

ผมอ่านแล้วยังจะบ้าตาย รักไม่รู้กี่ทิศทาง เคนชอบพรีม พรีมชอบซุป ซุปชอบอัคร อัครชอบพรีม เอ๊ะยังไง 5555555

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
อัคร เปิดใจลองมองแน็ค จบ ปล่อยอีสามตัวนี้อีรุงตุงนังกันไป แถมแต่ละคน คนนึงก็ขยันโวยวาย อีกคนก็ร้ายนิ่งๆ อีกคนก็เงียบเป็นเป่าสาก ชีวิตลำบาก ผมบอกเลย ถ้าจะมาช่วยพวกนี้แก้ปัญหาเนี่ย

ผมอ่านแล้วยังจะบ้าตาย รักไม่รู้กี่ทิศทาง เคนชอบพรีม พรีมชอบซุป ซุปชอบอัคร อัครชอบพรีม เอ๊ะยังไง 5555555

คอมเม้นท์ช่างตรงใจเราที่สุดเลย เรื่องนิสัยของสามหน่อ ก็ประมาณนี้
เรื่องรักวนลูปสี่ห้าเส้าก็ตามนี้

แต่พระเอกน่ะเหรอ

ต่อคอมเม้นท์ล่าง...

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
พระเอกก็มีมาตั้งแต่ต้นเรื่องแล้วไงล่า อาจจะออกบ้างไม่ออกบ้าง เพราะตอนนี้เป็นเรื่องของคนอื่นไง
คือเราเขียนรวมๆ ทุกคู่ ไม่แยกพาร์ทแยกตอนแยกภาคใดๆ ทั้งสิ้น

มันเป็นเรื่องของหลายๆ คนที่บางทีชีวิตจริงก็ไม่มีตัวเอกหลักดำเนินเรื่องไปตลอดน่ะฮะ
มันก็ต้องมีสลับไปมาบ้าง

แต่คนที่เป็นพระเอกนั้นมันแน่นอนอยู่แล้วว่าใคร เหลือก็แค่นายเอกของนางที่ยังไม่ออกมาแค่นั้นเอ๊งงงงง

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5

14
อัครกับเคนไม่ได้คุยอะไรกันอีก อัครนั่งดูทีวีที่ไม่มีรายการอะไรน่าสนใจสำหรับเขาเลยไปเรื่อยๆ เพราะไม่มีอย่างอื่นให้ทำ เคนก็เอาแต่เล่นมือถือ พรีมกับซุปยังไม่มีวี่แววว่าจะกลับมา

“เบื่อว่ะ ออกไปเดินเล่นข้างนอกนะ” จู่ๆ เคนก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงยีนส์แล้วลุกพรวดขึ้น อัครรีบวางรีโมท หันไปมอง

“ไปไหนวะ เดี๋ยวพวกมันก็มา”

“แถวนี้แหละ กูมาบ่อยแล้ว ไม่ต้องกลัวหลงน่า” เคนว่าก่อนจะเปิดประตูออกไป อัครเลยปิดทีวีแล้ววิ่งตามออกไป พอเคนเห็นคนตัวเล็กตามหลังมาก็หันขมวดคิ้วใส่ “ตามมาไมเนี่ย”

“เบื่อเหมือนกัน ไปด้วยดิ” อัครหัวเราะแหะๆ เคนเลยไม่ได้ว่าอะไร ปล่อยให้เดินตามหลังมาเงียบๆ

เดินไปไม่ไกลก็ถึงชายหาดที่เมื่อวานพรีมพามาถ่ายรูป เสียดายที่เป็นหน้าหนาว เลยไมได้เล่นน้ำในทะเลกัน แต่อัครก็ชอบลงไปเดินให้น้ำทะเลตีขาเล่น

“เล่นน้ำกัน” อัครชวนพร้อมดึงแขนเคนให้เดินตามลงไปที่ชายฝั่ง คลื่นลมแรงพัดน้ำทะเลมาตีขาเป็นระลอก จนเปียกไปถึงชายกางเกงขาสั้นแค่เข่าที่อัครใส่อยู่ แต่เคนใส่กางเกงยีนส์ขายาว...

“ไอ้...” เพราะห้ามไม่ทัน เลยโดนลากลงทะเลไปทั้งกางเกงยีนส์ เคนถอนหายใจแรงมองหน้าอัครที่ยังยิ้มอารมณ์ดี เห็นหน้าซื่อๆ เลยด่าไม่ออก

“โอ๊ะ ลืมไปอ่ะ เคนพับขากางเกงขึ้นก่อน”

“สัส นึกช้าไปมั้ง” อดสบถไม่ได้จริงๆ แต่เปียกไปแล้ว ทำไงได้ เคนเลยเดินลุยน้ำมั้นทั้งอย่างนั้น “ช่างแม่ง เดี๋ยวค่อยเปลี่ยน”

“โทษที เราลืมสังเกต” อัครรู้สึกผิดจนหน้าหงอย หน้าตาเซื่องๆ เหมือนลูกหมาโดนดุ จนเคนต้องพยายามปั้นยิ้มบอกไม่เป็นไรจริงๆ

“ถ้าอยากว่ายน้ำ ก็ลงสระแทน ทะเลคลื่นโครตแรง” เคนมองคลื่นที่ซัดเข้าฝั่งเรื่อยๆ กระทบขาของพวกเขา มันแรงในแบบที่เกือบทำให้ล้มทั้งยืนได้เลย ขืนลงไปมีหวังจมหาย เหลือบมองคนข้างๆ แล้ว...ไม่น่ารอด

“เราว่ายน้ำเก่งนะ” อัครคลี่ยิ้มตาหยีอย่างน่ารักน่าชัง เคนเลยต้องยิ้มตามอย่างช่วยไม่ได้ เพิ่งรู้จักกันและเจอกันครั้งนี้ครั้งที่สองเท่านั้น เคนไม่ค่อยชอบอัครในตอนแรก เพราะคิดว่าพรีมสนใจ แต่ก็ดูไม่น่ามีพิษมีภัยอะไร

“งั้นกลับไปว่ายน้ำที่บ้านกัน” เคนเอ่ยชวนบ้าง ก่อนจะออกเดินนำหน้าไป มีอัครวิ่งตามมาข้างๆ ในทันที

******

พอกลับมาจากจ่ายตลาด ซุปกับพรีมก็ช่วยกันขนของลงจากรถ เอาไปใส่ตู้เย็นในบ้าน และได้ยินเสียงดังมาจากสวนด้านหลัง เลยเดินออกไปดู เห็นอัครกับเคนเล่นน้ำกันอยู่ในสระ ส่งเสียงดังสนุกสนานเหมือนเด็กๆ ทั้งคู่

“ขึ้นมาๆ เดี๋ยวจับไว้ให้ ไม่ตกหรอก” อัครร้องบอกเคนที่พยายามจะปีนขึ้นไปบนเป็ดยางสีเหลืองขนาดกลาง

“มันรับน้ำหนักกูได้แน่เหรอวะ”

“ได้ดิ เคนผอมจะตาย ไม่หนักขนาดนั้นมั้ง ฮ่าๆ ไม่ต้องกลัวๆ เราจับอยู่”

เคนค่อยๆ ปีนขึ้นไป โดยมีอัครคอยดันก้นให้ อีกมือก็ช่วยจับตัวเป็ดไว้ไม่ให้เอียงลงน้ำ จนเคนขึ้นไปนั่งขี่ได้ แต่เหมือนจะยังกลัวๆ เลยกอดคอเป็ดเสียแน่น อัครหัวเราะยกใหญ่ ดึงลากเป็ดเหลืองให้ลอยไปตามน้ำ

“เห็นป่าว เคนตัวเบากว่าเราอีกมั้ง”

“เป็ดกูโครตน่าสงสาร” พรีมที่ยืนดูอยู่โพล่งขึ้น จนอัครกับเคนที่เพิ่งรู้ตัวว่ามีคนมาแอบมองต้องหันไป

“กลับมาเมื่อไหร่เนี่ย” อัครถามพลางกอดด้านหลังของเป็ดให้อยู่นิ่งๆ ส่วนเคนยังกอดคอเป็ดและเหลือบตามองพรีมกับซุป

“สักพักแล้ว เย็นนี้ปิ้งย่างเหมือนเดิม หรืออยากกินอย่างอื่น” ซุปเป็นคนตอบพร้อมรอยยิ้มบางๆ ส่วนพรีมยื่นเท้าไปเขี่ยเป็ดที่เคนขี่อยู่ให้มันลอยออกไป จนเคนร้องโวยวายลั่น แต่อัครก็ช่วยดึงกลับมาให้

“กูยังไม่ได้กินบาร์บีคิว!” เคนที่กลับเข้ามายังขอบสระได้แล้วร้องบอก ถลึงตาใส่พรีมไปที

“โอเค เดี๋ยวเตรียมไว้ให้ มึงมาปิ้งแดกเองนะ” ซุปว่าก่อนจะนั่งยองๆ ลงข้างสระ ยื่นมือไปช่วยพรีมผลักเป็ดของเคน กลายเป็นเคนโดนเพื่อนทั้งสองรุมแกล้ง อัครเลยได้แต่หัวเราะ ไม่รู้จะช่วยยังไง

เย็นนั้น ซุปช่วยป้านงเตรียมของสดไว้ปิ้งย่าง ส่วนเด็กทั้งสามเอาแต่เล่นแล้วก็นอนกลิ้งบนพื้นพรมในห้องนั่งเล่น

“เวลามาทีไร ไอ้ซุปก็จัดการทุกอย่างอ่ะ แม่บ้านแม่เรือนสุด” พรีมว่ายิ้มๆ แววตาเป็นประกายเหมือนกำลังเพ้อ เลยโดนเคนที่เป็นคนเดียวที่ได้นอนบนโซฟาเอาเท้าถีบ

“พ่อบ้านมั้ยไอ้สัส ก็เจ้าของบ้านอย่างมึงเสือกทำห่าไรไม่เป็นไง”

“ซุปเนี่ย ดูแลเก่งเนอะ” อัครอดชื่นชมไม่ได้ จะว่าไปก็นิสัยคล้ายๆ ใครบางคนที่อัครคุ้นๆ ในหัว แต่ยังนึกไม่ออกว่าใคร

“แล้วคืนนี้มึงนอนกับอัครได้ป่ะ ตัวเล็กๆ เหมือนกัน พอเบียดกันไหวมั้ย” พรีมเหลือบมองทั้งสองคน อัครเลยหันไปมองเคน ซึ่งเป็นคนตัวสูงแต่ผอม ไม่หุ่นหนาแบบนักกีฬาอย่างซุปหรือพรีม ตอนเล่นน้ำด้วยกัน อัครยังคิดว่าเคนโครตผอม อัครตัวเตี้ยกว่า แต่รูปร่างยังดูหนากว่าเลย ถ้านอนด้วยกันบนเตียงขนาดควีนไซส์ในห้องกลางก็น่าจะพอนอนได้อยู่

“เราโอเคนะ” อัครตอบยิ้มๆ มองไปทางเคนที่ทำหน้าลำบากใจนิดหน่อย

“กูนอนกับมึงไม่ได้เหรอวะ”

“กูอยากนอนกับซุป” เจ้าของบ้านตอบทันทีแบบไม่ต้องคิด และคำว่า “อยาก” ของพรีมมันค่อนข้างทำให้เคนสะกิดใจแปลกๆ จนต้องขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้ถามอะไรออกมา

จนเวลาผ่านไป ซุปกับป้านงเตรียมของเสร็จก็เรียกทั้งสามไปช่วยขนออกไปที่สวนด้านหลังริมสระน้ำ เคนกับอัครช่วยกันปิ้งย่างหน้าเตาอย่างเพลิน ส่วนซุปเตรียมพวกเครื่องดื่ม พรีมเอาแต่นอนบนเก้าอี้ผ้าใบ รอกินอย่างเดียว

“อันนี้สุกยังวะ” เคนชี้ไปที่ปลาหมึกบนเตา อัครหันไปดูให้พลางพยักหน้า

“สุกแล้วๆ กินได้เลย”

แล้วอัครก็คีบปลาหมึกชิ้นนั้นไปใส่จานในมือของเคน ก่อนจะปิ้งชิ้นอื่นต่อ มีทั้งกุ้ง ปลาและหอยหลากชนิด

“กูเดานะ ไอ้ซุปเลือกหมดนี่แหละ กุ้งตัวใหญ่ ปลาหมึกสดขนาดนี้” เคนกระซิบคุยกับอัครสองคนอยู่หน้าเตา จริงๆ ไม่ต้องกระซิบพวกซุปก็คงไม่ได้ยิน เพราะอยู่คนละมุมกัน

อัครยิ้มๆ คีบกุ้งใส่จานของเคนต่อ “ก็ว่างั้น พรีมนี่ดูเก่งทุกอย่าง แต่เรื่องงานบ้านกับอาหารคงไม่ได้เรื่องสินะ”

“เออสิ อย่าให้มันจับเครื่องครัวนะมึง บรรลัย” เคนว่าขำๆ อัครเลยหัวเราะตาม

“นินทาไรพวกกูป่ะเนี่ย อัคร ผมขอกุ้งหน่อยครับ” ซุปเดินมายื่นจานให้อัคร เคนเงยหน้ามองตาม

“ทำไมทีกับอัครต้องพูดผม พูดครับ สองมาตรฐานว่ะ”

“เรื่องของกู” ซุปเลิกคิ้วกวนๆ ก่อนจะหันไปยิ้มให้อัครอีกที อัครคีบกุ้งที่สุกแล้วสามสี่ตัวใส่จานให้ ซุปรับไปแล้วเอาน้ำจิ้มราด วางผักลงไปแล้วเดินถือกลับไปให้คุณชายเจ้าของบ้าน

“แดกซะ” จานกุ้งหอมๆ ราดน้ำจิ้มซีฟู้ดวางลงบนตักของพรีมที่นอนเอกเขนกบนเก้าอี้ผ้าใบริมสระอย่างสบายอารมณ์ พรีมเหลือบสายตาลงมองจานกุ้ง แล้วส่งยิ้มหวาน ยื่นมือไปจับมือของซุป

“แกะให้หน่อย”

“ง่อยแดกแล้วไง?” ซุปหรี่ตามอง สะบัดมือออกแล้วเดินหนีไปนั่งอีกทาง

พรีมยังยิ้มนิดๆ รอให้ซุปนั่งลงแล้วค่อยส่งจานกุ้งไปให้ ซุปมองหน้าแล้วถอนหายใจจนไหล่ตก สุดท้ายก็ยอมแกะกุ้งให้อยู่ดี

ก็ไม่รู้ทำไมถึงต้องยอมมันขนาดนี้ ยอมทุกเรื่อง ยอมมาตั้งนานแล้ว กระทั่งเรื่องของอัคร ก็ยังไม่รู้จะห้ามมันยังไง จนปัญญาขนาดที่ต้องยอมให้มันจูบ เพื่อจะได้กันมันไม่ให้ไปยุ่งกับอัครอีก

อัครปลอดภัย แต่ตัวเขาเนี่ยสิ ที่นับวันจะไม่ปลอดภัยจากไอ้พรีมเข้าทุกที ไหนจะเรื่องของเคนอีก ถ้าเคนรู้ว่าพรีมกับเขา...เรื่องนี้มันต้องจบไม่สวยแน่นอน

“มึงว่าพวกมันมีอะไรแปลกๆ มั้ยวะอัคร” เคนก้มลงไปกระซิบกับอัคร เมื่อเห็นซุปกำลังแกะกุ้งให้พรีม ปกติซุปก็ทำให้เพื่อนๆ ทุกคนอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้มันแปลก ตรงที่พรีมอ้าปากรอให้ป้อนด้วย ทุกทีจะไม่ขนาดนี้ ต่อให้ขี้เกียจแค่ไหนก็ตาม เหมือนพรีมจะเว้นระยะกับซุปมาตลอด แล้วทำไมจู่ๆ ถึงเปลี่ยนไป?

อัครเหลือบมองไปทางสองคนที่นั่งกินอยู่ด้วยกัน พลันนึกถึงภาพเหตุการณ์ระทึกขวัญเมื่อคืน หน้าของอัครขึ้นสีนิดๆ ด้วยความเขินอาย จนเคนยิ่งสงสัย

“อะไรวะ? มึงร้อนเหรอ? หน้าแดงอ่ะ”

“ระ เราเป็นคนหน้าแดงง่ายน่ะ” อัครหัวเราะแหะๆ แล้วก้มหน้าก้มตาคีบของปิ้งย่างบนเตาใส่จานต่อ เคนเลยไม่ชวนคุยอีก ได้แต่บ่นงึมงำๆ กับตัวเองเรื่องของพรีมกับซุปไปเรื่อยเปื่อย

tbc

ไหนใครถามหาพระเอกนายเอก ถึงเวลาบอกแล้วก็ได้

อัครไง พระเอก ใครเชียร์นางเดี๋ยวได้เจอเต็มๆ รอก่อน

ออฟไลน์ Fengfang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ผิดคาดนึกว่าอัครจะเป็นนายเอก อู้ววว อัครเป็นพระเอกแล้วนายเอกใครอะ ขออย่าเป็นเคนนะ ไม่ค่อยชอบนายเอกที่เสียตัวก่อนงือๆๆ  :ling1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
บทพลิกไรขนาดเน้โว้ยยยย อุตส่าเชียร์ซุป นี่ว่าซุปต้องเสร็จนังพรีมแน่อะ ฮือ

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
555555555เป็นบทที่เดาไม่ถูกจริงๆ :katai2-1: :katai2-1: :katai3:

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ กด +1 ให้นะครับ :a9:

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
 :o8: :o8: :o8: อ่าววววววว เดาไม่ถูก

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 15 [4/9/18]
«ตอบ #54 เมื่อ04-09-2018 11:30:33 »

https://www.youtube.com/watch?v=uKqHwDfJavk

15
อัครนั่งมองทั้งสามคนดื่มเหล้ากันจนหน้าแดงแจ๋ คนที่เมามากที่สุดคงเป็นซุป ไม่รู้ว่าอยากดื่มจัดหรือเครียดอะไรถึงได้ดื่มเอาๆ ตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ เห็นแล้วก็อยากจะเข้าไปห้าม แต่พรีมคอยดูแลอยู่ อัครก็เลยแค่นั่งมองห่างๆ อย่างห่วงๆ ส่วนเคนที่ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย ดื่มอย่างสนุกสนาน พอเมาก็หัวเราะสลับกับร้องไห้เป็นระยะ ส่วนอัครไม่ได้ดื่มสักอึก เพราะเข็ดจากวันก่อนที่เมาแล้วตื่นมาปวดหัวแทบตาย

“มึงพอเหอะ แดกเป็นน้ำเลย ไปนอนไป” เสียงของพรีม ดึงอัครออกจากภวังค์ เขาเงยหน้ามองพรีมที่ยกแขนของซูปขึ้นพาดบ่าแล้วโอบเอว พยุงให้ลุกขึ้นเดินกลับเข้าไปในบ้าน มีเคนมองตามหลังไป

“ไหวมั้ยวะ ให้กูช่วยมั้ย” เคนตะโกนถาม แต่พรีมตะโกนกลับมาว่าไม่เป็นไร เคนเลยหันมาดื่มต่อ ก่อนจะสังเกตเห็นอัครที่นั่งอยู่ใกล้ๆ เลยชูแก้วมาตรงหน้า

“เอามั่งมั้ยเรา ยังไม่เห็นกินสักแอะ”

“มะ ไม่ดีกว่าครับ เคนกินเถอะ” อัครดันแก้วเหล้าคืน

“อะไรวะ อ่อนชะมัด” เคนเบะปากใส่ คว้าคออัครไปกอดไว้แล้วพูดเสียงยานคาง “เออ มึงไม่ต้องพูดสุภาพก็ได้ เพื่อนๆ กัน กูมึงได้”

“อ่า อือ ได้ๆ แต่เคนเมามากแล้ว ไปนอนมั้ย” อัครถามพลางเอนตัวออกเล็กน้อยเพราะเหม็นกลิ่นเหล้า พอสบตาฉ่ำปรือของเคนก็ใจกระตุกนิดหน่อย ตอนเจอครั้งแรกก็คิดอยู่ว่าหน้าตาน่ารัก แถมยังขี้อ้อน แต่มาเห็นระยะใกล้แบบนี้ ยิ่งน่ารัก ปากนิดจมูกหน่อย คางรั้นๆ จมูกเชิด ขนตางอนยาวเป็นแพ ริมฝีปากอมชมพูนิดๆ ไหนจะแก้มแดงก่ำเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์อีก

“เมาบ้าไร ไม่เมาเว้ย ไอ้เหี้ยพรีมไปนานฉิบหาย กูขึ้นไปดูดีกว่า”

“เดี๋ยวๆๆๆ”

ไม่รู้ทำไมอัครถึงต้องรีบร้อนคว้าเอวของเคนไว้ไม่ให้เดินเข้าไปในบ้าน เขาหน้าซีดนิดๆ เหงื่อไหลซึมไรผม เพราะพรีมเล่าเรื่องของเคนให้ฟังมาบ้างแล้ว แถมยังบอกให้ช่วยกันไว้ ไม่ให้มายุ่มย่ามตอนพรีมอยู่กับซุป ทั้งที่อัครก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้ เพราะเห็นใจเคน

เคนหันไปมองหน้าอัครที่กอดเอวไว้ไม่ยอมปล่อย “อะไรของมึงเนี่ยไอ้อัคร”

“ผะ ผม เอ้ย กูไม่อยากอยู่คนเดียวอ่ะ นั่งเป็นเพื่อนก่อนดิ นะเคน นะครับ” อัครไม่รู้จะทำยังไงเพื่อยื้อเคนไว้ เลยใช้เสียงอ้อนกับแววตาเว้าวอนเหมือนลูกหมาตัวน้อยๆ จริงๆ เคนไม่มีแรงจะหนีด้วยซ้ำ เพราะเมาจนจะยืนไม่อยู่แล้ว แค่อัครกอดไว้ก็แทบขยับไปไหนไม่ได้

“ขี้เหงาเหรอวะ” เคนพูดกลั้วหัวเราะ ทิ้งตัวลงนั่งทับบนตักของอัครแล้วกอดคอไว้ เสียงหัวเราะนั้นดังก้องอยู่ข้างหู จนอัครต้องเอียงคอหลบ “มึงแม่งตลกว่ะ ฮ่าๆ จะให้อยู่นี่ มึงต้องกินเป็นเพื่อนกูนะ”

เคนยื่นแก้วเหล้ามาจ่อที่ปากอีกครั้ง อัครกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเฝื่อนพลางสบสายตากับเคนที่กำลังยิ้มพราว ดูมีเสน่ห์เย้ายวนแปลกๆ ก่อนจะอ้าปากเล็กน้อย ให้เคนกรอกเหล้าเข้าไป

“พอก่อน...” เพราะถูกกรอกเหล้าเข้าปากมาเกือบสี่แก้วแล้ว อัครเลยต้องดันแก้วที่ห้าออก ตอนนี้เคนไม่ได้นั่งบนตักของเขา แต่กลับไปนั่งที่เก้าอี้ของตัวเอง ชงเหล้าส่งมาให้เรื่อยๆ แบบไม่ยอมให้พัก

“อะไรว้า เอาอีกดิ อีกแก้วน้า อัครคร้าบ” คนแก้มแดงก่ำเขยิบตัวมาเบียดพร้อมส่งเสียงอ้อนหวานๆ จนอัครทำหน้าไม่ถูก ตอนโดนซุปจีบหรือตอนถูกพรีมแกล้งอ่อยก็ว่าเขินแล้ว แต่เจอลูกอ้อนของเคน ทำเอาตัวแข็งไปหมด อัครมีสีหน้ากระอักกระอ่วน พยายามจะปฏิเสธอย่างนิ่มนวลที่สุด แต่เคนก็ไม่ยอมท่าเดียว เมื่ออ้อนไม่ได้ผล ก็งอนมันซะเลย

“ไม่สนุกเลย! กูขึ้นไปดูไอ้พวกนั้นดีกว่า”

“เดี๋ยว! ดื่มครับดื่ม เอามาเลย”

สุดท้ายอัครก็ต้องยอมจนได้ เคนยิ้มกริ่มอย่างผู้มีชัย บีบคางของอัครให้เงยหน้าแล้วกรอกเหล้าใส่ปาก อัครต้องเอามือคอยรั้งไว้ ไม่ให้กรอกเยอะไป เพราะจะสำลักเอาได้

“มึงนี่ก็คอแข็งใช้ได้เลย ไหนไอ้พรีมบอกว่ามึงคออ่อนไง” เคนมองตาเยิ้มอย่างคนเมามายพลางกระดกแก้วเหล้าที่ให้อัครดื่มเมื่อกี้เข้าปากบ้าง แบ่งกันดื่มคนละครึ่งแก้ว

ไม่ใช่ว่าไม่เมา อัครเองก็ชักมึนๆ กรึ่มๆ เมื่อคืนกินไปเยอะกว่านี้ ถึงได้เกือบหลับไม่ได้สติ แต่ก็ยังพอรู้สึกตัวอยู่บ้างนิดหน่อย และยิ่งมาสร่างสุดๆ ก็ตอนเห็นพรีมจูบกับซุปเนี่ยแหละ ส่วนคืนนี้ แค่เหล้าที่แบ่งกันกินกับเคน รวมๆ แล้วก็ยังไม่ถึง 5 แก้วเต็มด้วยซ้ำ เลยยังทำให้อัครเมาไม่ได้

“พรีมบอกว่ากูคออ่อนเหรอ?” อัครถามยิ้มๆ ถ้าบอกว่าเขาไม่รู้จักตัวจริงของพรีมในตอนนี้ดีพอ พรีมเองก็คงไม่รู้จักตัวเขาดีพอเช่นกัน

“อืมมม ก็มันบอกว่ามึงไม่ค่อยชอบกินเหล้า ตั้งแต่ตอนเด็กๆ แล้วนี่” เคนทำหน้านึก พรีมเคยเล่าเรื่องของอัครให้ฟังมาบ้างนิดหน่อย

อัครอมยิ้มที่พรีมยังจำเรื่องเมื่อก่อนได้ พรีมไม่เคยลืมเพื่อนคนนี้เมื่อตอนม.ต้น แค่นั้นอัครก็หัวใจพองโตแล้ว

“ถามจริงๆ นะ มึงชอบพรีมเหรอวะ”

“เอ๊ะ?” อัครหันควับไปมองหน้าเคน คนเมาหน้าแดงก่ำมีสีหน้าจริงจังระดับสิบ เหมือนเคนจะสร่างเมาแล้ว เพราะมัวแต่สนุกกับการกรอกเหล้าเข้าปากอัครมากกว่าดื่มเอง

“สายตามึงที่มองมัน...” พอเคนอ้าปากจะพูดอย่างนั้น อัครก็รีบแทรก

“ชอบแบบเพื่อนไง”

“แน่ใจ?” เคนหรี่ตามองอย่างไม่เชื่อ แต่อัครก็ยังคงยิ้มบางๆ

“อือ แค่นั้นจริงๆ”

ยิ่งพูดก็ยิ่งเจ็บจี๊ดๆ ในใจ อัครรู้ตัวว่าโกหกไม่ค่อยเก่ง แต่เขากำลังพยายามทำใจให้ชอบพรีมแบบเพื่อนให้ได้จริงๆ ไม่อยากทำลายความสัมพันธ์ในตอนนี้ที่ไปได้ดีในฐานะเพื่อนเก่า

เคนยังคงลอบมองสีหน้าของอัครอย่างไม่ค่อยไว้ใจ แต่ก็ไม่อาจค้นเจอความรู้สึกจริงๆ ในใจของอัครได้ จึงแค่ถอนหายใจแล้วดื่มเหล้าต่อ ก่อนที่ทั้งสองคนจะต้องสะดุ้งตกใจกับเสียงเอะอะโวยวายที่ดังมาจากชั้นสอง

เคนเป็นคนแรกที่วิ่งพรวดพราดเข้าไปดู อัครห้ามไม่ทัน เลยวิ่งตามไปติดๆ พอมองขึ้นไปที่ระเบียงชั้นสองของบ้าน เห็นพรีมยืนหันหลังพิงราวบันได ส่วนซุปยืนอยู่หน้าประตูห้องนอนใหญ่

“ออกไป! ไอ้เหี้ยพรีม!”

“เอะอะอะไรวะซุป?” เคนวิ่งขึ้นไปถามสีหน้างุนงง อัครเองก็ตามขึ้นไปด้วย เห็นซุปทำหน้าถมึงทึงจนตกใจ ส่วนพรีมไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ

“คืนนี้มึงมานอนกับกู” ซุปไม่ตอบคำถามหรืออธิบายใดๆ กลับคว้าข้อมือของเคนแล้วลากเข้าไปในห้อง ปิดประตูดังปัง

เมื่อทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบสงัด อัครก็เดินเข้าไปหาพรีม มุมปากของพรีมมีรอยเลือดจางๆ ทั้งที่มันยังช้ำเพราะถูกต่อยอยู่แท้ๆ

เขายื่นมือไปแตะแผลที่มุมปากนั้นเบาๆ

“ทำแผลก่อน”

“ไม่ต้อง”

พรีมปัดมือของอัครออกแล้วหันหลังเดินลงบันไดไปเงียบๆ คนเดียว แผ่นหลังที่อัครเคยรู้สึกว่ามันช่างแข็งแกร่ง ตอนนี้ดูเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด มันมีแต่ความอ้างว้างและเจ็บปวดที่แผ่ออกมาจนรู้สึกได้

อัครเดินตามพรีมลงไปที่ชั้นล่าง พรีมนั่งลงบนโซฟา เอนหลังเอาแขนก่ายหน้าผากอย่างอ่อนล้า อัครไม่ได้นั่งลงข้างๆ แต่เลือกที่จะยืนมองอยู่ห่างๆ

นานกว่าที่พรีมจะเอ่ยปาก

“มึงไปนอนเหอะ กูขออยู่ตรงนี้คนเดียว”

“ให้กูอยู่เป็นเพื่อนดีกว่า”

“ไม่จำเป็น”

คำนั้นทำเอาอัครจุกไปหมด เขายกมือขึ้นกุมหน้าอก ถ้าพูดอะไรออกไปตอนนี้เสียงคงสั่นมากแน่ๆ และเขาไม่อยากให้พรีมรับรู้ความเจ็บปวดนี้ แค่ที่พรีมเป็นอยู่ ก็ทรมานมากพอแล้ว อัครรู้ดี

เขาเลือกที่จะถอยหลัง

เพื่อคงสถานะคำว่า “เพื่อน” เอาไว้ให้นานที่สุด

ไม่ว่าพรีมจะยังต้องการเพื่อนเก่าคนนี้หรือไม่ก็ตาม

......
...
เช้าวันต่อมา พรีมบอกว่าจะกลับวันนี้ แม้เคนจะเพิ่งมาถึงได้แค่วันเดียว แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้เรียกร้องจะอยู่ต่อ เพราะบรรยากาศมันไม่ชวนให้ทำอย่างนั้น

ซุปขอกลับรถของเคน และให้อัครนั่งไปกับพรีม

อัครไม่กล้าถามว่ามีเรื่องอะไรกันเมื่อคืน ได้แต่นั่งเงียบๆ ในรถที่มีเสียงเพลงร็อคหนักๆ ดังตลอดทางจนเข้ากรุงเทพฯ บนเส้นทางที่คุ้นเคยและรถรามากมายของวันธรรมดาที่การจราจรติดขัดได้ตลอด อัครเอนตัวแนบประตูรถ เหม่อมองไปนอกหน้าต่างเรื่อยๆ จนได้ยินเสียงของพรีมเรียก จึงหันไปมอง

“แวะหน่อยมั้ย”

“หือ?” อัครหันมองข้างทางทั้งสองฝั่ง แล้วก็ถึงบางอ้อ “เอาสิ”

พรีมไม่พูดอะไรอีก แต่เลี้ยวรถเข้าไปจอดในโรงเรียนแห่งหนึ่งที่อยู่บนทางผ่านกลับบ้านของอัคร โรงเรียนที่พวกเขาเคยเรียนด้วยกันจนถึงชั้นม.ต้น

พรีมจอดรถ อัครเดินลงไปนั่งที่ข้างสนามบอล ต้นหญ้ายังคงเขียวขจี เพราะช่วงนี้เด็กประถมและมัธยมยังไม่ปิดเทอม มีเด็กๆ วิ่งเล่นในสนามบางส่วน ได้ยินเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวกับรอยยิ้มของเด็กๆ แล้วอัครก็ยิ้มตาม

พรีมทรุดตัวลงนั่งข้างๆ เขา “ไลน์บอกพวกมันแล้ว ว่าแวะโรงเรียนเก่ากับมึง”

“อืม”

“ไอ้เคนไปส่งซุปที่บ้าน มันบอกเดี๋ยวจะมาหากูอีก”

“อืม” อัครพยักหน้ารับ “เคนชอบพรีมมากเลยเนอะ”

พรีมไม่ตอบ ดวงตาเหม่อลอยไปยังเด็กๆ ที่เตะฟุตบอลกันอยู่ในสนาม

“นึกถึงสมัยก่อน กูนั่งมองมึงจากตรงนี้ตลอดเลย” อัครว่ายิ้มๆ รู้สึกถึงฝ่ามืออุ่นๆ ที่ลูบหัว แต่เขาไม่ได้หันมองกลับไป “ตอนนั้นมึงเล่นกีฬาเก่งทุกอย่างเลย ทั้งฟุตบอล บาสฯ ตะกร้อ วอลเล่ย์ฯ จนกูคิดว่า ไอ้ห่านี่แม่งจะเล่นคนเดียวเลยรึไงวะ”

พรีมหัวเราะ ขยี้ผมของอัครเบาๆ แล้วละมือออกมาท้าวคางบนโต๊ะหินอ่อน มุมปากยังมีรอยยิ้มนิดๆ

“พอตอนม.ต้น ได้อยู่ห้องเดียวกับมึง ถึงได้รู้ว่า ไอ้เหี้ยนี่แม่งไม่ได้เก่งแค่กีฬาอย่างเดียว มึงเรียนเก่ง แถมยังเล่นดนตรีได้อีก อย่างกับซูเปอร์ฮีโร่ โครตเท่”

“ชมจนกูตัวลอยแล้วเนี่ย” พรีมเอนไหล่ชนกับไหล่ของอัครแรงๆ ด้วยความเขิน

“แต่มึงกากเรื่องวาดรูป งานศิลปะมึงห่วยมาก” อัครยิ้มขำ “เพราะงั้นถึงได้ชอบมาให้กูช่วย”

“เป็นเรื่องเดียวที่ฝึกให้ตาย กูก็ยังกากอยู่ดี” พรีมพยักหน้าเออออไปด้วย แล้วรอให้อัครพูดต่อ

“กูไม่รู้นะว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงที่เราไม่ได้เจอกัน ไม่รู้ว่าทำไมมึงกับซุปถึงทะเลาะกันเมื่อคืน ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวมึงในตอนนี้เลยสักอย่าง”

อัครสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วค่อยๆ ผ่อนมันออกมาช้าๆ ส่วนพรีมยังคงท้าวคางมองไปในสนามหญ้าอย่างเงียบๆ

เรื่องเมื่อคืนนี้ คำพูดนั้นของพรีมมันทำให้อัครรู้สึกเจ็บๆ จุกๆ ในอกไม่น้อย แต่วันนี้ สิ่งเหล่านั้นค่อยๆ เลือนหายไปเพราะช่วงเวลาเก่าๆ ที่หวนนึกถึง เมื่อยามที่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้

อัครรู้ว่าพรีมกำลังต้องการอะไร...

“แต่การที่มึงพากูกลับมาที่เดิม นั่นคือมึงต้องการกำลังใจจากกู”

พรีมคลี่ยิ้ม แม้ไม่ได้สนิทกันมากมายอะไร แต่ทุกครั้งที่เครียดและมีปัญหาอะไรสักอย่าง การได้นั่งมองอัครวาดรูปอยู่ใกล้ๆ คือกำลังใจอย่างหนึ่ง

ต่างคนต่างยกแขนขึ้นโอบบ่าของอีกคน และเป็นครั้งแรกที่อัครรู้สึกกับพรีมแค่คำว่า “เพื่อน” จริงๆ

เขาหลับตาลงทั้งรอยยิ้มเมื่อได้ยินเสียงของพรีมที่ดังอยู่ข้างหู

“มึงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกู”

tbc

อัครดูแมนๆ ขึ้นนิดหน่อยมั้งนะ ฮ่าๆ
เอาจริงๆ นางก็แค่ผู้ชายขี้เขิน ต้องเจอนายเอกแร่ดๆ แรงๆ หน่อยจะได้สมกัน โฮะๆๆๆ

บวกเป็ดให้ทุกคอมเม้นท์น้าค้าบ ขอบคุณคนอ่านทุกคนด้วย

เรื่องนี้อาจจะไม่ได้ฟินสุด ดราม่าก็เยอะ แถมประหลาดอีก ชีวิตพวกมันยังมีอะไรอีกเย้ออออบอกเลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-09-2018 12:17:36 โดย ichiichi »

ออฟไลน์ Fengfang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 15 [4/9/18]
«ตอบ #55 เมื่อ04-09-2018 12:20:08 »

อยากให้อัครคู่กะซุป ไม่รู้ทำไมนะ แต่ความรู้สึกคือซุปคือคนที่ตอบจดหมายอัคร มีความพยายามหาเฟสจนเจอ คอยให้กำลังใจมาตลอด แอบปลอมเปนพรีมเพื่อจีบคนที่ตัวเองชอบ ในขณะที่พรีมคือลืมเลือนกันไปไม่ได้ทำไรเลย อย่างว่าแหละแล้วแต่คนเขียน แต่ก็เปนเรื่องที่น่าติดตาม

ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 15 [4/9/18]
«ตอบ #56 เมื่อ04-09-2018 19:04:05 »

เท่าที่อ่านผ่าน ๆ มาถึงตอนนี้ แบบรวดเดียว
บอกตรง ๆ "มึน" ดูหลากหลายคนหลายคู่
วังวนแบบวนเวียน
ยิ่งคนเขียนบอกว่า มีดราม่าด้วยแล้ว ...
คนอ่านคนนี้น่าจะรับอาการปวดหัวจากความ "เรื่องค้าง" ไม่ไหว

งั้นค่อยเจอกันตอน END เลยนะคะ :bye2:

ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
Re: unfriend...แล้วมารักกัน(มั้ย?) 15 [4/9/18]
«ตอบ #57 เมื่อ04-09-2018 22:55:58 »

หรือจะคู่เคนจริงๆอะ มันจะวนเป็นวงจนแปลกๆเลยนะ5555ถ้าเป็นพระเอกจริงๆขอนายเอกที่ไม่เกี่ยวกับสามหน่อนี้ก็พอแล้ว งื้ออออออ

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
16
จากวันนั้น จนถึงวันนี้ ผ่านมากี่ปีแล้วอัครก็ไม่ค่อยแน่ใจ

ตั้งแต่วันที่เห็นซุปทะเลาะกับพรีม และพรีมพาไปแวะนั่งคุยกันที่โรงเรียนเก่า อัครก็พยายามทำใจให้ชินกับการอกหักครั้งแรกในชีวิตของตัวเอง ซึ่งจริงๆ ก็น่าจะอกหักมาตั้งแต่แรกแล้ว โดยที่ยังไม่ทันทำอะไรเลยด้วยซ้ำ

เกิดเรื่องอะไรหลายๆ อย่างกว่าจะเป็นตัวเขาในวันนี้ได้

ตอนปี 4 อัครได้รู้ว่าพรีมคบกับซุปแล้ว เขาซึ่งทำใจรอมาเกือบสองปีเต็มเลยไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดมากเท่าที่คิด คนที่เจ็บที่สุดเห็นจะเป็นเคน รายนั้นถึงกับตัดขาดทั้งคู่ แบบที่ไม่เจอกันอีกเลยจนเรียนจบ ส่วนกับอัครก็ไม่ได้สนิทอยู่แล้ว เลยไม่เคยคุยกันอีก

อัครใช้ชีวิตเด็กหอกับแน็กอย่างปกติสุข จนวันสุดท้ายของการสอบ แน็กบอกว่าชอบเขา อัครไม่อยากให้เพื่อนเสียใจเหมือนที่ตัวเองเคยเป็น เลยตกลงลองคบกัน เพื่อนๆ ทุกคนต่างยินดี แม้ในใจของอัครจะยังไม่แน่ใจในความสัมพันธ์ครั้งนี้ก็ตาม แต่ตัวเขายังไม่มีใคร มีคนมารักก็ดีกว่าเกลียด ตอนนั้นอัครคิดเพียงแค่นั้น และแน็กเองก็นิสัยดี น่ารัก

แรกๆ ที่ต้องเปลี่ยนจากเพื่อนมาเป็นแฟนแบบกะทันหัน ต่างคนต่างก็ทำตัวไม่ถูก ทั้งที่อายุก็เลยเลข 2 มาแล้ว วันรับปริญญาแน็กรวบรวมความกล้าหอมแก้มอัครต่อหน้าเพื่อนๆ ทำเอาสาวๆ กรี้ดกร้าดกันจนหูแทบดับ และยิ่งกรี้ดหนักมากเมื่ออัครจูบหน้าผากแน็กกลับ

และพวกเขาก็เรียนจบ ทำงานมาเกือบ 4 ปีแล้ว ช่วงนี้อัครกำลังเตรียมตัวเป็นสจ๊วตของสายการบินหนึ่ง หลังจากสอบผ่านและได้เข้ารับการฝึกมา 1 ปีเต็ม ส่วนแน็กทำงานในบริษัทหนังสือนิตยสารต่างชาติ ตำแหน่งไม่ใหญ่โต แต่เงินเดือนก็สูงพอสมควร เพราะเป็นนิตยสารหัวใหญ่ชื่อดัง

“ไม่เจอกันนานมากกกก ไอ้อัครแม่งได้เป็นสจ๊วตเฉย” เชษโผเข้ากอดคอเพื่อนรักที่เมื่อก่อนตัวเล็กกว่า แต่ตอนนี้อัครสูงขึ้นผิดหูผิดตา เพราะต้องไปสอบเป็นสจ๊วต เลยฟิตร่างกาย เพิ่มทั้งกล้ามเนื้อและส่วนสูง จนตอนนี้อัครสูง 179 ซม.แล้ว พุ่งพรวดมา 10 ซม.ภายในเวลา 5 ปี

“ตอนสอบก็กังวลว่าจะไม่ผ่านเหมือนกัน” อัครว่ายิ้มๆ ยังคงถ่อมตัวและขี้อายเหมือนเคย จนเชษนึกหมั่นไส้ต้องยีผมแรงๆ ไปที พอลกับปูเป้ก็ยังคบกันอยู่ และกำลังจะมีข่าวดี วันนี้ถึงได้นัดกันมาสังสรรค์ เพื่อประกาศเรื่องแต่งงาน

“คร้าบๆ พ่อคุณ ผัวมึงนี่โครตถล่มตัวอ่ะไอ้แน็ก”

“ผัวผ่อง” แน็กถลึงตาใส่เชษ พร้อมง้างมือจะต่อย ทำให้เพื่อนๆ หัวเราะกันเฮฮา ไดซ์เองก็มาร่วมงานเลี้ยงวันนี้ด้วย เธอยังคงยินดีกับแน็กและอัครเหมือนเดิม

“ไดซ์ก็มีแฟนแล้วนี่ เห็นว่าเป็นวิศวกรที่ทำงานด้วยกันป่ะ” ปูเป้หันไปมองเพื่อนสาวที่หน้าขึ้นสีระเรื่อทันทีที่พูดถึงเรื่องแฟน ไดซ์เอามือทุบไหล่ปูเป้เบาๆ แก้เขิน

“อะไรๆๆๆ ไดซ์ได้วิศวกรเป็นแฟนเลยเหรอ รุ่นพ่อป่ะเนี่ย”

“มึงนี่ปากเสียว่ะไอ้สัสเชษ” พอลตบกะโหลกเพื่อนตัวดีเข้าให้

“บ้าเหรอเชษ” ไดซ์หัวเราะไปตอบไป หน้าก็ยังแดงไม่หาย “รุ่นเดียวกันแหละ แต่เขาทำที่นี่มาก่อนเราประมาณสี่ห้าเดือนได้”

“หล่อมั้ยๆ” เชษอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที ตอนนี้เชษโสดสนิท แต่เพื่อนๆ มีแฟนกันหมด มันเลยเหงาๆ พิกล เข้าใจความรู้สึกเพื่อนๆ ตอนที่ตัวเองมีแฟนแล้วมัวแต่อยู่กับแฟนเลยทีเดียว

“นี่รูป เขาไม่ค่อยชอบถ่ายรูปหรอก แต่เราบังคับมา ได้มาแค่เนี้ย” ไดซ์กดหน้าจอสมาร์ทโฟนสักพักก็ยื่นมาให้เพื่อนๆ ดูรอบวง แน็กได้ดูก่อนหน้าอัคร และพอเห็นหน้าแฟนของไดซ์ก็นิ่งไป

“มีอะไรเหรอ” อัครเขยิบตัวไปเบียดแล้วก้มมองหน้าจอที่แน็กถืออยู่ ก่อนจะอึ้งไปอีกคนจนเพื่อนๆ งง

“คือ แน็กไม่แน่ใจ เพราะเคยเจอครั้งเดียว อัครว่าใช่มั้ย” แน็กส่งสมาร์ทโฟนของไดซ์ยัดใส่มือของอัคร อัครเพ่งมองอีกครั้ง ก่อนจะพยักหน้า

“เราว่าใช่ว่ะ”

“แต่...”

อัครสบตากับแน็กเป็นนัยว่าอย่าเพิ่งพูดอะไร ก่อนจะยิ้มแล้วส่งสมาร์ทโฟนคืนไดซ์ ไม่มีใครถามอะไร พวกเขาเลยสังสรรค์กันสนุกสนาน จนถึงช่วงเวลาสำคัญที่พอลประกาศเรื่องงานแต่งกับปูเป้ พร้อมแจกการ์ดเชิญเพื่อนๆ ทุกคนให้ไปร่วมงานในวันเสาร์แรกของต้นเดือนหน้า

“ไดซ์จะชวนแฟนมาด้วยก็ได้นะ” ปูเป้ว่า เธอรู้สึกยินดีมากกับความรักครั้งนี้ของเพื่อนสนิท

“เขาไม่ค่อยชอบงานเลี้ยงนะ แต่จะลองชวนดู” ไดซ์ตอบยิ้มๆ เธอนึกถึงหน้าบอกบุญไม่รับของแฟนตัวดีแล้วอดขำไม่ได้ เวลาจะชวนไปเที่ยวทีไรต้องทำหน้าเหมือนจะตายให้ได้ทุกที วันๆ เอาแต่นอน

“แล้ววันนี้แฟนไดซ์จะมารับมั้ย อยากเจอตัวจริงอ่ะ”

“ก็บอกจะมานะ แต่ไดซ์ไม่อยากให้มา เพราะมันไกล เดี๋ยวพรุ่งนี้เขาก็ต้องเฝ้าเครื่องอีก” ไดซ์ทำหน้ากังวล อัครกับแน็กมองหน้ากันแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร แค่ยิ้มๆ กับเรื่องที่ทั้งสองสาวคุยกัน

“เออ ไดซ์ไปเจอกับแฟนที่บริษัทใช่มั้ย ทำงานคนละส่วน เจอกันยังไงเหรอ” อัครตัดสินใจลองถามดู คนอื่นๆ ก็ดูเหมือนจะให้ความสนใจไม่น้อย เพราะเพิ่งเคยเห็นสาวไดซ์มีความรักอย่างจริงจัง

“จริงๆ คนละที่เลยด้วยซ้ำ ฮ่าๆ” ไดซ์หัวเราะตอบ “เขาทำอยู่ระยอง เราอยู่กรุงเทพฯ แต่เวลาดิวงานกับโรงงาน ฝ่ายผลิตน่ะ เราต้องติดต่อผ่านเขาตลอด แรกๆ เขาโครตดุอ่ะ เรานี่ได้ยินแต่เสียง ก็นึกว่าอายุสัก 40-50”

ไดซ์จิบน้ำเล็กน้อยก่อนเล่าต่อ “แต่ทีนี้ เราต้องไประยองเดือนละสองครั้ง เพื่อเช็คไลน์ผลิตและศึกษางานในโรงงานด้วย เพื่อเอาไว้บอกลูกค้า ก็เลยได้เจอเขาที่โรงงานที่ระยอง ตอนนั้นคือ อึ้งมาก เพราะโครตหนุ่ม พอคุยไปคุยมา เลยรู้ว่าอายุเท่ากันอีก แล้วก็เลยขอเบอร์ขอไลน์ส่วนตัวไว้คุยกันเรื่องงานด้วย เรื่องทั่วไปด้วย...ก็คุยกันเรื่อยๆ จนเมื่อปีก่อน เราถามเขาว่า พวกเราเป็นอะไรกัน เขาก็บอกว่า...”

“โอ๊ยยย อย่าเว้นให้ลุ้นนาน” ปูเป้โพล่งออกมาอย่างลุ้นๆ เหมือนเด็กสาวแรกรุ่นที่ฟังเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เป็นครั้งแรกจนเพื่อนๆ หัวเราะ

“เขาบอกว่า “งั้นคบกับผมมั้ยครับ” แล้วเราก็เลยตกลงอ่ะ” พูดจบสาวน้อยก็หน้าระเบิดตูมไปเรียบร้อย เพราะดันไปนึกถึงเสียงนุ่มๆ หวานๆ ของแฟนหนุ่ม

อัครได้ฟังก็เงียบไปนาน เพื่อนๆ เฮฮากันต่อ ทั้งกินและดื่ม แต่อัครกลับไม่ค่อยสนุกเท่าที่ควรจนแน็กเข้ามาจับมือไปกุมไว้

“คนเรามันก็เปลี่ยนกันได้น่า อย่าคิดมากเลย”

“ถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็ดี” อัครเงยหน้ามองแน็กที่นั่งลงข้างๆ แล้วเป็นฝ่ายดึงมือของแน็กมาวางบนตัก ลูบไปมาเบาๆ คลายความกังวลใจที่จู่ๆ ก็ก่อตัวขึ้น

“พวกมึงสองคนนนน อย่ามาสวีทกันแถวนี้ เกรงใจเพื่อนที่ยังโสดด้วยครับ! ไปร้องเพลงคู่กันเลย ไอ้สัส” เชษโผล่พรวดมาแทรกกลางแล้วคว้าแขนทั้งสองคนลากไปหน้าห้องอาหารที่มีคาราโอเกะ ทำให้อัครและแน็กต้องพักเรื่องที่กำลังขบคิดไว้ก่อน

อัครนึกถึงคนสองคน ซุปกับพรีม

ไม่รู้ว่าป่านนี้เป็นยังไงกันบ้าง ครั้งสุดท้ายที่เจอพรีมคือตอนปิดเทอมก่อนเรียนจบ ตอนนั้นพรีมคบกับซุปแล้ว ท่าทางดูรักกันดี ไม่รู้เหมือนกันว่าพรีมทำยังไงให้ซุปยอมคบด้วย คงใช้ความพยายามและความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างมากเลยทีเดียว ต่างจากตัวเขาที่ไม่คิดจะยื้อ ไม่คิดจะทำอะไรเลย ตอนที่ชอบพรีมก็ไม่ทำอะไร ตอนที่ซุปมาจีบ ก็ไม่ทำอะไร

ได้แต่ปล่อยให้เวลาไหลไป จนมันหมดลง

“อ๊ะ แฟนเรามารับแล้วอ่ะ ต้องกลับแล้ว” เกือบเที่ยงคืนครึ่ง เสียงโทรศัพท์ของไดซ์ก็ดังขึ้น ก่อนที่เธอจะหันมาบอกเพื่อนๆ ที่ยังสนุกกันไม่หาย

“ว้ายๆๆ ขอไปส่งนะ อยากเห็นคุณวิศวกรสุดหล่อของไดซ์”

“น้อยๆ หน่อยครับแม่” พอลหันไปปรามแฟนสาวของตัวเอง จะแต่งงานกันอยู่แล้ว ยังจะชมคนอื่นว่าหล่ออีก

“แหม นิดหน่อยน่า ก่อนสละโสด”

“งั้นกูไปด้วย” เชษสมทบทันที สรุปว่าทั้งหมดก็เลยเดินออกไปส่งไดซ์แบบเนียนๆ เพราะกลัวแฟนของเพื่อนจะตกใจ

เกือบ 5 ปีแล้วที่ไม่ได้เจอกัน แต่คนที่อัครและแน็กคิดว่าใช่ ก็ยังคงไม่เปลี่ยนไปมากมายจากครั้งสุดท้ายที่เจอ

ไดซ์หันมาส่งยิ้มพลางโบกมือบ๊ายบายให้เพื่อนๆ ที่ยืนหลบอยู่หลังเสาร้าน มีแค่ปูเป้ที่ออกไปส่งแบบเต็มตัว ด้วยหน้าชื่นตาบาน เพราะแฟนหนุ่มของไดซ์ที่ยืนพิงรถรออยู่นั้น หล่อขั้นเทพ

“แม่ง กูอายยย ออร่าแม่งอย่างกับดารา” เชษบ่นเบาๆ

แต่อัครกับแน็กจับมือกันแน่น ทันทีที่คนคนนั้นถอดแว่นตาสีชาที่สวมอยู่ออกพร้อมกับเสยผมและยิ้มให้ไดซ์ที่วิ่งไปหา

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
17
ได้เจอคนคนนั้นอีกครั้งก็ตอนงานแต่งของพอลกับปูเป้

งานแต่งของพอลกับปูเป้จัดแบบเป็นทางการเฉพาะครอบครัวในช่วงเช้าและกลางวันไปแล้ว ส่วนช่วงค่ำเป็นงานฉลองแบบกันเองระหว่างเพื่อนๆ ของทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาว เป็นงานเลี้ยงแบบค็อกเทล จัดที่โรงแรมหรูพอประมาณ เพราะเจ้าบ่าวเพิ่งทำงานมาได้ไม่กี่ปี มีเพื่อนทั้งสมัยมัธยมและมหาวิทยาลัยมาร่วมงานกันคับคั่ง บางคนก็พาครอบครัวมาด้วย บางคนก็พาแฟนมา

และแน่นอนว่าแฟนของไดซ์ ก็ต้องมาร่วมงานนี้

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

ประโยคนั้นออกมาจากปากของเคนอย่างง่ายๆ สบายๆ จนทั้งแน็กและอัครถึงกับอึ้ง คนอื่นไม่เคยเจอและไม่รู้จักก็จับมือทักทายไป เคนชะงักนิดหน่อยตอนจับมือกับแน็ก เพราะคงจำได้ แต่เหมือนจะจำอัครไม่ได้แล้ว เพราะเปลี่ยนไปพอสมควร ทั้งรูปร่างส่วนสูง แม้หน้าตาจะยังคล้ายๆ เดิมก็ตามที

“ผม...อัครครับ” อัครเป็นคนสุดท้ายที่ยื่นมือไปจับกับมือของเคน และตอนที่แนะนำตัว เคนที่กำลังยื่นมือมาก็หยุดนิ่ง จ้องหน้าอัครแล้วหรุบตาลง ดึงมือกลับไปโดยไม่พูดอะไร คนอื่นๆ มัวแต่คุยกันไม่ได้สนใจทั้งคู่แล้ว ส่วนแน็ก ตกใจเล็กน้อยที่อัครเป็นฝ่ายคว้ามือของเคนมาจับ

“ยินดีที่ได้รู้จักนะเคน”

......
...
พอลโชว์ทักษะการเล่นเปียโนที่อุตส่าห์ลงทุนไปเรียนมาเมื่อสองปีก่อนบนเวทีงานแต่ง เพื่อบอกรักภรรยาสุดที่รักต่อหน้าเพื่อนๆ ทั้งหมด เสียงเชียร์เสียงเฮดังกระหึ่มลั่นห้องจัดเลี้ยง ทำเอาปูเป้เขินจนตัวม้วน แต่ก็ยังโดนแซวไม่เลิก จนถึงช่วงโยนช่อดอกไม้ สาวๆ ที่ยังไม่ได้แต่งงานต่างออกมายืนออรอรับ รวมทั้งไดซ์ที่ตอนแรกไม่อยากออก แต่โดนเพื่อนๆ ลากไปยืนร่วมวง

“จะโยนแล้วน้า” ปูเป้หันหลังไปบอกเพื่อนๆ เสียงสดใส ก่อนจะหันกลับไปแล้วทำท่าจะโยนอยู่หลายรอบมาก เสียงเพื่อนๆ ช่วยกันนับถอยหลัง จนช่อดอกไม้ถูกโยนลงมา เสียงกรี้ดกร้าดดังลั่น เพราะพวกสาวๆ แย่งกันรับช่อดอกไม้ และในที่สุดช่อดอกไม้ช่อนั้นก็ปลิวไปตกลงในมือของ...

“ฮ่าๆๆๆๆ” เชษเป็นคนแรกที่ระเบิดหัวเราะก๊าก เพราะคนที่รับช่อดอกไม้ไว้ได้คือ...เคน

“บ้าบอ” เคนบ่นอุบอิบพลางส่ายหน้า ก่อนจะเดินถือช่อดอกไม้ช่อนั้นไปให้ไดซ์ ยิ่งเรียกเสียงกรี้ดจากรอบข้างจนพวกอัครหูแทบแตก

“โหยยยย ไดซ์ แกได้แต่งรายต่อไปแน่นอน ฟันธง”

“พี่เคนขาโครตเท่อ่ะพวกมึง ดูดิๆ แก้มแดงด้วย”

“พี่พ่อง เขาอายุเท่ามึงมั้ยล่ะ”

หลายคนส่งเสียงกระดี๊กระด๊ากันทั้งผู้หญิงและสาวสอง คงเพราะมาดนิ่งๆ เท่ๆ ของหนุ่มวิศวกรคนเก่ง ว่าที่เจ้าบ่าวในอนาคตของไดซ์

เคนเปลี่ยนไปจากเมื่อตอนนั้นมาก แต่อัครไม่แปลกใจเลย ถ้าไม่เปลี่ยนไปเลยสิแปลก โดนเพื่อนรักสองคนทรยศหักหลังเสียขนาดนั้น อัครเสียใจเรื่องพรีมแค่ไหน เคนน่าจะยิ่งกว่านั้นอีกหลายเท่า และถ้าตอนนี้เคนจะเปลี่ยนใจมารักผู้หญิง อัครก็คงไม่รื้อฟื้นเรื่องเก่าๆ

“เจอพวกมันมั่งมั้ย”

อัครหันไปตามเสียงเรียก ทีแรกไม่แน่ใจว่าใครเรียกหรือเปล่า แต่พอหันไปเจอหน้าเคนก็ต้องเลิกคิ้วแล้วชี้หน้าตัวเองด้วยความไม่แน่ใจ

“เออ คุยกับมึงนั่นแหละ”

“ฮะฮะ” อัครยิ้มแหย “ไม่เจอกันนานนะ หล่อขึ้นจนนึกว่าจำคนผิด”

“มึงก็เหมือนกัน กูเกือบจำไม่ได้ ตัวสูงขึ้นได้ไงวะ” เคนเหลือบตามองส่วนสูงของอัครที่เปลี่ยนไปเยอะมาก เท่าที่จำได้ อัครตัวเตี้ยกว่า ตัวเล็กๆ หน้าตาแบ๊วๆ แต่นี่ทั้งสูงสง่า หน้าตาก็คมเข้มขึ้น

“อยากลองเปลี่ยนตัวเองดูมั่งน่ะ” อัครตอบยิ้มๆ เขาเริ่มคิดที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดูดีขึ้น เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และไม่อ่อนต่อโลกเหมือนตอนเด็กๆ ตั้งแต่อกหักจากพรีมครั้งนั้น จนมาตกลงคบกับแน็กก็ยิ่งอยากแสดงออกถึงความเป็นลูกผู้ชายมากขึ้น เพราะอยากปกป้องแน็ก

เคนสูดจมูกขยุกยุกยิกนิดหน่อยพลางยกแก้วไวน์ในมือขึ้นจิบ “แล้วว่าไงล่ะ ได้ติดต่อกับพวกนั้นมั่งมั้ย”

“ไม่ค่อยนะ แต่ตอนเทอมสุดท้ายก่อนเรียนจบ กูเจอพรีมกับซุปแถวบ้าน”

คำตอบของอัคร ทำให้เคนคนเดิมเหมือนจะกลับมา แต่แล้วภาพเด็กหนุ่มตาใสที่ตื่นเต้นกับอะไรง่ายๆ และมีความขี้อ้อนนิดๆ ก็หายไปจนเหลือเพียงเค้าโครงของชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีอ่อนที่ทั้งมีมาดของคนวัยทำงานและความสุขุมนุ่มลึก

“พวกมันดูสบายดีนะ ทักกันนิดหน่อย เห็นพรีมบอกว่าเรียนจบแล้วต้องไปต่อโทที่อังกฤษ ป่านนี้คงจบแล้วมั้ง”

“เหรอ” เคนหรุบสายตาลงมองมือตัวเองที่กำลังเขย่าแก้วไวน์เบาๆ อัครสังเกตเห็นแววตาเศร้าหมองนั้น

เคนคงยังไม่ลืมเรื่องของพรีม รวมทั้งเพื่อนรักเพียงคนเดียวอย่างซุป

ต่อให้เจ็บปวดและเสียใจกับการถูกหักหลัง

ความเป็นเพื่อนก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง

“กูมีเบอร์พรีมนะ”

“ไม่เป็นไร กูไม่อยากเจอมัน” เคนยื่นมือไปห้ามตอนที่อัครทำท่าจะหยิบสมาร์ทโฟนออกมาจากกระเป๋ากางเกงพร้อมกับส่ายหน้า

อัครเลยเก็บสมาร์ทโฟนลงกระเป๋าตามเดิมโดยที่สายตายังคงจับจ้องที่ใบหน้าของเคน พออยู่ต่อหน้าตรงนี้ ใบหน้าของเคนยังคงไม่ต่างจากครั้งที่อัครได้สำรวจมันใกล้ๆ ที่บ้านพักตากอากาศของพรีมในครั้งนั้น

“กับไดซ์ โอเคใช่มั้ย”

เคนขมวดคิ้วฉับ เงยหน้ามองอัครคล้ายจะไม่พอใจที่ถามแบบนั้น แต่แล้วก็ถอนหายใจเบาๆ

“ไดซ์เป็นคนดี ไม่ว่าจะเพศอะไร กูก็โอเคทั้งนั้น” เคนเหลือบสายตาไปทางไดซ์ หญิงสาวร่างเล็กที่ไม่คาดคิดเหมือนกันว่าจะชอบเธอได้ ทั้งที่เธอไม่มีอะไรที่เหมือนกับพรีมเลยสักอย่าง มันไม่ใช่ความประทับใจแรกเห็นเหมือนตอนเจอพรีม ไม่ใช่ความหลงใหลจนเกือบโงหัวไม่ขึ้น ไม่ใช่ความรักที่เร่าร้อนรุนแรงอย่างที่เคยมีต่อพรีม

เคนเคยนึกรำคาญยัยผู้หญิงที่เอาแต่โทรถามเรื่องงานไม่ว่างเว้น จนเผลอหัวเสียสบถใส่ไปหลายครั้ง ทั้งที่ยังไม่เคยเจอหน้ากันสักครั้ง รำคาญที่งานแค่นี้ก็ทำไม่ได้ ต้องคอยถามตลอดเวลา แต่พอไดซ์ผ่านโปรและเริ่มเดินงานคล่องขึ้น เคนถึงได้เห็นว่า เธอมีความมุ่งมั่นตั้งใจเต็มเปี่ยม ตอนเจอกันครั้งแรก หน้าเหวอๆ ของเธอก็ตลกมาก จนเคนอยากจะลองคุยดู และพบว่านิสัยเข้ากันได้หลายอย่าง และเคนอยากจะดูแลเธอมากกว่าการเป็นแค่เพื่อนร่วมงาน

คำตอบของเคน ทำให้อัครมีรอยยิ้มเล็กๆ พวกเขายืนคุยกันตามประสาคนเคยรู้จักอีกสักพัก จนแน็กเข้ามาหา เคนเลยทักทายอย่างเป็นกันเองเหมือนที่เคยทำ แน็กเลยยิ้มออกบ้าง เพราะตอนแรกเกร็งกับมาดใหม่ของเคนจนเกือบไปไม่เป็น

“นี่พวกมึงเป็นแฟนกันจริงๆ ดิ? กูก็ว่าละ” เคนยักคิ้วใส่แน็ก ที่เหมือนจะเขินนิดๆ จนแก้มแดงระเรื่อ อัครคนขี้เขินคนเดิมก็เช่นกัน แต่เขาเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากแล้ว อัครกระแอมเบาๆ ในคอ ก่อนจะสอดมือกุมมือของแน็ก ทำเอาคนตัวเล็กกว่ายิ่งเขินหนักจนไม่กล้ามองหน้าใครเลย

“ทำไมวะ? มึงดูออกว่าแน็กชอบกูเหรอ?” อัครถามยิ้มๆ เหลือบตาไปมองคนข้างๆ ที่ยังอายจนแก้มแดงปลั่งไปหมด

“ไม่ออกหรอก เจอแค่กี่ครั้ง กูแค่เห็นแน็กชอบมองมึงบ่อยๆ แต่ตอนนั้นก็ไม่แน่ใจหรอก แล้วก็ไม่ใช่เรื่องของกูด้วย” เคนหัวเราะพลางมองแน็กที่ตอนนี้ตัวจะระเบิดอยู่แล้ว ตอนนั้นจำได้ว่ายังรวมหัวกับไอ้ซุปแกล้งกันอยู่เลย ทีอย่างนี้ทำเจี๋ยมเจี้ยมเป็นลูกแมวน้อย เห็นแล้วหมั่นเขี้ยว ขอบีบแก้มสักนิดเถอะ

“โอ๊ยยย อัคร ไอ้เคนมันแกล้งแน็ก” แน็กโวยวายปัดมือเคนออกแล้วซุกหน้าหลบหลังแฟนตัวเอง

“เล่นอะไรกันพวกนาย”

“ฮ่าๆ แน็กมันน่าแกล้งดี” เคนหันไปหาหญิงสาวร่างเล็กที่เดินเข้ามาดึงแขนไปควง “โทษทีไม่ได้บอก พวกเราเคยเจอกันมาก่อนแล้วน่ะ”

“มิน่า เห็นยืนคุยกันท่าทางสนิทเชียว ตอนแรกทำเนียนไม่รู้จักกันนะ แบบนี้จะไว้ใจได้มั้ยเนี่ย” ไดซ์ถลึงตาขู่ใส่เคน ที่แกล้งกลัวตัวหงอนิดๆ แต่หน้านี่ยิ้มแฉ่ง

“ตอนแรกจำไม่ค่อยได้น่ะ ไม่เจอนานมากแล้ว”

“จริงๆ ไดซ์ เคยเจอกันตอนปี 2 แค่ครั้งเดียวมั้ง” ในเมื่ออัครออกปากเอง ความน่าเชื่อถือเลยเพิ่มขึ้น และไดซ์ก็พยักหน้าว่าเข้าใจแล้ว ก่อนทั้งสองคนจะขอตัวไปเจอเพื่อนๆ คนอื่นบ้าง ส่วนแน็กกับอัครก็ยังยืนจิบไวน์คุยกันมุมเดิม จนโดนเพื่อนคนอื่นมาลากตัวไปสังสรรค์ในงาน

จบงานแต่งของพอลกับปูเป้ แน็กและอัครก็ยังคงติดต่อกับเคนนานๆ ครั้ง เพราะยังไงก็เป็นแฟนของไดซ์ เคนไม่ค่อยมีเพื่อนสนิท พอไม่มีซุปก็เหมือนไม่เหลือใครเลยที่พอจะคุยปรึกษาอะไรด้วยได้ การได้เจออัครและแน็กอีกครั้ง ทำให้สองคนกลายเป็นทั้งเพื่อนและที่ปรึกษาในหลายๆ เรื่อง เวลาเคนเข้ากรุงเทพฯ ก็นัดไปเจอกันบ้าง แถมมีเชษโผล่มาด้วยอีกคน พอลก็มาด้วยบ้าง เพราะมีครอบครัวแล้ว ไม่ค่อยว่างเท่าไหร่

[เย็นนี้แน็กจะลองทำสเต็กเนื้อราดซอสเกรวี่ล่ะ] แม้ตอนแรกเริ่ม อัครจะไม่ได้รู้สึกกับแน็กมากเกินเพื่อน แต่พอลองคบไป แน็กก็น่ารักขึ้นทุกวัน ตั้งแต่เปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเองว่าแน็ก คอยทำงานบ้าน ดูแลทุกอย่างให้ อัครก็ค่อยๆ ชอบและรักแน็กมากขึ้น

ตอนที่เป็นเพื่อนกัน แน็กก็เป็นแบบนี้ เพียงแค่อัครไม่ได้สังเกตเห็นมันเท่านั้นเอง

“อยากกลับไปกินจังเลยครับ” อัครยิ้มใส่กล้อง วันนี้เขาเพิ่งได้กลับมาที่ไทย เพราะมีไฟลท์ต้องบินไปอังกฤษทั้งอาทิตย์ เขามองภาพแน็กในชุดผ้ากันเปื้อนกำลังจะเตรียมทำอาหารเย็นรอเขากลับห้อง ผ้ากันเปื้อนลายหมีน้อยพื้นสีฟ้าอ่อนที่อัครซื้อไปให้ ตอนไปทำงานที่ญี่ปุ่นคราวก่อน น่ารักน่าชังเข้ากับแน็กสุดๆ

แน็กเบนกล้องไปถ่ายเนื้อสเต๊กที่เตรียมไว้ [น่ากินมากเลยใช่ม้า รีบกลับมานะ]

“ขอประชุมแป้ปเดียว แล้วเราจะรีบกลับคอนโดทันทีเลย” อัครว่า ก่อนจะโบกมือบ๊ายบายแล้วกดปิดเครื่อง เพราะต้องเตรียมไปประชุมสรุปผลงานในครั้งนี้กับหัวหน้าทีมและลูกเรือคนอื่นๆ

อัครก้มเก็บสมาร์ทโฟนลงกระเป๋า ก่อนจะเงยหน้าขึ้นและเห็นคนคุ้นตาที่เดินสวนไป คนคนนั้นเองก็เหมือนจะสังเกตเห็นเขา เลยหยุดเดินแล้วหันกลับมาในจังหวะเดียวกัน อัครขมวดคิ้วนิดๆ ก่อนจะยิ้มออกมาพร้อมกัน

“พรีม?”

“ไอ้อัคร!”

ถึงจะไม่ได้เจอมานาน แต่พรีมก็จำเพื่อนเก่าคนนี้ได้เสมอ ต่อให้อัครจะโตขึ้นแค่ไหนก็ตาม ตอนแรกยังไม่แน่ใจหรอก แต่พออัครยิ้มก็เลยจำได้

“เรียนจบแล้วเหรอวะ” ต่างคนต่างโผเข้ากอดกันในฐานะเพื่อน ก่อนจะถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันต่อ

“เออ จบเมื่อต้นปี แต่เพิ่งได้กลับมา แล้วนี่มึง...เป็นนักบิน?” พรีมทำตาเป็นประกายมองเพื่อนตั้งแต่หัวจรดเท้า

“บ้าดิ กูเป็นสจ๊วตเว้ย ไม่ได้จบการบินสักหน่อย” อัครหัวเราะ กอดคอเพื่อนเดินไปหาที่นั่งคุยกันแถวนั้น “แล้วมึงจะมาทำงานที่ไทยหรือไงวะ?”

“ไม่อ่ะ กูแค่แวะมาเยี่ยมที่บ้าน อีกสองเดือนก็กลับแล้ว”

“ทำไมล่ะ? แล้วซุปอ่ะ?” อัครกะพริบตามองหน้าพรีม พริบตาหนึ่งที่พรีมทำหน้าเหมือนคนอมทุกข์ ก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆ แล้วบอกเล่าสิ่งที่ทำให้เขาต้องช็อค

“กูเลิกกับมันแล้วว่ะ”

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด