https://www.youtube.com/watch?v=uKqHwDfJavk15
อัครนั่งมองทั้งสามคนดื่มเหล้ากันจนหน้าแดงแจ๋ คนที่เมามากที่สุดคงเป็นซุป ไม่รู้ว่าอยากดื่มจัดหรือเครียดอะไรถึงได้ดื่มเอาๆ ตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ เห็นแล้วก็อยากจะเข้าไปห้าม แต่พรีมคอยดูแลอยู่ อัครก็เลยแค่นั่งมองห่างๆ อย่างห่วงๆ ส่วนเคนที่ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย ดื่มอย่างสนุกสนาน พอเมาก็หัวเราะสลับกับร้องไห้เป็นระยะ ส่วนอัครไม่ได้ดื่มสักอึก เพราะเข็ดจากวันก่อนที่เมาแล้วตื่นมาปวดหัวแทบตาย
“มึงพอเหอะ แดกเป็นน้ำเลย ไปนอนไป” เสียงของพรีม ดึงอัครออกจากภวังค์ เขาเงยหน้ามองพรีมที่ยกแขนของซูปขึ้นพาดบ่าแล้วโอบเอว พยุงให้ลุกขึ้นเดินกลับเข้าไปในบ้าน มีเคนมองตามหลังไป
“ไหวมั้ยวะ ให้กูช่วยมั้ย” เคนตะโกนถาม แต่พรีมตะโกนกลับมาว่าไม่เป็นไร เคนเลยหันมาดื่มต่อ ก่อนจะสังเกตเห็นอัครที่นั่งอยู่ใกล้ๆ เลยชูแก้วมาตรงหน้า
“เอามั่งมั้ยเรา ยังไม่เห็นกินสักแอะ”
“มะ ไม่ดีกว่าครับ เคนกินเถอะ” อัครดันแก้วเหล้าคืน
“อะไรวะ อ่อนชะมัด” เคนเบะปากใส่ คว้าคออัครไปกอดไว้แล้วพูดเสียงยานคาง “เออ มึงไม่ต้องพูดสุภาพก็ได้ เพื่อนๆ กัน กูมึงได้”
“อ่า อือ ได้ๆ แต่เคนเมามากแล้ว ไปนอนมั้ย” อัครถามพลางเอนตัวออกเล็กน้อยเพราะเหม็นกลิ่นเหล้า พอสบตาฉ่ำปรือของเคนก็ใจกระตุกนิดหน่อย ตอนเจอครั้งแรกก็คิดอยู่ว่าหน้าตาน่ารัก แถมยังขี้อ้อน แต่มาเห็นระยะใกล้แบบนี้ ยิ่งน่ารัก ปากนิดจมูกหน่อย คางรั้นๆ จมูกเชิด ขนตางอนยาวเป็นแพ ริมฝีปากอมชมพูนิดๆ ไหนจะแก้มแดงก่ำเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์อีก
“เมาบ้าไร ไม่เมาเว้ย ไอ้เหี้ยพรีมไปนานฉิบหาย กูขึ้นไปดูดีกว่า”
“เดี๋ยวๆๆๆ”
ไม่รู้ทำไมอัครถึงต้องรีบร้อนคว้าเอวของเคนไว้ไม่ให้เดินเข้าไปในบ้าน เขาหน้าซีดนิดๆ เหงื่อไหลซึมไรผม เพราะพรีมเล่าเรื่องของเคนให้ฟังมาบ้างแล้ว แถมยังบอกให้ช่วยกันไว้ ไม่ให้มายุ่มย่ามตอนพรีมอยู่กับซุป ทั้งที่อัครก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้ เพราะเห็นใจเคน
เคนหันไปมองหน้าอัครที่กอดเอวไว้ไม่ยอมปล่อย “อะไรของมึงเนี่ยไอ้อัคร”
“ผะ ผม เอ้ย กูไม่อยากอยู่คนเดียวอ่ะ นั่งเป็นเพื่อนก่อนดิ นะเคน นะครับ” อัครไม่รู้จะทำยังไงเพื่อยื้อเคนไว้ เลยใช้เสียงอ้อนกับแววตาเว้าวอนเหมือนลูกหมาตัวน้อยๆ จริงๆ เคนไม่มีแรงจะหนีด้วยซ้ำ เพราะเมาจนจะยืนไม่อยู่แล้ว แค่อัครกอดไว้ก็แทบขยับไปไหนไม่ได้
“ขี้เหงาเหรอวะ” เคนพูดกลั้วหัวเราะ ทิ้งตัวลงนั่งทับบนตักของอัครแล้วกอดคอไว้ เสียงหัวเราะนั้นดังก้องอยู่ข้างหู จนอัครต้องเอียงคอหลบ “มึงแม่งตลกว่ะ ฮ่าๆ จะให้อยู่นี่ มึงต้องกินเป็นเพื่อนกูนะ”
เคนยื่นแก้วเหล้ามาจ่อที่ปากอีกครั้ง อัครกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเฝื่อนพลางสบสายตากับเคนที่กำลังยิ้มพราว ดูมีเสน่ห์เย้ายวนแปลกๆ ก่อนจะอ้าปากเล็กน้อย ให้เคนกรอกเหล้าเข้าไป
“พอก่อน...” เพราะถูกกรอกเหล้าเข้าปากมาเกือบสี่แก้วแล้ว อัครเลยต้องดันแก้วที่ห้าออก ตอนนี้เคนไม่ได้นั่งบนตักของเขา แต่กลับไปนั่งที่เก้าอี้ของตัวเอง ชงเหล้าส่งมาให้เรื่อยๆ แบบไม่ยอมให้พัก
“อะไรว้า เอาอีกดิ อีกแก้วน้า อัครคร้าบ” คนแก้มแดงก่ำเขยิบตัวมาเบียดพร้อมส่งเสียงอ้อนหวานๆ จนอัครทำหน้าไม่ถูก ตอนโดนซุปจีบหรือตอนถูกพรีมแกล้งอ่อยก็ว่าเขินแล้ว แต่เจอลูกอ้อนของเคน ทำเอาตัวแข็งไปหมด อัครมีสีหน้ากระอักกระอ่วน พยายามจะปฏิเสธอย่างนิ่มนวลที่สุด แต่เคนก็ไม่ยอมท่าเดียว เมื่ออ้อนไม่ได้ผล ก็งอนมันซะเลย
“ไม่สนุกเลย! กูขึ้นไปดูไอ้พวกนั้นดีกว่า”
“เดี๋ยว! ดื่มครับดื่ม เอามาเลย”
สุดท้ายอัครก็ต้องยอมจนได้ เคนยิ้มกริ่มอย่างผู้มีชัย บีบคางของอัครให้เงยหน้าแล้วกรอกเหล้าใส่ปาก อัครต้องเอามือคอยรั้งไว้ ไม่ให้กรอกเยอะไป เพราะจะสำลักเอาได้
“มึงนี่ก็คอแข็งใช้ได้เลย ไหนไอ้พรีมบอกว่ามึงคออ่อนไง” เคนมองตาเยิ้มอย่างคนเมามายพลางกระดกแก้วเหล้าที่ให้อัครดื่มเมื่อกี้เข้าปากบ้าง แบ่งกันดื่มคนละครึ่งแก้ว
ไม่ใช่ว่าไม่เมา อัครเองก็ชักมึนๆ กรึ่มๆ เมื่อคืนกินไปเยอะกว่านี้ ถึงได้เกือบหลับไม่ได้สติ แต่ก็ยังพอรู้สึกตัวอยู่บ้างนิดหน่อย และยิ่งมาสร่างสุดๆ ก็ตอนเห็นพรีมจูบกับซุปเนี่ยแหละ ส่วนคืนนี้ แค่เหล้าที่แบ่งกันกินกับเคน รวมๆ แล้วก็ยังไม่ถึง 5 แก้วเต็มด้วยซ้ำ เลยยังทำให้อัครเมาไม่ได้
“พรีมบอกว่ากูคออ่อนเหรอ?” อัครถามยิ้มๆ ถ้าบอกว่าเขาไม่รู้จักตัวจริงของพรีมในตอนนี้ดีพอ พรีมเองก็คงไม่รู้จักตัวเขาดีพอเช่นกัน
“อืมมม ก็มันบอกว่ามึงไม่ค่อยชอบกินเหล้า ตั้งแต่ตอนเด็กๆ แล้วนี่” เคนทำหน้านึก พรีมเคยเล่าเรื่องของอัครให้ฟังมาบ้างนิดหน่อย
อัครอมยิ้มที่พรีมยังจำเรื่องเมื่อก่อนได้ พรีมไม่เคยลืมเพื่อนคนนี้เมื่อตอนม.ต้น แค่นั้นอัครก็หัวใจพองโตแล้ว
“ถามจริงๆ นะ มึงชอบพรีมเหรอวะ”
“เอ๊ะ?” อัครหันควับไปมองหน้าเคน คนเมาหน้าแดงก่ำมีสีหน้าจริงจังระดับสิบ เหมือนเคนจะสร่างเมาแล้ว เพราะมัวแต่สนุกกับการกรอกเหล้าเข้าปากอัครมากกว่าดื่มเอง
“สายตามึงที่มองมัน...” พอเคนอ้าปากจะพูดอย่างนั้น อัครก็รีบแทรก
“ชอบแบบเพื่อนไง”
“แน่ใจ?” เคนหรี่ตามองอย่างไม่เชื่อ แต่อัครก็ยังคงยิ้มบางๆ
“อือ แค่นั้นจริงๆ”
ยิ่งพูดก็ยิ่งเจ็บจี๊ดๆ ในใจ อัครรู้ตัวว่าโกหกไม่ค่อยเก่ง แต่เขากำลังพยายามทำใจให้ชอบพรีมแบบเพื่อนให้ได้จริงๆ ไม่อยากทำลายความสัมพันธ์ในตอนนี้ที่ไปได้ดีในฐานะเพื่อนเก่า
เคนยังคงลอบมองสีหน้าของอัครอย่างไม่ค่อยไว้ใจ แต่ก็ไม่อาจค้นเจอความรู้สึกจริงๆ ในใจของอัครได้ จึงแค่ถอนหายใจแล้วดื่มเหล้าต่อ ก่อนที่ทั้งสองคนจะต้องสะดุ้งตกใจกับเสียงเอะอะโวยวายที่ดังมาจากชั้นสอง
เคนเป็นคนแรกที่วิ่งพรวดพราดเข้าไปดู อัครห้ามไม่ทัน เลยวิ่งตามไปติดๆ พอมองขึ้นไปที่ระเบียงชั้นสองของบ้าน เห็นพรีมยืนหันหลังพิงราวบันได ส่วนซุปยืนอยู่หน้าประตูห้องนอนใหญ่
“ออกไป! ไอ้เหี้ยพรีม!”
“เอะอะอะไรวะซุป?” เคนวิ่งขึ้นไปถามสีหน้างุนงง อัครเองก็ตามขึ้นไปด้วย เห็นซุปทำหน้าถมึงทึงจนตกใจ ส่วนพรีมไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ
“คืนนี้มึงมานอนกับกู” ซุปไม่ตอบคำถามหรืออธิบายใดๆ กลับคว้าข้อมือของเคนแล้วลากเข้าไปในห้อง ปิดประตูดังปัง
เมื่อทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบสงัด อัครก็เดินเข้าไปหาพรีม มุมปากของพรีมมีรอยเลือดจางๆ ทั้งที่มันยังช้ำเพราะถูกต่อยอยู่แท้ๆ
เขายื่นมือไปแตะแผลที่มุมปากนั้นเบาๆ
“ทำแผลก่อน”
“ไม่ต้อง”
พรีมปัดมือของอัครออกแล้วหันหลังเดินลงบันไดไปเงียบๆ คนเดียว แผ่นหลังที่อัครเคยรู้สึกว่ามันช่างแข็งแกร่ง ตอนนี้ดูเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด มันมีแต่ความอ้างว้างและเจ็บปวดที่แผ่ออกมาจนรู้สึกได้
อัครเดินตามพรีมลงไปที่ชั้นล่าง พรีมนั่งลงบนโซฟา เอนหลังเอาแขนก่ายหน้าผากอย่างอ่อนล้า อัครไม่ได้นั่งลงข้างๆ แต่เลือกที่จะยืนมองอยู่ห่างๆ
นานกว่าที่พรีมจะเอ่ยปาก
“มึงไปนอนเหอะ กูขออยู่ตรงนี้คนเดียว”
“ให้กูอยู่เป็นเพื่อนดีกว่า”
“ไม่จำเป็น”
คำนั้นทำเอาอัครจุกไปหมด เขายกมือขึ้นกุมหน้าอก ถ้าพูดอะไรออกไปตอนนี้เสียงคงสั่นมากแน่ๆ และเขาไม่อยากให้พรีมรับรู้ความเจ็บปวดนี้ แค่ที่พรีมเป็นอยู่ ก็ทรมานมากพอแล้ว อัครรู้ดี
เขาเลือกที่จะถอยหลัง
เพื่อคงสถานะคำว่า “เพื่อน” เอาไว้ให้นานที่สุด
ไม่ว่าพรีมจะยังต้องการเพื่อนเก่าคนนี้หรือไม่ก็ตาม
......
...
เช้าวันต่อมา พรีมบอกว่าจะกลับวันนี้ แม้เคนจะเพิ่งมาถึงได้แค่วันเดียว แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้เรียกร้องจะอยู่ต่อ เพราะบรรยากาศมันไม่ชวนให้ทำอย่างนั้น
ซุปขอกลับรถของเคน และให้อัครนั่งไปกับพรีม
อัครไม่กล้าถามว่ามีเรื่องอะไรกันเมื่อคืน ได้แต่นั่งเงียบๆ ในรถที่มีเสียงเพลงร็อคหนักๆ ดังตลอดทางจนเข้ากรุงเทพฯ บนเส้นทางที่คุ้นเคยและรถรามากมายของวันธรรมดาที่การจราจรติดขัดได้ตลอด อัครเอนตัวแนบประตูรถ เหม่อมองไปนอกหน้าต่างเรื่อยๆ จนได้ยินเสียงของพรีมเรียก จึงหันไปมอง
“แวะหน่อยมั้ย”
“หือ?” อัครหันมองข้างทางทั้งสองฝั่ง แล้วก็ถึงบางอ้อ “เอาสิ”
พรีมไม่พูดอะไรอีก แต่เลี้ยวรถเข้าไปจอดในโรงเรียนแห่งหนึ่งที่อยู่บนทางผ่านกลับบ้านของอัคร โรงเรียนที่พวกเขาเคยเรียนด้วยกันจนถึงชั้นม.ต้น
พรีมจอดรถ อัครเดินลงไปนั่งที่ข้างสนามบอล ต้นหญ้ายังคงเขียวขจี เพราะช่วงนี้เด็กประถมและมัธยมยังไม่ปิดเทอม มีเด็กๆ วิ่งเล่นในสนามบางส่วน ได้ยินเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวกับรอยยิ้มของเด็กๆ แล้วอัครก็ยิ้มตาม
พรีมทรุดตัวลงนั่งข้างๆ เขา “ไลน์บอกพวกมันแล้ว ว่าแวะโรงเรียนเก่ากับมึง”
“อืม”
“ไอ้เคนไปส่งซุปที่บ้าน มันบอกเดี๋ยวจะมาหากูอีก”
“อืม” อัครพยักหน้ารับ “เคนชอบพรีมมากเลยเนอะ”
พรีมไม่ตอบ ดวงตาเหม่อลอยไปยังเด็กๆ ที่เตะฟุตบอลกันอยู่ในสนาม
“นึกถึงสมัยก่อน กูนั่งมองมึงจากตรงนี้ตลอดเลย” อัครว่ายิ้มๆ รู้สึกถึงฝ่ามืออุ่นๆ ที่ลูบหัว แต่เขาไม่ได้หันมองกลับไป “ตอนนั้นมึงเล่นกีฬาเก่งทุกอย่างเลย ทั้งฟุตบอล บาสฯ ตะกร้อ วอลเล่ย์ฯ จนกูคิดว่า ไอ้ห่านี่แม่งจะเล่นคนเดียวเลยรึไงวะ”
พรีมหัวเราะ ขยี้ผมของอัครเบาๆ แล้วละมือออกมาท้าวคางบนโต๊ะหินอ่อน มุมปากยังมีรอยยิ้มนิดๆ
“พอตอนม.ต้น ได้อยู่ห้องเดียวกับมึง ถึงได้รู้ว่า ไอ้เหี้ยนี่แม่งไม่ได้เก่งแค่กีฬาอย่างเดียว มึงเรียนเก่ง แถมยังเล่นดนตรีได้อีก อย่างกับซูเปอร์ฮีโร่ โครตเท่”
“ชมจนกูตัวลอยแล้วเนี่ย” พรีมเอนไหล่ชนกับไหล่ของอัครแรงๆ ด้วยความเขิน
“แต่มึงกากเรื่องวาดรูป งานศิลปะมึงห่วยมาก” อัครยิ้มขำ “เพราะงั้นถึงได้ชอบมาให้กูช่วย”
“เป็นเรื่องเดียวที่ฝึกให้ตาย กูก็ยังกากอยู่ดี” พรีมพยักหน้าเออออไปด้วย แล้วรอให้อัครพูดต่อ
“กูไม่รู้นะว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงที่เราไม่ได้เจอกัน ไม่รู้ว่าทำไมมึงกับซุปถึงทะเลาะกันเมื่อคืน ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวมึงในตอนนี้เลยสักอย่าง”
อัครสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วค่อยๆ ผ่อนมันออกมาช้าๆ ส่วนพรีมยังคงท้าวคางมองไปในสนามหญ้าอย่างเงียบๆ
เรื่องเมื่อคืนนี้ คำพูดนั้นของพรีมมันทำให้อัครรู้สึกเจ็บๆ จุกๆ ในอกไม่น้อย แต่วันนี้ สิ่งเหล่านั้นค่อยๆ เลือนหายไปเพราะช่วงเวลาเก่าๆ ที่หวนนึกถึง เมื่อยามที่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้
อัครรู้ว่าพรีมกำลังต้องการอะไร...
“แต่การที่มึงพากูกลับมาที่เดิม นั่นคือมึงต้องการกำลังใจจากกู”
พรีมคลี่ยิ้ม แม้ไม่ได้สนิทกันมากมายอะไร แต่ทุกครั้งที่เครียดและมีปัญหาอะไรสักอย่าง การได้นั่งมองอัครวาดรูปอยู่ใกล้ๆ คือกำลังใจอย่างหนึ่ง
ต่างคนต่างยกแขนขึ้นโอบบ่าของอีกคน และเป็นครั้งแรกที่อัครรู้สึกกับพรีมแค่คำว่า “เพื่อน” จริงๆ
เขาหลับตาลงทั้งรอยยิ้มเมื่อได้ยินเสียงของพรีมที่ดังอยู่ข้างหู
“มึงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกู”
tbc
อัครดูแมนๆ ขึ้นนิดหน่อยมั้งนะ ฮ่าๆ
เอาจริงๆ นางก็แค่ผู้ชายขี้เขิน ต้องเจอนายเอกแร่ดๆ แรงๆ หน่อยจะได้สมกัน โฮะๆๆๆ
บวกเป็ดให้ทุกคอมเม้นท์น้าค้าบ ขอบคุณคนอ่านทุกคนด้วย
เรื่องนี้อาจจะไม่ได้ฟินสุด ดราม่าก็เยอะ แถมประหลาดอีก ชีวิตพวกมันยังมีอะไรอีกเย้ออออบอกเลย